เดือน ๖ จุลศักราช ๑๒๔๖

วัน ๖ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกประทับซิตติงขุม เจ้าพระยาสุรวงษ์เข้ามาเฝ้านำสิ่งของเครื่องยศและสิ่งของอื่นๆ เป็นอันมาก ซึ่งพระบาทสเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปัตยุบันนี้พระราชทาน สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงษ์เข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงรับไว้บ้าง พระราชทานเจ้าพระยาสุรวงษ์กลับไปบ้าง แล้วเสด็จขึ้น เวลาค่ำไม่ได้เสด็จออกขุนนาง

วัน ๗ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับดรออิงรูม เจ้าพนักงานกรมท่ากรมวังนำมิสเตอร์นิวแมนไวซกงสุลอังกฤษเฝ้ากราบถวายบังคมลาไปเมืองอังกฤษ แล้วเสด็จประทับซิตติงรูม พระยานรรัตน์ถวายหนังสือว่าด้วยเครื่องแต่งตัวทหารลาดตระเวนลำน้ำชำรุด จะขอทำขึ้นใหม่เป็นอย่างๆ ตามลำดับยศ พระยาไชยยศเฝ้า สมเด็จกรมหลวงจักรพรรดิพงษ์เฝ้า ถวายคำปรึกษาความฉะบับ ๐ พระยาศรีสุนทรถวายใบอนุญาตพัทธสีมา ๑๓ ฉะบับ ทรงเซ็นพระราชหัตถ์ กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าทรงเรื่องอะไรต่างๆ เป็นอันมาก กรมหมื่นประจักษ์เฝ้าถวายรูปบานประตูเหล็กที่จะปิดอัทฒจันท์พระที่นั่งจักรี พระยานนทบุรี จมื่นไชยาภรณ์ถวายครอบคู่ ๑ ในครอบนั้นเป็นเขาทองเขาเงินมีต้นไม้และนกจริงๆ และประดับด้วยแหวนต่างๆ เป็นอันมาก ถวายในการศพพระยาเพชรฎาบิดา แล้วพระเทพผลูนำนายเวทหลานนายนุชอาหารถวายตัวและถวายสิ่งของมีผ้าต่างๆ เป็นอันมาก แล้วเสด็จขึ้น

เวลายามเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระยาวิชิตภักดีเมืองสวรรคโลกว่า ราษฎรถือมีดพกขวานมักเกิดวิวาทกันชุกชุมห้ามไม่ให้ถือไม่ฟัง ขอให้มีตราห้ามขึ้นไปจะได้ทำโทษ โปรดให้ตอบแต่ให้ห้ามปรามกักขังอย่าให้ลงเอาเงินเอาทองและเฆี่ยนตี บอกพระยาพิษณุโลกส่งเงินส่วยปีมะแมเบ็ญจศก ๓ ชั่ง ๑๐ ตำลึง บอกพระยาประเสริฐสงครามเมืองวิเชียรบุรีส่งเงินแทนส่วยป่านปีมะเมียจัตวาศก ๓ ชั่ง ๘ ตำลึง เป็นป่าน ๕๑ หาบ ๘ ชั่ง

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาพิทักษ์ทวยหาญเมืองประทุมว่าด้วยจมื่นสมุหพิมานเชิญตราขึ้นไปชำระผู้ร้ายลักกระบือฆ่ากระบือขายนั้นได้พร้อมกัน สืบจับได้นายดิสคนหนึ่ง ถามรับเป็นสัตย์ส่งตัวลงมา

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระยาพิพิธพิไสยสุนทรการเมืองตราษ บอกส่งเงินค่านาปีมะเมียจัตวาศก ๑๐๗ ชั่ง ๙ ตำลึง ๑ สลึง บอกพระยาราชพงษานุรักษ์ว่านายอยู่ฆ่านายยิ้มตายมีสาเหตุกับนายกลิ่น ๆ หลบหนีไป เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น

วัน ๑ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉ๑๗ศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลายามเศษเสด็จออกประทับพระแท่นห้องออกขุนนางพระที่นั่งจักรี พระนรินทร์อ่านบอกพระศิริธรรมบริรักษ์ปลัดเมืองนครศรีธรรมราช ๓ ฉะบับๆ หนึ่งส่งเงินค่านาปีขาลสัมฤทธิศก ครั้งนี้ ๓ ชั่ง เป็นสิ้นเสร็จ รวม ๔๕๓ ชั่ง ๑๖ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ฉะบับ ๑ ส่งเงินค่านาจำนวนปีเถาะเอกศก ครั้งนี้ ๔๔ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง เป็นเสร็จสิ้น รวม ๔๓๔ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง ฉะบับ ๑ ส่งเงินค่านาปีมะเมียจัตวาศก ครั้งนี้ ๗๕ ชั่ง ๕ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ยังไม่เสร็จ

บอกพระยาอมรินทรฦๅไชยเมืองราชบุรีขอศิลาหน้าเพลิงเผาศพพระภักดีดินแดนปลัด

แล้วพระราชทานสัญญาบัตรพระพลเมืองกาญจนบุรีเป็นพระยาประสิทธิ์สงครามพระยากาญจนบุรี ๑ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จขึ้น

วัน ๒ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันออก พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ แล้วพระองค์ดิศเฝ้า กรมหมื่นประจักษ์เฝ้า เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จขึ้น

เวลาค่ำไม่ได้เสด็จออกขุนนาง พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน

วัน ๓ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ แล้วเสด็จออกมาประทับดรออิงรูม พระยาเทพประชุมนำพระยาสุรินทรบวรภักดีพระยาสายบุรี ๑ ตุวันนิลไบ ๑ ตุวันตำ ๑ นิโปสุ ๑ สามคนนี้น้องพระยาสาย เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสิ่งของที่เปรสิเดนต์เมืองอเมริกาให้พระยาสาย คือ ปืน ๑ บอก เหรียญทอง ๑ ในการที่พระยาสายช่วยคนอเมริกันเรือเสียนั้น พระยาสายว่าเป็นข้อขอบขันธสีมาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ควรรับรองคนอื่น นอกจากของพระราชทาน และพระยาสายจัดสิ่งของตอบแทนเปรสิเดนต์เมืองอเมริกัน เข้ามาถวายทอดพระเนตร คือ กฤชฝักนากด้ามทอง ๑ หอกปลอกทองคู่ ๑ ทรงพระราชปฏิสันถารโดยควรแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสิ่งของที่เปรสิเดนต์เมืองอเมริกาให้นั้นคืนไป แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสสริยาภรณ์มงกุฎสยามชั้นที่ ๓ ชื่อมัณฑนาภรณ์ดวง ๑ แล้วกราบถวายบังคมลาไป เสด็จประทับซิตติงรูมสมเด็จกรมหลวงจักรพรรดิพงษ์เฝ้า ทรงอะไรต่างๆ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

เวลาค่ำไม่ได้ออกขุนนาง พระองค์สวัสดิ์ กรมหมื่นศิริเข้าไปเฝ้าข้างในด้วย

เวลาค่ำสวนมนตร์ที่พระที่นั่งอาภรณภิโมกข์ ๕ รูป พรุ่งนี้จะหล่อพระและเทวรูปพระอาทิตย์แทรก ไม่ได้เสด็จออก

วัน ๔ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉ๑๗ศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จออกประตูพรหมโสภาเสด็จประทับพระที่นั่งอาภรณภิโมกข์ ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีลแล้ว เสด็จลงมาประทับโรงหล่อหลังพระที่นั่งอาภรณภิโมกข์ พอได้พระฤกษ์เช้า ๔ โมง ๖ นาฑี ทรงเททองคำหล่อพระถวายเนตร ๑ และเทวรูปพระอาทิตย์ ๑ ด้วยพระเคราะห์อาทิตย์แทรกรักษาพระชนมพรรษาตามมหาทักษา เสร็จแล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งอาภรณภิโมกข์ทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้วทรงประเคนไทยทาน พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาแล้วเสด็จขึ้น

เวลาบ่าย ๔ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์สำหรับราชตระกูลทรงเครื่องราชอิสสริยยศจักรีบรมราชวงศ์ เสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตาลภายใต้พระมหาเศวตฉัตรณท้องพระโรงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุสืพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าเบื้องบาทบงกชมาศตามตำแหน่งถ้วนทุกกระทรวง เจ้าพนักงานประโคมแตรฝรั่งมะโหรทึกตามธรรมเนียม ทหารถวายคำนัยเป่าแตรสรรเสริญบารมีแล้ว เจ้าพนักงานกรมวังกรมพระกลาโหมนำแขกเมืองมะลายูหลายเมือง คือ เมืองไทรบุรี ๕ พระยาฤทธิสงครามรามภักดี พระยาไทรบุรี ๑ พระยายุทธการโกศล ๑ ตนกูพิศนูน้องพระยาไทร ๑ ตนกูอาเก ๑ ตนกูมนิปา ๑ เมืองปลิศ ๒ คือพระสุนทรรายาผู้ช่วย ๑ ติสริอินดาราเกหวา ๑ เมืองสตูล ๒ พระยาอภัยนุราชชาติรายาภักดี พระยาสตูล ๑ ตนกูมหมัดบุตรพระยาสตูล ๑ เมืองสายบุรี ๓ พระยาสุรินทรสุนทรบวรภักดีพระยาสายบุรี ๑ ตุวันนิลไบ ๑ ตุวันตำ ๑ เมืองระแงะ ๒ คือ พระยาภูผาภักดี พระยาระแงะ ๑ กาโตะอาสัน ๑ เมืองยิหริ่ง ๓ พระโยธานุประดิษฐ์ผู้ช่วย ๑ ตุวันเก น้องพระยายิหริ่ง ๑ เมืองยะลา ๒ คือ พระไพรีพ่ายฤทธิ์ผู้ช่วย ๑ ปังอูลูสาอิก ๑ เมืองตานี ๒ ตุวันลมงน้องพระยาตานี ๑ โตะบันดารา ๑ เมืองราห์มัน ๒ ตุวันอิตำอา พระยาราห์มัน ๑ หวันบาไลหลานพระยาราห์มัน ๑ เมืองหนองจิก กรรมการ ๒ คน รวม ๒๕ นาย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วพระยาเทพประชุนทูลนำกราบถวายบังคมลา กลับบ้านเมือง โปรดพระราชทานสัญญาบัตร ตนกูมหมัดบุตรพระยาสตูลเป็นพระพิไสยสิทธิสงครามผู้ช่วยเมืองสตูล ๑ นิลไบน้องพระยาสายเป็นพระรัตนมนตรี ๑ นิตำเป็นพระวิเศษวังษา ๑ ผู้ช่วยเมืองสายทั้ง ๒ คน และทรงพระราชปฏิสันถารโดยควรแล้วเสด็จขึ้น เวลาค่ำไม่ได้เสด็จออก

วันนี้เชิญพระศพพระองค์เจ้ายุคุนธรเข้าเมรุวัดสุวรรณาราม

วัน ๕ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ เศษ เสด็จออกพระทวารทางซิตติงรูม ทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงพระศพพระบรมวงศ์พระองค์เจ้ายุคุนธรที่วัดสุวรรณาราม พระราชทานผ้าไตร ๑๐ ไตร เงินทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์วันละ ๒ ต้น การมหรสพด้วยทั้ง ๒ วัน แล้วทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพพระยาปริยัติธรรมธาดา และพระราชทานเงินช่วยอีก ๑ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ทรงพระราชดำริว่า ได้ถวายหนังสือมคธภาษามาแต่ก่อนด้วย แล้วเสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง สมเด็จกรมพระ สมเด็จหลวงจักรพรรดิพงศ์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์ เจ้าพระยาพลเทพ เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ เฝ้าประชุมจนบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาค่ำไม่ได้ออก

วัน ๖ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลากลางวันไม่ได้เสด็จออก เวลาบ่ายเจ้าพนักงานเชิญพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดีขึ้นเสลี่ยงออกมาแต่ในพระบรมมหาราชวัง มีกลองชะนะแตรสังข์ประโคมแห่ไปพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เชิญขึ้นสถิตบนบุษบกสลักปิดทองมีชั้นแว่นฟ้ารองสองชั้น บุษบกนี้ตั้งมุขตะวันตก ตั้งเครื่องสูงและเครื่องประดับต่างๆ เป็นอันมาก มีแตรสังข์กลองชะนะประโคมตามเวลากว่าจะเลิกการ

เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางในประทับมุขตะวันออก ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีลแล้ว พระสงฆ์สวดสัตตปริตร เวลายามเศษสวดมนตร์จบ เสด็จประทับมุขตะวันตกทรงทอดผ้าไตรอย่างดี ๒๐ ไตร กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระราชาคณะ ๒๐ สดับปกรณ์แล้วถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา แล้วทรงทอดผ้าขาวพับ ๑๐๐ พับ สดับปกรณ์แล้วเสด็จขึ้น

อนึ่งวันนี้เจ้าพนักงานจัดน้ำและเครื่องแต่งโกศและชั้นแว่นฟ้าฉัตรเบ็ญจากลองชะนะ ขึ้นไปวัดศาลาปูนกรุงเก่า ด้วยสมเด็จพระพุฒาจารย์พุก วัดศาลาปูนถึงมรณภาพแต่วัน ๔ ๖ ค่ำ

วัน ๗ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประทับมุขตะวันออกทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีลแล้ว ทรงประเคน พระสงฆ์ ๒๐ รูปรับพระราชทานฉัน ครั้นแล้วเสด็จประทับพระที่นั่งโธรน ๆ นั้นตั้งหน้าที่พระที่นั่งเศวตฉัตร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททุกตำแหน่งพร้อมกัน พระยาศรีสุนทรอ่านประกาศว่าด้วยทรงพระราชดำริให้สถาปนาเลื่อนพระนามสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี เป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงมีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัตรว่า สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธกระษัตริย์ ครั้นอ่านประกาศจบแล้วเสด็จประทับมุขตะวันตกสรงน้ำหอมพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ แล้วเสด็จทรงประเคนบริขารพระสงฆ์ที่รับพระราชทานฉัน ๒๐ พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา เสด็จประทับมุขตะวันตกทรงทอดผ้าฉลาก พระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญอันดับ ๓๐๐ รูปสดับปกรณ์ เจ้านายพร้อมกันจัดสิ่งของฉลากองค์ละ ๒๐ ถวายในการนี้ด้วย

เวลาบ่ายโมงโปรดให้นิมนต์สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์กับฐานาขึ้นไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระพุทธฯ ขึ้นบนพระที่นั่งเศวตฉัตรถวายศีลแล้วถวายเทศนากัณฑ์ ๑ จบ แล้วทรงประเคนผ้าไตรบริขารตามธรรมเนียม แล้วโปรดให้เจ้านายทอดผ้าฉลากที่เจ้านายถวายพระสงฆ์ พระราชทานแล้วเสด็จขึ้น เจ้าพนักงานเชิญพระอัฐิกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง

เวลา ๔ ทุ่ม ๑๕ มินิต เจ้าทิพยเกษรประสูติพระเจ้าลูกเธอเป็นพระองค์ชาย

วัน ๑ ๑๐ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนเวลาเสด็จออกขุนนางและเลิกการประชุมวันโกนเลีย จะเสด็จออกขุนนางเวลากลางวัน ให้ท่านเสนาบดีเข้ามาเฝ้าตามแบบเดิม เมื่อมีอันใดจะได้ตกลงโดยง่าย

เวลาบ่าย ๓ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม เสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนางพระที่นั่งจักรี เจ้านายข้าราชการเฝ้าพร้อมกันทุกตำแหน่ง

พระนรินทร์อ่านบอกพระเพ็ชรกำแหงสงครามเมืองชุมพร ว่ามีผู้ร้ายปล้นเรือนหมื่นรองเมืองซ้าย ให้พระพลไปติดตามสืบจับได้บ้างหนีไปเมืองมลิวันบ้าง ได้มีหนังสือไปเมืองมลิวันขอให้ชำระส่ง และส่งตัวผู้ร้ายที่จับได้เข้ามา

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระยานนทบุรีว่ามีผู้ร้ายขึ้นปล้นบ้านอำแดงใยและนายกลั่น อ้ายผู้ร้ายเอาน้ำมันปิโตรเลียมกับพริกป่นใส่กระบอกฉีด ๆ ตาอำแดงใยลืมไม่ได้ เก็บทรัพย์สิ่งของแล้วหนีไป สืบจับยังไม่ได้

รับสั่งให้หลวงอนุชิตพิทักษ์อ่านศุภอักษรเมืองนครเชียงใหม่ และบอกพระยาราชสัมภารากรเรื่องเชียงตุงรบกับอังวะเป็นข้อความพิสดารมาก ที่โปรดให้หลวงอนุชิตพิทักษ์อ่านนี้ เพราะไม่มีขุนนางในมหาดไทยที่เคยอ่านมาเลย เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์ครู่ ๑ เสด็จออกไปข้างนอก พระยาโชฎึกนำหลวงสวามิภักดิภูวนารถกราบถวายบังคมลาไปเมืองจีนแล้ว เสด็จขึ้น

กลางคืนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกประทับซิตติงรูม พระยามหาอำมาตย์เฝ้า รับสั่งให้ไปตรวจเรื่องความมองซวยเบงกล่าวโทษพระยาราชเสนาขุนแผลงสท้าน แล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้ารับสั่งอะไรนิดหน่อยแล้วเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๑๑ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันออกแล้วเสด็จประทับทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพพระอริยมุนีและพระราชทานหีบศิลาหน้าเพลิงไปพระราชทานเพลิงศพพระภักดีดินแดนปลัดเมืองราชบุรี ๑ แล้วเสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระยาสุจริตเมืองตากว่าด้วยทำพลับพลารับกรมหมื่นพิชิตที่บ้านสมเด็จ และว่ากรมหมื่นพิชิตไปถึงได้รับรองและจ่ายสะเบียงไพร่ และจัดไพร่ ๑๐๐ ช้าง ๑๐ ม้า ๑๐ ให้พระศักดาเรืองฤทธิ์ตามไปส่ง กำหนดจะยกจากเมืองตากวัน ๗ ๕ ค่ำ บอกพระยาวิเศษไชยชาญเมืองอ่างทอง ๔ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่าแต่งยกกระบตรพร้อมด้วยพระครูพุทธรักขิตสืบพะยานเรื่องที่มีผู้ร้ายย้งป้าเมียมิสเตอร์แอนดรูตาย มิสเตอร์แอนดรู ว่ามีสาเหตุเพราะไปจับปลาที่วัด พระได้มาห้ามนั้นสืบพะยานทางวัดก็ไม่ได้ความว่าพระยิง ฉะบับ ๑ ว่าพระวัดโพเอนมาร้องว่าฝรั่งกับญวนไปตั้งจับปลาที่วัด ได้ให้กรมการไปดูก็เห็นว่าฝรั่งมาตั้งจับปลาอีก ฉะบับ ๑ ส่งเงินค่านาปีมะเมียจัตวาศก ๑๑๐ ชั่ง ยังเก็บไม่เสร็จ ฉะบับ ๑ ว่าแสตมป์ค่านาไม่พอขอเบิกไปอีก แล้วพระยาศรีนำพระอภัยพิทักษ์เมืองเสียมราฐ ถวายบังคมลากลับบ้านเมือง

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาไชยาส่งส่วยทอง ๔ ฉะบับ เวลาบ่ายห้าโมงเศษเสด็จขึ้น

เวลาย่ำค่ำเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรี เสด็จลงทรงพระราชยานไปประทับมิวเซียมทอดพระเนตรสิ่งของที่จะส่งไปช่วยเอกษหิบิเชนเมืองลอนดอนเซาเคนซิงตันมิวเซียมแล้วเสด็จกลับมาประทับหอสมุดวชิรญาณจนทุ่มเศษเสด็จขึ้น

แล้วพระองค์สวัสดิ์กรมหมื่นศิริธัชสังกาศเข้าไปเฝ้าข้างในเวลา ๘ ทุ่ม ๓๐ นาฑี หม่อมเจ้าสายประสูติพระเจ้าลูกเธอเป็นพระองค์หญิง

วัน ๓ ๑๒ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูมแล้วเสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง เจ้านายข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระยาศรีอ่านบอกพระยาราชวรานุกูล ว่าด้วยไปถึงเมืองขอนแก่น ได้ให้ตระเตรียมสะเบียงอาหารไว้ และได้แต่งคนไปหนองคายบอกให้กรมการทำที่พักรับพระวิภาคภูวดล พระยาราชได้ทราบว่า พระวิภาคไปทางเมืองนครพนม เมืองมุกดาหาร พระยาราชจะยกไปเมืองหนองละหารต่อไป ฉะบับ ๑ ว่าไปถึงเมืองหนองคายหาท้าวพระยาเมืองหนองคายมาถามถึงช้างและสะเบียงปืนอาวุธมีพอใช้การ และได้แต่งให้พระพนมสารนรินทรนอกราชการไปสืบข่าวฮ่อ กลับมาถึงสืบได้ความว่า ฮ่อตั้งอยู่เมืองงาน ๒๐๐ เศษ และจะแต่งคนขึ้นไปสืบอีกได้ความว่าเลิกไปจากเมืองงานแล้ว ปรึกษากันว่าจะจัดกองทัพออกไปติดตามฉะบับ ๑ ว่าด้วยมีตราขึ้นไปว่า พระยาราชเปิดบอกเมืองนครพนมและว่าเก็บเอาช้างขึ้นไปเสียหมด และส่งตารางเงินเดือนพวกเซอรเวขึ้นไปให้จ่ายนั้น ข้อที่เปิดบอกนั้นเพราะได้ทราบว่าราชการทัพจึงได้เปิดเป็นความผิด แต่ช้างนั้นมีน้อยไม่พอราชการที่จะไปจึงได้เอาไป เพราะจะไปโดยเร็วจึงได้เอาไปไม่ได้คิดหาผลประโยชน์เลย เงินเดือนพวกเซอรเวนั้นเงินส่วยไม่พอ จึงบังคับให้พระยาประทุมเทวาจ่ายรองไปก่อน แล้วจึงจะยกหักเงินส่วยให้ และคิดว่าจะให้พระวิภาคภูวดลไปก่อนแล้วจึงจะยกทัพตามต่อภายหลัง โปรดให้ตอบไปว่าจัดการดีถูกต้องแล้ว

บอกพระยาประทุมเทวาเมืองหนองคาย บอกความคล้ายกับใบบอกพระยาราช

พระนรินทร์อ่านบอกพระสมบัติภิรมย์เมืองสงขลาว่าด้วยสืบจับผู้รายได้มาก ถามรับบ้าง ยังชำระอยู่บ้าง โปรดให้ตอบไปให้ส่งผู้ร้ายที่รับเป็นสัตย์เข้ามา

แล้วโปรดพระราชทานสัญญาบัตรจมื่นมหาดเล็ก เป็นพระยาสรรพากร ๑ หลวงมหิทธิโยธี เป็นหลวงธรเณนทร์ ๑ นายแข จางวาง เป็นหลวงบรมนาฎนิตยภักดี รับราชการในสมเด็จพระนางเจ้า ๑ พระพลหารสงคราม เป็นพระเพ็ชรภักดีศรีพิไชยสงคราม ปลัดเมืองพังงา ๑ หลวงกำแหงฤทธิรงค์ เป็นพระพลสงคราม จางวางด่านเมืองกาญจนบุรี ๑ หลวงภูมเมืองเป็นหลวงพิทักษ์คิรีมาศ ยกกระบัตรเมืองกาญจนบุรี ๑ นายนุ้ยบุตรหลวงทิพสมบัติ เป็นหลวงอนุรักษ์ภักดี ผู้ช่วยเมืองกาญจนบุรี ๑ หลวงภักดีสุนทร เป็นพระภักดีชุมพลเจ้าเมืองไชยภูมิ์ ๑ แล้วเสด็จขึ้นข้างใน

เวลาค่ำ เสด็จลงสมโภชพระเจ้าลูกเธอซึ่งประสูติวัน ๗ ๖ ค่ำ เวลาค่ำพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน

วัน ๔ ๑๓ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม แล้วเสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง เจ้านายข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระยาศรีอ่านบอกพระวิภาคภูวดล บอกข่าวระยะทางและว่าไปถึงเมืองหนองคาย และว่าเกณฑ์พาหนะที่จะไปลำบากไม่ใคร่จะได้ พระยาศรีนำพระไชยบูรณ์ปลัดเมืองพิษณุโลกถวายบังคมลากลับไปบ้านเมือง

พระนรินทร์อ่านบอกพระยารัตนเศรษฐีเมืองระนอง ว่าด้วยแต่งกรมการเดินเก็บค่านาเมืองตรังจำนวนปีมะเสงตรีศก ได้เงินค่านาส่งเข้า ๒๘๔๐ เหรียญ ๔๓ เซ็นครึ่ง ฉะบับ ๑ ส่งเงินค่านาเมืองตรังจำนวนปีมะเมียจัตวา } ฉะบับ ๑ ส่งเงินอากรค่านาเมืองตรังจำนวนปีมะเมีย }

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร หลวงศรีรณรงค์เป็นหลวงเทเพนทร ๑ ขุนพิบูลย์สมบัติเป็นหลวงมหิทธิโยธี ๑ ขุนวิจารณหัตถกรรมเป็นหลวงศรีรณรงค์ ๑ ขุนนราพิทักษ์เป็นหลวงอนุรักษ์ภักดี ๑ แล้วเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเสด็จพระราชดำเนินพลับพลาท้องสนามหลวง ทรงประเคนผ้าไตรแบ่งเจ้าพระพุทธบาทและเปรียญรวม ๑๐ รูป พระสงฆครองผ้าแล้วอาลักษณ์อ่านประกาศจบ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนตร์ โปรดให้พระยาอภัยรณฤทธิ์ขึ้นไปฟังสวดจบแล้ว พระราชทานน้ำพระมหาสังข์พระยาอภยรณฤทธิ์ซึ่งเป็นพระพลเทพและเถ้าแก่ซึ่งจะเป็นเทพี ๔ คนแล้ว เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วัน ๕ ๑๔ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าที่ทุ่งส้มป่อยทำการพิธีแรกนาอย่างเช่นเคยทำมาทุกปี พระสงฆ์ที่สวดมนตร์ที่ท้องสนามเมื่อคืนนั้น รับพระราชทานฉันที่พลับพลาท้องสนาม

อนึ่งการวิสาขบูชานั้น ทุกปีมาเคยเลี้ยงพระสงฆ์ที่พระที่นั่งอมรินทรทั้ง ๓ วัน วันนี้พระราชาคณะ ๒๐ รูปรับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งอมรินทร ไม่ได้เสด็จออก

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูมแล้ว เสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง เจ้านายข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตามตำแหน่ง พระยาศรีอ่านบอกพระยาพิไชยสุนทรเมืองอุทัยธานี ขอหลวงบันเทาเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองอุทัย แล้วนำหลวงบันเทาเฝ้า บ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

เวลาเกือบย่ำค่ำ เสด็จลงสมโภชพระเจ้าลูกเธอซึ่งประสูติเมื่อวัน ๑๑ ๖ ค่ำ

ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามมีเทศนาและเกณฑ์โคมตราพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการให้มาแขวนมาตั้งตามเคยอย่างเช่นมีทุกปี ไม่ได้เสด็จออก โปรดให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญไป

วัน ๖ ๑๕ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าที่พระที่นั่งอมรินทรเลี้ยงพระ ๒๐ รูปอย่างเช่นวานนี้ ไม่ได้เสด็จออก

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกทางประตูแถลงราชกิจ เพราะเสด็จลงพระพุทธรัตนสถาน เสด็จทรงพระราชยานเสด็จมาประทับเกยหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดดอกไม้ แล้วเสด็จเข้ามาประทับในพระอุโบสถทรงจุดเทียนรุ่ง และทรงนมัสการแล้ว เสด็จลงมาประทับหน้าพระอุโบสถทรงจุดเทียนที่นั่นอีก โปรดให้ราชบัณฑิตยอาลักษณ์และข้าราชการอื่นๆ เดินเทียน แล้วโปรดให้เจ้านายจุดเทียนรายรอบพระอุโบสถ แล้วเสด็จประทับอยู่จนเดินเทียนแล้วเสด็จขึ้นไปประทับบนพระอุโบสถทรงธรรม พระเทพโมฬีถวายเทศนาปฐมสมโพธิ์โดยสังเขป ตอนได้ตรัสพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ยังไม่ทันจบเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วัน ๗ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เช้าเลี้ยงพระสงฆ์ที่พระที่นั่งอมรินทรและสดับปกรณ์กาลานุกาล ไม่ได้เสด็จออก โปรดให้ทูลกระหม่อมชายพระองค์ใหญ่เสด็จออกทำบุญ

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จพระราชดำเนินวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูแถลงราชกิจเพราะเสด็จพระพุทธรัตนก่อน ทรงจุดดอกไม้เพลิงหน้าวัดพระแก้วแล้วเสด็จเข้ามาประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนรุ่งและทรงนมัสการแล้ว เสด็จมาประทับหน้าพระอุโบสถโปรดให้เดินเทียนรายอย่างวานนี้แล้ว เสด็จขึ้นประทับพระอุโบสถทรงธรรม พระศรีวิสุทธิวงศ์ถวายเทศนาปฐมสมโพธิตอบพระนิพพานโดยย่อ เทศน์จบ ๗ ทุ่มทรงประเคนไทยธรรมแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วัน ๑ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูมแล้ว เสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระยาสุพรรณว่าด้วยป่วยเป็นไข้อาการมาก แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้ารับสั่งอยู่จน ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระยาพิไชย พระยาสุโขทัย ซึ่งขึ้นไปราชการทัพณเมืองหลวงพระบาง ๕ ฉะบับ กับศุภอักษรเจ้ามหินทรเทพนิภาธรนครหลวงพระบาง ๕ ฉะบับ เนื้อความต้องกัน ฉะบับที่ ๑ ว่าพระยาพิไชยพระยาสุโขทัยยกขึ้นไปถึงหลวงพระบางได้พร้อมกัน แต่งท้าวพระยาออกไปรักษาหน้าด่านปลายเขตต์แดนแล้ว ราชการทางเมืองพวนยังสงบอยู่ แต่พระยาเมืองซ้ายผู้ที่ขึ้นไปสืบราชการเมืองพวนมีหนังสือมาว่า ฮ่อมาตั้งอยู่เมืองซอนเมืองไลจะมาเอาเงินแก่ราษฎร ๆ หลบหนีไปเป็นอันมาก คิดจะให้ราชบุตรผู้ว่าที่ราชวงศ์ยกขึ้นไปห้ามปรามแต่โดยดี ขอให้พระยาพิไชยเป็นทัพหนุน ทางทุ่งเชียงคำนั้นจะให้เจ้าอุปราชยกไป ให้พระยาสุโขทัยเป็นทัพหนุนไปด้วย กำหนดจะยกไปวัน ๑๔ ๓ ค่ำ ฉะบับที่ ๒ ว่าหลวงเมืองผู้ว่าที่ปลัดซ้ายเมืองพิชัย นำกรมการผู้ไปสืบราชการเมืองเชียงแสน ได้ความว่าเจ้าเมืองเชียงตุงกำลังรบกันอยู่ และว่าเจ้าฟ้าดอกจอก เมืองนาย แสนหวี เมืองจิก เมืองหนอง หนีมาอยู่เชียงตุง ๆ ให้กำลังยกไปรบกับพะม่าอยู่ และว่าคนเมืองหมอกใหม่หนีมาอยู่เมืองเชียงแสนหลายร้อยครัว และว่าเจ้าฟ้า ๕ เมืองตีเมืองนาย หมอกใหม่ แสนหวีคืนจากพะม่าได้ ฉะบับที่ ๓ ว่า หลวงเมืองผู้ว่าที่ปลัดซ้ายเมืองพิชัย นำผู้ไปสืบราชการเมืองหัวพันทั้งหกกลับมา ได้ความว่าคนในเมืองหัวพันทั้งหกนั้นแตกหนีฮ่อไป ๒๖ ยังมีคนอยู่ ๑๖ คนก็น้อย ฉะบับที่ ๔ เจ้านครหลวงพระบางให้พระยาพันลูกท้าวไปสืบราชการเมืองเชียงใหม่ ได้หนังสือตอบจากพระเจ้าเชียงใหม่ ว่าด้วยเมืองเชียงตุงรบกับพะม่า ได้เกณฑ์ท้าวพระยาขึ้นไปรักษาเขตต์แดนแล้ว ความคล้ายก้นฉะบับที่ ๒ ฉะบับที่ ๕ ว่าดอกเตอร์โปเนอิดไปถึงหลวงพระบางจะขอไปรบฮ่อด้วย ได้ตอบว่าฮ่อยังสงบอยู่ ภายหลังพระยาอุตรการถือหนังสือกงสุลฝรั่งเศสไปให้ดอกเตอร์โปเนอิด ๆ เปิดออกอ่านแล้วว่ากงซุลให้ขึ้นไปเกลี้ยกล่อมฮ่อธงเหลือง ขอคนนำทาง เจ้าหลวงพระบางไม่ยอมที่จะนำ เพราะฮ่อยังไม่เรียบร้อย ดอกเตอร์จะขอไปเชียงใหม่ให้นำส่งไป ได้เกณฑ์คนส่งไปแล้ว

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระสยามพลภักดีปลัดเมืองนครชัยศรีว่า จีนว่างบ้านพะเนียงมาร้องว่าผู้ร้ายปล้น ได้แต่งกรมการออกไปสืบแล้ว

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์จนเกือบย่ำค่ำเสด็จขึ้น

วัน ๓ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกประทับซิตติงรูม พระยานนรรัตนเฝ้าเรื่องทำตำหนักในวัง แล้วเสด็จมาประทับดรออิงรูม เจ้าพนักงานกรมท่ากรมวังนำซินยอกงเซียยอชกงสุลโปรตุเกศเฝ้ากราบถวายบังคมลากลับไปยุโรป ได้มอบการกงสุลไว้ที่กงสุลอังกฤษแล้วกราบถวายบังคมลาไป

เสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระยาพิษณุโลกาธิบติเมืองพิษณุโลกว่า ณวัน ๕ ค่ำ ได้ปิดทองพระพุทธชินราช วัน ๑๓ ค่ำ ได้มีการสมโภช ขอถวายพระราชกุศล บอกพระยาอุตรการโกศลผู้รักษาเมืองพิชัย ส่งส่วยขี้ผึ้งเมืองพิชัยหนัก ๗ บาท ๓๐ สลึง คือ ๗ หาบ ๓๐ ชั่ง ฉะบับ ๑

พระราชทานสัญญาบัตรพระยามหาเทพเป็นพระยาอนุชิตชาญไชยจางวางพระตำรวจ ๑ พระพิเรนทรเทพ เป็นพระยามหาเทพ ๑ พระยาพิไชยสงคราม เป็นพระยาเพ็ชรปาณี ๑ พระราชวรินทร์เป็นพระยาเพ็ชรฎา ๑ หลวงรายาภักดีเมืองราห์มันเป็นพระณรงค์วังษา ผู้ช่วยเมืองราห์มัน ๑

แล้วเสด็จขึ้นประทับในออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์แล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูม ทรงหนังสือราชการแล้วพระยาศรีสุนทรเฝ้าถวายพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จขึ้น เวลาค่ำไม่ได้มีการอะไร

สัญญาบัตรที่พระราชทานวันนี้ใช้อย่างใหม่เป็นกระดาษหนังสีขาว มีลายมงคล ๘ และใบชัยพฤกษ์ล้อมรอบ แต่ใบสัญญาบัตรขุนนางในกรุงนั้นเล็กไปกว่าแต่ก่อน ต้องประทับพระราชลัญจกรสยามโลกองค์น้อยแทนองค์ใหญ่ นอกนั้นคงเดิม

วัน ๔ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

บ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาพิพัฒอ่านบอกพระยานนทบุรีว่าด้วยผู้ร้ายปล้นเรือนนายฉายสืบเอาตัวยังไม่ได้ รับสั่งกับเจ้าพระยาภาณุวงศ์เรื่องบาดหลวงฝรั่งเศสทำความชั่วต่างๆ แล้วเสด็จชื้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์หน่อยหนึ่ง แล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูมทรงหนังสือราชการต่างๆ พระยาภาสเฝ้ารับสั่งเรื่องที่นาคลองประเวศบุรีรมย์จะแบ่งพระราชทานพระเจ้าลูกเธอ แล้วพระยาอาหารเฝ้าถวายแหวนทับทิมทอดพระเนตร ทรงซื้อไว้ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จขึ้น

วัน ๕ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกประทับซิตติงรูม ทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้ายินดี และทรงหนังสือราชการแล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าทูลด้วยเรื่องกงสุลเยอรนันมาเฝ้าท่าน ๆ ได้ถามถึงห้างสับเยกต์เยอรมันที่กรมหมื่นราชศักดิ์ทำสัญญายอมยกบ่อทองเมืองปราจีนให้ทำนั้น ว่าเป็นห้างจนและเป็นห้างเล็กด้วยและทูลอื่นๆ อีก

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระโบราณบุรานุรักษ์ พระพิทักษ์เทพธานีปลัดกรุงเก่า บอกว่าได้ตั้งพิธีจรดพระนังคัลที่นาหลวงทุ่งหันตรา แล้วถวายพระราชกุศล ฉะบับ ๑ บอกพระอินทรแสนแสงปลัดเมืองกำแพงเพ็ชรว่า หลวงอนุรักษภูเบศรรับรับสั่งกรมหมื่นพิชิต มีหนังสือมาว่าให้ส่งเทวรูปใหญ่สำหรับเมืองกำแพงเพ็ชรและแผ่นดินศิลาจารึกลงมากรุงเทพฯ นั้น ได้ส่งลงมาแล้ว

โปรดเกล้าฯ ให้ส่งเทวรูปนี้ไปที่วังพระองค์ประดิษฐ์ ด้วยพระเศียรและพระหัตถนั้นมิสเตอร์ราสตแมนต์ขึ้นไปลักตัดเอาลงมา กงศุลเยอรมันลุแก่โทษมา จึงโปรดให้กรมหมื่นเทวะวงศ์ไปรับเอากลับมาเสีย ครั้งนี้จึงโปรดให้พระองค์ประดิษฐ์ซ่อมเสียอย่างเดิม

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาสมบัติภิรมย์ ที่สองเมืองสงขลาว่า พระยายะลามีหนังสือมาว่า เดิมคนองกฤษชื่อมิสเตอร์ปีเซอกับตุวันอาลาอังกฤษมาทำแร่กลินาที่แขวงเมืองยะลา เมืองราห์มัน ได้ให้หีบเพลงใบหนึ่ง โซ่เหล็กผูกช้างเส้นหนึ่ง แก่พระยายะลา แล้วเลหลังบ่อแร่และเครื่องมือให้มิสเตอร์วิลเลียมแคมรันทำได้ ๒ ๓} ปีแล้วเลิกไป ได้มอบของเหล่านั้นให้หลวงสุนทรสิทธิโลหะเมืองตานีเป็นสิทธิขาด ภายหลังตุวันอาเลาะคนเมืองยะลาพาบ้าบาอังกฤษมาหาพระยายะลา ว่ามิสเตอร์ปีเซอได้มอบเครื่องเหล็กสำหรับทำแร่ให้ตุวันแบะเลาะรักษาไว้ แขกในเมืองยะลาลักไปขอให้ชำระ กับหีบเพลงและโซ่เหล็กที่มิสเตอร์ปีเซอให้นั้นจะคิดเอาราคา ๒๗๕ เหรียญ พระยายะลาว่ามิสเตอร์ปีเซอตุวันอาเลาะอังกฤษให้ ถ้าจะเอาเงินให้ได้ขอให้มีผู้ให้หนังสือมาก่อน เรื่องแขกลักเครื่องมือนั้นกาลนานนักแล้วจะบอกมาสงขลาก่อน บ้าบาอังกฤษว่ายังไม่ชำระก็ตาม แต่เงินค่าโซ่และหีบเพลงนั้นจะเอาให้ได้ ครั้นโต้ตอบไปก็ลุกขึ้นจะทุบตีและง้างนกจะยิงพระยายะลา ๆ จึงให้เงิน ๒๗๕ เหรียญไป แล้วไปขึ้นเรือนคนในเมืองยะลา เจ้าของไม่อยู่เงินหายไป ๕๐ เหรียญ แล้วไปแย่งชิงเอากฤชของไพร่บ้านพลเมืองและแทงเอาเจ้าของด้วย พระยาสมบัติภิรมย์ได้มีหนังสือไปให้หลวงทวีปสยามกิจสืบความแล้ว

โปรดให้ตอบไปว่า ต่อไปมาทำดังนี้อีกให้จับส่งมากรุงเทพฯ และให้เจ้าพระยาภาวงศ์ฟ้องกงสุลอังกฤษเสีย และต่อไปเราจะจับให้บอกด้วย เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๖ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูมแล้ว เสด็จประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระยากำแหงสงครามเมืองนครราชสีมา ฉะบับ ๑ ว่าชำระคนซื้อดินปืนของหลวงในตึกเมืองนครราชสีมาได้แล้ว เร่งของกลางตามที่รับถูกต้องกับผู้ร้าย ได้เงินแทนดิน ส่งเงินลงมากรุงเทพฯ

พระนรินทร์อ่านบอกพระอนุรักษโยธา หลวงนราธิกรฤทธิ์ ข้าหลวงฉะบับ ๑ ว่าด้วยพร้อมกับหลวงทวีปสยามกิจที่เมืองปีนัง จะชำระความจีนตันมาบุ๋นกับพระยาภูเก็ตได้วันหนึ่ง แล้วปรึกษาพร้อมกันว่าจะต้องไปตรวจชัณสูตรตึกเรือนเหมืองสวนให้สิ้นกระแสความก่อน พระอนุรักษ์หลวงนราธิกรฤทธิ์และโจทก์จำเลยจะไปเมืองภูเก็ตในวัน ๗ ๕ ค่ำ ถ้าไปถึงได้ชำระอีกแล้วจะบอกเข้ามาภายหลัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไห้ตอบว่าทำชอบแล้ว

โปรดพระราชทานสัญญาบัตรหลวงราชาภิรมย์ เป็นพระปริยัติธรรมธาดา ๑ หลวงอุดมจินดาเป็นพระเมธาธิบดี ๑ หลวงญาณภิรมย์เป็นหลวงราชาภิรมย์ ๑ หลวงธรรมาภิมณฑ์เป็นหลวงอุดมจินดา ๑ อาจารย์บุญเป็นหลวงญาณภิรมย์ ๑ อาจารย์ใยเป็นหลวงธรรมาภิมณฑ์ ๑ ขุนวิเศษเป็นหลวงราชบริมาณเจ้ากรมราชยาน ๑ หมื่นวิเศษเป็นจุนนราพิทักษ์ปลัดกรมไพร่หลวงมหาดเล็ก ๑ หลวงสิงหบุรีปลัดเป็นพระพิศาลสงครามเจ้าเมืองสิงห์ ๑ หลวงบันเทาเป็นหลวงเพ็ชรสงครามยกกระบัตรเมืองอุทัยธานี ๑ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จกลับไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการแล้วพระยานรรัตนเฝ้าเรื่องทำตำหนกในวัง พระยาภาสทูลลาไปดูที่นาที่จะโปรดพระราชทานพระเจ้าลูกเธอ พระองค์สายเฝ้าทูลเรื่องหมอที่จะถวายโอสถหม่อมเจ้าอุบลรัตนนารีนาคซึ่งประชวรกาสะเป็นโลหิต กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าถวายหนังสือต่างๆ จนเวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

วัน ๗ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลาบ่าย ๔ โมง

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกทางประตูแถลงราชกิจ เสด็จพระราชดำเนินประพาสสวนสราญรมย์ พร้อมด้วยกระบวนข้างใน เสด็จประพาสอยู่จนเวลาย่ำค่ำเสด็จกลับทางเดิม

ค่ำวันนี้วัดพระศรีรัตนศาสดารามมีเดินเทียนและเทศนาธาตุวิภัช ด้วยวันนี้เป็นวันพุทธสรีรฌาปน หรือวันถวายพระเพลิงพระผู้มีพระภาคแห่งเรา ไม่ได้เสด็จออก โปรดให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญไป ด้วยฝนตกจึงเสด็จไม่ได้

วัน ๑ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกประทับซิตติงรูม เจ้าพระยาภาณุวงศ์ เฝ้าครู่ ๑ เสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตามตำแหน่งถ้วนทุกกระทรวง

พระยาศรีอ่านน่าท้าวไกรษรสุริยวงศ์แสนท้าวเมืองมุกดาหารเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทแล้ว อ่านบอกพระจันทรสุริยวงศ์ เจ้าเมืองมุกดาหาร ๒ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าแต่งคนขึ้นไปสืบราชการข่าวฮ่อสงบเรียบร้อย แต่ไม่ไว้ใจราชการได้เตรียมสะเบียงอาหารไว้รับรองราชการ และได้จัดดอกไม้ทองหนักต้นละ ๓ ตำลึง เงินหนักตนละ ๓ ตำลึง จำนวนปีมะเส็งตรีศกคู่ ๑ จำนวนปีมะเมียจัตวาศกคู่ ๑ กับเครื่องราชบรรณาการอื่นๆ เป็นอันมากทั้ง ๒ จำนวน ให้ท้าวไกรษรสุริยวงษ์แสนท้าวคุมลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย ฉะบับ ๑ ว่าอุปฮาดราชวงศ์ถึงแก่กรรมขอพระราชทานศิลาหน้าเพลิงเผาศพ ทรงพระราชปฏิสันถารโดยควร

พระนรินทร์ อ่านบอกหลวงปลัดเมืองประจวบคิรีขันธ์ส่งเงินค่านาปีมะเมียจัตวาศก ๙ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ๓ บาท ๑ สลึง ๑ เฟื้อง

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระยาสาครสงครามเมืองบางลมุงส่งเงินแทนส่วยไม้กระดานจำนวนปีมะโรงโทศก ๘ ชั่ง ๖ ตำลึง เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จไปประทับซิตติงรูมทรงหนังสือราชการ จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๑๐ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม เสด็จประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระยาพิไชยรณรงค์เมืองสระบุรี ว่าด้วยจ่ายเข้าสารให้พวกกองทัพและข้าหลวงที่ขึ้นไปราชการคราวหนึ่ง ๓๘๐๖ ถังราคาเงิน ๓๓ ชั่ง ๗ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง คราวหนึ่ง ๑๘๖๑ ถัง ราคาเงิน ๑๗ ชั่ง ๓ ตำลึง ๓ บาท ขอเบิกเงินที่รองไป

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศทอดพระเนตรสิ่งของซึ่งจะตอบแทนเมืองเชียงตุง ด้วยเจ้าเมืองเชียงตุง แต่งให้คนเมืองเชียงตุงคุมม้าและสิ่งของต่างๆ มาที่เมืองเชียงใหม่ จะขอลงมาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรุงสยาม พระเจ้าเชียงใหม่มีศุภอักษรลงมา จึงโปรดให้พระองค์ดิศจัดสิ่งของมีปืนต่างๆ และดาบบ้าง จะโปรดให้ส่งขึ้นไปพระราชทานเป็นการตอบแทนเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงเชียงแขง แล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าทรงหนังสือราชการต่างๆ จนเวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จขึ้น

ของที่เมืองเชียงตุงแต่งให้แก้วแสงคุมลงมาถวายนั้นคือ

อัสสยามมงคลม้าเลาหลวง

๒ ม้า

แก้มหานิลทรายดำ

๒ ลูก

นาค (คือปืน)

๒ บอก

แหวนดวงคำแก้วก๊อ

ดวง ๑ (คือแหวนทับทิม)

แหวนดวงคำแก้วเลือน

๓ ดวง

ออมแก้วหวี

ลูก ๑ (เจ้าราชสัมพันธ์เมืองเชียงใหม่แปลว่า ขวดหยก แต่ในใบบอกแปลว่า ขวดแก้ว)

----------------------------

ของที่จะพระราชทานตอบไปนั้น ปืนและดาบเป็นอันมาก คือ

ปืนเฮนรีมาตินีปลายดาบคันชีพร้อม

๑ บอก

ปัสตันปืนเฮนรีมาตินี

๕๐๐ นัด

ปืนแรมิงตันมีปัสตัน

๒๐๐ นัด

ปืนวินเชสเตอมีปัสตัน

๔๐๐ นัด

ปืนรีวอลเวอบรรจุ ๖ นัด ด้ามงาตัวกาไหล่

๒ บอก

ปัสตันสำหรับ

๒๐๐ นัด

กระบี่ฝักหนัง

๑ เล่ม

กระบี่ฝักทองเหลือง

๑ เล่ม

วัน ๓ ๑๑ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระอุภัยพิพากษา หลวงอนุรักษภูเบศร ว่าด้วยกรมหมื่นพิชิตเสด็จจากปากน้ำโพถึงเมืองกำแพงเพ็ชร พระยากำแพงเพ็ชรับรองจ่ายสะเบียงอาหารให้และได้ทรงทำพิธีถือน้ำ แล้วแต่งให้พระอุภัยพิพากษาไปเร่งช้างเมืองสวรรคโลกแล้วยกไปถึงเมืองตาก วัน ๑๒ ๕ ค่ำ พระอุภัยกลับมาว่าพระยาสวรรคโลกบอกว่าทองตราเกณฑ์ช้างไม่มีจึงได้เอาสำเนาตราอ่านให้ฟัง และบอกพระยาสวรรคโลกว่ากรมหมื่นพิชิตจะเสด็จยกไปเชียงใหม่ วัน ๕ ค่ำ ให้รีบเกณฑ์ช้างไปให้ทัน ครั้นถึงกำหนดก็ไม่มาตามนัด จึงได้แยกกันเป็น ๓ กอง เพราะจะไปพร้อมกันช้างไม่พอ ให้หลวงสิทธิสำแดงรณคุมสะเบียงอาหารไปกอง ๑ กองเสด็จกอง ๑ ให้พระอภัยพิพากษาเป็นกองบรรทุกของต่างๆ รอช้างอยู่เมืองตากกอง ๑ และว่าวัน ๕ ค่ำ ได้ประชุมข้าราชการพร้อมกันแล้วได้ประทานเครื่องราชอิสสริยยศมงกุฎสยามชั้นที่ ๓ มัณฑนาภรณ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยาสุจริตรักษานั้นแล้ว

บอกพระยาสุจริตว่าด้วยบอกเดิมว่ากรมหมื่นพิชิตจะเสด็จไปวัน ๕ ค่ำนั้น ช้างสวรรคโลกไม่มา วัน ๑๒ ๕ ค่ำ กรมหมื่นพิชิตเสด็จยกจากเมืองเชียงใหม่ และว่าด้วยกรมหมื่นพิชิตให้เซอรเวทางทำทางสายไว้ให้ เป็นธุระดูแลด้วยกันกับพระยากำแพงเพชร และว่าณวัน ๕ ค่ำ กรมหมื่นพิชิตได้ประทานเครื่องราชอิสสริยยศ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนั้นแล้ว

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาเพ็ชรกำแหงเมืองชุมพร ว่าเก็บเงินเลขส่วยดีบุกเมืองชุมพรได้ ๑๕ จำนวนเงิน ๓๓ ชั่ง ๖ ตำลึง ๓ บาท และปีมะโรงโทศก มะเส็งตรีศก มะเมียจัตวาศก เรือไฟเดินมาก จ่ายราชการซื้อฟืนน้ำมันมะพร้าวเสียปีมะโรง ๒ ชั่ง ๒ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง มะเส็ง ๑ ชั่ง ๑๖ ตำลึง ๑ บาท ๑ สลึง มะเมีย ๕ ชั่ง ๔ ตำลึง ๒ บาท ๑ เฟื้อง รวมเงิน ๙ ชั่ง ๓ ตำลึง ๓ บาท คงเหลือ ๒๔ ชั่ง ๓ ตำลึง ให้กรมการคุมมาส่ง แล้วนำพระยาประสิทธิ์สงครามเมืองกาญจนบุรี ๑ พระเพชรภักดีศรีพิไชยสงครามปลัดเมืองพังงา ๑ หลวงสวัสดิ์บุรีรมย์ ผู้ช่วยเมืองสงขลา ๑ กราบถวายบังคมลาไปบ้านเมือง พระราชทานเครื่องยศถาดหมากคนโททองเสื้อผ้า พระยากาญจนบุรี พระปลัดเมืองพังงา

และพระราชทานสัญญาบัตรเจ้าหมื่นเสมอใจเป็นพระยาไชยสุรินทร์ ๑ พระยาอมรศาสตร์เป็นพระยาแพทย์พงษาวิสุทธาธิบดี จางวางหมอโรงพระโอสถ ๑ พระสิทธิสารเป็นพระยาอมรศาสตร์ประสิทธิ์ศิลป์ จางวางหมอศาลา ๑ พระสุขุมาลเป็นพระยาสุขุมาลบริหาร จางวางหมอกุมาร ๑ หลวงศรีวรรณกิจเป็นพระวรรณการโกศลสกลแพทยธรรม จางวางหมอวัณโรค ๑ หลางมหาแพทย์ เป็นพระมหาแพทย์พิทยากรณ์ เจ้ากรมหมอฝีดาด ๑ หมื่นราชกุมารเป็นขุนกุมารประสิทธิ์ ปลัดกรมหมอกุมาร ๑ หมื่นรามนาวาเป็นขุนวิจารณ์หัตถกรรม ปลัดช่างไม้ในมหาดไทย ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟพิศครู่ ๑ ทอดพระเนตรเครื่องแต่งตัวสำหรับผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสสริยยศจักรีบรมราชวงศ์ซึ่งสั่งห้างแรมเซแล้วเสด็จมาประทับพระแท่นอีก พระราชทานสัญญาบัตรหลวงราโชเป็นพระสัมพาหบดี จางวางหมอนวด ๑ หลางศรีศักดิ์เป็นพระสิทธิสาร เจ้ากรมหมอโรงโอสถ ๑ ด้วยเมื่อเสด็จออกขุนนางนั้นมาไม่ทันพระราชทานแล้วเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๒ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม เสด็จประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกอุปฮาดราชวงศ์เมืองร้อยเอ็จว่า พระขัติยวงษาเจ้าเมืองถึงแก่กรรม ขอศิลาหน้าเพลิงเผาศพ

รับสั่งกับเจ้าพระยามหินทร์ว่าให้คิดทำริยิสเตอร์คือสำมะโนครัวคนในกรุงนอกกรุงอย่างเมืองต่างประเทศทั้งปวงให้คิด ถ้าขัดข้องอย่างไรให้ทูลถามกรมหมื่นเทวะวงศ์ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จขึ้น เวลาค่ำไม่มีอะไร

วัน ๕ ๑๓ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม แล้วเสด็จมาประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยาพิพัฒอ่านบอกพระยาราชพงษานุรักษ์ขอที่ผูกพัทธสีมาวัดคลองประชาชมชื่น กว้าง ๗ วา ยาว ๑๐ วา } ฉะบับ ๑ บอกหม่อมเจ้าขาวพระสุริยภักดีข้าหลวงเมืองจันทบุรีว่าด้วยชำระความนายเกต กล่าวโทษกรมการว่าเป็นผู้ร้ายและสมคบนั้นก็ได้ตัวได้ความมากแล้ว และรายอื่นๆ ก็ชำระแล้ว เบาบางลงมาก จะขอกลับเข้ามากรุงเทพฯ เสียคราวหนึ่ง แล้วนำพระสุริยภักดีเฝ้า โปรดให้กลับเข้ามาเถิด

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร พระสุริยภักดีเป็นพระพิเรนทรเทพเจ้ากรมตำรวจใหญ่ซ้าย ๑ ขุนองครักษาเป็นหลวงราโชวาทเจ้ากรมหมอนวด ๑ รับสั่งกับพระยาเจริญเรื่องความศาลต่างประเทศ ว่ากงสุลอังกฤษบอกว่าพระยาเจริญไม่ได้ไปศาลต่างประเทศเลย รับสั่งกำชับอย่าให้ทิ้งทอดนัก รับสั่งด้วยความคั่งค้างทุกโรงทุกศาล เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการครู่ ๑ เสด็จขึ้น เวลาค่ำพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน

วัน ๖ ๑๔ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับซิตติงรูม พระยารัตนโกษาเฝ้าแล้วเสด็จทรงพระราชยานเสด็จไปประทับท่าราชวรดิษฐเสด็จทรงเรือพระที่นั่งเก๋งทองทั้งแท่ง เสดจพร้อมด้วยกระบวนนำและตามเสด็จไปประทับท่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ เสด็จขึ้นไปประทับเรือนเจ้าคุณกลางเยี่ยมด้วยป่วยเป็นโรคชะรา และพระราชทานเงินในการทำบุญวันเกิดบรรจบรอบ ๖๗ พระราชทานปีละ ๒ ตำลึง รวม ๖ ชั่ง ๑๔ ตำลึง แล้วเจ้าคุณกลางถวายพระพุทธรูปนั่งสมาธิ ๑ ยืน ๑ เป็นพระทำด้วยแก้วเหลือง หรือประเยน ที่เรียกกันมาตามภาษารามัญ หรือจะเป็นอำพันก็ไม่แน่ แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เวลาค่ำไม่มีราชการอะไร

วัน ๗ ๑๕ ๖ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

ไม่มีราชการอะไร ไม่ได้เสด็จออก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ