เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๔๖

วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม เสด็จมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาวิเศษไชยชาญเมืองอ่างทองรายงานน้ำฝนต้นเข้าพระอาทิตย์อยู่ราศีพฤษภ รองน้ำฝนได้น้อยกว่าราศีพฤษภปีมะแมเบญจศก น้ำท่าก็น้อยกว่าราศีพฤษภปีมะแมเบญจศก ต้นเข้าในนาสูง ๖-๗ นิ้ว

แล้วนำหลวงวิชิตเสนี บุตรพระยามหาอำมาตย์ นักดิดบุตรนักองค์วัดถาถวายบังคมลาอุปสมบท

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาเทพประชุนว่าไปถึงปากน้ำเมืองชุมพร วัน ๑๔ ๗ ค่ำ ได้ไปหาตัวพระยาชุมพรให้มารับเงิน ๑ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ๒ บาท ที่มีบอกกล่าวโทษพระมหาสงคราม พระเสนีนฤเบศว่าเรียกเงินค่าตั๋วตายแต่อำเภอน้องท้องตรานั้นให้รับไปคืนให้อำเภอ พระยาชุมพรไม่อยู่จึงมอบให้กรมการไป แล้วพระยาเทพออกเรือไปถึงเมืองนครศรีธรรมราช พระศิริธรรมบริรักษ์ พระภักดีดำรงฤทธิ์ได้รับรอง พัก ๒ วันจึงไป ไปถึงเมืองสงขลาพระยาสมบัติภิรมย์มาหาว่าเจ้าพระยาวิเชียรถึงอสัญญกรรม วัน ๑๒ ๗ ค่ำ ได้มีบอกมาแล้วและว่าเงินไม่มีเลย พระยาเทพได้บอกว่าเงินภาษีอากรยังเกี่ยวค้างมาก ให้ทำบัญชีสิ่งของไว้แล้วจะมีบอกเข้ามาและคิดว่าจะเอาคนถือบัญชีมาชำระ ฉะบับ ๑ บอกพระยาสมบัติภิรมย์ที่ ๒ หลวงเพชรคิรีศรีราชสงครามปลัด หลวงอินทรเดชราชภักดียกกระบัตร หลวงอนันตสมบัติผู้ช่วย มีเข้ามาว่า เจ้าพระยาวิเชียรคิรีป่วยเป็นโรคชราสติฟั่นเฟือนมาช้านานแต่ไม่ซูบผอม ครั้นวัน ๗ ค่ำ เป็นไข้จับรับประทานไม่ได้ อุจจาระเป็นโลหิตปนเสมหะวันละ ๙-๑๐ ครั้ง วัน ๑๒ ๗ ค่ำ เจ้าพระยาวิเชียรคิรีเมืองสงขลาถึงแก่อสัญญกรรม ได้ยกศพลงหีบไว้ (จะโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศออกไปเมื่อเวลาทำศพ ให้ทูลสมเด็จกรมพระทรงเตรียมการไว้)

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จออกไปประทับซิตติงรูม พระยานรรัตนเฝ้าแล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้ารับสั่งเรื่องอะไรต่างๆ แล้วกรมหมื่นศิริธัชเฝ้ารับสั่งเรื่องความเจ้าพระยามหินทรแล้ว พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น พระยาภาสเฝ้าที่พระทวารถวายหนังสือเรื่องโรงภาษีฉะบับ ๑ วันนี้ค่ำไม่มีราชการอะไร

เวลาเย็นเจ้าขาวเอาสัตว์ป่าต่างๆ มาถวายทูลกระหม่อมฟ้าชายพระองค์ใหญ่ มีกระต่ายและหมีเม่นเป็นต้น

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม เสด็จมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่น

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาภักดีนฤบดินทรจางวาง พระยาอมรินทรฦาไชยเจ้าเมืองราชบุรีว่า ที่พระครูธรรมเสนาเจ้าคณะว่างอยู่ ขอพระสมุห์จันเป็นพระครูธรรมเสนาเจ้าคณะเมืองราชบุรีต่อไป

แล้วรับสั่งกับพระยามหาอมาตย์ ว่าได้รับเตเลคราฟมาแต่พระยาอัษฎงค์กงสุลสยามเมืองสิงคโปร์ว่า ฝรั่งเศสสรวมเอาแผ่นดินเมืองเขมรทั้งหมดเป็นอาณาเขตต์ฝรั่งเศสสิ้นแล้ว แต่วันที่ ๒๐ เดือนยูนตรงกับวัน ๖ ๑๒ ๗ ค่ำ ๑๒๔๖ แต่องค์นโรดมนั้นให้เงินเดือนกิน ให้ทูลสมเด็จกรมพระให้มีตราบังคับหลวงภักดีณรงค์ข้าหลวงเมืองอุบลราชธานีให้ตรวจตรารักษาเขตต์แดนเมืองลาวซึ่งเป็นพระราชอาณาเขตต์ให้มั่นคงกว่าแต่ก่อนด้วยและให้มีตราถามพระยาคทาธรด้วย

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร นายอ๊อดลุตเตอแนนต์เป็นหลวงศิลปลารสราวุธลุตเตอร์แนนต์ทหารมหาดเล็ก ๑ นายอุกฤกษฐเป็นหลวงฤทธิจักรกำจรคอรเนตทหารม้า ๑ นายแปลกเป็นขุนประมาณสถลมารค กรมทำแผนที่และเซอรเว ขึ้นกรมทหารมหาดเล็ก ๑ ขุนชาญสรกลเป็นมัศเคตรีอินสตรักเตอร์ครูหัดทหาร ๑ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศประเดี๋ยวหนึ่ง เสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการครู่หนึ่ง แล้วเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูมเสด็จมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระพุทธรูปแล้วทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้าสนธยาในกรมหลวงวรศักดาพิศาลแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระยาพิไชยรณรงค์เมืองสระบุรี ส่งความว่าอ้ายแพรเกิดทะเลาะกับอำแดงบุนเมียฉวยดาบฟันอำแดงบุนหลายแห่ง แล้วฟันายน้อยซึ่งอยู่ในที่นั้นตาย แต่อำแดงบุนไม่ตาย

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระเทพสงครามปลัดเมืองจันทบุรี ๓ ฉะบับ ๆ ๑ ส่งคนที่เป็นผู้ร้ายและตัวจำนำรวม ๔๔ คน ที่ข้าหลวงมอบไว้ส่งเข้ามา ฉะบับ ๑ จีนโหฟ้องว่าจีนพวกโรงสุราเป็นผู้ร้ายขึ้นปล้นเรือนจีนโห ๆ จำหน้าได้ จึงได้ไปร้องกับขุนเทพอากร ๆ กลับท้าท้ายหยาบช้าต่างๆ ขอให้เรียกจีนมีชื่อ ๑๔-๑๕ คนพวกโรงสุรามาชำระ กรมการหมายเกาะ ขุนเทพอากรไม่ส่ง แล้วนายกลั่นมาประทับกล่าวโทษจีนพวกนี้อีก ขุนเทพอากรกลับหนีเข้ามากรุงเทพฯเสีย โจทก์ก็เตือน ครั้นจะไปจับกุมก็เกรงความผิด ฉะบับ ๑ ขุนวิจิตรฟ้องว่าขุนเทพอากรจับตัวไปจำตรวนเฆี่ยนตีเร่งเอาเงิน ครั้นไม่เสียก็ตีเอา ขอให้ชำระขุนเทพไม่อยู่ไม่อาจจะทำอย่างไรได้ (รับสั่งว่าให้ทูลสมเด็จกรมพระขอเร่งเอาตัวให้ได้)

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร เลื่อนหลวงราชเศรษฐีเป็นพระราชเศรษฐี เป็นผู้ดูแลการในศาลกรมท่าขวา ๑ เลื่อนหลวงสุวรรณภักดีเป็นพระสุวรรณภักดี ผู้ดูแลการในพระคลังทอง ๑ นายดิดเป็นขุนวิเศษภักดี ผู้ช่วยการคลังทอง ๑ นายสุนทรพิมพการ นายเวรเป็นขุนวิจารณวรรณมาลา ปลัดกรมอักษรพิมพการ ๑ นายโวหารนิพนธ์นายเวรเป็นขุนประสิทธิ์อักษรสาสน ผู้ช่วยโรงอักษรพิมพการ ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศประเดี๋ยวหนึ่งเสด็จขึ้นไปประทับซิตติงรูม พระองค์เจ้าจิตรเจริญเฝ้าเรื่องพระฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้ารับสั่งด้วยเรื่องขุนนางจีนเข้ามาสืบเรื่องการที่ฝรั่งเศสว่าไทยจะช่วยรบจีน แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลาค่ำพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๑ ทุ่ม จึ่งกลับออกมา

วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่ายวันนี้เดิมกำหนดว่าจะเสด็จออกวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถวายของพระนายสนองราชบรรหาร ด้วยทรงพระกรุณาโปรดให้อุปสมบท ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงพระราชดำริว่าพระยาราชประสิทธิ์ซึ่งเป็นบิดานายสนองก็ได้อุปสมบทในวัดพระศรีรัตนศาสดารามเหมือนกัน ภายหลังฝนตกเสด็จไม่ได้ โปรดให้พระนายสนองเข้ามารับของถวายในพระที่นั่ง

เวลาบ่าย ๔ โมงเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาสุรินทรฦๅไชย เมืองเพ็ชรบุรีว่าด้วยอำแดงเอี่ยมฟ้องว่าตัวปล่อยโคของตัวไปกินหญ้า นายน่วมนายรอดอำแดงหรุ่นอำแดงตุ่น พากันไล่โคไป นายทองคำผัวจึงเดินออกไป นายน่วมตีนายทองคำล้มลงแล้วกลุ้มรุมกันตีจนขาดใจตาย เกาะได้ตัวมาชำระรับว่าตีนายน่วม อีก ๓ คนไม่รับ ส่งโจทก์จำเลยเข้ามา

แล้วรับสั่งกับเจ้าพระยาภาณุวงศ์เรื่องขุนนางจีนซึ่งเข้ามากรุงเทพฯ เจ้าพระยาภาณุวงศ์ทูลว่า ได้ไปหาแล้ว ว่าไม่มีธุระอันใดมาถึงสิงคโปร์ก็เลยเข้ามาเยี่ยมเท่านั้น และการอื่นๆ ก็ว่าแจ้งอยู่ในหนังสือที่แม่ทัพเมืองจีนมีมา ถึงพระยาอัษฎงค์นั้นแล้ว แต่ในหนังสือนั้นมีความว่า จีนวิตกว่าไทยจะเข้ากับฝรั่งเศส จึงได้แต่งให้ขุนนางคนนี้ชื่อ เต้กวานเอง หรือแต่กัวเอง หรือไทยง่วนเอง (นั้นจะเป็นชื่อใดไม่แน่ เป็นคำแปลหลายอย่าง) คนนี้เข้ามาในเมืองสิงคโปร์ สืบการที่พระยาอัษฎงค์และขอให้นำให้ได้เข้ามาสืบการในกรุงเทพฯ ด้วย มีหนังสือพระยาอัษฎงค์นำมาด้วย

แลวเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

อนึ่งวันนี้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนพระนามพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเขจรจำรัสเสียใหม่ด้วยพระนามเดิมนั้นไม่โปรด โปรดให้คิดใหม่ว่า พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้านภาจรจำรัสศรี มีเวียนเทียนสมโภชเหมือนสมโภชสามวัน เสด็จลงเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ แต่เจ้านายไม่ได้เข้าไป

แล้วเสด็จออกประทับซิตติงรูม ทรงโปรดให้นิมนต์พระนายสนองขึ้นไปบนดรออิงรูม สมเด็จพระพุทธกับฐานานำมาด้วย แล้วทรงประเคนผ้าไตรบริขารพระนายสนองราชบรรหาร สมเด็จพระพุทธถวายอดิเรกแล้วถวายพระพรลาไป พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายบังคมลาทรงผนวชแล้วเสด็จขึ้น

วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้บ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพพระยาจินดารังสรรค์ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาพิสุทธิธรรมธาดาเมืองลพบุรี รายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์อยู่ราศีพฤษภ รองน้ำฝนได้มากกว่าน้ำราศีพฤษภปีมะแม น้ำอาบโคมีมาแล้ว น้ำท่าราศีพฤษภปีนี้ก็น้อยกว่าปีกลาย ฉะบับ ๑ บอก พระยาพิชัยสุนทรเมืองอุทัยธานี รายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์สถิตราศีพฤษภรองน้ำฝนได้น้อยกว่าราศีพฤษภปีกลายนี้ ราษฎรทำนาบ้างแล้ว

พระนรินทร์อ่านบอกพระศิริธรรมบริรักษปลัด พระภักดีดำรงฤทธิ์ผู้ช่วยราชการ เมืองนครศรีธรรมราช ว่าพระยาเทพประชุนไปถึงได้นำค่าเช่าที่โรงสีไฟ ๑๗๓ ชั่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นำไปพระราชทานแล้ว พระยาเทพพักอยู่ ๒ วันไปจากเมืองแล้ว

พระยาพิพัฒอ่านบอกเมืองชลบุรี รายงานน้ำฝนต้นเข้าพระอาทิตย์อยู่ราศีเมษ น้ำมากกว่าราศีเมษปีมะแม ราศีพฤษภรองน้ำได้น้อยกว่าราศีพฤษภปีมะแม ราษฎรทำนาบ้างแล้ว

ทรงพระกรุณาโปรดให้พระยามหาอมาตย์อ่านหนังสือซึ่งขุนนางแม่ทัพสำหรับเมืองจึนมีถึงพระยาอัษฎงค์นำขุนนางจีนที่มาสืบการนั้นแล้ว เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์ครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์ดิศเฝ้าถวายหนังสือพระวิภาคภูวดลมีลงมาว่า ได้ข่าวว่าฮ่อยกมาตีเมืองยูซึ่งอยู่ใกล้กันกับเมืองนครหลวงพระบาง แล้วกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าทรงเรื่องที่จะมีหนังสือตอบพระยาอัษฎงค์เรื่องขุนนางจีนเข้ามา และอื่นๆ อีกมาก แล้วพระองค์ศรีเสาวภางค์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนย่ำค่ำเศษ เสด็จขึ้นข้างใน

วันนี้ทรงพระกรณาโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ทรงเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกเธอมาประชุมเสวยที่พระที่นั่งมูลสถานบรมอาศน์ ด้วยวันนี้เป็นวันประสูติของพระองค์ท่าน

เวลาค่ำสมเด็จกรมพระถวายคำเตเลคราฟพระยาคทาธรมีมาว่า เกาวนาเมืองไซ่ง่อนขึ้นมาจัดการตั้งด่านทำภาษีว่าความเมืองพนมเป็ญและเมืองขึ้น องค์นโรดมไม่ยอม จึงให้เรือรบไปรับทหารเมืองไซ่ง่อนมาไว้ ๓๐๐ นโรดมจึงยอม ได้มีบอกมาโดยละเอียดแล้ว (โปรดให้สมเด็จกรมพระตอบไป)

วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ ทรงเครื่องใหญ่ที่พระเฉลียงพระที่นั่งอมรพิมานมณี โปรดให้พระองค์ศรีเสาวภางค์เข้าไปเฝ้าทรงหนังสือราชการแลไดอรี จนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เกือบ ๕ โมง ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทำขวัญนาคนายเสนองานประภาศ เสด็จออกประทับพระที่นั่งโธรน หลวงญาณภิรมย์อ่านคำเชิญขวัญ แล้วพระครูพิธีให้แว่นเวียนเทียนโดยทักขิณาวัฎถ้วนเบญจวาร โดยคติโบราณบัญญัติสืบมา แล้วพระครูพราหมณ์จุลเจิมตามธรรมเนียม แต่บายศรีนั้นเป็นบายศรีตอง ๒ สำรับ แล้วมีพระบรมราชโองการให้หานายเสนอเข้าไปหน้าพระที่นั่ง พระราชทานน้ำพระมหาสังข์อุตตราวัฎตามธรรมเนียม แล้วเสด็จมาประทับตรัสกับสมเด็จกรมพระเรื่องเมืองเขมร และเรื่องพระวิภาคภูวดลลงมาว่าฮ่อตีเมืองยูเมืองขึ้นเมืองนครหลวงพระบางและอื่นๆ จนเวลายามเศษ เสด็จขึ้น

การที่โปรดให้นายเสนอทำขวัญที่พระที่นั่งอมรินทร และอุปสมบทในวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น เพราะทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าไตรบริขารเป็นของหลวงทั้งนั้น จึงโปรดให้เป็นการหลวงตลอดไป ด้วยทรงพระราชดำริว่าบิดาก็ถึงแก่กรรม จึงโปรดให้เป็นนาคหลวง

วันนี้เวลา ๔ ทุ่มโปรดให้มีเทศน์มหาเวสสันดรชาดกข้างในที่พระที่นั่งบรมราชสถิตมโหฬาร คนที่ถวายเทศน์นั้นคือ พระองค์จามรีและหม่อมเจ้าท้าวนางเถ้าแก่พนักงานทั้งนั้น ทรงพระกรุณาโปรดให้หัดขึ้น การที่เทศน์นั้นตกแต่งธรรมาสน์และต้นไม้โคมไฟ และมีประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ เหมือนที่มีตามธรรมเนียมข้างหน้าที่พระสงฆ์ถวายเหมือนกัน พระราชทานเงินบูชากัณฑ์ ๆ ละ ๕ ตำลึง ผ้านุ่งห่มทำอย่างไตรและมีขนมต่างๆ ด้วย วันนี้มี ๓ กัณฑ์เพราะเมื่อขึ้นเทศน์นั้น ๔ ทุ่ม จบยิงปืนสว่างแล้ว

วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระพทธรูปและปิดทองหนังสือแล้ว ทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้าพิน หม่อมเจ้าเมือง หม่อมเจ้าถนอม ในกรมหมื่นภูมินทรภักดี แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระปลัดเมืองสังขะส่งส่วยเร่ว ส่งเงินแทนเร่ว ๔๐ หาบ คิดราคาหาบละ ๕ ตำลึง เป็นเงิน ๑๐ ชั่ง ฉะบับ ๑ บอกพระยาวิเศษฦๅไชยเมืองฉะเชิงเทราว่า เดิมอ้ายแสงผู้ร้ายฆ่าคนตาย พระยาวิเศษส่งเข้ามาแล้ว ภายหลังหมื่นยงพลพ่ายทะลวงฟันมีหนังสือไปว่าอ้ายแสงหนี พระยาวิเศษทราบหนังสือว่าอ้ายแสงหนีแล้วจึงได้แต่งกรมการออกสืบจับ ได้ตัวจึงเอาตัวจำโซ่คอ เอาตัวลงเรือจะเอามาส่ง อ้ายแสงโดนน้ำจมหายไป ภายหลังศพลอยขึ้นมาจึงได้ให้เอาไปฝังเสีย

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับดรออิงรูม พระธรรมวโรดมกับพระราชาคณะฐานาอีก ๓ รูปนำพระนายเสนองานประภาศ ซึ่งอุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้ามานั่งที่ เสด็จทรงประเคนบริขารแล้วถวายอดิเรกถวายพระพรลา สังฆการีนำพระสุเมธาจารย์ นำพระบุพระมะ เจ้าอธิการวัดบางพูดในกับพระสงฆ์รามัญอีกองค์ ๑ เข้ามาเฝ้า พระราชาคณะที่นำพระนายเสนอจะกลับไป รับสั่งให้พระธรรมวโรดมอยู่ก่อน แต่พระราชาคณะอีก ๒-๓ องค์กับพระนายเสนอนั้นกลับไป พระสงฆ์รามัญมาเฝ้านี้เป็นผู้ถือของๆ สังฆปาโมกข์วัดสังฆเปิงฝากมาถวายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของนั้นคือ พระพุทธรูปเพ็ชรสององค์ พระทักขิณษาฑองค์หนึ่ง เพ็ชรเม็ดหนึ่ง เหล็กก้อนหนึ่ง พระธาตุ ๓๐ องค์ บรรจุในกล่องประทับตรามาด้วย พระสุเมธาจารย์ถวายหนังสือของท่านสังฆปาโมกข์ วัดสังฆเปิงมีมาถึง พระสุเมธาจารย์ กล่าวโทษมหาเย็นว่าทีประหนึ่งว่าจะเป็นอุตตริมนุษยธรรมปาราชิก และกล่าวโทษมหาจูว่าเป็นผู้สมคบมหาเย็นด้วย แล้วทรงถวายไตรพระสงฆ์รามัญ ๒ รูปองค์ละไตร แล้วพระธรรมวโรดมถวายอดิเรก เสด็จขึ้น

เวลา ๔ ทุ่มเศษข้างในมีเทศน์มหาชาติอีก

วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าโปรดให้พระเจ้าลูกเธอออกไปปฏิบัติพระสงฆ์ที่พระที่นั่งอมรินทรรับพระราชทานฉัน ๒๐ รูป มีสมเด็จพระวันรัตเป็นประธาน

เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร เสด็จประทับตรัสกับสมเด็จพระวันรัตครู่หนึ่งเสด็จทรงประเคนไตรแพรกับแผ่นสัญญาบัตรให้พระมหาฐานจาโร (เดช) ๕ ประโยคเป็นพระอริยมุนีพระราชาคณะ มีนิตยภัตรเดือนละ ๔ ตำลึง ไปอยู่วัดเทพศิรินทราวาส แล้วพระราชทานตาลปัตรแฉกหักทองขวางและพัดรองและบริขารอื่นๆ เป็นเครื่องยศเป็นอันมาก ๑ ขณะนั้นพระสงฆ์ทั้งปวงสวดชัยมงคลพร้อมกัน แล้วพระราชทานผ้าไตรสลับแพรกับแผ่นสัญญาบัตร ให้พระปลัดนามเป็นพระครูกัลยาณคุณ นิตยภัตรเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท คงอยู่วัดเทพศิรินทร์ พระราชทานตาลปัตรพุดตาลหักทองขวางและพัดรองและบริขารอื่นๆ เป็นเครื่องยศเป็นอันมาก ๑ แล้วพระราชทานผ้าไตรกับแผ่นสัญญาบัตรพระปลัดจันวัดพระยาไมเป็นพระครูธรรมเสนาเจ้าคณะรองเมืองราชบุรี พระราชทานตาลปัตรพุดตาลอัตลัดและพัดรองบริขารพอสมควรเป็นเครื่องยศ ๑ พระราชทานผ้าไตรกับแผ่นสัญญาบัตรเจ้าอธิการมีวัดโพเป็นพระครูสุวรรณรังษีเจ้าคณะใหญ่เมืองกาญจนดิษฐ พระราชทานตาลปัตรพุดตาล แผ่ลวดเป็นเครื่องยศมีบริขารเล็กน้อย แล้วเสด็จมาประทับพระที่นั่งโธรน ทรงปิดทองพระพุทธรูปและพระธรรม

สังฆการีนำพระคุณวงศ์เฝ้าถวายหนังสือพระมหาสิงค์ซึ่งไปนมัสการพระมหาธาตุเมืองรางงูนกลับมา แต่อาพาธไป จึงให้พระคุณวงศ์นำสิ่งของและหนังสือมาถวาย ของนั้นคือพระพุทธรูปแก้วขาวองค์ ๑ หนังสือวินัยเป็นอักษรรามัญเขียนด้วยน้ำรักลงในงาช้างคัมภีร์ ๑ รูปพระมหาธาตุเมืองหงสาวดี ๑ เมืองรางงูน ๑ เมืองปรอน ๑ สายปะคำปะเยน ๑ รับสั่งด้วยเรื่องสังฆปาโมกข์วัดสงฆเปิงกล่าวโทษพระมหาสิงค์ว่าคบกับพระมหาเย็นซึ่งพระสงฆ์เหล่านั้นขับไล่เสีย ให้มหาสิงค์ (จู) แก้เป็นคำอธิบายมาถวาย แล้วเสด็จมาประทับพระที่นั่งโธรน พระสงฆ์ถวายยถาสัพพีอดิเรก ถวายพระพรลากลับไป เสด็จขึ้น

เวลาบ่าย ๔ โมงข้างในมีเทศน์มหาเวสันตรชาดกผู้หญิงเทศน์อีก

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกห้องดรออิงรูม พระองค์ดิศวรกุมารนำมิสเตอร์หลุยลอนอแวนส์ซึ่งถือหนังสือพระวิภาคลงมาแต่เมืองหลวงพระบางนั้นเข้ามาเฝ้า รับสั่งถามถึงการเมืองลาว แล้วเสด็จเข้าไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้า จนเวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

อนึ่งวันนี้โปรดให้สมโภชพระองค์เจ้าจิตรเจริญที่ท้องพระโรงกลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นครั้งแรกที่ได้มีสมโภชพระองค์เจ้าทรงผนวชที่พระที่นั่งนี้

เจ้าพนักงานจัดการตั้งบายศรีแก้วทองเงิน และตั้งผ้าไตรบาตรบริขาร และของถวายพระสงฆพร้อมตามเคยอย่างเช่นพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เวลาค่ำพระองค์เจ้าซึ่งจะทรงผนวชในเวลาพรุ่งนี้ คือพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญทรงผนวชพระ ๑ พระองค์เจ้ากัลยาณประวัติ พระองค์เจ้าสุทัศนนิภาธร ทรงผนวชสามเณร ๒ เสด็จขึ้นมาประทับที่ท้องพระโรงกลาง คอยเสด็จพระราชดำเนินออก

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ขัตติยตระกูล ทรงสร้อยและดวงเครื่องราชอิสสริยยศจักรีบรมราชวงศ์และดวงสตาจุลจอมเกล้า เสด็จออกประทับพระที่นั่งโธรนณท้องพระโรงกลาง พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าเป็นอันมาก โปรดให้พระครูพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภช โดยทักขิณาวัฎถ้วนเบญจวาร ตามจารีตประเพณีใช้เนื่องกันมา แล้วมีพระบรมราชโองการให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญ และพระองค์เจ้าทั้ง ๒ ซึ่งเป็นพระโอรสกรมพระราชวังบวร เข้าไปหน้าพระที่นั่ง แล้วทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฎและทรงเจิมพระราชทานแล้วเสด็จขึ้น

เจ้านายทรงฉลองพระองค์ขัตติยตระกูลขาวบ้างดำบ้าง ข้าราชการสวมเสื้อยศดำ แต่เครื่องราชอิสสริยยศนั้นบางพระองค์บางท่านก็ติดบ้างไม่ได้ติดบ้าง

วัน ๔ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรี ทรงพระราชยานไปประทับพลับพลาเปลื้องเครื่องหน้ามิวเซียม

พระองค์เจ้าซึ่งจะทรงผนวชทรงเสลี่ยงไปขึ้นเกยซึ่งปลูกไว้หน้ามิวเซียมทั้ง ๓ องค์ พระราชทานเงินทิ้งทานพระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑๐ ตำลึง พระองค์เจ้ากัลยาณประวัติ พระองค์เจ้าสุทัศนนิภาธร ในพระราชวังบวร ๒ องค์ๆ ละ ๗ ตำลึง ครั้นทิ้งทานแล้วเสด็จไปประทับในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงนมัสการ โปรดให้พระองค์เจ้าที่จะทรงผนวชขึ้นไปบนพระอุโบสถแล้วไปจุดเทียนบูชาพระแล้วกลับมานั่งที่ แล้วพระองค์เจ้าจิตรเจริญเข้าไปขอบรรพชา แต่กรมพระปวเรศซึ่งจะเป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วออกมาทรงผ้า แล้วสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีล แล้วพระองค์เจ้ากัลยาณประวัติเข้าไปขอบรรพชาแล้วออกมาทรงผ้า พระเทพโมฬีถวายศีล แล้วพระองค์เจ้าสุทัศนนิภาธรเข้าขอบรรพชา พระศรีวิสุทธิวงศ์ถวายศีล เสร็จสามเณรบรรพชาแล้วทั้ง ๓ องค์ แล้วพระองค์เจ้าพระจิตรเจริญเข้าไปทรงขอนิสสัย ขออุปสมบทแก่พระอุปัชฌาย์ แล้วสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เป็นกรรมวาจาสวดญัตติจตุตถกรรม อุปสมบทพระองค์เจ้าจิตรเจริญเป็นภิกษุ แล้วกรมพระปวเรศบอกอนุศาลนกถาเสร็จแล้ว โปรดให้พระองค์เจ้าพระจิตรเจริญและเณรทั้ง ๒ ถวายไตรแด่พระราชาคณะฐานาเปรียญคณะปรกซึ่งให้อุปสมบทกรรม ๓๐ รูป แล้วโปรดให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญเข้าไปหน้าพระที่นั่ง ทรงประเคนไตรแพรและสรรพบริขาร ซึ่งควรแด่สมณะอุปโภคเป็นอันมากแล้ว แล้วทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรบริขารพอสมควร แด่พระองค์เจ้าเณรทั้งสอง แล้วโปรดให้เข้าไปรับผ้าข้างในที่ฉากแล้วกลับมารับผ้าข้างหน้า ทั้ง ๓ พระองค์ พระสงฆ์ถวายยถาสัพพีอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง

เวลาเย็นวันนี้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงภาณุพันธุวงศ์จะได้เชิญเสด็จพระองค์เจ้าพระจิตรเจริญทรงรถเสด็จไปณวัดบวรนิเวศวิหาร

เวลา ๒ ทุ่มโปรดให้สมโภชหม่อมเจ้าซึ่งจะผนวชเวลาพรุ่งนี้ คือ หม่อมเจ้าแสงเมฆในกรมขุนบดินทร์ ๑ ผนวชภิกษุ หม่อมเจ้าประวัติวงศ์ หม่อมเจ้าตุ้มในกรมหลวงวงศาธิราชสนิท ๒ ผนวชสามเณร หม่อมนเรนทราชาในกรมหมื่นนฤบาล ๑ หม่อมราชวงศไพฑูรย์ในหม่อมเจ้าบงกช ๑ รวม ๒ ผนวชภิกษุ รวม ๖ สมโภชที่พระที่นั่งอมรินทร ไม่ได้เสด็จออก ด้วยเวลา ๒ ทุ่ม พระองค์เจ้าสวัสดิ์เข้าเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่มเศษ

วัน ๕ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ วันนี้แห่พระอริยมุนี ๑ หม่อมเจ้าพระเจ้า ๑ พระอันดับ ๑๑ รวม ๑๓ รูปไปจากวัดโสมนัสวิหาร ไปอยู่วัดเทพศิรินทราวาส โดยกระบวนเรือ มีเรือพระพุทธรูปลำหนึ่ง เรือโขนม่านทองพระราชาคณะลำ ๑ เรือโขนม่านลายพระอันดับลำ ๑ เรือดั้งพิณพาทย์ลำ ๑ กลองแขกลำ ๑ ที่วัดเทพศิรินทร์มีเลี้ยงพระสวดมนต์ด้วย

เวลาเช้า ๕ โมงโปรดให้หม่อมเจ้าที่จะทรงผนวชทรงเสลี่ยงไปขึ้นเกยที่หน้ามิวเซียม พระราชทานเงินให้ทิ้งทานองค์ละ ๕ ตำลึง แล้วเข้าไปในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เข้าในพระอุโบสถขอบรรพชาอุปสมบทแด่สมเด็จพระวันรัต ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์และคณะปรกสงฆ์ ไม่ได้เสด็จออกในเวลาบวชด้วย โปรดให้บวชเสียก่อน

บ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้ว ทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรบริขารพอสมควรแด่หม่อมเจ้าพระแสงเมฆ ๑ พระหม่อมนเรนทราชา ๑ หม่อมราชวงศ์พระไพฑูรย์ ๑ หม่อมเจ้าเณรประวัติวงศ์ ๑ หม่อมเจ้าเณรตุ้ม ๑ แล้วโปรดให้ไปรับผ้าข้างในข้างหน้าเสร็จแล้วพระสงฆ์ถวายยถาสัพพีอดิเรกถวายพระพรลา เสด็จกลับประทับห้องหน้าท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี ทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพขรัวยายก้อนแก้วในพระองค์นารี ๑ เจ้าจอมพัน ๑ เผาวัดคฤหบดีทั้ง ๒ ศพแล้ว ทรงทอดพระเนตรแผนที่โรงภาษีเบ็ดเสร็จครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

วัน ๖ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๑ โมงเศษเสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม เสด็จประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระพุทธรูปแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกหลวงสัจพรรณคิรีเจ้าเมืองพระพุทธบาท ว่าด้วยมีตราพระราชสีห์ขึ้นไปให้เร่งเงินสินไหมพินัยรายความอ้ายปลื้ม ขุนรักษาบุรี อ้ายจีนยี่ผู้ฆ่าจีนสับเยกต์ฮอลันดาส่งลงมานั้น ได้เร่งเงินรายนี้แก่บุตรภรรยาอ้ายผู้ร้ายได้แล้วและโปรดให้ปรับหลวงสัจพรรณคิรีด้วยนั้น ส่งลงมาทั้งสินไหมพินัยค่าปรับด้วยแล้ว

พระนรินทร์อ่านบอกพระอนุรักษโยธาข้าหลวงว่าด้วยมีตราพระคชสีห์และให้เรือพิทยัมรณยุทธ์ออกไปเปลี่ยนเรือมุรธาวสิทธิ์สวัสดิ์กลับเข้ามาตามท้องตราแล้ว พระนรินทร์นำหลวงทรงสุรเดช หลวงไกรกรีธา เป็นข้าหลวงกราบถวายบังคมลาออกไปชำระผู้ร้าย และรายความพระยาเพชรบุรีซึ่งนายถาทำฎีกากล่าวโทษว่าสมคบผู้ร้าย

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จกลับไปประทับซิตติงรูมครู่ ๑ เสด็จขึ้น

อนึ่งวันนี้เป็นวันประสูติของกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ เวลาเช้าเชิญพระอัฐิออกนั่งที่พระพุทธนิเวศน์ เจ้าพระอรุณกับพระสงฆ์วัดเทพศิรินทร์ รวม ๑๐ รูปรับพระราชทานฉัน ไม่ได้เสด็จออก โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าชายพระองค์ใหญ่เสด็จไปทรงปฏิบัติพระสงฆ์ เวลาค่ำพระสงฆ์ที่ฉันสวดมนต์ แล้วพระอริยมุนีถวายเทศนากัณฑ์ ๑ ไม่ได้เสด็จออกเหมือนกัน ทูลกระหม่อมชายพระองค์ใหญ่เสด็จไปทรงทำบุญ

วัน ๗ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระพุทธรูป แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระไชยราชรักษาปลัดเมืองสุพรรณบุรีรายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์อยู่ราศีพฤษภฝนตกรองน้ำได้น้อยกว่าราศีพฤษภปีมะแมเบญจศก น้ำท่าก็น้อยกว่าปีมะแมเบญจศก ราษฎรได้ไถบ้างแล้วแต่ยังไม่ได้หว่าน ฉะบับ ๑ บอกพระพิทักษเทพธานีปลัดกรุงเก่าว่า ได้รับธูปเทียนดอกไม้เพลิงของที่โปรดให้ขึ้นไปบูชาวัดพนัญเชิง พระเจดีย์วัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ วัดสุวรรณดารารามนั้น ได้เอาไปบูชาที่นั้นๆ แล้ว

พระสุรินทรามาตย์อ่านบอกเมืองนครเขื่อนขันธ์ส่งเงินค่านาจำนวนปีมะแมเบญจคก ส่งคราวนี้ ๕๐ ชั่ง ยังไม่เสร็จ

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระยาภาสกรวงศ์ เฝ้าถวายแผนที่โรงภาษีเบ็ดเสร็จร้อยชักสาม ซึ่งจะซ่อมใหม่ แล้วพระองค์สายเฝ้าถวายรับสั่งด้วยเรื่องอาลีพระพิเทศสันตรพานิชจะกลับไปอยู่เมืองแขก ได้รับปืนหลวงไปขายเงินยังคั่งค้าง และอาลีได้ส่งลูกปัสตันไว้เกี่ยวค้างอย่างไรให้คิดเสีย เวลาเกือบย่ำค่ำ เสด็จขึ้น

เวลาค่ำมีสวดมนต์ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระสงฆ์ราชาคณะ พระครูฐานา ๒๐ รูปสวดมนต์ฉลองเทียนพรรษา ไม่ได้เสด็จออก โปรดให้พระเจ้าลูกเธอไปจุดเทียน

วัน ๑ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระราชาคณะพระครูที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้ ๒๐ รูป กับพระอริยมุนีหม่อมเจ้าพระเล็กพระอันดับ ๑๓ รูปซึ่งไปวัดเทพศิรินทร์ รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งอมรินทร ไม่ได้เสด็จออก โปรดให้กรมขุนเจริญทรงเจิมเทียนพรรษา และให้พระสงฆ์ที่รับพระราชทานฉันถวายอนุโมทนาแล้วเลิก แต่พระสงฆ์วัดเทพศิรินทร์ที่จะรับของเครื่องบริขารขึ้นกุฎีนั้น ให้มาคอยรับที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกประทับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี โปรดให้นิมนต์พระอริยมุนีกับพระสงฆ์รวม ๑๓ รูปเข้าไปนั่งที่ แล้วทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรพระอริยมุนี แล้วทรงประเคนผ้าไตรหม่อมเจ้าพระเล็ก แล้วทรงประเคนจีวรสบงกราบพระอันดับ ๑๑ รูป พระสงฆ์ออกไปครองผ้าแล้วกลับเข้ามานั่งที่ เสด็จทรงประเคนบริขารภัณฑ์สมณบริโภคเป็นอันมากแก่พระอริยมุนี ๑ หม่อมเจ้าพระเล็ก ๑ โปรดให้เจ้านายประเคนบริขารพอสมควรแก่พระสงฆ์อันดับ ๑๑ รูป และพระราชทานวัตถุจตุปัจจัยเป็นมูลค่าราคา ๓ ชั่ง แก่พระอริยมุนีไปสำหรับหาของฉันพระสงฆ์ แล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอดิเรกถวายพระพรลากลับไป เสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ

วัน ๒ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จออกทรงบาตร เวลาเช้า ๕ โมง โปรดให้พระสงฆ์ กรมพระ กรมหมื่น พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๓๐ รูป รับพระราชทานฉันที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามก่อน ยังไม่ได้เสด็จออก ครั้นเวลาเที่ยงแล้ว เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เสด็จไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับในพระอุโบสถทรงจุดเทียนนมัสการ และจุดเทียนพรรษา ทรงถวายพุ่ม ต้นไม้ทองเงินเครื่องสักการเป็นฉันมาก แล้วเสด็จมาทรงประเคนพุ่มแด่กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๓๐ รูปที่รับพระราชทานฉัน พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาแล้ว เสด็จมาประทับพระราชทานเทียนชะนวนพระบรมวงศานุวงศ์ ให้ไปจุดเทียนพรรษาทุกพระอารามหลวงแล้ว พระองค์เจ้าพระพระองค์เฌร หม่อมเจ้าพระเณรหม่อมราชวงศ์พระ และพระราชาคณะในกรุงหัวเมืองใกล้เคียงที่เหลือจากรับพระราชทานฉัน และพระครูเจ้าวัดเมืองปทุมเมืองนนท์เมืองนครเขื่อนขันธ์ขึ้นมานั่งที่ เสด็จทรงประเคนพุ่มเหมือนกัน แต่พระครูเจ้าวัดฐานาเปรียญในกรุงนั้นรับที่พระระเบียง โปรดให้เจ้านายไปถวาย แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วันนี้เวลาเย็นโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เสด็จไปทรงจุดเทียนพรรษาวัดพระเชตุพน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เสด็จไปทรงจุดเทียนพรรษา วัดราชประดิษฐ วัดราชบพิธ เวลาค่ำไม่มีราชการอะไร

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ เสด็จออกไปปฏิบัติพระสงฆ์ราชาคณะพระครูฐานา สำหรับกาลานุกาล คือพระวัดที่อนุโลมในพระอัฎฐิ รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งอมรินทร เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาเชิญพระบรมอัฏฐิเพระอัฏฐิซึ่งเคยเชิญออกมาสดับปกรณ์นั้น เชิญขึ้นสถิตบนพระที่นั่งเศวตฉัตรและโต๊ะจีนตามเคย ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงทอดผ้าสะบงสดับปกรณ์และถวายพุ่มเครื่องสักการต่างๆ ตามกาลสมัยซึ่งเคยทรงบำเพ็ญมาทุกๆ ปี แล้วสดับปกรณ์รายร้อยอีก ๕๐๐ แล้วเชิญพระอัฏฐิกลับไม่ได้เสด็จออก

เวลาบ่ายโปรดให้กรมขุนเจริญผล เสด็จไปเปลื้องเครื่องพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต ซึ่งทรงเครื่องอย่างคิมหันตฤดูนั้นออก แล้วประดับอลังกาภรณ์เครื่องประดับอย่างวัสสันตฤดูแล้ว เวียนเทียนถ้วนตติยวาร พระครูพราหมณ์จุลเจิมตามธรรมเนียมซึ่งเคยมา

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จขึ้น

วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เย็นวันนี้เดิมกำหนดว่าจะเสด็จวัดบวรนิเวศ พอฝนตกเสียจึงโปรดให้เลื่อนไปพรุ่งนี้

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระจำนงราชเดชเมืองมหาสารคาม ๒ ฉะบับ ฉะบับหนึ่งว่าพระวิภาคภูวดลข้าหลวงกองเซอรเวไปถึงได้จ่ายสะเบียงอาหารให้และจัดคน ๒๐๐ กับช้างม้าจะให้ไปส่งข้าหลวง กำหนดพระวิภาคจะออกจากเมืองมหาสารคามณวัน ๔ ค่ำ ปีมะแม เบญจศก ฉะบับหนึ่งว่าพระยาราชสั่งให้เก็บเงินส่วยเมืองเร่วค้างส่งไปให้จ่ายราชการกองทัพ ได้ส่งเงินส่วยแทนเร่วส่วยมหาสารคาม ๖๐ ชั่ง คิดเป็นราคาเร่วหาบละ ๕ ตำลึง เป็นเร่ว ๒๔๐ หาบ เมืองกุมภวาปี ๓ ชั่ง คิดแทนเร่ว ๑๒ หาบ จำนวนปีมะเมียทั้ง ๒ เมือง

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาภักดีนฤบดินทร์จางวาง พระยาอมรินทรฦๅไชยเจ้าเมืองราชบุรีความอำแดงคงและพวกอีก ๔ คน โจทก์กล่าวโทษอ้ายคล้ำแปลกกับพวกอีก ๕ คนเข้ามา

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าทรงเรื่องการเมืองลาวตะวันออกและอื่นๆ แล้วสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุวงศ์เฝ้าเรื่องการโทรเลขครบปีแล้วทำริโปตการมาถวายแล้วจะลงพิมพ์ รับสั่งอยู่จนย่ำค่ำเศษ เสด็จขึ้น

เวลายามเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่ม กลับออกมา

วัน ๕ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระทวารท้องพระโรงกลาง เสด็จมาประทับห้องออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จลงไปทรงรถพระที่นั่งที่หน้าอัฑฒจันท์เสด็จพร้อมด้วยกระบวนนำและตามเสด็จไปประทับสวนสราญรมย์ เสด็จลงประพาสพรรณบุบผาในพระราชอุทยานและน้ำพุซึ่งทำขึ้นใหม่ แล้วเสด็จไปทรงนมัสการและถวายพุ่มต้นนิโครธ แล้วเสด็จประพาสต่อไปครู่ ๑ เสด็จทรงรถพระที่นั่งเสด็จไปตามถนนประทับวัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จเข้าในพระอุโบสถทรงนมัสการแล้วถวายพุ่มและเครื่องสักการพระพุทธรูป แล้วเสด็จมาประทับตรัสกับกรมพระปวเรศครู่หนึ่ง ทรงประเคนพุ่มและสักการต่างๆ แด่กรมพระปวเรศและเจ้าพระ ฐานาเปรียญบ้าง แล้วโปรดให้เจ้านายถวายพุ่มแก่พระสงฆ์อื่นๆ ต่อไป พระสงฆ์ถวายอติเรก โปรดให้พระราชทานเทียนให้พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ไปบูชาและถวายพุ่มเครื่องสักการที่พระสถูปวิหารพระศาสดา พระพุทธไสยาสน์ พระศรีมหาโพธิ์ แล้วเสด็จไปประทับตำหนักพระองค์เจ้าพระจิตรเจริญ ซึ่งประทับอยู่ที่โรงพิมพ์เก่าริมตำหนักกรมพระปวเรศ ทรงพระราชปฏิสันถารถึงการที่ทรงบรรพชาโดยควรแล้ว ทรงประเคนพุ่มเครื่องสักการแล้วเสด็จกลับทรงรถพระที่นั่ง เสด็จไปประทับวัดราชบพิธ เสด็จประทับในพระอุโบสถทรงนมัสการและทรงถวายพุ่มเครื่องสักการต่างๆที่พระพุทธรูป แล้วประทับตรัสกับเจ้าพระอรุณครู่หนึ่ง ทรงประเคนพุ่มเครื่องสักการต่างๆ ที่หม่อมเจ้าพระอรุณเจ้าพระภุชงค์ฐานาเปรียญบ้าง แล้วโปรดให้เจ้านายถวายต่อไป แล้วพระราชทานหนังสือคำประกาศพระราชทานที่อุปจารสีมาในที่ซึ่งสร้างพระเจดีย์ ๔ องค์หลังวัดราชบพิธ เจ้าพระอรุณรับไปอ่านจนจบพระสงฆ์รับอนุโมทนาสาธุแล้วถวายอนุโมทนาวิหารทานคาถาและอติเรก เสด็จกลับทรงรถพระที่นั่งไปประทับวัดราชประดิษฐ เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงนมัสการและถวายพุ่มเครื่องสักการพระพุทธรูป แล้วประทับตรัสกบสมเด็จพระพุทธโฆษาครู่หนึ่ง ทรงถวายพุ่มเครื่องสักการตามธรรมเนียมแด่สมเด็จพระพุทธโฆษาและฐานาเปรียญแล้วโปรดให้เจ้านายถวายต่อไป พระสงฆ์ถวายอติเรกแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จประทับซิตติงรูม กรมหมื่นประจักษ์ กรมหมื่นศิริธัช กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าจนยามหนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๖ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วประทับพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระสุริยภักดี หลวงนิกรจำนง ข้าหลวงพระยาสุรบดินทรเมืองชัยนาท ว่าด้วยข้าหลวงไปถึง ได้พร้อมเกาะผู้ต้องหามาชำระ ได้ตัวผู้รับซื้อโคกระบือผู้ร้ายมาชำระบ้าง แล้วให้การซัดถึงคนเมืองอุทัยเมืองนครสวรรค์ ข้าหลวงจะกราบถวายบังคมลาไปจับคนต้องซัดที่เมืองอุทัยธานี เมืองนครสวรรค์แล้วจะตั้งชำระอยู่ที่เมืองอุทัยธานีด้วย ฉะบับ ๑ บอกพระยาพิษณุโลกาธิบดีส่งเงินส่วยจำนวนปีมะแมตรีศก ๘ ชั่ง ฉะบับ ๑ บอกพระไชยราชรักษาปลัดเมืองสุพรรณขอที่วิสุงคามสีมาวัด ยาว ๗ วา ๒ ศอก กว้าง ๔ วา ๒ ศอก

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาวิชิตภักดีเมืองไชยา ส่งส่วยรักปีมะเมียจัตวาศก ๗๔๐ ทะนาน กับรักเก่าค้าง ๑๐ ทะนาน

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระอินทราษาเมืองพนัสนิคม ส่งเงินแทนส่วยน้ำมันยาง จำนวนปีมะเส็งตรีศก ไพร่ ๑๕ คน คนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท เงิน ๑ ชั่ง ๒ ตำลึง ๒ บาท มะเมียจัตวาศก ไพร่ ๑๖ คนๆ ละ ๑ ตำลึง ๒ บาท เงิน ๑ ชั่ง ๔ ตำลึง รวม ๒ ชั่ง ๖ ตำลึง ๒ บาท ฉะบับ ๑ บอกหลวงมนตรีนิกรโกษาข้าหลวงพระสยามพลภักดีปลัดเมืองนครชัยศรีว่า นายเขียนกับผู้มีชื่อ ๖ คนให้จีนคำฟ้องว่า จีนอั้งหมอหลงจู๊เตาสุรากับพวก ๑๓-๑๔ คน และทหาร ๖ คนถืออาวุธพากันเข้าล้อมเรือนนายเขียน ว่าจับสุราเถื่อนแทงฟันยิงเจ้าของบ้านมีบาดแผล และจับเอานายซาหนูสุกหนูเปี่ยมไป แล้วเฆี่ยนนายซา ๒๐ และนายทิมบุตรนายซาก็ยิงอยู่ได้ ๑๙ วันก็ตาย ขอให้เรียกมาชำระ กรมการหมายเกาะขุนเทพนายอากรซัดเสีย ไม่ส่งหลงจู๊และผู้ต้องหามาชำระ เป็นการขัดข้องอยู่ รับสั่งให้ทูลสมเด็จกรมพระอธิบดีคลังขอเอาตัวให้ได้

พระราชทานสัญญาบัตรหลวงศรีวิไชยรองปลัดเมืองจันทบุรี เป็นพระแกลงแกล้วกล้าเมืองแกลง แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับดรออิงรูม พระองค์ดิศวรกุมารเฝ้านำพวกทำแผนที่ถวายแผนที่สวนมะลิซึ่งกรมแผนที่ได้ทำ พระราชทานเงิน ๑๐ ชั่ง ให้แจกกันแล้วเสด็จประทับซิตติงรูมพระองค์ดิศเฝ้าอีก รับสั่งเรื่องทำแผนที่ แล้วพระองค์สายเฝ้ารับสั่งด้วยการที่จะเสด็จบางปะอิน กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าทรงเรื่องอะไรต่างๆ พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลายามหนึ่ง เสด็จขึ้น

วัน ๗ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับซิตติงรูม พระองค์ไชยาเฝ้าถวายตัวอย่างฐานพระพุทธรูปฉลองพระองค์และทูลว่าทองเนื้อ ๖ ๒ } ในคลังทองมีอยู่ ๙ ชั่ง ขอทำฐานพระฉลองพระองค์ โปรดพระราชทานแล้วเสด็จมาประทับดรออิงรูม กรมหมื่นเทวะวงศ์และราชเอดเดอแกมป์นำมิสเตอร์โกฮล ๑ มิสเตอร์แฮเลด ๑ เป็นคนสับเยกต์อังกฤษกำปนีรถไฟที่อินเดีย ขอเข้ามาดูทางเมืองตากและเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจะขอทำรถไฟต่อกับอินเดียเข้ามาในแผ่นดินสยามนั้น เข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงพระราชปฏิสันถารโดยควรแล้วกราบถวายบังคมลาไป เสด็จมาประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาวิเศษฦๅไชยเมืองฉะเชิงเทรา รายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์สถิตราศีเมษ ฝนตกรองน้ำได้น้อยกว่าราศีเมษปีมะแมเบญจศก ราศีพฤษภปีนี้ รองน้ำฝนได้น้อยกว่าราศีพฤษภปีมะแมเบญจศก ราษฎรไถนาบ้างแล้ว ฉะบับ ๑ บอกพระพรหมประสาทศิลป์เมืองพรหมบุรี รายงานน้ำฝนต้นเข้า ราศีเมษรองน้ำได้น้อยกว่าราศีเมษปีมะแม ราศีพฤษภปีนี้น้ำก็น้อยกว่าราศีพฤษภปีมะแม น้ำอาบโคหลากมาบ้าง ราษฎรทำนาบ้างแล้ว

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระยาพิพิธพิไสยสุนทรการเมืองตราด ๓ ฉะบับ ๆ หนึ่ง ขอที่ผูกพัทธสีมาวดท่าเลื่อน กว้าง ๕ วา ยาว ๑๐ วา ฉะบับ ๑ ส่งเงินแทนรงส่วย จำนวนปีเถาะเอกศก ๒ ชั่ง ๗ ตำลึง ๑ บาท มะโรงโทศก ๒ ชั่ง ๕ ตำลึง ๒ บาท รวมกองหนึ่ง ๔ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ๓ บาท อีกกองหนึ่งส่วยรง พริกไทย กะดาน เสื่อคล้า ส่งเงินแทนจำนวน ปีกุนสัปตศก ๑ ชั่ง ๙ ตำลึง ๓ บาท ชวดอัฐศก ๑ ชั่ง ๙ ตำลึง ๓ บาท ฉลูนพศก ๑ ชั่ง ๙ ตำลึง ๓ บาท ขาลสัมฤทธิศก ๑ ชั่ง ๙ ตำลึง ๓ บาท เถาะเอกศก ๑ ชั่ง ๘ ตำลึง มะโรงโทศก ๑ ชั่ง ๘ ตำลึง มะเส็งตรีศก ๒ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ๒ บาท มะเมียจัตวา ๒ ชั่ง ๙ ตำลึง รวม ๘ จำนวน ๑๓ ชั่ง ๑๖ ตำลึง ๒ บาท อีกกองหนึ่งส่วยพริกไทย แต่จำนวนปีกุนสัปตศกถึงมะเมียจัตวาศก ๘ จำนวนเงิน ๑ ชั่ง ๑๘ ตำลึง ๒ บาท ส่วยกะดานแต่จำนวนปีกุนสัปตศกถึงมะเมียจัตวาศก ๘ จำนวนเงิน ๑ ชั่ง ๑๘ ตำลึง ๒ บาท ส่วยเสื่อคล้า แต่จำนวนกุนสัปตศกถึงมะเมียจัตวาศก ๘ จำนวนเงิน ๑๔ ตำลึง รวมเงินทั้งหมดเสร็จ ๒๑ ชั่ง ๙ ตำลึง ๒ บาท ส่งเข้ามา ฉะบับ ๑ ส่งเงินอากรผลไม้ ๔ อย่างจำนวนปีจอฉศก ๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ๑ สลึง ๑ เฟื้อง ๔๐๐ ไพ กุนสัปตศก ๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ๒ บาท ๑ สลึง ๑ เฟื้อง ชวดอัฐศก ๒ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๒ บาท ๑ เฟื้อง ฉลูนพศก ๔ ชั่ง ๓ ตำลึง ๓ บาท ๓ สลึง ๔๐๐ ไพ ขาลสัมฤทธิศก ๔ ชั่ง ๕ ตำลึง ๓ บาท ๓ สลึง เถาะเอกศก ๔ ชั่ง ๗ ตำลึง ๔๐๐ ไพ มะโรงโทศก ๔ ชั่ง ๕ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง รวม ๗ จำนวนเป็นเงิน ๒๔ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ๑ บาท ๑ สลึง ๔๐๐ ไพ ขอหักค่าเรือลาดตระเวนทะเล ๑๙ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ๓ บาท ๑ สลึง คงส่งเงิน ๔ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ๒ บาท ๔๐๐ ไพ

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศประเดี๋ยวหนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงร่างประกาศว่าด้วยการถวายหนังสือราชการและส่งสั่งไปตอบไปปีหนึ่งมากๆ ห้ามอย่าให้ดักถวายในเมื่อจะเสด็จบางปะอินและเมื่อเสด็จกลับใหม่ๆ เลย ถ้ามีราชการเมื่อใดให้ถวายเมื่อนั้น อย่าให้กดไว้เมื่อจวนจะเสด็จหรือเสด็จถึงใหม่ๆ เลย ถึงเมื่อเสด็จอยู่บางปะอินถามราชการก็ให้ถวายไปแต่ให้ส่งที่กรมหมื่นประจักษ์ จะได้ไม่ลำบากแก่ผู้เจ้าของ ให้ตีพิมพ์หมายประกาศนี้แจก เสด็จขึ้น ๒ ทุ่ม

เวลา ๔ ทุ่มเศษรับสั่งให้หาพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน ร่างประกาศห้ามมิให้คนนอกวังเข้าไปยืมของข้างในมาแต่งตัว และมีประกาศห้ามข้างในอีกฉะบับ ๑ ต่างหาก เวลา ๒ ทุ่มเศษกลับออกมา

วัน ๑ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าโมงครึ่งเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรี ทรงพระราชยานไปประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จประทับบนพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย พระราชทานสัญญาบัตรนายอ่ำพระยามหามนตรีนอกราชการเป็นพระยาพิไชยสงคราม เจ้ากรมอาสารองซ้าย ๑ พระศรีธรรมสาส์นเป็นพระยาวิชยาธิบดีศรีรณรงคฦๅไชย ผู้สำเร็จราชการเมืองจันทบุรี ๑ แล้วเสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งเวสาตรี เสด็จจากท่าราชวรดิษฐเกือบ ๒ โมงเข้าเสด็จถึงเกร็ด เวลาเช้า ๓ โมงแล่นต่อไป เวลาเที่ยงเศษถึงบางไทร เรือพระที่นั่งเวสาตรีติดตื้น เสด็จลงทรงเรือสตรูลำใหม่ เสด็จไปถึงเกาะบางปะอิน เรือพระที่นั่งประทับท่าฉนวนเสด็จขึ้นพระราชวัง โปรดให้มหาดเล็กเอาเทียนไปบูชาศาลเทวรูปปราสาททองแล้วเสด็จขึ้นทางพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เวลาค่ำไม่ได้เสด็จออก

วัน ๒ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เดิมว่าจะเสด็จวัดนิเวศน์แล้วเลิกไม่เสด็จ ทรงพระราชหัตถ์และทรงหนังสือราชการอยู่จนทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๓ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินวัดนิเวศนธรรมประวัติ จะทรงประเคน แต่เจ้าพนักงานประเคนเสียก่อนแล้ว พระสงฆ์ราชาคณะฐานารับพระราชทานฉันในพระอุโบสถ ๑๐ รูป และที่การเปรียญและที่ศาลาอื่นๆ อีก เสด็จถึงประทับท่าวัดนิเวศน์เสด็จพระราชดำเนินเข้าพระอุโบสถ ทรงนมัสการและทรงถวายพุ่มต้นไม้เครื่องสักการต่างๆ บูชาพระพุทธรูปและรูปพระอริยสาวกเป็นอันมาก พอพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้วเสด็จทรงประเคนพุ่มพระราชาคณะฐานาเปรียญในกรุงเก่า ซึ่งรับพระราชทานฉันในพระอุโบสถ พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาแล้วกลับไป สังฆการีนำพระฐานาเปรียญวัดนิเวศนธรรมประวัติ วัดเสนาสน์ วัดศาลาปูน วัดขุนญวน วัดบรมวงศ์ วัดพนัญเชิง วัดวรนายก และพระอันดับวัดนิเวศน์เข้ามารับพุ่มและเทียนร้อยแล้ว เสด็จออกจากพระอุโบสถเสด็จนมัสการและถวายพุ่ม พระคันธารราษฎร์ พระมหาโพธิ พระนาคปรกศิลา พระเจดีย์ การเปรียญ แล้วทอดพระเนตรวัด และทรงแจกเงินอุบาสกอุบาสิกา แล้วเสด็จกลับพระราชวัง

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี และพระนางเธอและเจ้านายข้าราชการฝ่ายในเสด็จวัดนิเวศนธรรมประวัติ ถวายพุ่มพระสงฆ์แล้วเสด็จกลับพระราชวัง

วัน ๔ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เจ้านายข้าราชการเฝ้าบ้าง รับสั่งอยู่ครู่หนึ่ง โปรดให้นิมนต์พระเทศน์ขึ้นไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนนมัสการ พระอมราภิรักขิตถวายเทศนาสัมมาทิฏฐิสูตรตามธรรมเนียมเทศน์เวรซึ่งเคยมีภายในพรรษาทุกปีมา ครั้นเทศนาจบแล้ว พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วัน ๕ ๑๐ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาทุ่มเศษ เสด็จออกพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เจ้านายข้าราชการเฝ้า พระยามหามนตรีนำหลวงรามสิทธิศรยกกระบัตรเมืองลพบุรีเฝ้าถวายของ แล้วเสด็จประทับที่ทรงธรรม โปรดให้นิมนต์พระเทศน์ขึ้นไป ทรงจุดเทียนนมัสการ พระอมราภิรักขิต ถวายเทศนาสัมมาทิฏฐิสูตรจบแล้ว กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้ารับสั่งด้วยการเมืองลาวตะวันออกแล้ว พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๖ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลายามเศษ เสด็จออกพระที่นั่งวโรภาศพิมาน เจ้านายข้าราชการเฝ้า รับสั่งกับเจ้านายและขุนนางนิดหน่อย เสด็จประทับพระเก้าอี้ยาว โปรดให้นิมนต์พระเทศน์ขึ้นไป ทรงจุดเทียนทรงธรรม พระอมราภิรักขิตถวายเทศนาสัมมาทิฏฐิสูตรจบแล้ว พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์เฝ้า ทรงพระหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระ และกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ และทรงหนังสืออื่นๆ แล้วเสด็จประทับที่บนอัฑฒจันท์ตรัสกับกรมหมื่นเทวะวงศ์จนเกือบ ๕ ทุ่ม เสด็จขึ้น

วัน ๗ ๑๒ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี และเจ้านายฝ่ายในและข้างใน เสด็จไปประพาสวัดพุทไธสวรรย์ และคลองตะเคียน แล้วกลับพระราชวังบางปะอิน

เวลายามเศษ เสด็จออกพระที่นั่งวโรภาศพิมานประทับหน้าอัฑฒจันท์ เจ้านายขุนนางเฝ้า พระยาอนุรักษ์นำพระยาพทักษ์ทวยหาญเมืองปทุมธานีถวายหมอกริน จีนฮะ ขุนพิพัฒน์มัทยากรนายอากรเตาสุราถวายผ้าพื้นพัดขนนก รับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์ครู่หนึ่งเสด็จประทับพระเก้าอี้ยาว โปรดให้นิมนต์พระเทศน์ขึ้นไป ทรงจุดเทียนทรงธรรม พระอมราภิรักขิตถวายเทศนาสัมมาทิฏฐิสูตรจบแล้ว เสด็จมาประทับตรัสกับกรมหมื่นเทวะวงศ์และเจ้านายจนเวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วัน ๑ ๑๓ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๓ โมง ปล่อยเรือพระประเทียบกลับลงมาก่อน เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จออกทางพระที่นั่งวโรภาศพิมาน สมเด็จกรมพระมาคอยเฝ้าอยู่ที่นั่น ประทับตรัสครู่หนึ่งเสด็จทรงพระราชยานไปประทับศาลเทวรูปพระเจ้าปราสาททอง ทรงจุดเทียนบูชาตามเคย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี และพระนางเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เสด็จมาประทับคอยอยู่ในเรือสตรู ทรงบูชาแล้วเสด็จกลับมาประทับตรัสกับสมเด็จกรมพระอีกครู่หนึ่ง เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งสตรู เสด็จจากพระราชวังบางปะอิน เวลาเช้า ๕ โมงครึ่ง เวลาเที่ยงเศษถึงบางไทร เสด็จขึ้นเรือพระที่นั่งเวสาตรี แล่นต่อมาเวลาบ่าย ๑ โมงถึงเกาะใหญ่น้ำลงแห้งขอด เรือพระที่นั่งเวสาตรีติดมาไม่ได้ จนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ จึงแล่นลงมาได้ จน ๒ ทุ่มเศษถึงท่าราชวรดิษฐ เรือพระที่นั่งประทับที่ เสด็จขึ้นประทับตรัสกับเจ้านายข้าราชการซึ่งมาคอยรับเสด็จครู่หนึ่งเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

เสด็จประทับที่พระทวารเหล็กซึ่งทำใหม่ตรงอัฑฒจันท์พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ด้วยเพิ่งทำแล้วยังไม่ได้เปิดเลย กรมหมื่นประจักษถวายลูกกุญแจทรงไขเป็นครั้งแรก ขณะนั้นพราหมณ์เป่าสังข์ตีบัณเฑาะว์ประโคมพิณพาทย์ด้วย แล้วพระครูพราหมณ์รดน้ำสังข์ด้วย เสด็จประทับที่หน้าท้องพระโรงกลาง รับสั่งกับกรมหมื่นเทวะวงศ์ครู่ ๑ เสด็จขึ้น

วัน ๒ ๑๔ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกพระทวารริมซิตติงรูม เสด็จมาประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระ พระองค์ประดิษฐวรการเข้ามาเฝ้าด้วยกลับมาจากสระเกศไชโยด้วย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขึ้นไปกำกับปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปใหญ่ที่สระเกศไชโย รับสั่งถามถึงการที่ซ่อมแซม แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาสุรนทรฦๅไชย เมืองเพ็ชรบุรี ฉะบับ ๑ ว่า กำนันมาแจ้งความว่าอ้ายนินพี่ตีนายเคียนน้องชายตาย ได้ตัวมาถามให้การสารภาพว่าเป็นพี่น้องบิดามารดากัน เกิดทะเลาะวิวาทต่างคนต่างตีกัน แต่บาดแผลนายเคียนสำคัญจึงตาย ส่งตัวอ้ายนินกับคำให้การเข้ามา

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยาราชพงศานุรักษ์ เมืองสมุทรสงคราม ๕ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ขอที่ผูกพัทธสีมาวัดเพ็ชรน้อยกว้าง ๑๖ วา ยาว ๑๘ วา ฉะบับ ๑ รายงานน้ำฝนต้นเข้า พระอาทิตย์สถิตราศีเมษ รองน้ำได้น้อยกว่าราศีเมษปีมะแมเบญจศก ราศีพฤษภรองน้ำได้มากกว่าราศีพฤษภปีมะแมเบญจศก น้ำท่ามีมาบ้างต้นเข้าในนาสูงคืบ ๑ ฉะบับ ๑ ว่าอำแดงนุมฟ้องว่านายชื่นเป็นผู้ร้ายเข้ามาในสวน และฟันนายอาดผัวอำแดงนุ่มตาย ได้ตัวมาถามนายชื่นไม่รับ ฉะบับ ๑ ว่าอำแดงคล้ำเมียนายโต๊ะผู้ตาย ฟ้องว่าอ้ายมีนายวันกลุ้มรุมกันแทงฟันนายโต๊ะตาย ได้ตัวมาถามไม่รับ ฉะบับ ๑ นายรอดฟ้องว่านายเอี่ยมไปสวนมีผู้ร้ายฟันตาย คนตายระบุว่าอ้ายหมา มาถามรับเป็นสัตย์ แต่ว่านายเอี่ยมฟันก่อนจึงได้ฟัน ไม่แกล้ง ได้ส่งตัวมา

โปรดเกล้าฯ ให้พระยามหาอมาตย์อานใบบอกพระยาคทาธรเมืองพระตะบอง ทูลสมเด็จกรมพระว่าด้วยฝรั่งเศสขึ้นมาจัดการเมืองพนมเป็ญและเมืองขึ้นและทำแก่องค์นโรดมเจ้านายเมืองเขมร แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

วัน ๓ ๑๕ ๘ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้ไม่มีราชการอะไร ไม่ได้เสด็จออก กลางวันรับสั่งให้หาพระยาพิไชยชาญฤทธิ์เข้าไปเฝ้า โปรดเกล้าฯ ให้กลึงงาพระเศวตวรวรรณเป็นลูกประคำถวาย

เวลาค่ำเกือบยาม เสด็จออกพระทวารริมออฟฟิศ ประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง รับสั่งให้หากรมหมื่นเทวะวงศ์ออกไปเฝ้า แล้วพระยาภาสกรวงศ์เฝ้าจนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ