ลิลิตมหาราช

 

๏ พระ ปลัดเอี่ยมกล่าวอ้าง อรรถไข
ม คธแปลเปนไทย เทียบถ้อย
หา ความแต่ตามไสมย สมะบาท สิบเอ็ดฤๅ
ราช กิจเกณฑ์ถูกข้อย แคะได้ความถวาย ฯ
ร่าย ศรีศรีสวัสดิพิพัฒนบวร กรประนตบาทบงกชยุคล
ทศพลวรนา ยกนรานรสู่สรวง
ศิวปวงปราชญภิรมย์ มเหาดมดุลยา
โทธรรมาสรวมอรรถ ปริยัติโลกุดร
เกลศรอนวรารมย ศิโรคมทักษิณา
อัฏฎาริยสงฆ์ จัตุรงคยุคล
พุทธพลสราศก จอมดิลกสมาบุญ
เปนพิรุฬหฐานสัตว์ จบจังหวัดตรีโลกา
สักการาทั่วทุกด้าว ทวยนรานเรศท้าว
เทียบเบื้องบทศรี แลนา ฯ
ร่าย นบจักรีบรมนาถ สุรราชมเหาฬาร
ทรงพระญาณปรีชายล ท้าวสากลอนุกูล
ราษฎร์จำรูญสโมสร ดัสกรเกรงสยบ
แสยงจ[สยามา พระเดชานุภาพแผ้ว
ทวยทแกล้วชำนาญ ทวยทหารชำนิ
ทรงดำริห์การบำรุง ศาสนผดุงเผด็จเข็ญ
ทวยราษฎร์เย็นดับอาดูร เมืองออกมูลนิยมมา
ต่างภาษาสฤษดิวาง จำเริญทางพระราชไมตรี
กับกรุงศรีอันไพศาล เยเนราลกรุงลอนดอน
หนึ่งนครอเมริกัน เยรมันฝรั่งเศส
โปรตุเคศแลเดนมาร์ก วรวากยไมตรีเวีย
ออสตะเรียฮอลันดา เจ็ดภายามาสมาน
บรรณาการดิเรกราย ทูลถวายสัตยา
ขอไปมาสุจริต พวกพาณิชย์มานองเนือง
เย็นใจเมืองอาณาเกษตร ขอพระเดชจอมเทวินทร์
ปรมินทรพระบาทเจ้า มาปกเกล้าปริวัตร
จงขจัดเสนียดจัญไร กระลีไภยพิบัติพาล
หาญอย่าเห็นเข็ญอย่าใกล้ พระเกียรดิบรมนาถไท้
เฟื่องฟุ้งฟูธรรม ท่านเทอญ ฯ
ร่าย อภิวันทนศาสดา มีมหาคุณมหันต์
ศาสนธรรม์โชติชลิต วรมิตรมาตา
บิตุราบริรักษ์ ครุทักษิณคุณา
นบธาดาไท้ธำรง บุษบกหงสเทวราช
คเชนทรอาสน์เอราวัณ ศุลีสรรค์เลอบัลลังก์
เถลิงหลังพฤษภ ครรไลยจบทิฆัมพร
จักรกฤษณจรสุบรรณบิน เชื้อบุรินทรทรงบุรี
หลักธานีอาณาเขตร ขอพระเดชแม่อุมา
ดับสิขานนทั่วด้าว อย่าเกิดเพลิงเบียนร้าว
รอบรุ้งกรุงศรี ท่านเทอญ ฯ
โคลงบาทกุญชร พระมุนีนาถผ่องพ้น ไตรพัฏ
ตรีภพบำบวงบง กชน้อม
นายกทมาสัตว์ เจนสู่ สารฤๅ
ไขกลับกรุงแก้วพร้อม พรั่งกาล ฯ
๏ โลกุตรคู่ค้ำ ธรรมขันธ์
รอนเข่นเบญจมาร มอดเค้า
ปริยัตินิติพรร โณภาส
เปนนิยาป้องเต้า ต่อผล ฯ
๏ ชิโนรสอาจอ้าง อรรถองค์
ปาหุไณยอนนต์ นอบไหว้
อวยศาสนสฤษดิดำรง ฤๅคลาศ
ศิเวศเรียงแก้วได้ ดั่งปอง ฯ
๏ นบคุณขัติยราชเจ้า จรรโลง โลกฤๅ
ดังร่มพุกาญจนครอง ครอบหล้า
ดับดัสกรโกง เกลื่อนสาย สูญฤๅ
ปานศุลีเจ้าฟ้า เฟื่องแท้ทรงธรรม ฯ
โคลง ๔ จักประพันธพจนสร้อย สาธก
เพศยันดรชาดก เดชเรื้อง
มหาราชดิลก ลำดับ เรื่องฤๅ
อ่านเล่นพอปลดเปลื้อง ปลิดร้อนทรวงรุม ฯ
๏ ประชุมความเรียบร้อย เรียงแถลง
ตามแบบบาลีแสดง เรื่องไว้
ดำเนิรพจนพากยแผลง ผวนศัพท์
โคลงสี่สามสองไซ้ ร่ายเรื้อรวมกัน ฯ
๏ ปางบุตรสัญชเยศเจ้า จอมดา บสฤๅ
เพศยันดรสมญา ยศอ้าง
เขาวงกฎกุฎีอา ศรมสถิตย์ ประทับฤๅ
กับพระมัทรีสร้าง พรตพร้องพรหมวิหาร ฯ
๏ โกสินทรสฤษดิรั้ง สรรค์เสร็จ
ตำหนักไพรขบวรเขบ็จ แบบโพ้น
จงกรมที่ผดุงเผด็จ ประดับ ประดิษฐฤๅ
สวนสระพฤกษผลโน้น นับร้อยเรียงราย ฯ
๏ ครองศีลสมาธิเกื้อ กรรมฐาน
แผ่เกษตรเมตตาฌาน พรักพร้อม
ครบดึงศประมาณ ปารเมศ
นันทิราคฤน้อม หน่ายแท้อสัทธรรม ฯ
๏ ทรงปริตยาคบุตรพร้อม ภรรยา
ให้แก่ชีชรา ร่างแล้ว
อินทรอวยวรอัษฎา พรพจน ถวายฤๅ
อภิรมย์รับแก้ว เกลี่ยไว้ในทรวง ฯ
๏ สังวรสวัสดิพร้อง พรหมจรรย์
พุทธการกสันต์ สืบสร้าง
สับดมาศภาคัญ พอครบ
ทรงอนุสรพรอ้าง ชื่นชื้นทรวงเกษม ฯ
๏ ปางพงศโภวาทพ้อง วณิพก
ออกชื่อชีชูชก ชาติช้า
ทูลขอขัติยโปดก โดยด่วน
ได้เสร็จประสงค์หน้า ชื่นแล้วลาจร ฯ
โคลง ๓ พราหมณ์รอนวลีวัลย์ มาผูกพันหน่อน้อย
ตีเร่งลิลาศต้อย แตกช้ำชอกองค์ แลนา ฯ
๏ สงสารพงศกระษัตริย์ กรรมพิบัติไปล่แปล้
วัฏทุกขเที่ยงแท้ ตลบแว้งฤๅวาย แลนา ฯ
๏ คลี่คลายรัถยาไกล คเนในโยชนอ้าง
หกสิบกำหนดผ้าง ผ่องร้ายฤๅมี แลนา ฯ
๏ ราศีสมดึงศ์ บันดาลถึงหน่อไท้
ทวยเทพยพิทักษ์ให้ อุบาสน์เสี้ยนสาบสูญ แลนา ฯ
โคลง ๔ อาดูรพูลเทวษแท้ ทั้งสอง องค์แฮ
พราหมณ์ประหารพระขนอง ขนายเจ้า
ชาลีทุเลารอง รับโทษ แทนฤๅ
ชูชกตีพี่เหล้า ส่วนน้องนางบัง ฯ
๏ ตลนตลานตลบรั้ง เรียวหนาม
ฉกาจชาติอุทาม ถ่อยแท้
ฮึดฮือโหดคำราม รุกเร่ง เดิรฤๅ
สำรากสำเริงแส้ ตวัดแว้งตวาดไป ฯ
๏ ยิ่งวอนยิ่งโกรธกล้า ทารุณ
กระชากวลีผลุน พลาดซ้ำ
ขาดจิตรเมตตาคุณ ควรคิด อนาถนา
สองกุมารชอกช้ำ เนตรน้ำตานอง ฯ
๏ เทวัญเทเวศถ้วน เทวินทร์
ทราบเหตุหวนถวิล เทวษเศร้า
ชวนกันย่อธรณินทร์ ธรณิศร ถวายนา
ทางหกสิบโยชน์เต้า สิบห้าราตรี ฯ
๏ ยามเย็นสุริเยศเยื้อง ยอแสง
สิงสัตว์ลเลิงแรง แรดช้าง
โขมดดงจักษุแดง เดิรกรู่ เกรียวฮา
ชูชกตกตลึงผ้าง จิตรสบั้นขวัญบิน ฯ
๏ ยามไถงลงาดแล้ สำเนียง
ขลาคร่งคชสีหเสียง โสตํสร้าน
ภูตปิศาจม่ายเมียง มองเบิ่ง
หวิวหวาดวิญญาหย้าน หยุดยั้งฟังแสยง ฯ
๏ อุโฆษอุขลาดก้าว กายรัว
หอบร่างพิการกลัว เกลือกพ้อง
ปรอทแร่เหล็กกันตัว ฤๅติด มานา
จักเสาะเฌอรมป้อง ป่ายเอื้ออาศรัย ฯ
๏ จึงจูงพระหน่อน้อย นามชา ลีฤๅ
อิกขนิษฐกัณหา แน่งน้อย
ดลแมกพุ่มกัณฐา สูงใหญ่
ผูกพระหัดถ์สองคล้อย คร่อมใต้ตอธม ฯ
๏ ส่วนตนขึ้นสู่ต้น พฤกษา
กลัวสัตว์ในพนา ใช่น้อย
มละสองกุมารา ไว้แผ่น ไผทฤๅ
ผู้อื่นบละห้อย เหตุรู้รักตัว ฯ
๏ เถลิงเฌอเลอโอบอ้อม อังรึง
กระหวัดเงื่อนตายตึง ติดหมั้น
ขลาโสดโดดฤถึง คาดที่ คเนนา
วางย่ามต่างหมอนนั้น เหนื่อยแล้วเอนลง ฯ
๏ อาถรรพมนต์ยอกย้อน สาธยาย
เสียวซ่านพิการกาย แก่เคลิ้ม
พายุพัดรบัดรบาย รบมบอบ มานา
เลยหลับสนิทเผิ้ม ครบไซ้สี่ยาม ฯ
๏ ปางพระไพรพฤกษเรื้อง ฤทธยา
เกรียงเกียรดิกรุณา หน่อไท้
แปรเพศเวศยันดรดา บสบิตุ เรศฤๅ
เที่ยวเสาะแสวงบุตรไซ้ สบแล้วเลยถนอม ฯ
๏ อิกพนเทพยหนึ่งนั้น นารี
เผจิดอาตมชนนี แน่งน้อย
อลงกฎตาปสี นีผนวช นาฏนา
เล่หแม่มัทรีคล้อย เคลื่อนเต้าตามหา ฯ
๏ โทเทพยแปรเพศเต้า ตามกัน
ปานชนกชเนนทรศัลย์ โศกคล้อง
สบสองบุตรรับขวัญ ขวักไขว่
แก้วลีพันพ้อง ออกอุ้มองค์ละองค์ ฯ
๏ ต่างประโลมประเล้า ประลึง
กายพยพสยบตึง แตกช้ำ
มดายจักไคลคลึง เคล้นนวด ให้นา
อานักธไรหร้ำ เร่งเบื้องบำโบล ฯ
๏ เปนใดกายแก้วแม่ มีพรรณ
รุธิรโทรมทรวงศัลย์ ซูบคร้าม
ชนกชนนีรัญ จวนจิตร จริงฤๅ
ปวงเทพยไป่อาจห้าม เหตุร้ายแรงเวร ฯ
๏ เทพยเทียบอุทกซร้อง โสรจสรง
ชำระชโลมองค์ โอบอุ้ม
กายเกลือกธุลีผง ผิวเผือด ผ่องนา
อกกระอุระกลุ้ม สร่างเศร้าทรวงเกษม ฯ
๏ ตระกองมุจิตรเอื้อ อาสูร
ลาดพระกรานไพบูลย์ เพริศแพร้ว
บำโบลอกอวนกูร กำสรด
ประทับประธมแล้ว กล่อมหร้ำจำเรียง ฯ
๏ วางองค์บนอาสน์แพร้ว แพรวพราย
พระยี่ภู่ปูถวาย เทียบไว้
ขนนเขนยขนาบราย เรียงเรียบ
สองเสพยชำงือไข้ เสื่อมสิ้นสากล ฯ
๏ อุโภเทพยพิทักษ์แท้ สบไถง
บรรณรัศวารระไว เวียดเฝ้า
เรืองรองมาศอุไร จวนรุ่ง
ผูกหัดถ์ชมัยเข้า คาดคล้องคลาจร ฯ
๏ ไถงพฤกษโทเทพยเล้า โลมลา
นิวัติพิมานมา หม่นเศร้า
อานักคนึงหา หวนเทวษ ถวิลฤๅ
ออกโอษฐรัญจวนเร้า เร่งไห้โหยครวญ ฯ
โคลง ๒ จวนอรุณสว่างแผ้ว พราหมณ์ตื่นจากหลับแล้ว
ปลดเปลื้องเปลลง แลนา ฯ
๏ แดนดงปลอดสัตว์ร้าย ตนค่อยลดเลื่อนผ้าย
ผ่อนด้อมลงดิน แลนา ฯ
๏ ลุภูมิณที่กว้าง แก้วลีออกอ้าง
โอษฐซั้นผรุสา แลนา ฯ
๏ พาจรจากพุ่มไม้ ตีตักสองหน่อไท้
หยาบแท้ทำโพย แลนา ฯ
๏ โดยทางสองแพร่งยั้ง ฉงนคิดจิตรต่อตั้ง
จักเต้าเรือนตน แลนา ฯ
๏ ดลกลึงครัฐซ้าย ขวาเชตอุดรย้าย
แยกผ่าสองทาง แลนา ฯ
๏ คลางแคลงดำแหน่งไซ้ เห็นผิดเปนชอบได้
แวะเข้าเมืองหลวง แลนา ฯ
๏ ปวงเทพยพิทักษ์เกื้อ สองลออหน่อเนื้อ
ปลอดแท้ทุกข์ภัย แลนา ฯ
ร่าย ปัตยุสมัยไทธิราช ภูวนาถจอมนรินทร์ปิ่นนเรศ
สมเยศสัญชยา เกียรดิเดชานุภาพแผ้ว
หมู่ทแกล้วอสงไขย คชไหยคณนนหุต
สรรพาวุธเหลือตรา ทวยโยธาเหลือโกฏิ์
เมลืองโรจน์ธัญญลักษณ์ ดำเกิงศักดิสุรสากล
ภูวมณฑลมเหาฬาร จอมภูบาลทรงไสยาสน์
ในคฤหาสน์มณฑิรรัตน กรุงกระษัตริย์สวามินทร์
เสวยพระสุบินมหัศจรรย์ ชายหนึ่งนั้นกักขลา
กาฬวรรณาองอาจ คู่กมลาสกรกระลึง
ยังตูมตึงต่อจะบาน สบสคราญกลิ่นอบอวน
เรณูนวลหอมตระหลบ บรรจงจบเหนือเกษา
วิ่งผ่านมาน่าแสยง ล่วงตำแหน่งเสนาใน
จนถึงไทภูวนาถ อภิวาททูลถวาย
ธเปรมปรายรับผกา เฉลิมกรรณาทั้งสองดวง
เรณูร่วงเต็มอุรา ทรงปรีดาสำราญรื่น
ตื่นผธมมิทันนาน สรงสนานหมดมลทิน
ธารารินลอองอาบ กระเซ็นทราบสุคนธา
ผลัดภูษาภูษิตทรง ฉลององค์เครือสุวรรณ
รัตพัสตรพันกุดั่นดวง ตาบทับทรวงสอิ้งแก้ว
เกยูรแพร้วพรายพบู อินทธนูคู่ตำรง
อุณหิสทรงมณีมาศ ฉลองพระบาทเชิงงอนดุม
พระกรกุมพระแสงกราย เสด็จผายวิลาสเต้า
บรมนาถคืนกลับเข้า สู่ห้องพระมณเฑียร ท่านนา ฯ
โคลง ๔ นางจำเนียรเครื่องตั้ง ตามเคย
พระสุพรรณภาชน์สังเวย เทียบไว้
ทรงพระกระยาเสวย สุทธาโภชน์ เสร็จฤๅ
อภิรมย์ฤทัยไท้ ธิราชเจ้าจอมเวียง ฯ
๏ เสด็จออกพระที่นั่งแก้ว เกยชลา
ตรัสกับพระโหรา พวกรู้
เผื่อเสพย์สุบินปรา กฎดั่ง นี้ฤๅ
ตามอรรถคัดกระทู้ ทั่วแท้ทั้งมวญ ฯ
โหรารับราชเอื้อน โองการ
กรกระเวทดำนาน เนื่องโน้น
เลขลัพธ์บวกคูณหาร เห็นชัด เจนฤๅ
อภิวาทพระบาทโพ้น กล่าวแก้พยากรณ์ ฯ
๏ จักมีบรมญาติร้าง แรมไกล
มาสู่สมภารไท เที่ยงแท้
ตรัยกาลทวารไสมย สามารถ มานา
ผิวบ่สัตย์แล้ ชีพข้อยขอถวาย ฯ
๏ สดับปุโรหิตเถ้า ทำนาย
ปราโมทย์ประโยชน์หมาย มาดพ้อง
บำนาญพฤฒาทาย ดิเรกฤกษ์ ฉลองฤๅ
สถิตยประทับตนต้อง ต่อเนื้องบรมวงศ ฯ
๏ เทพานุภาพด้น ดลใจ
พราหมณ์ลุหน้าฉานใน นิเวศท้าว
เพลารื่นเริงใส สวัสดิสว่าง อารมณ์ฤๅ
สพรั่งมนตรีห้าว แห่ห้อมแหนองค์ ฯ
๏ พราหมณ์พาพระหน่อไท้ ทั้งสอง
โสภาคย์พโอนบอง บอบช้ำ
ดำเนิรผ่านพระลานฉลอง ชลอราช มาฤๅ
อำนาจเทพากล้ำ แกล่ห้อมคนเห็น ฯ
๏ ชูชกปดาษดื้อ บันดาล
องอาจชาติใจหาญ โหดเหี้ยม
ชาวเมืองไป่ทัดทาน ว่ากล่าว
เทวฤทธิสฤษดิเสี้ยม สู่ไท้จนสถาน ฯ
๏ ภูวนาถบงเนตรต้อง แต่ไกล
พอพบภาคิไนย ราชน้อย
บำเทิงหฤไทย ทายทัก
สองกุมารเดิรด้อย ดุจด้วยนัดดา ฯ
๏ อำไพโอภาสพร้อม ไพบูลย์
เอี่ยมอ่องควรอาสูร ส่วนเจ้า
กายโกษฐาสจำรูญ รังมาศ
เล่หสุวรรณปากเบ้า เพื่อมเนื้อนพคุณ ฯ
๏ อากัปอุกฤษฐแกล้ว กลั่นสรร
เปรียบบุตรจักรพรรดิ์ ราชโพ้น
ดำเกิงเกียรดิภาคัญ ควรพิศ
เล่ห์ปฏิมามาศโน้น เนื่องเต้าตามกัน ฯ
๏ โกนขจีทังคู่ไซ้ โสภา
สิริรัตนเรืองมา มาศเคล้า
ชาลีแม่กัณหา ลม้ายแม่น เสมอฤๅ
องอาจคือสีหเต้า แต่ห้องคูหา ฯ
๏ ประสบประสาทซ้ำ เสนา
สูเร่งเจนมอกคลา คลาศเต้า
กุมยัญญหุดิชา ติพรต พราหมณ์ฤๅ
มาสู่ตูคัลเฝ้า ฟอกฟื้นฟังสาร ฯ
๏ แสนยากรอ่อนเกล้า เกศี
กับพวกพญารี รีบร้อน
ถือรับสั่งพาชี ชูชก
ทั้งพโอนบองต้อน ต่อไท้ทั้งสาม ฯ
๏ ทชีหอบร่างเรื้อ โยงแรง
ถึงประนตกรานแฝง ใฝ่หน้า
กริ่งเกรงเดชระแวง จักวุ่น วายนา
ธจักรุกรานร้า โทษเท้าถึงตาย ฯ
๏ เผยพจนประภาษไซ้ ซักถาม
อ้าทลีทกพราหมณ์ เพรียกพร้อง
สองสุริยวงศราม เรืองเดช
ท่านลุลาภใดพ้อง จึ่งได้ดังประสงค์ ฯ
๏ หลอนลวงฤๅหลอกย้อม ยอคุณ
หาญหักทำทารุณ ลาบล้วง
ฤๅชิงฉกเฉียวฉุน ฉุดคร่า มาเฮย
สักกี่วันจึ่งหล้วง ลุพ้องสีพี ฯ
๏ พงศวณิพกครั่นคร้าม คราวจน
ทูลกิจอนุสนธิ์ ถี่ถ้วน
สรรเสริญหน่อทศผล พูลเพิ่ม
คุณดั่งภูตลาล้วน โลกอ้างออกนาม ฯ
๏ พระเพศยันดรเจ้า จอมปราชญ์
พงศอสัมภินชาติ์ สืบเชื้อ
ดังกัลปพฤกษ์มาศ สัตว์มั่ว สุมนา
ใดประสงค์จงเมื้อ สฤษดิแม้ทั้งมวญ ฯ
๏ ทรงสลัดตัดห่วงห้อย หฤทัย
พระหน่อสองดนัย นิ่มเนื้อ
ทรงอุทิศทานมัย สามารถ
ประโยชน์จักกอบเกื้อ ก่อสร้างสโมธาน ฯ
๏ สองดนัยโปดกนี้ นี่นา
พระเพศยันดรดา บสเจ้า
ทำทานแก่เผือมา หมายประโยชน์
นายกสัตวโลกเข้า เขตรพ้องนฤพาน ฯ
๏ วจีสัตยดั่งข้า ทูลความ
จงพินิจฉัยตาม แต่เค้า
พฤโบสถเดือนสาม สังเกต กาลฤๅ
ถึงดับมาฆมาศเต้า สิบห้าราตรี ฯ
๏ พราหมณ์ให้การกล่าวแก้ กังขา
มุขมาตยราชา เชื่ออ้าง
ชาวเมืองครหา ดาบส
ว่ากระทำเกินกว้าง กว่าไท้ทั้งปวง ฯ
๏ ธรรมเนียมกระษัตริย์สร้าง กุศล
ไหยรถคชคน ค่าล้ำ
สุวรรณรัตนหิรญ รุจิเรข
ยานวรพัสตรวรกล้ำ กลั่นด้วยสดุดี ฯ
๏ มาปริตยาคหน่อเนื้อ ในองค์
เปรียบหฤทัยทรง ชีพเลี้ยง
แดวณิพกพงศ พาลชาติ์
ธกระทำผิดเหยี้ยง อย่างเบื้องโบราณ ฯ
โคลง ๓ พระหลานลาญรันทด สดับพจนเพรียกพร้อง
ชาวนครกึกก้อง กล่าวร้ายรุมเติม แลนา ฯ
๏ เฉลิมคุณบิตุเรศ ปิ่นปกเกศอาจอ้าง
บารมีก่อสร้าง สัตวซร้องสมาคม แลนา ฯ
โคลง ๒ เล่ห์ลมประลัยโลกกล้า พัดพนมหลักหล้า
อ่อนเอี้ยวเอนลง แลนา ฯ
๏ ฉลองชลอฉลาดล้ำ บมละให้หักซ้ำ
ทบเท้าธาษตรี แลนา ฯ
๏ พระชาลีราชรู้ คุณบิตุเรศผู้
เที่ยงแท้เปนธรรม์ แลนา ฯ
ร่าย อภิวันท์ทรงธรรมิกราช ประนตบาทบังคมทูล
นเรนทรสูรย์ผู้มหา บิตุราดำรงราษฎร์
ข้าพระบาทมานิ่งได้ มละให้ไพร่ชาวสีพี
เหล่ากระลีหมิ่นประมาท บิตุราชว่าทำผิด
บรรพกิจขัติยา ธศรัทธาจอมอจล
จักข้ามขนสรรพสัตว์ ออกจากวัฏสังสารวน
ศิเวศดลโลกอุดร สลัดรอนของที่รัก
ภาระหนักหน่วงให้ตก โสโณทกคือสงสาร
บำเพ็ญทานมิย่อท้อ หวังเกื้อก่อบารมี
มละบุตรีบุตรา เปนมหาปริตยาค
เพื่อพิบากปรมา ภิเษกาจอมมกุฎ
หมายพิมุติเบญจมาร พ้นกันดารแดนอาดูร
ตามประยูรสัพพัญญู เยียใดหมู่ชาวนคร
เชตอุดรว่ามิดี กล่าวเสียดสีส่อยกโทษ
ไป่ปราโมทย์โมทนา เพราะปัญญายังสอดแคล้ว
ประทีปแก้วจักส่องสัตว์ มาสกัดกล่าวโต้ตอบ
ทรงเห็นชอบฤๅฉันใด พระมไหยกาธิราชเจ้า
จงโปรดพินิจเค้า เงื่อนแท้ที่ควร เทอญนา ฯ
โคลง ๒ ส่วนกระษัตริย์สดับถ้อย ภาคิไนยราชน้อย
ปลอบเจ้าเอาใจ แลนา ฯ
๏ ชนใดใช่จักแกล้ง ครหาวากยวัง
กล่าวซั้นสรรเสริญ แลนา ฯ
๏ เขือเจริญบุญบาทไท้ ทรงปริตยาคได้
ดั่งนี้ดีขยัน แลนา ฯ
๏ ทรงธรรมเห็นหน่อเหง้า ยังนั่งอยู่กับเถ้า
พี่น้องสององค์ แลนา ฯ
๏ พระบรมวงศหน่อไท้ อากัปเหิรห่างให้
ขุ่นข้องหมองหมาง แลนา ฯ
๏ พลางดำรัสว่าอ้า พลัดปู่ไปใช่ช้า
นับได้เจ็ดเดือน แลนา ฯ
๏ ดูเหมือนแขกแปลกเค้า ปางก่อนเคยใฝ่เฝ้า
ชิดเชื้อชมเชย แลนา ฯ
โคลง ๔ เฉลยฉลองกล่าวแก้ กราบทูล
ข้าแต่นเรนทรสูรย์ สืบไท้
โททาสตกมีมูล ค่ามาก มานา
พระบิดรท่านให้ ขาดข้าเปนทาน ฯ
๏ ต่ำตนตามทาสแท้ ธรรมเนียม
จักละเลิงลวนเลียม โลกห้าม
เถลิงอาสน์สถิตย์เทียม สนิทราช เสนอฤๅ
เจ้าจักไปไป่คร้าม คร่าด้นดลสถาน ฯ
๏ มนตรีจักเยาะเย้ย ไยไพ
มิอยากจรจำไป ป่วนเศร้า
อัประยศฤๅไกษย ตราบชีพ สูญนา
รองรับทายาทเย้า อยู่แท้ทนเวร ฯ
๏ กรุงกระษัตริย์ตรัสเล้า โลมหลาน
พ่อว่าน่ารำคาญ แคะไค้
เสียดสีปู่ดูปาน คนสั่ง สอนฤๅ
พ่ออย่าเจรจาให้ ปู่ร้อนอารมณ์ ฯ
๏ หงสเหมราชสร้อย สกุณา
ฤๅจะกลายเปนกา ก่ำกร้าน
กระษัตริย์พลัดตกมา เปนทาส ท่านแฮ
ผิดอย่างโบราณค้าน ขัดแท้ธรรมเนียม ฯ
๏ พระบิดาเจ้ายกเจ้า จอมขวัญ
ให้แก่พราหมณ์ธสรร ค่าใช้
สักแสนหมื่นร้อยพัน ทัณฑภาค มานา
ปู่จักไถ่เขือไว้ สืบเชื้อสุริยวงศ์ ฯ
๏ พระชาลีประนตน้อม ทูลเสนอ
พระราชบิดาเธอ เทียบข้า
คำนิกขพันเปรอ โปรดสั่ง เสร็จฤๅ
ผิยื่นให้พราหมณ์เถ้า ท่วนแท้เปนไทย ฯ
๏ พระกนิษฐแก้ว กัณหา
ไหยรถและคชา ละร้อย
ทาสีและทาสา พฤษภ ครบฤๅ
กับสุวรรณใช่น้อย นับร้อยทุกอัน ฯ
๏ กัณหาอยากพ้นทาส เปนไทย
จงจัดสรรพโภไค ครบถ้วน
นำมาส่งถึงได เถ้าปดาษ
จักหลุดจากทาสล้วน สั่งไท้ภูธร ฯ
๏ กระษัตริย์ตรัสอ่ออ้อ ออหลาน
สรรพสิ่งศฤงคาร เท่านั้น
ตรัสสั่งพนักงาร คลังเร่ง เร็วเฮย
ไปเบิกพัสดุหั้น สิ่งละร้อยเจ็ดราย ฯ
๏ มนตรีรับสั่งแล้ว ลาจร
หมายเบิกพัสดุฟอน ฟอกแจ้ง
นักงารทราบอดิศร สฤษดิสาท สารฤๅ
บมิอาจต่อแย้ง ยุติต้องตามหมาย ฯ
๏ สวิญญาณทรัพย์ทั้ง อวิญญาณ
สับดสดกสาร เสร็จถ้วน
นำมาพระราชทาน ชูชก
ปรางมาศนางนาฏล้วน นับร้อยรายงาร ฯ
๏ ปราสาทมาศเจ็ดชั้น โสภณ
นงโพธนางโดรณ เจ็ดร้อย
นอกพิกัดโกศล เกินสั่ง ท่านนา
เหตุที่พาหลานน้อย สู่ไท้ทั้งสอง ฯ
๏ ทชีสินไถ่ได้ โดยควร
ขึ้นสู่ปราสาทสรวล ซิกซี้
พธูอยู่งารยวน ยีจิตร จริงฤๅ
สถิตย์แท่นผธมชี้ เรียกใช้งารการ ฯ
ร่าย พระภูบาลมหินทรปิ่นมหา สัญชยาขัติเยศ
เล่หเศวตฉัตรา กั้งมหากรุงนคร
เชตอุดรรัษฏา จรรโลงหล้ารัฐสีพี
กระษัตรีย์นุภาพพ้น เปรมกระมลเหตุหรรษา
ไถ่นัดดาพ้นจากทาส ทรงประสาทประสิทธิ์แผ้ว
ตระกองแก้วองค์กัณหา จูงหัดถาพระชาลี
ฝ่ายเทพีขัติยพงศ จอมอนงค์ข้างฝ่ายใน
ผู้มไหยกีราช กับนางนาฏปริจาริกากร
สโมสรมาแห่ห้อม นั่งแวดล้อมสุริยวงศ
ให้โสรจสรงมุรธา ภิเศกาทั้งสองศรี
กลุ่มโมฬีสรางชำระ สรงพระกระยาสนาน
สุคนธารชโลมทา ผลัดภูษาพื้นสุวรรณ
เจียรบาทพันกฤษฎี จุธามณีวิกัตเกศ
เกยูรเทศทับทิมราย วไลยพรายทองรัดกร
วราภรณวโรภาส บรมญาติพระประยูร
ดับอาดูรโสมนัส สั่งให้จัดเครื่องกระยา
หารโภชารสสังเวย เชิญเสวยทั้งสององค์
ไอยกาทรงอุ้มชาลี ไอยกีอุ้มกัณหา
แอบอุราอภิรมย์ ถนอมชมสองนัดดา
ให้จัดหาช่างอย่างดี แกะบายศรีครบไตรยางค์
เครื่องสำอางศิริอัน จักเฉลิมขวัญภาคิไนยน้อย
นงโพธราชนับร้อย เรียบชั้นบายศรี แลนา ฯ
โคลง ๔ นารีราชจัดแก้ว เจ็ดประการ
วชิรประพาฬ พุ่งพ้น
มณีมุกดาหาร มรกฎ แกมฤๅ
แดงแลลายเลื่อมล้น รัตนล้วนควรถวิล ฯ
๏ สุพรรณบัฏแผ่พื้น โสภี
รัตนประดับสลับสี สอดซ้อน
เพ็ชรนิลช่อมณี แนมกระหนาบ
กนกรายรอยถ้อน ทุกชั้นบายศรี ฯ
๏ รัชฎารุ่งเรื้อง เรืองงาม
สอดรัตนเปนแวววาม วับแพร้ว
กาญจนประดับดาม ดูเรียบ ร้อยฤๅ
สลับเพ็ชรพลอยนิลแล้ว ศิริล้ำเลอผล ฯ
๏ บายศรีเสร็จยอดตั้ง ขันทอง
ปักพุ่มมาลีตอง แต่งหุ้ม
ตรีเฌอคับประคอง คาดมั่น
ยระบับสุวรรณกลุ้ม กลุ่มป้องปิดบัง ฯ
๏ คัมภีร์ไสยศาสตรอ้าง อวยผล
ชื่อวัจฉระมงคล คู่หล้า
สิริยศสกนธ์ จักก่อ เกิดฤๅ
ใดขอบมงคลถ้า เพิ่มพ้องพูลเกษม ฯ
๏ สรรพสิ่งครบเครื่องเข้า พิธี
พลูคะแนนแว่นอัคคี เชิดใช้
สำอางประทีนศรี เฉลิมพักตร์
เปนสิริโภคทรัพย์ให้ เดชฟุ้งฟูเมือง ฯ
๏ สังขทักษิณวัฏแพร้ว เพรางาม
รัชฏมาศทั้งสาม ใส่น้ำ
พยูพิบัติปราม เปรียบเสนียด สูญนา
มังคเลศพิเศษล้ำ โล่งเสี้ยนศัตรู ฯ
๏ พระแสงขอคชง้าว ดาวจักร
กลภูตปิศาจยักษ ยอกย้อน
อิกพวกปรปักษ ปองเบียด เบียนฤๅ
ไป่อาจหมิ่นขอดข้อน อ่อนเกล้ากลัวลาญ ฯ
โคลง ๓ พนักงารบายศรี มาศมณีครบถ้วน
สฤษดิเสร็จเผด็จล้วน รัชฏแก้วแกมทอง แลนา ฯ
๏ เรืองรองเรียบเทียบธาร ชัชวาลย์รุ่งเร้า
ธจะสมโภชเจ้า แจ่มหล้าหลานหลวง แลนา ฯ
๏ ปวงพฤฒามาตย์ ผู้ฉลาดการรอบรู้
มหุรดิฤกษขู้ ขัติยไท้ พิธี แลนา ฯ
โคลง ๒ กระษัตริยดำรัสให้ เสวกามาตยไซ้
แวดล้อมวงราย แลนา ฯ
๏ หลายกองสมทบเข้า มาประชุมใฝ่เฝ้า
หมื่นพ้องหกพัน แลนา ฯ
๏ นางกำนัลใหญ่น้อย ลำดับขบวรเรียบร้อย
นั่งล้อมวงใน แลนา ฯ
โคลง ๔ ไสวสวัสดิพิพัฒน์พร้อม ไพบูลย์
เถ้าแก่ชแม่พูล เพิ่มพ้อง
ประลึงพากยอาสูร สองราช โปดกฤๅ
พราหมณปุโรหิตพร้อง เวทอ้างอิศวร ฯ
๏ โหราหาฤกษได้ ยามดี
มหิทธิโชคโฉลกมี มากล้ำ
จุดเทียนแว่นมณี นบบาท ไท้นา
จักโบกธุมาซ้ำ เวียดไหว้เวียนเฉวียง ฯ
๏ มุขมาตยคาดฆ้อง ไชยเชวง
ขานโห่รับบันเลง ลั่นก้อง
พระวงศ์ส่งรับเพลง เพรียกเวท ถวายฤๅ
พราหมณสดุดีพร้อง พรักพร้อมเพรียงกัน ฯ
๏ แตรสังขดังเสนาะน้ำ สำนาน
บัณเฑาะว์ดีดบันดาล ครึกครื้น
โหระทึกประสาน ศัพทเร่ง รัวฤๅ
ดุริยางค์ฟึกฟื้น เฟื่องท้องมณเฑียร ฯ
ร่าย พราหมณเวียนเทียน เวทพาเหียรครบเจ็ดรอบ
ตามรบอบแบบฉบับ สำเร็จดับโบกธุมา
ต้องกายาทั้งสององค์ เชิญโสรจสรงวารีสังข์
กลองแขกดังบัณเฑาะว์ แตรสังขเสนาะอุโฆษคึก
โหรทึกสเทือนวัง ปุโรหิตทั้งหมู่มนตรี
เชิญสองศรีผลัดภูษา ตระกองมาสู่มณฑล
เถลิงบนบัลลังก์อาสน์ พฤฒามาตย์หมู่กระวี
ก็เปรมปรีดิ์อภิรมย์ ศิโรดมยุคลบาท
ต่างประสาทประสิทธิไชย จงเกรียงไกรเกิยรติแจ่มจ้า
พระเดชเมลืองเลื่องหล้า กล่อมน้ำใจเมือง ท่านเทอญ ฯ
ร่าย เบื้องบาทพระมไหยกา เสด็จมาอัญเชิญขวัญ
หน่อนักธรรม์ทั้งสองศรี อย่ายินดีอยู่ดงดอน
ชมศิขรเขาวงกฏ ธารบรรพตถ้ำคูหา
ชมพฤกษาสรรพสัตว์ จงนิวัตคืนนิเวศ
ชมประเภทพัศสถาน ศฤงคารอเนกแน่น
สุรแสนสนมนาง โฉมสำอางนฤมล
นางโดรณจัดจำเรียง บำเรอเสียงดีดดนตรี
จงเปรมปรีดิ์ในสมบัติ หิรัญรัตนสุวรรณา
ชมมหาเศวตฉัตร เทียมสุทัศนเทพยธานี
ขวัญสองศรีจงจาบัลย์ ในสุวรรณบรรจฐรณ์
สโมสรมาสร่างเศร้า พระบาทบพิตรเล้า
ลูบไล้อุณาโลม แลนา ฯ
ร่าย โฉมพระผุสดี จอมนารีนางสวรรค์
จึงเชิญขวัญนัดดาราช สดุ้งหวาดในพงไพร
ตื่นตกใจเถ้าอาธรรม์ เฌอฉมันปันลาไว
สองดไนยนาถโปดก รเหินรหกหิมเวศ
อย่าทุเรศแรมบุรินทร์ มาเปนปิ่นภูตลา
ในมหาราชธานี กรุงสีพีสถาพร
ชมกุญชรเศวตผู้ ดุรงค์คู่ราชพา
หนโยธาทั้งหกหมื่น สำราญรื่นอภิรมย์
เชิญมาชมสิริราช ขวัญหน่อนาถจงยืนยง
สันตติพงศอสัมภิน สวามินทรชาวนคร
เชตอุดรทั้งสององค์ พระหัดถทรงสำอางอบ
บันเจิดจบพระลีลาศ อนงค์นาถแม่หัวเจ้า
เชิญมิ่งขวัญกลับเข้า สู่สร้อยสีพี เทอญนา ฯ
โคลง ๔ ดนตรีครื้นครั่นก้อง กังวาน
เสนาะสนั่นศัพทสำนาน นับร้อย
สังข์แตรแซ่ประสาน เสียงลิ่ว ลอยฤๅ
เปนสดุดีสร้อย เสร็จเชื้อเชิญขวัญ ฯ
๏ สฤษดิการสมโภชแล้ว กระษัตริย์
พูลเพิ่มประดิพัทธ ผ่องแผ้ว
ถามถึงบุตรอันพลัด พรากจาก นานนา
เปนสุขฤๅทุกข์แก้ว กิ่งไท้ ไอยกา ฯ
๏ พระชาลีหน่อเนื้อ นัดดา
ทูลพระราชกิจจา แจ่มแจ้ง
พระชนกชนกา เกิดเกศ เขือฤๅ
นฤโศกโลกแล้ง พยาธิร้ายฤๅมี ฯ
๏ สรงเสวยเลี้ยงชีพด้วย ฉันใด
ปางประทับสถิตใน ป่ากว้าง
ปู่คิดอนาถใจ จากอก ไปเอย
ผลพฤกษฤๅขาดค้าง ขัดข้องขบฉัน ฯ
๏ พระมารดาข้าบาท บอบบาง
ไถงพฤกษเจญตูว์กลาง ป่าไม้
แสวงผลพฤกษรกถาง ผลูเที่ยว ทุเรศฤๅ
ไคลเหงื่อโทรมองค์ได้ เดือดร้อนฤๅวาย ฯ
๏ เณอฉมันกัณฐกแท้ รัถยา
อนาถจิตรอนิจจา แม่เจ้า
กายกรานกรากกรำหา ผลพฤกษ์
เกศยุ่งองค์ซูบเศร้า สุดแค้นแสนเข็ญ ฯ
๏ ยามไถงไปค่ำคล้อย คืนสถาน
พระแม่ทนทรมาน หม่นไหม้
หาบผลพฤกษาหาร รเหินรหก
ยามค่ำจึงจะได้ พรักพร้อมกันเสวย ฯ
๏ ทรงฟังสังเวชด้วย ดไนย
ตกยากพิโยคไกล แกล่กล้ำ
อยู่กลางเถื่อนแถวไพร พรากญาติ ประยูรฤๅ
วิเวกหวาดจิตรช้ำ ชอกเนื้อในทรวง ฯ
๏ ออกโอษฐตรัสว่าโอ้ เวรา
เคยพรากลูกนกกา ไก่ด้วย
จากรังเร่ร่อนหา เหตุโหด เหี้ยมเฮย
กรรมจึงตามสนองม้วย บาปแว้งฤๅวาย ฯ
๏ ภาคิไนยราชท้วง ทูลเสนอ
ทวยราษฎร์พลอยอือเออ ออกค้าน
จนพระลูกยาเธอ ตกยาก
แต่บุตรสิยังต้าน ตัดเค้าเง่าเครือ ฯ
๏ เขือบิตุเรศแท้ ทำผิด
เพราะประสาทประสิทธิ นาคโน้น
ทำทานธอุทิศ ทางโพธิ ญาณนา
พระบาทจึงตัดโข้น ขาดเบื้องบรมวงศ์ ฯ
๏ ปู่หลงปลงจิตรพลั้ง พลอยเขา
ไป่พิจารณหนักเบา แบ่งบ้าง
บัพพาชนิยเอา รสรัก เสียฤๅ
บุตรจึงนิราสร้าง เร่งเศร้าทรวงตรอม ฯ
๏ พระชาลีว่าข้า เปนหลาน
ชาวนครผิราน รุกเร้า
คงถึงกะประหาร ชีวิต เสียฤๅ
เหตุพระองค์ทรงเข้า เชื่อข้างชาวนคร ฯ
๏ ทรงฟังหลานรักแสร้ง เสียดสี
ตรัสว่าเออเดิมที ทึบเทื้อ
หลงฟังหมู่มนตรี มากล่าว
ไป่พินิจคุณเผื้อ ผ่อนพ้องภาคทัณฑ์ ฯ
๏ เขืออย่ายกโทษท้าว ความหลัง
ตัวกระลีกำบัง เบี่ยงแย้ง
จนขับบุตรจากวัง จังหวัด นิเวศฤๅ
ใช่จักคิดกลั่นแกล้ง ปู่พลั้งเผลอจริง ฯ
๏ สองกระษัตริย์โศกน้ำ เนตรนอง
โลมลูบพระขนอง ว่าเจ้า
กลับไปนิมนต์สอง ชนกชน นีฤๅ
ลาผนวชมาผ่านเผ้า แผ่นหล้าอภิรมย์ ฯ
๏ นัดดาเฉลียวฉลาดล้ำ ทูลแถลง
พระบัตุเรศจักแคลง เคลือบเค้า
ว่าข้าบาทใฝ่แฝง ฝอยเท็จ
ผิวไอยกาเต้า ถูกต้องตามขบวร ฯ
๏ จักเปนเกียรติยศแท้ ทั้งปวง
โดยพยุหทัพหลวง เล่หโน้น
เชิญโอรสครองสรวง อภิเษก
สันตติพงศ์ภาคโพ้น ผ่านสร้อยสีพี ฯ
๏ พระองค์จักส่งข้อย สองรา
ไปสู่ตูคัลดา บสเจ้า
เชิญเสด็จนิวัตมา ถวัลยรัช เถลิงฤๅ
เห็นว่าจักเสียเค้า เงื่อนแท้ทางธรรม ฯ
๏ เปนทางอสัจค้าน ฤๅควร
จักว่าชาลีลวน ล่อลิ้น
พระบาทยาตราขบวร เชิญเสด็จ กลับนา
ธจักรับภิรมย์สิ้น สิ่งเมื้อหมดดำ ฯ
๏ ทรงสดับรับว่าอ้อ เออหนา
ปู่คิดผิดตำรา เนื่องโน้น
หลานเปนมรรคุเทศนา ยกปู่ ไปฤๅ
สู่ศิวาศรมโพ้น พากยเชื้อเชิญคืน ฯ
๏ สั่งมหาอมาตยแท้ มหาดไทย
กรมพระกลาโหมใน นอกพร้อม
สิบสองอสงไขย คนไพร่ เลวฤๅ
สหชาตโยธาห้อม แห่ริ้วรายใน ฯ
๏ เสนาสี่เหล่าแท้ สมทบ
พลคชคชตลบ แล่นเลี้ยว
พลไหยว่องไวจบ สูจัด ไว้นา
พลรถบทจรเกี้ยว เกี่ยวซ้อนสลับกัน ฯ
๏ สหชาตหกหมื่นถ้วน โยธี
จงแต่งกายินทรีย์ เทริดซ้อง
สอดแดงเครื่องเหลืองสี เขียวสด
ขาวผาดสดับพ้อง พวกล้อมวงใน ฯ
ร่าย นราไทธตรัสสั่ง อมาตยทั้งหมู่มนตรี
พญารีปุโรหิต ราชบัณฑิตกระวีปราชญ์
จดหมายมาดทุกหมวดกรม จัตุสดมภ์ทั้งสี่ไป
ข้าหลวงใหญ่สิ้นทั้งปวง ทุกกระทรวงซ้ายแลขวา
ทวยโยธาจัตุรงค์ รักษาองค์แลชาวที่
กระฎุมพีพลเรือน เร่งตักเตือนกันทุกกอง
ทั้งสิบสองอโขเภนี ตามบาญชีตรัสบัญชา
รัถยาให้ทุบปราบ เตียนรื่นราบตามระยะ
อุสุภะกำหนดกว้าง ภูมิผ้างเฉลิมฉัตร
ราชวัตรกันธุลี ตุ่มวารีแลเมไรย
แต่งตั้งไว้ให้เปนทาน กระยาหารขัชโภชน์
ใดประโยชน์บริภุญช์ ให้เนื่องหนุนตามกำหนด
จนจรดเนินพนม ศิวาศรมเวสสันดร
หว่างศิขรแล้วให้ ในเจ็ดวันประกาศไว้
ถูกต้องตามหมาย เทอญนา ฯ
ร่าย ข้างฝ่ายพระไหยกีราช ให้ประภาศนางสนม
กำนัลกรมปริจา ทั้งโขลนจ่าแลเจ้าขรัว
ยายท้าวทั่วหมู่ชะแม่ ทั้งเถ้าแก่ปริพาร
จอมอยู่งารชาวเครื่องสำ อางประจำจัดประจง
ทั้งอนงค์นักงารเครื่อง เทียบประเทืองตามกระทรวง
นางข้าหลวงรูปแน่งน้อย โฉมแช่มช้อยจำเริญศรี
ผุสดีผดุงบาท อนงค์นาฏแม่หัวเจ้า
ผู้ผ่านเผ้านางพระยา จักยาตราจรจรัล
พนสัณฑลีลาศเต้า เชิญบุตรคืนกลับเข้า
สืบเชื้อเชตอุดร แลนา ฯ
โคลง ๔ อดิศรสั่งให้กะ เกณฑพล
ชูชกชาติทรชน โลภล้ำ
กินอิ่มอัดอกจน เจียนแตก ท้องนา
ในจิตรคิดอยากซ้ำ เป็ดต้มกับหมู ฯ
๏ เพราะความอดอยากนั้น นมนาน
กินแต่ผลาหาร โหดแห้ง
มาประสบคาวหวาน มธุรส เลิศฤๅ
กินอิ่มปานยัดแป้ง ปอดซ้นไส้พอง ฯ
๏ เตโชธาตุอ่อนแท้ ทุรพล
ลมตัดขัดตึงตน ตอดเต้น
ปัตฆาฏแขงขน ชันทั่ว ตัวนา
อำมพฤกพาดขาดเส้น สุดสิ้นสังขาร์ ฯ
๏ ชูชกหินชาติเถ้า จัณฑาล
กุศลดลบันดาล จึ่งได้
ปราสาทประสบกาล เกิดลาภ
ผลพิบากแบ่งให้ เท่านั้นวาสนา ฯ
๏ ทราบถึงพระบาทเบื้อง บพิตร
ให้แต่งสรีรกิจ เสร็จแล้ว
ประกาศญาติแลมิตร ชูชก มานา
จงรับรัชฏมาศแก้ว คชม้าค่าไทย ฯ
๏ ให้ตีกลองป่าวร้อง นาครา
เปนฝ่ายญาติกา กับเถ้า
ทั่วขัณฑสีมา เมืองเชต อุดรฤๅ
ไป่สบสัมพันธ์เต้า ตลบสิ้นสามวัน ฯ
๏ ไป่มีญาติพวกพ้อง พงศพันธุ์
ทูลกิจพระทรงธรรม์ ถี่ถ้วน
ให้ขนทรัพย์สิ่งสรรพ์ พัสดุ นั้นนา
คืนกลับเข้าวังล้วน มอบเจ้าพนักงาร ฯ
๏ พฤฒาจารยชาติเชื้อ ชาวกลึง ครัษฐฤๅ
ได้คชเศวตมาถึง ที่แล้ว
ฝนตกทุกแขวงบึง บางบ่อ เฉนียรนา
รอบอาณาเกษตรแผ้ว ผ่องพ้นภัยเข็ญ ฯ
๏ เมืองกลึงครัษฐแล้ว หลายปี
อำนาจเศวตหัศดี เดชล้ำ
วรรโษทกพูลมี มูนมาก มาฤๅ
ทุพภิกขันตรภัยซ้ำ เสื่อมสิ้นสาบสูญ ฯ
๏ ผคุณมาศขึ้นค่ำ ปาฏิบท
อัฏฐพราหมณ์นำคช เศวตโพ้น
ทั้งคชอลงกฏ ยี่สิบสี่ แสนฤๅ
มาสู่เชตอุดรโน้น นอบน้อมทูลถวาย ฯ
๏ สญชัยบรมนาถเจ้า จอมนรินทร์
รับเศวตคชนาคินทร์ แช่มช้อย
เล่ห์ลุจักรพินทร์ สมบัติ
ให้พระชาลีน้อย หน่อไท้ทรงธาร ฯ
ร่าย สัปดวารคำรบเจ็ด โยธาเสร็จแต่ราตรี
ตามบาญชีธประสงค์ จตุรงคนิกร
สโมสรอยู่เรียงราย เผจิดกายประกวดกัน
ล้วนจัดสรรใจองอาจ มุขมาตย์หมู่นิกร
ผูกกุญชรพร้อมเสร็จสรรพ เทียบประทับกับเกยทรง
ชาติมาตงค์อุโบสถ อลงกตคชาภรณ์
เล่ห์กุญชรจักรพงศ์ พลดุรงค์มาเสถียร
ผูกบังเหียนอาชาชาญ แต่งเบาะอานรุจิเรข
สีหมอกเมฆอเนกา พลรถามาศมณี
สารถีนั่งประจำ อิกแสนส่ำพลนิกาย
เดิรเรียงรายปันขนัด ล้วนฝึกหัดทั้งสี่เหล่า
งามเพริศเพราเครื่องประดับ สรรพสรรพางคพิลาศ
ใส่เสื้อตาดสอดเกราะหนัง อาจกำบังในณรงค์
ถือทวนธงธนูศร เสโลห์โตมรกุทัณฑ์ทวน
ตามขบวรพยุหบาตร บรมนาถโดยเสด็จเต้า
สามิภักดิรักเจ้า พรักพร้อมเพรียงกัน แลนา ฯ
ร่าย ทรงธรรม์ตื่นประทม สำราญรมย์ราชดิเรก
เสียงวิเวกประโคมวัง ทั้งแตรสังข์แส้ประสาน
อุโฆษขานดีดดนตรี จรลีครรไลเลย
สรงเสวยธรรมดา ทรงวราภรณ์ประไพ
สหัสนัยสังกาศ เถลิงอาสน์พรรณราย
ส่องพระฉายผัดพระพักตร เฉลิมศักดิแป้งเกษตร
ดำเกิงเดชกระเดื่องด้าว ทรงเครื่องสำหรับท้าว
ธิราชเรื้องเรืองงาม แลนา ฯ
โคลง ๔ อร่ามเรืองสอดซ้อน สนับเพลา
กาสิกพัสตรเพรา เพริศแพร้ว
ฉลององคตาดเนา วรัตนรุ่ง เรืองนา
รัตพัสตรคาดองค์แก้ว กุดั่นพริ้งเพราตา ฯ
๏ เจียรบาททรงคาดเกี้ยว กฤษฎี
เชิงระบายมีชายสี สลับซ้อน
พาหุรัดมณี นิลเพ็ชร พราวฤๅ
อินท์ธนูดูข้อน แข่งข้างอมรินทร์ ฯ
๏ ธำมรงค์ทรงค่าล้ำ เลยนคร
ทรงใส่วลัยกร เพ็ชรพร้อย
เกยูรยิ่งบวร เวี่ยทับ ทรวงฤๅ
ตาบประดับสอิ้งสร้อย เสร็จพร้อมไพบูลย์ ฯ
๏ อุณหิศเหมบัฏแพร้ว พรรณราย
กรรเจียกจรเพ็ชรพราย เพริศพริ้ง
ฉลองพระบาทเชิงกราย กนกนาค ราชฤๅ
นาฬิกาแอบสอิ้ง สอดสร้อยสายคำ ฯ
๏ ทรงพระขรรคาวุธแก้ว วิเชียร
เสด็จจากพระมณเฑียร ท่านแล้ว
สู่เกยมาศเสถียร สถิตพลับ พลาฤๅ
คอยฝ่ายในผ่องแผ้ว เพอพร้อมเทพี ฯ
ร่าย พระผุสดีเข้าสู่ที่ฉนวนสรง ธาราทรงชำระมล
ทินสกนธ์นักงารไข จงกลไกทุ่งธารา
ต้องกายาเปนฝอยฝน เย็นกระมลสำราญรื่น
ภูษิตพื้นลายสุวรรณ ผลัดเสร็จพลันสำอางทรง
ชโลมองค์สุคนธา เมขลารัดพระองค์
ธำมรงค์ค่าบุรินทร์ เพ็ชรแกมนิลนิ้วพระหัดถ์
พาหุรัดวลัยมาศ กัมพลคาดกุดั่นดวง
ตาบทับทรวงสอิ้งรัตน เกยูรฉวัดเฉวียนทรง
สำหรับองคบวร กรรเจียกจรอันรูจี
กระษัตรีย์มกุฏมาศ ฉลองพระบาทประดับเพ็ชร
โดยเสด็จพระภรรดา เชิญลูกยานิวัตเต้า
มาสู่วังนั่งเกล้า ราษฎร์แคว้นทั้งมวญ แลนา ฯ
โคลง ๔ ส่วนเทพีแต่งพร้อม พรรณราย
ทรงเสด็จลีลาศผาย ผาดเต้า
นางเชิญเครื่องเฉิดฉาย โฉมแช่ม ช้อยฤๅ
ตามเสด็จแม่หัวเจ้า จิตรพ้องภักดี ฯ
๏ เถ้าแก่ชะแม่ท้าว ขรัวยาย
โดยเสด็จเทวีหลาย เหล่าล้อม
โขลนจ่าอิกตัวนาย ทหารหอก ปืนฮา
เปนกระบวรพรักพร้อม เพรียกแส้สำเนียง ฯ
๏ โยธากำหนดพร้อม เพรียงดี
ไถงพฤกษฤกษราศี สู่หล้า
กระษัตริย์กับเทพี เสด็จจาก แท่นนา
พาปริพารข้า บาทไท้เสด็จจร ฯ
๏ พลนิกายเกลื่อนพื้น ภูตลา
หัยรถคชโยธา เทียบไว้
สหชาตเสนา หกมหุต หาญเฮย
ประนตพระหลานไท้ ธิราชพร้อมเพรียงกัน ฯ
๏ เสด็จเยียรยาตรขึ้น เกยกาญจน์
ทรงพระยาคชาธาร เผือกผู้
สัปคับมาศพิมาน มณฑป ยอดฤๅ
ลาดพระขนนเขนยขู้ ที่ไท้ทรงเถลิง ฯ
๏ พระสุจะหนี่ทอดไว้ วางเขนย
พระพิสูตรรูดเผย โล่งแล้
เครื่องสูงแต่งตามเคย สำหรับ ราชฤๅ
พระที่นั่งรองทรงแท้ เทียบเต้าตามขบวร ฯ
๏. นงโพธผู้ผ่านเผ้า ผุสดี
ทรงเศวตคชกรินี หนึ่งนั้น
กูบจัตุรมุขมาศศรี พิสูตร คำฤๅ
พระพี่เลี้ยงกลดสั้น เทียบเบื้องบังไถง ฯ
๏ พระภาคิไนยพี่น้อง นำจร
ทรงกุมาราภรณ์ เครื่องพร้อม
เถลิงหลังเศวตกุญชร ปัจจัยนาค นามนา
มรรคุเทศพลห้อม แห่หน้านำขบวร ฯ
๏ พังกรินีแต่งพร้อม ผูกสรรพ
ครบเครื่องกูบปคับ คาดคล้อง
รองทรงที่สำหรับ ราชฝ่าย ในนา
นายหัดถาจารย์จ้อง จรดหน้าหลังเถลิง ฯ
๏ จอมอยู่งารหมื่นพ้อง หกพัน
โฉมเฉกอับสรสวรรค์ วาดไว้
จำเรียงนักงารจรัล รับราช กิจฤๅ
ขึ้นสู่คเชนทรให้ แห่ห้อมมเหษี ฯ
๏ สนมนางชะแม่ต้อง ตามเสด็จ
ขึ้นสู่ยานสารเสร็จ ใหญ่น้อย
เกวียนล้อเลื่อนรถเผด็จ ผดุงเดช ราชฤๅ
นั่งชระดัดแช่มช้อย ช่วงข้าหลวงเดิม ฯ
๏ กระษัตริย์ทั้งสี่ขึ้น คชา
กับพระบรมวงศา เสร็จแล้ว
มหุดิฤกษเวลา โมกข์ปริ สุทธฤๅ
เริงรื่นฤทัยแผ้ว สั่งให้เดิรขบวร ฯ
๏ โหราราชลั่นฆ้อง โห่ครืน
เสียงรับกลมเกลียวกลืน กลั่นกล้า
ทวยหาญเร่งยิงปืน แปดสิบ นัดนา
พลนิกายกองหน้า ทุกริ้วเดิรราย ฯ
๏ กลองแขกตีออกหน้า นำฝูง
ปี่ชวาเสียงสูง โสตรก้อง
เปนคู่คู่พาจูง จิตรราช เริงฤๅ
จัดใส่หลังคชต้อง แต่งช้างเชื่องดี ฯ
๏ กลองชนะใช่น้อย ประโคม
จังหวัดจังหวะโครม ครึกครื้น
ปี่ไฉนเสนาะสำเนียงโรม เดิรเรียบ เรียงฤๅ
นุ่งห่มหมวกแดงพื้น พวกนี้ไพร่หลวง ฯ
๏ แตรสังข์อุโฆษแส้ เสียงใส
โหรทึกฟังไกล กล่อมกล้ำ
บัณเฑาะว์วิเวกไพ เราะเร่ง รัวฤๅ
ขึ้นสู่เกวียนรถย้ำ ยิ่งด้วยดนตรี ฯ
๏ พิณพาทย์ระนาดฆ้อง โครมอึง
กลองใหญ่ตีตูมติง ออกหน้า
ตะโพนฉิ่งกรับรึง รัวเร่ง ตีฤๅ
ปี่เสนาะสองน่าท้า ยักย้ายเพลงตี ฯ
๏ ราชวัตรเจ็ดชั้น เฉิดฉาย
ธงปฎากรธงชาย เชิดตั้ง
รเบียบบุบผาลาย เรียดเรี่ย ไปฤๅ
ทางหกสิบโยชนกั้ง ฉัตรซ้อนสลับธง ฯ
๏ รัถยากำหนดกว้าง อุศุภ
เส้นสิบห้าวาทุบ ปราบแผ้ว
กรวดแร่หลักตอยุบ ย่อยเลอียด อ่อนฤๅ
เกณฑ์นครบาลแล้ว โล่งแท้ทางหลวง ฯ
๏ โรงครัวสำหรับเลี้ยง โยธา
ฉมอุทกธารา เรียดตั้ง
คาวหวานและเล่ายา อยากหยุด กินเฮย
แต่งเสร็จสำเร็จทั้ง ที่ซุ้มอาศัย ฯ
๏ ฉัตรห้าฉัตรเจ็ดชั้น ธงชาย
อภิรุมย์ชุมสาย สลับซ้อน
จามรพัดโบกระบาย ลมมาก มีฤๅ
ทานตวันบังร้อน รอบช้างทรงเถลิง ฯ
๏ พนักงารกลดกั้ง บังไถง
ลายหักทองขวางไกว แกว่งกลิ้ง
คันทองเทศอุไร เรืองรุ่ง
เดิรแข่งกุญชรพริ้ง แต่งพร้อมเพราตา ฯ
๏ สรรพาวุธโลห์ดั้ง โตมร
ตาวจักรธนูศร หอกง้าว
ตรีกฤชคทาธร ทวนครบ เครื่องฤๅ
สำหรับไพรีร้าว รุกร้นรอญเศียร ฯ
๏ อำมาตย์เชิญเครื่องเต้า ตามลี ลาศฤๅ
พานพระขันหมากมี เครื่องพร้อม
ภิงคารสุพรรณศรี มาศสุก
เครื่องกระษัตริยจัดห้อม แห่เข้ากระบวรเกณฑ์ ฯ
๏ สหชาตแห่ห้อม หกนหุต
เกิดร่วมปีเดือนดุจ ดั่งพร้อง
กับดาบสเปนบุตร บรมนาถ
พูลภิรมย์จิตรจ้อง รับเจ้าคืนสถาน ฯ
๏ ช้างนำแห่ออกหน้า พลายคนอง
ตกแต่งตาข่ายกรอง ปักห้อย
อลงกฏคชฉลอง ฉลุมาศ มณีนา
สรรพเสร็จหมอควาญค้อย ขับเขี้ยวเขนไป ฯ
๏ พลคชคชฮึกห้าว หาญรอน
ผูกเครื่องคชาภรณ์ พรักพร้อม
หมอควาญธนูศร ขอคร่ำ ประจำฤๅ
อาจผจญผจัญห้อม หักเสี้ยนศัตรู ฯ
๏ พลคชคชต่อสู้ เศิกพยศ
กำเนิดอุโบสถ ศักดิล้ำ
สรรพาวุธปรากฏ ประกอบ ครบนา
ปราบข้าศึกปลุกปล้ำ เปรื่องรู้การณรงค์ ฯ
๏ พลคชคชแผดก้อง โกญจนาท
สัปคับโอภาส ภู่ห้อย
บังฉายชลวงคาด เศิกสยบ แสยงนา
ชาญชเยศเฉลิมสร้อย สิ่งร้ายฤๅมี ฯ
๏ พลคชคชร่าเร้า เริงรณ
ชำนิชำนาญชน ชาติห้าว
กำลังว่องไวกล คชจักร พรรดิฤๅ
องอาจหาญเข่นก้าว สกัดล้างดัสกร ฯ
๏ พลไหยไหยเศวตสร้อย ศรีสังข์
สูงใหญ่ไวกำลัง เลื่องหล้า
ผูกอานรัดโกลนผนัง รายครบ เครื่องฤๅ
คนขี่ถือทวนถ้า ต่อสู้สงคราม ฯ
๏ พลไหยไหยร่านร้า รณรงค์
ยีย่ำข้าศึกปลง ชีพม้วย
ฝีเท้าว่องไวคง ควรอัศ จรรย์นา
ทั้งโขกทั้งขบด้วย เดื่องด้าวเชตอุดร ฯ
๏ พลไหยไหยราชเรื้อง เรืองเดช
เริงร่านชาญชเยศ ยิ่งไซ้
องอาจชาติทรงเทศ หกฮ่อ หาญฮา
คนขี่ควบขับให้ วิ่งแว้งชนไว ฯ
๏ พลไหยไหยไขว่แคว้ง แขวะขบ
ชาติดุรงค์สินธพ เทียบอ้าง
ชำนาญศึกเจนจบ โจมจับ เร็วฤๅ
รีบรุกไพรีล้าง เศิกเล้ากลัวลาน ฯ
๏ พลรถรถรัตนซ้อน ศรีแดง
สารถีคำแหงแรง เร่งต้าน
กุมหอกชักทวนแทง เขนโล่ห์ บังฤๅ
ปัจนึกขยาดย้าน เลี่ยงแล้วเลยหนี ฯ
๏ พลรถรถเรียบแก้ว มรกฎ
เรือนมณีกำหนด ค่าล้ำ
บัลลังก์ที่นั่งรถ มณฑป ประดับฤๅ
สารถีกระลึงด้าม หอกถ้าหาญแทง ฯ
๏ พลรถรถประดับแก้ว ศรีเหลือง
เทียบดุรงค์มลังเมลือง มลากเต้า
ขุนพลประทับประเทือง ประเทียบ ธารฤๅ
หาญล่วงทลวงเข้า ต่อสู้เศิกพัง ฯ
๏ พลรถรถมาศแท้ ทั้งมวญ
ประดับเพ็ชรเขบ็จขบวร เพริศแพร้ว
กงกำแอกดุมควร คำค่า แสนฤๅ
สารถีขี่แล้ว ง่าง้าวงามทรง ฯ
๏ เสนาทวนเดิรแห่หน้า นำเสด็จ
เผจิดอาตมพิลาศเสร็จ แต่งพร้อม
กระลึงสาตราระเห็จ เกณฑ์หัด พลเฮย
เปนพยุหบาตรห้อม แห่เจ้าจอมเวียง ฯ
๏ มีนายกองละร้อย คอยคุม
เสื้อเกราะใส่ขัดดุม เหล็กล้วน
ถือกระบี่เขนกุม เหน็บกฤช ทุกคนนา
คอยตรวจทุกหมวดถ้วน ถี่แท้ทุกกอง ฯ
๏ โยธาเขนโล่ห์ดั้ง เดิรเรียง
ดูดั่งชลไหลเผลียง เนื่องโน้น
โยธาดาบกำเกรียง ไกรเกียรติ หาญฮา
ทวนหอกกระลึงโพ้น โพกผ้าประเจียดเจิม ฯ
๏ ทหารง้าวคู่หน้า เหน็บกฤช
ใจฉกาจชาติมุรหงิด เงือดง้าว
เครื่องดำประคำติด สวมใส่ คอนา
ล้วนหมู่ทหารห้าว โหดเหี้ยมฮึกคนอง ฯ
๏ ทหารแห่คู่ซ้าย ขวาคง
นุ่งห่มเขียวแดงทรง สุกจ้า
ทหารธนูทรง ใจหนัก แน่นนา
มุบิ่นทมิฬบ้า บ่คร้ามเศิกเสือ ฯ
๏ แสนยากรแวดล้อม วงระวัง
พันภุดาษเดิรประดัง นอกซ้อน
องครักษ์เนื่องหนุนหลัง รองถัด มานา
ถือสาตราวุธต้อน แต่งเข้ากระบวรเกณฑ์ ฯ
๏ เครื่องสูงแสงต้นเทียบ เคียงองค์
รัชฏมาศบรรจง จัดไซ้
ทวนหอกง่ามง้าวทรง ชูเชิด ไสวนา
เชิญเครื่องโดยเสด็จไท้ ธิราชเจ้าจอมนรินทร์ ฯ
๏ มหาอำมาตย์คู่ซ้าย ขวานำ
กรมพระตำรวจกำ กับป้อง
นุ่งสมปักลายคำ เสื้อใส่ กระบี่ฤๅ
สพักอังสาคล้อง ขลิบผ้าโพกเศียร ฯ
๏ รยะหลังแลพรั่งพร้อม พระประยูร
ภูสิตลายทองพูล เพริดแพร้ว
กรองทองรัตนจำรูญ รังอ่า องค์เอย
ทรงคเชนทร์เครื่องแก้ว กุดั่นพร้อยพราวงาม ฯ
๏ โยธาจัดรุ่นน้อย หนุ่มฉกรรจ์
แปดหมื่นเศษสี่พัน พวกห้าว
สรรพาวุธเข้มขัน ถือครบ มือเฮย
เปนพวกพลเดิรท้าว เทียบเต้าตอนหลัง ฯ
๏ คเชนทรหนึ่งเถื่อนแท้ ทอกโทน
แล่นทลึ่งทลวงโกญ จนาทร้อง
เสนาธนูโจน จับแล่ง ธนูนา
ยิงถูกคอต่อต้อง ตื่นแปร้นแปร๋ซวน ฯ
๏ เสนาทวนโหดห้าว หาญแทง
เสือโคร่งทางกลางแปลง ปลุกปล้ำ
โจนโผนเผ่นตะแวง ตวัดรวบ เท้าฤๅ
แทงถูกซอกอกซ้ำ พวบล้มพุงทลาย ฯ
๏ เสนาหอกอาจแท้ ทนทาน
เห็นแรดแผดสำนาน แล่นคว้าง
ตาหูปรับลนลาน กำเลาะ กำลังฤๅ
หอกกระลึงแทงข้าง ขาดต้องตับเหลว ฯ
๏ เสนาตาวดาบเฟื้อย ฟอนฟัน
เห็นกระทิงเถื่อนผัน ผาดร้อง
ออกสกัดแทงกัณ ฐาถูก ถลากฤๅ
ซักจรีแทงท้อง ถูกล้มตึงตาย ฯ
๏ สำรวลสำเร็จเต้น ตบมือ
เปนหมู่เปนหมวดฮือ โห่ร้อง
สามารถอาจหาญคือ พลพิษ ณุนา
ชาญฉกาจกึกก้อง เก่งไม้มือฉมัง ฯ
๏ เสนารถคชม้า สมมุต
สิ่งละแปดนหุต แห่ห้อม
จัดสรรค์กลั่นกล้ายุทธ ยงยิ่ง
โดยเสด็จขัติยพร้อม เพรียกรี้พลเริง ฯ
๏ กราวเขนเกณฑ์หัดห้าว ฮึกเหิม
สามิภักดิ์ตนเติม ต่อเจ้า
ทุกกองทุกกรมเฉลิม ฉลองพระเดช พระคุณฤๅ
เปนสุขทุกค่ำเช้า ชื่นชื้นทรวงเย็น ฯ
๏ เดิรทางวันละโยชน์ค้อย ลีลา
ผ่อนพักสำนักคลา เคลื่อนเต้า
ทางหกสิบโยชน์ปรา กฎกล่าว สารฤๅ
ข้ามพนมพนัสเข้า เขตรซ้องอาศรม ฯ
๏ เปล่าปลอดจากโรคร้าย รุมผลาญ
อำนาจโพธิสมภาร ครอบคุ้ม
ปุโรหิตทวยหาญ โหรราช ครูฤๅ
มีแต่รื่นเริงกลุ้ม กล่าวซ้องสรรเสริญ ฯ
ร่าย ทรงจำเริญสี่กระษัตริย์ เนาพนัสหิมเวศ
ยามทุเรศรัษฎา สุริยาเย็นพยับ
หยุดประทับช้างประเทียบ เร่งเรียงเรียบดุรงค์รถ
รี้พลบทจรจัด เปนขนัดคณนา
หนึ่งพลับพลารายวิถี กำหนดมีระยะมา
ทวยโยธาจัตุรงค์ ให้ล้อมวงสัปดกั้น
เปนเขื่อนขันธ์ปรปักษ์ หมู่พยัคฆแลเนื้อร้าย
หลบหลีกผ้ายหนีกระเจิง ก่อกองเพลิงเสียงโห่ร้อง
ตระเวนฆ้องกระแตตี ทุกราตรีตลอดไป
ประมาณในเดือนมีเศษ แรมทุเรศทางกันดาร
กระเษมสานต์โสมนัส สี่กระษัตริย์ทรงปรีดา
เจ้าพระยาเวศยันดร ทรงสังวรอยู่ทิศใด
ก็ครรไลสู่ทิศนั้น รีบเร่งลีลาศดั้น
ลุซ้องศิวาศรม แลนา ฯ
โคลง ๔ นิคมคำย่อรั้ง รวมความ
วันดับสิ้นเดือนสาม ถ่ายแล้ว
พระราชนัดดาตาม พิกัด มานา
บำเหน็จเงินทองแก้ว แก่เถ้าทุรชน ฯ
๏ พราหมณ์ทุพลภาพล้ำ โลโภ
มีลาภมหันโต ตื่นพ้อง
ประทับประทมโอ หังเหตุ หื่นฮา
บริโภคจนท้อง แตกเมื้อเมืองมรณ์ ฯ
๏ พยากรณ์เกิดได้ ฤกษ์ดี
ลาภยศปรากฎมี มากล้ำ
พอถึงกึ่งราตรี กับครึ่ง วันฤๅ
อุปฆาฏกรรมซ้ำ สบสิ้นวาสนา ฯ
๏ เกณฑ์พลกว่าจักพร้อม เพรียงกัน
สัปตวารสำคัญ ครบถ้วน
เปนนาเนกอนันต์ นายไพร่ พร้อมฤๅ
ถึงอโขเภนีล้วน นับได้สิบสอง ฯ
๏ กองหลวงเกณฑ์เร่งนั้น เร็วหนัก
เดือนสี่ชุณหปักษื ป่าวร้อง
ขึ้นเจ็ดค่ำประจักษ์ หมายแจก มานา
เบิกอรุณย่ำฆ้อง สั่งให้เดิรพล ฯ
๏ ภูวดลเสด็จรั้ง แรมอรัญ
กับพระสนมกำนัล นาฏเต้า
เดือนยี่สิบสามวัน ประทับ ทางฤๅ
จึ่งลุวงกฏเข้า เขตรโน้นเนินผา ฯ
๏ มหาราชหกสิบเก้า พระคาถา
บาทหนึ่งแปดอักขรา รวบไว้
สี่บาทคณนา กำหนด เทอญพ่อ
เปนพระคาถาหนึ่งไซ้ ปราชญ์แสร้งรังสรรค์ ฯ
๏ ระดมอันดับทั้ง ราชา คณะฤๅ
ข้าบาทรับอาสา ช่วยบ้าง
นิพนธ์พจนมหา ราชเรื่อง ฉลองฤๅ
ถวายพระเดชพระคุณอ้าง ออกเบื้องบรมวงศ ฯ
๏ บทใดผิพลาดพลั้ง เผลอคำ
ปราชญ์อย่าเปรยปรักปรำ ปล่อยปล้อย
คนึงคเนกำ หนดผิด แน่นา
โปรดแนะนิเทศถ้อย อย่าซ้ำยอสรวล ฯ
๏ สำนวนรุ่มร่ามเรื้อ รังมี
ผิดพจนบทกระวี วากย์ห้าม
โทโทษเอกโทษดี ความห่อน ห้ามฮา
ปวงปราชญ์ลางบางคร้าม ชอบใช้ก็มี ฯ
๏ เปนชีแก่วัดเว้า โวหาร
ทีฆราชโบราณ ไป่รู้
แก่ไวยสมุฏฐาน โรครัด รึงฤๅ
บแข่งคารมสู้ ปราชญ์เบื้องโบราณ ฯ
๏ สฤษดิสารเสร็จสิ้น อนุสนธิ์
เกณฑ์พระราชนิพนธ์ พจนพร้อง
สำหรับกระวียล ยามอยู่ เย็นฤๅ
ต่างดีดสีกล่อมห้อง ท่านแท้เมธา ฯ
๏ สาราสุภาพเกลี้ยง เกลาใจ
เดิมหริภุญไชย พากย์ชี้
พระโหรสุโขไทย เทียบสั่ง สอนฤๅ
ปวงปราชญ์แต่ก่อนกี้ กล่าวไว้หวังสอน ฯ
๏ เพศยันดรชาดกอ้าง ออกความ
มาแต่พากย์ภุกาม ก่อนไซ้
กระวีปราชญ์กรุงสยาม เห็นชอบ เชิงฤๅ
จารึกจำลองไว้ บอกดั้งเดิมมี ฯ
๏ บทบังคับดั่งนี้ นมนาน
บอกเรื่องแบบโบราณ เร่งรู้
กระวีกล่าวโวหาร เห็นง่าย
เปนที่สังเกตกู้ แก่เมื้อปัจฉิมา ฯ
๏ จบ จนสญชเยศเจ้า จอมนรินทร์
บ พิตรแรมธานินทร์ เนิ่นช้า
ริ เริ่มนิยมยิน รับราช บุตรฤๅ
บูรณ์ สโมธานถ้า ลุแท้ถึงสถาน ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ