จดหมายเหตุมองซิเออร์เซเบเรต์ ตอนที่ ๓
จดหมายเหตุ มองซิเออร์เซเบเรต์
ซึ่งเปนเอกอัครราชทูตของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส
ไปเจริญทางพระราชไมตรีกับพระเจ้ากรุงสยาม
เมื่อปี ค.ศ. ๑๖๗๗-๑๖๘๘ (พ.ศ. ๒๒๓๐-๒๒๓๑)
ตอนที่ ๓
(ต่อจากตอนที่ ๒ ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๔๘)
----------------------------
ในวันนี้เอง ข้าพเจ้าได้หาโอกาสพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ ขอให้จัดการให้เราได้เฝ้าเพื่อทูลลาพระเจ้ากรุงสยามกลับไปประเทศฝรั่งเศส มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบว่าจะต้องกราบทูลเสียก่อน
รุ่งขึ้นมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า พระเจ้ากรุงสยามจะได้โปรดให้เราเฝ้าทูลลาในวันที่ ๑๐ ธันวาคม
ณวันที่ ๙ เดือนธันวาคม ได้เกิดเสียงลือขึ้นว่า พระเจ้ากรุงสยามทรงพระประชวร และในวันนี้เองมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า เดิมพระเจ้ากรุงสยามได้ทรงกำหนดให้เราเฝ้าทูลลาในวันที่ ๑๐ แต่บัดนี้ทรงพระประชวรเสียแล้ว จะเสด็จออกให้เราเฝ้ายังไม่ได้ จึงเปนการจำเปนต้องรอให้หายพระประชวรเสียก่อนจึงจะเฝ้าทูลลาได้ แต่ในรวางนี้ก็ขอให้เราทำธุระของเราให้สำเร็จไป เพราะแบบธรรมเนียมในเมืองไทยเคยมีว่า เมื่อได้เฝ้าทูลลาแล้วก็จะต้องลงเรือโดยทันที จะอยู่ต่อไปอีกไม่ได้
ที่ข้าพเจ้าได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ตามที่กล่าวมานี้ ข้าพเจ้าก็ได้รีบไปบอกให้มองซิเออร์เดอลาลูแบทราบทุกประการ แต่ตามเสียงที่มองซิเออร์คอนซตันซ์พูดนั้น ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเปนอุบายของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ที่จะหน่วงเหนี่ยวให้เราอยู่ในเมืองไทยต่อไปอีก เพราะว่าการทั้งปวงยังเตรียมไม่พร้อม ที่จะส่งบาดหลวงตาชาไปได้ และมองซิเออร์เดอลาลูแบก็ได้ทราบความมาว่า การที่กล่าวกันว่าพระเจ้ากรุงสยามทรงพระประชวรนั้นหาจริงไม่ แต่เปนการแกล้งทำประชวร และข้อนี้ก็มีพยานปรากฎให้เห็นจริงว่าหาได้ประชวรไม่ คือในวันที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกข้าพเจ้าว่าจะได้เฝ้าทูลลานั้น มองซิเออร์เดอลาลูได้บอกกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า มองซิเออร์เดอลาลูจะต้องกลับไปลงเรือพร้อมกับเรา มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบมองซิเออร์เดอลาลูว่า ไม่จำเปนจะต้องรีบร้อนอย่างใด มองซิเออร์เดอลาลูจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า เราได้เตรียมจะเฝ้าทูลลาในวันที่ ๑๐ อยู่แล้ว และเมื่อเฝ้าแล้วเราก็จะไปลงเรือทีเดียว
มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบว่า “จริง แต่ในวันนั้นพระเจ้ากรุงสยามคงจะทรงพระประชวร เพราะฉะนั้นท่านราชทูตจะต้องทำใจเย็น ๆ ไว้”
มองซิเออร์เดอลาลูแบได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังต่อไปว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้พูดดังนี้ มองซิเออร์เดอลาลูเองเปนผู้มาเล่าให้มองซิเออร์เดอลาลูแบฟัง
แต่ข้าพเจ้าเองก็ออกจะมีความร้อนใจอยู่บ้าง เพราะจวนจะหมดระดูที่จะเดินเรือได้แล้ว และข้าพเจ้าก็จำเปนจะต้องรีบไปยังฝั่งคอรอมันเดลด้วย ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้ออกเรือภายในสองสามวันนี้แล้ว ก็น่ากลัวจะต้องค้างอยู่ในประเทศอินเดียอีกปี ๑ และจะทำให้เรือเปรซิเดน ซึ่งคอยข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองมะริดเสียโอกาสที่จะออกเดินให้ทันระดูนี้ได้ เพราะเหตุฉะนี้ข้าพเจ้าจึงได้ทำความตกลงกับมองซิเออร์เดอลาลูแบ ว่าข้าพเจ้าจะได้ขอให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กราบทูลพระเจ้ากรุงสยาม ขอพระราชทานพระราชานุญาตให้ข้าพเจ้าไปยังเมืองมะริด เพราะข้าพเจ้าจะรอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว แต่ส่วนมองซิเออร์เดอลาลูแบนั้นให้รอจนกว่าพระเจ้ากรุงสยามจะหายพระประชวรเสียก่อน จึงค่อยเฝ้าทูลลา เมื่อได้ ทูลลาเสร็จแล้วจึงไปลงเรือที่ท่าเรือต่อไป ตามความคิดของข้าพเจ้าดังนี้ มองซิเออร์เดอลาลูแบก็เห็นชอบด้วย ข้าพเจ้าจึงได้ไปพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ตามเรื่องที่คิดไว้นั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ตกลงตามความต้องการของข้าพเจ้า จึงได้บอกให้ข้าพเจ้าทำเปน จดหมายกราบทูลพระเจ้ากรุงสยาม และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็จะรับธุระจำจดหมายนั้นถวายให้ ข้าพเจ้าได้นำความตามที่พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เล่าให้มองซิเออร์เดอลาลูแบฟังทุกประการ และเมื่อข้าพเจ้าได้เขียนจดหมายเสร็จแล้ว ก็ได้นำไปให้มองซิเออร์เดอลาลูแบดูเสียก่อน จึงได้เอาจดหมายไปส่งกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้นำจดหมายของข้าพเจ้าไปอ่านถวายพระเจ้ากรุงสยาม และตอนเย็นมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้บอกกับข้าพเจ้าว่า พระเจ้ากรุงสยามได้โปรดพระราชทานพระราชานุญาตให้ข้าพเจ้าได้กลับไปแล้ว แต่ทรงเสียพระทัยที่ข้าพเจ้าจะไปเสียก่อน โดยมิได้เฝ้าอีกสักครั้ง ๑ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ ว่า ถ้าระดูสำหรับเดินเรือไม่บังคับให้ข้าพเจ้ารีบกลับไปแล้ว ข้าพเจ้าก็จะได้อยู่ในเมืองไทยต่อไป จนกว่าพระเจ้ากรุงสยามจะโปรดให้เราได้เข้าเฝ้าทูลลา แล้วข้าพเจ้าจึงได้รีบเตรียมตัวที่จะได้ออกเรือโดยเร็วที่สุด
ณวันที่ ๑๑ เดือนธันวาคมเวลาเย็น ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบได้เซ็นหนังสือสัญญา ซึ่งพระเจ้ากรุงสยามพระราชทานพระราชานุญาตให้บริษัทฝรั่งเศสมาทำการค้าขาย และพระราชทานสิทธิต่าง ๆ ให้แก่บริษัทด้วย แต่หนังสือสัญญาฉะบับนี้เราได้ตกลงทำกับพระยาพระคลังและข้าราชการอื่น ๆ ซึ่งพระเจ้ากรุงสยามได้ทรงเลือกคัดสำหรับให้มาทำหนังสือสัญญากับเรา หาได้ทำสัญญากับมองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ แต่ในเวลาที่ทำและเซ็นสัญญากันนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็อยู่ในที่นั้นด้วย การที่เราต้องทำสัญญากับพระยาพระคลังนั้น ก็เพราะเหตุว่าถ้าสัญญาทั้งหลายได้ทำกันเปนภาษาไทยกับพระยาพระคลังและข้าราชการอื่น ๆ แล้ว สัญญาฉะบับนั้นก็เปนสัญญาที่มั่นคงใช้กันได้ชั่วกาลนาน และไม่มีผู้ใดจะคัดค้านว่ากล่าวได้ แต่ถ้าสัญญานั้นไม่ได้ทำกับพระยาพระคลังแล้ว ก็อาจจะมีคนคัดค้านได้ในภายหลัง
ในจดหมายบันทึกฉะบับนี้ ข้าพเจ้าหาได้กล่าวถึงข้อความที่ได้ปรึกษาหารือและโต้เถียงกันในเวลาทำหนังสือสัญญาฉะบับนี้ไม่ และไม่ได้กล่าวถึงหนังสือสัญญาฉะบับที่มองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าหุ้นกับบริษัท เพราะถ้าจะเล่าความให้ละเอียดแล้ว ก็จะเปนข้อความอันยืดยาวมาก และจะเล่าไปก็ไม่เปนประโยชน์อันใดเลย เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงความแต่ข้อเดียว และจะกล่าวอย่างสั้นที่สุดที่จะกล่าวได้
ตั้งแต่แรกข้าพเจ้าได้มาถึงเมืองไทยและยังพักอยู่บนเรือรบ บาดหลวงตาชาก็ได้ถามข้าพเจ้าว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะเข้าหุ้นทำการค้าขายกับบริษัท ๆ จะยอมหรือไม่ ข้าพเจ้าได้ตอบว่าบริษัทไม่มีความขัดข้องอย่างใด ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะเข้าหุ้นด้วยก็ได้ บาดหลวงตาชาจึงได้บอกข้าพเจ้าว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ตั้งใจไว้ว่า จะเข้าหุ้นทำการค้าขายกับบริษัทเปนทุน ๑๐๐,๐๐๐ แฟรง ข้าพเจ้าจึงตอบบาดหลวงตาชาว่า ถ้าเรื่องให้กองทหารของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ประจำอยู่ที่บางกอกและมะริดเปนการสำเร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อใด จึงมาพูดเรื่องนี้กันใหม่
ภายหลังมาอีกหลายวันบาดหลวงตาชาเห็นว่าข้าพเจ้ามิได้พูดถึงเรื่องมองซิเออร์คอนซตันซ์จะเข้าหุ้นกับบริษัทอีก บาดหลวงตาชาจึงได้ถามข้าพเจ้าว่า เมื่อเราได้ขึ้นไปที่กรุงศรีอยุธยาแล้ว ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบจะไม่พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์เรื่องทำหนังสือสัญญาสำหรับการค้าขายหรืออย่างไร ข้าพเจ้าจึงได้ตอบบาดหลวงตาชาว่า ถ้ากิจการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสยังไม่สำเร็จเรียบร้อยตราบใด เราก็จะไม่พูดถึงการค้าขายเปนอันขาด
การที่ข้าพเจ้าได้ตอบบาดหลวงตาชาดังนี้ ก็เพราะเหตุว่าข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบได้ทำความตกลงกันไว้ว่าจะต้องพูดอย่างนี้ เพื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้รีบร้อนจัดการต่าง ๆ ให้เปนที่เรียบร้อย เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ต้องการนักที่จะให้บริษัทฝรั่งเศสมาตั้งในเมืองไทย เพื่อตัวจะได้เข้าหุ้นทำการค้าขายกับบริษัทต่อไป เมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ปรารถนาเช่นนี้แล้ว จะได้รีบจัดการต่าง ๆ ให้เปนที่พอใจของเรา
ภายหลังบาดหลวงตาชาได้มาแนะนำกับข้าพเจ้าว่า วิธีดีที่สุดสำหรับให้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ทำหนังสือสัญญาให้บริษัทได้ประโยชน์มากที่สุดนั้น ก็ควรจะตกลงล่วงหน้าไว้กับมองซิเออร์คอนซตันซ์เสียก่อน ว่าจะให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าหุ้นกับบริษัทเปนจำนวนมากน้อยเท่าไร ในเวลานั้นข้าพเจ้าก็ไม่ได้รับรองกับบาดหลวงตาชาอย่างไร และตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป จนเราได้ขึ้นมาอยู่ที่เมื่องลพบุรีแล้วจึงได้เอาเรื่องนี้มาพูดกันอีก
ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบได้ตกลงกันไว้ว่า ในเรื่องที่จะทำสัญญาเกี่ยวด้วยการค้าขายนั้น ให้ข้าพเจ้าพูดจากับมองซิเออร์คอนซตันซ์แต่ผู้เดียว เพราะมองซิเออร์เดอลาลูแบได้รู้สึกว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์กำลังเอาใจข้าพเจ้าอยู่ เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์หวังใจว่า ตนจะได้รับประโยชน์ต่าง ๆ จากบริษัทเปนอันมาก เพราะฉะนั้นเมื่อบาดหลวงตาชาได้มาพูดกับข้าพเจ้าถึงเรื่องทำสัญญาการค้าขายอีกครั้ง ๑ ข้าพเจ้าจึงได้ตอบว่า ถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะต้องการทำสัญญาเมื่อใดก็ได้ไม่มีขัดข้องอย่าง ไร ข้าพเจ้าพร้อมอยู่ที่จะได้ปรึกษาหารือทำสัญญากับมองซิเออร์คอนซตันซ์ทุกเมื่อ
ในวันนั้นเอง บาดหลวงตาชาก็ได้มาเชื้อเชิญให้ข้าพเจ้าไปปรึกษาหารือทำความตกลงกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ เพราะฉะนั้นในเย็นวันนั้น พวกเราจึงได้ไปพร้อมกันที่วัดซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้สร้างขึ้นใหม่ และมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เลือกเอาวัดเปนที่ประชุม ก็เพราะเหตุว่าเปนที่สงัดเงียบไม่มีใครจะมากวนเราได้ ในคราวประชุมครั้งนี้บาดหลวงตาชาก็ได้มาประชุมด้วย
มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ตั้งต้นพูดขึ้นว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์มีความประสงค์ยิ่งนักที่จะให้บริษัทมาตั้งทำการค้าขายในประเทศอินเดียเสียโดยเร็ว และอยากจะให้บริษัทมาตั้งในประเทศสยามนี้โดยฉะเพาะด้วย ซึ่งเปนการที่พระเจ้ากรุงสยามนายของมองซิเออร์คอนซตันซ์มีพระราชประสงค์ยิ่งนัก การที่บริษัทจะมาทำการค้าขายในเมืองไทยนั้น มีช่องทางที่บริษัทจะหาประโยชน์ได้เปนอันมาก เพราะเหตุว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ทำการติดต่อกับเมืองจีนอยู่แล้ว และภายหลังจะทำการติดต่อกับเมืองอื่น ๆ ให้แพร่หลายออกไปอีกก็ได้ ถ้าบริษัทได้มาตั้งห้างค้าขายในเมืองไทยแล้ว นอกจากประโยชน์ที่บริษัทจะได้จากการค้าขายนั้น บริษัทก็ยังจะได้มีโอกาสทำให้อำนาจของบริษัทฮอลันดาลดน้อยถอยลงไปได้เปนอันมาก เพราะในเวลานี้บริษัทฮอลันดาได้ทำให้ประเทศฮอลันดาได้มีอำนาจขึ้นมาก แล้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้อธิบายถึงความดำริของมองซิเออร์คอนซตันซ์ในเรื่องการค้าขายนี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้บอกกับข้าพเจ้าว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ส่งสินค้าซึ่งมาจากเมืองจีน ฝากไปกับเรือเลอฟอชส่งไปยังประเทศฝรั่งเศสเปนจำนวนสินค้ามาก สินค้าเหล่านี้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ฝากไปที่บริษัทฝรั่งเศส และได้ขอให้บริษัทจัดการจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ให้ด้วย เมื่อขายได้เงินมากน้อยเท่าใดก็ขอให้บริษัทเอาเงินนั้นเก็บไว้ทำทุน และคิดดอกเบี้ยให้แก่มองซิเออร์คอนซตันต์ หรือมิฉะนั้นก็ขอให้เอาเงินที่ขายสินค้าได้นั้น ลงเปนทุนของมองซิเออร์คอนซตันซ์เอง และขอให้บริษัทคิดดอกเบี้ยให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ตามแต่บริษัทจะเห็นควรก็ได้
ในขณะนี้บาดหลวงตาชาได้พูดขึ้นว่า บาดหลวงตาชาได้พูดกับข้าพเจ้าไว้แล้วในเรื่องที่มองซิเออร์คอนซตันซ์คิดจะเข้าหุ้นกับบริษัท
ข้าพเจ้าก็รับรองตามที่บาดหลวงตาชาพูดนั้นว่าเปนความจริง แล้วข้าพเจ้าจึงได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ตามการที่ดำริจะเข้าหุ้นกับบริษัทนั้น บริษัทก็ยอมรับให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าหุ้นด้วย มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงขอทำหนังสือสัญญาโดยฉะเพาะในรวางมองซิเออร์คอนซตันซ์และข้าพเจ้าผู้แทนบริษัท แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ขอให้ข้าพเจ้าทำจดหมายบันทึกให้ฉะบับ ๑ บอกให้ทราบว่า ทุนของบริษัทมีเท่าไร บริษัทได้กำไรหรือขาดทุนอย่างไร และบริษัทดำริจะทำการค้าขายด้วยวิธีใดต่อไป
ข้าพเจ้าก็ได้รับปากว่าจะได้ทำจดหมายบันทึกบอกข้อความต่าง ๆ ตามความประสงค์ของมองซิเออร์คอนซตันซ์ เพราะข้าพเจ้าไม่เห็นเปนการยากอะไร แต่ในเรื่องที่จะทำสัญญากับมองซิเออร์คอนซตันซ์นั้น เปนเรื่องที่ลำบากอยู่สักหน่อย เพราะเปนเรื่องที่จะต้องทำความตกลงกันให้เด็ดขาด ว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้มีหุ้นกับบริษัทนับตั้งแต่วันใดเปนต้นไป เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจะต้องการหาเวลาสำหรับไปปรึกษากับมองซิเออร์เดอลาลูแบเสียก่อน ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ข้าพเจ้าเชื่อใจได้แน่ว่าถ้ามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ใช้อำนาจที่มีอยู่ในเมืองไทยสำหรับช่วยบริษัท และได้เอาความรู้ความชำนาญของมองซิเออร์คอนซตันซ์ ช่วยให้การค้าขายของบริษัทได้เจริญแล้ว ก็คงจะได้ผลประโยชน์ดีต่อไปในภายหน้า แต่ในเวลานี้ข้าพเจ้ายังหาเห็นไม่ว่าบริษัทจะได้ประโยชน์มาจากทางใด แล้วข้าพเจ้าจึงได้ชี้แจงถึงการค้าขายที่ควรจะทำได้ในเมืองนี้ และข้าพเจ้าได้อธิบายให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เห็นว่า ข้าพเจ้ารู้สึกได้ดีทีเดียวว่าการค้าขายในเมืองไทยนี้ ไม่มีอะไรที่จะหาผลประโยชน์ได้มากมายเลย เมื่อข้าพเจ้าได้มีโอกาสเช่นนี้แล้ว ข้าพเจ้าจึงได้เลยชี้แจงกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ต่อไปว่า การที่บริษัทคิดจะมาตั้งห้างทำการค้าขายในเมืองไทยนั้น มิได้หวังแต่ประโยชน์และกำไรอย่างเดียวหามิได้ แต่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงพระราชดำริเห็นว่า การค้าขายของบริษัทเท่ากับเปนเครื่องมือสำหรับนำความเจริญมาสู่การสาสนา เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสมิได้ทรงพระราชดำริจะหาผลประโยชน์อย่างใด แต่ทรงมุ่งอย่างเดียวแต่จะให้การสาสนาคริศเตียนได้แพร่หลายออกไปเท่านั้น จึงได้มีพระราชดำรัสสั่งให้บริษัทออกมาตั้งห้างทำการค้าขายในประเทศสยาม ซึ่งเปนคำสั่งที่บริษัทมีความยินดีที่จะทำตามทุกประการ แต่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนั้น ทรงพระเมตตากรุณาแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ทั่วไป และทรงพระเมตตาแก่บริษัทโดยฉะเพาะ เพราะพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงอุปถัมภ์บำรุงบริษัทนี้อยู่ ถ้าทรงเห็นว่าการที่บริษัทจะมาตั้งห้างทำการค้าขายในเมืองไทย จะเปนการเดือดร้อนและขาดทุนแล้ว ก็คงจะไม่ทรงยอมให้บริษัทมาตั้งห้างเปนแน่ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงจำเปนต้องอธิบายให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าใจว่า ถ้าบริษัทไม่ได้รับความเอื้อเฟื้อและไม่ได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ในเมืองไทยแล้ว ทำอย่างไร ๆ บริษัทก็จะไม่มาตั้งห้างใหญ่โตในเมืองนี้ อีกประการ ๑ ถึงแม้ว่าบริษัทได้มาตั้งห้างแล้วก็ดี แต่ถ้าการที่ไทยได้รับรองกองทหารฝรั่งเศส และวิธีที่กองทหารฝรั่งเศสได้เข้าไปประจำรักษาบางกอก เปนสิ่งที่ไม่พอพระทัยพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสแล้ว การที่บริษัทได้มาตั้งห้างอยู่แล้วนั้นก็จะไม่เปนประโยชน์เท่าไรนักเหมือนกัน
ในรวางที่ข้าพเจ้าพูดชี้แจงกับมองซิเออร์คอนซตันซ์อยู่นั้น บาดหลวงตาชาได้พูดแทรกเข้ามาหลายครั้ง และข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นว่า บาดหลวงตาชาได้พยายามจะให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เชื่อข้าพเจ้าให้ได้
ในการที่ปฤกษาหารือกันถึงเรื่องการค้าขายในคราวนี้ หาได้ทำความยุตติตกลงประการใดไม่ ข้าพเจ้าจึงได้รับปากว่าจะได้ส่งจดหมายบันทึกมาให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ตามที่ขอไว้ แล้วข้าพเจ้าก็ลากลับมายังที่พัก รุ่งขึ้นข้าพเจ้าได้เขียนจดหมายบันทึกเสร็จแล้ว ได้ให้มองซิเออร์เดอลาลูแบดูเห็นชอบด้วยแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ส่งจดหมายบันทึกนั้นไปให้มองซิเออร์คอนซตันซ์
ต่อนั้นมาเมื่อได้พูดจาปรึกษาหารือกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ถึงเรื่องการค้าขายอีกครั้ง ๑ จึงได้เปนอันตกลงกันว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้เข้าหุ้นกับบริษัทเปนเงิน ๓๐๐,๐๐๐ แฟรง และมองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้กำไรหรือขาดทุนกับบริษัท นับตั้งแต่วันที่ ๑ เดือนมกราคม ค.ศ. ๑๖๘๘ (พ.ศ.๒๒๓๐) เปนต้นไป และได้ตกลงกันต่อไปว่า บรรดาสินค้าทั้งปวงซึ่งมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เตรียมไว้สำหรับฝากเรือรบฝรั่งเศสส่งไปยังประเทศฝรั่งเศสนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ยอมเอาสินค้าเหล่านี้ขายให้แก่บริษัทครึ่ง ๑ เพื่อได้เอาเงินนั้นทำทุนสำหรับเข้าหุ้นกับบริษัทต่อไป และราคาสินค้าที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะขายให้แก่บริษัทนั้น ได้ตกลงราคากันตามบาญชีที่มองซิเออร์เวเรต์ได้ส่งไว้กับข้าพเจ้า
การที่ข้าพเจ้าได้จัดการไปดังนี้ก็โดยเห็นว่า ถ้าได้ทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รับความสะดวกในการที่จะหาทุนเข้าหุ้นกับบริษัทแล้ว ก็คงจะเปนประโยชน์ต่อราชการของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และเปนประโยชน์ต่อบริษัทเปนอันมาก เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าเมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มีหุ้นส่วน มีทางได้ทางเสียกับบริษัทแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะใช้อำนาจของตัว ทำสัญญาการค้าขายให้เปนประโยชน์แก่เรามากที่สุดที่จะทำได้ ทั้งมองซิเออร์คอนซตันซ์คงจะเอาใจใส่คอยตรวจตรา ให้การทั้งปวงได้ดำเนินตามสัญญานั้นด้วย
เมื่อได้ทำความตกลงกันเช่นนี้แล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ส่งร่างสัญญาการค้าขายให้แก่มองซิเออร์คอนซตันซ์ ซึ่งเปนสัญญาที่ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบได้เห็นชอบพร้อมกันแล้ว ครั้นข้าพเจ้าได้ยื่นสัญญาให้แก่มองซิเออร์คอนซตันซ์แล้ว เมื่อได้พบกันในคราวหลังต่อไป ข้าพเจ้าได้สังเกตว่ามองซิเออร์คอนซตันซ์ไม่ใคร่เต็มใจในข้อที่จะให้บริษัทมีอำนาจทำการค้าขายโดยเปิดเผยไม่มีข้อกีดกันอย่างใด ข้าพเจ้าจึงได้อธิบายให้มองซิเออร์คอนซตันซ์เข้าใจว่า การเปิดโอกาสให้บริษัทได้ทำการค้าขายได้เต็มที่ เปนหลักสำคัญสำหรับให้บริษัทตั้งอยู่ได้ และในข้อที่ให้บริษัทได้ มีอำนาจรับซื้อสินค้าได้ก่อนคนอื่น ซึ่งเปนข้อที่ตกลงไว้ครั้งเชอวาเลียเดอโชมองนั้น เปนข้อสำคัญสำหรับป้องกันมิให้เจ้าพนักงานคลังของพระเจ้ากรุงสยามมีโอกาสที่จะข่มเหงรังแกบริษัทได้ และสัญญาฉะบับนี้ก็จะได้ใช้กันชั่วกาลนาน เพราะฉะนั้นจำเปนต้องหาทางป้องกันมิให้เจ้าพนักงานรบกวนบริษัทได้
มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ฟังข้าพเจ้าชี้แจงก็มิได้โต้แย้งประการใด เปนแต่พูดว่าสำนวนในร่างสัญญานั้นแรงเกินไป จะนำขึ้นถวายพระเจ้ากรุงสยามไม่ได้
ข้าพเจ้าจึงได้ตอบว่า คำพูดและสำนวนนั้นเปนสิ่งที่จะแก้ได้ง่าย แต่ในข้อที่จะยอมให้บริษัทได้ทำการค้าขายโดยไม่มีข้อกีดขวางอย่างใดนั้นเปนเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าไม่ยอมตามนี้แล้ว เราก็จะไม่ยอมทำสัญญาเหมือนกัน
มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบว่า ร่างสัญญาที่ได้เขียนมานี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอาเองไม่ได้ เว้นแต่เราจะยอมให้แก้ไขจึงจะได้ เพราะฉะนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงขอให้ข้าพเจ้ายอมให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงร่างสัญญานี้ได้ และขอให้ข้าพเจ้าทำเปนจดหมายยอมให้ด้วย เมื่อข้าพเจ้าได้ยอมให้แก้ร่างสัญญาแล้ว มองซิเออร์คอนซตันซ์จะได้จดหัวข้อของสัญญามาให้เรา ข้าพเจ้าก็ได้ยอมตามความประสงค์ของมองซิเออร์คอนซตันซ์ และเมื่อมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้จดหัวข้อสัญญามาให้เรา และมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เซ็นชื่อในหัวข้อเหล่านั้นแล้ว ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบ จึงได้ยอมให้มองซิเออร์คอนซตันซ์แก้ร่างสัญญาได้ มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ลงมือร่างสัญญาขึ้นใหม่อีกฉะบับ ๑ ใช้ถ้อยคำและสำนวนซึ่งเห็นว่าเปนสำนวนที่สมควรจะถวายพระจ้ากรุงสยามได้ และได้ขอพระราชานุญาตให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้มีอำนาจที่จะทำสัญญากับเราได้ต่อไป หนังสือที่ขอพระราชทานพระราชานุญาตนั้น ตามความเห็นของเราก็ดูไม่เหมาะเลย แต่ก็ไม่เปนเรื่องสำคัญอันใด ขอแต่ให้ได้ทำสัญญาให้บริษัทได้รับสิทธิต่าง ๆ ตามความต้องการของเราเปนแล้วกัน
ในที่นี้จะต้องกล่าวไว้ให้ทราบว่า เปนธรรมเนียมในเมืองไทยถ้าได้ทำสัญญากันครั้ง ๑ แล้ว เมื่อจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างใดเปนการยากนักหนาทีเดียว ข้อนี้เองทำให้มองซิเออร์คอนซตันซ์อึดอัดในใจมาก เพราะเหตุว่าหนังสือสัญญาได้ทำไว้ครั้งเชอวาเลียเดอโชมองฉะบับ ๑ แล้ว ถ้าจะแก้ไขเปลี่ยนแปลง ใหม่ตามร่างสัญญาของเรา พระเจ้ากรุงสยามก็จะทรงเข้าพระทัยว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไม่พอพระทัยในหนังสือสัญญาที่ได้ทำไว้ครั้งเชอวาเลียเดอโชมอง ซึ่งอาจจะทำให้พระเจ้ากรุงสยามทรงกริ้วมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ เพราะฉะนั้นมองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ทำหนังสือกราบทูล ขอพระราชทานอำนาจให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ทำสัญญากับเราได้ ครั้นพระเจ้ากรุงสยามได้พระราชทานพระราชานุญาตแล้ว เราจึงได้ช่วยกันแก้ไขร่างสัญญาเสียใหม่ ซึ่งยอมให้บริษัทได้รับสิทธิต่าง ๆ ตามความต้องการของเราทุกอย่าง
จริงอยู่ในข้อที่เกี่ยวด้วยสินค้าอันผิดกฎหมายนั้น เราจะงดไม่ระบุชื่อสินค้าอันผิดกฎหมายไม่ได้ เพราะเหตุว่าข้อนี้กินไปถึงพ่อค้าประเทศอื่นเหมือนกัน และไทยไม่ยอมยกเว้นข้อนี้ให้ผู้ใดเปนอันขาด กับในข้อที่เกี่ยวด้วยสินค้าซึ่งเปนส่วนของพระเจ้ากรุงสยามนั้นจะแก้ไขให้เปนอย่างอื่นก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะสินค้าเหล่านี้เปนสินค้าที่พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงผูกขาดมาตั้งแต่เดิมแล้ว ดุจเดียวกับสินค้าเกลือในประเทศฝรั่งเศสเหมือนกัน
ในส่วนหนังสือสัญญาเรื่องพริกไทยนั้น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกกับข้าพเจ้า ว่าหาได้ทำสัญญาเรื่องพริกไทยกับเชอวาเลียเดอโชมองไม่ เปนแต่ได้ทำสัญญาและแรติไฟสัญญาที่ได้ทำกับมองซิเออร์เดลานด์เท่านั้น และว่าหนังสือสัญญาฉะบับที่ทำกับมองซิเออร์เดลานด์นั้น เปนหนังสือสัญญาที่ใช้ได้อยู่แล้ว
ข้าพเจ้าจึงได้ชี้แจงให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟังว่า ตามข้อความในหนังสือสัญญาฉะบับนี้ มีข้อติดขัดอยู่หลายอย่าง มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า ข้อติดขัดไม่มีอย่างใด ที่เห็นว่าติดขัดนั้น คงจะเปนด้วยคนแปลจะแปลความไม่ถูก มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงรับว่าจะแปลสัญญานั้นให้ใหม่ และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้บอกว่า ถึงอย่างไรก็จะแก้สัญญานั้นไม่ได้เสียแล้ว เพราะสัญญานั้นเปนเรื่องที่ได้ตกลงในที่ประชุมแล้ว
ภายหลังมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เอาคำแปลหนังสือสัญญาที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แปลขึ้นใหม่มาส่งให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ตราจดูคำแปลใหม่ เห็นว่าเปนใจความดีกว่าคำแปลฉะบับเดิม ข้าพเจ้าจึงได้ขอให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ เติมความลงในหนังสือสัญญาค้าขายอีกสองสามข้อ ซึ่งข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบเห็นเปนการจำเปนสำหรับให้สิทธิต่าง ๆ ที่ได้ยกให้แก่บริษัทได้เปนการมั่นคง และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้ยอมเติมข้อความในหนังสือสัญญาตามความต้องการของข้าพเจ้า
จะต้องเปนที่สังเกตไว้ว่า ตามหนังสือสัญญาสำหรับทำการค้าขายนี้ พระเจ้ากรุงสยามได้พระราชทานเกาะซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองมะริด สำหรับให้บริษัทไปตั้งห้างเกาะ ๑ ตามความที่พระราชทานเกาะนี้ให้บริษัทนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่ควรจะคัดค้านอย่างใด เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้แสดงอยู่เสมอว่า เมืองมะริดนั้นหาได้ถวายขาดให้แก่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสไม่ เปนแต่พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงมอบเมืองมะริด ให้กองทหารของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสพิทักษรักษาไว้เท่านั้น เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ข้าพเจ้าจึงระวังนัก มิให้มองซิเออร์คอนซตันซ์มีความสงสัยไปอย่างอื่นได้ มิฉะนั้นการที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รับรองไว้ว่า จะได้รีบส่งมองซิเออร์ดูบรูอังกับกองทหารไปประจำอยู่ที่เมืองมะริดนั้น อาจจะเปนการเหลวไปก็ได้
ณวันที่ ๑๒ เดือนธันวาคมเวลาเย็น มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า พระเจ้ากรุงสยามได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ข้าพเจ้าได้กลับไปก่อนแล้ว แต่ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้ออกจากเมืองไทยนั้น พระเจ้ากรุงสยามมีพระราชประสงค์จะให้ข้าพเจ้าเข้าเฝ้าโดยฉะเพาะอีกครั้ง ๑ และมองซิเออร์คอนซตันซ์ก็ได้อ้อนวอนขอให้ข้าพเจ้ายอมเฝ้า ข้าพเจ้าได้ปรึกษากับมองซิเออร์เดอลาลูแบเห็นชอบพร้อมกันแล้ว จึงได้ยอมเข้าเฝ้าตามพระราชประสงค์
ในวันนี้เองเวลาเย็นมองซิเออร์เดอลาลูแบได้เอาหนังสือมาให้ข้าพเจ้าดูฉะบับ ๑ ซึ่งเปนหนังสือที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้เขียนมา ข้าพเจ้าได้อ่านแล้วก็เห็นว่า ใจความหนังสือฉะบับนี้เต็มไปด้วยความเหนบแนมและใช้ถ้อยคำหยาบคายตัดพ้อต่อว่าต่าง ๆ ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าไม่ควรจะตอบหนังสือฉะบับนี้เลย และให้แก้ตัวเสียว่า เราจวนจะกลับไปประเทศฝรั่งเศสอยู่แล้ว จึงไม่มีเวลาจะตอบจดหมายฉะบับนี้ได้ อีกประการ ๑ ถึงแม้ว่าเราจะตอบจดหมายฉะบับนี้ ก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ตั้งใจไว้แล้ว ว่าจะได้ปฏิบัติกับเราเหมือนกับที่ได้ทำมาแต่ชั้นต้น และการสิ่งใดที่ยังเกี่ยวค้างอยู่ ก็จะมอบให้บาดหลวงตาชาจัดการทั้งสิ้น เพราะบาดหลวงตาชาจะได้ไปประเทศฝรั่งเศส โดยรับอำนาจไปเต็มที่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการทั้งหลายก็คงเปนอันค้างอยู่อย่างนี้ ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบจึงได้ตกลงกันว่า มองซิเออร์เดอลาลูแบจะไม่ยอมเซ็นสัญญาหรือเซ็นอะไรหมด โดยจะอ้างเหตุว่าข้าพเจ้าไม่อยู่เสียแล้ว เว้นแต่ถ้าสิ่งใดเราได้ประโยชน์หรือได้เปรียบมองซิเออร์เดอลาลูแบจึงจะยอมเซ็น นอกจากนี้ มองซิเออร์เดอลาลูแบก็จะได้รอให้พระเจ้ากรุงสยามหายประชวร เสียก่อนจะได้เฝ้าทูลลา แล้วจะได้ออกจากเมืองไทยกลับไปประเทศฝรั่งเศสทีเดียว
วันนี้เราได้ทำคำสั่งถึงมองซิเออร์เดฟาชฉะบับ ๑ บังคับให้มองซิเออร์เดฟาชส่งทหารปืนใหญ่พร้อมด้วยปืนใหญ่และลูกแตก กลับไปยังประเทศฝรั่งเศส
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงเรื่องที่ข้าพเจ้าได้ออกจากเมืองไทยนั้น จำเปนจะต้องอธิบายถึงเรื่องกำไรและวิธีใช้เงิน ซึ่งบริษัทได้ทดรองไปสำหรับทำของต่างๆ ให้พระเจ้ากรุงสยามเสียก่อน
ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าได้พูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ ชี้แจงเหตุผลต่าง ๆ ที่บริษัทได้ทดรองเงินไป มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า ราชทูตสยามได้รายงานมาว่า บริษัทไม่ยอมทดรองเงินให้สำหรับทำของเหล่านี้ แต่บริษัทรับว่าจะได้เปนธุระทำของต่าง ๆ ตามที่พระเจ้ากรุงสยามจะต้องพระราชประสงค์ ราชทูตสยามจึงได้ทำความตกลงกับบริษัทว่า พระเจ้ากรุงสยามจะได้โปรดชำระเงินค่าของเหล่านี้ตามราคาทุนที่ได้จ่ายไป และจะได้พระราชทานส่วนกำไรให้แก่บริษัทคิดเปนกำไร ๒๕ เปอเซ็นต์ แต่ความจริงในเรื่องนี้บริษัทได้ปฏิเสธไม่ยอมรับรู้ตามที่ผู้อำนวยการได้ทำความตกลงกับราชทูตสยามเช่นนี้ มาควิศเดอเซเนเลจึงได้สั่งให้บริษัทส่งผู้อำนวยการคนอื่น ให้มาทำความตกลงกับ าชทูตสยาม ถึงเรื่องวิธีที่จะชำระเงินและคิดกำไรกันเสียใหม่ ครั้นบริษัทได้ส่งผู้อำนวยการมาใหม่ ก็คงเปนอันตกลงกับราชทูตสยามเหมือนครั้งก่อน คือว่าจะคิดกำไรให้บริษัท ๒๕ เปอเซ็นต์ นอกจากนั้นถ้าจะเกิดการเสียหายขึ้นอย่างใด ก็ต้องตกอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัททั้งสิ้น
ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ในข้อที่กล่าวว่าบริษัทไม่ยอมจ่ายเงินให้แก่ราชทูตสยามนั้น เปนสิ่งที่เปนไปไม่ได้ เพราะบริษัทได้จ่ายเงินออกไปแล้ว และการที่บริษัทรับเปนธุระทำของต่าง ๆ ให้นั้นก็เพื่อจะเอื้อเฟื้อแก่ราชทูตสยาม เพราะบริษัทเห็นว่าถ้าไม่รับธุระแล้วทำอย่างไร ๆ ราชทูตสยามก็คงจะจัดการให้สำเหร็จไม่ได้ และที่บริษัทได้รับภาระไปเช่นนี้ก็เพื่อประสงค์จะทำการให้เปนที่พอพระทัยของพระเจ้ากรุงสยามเท่านั้น เพราะของต่าง ๆ เหล่านี้ก็ได้ทำขึ้นโดยความเห็นชอบของราชทูตสยาม และนายช่างก็ได้ประดิษฐ์ของเหล่านี้ไม่ผิดกับแบบตัวอย่างเลย บริษัทจึงคิดเห็นว่าเมื่อได้ทำของเหล่านี้เปนการสำเหร็จสมพระราชประสงค์ของพระเจ้ากรุงสยามแล้ว ก็คงจะเปนการพอพระทัยทุกอย่าง การที่บริษัทได้ให้ทำของต่าง ๆ เหล่านี้ ก็มิได้รับคำสั่งจากมาควิศเดอเซเนเลเลย และมองซิเออร์คอนซตันซ์เองก็ได้ออกปากชมว่า ของต่างๆ ที่ได้ทำขึ้นเปนครั้งแรกนี้ ได้ทำอย่างดีถูกต้องทุกอย่าง จริงอยู่ได้มีของเสียหายชำรุดไปหลายอย่าง แต่ข้อนี้เปนด้วยการข้ามน้ำข้ามทะเลอันเปนหนทางไกลเดินทางช้าวันมาก จะโทษอย่างอื่นไม่ได้ แต่ที่ว่า ๆ ราชทูตสยามได้ทำความตกลงกับบริษัทในเรื่องกำไรนั้นเปนความไม่จริง เพราะในเรื่องนี้บริษัทได้มอบให้ข้าพเจ้ามาจัดการในเวลาที่ข้าพเจ้าได้มาถึงประเทศสยามแล้ว
มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ในเรื่องกำไรของบริษัทนั้นพระเจ้ากรุงสยามคงจะได้พระราชทานให้เปนที่พอใจของบริษัท มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงแนะนำข้าพเจ้าว่าอย่าให้ข้าพเจ้ากะอัตรากำไรจะดีกว่า ทำอย่างไร ๆ พระเจ้ากรุงสยามก็คงจะพระราชทานกำไรให้พองาม
ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่าข้าพเจ้าจะได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของมองซิเออร์คอนซตันซ์ด้วยความเต็มใจ แต่ข้าพเจ้าต้องขอให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้คิดถึงข้อเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ก็รับรองว่าจะได้คิดให้เหมือนกัน
ในเรื่องนี้ต่อมามองซิเออร์คอนซตันซ์ได้นิ่งอยู่นานมิได้พูดถึงอีกเลย ข้าพเจ้าจึงจำเปนต้องถามขึ้นว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กราบทูลพระเจ้ากรุงสยามในเรื่องนี้แล้วหรือยัง
มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ตอบข้าพเจ้าว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้กราบทูลแล้ว พระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งให้หาราชทูตสยามและได้มีรับสั่งถามว่า เหตุใดราชทูตจึงมิได้ทำความตกลงไว้กับบริษัท ราชทูตได้กราบทูลว่า ได้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะได้คิดดอกเบี้ยให้แก่บริษัท ๒๕ เปอร์เซ็นต์ ดังมีแจ้งอยู่ในรายงานของราชทูตนั้นแล้ว พระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งว่า ถ้าราชทูตได้ไปตกลงไว้เช่นนั้น ก็ต้องให้เปนไปตามนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ราชทูตสยามมิได้ไปทำความตกลงกับบริษัทอย่างใดเลย
มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ให้คนไปตามราชทูตมา ราชทูตได้พารายงานมาด้วย และได้ยืนยันว่าราชทูตได้ทำความตกลงกับผู้อำนวยการ ซึ่งบริษัทได้จัดให้มาโดยได้รับคำสั่งจากท่านมาควิศเดอเซเนเล แล้วราชทูตก็ได้อ่านรายงานตอนที่กล่าวถึงข้อตกลงกับผู้อำนวยการของบริษัทให้ข้าพเจ้าฟัง
ข้าพเจ้าจึงพูดกับมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า ข้าพเจ้าก็มีหลักฐานที่จะให้เห็นได้ชัดเจนว่า ตามที่ราชทูตได้กล่าวนั้นเปนความไม่จริง เพราะบริษัทก็ได้ส่งรายงานมาให้ข้าพเจ้าฉะบับ ๑ เหมือนกัน และในรายงานฉะบับนั้นก็ได้กล่าวถึงข้อความที่ได้พูดกันเมื่อครั้งประชุมกันที่กรุงปารีศในระหว่างราชทูตสยามและผู้แทนของบริษัท ข้าพเจ้าจึงได้อ่านรายงานของบริษัทให้มองซิเออร์คอนซตันซ์ฟัง
มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงพูดกับข้าพเจ้าว่า เห็นแล้วว่ารายงานของบริษัทมีความอย่างไร แต่พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงกำหนดไว้แล้ว ว่าจะได้พระราชทานดอกเบี้ยให้แก่บริษัท ๒๕ เปอร์เซ็นต์
การที่เปนไปดังนี้ข้าพเจ้านึกเสียใจและไม่พอใจเปนอันมาก เพราะไม่ใช่แต่บริษัทได้รับความเสียหายอย่างเดียว แต่พระเจ้ากรุงสยามได้ทรงเอาความเท็จมาวินิจฉัยซึ่งตรงกันข้ามกับความจริง และเปนทีดูเหมือนพระเจ้ากรุงสยามจะสงสัยในคำพูดของข้าพเจ้าที่พูดแทนบริษัทนั้นด้วย
มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้บอกกับข้าพเจ้าว่า มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้ตัดความออกจากรายงานของราชทูตสยามหลายอย่าง เพราะข้อความเหล่านี้อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดอันจะทำความเสียหายให้เกิดแก่บริษัทก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นในรายงานได้กล่าวว่า บริษัทได้ห้ามไม่ให้พ่อค้าและนายช่างเข้าไปหาราชทูตซึ่งราชทูตได้ให้ไปเรียกมา เพราะบริษัทไม่อยากให้ราชทูตทราบราคาค่าของต่าง ๆ ที่ให้ทำนั้น ดังนี้เปนต้น
ข้าพเจ้าจึงได้ตอบมองซิเออร์คอนซตันซ์ว่า การที่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ให้ตัดความเช่นนี้ออกนั้น บริษัทมีความขอบใจอยู่แล้ว แต่การที่หาว่าบริษัทได้สั่งห้ามมิให้พ่อค้าและนายช่างเข้าไปหาราชทูตนั้น เปนความไม่จริงเลย เพราะเหตุว่าบริษัทไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนี้ได้ ถึงแม้ว่าบริษัทคิดอยากจะทำเช่นนี้ก็จะทำไม่ ได้เปนอันขาด เพราะไม่มีอำนาจที่จะทำได้ อีกประการ ๑ เจ้าพนักงานของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเปนคนรับใช้และเปนคนพิทักษรักษาราชทูต และราชทูตก็ได้รับความเอื้อเฟื้อและได้รับความต้อนรับอย่างพิเศษ ซึ่งไม่เคยมีตัวอย่างในประเทศฝรั่งเศสเลย เพราะฉะนั้นที่ราชทูตไปคิดเห็นว่าบริษัทคอยกีดกันมิให้พวกพ่อค้าและนายช่างมาหานั้น ไม่มีมูลอย่างใดและไม่ควรจะคิดเช่นนั้นเลย ที่ราชทูตสยามได้คิดเช่นนี้กระทำให้ข้าพเจ้าปลาดใจอย่างยิ่ง เพราะข้าพเจ้าเองก็มีพยานหลักฐานที่จะชี้ให้เห็นว่า ตามที่ราชทูตสยามกล่าวนั้นเปนความไม่จริง โดยเหตุว่าในเวลาที่ข้าพเจ้าได้ไปหาราชทูตคราวใด ก็ได้พบราชทูตอยู่กับพวกพ่อค้าและนายช่างทุกคราว จนที่สุดบรรดานายช่างและคนงานที่มีหน้าที่ทำของต่าง ๆ ของพระเจ้ากรุงสยามนั้น ก็ได้ไปหาราชทูตสยามยังโฮเต็ลที่พักบ่อย ๆ ทุก ๆ คน เพื่อจะไปเรียนทางปฏิบัติจากราชทูต และที่บริษัทได้รับธุระไปจัดทำของให้นั้น ก็ประสงค์อย่างเดียวแต่จะให้เปนการพอพระทัยของพระเจ้ากรุงสยามและพอใจท่านราชทูตสยามเท่านั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าการที่บริษัทได้ทำความดีนั้น ได้กลับเปนความร้ายเสียแล้ว
มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ฟังข้าพเจ้าชี้แจงดังนี้ ก็ออกจะเชื่อตามที่ข้าพเจ้าพูด แต่ถึงดังนั้นกำไรที่จะให้แก่บริษัทนั้นก็คงตกลงให้ ๒๕ เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง มองซิเออร์คอนซตันซ์จึงได้ให้ เจ้าพนักงานไปขนเงินมาไว้บ้านของตัวต่อหน้าข้าพเจ้าเพื่อจะได้ชำระเงินกันเสียให้เสร็จ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้าจะรับเปนตัวเงินมาจะไม่ได้ประโยชน์เท่ากับรับเปนสินค้า อันเปนสินค้าที่สมควรจะนำไปจำหน่ายที่ประเทศฝรั่งเศสและที่ฝั่งคอรอมันเดลได้ ข้าพเจ้าจึงจัดการว่าราคาสินค้าต่าง ๆ กับมองซิเออร์คอนซตันซ์ แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ยังกะราคาเงินและดอกเบี้ยไม่ได้ เพราะเหตุว่ามีกระจกได้แตกไปหลายบาน และของอื่น ๆ ก็ได้เสียหายชำรุดเปนอันมาก ซึ่งจะทำบาญชีรายละเอียดภายในเวลา ๒ เดือนไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงได้มอบหน้าที่ให้มองซิเออร์เวเรต์เปนผู้ทำบาญชีรายละเอียดนี้ต่อไป และข้าพเจ้าเชื่อว่ามองซิเออร์เวเรต์คงจะได้ทำบาญชีส่งไปให้บริษัทภายในปีนี้ สินค้าต่าง ๆ ได้บรรทุกลงเรือเปรซิเดนส่งไปยังฝั่งคอรอมันเดลหลายอย่างแล้ว และในสินค้าเหล่านี้ล้วนแต่มีกำไร ๒๕ เปอร์เซนต์ทุกอย่าง
ณ วันที่ ๑๓ เดือนธันวาคม ข้าพเจ้าได้ไปเฝ้าพระเจ้ากรุงสยามตามที่ได้นัดกันไว้แล้ว ราชทูตที่ ๑ ผู้ที่เคยไปเจริญทางพระราชไมตรีในประเทศฝรั่งเศส กับขุนนางข้าราชการอีกหลายนายได้เปนผู้พาข้าพเจ้าไปยังที่เฝ้า และระเบียบที่เข้าเฝ้าในคราวนี้ ก็ได้มีเช่นเดียวกับเมื่อครั้งข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอลาลูแบได้เข้าเฝ้าโดยเฉพาะในคราวก่อน
พระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งว่า ทรงมีความเสียพระทัยที่ระดูเดินเรือได้บังคับให้ข้าพเจ้าต้องรีบร้อนกลับไปจากราชสำนักสยามเช่นนี้ แล้วจึงรับสั่งถามว่า การที่ได้ทรงพระกรุณาผ่อนผันให้บริษัทได้มาตั้งห้างในพระราชอาณาจักร์สยามนั้น เปนการที่ข้าพเจ้าพอใจหรือไม่
ข้าพเจ้าได้กราบทูลขอบพระเดชพระคุณที่ได้ทรงพระเมตตาแก่บริษัท แล้วข้าพเจ้าจึงได้กราบทูลต่อไปว่า เมื่อข้าพเจ้าได้กลับไปถึงประเทศฝรั่งเศสแล้ว ข้าพเจ้าจะได้กราบทูลให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงทราบในการที่พระเจ้ากรุงสยามทรงตั้งพระไทยดีต่อบริษัท
พระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งถามข้าพเจ้าว่า มองซิเออร์เดลานด์บูโรจะได้อยู่ในประเทศสยามต่อไปหรืออย่างไร
ข้าพเจ้าจึงได้กราบทูลว่า บริษัทได้กะไว้แล้วว่าจะให้มองซิเออร์เดลานด์ไปประจำอยู่ที่เมืองเบงคอลต่อไป
ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นว่าพระเจ้ากรุงสยามโปรดปรานมองซิเออร์เดลานด์อยู่บ้าง และคงจะพอพระทัยให้มองซิเออร์เดลานด์ได้ประจำอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาแทนมองซิเออร์เวเรต์
แล้วพระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งว่าอยากจะทรงเห็นบุตร์ชายของข้าพเจ้า ในทันใดนั้นบุตร์ชายข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นถวายคำนับ พระเจ้ากรุงสยามจึงได้รับสั่งว่า ทรงยินดีที่บุตร์ชายของข้าพเจ้าได้เล่าเรียนอยู่กับพวกบาดหลวงเยซวิต แล้วจึงได้พระราชทานสายสร้อยทองคำให้บุตร์ชายข้าพเจ้าสาย ๑ พระเจ้ากรุงสยามได้รับสั่งขอให้ข้าพเจ้าไปกราบทูลพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ถึงพระราชไมตรีของพระองค์ และทรงหวังพระทัยว่าพระราชไมตรีนี้จะได้มีติดต่อสืบเนื่องกันชั่วกาลนาน
เมื่อรับสั่งเสร็จแล้วพระเจ้ากรุงสยามก็เสด็จขึ้น แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าการเสด็จขึ้นครั้งนี้ดูออกจะรีบด่วนอยู่สักหน่อย แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้อธิบายให้ข้าพเจ้าฟังว่า การที่ต้องรีบเสด็จขึ้นเช่นนี้ ก็เพราะเหตุที่ยังทรงพระประชวรอยู่ มิฉะนั้นก็คงจะ โปรดให้ข้าพเจ้าได้เฝ้าอยู่นานกว่านี้
เมื่อข้าพเจ้าได้ออกจากที่เฝ้าแล้ว ก็ได้เลยไปรับประทานอาหารที่บ้านมองซิเออร์คอนซตันซ์ แล้วจึงได้เซ็นหนังสือสัญญาพิเศษในเรื่องที่มองซิเออร์คอนซตันซ์จะเข้าหุ้นกับบริษัทนั้นด้วย มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้สัญญากับข้าพเจ้าว่าจะได้ทำจดหมายบันทึก แสดงถึงการค้าขายว่าจะควรทำการค้าขายในเมืองไทยด้วยวิธีใด และจะได้ส่งจดหมายบันทึกนี้ฝากไปกับเรือรบฝรั่งเศส อันที่จริงจดหมายบันทึกอันนี้ มองซิเออร์คอนซตันซ์ได้รับปากจะทำให้ข้าพเจ้ามาช้านานแล้ว และรับว่าจะได้ส่งให้ข้าพเจ้าก่อนข้าพเจ้าจะกลับจากเมืองไทย แต่มองซิเออร์คอนซตันซ์มิได้มีเวลาว่างเลย จึงยังหาได้ทำให้ข้าพเจ้าไม่
ในวันนี้เวลาบ่ายประมาณ ๓ โมง ข้าพเจ้าได้ลามองซิเออร์เดอลาลูแบ ซึ่งจำเปนต้องลาด้วยความอาลัยเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ลาออกจากบ้านที่พัก บรรดานายทหารฝรั่งเศสทั้งหลายทั้งนายทหารบกและนายทหารเรือซึ่งอยู่ที่เมืองลพบุรี ได้มาพร้อมกันอยู่ที่บ้านเพื่อคอยส่งข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้เดินไปลงเรือต่อไป เมื่อข้าพเจ้าเดินผ่านบ้านมองซิเออร์คอนซตันซ์ ๆ ก็ออกมาต้อนรับ แล้วได้เดินไปส่งข้าพเจ้าจนถึงเรือ ซึ่งเจ้าพนักงานได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว มองซิเออร์เดฟาชกับพวกบาดหลวงเยซวิตทั้งคณะก็ได้ไปส่งข้าพเจ้าถึงเรือด้วย เมื่อข้าพเจ้าได้ลาท่านผู้ที่มาส่งทุกคนแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ลงเรือ และมองซิเออร์คอนซตันซ์กับท่านผู้ที่มาส่งได้ยืนอยู่ที่ตลิ่ง จนเรือได้ออกไปไกลแล้วจึงได้ต่างคนต่างกลับไป
เวลากลางคืนประมาณ ๕ ทุ่ม (๑๑ ล.ท.) ข้าพเจ้าได้มาถึงกรุงศรีอยุธยา รุ่งขึ้นข้าพเจ้าได้พักอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาตลอดวัน เพื่อจะได้ทำธุระต่าง ๆ และทำคำสั่งมอบไว้กับมองซิเออร์เวเรต์และเจ้าพนักงานอื่น ๆ ของบริษัทเสียให้เสร็จ แล้วข้าพเจ้าได้ไปลาท่านสังฆราชเดอเมเตโลโปลิศและท่านสังฆราชเดอโรซาลีที่กรุงศรีอยุธยา แต่ในรวางเวลาที่กำลังเดินไปบ้านท่านสังฆราชนั้นได้พบกับท่านสังฆราชทั้งสองเดินสวนทางมา เพื่อจะพาพวกมิชันนารีทั้งปวงมาเยี่ยมเยือนข้าพเจ้า
ในครั้งนี้ข้าพเจ้าได้เซ็นคำสั่งกำหนดอัตราเงินเดือนของพลทหาร ซึ่งข้าพเจ้าได้กะอัตราให้เปนเบี้ยเลี้ยงวันละ ๔ แฟรง ถ้าจะดูเผิน ๆ แล้วอัตราเบี้ยเลี้ยงวันละ ๔ แฟรงนี้ดูจะแรงมาก แต่ข้าพเจ้าจะกะให้น้อยกว่านี้ไม่ได้ เพราะสะเบียงอาหารในเมืองนี้แพงมาก และถึงให้วันละ ๔ แฟรงก็เกือบจะไม่พอเสียซ้ำไป พวกปอตุเกตที่ประจำอยู่ที่บางกอกนั้น ได้รับพระราชทานเบี้ยเลี้ยงจากพระเจ้ากรุงสยามถึงวันละ ๑๐ แฟรง ภายหลังจึงค่อยจัดการให้กองทหารได้ซื้อสะเบียงอาหารให้ถูกกว่านี้ก็ได้ ตามบาญชีที่ได้ทำมานั้นท่านมาควิศเดอเซเนเลคงจะเห็นได้ว่าเปนการจำเปนที่จะให้เบี้ยเลี้ยงแก่พลทหารน้อยกว่านี้ไม่ได้
ณวันที่ ๑๕ เดือนธันวาคม เวลาเที่ยงข้าพเจ้าได้ออกเรือจากกรุงศรีอยุธยาล่องลงไปบางกอก และได้ไปถึงบางกอกในราว ๒ ยาม (เที่ยงคืน) มองซิเออร์เดอแวเดอซาลผู้บังคับการกองทหารในเวลาที่มองซิเออร์เดฟาชไม่อยู่นั้น ได้มาคอยรับข้าพเจ้าอยู่ที่สะพานท่าน้ำ แล้วเจ้าพนักงานได้พาข้าพเจ้าไปยังที่พักซึ่งได้จัดเตรียมไว้ให้ข้าพเจ้าพัก ในรวางที่เดินทางจากท่าน้ำไปยังที่พักนั้น ได้มีกองทหารถืออาวุธเรียงแถวรายอยู่ทั้งสองข้างทาง และทหารก็ได้ตีกลองด้วย ในลานบ้านที่พักนั้นมีกองทหารเกียรติยศ ๕๐ คน มีนายร้อยเอก ๑ นายร้อยโท ๑ และมีนายร้อยตรี ๑ คน ในรวางที่เดินทางตั้งแต่ประตูเมืองจนถึงที่พักซึ่งเปนหนทางประมาณ ๑๐๐ ก้าวนั้น ปืนใหญ่ก็ได้ยิงสลุตตลอดทาง เมื่อข้าพเจ้าได้ออกรับพวกนายทหารฝรั่งเศสและขุนนางข้าราชการซึ่งประจำอยู่ในเมืองบางกอกเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้เลยเข้านอน ในรวางที่ข้าพเจ้าเดินทางจากกรุงศรีอยุธยามาบางกอกนั้น ได้มีเรือคอยแวดล้อมอยู่เปนอันมาก และบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ ที่ผ่านมาตามทางก็คอยมาส่งจนหมดเขตต์ของตัวทุกแห่ง
ณวันที่ ๑๖ เดือนธันวาคม ข้าพเจ้าได้พักอยู่ที่บางกอกตลอดวัน เพื่อทำธุระต่างๆที่ค้างเสียให้เสร็จ และเพื่อจะได้เตรียมตัวกลับไปประเทศฝรั่งเศสด้วย เมื่อข้าพเจ้าพักอยู่ที่บางกอกนั้น มองซิเออร์เดอโวครีคูร์ก็ได้มาหาเพื่อมาทำความตกลงถึงเรื่องจะถอนเรือลานอมันด์ ซึ่งมองซิเออร์เดอคูร์เซลเปนผู้บังคับนั้น ข้าพเจ้ากับมองซิเออร์เดอโวครีคูร์จึงได้ตกลงพร้อมกันว่า ตามคำสั่งของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสนั้น เรือลำนี้จะต้องไปยังเมืองปอนดีเชรีโดยเร็ว แล้วจึงให้ออกจากเมืองปอนดีเชรีไปยังแม่น้ำเมืองเบงคอล เพื่อไปบรรทุกสินค้าสำหรับบริษัท แล้วจึงให้กลับไปยังประเทศฝรั่งเศส
ข้าพเจ้าได้ไปดูการฝึกหัดทหารฝรั่งเศส และได้สังเกตเห็นว่า กองทหารฝรั่งเศสได้ฝึกท่าทางดีมาก ดูมองซิเออร์เดอแวเดอซาลจะเอาใจใส่ในการฝึกทหารนี้เปนอันมาก
รายงานระยะเดินทาง รวางบางกอกและฝรั่งเศส
ณวันที่ ๑๗ เดือนธันวาคม เวลาเช้า ข้าพเจ้าได้ลงเรือพร้อม ด้วยบาดหลวงเดสปานยักบาดหลวงเยซวิต ซึ่งจะต้องไปประจำอยู่ที่ เมืองมะริด ออกพระวิสูตร์สุนทรก็ได้ลงเรือเหมือนกัน เพราะ ท่านผู้นี้จะไปส่งข้าพเจ้าจนถึงเมืองมะริด และมีหน้าที่จะไปกับ มองซิเออร์เดอเบรซีเอนยินเนียของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เพื่อไปทำแผนที่เกาะซึ่งพระเจ้ากรุงสยามได้พระราชทานให้แก่บริษัท
ในวันนี้ ได้เดินทางตลอดวัน และได้มีเรือพวกเจ้าเมืองซึ่งข้าพเจ้าได้ผ่านไปนั้น ได้ออกมาต้อนรับและคอยกำกับไปหลายลำ ในกลางทางรวางบางกอกและท่าจีนนั้น ข้าพเจ้าได้พบกับเจ้าเมืองเมืองใหญ่ซึ่งเรียกกันว่าเมืองราชบุรี ได้มีเรืออื่น ๆ อีกเปนอันมาก ได้ตามเรือเจ้าเมืองราชบุรีมาด้วย เมื่อเจ้าเมืองราชบุรีได้มาต้อนรับข้าพเจ้าเสร็จแล้ว จึงได้ออกเรือนำหน้าเรือข้าพเจ้า และบรรดาพวกเรือเมืองราชบุรีก็ตามเรือเจ้าเมืองไปด้วยกันทั้งหมด ในขณะนี้เจ้าเมืองบางกอกได้มาลาข้าพเจ้าเพื่อกลับไปบางกอก เพราะหมดเขตต์ของตัวแล้ว
จะต้องกล่าวให้ทราบไว้ในที่นี้ว่า ตามเมืองหรือตำบลทุก ๆ เมือง มีขุนนางคน ๑ เปนผู้ที่ชำระตัดสินอรรถคดีของราษฏรพลเมืองทั้งปวง และขุนนางคนนี้เองเปนผู้คอยรับคำสั่งจากราชสำนักสำหรับมาจัดการทั้งปวงทั่วไป ถ้าเมืองใดมีป้อมหรือมีกองทหารประจำอยู่ ขุนนางคนนี้หาได้ว่ากล่าวบังคับบัญชากองทหารไม่ แต่ต้องมีนายทหารอีกคน ๑ สำหรับบังคับบัญชากองทหารเปนส่วน ๑ ต่างหาก และกองทหารเหล่านี้โดยมากก็มักจะเปนคนต่างชาติต่างภาษาทั้งนั้น
เมื่อข้าพเจ้าได้เดินทางจากบางกอกมาได้ประมาณ ๔ หรือ ๕ ไมล์ ข้าพเจ้าได้พบกับกะลาสีเรือ ๒๕ คนซึ่งข้าพเจ้าได้เรียกมาจากเมืองมะริด และเปนกะลาสีที่ประจำอยู่ในเรือเปรซิเดน การที่ข้าพเจ้าได้เรียกพวกกะลาสีมานั้น ก็เพื่อให้มาช่วยกำลังของเรือรบฝรั่งเศสและช่วยกำลังเรือโดรมาแดโดยฉะเพาะ เพราะถ้าไม่เรียกกะลาสีพวกนี้มาช่วยแล้ว เรือลำนี้ก็จะกลับไปประเทศฝรั่งเศสไม่ได้ เพราะกะลาสีประจำเรือลำนี้ได้ล้มตายไปเสียหลายคน
แม่น้ำในตอนนี้แคบเข้าทุกทีเกือบจะเปนคลองเล็ก ๆ อยู่แล้ว น้ำก็ตื้นมาก จึงต้องใช้กระบือสำหรับลากเรือไปตามเลนจนกว่าจะไปถึงน้ำลึก และกระบือเหล่านี้ก็ได้วางไว้เปนระยะ ๆ ตลอดทาง ซึ่งเปนระยะยาวอยู่ในราว ๒ หรือ ๓ ไมล์ เมื่อพ้นที่ตื้นไปถึงน้ำลึกแล้ว ก็ได้เดินทางไปถึงท่าจีนอย่างสะดวก และได้ไปถึงท่าจีนในราวบ่าย ๕ โมง ในระยะนี้ได้เดินทางผ่านแม่น้ำหลายแม่น้ำ ซึ่งมีคลองขุดเปนคลองตรง ๆ ติดต่อถึงกันหมด
เมืองท่าจีนนี้เปนเมืองใหญ่ไกลจากบางกอกหนทางประมาณ ๘ ไมล์ และเปนเมืองที่ขึ้นกับเมืองราชบุรี ตั้งอยู่ริมลำน้ำซึ่งเปนแม่น้ำที่งามน่าดูมาก แม่น้ำนี้ลึกเรือขนาดมีระวางเพียง ๑๐๐ ตันขึ้นล่องได้สะดวก และในเวลาที่ข้าพเจ้าได้ไปถึงท่าจีนนั้น ก็มีเรือสำเภาจีนขนาด ๑๐๐ ตัน และเรือแขกมะลายูจอดอยู่ในแม่น้ำหลายลำ
เจ้าพนักงานได้จัดให้ข้าพเจ้าขึ้นพักบนเรือนซึ่งได้ปลูกขึ้นโดยฉะเพาะสำหรับรับข้าพเจ้า และบนเรือนนี้ก็มีเครื่องเรือนตามธรรมดา ที่เมืองนี้มีป้อมเล็ก ๆ อยู่ ๑ ป้อม ก่อด้วยอิฐ และกำแพงป้อมนั้นสูงอยู่ในราว ๑๐ ฟิต แต่หามีคูหรือชานป้อมไม่ มีแต่หอรบซึ่งมีปืนขนาดเล็กและเปนปืนทองเหลืองด้วย เมื่อข้าพเจ้ามาถึง ปืนเหล่านี้ก็ยิงรับข้าพเจ้า ในที่นี้มีน้ำสำหรับรับประทานเปนน้ำดีมาก
ณวันที่ ๑๘ เดือนธันวาคมข้าพเจ้าได้ออกจากท่าจีนเพื่อไปแม่กลอง ตามทางรวางท่าจีนและแม่กลองนี้มีบางแห่งซึ่งน้ำตื้นต้องใช้กระบือลากเรือเหมือนวันก่อน แต่ตอนที่ตื้นวันนี้ยาวกว่าวานนี้และลากลำบากกว่าวานนี้มาก เวลาเย็นข้าพเจ้าได้ไปถึงแม่กลองซึ่งไกลจากท่าจีนระยะทางประมาณ ๑๐ ไมล์ครึ่ง เมืองแม่กลองนี้เปนเมืองที่ใหญ่กว่าท่าจีน และตั้งอยู่ริมแม่น้ำซึ่งเรียกกันว่าแม่น้ำแม่กลอง และอยู่ห่างกับทะเลหนทางประมาณ ๑ ไมล์ น้ำรับประทานในเมืองนี้เปนน้ำที่ดี เมืองแม่กลองนี้หามีกำแพงเมืองไม่ แต่มีป้อมเล็กๆ สี่เหลี่ยมอยู่ ๑ ป้อม บนป้อมนั้นมีหอรบอยู่ ๔ แห่ง แต่เปนหอรบเล็กมากก่อด้วยอิฐ คูก็หามีไม่ แต่น้ำท่วมอยู่รอบป้อม กำแพงหรือรั้วในระหว่างหอรบนั้น ทำด้วยเสาใหญ่ ๆ ปักลงในดินและมีเคร่าขวางถึงกันเปนระยะ ๆ
เมื่อข้าพเจ้าได้มาถึงแม่กลองแล้ว รุ่งขึ้นวันที่ ๑๙ เดือนธันวาคมข้าพเจ้าก็ได้เปลี่ยนเรือ เรือที่เปลี่ยนใหม่นี้เปนเรือแจว สอาดและกว้างขวางพอใช้ได้ และเจ้าพนักงานก็ได้เตรียมเรือแจว และเรืออีกชะนิด ๑ ซึ่งเรียกกันว่า มีรู (miroux) อีกหลายลำสำหรับให้คนของข้าพเจ้านั่งไปและสำหรับบรรทุกของ ๆ ข้าพเจ้าด้วย ผู้ว่าราชการเมืองราชบุรีได้ไปส่งข้าพเจ้าจนถึงปากน้ำ เมื่อถึงปากน้ำแล้วผู้ว่าราชการเมืองราชบุรีก็ลาข้าพเจ้ากลับไป ส่วนผู้ว่าราชการเมืองแม่กลองพร้อมด้วยข้าราชการและบ่าวไพร่ได้เอาเรือเลียบทะเลมาตามชายฝั่ง จึงได้มาสมทบกับข้าพเจ้าที่ปากน้ำเมืองเพ็ชรบุรี ซึ่งเปนหนทางไกลประมาณ ๔ ไมล์ ในที่นี้ทะเลเปนอ่าวใหญ่กว้างประมาณ ๔ ไมล์ และแม่น้ำแม่กลองซึ่งไหลจากทิศเหนือมาทิศใต้นั้น ก็มาตกทะเลในที่นี้ แม่น้ำเพ็ชรบุรีก็ไหลมาตกในที่นี้เหมือนกัน แต่แม่น้ำนี้ไหลจากทิศใต้ไปทิศเหนือ
เมื่อข้าพเจ้าได้มาถึงกลางอ่าว ก็ได้เห็นปลายเสากระโดงเรือรบฝรั่งเศสซึ่งจอดอยู่ตรงปากน้ำเจ้าพระยา และไกลจากอ่าวนี้ประมาณ ๖ หรือ ๗ ไมล์ เรือรบฝรั่งเศสเหล่านี้จอดอยู่ทางทิศตะวันออก
ครั้นเรือข้าพเจ้าได้เข้าในลำน้ำเพ็ชรบุรีแล้ว ก็ได้พบผู้ว่าราชการเมืองเพ็ชรบุรีซึ่งมาคอยรับข้าพเจ้าอยู่ ผู้ว่าราชการเมืองเพ็ชรบุรีคนนี้เปนคนชาติแขกเตอรกีเกิดที่เมืองบูโอซ และเมื่อครั้งเชอวาเลียเดอโชมองได้มาที่เมืองไทยนั้น แขกคนนี้ยังเปนผู้ว่าราชการเมืองบางกอกอยู่ เมื่อผู้ว่าราชการเมืองเพ็ชรบุรีมารับข้าพเจ้านั้น มีข้าราชการและผู้คนตามมาด้วยเปนอันมาก แลผู้ว่าราชการเมืองได้นั่งเรือออกนำหน้าเรือพวกเรา และได้ให้โยงเรือพวกเรา ๓ ลำขึ้นไปจนถึงเมืองเพ็ชรบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากปากน้ำประมาณ ๘ ไมล์ ในแถวปากน้ำเพ็ชรบุรีนี้เปนที่เปล่าเปลี่ยวไม่มีผู้คนอยู่เลย แต่เมื่อได้ขึ้นไปตามลำแม่น้ำได้สัก ๒ ไมล์ ภูมิประเทศดูดีขึ้น ทั้งสองข้างแม่น้ำเปนทุ่งนา ซึ่งราษฎรพลเมืองมาทำนาหว่านเพาะเข้า บางแห่งก็เปนทุ่งซึ่งเต็มไปด้วยโคกระบือซึ่งเจ้าของพามาเลี้ยง
เมื่อจวนจะถึงเมืองเพ็ชรบุรี ผู้ว่าราชการเมืองได้รีบออกหน้าไปก่อน พอข้าพเจ้าขึ้นจากเรือผู้ว่าราชการเมืองเพ็ชรบุรีก็คอยรับอยู่ที่สะพานน้ำ แล้วปืนซึ่งตั้งอยู่ริมตลิ่งตรงกับประตูเมืองก็ได้ยิงสลุตรับข้าพเจ้า ผู้ว่าราชการเมืองเพ็ชรบุรีจึงได้นำข้าพเจ้าไปพักที่เรือนหลัง ๑ ซึ่งได้จัดเตรียมไว้เสร็จแล้ว เรือนหลังนี้ก็มีรูปทรง และเครื่องเรือนคล้ายกับเรือนอื่น ๆ ที่ข้าพเจ้าได้พักมาแล้ว หนทางจากแม่กลองมาเพ็ชรบุรีเปนระยะทางประมาณ ๑๒ ไมล์
เมืองเพ็ชรบุรีนี้เปนเมืองขนาดใหญ่ในประเทศสยาม และเดิม ๆ มาพระเจ้าแผ่นดินสยามก็เคยมาประทับอยู่ในเมืองนี้เสมอ ๆ เมืองนี้มีกำแพงก่อด้วยอิฐล้อมรอบ และมีหอรบหลายแห่ง แต่กำแพงนั้นชำรุดหักพังลงมากแล้ว ยังเหลือดีอยู่แต่แถบเดียวเท่านั้น บ้านเรือนในเมืองนี้ไม่งดงามเลย เพราะเปนเรือนปลูกด้วยไม่ไผ่ทั้งสิ้น สิ่งที่งามก็มีแต่วัดวาอารามเท่านั้น และวัดในเมืองนี้ก็มีเปนอันมาก แต่วัดซึ่งอยู่ใกล้กับท่าน้ำนั้นเปนวัดที่งามปิดทองอร่ามไปหมด
เวลาเย็นผู้ว่าราชการเมืองได้มาหา อ้อนวอนขอให้ข้าพเจ้าเลื่อนกำหนดที่จะออกเดินทางให้ช้าไปอีกสักวัน ๑ เพราะเกวียนและคนหาบหามซึ่งได้เรียกไว้นั้น ยังหามาพร้อมกันไม่ และถ้าข้าพเจ้าจะรีบออกเดินทางก่อนเกวียนและผู้คนจะพรักพร้อมแล้ว ก็หน้ากลัวผู้ว่าราชการเมืองจะต้องรับพระราชอาชญา ข้าพเจ้าก็ต้องการรีบออกเดินทางโดยเร็วที่สุดที่จะไปได้ เพราะระดูสำหรับเดินเรือก็เร่งจะให้ไปอยู่แล้ว แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าผู้ว่าราชการเมืองเปนทุกข์เปนร้อนนัก ทั้งถ้าข้าพเจ้าจะรีบออกเดินทางไปก่อนก็จะขาดตกบกพร่องหลายอย่าง ข้าพเจ้าจึงได้รับปากกับผู้ว่าราชการเมือง ว่าจะได้พักอยู่ที่เมืองนี้อีกวัน ๑
ณวันที่ ๒๐ เดือนธันวาคม เจ้าพนักงานได้นำเกวียนมายังที่พักประมาณ ๔๐ เล่ม มีโคเทียมเกวียนด้วยเล่มละ ๒ โค แต่เกวียนเหล่านี้ก้นแคบนัก เพราะฉะนั้นถ้าหีบหรือห่อซึ่งกว้างกว่าฟุตครึ่งแล้ว เปนอันจะเอาลงบรรทุกเกวียนไม่ได้ ครั้นเวลาประมาณเที่ยงวัน เจ้าพนักงานได้จัดการเอาของต่างๆ ของข้าพเจ้า และของคนที่มากับข้าพเจ้าบรรทุกลงเกวียนประมาณ ๓๐ เล่ม พอเย็นข้าพเจ้าก็ได้ให้เกวียนบรรทุกของออกล่วงหน้าไปก่อน เอาแต่เกวียนบรรทุกของที่ข้าพเจ้าจะต้องการใช้ไว้ไปพร้อมกับข้าพเจ้า
ณวันที่ ๒๑ เดือนธันวาคมเวลาเช้ามืด ข้าพเจ้าได้ออกเดินทางเพื่อไปแรมที่จาม (Chaam) ผู้ว่าราชการเมืองได้มารับข้าพเจ้าณะที่พักและได้พาข้าพเจ้าไปขึ้นเก้าอี้หาม กับได้ขอโทษในการที่มิได้ยิงปืนใหญ่ส่งข้าพเจ้า เพราะเกรงว่าถ้ายิงปืนใหญ่แล้วช้างจะตื่น แล้วผู้ว่าราชการเมืองจึงได้ขึ้นนั่งบนหลังช้าง และมีทหารไปด้วย ๑๐๐ คน ถือธงทำด้วยผ้ากำมะหริดขาว ๒ ธง หมดกองทหารแล้วก็ถึงข้าพเจ้านั่งเก้าอี้หาม บุตร์ชายข้าพเจ้าขี่ม้าอยู่ข้างๆข้าพเจ้า ต่อข้าพเจ้าไปก็ถึงช้าง ซึ่งเจ้าพนักงานได้เตรียมไว้ให้ข้าพเจ้าขี่ ช้างตัวนี้ผูกเก้าอี้ปิดทองและมีเพดานเปนหลังเต่าซึ่งใช้ต่างร่ม มีเสารับเพดาน ๔ เสา และมีพรมปูกับมีหมอนปักไหมทองด้วย กูบช้างนี้ได้ปิดทองอย่างงามทั้งหลัง เครื่องประดับช้างนั้นมีผ้าแดงกว้าง ๔ นิ้ว ฝังตะปูเงินคล้ายกับบังเหียนม้าซึ่งใช้กันในยุโรป ต่อจากช้างของข้าพเจ้านั้น ยังมีช้างตามมาอีก ๑๐ เชือก บนหลังช้างเหล่านี้มีเก้าอี้และมีเพดานคลุมคล้ายกับกันยาเรือของพวกออกพระ แต่สัปคับเหล่านี้บางอันก็ทาชาดแดงบางอันก็ทาดำ แต่ปิดทองทุกอัน ช้าง ๑๐ เชือกนี้พวกที่มากับข้าพเจ้าได้ขี่ไป และยังมีช้างสำหรับให้บ่าวและคนใช้ข้าพเจ้าขี่อีก ๑๘ เชือก แต่ช้างเหล่านี้มีแต่สัปคับสานด้วยไม้ไผ่เท่านั้น เมื่อหมดกระบวนช้างแล้วก็ถึงแคร่หามอย่างแบบของพื้นเมืองมีหลังคาสานด้วยไม้ไผ่ ๕ หลัง แคร่หามอัน ๑ มีคนหาม ๔ คน และยังมีคนอาไหล่สำหรับผลัดเปลี่ยนกันหามอีก ๔ คน เมื่อหมดกระบวนแคร่หามแล้วก็ถึงคนหาบหามหีบปัดเข้าของๆข้าพเจ้าและของคนที่มากับข้าพเจ้ากับเครื่องครัว รวมคนหาบหามทั้งสิ้น ๑๓๐ คน เดินเรียงกันเปนแถวเดียวตามกันไป เมื่อหมดคนหาบหามแล้วก็มีพลทหารรั้งท้าย ๕๐ คน ต่อพลทหารก็ถึงท่านราชทูต (สยาม) ขี่ช้างซึ่งผูกสัปคับยศออกพระและถึงหัวหน้าบ๋อยของข้าพเจ้าขี่ม้าตามมาสุดท้าย
ทางที่เดินผ่านมาในวันนี้เปนภูมิประเทศงดงามมาก พ้นไปได้สัก ๒ ไมล์ก็ได้มาถึงบ้านแห่ง ๑ ซึ่งเรียกกันว่า ปอนตาเดอเซรา และซึ่งไทยเรียกว่าบัวขาว (Boa kao) ข้าพเจ้าได้ลงจากเก้าอี้หามเพื่อพักรับประทานอาหารในที่นี้ ผู้ว่าราชการเมืองได้มาหาเพื่อขอโทษที่จะไปกับข้าพเจ้าอีกไม่ได้ เพราะได้รับคำสั่งมาให้รีบเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยาทันที
ในตำบลนี้มีเกวียนมาคอยอยู่ประมาณ ๑๐๐ เล่ม เปนเกวียนสำหรับบรรทุกของ ๆ ข้าพเจ้า ๓๐ เล่ม นอกนั้นสำหรับบรรทุกเสบียงอาหารและเครื่องใช้ตามทาง และมีข้าราชการไทยมาคอยกำกับอยู่ด้วยกว่า ๓๐ คน เมื่อข้าพเจ้าได้รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ได้ออกเดินทางต่อไป ผู้ว่าราชการเมืองได้ตามส่งต่อ ไปหนทางประมาณ ๑ หรือ ๒ ไมล์ แล้วจึงได้ลาข้าพเจ้ากลับไปยังเมืองเพ็ชรบุรี
เมื่อพระอาทิตย์ตกข้าพเจ้าได้มาถึงตำบลจาม ซึ่งเปนหนทางห่างจากปอนตาเดอเซราประมาณ ๗ ไมล์ หมู่บ้านนี้หามีกำแพงหรือรั้วกั้นอย่างใดไม่ และบ้านเรือนก็ได้ปลูกด้วยไม้ไผ่ทั้งสิ้น เจ้าพนักงานได้นำให้ข้าพเจ้าไปพักยังเรือนธรรมดาซึ่งได้ปลูกขึ้นโดยฉะเพาะ
ก่อนที่จะถึงบ้านจามนี้ มีภูเขาหินสูงและชันมาก แต่เปนเขาเล็กไม่ใหญ่เท่าไรนัก ตั้งอยู่กลางทุ่งอันไม่มีผู้คนอยู่เลย ที่กลางเขานี้มีวัดอยู่วัด ๑ ซึ่งมีผู้ขุดเขาสำหรับสร้างวัด และมีบันไดหินขึ้นไปจนถึงวัด พระสงฆ์ก็ได้ไปสร้างกุฎีอยู่ในหุบเขาซึ่งตั้งวัดเหมือนกัน บนเขานี้มีพระเจดีย์ก่อด้วยอิฐถือปูนขาวหลายเจดีย์ ซึ่งเท่ากับเปนเครื่องประดับของวัดเหมือนกัน
ในตำบลนี้น้ำสำหรับรับประทานเปนน้ำดี บาดหลวงเดชปานยักกับมองซิเออร์เดลานด์ได้มาถึงที่พักดึกมาก แต่การที่ท่านทั้ง ๒ ได้มาถึงนั้นกระทำให้ข้าพเจ้าสิ้นวิตกไป เพราะข้าพเจ้าเกรงว่าท่านทั้ง ๒ จะเปนอันตรายตามทาง โดยเหตุที่มีเสือและช้างป่าชุกชุมมาก
ณ วันที่ ๒๒ เดือนธันวาคมเวลาเช้า ข้าพเจ้าได้ออกเดินทางต่อไป และผู้ที่ไปด้วยนั้นก็มีกระบวนอย่างเดียวกับวันวานนี้ เว้นแต่ขาดกองทหารเมืองเพ็ชรบูรีหามีไม่ เพราะกองทหารนี้ได้กลับไปยังเมืองเพ็ชรบูรีเสียแล้ว แต่กองทหารเมืองจามได้ไปแทนทหารเมืองเพ็ชรบุรี
ตามทางที่เราได้เดินไปนั้น เปนทุ่งเปนป่าหามีผู้คนอยู่ไม่ นาน ๆ จะได้พบฝูงโคกระบือสักครั้ง ๑ แต่ฝูงโคกระบือนี้ก็อยู่ห่าง ๆ กันและไม่มีคนเลี้ยงด้วยเสียซ้ำไป เวลาเย็นได้ไปถึงเมืองปราน (Praan) ซึ่งไกลจากเมืองจามหนทาง ๑๑ ไมล์ครึ่ง เมืองปรานนี้เปนเมืองใหญ่พอดูได้ บ้านเรือนและวัดวาอารามทำด้วยไม้ไผ่ทั้งสิ้น รูปเมืองนี้สี่เหลี่ยมยาว มีรั้วทำด้วยเสาไม้ปักลงดินที่สี่มุม มีป้อมสี่เหลี่ยมก่อด้วยอิฐกว้างยาวประมาณ ๑๒ ฟิต บนป้อมนั้นมีหอรบและใบเสมา แต่ไม่มีชานป้อมและคูก็ไม่มี ในรั้วนั้นได้ปลูกกอไผ่ชิด ๆ กัน ซึ่งเปนรั้วอยู่ในตัวแลดูงามพอใช้ได้ เจ้าพนักงานได้จัดให้ข้าพเจ้าพักในเรือนธรรมดาซึ่งได้ปลูกขึ้นโดยฉะเพาะ
มีแม่น้ำไหลตามเสาระเนียดที่เปนเขตต์เมือง ซึ่งอยู่ไกลจากทะเล ๒ ไมล์ และเรือขึ้นล่องตามลำน้ำนี้ได้อย่างสะดวก เมื่อข้าพเจ้ามาถึงนั้นเปนเวลาที่น้ำในแม่น้ำเค็ม เพราะน้ำทะเลไหลขึ้นแรงมาก และเปนเวลาที่กันดารน้ำรับประทานด้วย ข้าพเจ้าได้ข้ามแม่น้ำนี้ด้วยเจ้าพนักงานได้ทำสะพานให้ข้าม สะพานนั้นคือเอาเรือต่อเข้า ๒ ลำแล้วเอากระดานปูขวางเรือ แน่นหนาพอให้เกวียนเดินได้ แต่ช้างนั้นต้องลงข้ามน้ำ พอลงถึงน้ำก็มิดตะลิ่งและช้างนั้นก็ได้เอางวงพ่นน้ำเปนครั้งเปนคราว พวกไทยบอกว่าช้างได้ว่ายน้ำ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้สังเกตแน่ว่าช้างจะได้ว่ายน้ำหรือจะได้เดินข้ามไป
รุ่งขึ้นวันที่ ๒๓ เดือนธันวาคม ข้าพเจ้าได้ยกจากเมืองปรานเพื่อไปยังเมืองกุย ซึ่งเปนหนทางไกล ๙ ไมล์ เมืองกุยนี้เปนเมืองคล้ายกับเมืองปราน ตั้งอยู่บนเนินและมีแม่น้ำเล็ก ๆ ไหลอยู่ที่เชิงเนิน แม่น้ำนี้ไหลไปตกทะเลทางประมาณ ๑ ไมล์ครึ่ง เรือเดินขึ้นล่องได้อย่างสะดวกไปได้จนถึงห่างทะเลประมาณ ๓ ไมล์
เมื่อได้ออกจากเมืองกุยแล้ว ข้าพเจ้าได้ไปแรมที่ บาฮิรอน (Bahiron) หนทางไกล ๖ ไมล์ครึ่ง ที่ตำบลนี้ไม่มีบ้านเลย มีแต่ฉะเพาะหลังเดียวที่เจ้าพนักงานได้ปลูกขึ้นสำหรับให้ข้าพเจ้าพักเท่านั้น ที่พักหลังนี้ได้ปลูกขึ้นในป่าเชิงเขาหิน ในที่นี้เสือชุมมากจนถึงกับต้องให้อยู่ยามตามไฟและยิงปืนรอบที่พักเพื่อให้เสือกลัว เพราะเสือในตำบลนี้เคยมากินคนและสัตว์ในเวลากลางคืน ราชทูต (สยาม) ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า คนไทยที่เจ้าพนักงานได้เกณฑ์ให้มารักษาเฝ้าที่พักนี้ ต้องทิ้งที่พักหนีไปเพราะเสือได้มาเปนฝูง ๆ จะมาทำอันตรายคนเฝ้าที่พัก ตามที่ได้ความดังนี้ จึงทำให้พวกเราต้องคอยระวังอยู่เสมอ ครั้นเวลาประมาณ ๕ ทุ่ม (๑๑ ล.ท.) ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคนร้องเอะอะเกรียวกราวเปนเสียงคนตกใจ ข้าพเจ้าก็เชื่อแน่ว่าเสือคงมาแล้ว แต่ครั้นออกไปดูจึงเห็นว่าที่พักหลังที่คนของข้าพเจ้าพักอยู่นั้นได้เกิดไฟไหม้ขึ้น และที่เอะอะเรียวกราวกันนั้นเปนด้วยตกใจไฟไหม้ดอก หาใช่เสือมาไม่ ที่พักซึ่งได้ทำขึ้นในตำบลนี้ได้ทำด้วยไม้ไผ่หลังคามุงด้วยแฝก ข้าพเจ้าจึงวิตกว่าไฟคงจะไหม้หมดหลังเปนแน่ แต่เดชะบุญก็หาเปนอะไรไม่ เปนแต่ตกใจเท่านั้น และคนใช้ของข้าพเจ้าคน ๑ ซึ่งนอนอยู่ใกล้กับที่ไฟไหม้ขึ้นนั้น ได้ลุกหนีไม่ทันก็ถูกไฟลวกเอา ๒ - ๓ แห่ง ใกล้กับที่ไฟลุกขึ้นนั้นมีดินปืนอยู่ถัง ๑ ซึ่งเอาเสื่อคลุมปิดไว้ แต่ดินปืนก็หาได้ถูกไฟระเบิดขึ้นไม่
ณ วันที่ ๒๔ เดือนธันวาคม เวลาเช้ามืด ข้าพเจ้าได้ออกเดินทางต่อไปเพื่อข้ามภูเขา เขานี้เมื่อขึ้นไปถึงยอดแล้ว ก็แลเห็นทะเลได้ทั้ง ๒ ทะเล กล่าวคือข้างทิศตวันออกนั้นเห็นทะเลข้างฝ่ายเมืองไทย และข้างทิศตวันตกนั้นเห็นทะเลอ่าวเบงคอล ในวันนี้ได้พักรับประทานอาหารที่เนินไผ่ (Nonpaye) ระยะทาง ๕ ไมล์ และได้ไปพักแรมที่เซรา (Sera) ที่ตำบลนี้ไม่มีบ้านเรือนเลย มีอยู่แต่ฉะเพาะที่พัก ซึ่งเจ้าพนักงานได้ปลูกขึ้นให้ข้าพเจ้าพักหลังเดียวเท่านั้น ระยะตั้งแต่ เนินไผ่ถึงเซรา เปนหนทาง ๒ ไมล์
ณ วันที่ ๒๕ เดือนธันวาคม ได้พักรับประทานอาหารที่ตำบลแม่น้ำ (Menam) ซึ่งเปนหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในช่องเขา ระยะทางจากเซราเปนหนทาง ๔ ไมล์ ก่อนที่จะถึงตำบลนี้มีแม่น้ำอยู่แม่น้ำ ๑ แต่ที่ตรงนี้ใกล้กับต้นน้ำ เพราะฉนั้นจึงไม่รู้สึกว่าเปนแม่น้ำ แต่ดูเหมือนจะเปนลำธารเล็กๆ ไหลอยู่ในระวางช่องเขาเท่านั้น น้ำในลำธารนี้เปนน้ำไสจืดสนิท ซึ่งเปนครั้งแรกที่ได้พบน้ำตั้งแต่ออกจากเมืองกุย น้ำที่ราชทูตสยามได้ให้บรรทุกเกวียนมานั้น พวกไทยได้รับประทานเสียหมดตั้งแต่วันแรกออกเดินทางเสียแล้ว และถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เตรียมน้ำใส่กระบอกมาแล้ว ข้าพเจ้าคงจะได้รับความลำบากอดน้ำเปนแน่ เพราะในระยะนี้อากาศร้อน จนเกือบจะทนไม่ได้
ผู้ว่าราชการเมืองแม่น้ำ (Menam) ได้ออกมาคอยรับข้าพเจ้าห่างจากเมืองประมาณ ๒ ไมล์ และได้พาหัวหน้าในเมืองนั้นออกมาด้วย เมื่อผู้ว่าราชการเมืองได้ต้อนรับข้าพเจ้าเสร็จแล้ว จึงได้เดินนำหน้าช้างข้าพเจ้าตลอดจนถึงที่พัก ซึ่งเจ้าพนักงานได้จัดเตรียมไว้ ครั้นข้าพเจ้าได้มาถึงที่พักแล้วผู้ว่าราชการเมืองได้เอาเนื้อและปลาต่าง ๆ กับผลไม้ต่าง ๆ มาให้ข้าพเจ้าตามประเพณีของเมืองนี้ ข้าพเจ้ามีความประหลาดใจเปนอันมากที่ได้เห็นพลเมือง ๆ นี้ผอมแห้งไม่มีกำลังเลย ข้าพเจ้าจึงได้ถามว่าเหตุใดจึงเปนเช่นนี้ ราชทูตสยามจึงอธิบายว่า อากาศในเมืองนี้เปนอากาศที่ไม่ดีมีเชื้อโรคมาก ทั้งชาวยุโรปและไทยจะอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้เปนอันขาด และผู้ที่อยู่ได้ก็ฉะเพาะแต่คนที่เกิดในพื้นเมืองนี้เอง แต่ถึงดังนั้นอายุก็ไม่ยืนและมีความป่วยเจ็บอยู่เสมอเปนนิตย์ ตามที่ราชทูตสยามได้อธิบายเช่นนี้ ในไม่ช้าข้าพเจ้าก็ได้เห็นปรากฎว่าเปนความจริง เพราะคนที่มากับข้าพเจ้าได้ล้มเจ็บลงในวันนั้นเองหลายคน และได้รักษากันอย่างแขงแรงจึงได้รอดมาได้
เมื่อได้ยกออกจากเมืองแม่น้ำแล้ว ข้าพเจ้าได้เลยไปแรมที่เมืองแกลง (Gclingue) ซึ่งเปนระยะทางไกล ๔ ไมล์ ออกพระผู้ว่าราชการเมืองซึ่งเปนคนชราอายุเกือบ ๘๐ ปี เดินเกือบจะไม่ได้อยู่แล้ว ได้ออกมาคอยรับข้าพเจ้าอยู่และได้มีคนมาด้วยอีกหลายคน คนเหล่านี้ได้ถือโล่ห์ ๒ คน และคนอื่น ๆ ได้ถือกระบี่ก็มี ถือหอกก็มี ตามแบบของเมืองนี้ และยังมีเจ้าพนักงานกรมการเมืองได้มากับผู้ว่าราชการเมืองอีก ๖ หรือ ๗ คน ตอนค่ำเมื่อข้าพเจ้าได้มาถึงเมืองแกลงแล้ว ข้าพเจ้าได้ทราบว่าเกวียนบรรทุกของยังหามาถึงไม่ และได้ทราบความต่อไปว่าเกวียนบรรทุกของเหล่านี้ได้หายไปสัก ๒ วันมาแล้ว ซึ่งเปนการกระทำให้ข้าพเจ้าต้องพักรออยู่ที่เมืองนี้ในวันที่ ๒๖ ตลอดวัน ต่อวันที่ ๒๗ สายแล้วจึงได้ออกเดินทางต่อไปได้ เพราะในที่นี้จะต้องถ่ายเอาของลงจากเกวียนบรรทุกเรือท้องแบน ซึ่งเปนเรือทำไว้ฉะเพาะสำหรับเดินในลำน้ำนี้
ณ วันที่ ๒๗ เดือนธันวาคม ข้าพเจ้าได้ลงเรือและได้ล่องไปตามลำแม่น้ำซึ่งมีน้ำตื้นมาก พอได้ล่องเรือไปไม่ถึง ๑ ไมล์ ก็ได้มาถึงแก่งซึ่งต้องเอาเรือข้ามในระวางก้อนหิน แก่งในแม่น้ำนี้มีหลายแก่ง และบางแก่งก็สูงถึง ๖ และ ๗ ฟิต ในระดูน้ำมากแก่งเหล่านี้เปนที่น่ากลัวต่ออันตรายมาก เพราะในเวลาที่เรือล่องจากแก่งถ้าเรือไปกระแทกกับหินแล้วเรือก็จะต้องแตกทันที และคนในเรือก็อาจจะตกน้ำตายได้ เพราะน้ำในแก่งลึกและไหลเชี่ยวแรงมาก ก้นแม่น้ำนี้แคบมากและตลิ่งก็สูงมาก นอกจากแก่งซึ่งข้าพเจ้านับจำนวนได้ถึง ๓๒ แก่งนั้น ยังมีต้นไม้ใหญ่ ๆ เปนอันมากล้มขวางลำแม่น้ำ เพราะฉะนั้นในระดูน้ำมากจึงเดินเรืออย่างลำบากและน่ากลัวอันตรายที่สุด
จากแกลง (Gclingue) ข้าพเจ้าได้ไปถึงปากาเร (Pacarays) หนทาง ๑ ไมล์
จากปากาเร ข้าพเจ้าได้ ไปถึงเคมปาชา (Quempachar) หนทาง ๒ ไมล์
จากเคมปาชา ได้ไปถึงลาอู (Lauou) หนทาง ๒ ไมล์ครึ่ง
จากลาอู ได้ไปถึงเพ็ชร์ (Phes) หนทาง ๒ ไมล์
จากเพ็ชร์ ได้ไปถึงกำเปลน (Camplaint) หนทาง ๒ ไมล์
จากกำเปลน ได้ไปถึงควีรีนัน (Quirinaon) หนทาง ๓ ไมล์ ๓/๔
จากควีรีนัน ได้ไปถึงลูมา (Louma) หนทาง ๓ ไมล์ ๑/๔
จากลูมาได้ไปถึงรีโอเดซอน (Riosdayson) หนทาง ๓ ไมล์
จากริโอเดซอนได้ไปถึงเมืองตะนาวศรี หนทาง ๓ ไมล์
ในตำบลต่าง ๆ ตามที่ได้ออกชื่อมาข้างบนนี้ ไม่มีบ้านเรือนเลย นอกจากเรือนที่พักซึ่งเจ้าพนักงานได้ปลูกไว้คอยรับข้าพเจ้าเท่านั้น นอกจากนั้นหามีหมู่บ้านหรือผู้คนพลเมืองไม่ แม่น้ำที่ผ่านไปนั้นก็มีแต่หินและต้นไม้ทั้ง ๒ ฝั่ง และตามทางนั้นก็เปนป่าเปนดงไม่มีผู้คนเลย ตามทางลำน้ำนั้นข้าพเจ้าได้เห็นที่ริมตลิ่ง มีรอยเท้าช้างและแรตป่าซึ่งลงมารับประทานน้ำ และพวกข้าพเจ้าได้ยิงนกยุงบ่อย ๆ เพราะตามลำน้ำนี้มีนกยุงชุมมาก เมื่อใกล้จะถึงเมืองตะนาวศรีแม่น้ำก็กว้างและลึกลงเปนลำดับไป ปลัดของออกยาเมืองตะนาวศรี ได้ออกมาคอยรับข้าพเจ้าแทนตัวออกยา เพราะตัวออกยานั้นได้ถูกจับและคุมขังขึ้นไปยังเมืองลพบุรีโดยรับสั่งของพระเจ้ากรุงสยาม เกี่ยวด้วยเรื่องที่พวกอังกฤษได้ถูกฆ่าตายที่เมืองมะริด
ณวันที่ ๓๐ เดือนธันวาคมเมื่อใกล้จะถึงเมืองตะนาวศรี ข้าพเจ้าได้พบเรือยาวแต่งประดับประดาอย่างงาม ซึ่งเจ้าพนักงานได้ส่งออกมารับข้าพเจ้า และยังมีเรือยาวอีกหลายลำ สำหรับคนที่มากับข้าพเจ้าด้วย แต่ข้าพเจ้ารีบร้อนอยากจะถึงเมืองมะริดเสียโดยเร็ว ข้าพเจ้าจึงไม่ยอมถ่ายเรือ แต่ได้เลยไปจนถึงเมืองตะนาวศรีทีเดียว เมื่อได้พบเรือที่เจ้าพนักงานส่งออกมารับสักครู่ ๑ ก็ได้พบเชอวาเลียเดอฟอแบง ๑ มองซิเออร์โบเรอกาออกพระเมืองมะริด ๑ กับมองซิเออร์เซอนอล ๑ รวม ๓ นายออกมาคอยรับข้าพเจ้า ๆ จึงได้ลงเรือของท่านทั้ง ๓ นี้ เพื่อจะได้รีบไปให้ถึงเมืองตะนาวศรีเสียโดยเร็ว เมื่อข้าพเจ้าได้ไปถึงเมืองตะนาวศรีนั้น เจ้าพนักงานได้ยิงปืนใหญ่รับหลายนัด ในระวางทางตั้งแต่ท่าน้ำจนถึงที่พัก ได้มีทหารถือปืนเรียง ๒ ข้างทาง และมีกลองกับธงด้วยเปนอันมาก ตามทางเดินนั้นเจ้าพนักงานได้เอาผ้าดอกปูลาดตลอดทาง และมีดอกไม้กับใบไม้โปรยตามทางตลอดไปด้วย เจ้าพนักงานได้จัดเก้าอี้หามมารับข้าพเจ้า และได้จัดม้าสำหรับคนที่มากับข้าพเจ้า แต่หนทางระวางท่าน้ำถึงที่พักเปนหนทางสั้นใกล้มาก ข้าพเจ้าจึงได้เดินหาได้ขึ้นนั่งเก้าอี้หามไม่
ครั้นไปถึงที่พักเจ้าพนักงานได้นำข้าพเจ้าเข้าไปยังห้อง ๆ ๑ ซึ่งได้ปลูกเวทีสูงไว้ บนเวทีนั้นได้ดาดเพดานด้วยผ้า และใต้เพดานดาดนั้นมีเก้าอี้ ๑ ตัว ข้าพเจ้าจึงได้ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ เชอวาเลียเดอฟอแบง มองซิเออร์โบเรอกา กับมองซิเออร์เซอนอลได้ยืนอยู่ข้างข้าพเจ้า แล้วจึงได้มีพวกแขกมัวเปนอันมาก ล้วนแต่หน้าตาท่าทางดีล่ำสันและแต่งตัวอย่างงามมาคำนับข้าพเจ้า พร้อมด้วยข้าราชการกรมการไทยของเมืองนี้ แล้วพวกนี้ได้ไปนั่งอยู่ข้างล่างโดยแสดงกิริยาอย่างอ่อนน้อม พวกนี้ได้นั่งอยู่สักครู่ใหญ่ ๆ จึงได้ลุกออกไป แล้วเจ้าพนักงานก็ได้เอาอาหารมาเลี้ยง พอข้าพเจ้ารับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ได้กลับไปลงเรือเพื่อ ไปยังเมืองมะริดต่อไป พอข้าพเจ้าก้าวลงเรือเจ้าพนักงานก็ได้ ยิงปืนใหญ่อีกครั้ง ๑ ปืนใหญ่นี้ได้ยิงจากป้อมแห่ง ๑ ซึ่งทำด้วยเสาตะลุงอยู่ใต้เมืองตะนาวศรีลงไปหน่อยหนึ่ง
เมืองตะนาวศรีนี้เปนเมืองใหญ่มาก และมีผู้คนพลเมืองแน่นหนา พิเคราะห์ดูจะเปนเมืองที่สำคัญมาแต่ก่อน ๆ เพราะมีกำแพงก่อด้วยอิฐล้อมรอบ แต่เวลานี้กำแพงนั้นชำรุดหักพังลงไปมากแล้ว ยังมีวัดเข้ารีต ๑ วัด กับบ้านซึ่งพึ่งจะปลูกแล้วหลัง ๑ ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำฝั่งโน้นเกือบตรงกับป้อม วัดเข้ารีตกับบ้านนั้นเปนของพวกมิชันนารีฝรั่งเศส และพวกมิชันนารีนั้นทำการตามหน้าที่ของตัวได้อย่างสะดวก เพราะผู้คนพลเมืองมีความนับถือพวกมิชันนารีเหล่านี้เปนอันมาก
ที่ลำน้ำใต้เมืองตะนาวศรีมีเรือขนาด ๓๐๐ ตันทอดสมออยู่ลำ ๑ เขาบอกกับข้าพเจ้าว่าเรือลำนี้เปนเรือที่มิศเตอร์วิตชาวอังกฤษ ซึ่งเคยเปนเจ้าพนักงานอยู่ที่เมืองมะริดได้จับมาโดยคำสั่งของมองซิเออร์คอนซตันซ์ และเปนเรือของมองซิเออร์มาการาชาวอามีเนีย น้องของมองซิเออร์มาการาซึ่งอยู่ที่กรุงปารีศใน ทุกวันนี้ เรือนี้ได้เคยไปค้าขายตามลำแม่น้ำซีเรียนในเมืองมอญ ถ้าจะตีราคาสินค้าในเรือลำนี้ก็อยู่ในราว ๘๐,๐๐๐ แฟรง
ข้าพเจ้าได้ไปถึงเมืองมะริดเมื่อวันที่ ๑ เดือนมกราคม ค.ศ. ๑๖๘๘ (พ.ศ.๒๒๓๐) เวลาเย็น ข้าพเจ้าได้เดินทางจากเมืองตะนาวศรีถึงเมืองมะริดซึ่งเปน ระยะทาง ๑๖ ไมล์เพียง ๒๔ ชั่วโมงก็ถึง เพราะข้าพเจ้าได้เดินทางตลอดรุ่ง เจ้าพนักงานได้จัดที่พักไว้เปนระยะ ๆ ก็จริง แต่ข้าพเจ้าหายอมพักไม่ เพราะจะต้องการให้รีบไปถึงเมืองมะริดเสียโดยเร็ว
เมืองมะริดนี้ เปนเกาะตั้งอยู่ที่ปากน้ำแม่น้ำเมืองตะนาวศรี และห่างจากฝั่งก็โดยฉะเพาะมีแม่น้ำคั่นอยู่เท่านั้น น้ำในแม่น้ำนี้ลึก ๓ วาตลอดลำน้ำ และเปนน้ำดีรับประทานได้เว้นแต่ตอนใกล้ทะเลเท่านั้นเปนน้ำเค็ม และที่ปากน้ำนั้นมีหินอยู่หลายก้อนแต่พอเอาเรือหลีกหินได้ง่าย
เกาะมะริดนี้วัดโดยรอบประมาณ ๑๐ ถึง ๑๑ ไมล์ (?)ต้นฉะบับเขียนไม่ชัด เปนพื้นที่ราบและมีป่ามาก แต่มีเนินเล็ก ๆ ๕ หรือ ๖ เนินติด ๆ กัน นอกนั้นเปนที่ราบทั้งสิ้น บนเนินเหล่านี้มีป้อมเล็ก ๆ อยู่ ๑ ป้อมทำเปนรูปคล้ายดาว รั้วป้อมนั้นทำด้วยเสาระเนียดสูง ๑๐ ฟิตปักลงดินและข้างบนนั้นมีเคร่าโยงตลอดถึงกัน ที่ด้านข้างนั้นมีปืนใหญ่อยู่ ๓ - ๔ กระบอก และมีช่องปืนทำคล้ายช่องปืนที่กราบเรือ แต่ชานป้อมหรือคูก็ไม่มี ป้อมนี้วัดโดยรอบกว้างประมาณ ๕๐ ก้าว และใต้ป้อมนี้มีปืนใหญ่อยู่ ๓๔ หรือ ๓๖ กระบอก ตั้งอยู่ที่ดินราบสำหรับป้องกันท่าเรือ แต่หาได้มีป้อมหรือที่กำบังอย่างไรไม่ เปนแต่มีรั้วทางเดินติดต่อกับป้อมเท่านั้น
ท่าเรือเมืองมะริดนั้นเปนท่าเรือที่ดีบังคลื่นลมได้ทุกระดู และถ้าจะมีเหตุจำเปนขึ้นแล้วก็จะทำให้เปนที่แข็งแรงขึ้นได้อีกโดยเอาสายโซ่ขึงขว่างทางเรือเข้าเสีย และการที่จะเอาสายโซ่ขึงนี้ ก็จะไม่ต้องเปลืองโสหุ้ยเท่าไรนัก เพราะที่ตรงปากช่องนี้มีตลิ่งสูงทั้ง ๒ ข้าง ร่องน้ำแคบ และเวลาน้ำลงก็มีน้ำเพียง ๓ หรือ ๔ วา แต่พอน้ำทะเลขึ้นมากทั้ง ๒ ข้างก็เปนตลิ่งชันขึ้นไป ที่หน้าท่าเรือนั้น ยังมีเกาะเล็ก ๆ บังอยู่เกาะ ๑ ชื่อเกาะบาดรากัน (Badracan) อยู่ตรงกับเกาะมะริด บนเกาะมะริดนั้นใกล้กับท่าจอดเรือ มีน้ำรับประทานแต่เล็กน้อยเท่านั้น ถ้าจะหาน้ำสำหรับบรรทุกเรือแล้วก็จะเปนการยากอยู่สักหน่อย แต่ที่เกาะบาดรากันมีแม่น้ำเล็กอยู่แม่น้ำหนึ่งซึ่งมีน้ำจืด ถ้าจะเอาน้ำจากแม่น้ำเกาะบาดรากันมาบรรทุกเรือก็ ได้ เพราะที่จอดเรืออยู่ในระวางเกาะมะริดและเกาะบาดรากัน ไม่ห่างไกลกันเท่าไรนัก
ข้าพเจ้าจำเปนต้องพักอยู่ที่เมืองมะริดถึง ๓ วัน เพราะการที่จะเอาเรือเปรซิเดนออกจากท่าเรือไปจอดที่อ่าวซึ่งเปนหนทาง ๓/๔ ไมล์นั้นต้องเสียเวลามาก และที่อ่าวนั้นเรือก็อยู่ในที่กำบังดีเท่ากับอยู่ที่ท่าเรือเหมือนกัน ครั้นณวันที่ ๔ เดือนมกราคม ข้าพเจ้าจึงได้ไปลงเรือ และได้ถอนสมอออกเรือไปในวันนั้นเอง ออกพระวิสูตร์สุนทรกับเรือรบเล็ก ๆ ลำ ๑ กับเรืออื่น ๆ อีกหลายลำได้ไปส่งข้าพเจ้าจนถึงเกาะปูโลทวาย ซึ่งเปนเกาะที่พระเจ้ากรุงสยามได้พระราชทานให้แก่บริษัท เกาะนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะดีมาก และมีไม้บนเกาะนี้ซึ่งเปนไม้ดีสำหรับต่อเรือและปลูกบ้านได้ บนเกาะนี้มีน้ำพุและน้ำตกหลายแห่ง และมีแม่น้ำเล็ก ๆ หลายลำซึ่งล้วนแต่เปนน้ำจืดทั้งสิ้น ส่วนเรือนั้นจะจอดรอบเกาะได้ทุกแห่ง นอกจากนี้ยังมีท่าเรือที่ดีเพราะมีเกาะเล็ก ๆ บังอยู่ ๓ เกาะ และเมื่อเรือได้เข้าไปจอดอยู่ในเกาะเหล่านี้แล้ว ก็อยู่ในที่กำบังอย่างดีที่สุด ถ้าเรือจะเดินไปจากฝั่งคอรอมันเดลและเมืองเบงคอลไปเมืองมะริดแล้ว ก็จะต้องถึงเกาะทวายนี้ก่อน
เมื่อวันที่ ๒๔ เดือนมกราคม ข้าพเจ้าได้ไปถึงเมืองมัธราฐปาตานเชอวาเลียเดอฟอแบงซึ่งได้เดินสารเรือเปรซิเดนมากับข้าพเจ้านั้นจะต้องการขึ้นไปบนบก จึงได้เดินสารเรือพื้นเมืองซึ่งได้ออกมาตรวจเรือเปรซิเดน พอเชอวาเลียเดอฟอแบงได้ลงจากเรือแล้ว ก็มีเรือพื้นเมืองมาถึงอีกลำ ๑ และในเรือลำนี้มีบาดหลวงฝรั่งเศสคน ๑ ชื่อบาดหลวงราเฟลได้มาในนามของเจ้าเมืองมัธราฐเพื่อมาหากับตันเรือเปรซิเดน ครั้นบาดหลวงผู้นี้ได้ทราบว่าข้าพเจ้าก็อยู่บนเรือด้วย บาดหลวงผู้นี้จึงได้มาหาข้าพเจ้า และได้บอกข้าพเจ้าว่าถ้าเจ้าเมืองได้ทราบว่าข้าพเจ้าได้มากับเรือลำนี้แล้ว เจ้าเมืองก็คงจะได้จัดให้เจ้าพนักงานลงมาต้อนรับ บาดหลวงราเฟลได้รับประทานอาหารกับข้าพเจ้า และได้เล่าว่าเวลานี้ในเมืองมัธราฐกำลังตื่นตกใจกันมาก เพราะได้ทราบข่าวมาว่าพระเจ้าโมกูลจะส่งกองทัพมาตีเมืองมัธราฐและจะไล่พวกอังกฤษให้ออกจากเมืองให้หมด ผู้คนพลเมืองซึ่งอยู่ใกล้กับบริษัทจึงได้พาทรัพย์สมบัติหนี้เข้าไปอาศัยอยู่ในป้อม และต่างคนก็ต่างเตรียมจะต่อสู้อย่าง แข็งแรง เพราะเชื่อกันได้แน่ว่าทำอย่างไร ๆ พระเจ้าโมกูลคงจะพยายามตีเมืองนี้ให้ได้ เพราะเมืองอื่น ๆ ในเมืองคอลกอนดาก็ตกอยู่ในมือพระเจ้าโมกูลหมดสิ้นแล้ว ยังเหลือแต่เมืองมัธราฐเมืองเดียวเท่านั้น เมืองคอลกอนดาได้ตกอยู่ในอำนาจของพระเจ้าโมกูลเมื่อวันที่ ๔ เดือนพฤศจิกายน พระเจ้าโมกูลได้เข้าไปยึดเมืองหลวง และได้จับพระเจ้าแผ่นดินจำตรวนเสียด้วย บาดหลวงราเฟลได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังต่อไปว่า พวกคณบาดหลวงไม่ได้รับความเดือดร้อนจากอังกฤษอย่างใดเลย และพวกอังกฤษก็ยอมให้พวกบาดหลวงได้ทำการในหน้าที่มิชันนารีโดยไม่มีข้อขีดขั้นเลย จนที่สุดพวกบาดหลวงก็มีวัดเข้ารีตและที่สำนักบาดหลวงอยู่ในเมืองด้วย
เมื่อเชอวาเลียเดอฟอแบงได้ขึ้นไปบนบกแล้ว ก็ตรงไปหาเจ้าเมือง พอเจ้าเมืองได้ทราบจากเชอวาเลียเดอฟอแบงว่าข้าพเจ้าอยู่บนเรือ เจ้าเมืองก็สั่งให้เจ้าพนักงานยิงปืนใหญ่ที่ป้อมคำนับข้าพเจ้า ๑๖ นัด ข้าพเจ้าก็สั่งให้เรือยิงสลุตตอบทันทีเหมือนกัน ครั้นได้ยิงสลุตโต้ตอบกันแล้ว บาดหลวงราเฟลก็ลากลับขึ้นบก ข้าพเจ้าก็ได้สั่งให้ถอนสมอแล่นใบไปเมืองปอนดีเชรีต่อไป เรือได้เดินผ่านเมืองเซนต์ธอเม ซึ่งเปนเมืองร้างหักพังทำลายลงหมดแล้ว เมืองนี้เปนเมืองซึ่งพวกปอตุเกตได้ขอมาจากเจ้าแผ่นดินเมืองคอลกอนดาและขอมาจากพระเจ้าโมกูล เวลานี้พวกปอตุเกตกำลังสร้างเมืองขึ้นใหม่ และวัดเข้ารีตได้สร้างขึ้นใหม่เสร็จแล้ว
เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนมกราคม ข้าพเจ้าได้ไปถึงเมืองปอนดีเชรี ได้เห็นเรือรบฝรั่งเศสชื่อลัวโซทอดสมออยู่ที่ท่าเรือ เรือนี้มองซิเออร์ดูเคนเปนผู้บังคับ ได้ออกจากเมืองไทยเมื่อวันที่ ๒๕ เดือนพฤศจิกายน ได้เดินทางเข้าช่องมะลากา และได้มาถึงเมืองปอนดีเชรีก่อนข้าพเจ้า ๕ วัน เรือลัวโซลำนี้เปนเรือรบของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสลำแรกที่จะ ได้เคยเดินในทะเลเกาะมะลากา ครั้นข้าพเจ้าได้ไปถึงแล้วมองซิเออร์ดูเคนก็ได้มาหาข้าพเจ้า และได้บอกกับข้าพเจ้าว่าได้เตรียมการที่จะเดินเรือกลับไปประเทศฝรั่งเศสไว้พร้อมทุกอย่างแล้ว และได้บรรทุกของขึ้นเรือเต็มท้องเรือหมดแล้ว แต่ถึงดังนั้นก็จะได้พยายามบรรทุกของเพิ่มเติมขึ้นอีกบ้างให้ได้
ในวันนี้เวลาเย็นข้าพเจ้าได้ขึ้นไปบนบก และรุ่งขึ้นได้พบปะหารือกับมองซิเออร์มาแตง มองซิเออร์เดลานและมองซิเออร์มาแตงหนุ่ม และเมื่อข้าพเจ้าได้รับคำแนะนำจากท่านเหล่านี้ในเรื่องที่ข้าพเจ้าดำริจะตั้งบริษัทในเมืองแถบนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ลงมือเขียนรายงานและออกคำสั่ง ซึ่งข้าพเจ้าเห็นเปนการจำเปน สำหรับการของบริษัท ครั้นเสร็จแล้วข้าพเจ้าก็ได้ลงเรือลัวโซเมื่อวันที่ ๒ เดือนกุมภาพันธ์ และในวันนั้นเองเรือก็ได้กางใบแล่นไปเพื่อกลับไปยังประเทศฝรั่งเศส ส่วนเรือเปรซิเดนนั้นไม่มีเวลาพอที่จะบรรทุกของขึ้นเรือให้ทันได้ จึงต้องรออยู่ที่เมืองปอนดีเชรีก่อน และกำหนดจะได้ออกจากเมืองปอนดีเชรีในวันที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์
ข่าวเรื่องพระเจ้าโมกูลตีเมืองคอลกอนดา และจับองค์เจ้าแผ่นดินไว้นั้นเปนข่าวที่จริงแน่ เพราะข้าพเจ้าได้ทราบความที่เมืองปอนดีเชรีเปนความตรงกับที่ข้าพเจ้าได้ทราบมาแล้ว มองซิเออร์มาแตงจึงได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังถึงการงานของบริษัทในเมืองคอลกอนดา และได้เอาหนังสือจากเมืองซูรัตมาให้ข้าพเจ้าดูฉะบับ ๑ หนังสือฉะบับนี้เปนหนังสือที่ผู้อำนวยการของบริษัทได้มีมายังมองซิเออร์มาแตงบอกข่าวว่า เจ้าเมืองคอลกอนดาได้กดขี่ข่มเหงพวกชาวยุโรป แต่พวกฝรั่งเศสนั้นได้รับความยกเว้นไม่ใคร่ได้ถูกบีบคั้นเหมือนชนชาติอื่นๆ ในหนังสือฉะบับนั้นเล่าความต่อไปว่า การที่พระเจ้าโมกูลได้มีชัยชะนะเช่นนี้ได้ทำให้พระเจ้าโมกูลเย่อหยิ่งขึ้นมาก และเจ้าพนักงานข้าราชการของพระเจ้าโมกูลก็พลอยหยิ่งไปด้วย เพราะพระเจ้าโมกูลดูถูกพวกชาวยุโรปเปนอันมาก ฝ่ายพวกอังกฤษนั้นเล่า ก็ได้จับไพร่บ้านพลเมืองของพระเจ้าโมกูลไว้เปนอันมาก และหนังสือสำคัญที่ผู้อำนวยการฝรั่งเศสได้ให้ไว้แก่พวกเรือแขกมัว ซึ่งได้มาขอร้องเอาธงฝรั่งเศสเปนที่พึ่งนั้น พวกอังกฤษก็หาได้เชื่อถือยกเว้นให้ไม่
เมื่อแต่เดิมมองซิเออร์คอนซตันซ์ได้ออกความเห็นว่า ข้าพเจ้าควรจะส่งคนใดคนหนึ่งให้ไปเฝ้าพระเจ้าโมกูล เพื่อขอหลักฐานในความชอบธรรมและสิทธิของบริษัท และเพื่อขอตราตั้งสำหรับให้บริษัทไปตั้งห้างที่เมืองเบงคอลได้ ข้าพเจ้าจึงได้นำความเห็นของมองซิเออร์คอนซตันซ์ตามที่กล่าวมานี้ หารือต่อมองซิเออร์มาแตง และข้าพเจ้าได้กะจะให้มองซิเออร์เดลานด์เปนผู้ไปเฝ้าพระเจ้าโมกูล แต่ครั้นข้าพเจ้าได้มาฟังความเห็นของมองซิเออร์มาแตง จึงได้งดความคิดที่จะส่งมองซิเออร์เดลานด์ไป มองซิเออร์มาแตงได้ชี้แจงว่า การที่จะจัดให้ใครไปเฝ้าพระเจ้าโมกูลนั้น จะเปนการเปลืองโสหุ้ยของบริษัทโดยไม่ได้ผลอย่างใดเลย ด้วยเหตุ ๒ ประการคือ ประการ ๑ พิเคราะห์ดูพระเจ้าโมกูลก็คงจะไม่รับรองคนแทนของบริษัท แลประการที่ ๒ พระเจ้าโมกูลก็ชรามากแล้ว เพราะฉะนั้นถึงพระเจ้าโมกูลจะออกตราตั้งอนุญาตให้บริษัทไปตั้งห้างที่เมืองเบงคอล ถ้าพระเจ้าโมกูลสิ้นชีพลง ก็จะต้องกลับตั้งต้นพูดจาขอร้องกันใหม่ และจะต้องเปลืองโสหุ้ยอีกครั้ง ๑ กับจะต้องหาของให้เจ้าเมืองเบงคอลอีก จึงจะได้จัดการตามตราตั้งของพระเจ้าโมกูลได้ อนึ่งผู้ที่เปนเจ้าเมืองเบงคอลในเวลานี้ ชื่อเจ๊ะเอศคาน เปนอาว์ของพระเจ้าแผ่นดินและชรามากอายุถึง ๘๐ ปีเศษ ทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ตาก็บอดเสียแล้วด้วย คงจะไม่มีอายุยืนนานไปได้สักเท่าไร และใครจะเปนผู้ว่าราชการเมืองเบงคอลต่อไปก็เปนเรื่องที่ทราบกันไม่ได้ เพราะเมืองนี้เปนเมืองขึ้นของพระเจ้าโมกูล ต้องเสียเงินให้พระเจ้าโมกูลปีละ ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ ทุกๆ ปี เพราะฉะนั้นมองซิเออร์มาแตงจึงเห็นว่า ในเวลานี้ควรจะปฏิบัติตามตราตั้งฉะบับเก่าไปก่อน และควรจะเข้าหาเจ้าเมืองคนชรานี้ไปพลาง เพราะเจ้าเมืองคนนี้ชอบพวกฝรั่งเศสอยู่บ้าง บริษัทก็จะได้ทำการค้าขายต่อไปจนกว่าเจ้าเมืองคนนี้จะถึงแก่กรรม เมื่อเจ้าเมืองคนนี้ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว ก็จะต้องคอยดูเหตุการณ์ไปก่อน แล้วจึงคิดอ่านขอตราตั้งเสียใหม่ แต่ตราตั้งใหม่นั้นจะขอจากเจ้าเมืองคนใหม่ หรือจะขอจากพระเจ้าโมกูลองค์ใหม่ ก็แล้วแต่จะสะดวกในภายหน้า
พระเจ้าโมกูลองค์นี้มีราชบุตร ๒ องค์ แต่องค์ใหญ่นั้นอยู่ในถานพระบิดากำลังลงพระอาชญา จนถึงกับหนีไปอาศัยอยู่กับพระเจ้ากรุงเปอเซียเสียแล้ว พระราชบุตรองค์ใหญ่นี้มีพัครพวกในประเทศราชปุตเปนอันมาก และฝ่ายมารดาก็คอยหาช่องอยู่ ถ้าพระเจ้าโมกูลสิ้นชีพลงเมื่อใด ก็จะคิดจัดการชิงราชสมบัติให้แก่บุตร เพราะพระเจ้าโมกูลได้ประกาศตั้งให้ราชบุตรที่ ๒ เปนรัชชทายาทแล้ว โดยเหตุที่ราชบุตรที่ ๒ นี้เปนคนโปรดปรานของบิดา และพระบิดาก็เอามาเลี้ยงใกล้พระองค์อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าโมกูลสิ้นชีพลงเมื่อใด ก็คงจะเกิดวุ่นวายในบ้านเมือง แตกกันเปนก๊กเปนเหล่าเปนแน่
เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังมองซิเออร์มาแตงชี้แจงดังนี้ ข้าพเจ้าก็เห็นด้วยจึงได้งดความคิดเดิมเสีย และได้ตกลงว่าให้คอยฟังเหตุการณ์ต่อไป เมื่อเห็นท่วงทีอย่างไรที่จะให้บริษัทได้ทำการค้าขายโดยสะดวกแล้ว ก็จะให้จัดการไปอย่างดีที่สุดที่จะทำได้
ข้าพเจ้าได้มาถึงแหลมเคปออฟกุดโฮปเมื่อวันที่ ๑๑ เดือนเมษายน และได้พักอยู่ในที่นี้จนถึงวันที่ ๑๙ เดือนเมษายน หนังสือต่าง ๆ ที่กับตันเรือเซนนิโกลาศ์ ซึ่งเปนเรือของบริษัทได้ฝากไว้ให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าได้รับไว้หมดแล้ว เรือเซนนิโกลาศ์นี้ได้คอยข้าพเจ้าอยู่ถึง ๓ อาทิตย์ ครั้นเห็นว่าข้าพเจ้ายังไม่มากัปตันจึงได้ออกเรือไปเมื่อวันที่ ๑๒ เดือนมีนาคม
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้ออกจากแหลมเคปออฟกุดโฮบวัน ๑ ได้เห็นเรือเลอโดรมาแดกับเรือเลซิเออเข้ามาถึงทั้ง ๒ ลำ เรือเลซิเออนี้ได้มาจากเมืองสุรัต ได้มาพบกับเรือเลอโดรมาแดที่ตำบลบังเดชเอกวิลจึงได้เลยมาด้วยกัน
มองซิเออร์ดังเดนผู้บังคับการเรือโดรมาแด ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ได้ออกจากเมืองไทยพร้อมกับมองซิเออร์โวดรีคูร์และมองซิเออร์เดอยัวเยอเมื่อวันที่ ๓ เดือนมกราคม เมื่อวันที่ ๑ เดือนกุมภาพันธ์เรือโดรมาแดได้แล่นออกจากช่องซอนดา ครั้นเมื่อวันที่ ๑๕ เดือนกุมภาพันธ์ ได้ถูกพายุซึ่งพัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ เรือโดรมาแดจึงได้พลัดกับเรืออีก ๒ ลำในที่และติจูตใต้ ๑๔ ดีกรี ๑๙ นิมิต และลองติจูต ๑๑๗ ดีกรี ๔ นิมิต มองซิเออร์ดังเดนได้รายงานต่อไปว่า บาดหลวงตาชาได้ลงเรือเลอกายยา โดยได้รับตำแหน่งราชทูตเอนวอยเอกซตราออดีนารีของพระเจ้ากรุงสยามไปยังประเทศฝรั่งเศส และเมื่อบาดหลวงตาชาได้เชิญพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงสยามลงเรือนั้น ก็ได้มีการแห่แหนและทำพิธีตามแบบธรรมเนียมไทยทุกอย่าง
บาดหลวงตาชาได้พาคนไทยมาด้วยรวม ๑๘ คน คือเปนข้าราชการไทยสำหรับประดับเกียรติยศบาดหลวงตาชา ๖ คน อีก ๑๒ คนนั้นเปนชายหนุ่มซึ่งบาดหลวงตาชาจะพาไปฝากยังโรงเรียนพวกบาดหลวงคณเยซวิตที่กรุงปารีศ นอกจากนี้บาดหลวงตาชาได้เชิญเครื่องราชบรรณาการของพระเจ้ากรุงสยามและของต่างๆ เปนอันมาก สำหรับไปถวายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และถวายเจ้านายในพระราชวงศ์ฝรั่งเศสทุก ๆ องค์ด้วย
ข้าพเจ้าได้ไปถึงเกาะอาเซนชันเมื่อวันที่ ๑๙ เดือนพฤศภาคม เมื่อได้มาถึงเกาะนี้แล้วข้าพเจ้าได้รับหนังสือจากกัปตันเรือเลซิเออฉะบับ ๑ ในจดหมายฉะบับนี้มีความว่าเรือรบฝรั่งเศส ๒ ลำ คือเรือกายยากับเรือลาลัวได้ไปถึงแหลมเคปออฟกุดโฮมเมื่อวันที่ ๒๔ และจะได้พักอยู่ ณ ที่นั้นจนถึงวันที่ ๑ เดือนพฤศภาคมจึงจะได้ออกเรือต่อไป
เมื่อวันที่ ๒๗ เดือนพฤศภาคม ได้พบกับเรือเลอเฟลรีซังที่ใต้เส้นศูนย์กลางโลก ๑ ดีกรี เรือลำนี้ได้มาจากประเทศฝรั่งเศส และได้เดินทางมาถึงที่นี้ ๓๗ วัน นายเรือโทซึ่งบังคับการเรือลำนี้ได้ขึ้นมาบนเรือของเรา และได้เล่าว่าประเทศฝรั่งเศสได้ประกาศสงครามกับพวกแขกอาลเยียแล้ว
----------------------------