ลิลิตของพระองค์เจ้าคัคณางคยุคล

(กรมหลวงพิชิตปรีชากร)

๏ สรวมชีพข้าบาทผู้ ภักดี
กายอิกจิตต์วาจี จวบพร้อม
เฉลิมพระเกียรดิ์ภูมี ศวรราช
เปนครโลงกาพย์น้อม นอบเกล้าทูลถวาย ฯ
๏ โดยความจงรักเบื้อง บาทบงสุ์
ควรมิควรขอทรง โปรดเกล้า
ขอเดชพระจอมพงศ์ ปกเกศ
เหลือขาดข้อคำเค้า ขัดข้องขอพร ฯ

ร่าย ศรีสิทธิ์พิชิตพิไชย ไกรกรุงรุ่งเรืองยศ ปรากฎเกียรดิ์กำจาย ผายพระคุณแผ่หล้า ร้ารอนเข็ญขาดเมือง เรืองบุญฤทธิ์ร่มราษฎร์ ขาดข้อลำเค็ญขุ่น อุ่นใจมาตยประชา สบสีมาเสพยสุข สนุกทั่วธรณิน ข้าศึกยินแสยงเดช องค์อิศเรศร์แหล่งสยาม งามพระองค์กลแกล้ง แสร้งรังสฤษดิ์แต่ฟ้า จบแหล่งหล้าใครเทียม เจ้าจอมเสียมสุรราช ปราชญ์เปรื่องปรีชาชาญ สบคุณสารสมบูรณ์ พูลพระกรุณาคุณ ก่อการบุญบมิเบื่อ เผื่อแผ่ทานบมิร้าง สร้างกุศลเชิดชู สาสนูปถัมภก ยกบวรพุทธสาสนา ถาวรยืดยืนยง ดำรงตามพุทโธวาท ทรงสรรพศาสตรชำนาญ ชาญคดีธรรมโลก พูลเพิ่มโภคสมบัติ ดำรงสัตย์สุจริต พจนวิจิตรวรวากย์ หลายส่ำพากย์ภาษา ส่ำเสนาเนืองอเนก มนตรีเอกอนันต์ สมบูรณ์สรรพสมบัติ ขนัดเนื่องนิกรประชา เสพยสุขานุสุขล้น พ้นอุปัทวันตราย ทุกวันวายว่างเศร้า เพราะพระเดชเกลี่ยเกล้า เกลื่อนร้อนเปนเขษม ฯ

๏ เปรมกมลทวยราษฎร์ทั้ง กรุงสยาม
นฤทุกขห่างไกลความ เดือดร้อน
ทั่วทั้งนิคมคาม เขตเนื่อง นั้นแฮ
เกรียงพระเกียรดิ์เกริกสท้อน ทั่วทั้งธรณี ฯ
๏ อุดมเมืองพิศแม้น เมืองเขียน ไว้ฤๅ
ดั่งเลื่อนชะลอเจียน จากฟ้า
รายรอบรัถยาเตียน แลลิ่ว
งามยิ่งงามทุกถ้า หลากล้วนแลหลง ฯ
๏ งามองค์ไทธิเบศร์เจ้า จอมสยาม ยงนา
งามพระปัญญางาม เลิศแท้
งามบุญดุจบุญราม เรื่องก่อน
งามเกียรดิ์กำจรแส้ ศัพท์ซ้องสรรเสริญ ฯ
๏ พระญาณยลยิ่งล้ำ เลอหลาย แล้วแฮ
เฉกเช่นชาดกขยาย เยี่ยงชี้
มโหสถสืบเชื้อสาย สัมพุทธ
ใช้แบบเบญญานี้ ต่อด้วยดัสกร ฯ
๏ ราชานุวัตรครั้ง โบราณ ก็ดี
ฤๅปัตยุบันกาล ใหม่แก้
ฤๅต่างประเทศสถาน ฉบับแบบ อื่นเอย
พระจัดพระเจนแปล้ ปล่งถ้วนทุกลบอง ฯ
๏ คดีโลกปราชญ์ใหม่แจ้ง กิจจา ไว้ฤๅ
คดีโลกแต่เดิมมา กล่าวพร้อง
คดีธรรมพุทธจริยา นุวัตรโลก ถือเอย
เจนหฤทัยถิ่นข้อง ขัดนั้นฤๅมี ฯ
๏ กาพย์กลอนพจนพากย์ล้วน แสนเสนาะ
ทรงนิพนธ์ไพเราะ โสตกล้ำ
ทุกอย่างห่อนฉะเพาะ แต่นั่น นี่เลย
เปนมหัศจรรย์ล้ำ โลกซ้องสดุดี ฯ
๏ ธรรมศาสตรไสยศาสตรทั้ง ราชนิติ์
โลกยวัตรสุภาสิต ก่อนกี้
ไทยขอมแขกอังกฤษ วจนวากย์
สรรพศาสตรดั่งเช่นชี้ พระแจ้งเจนเฉลียว ฯ
๏ บารมีพระมากพ้น พรรณา
ดั่งจักรพรรดิราชา ธิราชไท้
มีเศวตคชโสภา เผือกผ่อง
ถึงนพคชได้ แต่ล้วนดรุณสาร ฯ
๏ สมภารพระหากให้ แลเห็น
ควรคิดคำนึงเปน ปลาดแท้
เพื่อหล้าจะอยู่เย็น เพราะพระ เดชนา
จึงเทพย์ปวงปล่อยแก้ คชฟ้ามาดิน ฯ
๏ ไพรินทร์กำเริบร้า ราวี
กลับพินาศเยียวธุลี แหลกแล้ว
ใครคิดประทุษฐมี แต่กลับ แกลนนา
ถอยพยดเกลื่อนแกล้ว แผกแพ้เดชา ฯ
โคลง ๓ ทั่วสยามาณาเขต ได้พึ่งพระเดชปิ่นเกล้า
จอมจุลจักรพรรดิเจ้า โลกล้วนสดุดี ท่านนา ฯ
โคลง ๒ เฉกสุริยศรีสว่างฟ้า ยามเมื่อส่องแสงจ้า
แจ่มสิ้นดินสวรรค์ ฯ  
๏ ฤๅดั่งจันทร์แจ่มหล้า วันเพ็ญเด่นฟ่องฟ้า
สว่างพ้นพันแสง ดาวนา ฯ  

ร่าย จักแสดงศุภสาร เรื่องกิตติการโสกันต์ ตามสำคัญโดยยล แจ้งยุบลแต่ย่อ ต่อนุกรมแต่ละน้อย ข้อยขอเรียบเรียงความ ตามแต่ได้รู้เห็น ไว้พอเปนเงาเงื่อน แม้คลายเคลื่อนคลาเพราะ ไป่เสนาะโสตกลใด ขออภัยรุตตะโทษ โปรดอย่าเย้ยแย้มสรวล แห่งใดควรบั่นเติม เชิญรอนเสริมตามชอบ ไว้ระบอบเนานาน สูญพสุธาธารสิ้นฟ้า จึ่งคำข้าอันตราย จักภิปายเริ่มร่าง ป่างพระบาทบดินทร์ ทรงพระจินตนาตรึก รฦกถึงพระนุชนาถ องค์เยาวราชกนิษฐา มีชนมพรรษาประมวญ ควรแก่โสกันต์กิจ จึงบพิตรทรงดำริห์ ควรเริมริก่อการ ให้มโหฬารพรรลึก เปนอธึกวิธี โดยศักดิ์ศรีสุริยพงศ์ จึงทรงพจนเอื้อน เยื้อนยุบลบรรหาร ข้าบทมาลย์มวญมาตย์ เขาก็รับราชโองการ แล้วเขียนสารสั่งหมาย รายรู้ตัวทั่วถ้วน ล้วนจัดตั้งเตรียมการ ทุกพนักงารไตรตรวจ ทุกหมู่หมวดตกแต่ง แบ่งระยะที่ทาง วางเรียงราชวัตร ฉัตรเบญจรงค์ราย วาดระบายบรรเจิด ดูพเพริศเพราตา เรียงรายมาตามรัถเยศ หางมยุเรศปลิวปลาย รายสถลเสื่อลาด แต่เกยราชวังใน ไปกระทั่งปราสาท บ้างแผ้วกวาดปัดปู ดูคคึกอึงอล บ้างรื้อขนที่สรง ตั้งที่ตรงไกรลาส ดาษผ้าผูกแผงพนัก ปักฉัตรนากเงินทอง ราชวัตรกรองลายปรุ ฉลุฉลักบรรจง ล้อมที่สรงรายรอบ เบื้องกลางกอบเบญจา โขมพัสตราดาษแต่ง เพดานแบ่งห้าชั้น เครื่องสูงกั้นรอบใน ยลตรูใจตรูตา ที่ภูผาไกรลาส ดาษปรำเบื้องบน มีสระชลธีธาร ละหารห้วยตรวยตรอก ตามริมซอกเชิงผา รูปคชาต่างชาติ ไกรสรราชผันผยอง กิเลนมองเมียงคู่ หมู่พยัคฆ์เมินเมียง กาษรเคียงกาษร ฝูงกินรรำราย ทอดกรกรายดูชอ้อน เหล่าโคต้อนเหล่าโค หมู่โลโตโผนเผ่น เล่นแก้วแล้วลำพอง สีหราชมองหมายมฤค กระทิงถึกเบิ่งหน้า เลียงผาท่าเผ่นโผน เหล่าลิงโลนหน้าหลอก กะรอกกะแตไต่ไม้ สุกรไซ้ดุนดิน รูปพวกสินธพชาติ วาดระบายหลายสี ขาวเขียวมีหลายอย่าง ผ่านดำด่างแดงปน หมอกมัวมลแซมทราย แดงเหลืองลายกระเลียว หลังตะขาบเขียวมรกฎ สีสุกสดใสส่าง มีหลายอย่างนานา เหล่าพฤกษาต่างพรรณ เฉกหิมวันตไพรพฤกษ มีอยู่ตรึกเหลือตรา ล้วนรุกขาดอกช่อ ต่อผลผลิใบแกม แซมสลับซับซ้อน ร่มบังร้อนสุริเยศ มีหลายเพศหลายพรรณ กรรณิกาการเกด มนาวเทศดกดัด ลางลิงสลัดใดแนม แกมแก้วเกดกระดังงา พุดซ้อนลาหลายเลศ ฉะบาเทศดกดาษ ขาวเหลืองกราดยรรยง ดูดั่งดงแดนเขา เหลือรู้เราจดจำ ทำทางทำดูสอาด เพียงไกรลาสเมืองบน ที่สรงชลธารา มีศิลาปูลาด ดาดพื้นเนียนน่านั่ง แผ้วชลถั่งลำธาร มีปทุมมาลย์หลากเพศ โกมุทเศวตสัตบงก์ บัวหลวงจงกลนี เผื่อนผันมีหลายอย่าง สีต่างต่างตรูตา หมู่มัตสยาคล่ำคล้ำ ว่ายแหวกน้ำฟูฟอง คนองตนตามเหล่า มากหมู่เต่าหมู่ปลา สุดคณนานับได้ ซึ่งว่าไว้พอฟัง ยังเบื้องบนไกรลาส มีปราสาทปาสาณ เทวสถานอารักษ์ อิศรศักดิ์สิงสถิต ยลวิจิตรยรรยง ตรงชะง้อนภูผา เอาศิลาอ่อนแกะ รูปสารแสะสีหราช อุศุภผาดยืนยัน ผันหน้าสู่บูรพทิศ ยืนเยื้องบิดเบี่ยงกาย เพื่อคอยคายธารา พิศเปรมตาเปรมใจ มาดผู้ใดเดิรเจอ เฌอขุนเขาไกรลาส เพียงพิศวาสหลงใหล ห่อนคิดไปชมอื่น ชื่นชมชักชวนกัน ยลต่างพรรณหมู่ไม้ เพียงแต่ไกรลาสไซ้ โลกเพี้ยงพิศวง สิ้นแล ฯ

โคลง ๒ ใครแลหลงอยู่สิ้น แม้กุมารยลดิ้น
อยากได้มายล บ่อยนา ฯ
๏ เบื้องบนปราสาทเจ้า จักรพรรดิ
ต่างพนักงารจัด แต่งตั้ง
มณฑลพระแท่นรัตน์ สถิตทิศ ออกเอย
ดาษพิดานบนกั้ง รอบเบื้องมีระบาย ฯ
๏ ม้าลายจำหลักตั้ง ตรงกลาง
พระพุทธบุษยรัตนวาง ท่านไว้
ฝ่ายเบื้องพระปฤษฎางค์ พุทธรัตน์ นั้นฤๅ
ตั้งพระเจดียไซ้ หมู่ม้ามีรอง ฯ
๏ สองข้างพระห้ามญาติ ซ้ายขวา
หลังพระเจดีย์มา แห่งนั้น
สังเขปปิฎกปา ฏิโมกข เรียงแฮ
หน้าพระเบื้องขวาหั้น พระแก้วเรือนทอง ฯ
๏ ม้าสองรองถัดตั้ง พระไชย ท่านนา
ห้าแผ่นดินเรียงไป แถบนั้น
เบื้องขวาพระแท่นใน สถิตเทพ ดาแฮ
เชิญพระลัญจกรกั้น อยู่ถ้าทักษิณ ฯ
๏ รูปสุรินทรเทวราชไท้ อิกองค์ หนึ่งฤๅ
เชิญพระขรรค์ยรรยง ฝ่ายซ้าย
อิกธารพระกรทรง สิทธิศักดิ์ สองนา
สามพระแสงเทพท้าย เทิดเบื้องอุดร ฯ
๏ หลังอมรเทวราชนั้น เรียงมา
ฉลองพระองค์พระชฎา กลีบไว้
อิกลุ้งพระมาลา เพ็ชรรัตน์
หีบเครื่องสงครามไส้ ห่อผ้าถุงแดง ฯ
๏ หีบสังข์หลังเทพท้าว อิกองค์ หนึ่งเอย
แลพระพิไชยมง กุฎแก้ว
หนึ่งฉลองพระองค์ทรง สู้ศึก
ทั้งพระมาลาแพร้ว เบี่ยงเบื้องนามกร ฯ
๏ แสงศรสามเดชล้วน มหิมา
นามอัคนิวาตอา นุภาพพ้น
ประลัยวาตเดชา ปราบโลก ลาญเอย
พรหมาสตร์เรืองฤทธิ์ล้น เล่ห์เพี้ยงศรราม ฯ
๏ พระแสงตรีเพ็ชรแส้ หางสาร เศวตฤๅ
แสงดาบใจเพ็ชรหาญ ฤทธิ์ร้าว
พระแสงยี่ปุ่นชาญ ไชยเยศ
เนาวโลหะห้าว อีกทั้งทรงเดิม ฯ
๏ แสงปืนนพรัตน์แส้ จามรี
แสงจักรขรรค์ไชยศรี แกว่นกล้า
พระแสงยี่ปุ่นมี นามเวียด หนึ่งเอย
แสงดาบคาบค่ายร้า ฝักเกลี้ยงอิกองค์ ฯ
๏ อังกุสกะไหล่ล้วน บรรจง
อังกุสพลพ่ายยง ยศแผ้ว
พระแสงสินาศทรง ข้ามฝั่ง โสตงแฮ
ปวงสถิตบันไดแก้ว อยู่เบื้องประจิม ฯ
๏ เบื้องริมท่อนน่านั้น ควรคง
พระสุพรรณบัฏบรรจง แต่งตั้ง
อิกเครื่องพิไชยสง ครามสถิต เสถียรแฮ
ซ้ายแลขวาทั่วทั้ง สี่เบื้องเรียงราย ฯ

ร่าย ยังหลากหลายเหลือเล่า เหล่าพระเต้าหลายพรรณ พระเต้าปัญจกษัตริย์ ขันหยกรัตน์เรืองรอง ปักเทียนทองตรงกลาง มีถ้วยวางรายรอบ ครอบพระกริ่งเทวบิฐ เบญจคัพภวิจิตรนพเก้า พระเต้าปทุมถ้วนตรี พระเต้าศีลาสอง รองถัดเต้าไกรลาส เนาวเคราะห์ดาษเทวรูป เต้าหยกสรูปรวมเสร็จ ถ้วนสิบเจ็ดพระเต้า เข้าพิธีมณฑล ถาดรองชลสรงพระพักตร์ ล้วนมาศฉลักลงยา ดวงพระชันสาบรรจง ลงพานสุวรรณวิจิตร โสภณพิศเพริศพริ้ง เลิศล้วนสิ่งมงคล เสามณฑลสี่ไซ้ ให้ผูกกรรภิรมสาม อิกหนึ่งนามเศวตฉัตร สำหรับรัตน์คชาธาร เครื่องรอนราญรณยุทธ ธงกระบี่ธุชฝ่ายขวา ธงครุฑพ่าหเบื้องเฉวียง เรียงรายง้าวทวนดาบ โล่ห์ปืนคาบชุดหอก บอกหนึ่งปืนขนาดใหญ่ เต้ากะไหล่เงินงาม เรียงรายตามชั้นล่าง หว่างหลังแท่นมณฑล มีเต้าชลสระคา สระยมนาเกตุแก้ว สรรพสิ่งล้วนเพริศแพร้ว พรั่งพร้อมเพรืยงการ ฯ

โคลง ๒ โต๊ะสถานทักษิณไซ้ พระนิรันตรายได้
สถิตตั้งตรงกลาง แลนา ฯ  
๏ โต๊ะช้ายวางเทพไว้ นามสยามเทวราชไท้
คู่บ้านเมืองวัง ฯ  
โคลง ๓ พระมหาสังข์ทักษิณาวัฎ ประดับรัตน์นพเก้า
เทวรูปอิกพระเต้า มาศตั้งรวมกัน ฯ
๏ ดับถึงวันแรกตั้ง พิธี
ปวงอมัจมนตรี ทั่วหน้า
ต่างคนอ่าอินทรีย์ โสภาค
จรสู่วังเจ้าหล้า พรั่งพร้อมเตรียมการ ฯ
๏ พนักงารใครต่างเกื้อ ตามงาร ตนเอย
พร้อมเสร็จดั่งโองการ ปิ่นหล้า
พลเรือนเหล่าทหาร เกณฑ์แห่
ต่างแต่งกายเตรียมถ้า จัดตั้งตามขบวร ฯ
๏ ฝูงชนชวนพวกพ้อง ลีลา
หลายส่ำสุดคณนา นับอ้าง
รายนั่งแน่นรัถยา ยัดเยียด กันแฮ
สองฟากหาว่างข้าง หนึ่งน้อยฤๅมี ฯ
๏ บางเหล่าสวมหมวกเสื้อ กรีดกราย
นุ่งม่วงนุ่งต่วนลาย พร่างพร้อย
แก่หนุ่มเด็กหญิงชาย เนืองแน่น
นับหมื่นนับพันร้อย นั่งตั้งตาคอย ฯ
๏ พอแสงสุริยคล้อย สายัณห์
พลแห่พร้องเพรียกกัน กึกก้อง
สารวัดเร่งจัดสรรค์ ตามที่
เหล่าพวกพิณพาทย์ฆ้อง เอิกอื้อบรรเลง ฯ
๏ ขบวรแรกที่หนึ่งนั้น นายทหาร พลองแฮ
โทถัดเทิดถือขวาน เงือดเงื้อ
แตรฝรั่งกังวาลขาน เซ่งแซ่
สวมหมวกสีดำเสื้อ แจ่มจ้าแดงฉัน ฯ
๏ ถัดถึงออฟฟิเซ่อเสื้อ เต็มยศ
ทองปักลายแขนจรด ศอกคู้
สายสพายมาศสุกสด สวมหมวก ภู่แฮ
ถือกระบี่ท่าสู้ เศิกเหี้ยมคำแหง ฯ
๏ ทหารแถวใหญ่เต้า ต่อมา อิกเอย
หลายตับแต่งกายา อะเคื้อ
คนธงเทิดธงตรา สารเศวต
กลองแขกสองสอดเสื้อ เพริศพร้อยพรายแสง ฯ
๏ ถับถึงหมู่มหาดเสื้อ ครุยกราย
สวมพอกนุ่งผ้าลาย อย่างเกี้ยว
สารวัดครบสี่นาย กำกับ
สองฟากเดิรเรียบเลี้ยว ลดนั้นฤๅมี ฯ
๏ ถัดมาเหล่าเด็กล้วน แต่งตน ต่างเอย
เปนเพศจีนจรดล ดับต้อย
มลายูเยี่ยงแต่งสกนธ์ เหน็บกฤช กรายแฮ
แขกเทศไทยน้อยน้อย เนื่องริ้วรายเรียง ฯ
๏ หว่างกลางแถวเด็กนั้น กลองชนะ
เดิรต่อเปนระยะ เรียบร้อย
ไป่ปนไป่คลุกคละ เลอะเลื่อน กันแฮ
จ่าปี่เป่าจ้อยจ้อย จอดจ้อจับใจ ฯ
๏ แตรงอนแตรฝรั่งก้อง กังวาล
แตรต่อแตรประสาร แซ่ซ้อง
เสียงสังข์เป่ารับขาน เสียงต่อ กันนา
เสียงพิลึกกึกก้อง เกริ่นหล้าแหล่งไหว ฯ
๏ ต่อไปถึงฉัตร์ชั้น เบญจางค์
สามคู่เรียงรายกาง ก่งกั้น
พระแสงหว่างเครื่องกลาง ถ้วนสี่ องค์เอย
บังแทรกฉัตร์เจ็ดชั้น เชิดเต้าต่อมา ฯ
๏ นอกเครื่องโหรซัดเข้า เปลือกสาร
พราหมณ์เป่าสังข์เสียงขาน แซ่ซ้อง
บัณเฑาะว์ศัพท์กังวาล แสนเสนาะ
เสียงเป่าเสียงตีก้อง กึกด้าวแดนเวียง ฯ
๏ นางเชิญมยุรฉัตรเต้า ต่อมา อิกแฮ
เหมหิรัญบุบผา คู่ข้าง
ห่มตาดแต่งกายา กุก่อง
เพราเพริศบรรเจิดผ้าง พิศเพี้ยนอับสร ฯ
๏ ถับถึงยานมาศไท้ อนุชา ท่านนา
ฉลุฉลักเพราตา มาศพร้อย
หลวงพระอิกพระยา เดิรคู่ เคียงแฮ
สวมสอดเสื้ออย่างน้อย นอกนั้นครุยทอง ฯ
๏ บังสูรย์พระกลดกั้ง บังแสง สูรย์เอย
บังแทรกแทรกแซมแซง เสียดข้าง
อินทร์พรหมห่มเสื้อแดง เขียวคู่ กันแฮ
พัดโบกโบกพัดคว้าง ต่อท้ายถัดมา ฯ
๏ เชิญพระแสงเชิญเครื่องถ้วน อัษฎางค์
โอ่อ่าอรสำอาง เรียบร้อย
งามเงื่อนอนงค์นาง สรวงภพ เทียบฤๅ
นางพัชเชิญพัชน้อย ต่อท้ายเรียงมา ฯ
๏ ขบวรหนึ่งสองเปรียบอ้าง กลกัน แลแฮ
พ้องทุกอย่างทุกพรรณ ดั่งชี้
แผกบ้างแต่สำคัญ บางสิ่ง
เบื้องน่าต่อไปนี้ จักแจ้งขบวรหลัง ฯ
๏ เครื่องสูงเจ็ดคู่ชั้น เบ็ญจางค์ สองแฮ
บังแทรกคู่หนึ่งวาง ท่อนท้าย
นางสระสี่สิบนาง เดิรเนื่อง มานา
ล้วนเลิศลออคล้าย หยาดฟ้ามาดิน ฯ
๏ นางสระหมู่เล็กล้วน ตรุณี
ผิวพักตร์ผุดผ่องฉวี หมดคล้ำ
พิศรูปเฉกกินรี โสภาคย์ พร้อมแฮ
แลพิลาสเลิศล้ำ โลกล้วนฦๅชา ฯ

ร่าย สระโขลนข้าหลวงหลาย ล้วนแต่งกายโอ่อวด ประกวดกันทุกกรม แต่งควรชมแช่มช้อย นิ้วนางก้อยสอดประวิตร์ ประกิตประกอบกายตน เดิรบปนเปนตอน อิกอัศดรผูกเครื่อง เนื่องมหาดเล็กหลาย มีมุลนายกำกับ หลายสิบตับหลายตอน จรเปนเหล่าเปนหมู่ ม้าทรงคูหนึ่งซั้น กั้นเดิรเปนกรมกรม ฝูงชนชมพระยศ หมดทุกคนทุกผู้ รู้พระเกียรดิ์กำจาย ขยายพระเดชกำจร ครั้นหมดตอนหมู่มหาด เหล่าทหารผาดผันผาย หลายส่ำสุดคณนา ตามกระบวรคลาไต่เต้า เสียงสเทื้อนฝีเท้า เฉกหล้าแหล่งไหว เจียวแฮ ฯ

๏ พลไกรเทียมเทพเจ้า รังสรรค์
ได้ประสบคือขวัญ เนตร์แท้
งามสิ้นทุกสิ่งอัน ลออเนตร์
เสียงเล่าเสียงฦๅแส้ ศัพท์ซ้องสรรเสริญ ฯ

ร่าย พอกระบวรเดิรคลาคลาศ ฝูงทวยราษฎร์ทั้งมวญ ชวนพวกพรรคเพื่อนพ้อง ร้องกันมาดูการ ที่หน้าลานหลายเหล่า บรู้กี่เผ่ากี่พันธุ์ เปนมหันต์มเหาฬาร บาลกมลแช่มชื่น หื่นกมลหฤหรรษ์ หลากหลายพรรณหลายเพศ ส่ำแขกเทศดาษดา ส่ำแขกชวามากมวญ ส่ำพวกญวนแลสลอน ส่ำพวกมอญแลสะลั่ง ส่ำพวกฝรั่งหลายพรรค์ อเมริกันปอตุเกต หลายส่ำเพศภาษา วิลันดาเดนมาร์ค ยากจะชี้ถี่ถ้อย ใช่แต่ร้อยแต่พัน อนันต์นับแสนหมื่น ดื่นระดะดาดาษ บ้างอ่าอาตม์ตามเพศ พิเศษสรรพ์แต่งตน แต่ละคนคนใช่ทราม พิศดูงามดูสวย พิศดูรวยดูรื่น ชื่นหน้าผาสุกรมย์ ชวนกันชมงารการ แสนสำราญทุกผู้ คนใดใคร่จักรู้ เกียจคร้านฤๅมี ฯ

โคลง ๒ ต่างยินดีชื่นช้อย แสนสนุกใช่น้อย
ทั่วหน้าเบิกบาน ฯ  
๏ เหล่านักงารเครื่องเล่น ระเบงระบำรำเต้น
เอิกอื้ออลเวง ฯ  
๏ เสียงครื้นเครงกึกก้อง ระนาดพิณพาทย์ฆ้อง
แซ่ซ้องเสียงประโคม ฯ  
๏ ฝูงชนโสมนัสน้ำ ใจบาน
ชวนชักชี้ชมงาร ทั่วผู้
แสนสนุกสำราญ ฤๅอิ่ม ใจนา
สบนิกรรั่วรู้ เกียรดิ์ท้าวสามไท ฯ
๏ ปางบรมไทธิราชเจ้า จอมธรา ดลแฮ
สถิตพระมนเทียรขวา เพริศแพร้ว
อาภรณ์พิโมกข์ปรา สาทส่อ นามฤๅ
งามขจิตรมาศแก้ว พร่างพร้อยพรายฉาย ฯ
๏ ทรงคอยรับหัดถ์ไท้ อนุชา ท่านนา
พร้อมหมู่มุขมาตยา กลาดเฝ้า
พระเผยพจนปรา ไสกิจ ราชฤๅ
ปองอมัจนอบเกล้า ตอบถ้อยทูลสนอง ฯ
๏ พอกระบวรมาเกือบใกล้ ทวารวัง
เสียงอุโฆษแตรสังข์ กึกก้อง
เรียงเรียบเทียบขบวรยัง สนามน่า ฉานแฮ
ยานมาศเทียมเกยซ้อง ออกอื้อกาหฬ ฯ
๏ ปางองค์นุชนาถเจ้า จอมประยูร
ยอหัดถ์อัญชลีทูล เทิดเกล้า
จึงปิ่นบดินทร์สูริย์ ทรงรับ กรแฮ
ขึ้นสถิตเกยรัตน์เฝ้า ท่านทั้งสามองค์ ฯ

ร่าย ส่วนจมื่นจงจ้องเกราะ เฆาะคำรบสามครา ทุกขบวรดาน้อมเกล้า จึงธเรศร์เจ้าจรดล ยังเบื้องบนปราสาท องค์นุชนาถทั้งสาม สถิตตามตำแหน่ง เขาตกแต่งไว้รับ ดับนั้นท่านทวยสงฆ์ สามสิบองค์ครบถ้วน ล้วนทรงศีลสิกขา สวดคาถาพุทธปริต สำเร็จกิจสงฆ์เสร็จ จึงสมเด็จบรมนาถ พระบาทเสด็จลีลา จากมนทิรารัตน์ราช ลีลาลาสยังเกย เผยกระบวรให้คลาย ผายกระบวรให้คลาศ เสร็จส่งราชอนุชา พระลีลากลับหลัง คืนเข้าวังเวียงราช หมู่อำมาตย์ทวยราษฎร ต่างคนจรสู่สถาน ถ้วนไตรวารพิธี มีการกลกล่าวแล้ว ไป่คลาศแคล้วอย่างชี้ พออรุณรุ่งนี้ จักได้โสกันต์ แลนา ฯ

๏ ดับถึงวันฤกษ์ได้ มงคล วารเอย
สรางสร่างแสงสุริยน สว่างหล้า
เสนามาตย์มุขมน ตรีตรวจ เตรียมแฮ
ตั้งกระบวรถ้วนหน้า พรั่งพร้อมเพรียงการ ฯ
๏ บัดไทธรณิศเจ้า จอมเสียม ภพแฮ
ทรงทราบมนตรีเตรียม พรั่งพร้อม
เสด็จทรงเครื่องงามเทียม เทียบค่า เมืองฤๅ
เสร็จออกอำมาตย์น้อม นอบเกล้าเกลื่อนสนาม ฯ
๏ ทรงส่งอนุชนาถให้ ทรงยาน มาศเอย
เพรารัตน์ประกิตกาญจน์ ก่องแก้ว
แตรสังข์แข่งบรรสาน แสนเสนาะ
คลายกระบวรคลาศแคล้ว คล่ำคล้ายคลาพล ฯ
๏ บัดดลจอมราชไท้ สู่ปรา สาทเอย
รับหัดถ์องค์อนุชา ท่านแล้ว
ส่ำขบวรนบศิรสา สามคาบ แล้วแฮ
เสด็จสู่มณฑียรแพร้ว เพริศอ้างอมรเมือง ฯ
๏ บัดสามอนุชไท้ จรลี
ยังที่นั่งปรางค์มณี นพแพร้ว
ภูษิตวิจิตรสี เศวตเปลี่ยน ทรงแฮ
แบ่งเกศสามภาคแล้ว ผูกห้อยแหวนทรง ฯ
๏ ถาดสรงพระพักตร์ล้วน ลงยา ยยับเอย
ครอบมาศพรอยพรายตา แต่งตั้ง
กันไตรคร่ำเลขา ลายกนก
กรรบิดเงินทองทั้ง นากแก้วก่องศรี ฯ
๏ พอดลศุภฤกษ์ได้ เวลา
พระบาทบรมราชา ธิราชไท้
ทรงสังข์หลั่งธารา เหนือเกศ
พระอนุชเพื่อให้ สวัสดิแผ้วพูลเกษม ฯ
๏ เสียงสังข์บัณเฑาะว์อื้อ อึงอล
สงฆ์สวดพุทธมนต์อวย ชเยศแผ้ว
เพื่อเจริญวริฏฐ์ผล พูลสวัสดิ
พระหลั่งวารีแล้ว ท่านเอื้อนโองการ ฯ
๏ แก่ไท้สองนาถเจ้า บรมวงศ์
เชิญช่วยปลงเมาลี นุชไท้
จึงสองพระองค์ทรง รับสั่ง ท่านนา
ปลงเกศสามน้องไท้ ดั่งเบื้องบรรหาร
๏ ครั้นเสร็จสามเสด็จเข้า คืนใน ฉากแฮ
เปลี่ยนเครื่องรัตนอำไพ เสร็จแล้ว
จึ่งสามธสู่ไกร ลาสโสรจ สรงเฮย
ไล้ลูบวรรณผุดแผ้ว ผ่องพ้นมลทิน ฯ
๏ สีหราชโคคชทั้ง อาชา
สี่รูปโรยธารา พรำพร้อย
หนาวกระทกกายา ยลสั่น สยองเอย
สรงเสร็จจรเคลื่อนคล้อย คลาศขึ้นเบญจา ฯ

ร่าย พราหมณ์พฤฒาเป่าสังข์ ดังเสียงพาทย์เภรี เสียงเป่าสีตีก้อง ฆ้องไชยฆ้องวงขาน ประสานเสียงนฤนาท พระบาทไท้ธหลั่งชล เหนือสกนธ์กนิษฐนาถ แล้วพระบาทสั่งให้ ไท้ท่านบรมวงศ์ ทรงรดเปนอันดับ ถับถึงพราหมณ์พฤฒาจารย์ ตามโบราณราชประเพณี สรงวารีแล้วเสร็จ สามเสด็จคืนหลัง ขึ้นยังมนทิรรัตน์ ผลัดเครื่องเปลื้องเปลี่ยนทรง ฉลององค์ครุยพรายเพริศ มงคลเทิดทัดเกล้า สามนาถเจ้าแต่งสกนธ์ พิศโสภณเพราเพริศ เลิศลักษณ์วิลัยทรง ใครใคร่บงบมิเบื่อ เรื่อแสงสุวรรณรัตน์ กระจัดกระจ่างพร่างพร้อย งามยิ่งงามใช่น้อย แน่งน้อยงามเจริญ ฯ

โคลง ๒ พิศยิ่งเพลินเพริศแท้ แลไหนงามนั่นแล้
เลิศต้องติดใจ บารนี ฯ
๏ เสร็จเสด็จไคลคลาศเต้า สู่ภายนอกเฟี้ยมเฝ้า
สดับเบื้องบรรหาร ท่านนา ฯ
๏ นฤบาลดำรัสให้ สามองค์
ถวายพิพิธภัณฑสงฆ์ ทั่วแล้ว
สงฆ์อวยชเยศมง คลแก่ พระนา
พระผ่องหฤทัยแผ้ว หลั่งน้ำแผ่ผล ฯ
๏ บัดดลภูวนาถอื้น โองการ
แก่ขัติยกุมารสาม นาถน้อง
จงเปลื้องเครื่องอลังการ ทรงเปลี่ยน เทอญพ่อ
สามสดับรับราชซ้อง หัดถ์ขึ้นเคียมคัล ฯ
๏ สามองค์ทรงเครื่องต้น พรรณราย
สอดสนับเพลาพราย พร่างพร้อย
ภูษิตพิจิตรลาย ทวยเทพ นมเอย
รายรอบริมรักร้อย กรอบชั้นเชิงชาย ฯ
๏ เอกองค์ทรงม่วงพื้น เพราตา
ลายครุฑขบนาคา คาบหิ้ว
เอกองค์พัสตรภูษา สีแสด
ลายกนกลายพลิ้ว กิ่งก้านแกมกัน ฯ
๏ ฉลององค์เยียระบับพร้อย พรายฉาย
พื้นม่วงเขียวเหลืองลาย แย่งก้าน
ชายแครงวิเชียรชาย ไหวก่อง แก้วเอย
งามเร่งงามสคร้าน ครั่นฟ้าดินชม ฯ
๏ กรองสอสอิ้งเพริศ พาหุรัด
ธำมรงค์รุ่งเรืองจรัส ร่วงรุ้ง
กรองเชิงมณีปัด ทำมราช
เกริ่นพระเกียรดิ์เฟื่องฟุ้ง เกริกหล้าฦๅจร ฯ
๏ สวมทรงมงกุฎแก้ว บวร
กรรเจียกกระจังจร ก่องแก้ว
ครบเครื่องอลังกรณ์ ค่าคู่ เมืองเฮย
สามเสร็จทรงเครื่องแล้ว คลาศขึ้นเกยไชย ฯ
๏ ตระบัดไทธิราชเจ้า จอมพงศ์
ทรงส่งสามพระองค์ นาถน้อง
คลายเคลื่อนขบวรคง คืนสู่ วังเอย
ส่ำนิกรแซ่ซ้อง เอิกอื้ออึงอล ฯ

ร่าย พอสุริยนแสงสาย ชายบ่ายสามนาฬิกา พลแห่มาพร้อมพรั่ง นั่งแน่นเนื่องเต็มผลู ดูระดะดาดาษ ตกแต่งอาตมตามกระทรวง ขุนหมื่นหลวงพระพระยา แต่งตนมาเข้าขบวร เวลาควรคล้อยบ่าย ฝ่ายสามองค์อนุชา ทรงภูษนาภรณ์เสร็จ จึ่งสมเด็จบรมนาถ พระบาทเสด็จยังเกย เผยกระบวรยุรยาตร แลสระพราศสระพรั่ง แห่หน้าคั่งเหลือนับ แห่หลังคับเหลือคาด ดูดาดาษโดยวิถี ตั้งดนตรีรายทาง วางหว่างช่องราชวัตร เปนขนัดเนื่องมรรคา พวกกระบวรคลาถึงประทับ พระทรงรับกนิษฐ์นาถ ขึ้นปราสาทบวร ทวยราษฎรเหลือหลาย คลายกันมาดูการ งารมหรศพสมโภช ด้วยมาโนชเปรมปรา หื่นหรรษาห่อนเศร้า ชมพระบารมีเจ้า แผ่นหล้าแหล่งไผท ฯ

๏ การในเวียงราชนั้น นานา
บางแห่งเสียงเฮฮา ครั่นครื้น
บงไหนก็ตื่นตา ใจเพ่ง อยู่แฮ
สบนิกรสรดื้น เบียดแป้งปานกัน ฯ
๏ แทงวิสัยสองเงื้อท่า ทีแทง
เรงต่อเรงเริงแรง เร่าเร้า
แทงพลาดฟาดตาวแพลง พลัดไพล่ หนีเอย
วัดเหวี่ยงเพลี่ยงท่าเว้า วุ่นโป้งฮาครืน ฯ
๏ เมียผัวกะอั้วไล่ แทงควาย
ควายขวิดร้องเวยวาย วิ่งแต้
ผัวจ้องหอกจงหมาย เมียฉุด
ควายไล่ใส่เต็มแปล้ วิ่งเข้าพันคน ฯ
๏ ไม้สูงขึ้นยอดไม้ เวฬู
หัวหกยกบาทชู เชิดฟ้า
ไต่ลวดลอดบ่วงดู ใจหวั่น ไหวแฮ
นอนดาบคาบค้อนอ้า โอษฐเน้นเหนี่ยวโยน ฯ
๏ คุลาตีไม้เทิด กำพด
กรวัดครวีจรด จ่อจ้อง
แปลงท่าเปลี่ยนทีบท หลายแบบ
เสียงถัดทาถัดร้อง ลั่นฆ้องกลองตึง ฯ
๏ ระเบงทำบทเยื้อง ทีรำ
กุมศรกรกรายทำ ท่าจ้อง
กาลกุมมยุระกำ ขรรค์เงือด เงื้อแฮ
ฆ้องลั่นหมองหม่องหม้อง สลบสิ้นทั้งมวญ ฯ
โคลง ๒ ควรชมควรเชิดชี้ การเล่นเช่นคราวนี้
เนิ่นครั้งคราวยล ฯ  
๏ เปรมกมลทั่วหน้า ฦๅตลอดแหล่งหล้า
เล่าล้วนเยินยอ ฯ  
๏ ปางบาทบพิตรเจ้า จอมประชา
พร้อมหมู่มุขมาตยา ใฝ่เฝ้า
สมโภชพระอนุชา สามท่าน
ทวิชชาติชุมน้อมเกล้า เบิกแหว้นเวียนเทียน ฯ
๏ มวญมาตย์ราชเผ่าพร้อม เพรียงกัน
ฝ่ายน่าฝ่ายในอนันต์ แน่นเฝ้า
เวียนประทีปเฉลิมขวัญ ควันโบก
ครบแบบโบราณเค้า คิดข้างทางไสย ฯ
๏ ครั้นเสร็จพระเสด็จเยื้อง ไคลคลา
เจิมพักตร์สามกนิษฐา ท่านแล้ว
จึงโปรดประทานนา อเนกเครื่อง ยศแฮ
กาหีบล้วนทองแพร้ว เพริศพร้อมของขวัญ ฯ

ร่าย ครั้นสำเร็จแล้วไซ้ ไท้ท่านบรมวงศ์ ทรงเจิมเปนอันดับ กับพราหมณพฤฒา ทั้งเสนาบดี เสร็จเสด็จลีลาสเต้า สามอนุชาเจ้าคืนหลัง ยังอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท พระบาทธส่งคืนครไล หมู่ขบวรไคลคลาศแคล้ว เสร็จการสมโภชแล้ว ทั่วหล้าสาธุการ ฯ

๏ เสร็จงารเสร็จสิ้นเรื่อง โสกันต์
ควรคิดสิ่งสำคัญ อย่างชี้
เหตุทรงพระคุณอัน ใหญ่ยิ่ง แล้วแฮ
เสนอยุบลเบบนี้ หากให้เห็นคุณ ฯ
๏ ซึ่งทรงรังสฤษดิ์เกื้อ ก่อการ นี้เอย
หวังพระเกียรดิ์เกริกนาน เนิ่นช้า
เถลิงยศชั่วอวสาน โลกสุด สูญแฮ
สูญโลกสิ้นดินฟ้า เกียรดิ์ไท้ไป่สูญ ฯ
๏ พระทรงทำนุกเกื้อ พระวงศ์
ล้วนทั่วทุกทุกองค์ โอบอ้อม
เพราะทรงพระประสงค์ กลดั่ง นี้นา
สามัคคีพร้องพร้อม อาจเกื้อเกิดผล ฯ
๏ ใดใดในโลกสิ้น สบสัตว
ไป่ร่วมหฤทัยขัด ขุ่นข้อง
ห่อนมีสิ่งสุขสวัสดิ์ เกิดแต่ เขานา
เสนอแต่ทุกข์ภัยพ้อง ไป่พ้นอันตราย ฯ
๏ ทั้งหลายได้พรั่งพร้อม สามัคคี
ย่อมเกิดสิ่งสวัสดี ทั่วหน้า
กอบกิจสิ่งใดมี แต่ลุ ล่วงเฮย
เจริญสุขสมบัติช้า ไป่รู้อันตราย ฯ
๏ เหตุนี้จึ่งท่านเอื้อ เอาภาร
ห่อนขาดสามัคคีราน รั่วร้าว
ถนอมเลี้ยงอนุชปาน ปิยบุตร ท่านนา
เสนอพระคุณอะคร้าว ทุกผู้สรรเสริญ ฯ
๏ องค์อนุชท่านมากล้น เหลือหลาย
ห่อนจะริรานสลาย สักน้อย
เสวยสุขสบสบาย บานเบิก ใจนา
ทุกทุกองค์ชื่นช้อย ชิดใช้สมัคสมาน ฯ
๏ องค์ใดน้ำจิตต์ตั้ง ต่อกตัญ ญูเอย
พระก็ปูนยศปัน เพิ่มให้
องค์ใดพระทัยผัน จากร่วม รักนา
พระก็ปราบปรามไว้ เพื่อด้วยสั่งสอน ฯ
๏ ใครดีพระแต่งตั้ง ตามคุณ ตนเอย
ใครโหดพระอุดหนุน ทุกผู้
ใครพลาดพระการุญ ออมอด
ใครเปรื่องเรื่องรอบรู้ พระเลี้ยงบำรุง ฯ
๏ ใครชำนาญชาญเชี่ยวข้าง การใด
ทรงชอบทรงใช้ใน กิจนั้น
ทุกองค์บ่มีใคร คร้านบิด เบือนนา
สวามิภักดิ์หมดหมั้น ทั่วถ้วนทุกไท ฯ
๏ ทุกห่อนจะเริศร้าง แรมวัง
พระห่อนจะชิงชัง นาถน้อง
ทุกห่อนจะจงหวัง จิตต์แผก พระนา
พระห่อนจะผิดพ้อง เพื่อพร้อมสามัคคี ฯ
๏ ทุกวันพร้อมพรั่งเฝ้า นฤบดี
พระก็พร้องพาที ทุกครั้ง
ทุกวันห่อนจะมี สิ่งทุกข์ เลยนา
พระโปรดปรานทั่วทั้ง ทุกหน้าเกิดเขษม ฯ
๏ ยามเสด็จประพาสด้าว แดนใด
ทุกท่านตามเสด็จไป พรั่งพร้อม
พระเสวยสิ่งใดใด ทุกท่าน เหมือนแฮ
คิดพระคุณควรน้อม รับไว้ในเศียร ฯ
๏ ยศศักดิ์สมบัติทั้ง บริวาร
ทรงโปรดพระราชทาน ทั่วหน้า
สรรพสิ่งศฤงคาร มูลมั่ง คั่งเฮย
ควรพระคุณคู่ฟ้า พร่ำน้ำเย็นสกลธ์ ฯ
๏ เข็ญเคืองเรื่องเดือดร้อน ใดมี
นบบาททูลคดี ทราบแล้ว
ท่านทรงพระปรานี เผด็จปลด เข็ญแฮ
ผ่องพักตร์ผ่องใจแผ้ว ผ่องพ้นภัยเบียน ฯ
๏ ลางประมาทพลาดผิดพลั้ง ราชกิจ
ลางไป่รู้ชอบผิด อย่างกี้
พระสอนดุจสอนศิษย์ ฤๅหัก หาญเลย
การซึ่งทรงดั่งนี้ เพื่อด้วยกรุณา ฯ
๏ แม้ผิดครั้งหนึ่งได้ โปรดปราณ
สองคาบยังประทาน โทษไว้
ยังบหลาบกลับสามาญ สามสี่ คาบเฮย
จึงพระลงทัณฑ์ให้ หลาบแล้วคืนผดุง ฯ
๏ ไป่มีอาฆาฎข้อ คุมเข็ญ
พระราชหฤทัยเย็น ยิ่งน้ำ
ขันตีราชธรรมเปน นิตย์ท่าน ถือแฮ
อเนกพระคุณล้นล้ำ เปรียบด้วยอันใด ฯ
๏ เสนาพฤฒามาตย์พร้อม พราหมณ์ชี
ทรงโปรดทรงปรานี ทั่วหน้า
ยศศักดิ์ทรัพย์มูลมี มั่งทั่ว ขุนแฮ
สบนิกรทั่วหล้า อ่อนเกล้าถวายพร ฯ
เมือง ทรงผดุงนคเรศแผ้ว เผด็จภัย
โดยรอบขอบเขตใน แว่นแคว้น
ทวยราษฎร์ทุกขภัยกษัย เสพย์สุข เสมอแฮ
เข็ญขาดลำเค็ญแค้น ขุ่นนั้นบันเทา ฯ
๏ ฉกชิงปล้นวิ่งฉ้อ กระบัด
ใดเกิดท่านกำจัด ไป่ช้า
ท้องถนนทั่วจังหวัด ปุลิศมอบ แหนแฮ
เช้าค่ำไปมาค้า ขาดข้ออันตราย ฯ
๏ เวียงรอบขอบเขตป้อม ประตู
แปลงเปลี่ยนส้อมแปลงดู แน่นแท้
ไป่เยงยั่นริปู จักอุก อาจเอย
เฉกโขดเขาวงแม้น แม่นแท้เทียมกัน ฯ
๏ ถนนใหญ่รายรอบไว้ ริมเวียง
แถวตึกตั้งรายเรียง ท่านสร้าง
สองข้างขอบถนนเคียง เคียงต่อ กันแฮ
อาจอวดอาจออกอ้าง อาจสู้ยุรเปียน ฯ
๏ พระทรงพิริยพ้น ประมาณ
ทรงกอบกิจการงาร ไป่เว้น
เผด็จข้อขุ่นเข็ญบาน ใจโลก
ดั่งนรายน์ใฝ่เฟ้น ฟอกเสี้ยนเศิกแสลง ฯ
วัง ท่านทรงรังสฤษดิ์เกื้อ ก่อการ วังเอย
รายรอบโรงทหาร แวดห้อม
มิวเซียมพิศาลสถาน มวญสิ่ง สถิตแฮ
ของเก่าของใหม่พร้อม เพื่อให้ชนชม ฯ
๏ ชั้นในนิเวศน์เจ้า จอมสกล
หินลาดดาษถนน ทั่วพื้น
เภรีมุขมณฑล ทันเทียบ กันนา
ราบรุ่นรุกข์รื่นชื้น ร่มร้อนแรงสูรย์ ฯ
๏ มนเทียรไท้สถิตห้า ควรคง
ล้วนเลิศละองค์ละองค์ เอี่ยมอ้าง
แลไหนวิลัยบง ฤๅเบื่อ บงนา
ทรงเษกทรงสรรค์สร้าง สืบหล้าถาวร ฯ
๏ พระทรงกอบกิจกู้ การหลาย
เหลือกล่าวเกลากลอนขยาย ถี่ถ้อย
แต่ย่อยกบรรยาย ฤๅพิส ดารเอย
อดิเรกพระคุณร้อย เท่าอ้างออกความ ฯ
๏ ร่มเกศคุ้มครอบเกล้า ชาวใน นิเวศน์ฤๅ
นฤทุกข์นฤภัยภัย ไป่พ้อง
ชุบชีพทั่วเย็นใจ เช้าค่ำ
เฉกพระกมลาสน์ป้อง ปกเลี้ยงโลกา ฯ
คลัง พระทรงทำนุกเกื้อ กอบการ
โรงราชโกษฐาคาร ท่านสร้าง
สรรพสิ่งศฤงคาร มูลเมือบ คลังเฮย
คลังนอกคลังในสล้าง มั่งล้วนเงินทอง ฯ
๏ เก็บจ่ายสรรพสิ่งสิ้น ทรงจัด
หอรัษฎากรพิพัฒน์ เพิ่มไว้
ส่งเบิกไป่ข้องขัด เคืองขุ่น
มีกฎบังคับใช้ ขาดข้องคงควร ฯ
๏ โรงกสาปน์กิจเกื้อ การทำ
เหรียญปรักเหรียญทองคำ จ่ายใช้
ไป่ยากไป่ต้องลำ บากเช่น เพรงแฮ
วันละหมื่นแสนได้ คล่องด้วยจักรกล ฯ
๏ ไพบูลพิพิธพร้อม โภคา
หลายหลากเหลือคณนา นับอ้าง
เกินเก่ากว่าก่อนมา หลายเท่า
เพราะพระทรงก่อสร้าง กอบกู้ดูผดุง ฯ
๏ เบี้ยหวัดเงินมาศทั้ง ประจำปี
อวยแก่ข้าฝ่าธุลี ทั่วหน้า
ใช้การผดุงชี วิตทั่ว กันแฮ
ดังมหิศรเจ้าฟ้า โอบอ้อมอวยผล ฯ
นา พระผดุงกรมเกษตรเกื้อ การหลาย
รังสฤษดิ์ข้อกฎหมาย ใหม่แก้
ทวยราษฎร์ขาดเข็ญคลาย ใจชื่น ชมแฮ
เถลิงพระเกียรดิ์เกริกแส้ โลกล้วนดุษฎี ฯ
๏ ราษฎรร้อนอกด้วย เหตุใด
ทรงเผด็จสำเร็จภัย ปลดเปลื้อง
ภูมิภาคพืชนาใน อณาเขต ท่านฤๅ
ไร่หนึ่งเรียกสลึงเฟื้อง กับน้อยลงมา ฯ
๏ ยามเผลียงไปตกต้อง ธัญญา หารฤๅ
ลดหย่อนผ่อนค่านา เรียกน้อย
ทั่วมีกมลปรา โมทย์หมั่น ทำแฮ
ผลเกิดกว่าเก่าร้อย เท่าอ้างพันทวี ฯ
๏ แนวน้ำกำปั่นซ้อน ลำขนาน
คอยรับโภชน์เปลือกสาร สื่อซื้อ
เอกมาสจัดประมาณ แสนหมื่น เกวียนแฮ
ข้องขัดขาดสักมื้อ หนึ่งนั้นฤๅมี ฯ
๏ บุญเจ้าจอมโลกเลี้ยง พลเมือง
เผด็จขาดข้อเข็ญเคือง โค่นมล้าง
เฉกสายกระแสเนือง นองน่าน น้ำแฮ
เลี้ยงโลกสรรพสัตว์อ้าง เปรียบไว้ปานกัน ฯ
ทหาร รักษาข้าขอบแคว้น มณฑล
ครบเครื่องรอนรณรงค์ รบร้า
พรั่งพร้อมพยุหพล พฤนท์ร่าน ร้ายเอย
บริรักษ์สีมาข้า เขตแคว้นแดนสยาม ฯ
๏ พลสารแสนห่ามห้าว หาญรงค์
ล้วนสมัตถ์ใจจง แกว่นกล้า
เชื้อสมิทธิ์มิ่งมาตงค์ ตัวกาจ
อาจเข่นคชฝ่ายข้า ศึกแพ้พังหนี ฯ
๏ หนึ่งสารหนึ่งน่าท้าย สองกลาง
เก้าสิบหกพลวาง หว่างขั้น
ปืนหลักเทิดทายวาง เวี่ยสับ ประคับเฮย
หลายส่ำหลายสิบชั้น เชี่ยวล้วนชำนาญชน ฯ
๏ พลแสะสามารถเหี้ยม หื่นหาญ
เครื่องฝรั่งบังเหียนอาน เอี่ยมอ้าง
ควบขับรับรอนราญ ฤๅย่อ ท้อเอย
ถือธวัชผาลาคว้าง ไขว่เคว้งเพลงทวน ฯ
๏ อามีมีมากพื้น สามัตถ์
ล้วนเชี่ยวชาญเชิงหัด คล่องเคล้า
แต่ละตนอางต่อปัจ จนึกนับ สิบเฮย
พื้นพวกพลเดิรเท้า เลือกล้วนตัวดี ฯ
๏ ฝึกหัดจัดแจ้งจบ เพลงปืน
นั่งต่อนอนต่อยืน ต่อแย้ง
ถอยไล่ฝ่าภัยฝืน ศึกคล่อง เคล้าแฮ
สวมหมวกเสื้อเท้าแข้ง ห่อหุ้มหนังเนียน ฯ
๏ พลปืนสไนเด้อว่อง ไวจริง
มินิตละยี่สิบยิง อย่างช้า
ไวว่องคล่องเลอลิง รอนราพณ์ นั้นนอ
เถลิงพระเกียรดิ์เกริกหล้า เล่าล้วนสยดแสยง ฯ
๏ ละตนออฟฟิเซ่อล้วน เจนจบ
แผนแบบแยบยลรบ รอบรู้
เพลงยุทธเชี่ยวชาญครบ ทุกแบบ ละบองเฮย
หาไป่รู้สักผู้ หนึ่งนั้นฤๅมี ฯ
๏ ยศศักดิ์ทรงแต่งตั้ง ตามอัน ดับนา
โทเอกบอกสำคัญ ท่านให้
เสื้อยศปักโสวรรณ กระบี่หมวก พร้อมแฮ
โดยศักดิ์อันดับได้ ทั่วถ้วนตัวขุน ฯ
๏ ทหารม้ามหาดเหี้ยม คำแหง
เสื้อปักมาศพื้นแดง แจ่มจ้า
เถลิงหลังอัศวแผลง เดชฮึก หาญเฮย
ลตนลตนอาจร้า รบเร้าเอาชัย ฯ
๏ พลเดิรเมิลมากล้วน เหล่าหลาย
ลหมู่ลหมู่หมดหมาย หมวดร้อย
หมวกหนึ่งนับตัวนาย ครบสิบ เก้าแฮ
ใช่ตระกูลต่ำต้อย เลือกล้วนบุตรขุน ฯ
๏ ตัวนายหมายหมวกเสื้อ ปักดำ
ขัดกระบี่หมายประจำ ยศอ้าง
ไปรเวตหัดถกรรมกำ เพลิงเทิด ทายแฮ
องอาจอาจออกมล้าง อมิตรแกล้วเกลื่อนรณ ฯ
๏ หมวดหนึ่งเห็นเหี้ยมยิ่ง แขงขัน
สำหรับแคตลิงกัน เอกอ้าง
บอกเดียวต่อพลพัน หนึ่งพ่าย แพ้แฮ
แสนเศิกไล่ลุยล้าง ไป่ช้าทันหึง ฯ
๏ มินิตเดียวยิงสี่ร้อย เร็วพลัน
แสนศึกก็โรมรัน รบได้
อาวุธอื่นจักทัน ทัดเท่า เทียมฤๅ
แท้เทพยนำแด่ไท้ เดชท้าวผดุงเวียง ฯ
๏ หมู่หนึ่งเรืองเดชล้ำ ฤๅดี
นามหมวดอาติลรี ฤทธิห้าว
คุมมหาวุธอัคนี ปราบศึก สยอนแฮ
ข้าศึกสั่นใจร้าว จิตต์ร้อนรนแสยง ฯ
๏ เหล่าหนึ่งสามารถเข้ม คำแหง
พร้อมสูบสลิละแครง ตะกร้อ
คอยระงับดับเพลิงแสดง ผลายิ่ง ผลานา
ไป่ยั่นยำย่อท้อ แก่ร้อนเพลิงเผา ฯ
๏ ยามใดไฟติดบ้าน โรงเรือน
รัวเร่งระฆังเตือน เรียกพร้อม
ไป่บิดไป่บากเบือน ใจเบื่อ เลยนา
มาพรั่งมาพร้อมล้อม ดับได้ดังประสงค์ ฯ
๏ กองหนึ่งนาเวศพร้อม สูบถัง
ใดเกิดเพลิงผาดผัง สู่สู้
ระวังภัยระไวฟัง ไฟเกิด
สรรพสิ่งทรงกอบกู้ กอบไว้กันกรุง ฯ
๏ เนวีมีมากพ้น พรรณา
ลาดตระเวนคงคา เขตน้ำ
เวนเวียนเปลี่ยนไปมา ไตรตรวจ
ป้องปัดปัจนึกล้ำ เลิศล้วนควรแสยง ฯ
โคลง ๒ ซึ่งแสดงลักษณนี้ เปนแต่ย่อยกชี้
เช่นไว้พอฟัง แลนา ฯ  
๏ สรรพสิ่งสังเขปอ้าง เสนอพระคุณเจ้าช้าง
ท่านนั้นพันคูณ ฯ  

ร่าย สมบูรณ์คุณสมบัติ โดยโลกัตถจรรยา พระกรุณาเนืองไป ในนิกรชนทั่วหล้า ทั่วเขตข้าขอบขันธ์ พระทรงธรรม์ธรำพึง ถึงทุกข์ทั่วทวยราษฎร์ เพื่ออัปมาทธรรม์ ทุกสิ่งสรรพ์ราชการ อิกโรงศาลทุกกระทรวง ทบวงการทั้งหลาย เกรงเกลือกกลายทุจริต ไป่สถิตทางยุติธรรม์ เพื่อเหล่าพรรค์โมหะ ไป่โอตปเกรงอาย ขวายขวนทรัพย์สู่เย่า ราษฎร์ร้อนเร่ารนทรวง กิจการปวงไป่ทราบ ใครไปกราบทูลแถลง แสดงทุกข์ทวยราษฎร์ จึงพระบาททรงจัด ตรัสเอาราชเสวกา ที่ปรีชาชาญฉลาด ปราศจากใจทุจริต รังสฤษดิ์โดยถวิล เปนเคาซิลปฤกษา กิจนานาทั้งมวญ แลใคร่ครวญราชการ ถือสาบาลกฎหมาย ทั่วทุกนายจำกัด ตัดแต่ทางยุติธรรม์ แล้วทรงสรรค์เปนสอง รองเรียกเหล่าปริวี เลือกล้วนปรีชาฉลาด ล้วนเหล่ามาตย์ราชพงศ์ ล้วนธำรงสุจริต ล้วนเสียผิดแสวงชอบ ล้วนรู้รอบราชการ ล้วนสาบาลสัตย์ถวาย ถือกฎหมายทุกตน เพื่อแสวงผลพสุธา สบสีมาเสพยสุข บำราศทุกข์เสื่อมเศร้า เพื่อพระบารมีเจ้า แผ่นพื้นภูวดล ฯ

โคลง ๒ เปรมกมลทั่วหน้า ราชเผ่าเหล่าไพร่ฟ้า
สบสิ้นสิ่งเกษม ฯ  
๏ ปรีดิ์เปรมปราโมทย์อื้อ อวยพร
เกริ่นพระเกียรดิ์ขจายจร เจิดหล้า
มหิยากาศสาคร ฦๅลั่น
ตลอดรอบขอบเขตฟ้า อ่อนเกล้า ถวายพร ฯ
๏ อานุภาพพระกอบกู้ ไตรรัตน์
อานุภาพผลศีลสัตย์ ท่านตั้ง
อานุภาพพระทรงตัด ทุกข์ราษฎร์
อานุภาพทศธรรม์ทั้ง ท่านเลี้ยงโลกา ฯ
๏ ขอจงทำนุกไท้ ธิบดินทร์
สรรพโรคสรรพภัยผิน อย่าพ้อง
มวญหมู่อรินทร์ยิน ยลเดช สยอนเอย
สรรพทุกข์มลทินข้อง อย่ารู้มาพาล ฯ
๏ ทรงประสงค์ทุกสิ่งให้ สมประสงค์ สิ้นเอย
ยืนพระชนม์ยงคง เนิ่นช้า
ศรีสวัสดิพิพัฒนมง คลสถิต เสถียรแฮ
เจริญสุขสมบัติข้า ขอบแคว้นแดนสยาม ฯ
โคลง ๒ ข้อความซึ่งกล่าวแล้ว จงสำเร็จอย่าแคล้ว
คลาศพ้นพรเผือ ฯ  
๏ บุญพระเจือเกศข้า สรวมสิ่งสวัสดิช้า
กราบสิ้นอวสาน ฯ  
๏ สมภารพระครอบเกล้า สรรพสิ่งศัลย์โศกเศร้า
สุดสิ้นเสื่อมสูญ ฯ  
๏ ผลพูลสุจริตเอื้อน อรรถา แถลงเอย
อานุภาพผลสัตยา กอบด้วย
สรวมสิ่งซึ่งปราถนา จงเสร็จ ประสงค์แฮ
สูญโลกอย่ามลายม้วย อัตถ์ถ้อยถี่แถลง ฯ
๏ หนึ่งขอเผือล่วงพ้น เหล่าพาล ชนพ่อ
ขอเชี่ยวเชิงโวหาร ถ่องถ้อย
ขอมีวิริยญาณ ไวว่อง
ราชกิจทั้งใหญ่น้อย รอบรู้เขบ็ดขบวร ฯ
๏ ขอฉลองรองบาทเบื้อง บาทา ท่านเอย
ขอจิตต์จงสัตยา อยู่หมั้น
ขอราชหฤทัยปรา นีชอบ ใช้แฮ
ชอบราชใดสิ่งนั้น จุ่งข้าโกศล ฯ
๏ สิทธิสำเร็จสิ้น สิ่งประสงค์
สิทธิสรรพพรจง อย่าแคล้ว
สิทธิสวัสดิมง คลเลิศ
สิทธิสุขสมบูรณ์แผ้ว ผ่องพ้นภัยพาล ฯ
๏ พิสาขสองค่ำขึ้น จันทวาร
พุทธสาสนะกาล ล่วงแล้ว
สองพันสี่ร้อยขาน เศษสิบ เก้าเอย
เสร็จเรื่องโสกันต์แผ้ว ผ่องน้ำใจเกษม ฯ
๏ ปฐมวัยแรกเริ่มรู้ เรียนทำ แลพ่อ
ไป่เชี่ยวชำนาญลำ ดับถ้อย
เพลี้ยนพลาดขาดเขินคำ ควรพากย์
เพราะเพื่อแรงรู้น้อย อ่อนทั้งฟังเรียน ฯ
๏ ใช่เชิงชรอึ้งอาจ อวดฝี ปากเอย
ไป่ทัดเทียมเมธี เทียบสู้
อาศรัยกมลมี ใจภักดิ์ พระนา
จึ่งนิพนธ์เพื่อผู้ ใฝ่น้ำใจฟัง ฯ
๏ สำเนาเสาวนิติ์ถ้อย สารา นี้ฤๅ
เหลือขาดคลาศคำคลา เคลื่อนเปื้อน
จงมีเมตตาปรา นีช่วย ชี้พ่อ
ใดวิรุธเชิญเอื้อน โอษฐท้วงติงเตือน ฯ
๏ ผู้เพียรผูกพจนนี้ นามตน
คัคณางค์ยุคลคน หนุ่มฟ้อ
แต่งตามแต่ตนยล อย่างเยี่ยง เพรงแฮ
ใช่จักอาจอวดก้อ เกี่ยงก้ำเกินกวี ฯ
๏ เฉลิม ฉลองพระเดชเจ้า จอมพงศ์
พระเกียรดิ์ พระเกริกคง คู่ฟ้า
จบ พากย์พจน์จำนง เสนอกล่าว กลอนนา
บริบูรณ์ แต่คำข้า ขาดเค้าพระคุณหลาย ฯ

----------------------------

  1. ๑. คืองารพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัติวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ กับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ๓ พระองค์ด้วยกัน เมื่อปีกุญ พ.ศ. ๒๔๑๘

  2. ๒. ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชันสายังไม่ถึง ๓๐ ยังไม่ทรงตัดจุก

  3. ๓. เมื่อกรมหลวงพิชิตปรีชากร ทรงแต่งลิลิตนี้พระชันสา ๒๑

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ