พระราชนิพนธ์

โคลงโลกนิติจำแลง

พระราชนิพนธ์

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

๑. ๏ ข้าสมาชิกน้อย ดุสิต สมิตแฮ
รู้จักสังเกตจิต ท่านผู้
เป็นไทยสมัยชิด ปัจจุ บันนา
ย่อมจะมีความรู้ เลิศล้ำปู่ตา ฯ
๒. ๏ ครรโลงโลกนิติโน้น นมนาน
สำหรับคนโบราณ เก่าพร้อง
บัดนี้สมัยกาล แปลงเปลี่ยน
ภาษิตก็ควรต้อง ดัดบ้างตามสมัย ฯ
๓. ๏ ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง
ชาวเราบัดนี้นา ศิวิ ไลซ์แฮ
ควรเลิกปลาร้าหมุ้ง กัดก้อนเนยแขง ฯ
๔. ๏ แถลงอรรถปลาร้าอีก กระปิ
แม้เลิกกินเสียสิ จักโก้
คือควรจะเริ่มริ เลิกเพื่อน ไทยนา
คบเพื่อนหรั่งคุยโอ้ อาจอ้างอวดดี ฯ
๕. ๏ ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา
หอมระรวยรสพา เพริดด้วย
คนเสพสิเนหา เพื่อนฝรั่ง
ถึงสตึหรั่งฉ้วย ลบล้างเลยหาย ฯ
๖. ๏ ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย
นางเอกภาพยนตร์อัน สวยสุด
แท้ที่จริงเป็นหม้าย ลูกตั้งแปดคน ฯ
๗. ๏ ผลขนุนภายนอกนั้น หนามหนา
ในใหญ่ยวงโอชา ใช่น้อย
นารีที่หน้าตา ดำสตึ
อาจจะรวยเงินร้อย ชั่งเน้อเกลอเอ๋ย ฯ
๘. ๏ ยางขาวขนเรียบร้อย ดูดี
กินสัตว์เสพปลามี ชีพแล้
เฉกเช่นยุวนารี ผมโป่ง
มิใช่นางสาวแท้ เสพต้องฉีดยา ฯ
๙. ๏ คนเราผู้ครึแท้ มีใจ แคบนอ
ฟังเรื่องปราโมทัย ไป่รู้
ดูนางเวิกขาไข ข้อติ
คือจวักตักข้าวอู้ ไป่รู้รสแกง ฯ
๑๐. ๏ ผู้ใดใจโก้อีก เชาวน์ไว
ทั้งหมั่นอ่านพิมพ์ไทย รอบรู้
ยามดูประโมทัย ซับซาบ ใจนา
คือมลิ้นคนผู้ ทราบรู้รสแกง ฯ
๑๑. ๏ หมูเห็นสีหราชท้า ชวนรบ
ตัวท่านจงอย่าหลบ หลีกเน้อ
สิงห์ตอบว่าบัดซบ โสโครก
กูบ่อยากเล่นเบ้อ กับอ้ายโสมม ฯ
๑๒. ๏ นี้เปรียบด้วยผู้ชอบ ด่านาย
ลงประจานเสียหลาย ฉบับแล้
ครั้นท่านบ่ตอบหมาย ว่ายั่น
แต่ว่าอันที่แท้ ท่านคร้านตอบหมู ฯ
๑๓. ๏ กบเกิดในสระใต้ บัวบาน
ฤๅห่อนรู้รสมาลย์ หนึ่งน้อย
นั่นคือกบโบราณ จึ่งโง่ ฉะนั้นแล
กบใหม่มันช่างผล้อย พูดโอ้ปราชญ์อัน ฯ
๑๔. ๏ ภุมรามาร้อยโยชน์ ยังสระ
กลั้วกลิ่นดอกปัทมะ เล่นได้
ใครใครที่เลยละ ดูภาพ ยนตร์ฤๅ
ชนย่อมดูถูกให้ แน่แท้เทียวหนอ ฯ
๑๕. ๏ .ใจหวาดใจฟั่นฟื้น โฉงเฉง
ปากโป้งชมตัวเอง เอิกไว้
พบปราชญ์บ่ต้องเกรง แพ้ปราชญ์
ปราชญ์อาจกลับแพ้ได้ เพราะแพ้เสียงคุย ฯ
๑๖. ๏ ไม้ค้อมมีลูกน้อม นวยงาม
คือสัตบุรุษสอนความ ง่ายแท้
แต่หากจักว่าตาม สมัยใหม่
ใครอ่อนน้อมนั่นแล้ เรียกผู้ ป.จ. ฯ
๑๗. ๏ เป็นคนควรที่รู้ สมาคม
สองประการนิยม กล่าวไว้
หนึ่งเจ๊กหนึ่งฝรั่งถม ไปนะ
สองสิ่งที่ท่านให้ เร่งรู้สมาคม ฯ
๑๘. ๏ คนใดสมเสพด้วย จีโน
อาจจะได้แทงโป ลอบเหล้น
ใครเสพหรั่งฮัลโหล โก้เลิศ
เล่นบริดจ์อีกบ่เว้น แข่งม้าร่าเริง ฯ
๑๙. ๏ จงเจ้าแหห่างห้อง ทุรชน
อีกเลี่ยงกวีคน ครึครั้ง
คนครึจะนำผล สู่อย่าง ใดฤๅ
เป็นนิตย์จงจิตยั้ง แห่งห้องหนังฉาย ฯ
๒๐. ๏ คบกากาโหดให้ เสียพงศ์
คบนกดีกว่าคง สนุกด้วย
ข้าวต้มราชวงศ์ กินอิ่ม
แล้วจึ่งพากันย้วย ยาตร์เข้าเคหา ฯ
๒๑. ๏ มดแดงแมลงป่องไว้ พิษหาง
งูจะเข็บพิษวาง แห่งเขี้ยว
พิษโสภิณีนาง เนาแนบ ในนา
ใครสมัครกอดเกี้ยว ไป่พ้นพิษนาง ฯ
๒๒. ๏ นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า
เปรียบคือเครื่องสตีมโรล์ เล่อร์บด ถนนแฮ
เดินเงื่องแต่ว่าอ้า หนักแท้หินมลาย ฯ
๒๓. ๏ แมลงป่องพิษน้อยหยิ่ง โยโส
ชูแต่หางตนโชว์ อยู่แล้
เปรียบคือจักรยานโม เต้อร์ไซค
บีบแต่แตรแปร๋นแปร้ บ่ได้เกรงใคร ฯ
๒๔. ๏ กัลออมเพ็ญเพียบน้ำ ฤๅมี เสียงนา
ฝ่ายครุพร่องชลธี เฟื่องฟื้น
สื่อพิมพ์พร่องข่าวฉี ช่างพูด นักแฮ
คอร์เร็สปอนเดนซ์ตื้น แต่งขนเต็มเต็ม ฯ
๒๕. ๏ งาสารฤๅห่อนเหี้ยน หดคืน
ร้อยขดภาพยนตร์ยืน เยี่ยงนั้น
ชาร์ลีแชปลินมืน อยู่เล่า
หัวเต่ายาวแม้นสั้น เปรียบแล้วมน “เค” ฯ
๒๖. ๏ ทรชนอย่าเคียดแค้น อย่าสนิท
อย่าห่างศัตรูชิด อย่าใกล้
นางรำอย่าหวังติด หัวแตก ได้นา
เพราะอาจมีชู้ได้ อีกทั้งสามี ฯ
๒๗. ๏ มีมิตรจิตอย่าให้ สนิทนัก
อันใช่มิตรอย่ารัก ร่วมไร้
คบมิตรจุ่งรู้จัก หลีกหลบ
ยืมทรัพย์จงอย่าให้ มากเน้อเงินสูญ ฯ
๒๘. ๏ หมาใดตัวร้ายขบ บาทา
อย่าขบตอบต่อหมา อย่าขึ้ง
เจ๊กลากรถกล่าววา จาหยาบ
อย่าโกรธอย่าหน้าบึ้ง ตอบอ้ายเจ๊กหมา ฯ
๒๙. ๏ ลูกสะเดาน้ำผึ้งซาบ โซมปน
แล้วปลูกปองรสคนธ์ แอบอ้อย
คงขมอยู่ทุกผล ห่อนเหือด
คือวิสกี้แม้น้อย ไป่แพ้โซดา ฯ
๓๐. ๏ พริกเผ็ดใครให้เผ็ด ฉันใด
หนามย่อมแหลมเองใคร เซี่ยมให้
จันทน์กฤษณาไฉน ใครอบ
เอดิเตอร์นั่นไซร้ บ่ต้องใครสอน ฯ
๓๑. ๏ จันทน์เผาเหือดแห้งห่อน กลิ่นธาร
อ้อยหีบแล้วหอมหวาน กลิ่นอ้อย
ช้างเข้าศึกเสี่ยมสาร ยกย่าง งามนา
เจ๊กอยู่สยามตั้งร้อย ชาติก้อคงจีน ฯ
๓๒. ๏ หงส์ทองเสพส้องสู่ ฝูงกา
สีหราชเคียงโคคลา คลาดเคล้า
อัศดรอยู่กลางลา หินชาติ
กุลบุตรเจ๊กจูงเต้า สี่นี้บ่งาม ฯ
๓๓. ๏ แมลงภู่วูว่อนเคล้า บุษบา
คือหนุ่มติดนางปรา โมทย์ฉะนั้น
แมลงวันใฝ่ภูมลา มกเน่า
คือหนุ่มปองห้องกั้น อยู่ใต้ไฟเขียว ฯ
๓๔. ๏ เนื้อปองน้ำหญ้าบ่ ปองทอง
ลิงบ่ปองรัตน์ปอง ลูกไม้
หมูปองอสุจิของ หอมห่อน ปองเลย
คนครึบ้านนอกไซร้ ห่อนรู้ปองเนย ฯ
๓๕. ๏ กายเกิดพยาธิร้าย ฉีดยา หายแฮ
สตึยาใดหา ฉีดได้
นอกจ๋าคบหรั่งจ๋า ยังชั่ว หน่อยเฮย
ทำท่าแกมโก้ไว้ หลอกผู้โฉดเขลา ฯ
๓๖. ๏ ขุนเขาสูงร้อยโยชน์ คณนา
ช่างฉลาดโยธา ปราบได้
แต่ส่วนท่านบรรณา ธิการเก่ง
เถียงแทบคอแตกให้ พ่ายแพ้ฤๅมี ฯ
๓๗. ๏ ภูเขาทั้งแท่งล้วน ศิลา
ลมพยุพัดมา บ่ฟื้น
กำแพงเพชร์บัญชา สั่งเจาะ
ทำอุมงค์รถครื้น ครั่นแหล้นทลุเขา ฯ
๓๘. ๏ ภูเขาเหลือแหล่ล้วน ศิลา
หามณีจินดา ยากได้
ฝูงคนเกิดมากมา เหลือแหล่
ชาร์ลีแชปลินไซร้ เลิศแท้เลอสรวง ฯ
๓๙. ๏ ป่าปงดงล้วนเหล่า พฤกษา
หาแก่นจันทน์กฤษณา ยากได้
นารีแผ่นโลกา มีมาก
แมรี่ปิกฟอร์ดไซร้ เลิศเพี้ยงเนียงสวรรค์ ฯ
๔๐. ๏ ดารามีมากร้อย ถึงพัน
บ่เปรียบกับดวงจันทร์ หนึ่งแท้
คนอื่นจะรุมกัน ปล้ำปลุก
ที่สุดก็ต้องแพ้ เอ็ดดี้โปโล ฯ
๔๑. ๏ นกแร้งบินได้เพื่อ เวหา
หมู่จระเข้เต่าปลา พึ่งน้ำ
พระยาเฉลิมอา- กาศเก่ง
มีเครื่องบินเลิศล้ำ ล่องแล่นเวหา ฯ
๔๒. ๏ ป่าพึ่งพาลพยัคฆ์ร้าย ราวี
เสือพึ่งไพรพงพี เถื่อนถ้ำ
คนแค้นพึ่งสือตี พิมพ์ช่วย ตะโกนแฮ
สือพึ่งคนแค้นค้ำ แคะข้อนินทา ฯ
๔๓. ๏ ตีนงูงูไซร้หาก เห็นกัน
นมไก่ไก่สำคัญ ไก่รู้
นักเลงเล่นพนัน รู้เล่ห์ กันนา
เกลียดพวกตำรวจผู้ จับแท้ทุกคน ฯ
๔๔. ๏ อายุถึงร้อยขวบ เจียรฉนำ
บ่มิเห็นเต้นรำ เวิกผ้า
กุลบุตรผู้กำ- ลังหนุ่ม
เห็นเฉลียวแล้วอ้า โอษฐ์ร้องก้องโรง ฯ
๔๕. ๏ ธิรางค์รู้ธรรมแล้ว มากหลาย
บ่กล่าวให้หญิงชาย ทั่วรู้
ดุจสือข่าวไม่ทาย แปลงเปลี่ยน
ตำแหน่งราชการผู้ อื่นไซร้นินทา ฯ
๔๖. ๏ เว้นวิจารณ์ว่างเว้น สดับฟัง
เว้นที่ถามอันยัง ไป่รู้
เว้นประพฤติตามสั่ง ผู้ใหญ่
เว้นดั่งกล่าวคือผู้ เก่าแท้ทางฟรี ฯ
๔๗. ๏ รู้ธรรมเทียมเท่าผู้ ทรงไตร
เจนจัดอรรถภายใน ลึกล้น
กล่าวแก้สิ่งสงสัย เลอะเลื่อน
คือเอดิเตอร์พ้น เพริดพริ้งพรหมินทร์ ฯ
๔๘. ๏ กบน้อยเนาห่างน้ำ สมุทไทย
อวดบ่อตนอาศัย เพียบน้ำ
คือเอดิเตอร์ใน ออฟฟิศ
อวดว่ารู้หมดล้ำ เลิศแท้ทุกสถาน ฯ
๔๙. ๏ รูปชั่วตัวแต่งโก้ เกลาทรง
ใจขลาดพูดอาจอง อวดแกล้ว
น้ำพร่องกละออมคง กระฉอก ฉานนา
เรียนยุโรปนิดแล้ว อวดรู้ใครเทียม ฯ
๕๐. ๏ รถใหญ่กว่าถิ่นท้อง รัถยา
จระเข้คับคงคา น่านน้ำ
เสือใหญ่กว่าวะนา ไฉนอยู่ ได้แฮ
คนคับตำแหน่งล้ำ เลิศแล้วอยู่ไฉน ฯ
๕๑. ๏ มณฑกทำเทียบท้าว ราชสีห์
แมวว่ากูพยัคฆี แกว่นกล้า
นกจอกว่าฤทธี กูยิ่ง ครุฑนา
รองอมาตย์ว่าข้า รอบรู้กว่านาย ฯ
๕๒. ๏ หิ่งห้อยส่งก้นแข่ง แสงจันทร์
เทียนแข่งไฟฟ้าอัน สว่างจ้า
อันหนังตลุงขัน แข่งภาพ ยนตร์ฤๅ
โขนละครไทยท้า แข่งสู้ประโมทัย ฯ
๕๓. ๏ เสือผอมกวางวิ่งเข้า โจมขวิด
ไป่ว่าเสือมีฤทธิ์ เลิศล้ำ
คือฮั่นทะนงจิต จักปราบ โลกแล
ไกเซ่อร์คมำขว้ำ จึ่งรู้สึกตัว ฯ
๕๔. ๏ ทองเหลืองเปลื้องร้ายห่อน เห็นมี
ขัดเท่าขัดราคี เล่าไซร้
เจ๊กถึงจะทำดี ต่อเท่า ใดฤๅ
ก็บ่มีจักไว้ จิตแท้ในไทย ฯ
๕๕. ๏ พระสมุทรไหวหวาดห้วย คลองสรวล
เมรุพลวกปลวกสำรวล ร่าเร้า
สีหราชร่ำคร่ำครวญ สุนัขเยาะ หยันนา
โปลิศติดคุกเข้า เหล่าร้ายยินดี ฯ
๕๖. ๏ แมวล่าหนูแซ่ซี้ จรจรัล
หมาล่าวิฬาร์ผัน สู่หล้าง
ครูล่าศิษย์ละธรรม์ คบเพื่อน พาลนา
อธิกรณล่าร้าง เจ๊กสร้องสรวลสรร ฯ
๕๗. ๏ จามรีขนข้องอยู่ หยุดปลด
ชีพบ่รักรักยศ ยิ่งไซร้
เสือป่าที่มักงด ประลองยุทธ์
น่าจะดูเยี่ยงไว้ หน่อยเน้อเกลอเอ๋ย ฯ
๕๘. ๏ นพคุณใส่เบ้าสูบ แสนที
ค้อนเหล็กรุมรันตี ห่อนม้วย
ผู้ใดประพฤติดี สุจริต อยู่ฤๅ
แม้ถูกสือพิมพ์ฉ้วย ขนาบต้องหวั่นไฉน ฯ
๕๙. ๏ เสียสินสละศักดิ์กู้ สินคง
เสียศักดิ์สู้ทะนง อวดรู้
เสียรู้เร่งปลงปลง ความสัตย์ เสียนา
เสียสัตย์ยอมเสียกู้ ชีพไว้กอดเมีย ฯ
๖๐. ๏ ตัดจันทน์ฟันม่วงไม้ จัมปา
แปลงปลูกหนามไผ่หนา รกเรื้อ
เรือนไม้สักกอบฝา ประคนเริด รื้อแล
แปลงปลูกปั้นหยาเชื้อ ชาติไม้สิงคโปร์ ฯ
๖๑. ๏ เอาลาเทียมอูฐโอ้ เป็นมูล
เก็บปัดเทียมแก้วปูน ค่าไว้
สือเรื่องภาพยนตร์พูน เพิ่มมาก
แทนกวีนิพนธ์ได้ ดั่งนี้น่าระอา ฯ
๖๒. ๏ น้ำเคี้ยวยูงว่าเงี้ยว ยูงตาม
ทรายเหลือบหางยูงงาม ว่าหญ้า
ลิงเห็นเนตรทรายวาม ว่าลูก หว้าแฮ
คนอ่านสือพิมพ์บ้า เชื่อแม้นคำครู ฯ
๖๓. ๏ สังขารหัวผู้ว่า ตนทนง
ทรัพย์ย่อมหัวคนจง ว่าเจ้า
หญิงหัวแก่ชายปลง ชมลูก
หนุ่มย่อมหัวผู้เถ้า ว่าพ้นเกินสมัย ฯ
๖๔. ๏ มือด้วนคิดจะมล้าง เขาหมาย
ปากด้วนถ่มน้ำลาย เลียบฟ้า
หิ่งห้อยแข่งแสงฉาย สุริเยศ
คนนักเรียนนอกอ้า โอษฐ์โต้ต่อนาย ฯ
๖๕. ๏ แว่นตามาใส่ผู้ อันธการ
คนหนวกฟังสำนาน เสนาะไซร้
คนใบ้ใฝ่แสดงสาร โคลงกาพย์
วานเจ๊กฝึกสอนให้ ถูกต้องธรรมเนียม ฯ
๖๖. ๏ วัดช้างเบื้องบาทรู้ จักสาร
วัดอุทกชักกมุทมาลย์ แม่นรู้
ดูเสือป่าดูการ ฝึกหัด
ใครหลีกเลี่ยงคือผู้ บ่แท้ใจเสือ ฯ
๖๗. ๏ พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดวา หยั่งได้
แต่ว่าจิตเจ๊กหา ใดหยั่ง ได้ฤๅ
ยามซื่อซื่อจริงไซร้ คดแล้วเหลือโกง ฯ
๖๘. ๏ ไม้ล้มควรข้ามได้ ตามกาล
คนล้มจักข้ามพาน ห่อนได้
อันยาจกขอทาน อย่าเตะ ถีบนา
อาจจะพกมีดไว้ ต่อสู้เสียที ฯ
๖๙. ๏ แม้นทำคุณท่านได้ ถึงพัน
ครั้นโทษมีแต่อัน หนึ่งไซร้
พวกคอร์เร็สปอนด์ขยัน ขยำยับ เทียวแฮ
กลบลบคุณหลังได้ ดั่งนี้เสมอ ฯ
๗๐. ๏ ทำคุณก็บ่รู้ คุณสนอง
บ่ตอบแทนคุณปอง โทษให้
ขอทรัพย์ท่านก่ายกอง ท่านกอบ ให้ฤๅ
ยามขออีกไม่ได้ บ่นอู้นินทา ฯ
๗๑. ๏ เทพาพันเทพเรื้อง ฤทธิรงค์
บ่เท่าพระอินทร์องค์ หนึ่งได้
หนังสือมากมวลลง พิมพ์จ่าย
เท่าดุสิตสมิตไซร้ ยากแท้จักหา ฯ
๗๒. ๏ ใครซื่อซื่อต่อตั้ง ตามกัน
ใครคดควรคดผัน ตอบเต้า
แต่แบบแห่งเยอรมัน ใช่เช่น นี้นา
ใครซื่อคดตอบเข้า เหยียบหย้ำทำเยิน ฯ
๗๓. ๏ ใครทำโทษโทษนั้น แทนทด
เฉกฮั่นฉิบหายหมด ทั่วด้าว
ใครจริงจึ่งจริงจรด รักต่อ กันนา
เฉกสหมิตร์อคร้าว ครึกครื้นไชโย ฯ
๗๔. ๏ นายรักไพร่ไพร่ล้อ เลียนนาย
ตามสมัยใหม่หมาย ว่าโก้
นายสอนไพร่ไพร่กาย แกล้งยอบ
ลับหลังแล้วคุยโอ้ อวดผู้เป็นสหาย ฯ
๗๕. ๏ ข้าท้าวเขาจิตท้าว แม่นหมาย
นี่แบบโบราณหลาย ยุคแล้ว
แบบใหม่หากตินาย เพื่อนพยัก เพยิดแฮ
ใครรักนายไม่แคล้ว ถูกซ้อน ป.จ. ฯ
๗๖. ๏ รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว
โทรเลขถึงครู่เดียว พูดได้
ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา
โทรศัพท์เสียงให้ แหบแห้งบ่ถึง ฯ
๗๗. ๏ ให้ท่านหวังท่านให้ ตอบสนอง
นบท่านเพื่อเราปอง ประโยชน์ไซร้
รักท่านแต่ทีครอง ความมุ่ง เราแฮ
สามสิ่งนี้จำไว้ เหมาะเหยี้ยงคนฟรี ฯ
๗๘. ๏ แม้มีความรู้ดั่ง สัพพัญญู
หากบ่มีคนชู ห่อนขึ้น
ฉนั้นจงหมั่นอ้างครู ยุโรป ไว้นา
ถึงจะเขลาพอฟื้น เพราะอ้างอวดครู ฯ
๗๙. ๏ ราชรถปรากฏด้วย ธงชัย
ควันประจักษ์แก่กองไฟ เที่ยงแท้
ชาติหรูเพราะผู้ไป เรียนนอก
พวกนักเรียนนอกแล้ เลิศด้วยปากตน ฯ
๘๐. ๏ รำฟ้อนสุนทระด้วย รูปา
ร้องขับศัพท์เสนหา ยิ่งแท้
มวยปล้ำล่ำสันสา มารถจึ่ง ดีแฮ
เอดดิโปโลแล้ จึ่งต้องควรชม ฯ
๘๑. ๏ กระเหว่าเสียงเพราะแท้ แก่ตัว
หนังเลิศเพราะไม่มัว มืดแท้
นักปราชญ์มาตร์มีหัว สมองเก่ง
แต่พูดไม่เป็นแพ้ พวกผู้เก่งโว ฯ
๘๒. ๏ นารายณ์วายเว้นจาก อาภรณ์
อากาศขาดสุริยจร แจ่มหล้า
เมืองใดภาพยนตร์ห่อน มีสัก โรงฤๅ
แม้ว่างามล้นฟ้า ห่อนได้งามเลย ฯ
๘๓. ๏ เขาใดไร้ถ้ำราช สีห์หมาง
สระโหดหงส์ละวาง วากเว้น
ละครขาดตัวนาง เต้นเวิก ขาแฮ
ถึงจะเปิดโรงเหล้น ย่อมร้างคนดู ฯ
๘๔. ๏ ป่าใดไกลพยัคฆ์ร้าย ราวี
ไม้หมดม้วยบ่มี ร่มชื้อ
หญิงใดซึ่งเกศี ไม่มุ่น มวยแฮ
ถึงจะสวยเลิศรื้อ เริดไร้สามี ฯ
๘๕. ๏ เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี
อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า
สามวันจากนารี เป็นอื่น
วันหนึ่งเว้นหนังอ้า บ่รู้เรื่องหนัง ฯ
๘๖. ๏ เปือกตมชมชื่นเชื้อ กาษร
หงส์กับบุษบากร ชื่นช้อย
หนุ่มกับแม่ละคร ปราโมทย์
ถึงจะมีชู้น้อย มากก้อตามที ฯ
๘๗. ๏ ใครจักผูกโลกแม้ รัดรึง
เหล็กเท่าลำตาลตรึง ไป่หมั้น
มนตร์ยาผูกนานหึง หายเสื่อม
แต่เวิกกระโปรงนั้น ผูกผู้ดูเสมอ ฯ
๘๘. ๏ เรียนพระธรรมแท้ผูก ศาสนา
ปลอกผูกคชตรึงตรา ตรากหมั้น
มนต์ดลและหยูกยา สมรรถผูก งูแฮ
ผูกโลกทั้งหลายนั้น ผูกด้วยเงินตรา ฯ
๘๙. ๏ ผจญคนมักโกรธด้วย คาร์ตูน
ผจญหมู่ทรชนพูน ทรัพย์ให้
ผจญคนจิตโลภคูณ ความโลภ ขึ้นแฮ
ผจญอสัจนั้นไซร้ เหมาะด้วยมุสา ฯ
๙๐. ๏ รบศึกชำนะด้วย วาจา อวดแฮ
รบแม่เรือนโดยหา หม่อมน้อย
รบใจด้วยโซดา เจือวิส กี้เฮย
คือว่าผู้นั้นคล้อย คล่องแท้ทันสมัย ฯ
๙๑. ๏ คนใดคนหนึ่งผู้ ใจฉกรรจ์
เคียดฆ่าคนอนันต์ หนักแท้
ไป่ปานบุรุษอัน นักพูด
หลอกมนุษย์มากแล้ แนะให้ฉิบหาย ฯ
๙๒. ๏ แพ้ศึกหลบหลีกได้ รอดตน
แพ้คดีทุกข์ธน ทรัพย์ผ้าย
แพ้เบี้ยค่นจนขวน ขวายฉก ฉ้อเทอญ
แพ้แม่เรือนรีบย้าย เปลี่ยนบ้านเปลี่ยนเมีย ฯ
๙๓. ๏ สงครามแสวงทะแกล้ว อาสา
กลคดีพึงหา ท่านรู้
ยามกินรสโอชา ให้เพื่อน เลี้ยงเทอญ
ยามเที่ยวพึงหาผู้ ชาติเชื้อจีโน ฯ
๙๔. ๏ แสวงรู้พึงคบด้วย หรั่งจ๋า
แสวงทรัพย์คบกุ๊ยหา ทรัพย์ให้
แสวงเกียรติคบบรรณา ธิกเหมาะ
แสวงนาฏนารีไซร้ หมั่นเข้าโรงหนัง ฯ
๙๕. ๏ หายากเชิงรอบรู้ การกิจ
หายากเชิงชาญชิด ชอบใช้
หายากเช่นเชิงมิตร ให้ทรัพย์ ยืมนา
หายากเชิงนายให้ ชอบอุ้มชูเรา ฯ
๙๖. ๏ ร้อยคนหาแกว่นแกล้ว กลางรงค์
พันหนึ่งหาปัญญายง ยิ่งรู้
แสนคนเสาะคนตรง ยังยาก
ไป่เท่าคนหนึ่งผู้ เชื่อถ้อยเราหลอน ฯ
๙๗. ๏ ช้างม้าเมียมิ่งแก้ว เงินทอง
ใครใคร่จะคิดปอง คิดได้
และยิ่งมิใช่ของ เราอยู่ เองฤๅ
ลวงหลอกเอาได้ไซร้ ดั่งนั้นฉลาดเหลือ ฯ
๙๘. ๏ แสวงสินจำต้องใช้ พยายาม ล่อแล
แสวงคู่ลวงหญิงตาม สิโก้
แสวงรู้หัดพูดความ น้ำท่วม ทุ่งเทอญ
แสวงจักรยานยนต์โอ้ ไป่ช้าสุดปราณ ฯ
๙๙. ๏ เมื่อน้อยเรียนเร่งรู้ วิชา
ครั้นใหญ่หาภรรยา สู่เหย้า
ส่วนการกอบศีลา จารวัตร์
เป็นแบบโบราณเค้า ค่อนข้างเกินสมัย ฯ
๑๐๐. ๏ ความรู้เรียนเมื่อน้อย หนังสือ
ค่อนสมรรถจึ่งหัดปรือ พูดโอ้
รู้แล้วเลิศจงถือ ตนหยิ่ง ยิ่งเทอญ
รู้กผีกพูดโก้ เก่งไว้คนขาม ฯ
๑๐๑. ๏ ปางน้อยสำเหนียกรู้ เรียนคุณ
ครั้นใหญ่ใฝ่หาทุน ทรัพย์ไว้
เมื่อกลางแก่ทำบุญ เอาน่า เทอญพ่อ
เผื่อจะมีทางได้ ยศทั้งบัตรตรา ฯ
๑๐๒. ๏ ควรรู้ดูยิ่งล้ำ สินทรัพย์
คิดค่ำควรเมืองนับ ยิ่งไซร้
ฉะนั้นหากบ่ได้รับ ความศึก ษาฤๅ
ควรพูดอวดดีไว้ หลอกผู้โฉดเขลา ฯ
๑๐๓. ๏ จักเรียนคบปราชญ์โก้ ยุโรป
จักกล่าวภรรยาโลภ ทรัพย์ไว้
จักมั่งคั่งอย่าโอบ เอื้อแก่ ใครเลย
จักเสพกามาใช้ แม่หม้ายเหมาะดี ฯ
๑๐๔. ๏ ความเพียรเป็นอริแล้ แก่คน เกียจเฮย
เราเกลียดเขาเพียรผล จักร้าย
ฉะนั้นจงคิดกันตน ดีกว่า พ่อเอย
เร่งคิดหาผิดบ้าย โทษผู้เพ็ญเพียร ฯ
๑๐๕. ๏ ผิบ่รู้อวดรู้ เกินคน เทียวพ่อ
หากเงื่องทำลุกลน หลอกแล้
เราดิบเร่งบ่มตน ให้ห่าม ไว้นา
เสียท่วงทีรีบแก้ รอดด้วยทิ้งสหาย ฯ
๑๐๖. ๏ ความรู้รู้ยิ่งได้ สินศักดิ์
เป็นที่ชนพำนัก นอบนิ้ว
รู้น้อยจุ่งรู้จัก คบเพื่อน
เพื่อนโง่ชูเราหลิ้ว เลิศล้ำในฝูง ฯ
๑๐๗. ๏ วิชาเป็นเพื่อนเลี้ยง ชีวิต
แม้จักมีเพียงนิด หนึ่งไซร้
หมั่นตั้งท่าพูดติด ศัพท์ฝรั่ง ไว้แล
อาจจะหลอกเขาได้ ดอกเน้อเกลอเอ๋ย ฯ
๑๐๘. ๏ คนเราเป็นโสดเศร้า เหงาจิต
ควรจะหาเพื่อนสนิท เพื่อนร้อน
แต่หากอยากชมชิด นางนาฏ ระบำฤๅ
ระวังเถิดเมียจักค้อน แคะให้รำคาญ ฯ
๑๐๙. ๏ โบราณท่านกล่าวถ้อย ภาษิต
ธรรมะหากเป็นมิตร เมื่อม้วย
แต่ตราบใดชีวิต ยังอยู่ สราญฤๅ
ธรรมะจะขัดด้วย สุขทิ้งธรรมเสีย ฯ
๑๑๐. ๏ เป็นชายควรรู้ยิ่ง เป็นทรัพย์
เรียนจากยุโรปกลับ เก่งฮ้า
สัตรีรูปงามสรรพ เป็นทรัพย์ ตนนา
รู้จักรำเวิกผ้า ห่อนไร้สามี ฯ
๑๑๑. ๏ เห็นใดจำให้แน่ นึกหมาย
อ่านใด่อย่าอ่านดาย จดหมั้น
มีโอกาสจงขยาย ความอวด เพื่อนนา
ทำท่าว่าเรานั้น รอบรู้ครูระอา ฯ
๑๑๒. ๏ เภตราเพียบล้นล่ม จมอรร ณพนา
เกวียนหนักหักเพลาพลัน ง่ายไซร้
น้ำน่านซ่านหลิ่งคัน เพราะเปี่ยม เต็มแฮ
พูดมากหากเก่งได้ เปรียบผู้รู้จริง ฯ
๑๑๓. ๏ “พลอดนักมักพลาดพลั้ง พลันผิด”
นี่แหละสุภาษิต เก่าขร้ำ
สมัยใหม่ใครสิทธิ์ ทางพูด
คนอื่นเคารพล้ำ เลิศแม้นศาสดา ฯ
๑๑๔. ๏ อนึ่งท่านกล่าวถ้อย ภาษิต
“หาญนักมักชีวิต มอดม้วย”
การหาญศึกประชิต จริงอาจ ม้วยนา
แต่หากหาญแต่ด้วย ปากไซร้ได้ดี ฯ
๑๑๕. ๏ ยังมีกล่าวอีกข้อ ภาษิต
“ตรองนักมักเสียจิต จักขลั้ง”
สมัยใหม่ไม่คิด สมบัติ บ้าเลย
แทบมิอาจจะยั้ง อยู่ได้ในโขลง ฯ
๑๑๖. ๏ “รักนักมักพลาดด้วย กลหญิง”
นี่ก็ออกจะจริง อยู่บ้าง
แต่หญิงที่ถูกทิ้ง ก็มาก อยู่นา
คิดแต่สงสารข้าง บุรุษนั้นควรฤๅ ฯ
๑๑๗. ๏ คนใดโผงพูดโอ้ อึงดัง
สุนัขเห่าอย่าหวัง กัดได้
โบราณสมัยชัง สองเหล่า นี้นา
แต่สมัยนี้ไซร้ กลับเอื้อคนโว ฯ
๑๑๘. ๏ เสือใดแรงร้ายระ พะพง
เหมือนอย่างเสืออั้นอง อวดกล้า
คนโดยมากมักหลง ฦๅฤทธิ์
ตำรวจจับไม่ช้า ชีพม้วยเหมือนหมา ฯ
๑๑๙. ๏ ลับหลังบังเบียดล้าง ลบคุณ
ต่อพักตร์ยอยกบุญ ลึกซึ้ง
คบมิตรจิตปานปุน ฉนี้จึ่ง โก้นา
หากเพื่อนรู้เท่าขึ้ง ขัดแค้นหลบเสีย ฯ
๑๒๐. ๏ ผู้อื่นแม้ประโยชน์ไซร้ เสมอมิตร
มิตรประทุษฐ์ทำจิต เจ็บช้ำ
ช้ำแล้วจุ่งเร่งคิด ทำตอบ
ยามมิตรผิดช่วยจ้ำ เสร็จแล้วเลยหนี ฯ
๑๒๑. ๏ สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน เหล็กหลู้
บาปเกิดแต่คนตน เป็นบาป
บ้ายบาปให้แก่ผู้ อื่นได้เป็นดี ฯ
๑๒๒. ๏ ฟักแฟงแตงเต้าถั่ว งายล
หว่านสิ่งใดให้ผล สิ่งนั้น
ผู้ใดขับรถกล ทับเจ๊ก
เจ๊กจะร้องเสียงหลั้น โลกแท้หนวกหู ฯ
๑๒๓. ๏ มีสินดีกว่าผู้ มีคุณ
เพื่อนเล่นช่วยค้ำจุน สนุกเร้า
รักใดจักเพิ่มพูน รักอาต มานา
แรงอื่นฤๅจักเถ้า วิสกี้บรั่นดี ฯ
๑๒๔. ๏ จงโทษไทท้าวท่วย เทวา
จงโทษมิตรว่าพา ชั่วได้
จงโทษหมู่วงศา เครือญาติ
แต่ส่วนตัวเองไซร้ ผิดก้อเลยดัน ฯ
๑๒๕. ๏ หมอแพทย์ทายว่าไข้ ลมคุม
โหรว่าเคราะห์แรงรุม โทษให้
แต่ปราชญ์ว่ากรรมชุม นุมเกิด ผลนา
เราว่าผู้อื่นไซร้ เล่นแกล้งทำเรา ฯ
๑๒๖. ๏ แม้มีตัวใหญ่เพี้ยง ภูผา
สูงเจ็ดลำตาลสา มารถแท้
พงศ์พันธุ์เผ่าจันทรา สุริเยศ ก็ดี
ครั้นว่าไร้ทรัพย์แล้ จักต้องไว้เครา ฯ
๑๒๗. ๏ คนผู้จีนชาติช้า พงศ์พันธุ์
ครั้นมั่งมีสินสรรพ์ มากไซร้
แม้ผู้เผ่าสุริยจันทร์ สูงศักดิ์ ก็ดี
ต้องประจบเขาไว้ เผื่อเผื้อเป็นเขย ฯ
๑๒๘. ๏ แม้มีเนตรพ่างเพี้ยง พันจัก ษุแฮ
มีวิชารู้หลัก เลิศล้น
ปัญญายิ่งยศศักดิ์ ฦๅทั่ว ภพนา
รู้เท่าใดไม่พ้น พ่ายแพ้เอดิเตอร์ ฯ
๑๒๙. ๏ มีฤทธิ์แรงมากแม้ ทศพล ก็ดี
หักพระเมรุทบทน ท่าวแท้
หยิบยกสี่สากล ชูกลอก ไว้นา
บัดย่อมจะพ่ายแพ้ เอ็ดดี้โปโล ฯ
๑๓๐. ๏ มีบุตรบ่วงหนึ่งเกี้ยว พันคอ
เมียผูกบาทาคลอ หน่วงไว้
กีดการที่เที่ยวกรอ สมรมิ่ง อื่นนา
พาลหย่าเมียเสียได้ จึ่งโก้เก๋จริง ฯ
๑๓๑. ๏ ผู้ใดมีมั่งขั้ง เงินทอง
ลูกอย่าให้มันครอง สืบไว้
พึ่งหลงลูกเขยปอง มอบทรัพย์ ให้นา
เขาจะผลาญทรัพย์ให้ เหือดเหี้ยนสนุกดี ฯ
๑๓๒. ๏ มีลูกไม่รับเลี้ยง หลักฐาน
เมียแต่งหาเหตุพาล หลีกลี้
ส้องเสพสุราบาน ลักเล่น เบี้ยแล
สี่สิ่งเป็นลักษณ์ชี้ เช่นโก้ตามสมัย ฯ
๑๓๓. ๏ มีลูกลูกเล่าไซร้ หลายประการ
ลูกหนึ่งกินสุราบาน มากถ้วน
ลูกหนึ่งชอบนงคราญ เต้นเวิก กระโปรงแฮ
ลูกที่ดีนั้นด้วย ว่ารู้อวดดี ฯ
๑๓๔. ๏ มีลูกลูกอวดรู้ สั่งสอน
มีบ่าวบ่าวปากบอน แส่ไส้
มีรถขับจู่จร ชนเจ๊ก
มีแม่เรือนอย่าได้ รีบร้อนมีเลย ฯ
๑๓๕. ๏ พระจันทร์โอภาสด้วย ราตรี
แสงสว่างแผ้วพันสี ส่องหล้า
นางรำอ่าอินทรีย์ แบบหรั่ง
เวิกกระโปรงขาอ้า อวดผู้ชายดรุณ ฯ
๑๓๖. ๏ ว่าเมียมีมากล้ำ หลากมี
เมียหนึ่งลูกเศรษฐี เจ๊กแฮ้
เมียหนึ่งเก็บลับดี กว่าเอก
เมียหนึ่งซึ่งเก่งแท้ ชื่ออื้อกรุงไกร ฯ
๑๓๗. ๏ เมียมากจุงระมัดหมั้น ตัวตน
ย่อมจะหวงหึงดน คิดร้าย
รักไหนแม่อีกคน เง้างอด
ควรจะหาบ้านย้าย แยกให้หลายหลัง ฯ
๑๓๘. ๏ หญิงประทุษฐ์ทำเล่ห์ซ้อน เหนือชาย
ควรคิดให้อับอาย ค่ำเช้า
แจ้งความประกาศขยาย บอกกล่าว
แต่อย่าให้เสียเค้า ถูกแจ้งตอบความ ฯ
๑๓๙. ๏ หญิงที่ผัวหย่าร้าง สามคน
ข้าถูกขับสามหน จากเจ้า
ลูกศิษย์ผิดครูตน สามแห่ง
สมัยใหม่นี้ให้เข้า เสพส้องสมาคม ฯ
๑๔๐. ๏ อากาศหฤโหดแท้ คือกา
สัตว์สี่ตีนคือลา ท่านใช้
มีลูกโฉดปัญญา อย่ารับ มันเลย
เมียมิ่งขี้หึงไซร้ รีบร้อนหย่าเสีย ฯ
๑๔๑. ๏ ถ่อลอยกลางแม่น้ำ ฤๅจะเอา
แม้มิบุบบางเบา มอดย้ำ
แต่หญิงรูปลำเภา ผัวหย่า นั่นฤๅ
ชายชอบว่าดีล้ำ เลิศพ้นดรุณี ฯ
๑๔๒. ๏ ดังฤๅแม่น้ำและ ชลสาย
ศาลสระประปาฝาย เฟื่องน้ำ
เปรียบประดุจใจชาย โก้ปัจ จุบันแฮ
บ่มิครองคู่ค้ำ ยืดด้วยหญิงใด ฯ
๑๔๓. ๏ แมลงวันยุงโรคร้าย นำมา
สุนัขบ้ากัดพา คลั่งไคล้
นารีที่ประภา มรกต
จงระวังมากไว้ จักต้องฉีดยา ฯ
๑๔๔. ๏ ดูข้าดูเมื่อไร้ เงินเดือน
ดูมิตรญาติยามเยือน เมื่อไร้
ดูเมียเมื่อคบเพื่อน หญิงอื่น
ใครขัดจิตเราไซร้ เร่งให้ไกลเสีย ฯ
๑๔๕. ๏ มีข้าชิดชอบใช้ หลายสถาน
ข้าหนึ่งเมื่อใช้งาน บ่นอู้
ข้าหนึ่งผจญผลาญ หมดเย่า
ข้าหนึ่งเป็นเจ้าชู้ เช่นนี้ตามสมัย ฯ
๑๔๖. ๏ ลูกจ้างอย่าคิดไว้ วางใจ
ปกปิดกลภายใน อย่าหง้าย
เลศลับสิ่งใดใด เห็นเหตุ
อาจเล่าสู่เพื่อนร้าย อีกแจ้งสือพิมพ์ ฯ
๑๔๗. ๏ สาวใช้จงเพ่งใช้ โดยควร
หากและเลียมลามลวน วากเว้
เมียหลวงอาจจะกวน ใจเมื่อ รู้แฮ
หาคฤหะอีกเอ้ เอกไว้แหละดี ฯ
๑๔๘. ๏ ตัวชั่วและปากร้าย สามาญ
ซัดพ่อแม่สาธารณ ชั่วช้า
ไม่รู้จักอ่อนหวาน ทางพูด
ดันอวดว่าตูกล้า กล่าวข้อความจริง ฯ
๑๔๙. ๏ พ่อตายเครื่องกั้นกีด หักหาย หนึ่งนา
แม่ดับเครื่องกีดมลาย อีกไซร้
เมียหลวงหากวอดวาย หมดกีด
เรากลับเป็นโสดได้ อีกครั้งสนุกเหลือ ฯ
๑๕๐. ๏ พิษร้อนในโลกนี้ มีสาม
พิษสุราเริงลาม ระอุท้อง
มอร์เฟียฉีดที่ตาม อวัยวะ
อีกพิษแห่งโรคต้อง รีบร้อนฉีดยา ฯ
๑๕๑. ๏ หวานใดในโลกนี้ มีสาม
หวานหนึ่งน้ำผึ้งสยาม อีกอ้อย
หวานอื่นหมื่นแสนทราม เลวกว่า
หวานสวี๊ตหาร์ตแน่งน้อย สวี๊ตแท้ใดปาน ฯ
๑๕๒. ๏ ธรรมดายาโรคร้อน รสขม
กินก็บำบัดลม และไข้
สมัยใหม่นิยม ยาฉีด เมานา
เฉกเช่นคำพูดไซร้ กล่าวต้องกำกวม ฯ
๑๕๓. ๏ โทษท่านผู้อื่นเพี้ยง เมล็ดงา
ปองติฉินนินทา ห่อนเว้น
ติยังไม่พอหา โอกาส
ลงด่าว่าเขาเหล้น ณหน้าสือพิมพ์ ฯ
๑๕๔. ๏ คนรักมีมากไซร้ แสดงผล
ยามมั่งมีช่วยตน ปลดเศร้า
ครั้นเมื่อขัดสนจน ช่วยถีบ
ช่วยส่งตัวเราเข้า คุกได้โดยพลัน ฯ
๑๕๕. ๏ ลิ้นหญิงตานกแร้ง จมูกมด
อีกลวดหนามกำหนด ยากแท้
คำเอดิเตอร์รจ นาแต่ง
ห้าสิ่งนี้แหลมแล้ รวดรู้เร็วจริง ฯ
๑๕๖. ๏ คนตื่นคืนหนึ่งช้า จริงเจียว
อีกภาพยนตร์เรื่องเดียว ดุจร้อย
บุรุษถูกเมียเขียว ขัดจิต
ดูประโมทัยน้อย หนึ่งต้องถูกหึง ฯ
๑๕๗. ๏ เฝ้าท้าวเทียมเสพด้วย ยาพิษ
ไหนจะเกรงความผิด พลาดถ้า
ไหนจะถูกคนริษ ยาแย่ง ดีแฮ
บัดชื่นบัดเศร้าหน้า กล่าวใกล้เสียคน ฯ
๑๕๘. ๏ บรรทมยามหนึ่งไท้ ทรงฤทธิ์
หกทุ่มหมู่บัณฑิต ทั่วแท้
สามยามพวกพาณิช นรชาติ
ตื่นสี่ยามนั่นแล้ หนุ่มผู้ทันสมัย ฯ
๑๕๙. ๏ ราชาธิราชน้อม นำทาง
อำมาตย์มัวกีดขวาง ท่านไท้
เพราะเห็นแก่ตัวต่าง ตนขัด
เมืองดั่งนี้เลิศได้ อยู่ช้าปานใด ฯ
๑๖๐. ๏ ข้าท่านคร้านหลีกเจ้า จากเจียร
หนุ่มบ่เรียนวิทย์เรียน อวดโอ้
สาวละคฤหะเพียร ดูภาพ ยนตร์นา
สามสิ่งนี้แหละโก้ เก่งแท้ชมกัน ฯ
๑๖๑. ๏ นายเรือนใหญ่อยู่เหย้า เรือนตน
นายซ่องเป็นใหญ่คน ลูกบ้าน
ท้าวพระยาใหญ่กว่าชน ในเขต แดนนา
นักพูดใหญ่แปดด้าน ทั่วด้าวทิศา ฯ
๑๖๒. ๏ สัตรีดีรูปได้ เป็นทรัพย์
ชายฉลาดความรู้สรรพ ทรัพย์ได้
แต่หญิงเวิกผ้านับ ว่าเลิศ หญิงนา
ชายนักพูดนั้นไซร้ เลิศล้ำชายปวง ฯ
๑๖๓. ๏ เรียนรู้ครูบอกได้ เสร็จสรรพ์
สบศาสตร์ศิลป์ทุกวัน ย่อมรู้
อัชฌาสัยแห่งสามัญ อย่าวิ ตกเลย
หมั่นอวดวิชาอู้ กลบไผร้กิริยา ฯ
๑๖๔. ๏ แม้บุญยังอย่าได้ ขวนขวาย
อย่าตื่นตีตนตาย ก่อนไข้
เมื่อใดจะเข้าร้าย เลี่ยงหลีก
โดยซัดคนอื่นได้ นั่นแล้วฉลาดจริง ฯ (๓)
๑๖๕. ๏ นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
รังจุเมียจุผัว อยู่ได้
คนเราลิคิดนัว มักใหญ่
ยามบ่สมคิดไซร้ จึ่งไว้หนวดเครา ฯ
๑๖๖. ๏ เห็นท่านมีเร่งเคลิ้ม ใจตาม
เรายากหากใจงาม โง่แท้
อุตส่าห์พยายาม ลวงหลอก
ปอกลอกท่านอีกแล้ ปากข้อนนินทา ฯ
๑๖๗. ๏ เริ่มการตรองตรึกไว้ ในใจ
แต่ปากต้องช่วยไข ข่าวแจ้ง
ไม่อวดจะมีใคร ชมเชิด เราฤๅ
ทำนิดก็หมั่นแผล้ง แพร่ให้ใหญ่โต ฯ
๑๖๘. ๏ การใดตรองผิดไซร้ เสียถนัด
เอาสิ่งนั้นตรองขัด คิดแก้
ปดแล้วกล่าวปดมัด อีกเปลาะ ดีแฮ
ฉ้อทรัพย์กลับฉ้อแล้ อีกซ้ำขำดี ฯ
๑๖๙. ๏ ผมผิดคิดสิบห้า วันวาร
ทำไร่ผิดเทศกาล ขวบเข้า
เลี้ยงเมียผิดรำคาญ หาอีก คนแฮ
ทำผิดรีบคิดเข้า สู่ห้องสือพิมพ์ ฯ
๑๗๐. ๏ อาศัยเรือนท่านให้ วิจารณ์
เห็นท่านทำการงาน หลีกเน้อ
แม้มีกิจโดยสาร นาเวศ
พายถ่อช่วยค้ำเส้อ เหนื่อยแท้อย่าทำ ฯ
๑๗๑. ๏ เขาบ่เรียกสักหน่อยขึ้น เคหา
ท่านบ่ถามเจรจา อวดรู้
ยกตนอะหังกา เกินเพื่อน
สามลักษณะนี้ผู้ ถูกแท้ทันสมัย ฯ
๑๗๒. ๏ เป็นคนคลาดเหย้าอย่า เปล่ากาย
จงพกเบรานิงขยาย อวดไว้
เคหาอย่าสูญวาย เหล้าวิส กี้นา
เฉินฉุกขุกจักได้ เปิดเลี้ยงเหล่าสหาย ฯ
๑๗๓. ๏ สินใดบ่ชอบได้ มาเรือน
อยู่แต่เจ็ดเดือนเตือน ค่ำเช้า
ฉนั้นอย่าแชเชือน รีบฝาก
แบงก์เจ๊กอันหนึ่งเข้า อย่าช้าเป็นดี ฯ
๑๗๔. ๏ ตมเกิดแต่น้ำแล่น เป็นกระสาย
น้ำก็ล้างเลนหาย ซากไซร้
โรคใดเกิดในกาย อย่าเนิ่น ช้าเลย
ฉีดสิรัมนั้นให้ ต่อสู้ตัวเยิม ฯ
๑๗๕. ๏ อายครูไซร้ถ่อยรู้ วิชา
อายแก่ราชาคลา ยศแท้
อายแก่เพื่อนจักหา สุขได้ ไฉนนอ
อายแก่ใจตนแล้ ครึบ้าอาราม ฯ
๑๗๖. ๏ หน้าแช่มชื่นช้อยเช่น บัวบาน
ถ้อยเปรื่องปราดฉาดฉาน แสบไส้
กายประดับสีปาน รุ้งรุ่ง
เขาเหล่านี้กล่าวไว้ ว่าผู้สัญจร ฯ
๑๗๗. ๏ หลีกรถเจ๊กหลีกห้า ศอกหมาย
ม้าหลีกสิบศอกกราย อย่าใกล้
รถยนตร์หลีกคลาดคลาย ยี่สิบ ศอกนา
จักระยานยนตร์ไซร้ หลีกพ้นลับตา ฯ
๑๗๘. ๏ พาชีขี่คล่องคล้อย ควรคลา
ส่วนรถราบางครา น่าใช้
รถยนตร์เครื่องดีพา หนเลิศ
รถเจ๊กควรขี่ได้ แต่เมื่อขัดสน ฯ
๑๗๙. ๏ กระบือหนึ่งห้ามอย่า ควรครอง
เมียมิ่งอย่ามีสอง สี่ได้
ม้าสามแข่งอย่าปอง รองต่อ มากเลย
เรือนอยู่สี่หลังให้ สนุกด้วยสี่เมีย ฯ
๑๘๐. ๏ มีเรือยนตร์ขี่ห้า ลำนอ
เพื่อนหกคนเพียงพอ จะเลี้ยง
เมียน้อยเจ็ดคนคลอ เคล้าเล่น สนุกแฮ
เสื้อแปดผ้าเก้าเหยี้ยง อย่างโก้สมสมัย ฯ
๑๘๑. ๏ มีเงินแต่ที่กู้ เขามา
มีวิชาชนิดก๋า อวดไว้
มีเมียอยู่เคหา เก็บลับ
สามลักษณะนี้ไซร้ แน่แท้โก้จริง ฯ
๑๘๒. ๏ สบพบคนเคลิ้มเร่ง เจรจา หลอกแฮ
ลาภอยู่ใกลใฝ่หา ใคร่ได้
มีลูกไม่รับว่า เป็นบุตร
เมียเก็บให้ลับไว้ ว่าโก้เก่งเหลือ ฯ
๑๘๓. ๏ ไร้สิ่งสินเร่งใช้ ปัญญา
หลอกญาติวงศ์พงศา มิตรไซร้
ทำเป็นรักบ่รา รสรัก
จนหลอกเอาเงินได้ จึ่งเย้ยเขาเขลา ฯ
๑๘๔. ๏ หมั่นเรียนเพียรหลีกเหลี้ยง งานของ นายนา
หมั่นตริตรึกนึกปอง บ่อนเหล้น
หมั่นหัดพูดเพื่อลอง ลวงจิต หญิงแฮ
หมั่นจับระบำเต้น สี่นี้สมสมัย ฯ
๑๘๕. ๏ รักมิตรจงมุ่งได้ เปรียบมิตร
รักเผ่าพงศาสนิท เพื่อใช้
รักหญิงลูกเจ๊กคิด เอาทรัพย์ เขาเทอญ
รักสัตย์อย่ารักให้ ขัดข้องแก่ตน ฯ
๑๘๖. ๏ รักทรัพย์จงยิ่งด้วย วิชา
สว่างเท่าไฟฉายหา ห่อนได้
น้ำใดยิ่งสุรา ชื่นจิต ฤๅพ่อ
รักอื่นหมื่นแสนไซร้ อย่าสู้รักตัว ฯ
๑๘๗. ๏ รักมิตรจงรอบรู้ รักสนิท
มิตรผิดช่วยทำผิด อีกไซร้
ความขำเงื่อนงำปิด บ่อยู่ แล้วฤๅ
จึ่งค่อยทิ้งมิตรให้ อยู่คว้างตนเดียว ฯ
๑๘๘. ๏ เมียท่านพิศพ่างเพี้ยง สุดา สวรรค์แฮ
ทรัพย์ท่านควรปรารถนา ยักโย้
รักคนอื่นจงอย่า ให้เท่า ตนเลย
ตรองดั่งนี้ว่าโก้ เก่งแท้สมสมัย ฯ
๑๘๙. ๏ คนใดใจส่างสิ้น ความอาย
พูดกลับกลอกหลอกหลาย เล่ห์แท้
งามงดแต่ยศหมาย พูนเพิ่ม
สามสิ่งมีพร้อมแล้ ฉลาดล้ำเลอสมัย ฯ
๑๙๐. ๏ คนใดมีสัตย์สื้อ ไป่พาล
หิริโอตตัปมาน จิตบ้าง
อีกหมั่นกอบกิจการ น่าที่ เสมอฤๅ
เขาเรียกว่าอยู่ข้าง ครึบ้าโบราณ ฯ
๑๙๑. ๏ คนใดฟังอรรถแล้ว บ่ขวาย ขวนนา
บ่ตริตรึกนึกหมาย มั่นไว้
บ่ถามไถ่อุบาย เติมต่อ
เขาว่าเรียนโก้ได้ แบบเบื้องหรั่งจ๋า ฯ
๑๙๒. ๏ คนใดทรงสัจสร้าง ศีลา
ไป่เคียดขึ้งหึงสา สัตว์ใช้
น้ำจิตคิดกรุณา เนืองนิจ
คือว่าแก่วัดได้ แต่เย้ยเยาะหัว ฯ
๑๙๓. ๏ คนใดเบื่อพ่อทั้ง มารดา
อันทุพลชรา ภาพแล้ว
เห็นกีดแก่การพา หญิงเยือก เล่นฤๅ
คือประพฤติอย่างแก้ว เก่งโก้เหลือดี ฯ
๑๙๔. ๏ คนใดเอมโอชถ้อย เจรจา
เห็นแก่เถ้าพฤฒา ถ่อมไหว้
คือคนขาดศึกษา อย่างแบบ ใหม่แฮ
เรียกว่าใช้ไม่ได้ ครึบ้าเปิ่นเปิง ฯ
๑๙๕. ๏ เจ๊กใดไร้โคตร์เค้า ตระกูล
แต่ว่ามีทรัพย์มูล มากไซร้
หาผู้เผ่าประยูร สูงศักดิ์
เป็นลูกเขยคงได้ ง่ายแท้สมถวิล ฯ
๑๙๖. ๏ ชายใดเร่คบค้า สาวสรร
เสพสุราอีกวัน เสต๊ปเต้น
แข่งม้าและขยัน เต็นนิส
คนดั่งนี้ฤๅเว้น ว่างผู้คบหา ฯ
๑๙๗. ๏ คนใดชอบอวดรู้ วิชา
หญิงปากร้ายกิริยา ชั่วไซร้
พ่อแม่ใฝ่เฝ้าหา เขยศักดิ์ สูงฤๅ
สามสิ่งนี่บอกให้ ทราบเชื้อจีนโน ฯ
๑๙๘. ๏ คนโก้มักชอบโก้ เกินดี
ธรรมะบ่ต้องมี ก็ได้
คอยแต่แต่งตัวฟรี พูดพล่อย
อ้างขนบหรั่งไว้ หลอกผู้สยามมวย ฯ
๑๙๙. ๏ สอนคนหัวเก่าช้า โฉดเฉา
ฝนตกเจิมจอมเขา หลั่งหลุ้ม
คนหัวใหม่สอนเอา แบบหรั่ง สอนเทอญ
ประหนึ่งสปันช์ชุบอุ้ม อิ่มน้ำช่ำใจ ฯ
๒๐๐. ๏ เผ่าพาลพวกไป่รู้ คุณคน
นี่พจน์หัวเก่ากล กล่าวไว้
หัวใหม่ที่ทำตน รู้จัก คุณฤๅ
ชื่อว่า ป.จ. ไซร้ เพื่อนพร้องนินทา ฯ
๒๐๑. ๏ ได้สินทรัพย์เพื่อค้า ขนหงส์
เลี้ยงชีพช้ายืนยง เบื่อแท้
เอาปืนประจุจง ยิงห่าน
เป็นสปอร์ตโก้ด้วยแล้ อีกได้ขายขน ฯ
๒๐๒. ๏ แม่น้ำคดอย่าใช้ เรือยนตร์ เร็วเลย
ทางคดขับรถชน หักหวิ้น
ไม้เท้าคดถือคน หัวเยาะ
คนคดปดเล่ห์ลิ้น คล่องแท้คนชม ฯ
๒๐๓. ๏ ปราชญ์ใดเรืองรู้ยิ่ง วิทยา
กล่าววิทยาศาสตร์สา ระไซร้
วิสกี้กับโซดา ประจำโต๊ะ
อาจถูกศิษย์หลอกได้ ดุจล้อเด็กแดง ฯ
๒๐๔. ๏ ไป่ถามปราชญ์บ่พร้อง พาที
คุยกับปราชญ์บ่มี ครึกครื้น
ส่วนพวกนักพูดดี พูดพล่าม
ถึงหากความรู้ตื้น พวกพ้องตามพรู ฯ
๒๐๕. ๏ ร่วมคณะปราชญ์เชื้อ ชาตรี
นั่งโงกง่วงเต็มที แน่ไซร้
หมั่นดูภาพชาลี ดีกว่า เพื่อนเฮย
เอาอย่างแชปรินให้ เก่งแล้คนชม ฯ
๒๐๖. ๏ หมั่นคบคนโก้และ ชอบกล
เขาจะพาให้ตน เก่งด้วย
วันคืนรวดเร็วดล แสนสนุก
ดื่มสุราหลายถ้วย หมดข้องขุ่นใจ ฯ
๒๐๗. ๏ พึงนึกเชื่ออีกไว้ ใจตน ก่อนนา
จึ่งสั่งสอนฝูงชน ทั่วหล้า
อย่าฟังซึ่งคำคน อื่นทัก ท้วงเลย
ใครทักปรับเป็นบ้า นั่นแล้เก่งเหลือ ฯ
๒๐๘. ๏ ช่างหม้อตีหม้อใช่ ตีฉาน แตกนา
ตีแต่งเอางามงาน ชอบใช้
แต่ศิษย์หากอาจารย์ ตีแปะ หนึ่งนา
ก็รีบฟ้องครูให้ ถูกขึ้นโรงศาล ฯ
๒๐๙. ๏ คุณแม่หนาหนักเพี้ยง พสุธา
คุณบิดรดุจอา กาศกว้าง
คุณครูเปรียบภูผา เมรุมาศ
คุณเหล่านี้อยู่ข้าง หนักแล้อย่าคนึง ฯ
๒๑๐. ๏ เมื่อร้อนดื่มเหล้าสิ เย็นใจ
เมื่อเยือกกอดทรามไวย อุ่นเนื้อ
เมื่อทุกข์จุ่งรีบไป ดูภาพ ยนตร์เทอญ
เมื่อยากหามิตรเกื้อ กิจกู้เงินทอง ฯ
๒๑๑. ๏ เย็นเงาพฤกษ์มิ่งไม้ สุขสบาย
เย็นพัดโบกสำราย กว่าไม้
เย็นดื่มสุราหลาย ถ้วยยิ่ง พัดแฮ
เย็นเยือกแม่สาวไซร้ เยือกพ้นพรรณนา ฯ
๒๑๒. ๏ ทองกวาวหงอนไก่เส้ง สดสี
งามแต่กลิ่นฤๅมี หนึ่งน้อย
นักเรียนรอบรู้ดี แต่หาก
มิใช่เรียนนอกถ้อย ถูกก้อเป็นเหลว ฯ

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ