วินิศวานิชคำฉันท์

หลวงธรรมาภิมณฑ์แต่ง

๑๔ กฤษดาญชลีกรประนต ทศนัขนมัสการ
แทบบาทชิเนนทวรญาณ สุวิมุตติเจษฎา
๏ ผู้ตรัสรู้คุณอนุต ตระวิสุทธิสัมมา
สัมพุทธองคอรหา ธิมเหสิโนดร
๏ นบอุตตมางควรธรร มะมหันต์คุณากร
อันองค์บรมชินวร ธดำรัสสดวกดี
๏ ล้วนเลิศณโลกยวิสิษ ฐวิสุทธิราษี
เผยโมกข์อมัตยวิถี ทิพห้องศุขารมณ์
๏ น้อมหมู่มหาคณชิเนา รสสังวโรดม
ด้วยศีละทิฏฐิกะภิรม ยะประเสริฐพิเศษสรรพ์
๏ เคารพพระรัตนวรา คุณสาธุรำพรรณ
ทั้งสามประสิทธิ์สฤษดิสรร พอเนกอุดมมาน
๏ สรวมสรวงครพวิสุทธิเท วนุภาพคุโณฬาร
บำบวงวิสิษฐ์สุระสการ อุปบัติเทพา
๏ ทั่วแมนพิมานพิมลสิท ธิมหิทธิศักดา
จบสรวงสถานทิพยสา กลภูมิรมย์บาล
๏ เคารพภิวาทนิยน้อม คุณบูรพาจารย์
ก่อเกื้อสกนธบริหาร คุณล้ำสุขุมไข
๏ กราบเกล้าถวายกรบังคม บรมบาทธิเบศร์ไท
จอมภพจุฑาดลมไห สุริเยศร์สยามินทร์
๏ กรุงเทพมหาวรนคร อมรรัตนโกสินทร์
เกริกเกียรติขจรปรถพิน คุณปกศิราประชา
๏ ร่มรื่นสราญรมยศุข ศิริทุกประเทศสา
ทรด้วยพระราชกรุณา คุณพ้นจะรำพรรณ
๏ สรวมสิ่งพิเศษศุภประนอม ศิริพร้อมพิบูลย์สรรพ์
ไตรรัตนาทิคุณอัน อดิเรกะจำนอง
๏ สรวมสิ่งเกษมศุขสวัส ดิพิพัฑฒสมพอง
จงมีณข้าบทลออง จะนิพนธ์ประพันธ์ฉันท์
๏ โดยในดำนานวินิศวา นิชสาระรำพรรณ
ด้วยมิตรเสมอกมลสรร พนุเคราะห์ฤร้างแรม
๏ เดิมเชกสเปียประดิฐบท ลครแล้วและชาลส์แลมป์
กลั่นกล่าวสำเนานิคมแนม นิติอย่างนิยายมี
๏ ร่ำปางนิทานบุรุษสอง ชนชาติอิตาลี
เนาในประเทศวินิศศรี ชลเขตรภารา
๏ บัสสานิโอบำญัตินาม กรแจ้งสมัญญา
เนื่องเชื้อณวงษคณนา นุตระกูลมหาศาล
๏ แอนตอนนิโอบุรุษหนึ่ง บริบูรณ์ศฤงฆาร
พานิชตระกูลวิบุลการ กิจกอบณค้าขาย
๏ ทั้งสองเสมอกมลรัก ษสมัคสมานหมาย
เปนอรรคุดมปิยสหาย บมิห่างมิหันเหิน
๏ แม้ใครและใครผิวประสงค์ ธุระไรบแรมเมิน
รับภารผดุงกิจเจริญ ก็สฤทธิ์ประสงค์สม
๏ สองนายบหน่ายหทยกัน กลนี้ก็นานนม
ทุกข์ศุขสโมสรภิรม ยะบร้างระคางเคือง
๏ บัสสานิโอจิตรชนิด บมิคิดจะแปลนเปลือง
ฟูมฟายและจ่ายธนะก็เนือง นิจอยู่บรู้ออม
๏ ขาดขัดก็เคยมิตรสิเน หก็ช่วยพยุงยอม
ยืมใช้เฉลี่ยธนะถนอม ดุจนี้อเนกนาน
๏ ภายหลังและเพื่อนธุระจรน ตก็ยลยุพาพาล
เศรษฐีธิดาดรุณมาลย์ กลพิศก็พิศมัย
๏ เนาเบละมอนตำบลแต่ วินิศกรุงบแกลนไกล
นามนางนิยมยุพดไน วรนุชปอเทีย
๏ บิดาและมารดรพธู ชิวสองก็สูญเสีย
นางนั้นก็ครองคฤหเจีย รพิทักษ์ธนานันต์
๏ สมบัดดิสมบุรณพัส ดุดิเรกครามครัน
มั่งคั่งสุโภคยะมหัน ตะพิพัฒนเนืองนอง
๏ บัสสานิโอทฤษฎี นุชภักตรลำยอง
สบตาก็เตือนกมลปอง ปดิพัทธ์ยุพาพงษ์
๏ แอบเอื้อนกระแอมกลแสดง กิติศัพทโดยจง
นางนั้นเสนาะสรอนง คก็เหลือบชำเลืองแล
๏ เนตรนางก็ต้องบุรุษไน ยนะดูกระดากแด
ปลื้มปลาบมโนนุชก็แปร มุขม่อยชม้อยเมียง
๏ ต่างคนก็ต่างกมลมี พิศวาศภิรมย์เรียง
อาไลยตระลึงประวัติเพียง ประดิพัทธแก่กัน
๏ ปางสองคนองมนะกำหนัด อุระกริ่มเกษมสันต์
เกื้อกามตระอรกระอุนิรันต์ รศรักบเว้นวาง
๏ บัสสานิโอนิจคนึง นุชจินตนานาง
เช้าค่ำก็ร่ำกมลหมาง บมิว่างระหว่างทวี
๏ จักสู่สโมสรสมร มิตรโดยประเพณี
ทุนรอนก็หย่อนธนะและมี ก็บเพียงบพอการ
๏ เพราะก่อนสิเคยมหะธโน ดมมากมหาศาล
จับจ่ายจะใช้นฤประมาณ บมิยั้งประหยัดตน
๏ คราวต้องประสงคกิจมี ธุระแท้ก็ถึงจน
ทรัพย์น้อยก็ถอยผลจะยล นิก็ยิ่งจะยากไฉน
๏ อึดอัดกระอุอุระตระหนัก ก็ประดักประเดิดใจ
ตนทอดก็กอดอุระพิไร กรพาดนลาตตรอง
๏ ลุกนั่งละลังนิทรละล้า ก็พะว้าพะวังหมอง
กอดเข่าซะเซานยนะสอง ก็ระริบกระปริบปรอย
๏ ยิ่งคิดก็ยิ่งทุมะนะอา ดุระเล่หลาญลอย
ฝืนทุกข์ถวิลมนัศถอย จิตรนึกคนึงยล
๏ หวนถึงสหายชนมร่วม ศุขทุกข์ณเติมดล
อนึ่งเพื่อนก็พออุดมธน ผิวคงจะสมปอง
๏ ตรึกกริ่มกระหยิ่มกมลจิน ตนะแสนจะสมพอง
พลางจากสถานจรจำนอง ทุระคมนะมรรคา
๏ ถั่นถึงสำนักปิยสหาย
  1. พิศเพื่อนสิเนหา

นั่งพลางและทางพจนปรา รภโดยณไมตรี
๏ แอนตอนนิโอทศนะมิตร มลภักตรเผือดศรี
จึงเอื้อนสุสุนทรวะจี อนุสนธิปราไส
๏ อ้าดูระท่านปิยสิเน หสหายเสมอใจ
เนิ่นแล้วณเราบจรไป ธุระสนทนานาน
๏ เออเพื่อนก็วัฒนเจริญ ศุขทุกข์เกษมสานต์
โรคไภยพิบากพิบัติการ ผิวฤาสบายกาย
๏ เปนไรณภักตรพิศเผือด ดุจเดือดฤดีดาย
ฤาว่าพยาธิบสบาย ผิวเบียนสกนธ์ผลาญ
๏ เพรงเราวิเคยทศนะกัน กลนี้ก็ชื่นบาน
ปราไสสำรวสุรสำราญ จิตรแสนจะสาทร
๏ คาบนี้ไฉนปิยสหาย พิศผิดสโมสร
ฉันใดแสดงวจนกร ธุระโดยคดีมี
๏ บัสสานิโอสรสดับ มิตรภาวะยินดี
ไต่ถามแถลงยุบลมี มธุรศภิปรายเปรย
๏ จึ่งเอื้อนวรารศนิพนธ์ ดุระเพื่อนสหายเอ๋ย
โรคไภยพยาธิก็เสบย บมิเบียดมิเบียนตน
๏ แต่ตูระทมมนัศตรอม อุระกรมทุเรศรน
เหตุนี้บควรกิจนิพนธ์ ก็จะจำขจายแจง
๏ อ้าอ้าสหายกิจอะไร ธุระใดบควรแหนง
เชิญเผยเฉลยกิจแสดง ขณะนี้ฤควรอำ
๏ ปัสสานิโอยุบลฟัง พจนาดถ์สนองคำ
ตอบตามคดีกมลดำ ริหเพื่อประสงค์ตน
๏ อ้าขอบมโนมนัศด้วย อนุญาตนิยมยล
เหตุเราจะร่วมนุชวิมล ฆรสู่พธูครอง
๏ เศรษฐีธิดาดรุณพริ้ม ปดิพัทธ์ภิเศกสอง
แต่เราสิขัดธนะก็ตรอง กิจตรอมฤดีดาล
๏ มุ่งมานิหวังกมลภา ระณทรัพย์ประกอบการ
สามพันตำลึงรชฎะวาน มิตรช่วยอำนวยหนูน
๏ แม้เสร็จสโมสรประสง คจะส่งบเสื่อมสูญ
ท่านจงจำนงคุณนุกูล อนุเคราะหโดยหวัง
๏ แอนตอนนิโอสุตะคดี มิตรแจ้งแสดงดัง
นั้นแน่ตระหนักยุบลฟัง สิก็กล่าวคดีพลาง
๏ อ้ออ่อฉนั้นฤนะสหาย บมิควรระคางหมาง
ท่านคงจะสมกมลวาง ธุระเราจะรับภาร
๏ ใจเพื่อนสิเปนชนนุเคราะห์ มิตรญาติเจือจาน
แม้ใครจะมีธุระประการ กิจใดบดูดาย
๏ คราวนั้นพเอิญสมยจวบ ธนะขัดนิมากมาย
กำปั่นก็ไป่นิวตะขาย จรค้าบมาดล
๏ หากถึงกระนั้นก็บสลัด มิตรพึ่งก็ขวายขวน
เราคงจะช่วยพะวะพะวน ธุระกว่าจะเสร็จการ
๏ ปัสสานิโอขณะสดับ ธุระเพื่อนจะเปนภาร
เปรมปรีดิ์ทวีมนะสราญ จิตรสมเกษมใจ ๚ะ
๑๖ แอนตอนนิโอปราไส เสร็จแล้วทันใด
ก็รีบจรลขวนหา  
๏ มีชายแก่หนึ่งคือตา ไชล็อกนามปรา
กฎในวินิศธานี  
๏ เปนคนชาติยิวไปมี เผื่อแผ่อารี
แก่ใครแลใครจนคน  
๏ เพื่อนบ้านร้านถิ่นแถวถนน ใกล้ไกลทุกคน
ชวนกันเกลียดชังทั้งผอง  
๏ แกตระหนี่เหนียวเงินทอง ทรัพย์สินสิ่งของ
คิดซ่อนคิดเก็บเกียจกัน  
๏ กู้เงินกู้ทรัพย์นับวัน ดอกเบี้ยกรมธรรม์
คอยถามคอยทวงห่วงหา  
๏ คิดเกินพิกัดอัตรา เรียกแรงหนักหนา
ไป่ทิ้งให้ว่างค้างเดือน  
๏ เจ้าหนี้ทั้งหลายไป่เหมือน แกคอยตักเตือน
ผู้คนจึงเกลียดเสียดสี  
๏ แอนตอนนิโออารี ชาวชนยินดี
ก็รักก็ใคร่ไปมา  
๏ เช่นแอนตอนนิโอตา ไชล็อกชรา
รังเกียจรังกลจนตาย  
๏ เพราะเปนผู้ใจง่ายดาย ใช้ทรัพย์ฟูมฟาย
ใครกู้ไป่คิดดอกดวง  
๏ เปนที่ชนชอบทั้งปวง เพื่อนไป่แหนหวง
เพื่อความเอนดูแก่กัน  
๏ แอนตอนนิโอคนสรร เสริญชอบชวนกัน
ไปกู้ไปยืมใช้ชุม  
๏ ต้นเงินดอกเบี้ยเก็บกุม ไป่เรียกแรงรุม
ย่อมหย่อนประหยัดอัตรา  
๏ ติเตียนไชล็อกหนักหนา คราวนั้นเวลา
แอนตอนนิโอขัดสน  
๏ จำใจไปโดยร้อนรน ทันใดก็ดล
สำนักไชล็อกด้วยพลัน  
๏ คำนับจับมือสั่นกัน ตามธรรมเนียมบรร
ดาเพศประเทศนับถือ  
๏ ปราไสสนทนาหารือ โดยเยี่ยงอย่างคือ
เพื่อนบ้านสนิทชิดเรียง  
๏ แอนตอนนิโออายเอียง เอื้อนอรรถเลียบเคียง
อ้อนวอนไชล็อกออกความ  
๏ ทางจริงทางเล่นเลียมถาม วิงวอนงอนงาม
ทุกคำทุกข้อพอฟัง  
๏ จำอดจำเอื้อนอรรถหวัง บอกบกำบัง
ยุบลเหตุเจตนา  
๏ ขอท่านไชล็อกจงปรา นีเราสักครา
สงเคราะห์ให้สมสิ่งคนึง  
๏ หวังมายืมทรัพย์ท่านถึง สามพันตำลึง
ดอกเบี้ยจะเสี้ยส่งพลัน  
๏ เราไป่ให้เนิ่นเกินวัน โดยคำเราสัญ
ญาไว้จงได้เมตตา  
๏ ไชล็อกได้ฟังวาจา สำเหนียกจินตนา
คนึงคเนเล่ห์กล  
๏ แอนตอนนิโอใช่คน ยากแคลนขัดสน
คราวนี้ตกอับทรัพย์สิน  
๏ แต่ก่อนเคยค่อนติฉิน ยกโทษขึ้นนิน
ทาเราทุกสิ่งนานา  
๏ ทีนี้เราจักมายา ให้สมปราถนา
ก็ทำปราไสใจดี  
๏ กล่าวแกล้งแต่งคำทำที เหมือนมีปรานี
แอนตอนนิโอหนักหนา  
๏ เราจักสงเคราะห์โดยปรา รภท่านปราถนา
ฤาห่อนให้ร้อนรำคาญ  
๏ ดอกปลายไป่หวังต้องการ ขอแต่ปฏิญาณ
หนังสือสำคัญสัญญา  
๏ ต้องมีไว้ตามธรรมดา พอกันนินทา
แก่คนทั้งหลายภายหลัง  
๏ แอนตอนนิโอได้ฟัง ไชล็อกว่าดัง
นั้นแล้วก็ยอมสัญญา  
๏ ใจความตามแต่เจตนา ล้วนเล่ห์มายา
เหมือนคำพูดเล่นเช่นกัน  
๏ แม้ถึงกำหนดเดือนวัน ทรัพย์ถ้วนสามพัน
ตำลึงไม่ให้โดยจง  
๏ ยอมให้เชือดเนื้อเถือลง แปดตำลึงคง
คิดค่าคแนนแทนทรัพย์  
๏ ครั้นแล้วตาไชล็อกนับ เงินให้เสร็จสรรพ
จึงทำสัญญาโดยไว  
๏ แอนตอนนิโยดีใจ ได้ทรัพย์แล้วไป
ให้แก่สหายฤานาน ๚ะ  
  ๒๘ บัสสานิโอ
ได้ทรัพย์สโม สรรีบจัดการ
วิวาหมงคล พวกพลบริพาร
รถม้าอาหาร เครื่องตกแต่งตน
  ๏ เสื้อไหมหมวกทอง
กางเกงลำยอง เข็มขัดรัดสกนธ์
เพ็ชรพลอยพรายพริ้ม ทับทิมโกมล
มรกฎสดสน สร้อยสายนาฬิกา
  ๏ บัสสานิโอ
ได้ครัตเตียโน หนึ่งทนายพา
เปนพวกหนุ่มเดิน เชื้อเชิญกันมา
ได้ฤกษ์เบิกพา พรรคเพื่อนเตือนจร
  ๏ จากกรุงวินิศ
ตรงไปลุทิศ ตำบลเบลมอน
จึงหาที่พัก สำนักเนานอน
เริงร่าสาทร ศุขเกษมเปรมใจ
  ๏ ชนชาวบ้านนั้น
ไป่คิดเดียดฉัน ด้วยกิจกลไฉน
พูดจาพากัน เหมาะมั่นเข้าใจ
ไป่คิดสงไสย สรรเสริญพาที
  ๏ บัสสานิโอ
มีทรัพย์มากโข เปนอรรคเศรษฐี
เชื้อพงษ์ประยูร ตระกูลผู้ดี
เทือกแถวแนวมี มั่งคั่งโภไคย
  ๏ ครั้นแล้วมิช้า
จึงแต่งพฤฒา ผู้เฒ่าเข้าไป
ขอนางปอเทีย เยียยอมพร้อมใจ
นางนั้นรักใคร่ นัดมงคลการ ๚ะ
๑๑ บัสสานิโอสดับ สรศัพท์สิเน่ห์สาร
ดังได้พิมานปาน ทิพรศ์ภิรมย์ชม
๏ แสนสาทราไลย นุชในมโนรมย์
คำนึงคเนชม อรเชื่อบเบื่อวัน
๏ ทราบสิ้นรหัศอัต ถสนัดเสน่ห์สรรพ์
จินดาฤด่ีพลัน จะแสดงคดีตน
๏ พรรเอิญสมัยวัน จรจวบสดวกดล
ยลนางพอว่างคน บมิผู้จะอยู่เคียง
๏ ทันใดก็ดุ่มด้อม และคะค้อมคำนับเมียง
สาวสบกระซิกเสียง ก็ปราไสกระซี้สรวล
๏ บัสสานิโอแสร้ง กดโศกบยิ้มยวน
ไขสารสนองนวล สุจริตฤดีดล
๏ ใดอายจะปิดอาย ผิวอำสมรมล
ทินนันจะป้องคน ครหาฤเหือดหาย
๏ แม้ไป่แสดงสัต ยก็เล่หอายกาย
เขาคงจะท้วงทาย ดุจเรานิหลอกลวง
๏ คิดแล้วแถลงคำ บมิอำคดีดวง
ใจจริงยุบลปวง สุจริตภิรมย์วอน
๏ อ้าดูระทรามบัง อรมิตรสายสมร
เจียนใจจะขาดรอน ผิวอายก็อายครัน
๏ แดเดียวกระเดี่ยวเด็ด นฤเท็จประทุษฐ์ฉัน
ใดเลยเฉลยสรร พประถมพาที
๏ เรียมจักผจงจิตร สุจริตณไมตรี
แม้แม่จะปรานี อนุเคราะห์ครองใจ
๏ ควรอ้ำคดีอำ ผิวจำคดีใด
อ้าแม่ฤควรไข อนุสนธิสัจจา
๏ อนึ่งในมโนอัต ตมะขัดก็แสนสา
หัวจนกมลปรา รภรักฤอำพราง
๏ มีเต่ตระกูลภูล พละทรัพยขัดขวาง
ฝ่าฝากชิวาวาง นุชเดียวผดุงเทียม
๏ เชิญโฉมเฉลาลัก ษณเกื้อกรุญเรียม
กิจนี้แขนงเหนียม นฤหน่ายขนางใจ
๏ ปอเทียสดับถ้อย มฤธูแถลงไข
ปรานีสิเน่ห์ไน ยประโลมกำลูนถวิล
๏ สงสารประสานสง เคราะหโดยนิยมยิน
ดีด้วยภิรมย์จิน ตนะแน่ฤแหนงความ
๏ ยลแท้ฤไทยสัตย์ สุจริตเจริญงาม
ควรคู่พธูตาม บริรักษ์ภิรมย์ครอง
๏ พลางยิ้มสยายพจน์ มธุรศสนองสอง
สัจจานุสัจจอง สุจริตเจริญรมย์
๏ ขอบจิตรผจงตรง ศุภพงษสูงสม
ตนถ่อมถนอมชม กิริยาสุพาที
๏ ควรปองสนองแทน คุณสัจจไมตรี
สมบัติพิบูลย์มี ศิริทรัพยโภไคย
๏ ตนตูประกาสิต สุจริตมโนใน
สิ่งสรรพใดใด สฤษดิถ้วนสถานเนา
๏ แม้ท่านประสงค์จง จิตรโดยสดวกเดา
ตัวเราจะมอบเรา ผิวเราบห่วงหวง
๏ นายเดียวดนูมา ธนะหาอนาถทรวง
อย่าดาลกระมลดวง ธุระร้อนทุรนราย
๏ เพลินพลางสนองสุน ทรไนยนาชาย
ชำลักชำเลืองอาย ก็ชม้อยชเมียงที
๏ จึ่งถอดประวิชวง นพคุณจรูญศรี
จากอังคุลีปรี ดิฤดีประดลปอง
๏ เปนเครื่องสำเหนียกใน หฤไทยพธูจอง
ยิ้มโอษฐลำยอง ก็ยะยับยะยวนยล
๏ บะสสานิโอรับ สุประวิชประวัติมน
กามาพิรากล ก็ทวีถวิลใจ
๏ เพิ่มรักภิรมย์ภูล ประดิพัทธ์กำหนัดใน
แน่งนางตระอรไข พจนาดถสาทร
๏ สองสบสิเน่ห์ปัน สจกันนิรันดร
กำหนดสยุมพร ศุภการมงคล ๚ะ
๑๖ บัดครัตเตียโนจรดล โดยนายตนยล
เนริสส์ดรุณนารี  
๏ สาวใช้ปอเทียสวยศรี รูปร่างนางดี
สำอางสอาดผาดตา  
๏ ต่างตนต่างยลไปมา เกิดก่อเสนหา
ละห้อยละเหี่ยเคลียกัน  
๏ ร่วมเพื่อนร่วมพูดพัวพัน จงใจใฝ่ฝัน
ประสงค์ประสานฤดี  
๏ ยินยอมพร้อมใจไมตรี กำหนดดิถี
วิวาหฤกษ์โดยดล  
๏ ร่วมหวังร่วมวารมงคล กับนายแห่งตน
เปนการตกลงตรงกัน  
๏ สองนายสองนางต่างบรร เทิงใจจำนรร
จาพร้องคดีซี้สรวล  
๏ เริงรื่นชื่นแช่มชมชวน เปรมปรีดิ์ยียวน
อารมณ์กระสันหรรษา  
๏ ครานั้นสองนายสองนา รีรอเวลา
มงคลกิจแห่งกัน  
๏ บัสสานิโอในวัน เดียวนั้นโดยพลัน
พอรับหนังสือจดหมาย  
๏ แอนตอนนิโอสหาย บอกข่าวเรื่องราย
กำปั่นไปค้าคลาสูญ  
๏ พยุใหญ่ซัดพัดภูล คลื่นซ้ำน้ำหนูน
ก็แตกในกลางคงคา  
๏ อนึ่งเล่าหนังสือสัญญา ใช้เงินให้ตา
ไชล็อกก็เกินกำหนด  
๏ ทีนี้เนื้อเราคงหมด ชีวงค์ปลงปลด
เหมือนคำที่ทำสัญญา  
๏ อ่านสารทราบแล้วปัสสา นิโอภักตรา
ก็เศร้าสลดทันที  
๏ ส่วนโฉมปอเทียทฤษฎี ภักตร์ผ่องเผือดศรี
ก็ถามยุบลทันใด  
๏ เออเหตุนี้นายเปนไฉน ทุกข์ดลกลใด
มาเบียนพิบากฤๅเสบย  
๏ ฤๅคนึงถึงถิ่นที่เคย ลืมลามาเลย
กำหนดนิราศเรือนรมย์  
๏ กล่าวพลางยิ้มพลางค้อนคม เนตรน้องสองสม
สองสายประสบสบศรี  
๏ ปัสสานิโอจึ่งมี คำตอบคดี
แสดงแต่ต้นจนปลาย  
๏ ปอเทียทราบสารบรรยาย ยิ้มเยื้อนแย้มพราย
พลางปลอบแลตอบวาจา  
๏ อ้าท่านเหตุนั้นอย่าอา ดูรเรารับภา
ระโดยนิยมสมใจ  
๏ ปัสสานิโอยินใน คำนางปราไส
ก็สร่างระทดโทรมทรวง  
๏ ผ่อนทุกข์ปลุกปลื้มแดดวง ยิ้มแย้มยวนยวง
บรรเทิงภิรมย์สมพอง  
๏ คาบนั้นถึงวันเศกสอง วิวาห์โดยปอง
มงคลฤกษ์รมยา  
๏ พร้อมญาติพร้อมวงษ์พงษา ผู้คนคณนา
อเนกอนันต์เนืองนอง  
๏ หนุ่มสาวเถ้าแก่ก่ายกอง หญิงชายรายรอง
ทั้งเด็กผู้ใหญ่อึงอล  
๏ เปนการสยุมพรมงคล ตึกหอห้องบน
ก็แต่งไว้จบครบครัน  
๏ เตียงตู้เครื่องตั้งฉากกัน ม่านมุ่งหมอนบรร
จฐรณ์ที่นอนรจนา  
๏ เครื่องแป้งน้ำมันคันธา มาไลยมาลา
ก็ห้อยก็หอมหื่นหวน  
๏ กุหลาบตระหลบอบอวล จวนเวลาจวน
ตระวันจรัลรอนไศล  
๏ เถ้าแก่นำนางครรไล สู่หอห้องใน
ก็มอบอำนวยอวยพร ๚ะ  
๑๒ ศุภฤกษปรมา ศิริอายุบวร
จตุพิธชยพร ฉวิมางษวรา
๏ นฤทุกข์นฤโศก นฤโรคจรคลา
ศุขเสพยสถา พรภูลธนะผล
๏ สมะโภคะสโม สรมงคลดล
อุตมางควิมล พิริย์ยิ่งชนมา
๏ วรสิ่งจะประสงค์ สฤษดิจงมนสา
ศิริพัฒนภา รภิโยตมพร ๚ะ
๑๑ บัสสานิโอครัน สุริยันนิราศจร
เลี้ยวลับยุคันธร ศศิแจ่มโพยมมาลย์
๏ แนบนุชสนิทชม อภิรมย์ตระกองกาน
ดาดวงสุดาปาน รศทิพย์ประเทืองทรวง
๏ เชยชื่นกระหื่นหน สุวคนธเพ็ญพวง
โคมดาดพิดานดวง ก็กระจ่างกระจกสี
๏ ขาวเหลืองและขาบแสง นิลรัตนโรจี
สอดสายประกายมี ชวลิตลออตา
๏ แพร้วพร่างสว่างสี อคนีประดับดา
มารุตกระพือพา ก็ระเรื่อยฉะเฉื่อยเย็น
๏ กามาสโมวร รศอรฤดีเปน
ศุขสองเกษมเอน ดุระสองเกษมศรี
๏ ร่วมฤกษร่วมมง คลจงสวัสดี
เชยชมภิรมย์มี มนะโดยดรุณรมย์
๏ เสร็จสมภิเศกสอง ก็ตระกองตระการชม
มาลีละเวงลม ก็ชำลักลอองขจาย
๏ บัสสานิโอเอื้อน สุรโดยอุบายชาย
นางแอบประเอียงอาย นยะเนตรชม้อยมัน
๏ ปลอบโลมตระโบมจุม พิตะภักตรปรางพรรณ
ยิ้มยวนกระสรวลสันต์ ก็กระสับกระสายสม
๏ อาลิงคกรกุม ยุคพุ่มประทุมชม
นารีบุรุษรม ยพิไรพิรากวน
๏ ขวยเขินระคายคม ผิวชมณชายชวน
ชื่นชอบกระบวนนวล กลนี้ก็แหนงที
๏ เชิงชวนฉลาดลอง ณละบองละเบงมี
มายาและนารี ผิก็รู้ระหัศชม
๏ ดุจดวงผกาเก| สรพึ่งจะพานลม
คราเดียวผเดิมดม รศแรกฤรู้วาย
๏ สองสมถนัดเชิง ก็ละเลิงละลืมกาย
ลานแลตลึงตาย นยนาก็พร่าพรอย
๏ ดาราระริบรอน ศศิธรละเลื่อนลอย
น้ำค้างประปรายปรอย ก็สยดสยองไพร
๏ ต่างแนบสิเน่ห์บรรจ์ ฐรร่วมฤดีใน
หอห้องพิไลยไพ จิตรแสนเกษมครัน
๏ จวบจวนอรุณโณ ทยเยี่ยมศิขรขัณฑ์
ไก่กาสกุณสรร พะสเพรียกสพรึบเสียง
๏ เด่นดวงทิพาเยี่ยม จรเหลี่ยมสุเมรุเมียง
ไขวรรณสว่างเวียง ภพแผ้วทิฆัมพร ๚ะ
  ๒๘ ครั้นสายสุริย์ศรี
ทั้งสองจรลี จากที่บรรจฐรณ์
สู่ห้องชลสินธุ์ รื่นรินเกสร
โอ่อาบซาบอร อบอวลสุวคนธ์
  ๏ เข้าที่สำอาง
แต่งตัวโสภางค์ ผัดภักตร์นฤนล
ภุญช์โภชน์โอชอิ่ม สำราญบัดดล
นั่งเรียงเคียงสน ทนาปราไส
  ๏ ทีนั้นบัสสา
นิโอจึงปรา รภเหตุทันใด
แอนตอนนิโอ ผู้เพื่อนพิศมัย
ลำบากยากใจ ทุกธ์ร้อนรุมรน
  ๏ บัดเดี๋ยวบ่นาน
ปอเทียเยาวมาลย์ นับทรัพย์สับสน
สามพันตำลึง ถ้วนแล้วบัดดล
ยิ้มพลางย่างยล มอบให้สองนาย
  ๏ บัสสานิโอ
กับครัตเตียโน ได้ทรัพย์สมหมาย
จะจากเบลมอน จำจรคลาศคลาย
ชวนกันผันผาย จากห้องคฤหา ๚ะ
๑๖ ฝ่ายนายครัตเตียโนอา ไลยด้วยกานดา
พิ่งร่วมภิรมย์ฤานาน  
๏ พิโยคโศกเศร้าสงสาร รันทรวงลวงลาน
ละห้อยทุกขาดูรแด  
๏ สองจักษุโทรมสินธุ์กระแส ปรี่ปรางแปรแล
ประเล่ห์พิรุณโรยโปรย  
๏ ช้อนชมหณุกาเชยโชย จำชื่นแดโดย
ดูดุจจะเด็ดใจจร  
๏ ปลอบโฉมโลมลาสั่งสมร กังวลวิงวอน
วังเวงเสน่ห์ในกัน  
๏ เหลือบเนตรแลนางพ่างบรร ไลยดิ้นแดยัน
ระทวยระทดทันใด  
๏ จำใจแขงใจเอาใจ ฝากใจอาไลย
อนาถสวาดิหวาดทรวง  
๏ ขืนโอษฐเอื้อนคำข่มดวง เนตรกลั้นกลืนตวง
อุราสอื้นฝืนคิด  
๏ จึ่งขอแหวนน้อยเยาวมิตร นงนุชเนริสส์
ก็ถอดผจงส่งพลัน  
๏ ได้แหวนแทนนางสร่างบัน เทาทุกข์ในทัน
ใดแล้วก็ลาคลาจร ๚ะ  
  ๒๘ สองนายจรดล
ออกจากตำบล ถิ่นบ้านเบลมอน
ลุยังแดนดล วินิศนคร
รีบเร่งบทจร ไปโดยเร็วพลัน
  ๏ รู้ความทันใด
ว่าไชล็อกไป ฟ้องความตามสัญ
ญาของแอนตอน นิโอปฏิคัณห์
เพราะหนังสือสัญ ญาทำไว้มี
  ๏ คาบนั้นบัสสา
นิโอวอนตา ไชล็อกด้วยดี
ให้เงินสามพัน ตำลึงทันที
ดอกเบี้ยที่มี ตามแต่เจตนา
  ๏ ไชล็อกได้ฟัง
แกไม่อินัง เพราะความพยา
บาทด้วยแอนตอน นิโอหนักหนา
เอาแต่สัญญา ของแกฝ่ายเดียว
  ๏ ส่วนว่าบัสสา
นิโอฟังตา ไชล็อกแสนเสียว
จะคิดฉันใด จนใจจริงเจียว
โอ้จักแลเหลียว ภักตร์พึ่งใครใด
  ๏ ทั้งดวงทินกร
ก็เย็นรอนรอน เรี่ยฟ้าแฝงไคล
เนื้อนกหกเหิน นำฝูงมุ่งไพร
พร้อมเพื่อนพิศมัย แนบนอนรังพนา
  ๏ โอ้อกเอ๋ยเรา
แต่จากเย่าเยา วมิตรขนิษฐา
หวังศุขด้วยเพื่อน เยี่ยมเยื้อนสนทนา
เปนเพรงเวรา เพื่อนต้องจองจำ
  ๏ ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม
อุราร้อนรุ่ม หน้าเหี้ยมเกรียมดำ
ไป่มีความศุข ทนทุกข์กรากกรำ
คิดพลางสู่สำ นักตรองตรอมใจ ๚ะ
๑๖ ดาวเดือนเคลื่อนกลับลับไศล แสงทองผ่องใส
สางสางสว่างเวหน  
๏ โกกิลไก่การ่ารน ร้องเร่งสุริยน
อย่างเตือนอุไทยไขสี  
๏ ดินฟ้าอากาศนที เถื่อนถ้ำคิรี
จำรัสแจรงแสงสูรย์  
๏ ชุมชาวชนชาติเพ็ญภูล กอบกิจนุกูล
ในการแห่งตนขวนขวาย  
๏ วันนั้นผู้คนทั้งหลาย กระฉ่อนหญิงชาย
ชาวเมืองวินิศอื้ออึง  
๏ ต่างคนต่างคิดคำนึง เล่าชื่อฦๅถึง
เรื่องความแอนตอนนิโอ  
๏ กับตาไชล็อกเฉโก เปนคนโมโห
เห็นแต่จะได้ฝ่ายพาล  
๏ บัดนั้นเจ้าเมืองกรมการ ออกนั่งยังศาล
กลางเมืองวินิศนคร  
๏ ผู้คุมคุมตัวแอนตอน นิโอบทจร
มาสู่ยังศาลทันที  
๏ หญิงชายหลายหลากมากมี มาฟังคดี
แอนตอนนิโออึงอล  
๏ บัสสานิโอจินต์จน ใจหวังจรดล
มาวอนตระลาการพลัน  
๏ จึ่งถือห่อทรัพย์สามพัน ตำลึงเร่งครร
ไลไปยังศาลฤานาน  
๏ ขณะเมื่อท่านตระลาการ คู่ความพยาน
ได้มาประชุมพร้อมกัน  
๏ มีชายหนุ่มน้อยหนึ่งนั้น หน้าตาคมสัน
ไปสู่ที่ชำระความ  
๏ ท่าทางอย่างไป่เกรงขาม แล้วจึ่งแจ้งนาม
ตัวเราชื่อบัลทะสา  
๏ อาจารย์เราใช้เรามา แทนท่านโรคา
กำเริบไป่รู้วันคลาย  
๏ ด้วยอาจารย์เราเปนทนาย ความมีจดหมาย
ให้เราว่าความแทนตัว  
๏ ตระลาการครั้นฟังยิ้มหัว ลูกความตามพัว
พากันพินิจพิศวง  
๏ ดูชายหนุ่มน้อยโอ่องค์ รูปโฉมโนมทรง
สัณฐานนั้นปานสัตรี  
๏ เอวบางร่างกลมสมศรี อ้อนแอ้นท่วงที
ฉลาดชแล่มแย้มพราย  
๏ พูดจาตาหูคมคาย ยังเด็กเดียวดาย
พึ่งรุ่นตะกอพอตา  
๏ เปนไฉนทนายใช้มา ว่าความรายหา
แต่ล้วนข้อขำสำคัญ  
๏ ปวงคนทั้งมวญสรวลสันต์ ต่างสกิดกัน
ก็ชวนมาดูบัลทะสา  
๏ เจ้าเมืองวินิศเสาวนา ในใจจินดา
แลดูแล้วนิ่งกริ่งตรอง  
๏ ทนายความใหญ่ฝ่ายปอง ให้หนุ่มน้อยรอง
มาฟังความต่างอย่างกัน  
๏ คิดตรองมองเหตุเสร็จสรรพ์ จึงยอมให้บัล
ทะสาว่าความตามคดี  
๏ คาบนั้นบัลทะสาเชิงปรี ชาเชี่ยวชาญคดี
ก็ดูทำเลเล่ห์กล  
๏ เรียกหนังสือสัญญายล เห็นแยบยุบล
ก็กล่าวคดีทันใด  
๏ หนังสือสัญญาตาไช ล็อกทำถูกใน
ธรรมเนียมกำหนดกฎหมาย  
๏ ทีนั้นบัลทะสาทนาย ถามเทียบเปรียบปราย
ในข้อคดีโดยดี  
๏ แอนตอนนิโอไป่มี เงินใช้เขาที
เดียวฤาว่าเปนเช่นไฉน  
๏ บัสสานิโอทันใด นั้นร้องบอกไป
ว่าเงินเราพามามี  
๏ ขอให้รับเถิดโดยดี เงินเรามากมี
จะให้บ่ให้ร้อนใจ  
๏ บัลทะสาฟังคำถามไช ล็อกแสร้งสาไถย
มายาไม่รับทรัพย์สิน  
๏ อืดออดอิดเอื้อนเบือนผิน บ่ได้ยลยิน
จึ่งเยื้อนยุบลวาจา  
๏ เงินให้ไป่อาจรับมา เพราะเกินเวลา
กำหนดประมาณนานกัน  
๏ เราต้องการขอตามสัญ ญาเดิมต่อกัน
เชือดเนื้อหนักแปดตำลึง  
๏ บัสสานิโอฟังพึง เสียวหวาดหวั่นจึง
ไปว่าไปวอนบัลทะสา  
๏ ขอท่านจงได้ช่วยปรา นีเราหน่อยรา
คิดแก้กฎหมายถ่ายถอน  
๏ แต่พออย่าให้แอนตอน นิโอม้วยมรณ์
แลพ้นจากความอันตราย  
๏ บัลทะสาจึงว่ากฎหมาย ตั้งไป่กลับกลาย
เปนหลักเปนฐานมั่นใน  
๏ จักคิดแปรผันฉันใด แม้แปรแก้ไข
เช่นนี้ไป่ควรแปลงปลอม  
๏ แอนตอนนิโอเดิมดอม ทำสัญญายอม
ให้เขาเชือดเนื้อโดยตรง  
๏ บัดนี้เสียสัญญาลง ดังนั้นก็คง
ให้เขาทำตามสัญญา  
๏ แล้วบัลทะสาหันมา ถามไชล็อกตา
แกจะเชือดเนื้อเขาไป  
๏ หมอรักษาแผลแก้ไข มีแล้วฤๅไร
จะได้คอยรักษาเขา  
๏ ไชล็อกว่าสัญญาเรา หมอรักษาเขา
ไม่มีจะหามาไย  
๏ บัลทะสาจึงถามซ้ำไป ตาเต็งตาไช
ล็อกหามาเสร็จแล้วฤๅ  
๏ ไชล็อกรับว่าเอออือ เราหามาถือ
เตรียมแล้วสำเร็จเสร็จมา  
๏ กระนั้นเชือดอย่ารอรา ตามในสัญญา
ไชล็อกได้ทีดีใจ  
๏ ถือเต็งถือมีดมุ่งไป ยิ้มพลางย่างไว
วิ่งแร่จะแล่แรรอน  
๏ เจ้าเมืองกรมการราษฎร สงสารแอนตอน
นิโอด้วยจิตรปรานี  
๏ บัลทะสาห้ามฮ้าช้าที ไชล็อกกระลี
ก็ยั้งจังงังงงฉงน  
๏ บัลทะสาว่าไปบัดดล ดูจงชอบกล
ต้องตามสัญญาโดยดี  
๏ หนักเบาอย่างไรอย่ามี เชือดเพียงพอดี
จำเภาะแปดตำลึงครบ  
๏ เดิมเขาสัญญาปรารภ ให้เนื้อแทนทบ
แลเลือดเขาไป่ให้ปัน  
๏ จงเชือดให้ดีโดยสัญ ญาอย่าเกินบัญ
ญัติย่อมไป่ยอมให้ทำ  
๏ แม้เชือดเลือดไหลเกินคำ นุญาตแต่กำ
หนดหยดหนึ่งอย่าให้มี  
๏ ถ้าแกทำเขาถึงชี พิตรม้วยจักมี
มหันตโทษถึงตน  
๏ ปรับเท่าผู้ร้ายฆ่าคน ให้ม้วยวายชนม์
ต้องตายตกไปตามกัน  
๏ บัลทะสาว่าแล้วเหล่าบรร ดาชนพร้อมกัน
ก็แซ่สำรวลสรวลเส  
๏ กึกก้องศาลาฮาเฮ เอ็ดอึงทั้งเพ
บ้างหัวบ้างโห่โกลา  
๏ ไชล็อกตกตลึงหนักหนา ง่าจ้องจังกา
ไป่รู้จะทำฉันใด  
๏ สิ้นสติตัวสั่นหวั่นไหว กลับใจมีใจ
อ้อนอ่อนไป่กล้าฝ่าฝืน  
๏ ถ้าเช่นนั้นไซ้ไป่ขืน ขอทรัพย์เราคืน
สามพันตำลึงโดยจง  
๏ บัลทะสาว่ากฎหมายคง อย่างเดิมโดยตรง
ต้องปรับกันตามสัญญา  
๏ ได้แต่ทำตามกติกา จักนับเงินมา
คืนให้ไชล็อกฤาควร  
๏ สัญญากำหนดจำนวน เกินแล้วจักทวน
คืนทุนนั้นให้ไป่มี  
๏ ไชล็อกได้ฟังคดี จนใจเต็มที
ไป่รู้จักคิดกลใด  
๏ อ้ำอึ้งตึงตันอั้นใน หน้าซีดเสียใจ
นั่งนิ่งคนึงถึงตน  
๏ ทีนั้นบัลทะสาชาญกล กล่าวเกลี้ยงโดยดล
ในข้อกฎหมายบ้านเมือง  
๏ ห้ามอยู่เยี่ยงนี้เนืองเนือง มิให้แค้นเคือง
อาฆาฏปองร้ายใส่กัน  
๏ ห่อนให้ใครคิดฆ่าฟัน จนถึงชีวัน
ตรายมลายวายปราณ  
๏ นี่ตาไชล็อกจัณฑาล ทำสัญญาพาล
จะฆ่าแอนตอนนิโอ  
๏ เจ้าเล่ห์เสแสร้งโยโส มายาพาโล
ข้อนี้ก็ผิดเหลือหลาย  
๏ ปรับโทษวางบทถึงตาย ริบตามกฎหมาย
ของเมืองวินิศบังคับ  
๏ ไชล๊อกแพ้ความต้องปรับ จวบเจียนลมจับ
สท้านสทกตกใจ  
๏ กราบไหว้วอนเท่าไรไร บัลทะสาไป่ไข
ไม่ยอมไม่อยากไยดี  
๏ ท่านท้าวเจ้าเมืองจึงมี มโนปรานี
ยกโทษโปรดไป่ฆ่าฟัน  
๏ แต่ให้ริบทรัพย์สิงสรรพ์ สมบัติมาปัน
เปนสองสถานโดยตรง  
๏ ส่วนหนึ่งส่งคลังคืนคง ส่วนหนึ่งนั้นจง
ทำขวัญแอนตอนนิโอ  
๏ ไชล็อกเคยเปนคนโต มีทรัพย์สินโข
คราวนั้นต้องปรับยับเยิน  
๏ เพราะตนคิดการเหลือเกิน จึ่งไป่เจริญ
กลับอัปรารนตน  
๏ แอนตอนนิโอเปนคน ใจเผื่อแผ่ผล
ไป่คิดเบียดเบียนผู้ใด  
๏ ได้ทรัพย์ทำขวัญเท่าไร ก็ไป่เก็บไป
เพราะคิดเมตตาอารี  
รู้ว่าไชล็อกนั้นมี บุตรหญิงดรุณี
จึงยอมยกทรัพย์ทำขวัญ  
๏ ให้บุตรหญิงไชล็อกพลัน บ่ได้เกียจกัน
เพื่อความเมตตาปรานี  
๏ ความเลิกแล้วกันทันที เวลาพอดี
ก็เลิกจากศาลโดยดล  
๏ ต่างคนต่างกลับคืนหน สู่เย่าเรือนตน
ตำแหน่งสำนักอาไศรย ๚ะ  
๑๑ เวลาก็เลิกศาล บมินานทุราไคล
ต่างคนก็ต่างไป ธุระสู่สถานเนา
๏ แอนตอนนิโอทุก ขพิบากพิบัติเบา
จากศาลสถิตย์เทา จรโดยทุรัฐยา
๏ พร้อมด้วยสหายร่วม จิตรบัลทะสาคลา
ตามกันจรัลปรา รภปองสนองคุณ
๏ แอนตอนนิโอจิน ตนะในมโนปุน
จึ่งเอื้อนยุบลสุน ทรกอบกระตัญญู
๏ ขอบใจทนายน้อย อนุเคราะหตนตู
ยกย่องประคองชู ชนมาตรมาคง
๏ หาไม่ชิวาอา ตมะไหนจะยืนยง
แม่นมั่นมรัณปลง จิตรแพ้พินาศเนียร
๏ เนื้อหนังและโลหิต ก็จะติดสุธาเตียน
ยังแต่สมัญญ์เจียร จะสถิตย์มุขาขาน
๏ นับวันจะวายถา วรทุกทิวาการ
ไหนเล่าจะเนานาน ดุจนี้ก็แหนงมี
๏ ว่าพลางก็นับทรัพ ยคำนับเพราะยินดี
เพื่อกัตตเวที สุจริตจะแทนคุณ
๏ เชิญรับคำนับเรา บริสุทธิใสสุนทร์
ท่านผู้อเนกคุณ อุปการะตนเรา
๏ ปางบัลทะสาฟัง ศุภอรรถกล่าวเกลา
จึ่งตอบคดีเคา รพสุนทรารมณ์
๏ เราขอบมโนนัก บริรักษ์คุโณดม
จักอวยอำนวยสม บัติตอบสนองตู
๏ แต่อาตม์บเอื้อเฟื้อ ธนะท่านเท่าเรณู
เราช่วยเพราะเอนดู บมิหมายอะไรใด
๏ อวยเราและเราคืน อนุโมทนาใจ
ยลแน่มโนใน สัจกัตตเวที
๏ แท้ซื่อณสุจริต ปฏิกิจจการี
รู้คุณสนองมี คุณะเราก็ขอบคุณ
๏ จงนำธโนกลับ ฆระเก็บประกอบทุน
ก่อเกื้อสกูลสุน ทรสืบเกษมศรี
๏ แอนตอนนิโอฟัง วจนัตถไมตรี
แห่งบัลทะสามี กรุณาก็ว่าวอน
๏ โดยทางสุภาพพจน์ มธุรศสุสาทร
สุดที่จะง้องอน เพราะทนายบไยดี
๏ บัสสานิโอผู้ มิตรภาวไมตรี
วอนบัลทะสาพี ริยร่ำพิไรคำ
๏ พจน์พ้อพิไรไป บมิใคร่นิยมสำ
เนียงนิ่งสนองจำ เภาะบหวังจะยินยล
๏ สองนายก็สุดวอน และทนายบรับธน
บัสสานิโอจน จิตรนิ่งคนึงตรอง
๏ จึ่งวอนประวิงว่า ผิวทรัพยเงินทอง
ท่านไป่จำนงปอง จะประสงค์ก็ตามที
๏ อนึ่งสิ่งอะไรไร ผิวอัตระมามี
มากน้อยอนึ่งดี ผิบดีและปานกลาง
๏ เชิญท่านประสงค์สง เคราะหรับเจริญทาง
ไมตรีมโนวาง นิจนี้สนิทครัน
๏ เปนที่รฦกอา มิศสามะคีกัน
แอนตอนนิโออัน มิตรเราและเรารมย์
๏ ส่วนบัลทะสาสา ทรฟังก็โสมน์สม
ควรสองสหายชม ปิยร่วมฤดีครอง
๏ ไป่อาจจะขัดวิง วจนาสนองสอง
จำเปนจะจำปอง ปฏิคัณหไมตรี
๏ เล็งเลือกสกนธ์ทั่ว ยลถุงณมือมี
จึ่งบอกยุบลปรี ดิคดีประสงค์ตน
๏ ถุงสวมณสองหัด ถและเรานิยมยล
สิ่งอื่นอเนกนนต์ มนะข้อยบหมายมี
๏ ท่านจงประสิทธิ์สง เคราะหโดยสดวกดี
สิ่งนี้และไมตรี อุปการะถาวร
๏ ตราบชั่วกลาปะ อวสานนิรันดร
ไป่หน่ายสโมสร จะสมัคสมานกัน
๏ บัสสานิโอฟัง ปิยถ้อยแถลงพลัน
ยิ้มกริ่มกระหยิ่มสรร พนิยมกระมลตน
๏ ถอดถุงณหัดถ์โดย จิตรด่วนตระบัดดล
บัดบัลทะสายล ประวิชังคุลีมี
๏ จึ่งขอสุวรรณแหวน วรวงวิไลยสี
วามวับประดับดี อุตมางคราคา
๏ บัสสานิโอครั้น สุรศัพท์สดับสา
หัสแสนจะจินดา ดุระจนฤไทยไข
๏ จักอวยก็อั้นอัด ผิจะขัดก็เคืองใจ
ไภยทาระทุกข์ใน มิตรภาพจะหมองมน
๏ เกิดทุกขคือเหวน อุระแน่นระทมทน
สองรักพะวักวน กลนี้ก็เหลือตรอง
๏ แม้สมประสงค์มิตร นิจะแม่นสมรหมอง
แม้ขัดสหายครอง ปิยนุชสหายแหนง
๏ เหลือเล่หลับกล ยลใครจะเปลื้องแคลง
อกโอ้พิบากแรง เอะจะผ่อนไฉนดี
๏ จำกล่าวนุสนธิ์สัต ยมะนัสสวาที
อ้าท่านก็ผู้มี คุณะใดแสดงปาน
๏ จักจงประสงค์แหวน ดุจนี้ก็ควรการ
จำข้อยจะค้านขาน ศุภพจนคำควร
๏ ด้วยนี้ประวิชวง บมิสิทธิจำนวน
แต่เดียวณเราควร บมิขัดมิค้านขาน
๏ นี้เปนอุทิศา ภรณังคุลีทาร
แม้เราจะรับภาร ธุระให้บเห็นสม
๏ ปางบัลทะสาสรร พสดับณคารม
จึ่งกล่าวระคายคม รศคำประวิงวอน
๏ วาจาและอาไล ยพิไรพิรี้รอน
พ้อยอและง้องอน นฤสมประสงค์ใจ
๏ เดือดดาลแสดงพจน์ ปริภาษบปราไส
ลำเลิกลำฦกใน ธุระกิจจเกื้อกูล
๏ คราวทุกขสู้สง เคราะหทุกขเสื่อมสูญ
คราวศุขพิบูลย์ภูล ดุจนี้ก็แหนงเรา
๏ แน่แท้มโนจง จิตรตรงสดวกเดา
ออกโอษฐอวยเคา รวะรู้กระตัญญู
๏ เดิมเราคนึงแท้ สุจริตเจริญตรู
นึกนี้ก็อดสู จิตรอาตมสาธารณ์
๏ พากย์พ้อเผดียงดัง ดุจเด็ดฤดีลาญ
ครั้นแล้วทนายชาญ กลจรประจากไป
๏ แอนตอนนิโอครั้น สวนิตสำนวนใน
ดาลดูรกำเดาใจ บมิว่างระคางคำ
๏ คิดเขินระคายขุ่น อุระกรุ่นระกำกรำ
จำใจจำเปนจำ เภาะประจำก็จำจน
๏ ด้วยบัลทะสามี คุณนี้อเนกนนต์
ช่วยชีพประคองชน มัตรมาถิราเนา
๏ ควรตูจะไหว้วอน ปิยมิตรสหายเรา
ให้ให้ประวิชเขา ดุจนี้ก็คงควร
๏ คิดพลันก็พลางกล่าว ศุภสาระยิ้มยวน
อ้าเพื่อนผจงสงวน วรภักตร์ผงมชม
๏ แหวนบัลทะสาหวัง สิสิเน่ห์มโนรมย์
จงเห็นกะเราสม มนะเราฤควรรอ
๏ จงท่านประสิทธิ์สง เคราะหเราประสงค์ขอ
สิ่งนี้ก็เพียงพอ พละเราแสวงหวัง
๏ บัสสานิโอได้ สวนาคดีดัง
นั้นเพียงจะเพิกพัง อุระคราวประจากกาย
๏ เกรงมิ่งพิมลทาร จะมลาญมลายวาย
รักเพื่อนและเสียดาย บมิรู้จะทัดทาน
๏ จึ่งจำกระมลให้ สละใจประจากปาน
ถอดดวงฤดีดาล จรเด็ดกระเด็นทรวง
๏ พิศวงประวิชพิศ มิตรพลางละลานลวง
ยั้งยื่นสอื้ดวง หทเยศพิโยคครัน
๏ แอนตอนนิโอรับ สุประวิชสุวรรณพลัน
ดีใจก็รีบสัญ จรโดยตระบัดไป
๏ สบบัลทะสาส่ง วรแหวนณทันใด
หนุ่มน้อยทนายไน ยนะยลก็ยินดี
๏ อิ่มใจผจงรับ ก็คำนับคระไลลี
ต่างคนก็ต่างมี ประดิพัทธจินดา
๏ ต่างสมนิยมปัต ถนะปองภิรมยา
ลากันจรัลคลา จรสู่สถานตน ๚ะ
  ๒๘ บัดบ่าวหนึ่งมา
กับบัลทะสา เห็นชัดบัดดล
ว่านายตัวได้ ประวิชวิมล
กลับผันพลันยล แหวนครัตเตียโน
  ๏ จึงใคร่ใจขอ
แล้วอ้อนวอนยอ ล้วนถ้อยมฤโธ
ชายนั้นใจอ่อน ฟังวอนโดยโว
หารพูดสุดโส มนาปรานี
  ๏ จึงถอดแหวนให้
กับบ่าวน้อยไป ด้วยบัลทะสาลี
ลาลาจากจร โดยบทวิถี
เกษมเปรมปรีดิ์ ชื่นชมสมปอง
  ๏ ต่างคนต่างไป
สู่เย่าไวไว ต่างคนต่างตรอง
ทั้งบ่าวทั้งนาย สมหมายทั้งสอง
เสร็จกิจคิดปอง จากเพื่อนบทจร
  ๏ จากกรุงวินิศ
จำนองปองจิตร สู่บ้านเบลมอน
เกษมเปรมทรวง ระลวงอาวรณ์
สมมิตรสโมสร พรักพร้อมเพรียงกัน
  ๏ โอ่อาบชลธาร
ภุญช์โภชาหาร สำราญแล้วพลัน
ไต่ถามสนทนา ศุขทุกข์ทุกพรรณ
สำรวลสรวลสันต์ เย้าหยอกพาที
  ๏ ธรรมเนียมผัวเมีย
สาวหนุ่มนัวเนีย ย่อมยลยินดี
จากไปไกลกลับ มาแสนเกษมศรี
ต่างคนต่างมี กระมลนนทการ
  ๏ เหนื่อยทุกข์ขุกเข็ญ
แต่พอผาดเห็น คู่สมสงสาร
ปลักปลื้มลืมทุกข์ แสนศุขสำราญ
เริงรื่นชื่นบาน แทบทั่วตัวคน ๚ะ
๑๖ บัดนั้นสาวใช้เจ้ากล เนริสส์นฤมล
กับครัตเตียโนสวามี  
๏ เลียนหลอกหยอกเย้ายวนยี ซ้อสรวลสูสี
กระเซ้ากระซิกริกเริง  
๏ แย้มยิ้มเยาะหยันบรรเทิง ชวนชมชั้นเชิง
ฉอเลาะชแล่มแปมปน  
๏ สาวใช้มายาพลันยล บ่พบแหวนตน
ก็กล่าวกระแหน่ทันที  
๏ สอดถามความโดยคดี ครัตเตียโนมี
มโนตระหนกเฉาฉงน  
๏ บอกกิจกำบังยุบล ชักเชือนเปื้อนปน
ป้วนเปี้ยนไปมาช้านาน  
๏ เนริสส์เดือดดุแดดาล เอ็ดอึงอลมาน
ก็เกิดวิวาทวุ่นวาย  
๏ ถุ้งเถียงเสียงแซ่แพร่หลาย พูดจาท้าทาย
กระทบกระเทียบเปรียบกัน  
๏ ปอเทียเยาวมาลย์ฟังสรรพ์ ศัพท์แซ่แจจรร
ก็ทราบถนัดชัดความ  
๏ คิดกลปิดกลงำงาม กลความซ้อนความ
ก็ยากที่ผู้รู้กล ๚ะ  
๑๔ ปอเทียสุดาวิมลภักตร์ ยุพลักษณายล
มายากระบวนยุบลกล ก็ชำนนชำนาญเชาว์
๏ ยามสมสโมสรสมาน นฤนานมโนเนา
ภรรดาถนอมอนุชเยา วยุพาก็ปรานี
๏ เอียงอ่อนชอ้อนบวรลัก ษณภักตรผ่องศรี
สำออยชม้อยนยนะมี สุมนัศประวัติชม
๏ มายายะยวนมนะวิโยค ผิวโศกก็สร่างกรม
ยิ้มพลางและเพลินมนะภิรมย์ บมิรู้จะเบื่อมน
๏ ขณะนั้นอนงค์อรคนึง ดุจพึงแสดงกล
แอบกายตระกองนยนะยล กรหัดถภรรดา
๏ ทำทีประคองกรจะจุม พิตะด้วยสิเนหา
เนตรนางชำเลืองวินิฉยา ก็บยลวิมลแหวน
๏ จึ่งถามแถลงกิจะนุกิจ สุประวิชสนองแทน
กายนางก็ว่างนยนะแปลน พิศเปล่าสกนธ์ยล
๏ ข้าแหนงไฉนประวิชวง บผจงณนิ้วดล
ฤาหยุดและลืมสติวิกล ผิวตกบรู้ตัว
๏ ฤาเดินจะเพลินดุริตะเร่ง บทรีบเขม่นมัว
ฤาโจรจะรานชิวะจะกลัว ธก็ถอดและถ่ายกาย
๏ วานแจ้งณสัตยเสน่ห์ สุจริตบควรอาย
หากจริงก็จงกิจภิปราย กลเหตุโดยตรง
๏ อ้าแม่บเปนดุจฉนั้น ธุระนี้บควรสง
ไสยเลยแสลงจิตรอนงค์ ผิวนี้ก็จำใจ
๏ ด้วยเดิมคดีบุรพแจ้ง นุชถ้วนแถลงไข
ย่อมทราบมโนสมรใน นุชถ้วนจำนวนความ
๏ เพราะเกิดกลียุคพิบัต ติสนัดสนองตาม
คือหนุ่มชำนาญยุบลความ ธุระช่วยประคองชู
๏ จึงสฤทธิสมกมลเรา คุณะเขาอเนกตู
ไป่ให้ก็ตรองกมลดู บมิดีฤดีเรา
๏ เพื่อกันณเหตุคระหา ชนะผู้จะดูเบา
จึงคิดประจากประวิชเคา รวะขอบสนองคุณ
๏ ฝ่ายนางสดับพจนภา สิตกอบณการุญ
จึ่งแสร้งแถลงยุบลสุน ทรดุจหวงหึงษ์
๏ แน่แท้ฉนั้นนุชประจัก ษบพักจะรำพึง
โดยเขาก็เคยจิตรคนึง ศุขคู่ณก่อนกาล
๏ ควรแล้วจะขอบคุณสนอง อุปการะเจือจาน
ด้วยแรมระหว่างทิวก็นาน รยะเนิ่นกำหนดวัน
๏ อกโอ้ระอาอุระจะคราก ยลยากฤไทยครัน
นึกแล้วก็อายกมลตัน จิตรแสนจะสงสาร
๏ ว่าพลางก็ม่อยมุขสลด และระทดอุราราน
ตบทรวงกระศกสกลปาน จะพิลาปละห้อยครวญ
๏ บัสสานิโอทัศนเยา วอนงครัญจวน
ผิวผ่องก็หมองวิมลนวล วรภักตร์จะเผือดศรี
๏ จึ่งปลอบประโลมสมรลัก ษณมิ่งพิมลมี
โฉมเฉกอนงคกินรี จรจากคุหาทอง
๏ อ้าแม่บควรจะทุมะโน ปริเทวตรอมตรอง
ใช่พี่จะลวงกลประลอง และมลักมลอบโลม
๏ หวังสู่พธูสมรแต่ นุชเดียวสงวนโฉม
อ้าแม่บควรดำริหโทม นศะทุกขเดือดแด
๏ ใช่ชารภิรมย์ดรุณอื่น บมิควรจะแหนงแหน
แม้มาตรจะเมือมรณแปร ภพล่วงบลืมนาง
๏ จงเชื่อณเนื้อสัตยพี่ ผิวนี้เสน่ห์วาง
เปนหนึ่งมโนเถอะนะบพราง อรจงประจักษ์ใจ
๏ นางฟังก็แสร้งอุระสอื้น ชลเนตรนองไหล
อ้าพ่อบควรกลพิไร พจนาดถกล่าวเกลา
๏ อนึ่งธรรมดาบุรษเล่ห์ กลล้วนฉลาดเชาน์
สัตรีบตรองกมลเฉา จิตรโฉดก็ชวนฟัง
๏ หลงใหลละเลิงมธุรสุน ทรชิวหชายหวัง
ถือแท้บตรองวิมุติกัง ขก็คงจะหลงลม
๏ เปนหญิงนิยากกมลแท้ ผิวต้องบุรุษชม
เฉกบุบผเกสรระบม ตำนิด้วยภมรตอม
๏ นับวันจะโรยรศสุคน ธจรุงจะแรมหอม
มีแต่จะตกคะมุกคะมอม ยลดาษฉมามูล
๏ ตั้งแต่จะเศร้าสริรทราม ศิริรูปจะซูบสูญ
แม่ลาญมลายชนมภูล ศุขกว่าจะทรงอาย
๏ อ้อนพลางก็ผลักกรสลัด และตระปัดตระป่องกาย
ข่วนค้อนชำเลืองนยนะพราย ชลจักษุธารา
๏ โอ้โอ๋อนงคบมิควร ปริเทวโหยหา
ภักตร์ผ่องจะเผือดพรรณพิกา รพิกลระคนหมอง
๏ เชื่อหน่อยเถอะแม่ผิวจะหมาง อุรพางคเพียงพอง
แม้แม่จะโศกสุชลนอง ชิวพี่ก็คงลาญ
๏ อยู่ไปก็ป่วยกิจณชี พิตรเปล่าบเปนการ
พาทีแถลงก็นฤสาร อประโยชนตนตู
๏ อ้าพ่อบควรชิวมลาย ผิจะวายก็ตรองดู
เห็นควรก็ควรสินะพธู บมิทัดมิทานคำ
๏ เออเอ่อนิใครและนะจะเชื่อ ผิวพี่ประทุษฐ์ทำ
เท็จจริงก็จนหทยดำ ริหรู้มโนกัน
๏ ช้าก่อนสิพ่อผิวจะวาย ชนมามะเมอฝัน
หลับแล้วก็ตื่นนิทรบรร ลยแล้วจะลับนาน
๏ อ้าอ้ายุพาพจนนี้ บมิควรจะไขขาน
คมศรจะเลียบอุระบปาน จิตรเจ็บเพราะคำคม
๏ หากทรวงจะโทรมพิศมด้วย วณโรคระบมกรม
แสนเท่าบเทียมอุระระทม มนะทุกขทับใจ
๏ เชิญเนาเถอะโฉมวรเฉลิม มนะพี่จะลาไป
โดยกรรมเพรงอุปนิไส ยอุบัติบันดาล
๏ นางฟังก็เศร้ากมลโศก และวิโยคอุราปาน
ใครลักและควักหทยฝาน อุระมังษจากกาย
๏ จึ่งกล่าวประชดพจนแสร้ง กลแกล้งภิเปรยปราย
อ้างเหตุวิวาทะอธิบาย บริภาษนานา
๏ ทั้งสองก็แซ่กลหะเหตุ สุรด้วยวิวาทา
ถุ้งเถียงและเกี่ยงวจนสา หสอึงคนึงกัน ๚ะ
๒๑ คาบนั้นแอนตอนนิโอครัน สวนะยุบลอัน
กล่าวคดีสรร พอาดูร
๏ แจ้งแล้วไป่นานสนองมูล กิจพจนนุกูล
โดยประสิทธิ์ภูล บำเหน็จความ
๏ แต่เดิมจนดลวสานตาม สัตยนุสจถาม
เล่าตลอดยาม วิโยคยาก
๏ โดยเรื่องมีทุกขลำบาก สุจริตบริจาค
เผยวจีพาก ยพาที
๏ เราขอรับเปนพยานมี มนะสิสจก็ปรีดิ์
เปรมฤดีดี กระมลยล
๏ แม้ไป่จริงดุจนิพนธ์กล ทุจริตอกุศล
กรรมปุเรชาติดล ณเราพลัน
๏ ข้อนี้ไป่ควรระแวงฉัน ทกิจประทุษบรร
จบประจวบวัน ชิวาวาง
๏ ทีนั้นปอเทียสดับพลาง สุจริตมนะนาง
จึ่งแสดงวาง ประวิชพลัน
๏ ต่างคนต่างแลตลึงกัน ทศนะประวิชตัน
ทรวงมหัศจรร ยจินต์จน
๏ อายแอบผินภักตรเวียนวน พิศนยนะฉงน
พลางชำเลืองนน ทการใจ ๚
  ๒๘ ปรีดีฤดี
ต่างคนต่างมี มิตรจิตรพิศมัย
สมัครักกัน รักกลยลใน
มายาปราไส ประสิทธิสมบูรณ์
  ๏ สำรวลสำราญ
สำเร็จเสร็จการ เสร็จกลอนุกูล
ประกอบกอบเกิด ประเสริฐเพิ่มภูล
เพิ่มภัพนับหนูน นิจเนื่องเพื่องฟู
  ๏ ฟูเฟื่องเลื่องฦๅ
เลื่องเล่าข่าวคือ ข่าวคำกราวกรู
เกริ่นสมสมสอง สองสมชมชู
ชมชื่นดนู ดไนนารี
  ๏ สรรเสริญสหาย
สองชมแยบคาย เล่ห์กลสัตรี
สัจตรองปองชอบ ปองช่วยด้วยดี
ด้วยดลพ้นชี พิตรคืนคงตน ๚ะ
๑๖ สองชายสองชอบสองชน เสียกลรู้กล
มายาปัญญานารี  
๏ รู้เท็จรู้แท้รู้ที คิดดูคดี
ก็ควรก็ขอบใจครัน  
๏ ปลอมพวกปลอมเพศปลอมพรรณ แปลงสีแปลงสัน
ก็แปลกก็เปลี่ยนเพี้ยนตน  
๏ ลอบด้อมลอบเดินลอบดล เบี่ยงคิดเบือนคน
บังคับบังควรคมคำ  
๏ ปิดเงื่อนปิดเงาปกงำ ติดแทนคิดทำ
ก็ถูกก็ถ้วนควรการ  
๏ ผู้เดียวผู้ใดไป่ปาน ชำนิชำนาญ
ระบิลระบอบชอบเชิง  
๏ บรรเทืองบันเทาบรรเทิง บันฦๅบรรเลิง
บรรเลงแถลงสัตยา  
๏ จบเรื่องเนื่องพจนสุภา สิตกล่าวพรรณา
เปนนิติสาสนสาธารณ์ ๚ะ  
๑๔ หญิงชายประชุมชนแสวง มิตรภาพเจริญการ
ซื่อสัตย์สโมสรสมาน สุจริตณไมตรี
๏ คือกายและใจพจนสุน ทรตรงสดวกดี
ต่อหน้าและลับปิฐิบมี กลเล่หกลับกลาย
๏ ควรเคียงเขนยนิทรร่วม คฤหาศน์ประจวบวาย
อนึ่งมิตรจะช่วยสกลกาย อุปถัมภตามกาล
๏ เปนทุกขพาหิรระคน ดลแท้กำเดาดาล
เพื่อนนั้นก็ผ่อนทุขรำคาญ บมิตกระกำตน
๏ แม้ใครประกอบณทุจริต กิจผิดทำลายผล
ถึงเพื่อนจะเปนอิศรชน ก็บอาจจะชุบชู
๏ ใครใดประพฤติทุสุประกอบ กิจนั้นก็เฟื่องฟู
โดยมากและน้อยวินิฉดู ดุจฉายณกายตน
๏ เปนคนทุคนธมลโทษ ผิวติดประกิจยล
ควรเปลื้องสลัดรชสกน ธประจงประจากพลัน
๏ รุงรังณโรคะทุจริต ดุจพิศม์พยาธิ์พัน
เกลียดยาก็ยากกมลฉัน ทจะหายเพราะเหตุใด
๏ กอบชั่วนิยากมนะแสวง พสุธาจะอาไศรย
นอนนั่งระวังอุตมไภย ทิศทั่วบว่างวาง
๏ ปานโกกิลานยนะคอย ยลหลบธนูพลาง
หาสิ่งสบายตำบลทาง ทิศเที่ยวก็กันดาร
๏ แม้นตนสุคนธศุภนาม รศโอชวิเวกหวาน
อัชฌาสยาหทยปาน พลเพื่อนพเนจร
๏ วาจาประดุจสกลเถื่อน อุชุมารคสิงขร
อนึ่งศิลปสาตรริกบวร ดุจเครื่องประดับพราย
๏ แม้ไป่ฉนั้นประดุจอา วุธคมก็สมหมาย
ชูหน้าสง่าสกลกาย ชนชมนิยมยิน
๏ ข้อหนึ่งบควรกิจประมาท มนะชนกษัยจินต์
เปรียบปานศิลาณชลสิน ธุชำลักณปลักแปลง
๏ เงือดค้อนกระทุ่มอยะกระทบ ผิถนัดกำลังแรง
คงเกิดประกายถกลแสง อคนีสว่างหน
๏ ปัญญาคเนมนุษยาก เพราะบรู้จะหยั่งยล
หญิงชายอุบายกมลกล ผิก็ยากจะหยั่งกัน
๏ ผู้ใหญ่และเด็กดรุณมัช ฌิมพรรษสบสรรพ์
ปัญญาวิชาสรณอัน จิตรคิดก็คงมี
๏ ควรมานคนึงนฤประมาท ฤประเมินเจริญศรี
เจริญศุขสวัสดิ์ศิริทวี คุณเลิศประเสริฐครัน
๏ สมญาถิกาจริยกล่าว บทร่ำนิพนธ์ฉันท์
เวนิศวานิชก็บรร ลุคดีแสดงมา
๏ สำเนานิทานวจนะนี้ นฤใช่สยามภา
ษาแปลยุโรปกิรสา ธกะเพื่อประโยชน์สาร
๏ บรรเลงชเลงลักษณกลอน เสนาะสุนทราการ
จำลองและลงวชิรญาณ สฤษดิโดยพยายาม
๏ ข้าขอสโมสรภิรมย์ พรสุทธิ์พิเศษงาม
ทาเทพและท้าวสกลนาม กรทั่วทิศาดล
๏ เชิญเอื้ออำนวยศิริสวัส ดิพิพัฑฒมงคล
สรวมสิ่งเกษมศุภวิมล ศุขแผ้วนิรันต์พาล
๏ บำบัดพิบัติอุปติทุก ขพยาธิสาธารณ์
จงปราศนิราศภยพิการ จตุพิธพาธา
๏ จงเนามโนตมะพิสุท ธิพิเศษปัญญา
สันดานประกอบสุกรุณา และกตัญญุขันตี
๏ ใจมั่นณสัตยสุจริต อธิกัตตเวที
อนึ่งกล่าวกระแสงสรวะจี ก็เสนาะณกังวาล
๏ โสตสกถะเมญนยนะจง บริสุทธิเอาธาร
อย่าให้ประกอบวิกลการ สริรางคนานา
๏ เสร็จสิ้นสำนวนวจนะกลอน อนุสนธิสารา
โดยพากยสุนทรสุภา สิตควรคนึงจำ
๏ หากเพี้ยนสุภาพจนใด ผิวขาดและเกินคำ
ควรส่ำกระวีทศนะดำ ริหช่วยผจงแปลง
๏ ตัดเติมและตกรจนะแต้ม จิตรอย่าระแวงแหนง
เฉกเจิมแจะจันทนแสดง พรให้เจริญรมย์
๏ เพื่อเปนวราภรณโส ภประดับสุโสตสม
ปานกล่อมประโคมกมลุดม ศุขแสนเกษมใจ ๚ะ

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ