โคลงของหม่อมเจ้าสุวรรณ

ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๑ กรมหมื่นไกรสรวิชิต

----------------------------

๏ ศรีสิทธิไชยไตรบวร ขาดเข็ญขจรทศทิศ
เนืองเพื่องนิตยบรรณา ทูลมุลิกาละเล้า
นอบน้อมเกล้าชระดัก ผเยียมาศปรักนานันต์
มาคั่งคัลสดุดี นครศรีอโยธยา
พระกฤษดาพรรฦก ล้วนแต่ตึกอย่างยุหรบ
ครบโรงทหารโรงแสง ทรงเปลี่ยนแปลงตรูตรา
ซุ้มทวาราหอรบ สบป้อมใต้นางจรัญ
เชิงเทินทงันสีมา ท้องรัถยาโรยทราย
สองฟากรายตึกตั้ง ทั้งโรงรถอัศวา
โรงคชาชาญชน ลตนลตนหื่นหัน
กระหึมมันโกญจนาท ดุจฟ้าฟาดศิขรา
หอรัษฎาโอฟิศ ล้วนขจิตรทอตา
ชาวชนายัดเยียด เดิรเบียดเสียดสับสน
ประเล่ห์กลหมู่มด เหลือกำหนดคณนา
อีกพรรษาชุกชุม พุ่มธัญญาแตกรวง
ตวงขึ้นเต็มยุ้งฉาง ไป่ระคางเคืองเข็ญ
เย็นรอบราชอาณาเขต ทั่วประเทศสีมา
น้อมศิราถวายไชย พระชนม์ให้ยืนนาน
จวบร้อยกาลพรรษา ทั้งสมณาพราหมณ์เพศ
ต่างโอนเกศเพิ่มพร องค์อดิศรผ่านเผ้า
เจ้าจอมภพสยามินทร์ ปวงอรินทร์ชระอาบ
ราบดุจหน้าเภรี ทุกธานีระย่อ
ฝ่อใจห้าวเหือดหาญ ต่างส่งสารทูลถวาย
บรรณาหลายเหลือตรา ทูลมุลิกาอคร้าว
ทั่วพิภพจบด้าว เฟื่องฟุ้งฟึกบุญ ท่านแฮ ฯ
๑ เถลิงภพเพ็ญภาคย์เพี้ยง สุริยัน
สมัยเมื่อยามมัชณันติก์ แจ่มจ้า
ไป่มีเมฆหมอกกัน กางกีด
ส่องทุกข์ทุกทั่วหล้า เสื่อมสิ้นสรัทกาล ฯ
๒ จรูญจรัสเพ็ญเพียบด้วย สาสนา
พุทธรัตนไตรยา เฟื่องฟื้น
พระคุณพระกรุณา ปถัมภก เทียวแฮ
กู้สาสนดำรงพื้น ภพแผ้วพูลเกษม ฯ
๓ พระมานมาโนชแม้น อินทร์องค์
เถลิงศักดิจักรพรรติพงศ์ ผ่านหล้า
ชุบเกล้าเหล่าประยูรวงศ มวญมาตย์
บานกมลไพร่ฟ้า นอบน้อมถวายพร ฯ
๔ ขจรพระเกียรติฟุ้ง ธาษตรี
สมณะประชาชี ชื่นหน้า
พานิชทุกธานี เนืองเนื่อง มาแฮ
สบสิ่งสรรพสินค้า ถี่ถ้วนล้วนตระการ ฯ
๕ พระมีมาโนชเอื้อ เอาภาร
สมัยเมื่อปัตยุบันกาล นี่นี้
ผู้ซึ่งเปนอาจารย์ สอนสั่ง ศิษย์แฮ
อักขระโหราลี้ จักเศร้าเสื่อมสูญ ฯ
๖ ปรารภภิกษุทั้ง สี่คณะ
ไยจึ่งเฉยเลยละ ว่างเว้น
ไป่มีกิจธุระ แต่สิ่ง ใดแฮ
เที่ยวเทศน์บังสุกุลเฟ้น ใฝ่ข้างหากิน ฯ
๗ จำเปนจะสั่งเจ้า พนักงาร
แก่พระวุฒิการชาญ ชอบใช้
รูปใดที่ชำนาญ จงสอบ ไล่แฮ
นิตยภัตรจะจัดให้ ทั่วหน้าทุกองค์ ฯ
๘ ศุกระวารสองค่ำขึ้น เดือนสาม
กุญสัปตศกยาม โชคได้
มีราชวโรงการตาม ดำริห์ ไว้เฮย
พระวุฒิการคำนับไท้ รับเบื้องบรรหาร ฯ
๙ รับโองการห่อนช้า ผาดผัง
ทูลบาทสมเด็จดัง โปรดเกล้า
จักไล่อักษรทัง ขบวรเลข พระเอย
ขอลอองบาทเจ้า ทราบเบื้องบทมาลย์ ฯ
๑๐ สดับสารดำรัสซั้น ทันที
เผือเร่งงบบาญชี รีบเร้า
สี่คณะพระจักมี สักเท่า ใดนา
ทันแต่ในพรุกเช้า จุ่งให้ทันประสงค์ ฯ
๑๑ ราชาคณะผู้ ปรีชาญ
สี่รูปมาเปนประธาน ที่นี้
พระครูมหาสิทธิการ อีกรูป หนึ่งนา
ผิดชอบจะได้ชี้ ขาดข้อกังขา ฯ
๑๒ พระธรรมไตรโลกผู้ ถาวร
พระสุคุณคณาภรณ์ เอกอ้าง
พินิตวินัยขจร โคลงกาพย์ ดีแฮ
ปิฎกโกศลข้าง ตลกล้ำเหลือขยัน ฯ
๑๓ พระครูสมุห์เจ้า คณะกลาง
พุทธสาสนสรรพเพทางค์ รอบรู้
ห้ารูปคลี่สมุดกาง ไตรตรวจ ดูแฮ
สงฆ์ซึ่งไล่ทุกผู้ ผิดท้วงทักถาม ฯ
๑๔ กำกับผู้ไล่นั้น นักงาร
เจ้าสุวรรณ๑๐พระวุฒิการ ชอบใช้
ศรีสุนทรโวหาร๑๑ อาลักษณ์ อีกแฮ
จำจดบาญชีไว้ ตกได้ทุกองค์ ฯ
๑๕ ส่ำสงฆ์ผู้สอบซ้อม สารา
ตั้งแต่นโมนา ถูกถ้วน
จบเกยแลอักขรา สูงต่ำ กลางแฮ
พินทุ์เอกโทไม้ม้วน สกดทั้งคำผัน ฯ
๑๖ ที่ได้พักตรผ่องเพี้ยง บัวบาน
ที่ตกก็เหื่อกาล อาบหน้า
จีวรประเล่ห์ธาร เปียกชุ่ม อยู่เฮย
เสียจิตต์เจียนจักบ้า บ่นเพ้อพึมพำ ฯ
๑๗ จำนวนถ้วนเสร็จสิ้น สมประสงค์
สามสิบเจ็ดรูปคง เท่านั้น
สมเด็จพระบรมวงศ์ ตรัสสั่ง
ไล่เลขอย่าให้ขั้น ดุจเบื้องบรรหาร ฯ
๑๘ หลวงโลกทีป๑๒ผู้ แกว่นการ
ขุนเทพยากรณ์๑๓ประทาน ที่ตั้ง
ลักษณจันทแลคูณหาร เจนจัด จริงแฮ
สอบไล่ใครผิดพลั้ง พลาดพล้ำซักถาม ฯ
๑๙ เลขไล่ไปตั้งแต่ นพพล
โคสัปต์สิบตลอดจน โจทย์บั้ง
ฉวางจบจวบถึงกรณฑ์ เจนจิตต์
ไป่ขัดข้องผิดพลั้ง จึ่งให้เปนครู ฯ
๒๐ ที่รู้ไม่จบแจ้ง เจนจัด
ทำแต่นพพลขัด ห่อนได้
ลางรูปก็อุทัจ มือสั่น
วางแท่งดินสอไว้ กดากหน้าลาจร ฯ
๒๑ ขบวรเลขภิกษุได้ โดยหวัง
ยี่สิบสองรูปดัง โปรดเกล้า
ควรเปนที่เชื่อฟัง สอนศิษย์ ได้แฮ
ฉลองพระเดชพระคุณเจ้า ภพพื้นแผ่นสยาม ฯ
๒๒ บัดมีรับสั่งเจ้า จอมประยูร วงศ์แฮ
จงเร่งบังคมทูล แก่นไท้
อักษรเลขประมูล บัวบาท พระนา
เบิกฉบับหลวงมาให้ ทั่วหน้าอาจารย์ ฯ
๒๓ พระวุฒิการคำนับน้อม ศิระสา
ถวายงบแต่บันดา ไล่ได้
พระมานมนัสปรา โมชชื่น ชมแฮ
สบกมลท่านไท้ ธิราชต้องตามประสงค์ ฯ
๒๔ บันดาอาวาสทั้ง สี่คณะ
รับฉบับหลวงแต่พระ ที่ได้
เณรศิษย์คฤหัสถ์จะ มีมาก น้อยแฮ
วันพระประทานให้ อัฐถ้วนทุกคน ฯ
๒๕ อยุธยาบำราศร้าง ราคี
พื้นแต่ปราชญ์ปรีชา ดื่นด้าว
เพราะเพื่อพระบารมี ปกแผ่ ไปเฮย
ทุกเทศทุกไทท้าว นบนิ้วถวายไชย ฯ
๒๖ ราชาคณะหนึ่งผู้ ภักดี
คือพระธรรมเจดีย์๑๔ บอกได้
ปลัดริด๑๕กวิวงศ์๑๖ปรี ชาว่อง ไวแฮ
พระปลัดแสง๑๗ให้ ฉบับทั้งสี่องค์ ฯ
๒๗ พระคุณพระยิ่งล้น คณนา
หนักกว่าแผ่นพสุธา ภาคยพ้น
ฦกยงมหิมหา มหรรณพ์น่าน น้ำเฮย
กว้างกว่าอากาศล้น โลกล้วนสยดแสยง ฯ
๒๘ ตราบแสงสุริเยศเจ้า เจ็ดวง
ลวกโลกประลัยลง ล่มมล้าง
เจือมันมัจฉติมิงจง เจียวจ่อ จุดแฮ
ดาลพระเดชเจ้าช้าง อย่าเศร้าเสื่อมสลาย ฯ
๒๙ นิพันธสรรค์เษกสร้อย สารา
เฉลิมบาทจอมจุฑา เทิดเกล้า
ทศทิศระอาอา นุภาพสั่น เศียรแฮ
ผายพระเกียรติรุ่งเร้า รอบพื้นภูวดล ฯ
๓๐ นิพนธ์ข้าบาทผู้ รำพรรณ์
คงทั่วสุริยจันทร์จรัล ฟอดฟ้า
ขุนเขาสิเนรุทงัน ขาดโค่น ลงเฮย
พระกิติยศเจ้าหล้า อย่ารู้มลายหาย ฯ
๓๑ สมภารสมภพพ้อง เศวตกุญ
ชรชาติราชอดุล เดชล้ำ
เสมอองค์อรรคจอมจุล จักรพรรดิ โพ้นเอย
อาจพลิกสามภพขว้ำ เพิกผ้ายภินพัง ฯ
๓๒ แท้ไทเทวราชท้าว จัตุพักตร์
ทรงมหิทธิมเหสักข์ แกว่นแกล้ว
เลอลงจากภวัค พรหเมศ
รังสฤษดิ์สี่ภพแผ้ว แผ่พื้นภูวดล ฯ
๓๓ เทียรทวยเทเวศรไท้ ทัดจันทร์
เหิรพฤษภเหจหัน หาศห้าว
สังวาลอุรุคพัน เฉวียงเวียด องค์แฮ
ทายธนูเหนี่ยวน้าว หน่วงโน้มแผลงผลง ฯ
๓๔ หนึ่งดังสมเด็จไท้ หริวงศ์
สังขจักรตรีศรทรง เงือดง้าง
คทาธรร่อนทรนง ไกวกวัด อยู่เฮย
ลาญทักทำลักมล้าง ราพร้ายรอนเศียร ฯ
๓๕ ฤๅองค์อมรเมศท้าว เทวินทร์
เสถียรคิรียเมฆิน ผ่องแผ้ว
กรกลอกวชิรจิน ดาเชิด ชูแฮ
แสงวิเชียรพรายแพร้ว พร่างห้องหาวหน ฯ
๓๖ เสด็จดลมาชุบหล้า สากล
ทั่วทวีปมณฑล แห่งหั้น
ปราศจากจลาจล เบียฬเบียด กันแฮ
ดุจฉัตรพรหเมศกั้น ร่มเกล้าเพรางาย ฯ
๓๗ จำรายอุบัทว์ถ้วน นรชน
ข้ามเขตทุกตำบล รื่นเร้า
สาวบ่าวต่างแต่งสกนธ์ โอ่อวด กันแฮ
มีแต่สุขฤๅเศร้า สัทแส้สำรวล ฯ
๓๘ เสียงสรวลเสียงแอ่วอื้อ อลเวง
เสียงแฉ่งเสียงเพลี้ยเพลง พาทย์ฆ้อง
ไพเราะเสนาะเลวง โคลงกาพย์ ฉันท์แฮ
โขนหุ่นละคอนร้อง พากย์แจ้วจับกรรณ์ ฯ
๓๙ นิรันดรทั่วทั้ง ธานี
อึงอุโฆษปัถพี ลั่นก้อง
ทิวาและราตรี เซงแซ่ หูนา
ยินแต่เสียงขับร้อง อ่อนเอิ้นเอาใจ ฯ
๔๐ ทุกไทเทเวศซ้อง สาธุการ
แด่พระจอมจุฑาธาร ท่านนั้น
โพนภพโพธิสมภาร ตามส่ง สนองฤๅ
ดุจดั่งฉัตรแก้วกั้น เกศหล้าธาตรี ฯ
๔๑ ธานีมีมากพ้น คณนา
ฤๅไป่ปานอยุธยา กึ่งก้อย
สัตรัตน์อเนกา มูลคั่ง ขูแฮ
เล่ห์ประดุจหิ่งห้อย ส่องสู้แสงจันทร์ ฯ
๔๒ เขตขันธ์ทั่วแว่นแคว้น สีมา ท่านแฮ
พระราชทานซึ่งฐานา นุศักดิ์ให้
เจียดกระบี่เสลี่ยงงา ตามยศ เขาแฮ
ต่างภักดีต่อใต้ บาทเบื้องบทบงสุ์ ฯ
๔๓ พระทรงสุรภาพเหลื้อง ฦๅชา
เกริกพระราชกฤษดา ทั่วด้าว
ทศทิศต่างโผอนอา เศียรพาท พระฤๅ
เกริ่นพระเกียรดิอคร้าว ครั่นฟ้าดินไหว ฯ
๔๔ พลไกรดุจคลื่นคลุ้ม คลาฟอง
เนื่องแน่นอรรณพนอง น่านน้ำ
ละตนละตนปอง ปัจนึก
เพียงโค่นขุนสิเนรุขว้ำ ล่มล้มแหลกลาญ ฯ
๔๕ แสนสารราญฤทธิร้า รณรงค์
เชื้อชาติอัคนีพงศ์ สุระร้าย
ย่อท้ายสร่ายเศียรตรง โถมถีบ แทงแฮ
ช้างเศิกเพิกพังผ้าย ตื่นเต้าแตกฉาน ฯ
๔๖ เหลือหาญเหลือห้าวห่อน เหลือหา
กำหรากป่วนกิริยา ขวิดคว้าง
กลอกเนตร์ส่ายงวงงา เงื้อเงือด อยู่แฮ
ทลวงแล่นลุยไล่มล้าง เศิกล้มลาญชนม์ ฯ
๔๗ ละตนสูงโสดเพี้ยง ภูผา
หกศอกคืบเบญจา เศษนิ้ว
สองเนตรดุจดารา ประกายพฤกษ์ พราวแฮ
เสทินบาทยาตร์ชิงริ้ว ร่านร้ายสร่ายเสย ฯ
๔๘ หมอควาญสวมหมวกเสื้อ จังมัง
ไตรรัตนตรัสห้ามขลัง คลาศแคล้ว
เศิกแสนศาสตรปืนประดัง ฤๅถูก เลยแฮ
แขงขับคชกลั่นแกล้ว เกลื่อนกลุ้มตลุมบอน ฯ
๔๙ กุญชรค้อนขวิดขว้าย ไปมา
ราญระพะพาธา ถีบซ้ำ
สารเศิกไป่รองา แต่สัก ตนเลย
ลุกไล่หงายงาค้ำ หั่นเสี้ยนเบียฬบร ฯ
๕๐ นพสุบรรณบัญญัติเก้า เท้าหมาย
หูใหญ่งางวงปลาย จรดพื้น
หางอัณฑโกษปลาย ภูมิภาค ถึงแฮ
โกญจนาทกาศก้องครื้น ภพเพี้ยงพังสลาย ฯ
๕๑ ขุนพลขันขี่เข้า สงคราม
แสนเศิกเพิกพังขาม ขยาดแพ้
โดยแบบระบอบตาม พิทยยุทธ ยิ่งแฮ
ไชเยศเดชกระเดื่องแล้ เลิศล้ำเหลือหาญ ฯ
๕๒ สารโสดโดดค่ายค้ำ ภังคา
เจนผจญผจัญงา ครุ่นครั้ง
เสียงปืนผึ่งหูคลา เสทินบาท ย่างแฮ
หักค่ายไป่รอรั้ง แหลกล้มถล่มทลาย ฯ
๕๓ ลองเชิงล้วนเหล็กหุ้ม สามัตถ์
ลุยขวากฉายถีบฉัด ลุ่มล้าง
หน้าร่าหุ์ผูกหนังรัด รึงมั่น คงแฮ
ทรายกรวดสาดราดช้าง ห่อนต้องตนสาร ฯ
๕๔ คชาธารธิราชไท้ ธำรง ภพเฮย
ยงยิ่งมิ่งมาตงค์ เลิศช้าง
งางอนประเล่ห์วง ศศิแจ่ม เจียวแฮ
กลเมื่อสุกปักข์ข้าง เขตขึ้นวันสาม ฯ
๕๕ ราชาประโภคถ้วน สบสถาน
เศวตฉัตรมกุฎกาญจน์ ก่องแก้ว
ขรรคาวุธประดุจปาน จักรกรด ไกรแฮ
ฉลองบาทวิชนีแพร้ว เพลิศพริ้มเพราตรู ฯ
๕๖ ผูกครบเครื่องยุทธ์แย้ง รำบาญ
พระที่นั่งพุดตาลพาน น่าท้าย
ปคนรัดชนักทาน ทองถัก งามนา
ข่ายเพชรหูขวาซ้าย ภู่ห้อยพร้อยพราว ฯ
๕๗ จัตุลังคบาทไท้ ธารทรง
สี่พระดำรวจยง ยาตร์เยื้อง
มหาเทพมนตรีคง เคียงคู่ หน้านา
อินทรเทพพิเรนทร์อ้าง บาทท้ายฝ่ายสาร ฯ
๕๘ กลางช้างหางมยุรฟ้อน เยียรยง
นายมหานุภาพคง ขี่ท้าย
แขงขับคชรณรงค์ เริงร่าน นักฮา
งามเงื่อนคลาคะคล้าย คชเอ้ราวัน ฯ
๕๙ ตุรงค์เรืองฤทธ์แกล้ว กลางสมร
ยงยิ่งจักรภมร ลอบเล้า
ดาลเดชดุจไกรสร โผนเผ่น ทยานเฮย
เยื้องอกยกคอเต้า ต่อด้วยดัสกร ฯ
๖๐ อัศดรกำหรากร้าย คำแหง
ดำด่างเขียวขาวแดง หมอกฝ้าย
ละตนรณฤทธิ์แรง เร็วรวด นักนอ
ประเล่ห์ว่าวายุพัดคล้าย เทียบเท้าเทียมทัน ฯ
๖๑ พื้นพันธุ์วลาหกทั้ง เจ็ดพงศ์
ทรหดอดทนคง ขับเขี้ยว
สู้ศึกอีกหาญทนง ฤๅยั่น เลยฮา
วกวิ่งชิงคลองเลี้ยว ไล่มล้างกลางสนาม ฯ
๖๒ อีกหมู่ม้าเทศแท้ สูงระหง
กำเลาะกำลังยง ย่างย้ำ
ยกคอย่อท้ายผจง เต้นเผาะ เผาะแฮ
งามสรรพสรรพางค์ล้ำ เล่ห์ม้าเมืองแมน ฯ
๖๓ ลางแล่นตลบเลี้ยว ลำพอง
โผนผกหกเหิรคนอง ร่านร้าย
คลีทวนถูกทุกลบอง เร็วรวด นักแฮ
สองเนตรกลมกลอกชม้าย ร่านร้องหฤหรรษ์ ฯ
๖๔ โถมทยานหาญหักกล้า กลางแปลง
ดีดกัดวัดเหวี่ยงแวง รุกเร้า
องอาจชาติกำแหง โหมหัก หาญเฮย
เร็วรีบถีบโถมเข้า ลุ่มล้างกลางสมร ฯ
๖๕ อแจสินธพล้ำ เลอหาญ
เร็วประเล่ห์ลมกาล พัดกล้า
ถูกน้อยร่อยร่อยปาน ยนต์ชัก ฉุดแฮ
เท้าแตกแยกย้ายถ้า ย่างย้ำลำพอง ฯ
๖๖ เบาะอานพานน่าทั้ง ซองหาง
ขลุมขนันรัดคาง ง่องง้ำ
โกลนผูกถูกระบอบทาง ยุทธยิ่ง ยงแฮ
แลพิฦกเลิศล้ำ เศิกเสี้ยนเศียรแสยง ฯ
๖๗ ทหารม้าสอดเกราะเสื้อ หมวกดำ
ขี่ตุรงค์กำยำ มุ่งมล้าง
เสนัดมัดประจำ กรเกาะ กุมแฮ
ขึ้นนกยกประทับง้าง จ่อจ้องปองประหาร ฯ
๖๘ พาชีพระที่นั่งต้น ตัวไกร
เจ้าพระยามโนไมย เลิศล้ำ
ผูกเครื่องกุดั่นประไพ เรืองรุ่ง งามนา
เยื้องอกยกเท้าย้ำ ย่างย้ายรายเรียง ฯ
๖๙ เพียงม้ามารุตร้าย เริงหาญ
โผนผกหกโหนทยาน ร่านร้อง
อำนาจประดุจกาฬ สิงหราช
ดาลกระดกเดชก้อง กึกหล้าแหล่งแสยง ฯ
๗๐ รถศึกพรรฦกล้ำ แหล่หลาย
เร็วยิ่งวายุรำพาย พัดกล้า
เทียมคู่ตุรงค์ขยาย เยื้องย่าง งามนา
โหมหักปรปักษ์ร้า รีบเร้าเอารงค์ ฯ
๗๑ กำกงประแหรกทั้ง ดุมเพลา
เรืองและงอนอ่อนเฉลา เหล็กหุ้ม
เทียมแสะเทศลำเภา โผนเผ่น ทยานแฮ
แลธุลีเกลื่อนกลุ้ม กลัดห้องหาวหน ฯ
๗๒ รถไชยไทธิราชเจ้า จอมสยา มินทร์เฮย
งามยิ่งงามพอตา อะเคื้อ
เทียมรถสหัสนัยนา เทวราช
ลองเลื่อนเคลื่อนลมเมื้อ แมกฟ้ามาดิน ฯ
๗๓ ทหารหน้าเริงร่านร้า รณรงค์
เสื้อสอดสวมสมทรง แนบเนื้อ
คันชีบคาดเคียนทนง หาญฮึก นักแฮ
กรเกาะเสนัดเงื้อ นกง้างกุมไก ฯ
๗๔ นายดาบถอดดาบจ้อง จรดล
ตราตรวจหมวดอลวน ไขว่คว้าง
เดิรด่วนกระบวรพล เรียงเรียบ
มุ่งมาดพิฆาฏล้าง เหล่าร้ายตายเตียน ฯ
๗๕ ทหารมหาดเล็กล้วน วงศ์ประยูร
มวญมาตย์ราชินิกูล หนุ่มน้อย
หมวกเสื้อจรัสจรูญ ทองถัก งามแฮ
ทายเทิดชิสเต้อ๑๘คล้อย คลาดเต้าตำเนิร ฯ
๗๖ ปืนใหญ่ใส่ล้อลาก ทหารญวน
แยกปีกตั้งเปนกระบวร บ่อนเสี้ยน
แกว่งชุดจ่อจุดชนวน เลงหลิ่ว ตานา
นัดละนัดไป่เพี้ยน ผิดนั้นอย่าแหนง ฯ
๗๗ ชนิดหนึ่งไป่ประจุนั้น แคดตะลิง กันแฮ
มินิตละสี่ร้อยยิง ย่อมได้
ปรปักษ์หักประวิง ประหว่าหวั่น นักนอ
ขวัญเกี่ยงกินเฝื่อนไข้ ซรากหน้าตาขาว ฯ
๗๘ จารงค์มณฑกทั้ง ขานก ยางเฮย
กสุนแตกแยกย้ายยก ยาตร์เต้า
เพียงพื้นปัถพีผก พังเพิก ลงแฮ
คลายคลี่นิกรเข้า ต่อตั้งกลางแปลง ฯ
๗๙ หามแล่นแล่นบุกเข้า โรมรอญ
ตั้งตับเปนสามตอน ต่อต้าน
ยิงยัดผลัดเปลี่ยนสลอน วงวิ่ง
มี่ศัพท์สำเนียงสท้าน สะเทื้อนท้องรณภู ฯ
๘๐ พลหาญเมิลมืดท้อง ธราดล
เพ็ญเพียบภูมิมณฑล ทุ่งท้อง
ผงคลีกระหลบบน อากาศ
กลุ้มกลัดภาณุมาศป้อง ปิดสิ้นแสงสูรย์ ฯ
๘๑ จัตุรงค์สี่หมู่ล้วน อาจองค์
เทียรทศโยธายง ยิ่งล้ำ
อภัยทุฏฐ์คามินีปลง ปลดชีพ
ทมิฬหมู่อาสัตย์ห้ำ หั่นกลิ้งกลางสนาม ฯ
๘๒ เพียงพลพิษณุนาถไท้ สังกร
เจ็ดสิบเจ็ดสมุทขจร กลั่นแกล้ว
อาจปลิดสุริยจันทร ทูลบาท พระนา
สี่ทวีปฤๅห่อนแคล้ว คลาศเบื้องบทมาลย์ ฯ
๘๓ ผิบ่นั้นประหนึ่งแม้ ขุนพล
จักรพรรดิจอมสากล ผ่านเผ้า
ใครคิดประทุษฐ์จน แต่จิตต์ มันแฮ
กระบถกระบัดตัดเกล้า เกลื่อนกลิ้งกลางผลู ฯ
๘๔ ผงคลีกระหลบห้อง หาวหน
เมิลมืดเมทนิดล กลัดกลุ้ม
กลบดวงสุริยมณฑล ชอุ่มอับ แสงแฮ
เปนพยุพยัพคลุ้ม ทั่วท้องธาษตรี ฯ
๘๕ พระที่นั่งเรือเหล็กล้วน กลไฟ
เร็วประเล่ห์ลมประไลย โลกล้น
ครื้นครื้นคลื่นคลอนใน อรรณพ นาพ่อ
ข้ามมหาสาคเรศพ้น ลัดนิ้วมือถึง ฯ
๘๖ อินยิเนียสรั่งทั้ง กัปตัน
รู้ระบอบแบบบรรพ์ เกี่ยงแก้
ลมแดงสลาตัน เบี่ยงแบ่ง ได้แฮ
โสโครกร่องน้ำแม้ ส่องกล้องมองเห็น ฯ
๘๗ มาเปนสหชาติเกื้อ กอบบุญ
เฉลิมบาทสมเด็จจุล จักรเจ้า
ยงยิ่งสิ่งสวัสดิ์สุน ทรภาพ
มิ่งมกุฎอยุธเผ้า ภพพ้นพูลเกษม ฯ
๘๘ ดุจดังจักรกรดเจ้า จักรพาฬ
ประเวศชโลธรพิศาล คว่างคว้าง
สี่ทวีปรีบเร็วปาน เหิรเหาะ ไปเฮย
เฉียวฉับพรับเนตร์ค้าง ค่ามพ้นพึงแสยง ฯ
๘๙ ผิฉนั้นดุจรถไท้ สุริยน
สว่างทวีปมณฑล ทั่วหล้า
ไขแสงส่องนภดล ไพโรจน์
เปล่งพระรัศมีจ้า แจ่มพื้นพโยมมาน ฯ
๙๐ ชลธารกระฉอกฟุ้ง ฟูมฟอง
อสุรรามลำพอง ง่าง้าง
เงื้อขวานประหารปอง พิฆาฏคว่าง ไปเฮย
ผ่าแผ่นภพล่มล้าง โลกก้องกาหล ฯ
๙๑ พรายพรายวะวาบเปรี้ยง ปลาบตา
แวบแวบแสงวิชุลดา พร่างพร้อย
ครื้นครื้นหมื่นโลกา กัมปนาท
พร่างพร่างพ่างภพด้อย เผด็จด้าวดาลฉลาย ฯ
๙๒ พระมีคชเรศล้ำ ลาวัณย์
เศวตพระพรผ่องพรรณ เพริศแพร้ว
ดำพงศ์ถนิมวรร โณภาส
ปทุมหัดถีแกล้ว กลั่นกล้ากลางสมร ฯ
๙๓ สามประยูรเชื้อชาติช้าง ฉัททันต์
เผือกผ่องเพียงหิรัญ เพริดแพร้ว
คชลักษณ์วิไลยวรร โณภาส
เล่ห์ประหนึ่งช้างแก้ว แก่นไท้จักรพาฬ ฯ
๙๔ หนึ่งม้าพระที่นั่งพื้น พงศ์กษัตริย์
รูปมฤคมาศทัด เทียบไว้
อกใหญ่สี่เท้ารัด หางรูด เรียวแฮ
ดื่มอุทกถึงใต้ ขอบคิ้วควรชม ฯ
๙๕ ขวัญแขวนสารสวัสดิทั้ง ศีร์ษะ ศึกแฮ
คันร่มหลังอัศวะ หื่นเห้า
ปลายหูประเทืองประ ทีปเทอด อยู่เฮย
ขวัญรับเงินทองเท้า มิ่งม้าควรสงวน ฯ
๙๖ ควรเปนจักรพรรดิเผ้า ภูวดา
คชรัตน์อัศวพา หนะไท้
ทวยทศโยธา เดียรดาษ
บริรักษ์ภักดีใต้ ต่อเบื้องบทมาลย์ ฯ
๙๗ บันดาลขุนทรัพย์ทั้ง ธรณี
ผุดดื่นพื้นปัถพี แด่นด้าว
ดาลโดยพระบารมี บูรพ์ภพ โพ้นเฮย
เพิ่มโพธิสมภารท้าว ท่านเที้ยรทันเห็น ฯ
๙๘ เบื้องบุญโกฏฐาสแท้ แทนสนอง
ดาลเกิดบ่อเงินทอง นับร้อย
เนืองเนกอนันต์นอง บวงบาท พระนา
วันละวันกว่าร้อย แห่งพ้นคณนา ฯ
๙๙ ปราจิณประจักษ์แท้ มหัศจรรย์
รอยเทพหากรังสรรค์ เษกให้
กอปเกิดบ่อสุวรรณ ธรรมชาติ
สมโพธิสมภารไท้ แน่แท้อย่าแหนง ฯ
๑๐๐ บรรหารพจนพร่ำพร้อง วาที
โดยมนัสปรีดี กล่าวไว้
ปวงปราชญ์โปรดปรานี เชิญเปลี่ยน แปลงพ่อ
ผิดชอบจงอย่าได้ ยั่วยิ้มเย้ยหยัน ฯ
๑๐๑ โดยบรรพ์ระบอบเบื้อง บูรพการ
เที้ยรทิพย์กมุทมาลย์ รื่นเร้า
บำบวงบาทมหิบาล ภูวนาถ
แทบยุคลผู้เผ้า ผ่านพื้นสยามินทร์ ฯ
๑๐๒ เย็นอกสมณะทั้ง พราหมณา
พระประยูรวงศา ทั่วทั้ง
มวญมาตย์ราษฎรประชา กรชื่น ชมแฮ
มีจิตต์สามิภักดิ์ตั้ง ต่อเบื้องบทมาลย์ ฯ
๑๐๓ ข้าบาทนรนาถไท้ ธเรศตรี ศวรแฮ
โอนศิโรตม์สดุดี ผ่านเผ้า
หม่อมเจ้าสุวรรณมี มาโนช
ทูลบาลจุลจอมเกล้า ภพพื้นภูวดล ฯ
๑๐๔ จงทวยเทเวศทั้ง จักรวาฬ
มาประชุมในสถาน ถิ่นท้าว
ขอเชิญช่วยอภิบาล บัวบาท พระนา
ดาลพระเดชเด่นด้าว ดุจด้วยดวงเดือน ฯ
๑๐๕ จงทรงสุรเดชเพี้ยง อวตาร
สรรพพิษภัยพาล แผกพ้อง
จงเจริญพระชนมาน ยืนยืด ยาวแฮ
เสวยเศวตฉัตรป้อง ปกเกล้าเมาลี ฯ
๑๐๖ รวมโคลงร้อยหกล้วน บรรจง
ทูลธุลีบาทบงสุ์ อยู่เกล้า
สรรเสริญพระเกียรติพงศ์ จักรพรรดิ ท่านนา
เที้ยรทิพย์สุคันธ์เร้า รสฟุ้งหอมหวาน ฯ

----------------------------

  1. ๑. พระวุฒิการ (ม.ร.ว. คลี่ สุทัศน์ ณกรุงเทพ) บุตรหม่อมเจ้าจินดา ในกรมหมื่นไกรสรวิชิต ได้เปนจางวางกรมธรรมการในรัชกาลที่ ๕ แล้วเลื่อนเปนเจ้าพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร เสนาบดีกระทรวงธรรมการ

  2. ๒. เรื่องสอบความรู้พระที่กล่าวในโคลงนี้ คือเมื่อทรงตั้งโรงเรียนหลวงแล้วมีพระราชประสงค์จะให้มีโรงเรียนตามวัด จึงสอบความรู้เพื่อจะเลือกหาพระสงฆ์เปนครูโรงเรียนตามวัด

  3. ๓. สมเด็จเข้าใจว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า ฯ กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ซึ่งได้ทรงกำกับกรมธรรมการ

  4. ๔. พระครูมหาสิทธิการ (กลับ) วัดมหาธาตุ

  5. ๕. พระธรรมไตรโลก (อ้น) วัดสุทัศน์ ต่อมาได้เปนพระพิมลธรรมอยู่วัดพระเชตุพน

  6. ๖. พระสุคุณคณากรณ์ (นิ่ม) วัดเครือวัลย์ ต่อมาได้เปนพระเทพกวี

  7. ๗. พระพินิตวินัย (ปาน) อยู่วัดมหรรณพ์ ต่อมาเลื่อนเปนพระเทพมุนี พระธรรมเจดีย์ แล้วเปนพระอุบาลี ฯ มาอยู่วัดพระเชตุพน

  8. ๘. พระปิฎกโกศล (อ่วม) วัดราชบุรณะ

  9. ๙. พระครูสมุหวรคณิศร (โต) วัดพระเชตุพน

  10. ๑๐. หม่อมเจ้าสุวรรณได้รับราชการเกี่ยวข้องในกรมธรรมการมาแต่ครั้งกรมหมื่นไกรสรวิชิต ทรงว่าธรรมการในรัชกาลที่ ๓ จึงได้มีตำแหน่งกำกับกรมธรรมการอยู่คราว ๑ ในรัชกาลที่ ๔ เมื่อกรมหมื่นอุดมรัตนราศี สิ้นพระชนม์แล้ว

  11. ๑๑. พระศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ต่อมาได้เปนพระยา

  12. ๑๒. หลวงโลกทีป (เถื่อน) ต่อมาได้เปนพระยาโหรา

  13. ๑๓. ขุนเทพพยากรณ์ (เพรียว) ต่อมาได้เปนหลวงโลกทีป

  14. ๑๔. พระธรรมเจดีย์ (ทอง) วัดอรุณ

  15. ๑๕. พระปลัดริด วัดดาวดึงส์ ต่อมาได้เปนพระครู

  16. ๑๖. พระกวีวงศ์ (เปีย) วัดคฤหบดี แล้วเลื่อนเปนพระเทพมุนี พระธรรมเจดีย์ แล้วเปนพระอุบาลีคุณุปมาจารย์ มาอยู่วัดกัลยาณมิตร

  17. ๑๗. พระปลัดแสง วัดสังกระจาย ต่อมาได้เลื่อนเปนพระครู แล้วเปนพระราชาคณะ ที่พระอริยศีลาจารย

  18. ๑๘. หมายความว่าปืนวินเชสเตอร์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ