เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๔๔
วัน ๓ ๑ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกทรงราชการต่าง ๆ จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาทุ่มเศษเสด็จออกขุนนางไม่มีราชการและใบบอกอันใด เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ แล้วเสด็จประทับซิตติงรูมทรงราชการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๔ ๒ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกที่พระทวารมุขกระสันชั้นกลางข้างตะวันออก พระสยามพลภักดิ์ปลัดเมืองนครไชยศรี หลวงอร่ามเรืองฤทธิ์ยกกระบัตรเมืองสมุทรสงคราม นำราษฎรซึ่งมีความชอบจับผู้ร้ายครั้งนี้ได้ทั้ง ๒ เมือง เข้าเฝ้ารับพระราชทานรางวัลที่ห้องแอนตีรูม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลาแก่นายต่ายผู้คุมเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นผู้คุมผู้ร้ายมา อ้ายผู้ร้ายฟันถูกตาบอดทั้งสองข้าง เป็นความชอบในราชการแผ่นดินกับเงินตราอีก ๕ ชั่ง เสื้อสักหลาดเสื้อ ๑ แล้วพระราชทานบำเหน็จแก่กรมการและราษฎรอื่นต่อไป ตามรายบัญชีดังนี้ เมืองสมุทรสงครามขุนเทพอาญากรมการ ๑๐ ตำลึง นายคลังขุนด่าน ๕ ตำลึง นายด้วงนายจีนนายสุ่นนายขาวนายนิ่มนายสุกนายช้างนายแซ่อ้ายพลอยคนละ ๕ ตำลึง เมืองนครไชยศรีขุนพิทักษ์นคร ๑ ชั่ง ขุนขจรไพรินทร์นายแย้มผู้คุมคนละ ๑๐ ตำลึง แล้วเสด็จประทับซิตติงรูมทรงราชการต่างๆ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกขุนนาง ไม่มีราชการอะไร พระยาราชวรานุกูลทูลนำพระอุดรพิศดาร นายหล่อมหาดเล็กกราบถวายบังคมลาไปราชการเมืองนครเชียงใหม่ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศตรัสกับกัปตันลอฟตัสมิสเตอร์เฮนรีซิกซึ่งอยู่ในนั้นแล้ว เสด็จประทับซิตติงรูม จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๕ ๓ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสล็งออกทรงฎีกาและการต่าง ๆ จนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับที่ดรอวิงรูม พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์เฝ้าทูลลา ที่จะลาผนวชจากภิกษุ ณวันจันทร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือนยี่ แล้วเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกขุนนางทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เหรียญเงินเข็มศิลปวิทยาแก่หม่อมเจ้าประวิช ๑ พระยารัตนโกษา ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ มีรายพิสดารอยู่ในสารบบของเหรียญนั้นแล้ว และพระราชทานตรามัณฑนาภรณ์แก่พระอุดรพิศดาร ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศและซิตติงรูม ทรงราชการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๖ ๔ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกทรงฎีกาและการต่าง ๆ ทรงเซ็นในท้ายฎีกานายช้างซึ่งทูลเกล้า ฯ ถวายนั้น ว่าร้องดูถูกตราพระราชสีห์ซึ่งสำหรับรับและดำเนินพระบรมราชโองการว่าจะบังคับกรมการในหัวเมืองไม่ได้ และดูหมิ่นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอและเจ้าพระยาพลเทพว่า ถึงจะไปร้องกล่าวโทษกรมการก็จะไม่ไปถึงไหนได้ ให้จมื่นไชยภูษาเอาตัวนายช้างมามีกระทู้ถามว่าเหตุใดจึงกล่าวดูหมิ่นดังนี้ ผู้ใดเป็นผู้แต่งให้ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกที่ดรอวิงรูม มิสเตอร์ปัลเครฟเอเยนต์และกงสุลเยเนราลอังกฤษ ๑ มิสเตอร์เฟรนช์ ๑ มิสเตอร์อาชเชอล่ามคนใหม่ ๑ เข้าเฝ้า มิสเตอร์ปัลเครฟแต่งตัวเสื้อยศ เพราะเป็นทางราชการที่จะกราบถวายบังคมลากลับไปเมือง ทรงปราศรัยครู่หนึ่ง ครั้นไปแล้ว เสด็จไปประทับทอดพระเนตรซ้อมแห่โสกันต์ที่มุขเด็ดชั้นกลางครู่หนึ่งเสด็จมาประทับที่ดรอวิงรูมพระราะทานสัญญาบัตรตั้งมิสเตอร์เยมช์วิลเลียมเบนซันนายช่างทำทองใหญ่ที่เมืองลอนดอน เป็นหลวงรัตนานุกิจช่างทองหลวง และเขากราบถวายบังคมลากลับไปเมืองลอนดอนด้วย แล้วเสด็จขึ้น ค่ำวันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง เพราะไม่ทรงสบาย
วัน ๗ ๕ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ซ้อมกระบวนแห่พระเจ้าลูกเธอที่จะโสกันต์ วันนี้พระเจ้าลูกเธอประทับพระยานมาศและมีกระบวนข้างในซ้อมด้วย แห่มาประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ทรงรับพระกรขึ้นเกยแล้ว ตั้งกระบวนแห่กลับพระพิเทสานตรพานิชเฝ้าถวายของต่างๆ แล้วเสด็จขึ้น รับพระกรข้างใน เวลาทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระนรินทร์อ่านบอกเมืองกาญจนบุรี ๒ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าด้วยทำการเผาศพพระสมิงสิงหบุรีเจ้าเมืองสิงห์บุรี ฉะบับ ๑ ว่าด้วยตำแหน่งที่พระสมิงสิงหบุรียังว่างอยู่ ขอรับพระราชทานหลวงปลัดเป็นเจ้าเมืองสิงห์บุรี แล้วทูลนำพระยาราชบุรีหลวงปลัดเมืองสิงห์บุรีเฝ้าถวายขี้ผึ้ง พระยาพิพัฒน์อ่านบอกเมืองสมุทรสงครามฉะบับ ๑ เมืองนครไชยศรีฉะบับ ๑ เมืองจันทบุรีฉะบับ ๑ เมืองสมุทรสาครฉะบับ ๑ เมืองระยองฉะบับ ๑ ส่งเงินปี้จีนทุกๆ เมือง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งข้าราชการบ้าง และพระราชทานตราดุษฎีมาลาแก่พระยาศรีสุนทรโวหาร เข็มศิลปวิทยา ในการเรียบเรียงหนังสือสอนเด็กต่าง ๆ และวิชาหนังสือต่างๆ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นประทับบนมุขกระสันชั้นบนตอนตะวันออก ทรงเครื่องใหญ่แล้วเสด็จขึ้น
วัน ๑ ๖ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงส่งพระเจ้าลูกเธอ ทรงพระยานมาศที่เกยศิลาข้างใน หน้าท้องฉนวนพระที่นั่งนงคราญสโมสรแล้ว เสด็จออกพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ทอดพระเนตรซ้อมกระบวนแห่เหมือนวานนี้ แต่วันนี้ซ้อมมีทหารนำทหารตามและคู่เคียงด้วย ทรงรับพระเจ้าลูกเธอขึ้น แล้วตั้งกระบวนแห่กลับทางเดิม แล้วเสด็จขึ้น วันนี้ไม่ทรงสบาย ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง
วัน ๒ ๗ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงส่งพระเจ้าลูกเธอทรงพระยานมาศ ซ้อมแห่เหมือนวานนี้ แล้วเสด็จออกรับพระกรพระเจ้าลูกเธอที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ แล้วตั้งกระบวนแห่กลับเหมือนวานนี้ทุกอย่าง แล้วเสด็จขึ้น วันนี้ยังไม่ทรงสบาย จึงยังไม่ได้เสด็จออกขุนนาง
อนึ่งวันนี้เวลาเช้าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทอดพระเนตรโล้ชิงช้าที่วัดสุทัศน์เทพวราราม
วัน ๓ ๘ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จลงส่งพระเจ้าลูกเธอทรงพระยานมาศที่เกยต้นชมพู่หน้าท้องฉนวน พระที่นั่งนงคราญสโมสร แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ซ้อมแห่และรับพระกร แล้วแห่กลับเหมือนวานนี้ทุกอย่าง กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้าที่นั้นแล้ว เสด็จขึ้นรับพระกรข้างใน
วัน ๔ ๙ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกที่ห้องซิตติงรูมทรงราชการต่างๆ กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้า แล้วจมื่นไชยภูษาเฝ้าถวายคำให้การนายช้างผู้ถวายฎีกาประมาทดูหมิ่นตราพระราชสีห์ ว่าไม่มีอำนาจที่จะบังคับกรมการในหัวเมืองได้ และประมาทดูหมิ่นสมเด็จกรมพระและเจ้าพระยาพลเทพนั้น นายช้างว่าตัวไม่รู้ความได้ไปจ้างนายวันแต่งให้นายวันผู้แต่งให้การว่าเห็น แล้วว่าว่าดังนั้นจะผิดได้ท้วงแล้ว นายช้างว่าผิดชอบอันใดไม่รู้ ทรงเซ็นไปใจความว่าได้ความตามคำให้การนั้น ผู้เจ้าของฎีกาไม่รู้ความจึ่งไปจ้างผู้แต่ง ๆ ส่วนผู้แต่งรู้แล้วว่าคำนั้นเป็นการสบประมาทยังเอาคำที่ตัวรู้อยู่ว่าเป็นคำสบประมาทมากล่าวขึ้น มีความผิดอยู่แก่ผู้แต่ง ให้เฆี่ยนนายวันผู้แต่ง ๕๐ ที เอาตัวไปจำไว้ณคุก ส่วนผู้ถวายนั้นไม่รู้จักความอะไร ให้ปล่อยตัวไปร้องที่สมเด็จกรมพระและเจ้าพระยาพลเทพก่อน เมื่อไม่ชำระให้จึงมาร้องฎีกา แล้วเสด็จออกประทับดรอวิงรูม อาร์กอน เกรงกีกงสุลเยรมันคนใหม่เข้าเฝ้าเป็นไปรเวต เพราะเข้ามาถึงใหม่ ครั้นเขากราบถวายบังคมลาไปแล้ว ลงพระราชอาญานายวันผู้แต่งฎีกานั้นที่หน้าสนามหญ้า แล้วทรงราชการต่างๆ แบดแมนมาเฝ้าลองฉลองพระองค์แล้วเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกทางประตูแถลงราชกิจ เสด็จออกทางประตูเทวาพิทักษ์ประทับบนเกยสูง พระยาราชวังเมืองขี่ช้างพังทองผูกสัประคับกงกูบ ๔ หน้ามาเทียบ นายจ่ายงนั่งหน้า ทรงส่งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศเสด็จขึ้นทรงช้าง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพาหุรัตนมณีมัยทรงพระวอ พระเจ้าลูกเธอทรงรถไปวัดสุทัศน์เทพวราราม แล้วเสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งสุทไธศวรรย์เรียกกระบวนแห่ พระยาราชวรานุกูลเป็นพระยาผู้ยืนชิงช้า ครั้นทอดพระเนตรแห่สิ้นกระบวนแล้ว เสด็จประทับทอดพระเนตรพระสงฆ์ไล่หนังสือ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอซึ่งจะโสกันต์ถวายไตรย่ามแต่พระราชาคณะ ซึ่งจะเจริญพระพุทธมนต์ ๑๐ รูป ประทับอยู่ครู่หนึ่งแล้วเสด็จขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม
วัน ๕ ๑๐ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกทรงการต่างๆ ณห้องซิตติงรูมและทอดพระเนตรกุลาตีไม้และโมงครุ่มเล่นถวายทอดพระเนตร เพราะมาเตรียมอยู่ในการพระราชพิธีโสกันต์คราวนี้เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๕ โมงทรงฉลองพระองค์เยียรบับพระภูษาเขียนทองตราเครื่องราชอิสสริยะยศมหาวราภรณ์และสตาร์อื่นๆกับพระสังวาลมหาจักรี เสด็จลงประทับณเกยศิลาหน้าท้องฉนวนพระที่นั่งนงคราญสโมสร ตั้งกระบวนแห่แต่ที่นั้น จึ่งทรงส่งพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าวรลักษณาวดี ลงทรงพระยานมาศเป็นที่ ๑ พระองค์เจ้าอัจฉรพรรณีรัชกัญญาเป็นที่ ๒ พระองค์เจ้าจุฑารัตนราชกุมารีเป็นที่ ๓ ทรงพระยานมาศแล้วเดินกระบวนออกทางประตูราชสำราญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาททรงพระราชยานถม ไปประทับเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าทอดพระเนตรที่ทิมดาบริมประตูพิมานไชยศรี ข้าราชการฝ่ายหน้านั่งปรำหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ชาวต่างประเทศดูที่ชั้นล่างหอพระสมุดวชิรญาณ พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน และข้าราชการดูที่ชั้นล่างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์ตะวันตกตลอดมุขกระสัน ครั้นกระบวนแห่เดินมาเข้าประตูพิมานไชยศรีมีระเบ็ง โมงครุ่ม กุลาตีไม้ และละครข้างใน แต่งตัวรำดอกไม้ทองเงิน ๒ คู่ นอกประตูพิมานไชยศรีออกไปก็มีงานมหรสพตามเคย ครั้นพระยานมาศมาเทียบเกยแล้วทรงรับพระเจ้าลูกเธอขึ้นโดยลำดับทั้ง ๓ พระองค์ ทอดพระเนตรอยู่จนสิ้นกระบวน แล้วเสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์ ๓๐ รูป มีกรมหมื่นวชิรญาณวโรรสเป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์ ครั้นจบแล้ว เสด็จไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ส่งพระเจ้าลูกเธอทั้ง ๓ พระองค์ทรงพระยานมาศแล้ว เดินกระบวนกลับทางเดิม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์นั้น ขึ้นไปถวายชยันโตเวลาเมื่อเดินกระบวนที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ด้วย ครั้นกระบวนแห่กลับไปสิ้นกระบวนแล้ว เสด็จทรงพระราชยานกลับขึ้นทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เสด็จไปรับพระกรข้างใน ทรงแจกเงินพระราชทานกระบวนแห่แล้วเสด็จขึ้น
วัน ๖ ๑๑ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาเช้า ๒ โมงเศษ เสด็จออกที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายศีลแล้ว ครั้นถึงพระฤกษ์เวลา ๓ โมงยกพระมหาเศวตฉัตร ณพระแท่นมุขกลางพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เปลี่ยนองค์เดิมซึ่งโครงเก่าผุ มีประโคมและยิงปืนมหาฤกษ์ มหาไชย มหาจักร มหาปราบยุค ครั้นเสร็จแล้วทรงปฏิบัติพระสงฆ์ ๓๐ รูป ที่เจริญพระพุทธมาต์ในการพระราชพิธีโสกันต์นั้น ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้วเสด็จขึ้น มีเวียนเทียนสมโภชพระมหาเศวตฉัตรด้วย เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกห้องซิตติงรูม ทรงการต่างๆ จนเวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จขึ้นเวลาบ่าย ๔ โมงทรงฉลองพระองค์และพระภูษาเยียรบับตราเครื่องราชอิสสริยะยศมหาสุราภรณ์ เสด็จลงประทับณเกยศิลาหน้าท้องฉนวนในพระบรมมหาราชวัง ส่งพระเจ้าลูกเธอทรงพระยานมาศทั้ง ๓ พระองค์เหมือนวานนี้แล้ว เสด็จทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ครั้นกระบวนแห่มาถึงก็มีมหรสพอย่างวานนี้ ครั้นพระยานมาศมาเทียบเกยทรงรับพระเจ้าลูกเธอขึ้นหมดแล้ว เสด็จขึ้นประทับในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงม์ ๓๐ รูปเจริญพระพุทธมนต์ ครั้นเจริญพระพุทธมนต์จบ แห่กลับเหมือนวานนี้ แล้วเสด็จขึ้น ในงานนี้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายทหารเต็มยศ พลเรือนนุ่งสมปักลายคาดสำรดเสื้อเยียรบับตลอดงาน
วัน ๗ ๑๒ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาย่ำรุ่งท้าวราชกิจวรภัตรเข้ามากราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สมเด็จเจ้าพระยาเมื่อป่วยหนักออกไปอยู่ที่ราชบุรีแล้ว ครั้นเมื่อจะไปฉลองศาลาที่ท่านสร้างไว้ที่มะขามเตี้ยไปถึงกลอนโด ขึ้นไปเก็บมะขามป้อมบนบกหามไปกลางแดดเวลาเที่ยงไม่ให้ไปก็ไม่ฟัง ครั้นไปถึงต้นมะขามป้อมก็ไปนอนหลับตาซึมอยู่ กลับมาถึงเรือตัวร้อนอาการมากจึงปรึกษาพร้อมกันเอากลับมาเมืองราชบุรี มานอนท่าพระแท่นดงรังครึ่งคืน แล้วล่องลงมาถึงเมืองราชบุรี เวลาบ่ายโมงเศษหามขึ้นบก พอถึงต้นมะขามหน้าบ้านก็เป็นลมคอพับ จึงหามเข้าไปแก้ไขกันอยู่ใต้เรือน เวลานั้นลมก็จัดเอาลับแลเข้าบังไว้ คลั้นเจ้าพระยาสุรวงศ์และญาติซึ่งตามมาภายหลังมาถึงจึ่งพร้อมกันพาท่านลงเรือมา เวลาบ่าย ๕ โมงเศษวานนี้เรือไฟจูงมาพ้นคลองดำเนินสะดวกมาแล้ว จะเข้าคลองภาษีเจริญติดน้ำ ๆ แห้ง จึงไปรอน้ำอยู่ที่ปากคลองกระทุ่มแบน ถึงปากคลองเวลา ๕ ทุ่มเศษชักเยื้องไหล่หน่อยหนึ่ง ก็ถึงแก่พิราลัยที่ปากคลองกระทุ่มแบนนั้น ครั้นน้ำขึ้นจึงรีบเอาศพเข้ามาถึงจวนเวลากรู่ ๆ ครั้นเวลาเที่ยงเศษทรงเครื่องดำเสด็จออกรอกระบวนเสด็จอยู่ แต่โปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายในไปรดน้ำเสียก่อน ครั้นเวลาบ่ายโมงเศษเสด็จทรงพระราชยานไปประทับท่าราชวรดิฐ เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งกราบไปประทับสพานหน้าบ้านเจ้าพระยาภาณุวงศ์ เสด็จขึ้นทรงพระราชยานไปประทับตึกใหม่หลังบ้าน ประทับตรัสกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ครู่ ๑ เสด็จเข้าไปห้องในซึ่งตั้งเตียงคลุมศพท่านไว้นั้น ทรงรดน้ำพระราชทานและพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้ารดแล้ว แต่งศพตามอย่างธรรมเนียมของท่านเอง มีเสื้อตาดตัว ๑ ซ้อนชั้นในเสื้อครุยตัว ๑ แล้วโปรดให้เจ้าพระยาสุรวงศ์หวีศีร์ษะ ห่อศพลงโกศลองในของท่านสั่งมาเตรียมไว้ ทรงสวมชฎาพระราชทาน แล้วเสด็จไปประทับณหอหน้าบ้าน ยกโกศตั้งบนแว่นฟ้าของท่านทำประกับโกศกุดั่นน้อย เปลี่ยนเอาทองน้อยมาทรงกรมขุนขัตติยกัลยาไว้นั้น ทรงทอดผ้าไตรพระราชทาน พระสงฆ์มาบังสุกุล ๕๐ รูป แล้วเสด็จทรงพระราชยานที่หน้าบ้าน เสด็จกลับประทับหน้าบ้านเจ้าพระยาภาณุวงศ์ เสด็จลงเรือพระที่นั่งกลับพระบรมมหาราชวัง เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ ทรงฉลองพระองค์และพระภูษาเยียรบับตราเครื่องราชอิสสริยะยศจุลจอมเกล้า เสด็จลงส่งพระเจ้าลูกเธอที่เกยข้างในแล้ว เสด็จทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาททรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ครั้นแห่มาทรงรับพระเจ้าลูกเธอไปทรงสดับพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ครั้นจบแล้วแห่กลับเหมือนเวลาวานนี้ แล้วเสด็จขึ้น ในการที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ถึงแก่พิราลัยครั้งนี้ โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ไว้ทุกข์กำหนด ๗ วัน
วัน ๑ ๑๓ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาเช้า ๒ โมงเศษ ทรงฉลองพระองค์และพระภูษาเยียรบับตรามหานพรัตนราชวราภรณ์ เสด็จลงส่งพระเจ้าลูกเธอ ทรงพระราชยานมาศที่เกยหน้าห้องฉนวนข้างใน แล้วเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ครั้นกระบวนแห่มาถึงทรงรับพระเจ้าลูกเธอขึ้นไปประทับในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เปลื้องเครื่องแต่งพระองค์อย่างทรงฟังสวดออกเสีย ทรงจีบและทรงสะพักโขมพัสตร์ เสด็จออกมาประทับหน้าอาสน์สงฆ์ ภูษามาลาแบ่งพระเกศาแล้ว กรมหมื่นวชิรญาณถวายศีล ครั้นได้พระฤกษ์ทรงรดน้ำพระมหาสังข์พระราชทาน แล้วทรงจรดพระกรรณไตรพระราชทานส่วน ๑ ทั้ง ๓ พระองค์ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ทรงตัดส่วน ๑ ทั้ง ๓ พระองค์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาลทรงตัดพระองค์เจ้าวรลักษณาวดีส่วน ๑ พระองค์เจ้าอัจฉรพรรณีรัชกัญญาส่วน ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมขุนภูวไนยนฤเบนทราธิบาล ทรงตัดพระองค์เจ้าจุฑารัตนราชกุมารีส่วน ๑ พระสงฆ์ถวายไชยมงคลประโคมพร้อมกัน ภูษามาลาทรงเครื่องเสร็จแล้ว เสด็จไปประทับหน้าเขาไกรลาศศิลา โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกเธอที่โสกันต์ใหม่ทรงน้ำซึ่งเปิดออกจากปากสัตว์ แล้วขึ้นพระมณฑปที่สรงทรงรดน้ำพระพุทธมนต์ พระราชทานด้วยพระเต้าต่าง ๆ และโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายใน สรงแล้ว เสด็จขึ้นประทับปฏิบัติพระสงฆ์ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ครั้งพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน แล้วพระเจ้าลูกเธอที่โสกันต์ใหม่ทรงเครื่องอย่างพระราชบุตรี ทรงผ้า ทรงเยียรบับจีบทรงสะพักตาดปัก เสด็จออกมานอกพระฉากทรงรดน้ำพระมหาสังข์พระราชทานแล้วโปรดเกล้า ฯ ให้ทรงถวายของพระองค์ละ๑๐ รูป พระสงฆ์ถวายไชยมงคล แล้วเสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์แต่งพระองค์พระเจ้าลูกเธอทั้ง ๓ พระองค์ ทรงเครื่องต้น พระองค์ที่ ๑ ที่ ๒ ทรงพระชฎา ๕ ยอด พระองค์ที่ ๓ ทรงพระชฎาพอก ครั้นทรงเครื่องแล้ว ทรงส่งลงพระยานมาศแห่กลับทางเดิม กระบวนแห่เมื่อโสกันต์ แล้วเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป็นแดงตามเคยมาแต่ก่อน ครั้นแห่ไปสิ้นกระบวน แล้วเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงฉลองพระองค์พระภูษาเยียรบับตราเครื่องราชอิสสริยะยศมหาจักรีบรมราชวงศ์ เสด็จลงส่งพระเจ้าลูกเธอที่เกยข้างในแล้ว เสด็จออกทรงพระราชยานแต่เกยพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ครั้นกระบวนแห่มาถึง ทรงรับพระกรพระเจ้าลูกเธอขึ้นในเวลาเย็นนี้ พระเจ้าลูกเธอทรงพระเครื่องต้นพระชฎาลงยาทั้ง ๓ องค์ แล้วเสด็จประทับในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระเจ้าลูกเธอทั้ง ๓ พระองค์ประทับณเตียงเล็ก ลาดผ้าเยียรบับหน้าพระแท่นมุกเรียงกัน พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชครบ ๕ รอบ ทรงเจิม และโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ฝ่ายหน้าฝ่ายใน จุณณ์เจิมถวาย แล้วพระราชทานเงินสมโภชพระคลังมหาสมบัติองค์ละ ๕ ชั่ง พระคลังข้างที่องค์ละ ๒๐ ชั่ง หีบลงยาตราแผ่นดินองค์ละหีบ หีบทององค์ละหีบ พระธำมรงค์เพ็ชร์เม็ดใหญ่องค์ละสำรับ ครั้นสมโภชเสร็จเสด็จประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ แห่กลับตามทางเดิม แล้วเสด็จขึ้น
วัน ๒ ๑๔ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกประชุมปรึกษาราชการที่ห้องออกขุนนางผู้ที่มาประชุมวันนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ กรมหมื่นนเรศรวรฤทธิ์ ๑ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ๑ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๑ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ๑ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ๑ กรมหมื่นเทวะวงศ์วโรปการ ๑ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ๑ ได้ประชุมปรึกษาด้วยการโทรเลขและเรื่องอื่น ๆ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเลิกประชุม เสด็จประทับที่ซิตติงรูมครู่ ๑ แล้วเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกที่ซิตติงรูม สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์น้อยเฝ้า ทรงราชการต่างๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๓ ๑๕ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาย่ำรุ่งเศษเสด็จออกทางประตูแถลงราชกิจ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าและข้างใน ทรงพระราชดำเนินออกทางประตูเทวาพิทักษ์ไปประพาสที่สวนสราญรมย์ ประพาสอยู่จนเวลา ๓ โมงเศษ เสด็จไปบนที่อยู่เจ้าหมื่นไวยวรนารถเยี่ยมที่ป่วยตกม้าเจ็บมากครู่หนึ่ง เสด็จกลับเวลาเช้า ๔ โมง เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จลงไปทอดพระเนตรห้องกาดรูมใต้มุขกระสันด้านตะวันออก และห้องราชเอดเดอแกมป์ที่ชั้นล่างพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันออก แล้วทรงไตรสิเกอล์ของพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ซึ่งเอาไว้ในห้องราชเอดเดอแกมป์นั้น ทรงอยู่ที่หน้าพระที่นั่งกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าลูกเธอจนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จประทับที่ซิตติงรูม ทรงการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๔ ๑ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกที่ซิตติงรูมทรงฎีกาและการต่างๆ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์น้อย และใครๆ เฝ้าอีกหลายคน จนเวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนาอ่านบอกเมืองสุพรรณบุรีรายความผู้ร้าย ซึ่งเจ้าหมื่นไวยวรนารถออกไปชำระฉะบับ ๑ เมืองอ่างทองว่าด้วยพระยาอินทรชิตจางวางถึงแก่กรรมฉะบับ ๑ พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกพระอนุรักษ์โยธาข้าหลวง เรื่องภาษีอากรเมืองตะกั่วป่าฉะบับ ๑ เรื่องชำระไทยแขกซึ่งเข้ากงสีฉะบับ ๑ กับสำเนาประกาศพระอนุรักษ์โยธา ว่าด้วยเรื่องไทยแขกเข้ากงสีฉะบับ ๑ พระยาพิพัฒนโกษา อ่านบอกเมืองนนทบุรี เรื่องผู้ร้ายฆ่าคนตายฉะบับ ๑ เมืองสมุทรสาครเรื่องความฆ่ากันตายฉะบับ ๑ เมืองสมุทรสงครามเรื่องผู้ร้ายปล้นฉะบับ ๑ แล้วเสด็จประทับในออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับที่ซิตติงรูมทรงราชการต่าง ๆแล้วเสด็จขึ้น อนึ่งวันนี้พราหมณ์ทำพิธีตรีปาวายที่หอเทวสถานและแห่พระนเรศวร
วัน ๕ ๒ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกทรงฎีกาและการต่าง ๆ กรมหมื่นพิชิต กรมหมื่นอดิศรเฝ้าแล้ว เสด็จออกประทับที่ดรอวิงรูม พระมหาราชครูพิธีและพราหมณ์โหรดาจารย์เฝ้า ถวายน้ำสังข์และเข้าตอกและของต่างๆ ซึ่งเข้าพิธีตรีปาวายแต่เวลาคืนนี้นั้น ทรงแจกเงินพระราชทานให้ตามสมควร และพระราชทานเงินไปให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ทรงแจกที่พระตำหนักด้วย แล้วเสด็จประทับที่ซิตติงรูม สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์น้อยเฝ้า ทรงราชการต่าง ๆ จนเวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๔ โมง กงสุลเยรมันคนใหม่มาเตรียมคอยเฝ้า พักที่ดรอวิงรูม ยิงสลุตที่หน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ๗ นัด ตามอย่างกงสุล ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เต็มยศทหารหน้า ตราอินทรีดำ ซึ่งเป็นตราของกรุงเยรมนี เสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตาลถมในพระมหาเศวตฉัตร ณท้องพระโรงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการแต่งเต็มยศทั้งสิ้น ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว เบิกแขกเมืองเข้าเฝ้า พระยาพิพัฒนโกษาทูลเบิกขอรับพระราชทานพระบรมราชวโรกาศ ให้มิสเตอร์รูดอลฟ์ วอนเกรงกี กงสุลเยรมันคนใหม่ ได้เฝ้าสำแดงเครเดนเชียล และนำมิสเตอร์บรูเออ กงสุลที่ ๒ เฝ้าด้วย แล้วกงสุลอ่านแอดเดรสถวาย ทรงตอบตามธรรมเนียมและมีพระราชปฏิสันถารแล้วเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกที่ห้องซิตติงรูม กรมหมื่นภูธเรศ พระองค์เจ้าทองแถม พระองค์เจ้าสายเฝ้า ทรงราชการต่างๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๖ ๓ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่ายโมงหนึ่ง เสด็จออกทรงพระราชยานไปประทับท่าราชวรดิฐ ประทับตรัสกับข้าราชการที่มาส่งเสด็จครู่หนึ่ง แล้วเสด็งลงเรือพระที่นั่งเวสาตรี พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า พระนางเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ และข้าราชการฝ่ายในฝ่ายหน้านั้นมีจำนวนคน คือกรมหมื่นพิชิตปรีชากร ๑ กรมหมื่นเทวะวงศ์วโรปการ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ ๑ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ กำกับเรือ ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ พระยานรรัตนราชมานิด ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ จมื่นสุรฤทธิ์พฤฒิไกร ๑ หลวงสารสรสิทธิยานุการ ๑ หม่อมเจ้าปรีดา ๑ หลวงชลยุทธโยธินทร์ กัปตัน ๑ นายจ่ายง ๑ นายราชภัณฑภักดี ๑ นายสนองงานประพาส ๑ นายรองฉัน ๑ กรมหมอและมหาดเล็กไปใช้ตามเคย เวลาบ่ายโมงเศษออกเรือพระที่นั่งแล่นขึ้นไปกลับที่หน้าวัดราชาธิวาส ล่องลงมาตามลำน้ำ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษถึงเมืองสมุทรปราการ พวกกรมการลงมาเฝ้าและภรรยากรมการลงมาถวายของตามเคย รอเรือพระที่นั่งส่งเทียนขึ้นไปนมัสการพระสมุทรเจดีย์ แล้วออกเรือพระที่นั่งออกนอกปากน้ำไปทอดที่ทุ่นที่สันดอนเวลาทุ่มเศษ เสด็จลงเรือพระที่นั่งโบต ๑๒ กรรเชียง เรือสตีมลอนช์จูง ไปประทับที่ไลต์เฮาส์ เสด็จขึ้นทอดพระเนตรจนถึงชั้นโคม แล้วเสด็จกลับไปประทับเรือพระที่นั่งเวสาตรี เวลา ๑๑ ทุ่มพอน้ำขึ้น ออกเรือพระที่นั่งข้ามสันดอนไปทอดริมไลต์เฮาส์
วัน ๗ ๔ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาเช้าย่ำรุ่งเศษบรรทมตื่นแล้ว เวลาโมงเศษ ทอดพระเนตร หลวงชลยุทธโยธินทร์จุดตอร์ปิโดถวายทอดพระเนตร ระเบิดเรือเข้าที่จมอยู่บนสันดอนนั้น วางตอร์ปิโด ๒ ถูก ระเบิดทีเดียวพร้อมกัน ดาดฟ้าเปิดขึ้นมาหมด เสด็จลงทรงเรือโบตเรือไฟเล็กจูงไปทอดพระเนตรที่ระเบิดนั้น แล้วเสด็จกลับประทับเรือพระที่นั่งเวสาตรี เวลาเช้า ๒ โมงเศษ ใช้จักรเรือพระที่นั่งเดินกลับข้ามสันดอนเข้ามา รอเรือพระที่นั่งทอดพระเนตรที่ซึ่งจะทำป้อม ที่แหลมฟ้าผ่าครู่หนึ่ง เวลาเช้า ๓ โมงเศษเดินเรือพระที่นั่งกลับขึ้นมาตามลำแม่น้ำ เวลาบ่ายโมงเศษถึงท่าราชวรดิฐ เทียบเรือพระที่นั่งแล้ว เสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ตรัสกับเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์และข้าราชการซึ่งมารับเสด็จนั้นครู่หนึ่ง แล้วทรงพระราชยานเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ครั้นเวลาย่ำค่ำเสด็จออกขุนนาง พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกพระยาสุรินทรฦาไชย ผู้ว่าราชการเมืองเพ็ชร์บุรี แม่กอง หลวงนราธิกรฤทธิข้าหลวง ว่าด้วยตัดทางทำสายโทรเลขฉะบับ ๑ ใบบอกเจ้าพระยาวิเชียรคิรี ผู้ว่าราชการเมืองสงขลา ๘ ฉะบับส่งต้นไม้ทองเงิน เครื่องราชบรรณาการจำนวนปีมะเส็งตรีศกฉะบับ ๑ ส่งทองคำส่วยหน้ก ๑๗ ตำลึง ๒ สลึงเฟื้อง จำนวนปีมะเส็งตรีศกฉะบับ ๑ ส่งดีบุกภาษีเมืองยะลาจำนวนปีมะเส็งตรีศกหนัก ๑๐ ภาราฉะบับ ๑ ส่งผลกระวานหนัก ๒ ชั่ง กระแชงตัวเปียะ ๒๐ ผืน ส่วยเมืองสงขลาจำนวนปีมะเส็งตรีศกฉะบับ ๑ ส่งเครื่องยศพระอนุรักษ์ภูเบศร หลวงอุดมภักดีผู้ช่วยราชการซึ่งถึงแก่กรรมคืนฉะบับ ๑ ขอรับพระราชทานเครื่องยศ ตำแหน่งที่หลวงอุดมภักดี มาพระราชทานหลวงอนันตสมบัติผู้ช่วยราชการฉะบับ ๑ ว่าด้วยผูกพัทธสีมาวัดหน้าถ้ำแขวงเมืองยะลา วัดหน้าเมือง วัดแม่เตย วัดเกาะยอ เสร็จถวายราชกุศลฉะบับ ๑ ว่าด้วยทำการเผาศพ พระอนุรักษ์ภูเบศร หลวงอุดมภักดีฉะบับ ๑ ทรงราชการต่างๆ ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นประทับในออฟฟิศแล้วเสด็จไปประทับที่ซิตติงรูม ทรงระยะทางสำหรับเรือพระที่นั่งเวสาตรี จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
วัน ๑ ๕ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออก พระยารัตนโกษาเฝ้าแล้วทรงฎีกาและการต่างๆ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์น้อยและกรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้า แล้วเจ้าพระยาสุรวงศ์เฝ้าถวายตราสุริยมณฑลและตราสุริยมณฑลเป็นตราฝรั่งดวงหนึ่ง ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์คืน ทรงราชการต่างๆ จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกขุนนาง พระนรินทร์อ่านบอกเมืองภูเก็ต ๒ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าด้วยเก็บเงินภาษีผลประโยชน์เมืองภูเก็ตเป็นภาษีคอเวอนเมนต์ ฉะบับ ๑ ขอเงินภาษีทดรองให้จีนนายเหมืองไปทำทุนทำการ พระยาพิพัฒน์อ่านบอกเมืองระยองฉะบับ ๑ ส่งเงินปี้จีน ทั้งตั้งพระยาราชบุรี เป็นพระยาจางวาง พระสุนทรบริรักษ์ผู้ช่วย เป็นพระยาราชบุรี กับหัวเมืองขึ้นเมืองกาญจนบุรีอีก ๒ เมือง แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับที่ซิตติงรูม พระยาภาสกรวงศ์ เจ้าหมื่นสรรเพธเฝ้า และใคร ๆ เฝ้าอีก จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๒ ๖ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกประทับที่ซิตติงรูม กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้า ทรงเรื่องการทูลเมืองยุโรป แล้วกรมพิชิตเฝ้า และทรงฎีกาและความต่างๆ จนเวลาบ่าย ๔ โมงเสด็จขึ้น มิสเตอร์มูลเลอ กงสุลสวิเดนและนอรเวย์เข้ามาคอยเฝ้าที่เวตติงรูมครู่หนึ่ง ทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศทหารมหาดเล็กดำ สตานพรัตนและมหาจักรี เสด็จออกประทับที่ดรอวิงรูม มีทหารมหาดเล็กตำรวจกรมวังกรมท่าแต่งเต็มยศเฝ้า มิสเตอร์มูลเลอ กงสุลสวิเดนนอรเวย์เฝ้า ถวายพระราชศาสน์ของสมเด็จพระเจ้าออสกาที่ ๒ กิงแห่งกรุงนอรเวย์สวิเดนบอกข่าวที่เฮอรอแยลฮัยเนส ปรินเซสออฟเบอเดน ซึ่งเป็นพระสุณิสาประสูติพระโอรส พระเจ้ากรุงสวิเดนนอรเวย์พระราชทานนามว่า ออสกา เฟรดริก วิลเลียม โอลัฟ กาสตาเว็ด เอดอลฟัส และจะได้รับตำแหน่งยศเป็นดุกออฟสเกเนีย แล้วประทับตรัสอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นกงสุลกราบถวายบังคมลาไปแล้ว พวกตำรวจออกไป โปรดให้มิสตูเดอบุตรสาวกงสุลอเมริกันที่เมืองสิงคโปร์ ๑ มิสซิสตอเรกับมิสตอเรภรรยาและบุตรสาวกงสุลอเมริกันที่ ๒ ในกรุงเทพ ฯ เฝ้า ทรงปราศรัยตามที่ทรงคุ้นเคยมาแต่ก่อนแล้ว พระวิสูตรสาครดิฐ ๑ มิสเตอร์แอนเดอซันบุตรเขยพระวิสูตร ๑ มิสซิสแอนเดอซันบุตรสาวพระวิสูตร ๑ เฝ้าทรงปราศรัยตามธรรมเนียม แล้วเสด็จขึ้น โปรดให้มิสตูเดอ ๑ มิสซิสตอเร ๑ มิสตอเร ๑ บุตรชายมิสเตอร์ดอเร ๑ พระวิสูตรสาครดิฐ ๑ มิสเตอร์แอนเดอซัน ๑ มิสซิสแอนเดอชัน ๑ เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระนางเจ้าที่ท้องพระโรง สมเด็จพระนางเจ้าที่พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกขุนนาง ไม่มีราชการอะไร เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับที่ซิตติงรูม ทรงราชการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๓ ๗ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกประชุมเสนาบดีตามธรรมเนียม ผู้ที่มาประชุนวันนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช ๑ กรมหมื่นนเรศรวรฤทธิ ๑ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ๑ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๑ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ๑ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ๑ กรมหมื่นเทวะวงศ์วโรปการ ๑ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ๑ เจ้าพระยาพลเทพ ๑ เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ ๑ ประชุมปรึกษาเรื่องโทรเลข เรื่องสุราและอื่น ๆ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเลิกประชุมเสด็จประทับที่ซิตติงรูม ทรงราชการต่าง ๆ จนบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกขุนนาง พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกเมืองไทรบุรี ๒ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าด้วยได้รับพระราชทานเหรียญสตพรรษามาลา ฉะบับ ๑ ว่าด้วยหลวงธาณินทรพิพัฒน์ (ตนกูสมาแอ) ถึงแก่กรรม พระยาพิพัฒนโกษาอ่านบอกเมืองประจันตคิรีเขตต์ส่งเงินปี้เงินฉะบับ ๑ เมืองระยองขอหลวงพลสงครามนายกองด่าน เป็นหลวงเสนามาตย์ภักดีศรีสงครามยกกระบัตรฉะบับ ๑ พระยาเทพประชุนถวายอย่างถ่านศิลาก้อนหนึ่งว่ามีผู้ไปพบที่แขวงเมืองสุพรรณบุรี ทรงพระราชดำริจะให้กรมการทำเป็นของหลวง คงจะทุ่นเงินหลวงค่าถ่านขึ้นมาก และจะพระราชทานรางวัลแก่ผู้ไปค้นพบ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับที่ซิตติงรูมทรงราชการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๔ ๘ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกประทับสนามหญ้าหน้าพระที่นั่ง ทอดพระเนตรเจ้านายและมหาดเล็กเล่นลอนเตนนิสถวายครู่หนึ่ง พระครูบริหารอนามพรต (องกร่ำ) อานามนิกายมาเฝ้า นำจีนหลุยเปนศิษย์มาเฝ้าว่าเมื่อเสด็จพระราชดำเนินเมืองตราด ครั้นเสด็จกลับแล้วจีนหลุยเก็บได้ถาดทองคำใบ ๑ จึงคิดว่าจะเป็นของหลวงจึงนำมาทูลเกล้า ฯ ถวาย พระราชทานรางวัลแก่จีนหลุยผู้เก็บได้ ๑ ชั่ง แล้วเสด็จขึ้นประทับซิตติงรูมทรงการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๕ ๙ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกทรงฎีกาและราชการต่าง ๆ จนเวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกทับที่ดรอวิงรูม มิสเตอร์ยอนเอฮาลเดอแมน ราชทูตอเมริกันสำหรับกรุงสยาม เฝ้ากราบทูลราชการต่าง ๆ คือเรื่องว่าด้วยการที่หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ราชทูตนั้น เตือนขอให้ไปสำแดงเครเดนเชียลที่เมืองวอชิงตันเรื่อง ๑ ทูลถามด้วยการที่จีนกับไทยเกี่ยวข้องกันด้วยการอย่างไรเรื่อง ๑ เรื่องคอเวอนเมนต์อเมริกันให้ปืนวินชิสเตอ แก่ผู้ซึ่งช่วยพวกอเมริกันที่เรือแตก ในคำว่าเป็นรายาตุลุมของเรา สืบยังไม่ได้ความว่าเมืองใด เรื่อง ๑ ว่าด้วยได้ทราบคำลือว่ามิสเตอร์ซิกเกอล์กงสุลอเมริกันคนเก่ายืมเงินหลวงไปเมื่อจะไปนอก ถ้าจริงจะได้บอกให้คอเวอนเมนต์ทราบ จะได้ใช้เสีย ทรงตอบเรื่องที่ ๑ นั้นว่าหม่อมเจ้าปฤษฎางค์กำลังติดการที่จะต้องโต้ตอบกับอังกฤษ ฝรั่งเศส ด้วยเรื่องสุรายังไม่ตกลง แต่จะโปรดให้มีอินสตรักชั่นสั่งไปว่าเมื่อมีเวลาว่างเมื่อใดจะให้รีบไปอเมริกันโดยเร็ว อีกประการหนึ่งการเรื่องทำสัญญาทำสุรานั้นเป็นการยากต้องช้านานจึงจะแล้ว ครั้นจะตั้งทูตไปมาก ๆ ก็ไม่มีคนที่จะมีปัญญาที่จะใช้ได้ เพราะจะนั้นในชาติอเมริกัน ทรงพระราชดำริว่าถ้าหม่อมเจ้าปฤษฎางค์ได้ไปถึงอเมริกันเมื่อใดจะให้ขอต่อคอเวอนเมนต์ ให้มอบอำนาจให้ราชทูตในนี้ทำ จะได้เป็นการผ่อนเวลาให้น้อยลง เรื่องที่ ๒ นั้นว่าเรากับจีนในเดี๋ยวนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดที่คอเวอนเมนต์เขาจะเตือนเลย เป็นแต่นายห้างผู้ส่งประกาศเตือนเองเท่านั้น จะพระราชทานแมมโมแรนดัมให้ เรื่องที่ ๓ ว่าจะทรงเตือนเจ้าพระยาสุรวงศ์ให้สืบตัวดู เรื่องที่ ๔ ว่าเป็นเงินพระราชทานไม่ได้ยืม ครั้นราชทูตอเมริกันไปแล้ว มิสเตอร์นิวแมนผู้ว่าการแทนกงสุลเยเนราลอังกฤษเฝ้าด้วยการต่างๆ ครู่ ๑ แล้วเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกขุนนาง พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกพระอนุรักษ์โยธาข้าหลวงว่าด้วยชำระตัดสินความ พวกจีนยี่หิงวิวาทกับพวกโอเซ่งฉะบับ ๑ ส่งสำเนาคำตัดสินให้พวกยี่หิงซึ่งก่อวิวาทใช้ค่าทุนทรัพย์ให้แก่พวกโอเซ่ง ค่าที่เสียไปในเวลาเมื่อวิวาทกัน ข้าหลวงและกรมการคิดประมาณราคาใน ๒๐,๐๐๐ เหรียญ และที่พวกยี่หิงฆ่าพวกโอเซ่งตายและตัดศีร์ษะแขวนไว้นั้น หาได้ตัวผู้ฆ่าไม่ ให้หัวหน้าใช้เงินค่าส่งศพไปฝังที่เมืองจีน และโทษหลวงจะมีประการใดแล้วแต่จะโปรดฉะบับ ๑ ใบบอกเมืองกระบี่ว่าด้วยภาษีผลประโยชน์ ภาษีฝิ่นและอากรค่าน้ำฉะบับ ๑ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จประทับที่ซิตติงรูมทรงราชการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๖ ๑๐ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกพระบัญชรพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์ตะวันตก พวกญวนและจีนเฝ้าถวายของตรุษจีนแล้วประทับทรงราชการต่าง ๆ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์น้อยเฝ้าด้วยการโทรเลขและไปรษณีย์ และอื่น ๆ จนเวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนาอ่านบอกเมืองนครนายกเรื่องความชกกัน ข้างหนึ่งตกน้ำไปขัดกอหวายตายเรื่อง ๑ แทงกันตายเรื่อง ๑ ฉะบับ ๑ พระนรินทรราชเสนี ทูลนำพระยาจางวางเมืองราชบุรี ๑ พระยาราชบุรี ๑ พระสมิงสิงหบุรินทร์ ๑ พระสุวรรณคิรี ๑ กราบถวายบังคมลากลับไปเมือง แต่พระยาราชบุรีคนใหม่นี้ยังหาได้รับพระราชทานพานทองไม่ เพราะพานทองยังติดอยู่ที่พระยาจางวาง พระราชทานโต๊ะทอง กาทองไปก่อน ทรงราชการอื่น ๆ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จประทับที่ซิตติงรูม กรมหมื่นภูธเรศ กรมหมื่นเทวะวงศ์เฝ้า ทรงราชการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๗ ๑๑ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จักวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออก พระยาโชฎึกราชเศรษฐี พระสวัสดิวามดิฐ เฝ้าถวายขัดข้องเรื่องภาษีเกลือ ทรงเซ็นให้เจ้าพระยาภาณุวงศ์ตัดสินแล้วพระราชทานไปทีเดียว ไม่ได้คัดไว้ ทรงราชการต่าง ๆ จนเวลาทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนาอ่านบอกเมืองปราจีนบุรีส่งเงินปี้จีนฉะบับ ๑ เมืองฉะเชิงเทราส่งเงินปี้จีนเมืองพนมสารคามฉะบับ ๑ แล้วพระยาเทพประชุนทูลนำหลวงทรงสุรเดชกราบถวายบังคมลาออกไปรวบรวมความ ณ เมืองราชบุรี ทรงไต่ถามราชการต่าง ๆ ครู่ ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ แล้วเสด็จประทับที่ซิตติงรูม ทรงการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๑ ๑๒ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกทรงราชการต่าง ๆ หลวงนาวาเกนิกรถวายของตรุษจีน ทรงการต่าง ๆ จนเวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนาอ่านบอกกรุงเก่าขอที่ผูกพัทธสีมาฉะบับ ๑ พระยาราชวรานุกูลนำพระยานครนายกซึ่งเข้ามาแก้ความอุทธรณ์ เฝ้าถวายผ้าพื้นสีต่างๆ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จประทับซิตติงรูม ทรงราชการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๒ ๑๓ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกทรงราชการต่าง ๆ จนเวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๔ โมงเสด็จออกประทับที่ดรอวิงรูม มิสเตอร์นิวแมนผู้ว่าการแทนกงสุลอังกฤษนำคอลอแนลใบรน์ อินเยอร์เนีย ซึ่งเดินบกมาแต่ทวายเฝ้าทรงปราศรัยต่าง ๆ โปรดให้มาดูตราเครื่องราชอิสสริยยศสยามที่ออฟฟิศตามปรารถนาของเขาด้วย แล้วเสด็จขึ้น เวลาค่ำเสด็จออกขุนนาง ไม่มีใบบอกอะไร เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จประทับซิตติงรูม ทรงราชการต่าง ๆ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๓ ๑๔ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จออกทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีล ทรงประเคนพระองค์รับพระราชทานฉันในการตรุษจีน แล้วโปรดให้พระองค์เจ้าสุวภักตร์วิไลยพรรณไปทรงจุดเทียนที่เครื่องสังเวยเทวรูปที่ศาลริมป้อมพรหมอำนวยศิลป์แล้ว ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ทูลกระหม่อมฟ้าชายใหญ่เสด็จไปปล่อยปลาที่เรือปิกนิก แล้วเสด็จออกขุนนางที่นั้น แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ประทับห้องดรอวิงรูม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเฝ้าถวายแผนที่พระเมรุกรมขุนขัติยกัลยา ประทับตรัสอยู่จนบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกทรงราชการต่างๆ ที่ซิตติงรูม จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น
วัน ๔ ๑๕ฯ ๒ ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จออกทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระวันรัตถวายศีล ทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉันในการตรุษจีนคำรบที่ ๒ โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์ใหญ่เสด็จไปจุดเทียนที่สังเวยและปล่อยปลาเหมือนวานนี้ แล้วเสด็จออกขุนนาง แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เวลา ๒ ทุ่มเศษเพลิงไหม้ที่บ้านจีนหลังตึกแถวท่าเตียน ยิงปืนและตีหอกลองเป่าแตรทหาร แล้วเสด็จออกทรงพระราชยานออกทางประตูพิมานไชยศรีไปออกประตูรัตนพิศาล ไปตามถนนหน้าโรงทาน ข้ามสะพานอุโมง ไปออกประตูพิทักษ์บวร ไปออกช่องกุดเหนือประตูยอดท่าเตียน ไปประทับหน้าศาลต่างประเทศทอดพระเนตรให้ดับเพลิงด้านนั้น และให้รื้อแย่งเรือนที่จะเป็นเชื้อให้เพลิงลามลงสิ้นแล้ว เสด็จไปประทับบนป้อมมหายักษ์ทอดพระเนตรอยู่จนไฟโทรมลง แล้วมาประทับที่เชิงเทินกำแพงเมืองครู่หนึ่ง แล้วเสด็จทรงรถพระที่นั่งกลับทางถนนหว่างกำแพงพระบรมมหาราชวัง และวัดพระเชตุพนมาทางหน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ เข้าประตูวิเศษไชยศรีประทับหน้าพระที่นั่ง แล้วเสด็จขึ้น