ลิลิตตำรานพรัตน์

ร่าย ศรีสิทธิ์ มหิทธิมเหาฬารมหาอดุลดิเรก เอกภูธรธิเบนทร์สูร ภูลพระยศเยี่ยมฟ้า หล้าดำรงทรงพิภพ ลบอรินเสี้ยนสยอง พองเศียรสุรราบ ทาบทุกทิศทั่วท้าว น้าวนครนอบน้อม ย้อมพลทแกล้วกลาด ดาษนิกรอื้ออัด ขัษณท้าวเสร็จทรง หงษ์วรพาหนนารถ ยาตรเยื้องจรจรูญ หนูนสุรตระศัก จักจรจรัลลุ นุมนุษย์ถึงทั่ว ยั่วแย้มยศยวดยง ทรงทศธรรมวรา บารเมศเพื่อผล กุศลเสาะแสวงสร้าง อ้างอุทกปานิต พิพิธเพิ่มโภค โลกซร้องสรเสริญ เจริญพระเกียรติไกรชม สมนุสัตยาเมศ เดชมหิศวรราช พระบาทศุขนิราม กามสละปละสลวย ฉวยฉับชวลีล่วงโอฆ วิโยคดับโหยหาย ตายเกิดบให้มี ตรีภพเพิ่มภูลเผยอ เธอทฤษดาลโดย โกยอนุเมศเพญญา พาอมรสู่สร้อยสัพพัญญุต สุทธิศุขนฤไกษย ไขเกษมให้กสานต์ ประหารทุกข์ให้เกษม เปรมนิกรพร่ำพร้อง ซ้องดุริยจำเรียง เผดียงเดียรบัณเฑาะว์ เคาะพาทยครื้นครึม ครหึมฆ้องก้องยั่วยาม ตามบทีปชวลาด ดาษสุรางคเรียงเรียบ ดาษมาตย์เทียบสุรศักดิ์ ดาษผลภักษ์อร่อยรศ ดาษโอสถสูญโรค ดาษทรัพย์โภคมูลมอง ดาษคชลบองบ่มมัน ดาษอัศวทันพลาหก ดาษพยุหยกจตุรงค์ ดาษพลยงยวดยำ ดาษพลกำซราบแสลง ดาษพลแผลงเสนาด ชาติชาญช่างเฉลียว เพรียวพริบหยิบหัวหั่น ถั่นแถลบแลนค่าย ส่ายทลวงตาวตัด สันทัดเศิกสำเริง บรรเทิงรื่นบมิท้อ บรรเทิงฬอหาญหอก บรรเทิงกลอกภักตร์ผัน กระสันสาตรเข้มเขม็ง กระสันเล็งเศิกทลม กระสันคมเขี้ยวหนวด อวดมือแข่งขันสู้ ผู้ใดต่อโหงเหี้ยน เลี้ยนโล่งพื้นภูวมณฑล กษณนั้นบั้นบพิตร อดิศรธาดา มหาดิลกศิราม สามโลกย์ล่วงนาคิน อินทรวิศณุเสพ เทพสุริยศศิ ดำริห์ถวายพรราช พระบาทศุขสมบัติ รัตนมงคลบุรี ศรีอยุทธยิ่งฟ้า เรืองรุ่งพระสาสนจ้า แจ่มพื้นภูลเขษม ท่านแฮ ๚

พรายๆ โสมมาศไล้ เลอแถลง
เรืองเรื่องรัตนไตรยแสง สร่องสร้อย
โกสุมสุมาลย์แฝง ฝักฝ่า พระนา
ปานประทีปเทียรช้อย ชื่นชี้ชมถวาย
๏ ไตรจักรรัตน์เรื่องเรื้อง เรืองเขษม
ทุกทั่วนิกรเปรม พร่ำพร้อง
แย้มยั่วกระมลเหม เหิมสวาดิ
ในพระปิ่นอมรซ้อง ส่ำเกล้าถวายกร
๏ ข้าบาทธิเบศร์ไท้ ทศรฐ
ขอเดชมหิศรยศ อย่างไว้
จักแถลงลักษณกำหนด ดำหรับ รัตน์พ่อ
เฉลิมแผ่นภุดาให้ แห่งรู้เรื่องสาร ๚
๏ กล่าวฝูงเทเวศร์ไท้ เทวา
โกฏิหนึ่งปริวารปรา รภรู้
กับหมู่นักสิทธิ์ดา บศบวช
ยี่สิบแปดโกฏิสู้ สู่ท้าวอิศวรถาม ๚
๏ ในนามนพรัตน์นี้ ขอแถลง
เกิดเพื่อใดแสดง แห่งให้
เชิญองค์อิศรแจง จักบอก ตูนา
เปนมิ่งมงคลไว้ คู่หล้ายืนยง ๚
บัดองค์อิศเรศเอื้อน เทวโองการเยื้อน
เพริศพริ้มไพรงาม ๚  
๏ ควรความเชิญเทพไท้ กับพระดาบศให้
แห่งรู้โดยตรัส กูนา ๚
๏ อรรถนี้ควรสู่ด้าว อังคตมุนินทร์ท้าว
อาจรู้เสร็จสาร สิ้นแล ๚
๏ โองการเสร็จสั่งพร้อม ทวยเทพนิกรน้อม
นอบเกล้าถวายกร ๚  
๏ มุนีวรฤทธิ์แกล้ว ถวายพระพรลาแล้ว
ลาศเต้าเห็จทยาน ๚  
๏ โดยคัคณานต์บช้า ฝูงเทพทุกถ้วนหน้า
สู่ห้องหิมวันต์ ๚  

กำเนิดนพรัตน์

ร่าย ชวนกันจรลีลาศ สู่อาวาศดาบศ พระอังคตฤๅษี เทพมีเทวบรรหาร บุจฉาการเนาวรัตน์ ตามตโนมัตสงไสย เชิญไทแถลงกำเนิด นพรัตน์เกิดดังฤๅ อาตมปองปือใคร่รู้ ช่วยโกยกู้แห่งเรา พ้นขละเขลาสนเท่ห์ ในเล่ห์ลักษณรัตนาด กำเนิดชาติดั่งใด อังคตไขพจนปฐม แนะนิยมลำดับ สรรพสิ้นเสร็จดำริห์ ตั้งอาทิกัลปกิจ กฤษดิยุคเรายิน มีอินทรองค์หนึ่ง เปนที่พึ่งนรา นามมหาพลอสูร เธอนุกูลกำเนิด เกิดเนาวรัตน์แห่งองค์ ยุคสี่คงคือกัน อังคตบัญชาเสร็จ เทพเหาะเห็จไปบหึง ถับถึงอสุรพล ถามว่าตนท่านฤๅ คือก่อเกิดรัตนา อันโอภาไพโรจ เชิญพระโปรดปริอรรถ ไว้เปนสวัสดิ์แห่งโลกย์ ภูลผลโภคเนืองนันต์ เปนมหันตคุณข้า คุงหมดฟ้าม้วยดิน เทวสุรินทร์ว่าวอน อดิศรสุรพล รับยุบลฝูงเทพ สูมาเสพย์ด้วยตู ตัวกูกูจะให้ทาน ทั่วถึงกาลสิ้นสุด ทั้งมนุษย์เทพา อสุรามีพจนาตถ์ กับเทวราชนักสิทธิ์ แม้ชีพิตรเราดับสูญ จงภูลเพิ่มบูชา เจ็ดราตรีขวบควร แล้วเชิญชวนแบ่งไป ตำบลใดดูชอบ จงหมายมอบประดิษฐาน กำหนดการเก้าแห่ง ก็จะแต่งเติมบังเกิด เปนกำเนิดเนาวรัตน์ ดังเราตรัสสั่งใช้ ฝูงเทพมุนินทร์ได้ รับถ้อยทุกคำ ท่านแล ๚

อสุรทำตระบะเบื้อง เดชา
อดโภชนภักษา รศลิ้น
หวังเพื่อจะกรุณา ในโลกย์
ครบสัตตวารเสร็จสิ้น ชีพเชื้อวายชนม์ ๚
๏ ทวยไทเทเวศร์ท้าว เทวา
กับหมู่มุนิศดา บศพร้อม
เชิญศพสุรสยมมา บูชิต ไว้แฮ
ถึงกำหนดถ้วนน้อม นอบเกล้าสัตตวาร ๚
๏ ปรากฏทุกแห่งห้อง สรวงสวรรค์
ฦๅโลกย์มหิทธิอัน เอิบอ้าง
นาคาครุธคนธรรพ์ ถึงทั่ว
ตลอดล่วงสมุทรกว้าง กว่านั้นยังมี ๚
๏ ปรากฎทั่วโลกย์แล้ว ประดิษฐาน
แปดแห่งเห็นพิศดาร ดั่งนี้
คือดวงหทัยกาล สุรราช นั้นนา
เกิดวิเชียรชาติชี้ เช่นไว้คุงวัน ๚

ร่าย กล่าวอันสยมภูวเรศ ฝูงเทเวศร์นำไป ประดิษฐานในศิขรา อันมเหาฬาร์ดิลกเลิศ เกิดในเมืองกลึงคราฐ แสงโอภาษไพบูลย์ หนึ่งภูลพิธเพิ่มเนา คือเขาแดนโกศล ทรงพิมลไพจิตร หนึ่งสถิตย์เขามิลินท์ หนึ่งศิขรินมาตุราฐ หนึ่งอวยสาทธิปรากฏ กำหนดศิขรเมือง บันทรเรืองรังษี อันรุจีแจ่มไพศาล หนึ่งประดิษฐานศิขรา แดนเมืองสามลเลิศ โสรมเสริฐสิทธิปรากฎ หนึ่งบรรพตสูงสุด แดนเมืองบุษบากร หนึ่งเศขรแคว้นบุเรศ ประเทศไพราราฐ เทพยนำชาติหฤทัย สุรไกรประดิษฐาน ถ้วนอัฐกาลกิจแล้ว จึงเกิดวิเชียรชาติ์แก้ว เลิศนี้หลากหลาย แลนา ๚

บอกบทบุรพแบ่งเบื้อง สุรพล
เทพยประดิษฐดล แปดถ้วน
กำเนิดรัตนในตน ตามกล่าว
ในกัลปสูญยุคล้วน เล่ห์นี้นำแสดง ๚
๏ สิ้นกฤษดิยุคสิ้น เพ็ชรสูญ
กลึงคราฐตระกูล หนึ่งแท้
โกศลอีกประยูร หายห่อน มีนา
กฤษดิยุคสิ้นสองแล้ ลับแล้วเลยเห็น ๚
๏ ไตรดายุคเสร็จซ้ำ สูญหาย
มาตุราฐอันตราย อีกอ้าง
ในเมืองมิลินท์หาย ในที่ เกิดแฮ
ยุคละสองเพ็ชรร้าง ราฐแล้วเลยสูญ ๚
๏ ทวาบรยุคล้วน แลลับ
หายแห่งบันทรสรรพ เสร็จไซ้
สามลล่วงเลยกัลป เกือบเพ็ช ราพ่อ
ถึงกลียุคได้ บ่อเบื้องยังสอง ๚
๏ กลียุคยังเพ็ชรเบื้อง บอกแสดง
หนึ่งบุษบากรแจง ชื่อชี้
ไพรากรราฐแถลง เปนที่ สองแฮ
คือเรียกอริยกภูมิ์นี้ แน่แท้ควรฟัง ๚
ยังมีเพ็ชรเพิ่มเพื้อ คืออริยกภูมิ์เกื้อ
เกิดไว้ฤๅวาย เลยนา ๚
๏ บหายเลยบ่อแก้ว ขุดร่อนเท่าไรแล้ว
พร่องให้ฤๅมี ๚  
๏ รัตนศรีใสส่องแท้ ฝูงพ่อพานิชแล้
ล่วงได้มาขาย ๚  
๏ เปนสายสมที่อ้าง สองเกิดสองมาค้าง
อยู่ค้างเมืองเรา พ่อเอย ๚
๏ เกลากล่าวเพ็ชรเกิดเกื้อ สูญยุคสูญเพ็ชรเมื้อ
หมดสิ้นฤๅคง เลยนา ๚

ร่าย เมื่อนั้นอังคตมุนี ฤๅษีสิทธิ์ฤทธิวรา ไททรงปรารภราช ในรัตนชาติวิเชียร เธอเสถียรสถิตย์แถลง ปฐมแสดงคุณสี่ ในที่ทุติยคุณห้า ตติยกล้าโทษนัก เห็นปรตยักษ์นับได้ สิบสองไซ้กำหนด ปรากฎในตัวมี เสร็จกล่าวศรีปฐมชาติ อันโอภาษห้าสถาน แต่ในกาลก่อกัลป เปนลำดับบมิหลอ จวบจบพอพิศดาร ไว้หวังทานทั่วโลกย์ ภูลผลโภคสวัสดี เพิ่มศรีศุขสมบัติ กำจัดอุปัทวโทษ เพื่อประโยชน์ควรรู้ ถ้วนทุกผู้อย่าเบา ตามลำเนานี้แท้ อังคตมุนินทร์แก้ กล่าวไว้เสร็จสาร สิ้นนา ๚

เพ็ชรคุณ

ในกาลรัตนาดเนื้อ นำปฐม
โดยกล่าวในลักษณนิยม อย่างอ้าง
ส่งศรีวิสุทธิสม ใสส่อ
ตามตระกูลเกิดสร้าง แห่งห้าเจริญคุณ ๚
๏ เพ็ชรใดดูร่วงรุ้ง เรืองแสง
ดุจลูกตำลึงแดง หยาดย้อย
นามกษัตริย์ชาติแถลง ในชื่อ ชี้แฮ
เฉลิมแผ่นไพบูลย์ร้อย ราชเรื้องสมบุญ ๚
๏ เพ็ชรใดเหลืองแจ่มจ้า จรัสศรี
สมณชาตินามมิ ล่อไว้
แม้ถือศุขสวัสดิบรี ดายิ่ง อยู่แฮ
ควรคู่บรมบาทไท้ ธเรศท้าวทรงสงวน ๚
๏ เพ็ชรใดผิวผ่องแผ้ว ปัทไหม
พราหมณชาติขาวใส ล่อแจ้ง
เปนศรีสวัสดิไตร ตราโลกย์
นักสิทธิอังคตแกล้ง กล่าวไว้หวังเฉลิม ๚
๏ จักแถลงแห่งเพ็ชรน้ำ เขียวจัด
นามแพสย์พงษ์ชาติชัด เช่นชี้
ใครถือโทษบำบัด เบาทุกข์ ตนนา
ได้ดั่งกล่าวกลนี้ หนึ่งให้เจริญผล ๚
๏ แสดงโดยสูทรชาติเชื้อ เพ็ชรดำ
น้ำหนึ่งนิลขาบขำ คู่ได้
อาจนฤไภยนำ ศุขยิ่ง มานา
จักเพิ่มภูลทรัพย์ให้ แห่งผู้ถือถนอม ๚
๏ เสร็จปฐมวิเชียรชาติเชื้อ เบาราณ
จักกล่าวทุติยสัณฐาน ที่แท้
มีนามเพ็ชรแผ่นขะดาน แปดแห่ง
ลางเหล่าภูหกแล้ เลิศนี้ควรสงวน ๚
๏ รัตนารัตนาดเนื้อ โสภณ เพศแฮ
นามหนึ่งเพ็ชรยอดยล อย่างไว้
ยอดเพ็ชรดุจดั่งกล เข็มเปรียบ ปลายนา
เปนมิ่งมงคลให้ แห่งผู้ครองเขษม ๚
๏ หนึ่งเหลืองหลากเล่ห์เพี้ยง อินท์ธนู ฟ้าแฮ
เบากว่าผลกะหรัดตรู เตรียบไว้
อาจนำสวัสดิไชยชู ชาญเกียรติ
คุณดั่งกล่าวนี้ให้ แห่งผู้เจริญศรี ๚

เพ็ชรโทษ

๏ ทุติยชาติบอกสิ่งสิ้น สัณฐาน
ตติยจักนำการ กล่าวแก้
พรรณพวกสิบสองพาล พาโทษ
ถือจักพิบัติพ่ายแพ้ เผ่านี้อันตราย ๚
๏ เพ็ชรหนึ่งบางบิ่นเบื้อง ฤๅหนา
สายขีดขนวิฬาร์ จักแจ้ง
ภูเหลี่ยมบมีปรา กฎชั่ว ชี้แฮ
เบี้ยวบิดพิกลแสร้ง ส่อให้คนเห็น ๚
๏ เพ็ชรใดเห็นแห่งร้าย รูราย
ไฝฝากดำแดงสลาย โทษแท้
ตีนกาและขนทราย แดงดั่ง นี้นา
คุณไป่มีเลยแล้ เล่ห์นี้เสียไกล ๚
๏ หนึ่งดำดูประพร้อย โปรยพราย
รอยเจาะเจือศรีสลาย อีกเกลี้ยง
ดำแดงขีดรอยสาย ยาวส่อ ไว้นา
คืออุบัติพ่ายเพี้ยง นาศแพ้คนถือ ๚
๏ โดยกล่าววิปลาศล้วน ทรพล
แตกผ่าบุบสลายกล กาบช้ำ
ใครถือทุกขผจญ จวบชีพ
ควรแต่โขลกตำห้ำ แทรกเนื้อเจียรใน ๚
๏ กล่าวโทษทรลักษณ์แล้ว สิบสอง ถ้วนแฮ
ยังนครทั้งผอง เพิ่มสร้าง
เกิดเกื้อรัตนครอง บุเรศ
เปนปฐมอันอ้าง อีกแก้วไกรแสง ๚
๏ มิลินทราฐรัตนเรือง นครา
มีคชเพ็ชรงามปรา กฎแท้
ทรงมหิทธิศักดา ดาลเดช
แสงเพยียพลุกคชแล้ เลิศนี้สารสยอง ๚
๏ อิกบันทรราฐเจ้า ชมพู ทวีปแฮ
เพ็ชรหนึ่งแสงหิงคลู ชาดก้อน
ศรีหงษ์วรงามตรู ตราโลกย์
บันทรเพ็ชรนี้ย้อน ชื่อชี้นามเมือง ๚
๏ แสงหงษ์แสงชาดก้อน ไกรศักดิ์
สองยิ่งเสน่ห์รัก ร่วมผู้
ใครถือเลิศแลลักษณ์ เจริญเกียรติ
กลกล่าวชอบเชิญรู้ เร่งให้แสวงหา ๚
๏ ในสามลราฐเรื้อง ชัชวาลย์
เพ็ชรชื่อวรสังหาร ใช่น้อย
ไกรศักดิ์รัตนเรืองชาญ ไชเยศ
แสงส่อแสงแมลงห้อย ยาบย้อยแววกลาง ๚
๏ แววเทาพรรณผักกาดแสร้ง ปันสาม ส่วนแฮ
เอาแต่ส่วนหนึ่งงาม คู่ได้
ใสแสงวิสุทธิวาม ไวว่อง
เพ็ชรดั่งกล่าวนี้ให้ ชื่อเชื้อสังหาร ๚
๏ หนึ่งกลางแววว่องพร้อย พรายพรรณ
แววเท่าเศียรแมลงวัน ว่าไว้
โสรมแสงรัศมีอัน เทียมหิ่ง ห้อยแฮ
นามเพ็ชรสังหารให้ สวัสดิ์เพี้ยงพระอินท์ ๚
มี๏ บุษบากรราฐเรื้อง เรืองเห็น อยู่นา
ชื่อเพ็ชรหิมพานต์เปน ที่อ้าง
ศรีเหลืองดุจดอกเบ็ญ มาศเลื่อม เหลืองแฮ
เปนมิ่งมงคลสร้าง ส่อไว้ยังมี ๚
มี๏ ไพรากรราฐเรื้อง ฦๅไกร อีกแฮ
เกิดวิเชียรแสงใส ส่อซ้ำ
น้ำหนึ่งดุจคังไคย คลาคล่อง
เลื่อนอยู่ใบบัวก้ำ กึ่งน้ำแสงเสมอ ๚
๏ อวยนามตามชาติเชื้อ นคร
เพ็ชรชื่อไพรากร เพ็ชรแกล้ว
ทรงศรีสวัสดิถาพร ไพจิตร
ร้อยเจ็ดคุณเลิศแล้ว เล่ห์นี้ควรแสวง ๚
๏ เพ็ชรหกจำพวกไซ้ สารแถลง
ทวยเทพนิกรแจง จัดไว้
ในสถานที่ดั่งแสดง ดำรัส นี้นา
จึ่งเกิดตระกูลให้ รัตน์เรื้องไพบูลย์ ๚
๏ สีหนึ่งเทียมเทียบแท้ ทองแดง
สีหนึ่งจันทรแสง ส่องหล้า
ชื่อเพ็ชรติลาแถลง นามชาติ
เกิดกับศิลากล้า กลั่นแกล้วกลางสมร ๚
๏ หนึ่งเกิดในปุ่มเปือก ชายสมุทร์
นามกุสุมาลีสุทธิ์ โสดแท้
แสงขาววรอันอุด ดมเลิศ ยิ่งนา
เปนแต่น้ำดำแล้ คล่องเคล้าคลอแสง ๚
๏ นามอินทรเพ็ชรนี้ โดยแสดง
มีหมอกขาวเขียวแสง สู่น้ำ
กำเนิดนิตย์ในแปลง เปือกสมุทร์
เรืองรุ่งไพบูลย์ล้ำ เลิศด้วยแสงโสม ๚
๏ เพ็ชรหนึ่งผิวผ่องเพี้ยง สุริย์ฉาย
เกิดกับบุษป์บัวพราย พร่างพร้อม
ชื่อบาระเพ็ชรหมาย มอบชื่อ ชี้นา
แสดงดุจสุริยหยาดย้อม ยั่วแย้มยวนแสง ๚
๏ สัตอุไทยบัวเกิดแก้ว รัตนา
ชื่อนาคราชเพ็ชรปรา กฎแท้
แดงดั่งวรประภา นาคราช
ขาวแข่งเขียวเหลืองแล้ สลับล้วนหลายแสง ๚
๏ รัตนารัตนาดเนื้อ ใสสุทธิ์
นามชื่อเพ็ชราวุธ กลั่นแกล้ง
ขาวดั่งละลอกสมุทร์ ลอยเลื่อน แสงนา
เกิดแต่หัวกเรียนแร้ง เหยี่ยวนั้นในสมอง ๚
๏ นามสังขนิลเพ็ชรเพี้ยง นิลเพ็ชร
เกิดแห่งอินทรเสร็จ สู่หล้า
แสงดั่งสุริยเสด็จ โดยคาธ สูรย์แฮ
ดาลฤทธิ์วรเรืองกล้า ยิ่งล้ำหณุมาน ๚
๏ ดำหรับเรืองราทนรื้อ พรรณา แลนา
สูญยุคแล้วยังปรา กฎอ้าง
โอ้เห็นแต่ไพรา กรราฐ
กับบุษบากรสร้าง ส่อไว้เปนพยาน ๚

ร่าย ขณะกาลพระดาบศ ไทอังคตมุนี บรรพชาชีชาญเฉลียว สันโดฐเดียวแสดงอรรถ ในนพรัตน์วิถาร เบิกบรรหารปฐมเสร็จ เพื่อว่าเพ็ชรคุณโทษ ปองประโยชน์เยียวนี้ แนะนำชี้เชื้อชาติ ปัทมราชสืบสร้าง อันเอกอ้างลออแสง ผลใดแดงงามเทียบ ควรคู่เปรียบเปรียบควร ชักตาชวนเชิญเห็น ไว้ว่าเปนฉบับบท บอกกำหนดแนะไว้ กับที่เกิดนั้นให้ แห่งรู้ในนาม นี้นา ๚

กำเนิดทับทิม

กล่าวภูมิประเทศเบื้อง บังเกิด
ธำมราชกำเนิด นับไว้
ไตวะเบศสถานเลิศ ในที่ หนึ่งแฮ
อีกสุคนธภูมิ์ให้ แห่งรู้ โดยนาม ๚
๏ เบาลาระหัทพื้น ภูวมณ ฑลเอย
สาระภูมิ์ดั่งกล กล่าวแก้
หนึ่งคันทิธารผล ภูมิภาคย์ อีกนา
ในกรูปฐมราฐแล้ เล่ห์นี้นำสถาน ๚
๏ มัตตาหาระแห่งให้ เกิดธำ มราชแฮ
อีกปะการภูมิกำ เนิดแก้ว
ได้แต่แปดคงกำ หนดนับ
หายสี่เสาะหาแล้ว ท่านได้เชิญเติม ๚
๏ พรรณาธำมราชนี้ เสนอนาม
เปนปฐมในความ ว่าไว้
โดยนิตยบุราตาม ดำหรับ ท่านนา
ชื่อชาติรังคให้ ส่อสิ้นโดยแสดง ๚

ทับทิมคุณ

๏ ธำมราชชาติกล่าวไว้ สัณฐาน
สีดุจบัวแดงบาน เบิกแย้ม
อีกสีวิสุทธิปาน แมลงเต่า ทองนา
ควรคู่คำเติมแต้ม แต่งตั้งเรือนสนอง ๚
๏ หนึ่งแสงอรุโณทย์เนื้อ รัตนมณี
บางเทียบทับทิมสี ดอกแท้
อิกแสงประทีปมี เปลวสลับ นั้นนา
สามสิ่งนี้เลิศแล้ คู่ไท้ครองทรง ๚
๏ หนึ่งแสงดุจหนึ่งเพี้ยง จงกล นีนา
หนึ่งเทียบทับทิมผล แก่ได้
ลางเล่ห์ถ่านไฟดล แดงกร่ำ สีแฮ
สามสิ่งนี้ถือให้ สวัสดิล้ำมงคล ๚
๏ ไกรแสงใสส่องแท้ สัณฐาน
ตานกจากพรากปาน เปรียบได้
แดงดูดุจบรรหาร หายาก
ควรคู่ทองทำให้ แปดน้ำเรือนรอง ๚
๏ ทับทิมปฐมชาติเชื้อ เสร็จแสดง
จักร่ำทุติยโดยแจง ชื่อชี้
นามอินทรแถลง ในลักษณ์ ไว้นา
เทียบสิ่งกลสีนี้ แนะไว้พึงเห็น ๚
๏ เรืองแสงธำมราชเรื้อง รังษี
สีดุจดั่งวัลลี โลดไล้
เสมอชาดหรคุณมี กำหนด ไว้นา
อิกดอกเซ่งลาใกล้ ร่วงคล้อยคลายโรย ๚
๏ มณีมณิศเนื้อ นวลแสง
แสงดั่งดอกไม้แดง ดุจแท้
งามโดยทัศนแถลง มะกล่ำ หนึ่งนา
อีกเลือดกระต่ายแล้ คู่คล้ายสีสม ๚
๏ โสรมแสงรัตนาดเนื้อ สัณฐาน
ดั่งดอกทองหลางบาน บอกไว้
อีกสีสัตโลดปาน ปูนส่อ สีแล
ครบทุติยชาติเชิญให้ เร่งรู้เรื่องสาร ๚
๏ เสาวคนธ์บอกชื่ออ้าง อุปมาณ
ถึงตติยบทบรรหาร แห่งหั้น
ทับทิมเทียบสัณฐาน เทียมกล่าว นี้นา
สีสบ้าสุกซั้น ส่อไว้โดยขบวน ๚
๏ ทรงสีดั่งดอกงิ้ว สดแสง
ลางเหล่าดอกรักแดง ส่อซ้ำ
บางสีกระเทียมแผลง เพราะกลีบ งอกนา
ดุเหว่าตาแดงคล้ำ คู่น้ำพลอยเสมอ ๚
๏ จตุตถชาติบอกชาติเชื้อ สมญา
เรียกกระวางคนามปรา กฎไว้
เปนพลอยพวกพลมา นับเนื่อง
แดงดั่งอิฐแดงได้ คู่น้ำดุจเดียว ๚
๏ บางสีเทียมเทียบด้วย กระดอม สุกแฮ
บางลูกทองกวาวงอม เงื่อนนั้น
บางน้ำดุจขมิ้นปลอม เหลืองเล่ห์ กันนา
น้ำผิดพิศเสร็จซั้น ส่อสิ้นสัณฐาน ๚
๏ เสร็จสีเทียมเทียบเบื้อง ปธำ มราชแฮ
ครบจตุตถชาติเชื้อนำ แนะไว้
ยังโทษสิบหกจำ พวกยิ่ง ร้ายพ่อ
จงประหยัดอย่าให้ อยู่เหย้าเรือนตน ๚

ทับทิมโทษ

๏ ทับทิมบอกโทษร้าย หลังหวำ
รอยบิ่นดินแดงดำ ติดเนื้อ
ใครถือทุกข์มานำ เนืองนิจ
เมียมิ่งแลตนเมื้อ มอดม้วยวายชนม์ ๚
๏ สีขาวติดอยู่เนื้อ ในตน
แดงครึ่งหนึ่งขาวระคน โทษแท้
น้ำขาวแล่นไหลปน ไปป่า
ถือโทษพยาธิแล้ ถ่อยสิ้นยศถา ๚
๏ ลางเหล่าลมหมกแม้น มีใน
ถือเร่งร้อนรนใจ ค่ำเช้า
คำเปลวหนึ่งควันไฟ ติดอยู่ ตัวนา
ไฟประหารเสียเหย้า หมดไหม้เรือนตน ๚
๏ กลหนึ่งบอกชั่วชี้ เห็นโชน
ซ้ำเพศผมพึงโกน เก่งร้าย
เบี้ยวบิดพิกลโอน เปนแอ่ง หลังนา
ถือจักเสียพงษ์ผ้าย อีกแพ้เมียตน ๚
๏ น้ำดำเจือจับแต้ม ตาเห็น
โทษถูกหอกปืนเปน ที่ล้าง
แตกสลายยิ่งแรงเข็ญ คือราช ไภยนา
ถือจักจากเรือนร้าง ริบรื้อเปนหลวง ๚
๏ เปนภูรูเจาะล้วน ทรพล
กำเนิดมีในตน ติดไว้
สิบหกนับถ่องกล ไภยโทษ
จงวินิจบัญญัติให้ แน่แล้วสละเสีย ๚
๏ ทับทิมโทษส่อสิ้น เสร็จแสดง
เจียรจัดประจงแจง จบถ้วน
ยังคุณคู่ควรแถลง เฉลิมกล่าว ไว้นา
สืบตระกูลเกิดล้วน เลิศนี้ใดเสมอ ๚

ทับทิมคุณ

๏ สรวมแสดงธำมราชเรื้อง รังษี
ในสิบจำพวกมี เดชล้ำ
คือคุณแห่งรัศมี นิลติด อยู่นา
ชอบแต่เผาไฟน้ำ ผ่องแล้วคุณหลาย ๚
๏ ใครถือรูปส่อไซ้ สัณฐาน
ไข่ผ่ามะนาวฝาน กึ่งขรึ้ง
แสงนิลผ่าพาดพาน เผาหมด ไปนา
สีดุจอรุณแรกผึ้ง เยี่ยมแย้มยอแสง ๚
๏ พ้นจากไภยโทษทั้ง สิบหก
จักเพิ่มทรัพย์ห่อนตก ต่ำร้าย
อายุจะยืนยก ตนยิ่ง ขึ้นนา
ฝูงอรินนฤผ้าย นาศแพ้ไภยันต์ ๚
๏ สิบน้ำธำมราชไซ้ สองสถาน
ไข่ผ่ามะนาวฝาน กึ่งได้
พ้นไภยโทษประหาร สิบหก พวกนา
ทรงสวัสดิถาพรให้ แห่งท้าวเจริญผล ๚
๏ ธำมราชเรืองราชนี้ เดชา ยิ่งแฮ
มีอยู่นครใดปรา กฎแท้
ฝนตกฤไปคลา กำหนด
เดือนละสามคาบแล้ โลกย์เลื้องฦๅเกษม ๚
๏ ธำมราชเนื้อสิบน้ำ กำหนด
หนักสิบสองกล่ำยศ ยิ่งแท้
ไขแสงสิทธิปรากฎ ดั่งกล่าว
ถึงสิบสองคุลีแล้ นับได้โดยแสดง ๚
๏ ธำมราชเก้าน้ำคู่ ขัติยทรง ยิ่งแฮ
หนักสิบสองกล่ำคง ว่าไว้
รัศมีกำหนดอง คุลิศ นับนา
ขึ้นสี่สิบแปดได้ แข่งค้าควรเมือง ๚
๏ สิบน้ำนับเนื่องเนื้อ นามสรรพ
เขียวคู่สีผลึกปรับ เปรียบอ้าง
สองน้ำดุจผลทับ ทิมดิบ เทียบนา
กลกล่าวสามน้ำสร้าง สุกแท้ทับทิม ๚
๏ สีน้ำเทียบกลีบเบื้อง อุบล ริมบาน
โดยกล่าวห้าน้ำกล หนึ่งฟ้า
เมื่อแสงสุริยคลาดล โดยเหลี่ยม คล้อยแฮ
แม้ว่าหกน้ำจ้า จัดเพี้ยงเพลิงแดง ๚
๏ หกน้ำกำหนดเนื้อ โดยมี
แดงดั่งถ่านเพลิงสี ส่อไซ้
แสงสูงสี่องคุลี ออกจาก ดวงนา
เนื้อหนักสามสลึงได้ ดุจถ้อยถึงแถลง ๚
๏ เจ็ดน้ำหนักชั่งได้ โดยตรา
กำหนดสี่สลึงปรา กฎแท้
สีดั่งถ่านเพลิงมา เปรียบคู่
สี่สิบองคุลีแล้ เลิศด้วยรัศมี ๚
๏ สิบน้ำเนื้อหนักห้า สลึงแถลง
เทียบถ่านเพลิงพรายแสง ส่องพร้อย
สี่สิบหกโดยแสดง องคุ ลีนา
เยียวหยั่งรัศมีย้อย พุ่งพ้นไกลดวง ๚
๏ โดยกล่าวพิกัดแก้ ราคา
ในสิบน้ำแถลงปรา กฎไว้
หนึ่งปฐมนับเนื่องมา ลำดับ
ถึงจตุตถชาติให้ แห่งรู้โดยหมาย ๚

พิกัดราคา

๏ ทองควรควรค่าเนื้อ รัตนา
น้ำหกเยียวสัญญา อย่างล้วน
คิดคำค่าราคา หกหนัก เงินแล
ตั้งพิกัดถึงถ้วน เที่ยงแท้เบาราณ ๚
๏ สิบน้ำเนื้อหนักถ้วน สิบสอง กล่ำพ่อ
ควรค่าเนื้อหกทอง เทียบไว้
สามร้อยหกสิบกอง โกฏิคู่ ควรแฮ
ตามกล่าวพิกัดให้ เรื่องรู้ราคา ๚
๏ กำหนดน้ำหนักเนื้อ ทุติยา ชาตินา
ร้อยยี่สิบกล่ำตรา ชั่งถ้วน
สามพันแปดร้อยรา คาโกฏิ ทองพ่อ
แม้อยู่นครใดล้วน ศุขล้ำเจริญผล ๚
๏ ตติยชาติเนื้อหนักห้า บาทหา ยากนา
กำหนดในราคา ค่าซื้อ
สองร้อยสี่สิบตรา โกฏิคู่ ทองแฮ
แม้อยู่นครใดอื้อ อาจอ้างอวยผล ๚
๏ จตุตถชาติน้ำสิบไซ้ เจริญศรี
หนักเจ็ดสลึงเฟื้องตี ค่าไว้
ร้อยแปดสิบโกฏิมี กำหนด ทองนา
ควรคู่อิศรไท้ ธเรศเจ้าจอมเมือง ๚

กำเนิดพลอย

ร่าย ปางนักสิทธิอังคต กล่าวกำหนดรัตนศรี อันมีห้าประการ เบิกบรรหารถี่แถลง รัตนแสงขาวเขียวเหลือง เจือน้ำเนืองแห่งห้า กลนี้อ้าออกความ เพ็ชรหนึ่งนามปัทมราช ไพฑูริย์ชาตมุกดา อีกคือกาละราชนิล ควรยลยินดุจเดียว กล่าวมาเยียวอย่างกี้ โดยกำหนดน้ำชี้ ชาติเชื้อสัณฐาน ไว้นา ๚

ลักษณพลอย

พรรณาธำมราชนี้ มัธยม
แดงเรื่อบริสุทธิสม โสดแท้
อีกหงษบาทชม แสงชื่น ตานา
แดงอ่อนอีกแดงแล้ ก่ำเกื้อรัศมี ๚
ปราศจากสีสี่ไซ้ ฤๅห่อนขาวดำให้
ติดเนื้อฤๅมี เลยนา ๚
๏ สีเขียวเหลืองไป่ต้อง ตามกล่าวกลนี้พร้อง
พร่ำให้เห็นพงษ์ เพศนา ๚
มีแต่สามสิ่งซั้น ขาวเขียว เหลืองแฮ
พาดผ่านแดงดุจเดียว ดั่งนี้
ลางสีละลอกเยียว ยลอย่าง กันนา
อีกแมลงวันชี้ เช่นไว้รวางดวง ๚
๏ หนึ่งมีระลอกแล้ แมลงเว็น
ถือจักถาพรเปน ที่อ้าง
ออกแดดบมิเห็น เงาแห่ง ตนนา
ทั้งสี่มัธยมสร้าง ส่อไว้ดุจเดียว ๚

พิกัดราคา

๏ มัธยมสมสิ่งอ้าง ราคา
ชั่งหนึ่งคำควรตรา เตรียบไว้
โดยดีหมื่นทองหา ยากที่ ซื้อแฮ
แม้ว่าเข็ญไร้ให้ ค่าร้อยทองควร ๚
๏ กลหนึ่งสี่สีไซ้ ใสแสง
เหลืองและเขียวขาวแดง แทรกเนื้อ
มีละสิ่งสอดแสลง ในสี่ สีนา
แม้ว่าต่ำศักดิ์เกื้อ ค่าไว้บาททอง ๚
๏ ลำดับสีสี่เบื้อง บอกรา คาพ่อ
งามคู่ควรคำหา แห่งซื้อ
แม้ดีดุจพรรณา ทองชั่ง หนึ่งแฮ
โดยอย่างมัธยมคื้อ ค่าร้อยทองควร ๚
๏ ธำมราชมีเพศพื้น พิศดาร
ทั้งสิบแปดสัณฐาน ถ่องถ้อย
โดยร้าวระแหงราน เรืองสวัสดิ ราพ่อ
ถือห่อนอันตรายน้อย หนึ่งนั้นฤๅมี ๚
๏ เสร็จแสดงธำมราชเรื้อง รังสฤษดิ์
งามเงื่อนเทพยปลงปลิด เปล่งฟ้า
ไพฑูริย์ร่ำไพจิตร เจียรต่อ เติมแฮ
อังคตมุนีหน้า แนะถ้อยถึงแถลง ๚

กำเนิดไพฑูริย์

ร่าย แสดงเดชวรนักสิทธิ์ อันมหิทธิวราทรง นามเอกองคตนี้ ปรีชาชี้เนาวรัตน์ เปนมหัศบรรยาย หลายเล่ห์ลักษณอันมี ไพฑูริย์ศรีสิทธิเลิศ ก่อเกื้อเกิดเพื่อเทพย์ นักสิทธิเสพย์ประชุมชวน มามั่วมวญมองมูล หวังนุกูลนรนรา ดาลศักดาเหิรระเห็จ บัดเดียวเด็จลุดล ถึงมหาพลสุรินทร์ ได้ดั่งจินตนาพร้อม เทพน้อมกรประนม เชิญเศียรสยมเสด็จมา ยังมหาบูรบรรพต ฝั่งกำหนดเชิงคีรี แล้วจรลีสู่สถาน บัดไป่นานเกิดไพฑูริย์ รัศมีภูลเพริศพรรณ งามเฉิดฉันชื่นช้อย พิศพร่างพร้อยพรายแสง แม้นแมลงค่อมทอง ทั่วทั้งผองพอตา เพียงผกาสลับลาย เขียวขาวขจายดำแดง สิริแสงห้าสิบหก กลดั่งตกแต่งไว้ มีพรรณพิไลยลักษณเลิศ สังวาลเพริศไพบูลย์ เรืองจรูญจรัสสี ใดเสมอมีเอกอ้าง ไพฑุริยจินดาสร้าง เศกไว้เห็นหา ยากแล ๚

บริกาสุรราชเรื้อง มานมหิทธิศักดาเหลื้อง
เลิศเลื้องฦๅไกร ศักดิแล ๚
๏ เอาไพฑูริยราชนี้ ไปพนันขันสกาชี้
ท่านท้าวธนญไชย ท่านนา ๚
๏ กล่าวไพฑูริย์สี่ไซ้ คุณสิบโทษสิบให้
กึ่งก้ำดุจกัน ๚  

ร่าย เทวัญวรนักสิทธิ์ ไท้ทรงฤทธิเดชา เอาไนยนาอสุรศักดิ์ เบื้องปรตยักษ์หนสดำ เทพยนำประดิษฐาน โดยกิจการเจริญคุณ ในพิรุญนครา ไพฑูริย์ปรากฎชาติ หนึ่งโอภาษอินท์ธนู หนึ่งดูดุจเปลวไฟ หนึ่งใสส่อตาแมว พิศวาบแววไหวแสง บรรจงแจงจบล้วน จึ่งเกิดไพฑูริย์ถ้วน เทพท้าวเจริญผล เพศนา ๚

ทุติยชาติ์สีส่อซ้ำ สามปรา กฎแฮ
ดูดั่งแววมยุรา เลื่อมไล้
ลางแสงมแลงคา เรืองเรื่อ
อีกดอกปริกเปรียบไว้ ว่าแท้เทียมเสมอ ๚
๏ บางใบทองอ่อนอ้าง เขียวแสง หนึ่งแฮ
ในตติยนำแถลง เล่ห์นี้
เขียวเหลืองหลากหลายแสดง ดั่งกล่าว
ใบไผ่อันอ่อนชี้ เช่นเชื้อไพฑูริย์ ๚
๏ บางสีสีดอกกล้วย พึงบาน
กาบไผ่เดือนหนึ่งปาน อีกอ้าง
ตติยชาติสัณฐาน เทียมเทียบ แล้วพ่อ
ดังจตุตถชาติเชื้อสร้าง ส่อไว้พึงฟัง ๚
๏ หนึ่งแสงเสมอแม้นแม่น แมลงทับ
เหลือบเลื่อมกลสีปรับ เปรียบได้
บางสีสลาบนับ นามหนึ่ง นี้นา
ครบจตุตถชาติเชิญให้ รอบรู้โดยควร ๚

ไพฑูริย์คุณ

๏ ไพฑูริย์คุณสิบไซ้ พิศพาง
กลมดั่งกล่ำผ่ากลาง กล่อมเกลี้ยง
ทรงแสงพาดรวาง หลังเลื่อน ช้านา
ถือจักนำศุขเพี้ยง เทพให้พรผล ๚
๏ หนึ่งกลมกลมไป่แท้ สัณฐาน
แสงพาดไปมาพาน คล่องแคล้ว
มีสายสิทธิสังวาล เดินแห่ง รีนา
แดงอยู่ริมพรายแพร้ว เพริศพร้อมไพบูลย์ ๚
๏ ไพฑูริย์เทียรนี้หนึ่ง ควรแสวง
โดยร่ำริมรอบแดง ดั่งนี้
สังวาลว่องไวแสง รีผ่าน ตัวนา
เปนมิ่งมงคลชี้ ชาติเชื้อชาญสมร ๚
ไพฑูริย์เทียรรูปนั้น สัณฐาน
รีดั่งเข้าเปลือกปาน เปรียบแม้น
แสงเขียวและเหลืองพาน พาดผ่าน ขึ้นนา
เจือสลับแกมแค้น หนึ่งนี้เจริญผล ๚
๏ ลางแสงแสงคู่เคลี้ย เขียวเหลือง
เจริญศักดิ์สมบูรณ์เรือง รัตน์ล้ำ
พ้นไภยพิศม์ปละเปลือง งูขบ ตอดเอย
โดยกล่าวไพฑูริย์ก้ำ กึ่งด้วยแพทยา ๚
๏ หนึ่งแสงขาวหม่นแม้ ควรถือ
ชอบแต่พานิชคือ พ่อค้า
สิ่งสินทรัพย์ระบือ มามาก
ผลเพื่อไพฑูริย์อ้า แห่งรู้ควรแสวง ๚
๏ หนึ่งแสงเสม็ดอ่อนอ้าง อันกระ ทำแฮ
ผีภูตชมบจะกละ ห่อนใกล้
คุณคนปิศาจสละ ไกลจาก เจียรนา
หมายหมู่ไพฑูริย์ไซ้ สิบแท้สัณฐาน ๚

ไพฑูริย์โทษ

๏ จักแถลงแห่งโทษแท้ ทรพล
อันอุปัทวแปมปน หนึ่งนี้
แสงตายกึ่งกลางตน ตามกล่าว ไว้นา
ถือจักพินาศชี้ ชาติให้เห็นพงษ์ ๚
๏ บางรูรอยติดเนื้อ นำแสดง
น้ำขุ่นเคืองเข็ญแหนง พี่น้อง
ใครถือโทษร้ายแรง ฤๅห่อน ศุขนา
สองประการนี้ต้อง ติไว้โดยหวัง ๚
๏ ปานหนึ่งเปนรุ้งร่วง ใครถือ
ดาลเดือดร้อนใจฤๅ ห่อนเว้น
อีกแสงปีกกาคือ โทษชั่ว ชี้แฮ
มักลักของท่านเร้น ซ่อนไว้เปนโจร ๚
๏ เสร็จโทษประทุษฐแท้ ทรพล
อันอุปัทววิจล จบแจ้ง
ยังคุณลักษณหลายกล ดั่งกล่าว
คุณยิ่งคุณเหลือแสร้ง ส่อไว้หวังเฉลิม ๚
๏ ไพฑูริย์ชาติสี่ไซ้ อุปมาณ
ไข่ผ่ามะนาวฝาน เช่นเชื้อ
สามสิบละหุ่งปาน ผลเปรียบ ไว้นา
สี่ตระกูลนี้เกื้อ ก่อให้เจริญผล ๚
๏ พ้นไภยเทียรโทษทั้ง สิบจำ พวกแฮ
บริสุทธิโดยกำ หนดไว้
แม้นอยู่นครใดรำ พรรณเลิศ คุณนา
ฝนตกสามหนให้ ห่อนเว้นมาสา ๚
๏ ไพฑูริย์เนื้อสิบน้ำ หนักตรง เตรียบแฮ
ร้อยยี่สิบกล่ำคง ชั่งได้
รัศมีหกสิบอง คุลิศ นับนา
ควรคู่คำค่าไว้ หนึ่งนี้พึงฟัง ๚

พิกัดราคา

๏ ราคาควรรัตนเรื้อง ไพโรจ
ชอบค่างามสรมโสรด เสร็จแจ้ง
สามร้อยสิบสามโกฏิ ทองคู่ ควรพ่อ
ปานปัทมราชแสร้ง ส่อไว้ดุจกัน ๚

ร่าย กล่าวพรรณไพฑูริย์ชาติ แสงโอภาษรังษี ทรงรัศมีหลากหลาย เลิศแลลายเล่ห์จักร พิศตระศักสามแถว สังวาลแวววาบแสง ขาวเขียวแดงดำเหลือง สมบูรณ์เรืองรัตนราช หงษบาทเบิกสลับ เหลืองเลื่อมจับกลางดุม ประชุมเกลียวกล่อมกลม อุดมเดียรทั้งผอง สามสิบสองสายเทียว รายรอบเกลียวเวียนวง อินท์ธนูกงผ่านดำ ผิวผ่องชำชื่นช้อย กลหิ่งห้อยยยับแย้ม ติดแต้มเติมเจริญตา เหลือบเลื่อมปรากฎขึ้น พื้นส่องแดดดูพราย สายดวงแล่นพรายพริบ ได้สามสิบสองคง ดุจเบญจรงค์เรืองรุ่ง พ่างรพีพุ่งอัมพรา เลื่อนรถาถึงเที่ยง ยังไป่เบี่ยงบ่ายทราม งามคู่เคี้ยดุจเดียว ได้มาเยียวเทียบค่า ร้อยพันว่าโกฏิทอง เลยอย่าปองเปรียบอ้าง คุณชั่งช้างเผือกเบา รัตน์นี้เนาสถานใคร สมบัติไกลเกิดเกื้อ ผลเพิ่มเพื้อเดชา อันสถาพรพ้น พ่างวัชรินทรล้น เลิศด้วยไพฑูริย์ ยิ่งแล ๚

๏ ยังตระกูลรัตนชาติ ไพฑูริย์ราชเรืองฉาย มีพรรลายเล่ห์ตา สกุณาแขกเต้า น้ำคล่องเคล้าคลอแสง บางดวงแดงดุจเทียบ ควรคู่เปรียบเนตรนก พิราบยกเทียรแทน บางตั๊กแตนตาใส ผ่องเพียงไพฑูริย์สม สามนิยมเยียวท่าน อินท์ธนูผ่านกลางเศียร สังวาลเวียนเวียดเต้า ถ้วนสิบเก้าสายแถว หว่างไหวแววหิ่งห้อย น้ำหยาดย้อยเลือนขึ้น ส่องแดดพื้นเพิ่มกล้า ดังสุริยจ้าจรัสแสง อังคตแถลงพิกัดไว้ ตามแต่เนื้อหนักให้ ค่าขึ้นโดยควร นั้นนา ๚

ประมวลเนื้อหนักแท้ ไพหนึ่งช่างทองแล้
เล่ห์นี้ราคา ๚  
๏ สัญญาเยียวหนึ่งนี้ ชั่งถ้วนสองไพชี้
ค่าไว้ทองถึง หมื่นนา๚  
๏ พึงฟังควรค่าได้ เนื้อหนักสามไพไซ้
ชอบแท้ทองแสน ๚  
๏ อย่าแคลนเลยว่าไคล้ หนักยิ่งหนักค่าให้
รีบขึ้นควรสม ซื้อนา ๚  
เนื้อหนักควรค่าได้ โดยแสดง
ตั้งแต่สี่ไพแจง จัดขึ้น
ถึงถ้วนสิบไพแถลง ทองชอบ โกฏินา
นับหนักนับชาติพื้น พวกเพื้อเดียวกัน ๚
๏ ลางบางลายเล่ห์เบื้อง เบญจรงค์
เปนระลอกน้ำคง คู่น้ำ
จากอินท์ธนูทรง หาห่อน เลยนา
มีแต่เมาฬีก้ำ กึ่งไว้สถานกลาง ๚
ในระหว่างไพหนึ่งน้อย ควรค่าคำหนักร้อย
เร่งให้ราคา ๚  
๏ สัญญาเยียวหนักนี้ ถึงถ้วนสองไพชี้
ว่าร้อยทองสอง หนักแล ๚  
เนื้อหนักกำหนดแท้ ถึงสาม ไพนา
นับเนื่องลำดับตาม ค่าขึ้น
จวบจบสิบไพงาม ทองชั่ง หนึ่งนา
ดั่งกล่าวพิกัดพื้น เพศนี้เดียวแสดง ๚
๏ บางขาวขาวเปล่าเปลื้อง ราคี
อินท์ธนูหนึ่งสี ขาดแท้
ในดวงละลอกมี ดูดุจ น้ำนา
หายแห่งเมาฬีแล้ เสร็จซ้ำสองสูญ ๚
๏ มีแต่ละลอกน้ำ ในสี
ดำและเหลืองแดงมี เลื่อมไล้
อิกเขียวดีขจี เจือจับ ดวงนา
มีละสิ่งสอดไว้ วาบวุ้งไหวแสง ๚
๏ ราคาคู่ค่าเนื้อ ไพฑูริย์ แลฤๅ
ไพหนึ่งบาททองภูล เพิ่มขึ้น
ยิ่งหนักยิ่งประมูล ไพบาท ทองนา
โดยกล่าวพิกัดพื้น พืชนี้เสร็จสาร ๚
๏ หนึ่งเกิดละลอกน้ำ ในแสง
มีแต่เมาฬีแผลง เพศไว้
หาอินท์ธนูแสดง ตายเปล่า
ไพละตำลึงให้ ค่าแท้ทองถึง ๚
๏ กล่าวเพศภาคยพื้น ไพฑูริย์
เหลืองและเขียวขาวภูล เพิ่มเพื้อ
มีละสิ่งสีหนูน แดงครบ สี่นา
ละลอกเมาฬีเคื้อ ขาดสิ้นอินท์ธนู ๚
๏ ราคานี้ไป่แจ้ง บรรยาย
ตามแต่ต่อซื้อขาย พ่อค้า
กำหนดบมีหมาย เลยแห่ง ค่านา
เหตุตระกูลชาติช้า เปล่าเปลื้องดีสูญ ๚
๏ ไพฑูริย์เทียรเสร็จสิ้น เอาวสาน
คุณโทษเห็นพิศดาร ดั่งนี้
ราคาพิกัดการ กำหนด ถ้วนนา
จักร่ำมุกดาชี้ ลักษณไว้โดยหวัง ๚

ร่าย เชิญฟังนักสิทธิทรง ศีลวรงค์ฤทธิเพ็ญฌาน มีพจนสารสุนทรา ในมุกดาเดียรไพจิตร แต่ในกฤษดิยุคมี ทันตศรีสุรสยม ตกรายรมฤๅน้อย จวบเจ็ดร้อยสิบสาม โปรยปรายตามปัถพิน พิศเฉกฉินอาภา เปนมุกดาเดียรดาษ แต่สัตวชาติหลายหล่าง เยียวยิ่งอย่างตระกูล เกิดเพิ่มภูลผลอัน อยู่คุงวันไป่วาย มาสืบสายฤๅเศร้า ทั่วทุกด้าวแดนเสมอ อังคตเธอแถลงไว้ ดำแหน่งเกิดนั้นให้ แห่งรู้ทุกสถาน ที่แล ๚

กำเนิดมุกดา

กำเนิดเนียรนี้หนึ่ง มุกดา
หนแห่งเศียรมัศยา ชาติแท้
เท่ามะกล่ำขาวปรา กฎบอก ไว้พ่อ
บางดอกปาตะฬีแล้ สู่น้ำลอยตัว ๚
๏ กำเนิดไนยหนึ่งนี้ มีพรรณ ขาวนา
หอยชื่อสโคงอัน เศกสร้าง
ในหัวแห่งสมัน เปนที่ เกิดแฮ
แสงดุจสุริยอ้าง นกเค้าตาเสมอ ๚
๏ หนึ่งเกิดในพลุกช้าง ชาติพรรณ แดงนา
หาห่อนรัศมีอัน ไป่ได้
เท่าไข่กุกกุฏฉัน เฉกคู่ งามนา
ถือล่วงอรินให้ นาศแพ้สารสยอง ๚
๏ บางเกิดฅอแห่งผู้ หญิงเห็น หลากนา
เกิดกับปากชายเปน อิกอ้าง
ฅอนกกะทุงเพ็ญ ภาคย์หนึ่ง เล่าแฮ
ในกลียุคร้าง ราศแล้วเลยหาย ๚
๏ ฝูงนี้เลิศเหล่าล้วน แลลับ
ทวยเทพยคนธรรพ หากได้
พ้นพวกมนุษย์นับ ในที่ ได้นา
ในกลียุคไซ้ เสื่อมสิ้นสูญหาย ๚
๏ คุณโทษจึ่งไป่แก้ เสร็จสูญ
บอกแต่ตามตระกูล เกิดไว้
เปนโภคเพิ่มผลภูล ในแผ่น เรารา
กลกล่าวตำหรับให้ แห่งรู้เรื่องสาร ๚
๏ กำเนิดในยุคนี้ นำแถลง
คือกลียุคแสดง อิกอ้าง
หนึ่งอ้อยหนึ่งเข้าแฝง ฝากเกิด สองนา
มุกด์เช่นชาตินี้สร้าง เสน่ห์ให้คนถือ ๚
๏ เศียรอุรคเกิดแก้ว มุกดา
ฤทธิยิ่งฤทธิใดมา เปรียบได้
ถือทรงศุขสถา พรเลิศ
เศิกสู่สู้นาศให้ ล่วงล้างเสียสูญ ๚
๏ หนึ่งเกิดขึ้นในเขี้ยว สุกรมี
เท่าเล็บเหยี่ยวลายสี ส่อน้อย
ใครถือศุขสวัสดี ดาลเดช
เปนมิ่งมงคลร้อย โทษร้างอันตราย ๚
๏ สิงหฬประเทศเบื้อง บอกแถลง
เกิดมุกดาโดยแสดง แห่งหั้น
ในหอยทเลแสง บริสุทธิ ขาวแฮ
บางเทียบศศิธรซั้น ส่อสิ้นเอาวสาน ๚
ลางขาวดั่งปัดเบื้อง รัศมี ลายนา
ดำเท่าพรรณผักกาดสี เสียดน้อย
ลางดวงดุจเทียมดี นกเปรียบ ไว้นา
ลางเหล่ากลมเกลี้ยงพร้อย เพริศพร้อมไพบูลย์ ๚
๏ บางถือเย็นแห่งผู้ มือทรง
บางก็เบามือจง บอกแจ้ง
บางเย็นแก่ตาคง คุณหก ถ้วนนา
ยังโทษสิบพวกแกล้ง กล่าวให้หวังเฉลิม ๚

มุกดาโทษ

๏ ใครถือโทษมุกด์ร้าย ทรพล
หนามเหน็บเม็ดทรายปน แปดไว้
มักไข้มักฝีตน เลยห่อน ศุขนา
แม้ว่าฤๅฟังให้ ชีพม้วยเมือมรณ์ ๚
๏ กลหนึ่งดินแซกเนื้อ ดำแดง
ถือจักอันตรายแรง เร่งร้าง
อุปติเล่ห์หลายแถลง ควรจาก เจียรนา
มุกดั่งกล่าวอีกอ้าง โทษให้ฉิบหาย ๚
๏ มุกด์ใดเห็นคร่ำไล้ ไหลไป มาฤๅ
ถือจักต้องปืนไฟ ฟาดม้วย
สาตราวุธเร็วไว อาจล่วง ล้างแฮ
ล้วนโทษรานรอนด้วย ชาติเชื้อทรพล ๚
๏ ลางเขียวฝาแฝดฟ้อง แฝงตัว อยู่นา
ถือจักเข็ญใจกลัว เถิดแท้
เปนลายกลีบในหัว เห็นห่อน ดีเลย
หูจักหนวกแน่แล้ แห่งผู้คนถือ ๚
๏ มุกด์ร้ายโทษสิบแท้ ทรพล
ได้แต่เจ็ดดั่งกล กล่าวนี้
ขาดสามนับเนื่องยล ดำหรับ ท่านนา
ใครพบใครพานชี้ ช่วยแต้มเติมกลอน ๚
๏ กำเนิดมุกด์นี้หนึ่ง นำลักษณ์ เลิศนา
แสรงคู่แสรงขาวปรัก เปรียบได้
ในหอยทเลจัก ชอบที่ เกิดนา
ประเทศมาไลยให้ แห่งรู้เรื่องสาร ๚
๏ มารฤๅษีเทศแก้ว เกิดงาม
อิกตรนาวศรีสาม สร่อแท้
ตรนาวตรหน่ำความ บอกบท ไว้พ่อ
ช้าใหญ่น้ำแดงแล้ มุกด์นั้นตรนาวศรี ๚
๏ บรรจงเจียรแจ้งมุก ดาหาร
คุณหกโทษสิบปาน ว่าไว้
เปนศรีศิริสาร สืบเรื่อง
นิลราชตระกูลให้ แห่งผู้เจริญผล ๚

ร่าย เบื้องยุบลอังคต ศีลทรงพรตพฤฒิสร้าง อาจล่วงล้างเกลศสละ เสียอาสวะบริเจียร เพิ่มผลเพียรผนวชใน พฤกษไพรโทนเทียว สันโดฐเดียวดายสอง ทรงคากรองรัดเกษ เอาเพศนุ่งหนังพยัคฆ์ เสาะแสวงภักษ์ผลผลา สู่ศิวาทุระคม ในอาศรมศิขรี จึ่งมีสุนทรแถลง ลักษณแสงนิลราช นำชาติเปนปฐม โดยนิยมเบาราณ์ เกิดเพื่อตาอสุรไกร เทพยนำไปประดิษฐ สถิตย์แห่งสิงหฬ อันพิมลนิลำ โดยยุติกำหนดนี้ คุณโทษทุกสถานชี้ ชอบแท้ฟังเทอญ ๚

ลักษณนิล

นิลนามกษัตรน้ำ ดูแดง
พราหมณชาติขาวแสง สร่อสร้าง
น้ำดำสูทชาติแถลง สามนับ ถ้วนนา
สิบเอ็ดคุณอิกอ้าง สืบเชื้อตระกูล ๚
๏ สิบเอ็ดออกอรรถพร้อง พรรณา
ชื่อบริวรปรา กฎนี้
ดูน้ำดุจครามมา เปรียบคู่
นับเนื่องลำดับชี้ ชาติให้เห็นพงษ์ ๚
๏ นิลหนึ่งเทียมเทียบแท้ อัญชัญ ดอกฤๅ
หนึ่งดั่งสายสร้อยอัน เช่นเชื้อ
สองศรีร่วมนามกัน บอกชื่อ ชี้แฮ
บอกว่าอินทนิลเนื้อ สนิทน้ำขาบเขียว ๚
๏ สลาบแมลงทับน้ำ นิลศรี
สรกาลังคะคันที ชื่อไว้
เทียรจักษุคาวี วรชาติ
ชื่อศุภราชนิลให้ แห่งรู้เรื่องสาร ๚
๏ บางดอกบุษปครั่งคล้าย จงกล นีนา
เฉกชื่อนิลอุบล บอกแจ้ง
เสมอแววมยุรยล เยียวอย่าง หนึ่งแฮ
นามมยุรนิลแกล้ง กล่าวไว้โดยหวัง ๚
๏ ลางเหล่าขาวน้อยหนึ่ง ในมี
เรียกชื่อนิลคันถี ที่แท้
สามหาวดอกดุจสี นิลส่อ กันนา
นามชาติคันถีแล้ เล่ห์นี้นำแสดง ๚
๏ ขนฅอดุเหว่าคล้าย คลอสี หนึ่งนา
นามชื่อพัทนิลมี แม่นแม้น
ปานหนึ่งปัดสำลี แสงส่อง จับนา
ครบท่วนกำหนดแคว้น ชาติเชื้อมงคล ๚
๏ เสร็จสารศิริราชน้ำ นิลนาม
ยอยศคุณควรความ ก่อนกี้
ยังโทษโทษหลายลาม สิบครบ ถ้วนนา
จงวินิจเนียรนี้ อย่าได้ดูเบา ๚

นิลโทษ

๏ หนึ่งนามนิลโรคร้าย แรงเหลือ
หนามเหน็บเมฆขาวเจือ ติดแต้ม
บางเปนกลีบแฝกเฝือ แตกผ่า ก็ดี
ลางก็ดำขาวแกล้ม กล่าวไว้ฉิบหาย ๚
๏ หลากเหลืองขะมิ่นน้ำ สดแสง
ลางคี่เหล็กน้ำแดง ก่ำเกื้อ
หนึ่งเบี้ยวหนึ่งดินแสลง สลับอยู่ ในนา
ถือจักเจ็บไข้เผื้อ พิศม์ร้ายรอนชนม์ ๚
๏ สิริคุณนิลสืบไซ้ เสร็จสาร
นิลโทษเทียรเทียมธาร ถ่องถ้อย
จวบจบบริหาร เห็นหลาก
ฤๅร่ำมรกฎน้อย หนึ่งนี้นำเสนอ ๚

ร่าย อังคตเธอเทียรแถลง บรรจงแจงเจียรจัด ดำหรับรัตนในเรื่อง แนะนำเนื่องเนาวรา แต่มหาปฐมกัลป สำหรับราชประยูร หวังนุกูลสัตวโลกย์ โดยยุติโยคเพ็ญญาณ มีอนุสารสุนทรสาสน์ ปางอิศรราชอสุรินทร์ ดับกสิณสิ้นชีพิตร มีมหิทธิอุรคภพ เข้าสู่ศพสูบเลือด ดื่มดูดเดือดแห้งหาย แล้วลาศผายเลื่อนเลื้อย เร็วเรื่อยเรื้อยโดยสดอก ไปสำรอกราบเรือง ประเทศเมืองตรุษดาษ เปนนากสวาดิทั้งผอง เคารพสองมรกฎ เขฬะหยดครุทธิการ ครบเอาวสานสิ้นสุด นาคม้วยมุดวายชนม์ ในสิงหฬประเทศ เพื่อผลเหตุโลหิต อสุรต้องติดพิศม์โสรมศรี เขียวขจีพรายเพริศ กำเนิดรัตนาสาม มีพรรณงามเงื่อนแต้ม ควรคู่ขวัญเนตรแย้ม อย่างไว้คุงวัน นี้นา ๚

ลักษณนาก

นากสวาดิชาติสี่ไซ้ สัณฐาน
สีดั่งงูเขียวปาน เปรียบแท้
ผิวไผ่ตับเต่าทาน เสมอเทียบ
บางก็เขียวดำแล้ สี่สิ้นโดยแสดง ๚
๏ ล้วนคุณคุณออกอ้าง อันมี
ปวดพิศม์งูขบฝี โรคร้าย
แช่น้ำลูบกินดี ดับโทษ
ถือสู่สู้ศึกผ้าย นาศแพ้มลายลาญ ๚
๏ ใครใคร่รู้ว่าแท้ โดยหวัง
นากสวาดิอันขลัง เช่นนี้
ถึงเดือนสี่คอยสัง เกตส่อ ขึ้นนา
รอยอุรคมีนี้ แน่แท้สามหน ๚
๏ ครุทธิการชาญเดชได้ โดยยิน มาฤๅ
เขียวดั่งทองตกดิน คลุกเคล้า
ผิวสำริดมลทิน ไฟลวก หนึ่งนา
บางสุพรรณเชาเศร้า ส่อซ้ำเปนสาม ๚
๏ ครุทธิการการหนึ่งนี้ ใครถือ
ผิวยิ่งเสน่ห์ฦๅ โลกย์เลื้อง
สิ่งสินทรัพย์ระบือ รบายบท มานา
อีกอาจณรงค์เรื้อง ราชไท้อวยนาม ๚

มรกฏ

๏ มรกฏยศยิ่งไท้ ธราทรง
นับเนื่องประยูรวงษ์ สืบสร้าง
ในจัตุรคุณคง สีสี่ ถ้วนแฮ
เฉลิมแผ่นไพบูลย์อ้าง ออกท้าวครองเขษม ๚
๏ หนึ่งเขียวเขียวคู่คล้าย ใบแค
ลางเล่ห์ขนฅอแน แขกเต้า
แมลงทับปีกปานแล สลาบเลื่อม
บางฬ่อสำลีเคล้า จับขึ้นแสงเขียว ๚
๏ กล่าวคุณจัตุรชาติเชื้อ มรกฏ
แถลงยุตติกำหนด แนะไว้
ยังโทษโทษพยศ เยียวยิ่ง ร้ายฤๅ
สี่พวกทรพลให้ โทษแท้โดยแสดง ๚

มรกฏโทษ

๏ มรกฏพยศร้าย อัปรลักษณ์
เข้าสุกขยำแกงผัก เปรียบได้
หลังหวำแทรกดินศักดิ อันต่ำ ช้านา
บางไป่เขียวงามไซ้ ส่อซ้ำเสร็จสาร ๚

มรกฏคุณ

๏ กล่าวโทษโทษสี่สิ้น สัณฐาน
คุณแปดเห็นพิศดาร ดั่งอ้าง
ขนดุเหว่าเขียวปาน สีส่อง หนึ่งนา
ตานกแขกเต้าพ้าง เพศพื้นหลากหลาย ๚
๏ ลางเหลืองใบจิกแท้ เทียมสอง
ลางแมลงค่อมทอง เทียบแท้
ใบเข้าดูงามปอง ใบโลด อิกนา
คามพมูลเสมอแล้ อีกอ้างงูเขียว ๚
๏ บางกลมกลมกล่อมเกลี้ยง มีพรรณ งามนา
เว้นจากโทษสี่อัน กล่าวอ้าง
ใครถือศุขมหันต์ คุณยิ่ง
งูขบตอดดับล้าง พิศม์ให้เสียสูญ ๚
๏ คุณโทษเทียรถ่องถ้อย ทุกสถาน
ฤๅไป่เสียเบาราณ หนึ่งน้อย
ใช่กล่าววุทธโวหาร เหเปล่า
ริเรื่องดำหรับร้อย เรียบรื้อเรียงเสนอ ๚
๏ มรกฏไกรเกียรดิล้ำ ลักษณหลาย
จวบจบเจียรบรรยาย หยั่งยั้ง
จักสืบเพศเพทาย เทียรชาติ
ตามตระกูลเกิดตั้ง แต่งไว้โดยมี ๚

กำเนิดเพทาย

ร่าย ขษณนั้นฤๅษีสิทธิ วรฤทธิวรา ทรงศรัทธาศีลพรต นามอังคตมุนีวร มีพจนุสรสุนทรเสพ กับฝูงเทพเหลือหลาย เพื่อเพทายกำเนิดชาติ คือตับราชมหาพล เทพนำดลเดียรประดิษฐ สถานทิศสิงขราฐ มีนามชาติสืบสอง ควรคู่ครองนับเหนื้อง เบื้องบัญญัติอย่างยล เปนมงคลควรไท้ เนียรแนะลำดับไว้ สืบสร้างเจริญผล ๚

เพทายคุณ

๏ กลนี้มีชาติเชื้อ หลากหลาย
เหลืองดุจขมิ้นสาย ส่อน้ำ
ชื่อตรีตุกเพทาย เทียรกล่าว นี้นา
เว้นโทษอันกลายกล้ำ ชอบแท้ควรถือ ๚
๏ น้ำขาวขาวเคล่าเคล้า คลอแสง
จุมกุฎีนามแถลง เล่ห์ไว้
บางดูดุจฝางแดง ใสส่อ น้ำนา
นามชื่อคังควาให้ แห่งหั้นพึงเห็น ๚
๏ ดั่งดอกผักตบเต้า ตามติด อยู่นา
สุรคนทีไพจิตร บอกแจ้ง
ลางลายสุทธิโสภิต ไมยชื่อ ชี้แฮ
นามระวางอิกแสร้ง ส่อน้ำตองบอน ๚
๏ กลหนึ่งกลมกล่อมแผ้ว ไพบูลย์
สีดั่งสีดอกคูน คู่แท้
ใครเสพย์เลศจรูญ เรืองชาติ
ในสิบสองเหล่าแล้ เลิศล้วนเพทาย ๚
ลางดูดุจน้ำเนื่อง ไหลหลาย
ชื่อทรัดวรรณเพทาย อีกอ้าง
สิบสองตระกูลหมาย เลยห่อน ถ้วนแฮ
ได้แต่แปดยังค้าง สี่เชื้อเชิญหา ๚
๏ หมายหมู่อีกสี่อ้าง ออกชาติ ต่างแฮ
นามคุวินทปลาด เลิศแล้ว
น้ำแดงดุจธำมราช เรืองรุ่ง
สีบริสุทธิโสรมแผ้ว ผ่องเพี้ยงพิศวง ๚

เพทายโทษ

๏ น้ำแดงขาวประเกื้อ กลกัน
กะฏะเพทายอัน ชื่อชี้
แดงเหลืองเล่ห์หลายฉัน ดั่งกล่าว
บางก็แดงดำนี้ สี่สิ้นสัณฐาน ๚
๏ สี่เชื้อชาตินี้แน่ เพทาย
จงประหยัดมั่นหมาย แม่นแท้
ดำหรับบอกบรรยาย หลากเล่ห์
แปลกกว่าธำมราชแล้ โทษนั้นจักมี ๚
๏ จักใคร่เห็นเหตุแท้ ธำมราช ราพ่อ
ฤๅว่าเพทายอาจ เคลือบไคล้
เอาสองประยูรชาติ ฝนขีด กันแฮ
ผิวเปนรอยไซ้ โทษนั้นเพทาย ๚
๏ สงไสยจะใคร่รู้ ในกล อิกนา
ให้ประจักษ์ตายล อย่างอ้าง
หินขีดทดลองฝน จงแน่
ปูนเปียกทาแรมค้าง เน่งไว้สามยาม ๚
๏ แล้วล้างชำระน้ำ นาฬี เกแฮ
จักประหลาดหลากสี ส่อไซ้
ธำมราชชาติอันดี หาห่อน รอยนา
แม้วเพทายให้ เหตุนั้นพึงเห็น ๚
๏ เพทายหลายเล่ห์ล้วน ลักขณา
คุณโทษเสร็จแสดงปรา กฎแล้ว
จักแถลงแห่งบุษรา คำเลิศ เล่าแฮ
กำหนดเนาวในแก้ว เกิดเกื้ออันมี ๚

กำเนิดบุษราคำ

๏ ปางฤๅษีสิทธิฤทธิไกร เสด็จเนาในหิมวันต์ จรจรัลนุประเทศ ทรงศีลเพศพรหมพงษ์ ยศยวดยงอภิญญา ในมหากฤษดิยุค เขษมศุขบราคิน ไทมุนินทรประสาทสาร เบิกบรรหารพจนาดถ์ ว่าเทวราชให้เกิด กำเนิดเพื่อมังษะ เดชตระบะอิศรพล เทพนำดลเดียรประดิษฐ สถานทิศที่ลังกา เปนบุษราคำมี บริสุทธิสีโสรมแสง อังคตแถลงเล่ห์ไว้ สืบประยูรอย่างให้ แห่งห้าเจริญคุณ ๚

บุษราคำคุณ

๏ กล่าวคุณคุณบอกเบื้อง บุษรา คำแฮ
บัดแบ่งบูรณบัณหา แห่งห้า
สีดุจทับทิมปรา กฎแก่ ผลพ่อ
บางดอกตระแบกหน้า เสน่ห์ไว้เรือนทอง ๚
๏ ลางน้ำดูดุจน้ำ ไหลไป มาแฮ
บางก็ถือเย็นใจ หนึ่งนี้
ลางขำคู่คังไคย คลาเคลื่อน
เหนือกลีบอุบลชี้ ชาติไว้พึงหวัง ๚
๏ บุษราคำสืบสร้าง เสร็จสาร
ห้าแห่งเห็นคุณปาน เปรียบอ้าง
ใครถือศุขสำราญ เรืองสวัสดิ์
ยังโทษทุรลักษณ์ล้าง เล่ห์นี้สละเสีย ๚

บุษราคำโทษ

๏ ทุรพลพิศรูปร้าย บอกบาง
บางก็คอดกิ่วกลาง กึ่งแกล้ง
หลังแหลมหนึ่งหวำวาง ดำหรับ ไว้นา
ลางก็เปนเอ็นแสร้ง ส่อให้คนเห็น ๚
๏ ใครถือโทษดั่งได้ พรรณา
จักอุปัทวบีธา ทุกเมื้อ
จรรไรอันแรงหา ศุขห่อน มีเลย
กลกล่าวประกอบเกื้อ โทษนี้นำสนอง ๚
๏ ดีร้ายดำหรับรู้ เรืองยล ท่านฤๅ
ในบุษราคำกล กล่าวแก้
ถึงถ้วนทศจวบจน สิบหมู่ หมายนา
เสร็จสืบโกเมนแท้ ชอบชี้ควรถือ ๚

กำเนิดโกเมน

ร่าย ปางพระฤๅษีสิทธิ์ วรฤทธิสมญา ออกนามปรากฎมี ชื่อโยคีอังคต เธอกำหนดเนาวรัตน์ บอกบัญญัติบมิคลาด ในนพชาติเสร็จสาร พึงพิศดารเดชา แต่มหาปฐมกัลป เปนลำดับเนื่องเนือง ไว้คู่เมืองมิ่งครอง ทั่วทั้งผองเพ็ญบูรณ์ ภูลพระยศเจ้าหล้า คุงหมดฟ้าม้วยดิน ไทมุนินทร์บัญชา เบื้องไนยนาฝ่ายซ้าย อสุรย้ายประดิษฐาน เทพบันดาลไปดล ในสิงหฬนุประเทศ จึ่งเกิดเพศโกเมน ดุจดั่งเกนบมิขาด กำเนิดชาติเชื้อเชย ไป่หายเลยคุงวัน เปนมหันตหลายหลาก มีศรีฝากแกมกล บางมัวมลมุลทิน บางราคินเปล่าเปลื้อง บอกบทดำหรับเรื้อง เรื่องไว้ในสาร สิ้นนา ๚

โกเมนคุณ

โกเมนมีชาติเชื้อ สัณฐาน
เหลืองอ่อนเหลืองแก่ปาน กล่าวไว้
กำหนดอรรถในการ ดำหรับ ท่านนา
บางก็แกมศรีไซ้ ส่อสิ้นเสร็จแสดง ๚
๏ พึงพิจารณ์ถ่องแท้ ในที
น้ำหนึ่งเหลืองเขียวศรี สอดเกื้อ
ลางเหลืองแทรกแดงมี แกมผกับ กันนา
ล้วนประยุรชาติเชื้อ เช่นชี้โกเมน ๚
๏ บางศรีงามเงื่อนแต้ม เติมตา
ดุจดอกกรรณิกา ก่ำก้าน
เหลืองแดงเค่าแกมปรา กฎอยู่
น้ำต่อน้ำต่อต้าน แต่งให้เจริญศรี ๚
๏ ลางเหลืองมีน้ำสลับ ขาวไสร แทรกนา
ครั้นพิศพิศอำไพ โรจเรื้อง
จวบจบจัตุรศรีใน คุณสี่ ถ้วนนา
ยังแต่อุปัทวเบื้อง สี่เชื้อชาญผลาญ ๚

โกเมนโทษ

๏ โกเมนมีโทษแท้ ทรพล
ลางเหล่าน้ำดำรคน อยู่ไซ้
บางเขียวพิศในกล แกมสลับ
บอกโทษทุรลักษณ์ให้ เหตุนั้นพึงเห็น ๚
๏ หนึ่งน้ำเหลืองหม่นแต้ม ในตัว
อีกหนึ่งน้ำเซาะหัว เหตุร้าย
โทษสี่ชอบเชิญกลัว ไกลจาก เจียรพ่อ
แม้ว่าถือนาศผ้าย เผ่าพ้องตัวตาย ๚
๏ จวบจบนพรัตน์เรื้อง เรืองลักษณ์
เปนศรีสุนทรศักดิ์ เทริดเกล้า
เฉลิมแผ่นภุดาจักร จอมโลกย์
คุงคู่นครศรีเจ้า แจ่มหล้าเสวยรมย์ ๚
๏ สมภารไพโรจเรื้อง เรืองรัตน์
มูลมั่งมณีอรรถ เอกล้วน
โสมแสงสุริยเทิดทัด ถึงเทพ เทียมฤๅ
สรรพสิ่งพรรณพร้อมถ้วน ห่อนถ้อยทันแถลง ๚
๏ ดำหรับเรื่องราชนี้ นำสนอง
บาทปิ่นอมรครอง ครอบเกล้า
พึ่งบุญพระมาจอง จอมทวีป
แม้แต่ข้อยฤๅเอ้า อาจถ้อยแถลงความ
๏ ในกาลอังคตไท้ มุนี
จักกล่าวสุริกาศรี สืบสร้าง
นอกนพรัตน์มี นามชาติ ชี้แฮ
เกิดเพื่อภายในอ้าง ออกท้าวมหาพล ๚

ร่าย กล่าวกลสุริกาศรี เรืองรูจีจรัสแสง โดยแสดงเดียรดูสม มีพรรณกลมกล่อมเกลี้ยง พิศผ่องเพี้ยงอุทกจร เหนือบัวบอนใบรบัด ใสส่องรัตน์น้ำขาว แสงวาบวาวไวว่อง สู่แดดคลองเคล่าศรี รอสำลีลุกไฟ แก้วดวงใดเสมอได้ เปรียบคู่สองสมไว้ หนึ่งนี้ฤๅทัน เทียบนา ๚

๏ อีกจันทการอัน มีสีพรรณขาวแผ้ว พิศพ่างแก้วผลึกเลิศ ส่องแดดเพริศพรายตา แสงเขียวปรากฎชอบ แล่นรายรอบริมดวง เปนช่อช่วงพรรณราย งามหลากหลายเล่ห์ล้ำ เกิดเพื่อน้ำเลี้ยงหทัย อยู่ภายในอสุรพล จึงวิมลใสสอาด มีนามชาติจันทการ ถึงเพ็ญวารอันดี เอาวารีลูบไล้ เช็ดแห้งให้หายหมอง เที่ยงคืนรองได้น้ำ ใสหลากล้ำพอเห็น กลนี้เปนดั่งอ้าง เกิดกับบุญเจ้าช้าง จึ่งได้มาเมือง ๚

รัตน์เรืองไพโรจเร้า อังคตมุนีเจ้า
จัดไว้เสร็จสาร สิ้นนา ๚
๏ เฉลิมการกำหนดแก้ว นามประพาฬพรายแพร้ว
เพริศพร้อมไพบูลย์ ๚  

กำเนิดประพาฬ

เกิดตระกูลรัตน์เกื้อ ธรณินทร์
ทวยเทพเทวินทร์ พรั่งหน้า
เชิดชิวหะอสุรินทร์ เรืองราช
ฝังฝากตำบลหล้า แหล่งนั้นภูลมี ๚
๏ ประพาฬศรีสฤษดิสร้าง ใสแดง
บางก็ลายกลางแถลง เล่ห์ไว้
มัธยมดุจดังแสง สัตบุษย์ เทียมนา
ขาวหม่นพ่างผลึกไซ้ ส่อสิ้นเสร็จสี ๚
๏ มุนีวรธิเบศร์ไท้ อังคต
เลยไป่กล่าวกำหนด ค่าซื้อ
ในแก้วประพาฬยศ เยียวยิ่ง
อีกสิ่งรัศมีรื้อ ห่อนแก้ไกลสูญ ๚
๏ เสร็จประยูรราชเรื้อง ประพาฬ
เกิดแต่ลิ้นสุรการ ก่อนโพ้น
สรวมแสดงนพรัตน์สาร สืบเรื่อง
ในพิกัดค่าโน้น หนึ่งนี้นำสนอง ๚

พิกัดราคา

๏ เพ็ชรอำมราชแก้ว ไพฑูริย์
ยกแต่สามประยูร ยิ่งแท้
ราคาค่าประมูล เสมอภาค กันนา
ตามหนักเบานั้นแล้ เร่งขึ้นโดยควร ๚
คำนวณเนื้อหนักไว้ กล่ำละบาททองให้
ชอบแท้ราคา ๚  
๏ สัญญาสองกล่ำถ้วน แปดสลึงทองล้วน
เล่ห์นี้ไป่แพง ๚  
๏ โดยแสดงสามกล่ำกล้า ทองตำลึงหนึ่งหน้า
เร่งซื้อควรสม ๚  
๏ นิยมสี่กล่ำแท้ สองตำลึงทองแล้
ชอบให้โดยควร ๚  
๏ ประมวญห้ากล้ำเผื้อ สามตำลึงทองเกื้อ
กับแก้วงามสี ๚  
โดยตีหกกล่ำเนื้อ ในหนัก
สี่ตำลึงทองรัก เร่งซื้อ
ครบเจ็ดกล่ำประจักษ์ ตาชั่ง
ห้าตำลึงทองคื้อ ค่าแท้งามสม ๚
๏ อย่าพึงแคลงว่าไคล้ ราคา
อังคตธแถลงปรา กฎไว้
กำหนดรัตน์สัญญา เยียวแน่
จวบจบพิกัดให้ แห่งรู้โดยหมาย ๚
๏ บรรยายยกยิ่งล้วน เลอลักษณ์
เพ็ชรธำมราชสูงศักดิ์ เศกสร้าง
ไพฑูริยศรีจัก จวบจบ แล้วแฮ
จักสืบมุกอันอ้าง อิกไว้โดยมี ๚
๏ อันดีฟองมุกไซ้ สัญญา
กล่ำละสลึงทองตรา เปรียบไว้
เร่งหนักเร่งราคา เติมตอบ
สองกล่ำสองสลึงให้ ค่าขึ้นตามควร ๚
๏ ประมวญกำหนดเนื้อ นิลสี
ชื่อว่าอินทรอันดี บอกแจ้ง
ราคาพิกัดมี หมายอย่าง มุกแฮ
สองกล่ำสองสลึงแกล้ง กล่าวไว้ดุจกัน ๚
๏ กล่าวอันมรกฎแก้ว ไกรแสง
ตั้งแต่กล่อมหนึ่งแสดง ค่าไว้
สลึงทองหนึ่งโดยแถลง พิกัด ท่านนา
สิบกล่ำสี่บาทให้ ชอบแท้ทองถึง ๚
๏ เพทายหมายเนื้อหนัก ฤๅมี
ห้าสลึงทองตี ขาดแท้
หนักเบาพระมุนี ไป่กล่าว
เปนแต่ลำดับแล้ ชาติเชื้อราคา ๚
๏ หนึ่งนามน้ำดอกไม้ เพทาย
นั้นค่าสลึงทองหมาย อิกอ้าง
ราคาพิกัดหลาย หลากชาติ นั้นแฮ
สองตระกูลสืบสร้าง ค่าน้อยไพทอง ๚
๏ หนึ่งนามบอกเบื้องบุษย์ การี
กลมดั่งผลพริกมี แม่นแท้
พึงพิศพิศจงดี ในค่า
ควรแต่ไพทองแล้ เล่ห์นี้ศักดิ์สม ๚
๏ อิกนามในชาติไซ้ สมญา
ชื่อริกเขเรียนรวา หนึ่งนี้
สามทรงส่อตัวปรา กฎอยู่
ทรงก็เกลี้ยงกลชี้ ชอบแท้ไพทอง ๚
๏ เพทายหมายชาติเชื้อ ราคา
จวบจบดุจพรรณา เสร็จสร้าง
จักแถลงแห่งบุษรา คำชอบ ฟังแฮ
เปนคู่โกเมนอ้าง ค่าไว้ดุจกัน ๚
๏ สองนามสองร่วมรู้ ราคา
สองพิกัดสัญญา อย่างไว้
โกเมนและบุษรา คำชาติ นี้แฮ
เนื้อหนักสามกล่ำให้ ชอบแท้สลึงทอง ๚
๏ แม้นหนักเสมอห้ากล่ำ กำหนด
ทองบาทหนึ่งคงยศ อย่างซื้อ
เก้ากล่ำชั่งปรากฎ กลชอบ
ทองค่าสิบสลึงรื้อ เร่งให้เห็นสม ๚

พิกัดราคา

๏ อังคตมุนิศแกล้ง เกลาอรรถ
ในลักษณพิกัด กล่าวอ้าง
โกเมนบุษรารัตน์ เรืองชาติ
เปนปัจฉิมเสร็จสร้าง สืบนั้นไป่มี ๚
๏ ข้าบาทบทหนุ่มถ้อย ถึงแถลง
ริเรื่องลำเนาแพลง พลาดพลั้ง
เชิญชาญกระวีแปลง ปลดเปลี่ยน
ใดขัดบคือกั้ง กีดรื้อรอนเสีย ๚
๏ บทใดไป่คล่องแคล้ว เขินหู
ดำหรับดำรงดู แต่ถ้วน
แอบบังขาดขายสู เชิญช่วย
เติมแต่งเอกโทล้วน เลิกป้องปากหัว ๚
๏ ดีบดีอาจอ้าง อรรถา ท่านฤๅ
ทำเนียบทำนุกหา เก่าแก้
เรียบราวเรื่องเบาราณ์ เรืองราษฐ์
เลยระคายคือแล้ เท่าเผ้าไปปูน ๚

ตำราเขี้ยวสุกร

๏ ขอภูลพิพิธเจ้า พรผล
ศุภลักษณ์สนองกล กล่าวอ้าง
ในเขี้ยวสุกรผจญ ณรงค์ราบ
ตามนักสิทธิสร้าง สฤษดิไว้โดยหวัง ๚

ร่าย ปางพระอังคตมุนี ทรงศรีสุนทรวรา บรรพชาชาญคล่อง ชรล่องล่วงอภิญญาณ เปนพฤฒาจารย์จอมเทพ หมู่อมรเสพย์ซ้องถาม ในความโลกยสาตรไสย อรรถอันไป่ข้องขัด โวหารมหัศจรรย์บท แน่กำหนดปกรณำ คัมภิรำพรหมเพศ พร้อมพระเวทอาคม อุดมดูมหิมา ธพรรณานามเขี้ยว สุกรเกี้ยวโกงค้อม มีศรีย้อมหลายหลาก งอกกาบฝากฝ้าแฝง เกิดเกื้อแสงเจริญศักดิ์ อันปรตยักษ์อย่างผล ล่วงผจญอรินราช เปนเขี้ยวชาติชาญแกล้ว งามเพริศแพร้วไพรศรี บางอันมีฤทธิวิเศษ บางมีเดชเพิ่มผล พิศหลายกลหลายเล่ห์ บางเสน่ห์แห่งผู้ อังคตมุนินท์รู้ กล่าวแก้เสร็จสาร สิ้นนา ๚

เขี้ยวคุณ

เขี้ยวใดดูดุจได้ ดั่งแถลง
เสมอหนึ่งผักปลังแดง เดชล้ำ
บางเขี้ยวเงื่อนงามแสง หงอนไก่ ดอกนา
บางก็แถวเหลืองก้ำ เกิดเกื้อในตัว ๚
๏ เขี้ยวเปนกลเลห์นี้ นำสนอง
ควรว่าชอบถือครอง ศุขให้
จักเพิ่มโภคมูลมอง หมายหมื่น
ชอบพ่อพานิชไว้ อาจอ้างอวยผล ๚
๏ เขี้ยวหนึ่งกาบห่อต้น ตามแสดง
เขี้ยวหนึ่งเปนสีแสง เหล็กไล้
แถวหินเหตุดั่งแถลง หลากเล่ห์ อีกนา
ซื่อมิตรอาพัดให้ แห่งรู้สามสถาน ๚
๏ ใครถือเขี้ยวดั่งอ้าง ออกพรรณ นี้นา
เจริญศักดิ์ศุขมหันต์ ยิ่งล้ำ
สาตราวุธคมขยัน ฤๅอาจ ต่อแฮ
เปนประเจียดประจงก้ำ กึ่งด้วยวิทยา ๚
๏ เขี้ยวหนึ่งสีสอาดอ้าง เบญจพรรณ
เขี้ยวหนึ่งดุจดอกกรร เกษได้
เขี้ยวหนึ่งดุจเทียมทัน ดอกกรรณิ กานา
ชื่อเทพธิดาไซ้ ส่อซ้ำเปนสาม ๚
๏ สามเขี้ยวควรคู่ไว้ ครองทรง
กับกุมารอันยง ยิ่งแท้
เกิดความเสน่ห์มง คลเลิศ
ดุจเทพธิดาแล้ เลิศนี้ควรสงวน ๚
๏ เขี้ยวในรากงอกเงื้อม งามงอน
ดูดุจเดือยไก่สลอน สลับสล้าง
ถึงกลวงอย่าประวอน หวังว่า เลยพ่อ
อาจล่วงอรินล้าง คลาศแคล้วไภยพาน ๚
๏ ชื่อพระตระเสียดไซ้ สมญา
ใดจักเทียบทันหา ยากแท้
ทรงมหิทธิศักดา ดาลเดช
เปนประเจียดเลิศแล้ ปัดป้องอันตราย

เขี้ยวโทษ

เขี้ยวใดปลายกลับเลี้ยว เวียนวง
ปลายปักแทงถูกตรง ต่อต้น
มีนามชื่อพระทรง ตรีท่าน โทษแฮ
ถือจักอุบัทว์ไป่พ้น ชีพม้วยมลายลาญ ๚
๏ วงเขี้ยวกลมกล่อมแพร้ว เพราพราย
แพลงพลิกเลี่ยงเฉวียงปลาย ออกซ้าย
นามชื่อเพ็ชรนารายน์ เรืองเดช
ถือล่วงอรินผ้าย นาศแพ้พังหนี ๚
๏ บางวงปลายออกเบื้อง หนสดำ
ชื่อพระจันทรกำ หนดไว้
เขี้ยวนี้เลิศเหลือรำ พรรณกล่าว คุณนา
ชอบแต่งขุนพลไซ้ ชาติเชื้อชาญสมร ๚
๏ เขี้ยวใดแดงแม้นดอก จงกล นีนา
ลางดอกตระแบกยล อย่างแท้
นามชื่อจักรมงคล ควรคู่ ครองพ่อ
เปนสวัสดิ์พิวาห์แล้ แห่งผู้ถือถนอม ๚
๏ เสร็จแสดงโดยเดชเขี้ยว คมแหลม
ในสุกรอันแกม เกิดเกื้อ
บรรจบจวบเจิมแซม สารส่อ สิ้นแฮ
นักสิทธิสุนทรเฟื้อ ฝากอ้างอวยผล ๚
๏ นรินทาภรณ์ออกอ้าง อรรถแถลง
นายช่างสุพรรณแจง จัดไว้
ดำหรับรัตน์เรืองแสง โสรมส่อ สิ้นนา
เชิญกระวีวานให้ ติแต้มกลกลอน ๚
๏ ไว้เปนฉบับเบื้อง บุรณบท ท่านนา
คงคู่นครควรยศ อย่างอ้าง
เฉลิมแผ่นภุดาทศ ธรรมิก ราชแฮ
เปนประทีปเวิบว้าง สว่างแก้วกุสุมาล ๚
๏ ขอจงคงคู่ฟ้า ฝากดิน
ตราบสุเมรุมาศอินทร์ หล่มล้าง
เทวาสุรามรินทร์ เรืองเดช
เชิญช่วยเปนองค์อ้าง อิกข้าขอแถลง ๚
๏ สนองบาทจอมจักรแก้ว กรองสน
เรืองเรื่องรัตนพิมล มาศไล้
ร้อยเรียบระบายบน บำบ่วง พระนา
เช้าค่ำเจ้าข้าไหว้ ห่อนเว้นถวายกร ๚
๏ ถึงกาลปานนี้สล้าง ลอยสูญ เลยพ่อ
ไฟประไลยมามูล อย่าไหม้
อีกลมประไลยภูล เผยอฝาก พระเอย
อักนิฐมหิทธิพรหมได้ โลกย์ตั้งขอคืน ๚
๏ ใครพานใครพบชี้ เชิญถวาย
บาทปิ่นอมรสาย สืบหล้า
หนึ่งนานจักอันตราย รัตนชาติ
สูญเสื่อมเสียดายหน้า คู่แก้วควรเมือง ๚
๏ ทวยไทนักสิทธิท้าว เทพา
นับโกฏิคับคั่งหนา หนั่นหน้า
อังคตพฤฒิพฤฒา จอมเทพ ถ้วนแฮ
หมายหมู่รัตนรุ่งหล้า โลกย์ให้เจริญผล ๚
๏ นรินทร์ชูรู้ไป่แท้ ถึงแถลง พ่อเอย
กลอนกล่าวเอกโทแฝง เกลื่อนกล้ำ
ไม้ไล่ห่อนชาญแผลง ผลัดเปลี่ยน ใช้นา
ดึงละบทบ้าปล้ำ ปราชญ์ซ้องปากหัว ๚
๏ ข้าบาทพระพุทธเจ้า จอมปราณ
เริ่มเรื่องรัตนในสาร สืบสร้าง
พลางจำหลักพลางขาน เพลงพร่ำ
เลยไป่วายวันบ้าง ปากบ้าโคลงครวญ ๚
๏ ในเมื่อพระเสร็จสร้าง ทรงสนอง
พระเครื่องเบญจาทอง เถิ่งฟ้า
ประดับประดากรอง ไตรรัตน์ ยิ่งแฮ
เทียมทิพยพิมานหน้า เยี่ยมแย้มยวนเขษม ๚
๏ บำบัด อุปัทวร้าย อันตราย
บำบัด โรคันต์หาย แห่งข้า
บำบัด ทรชนหลาย ในโลกย์
บำบัด ทุกข์ถ้วนหน้า ผ่านแผ้วราคิน ๚
๏ คงยศพระเดช เจ้า จอมกรุง
คงยศพระเดช ผดุง แหล่งหล้า
คงยศพระเดช คุง ครองโลกย์
คงยศพระเดช หน้า ยิ่งทั้งแดนไตร ๚
๏ ข้าบาท ธิเบศร์ไท้ ทรงทศ ธรรมแฮ
ข้าบาท บุรณเฉลิมบท บอกอ้าง
ข้าบาท พระยอดยศ ยอโลกย์ ไว้พ่อ
ข้าบาท พระมาล้าง บาปให้เสียสูญ ๚
๏ ขอเดช พระปิ่นแก้ว ไตรจักร
ขอเดช พระทรงศักดิ์ เทริดเกล้า
ขอเดช พระหริรักษ์ รอนราพ
ขอเดช พระผ่านเผ้า แผ่นหล้าเสวยรมย์ ๚
๏ พระเกียรติ์ ไกรศักดิ์แผ้ว ภูลโพยม
พระเกียรติ์ ดับทุกข์โทม นัศถ้วน
พระเกียรติ์ ชื่นชวนโสม นัศทั่ว
พระเกียรติ์ แผ่ผลล้วน โลกย์ซ้องสรรเสริญ ๚
๏ ดำหรับเรื่องรัตนนี้ นำสนอง
จอมจักรพรรดิเจ้าจอง จบล้วน
งามควรคู่ควรสอง สมกึ่ง แก้วแฮ
เฉลิมลักษณงามถ้วน ถ่อมเกล้าทูลถวาย ๚
๏ ผู้ใดใดดั่งได้ พบพาน
รู้จบนพรัตน์สาร เสร็จสิ้น
จักเปนเทพนาจารย์ จอมช่าง
เพราะเพื่อผลรู้สิ้น กล่าวแก้วคำงาม ๚
๏ จบจุลุเสร็จสิ้น ดำหรับ ท่านนา
สวนสอบชอบฉบับ บอกห้า
ใครรู้เร่งคำนับ กำหนด ไว้พ่อ
เสมอหนึ่งได้แก้วหน้า เน่งไว้ครองชม ๚
เมื่อทำนั้นจุละ  
๏ ศักราชพันร้อยเจ็ด สิบสอง ปีแฮ
ในอัสสังวัจฉรจอง จบล้วน
สุกรปักษ์เชฐมาศตรอง เตรียบแต่ง แล้วพ่อ
นับสี่เดือนได้ถ้วน เสร็จสิ้นเอาวสาน ๚

ตำราพลอย $\left. \begin{array}{}\mbox{หลวงนรินทาภรณ์ ๑ } \\[1.4ex]\mbox{หมื่นมณีรักษา ๑ }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$ ๒ คน ได้เอาฉบับตำราพลอย $\left. \begin{array}{}\mbox{หลวงในตู้ตึกเจียรใน ๑ } \\\mbox{หลวงเทพนาจารย์ ๑ } \\\mbox{หมื่นแก้วนายช่างเจียรใน ๑ } \\\mbox{นายดินช่างเจียรในเพ็ชร ๑ } \\\mbox{นายดีช่างทองชเลยศักดิ ๑ }\end{array} \right\}$ ๕ ฉบับ มาสอบสวนเทียบทานถูกต้องกันทั้ง ๕ ฉบับกับโคลงลิลิต แต่ราคาฟองมุกนั้น ยังหาผู้ตัดสินไม่ได้ จึงมิได้ยกขึ้นใน $\left. \begin{array}{}\mbox{โคลง } \\[1.4ex]\mbox{ลิลิต }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ