คำนำ
ในงารปลงศพพระมงคลเทพมุนี เอี่ยม วัดราชสิทธาราม ในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ นี้ หม่อมเจ้าหญิงจงจิตรถนอม กับหม่อมเจ้าหญิงพร้อมเพราพรรณ ธิดาข้าพเจ้า มีประสงค์จะพิมพ์หนังสือสำหรับแจกในงารพระราชทานเพลิง เปนส่วนของเธอช่วยสนองคุณพระมงคลเทพมุนี เหตุด้วยท่านเปนผู้ที่สกุลฝ่ายมารดาของเธอนับถือเช่นเปนญาติ ฝ่ายท่านก็มิความเมตตาอารีแก่เธอเช่นญาติตั้งแต่ยังย่อมเยาว์มาเปนนิตร์ ข้าพเจ้ารับธุระของธิดาหาเรื่องหนังสือที่ในหอพระสมุด ฯ พบหนังสือซึ่งสมควรจะพิมพ์แจกในงารศพพระมงคลเทพมุนี มีอยู่เรื่อง ๑ คือลิลิตมหาชาติกัณฑ์มหาราช ซึ่งพระมงคลเทพมุนีแต่งตามพระประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า ฯ กรมพระยาบำราบปรปักษ์ แต่เมื่อท่านยังเปนที่พระปลัด บอกนามไว้ในหนังสือนั้นแต่ว่า “พระปลัดเอี่ยมเปนผู้แต่ง” ข้าพเจ้าเคยได้ถามตัวท่านๆรับว่าท่านแต่งเอง มีผู้อื่นช่วยบ้างเล็กน้อย หนังสือเรื่องนี้ยังไม่เคยพิมพ์ จึงเห็นควรพิมพ์ให้ปรากฎเกียรติยศของท่านผู้มรณภาพ ว่าเปนทั้งกวีแลเปนนักเทศน์มหาชาติ กระบวรเทศน์มหาชาติดูเหมือนจะเทศนได้ทุกกัณฑ์ แต่กัณฑ์วนประเวศนั้นนับว่าไม่มีตัวที่จะเสมอ ท่านได้เคยถวายเทศน์กัณฑ์นั้นประจำตัวมาในรัชกาลที่ ๕ แต่ข้าพเจ้ายังเด็ก พระบาทสมเด็จ ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็โปรด แต่ดำรัสติอยู่คราวหนึ่ง เห็นจะเปนด้วยในเวลานั้นหินปูนจับฟันท่านหนานัก ดำรัสว่า “พระครู (พจนโกศล) เอี่ยม เทศน์ก็ดี แต่อย่างไรดูเหมือนอมก้อนอิฐไว้ในปาก” ต่อมาเมื่อท่านได้เปนที่พระมงคลเทพมุนีฟันหักหมดปากแล้ว ได้ถวายอิกครั้ง ๑ ดำรัสชมว่า “ตั้งแต่ก้อนอิฐหลุดออกจากปาก พระมงคลเทพเทศน์เพราะขึ้นมาก” ท่านนับอยู่ในพระราชาคณะซึ่งทรงพระเมตตาองค์ ๑ มีเรื่องประวัติข้าพเจ้าถามท่านมาจดไว้ในหนังสือเรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ ดังนี้
ประวัติพระมงคลเทพมุนี เอี่ยม
พระมงคลเทพมุนี วัดราชสิทธาราม นามเดิมว่าเอี่ยม นามฉายาว่าเกสรภิกขุ เปนสกุลพราหมณ์ เกิดในรัชกาลที่ ๓ เมื่อณวันพฤหัสบดี เดือนยี่แรม ๑๐ ค่ำ ปีจอ จุลศักราช ๑๒๐๐ พ.ศ. ๒๓๘๑
ในรัชกาลที่ ๔ เมื่ออายุได้ ๑๕ ปีไปเปนศิษย์พระญาณสังวรเถรอยู่ที่วัดราชสิทธาราม แล้วบรรพชาเปนสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๗ ปี ศึกษาอักขรสมัย แลเรียนพระปริยัติธรรมในสำนักมหาดวงที่วัดราชสิทธิ์นั้น ครั้นอายุครบอุปสมบทบวชที่วัดราชสิทธิ์ เมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๔๐๒ พระวินัยรักขิต วัดหงสรัตนารามเปนพระอุปัชฌาย์ อุปสมบทแล้วศึกษาวิปัสนาธุระอยู่ในสำนักพระสังวรานุวงศ์ เมฆ ต่อมาได้เปนพระพิธีธรรมวัดราชสิทธิ์แต่ในรัชกาลที่ ๔
ถึงรัชกาลที่ ๕ ได้เปนพระใบฎีกาในฐานานุกรมของพระสังวรานุวงศ์ เมฆ แล้วได้เปนพระปลัดฐานานุกรมของพระสุทธศีลาจารย์ ต่อมาถวายเทศน์กัณฑ์วนประเวศ ทรงตั้งเปนพระครูพิเศษที่พระครูพจนโกศล เมื่อปีกุญ พ.ศ. ๒๔๓๐ ครั้นถึงปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๓๔ ทรงตั้งเปนพระราชาคณะที่พระสุธรรมธีรคุณ เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ในปีนั้น ทรงเลื่อนเปนพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่พระมงคลเทพมุนี สมณศักดิ์เสมอชั้นเทพ มีสำเนาทรงตั้งดังนี้
“ให้เลื่อนพระสุธรรมธีรคุณ เปนพระมงคลเทพมุนี ศรีรัตนไพรวัน ปรันตปประเทศ เขตรอรัญวาสีบพิตร สถิตพระพุทธบาท เจ้าคณะพระพุทธบาท มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๓ ตำลึงกึ่ง มีฐานานุศักดิ์ควรตั้งฐานานุกรมได้ ๕ รูป คือพระครูปลัด พระครูวินัยธร ๑ พระครูวินัยธรรม ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑ รวม ๕ รูป
พระมงคลเทพมุนี เอี่ยม ได้เปนผู้ช่วยพระพุฒาจารย์มา ดูแลการรักษาพระพุทธบาทมาจนชราทุพลภาพ จึงถวายพระพรลาจากหน้าที่
พระมงคลเทพมุนีป่วยเปนโรคชรา ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๖ คำณวนอายุได้ ๘๖ ปี
สิ้นประวัติพระมงคลเทพมุนี เอี่ยม เท่านี้
สภานายก
หอพระสมุดวชิรญาณ
วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๖