เดือน ๙ จุลศักราช ๑๒๔๖

วัน ๔ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระอุภัยพิพากษา หลวงอนุรักษภูเบศร ข้าหลวงที่ตามเสด็จกรมหมื่นพิชิตว่าเสด็จไปถึงเมืองเถิน วัน ๖ ค่ำ พระสถลบุรินทร์เจ้าเมืองท้าวเพี้ยรับรองแข็งแรงพักอยู่ ๓ วัน ไปจากเมืองเถินวัน ๖ ค่ำ เดินทางไปถึงนครลำปางวัน ๑๐ ๖ ค่ำ เป็นวันเสด็จเข้าเมือง เจ้าพรหมาพิพงศธาดา เจ้านายท้าวพระยาเมืองนครเชียงใหม่บ้าง ลำพูนบ้าง ลำปางบ้าง ทั้งหมดออกมารับเสด็จแต่นอกเมือง เจ้านายรับรองแข็งแรง กำหนดจะไปจากเมืองเชียงใหม่ วัน ๖ ค่ำ อีกฉะบับหนึ่งว่าด้วยได้รับตราพระราชสีห์สลักหลังถึงพระยาราชสัมภารากร พระอุภัยพิพากษา ๒ คน ไม่อาจฉีกเพราะไม่พร้อมกัน ได้นำทูลกรมหมื่นพิชิตรับสั่งให้ฉีกได้ความว่าให้ชำระเรื่องความป่าไม้เมืองลองให้แล้วนั้น ได้เรียกเจ้านครลำปางและมองบ๊อกคู่ความกันออกมาเฝ้ากรมหมื่นพิชิตได้ทรงไกล่เกลี่ยให้แล้วกัน

อนึ่งพระพรหมบริรักษ์ซึ่งไปราชการเมืองลำปางกลับลงมาถึงเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระเทพสงครามปลัดเมืองจันทบุรี ฉะบับ ๑ ส่งเงินแทนรงส่วย เก็บคนละ ๑ ตำลึง ๗ บาท เลกส่วยจำนวนปีระกาเบญจศก ๑ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ๒ บาท จอฉศก ๑ ชั่ง ๙ ตำลึง กุนเบญจศก ๑ ชั่ง ๒ ตำลึง ชวดอัฐศก ฉลูนพศก ขาลสัมฤทธิศก เถาะเอกศก ๔ จำนวนเงิน ๔ ชั่ง ๔ ตำลึง รวม ๗ จำนวน เงิน ๘ ชั่ง ๖ ตำลึง ส่งเข้ามา ฉะบับ ๑ บอกหลวงมนตรีนิกรโกษา พระยาสยามพลภักดีปลัดเมืองนครชัยศรีรายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์สถิตราศีเมถุนรองน้ำฝนได้น้อยกว่าปีกลายนี้ เข้าในนาลัด ใบ กอ} ต้นเข้าสูงศอกเศษน้ำท่าน้อย ฉะบับหนึ่งบอกพระยานนทบุรีรายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์สถิตราศีเมษรองน้ำน้อยกว่าปีกลาย ราศีพฤษภราศีเมถุนก็รองน้ำได้น้อยกว่าปีกลาย น้ำท่าก็น้อยกว่าปีกลาย

พระราชทานสัญญาบัตรหลวงวิสูตรโกษาเป็นหลวงพิพิธภักดี ๑ นายช่วงมหาดเล็กเป็นหลวงศรีเยาวภาค ๑ นายเทศมหาดเล็กเป็นหลวงยศรักษา ๑ กรมพระกลาโหมทั้ง ๓ คน เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จไปประทับซิตติงรูมพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงพระราชหัตถ์และหนังสือราชการจนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น พระยาภาสเฝ้าตรงพระทวารถวายกะเป๋าหนังสำหรับใส่หนังสือแล้วเสด็จขึ้น

เวลายามเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่ม กลับออกมา

วัน ๕ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย เจ้าพนักงานจัดการรับมิสเตอร์วอนเกรงกีกงสุลเยอรมันเข้าเฝ้า มีกาดออเนอรับ ๒๐๐ คน แตรวง ๑ บนพระที่นั่งมีตำรวจทหารมหาดเล็กสวมเสื้อเต็มยศคอยเฝ้าตามตำแหน่ง

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เครื่องยศทหารทรงเครื่องราชอิสสริยยศสร้อยจักรีบรมราชวงศ์ เสด็จออกประทับดรออิงรูมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้าพนักงาน กรมวัง กรมท่านำมิสเตอร์วอนเกรงกีกงสุลเยอรมัน ๑ ลุตเตอแนนต์ชินซินเลอ ริเกรตารีกงสุลคนใหม่ ๑ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กงสุลเยอรมันถวายพระราชสาสน์ สมเด็จพระเจ้าเอมเปอเรอเยอรมันตอบโทรเลขซึ่งทรงเจริญพร ในวันประสูติของพระเจ้าเอมเปอเรอ ทรงพระราชปฏิสันถารโดยควร แล้วถวายบังคมลาไป เสด็จขึ้นเปลื้องฉลองพระองค์

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วขึ้นพระแท่นออกขุนนาง พระศรีเสนาอ่านบอกหลวงไชยสงครามปลัดเมืองอ่างทอง รายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์ยกขึ้นราศีเมถุนน้ำน้อยกว่าปีมะแมเบญจศก ราษฎรทำนาเข้าไม่สู้งาม เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้า เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน ๔ ทุ่มเศษกลับออกมา

วัน ๖ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๑ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระยาพิชัยรณรงค์เมืองสระบุรีรายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์ยกขึ้นราศีเมถุน น้ำฝนน้อยกว่าปีมะแมเบญจศก น้ำท่าน้อยต้นเขาในนาไม่งาม

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระเทพสงครามปลัดเมืองจันทบุรี ว่าด้วยกำนันมาแจ้งความว่าทุ่นเหล็กและโซ่มีสมอติดมาด้วย คลื่นซัดไปติดอยู่บางกไชแขวงเมืองจันทบุรี ได้รักษาไว้และแต่งคนออกสืบแล้ว รับสั่งให้สืบเสียให้แน่ แล้วให้พระวิสูตรสาครดิษฐไปวางเสีย ฉะบับ ๑ บอกพระยาสมุหสาครานุรักษ์ เมืองสมุทรสาครส่งเงินปี้จีนปีมะแมเบญจศกครั้งนี้ ๓ ชั่ง ๑๗ ตำลึง รวมเสร็จเงินที่ส่งแล้วเป็นเงิน ๑๓๓ ชั่ง ๗ ตำลึง จีนที่ผูกปี้ในปีมะแมนี้มากกว่าปีเถาะเอกศก ๔๓๕ คน แล้วนำพระยาพิพิธพิไสยสุนทรการเมืองตราดเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายผ้าพื้นต่างสีมากแล้วนำพระแกลงแกล้วกล้าเมืองแกลงกราบถวายบังคมลาไปรักษาบ้านเมือง ทรงพระราชปฏิสันถารพระยาตราดและโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมรูปทรงเครื่องต้นพระยาตราดองค์ ๑ ทรงพระราชดำริว่าได้เสด็จไปประพาสบ้านเมืองและได้เสด็จประทับที่บ้านพระยาตราดหลายหนแล้ว

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ แล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าจนเวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองคสวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๕ ทุ่มเศษ

วัน ๗ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม เสด็จมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาพนมพินิตเมืองพนมศกฉะบับ ๑ ว่าได้แต่งคนออกสืบจับผู้ร้ายรายปล้นเมืองโตนด ได้ตัวอ้ายหลง อ้ายสัน ผู้ร้ายมาถามรับเป็นสัตย์ซัดอ้ายสาย ๆ หนีไปอยู่กับออกยามนตรีเสนาเมืองพนมเป็ญที่กพงสวาย กรมการที่ไปตามขอตัวไม่ให้ ได้แต่อีถนอมเมียอ้ายสายมาถามรับส่งของกลางมาก ได้ส่งตัวอ้ายหลง อ้ายสัน อีถนอมเข้ามา ฉะบับ ๑ บอกพระยานุภาพไตรภพเมืองนครเสียมราฐ ว่าพระยาคทาธรมีหนังสือมาให้ส่งผู้มีชื่อหลายคนไป ได้ให้เจ้าเมืองกลันทบุรีไปกำกับด่านและสืบจับผู้ร้าย ได้ตัวอ้ายจันผู้ร้ายซัดเพื่อนหลายคน ได้เอาตัวส่งให้พระยาคทาธรณเมืองมงคลบุรีแล้ว ฉะบับ ๑ บอกหลวงวิเศษภักดีผู้ช่วยเมืองศรีโสภณ ว่าด้วยแต่งกรมการออกสืบจับผู้ร้ายรายปล้นเมืองโตนดได้อ้ายเพ็ชรมาถาม รับ ได้ส่งไปให้พระยาคทาธรตามท้องตราพระราชสีห์แล้ว และว่าพระยาคทาธรมีหนังสือมาให้ส่งเมียพระสำอางเมืองศรีโสภณไป ว่าเป็นผู้รับของผู้ร้าย ได้ส่งตัวไปแล้ว

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาอภัยบริรักษ์เมืองพัทลุงว่าที่หลวงราญอริราบผู้ช่วยว่างอยู่ขอนายเนตรมหาดเล็กเป็นหลวงผู้ช่วย แต่ขอเปลี่ยนชื่อหลวงราญอริราบเป็นหลวงภัทราพิพิธ

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยานนทบุรีส่งเงินค่านาจำนวนปีมะเมีย จัตวา๑๕ศก ครั้งนี้ ๕๐ ชั่ง ยังเก็บไม่เสร็จ

รับสั่งกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ด้วยเรื่องจะทำป้อมที่แหลมฟ้าผ่าเมืองสมุทรปราการ และได้โปรดเกล้าฯ ให้สั่งปืนใหญ่ ๙๐ บอกเศษและคิดที่จะจัดทหารรักษาและให้มีกันโบต ๔ ลำรักษาด้วย แล้วเสด็จประทับออฟพิศ ครู่หนึ่งเสด็จออกไปประทับที่พระทวาร พระยาพิไชยชาญฤทธิ์ถวายลูกประคำงาพระเศวตวรวรรณที่โปรดเกล้าฯ ให้กลึง แล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าแล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลาย่ำค่ำ เสด็จขึ้น

เวลาค่ำ ๒ ทุ่มพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่มเศษ

วัน ๑ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้วทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้าก้อนในกรมหมื่นศรีสุเทพแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยารามรณรงค์เมืองกำแพงเพ็ชรว่าด้วยป่าไม้ในแขวงเมืองกำแพงเพชรแห่งหนึ่ง เดิมมองแซคอพ่อขอทำแล้วตายไป มองเซเกลูกรับทำต่อมาไม่มีสัญญา แล้วคืนให้พระยากำแพงเพ็ชร ๆ ได้ให้หลวงชำนาญสิงขรกับกะเหรี่ยงทำป่ารายนี้ต่อไป หลวงชำนาญสิงขรกับกะเหรี่ยงจะขอเสียค่าตอต้นละ ๔ รูเปีย แต่ยังไม่มีสัญญา ขอข้อพระราชบัญญัติสัญญาป่าไม้ขึ้นไปไว้เป็นแบบ และว่าไม้กระยาเลยไม้เสาหลักแพที่ราษฎรตัดฟันชักลากไว้ก็มากไม่ได้เรียกค่าตอจะขอเรียกค่าตอไม้เหล่านี้ต้นละ ๒-๓ รูเปีย ได้ทูลกรมหมื่นพิชิต ๆ ให้ออกตรวจไม้ ได้ตรวจแล้ว ในจำนวนปีวอกนี้ราษฎรได้ตัดฟันลงไว้ ๙๐๐๐ เศษ ราษฎรไม่ยอมว่าให้มีตราราชสีห์ก่อนจึงจะยอม รายหนึ่งป่าไม้คลองเขิน มองออทำมาแต่พระยากำแพงเพ็ชรคนเก่าไม่มีสัญญา เป็นแต่เสียค่าตอ ครั้งนี้จะให้ทำสัญญาไม่ยอม ขอให้มีตราพระราชสีห์ขึ้นไปก่อน รับสั่งว่าไม้กระยาเลยนั้นที่ล่วงมาแล้วอย่าให้เก็บเลย ให้เก็บแต่ที่ต่อไปเถิด แต่รายมองออนี้ต้องทำสัญญา

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาอมรินทรฦๅไชยเมืองราชบุรีบอกผู้ร้ายปล้น ๒ ราย เจ้าของจำหน้าได้ ๆ เกาะมาชำระแล้ว

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการต่างๆ แล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้ารับสั่งเรื่องความที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศแล้วกรมหมื่นศิริเฝ้าทรงเรื่องความพระอินทรเทพ กับจีนสับเยกต์อังกฤษจนเวลาย่ำค่ำ เสด็จขึ้น

วัน ๒ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาสุรินทรภักดีเมืองสุรินทร์ ส่งเงินแทนเร่วส่วยจำนวนปีมะเมียจัตวาศก เงินแทนเร่วส่วยเมืองสุรินทร์ ๕๕ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ๒ บาท เมืองขึ้น ๖ ชั่ง ๗ ตำลึง ๓ บาท กองนอก ๑๕ ชั่ง ๑๙ ตำลึง ๑ บาท คิดเป็นเร่ว ๒๖๓ หาบ ๘๕ ชั่ง ฉะบับ ๑ ถวายพระราชกุศลเผาศพพระสุรภินทนิคมานุรักษ์ เจ้าเมืองสุรภินทนิคม และว่าที่พระสุรภินทนิคมานุรักษ์ว่างอยู่ ขอหลวงภักดีนุรักษ์ผู้ช่วยเป็นพระสุรภินทนิคมานุรักษ์เจ้าเมืองสุรภินทนิคมต่อไป แล้วพระยาศรีนำหลวงภักดีนุรักษ์เฝ้าถวายขี้ผึ้งหาบหนึ่ง

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาอมรินทรฦๅไชยเมืองราชบุรีฉะบับ ๑ รายงานน้ำฝนต้นเข้าพระอาทิตย์ยกราศีเมษ พฤษภ รองน้ำฝนได้มากกว่าปีกลาย ราศีเมถุนน้ำน้อยกว่าปีกลายเข้าในนางามดี

แล้วรับสั่งกับพระยามหาอมาตย์เรื่องความในมหาดไทยครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้า แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนย่ำค่ำเสด็จขึ้น เวลาค่ำพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน

วัน ๓ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับซิตติงรูม กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเฝ้ารับสั่งด้วยการเมืองเขมรที่ฝรั่งเศสเข้าจัดการ และรับสั่งเรื่องฮ่อและเรื่องเมืองลาวต่าง ๆ แล้วรับสั่งด้วยจะจัดการทำป้อมที่แหลมฟ้าผ่าเมืองสมุทรปราการ และจะสั่งปืนและเรือกันโบตไว้สำหรับพระนคร ทรงพระราชดำริที่จะเก็บคนส่วยเมืองจันทบุรีเข้ามาเป็นทหารรักษาการณ์ที่ป้อมและเรือเหล่านี้ และเรื่องอื่นๆ รับสั่งอยู่จนเวลาบ่าย ๕ โมง ทูลลากลับไป

เสด็จไปประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระสุริยภักดี หลวงนิกรจำนงข้าหลวง พระยาพิไชยสุนทรเมืองอุทัยธานี ว่าด้วยชำระผู้ร้ายปล้นลักโคกระบือได้ตัวแล้วมาก และหลวงพิจารณาโจทก์ก็ยังระบุชื่อต่อไปอีก ยังเอามาชำระอยู่ และว่าพระยาอุทัยธานีได้จ่ายสะเบียงให้ข้าหลวงเสมอ

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกหลวงมนตรีนิกรโกษาข้าหลวง พระสยามพลภักดีปลัดเมืองนครชัยศรี ว่าจีนจ๋ายจับอ้ายเชียงผู้ร้ายมาส่งว่า เวลากลางคืนมีอ้ายผู้ร้าย ๔ คนเข้าไปตัดคอกลักกระบือจีนจ๋าย ๆ กับชาวบ้านต่อสู้อ้ายผู้ร้าย ๆ หนีไปได้บ้าง จับได้แต่อ้ายเชียงคน ๑ ครั้นรุ่งเช้าจึงเห็นศพอ้ายผู้ร้ายถูกแทงตายอยู่ริมคอกอีกคน ๑ หนีไปได้ ๒ คน แล้วพระยาพิพัฒนำพระยาวิชยาธิบดีศรีณรงคฦๅไชยผู้สำเร็จราชการเมืองจันทบุรีกราบถวายบังคมลาออกไปรักษาราชการเมือง พระราชทานเสื้อผ้า แล้วเจ้าพนักงานนำถาดหมาก คนโททอง เครื่องยศมาตั้งสำหรับพระราชทาน รับสั่งว่าเร่อร่าไปให้จัดโต๊ะทอง กาทอง พระราชทานแล้ว เสด็จขึ้น

เสด็จประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์ดิศถวายหนังสือพระวิภาคภูวดลข้าหลวงซึ่งไปเซอรเว ขอกลับลงมาว่าไข้ป่าชุกชุมนัก โปรดเกล้าฯ ให้กลับลงมา เสด็จขึ้นเวลาย่ำค่ำเศษ

เวลายามครึ่งกรมหมื่นศิริธัชพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน ทรงหนังสือราชการจนเวลา ๕ ทุ่มเศษกลับออกมา

อนึ่งเมื่อเวลาเช้าวันนี้รุ่งแล้ว ๔๔ นาฑี พระเจ้าลูกเธอประสูติเป็นพระกุมาร เป็นที่ ๓ ของเจ้าจอมมารดาพระองค์อาภากรเกียรติวงศ์

วัน ๔ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าก่อนโมง เสด็จออกประตูแถลงราชกิจ แล้วเสด็จออกประตูเทวาพิทักษ์ เสด็จประพาสสวนสราญรมย์พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี และพระนางเธอ และเจ้าจอมข้างใน จนเวลาเช้า ๓ โมง เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

เวลากลางวันและเวลาค่ำไม่มีราชการอะไร เป็นวันพระ

วัน ๕ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ และหนังสือไตรปิฎก แล้วทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพพระยาสุภาลังการ ๑ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นห้องออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาพิไชยสุนทร เมืองอุทัยธานี ว่าด้วยจัดให้พระพลสงครามคุมไพร่ไปรักษาด่านตำบล ๑ หลวงวิชิตคุมไพร่รักษาด่านตำบล ๑ หลวงอินกำนนคุมไพร่รักษาด่านตำบล ๑ รวมโปลิสซึ่งออกไปรักษาหน้าด่านปลายแดน ๓ ตำบลรักษามาครบปี ๑ แล้วไม่มีโจรผู้ร้ายอะไร ราษฎรอยู่กินเรียบร้อยดี แต่เงินค่าตอที่จะจ่ายเงินเดือนโปลิสไม่มี ด้วยไม้ในป่าไม่ตกจะโปรดเกล้าฯ ประการใด (รับสั่งให้สมเด็จกรมพระคิด)

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาอมรินทรฦๅไชยเมืองราชบุรี ส่งเงินค่านาปีมะเมียจัตวาศก ครั้งนี้เงิน ๔๐ ชั่ง รวมกับเก่า ๒ ครั้ง เป็นเงิน ๑๔๐ ชั่ง ยังไม่เสร็จ

แล้วพระราชทานโต๊ะทอง กาทอง พระยาวิชยาธิบดีศรีณรงคฦๅไชยเมืองจันทบุรี แล้วพระราชทานสัญญาบัตรหลวงภักดีภูธรเมืองตราด เป็นพระวรบาทภักดีศรีสงครามปลัดเมืองตราด ๑ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ ครู่ ๑ เสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการครู่ ๑ เสด็จขึ้น

เสด็จลงสมโภชพระเจ้าลูกเธอซึ่งประสูติ ณวัน ๓ ๙ ค่ำ แล้วเสด็จขึ้น

เวลายามเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าทรงหนังสือราชการข้างในจน ๔ ทุ่มเศษ

วัน ๖ ๑๐ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาโบราณ พระพิทักษ์กรมการกรุงเก่ารายงานน้ำฝนต้นเข้าพระอาทิตย์ยกราศีเมถุนน้ำฝนน้อยกว่าราศีเมถุนปีมะแมเบ็ญจศก น้ำท่าก็น้อย เข้ากล้ายังลงดำไม่ได้ พระยาพิสุทธิธรรมธาดาบอกมา ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งรายงานน้ำฝนต้นเข้าพระอาทิตย์ยกขึ้นขึ้นราศีเมถุน น้ำน้อยกว่าราศีเมถุนปีมะแมเบญจศก น้ำอาบโคมีมาครั้งหนึ่งน้ำท่าน้อยกว่าปีกลาย ฉะบับ ๑ ว่า พระครูรามัญสมณคุตขึ้นไปถึงได้จัดการรับรองไปอยู่วัดกระวิศราราม วัน ๘ ค่ำ ได้สวดมนต์วัน ๘ ค่ำ เลี้ยงพระแล้วขึ้นกุฎีเสร็จแล้วขอถวายพระราชกุศล

พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกพระยาภักดีนฤบดินทร จางวางพระยาอมรินทรฦๅไชยผู้สำเร็จราชการเมืองราชบุรี ว่าด้วยเมื่อปีเถาะเอกศกได้โปรดเกล้าฯ ให้ผูกปี้เงินค่าแรงค่าฎีกายังค้างหมื่นศาสนาคริสตรักษ์อยู่ ๓๑ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ๒ บาท ๑ สลึง ๑ เฟื้อง หมื่นศาสนาตาย มีตราโปรดเกล้าฯ ให้เอาบุตรภรรยามาเร่ง ๆ ได้เงิน ๑๐ ชั่ง ๒ บาท ได้ให้กรมการคุมมาส่ง เงินยังค้างอีก ๒๑ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ๒ บาท ๑ สลึง ๑ เฟื้อง ถ้าเร่งได้อีกจึงจะส่งเข้ามา ฉะบับ ๑ ว่าพระภักดีดินแดนปลัดถึงแก่กรรมเผาศพเสร็จแล้ว ได้ให้กรมการคุมตราตติยจุลจอมเกล้าและโต๊ะทองเครื่องยศพระภักดีดินแดนเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ขอพระพรหมภักดียกกระบัตร น้องพระยาภักดีนฤบดินทรเป็นพระภักดีดินแดนปลัด ๑ หลวงบรรเทาทุกขราษฎร์เป็นพระพรหมภักดียกกระบัตร ๑ พระนรินทร์นำพระพรหมภักดียกกระบัตร หลวงบรรเทาทุกขราษฎร์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

รับสั่งกับพระยาเจริญเรื่องความพระอินทรเทพว่าด้วยจีนเอียเชียงเป็นสับเยกต์ไทยรับจ้างต่อพระอินทรเทพเงินค้างกัน จีนเอียเชียงเป็นลูกหนี้จีนตันชุนเสียงสับเยกต์อังกฤษเท่านั้นไม่ควรความเรื่องนี้จะให้จีนตันซุ่นเสียงเข้าว่าแทนได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระอินทรเทพ ถ้าจะร้องฟ้องด้วยยืมเงินก็ควรจะฟ้องจีนเอียเชียง ๆ จะฟ้องพระอินทรเทพก็ได้ให้เป็นไทยต่อไทยจึงจะถูก ถ้าต่อไปอย่าให้เป็นอย่างนี้อีก แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์ครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลา ๔ ทุ่มเศษกลับออกมา

วัน ๗ ๑๑ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีสิงหเทพ อ่านบอกพระสรรคบุรารักษ์เมืองสรรคบุรี รายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์ยกราศีพฤษภ ฝนตกน้อยกว่าราศีพฤษภปีมะแมเบญจศก เข้าในนาบริบูรณดี ฉะบับ ๑ บอกหลวงสัจพรรณคิรีกรมกรมการพระพุทธบาทส่งเงินค่านาปีมะแมเบญจศกครั้งนี้ ๖๐ ชั่ง ยังไม่เสร็จ

พระนรินทร์อ่านบอก พระยากาญจนดิษฐบดีเมืองกาญจนดิษฐว่า เงินภาษีผลประโยชน์ในเมืองทวีขึ้น ในปีวอกนี้ขอประมูลถวายใหม่ ๑๘ ชั่ง เดิม ๗๒ ชั่ง รวม ๙๐ ชั่ง ครั้งนี้ได้ให้กรมการคุมเงิน ๓๐ ชั่ง เข้ามาส่งครั้งหนึ่งก่อน

รับสั่งกับพระยามหาอมาตย์เรื่องราชการเมืองหลวงพระบางน้อยหนึ่ง เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม เจ้าพระยามหินทรเฝ้ารับสั่งเรื่องจะจัดเลกส่วยเป็นทหาร แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ จนเวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเสด็จออกทรงเครื่องใหญ่ที่พระที่นั่งบรมราชสถิตมโหฬารห้องเขียว กรมหมื่นศิริธัชพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในเวลานั้นด้วย

วัน ๑ ๑๒ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยาราชวงศานุรักษ์ ๒ ฉะบับ ฉะบับหนึ่งว่าอำแดงนุ่มภรรยานายอาดผู้ตายฟ้องว่า นายอาดผัวออกไปเฝ้าสวนมีผู้รายฟันนายอาด จำหน้าได้ร้องบอกกล่าวว่านายจุ้ยฟัน นายอาดทนบาดเจ็บไม่ได้ ตายในคืนวันนั้น ได้ตัวนายจุ้ยมาถามไม่รับ สืบพะยานสมส่งตัวนายจุ้ยและคำหาคำให้การเข้ามา ฉะบับ ๑ จีนจุยหลงจู๊ภาษีฝิ่นมาทำคำอายัตฟ้องว่าให้จีนตงกับจีนมีชื่อไปเที่ยวตรวจยาฝิ่น นายเมืองบังอาจเข้าฟันจีนตง จีนตงตายในคืนวันนั้น ขอให้ชำระ กรมการจะเอาตัวนายเมืองกับภรรยาหลบหนีไป สืบจับยังไม่ได้ ฉะบับ ๑ บอกพระยานนทบุรีว่าด้วยมีผู้รายขึ้นปล้นเรือนอำแดงรอด กรมการไปเที่ยวสืบจับยังไม่ได้ข่าว

รับสั่งให้พระอินทรเดช ออกไปเปลี่ยนหลวงทรงสุรเดช หลวงไกรกรีธาข้าหลวงซึ่งออกไปชำระผู้ร้าย ณเมืองเพ็ชรบุรี ด้วยพระเพ็ชรบุรีกล่าวโทษและขอให้เปลี่ยนข้าหลวง เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

เสด็จประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ แล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าถวายแผนที่เมืองไลเมืองแถงซึ่งสมัครเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และขอขึ้นแก่เมืองนครหลวงพระบาง รับสั่งอยู่จนเวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน จน ๔ ทุ่มเศษกลับออกมา

วัน ๒ ๑๓ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาวิเศษฦๅไชยเมืองฉะเชิงเทรา ว่าด้วยมีตราโปรดเกล้าฯ ให้ไปรับช้าง พลาย ๑ พัง ๒ } ของพระยาจ่าแสน ซึ่งฝากพระยาพนมศกไว้นั้นได้แต่งกรมการไปรับ พระยาพนมศกว่าช้าง ๓ ช้างนั้นล้มเสียแล้ว แต่พระยาจ่าแสนยังมีชีวิตอยู่ ฉะบับ ๑ บอกพระยาพนมพินิตเมืองพนมศกว่า มีตราพระราชสีห์ออกไปถึงว่าช้าง พลาย ๑ พัง ๒ } ของพระยาจ่าแสนฝากไว้บัดนี้ฟักทองภรรยาพระยาจ่าแสนถวายให้มอบให้พระยาวิเศษฦๅไชยนั้น ช้าง ๓ ช้างนี้ล้มเสียแต่พระยาจ่าแสนยังไม่ตาย ได้ให้ผู้ช่วยเอางาขนายและใบหูหางมาให้พระยาจ่าแสนแล้ว ฉะบับ ๑ บอกพระไชยราชรักษาปลัดเมืองสุพรรณบุรีรายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์ยกขึ้นราศีเมถุน รองน้ำได้ ๑๙ นิ้ว ๘ ทสางค์ มากกว่าปีกลาย ๓ นิ้ว ๘ ทสางค์ น้ำท่าน้อยกว่าปีกลาย ราษฎรทำนาบ้างแล้ว

พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกพระยาอมรินทรฦๅไชยเมืองราชบุรี ว่าอำแดงคล้ำมาตราสินว่ามีอ้ายผู้ร้ายประมาณ ๒๐ คน ขึ้นปล้นเรือนอำแดงคล้ำเอาทรัพย์ไปได้ รายหนึ่งมีอ้ายผู้ร้ายย่องเบายิงนายโตเจ้าของเรือนตาย ความทั้งสองเรื่องนี้ยังสืบสวนอยู่

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกหลวงมนตรีนิกรโกษาข้าหลวงพระสยามพลภักดีปลัดเมืองนครชัยศรี ว่าได้เอาตัวอ้ายเลียงผู้ร้ายลักกระบือจีนจ๋ายออกถามรับเป็นสัตย์ซัดอ้ายจีนยัง อ้ายเดช อ้ายแพว่ามาด้วยกัน แต่อ้ายแพนั้นชาวบ้านแทงตายที่คอกกระบือจีนจ๋าย ได้สืบจับได้ตัวอ้ายจีนยัง อ้ายเดชมาถามรับเป็นสัตย์ ส่งตัวอ้ายผู้ร้าย ๓ คนเข้ามา

ประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ ครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สายเฝ้าครู่หนึ่ง พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการแล้ว กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าทรงเรื่องนายห้างฟ้องกล่าวโทษกรมหมื่นราชศกดิ์ว่าเป็นหนี้ เวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลาทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่มเศษ

วัน ๓ ๑๔ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลากลางวันไม่ได้เสด็จออกขุนนาง เพราะไม่ทรงสบาย เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลา ๕ ทุ่มกลับออกมา

วัน ๔ ๑๕ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้วันพระไม่ได้เสด็จออกขุนนาง เวลาบ่ายจัดการที่พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ และโรงหล่อตั้งที่หลังพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ริมโรงปืน ด้วยเวลาพรุ่งนี้จะได้หล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา เวลาเย็นโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายไปจุดเทียน พระสงฆ์ ๕ รูปเจริญพระพุทธมนต์ที่พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ตามเคย

วัน ๕ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๓ โมงเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งอาภรณภิโมกข์ ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีลแล้ว เสด็จลงไปประทับโรงหล่อหลังพระที่นั่งอาภรณภิโมกข์ พอได้พระฤกษ์ เช้า ๓ โมง ๕๔ นาฑี ทรงเทเงินหล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา ขณะนั้นพระสงฆ์ถวายชัยมงคล เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์พิณพาทย์พร้อมกัน แล้วเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งอาภรณภิโมกข์ ทรงประเคนพระสงฆ ๕ รูปรับพระราชทานฉัน แล้วทรงประเคนไทยธรรมบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาแล้วเสด็จขึ้น เป็นเสร็จการหล่อพระพุทธรูปพระชันษา

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูมเสด็จประทับห้องออกขุนนางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงปิดทองพระพุทธรูปและหนังสือพระไตรปิฎก แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาอุตรการโกศลผู้รักษาเมืองพิชัย บอกส่งต้นหนังสือท้าวพระยาเมืองน่านบอกราชการมายงเมืองพิชัย ๒ ฉะบับลงมา ในหนังสือของเมืองน่านแปลได้ความว่า หนังสือพระยาหลวงจ่าแสนราชาไชย พระยาหลวงอมาตย ท้าวพระยาเหนือสนามเมืองน่านถึงพระพิไชยชุมพล มหาดเมืองพิไชย เมื่อเดือน ๗ นายน้อยสาม นางแสงคนเมืองเชียงตุงพาบุตรภรรยา ๕ คนหนีมาอยู่เมืองน่าน ให้การว่าเมื่อจะหนีมานั้นได้ไปหาพระยาแปดเมืองเชียงตุงลาว่าจะมาไหว้พระบาทเมืองเชียงแสน พระยาแปดจะเอาเงินค่าไปทัพเมืองอังวะคนละ ๖๐ แถบ ได้เสียแล้วจึงมาได้ยินท้าวพระยาพูดกันว่าเจ้าอังวะตาย ตะแคงวุนแมงดีขุนนางผู้ใหญ่รักษาเมืองอยู่ เจ้าเมืองนายเมืองลอกจอกเมืองจิตร เมืองหนอง เมืองงอย มาอยู่เมืองเชียงตุง ๆ เกณฑ์ไพร่พลไปรบกับพะม่า ๆ เมืองอังวะมีหนังสือมาถึงเมืองเชียงตุงให้ส่ง เมืองเชียงตุงไม่ส่งว่าถ้าสู้ไม่ได้ก็จะมาพึ่งเมืองใต้ และว่าราชวงศ์เมืองเถินซึ่งไปรักษาเมืองเชียงแสนบอกมาว่า สืบได้ว่าอินทวงศ์ปัญญายินยอมพะม่า ๕๐ คน ยกมาอยู่เมืองตูมแล้วว่าจะมาเมืองเชียง ตุง แสน } เมืองฝาง ก็ได้แต่งคนไปสืบที่เมืองตวนเมืองห่าง ได้ความอย่างเดียว แต่ข่าวต่อไปว่าจะเอากำลังเติมมาอีก ๓๐๐๐ คน จะมาตีเชียงตุง ราชวงศ์เมืองเถิงก็ได้แต่งคนไปสืบที่เมืองเลน ได้ความว่าเมือง ๑๒ ปันนาเมืองแรมก็สามิภักดิ์เมืองเชียงตุงแล้ว ฉะบับหนึ่งว่า เจ้าอนันตวรฤทธิเดชแต่งให้หนานวงศ์เมืองเชียงของไปสืบการเมืองโคหัวโป่งได้ความว่าพวกเมืองสาดเผาบ้านเรือนมูเซอพวกพระยาคิริย ๆ แพ้หนีไปอยู่เมืองตูม และได้ความว่าเจ้าเมือง นาย หนอง ลอกจอก จิตร } แพ้พะม่าหนีมาเมืองเชียงตุง ๆ เกณฑ์กำลังไพร่พลเติมขึ้นทุกวัน เจ้าอนันตวรฤทธิ์ได้แต่งคนไปสืบแล้วได้ความประการใดจะบอกมา

พระนรินทร์นำพระอินทรเดช หลวงภูเบนทรสิงหนาท ถวายบังคมลาไปชำระความเมืองเพ็ชรบุรี เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๖ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระและทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพพระครูพิเชต ๑ แล้วกรมหมื่นเทวะวงษ์เฝ้าทูลด้วยอาการมิสเตอร์อาลบาสเตอป่วยเป็นโรคลมอัมพาตอย่างแรงที่สุด ป่วยแต่เวลา ๑๐ ทุ่มรุ่งเช้าขึ้นก็ไม่มีสติ พูดไม่ได้ ไหวกายไม่ได้ด้วย หมอกาวัน หมอดอยเซอรได้รักษาแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกหลวงปลัดเมืองสรรคบุรี รายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์ยกขึ้นราศีเมถุนรองน้ำได้ ๒ นิ้ว ๒ ทสางค์ เทียบน้ำปีมะแม่น้ำปีนี้น้อยกว่า ๑ นิ้ว ๒ ทสางค์ น้ำท่าน้อย ราษฎรทำนาแล้วส่วน ๑ ยังอีก ๓ ส่วน

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระยาชลบุรานุรักษ์เมืองชลบุรี ฉะบับ ๑ ว่าจีนอั้วฟ้องว่าเวลาค่ำจีนไขว้ไปตลาดกลับมา มีอ้ายผู้ร้ายฟันจีนไขว้ ๆ จำหน้าได้ว่าจีนอั้นกับนายชื่นและพวกพากันกลุ้มรุมฟันได้ร้องบอกกล่าว และจีนไขว้กลับมาถึงบ้านขาดใจตาย ได้หาตัวจีนอั้นมาถามไม่รับ แต่นายชื่นหลบหนีไป จับได้แต่มารดาส่งตัวความกับถ้อยคำเข้ามา

เสด็จขึ้นประทับตรัสกับกรมหมื่นเทวะวงษ์ที่ออฟฟิศประเดี๋ยวหนึ่ง เสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สายเฝ้ารับสั่งด้วยอาการมิสเตอร์อาลบาสเตอ พระองค์สายทูลว่าเห็นจะไม่หาย ถ้าหมอไทยลองรักษาดูเห็นจะดี ทรงพระกรุณาโปรดให้เอาหมอไทยลองรักษา กรมหมื่นเทวะวงษ์เฝ้ารับสั่งเรื่องอาลบาสเตอจะตาย ไม่มีใครรับราชการแทน ให้คิดหาคนรับราชการ ตกลงเป็นมีโทรเลขถึงกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ราชทูตสยามณประเทศยุโรปให้หาคนเข้ามารับราชการแทน เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จขึ้น

เวลาประมาณ ๒ ทุ่ม มิสเตอร์อาลบาสเตอถึงแก่กรรม โปรดเกล้าให้จัดการศพพระราชทานยศยิ่งกว่าเช่นเคยพระราชทานกงสุลต่างประเทศ ให้จัดการเท่ากับพระยาที่ได้รับพระราชทานพานทอง ด้วยได้รับราชการมีความชอบความดีมามากช้านานแล้ว และรับราชการมาหลายปีด้วย

เวลายามเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน จนเวลา ๕ ทุ่มกลับออกมา

วัน ๗ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาวันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง เพราะเพิ่งตื่นพระบรรทม

เวลาค่ำทุ่มเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลา ๔ ทุ่มกลับออกมา

อนึ่งวันนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายในไปรเวตสิเกรตารีออฟฟิศไปช่วยการฝังศพมิสเตอร์อาลบาสเตอ ในการฝังศพนั้นพระราชทานเรือกันยารับศพลำ ๑ วอแห่ศพขึ้นบกหลัง ๑ กลองมะลายู ๒ สำรับ เงิน ๒๐๐ เฟื้อง ดอกไม้ไฟต่างๆ คืน ๑ มีทหารกรมแสงไปแห่ศพด้วย และการที่พระราชทานยศต่างๆ นี้ก็เพราะมิสเตอร์อาลบาสเตอได้สวามิภักดิ์ต่อใต้ฝ่าอะอองธุลีพระบาท รับราชการฉลองพระเดชพระคุณมาช้านาน มีความดีความชอบเป็นอันมาก จึงได้พระราชทานยศโดยสมควร

วัน ๑ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระและทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพพระศรีรัศฎานุกูลกิจแล้วเสด็จขึ้นพระแท่น

พระยาศรีอ่านบอกหลวงไชยสงครามปลัดเมืองอ่างทอง ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่าด้วยนายอ่ำนายไท่กับพวกเสพสุราเมาแทงนายโนรีตาย มีโจทก์ฟ้อง ได้เอาตัวนายอ่ำนายไท่มาถามไม่รับ สืบพะยานได้หลายปาก จึงส่งตัวโจทก์จำเลยถ้อยคำสำนวนลงมา ฉะบับ ๑ ว่าขุนวังฟ้องนายอ่ำบุตรอำแดงอิ่มว่าตีอีขลิบทาสขุนวังตาย ได้ตัวมาถามไม่รับ สืบพะยานได้ ๑๒ ปาก ส่งตัวโจทก์จำเลยคำหาคำให้การลงมา

แล้วนำพระศรีสิทธิสงครามผู้ช่วยเมืองนครราชสีมา กราบถวายบังคมลาไปรักษาราชการบ้านเมือง

พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกหลวงทรงสุรเดชข้าหลวง ว่าด้วยไปถึงเมืองประจวบคีรีขันธ์วางตราแล้ว พระพิไชยชลสินธุได้ช่วยจับผู้ร้ายมามอบให้แล้วแต่ยังไม่ได้ชำระ ถ้าชำระได้ความประการใดจะบอกเข้ามา

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ หมอกาวันเฝ้ารับสั่งเรื่องมิสเตอร์อาลบาสเตอถึงแก่กรรม แล้วเสด็จกลับมาประทับซิตติงรูม พระยาภาสเฝ้าทูลเรื่องจับเครื่องดินระเบิดซึ่งจีนบรรทุกเข้ามาได้ แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการและเรื่องความต่างๆ จนเวลาย่ำค่ำ เสด็จขึ้น

เวลาค่ำประมาณยามเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่มเศษ

วัน ๒ ๙ ค่ำ ปีวอก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกหลวงยกกระบัตรผู้ว่าที่พระอร่ามรณวิชิตปลัดผู้รักษาเมืองนครนายก รายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์ยกขึ้นอยู่ราศีเมถุนสิ้นราศี รองน้ำได้ ๑๑ นิ้ว ๓ ทสางค์ น้อยกว่าน้ำฝนราศีเมถุนปีมะแม ๑๒ นิ้ว ๓ ทสางค์ น้ำท่าน้อย ราษฎรได้ทำนาบ้างแล้ว ฉะบับ ๑ บอกพระพิทักษ์เทพธานีรายงานน้ำฝนกึ่งราศีกรกฎ รองน้ำได้ ๑๓๖ เซ็น น้อยกว่ากึ่งราศีปีมะแม ๖๖ เซ็น น้ำอาบโคหลากมาครั้ง ๑ แล้วหายไป

พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกพระยาอนุรักษโยธา หลวงนราธิกรฤทธิ์ข้าหลวง เรื่องความจีนตันมาบุ๋นนั้นได้สืบพะยานแล้วสมทั้งฝ่ายโจทก์ฝ่ายจำเลย แต่การทำแผนที่เมืองนั้นมีผู้กล่าวโทษว่าจีนตันมาบุ๋นนำทำแผนที่เกินเข้าไปที่องเขา ต้องชำระสอบสวนกันจึงค้างช้าอยู่ และสืบได้ความว่าจีนตันมาบุ๋นเข้ามาอยู่เมืองภูเก็ต และรับสัญญาบัตรเป็นที่หลวงสุนทรภักดีสมบัติ ก่อนที่ได้เป็นโปรเตกชันสับเยกต์อังกฤษ จะโปรดเกล้าฯ ประการใด

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งรับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าแล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นภูธเรศเฝ้ารับสั่งเรื่องความกรมหมื่นราชศักดิ์กับสับเยกต์เยอรมัน แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ แล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้ารับสั่งเรื่องความต่างๆ จนเวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระองคสวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในทรงหนังสือราชการจน ๔ ทุ่มเศษ

วัน ๓ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้เริ่มการตั้งพระราชพิธีพรุณสาตร พิธีสรงตั้งที่ท้องสนามหลวง พิธีพราหมณ์ตั้งที่ทุ่งส้มป่อย เจ้าพนักงานเชิญพระคันธารราฐ แห่แต่วัดพระศรีรัตนศาสดารามออกไปท้องสนามหลวง และแห่เทวรูปออกไปณโรงพิธีทุ่งส้มป่อย

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระพุทธรูปแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระยาเทพาธิบดีเมืองพิจิตร ส่งเงินค่านาปีมะเมียจัตวาศก เงิน ๓๗ ชั่ง ๕ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง เป็นเสร็จสิ้นจำนวน

พระยาพิพัฒโกษานำพระวรบาทภักดีปลัดเมืองตราดกราบถวายบังคมลากลับไปรักษาราชการบ้านเมือง

แล้วพระราชทานสัญญาบัตรหลวงสิทธิ์นายเวรเป็นเจ้าหมื่นเสมอใจราช หัวหมื่นมหาดเล็กเวรสิทธิ์ ๑ นายเกิดเป็นขุนพิเทศพิไสยพนักงานปรับความ ๑ พระมงคลรัตนเป็นพระยาสุนทรบุรีศรีพิไชยสงคราม ผู้สำเร็จราชการเมืองนครชัยศรี ๑ พระพรหมภักดียกกระบัตรเป็นพระภักดีดินแดนปลัดเมืองราชบุรี ๑ หลวงบันเทาทุกขราษฎร์เป็นพระพรหมภักดียกกระบัตรเมืองราชบุรี ๑ เสด็จประทับอยู่ครู่ ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ

พอบ่าย ๕ โมงเสด็จพระราชดำเนินทรงพระราชยานที่หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท แล้วเสด็จไปประทับพลับพลาทองสนามหลวงเสด็จประทับตรัสกับกรมพระปวเรศครู่หนึ่ง เสด็จทรงประเคน จีวร สะบง กราบพระ ย่ามแพรสีน้ำเงินแก่พระราชาคณะ ๔ พระพิธีธรรม ๒๐ พระสงฆ์ออกไปครองผ้า

อนึ่งที่หน้าพลับพลานั้น ขุดสระกว้าง ๔ ศอก ลึกศอก ๑ มีรูปพระสุภูต พระอินทร์ จตุโลกบาล ๔ พระยานาค ๘ พระยาปลาช่อนและบริวาร ๙ มณฑก ๒ มีราชวัตรฉัตรกระดาษล้อมสระและล้อมกำแพงแล้วด้วย ที่ปากสระมีศาลเพียงตาวางบายศรีศีร์ษะสุกรบัตรพลีบูชาพระอินทร์ ๑ จตุโลกบาล ๔ ศาล มีโหรบูชาทั้ง ๕ ศาล ราชบัณฑิตยนั่งชักประคำปากสระด้วย

พระสงฆ์ครองผ้าแล้วทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีล แล้วทรงถวายเทียนชะนวนกรมพระปวเรศทรงจุดเทียนชัย พระสงฆ์สวดคาถาจุดเทียนชัย เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์พิณพาทยฆ้องชัย ครั้นแล้วราชบัณฑิตยอ่านประกาศพระราชพิธีพรุณสาตรจบ พระสงฆ์สวดสัตตปริตรและสวดคาถาพระราชพิธีพรุณสาตรตามกำลังวัน เมื่อพระสงฆ์สวดมนต์นั้น เสด็จขึ้นไปประทับเกยบนหอพระคันธารราฐณท้องสนามหลวง ทรงนมัสการพระคันธารราฐและพระสุภูต ซึ่งตั้งอยู่บนเกยและทรงอธิษฐานตามโบราณราชประเพณี เพื่อจะให้วัสสวลาหกตกต้องตามฤดูกาล แล้วเสด็จกลับมาประทับตรัสกับสมเด็จกรมพระบนพลับพลา ครั้นพระสงฆ์สวดมนต์จบแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวังเวลา ๒ ทุ่มเศษ

เสด็จประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง กรมหมื่นเทวะวงศ์ พระองคสวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระยาวิเศษฦๅไชยเมืองฉะเชิงเทราว่า ได้รับท้องตราพระราชสีห์ให้ชำระความรายนายร้อยจองตาสับเยกต์อังกฤษนั้น ยังแต่งกรมการออกไปตามตัวคนต้องหาณเมืองพนมสารคามอยู่ ถ้าได้ตัวมาจึงจะชำระ

พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกหลวงนราธิกรฤทธิ์ข้าหลวงเมืองตะวันตก ๒ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าได้รับหนังสือบัญชาถึงพระอนุรักษ์ ให้บังคับให้หลวงนราเร่งเงินภาษีอากรเมืองตะวันตกลงบรรทุกเรือรบนั้นได้มีหนังสือเร่งไปแล้ว เจ้าเมืองมีหนังสือตอบมาว่า เมืองพงงาจะส่ง ๑๐๘๐๐ ๐ เมืองตะกั่วป่า ๕๒๘๐๐ ๐ เมืองคีรีรัฐนิคม ๑๒๐๐ ๐ เมืองภูเก็ต ๔๘๐๐๐ ๐ เมืองกระบี่ เมืองตะกั่วทุ่งจะส่งตามงวดค้างปีมะแมเบญจศกให้เสร็จ อีกฉะบับ ๑ ว่า ได้บอกเข้ามาคราวก่อนว่าได้แต่งขุนหมื่นไปช่วยพระยาสุรพลพิพิธไปตามจับอ้ายหนูผมยาว หัวหน้าผู้ร้ายเมืองสตูลซึ่งหนีไปอยู่แขวงเมืองปะเหลียนเมืองพัทลุงนั้น กลับมาถึงนำหนังสือพระยาสุรพลพิพิธมีมาว่า พระยาสตูลและพระอินทรวไชยบอกมาว่าไม่รู้แน่ว่าอ้ายหนูผมยาวจะหนีไปอยู่ที่ใด ไม่ได้ข่าวยังติดตามสืบสวนอยู่ ครั้นจะให้ขุนหมื่นสองคนรอคอยก็จะป่วยการจึงได้กลับมาเสียก่อน ถ้าได้สืบทราบความแน่จึงจะบอกมาครั้งหลัง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์ครู่หนึ่ง เสด็จวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงนมัสการพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต และทรงอธิษฐานเพื่อวัสสวลาหกจะได้ตกต้องตามฤดู ด้วยเป็นธรรมเนียมมาแต่โบราณ ถ้าตั้งพระราชพิธีพรุณสาตรต้องเสด็จนมัสการพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกตด้วย และต้องโยงสายสิญจน์แต่ณพระที่พระราชพิธีมาถึงพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกตด้วย เมื่อวานนี้ทรงลืมเสียจึงไม่ได้เสด็จ แล้วเสด็จไปประทับพลับพลาท้องสนามหลวง ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีล แล้วราชบัณฑิตยอ่านประกาศจบแล้วพระสงฆ์สวดสัตตปริตรและคาถาพิธีพรุณสาตรตามกำลังวัน เมื่อพระสงฆ์สวดมนต์นั้นเสด็จหอพระคันธารราฐเหมือนวานนี้แล้ว พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ จนพระสงฆ์สวดมนต์จบเวลา ๒ ทุ่มเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

อนึ่งเมื่อเวลาเช้าวันนี้ พระราชาคณะ ๔ พระพิธีธรรม ๒๐ รับพระราชทานฉันด้วย และในการพระราชพิธีนี้พระพิธีธรรม ๒๐ รูปต้องผลัดกันสวดสุภูตสูตรบนเตียงคราวละ ๕ รูป มีพระราชาคณะนั่งปรก ๑ ไปกว่าจะเลิกการพระราชพิธีทั้งกลางวันกลางคืนตั้งแต่จุดเทียนชั้ยแล้วมา

วัน ๕ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าพระราชาคณะพระพิธีธรรม ๒๔ รับพระราชทานฉัน เวลาเพล พระราชา ๑ พระพิธีธรรม ๕ ฉันด้วยต้องสวดท้องภาณ

เวลากลางวันไม่ได้เสด็จออก เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกทางพระทวารท้องพระโรงกลาง แล้วเสด็จทรงพระราชยานเสด็จวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต และทรงอธิษฐานโดยโบราณราชประเพณี และเสด็จออกท้องสนามหลวง ประทับพลับพลา ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีล ราชบัณฑิตยอ่านคำประกาศและโหรบูชาฤกษ์อย่างเช่นเวลาวานนี้ แล้วพระสงฆ์สวดสัตตปริตรและคาถาพิธีพรุณสาตรตามกำลังวัน เสด็จหอพระคันธาราฐออกประทับเกยทรงนมัสการอธิษฐานแล้วเสด็จกลับลงมาประทับพลับพลา กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าทรงเรื่องความสับเยกต์ แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ แล้วสมเด็จกรมพระเฝ้ารับสั่งเรื่องความแขกสับเยกต์อังกฤษซึ่งค้างอยู่ศาลมหาดไทย เวลายามครึ่งเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วัน ๖ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาปาย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทอง พระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระยาชลบุรานุรักษ์เมืองชลบุรี รายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์ยกขึ้นราศีเมถุนฝนตกรองน้ำได้ ๒ นิ้ว ๘ ทสางค์ น้อยกว่าราศีเมถุนปีมะแม ๓ นิ้ว ๔ ทสางค์ ราศีกรกฎฝนตกรองน้ำได้ ๘ ทสางค์น้อยกว่าปีมะแม ๖ นิ้ว ๒ ทสางค์

แล้วพระราชทานสัญญาบัตรหลวงภักดีนุรักษ์ ผู้ช่วยเมืองสุรินทร์เป็นพระสุรภินทนิคมานุรักษ์เมืองสุรภินทนิคม

แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จลงทรงพระราชยาน เสด็จไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการอธิษฐานอย่างเช่นเวลาวานนี้แล้วเสด็จออกท้องสนาม เสด็จประทับพลับพลา ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีล ราชบัณฑิตยอ่านประกาศพระราชพิธีพรุณสาตรจบ โหรบูชาฤกษ์ตามเคย เสด็จพระราชดำเนินหอพระคันธารราฐทรงนมัสการอธิษฐานเพื่อให้วัสสวลาหกตกตามฤดูกาลโดยขัตติยประเพณีสืบมา พระสงฆ์สวดสัตตปริตรและคาถาพิธีพรุณสาตรตามกำลังวัน แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วัน ๗ ๑๐ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาย่ำค่ำเสด็จออกทางพระทวารกลาง ทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงนมัสการพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต และทรงพระอธิษฐานตามโบราณราชประเพณีแล้วเสด็จออกท้องสนามหลวง เสด็จประทับพลับพลาทรงจุดเทียนนมัสการ ทรงศีล ราชบัณฑิตยอ่านประกาศโหรบูชาฤกษ์ตามเคย พระสงฆ์สวดสัตตปริตรและคาถาพรุณสาตร เสด็จไปประทับหอพระคันธารราฐ ทรงนมัสการอธิษฐานตามโบราณขัตติยวิธี แล้วเสด็จกลับมาประทับพลับพลากรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้า แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ แล้วสมเด็จกรมพระเฝ้าจนพระสวดมนต์จบ เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วัน ๑ ๑๑ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระโบราณบุรานุรักษ์ พระพิทักษเทพธานี รายงานน้ำฝนต้นเข้าพระอาทิตย์อยู่ราศีกรกฎสิ้นราศี ฝนตกรองน้ำได้ราศีนี้ ๒๖๓ เซ็นมากกว่าปีมะแมเบญจศก ๑๗ เซ็น น้ำอาบโคหลากมาแล้ว แต่น้ำทะเลยังขึ้นถึงอยู่ ราษฎรทำนาแล้ว ๔ ส่วน ยังส่วน ๑ ต้นเข้าสูง คืบ ๑ บ้างคืบเศษบ้าง

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระสยามพลภักดีปลัดเมืองนครชัยศรี ส่งเงินค่านาปีมะแมเบ็ญจศก ๕๐ ชั่ง ยังไม่เสร็จ แล้วพระยาพิพัฒนำพระยาสุนทรบุรีศรีพิไชยสงครามเจ้าเมืองนครชัยศรีกราบถวายบังคมลาออกไปรักษาราชการบ้านเมือง พระราชทานเสื้อผ้าถาดหมากคนโททองสำรับ ๑ เป็นเครื่องยศ

พระนรินทร์นำพระยารัตนโกษานายถมลุตเตอแนนต์ กราบถวายบังคมลาออกไปชำระความขุนศรีสมบัติกล่าวโทษพระยาภูเก็ต ว่าด้วยเงินภาษีอากรและว่าพระยาภูเก็ตไปขออำนาจเมืองสิงคโปร์มาชำระความ แล้วนำพระพลสงครามจางวางด่าน ๑ หลวงพิทักษคิรีมาศยกกระบัตร ๑ หลวงอนุชิตภักดีผู้ช่วย ๑ กรมการเมืองกาญจนบุรีทั้ง ๓ คน กราบถวายบังคมลาออกไปรักษาราชการบ้านเมือง พระราชทานเสื้อผ้าถาดหมากคนโทเงินพระพลและยกกระบัตร พระราชทานเสื้อผ้าผู้ช่วยเป็นเครื่องยศ

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ กัปตันลอฟตัสซึ่งไปเซอรเวทะเลฝั่งตะวันออกกลับมานำแผนที่เข้ามาถวายทอดพระเนตรแล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นประจักษ์เฝ้าทูลเรื่องทหารล้อมวังจะสักขึ้นใหม่สัสดีไม่รับหางว่าวไว้ ขอให้รับไว้พอเป็นพะยาน พระองค์ดิศเฝ้าทูลเรื่องมิสเตอร์ลุยซ์โลโนเวน ซึ่งจะยกมาอยู่กรมเซอรเวนั้นเดิมได้รับเงินเดือน ๒๗๐ บาท มีคนใช้คนตักน้ำกวาดเรือนต่างหาก คนในกรมเซอรเวนี้ไม่มีใครเคยได้จะยกเสียทั้งคนใช้คนกวาดเรือน แต่ขอขึ้นเงินเดือนให้ ๒๐๐ เหรียญ พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

อนึ่งเมื่อเวลาเช้าพระสงฆ์ ๒๔ รูป รับพระราชทานฉันที่พลับพลาท้องสนาม แล้วพระคุณาจาริยวัตรดับเทียนชัยสิ้นพระราชพิธีพรุณสาตร เจ้าพนักงานเชิญพระคันธารราฐแห่มีเครื่องสูงกลองชะนะคู่แห่กลับเข้ามาไว้ณหอวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และแห่เทวรูปแต่ทุ่งส้มป่อยเข้ามาณเทวสถาน

วัน ๒ ๑๒ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง วันนี้ไม่มีบอกและไม่มีราชการอะไร เสด็จประทับครู่หนึ่งเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ หมอกาวันเฝ้าครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นภูธเรศเฝ้าถวายแผนที่วังพระเจ้าลูกเธอ แล้วรับสั่งเรื่องความและอื่นๆ แล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้ารับสั่งเรื่องความงะเล็กสับเยกต์อังกฤษค้างอยู่ที่มหาดไทย แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ จนเวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วัน ๓ ๑๓ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระพุทธรูปและพระธรรม แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระยาวิเศษฦๅไชย เมืองฉะเชิงเทรา ฉะบับ ๑ ว่าบาดหลวงเทโพมาทำคำอายัติฟ้องว่านายจำเริญกับเพื่อนมาลักกระบือของลูกศิษย์ไป ขอให้เรียกนายจำเริญมาชำระ ภายหลังทำเรื่องราวมายื่นว่าเมื่อเดือนเจ็ดปีมะเมีย นายจำเริญกับพวกมาลักกระบือของบาดหลวงๆ จับตัวได้ หลวงนามาขอเสียเงินค่ากระบือคืนให้ และรับปฏิญญาว่าจะไม่ประพฤติต่อไป ภายหลังกลับพูดจาหยาบช้าต่อบาดหลวงว่าจะคิดฆ่าบาดหลวง ขอให้เรียกมาชำระ เห็นว่าความก็แล้วกันถึงสามปีแล้ว คนที่ต้องหาก็อยู่ในเขตต์เมืองฉะเชิงเทราบ้าง เมืองพนัศนิคมบ้าง จะโปรดเกล้าฯ ให้เกาะตัวมาว่าหรืออย่างไร โปรดให้ตอบพระยาวิเศษว่าให้ยกความเสีย แต่ให้เรียกทานบนนายจำเริญไว้

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับหน้าออฟฟิศ พระยาพิไชยชาญฤทธิ์เฝ้าถวายประคำงาช้างงาพระเศวตวรวรรณ แล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการแล้ว กรมหมื่นเทวะวงศ์พระองค์สาย เฝ้าเวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

อนึ่งเวลาเช้าวันนี้เจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฏฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระอัฏฐิกรมสมเด็จพระอมรินทร์ไปพระที่นั่งพุทธนิเวศ เชิญพระบรมอัฏฐิสถิตบนบุษบกทองคำ เชิญพระอัฏฐิสถิตบนโต๊ะจีน โปรดให้พระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงปฏิบัติพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน ๑๕ รูป สดับปกรณ์ ๑๐๐ ด้วยวันนี้เป็นวันดิถีที่เสด็จสวรรคตแห่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น เวลาค่ำโปรดให้พระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงฟังพระสงฆ์สวดมนต์และสดับปกรณ์ แล้วทรงธรรมกัณฑ์ ๑ ตามเคยอย่างเช่นทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในสมัยอย่างนี้ทุกปีมา ที่ไม่ได้เสด็จนั้นเพราะฝนตก

วัน ๔ ๑๔ ๙ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้วันพระไม่ได้เสด็จออกทรงว่าราชการงานพระนคร เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประพาสสวนสราญรมย์พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี พระนางเธอและข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในคือเจ้าจอมเป็นต้น จนเวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ