๏ ฝากสารสุจริตกนิษฐา |
ฝากจิตต์ที่สนิทสนองมา |
ฝากหน้ามาให้ดูช่วยชูนวล |
ด้วยหมายมั่นอยู่ในวันได้พบพักตร์ |
จำเริญรักยังไม่วายหายหวน |
แสนสนิทนั้นยังคิดไม่ขาดครวญ |
เมื่อวันจวนที่จรไปจากชาย |
เจ้ายอกรอภิวาทขึ้นพาดพักตร์ |
ดั่งใครผลักตกไม้ฤไทยหาย |
แต่ตลึงแลหน้าจนตาลาย |
ดั่งสายกายนี้จะยืดจะยาวตาม |
แล้วก็หยุดยืนคิดพิศวง |
จะตามส่งก็ยังพรั่นขยั้นขาม |
เพราะเกรงไภยที่ผู้ใหญ่พยายาม |
จะลวนลามจึงเสงี่ยมสงวนใจ |
แล้วเจียมตัวด้วยว่าตัวเหมือนหิ่งห้อย |
จะรื้อรอยไปแข่งพระสุริยใส |
ก็เหมือนหนังเมื่อยังไม่ออกไฟ |
หรือจะไปเชิดชี้ประชันงาร |
ทั้งเภรีปี่พาทย์ก็ขัดสน |
ทั้งไร้คนเจรจาจะว่าขาน |
ดั่งเชิดชื่อให้เขาลือด้วยลายพาล |
ประมาณเถิดมิใช่จะเกียดกัน |
ใช่จะน้อยเสน่ห์บำรุงถนอม |
เจ้าก็ย่อมแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
ถ้าสมบูรณ์สมบัติเท่าทัดกัน |
หรือจะพลันหิริโอตป์ลอายกาย |
เมื่อมีแต่สุจริตกับพิศวาส |
ฤๅอาจรักเพลินให้เกินหมาย |
แล้วตกต่ำก็จำจะเจียนตาย |
ใครจะเห็นว่าเปนชายภักดีดี |
เมื่อไรจำเริญในเกียรติยศ |
จะปรากฎเกียรติศัพท์เสน่ห์พี่ |
สงวนศักดิรักษาแต่อินทรีย์ |
ไว้ให้ดีเถิดจะมาดหมายฟัง |
เจ้าก็ใช่ดรุณพึ่งรุ่นเริ่ม |
พอจะเพิ่มเพียรจำที่คำหลัง |
ให้จำเริญความสวัสดิ์ในสัจจัง |
อย่าหวังใจเอาใจออกจากกัน |
จึ่งจะควรสมาคมสมสู่ |
ที่พลัดคู่รสรักภิรมย์ขวัญ |
ถ้ารู้รักรู้สงวนให้ควรกัน |
จะร่วมวันพิศวาสไม่คลาดคลาย |
จะร่วมร้อนร่วมรสเจริญพักตร์ |
จะร่วมรักมิให้ร้างหมางสลาย |
จนสูญสิ้นดินฟ้าชีวาวาย |
มิได้คลายคลาดคิดประคองครอง |
เอ็นดูด้วยอย่าให้ม้วยไมตรีมิตร |
ที่ปล้ำคิดควรความนี้ตามหมอง |
แสนถวิลสุดสิ้นที่ตรึกตรอง |
จงดูลักษณ์ที่จำลองนี้เถิดเอย ฯ ๒๖ คำ ฯ |
๏ สารศรีนุสรเสนหา |
จำเริญจิตต์ที่ได้สนิทสนองมา |
ด้วยจินตนาเนืองนิจไม่วายวัน |
ถึงเชษฐาองค์อิศราราช |
ประเวศอาสน์เบื้องวังบวรสวรรค์ |
สงวนศักดิสุจริตไม่ผิดธรรม์ |
ถวัลยราชดำรงธเรษตรี |
สมพักตรวรอรรคอิศเรศร์ |
สมเศวตวรฉัตรเฉลิมศรี |
สมวงศองค์เอกนารี |
สมศรีสุภาพพร้อมเพรากาย |
งามพจน์งามรสสุนทรสนอง |
ไม่มีสองสุดเสน่ห์ถนอมหมาย |
เสาวนาสาราภิปรายระบาย |
ให้ทราบสายเสน่ห์แจ้งแสดงการ |
แจ่มจิตต์ที่สนิทสนองพักตร์ |
จำเริญรักมิได้วายหายสมาน |
แต่จำจนสู้ทนทรมาน |
ก็บันดาลเสื่อมเศร้าทุเลาครวญ |
ดั่งได้ยลวิมลพักตรพี่ |
เสาวนีไพเราะเสนาะหวน |
สำราญรื่นชื่นชมภิรมย์ชวน |
เอาสารสงวนแนบไว้ในอุรา |
ซึ่งประสาทโอสถดังรสทิพย์ |
มายกหยิบทุกข์เทวษถวิลหา |
ได้จำเริญเรียนประสิทธิวิทยา |
รักษาอารมณ์แล้วข่มใจ |
รสสุคนธ์ปนธูปเทียนสนอง |
ปลงปองเคารพสบสมัย |
จงจิตต์บูชิตเปนเนืองใน |
แจ่มใสโสมนัสประนมกร |
อิ่มอาบมิตรภาพจรรยา |
ดั่งเชษฐานั่งแนบสโมสร |
ด้วยเดชะเมตตาสถาวร |
ระงับร้อนโรคเร้าระทมกรม |
พระคุณปูนเปรียบสุเมรุมาศ |
พสุธาอากาศไม่สาสม |
สุดสนองที่จะต้องในอารมณ์ |
ให้ชมคุณที่การุญนุชาชาย |
ก็ตั้งจิตต์จงรักภักดีพี่ |
น้องจึงมีความร้อนห่อนเหือดหาย |
สุดสกนธ์แต่ทนระกำกาย |
เพียงจะวายวางชีพทุกทิวา |
แต่ยินข่าวที่เขากล่าวประมาทพี่ |
พลอยทวีความเทวษด้วยเชษฐา |
เคยงามพักตรวรลักษณ์จำเริญตา |
ก็นับวันแต่ท่าจะอัประมาน |
จะขุ่นคล้ำช้ำใจอยู่ในอก |
แสนวิตกอนิจจาน่าสงสาร |
เสียเนื้อที่เปนเชื้ออนงค์นาน |
มาพ้องพานอุปวาทประมาทกัน |
เคยสมบุรณ์ในจุลจักรพรรดิ์ |
ภิรมย์สวัสดิ์วีรราชจำเริญขวัญ |
สงวนศักดิบริรักษ์ไม่วายวัน |
ก็สารพรรณจะนิราสแรมไกล |
ดั่งดวงเดือนเลื่อนลับพโยมหน |
เคยวิมลกระจ่างสว่างไสว |
ครั้นเมฆาราคินเข้าบังใบ |
ที่อำไพก็สิ้นสง่างาม |
ไม่ชูช่วงดวงพรายระสายแสง |
แจ่มแจ้งประภัศรสนาม |
อันอกน้องปองไว้ไม่วายความ |
เสียดายงามที่จะอัประมานมัว |
เหล่าพาลจะประมาณประมาทหมาย |
เพราะราคีระคายระคนกลั้ว |
จึงตรึกตรองตรอมจิตต์คิดถึงตัว |
มิใช่ชั่วแต่ว่ากรรมแล้วจำจน |
จะเห็นใจก็แต่ในสุรารักษ์ |
จะประจักษ์แจ้งจริงทุกสิ่งฉงน |
กับสุจริตที่ไม่คิดทรชน |
ก็ลุดลบันดาลฤไทยแคลง |
จะหักหาญรานร้าพยาบาท |
อย่าอาฆาฏคุมคิดเคืองแสวง |
ทั้งมาลารสสุคนธ์วิมลแสดง |
แบ่งจิตต์จำนงจงบูชา |
จะตั้งหน้าอยู่ประสาสุจริต |
สิโนทกจะอุทิศปราถนา |
ให้บำบัดมลทินและนินทา |
ลุจินดาได้พบประสบกัน |
อนุชาจะจำนงจงสัตย์ |
ช่วยกำจัดทุกข์โทมนัสศัลย์ |
ขอเทเวศร์สิงสู่กำภูฉัตรชั้น |
นิรันดรเชิญช่วยพยาบาล |
กว่าจะสูญชนมาชีวาวาตม์ |
จนพินาศสูญสิ้นอวสาน |
อันน้องนี้ไม่มีเสน่ห์นาน |
อันพวกพาลพาเหียรไม่เวียนปอง |
รักพี่เพียงดวงใจไนยเนตร |
จงเจตนาพบประสบสนอง |
มิได้คิดเอาชีวิตเข้ารับรอง |
ป้องกันอันตรายระคายเคือง |
ให้บำบัดตัดพาลการติฉิน |
ระคินสิ้นหมดไม่ปลดเปลื้อง |
แสนเศร้าก็บันเทาที่บรรเทือง |
จะเรืองรื่นชื่นชมสัตยา |
ผลสัตย์จงเปนปทัฏฐาน |
ขอบันดาลดลเจตพระเชษฐา |
บอกน้องอย่าให้ปองจินตนา |
เสนหาแต่นุชสุดชีวี |
ให้ร่วมสุขร่วมทุกข์ร่วมสวาท |
อย่าบำราศรักร่วมอารมณ์พี่ |
บำรุงรักมักจืดประเวณี |
ร่วมปีร่วมเดือนอย่าเคลื่อนคลา |
แม้นเวียนวัฏปัฏิสนธิ์สถานใด |
ขอให้ได้สมสุขเสนหา |
จงพบประสบสร้อยศาสดา |
อันโอฬาริกภาพจงพร้อมกัน |
อย่ารู้ร้างอารมณ์ภิรมย์ร้าง |
อย่าหมางมิตรเมินสเทินผัน |
จงรู้รักรู้สงวนให้ควรกัน |
ที่หมายมั่นอย่าประมาทประมาณนาน |
ทุเรศนี้ยิ่งทุรัสถ์กำจัดจิตต์ |
แสนคนึงก็ยิ่งคิดคเนสาร |
แม้นเชษฐามีมิตรจิตต์ประมาณ |
อย่าลืมอ่านควรคิดที่จิตต์จง |
นับวันแต่จะเว้นไม่เห็นพักตร์ |
อันความรักนี้มิลืมอาลัยหลง |
สงวนศักดิรักเร่งบำรุงองค์ |
เหมือนดำรงชีพน้องให้นานไกล |
เดชะผลกุศลสร้างปางสนอง |
จะไม่ต้องทุกข์ทนกมลไหม้ |
ฝ่ายน้องจะครองชีวาไป |
พอจะได้ตั้งจิตต์จินตนา |
คำคิดประดิษฐ์กลอนนุสรศรี |
โดยมีมิตรภาพเสนหา |
จำลองลักษณ์ต่างพักตรอนุชา |
ให้ทัศนาแทนนุชคนึงปอง |
ขอจงยำคำคิดประสิทธิสัตย์ |
ลืมวัจนาวอนนุสรสนอง |
อย่าลืมระบอบชอบที่ไมตรีตรอง |
เมื่อรักน้องแล้วอย่าลืมเอนดูเอย ฯ ๖๖ คำ ฯ |
๏ เอ๊ะผิดจริตแล้วนะอกเอ๋ย |
เจ้าหรือมาเปนไม่เห็นเลย |
ดีร้ายคนเคยมาคิดทำ |
จึงซนงอนซ่อนเงื่อนเสงี่ยมปิด |
นี่นอนคิดหรือจึ่งคมคารมขำ |
ไม่ประมาณเลยว่าการมลทินทำ |
จะปิดงำหรือมาเชิดขึ้นชูงาม |
เสียแรงรู้ที่จะอยู่ในรังฉลาด |
นี่ประมาทอยู่หรือไม่จะใคร่ถาม |
ก็ย่อมแจ้งอยู่ด้วยกันว่าควันความ |
สงวนงามไว้ท่าก็กว่าเดือน |
หรือน้อยใจจึงไม่แลนี่แน่เจ้า |
สัญญาเราว่ากระไรจึงไม่เหมือน |
หรือว่าตรึกแต่เมื่อชี้คดีเตือน |
นี่ใครเยื้อนจึงมาภ้อจะก่อการ |
เสน่ห์เจ้าเท่าฤทัยนัยเนตร |
ที่สังเกตดุจดวงฤดีสมาน |
ถ้ามีเดชดังสยมบรมญาณ |
จะสรรค์พิมานมณีเนาวรัตนพราย |
แก้วผลึกนั้นจะแล่งเปนฝาฉลอง |
ถนอมน้องมิให้มีเศร้าศรีสลาย |
มิให้ลมอุบัติพัดกราย |
ชื่อว่าชายมิให้กรายพิมานเมิน |
ถึงจะเมียงพระอุมาสมรเมื้อ |
จะแนบเนื้อแนบนางไม่หางเหิน |
สำลีอ่อนแลจะซ้อนให้นางเดิร |
มิให้เกินกึ่งก้อยจะกันกาย |
แต่ปางหลังตั้งถวิลเพราะกินเทวษ |
ครั้นมีเหตุหรือมาหักจนรักหาย |
เมื่อยามชื่นดั่งจะกลืนไว้ในกาย |
นี่คราวหน่ายหรือจึงเหน็บให้เจ็บใจ |
ถ้าแม้นรู้ว่าจะมากด้วยราครัก |
ใครจะห้ามให้เจ้าหักอารมณ์ได้ |
แต่โดยดีก็จะมีอาไลยใจ |
นี่กระไรเลยนะเจ้าดั่งเมามัน |
แล้วมิหนำซ้ำกล่าวเพลงยาวภ้อ |
จะตอบต่อก็เปนตึงตัวหัน |
นี่อวดฤทธิ์หรือว่าคิดนั้นคมครัน |
จะประชันหรือจึ่งชี้คดีมา |
หรือเห็นพี่นี้เออาตภาพ |
จะกระหนาบเอาด้วยน้อยวาสนา |
หรือแคลงสัตย์ที่เราวัจนามา |
จึงเปรียบกากับราชหงส์ทอง |
หงส์จริงแต่หงส์ลงตกปลัก |
ครุฑก็จริงปีกหักลงตกหนอง |
เห็นกาดำนั้นจะล้ำกว่าหงส์ทอง |
ด้วยว่าต้องตามวาสนากัน |
อันตาโลกก็ว่าหงส์ดีกว่ากา |
สุวาดีกว่านกแสกแถกถามขวัญ |
อันนกเค้าและเหล่ากานั้น |
วิสัยคนเหมือนกันก็ยินดี |
แต่กาเข้ารคนปนหงส์ |
จะพาพงศ์ให้เสียศักดิศรี |
เสื่อมเดชเพราะหน้ากากะลี |
ที่ความดีนั้นก็วางไว้ต่างกัน |
แต่ขุนหงส์ผู้ทรงศรีสวัสดิ์ |
ยังกอดสัตย์รักร่วมภิรมย์ขวัญ |
สงวนศักดิรักษาไม่อาธรรม์ |
ก็สำคัญอยู่ว่าศักดิสกุณี |
แต่สาวหงส์ผู้ทรงวิลัยลักษณ์ |
มารับรักแล้วก็หน่ายเสน่ห์หนี |
จะล้างขนที่เปนกาหน้ากะลี |
จึงพาทีพิศวาสนิราสไป |
ให้ละห้อยคอยความจะถามนก |
แต่ร้อนอกเคร่าท่ามาเปนไหน |
หรือแคลงคำที่ทำสัญญาไว้ |
นั้นฟักไข่หรือว่าหน่ายเสียดายรอย |
หรือยังห่วงมุจลินท์สินธุสระ |
จะหลีกละแล้วก็รอทำท้อถอย |
ให้คอยความอยู่ถึงสามเดือนคล้อย |
หรือราครักนั้นจะร้อยอยู่รึงรัง |
หรือเห็นการาคีมีกว่าหงส์ |
ถวิลวงศอยู่ไม่วายหายหวัง |
หรือจะเมินได้ด้วยเพลินแต่ลำพัง |
หรือคราวสุขเจ้าสั่งสนองมา |
ดั่งฤๅหงส์วงศสกุโณเรศ |
มาละเพศทิ้งพรรณภาษา |
ไปร่วมชาติกาจแกมสกุลกา |
กลับเอาตมแต้มหน้าว่านวลงาม |
ถึงจะคาบมัจฉมางส์มาวางให้ |
ก็เข้าใจว่ามณีศรีสยาม |
แต่โดยดำก็จะร่ำพิไรงาม |
จะจัดความเชิดชี้อาวรณ์ชร |
ถึงจะเห็นเงาหางที่กลางเศียร |
ก็จะเวียนถวิลเดาว่าเงาหงอน |
ถึงจะใส่เกราะคาให้กาจร |
ก็จะว่าอาภรณ์ที่หงส์ทรง |
ดั่งฤๅดวงมณฑาทิพยรส |
ไม่ปรากฎกลกลิ่นเท่ากาหลง |
ดั่งละรสคนธ์ไว้ไม่ทานทรง |
หรือไปจงทัดดอกสเดาเดิร |
เพราะว่าหงส์มิได้คงแก่คำสัตย์ |
ให้วิบัติทำผิดให้คิดเขิน |
จะร่ำเรื่องเล่าก็เครื่องจะทำสเทิน |
ไม่ควรการที่จะเกินการดอก เอย ฯ ๔๘ คำ ฯ |
๏ สารศรีนุสรสารา |
อัญขยมบรมเชษฐา |
โอภามหาดิเรกเอกองค์ |
แจ่มจัดอยู่ในสัตย์สุจริต |
ดั่งลิขิตสิงหนาทประสาทส่ง |
ตั้งพรตอดจิตต์คิดจำนง |
ดำรงรสทศเที่ยงทางธรรม์ |
โดยดำริห์ตริตรองตรึงสัตย์ |
โทมนัสดังไตรรัตนสร้างสรรค์ |
ปราการทวารเพ็ชรเจ็ดชั้น |
กางกั้นสรรพสิ้นราคินคาย |
สงวนงำแง่เงื่อนบ่เยื้อนแย้ม |
แนมปนรคนคล้ำคำสลาย |
วโรรสพรตเพริศเพราพราย |
หมายแม้นสุเมรุมั่นตรึงตรง |
งามพจน์งามรสรังรัก |
งามศักดิงามศักดิสูงส่ง |
สมพักตรวรลักษณเอกองค์ |
สมวงศพงศศักดิ์นัครินทร์ |
ดั่งดวงจินดาวชิราวุธ |
สูงสุดประเสริฐเฉิดฉิน |
จำรูญพูลพ้นราคิน |
ดั่งทินกรขจรภพจบจักรวาฬ |
ซึ่งประสาทโศกสร้อยเสาวนี |
มาสู้สิ้นอินทรีย์อวสาน |
เสาวนาสาราเร่งสำราญ |
ปานอินทรประสิทธิ์อมฤตฟ้า |
น้องทุพลทนทรมานกาย |
สารสายสุดเสน่ห์ในเลขา |
ประทับแทบแนบนิทร์ในอุรา |
หวนหาอาโภคตรึกตลึง |
ชื่นเชยเสบยบานด้วยสารสนอง |
ถึงหม่นหมองพัวพันขันขึง |
รสรักหักหาญรานรึง |
คนึงพจน์ดั่งรสทิพย์มาโทรมกาย |
แต่ลักลอดสอดซ่อนวรลักษณ์ |
ศักราชประสาทพจน์กำหนดหมาย |
ได้จำเริญรสธรรม์บรรยาย |
มิได้คลายเคลื่อนอรรถวิปัสนา |
ทั้งสุคนธ์ปนธูปเทียนสนอง |
ปลงปองแทบเศียรศิรสา |
ใสสุทธพุทธภาคบูชา |
โถมนาบูชิตนิตย์เนืองนาน |
แจ่มจิตต์ในมิตรเมตตาภาพ |
อิ่มอาบหฤไทยใสสานต์ |
ดังเชษฐามานั่งแนบมัสการ |
เสงี่ยมสารระงับดับร้อนรน |
ที่สงสารรานราพยาบาท |
ก็ขาดคิดปลงจิตต์หาเพิ่มผล |
ค่อยบำบัดตัดบาปธรรมปน |
อกุศลรคนคิดค่อยเบาบาง |
พระคุณปูนเปรียบเทียบภิยโย |
ดั่งมโหฆ์มหรณพสะสาง |
ถึงปัถพีตรีภพไม่ปูนปาง |
ชี้ทางช่องชอบระบอบบรรพ์ |
ยิ่งเพิ่มพูลจำรูญรักรึงสวาท |
มิอาจที่จะกลั้นกรรแสงศัลย์ |
แล้วตรึกตราสารทุกข์แต่ปางบรรพ์ |
ฟั่นฝืนคืนคิดไม่นิทรา |
รสรักหนักทรวงดวงเจต |
เนตรนองไม่คล่องขัดทางอัสสาส์ |
ถอนใจสอื้นฝืนวิญญา |
ดั่งภูผามาทับทรวงดวงแด |
ถึงช้ำระยำยับสรรพสรรพางค์ |
ก็ไม่เจ็บเท่าเริศร้างห่างแห |
ดั่งดวงเดือนจะเลื่อนลอยแล |
ตั้งแต่จะคล้อยลับนับวันแรม |
โอ้สงสารแสนเทวษด้วยเชษฐา |
เคยผ่องแผ้วพักตราจะแจ่ม |
จะค่นคล้ำรคนปนแปม |
แกมรายหมายเหมือนเกลื่อนเมฆบัง |
อกเอ๋ยมิเคยคล้ำจำหม่นหมอง |
จะตริตรองตรอมจิตต์คิดความหลัง |
เมื่อยามย่ำค่ำเคยเสบยฟัง |
สอนสั่งประสานเสียงสำเนียงนวล |
คิดปางจวนสมัยจำไกลพักตร์ |
ร้างรักแรมโรยโหยหวน |
จำร้างภิรมย์ชื่นชมชวน |
แถวสวนมาลีมาลาลาน |
มาร้างเสาวคนธ์กล้ำกลืนสวาท |
ชรอยกรรมบำราศโอ้สงสาร |
สู้ถวิลสุดสิ้นสิ่งสำราญ |
พล่านพลุ่งรุ่งรอนซ่อนเด็ดเดียว |
จะยลหนขวาหาหนหาย |
แลยลซ้ายซ้ำเศร้าแสนเปล่าเปลี่ยว |
ดั่งอัคนิรุทร์จุดจิตต์เจียว |
เสียวสวาทไม่ขาดคิดเปนนิจกาล |
โอ้แสนสุดเสนหาในครานี้ |
เวรีมาจำนงจงผลาญ |
ดั่งราชหงส์หลงติดบ่วงพราน |
คนึงนานนึกสมุทร์มุจลินท์ |
จะเหิรหาวเวหาสผาดผันผยอง |
พ้นทำนองแน่นนักหนักถวิล |
สุดคิดสุดฤทธิ์จะโบยบิน |
แต่ดิ้นโดยโหยหาธราธาร |
ดั่งนุชสุดถวิลกินเทวษ |
ก็สุดเจตสุดโศกสุดสงสาร |
ถึงท่านที่ทนทุกข์ทรมาน |
ก็ไม่ปานปูนร้อนที่แรมชม |
รสรักร้อนนักดังเพลิงสุม |
ทุกข์ทุ่มทับทรวงแสนสะสม |
อุระดั่งจะพุพองกรม |
อารมณ์ก็ไม่ชื่นปรองปรีดา |
ถึงจะสิ้นชีวังสุดสังขาร |
ได้ส่งสารสนองพจน์เชษฐา |
พอได้ยลวิมลพักตรา |
จะก้มหน้าสู่ช่องจำนองกาล |
ก็ไม่รู้ว่าอาวรณ์ร้อนรนถวิล |
ถึงชีวิตจะสิ้นปริโยสาน |
ได้ร่วมเขตยังอาเภทให้บันดาล |
ทุรัสถานปานเปรียบพนมบัง |
จำจนทนกรรมนำสนอง |
ด้วยทั้งสองได้ประมาทแต่ชาติหลัง |
ถึงชีวิตอนิจจีรัง |
สิ่งใดพลาดพลั้งทั้งเคลือบแคลง |
ที่เคืองขัดหทัยได้ร้อนรน |
ก็กลงำเงื่อนเอื้อนอำแถลง |
ต่อแค้นขัดจึงจัดจริงแจง |
แพร่งพร้องถ้อยสลายหลายครา |
จงงดโทษโปรดปลดอดโทษัน |
พาเหียรและมหันตโทษา |
สิโนทกตกตั้งเมตตา |
อโหสิเวราอย่าราราน |
อนุชามาปลงจำนงจิตต์ |
นบนิ้วชุลิตแล้วธิษฐาน |
อารักษ์ศักดิ์สิทธิ์เปนทิพพยาน |
ในสถานที่สถิตอุทุมพร |
เดชะตบะสัตย์ไม่วิบัติเบือน |
จะเอื้อนคิดจิตต์จงสโมสร |
นอกนี้ไม่มีจิตต์คิดอาวรณ์ |
อนุสรแสนสนิทจิตต์ปลงปอง |
แต่เชษฐาจินดาดังดวงเนตร์ |
จงเจตจงพบสบสมสอง |
ภักดีเอาอินทรีย์เข้ารับรอง |
ป้องกันมั่นขึงตรึงตรง |
เอาชีวันตั้งต้านผลาญเผ่าร้าย |
ก็สลายหล่นลุ่ยแผ้วผุยผง |
ราคินยินร้ายไม่รคายคง |
รงับลงด้วยสัตย์กัตเวที |
ผลสัตย์จงเปนปทัฏฐาน |
ขอบันดาลดลจิตต์วิถี |
นอกนุชอย่าให้สุจริตมี |
ให้ยินดีแต่นุชสุดชีวัง |
ขอจงยำคำคิดประสิทธิ์สัตย์ |
ดั่งเลื่อมเก็จเพ็ชรรัตน์นรังสรรค์ |
ได้ร่วมสุขร่วมทุกข์ประดุจกัน |
ร่วมวันร่วมเดือนอย่าเคลื่อนคลาย |
จงแผ้วผ่องพ้นกรรมบำราศ |
ร่วมอาสน์สองสวาทเหมือนมาดหมาย |
ร่วมรักสมัคจิตต์อันเดียวดาย |
ดั่งสายกระแสสินธุ์เนื่องแนวกัน |
ความสนิทจิตต์จงปลงสวาท |
จำบำราศขาดเคียดข้อเดียดฉัน |
ให้สมบูรณ์พูลสุขทุกนิรันดร์ |
จนชีวันเสร็จสิ้นสูญวิญญาณ |
แม้นเวียนวัฏปัฏิสนธิ์สถานใด |
ขอให้ได้ร่วมอาสน์ราชฐาน |
จนพบสบสร้อยศาสดาจารย์ |
พ้นพาลตรีภพพ้นพร้อมกัน |
ขอพรพระบวรเชษฐา |
รังรักมหาโลกาสวรรค์ |
ช่วยค้ำชูพระคุณคู่ชีวัน |
ดั่งกันดั่งกำหนดประทศกรม |
ขอพระจัตุโลกเลื่อนแหล่งหล้า |
ช่วยพิทักษ์เชษฐาให้สุขสม |
บูรณ์ด้วยช่วยภักดีข้อนิยม |
จงตั้งนุกรมร่วมพงศ์พันธุ์ |
ให้เปนที่อาศรัยในนครินทร์ |
สมถวิลยินดีในสาวสวรรค์ |
ทั้งเทเวศร์สิงสู่ภูฉัตรชั้น |
นิรันดรเชิญช่วยพยาบาล |
ดลจิตต์ให้สถิตนคเรศ |
อย่าจงเจตทุเรศออกนอกสถาน |
ให้ชื่นชมภิรมย์กลิ่นญาณ |
เบิกบานอิ่มเอิบมโนใน |
จงบำบัดตัดความครั้งฉาวฉ่า |
เฮฮาครึกครื้นอย่าตื่นใกล้ |
อนุชาจะม้วยชีวาไป |
พอสลัดซัดให้เห็นพักตรกัน |
อันคิดประดิษฐ์กลอนนุสรสาร |
ใช่จะก่อการเปรมเกษมสันต์ |
แต่รำลึกจารึกตรึกจาบัลย์ |
สรรพพร้อมทุกล้วนที่วัจนา |
ฉลองลักษณ์ต่างพักตรมาทูลถวาย |
ลายรบายจงเจตยังเชษฐา |
เขียนพลางพลางนองชลนา |
คลั่งคลอตาเช็ดสุชลเนืองเนือง |
ใช่จะแกล้งแต่งพจน์มารจนา |
ยกถวิลจินดาให้เสียบเรื่อง |
แถลงตามความแค้นขุ่นเคือง |
อุระเรืองดั่งเพลิงแรงแสงพราย |
แม้นนุชพอสุดสิ้นชีวัง |
ก็ดุจดั่งพักตรที่เคยถวาย |
ดั่งทอดจิตต์สถิตแทบแนบกาย |
ชื่นชมภิรมย์คลายรำพึงเอย ฯ ๙๘ คำ ฯ |
๏ ได้ยินเขาระบินระบือข่าว |
ว่าคราวนี้มีลาภเสนหา |
ได้ดวงโกสุมสองสวาทมา |
แต่นิเวศนฐานาใด |
เมื่อแรกทัศนามุ่งมาด |
คือใครไปพูดพาดเพียรให้ |
หรือมุลนายคิดยอมพร้อมใจ |
หากให้หิ้วหาถวายมา |
กับบุษบงในวงก์วารีเก่า |
ข้างไหนจะเพราเพริศประเสริฐกว่า |
หรือแต่ละกลคนละอย่างด้วยต่างมา |
เห็นบุบผชาติกับบุษบาจะเจ่าใจ |
หรือปันเวรแต่ที่รจนา |
หรือสุริยาส่องทั่วหาเว้นไม่ |
เก่าใหม่รายตัวทั่วไป |
ข้อนี้ยังมิได้ทัศนา |
ไม่ประกอบชอบเชิงทั้งสองฝ่าย |
ให้จะอายความขึ้งหึงษา |
จะสอดใส่เกสรให้ร่วงรา |
เห็นบุษบาจะบอบบางหมางใจ |
เมื่อยามเวลาเสวยเคยเฝ้า |
จะชิงเข้าตำแหน่งนั่งใกล้ |
ด้วยสิชอบทำนองคล่องใช้ |
จะคัดใหม่ให้ห่างระวางชม |
ฝ่ายใหม่ครั้นได้อัประมาน |
จะมีแต่หมอบกรานคลานก้ม |
ไหนจะเงยหน้าเรียงขึ้นเคียงคม |
จะประนมแน่นิ่งอยู่ด้วยดี |
ฝ่ายเก่าที่ชอบเชิงกัน |
จะรำพรรณเพ็ททูลถ้วนถี่ |
จะสัพยอกหยอกเย้าให้ถึงที |
จะบุ้ยเบี้ยวปากชี้ให้กันดู |
ถึงนางใหม่จะแต่งกระบวรถวาย |
ก็จะคลายด้วยสทกสเทือนอยู่ |
เกลือกจะเปนเหมือนสองงามตรู |
เมื่อพระลอพาสู่ภารา |
ก็มิได้นอบน้อมอัญชลี |
นางลักษณวดีเสนหา |
แต่ประเทียบเปรียบปรายกันไปมา |
ต่อพระลอว่าขานจึงสมานกัน |
จะเปนเหมือนสองนางเมื่อแรกมา |
หรือวันทากันสุขเกษมสันต์ |
ถ้ารู้รักสมัคสมานกัน |
นั่นแลสองบุษบันจะรื่นรส |
ขอพระผู้แบ่งภาคมา |
จงปราบบาทบริจาให้ปรากฎ |
จะเปนที่สรรเสริญเจริญยศ |
เชยชดให้กลัดระบัดงาม |
ฝ่ายเราผู้เอาอารมณ์ถึง |
คนึงไม่ประจักษ์จึงซักถาม |
จะประสงค์ข้างไหนเปนใจความ |
ถ้าไม่งามก็เก่าจะขอทาน |
ถึงมิประสิทธิประสาทให้ขาดเปลื้อง |
แต่ตามเรื่องที่วอนว่าขาน |
เหมือนหนึ่งพราหมณ์ชีพ่อขอทาน |
เมื่อมีการสูรย์จันทร์อุปราคา |
มาดแม้นมิให้ถ่ายด้วยพัสดุ |
แต่ที่รุเสียเปลี่ยนก็ไม่ว่า |
หาไม่ก็แต่ที่อพลา |
เหมือนตัวข้าที่ผู้แต่งลักษณ์ |
แม้นงดโทษจะโปรดประทานให้ |
จะรับส่วยส่งใบใช้ฝัก |
ทั้งตัวจะถวายเปนอาลักษณ์ |
ด้วยสมัคมุ่งมาดสวาทเอย ฯ ๓๒ คำ ฯ |
๏ ถ่ายจิตต์ออกจารึกเจริญสาร |
ศรีศุภสุนทรในกลอนการ |
สมานมิตรมอบมิตรไมตรีมา |
โดยดำริห์แรกเรื่องภิรมย์รัก |
ประจักษ์ถวิลที่พี่จินตนาหา |
เจ้าโฉมทิพยเกสรสุมาลา |
อย่าร้างรักโรยราให้แรมวัน |
ขอมอบชีวิตจิตต์กายจนตายจาก |
ขอฝากขวัญขวัญใจจงรับขวัญ |
ขอร่วมร้อนร่วมเย็นเปนนิรันดร์ |
ร่วมพันธุมิตรร่วมประยูรวงศ์ |
แต่ทนทุกข์ขุกคิดไม่ขาดสวาท |
เปนเหลือมาดที่จะมุ่งหมายประสงค์ |
สุดคิดสุดจิตต์ที่ใจจง |
หมายไม่คงครองชีพชีวาวาย |
เพราะแสนร้อนสุดรนด้วยทนรัก |
ยิ่งกว่าผลักแผ่นฟ้าสุธาหงาย |
วิดสมุทร์ขุดเขาคิรีทลาย |
ว่ายเมฆไปชลอวิมานอินทร์ |
ก็ไม่เหมือนพยายามในความรัก |
นั้นสุดหนักอกโอ้อาวรณ์ถวิล |
ดำริห์รักหนักจิตต์เปนอาจิณ |
ก่นแต่กินเทวษไห้ไม่วายวัน |
อย่าเมินมิตรมอบเสน่ห์พี่เทรัก |
อย่าผละผลักใจสูญสวาทสั้น |
สงสารอกเถิดที่โอ้ประมาณครัน |
แต่จิตต์หวั่นเร่าเร้าก็เหลือกรอม |
ตราสวาทมิได้ขาดวันถวิล |
เพราะไกลกลิ่นไกลกลั้วกลิ่นถนอม |
ไกลเนื้อที่จะแนบนวลประนอม |
ไกลจอมเสน่ห์น่าปราณีชม |
ไม่เปนกินเปนนอนแต่ร้อนรัก |
อกจะหักเสียด้วยทุกข์ระทมถม |
เจ็บนักกลัดทรวงแสนระทม |
ดั่งต้องคมอาวุธในหว่างแด |
เชิญสมรช่วยสมานประสานรส |
เปนโอสถเสนหารักษาแผล |
ถึงมิเยื้อนก็แต่พอเอื้อนอาลัยแล |
มาพอแก้ใจเศร้าที่สุดทน |
ขอมโนปรีดีไมตรีจิตต์ |
กับสุจริตจารึกเรื่องอนุสนธิ์ |
อย่าเคลือบแคลงแหนงใจว่าใส่กล |
ในนิพนธ์พื้นจริงผจงวาง |
แต่ตั้งใจมาก็จวบเข้าขวบปี |
จงปราณีเถิดอย่าเมินสเทินหมาง |
เหมือนช่วยชีพไว้ให้รอดตลอดปาง |
อย่าเสียทางรวางรักภัคินี |
เจ้าดั่งดวงมณฑาทิพยเทศกาล |
ควรจะบานแบ่งรับพระสุริยศรี |
แม้นเนิ่นนานเกลือกพาลไพรีมี |
จะราคีขุ่นข้องระคายกาย |
หรือคิดขามอยู่ในความอุปวาท |
ด้วยเกรงชาติเกสรจะหล่นสลาย |
ก็ใช่กาลอย่ารำคาญเคืองระคาย |
จงหมายมาดเถิดที่มุ่งมิตรใจ |
แล้วจะหมางว่าพี่หมิ่นประมาทอาจ |
เพราะสวาทใช่จะลามในความใคร่ |
ย่อมเกิดกับสำหรับโลกมาแต่ไร |
สุดวิสัยซึ่งจะห้ามความติเตียน |
ถึงดินน้ำลมไฟทิวากร |
ศศิธรส่องทิศสถิตเสถียร |
ก็ไม่พ้นคนตำหนิติเตียน |
ย่อมมีเสี้ยนหนามเหน็บคือนินทา |
ก็เปนวิสัยครหาชล่าลิ้น |
ถึงไฟดินลมฝนไม่พ้นว่า |
ไม่เว้นตัวทั่วกันเปนธรรมดา |
ย่อมมีมามากแล้วแต่ก่อนกาล |
อันมธุรสสุนทรอักษรสวัสดิ์ |
เปนคำสัตย์จริงใจมาในสาร |
มิใช่จะล่อลิ้นแต่งสำนวนพาล |
แล้วจะรานรอนรักนิราไกล |
เหมือนวิทเยศลอบโลมตระโบมสมาน |
ฤดีดาลแล้วจะหน่ายนั้นหาไม่ |
ขอเชิญสมานรับสารอย่าถือใจ |
ตระกูลใช่จรกาจะเสื่อมพงศ์ |
ตัวเจ้าก็เปนวงศอสัญเพศ |
เรียมประเวศจากห้องครรไลหงส์ |
อย่าถือใจเลยใช่น้ำจะต่ำวงศ์ |
ถึงจะคงยังนิเวศน์สงวนนวล |
แม้นลมรานพานผิวจะหมองพักตร์ |
อย่าราแรมรสรักฤดีหวน |
อย่าเนิ่นนักชักช้าให้เรียมครวญ |
ขอเชิญนวลเสนาะถ้อยสุหร่ายคำ |
มาสรงโสรจพี่ด้วยรสวาทีทิพย์ |
ประจงหยิบมาในกลอนสุนทรขำ |
อยาเมินเมียงสมรม้วนคดีอำ |
ยั่วให้ช้ำเย้าให้พี่ภักดีกรอม |
ให้ตรงจริงเหมือนหนึ่งสิ่งสนองนุช |
อันโกมุทอย่าเจือพาลให้รานหอม |
จะเสื่อมกลิ่นรสฟุ้งบำรุงออม |
วานอย่าน้อมรสรักให้เรรวน |
อันสิ่งเกษมขอให้สมสวาทพักตร์ |
เจริญรักอย่าให้เร้ารานสงวน |
แต่คิดค่อนนอนคอยในข่าวนวล |
หวังประมวลมอบใจมาในมิตร |
เมื่อกุศลจะส่งผลให้ประจักษ์ |
ยังมีเทพารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ |
รับบวงสรวงว่าจะช่วยให้สมคิด |
ที่ร้อนจิตต์นั้นค่อยคลายบันเทากรม |
จึงตั้งจิตต์แต่งกลอนอักษรสนอง |
หวังประคองมิให้เคืองระคายขม |
ใช่คัดเงาเกลาคำสำนวนคม |
แสนระทมเหลือทนประทังกาย |
หนึ่งอย่าประเจิดแจ้งให้ประจักษ์ |
ที่ในลักษณ์เล็ดลอดมาถึงสาย |
สมรปิดอย่าให้แซ่กระแสระคาย |
ที่เรียมหมายจงให้สมอารมณ์ปอง |
แม้นเมตตาขอให้มีสาราตอบ |
โดยระบอบอย่าให้เสื่อมนุสรสนอง |
จะได้คลายอุราช้ำระกำตรอง |
ประจงปองอย่าให้ป่วยไมตรีเอย ฯ ๕๖ คำ ฯ |
๏ สดับข่าวกล่าวทรงอนงค์สนม |
ว่างามจริงยิ่งนางในนิคม |
ก็นึกชมโฉมน้องต้องติดใจ |
หวังสวาทมาดมุ่งบำรุงสงวน |
ให้รัญจวนหวนคิดพิสมัย |
แต่สู้ตรอมออมรักหนักฤทัย |
ด้วยเกรงภัยเพราะมิควรจะลวนลาม |
ครั้นแจ้งเหตุว่าประเวศสถานสถิต |
ก็ตั้งจิตต์สดับข่าวสืบสาวถาม |
ด้วยนึกแหนงจะใคร่แจ้งที่ใจความ |
ยังรักงามอยู่หรือสิ้นไม่ยินดี |
ถ้าสิ่งสำราญการเสน่ห์ไม่รู้ประสงค์ |
เหมือนหนึ่งองค์บุษบายาหยี |
ก็จะเข้าปะตาปาเปนนางชี |
นี่เห็นทีจะยังคิดจิตต์พะวง |
ไม่ทราบฤทัยในอาวรณ์สมรนาฎ |
จะจงสวาทหวังตระกูลประยูรหงส์ |
หรือจะเพียงมยุราทิชาพงศ์ |
หรือจะปลงสวาทถึงชาติกา |
จะถามใครก็ไม่แจ้งประจักษ์หู |
จะนิ่งดูบุพเพพาสนา |
ฉวยตัดขาดพลาดลงตรงพาลา |
เหมือนจินดาดวงสลายเสียดายนวล |
ก็ใช่การแต่สงสารจึงช่วยสอน |
จงผันผ่อนให้เห็นงามนะทรามสงวน |
ถึงมิเลิศก็แต่เพียงให้เคียงควร |
ถนอมนวลอย่าให้หมองข้องคำคน |
อย่านึกแหนงแคลงจิตต์คิดสงสัย |
ที่จริงจังหวังจะให้เปนพักผล |
ไม่ตริตรองแล้วก็เห็นเปนเล่ห์กล |
ความกังวลด้วยว่ารักจึงตักเตือน |
นิจจาเอ๋ยเมื่อเคยสุขสำราญรื่น |
จะสิ้นชื่นหรือจะคืนได้ชื่นเหมือน |
เสียดายพักตรผิวผ่องเพียงดวงเดือน |
เคยแต่เลื่อนลอยฟ้านภาลัย |
มาแรมลับพยับเมฆมัวหมอง |
ไม่คืนส่องโลกแล้วหรือไฉน |
จงรักงามเถิดอย่าขามเคืองฤทัย |
จงตรึกไตรดูให้ควรนวลอนงค์ |
ขอเชิญน้องพร้องตอบสาราสนอง |
เจ้าอย่าข้องเคืองคิดเปนพิษสง |
ปฤกษากันตามญาติประยูรวงศ์ |
จงคงครองวังเช่นหลัง เอย ฯ ๒๒ คำ ฯ |
๏ อนงค์ในใต้ฟ้าไม่หาเหมือน |
ดั่งอับสรสุราฤทธิแกล้งบิดเบือน |
ผันผยองล่องเลื่อนลงสู่สุธา |
จึงทรงลักษณวิลัยประไพพิศ |
ให้ต้องจิตต์เตือนสวาทดั่งวาสนา |
ได้อบรมสมสนิทวนิดา |
แต่ป่างมาแม่นมั่นสำคัญใจ |
จึงไม่วายถวิลถึงคำนึงนาฏ |
กำสรดสวาทเพียงอกช้ำจะทำไฉน |
จะได้ดวงบุษบงที่จงฤทัย |
อันอยู่ในนทีสีทันดร |
แสนลึกเหลือประมาณจะผ่านข้าม |
ให้ประหวั่นครั่นคร้ามสยดสยอน |
แม้นรสสุมาลย์รานขั้วลงสาคร |
ก็จะช้อนเกสรไปเวียนชม |
นี่สุดเอื้อมสุดอดกำสรดโศก |
หวังวิโยคด้วยอาลัยจะใคร่สม |
มิได้วายวันหน่ายนึกนิยม |
ดั่งศรคมกรมร้อยอุราเรียม |
ถึงพิษศรก็บห่อนจะเจ็บเทวษ |
อันพิษเนตรทราบเนื้อนี้เหลือเสงี่ยม |
เหลือดำรงที่จะจงน้ำใจเจียม |
มิได้เทียมทางสวาทจะขาดใจ |
ถึงหย้าหรันวันเห็นระเด่นคู่ |
จะกล้าสู้เสียชีวิตด้วยพิสมัย |
ส่วนพระน้องมิได้ปลงจงฤทัย |
หย้าหรันได้ดวงสวาทเพราะอาจอง |
จะอาจบ้างอย่างระเด่นให้เห็นหาญ |
แต่เกลือกการจะไม่เสร็จสมประสงค์ |
ก็สำหรับจะได้อัประมานวงศ์ |
ถ้าณรงค์เถิดจะรอนให้อ่อนแรง |
นี่ยากใจด้วยอยู่ในอาชญาจักร |
จึงยากรักยากฤทธิทั้งคิดแถลง |
ยากสิ้นจนชั้นสารวิถารแสดง |
ยากจะแจ้งให้เจ้าเยื้อนเสมือนกรอม |
หย้าหรันตั้งความเพียงแต่เขียนผ้า |
พี่เลขาแต่อักษรมาวอนถนอม |
พระน้องแค้นด้วยไม่แจ้งเพราะแปลงปลอม |
ครั้นรู้ว่าเชษฐายอมไมตรีกัน |
นี่คงนามอยู่จะขามไม่ควรคิด |
อย่าเบือนบิดว่าใช่คู่ตุนาหงัน |
เหมือนแกล้งชายจะให้วายชีวาวัน |
ขอเชิญขวัญเนตรน้องตรึกตรองดู |
ใช่จะแต่งลิ้นล่อพอหลงใหล |
พี่มิให้อัประยศอดสู |
เจ้างามเสงี่ยมเทียมสุวรรณกำภู |
จะควรคู่แต่กับแก้วมณีดวง |
ทั้งประยูรยศยิ่งทุกสิ่งพร้อม |
สมเปนจอมอนงค์นางรวางหวง |
มิจำไกลก็ไม่ร้างไปห่างทรวง |
จงหนักหน่วงชั่งฤทัยอย่าใจเบา |
หวังปลูกรักไว้เปนรั้วเพราะกลัวร้าย |
จะกล้ำกรายก็ต้องเกรงเจ้าของเขา |
ดั่งพระนุชบุษบาดาหาเนา |
นางได้เศร้าก็เพราะแสนเสียดายวงศ์ |
แค้นอิเหนากุเรปันไปหมันหยา |
ได้จินตหราพิสมัยแล้วใหลหลง |
ดาหาเกิดภัยพาลการณรงค์ |
เพราะชิงองค์บุษบาในธานี |
นี่แลนะใจชายนี้หลายจิตต์ |
ก็ควรคิดแล้วที่กลัวเอาตัวหนี |
ด้วยเห็นเช่นเปนอย่างแต่ปางนี้ |
อันคำพี่ใช่เช่นระเด่นลวง |
พี่รักจริงแม้นใครชิงตุนาหงัน |
จะขอประจัญพันตูจนสู่สรวง |
นี่เปนณรงค์ร้อนใจอยู่ในทรวง |
ยากจะล่วงล้างรักที่หนักแด |
แม้นยาหยีเจ้ามีเมตตาบ้าง |
ช่วยผลาญเสี้ยนอุรพางค์ให้ห่างแห |
ด้วยรสวารีรักอย่าชักแช |
ถ้ารับแน่แล้วจงเงียบไมตรีงำ |
จงเห็นจริงเถิดนะน้องจำลองสวาท |
ลงกระดาษมาด้วยแสนเสน่ห์หนำ |
พอให้ทราบสายสมรไว้ก่อนคำ |
ต่อได้แล้วจึงจะร่ำให้เห็น เอยฯ ๓๘ คำ ฯ |