๏ วัน ๑ ๑+ ๖ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๓๒ ปีขาลโทศก พระราชนิพนธ์ ทรงแต่งชั้นต้นเป็นประถม ยัง ทราม พอดี } อยู่ ๚๛
๏ มาจะกล่าวบทไป |
ถึงนนทจิตรยักษี |
กับอสูรนนทไพรี |
สองศรีไปคนละพารา |
ฯ กราว ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายนนทจิตรไปถึง |
ซึ่งนครอัษฎงค์ภูผา |
ก็เข้าแถลงเสนา |
พากันเข้าทูลอสุรี |
ฯ เสมอ ๒ คำ สัทธาสูร เสนา นนทจิตร ฯ
๏ บัดนี้ท่านท้าวพันธุมิตร |
บพิตรบรมเรืองศรี |
ผู้ผ่านสามโลกโมลี |
อริราชติดพารา |
ให้ข้านนทจิตรมาทูล |
ไอศูรย์บรมนาถา |
ขอเชิญพยู่หบาตรา |
กู้ขัณฑเสมาบุรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น |
อัคคท้าวสัทธาสูรยักษี |
กังขาในพจวาที |
ซักไล่อสุรีทันใด |
อันองค์ท้าวทศกรรฐ์ |
พันธุมิตรกูพิสมัย |
ศักดิ์แสงเคียมแข่งอโณทัย |
คือใครจะมาอหังการ์ |
ว่านี้ผิดทีกูไม่เห็น |
ถึงเช่นสามภพใต้หล้า |
ไม่ครันครือฤทธิ์อย่าเจรจา |
ศึกมาแต่ไหนว่าไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ ฝ่ายนนทจิตรกราบทูล |
ตามมูลคดีแถลงไข |
เดิมพระยอดเมืองมารชาญไชย |
ไปได้องค์นางษีดามา |
อยู่มาฝ่ายลักษ์ราเมศ |
ก่อเหตุฆ่าญาติวงศา |
แล้วจึงมีราชสารา |
มาว่าให้ส่งเทวี |
ฝ่ายเสนามารปฤกษา |
กลัวว่าจะขายบทศรี |
ไม่ให้ส่งไปแก่ไพรี |
เพื่อกุลีหลังอหังการ์ |
ถ้าว่ากันก่อนยังไม่หมาง |
อันนางไม่ไว้เมืองยักษา |
นี่เพื่อนก่อภัยใหญ่มา |
ลงกาไม่รู้ที่พาที |
จึ่งให้มาเชิญบทบาท |
จะประภาษการชิงชัยศรี |
อันลักษ์รามราชไพรี |
เดิมผ่านกรุงศรีอยุทธยา |
คือหน่อของท้าวทศรถ |
ปรากฏสูริวงศ์นาถา |
คุมวานรินกระบินมา |
จงแจ้งบาทาท่านไท |
ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ท้าวกรุงอัษฎงค์เป็นใหญ่ |
ครั้นจะแจ้งเหตุเภทภัย |
ฤๅทัยร่าเริงบัญชา |
ดูดู๋เออลักษ์ราเมศ |
อาจล่วงขอบเขตยักษา |
หมีหนำซ้ำจะให้ส่งษีดา |
อย่าช้าเร่งเตรียมอสุรี |
กูจะไปช่วยองค์สหาย |
อันธพาลทำร้ายกรุงศรี |
กะเกณฑ์แก่กันจงทันที |
รีบรัดบัดนี้อย่าช้า |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ มารนพกาสูรรับสั่ง |
บังคมไปจัดยักษา |
ฯ เชิด ฯ
ยานี๏ เร่งรัดตำรวจตรวจตรา |
ยักษาตีรันกันไป |
สรรพทั้งปีกซ้ายปีกขวา |
อสุรีอสุราน้อยใหญ่ |
ทัพหน้าทัพหลังได้ดั่งใจ |
เสร็จเข้าไปทูลทันที |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
ร่าย๏ อันซึ่งพหลสกลไกร |
สำหรับพยู่หไชยศรี |
กะเกณฑ์กันแล้วภูมี |
จงแจ้งธุลีบาทา |
ฯ ๖ คำ ฯ
โทน๏ เมื่อนั้น |
ท่านท้าวสัทธาสูรยักษา |
จึงชำระสระสรงคงคา |
ทรงภูษาพรรณรูจี |
โจงจัดรัดสุวรรณกะทอก |
นอกทับสนับเพลาศรี |
สอดทรงเกราะแก้วมณี |
ศรีสังวาลแสงเพราพราย |
ระยับทับทรวงมงกุฎเก็จ |
เพชรพาหุรัดเฉิดฉาย |
กรรเจียกกรรจุปรุเพริศเลิศลาย |
กระจายกรรณจอนแก้วแพร้วตา |
แล้วทรงชายไหวชายแครง |
ศรีแสงสว่างซ้ายขวา |
ดั่งสหัสมัจจุนาถยาตรา |
เงื้อง่าอาวุธมาขึ้นรถ |
ฯ บาทสกุณี ๘ คำ ฯ
โทน๏ รถเอยราชรถเพชร |
แกมเก็จบรรจงอลงกต |
เฉวียงฉวางสว่างไปในโสฬส |
ศรีสดแสงส่องระรองพราย |
ดั่งดวงอโณทัยแจ่ม |
แอร่มระยับพระสุริย์ฉาย |
กนกกนาบคาบแก้วแพร้วพราย |
กระจายไขรัศอัมพร |
เหมือนองค์พงศ์ชั้นปารนิมมิต |
ไพจิตรสะพักแล่งแสงศร |
อลงกตยศยิ่งพลากร |
ไปนครลงกาพระบุรี |
ฯ กราว ๒ คำ หยุดกลางทาง ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป |
ถึงนนทไพรียักษี |
ซึ่งมาจารึกบุรี |
ยักษีเข้าแจ้งเสนา |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ เสนาจึ่งพาเข้าทูล |
วิรุญจำบังยักษา |
ฯ เสมอ วิรุญจำบัง เสนา นนทไพรี ฯ
๏ บัดนี้สมเด็จพระบิตุลา |
ให้ยักษานนทไพรี |
จำทูลพระลักษณโองการ |
ด้วยพาลภัยกรุงศรี |
มาเข่นฆ่าขัณฑบุรี |
พลเป็นกระบี่ลิงไพร |
ประมาณเจ็ดสิบเจ็ดสมุด |
อันมนุษย์ซึ่งเป็นนายใหญ่ |
ลักษ์รามพี่น้องสองไท |
พาลไล่ล้างเหล่าอสุรา |
เสร็จสิ้นพระวงศ์พระญาติ |
ทั้งพระบิตุราชนาถา |
ให้เชิญพยู่หบาตรา |
ไปเข่นฆ่าราชไพรี |
ฯ เจรจา ๑๐ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น |
จึ่งวิรุญจำบังยักษี |
ฮึดฮัดตรัสแก่อสุรี |
เป็นไฉนฉะนี้เสนา |
เหตุใดจึงแพ้มนุษย์ |
ไวยวุทธอย่างไรให้ว่า |
มึงไซร้ได้ไปรบพุ่งมา |
บัญชาให้แจ้งกูบัดนี้ |
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายนนทไพรีทูตทูล |
ไอศูรย์อันพงศ์รังสี |
กอปรเวทขลังทั้งฤทธี |
ไม่มีเล่ห์ล้วนประจัญบาน |
ถ้าแม้นฝ่ายมารเทถ่าย |
มาดหมายไม่ต้องศรผลาญ |
ราชยุทธสุดเสร็จแต่ช้านาน |
พาลภัยไม่คุงชีวา |
น่าที่จะได้หัวได้ตัว |
เสร็จทั่วทั้งนายกระบี่ป่า |
เมื่อมันไม่มีฤทธา |
หาเหาะได้ไม่เดินดิน |
เชี่ยวชาญแต่ด้วยธนูศร |
ต่อประจัญราญรอนจึงหมดสิ้น |
โหมหักจึงได้ยิงยักษ์ดาษดิน |
ภูมินทร์จงแจ้งบาทา |
๏ เมื่อนั้น |
จึ่งวิรุญจำบังยักษา |
ครวญ๏ เอื้อนอรรถขัดแค้นบัญชา |
โอ้ว่าสูริวงศ์พงศ์พีร์ |
เสร็จสิ้นทั้งพระบิดุราช |
ลีลาศสู่สวรรค์รังสี |
ไม่ควรที่แพ้ไพรี |
ตีประจัญมันไยไม่อัชฌา |
โอ้ว่าเสียดายตายเปล่า |
ชอบด้อมมองเข้าเข่นฆ่า |
เสียทีหนีวิ่งออกมา |
ถ้าได้ทีไล่ราวี |
หนึ่งควรนิมิตบิดกาย |
หายตัวเข้าชิงชัยศรี |
ถึงมาตรพันหมื่นแสนดี |
สุดที่ไม่เห็นแพ้เรา |
เออนี่ทำไมไปประจัญ |
ให้ต้องศรมันเปล่าเปล่า |
ครวญ๏ ไม่สมควรเลยสุรเจ้า |
เป็นกรรมของเราอสุรี |
โอ้ว่าเสียดายพระวงศ์ |
ทั้งองค์บิดุราชรังสี |
แม้นกูไปทันต่อตี |
ที่ไหนจะอัปราชัย |
เร่งเร็วนนทสูรจัดพล |
ทั้งสกลพยู่หน้อยใหญ่ |
ให้สรรพไปด้วยปืนไฟ |
กูจะไปปราบราชไพรี |
หนึ่งให้ผูกนิลพาหุ |
อุดมบรมรังสี |
กับเกณฑ์กองม้าพาชี |
กูจะให้ขี่ขับเข้าชิงชัย |
ฯ เจรจา ๑๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
นนทสูรหมู่มารน้อยใหญ่ |
ก้มเกล้ารับสั่งสั่งไป |
ไปจัดพหลโยธา |
ฯ เชิด ปฐม เจรจา ฯ
ยานี๏ บ้างไปจัดแจงม้าต้น |
บ้างไปเร่งพลยักษา |
กะเกณฑ์กองทัพทัพม้า |
เสร็จเข้ามาทูลทันที |
ฯ แพละ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ อันทัพทัพม้าแลม้าต้น |
ทั้งสกลพยู่หไชยศรี |
สามร้อยสมุดโดยมี |
รี้พลพร้อมแล้วพระราชา |
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
โทน๏ เมื่อนั้น |
วิรุญจำบังยักษา |
จึงชำระสระสรงคงคา |
ทรงมหาสิกพัสตร์รูจี |
เลิศแล้วแก้วเก้ามงกุฎดำ |
ล้วนทำด้วยนิลรังสี |
สังวาลแกมรัศมณี |
ตาบทับทรวงศรีนิลพราย |
กรรเจียกกรรจุจอนหูพาหุรัด |
ทองกรจำรัสเฉิดฉาย |
ระยับจับชายไหวพราย |
กระจายสนับเพราตา |
เสร็จทรงภูษิตอาคม |
ห่มโพกเกศเกล้าเกศา |
ดั่งกรุงพาณปลอมเทวา |
ง่าหอกมาขึ้นมโนมัย |
ฯ เชิดฉิ่ง ๘ คำ เพลงกราว ฯ
โทน๏ ม้าเอยม้าต้น |
จบสกลฉ้อชั้นหวั่นไหว |
อาจองทรงเดชโชไชย |
ใจหาญห้าวแห้งมหึมา |
ซองอานพานหน้าราอก |
กระหนกแคบนิลวัตถา |
ศรีสรรแสงดำอิศรา |
ตาหูหางเท้าเพราพราย |
ดั่งม้าอโณทัยไตรตรัสขี่ |
พาชีไชยรถพระสูริย์ฉาย |
เข้มแข็งดั่งจะแข่งพระพาย |
คลี่คลายพลไปลงกา |
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ พอถึงพร้อมทัพสัทธาสูร |
จึ่งวิรุญจำบังยักษา |
ก็ลงจากมิ่งม้าอาชา |
ไปอัญชุลีพาเข้าบุรี |
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ ฝ่ายทศกรรฐ์ออกรับ |
จับนิ้วหัตถ์จูงบทศรี |
ฯ บาทสกุณี ฯ
ช้า๏ ให้นั่งร่วมอาสน์อสุรี |
ยักษีปฤกษากันไปมา |
กับด้วยท่านท้าวสัทธาสูร |
ทั้งวิรุญจำบังยักษา |
เจ้าเป็นสหายร่วมวิญญา |
หนึ่งเป็นนัดดาของเรา |
อันซึ่งกิจการครั้งนี้ |
ดุจดั่งอัคคีผลาญเผา |
พระสหายช่วยแก้อายเรา |
นัดดาเจ้ากู้พารา |
แต่ได้เห็นหน้าพระสหาย |
ค่อยคลายทุกข์ขึ้นหนักหนา |
แล้วราชนัดดามา |
ดั่งได้ผ่านฟ้าดุษฎี |
บัดนี้ลักษ์รามราชา |
ซึ่งฆ่าทูตขรยักษี |
ยกพลวานรมาต่อตี |
เข่นฆ่าอสุรีมากมาย |
ไม่มีที่เล็งเห็นแล้ว |
ยังแต่หลานแก้วพระสหาย |
ช่วยแก้ธุระอับอาย |
อย่าให้ขายตีนเจ้าสองรา |
ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ
ร่าย๏ บัดนั้น |
ท่านท้าวสัทธาสูรยักษา |
ทั้งวิรุญจำบังอสุรา |
อภิวาทาทูลเนื้อความไป |
อันอรินราชครั้งนี้ |
ไว้สองบุรีแก้ไข |
บิดุลาอย่าร้อนรนใจ |
สหายอย่าเคืองบาทา |
ทำไมกับลักษ์ราเมศ |
ถึงนิเวศทั่วสกลใต้หล้า |
ไม่ครันอย่าครั่นวิญญา |
สัจจาข้าถือพรหมอวยไชย |
แม้นขัดสนข้าอ่านพระเวท |
เทพเรืองเดชโยนอาวุธให้ |
ตรวยตรงลงอรินบรรลัย |
ไว้เป็นธุระจะต่อตี ฯ |
๏ ข้าฝ่ายวิรุญจำบัง |
ขลังเวทมนตร์ณรังสี |
กำบังมิ่งม้าวางพาชี |
ไพรีไม่เห็นเข่นฆ่าไป |
อันข้าศึกมาแต่เพียงนี้ |
เห็นทีหาครันมือไม่ |
ถึงหกชั้นฟ้าสุลาลัย |
ไม่ให้เคืององค์บิดุลา |
ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ
ครวญ๏ ทศกรรฐ์กันแสงแรงรัก |
โอบอุ้มขึ้นตักหรรษา |
พระกรกายพิศปรีดา |
ดูราสหายร่วมใจ |
อันญาติวงศ์ตายสิ้นแล้ว |
ยังแต่หลานแก้วพิสมัย |
จึ่งจุมพิตพักตร์เอาใจ |
ลุงจะให้ผ่านภพลงกา |
ดูกรสหายบำรุงหลาน |
จะได้สืบพงศ์ผ่านภายหน้า |
สัทธาสูร๏ ฝ่ายสัทธาสูรรับบัญชา |
ให้ตามข้าฝึกเข้าต่อตี |
ทศกรรฐ์๏ ทศกรรฐ์จึ่งมีสุนทร |
ดูกรนัดดาเรืองศรี |
เจ้าหนุนทัพปราบไพรี |
ตามวาทีท้าวบัญชา |
เร่งเร็วมโหธรสั่งไป |
ให้จัดสุรามังสา |
เลี้ยงสองนครโยธา |
นัดดาสหายกูบัดนี้ |
หนึ่งให้ขับไม้คนรำ |
บำเรอท่านท้าวยักษี |
กับหลานรักร่วมชีวี |
อสุรีสั่งไปอย่าช้า |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย๏ บัดนั้น |
มารหมู่มโหธรซ้ายขวา |
รับสั่งสั่งไปหมีได้ช้า |
ให้จัดมังสาสุราบาน |
อีกทั้งกุ้งพล่าปลาตัว |
หมูคั่วหมูอั่วของหวาน |
เร่งเร็วหมู่มารพนักงาน |
จัดการรีบรัดบัดนี้ |
หนึ่งให้พิโรธามาตย์ |
นางนาฏวิเสทสาวศรี |
แต่งเครื่องเรืองรสรุจี |
ถวายท้าวยักษีสองรา |
หนึ่งให้ระเบ็งระบำใน |
ไปบำเรอท้าวยักษา |
เอาใจให้ชื่นวิญญา |
จะได้กรีธาทัพบัดนี้ |
ฯ เจรจา ๘ คำ ฯ
ยานี๏ บัดนั้น |
มารหมู่พนักงานยักษี |
ทั้งพิโรธามาตย์อสุรี |
สาวศรีวิเสทแจ้งกิจจา |
ต่างต่างบ้างไปจัดแจง |
ตกแต่งล้วนมัจฉมังสา |
ปิ้งจี่มีทั้งสุรา |
พล่าโคกระบือครบครัน |
อีกทั้งหมูจีนไก่ตัว |
คั่วอั่วพะแนงปิ้งหมูหัน |
ก็เอาไปเลี้ยงกุมภัณฑ์ |
พลขันธ์สองราชพารา |
ฯ เพลงฉุยฉาย ฯ
ยานี๏ เครื่องท้าวยักษีสององค์ |
บรรจงเนื้อละมั่งมังสา |
ต้มแกงแต่งตามตำรา |
โอชารสล้ำละลานใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ชมตลาด๏ ฝ่ายนางบำเรอก็แต่งองค์ |
บรรจงผ่องแผ้วพิสมัย |
แอร่มแจ่มจัดวิไล |
อำไพยศยิ่งกัญญา |
ดังอัปสรองค์ทรงเครื่อง |
เรืองดุจแขไขเลขา |
ยิ่งอรุณแสงสุนทรา |
เจษฎารสปลื้มปลุกใจ |
เหมือนบาทบงสุ์ทรงพักตร์ |
องค์อัคคลักษมีศรีใส |
เพริศพริ้งยิ่งยศวิไล |
ก็ไปบำเรอหมิช้า |
ฯ เพลงระบำเทศ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพนักงานเห็นจวน |
ควรเวลาท้าวยักษา |
จึ่งเชิญภาชนะโภชนา |
ทั้งสุราถวายอสุรี |
ฯ เพลงกะยอย ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ ทศกรรฐ์์จึงมีสุนทร |
ดูกรนัดดาเรืองศรี |
กับสหายรักร่วมชีวี |
สองศรีสำราญบานใจ |
ว่าพลางทางไปตรวจเลี้ยง |
สั่งนางจำเรียงเสียงใส |
เข้าคอยบำเรอท่านไท |
กูจะไปเอาใจกุมภัณฑ์ |
ถึงจึงปราศรัยโยธา |
ท่านผู้กล้าแห้งแข็งขัน |
ช่วยกู้นิเวศเขตคัน |
ชวนกันกินเลี้ยงตามมี |
เจรจา๏ แล้วกลับจุมพิตพระสหาย |
เพื่อนตายกับหลานเกษมศรี |
ชวนเชิญเสวยตามมี |
ดีดสีก็ทำบำเรอไป |
ฯ มโหรี ๘ คำ ฯ
เบ้าหลุด๏ ลางนางหมายมุ่งเมียงพักตร์ |
เยื้องยักยั่วยวนครวญใคร่ |
บ้างเข้ารินเทถวายไท |
เชื้อเชิญให้เสวยสุรา |
ฯ เพลง ๒ คำ ฯ
สัทธาสูร๏ ฝ่ายว่าท่านท้าวสัทธาสูร |
ทั้งวิรุญจำบังยักษา |
ชวนกันรับรินกินสุรา |
เชื้อเชิญพญาทศกรรฐ์ |
สามกระษัตริย์ตรัสสนอมสุนทร |
สโมสรปรีดิ์เปรมกระเษมสันต์ |
สัพยอกหยอกเย้ายวนกัน |
บัญชาแจ้งราชกิจการ |
ถ้าเราเสวยสรรพเสร็จ |
จะเสด็จยกพลทวยหาญ |
มาไปเอาใจหมู่มาร |
ท่านจงสำราญบานใจ |
ฯ ๖ คำ เสนา ฯ
ร่าย๏ แกล้วหาญทั้งปวงรับสุนทร |
ยอกรประนมแถลงไข |
กินสุราแล้วทูลว่าไป |
ข้าไสร้ขอรองพระบาทา |
อันซึ่งข้าศึกเหล่านี้ |
สองบุรีจะขออาสา |
ถวายชีพฉลองบาทา |
ไว้ข้าจะเข้าต่อตี |
ลางบ้างก็ทูลเฉลย |
ไม่เกรงเลยแก่หมู่กระบี่ศรี |
จะคาเขี้ยวเคี้ยวให้ธุลี |
หมีให้เหลือเลยอย่าสงกา |
ฯ เจรจา ๖ คำ ฯ
สามนาย๏ สามกระษัตริย์กลับคืนเสวย |
เฮ้ยนางบำเรอซ้ายขวา |
กูนี้จะออกเข่นฆ่า |
มานี่จูบทีอี่คนรำ |
เพลง๏ ฉุดคร่ามากินสุราหาร |
เบิกบานผ่องพักตร์พิศก่ำ |
เข้มแข็งแรงฤทธิ์เลิศล้ำ |
ทำหยาบหยามเริงบันเทิงใจ |
ฯ ปี่พาทย์เซ่นเหล้า เล่น หัว หาง เพลง ฯ
ร่าย๏ ครั้นว่าสำเร็จเสร็จเสวย |
สองท้าวเฉลยแถลงไข |
แก่ท่านท้าวทศกรรฐ์ไป |
จะได้ยกทัพไชยบัดนี้ |
๏ ทศกรรฐ์์เชื้อเชิญสระสรง |
ก็ลงสนานรังสี |
ฯ เพลงลงสรง ฯ
สัทธาสูร วิรุญจำบัง๏ ทรงเครื่องเรืองรัศรูจี |
เสร็จสรรพจรลีสั่งเสนา |
๏ จงตรวจพหลสกลไกร |
กูจะกรีธาทัพไปเข่นฆ่า |
เสนา๏ สองเสนาราชพารา |
รับสั่งมาตรวจเตรียมพล |
ฯ เชิด ๘ คำ ฯ
๏ เร่งรัดเรียกหาสกลไกร |
อื้ออึงคะนึงไปทุกแห่งหน |
ที่เมาเหล้านอนหลับกรน |
สับสนรันตีเจรจา |
เป็นไรไม่ไปกองทัพ |
หลับนอนอยู่ไยยักษา |
รีบเร็วเร่งรัดไคลคลา |
ตระเตรียมรัถาบัดนี้ |
บ้างไปตกแต่งรถรัตน์ |
ผูกจัดเทียมด้วยราชสีห์ |
บ้างไปผูกม้าพาชี |
ขับรี้พลเข้าหมวดพลัน |
แล้วสั่งนายทัพนายกอง |
ปีกป้องแล่นใช้แข็งขัน |
เจรจา๏ ครั้นเสร็จก็เข้าทูลพลัน |
พลขันธ์พร้อมแล้วพระราชา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ สัทธาสูรเสด็จทรงรถไชย |
แห่แหนแน่นไปซ้ายขวา |
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังทรงม้า |
ลีลาเป็นทัพหนุนไป |
แล้วให้โห่ร้องเอาฤกษ์ |
เอิกเกริกสนั่นหวั่นไหว |
อึงอัดยัดป่าพนาลัย |
ตรงไปสมรภูมิพลัน |
ฯ กราว ๔ คำ ฯ
ช้า๏ มาจะกล่าวบทไป |
ถึงไทนารายณ์ไอศวรรย์ |
ครั้นสายงายศรีรวีวรรณ |
ได้ยินสนั่นลั่นไพร |
จึ่งถามพิเภกโหรา |
อริราชยกมาหฤาไฉน |
นามวงศ์พงศ์พันธุ์ผู้ใด |
เร่งเร็วบอกไปอย่าช้า |
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพญาพิเภกกราบทูล |
คือท้าวสัทธาสูรยักษา |
สหายเจ้ากรุงลงกา |
หนึ่งเป็นนัดดาทศกรรฐ์ |
นามชื่อวิรุญจำบัง |
ขลังวิทยาคมแข็งขัน |
เป็นบุตรขุนทูตกุมภัณฑ์ |
อยู่เขตขัณฑ์จารึกพารา |
อันสหายของท้าวยักษี |
อยู่บูรีอัษฎงค์ภูผา |
มีอิทธิฤทธิ์เดชา |
อานุภาพปราบเดชโชไชย |
แม้นสัประยุทธ์เธอขัดข้อง |
ร้องเทพโยนอาวุธให้ |
ทั้งหกชั้นฟ้าสุลาลัย |
ว่าไรไม่ขัดเธอบัญชา |
กอปรด้วยสัตยานุสัตย์ |
สนัดข้างมนตร์ดลคาถา |
ได้ดังน้ำใจจินดา |
ไม่มีผู้มาต่อตี |
ซึ่งฝ่ายวิรุญจำบังมาร |
ห้าวหาญหายตัวยักษี |
มาตรแม้นมีการต่อตี |
ไพรีไม่เห็นอสุรา |
แต่ซึ่งสงครามครั้งนี้ |
ให้ศรีหนุมานอาสา |
ทำลายเสียซึ่งสัจจา |
เข้าต่อฤทธาชิงชัย |
จึงจะต้องตามตำราว่า |
ยักษาจะม้วยตักษัย |
ถ้าสัทธาสูรบรรลัย |
อ้ายทัพหนุนจะยกใหญ่มา |
พระองค์จึงทรงศรผลาญ |
สังหารให้ดับสังขาร์ |
อสูรจะม้วยชีวา |
ขอให้อาสาไปบัดนี้ |
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
พระอวตารผู้ชาญไชยศรี |
ได้ข่าวอรินไพรี |
ภูมีหาฤๅหนุมาน |
เจ้าจงอาสาเราไป |
กูไซร้จะยกทวยหาญ |
ไปรอไว้ไม่ประจัญบาน |
จงท่านอุบายต่อตี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานทูลรับอาสา |
ข้าขอองคตกระบี่ศรี |
กับพลห้าร้อยโดยมี |
ไปพาทีต่อฤทธา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระรามก็สั่งทันใด |
ไปจัดเอาเถิดไม่ว่า |
แล้วให้ตระเตรียมโยธา |
เร่งเร็วอย่าช้าบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
สุครีพหนุมานกระบี่ศรี |
รับสั่งมาจัดมนตรี |
กะเกณฑ์กระบี่ฉับพลัน |
ฯ แพละน้อย ฯ
ยานี๏ อีกทั้งทัพหลังทัพหน้า |
ปีกซ้ายปีกขวาแข็งขัน |
ยุกกระบัตรเกียกกายครบครัน |
กองขันทัพปล้นมากมี |
จัดแจงทหารอาสา |
เข้าซุ่มอยู่ในพนาศรี |
ถ้าทัพหลวงต่อไพรี |
ให้ตีขนาบหลังมา |
อย่าห่างเข้าบุกคลุกคลี |
อาวุธยักษียาวกว่า ฯ |
๏ หนุมานเกณฑ์ได้หมีช้า |
วานรห้าร้อยพร้อมกัน |
๏ ครั้นเอยครั้นเสร็จ |
สองกระบี่ระเห็จผายผัน |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
ร่าย๏ ชวนกันเข้ากราบทูลพลัน |
พลขันธ์พร้อมแล้วภูมี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โทน๏ เมื่อนั้น |
พระอวตารผู้ชาญไชยศรี |
ชำระสระสรงวารี |
ภูมีสำอางอาภรณ์ |
ทรงมงกุฎสังวาลเสร็จสรรพ |
จับสะพักสะพายแล่งแสงศร |
โชติช่วงดวงรัศอัมพร |
กระจายจอนกรรเจียกแววไว |
กุณฑลวิมลชายแครง |
ศรีแสงสว่างชายไหว |
ระยับทับทรวงวิไล |
อำไพพาหุรัดเพราตา |
เลิศแล้วแก้วเก้าบรรจง |
ธำมรงค์อร่ามซ้ายขวา |
ดั่งเทวะเลื่อนลอยเมฆา |
ขึ้นมหาไชยรถจรลี |
ฯ เพลง ๘ คำ บาทสกุณี ฯ
โทน๏ รถเอยราชรถอินทร์ |
เฉิดฉินฉ้อพรรณรังสี |
ประดับเลือกล้วนดวงจินดาดี |
รัศมีสว่างเพราพราย |
ดุจดั่งอโณทัยตรัส |
แจ่มจัดวิเชียรเฉิดฉาย |
กงกำทำด้วยนิลลาย |
กระจายจรงอนแอกโมรา |
เพลาเพชรเก็จแกมหน้าหลัง |
บังใบล้วนนิลวัตถา |
พระธินั่งดั่งจะเลื่อนลอยฟ้า |
ระย้าระย้อยพลอยพราย |
อภิรุมกรรภิรุมเสกรฉัตร |
จูรจำรัสจัดแจ่มพระสูริย์ฉาย |
แห่แหนคับคั่งยั่งย้าย |
ผาดผายเลื่อนลอยลีลา |
ฯ กลองโยน ฯ
ร่าย๏ จึ่งสั่งพระยอดดวงใจ |
ซึ่งนั่งไปในหน้ารัถา |
ให้ยับยั้งยังกึ่งมรคา |
ให้หาหนุมานองคตพลัน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ พระลักษ์รับสั่งสั่งไป |
ห้ามสกลไกรแข็งขัน |
ฯ พล ฯ
๏ ก็สงบอยู่กึ่งไพรวัน |
พลขันธ์หยุดตามพระบัญชา |
๏ กวักเรียกองคตหนุมาน |
ท่านเข้ามาใกล้รัถา |
หนุมาน องคต๏ ฝ่ายสองกระบี่แจ้งกิจจา |
ก็ลีลาเข้าบังคมคัล |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระรามจึ่งว่าหนุมาน |
ท่านผู้ห้าวแห้งแข็งขัน |
กับองคตเจ้าจรจรัล |
ผายผันไปต่อไพรี |
คิดอ่านให้ดีทีท่วง |
ล่อลวงพญายักษี |
ตามพิเภกโหรพาที |
สองศรีรีบเร่งไปพลัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
หนุมานฤทธิแรงแข็งขัน |
กับองคตทูลลาพลัน |
ก็พาพลขันธ์ห้าร้อยมา |
ฯ เชิด ๒ คำ คุกพาทย์ ฯ
๏ พอเหลือบเห็นรถอสุรี |
สองกระบี่หยุดอยู่ปฤกษา |
ดูกรวานรบรรดามา |
อานุภาพยักษาชาญไชย |
จำเราจะบิดเบือนบัญชา |
ล่อลวงพูดจาปราศรัย |
อ้ายบ้าก็จะอวดฤทธิไกร |
จึงจะคาดคั้นให้เสียสัจจา |
เท่านั้นก็จะฆ่ายักษาตาย |
ยากง่ายอะไรนักหนา |
องคตน้องรักเจ้าพี่อา |
จงพาพลเหาะขึ้นไป |
แอบกลีบเมฆฟังสำเนียง |
แม้นเสียงอสุราแถลงไข |
มันร้องเทพโยนอาวุธไซร้ |
รวบไว้อย่าให้ตกลงมา |
ต่อเมื่อพี่ร้องขึ้นไป |
จึ่งโยนลงให้ดั่งว่า |
เจ้าแฝงเมฆตรงอสุรา |
พี่ยาจะเข้าพาที |
ฯ เจรจา ๑๐ คำ ฯ
๏ องคตก็รับวาจา |
เรียกหาพวกเพื่อนกระบี่ศรี |
กำชับกันตามวาที |
พากระบี่เหาะบังบนเมฆา |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายหนุมานบิดเบือน |
เหมือนวานรในพฤกษา |
ปีนป่ายร่ายไม้เจรจา |
ดูกรพญาอสุรี |
ตัวท่านจะไปหนไหน |
จึ่งยกสกลไชยศรี |
เมตตาจงได้พาที |
เรานี้ใคร่แจ้งกิจจา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สัทธาสูรตอบพจมาน |
ท่านถามเราไยกระบี่ป่า |
ทศกรรฐ์มันใช้กูมา |
กูจะไปเข่นฆ่าลักษ์ราม |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายหนุมานกล่าวกล |
แกล้งเฉลยยุบลไถ่ถาม |
มีฤทธิ์อย่างไรไปสู้ราม |
ขอห้ามเอ็นดูอสุรี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายท้าวสัทธาสูรอวดเดช |
ทุกนิเวศกลัวกูกระบี่ศรี |
อะไรกับอ้ายมนุษย์นี้ |
กระบี่มึงอย่ากินใจ |
ดูเอากูจะร้องให้เทวา |
โยนสรรพสาตรามาให้ |
ตัวมึงจะดูหฤาไร |
กูจะทำให้เห็นบัดนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานคาดคั้นเจรจา |
ที่ไหนเทวาราศี |
จะให้อาวุธมาทันที |
เรานี้ไม่เชื่อวาจา |
ถ้าว่าอาวุธตกลง |
เราปลงถวายชีพยักษา |
ถ้าแม้นไม่ตกลงมา |
ให้ยักษาตายหฤาไร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ยักษาก็รับวาที |
กูหมีเอาเท็จแถลงไข |
อ่านคาถาร้องขึ้นไป |
เทพไทโยนมาอย่าช้า |
ฯ ตระบองกัน ๒ คำ ฯ
เทวา๏ เทวาก็โยนลงไป |
องคตฯ องคตรวบไว้เทวา |
๏ หมีได้ลงพื้นพระสุธา |
ยักษาก็เร่งอัศจรรย์ |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพญาหนุมานเย้ยเยาะ |
เหวยอ้ายพูดเพราะแข็งขัน |
อวดโอ้โป้ปดหลอกกัน |
ดูกรกุมภัณฑ์อสุรี |
ตัวกูจะร้องขึ้นไป |
ให้เทพทั่วราศี |
โยนอาวุธมาบัดนี้ |
อสุรีมึงแลดูไป |
ว่าพลางทางร้องก้องโกน |
องคต๏ องคตก็โยนอาวุธให้ |
เยาะเย้ยสัทธาสูรไป |
อ้ายจังไรไม่อายวาจา |
ฯ กราวรำ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ สัทธาสูรตอบวาที |
ดูกรกระลีกระบี่ป่า |
ทำไมองอาจอหังการ์ |
อ้ายยักษาจับบัดนี้ |
๏ ยักษาเผ่นโผนโจนจับ |
กับหนุมานชิงชัยศรี |
เชิด วานร๏ ฟาดฟันกันเป็นโกลี |
ยักษีตายเต็มพระสุธา |
เชิด๏ แล้วผาดโผนแผลงฤทธิไกร |
ใหญ่โตเงือบเงื้อมเวหา |
สี่กรสี่พักตร์เจษฎา |
ลีลาเข้าจับรถไชย |
ตระ เชิด๏ ดูกรพญายักษา |
รู้จักกูหฤๅหาไม่ |
กูครือหนุมานชาญไชย |
พระอวตารให้ผลาญอสุรี |
ตัวมึงก็พ่ายแพ้สัตย์ |
กูจะตัดเศียรเกล้ายักษี |
มึงรับจะถึงชีวี |
กูนี้จะฆ่าขุนมาร |
๏ สัทธาสูรตอบพาที |
ดูกรกระบี่เดียรฉาน |
ถึงกูแพ้คำหนุมาน |
สุดแต่พระกาลจะราวี |
ตัวมึงจะต่อฤทธา |
อย่าเจรจาจะม้วยเป็นผี |
ถึงเจ้ามึงรามลักษ์จักรี |
ทีเดียวก็จะม้วยมรณา |
ว่าพลางก็ทางผลุนผลัน |
โรมรันสัประยุทธ์เข่นฆ่า |
ฮีกฮักเข้าต่อฤทธา |
กับด้วยพญาหนุมาน |
ฯ เชิด ๑๖ คำ ฯ
ร้องพร้อม๏ สองฝ่ายเหน็ดเหนื่อยรอรา |
ยักษาทรงศรแผลงผลาญ |
หมีได้ถูกองค์หนุมาน |
เรียกทวยหาญเข้าต่อตี |
ฯ เชิด ฯ
๏ สองฝ่ายสัประยุทธ์อื้ออึง |
สนั่นถึงองคตกระบี่ศรี |
ก็พาวานรลงราวี |
เข้าตีเข่นฆ่ากุมภัณฑ์ |
ฯ เชิด พลร้อง ฯ
สองฝ่ายต่างฝ่ายต่างต่อแย้ง |
ล้วนมีฤทธิแรงแข็งขัน |
๏ หนุมานฉวยชิงธนูรัน |
คันหักจับได้อสุรา |
ฟัดโยนออกไปโยชน์ปลาย |
ยักษ์ร้ายไม่ดับสังขาร์ |
ยักษ์๏ กลับเข้าต้านต่อฤทธา |
โกลาหลังเป็นโกลี |
บ้างกัดบ้างขบตลบตะแลง |
วัดแวงพิฆาตกันสองศรี |
เชิด๏ หนุมานฉวยชิงตระบองตี |
ยักษีไม่ม้วยบรรลัย |
จนตระบองสะบั้นหักยับ |
คว้าจับชักชิงพระขรรค์ได้ |
ฟันแขนซ้ายขวาขว้างไป |
ได้ถึงสามโยชน์โดยตรา |
เชิด๏ แล้วฟัดพญายักษี |
เข้ากับคีรีภูผา |
ยักษ์๏ หมีได้มอดม้วยชีวา |
กลับมาต้านต่อชิงชัย |
ฯ เชิด ฯ
๏ หนุมานปละเสียไม่ต่อตี |
ไปราวีหมู่มารน้อยใหญ่ |
เกลื่อนกลาดวินาศบรรสัย |
กลับเข้าชิงชัยอสุรี |
ฯ เชิด ฯ
๏ สัทธาสูรโผนโจนตำ |
ด้วยเศียรซ้ำด้วยเท้ายักษี |
ฯ เชิด ฯ
๏ หนุมานฟันเศียรอสุรี |
ศีรษะขาดม้วยมรณา |
ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป |
ฝ่ายวิรุญจำบังยักษา |
เห็นพลพ่ายพังมา |
กรีธาเร่งทัพหนุนไป |
ไถ่ถามอสูรยักษา |
ก็รู้ว่าสัทธาสูรตักษัย |
พ่ายแพ้แก่ขุนกระบี่ไพร |
ฮึกฮักไปตามอหังการ์ |
สั่งนนทสูรเสนี |
เร่งรี้พลเข้าเข่นฆ่า |
๏ ฝ่ายนนทสูรสั่งโยธา |
ก็หุ้มพนาวาเข้ารบพลัน |
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
๏ หนุมานองคตปฤกษา |
พวกพลวานรแข็งขัน |
ครั้นเราจะต่อกุมภัณฑ์ |
บัญชาหมีได้ว่ามา |
จะผิดกับรับสั่งไป |
มาเราคลาไคลดีกว่า |
ก็ตัดเอาเศียรอสุรา |
เหาะมาถวายฉับพลัน |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งทูลกิจการ |
ถวายเศียรขุนมารซึ่งอาสัญ |
แถลงแจ้งราชกิจพลัน |
แล้วบั่นแบ่งแจ้งคดี |
ซึ่งเข่นฆ่าท้าวสัทธาสูร |
ตามมูลได้ชิงชัยศรี |
อุบายออกต้านต่อตี |
ให้กระบี่คอยรวบสาตรา |
ทัพท้าวสัทธาสูรแตกพ่าย |
ฉิบหายมอดม้วยสังขาร์ |
บัดนี้วิรุญจำบังมา |
หนักหนาโน่นแนภูมี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
พระอวตารผู้ชาญไชยศรี |
ขอบใจสองราชกระบี่ |
มีโสมนัสสั่งพลัน |
ดูกรปีกป้องทั้งปวง |
เราจะยกพลหลวงแข็งขัน |
ออกไปต้านต่อกุมภัณฑ์ |
ตั้งมั่นยังสมรภูมิไชย |
เสนา๏ ต่างต่างโห่ร้องเอาฤกษ์ |
เอิกเกริกสนั่นหวั่นไหว |
อึงอัดยัดป่าพนาลัย |
ตรงไปสมรภูมิหมีช้า |
ฯ รุกร้น ๖ คำ เสนายักษ์ ฯ
๏ ฝ่ายทัพวิรุญจำบัง |
สั่งให้ค้นไพรพฤกษา |
พบแต่อาสภอสุรา |
ยักษาพลิกดูอสุรี |
มีแต่หัวขาดตีนขาด |
ประหลาดไม่พบกระบี่ศรี |
ทีโง่เขลาพูดพาที |
อสุรีองอาจอหังการ์ |
เป็นไรจึ่งไม่ต่อตี |
หนีไยกระบี่มารษา |
สมน้ำหน้าอัษฎงค์พารา |
อ้ายขี้ข้าแพ้ไพรี |
ต่างต่างด่าแล้วเข้าทูล |
วิรุญจำบังยักษี ฯ |
วิรุญจำบัง๏ ก็ร่าเริงบันเทิงพาที |
รีบรี้พลติดตามพลัน |
ฯ กราว ฯ
๏ พอเหลือบเห็นทัพพระรามา |
อสุราให้แยกพลขันธ์ กองหน้าฯ |
๏ สั่งให้ทัพหน้าเข้าบุกบัน |
กองขันกระชั้นรอรา |
วิรุญจำบัง๏ จึ่งให้กองล่อกระบี่ |
ขนาบหุ้มพนาลีเข่นฆ่า |
กองหลวงหน่วงไว้รอรา |
ล่วงเข้ามาจึ่งแดกต่อตี |
พล เสนา๏ ต่างต่างทำตามบัญชา |
เข้าต่อฤทธากระบี่ศรี |
เชิด๏ ฝ่ายวานรเข้าราวี |
ตีตะลุมบอนกันไปมา |
เชิด เสนา๏ ยักษีทำหนีทีท่วง |
ล่อลวงขนาบหุ้มเข่นฆ่า |
๏ วิรุญจำบังยอทัพหลวงมา |
วานรก็พ่ายพังไป |
ฯ เชิด ๑๖ คำ กราวรำ ฯ
๏ พระรามจึ่งยอทัพแดก |
แยกกองรุกรบติดไล่ |
กองซุ่มกลุ้มรุมกันเข้าไป |
รุกไล่ไพร่พลต่อตี |
เชิด๏ กลับรบหมู่มารพังพ่าย |
ล้มตายกลาดป่าพนาศรี |
เข้ารันบันบุกคลุกคลี |
ตีตะลุมบอนกันไปมา |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังขับพล |
เกลื่อนกล่นกันเข้าเข่นฆ่า |
เชิด๏ ชักหอกออกร่ายวิทยา |
อ่านเวทคาถากำบัง |
ตัวหายกายเลื่อมไม่เห็น |
เป็นวิทยาคมแข็งขลัง |
โกนก้องร้องโดยกำลัง |
อ้ายกองหลังช่วยกูต่อตี |
ฯ ๔ คำ ฯ
เสนายักษ์๏ กองหลังก็เร่งสกลไกร |
เข้าสัประยุทธ์ชัยศรี |
ฯ เชิด ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังวางพาชี |
กระบี่ไม่เห็นกายา |
โถมแทงหน้าหลังพังพ่าย |
ล้มตายมอดม้วยสังขาร์ |
ไล่แทงบันบุกอุกมา |
ลางวานรวิ่งหนีพลัน |
เชิด วิรุญจำบัง๏ แทงทั้งปีกซ้ายปีกขวา |
วุ่นวายวิ่งเข้าพนาสัณฑ์ |
ลดเลี้ยวไล่รุกบุกบัน |
แทงฟันจนทัพพระรามา |
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
๏ พระรามจึ่งถามพิเภกไป |
ได้ยินหฤๅไม่ยักษา |
ฟังดูดู๋เสียงสาตรา |
ดั่งพญามัจจุราชราวี |
สำเนียงแฉะแฉะฉับฉับ |
วานรย่อยยับลงกับที่ |
ดุจดังพระกาลต่อตี |
พิเภกเอ๋ยเป็นประการใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พิเภกทูลว่าวิทยา |
มันขลังหาเห็นตัวไม่ |
สำเนียงนั้นครือหอกไชย |
ไอ้วิรุญจำบังฝ่าแทง |
อันฉับฉับนั้นเสียงหอก |
กลอกกลับซัดด้วยกำลังแขง |
มันวางวิ่งม้ามาโดยแรง |
จงแผลงวิรุณจักรวาลไป |
จึงจะต้องตามตำราว่า |
ยักษาจะม้วยตักษัย |
๏ พระรามก็วางศรไชย |
ไล่ล้างสังหารอสุรี |
ฯ เชิด ฯ
พระร้อง๏ ถูกอสูรม้วยสิ้นเป็นเบือ |
เหลือวิรุญจำบังยักษี |
มิ่งม้าก็ม้วยชีวี |
ศรศรีไม่กินอสุรา |
ฯ เชิด ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังกลัว |
เป็นพ้นตัวที่จะเข่นฆ่า |
พลมารมอดม้วยทั้งมิ่งม้า |
อสุราครั่นคร้ามความตาย |
ประหม่าอาคมพระราเมศ |
อ่านเวทมนตร์พรั่นขวัญหาย |
พ้นที่จะสู้ศรนารายณ์ |
อุบายให้ต่อฤทธา |
ด้วยเวทมนตร์ดลวิเศษ |
เปลื้องผ้าจากเกศเกศา |
เสกเป็นรูปภาพขี่ม้า |
ถือสาตราแทนอสุรี |
ปรากฏพระยศเกรียงไกร |
ให้อยู่ต่อต้านกระบี่ศรี |
ลอยเลื่อนละลิ่วรูจี |
ยักษีก็เหาะหนีพลัน |
ฯ ตระ เชิด ๘ คำ ฯ
๏ มาเอยมาพ้น |
ด้นดั้นออกนอกเขตขัณฑ์ |
แทบใกล้ไกรลาสเขตคัน |
ก็มั่นหมายมุ่งเจตรนา |
จำกูจะหยุดอาศัย |
ยังในอังกาศดูหา |
จึงจะพ้นภัยมรณา |
ก็บังตาปลอมลิงเข้าไป |
ฯ แพละน้อย ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายลิงซึ่งส่งพฤกษา |
วานรินนารีศรีใส |
ต้องสาปอิศวรท่านไท |
ให้แล้วก็กลับออกมา |
ฯ เชิด ปฐม ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังพาที |
พี่ขออาศัยคูหา |
แต่พอพ้นศรรามา |
สงบแล้วพี่จะลาไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ วานรินจึ่งว่าไม่พ้น |
ที่นั้นชอบกลทิศใต้ |
มีภูเขากั้นสมุทรไท |
ไปอยู่ในฟองวารี |
ฯ ๒คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังขอบใจ |
ก็ไปตามคำสาวศรี |
ฯ เชิด ปฐม ฯ
๏ จึ่งนิมิตตัวเท่าธุลี |
แทรกอยู่ที่ฟองคงคา |
ฯ ตระ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างรูปภาพยนตร์ |
เข้าผจญแทนตัวยักษา |
มีมือถือหอกขี่ม้า |
ง่าเงยเหมือนองค์อสุรี |
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระลักษ์ก็แผลงผลาญ |
พระอวตารก็ยิงยักษี |
สังหารรานรูปอสุรี |
เป็นภัสม์ธุลีปลิวไป |
ฯ เชิด รูปภาพ ฯ
๏ แล้วกลับต่อติดเป็นเล่า |
เข้าสัประยุทธ์ไปใหม่ |
ขี่ม้าง่าเงยชิงชัย |
ไล่แทงกระบี่ไปมา |
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ พระรามจึ่งถามพิเภกทูล |
หมิใช่อสูรยักษา |
มันแกล้งแต่งรูปมารยา |
อสุรามั่นแม่นหนีไป |
อันซึ่งจะทรงศรผลาญ |
รูปมารยาไหนจะม้วยไหม้ |
ขอให้หนุมานตามไป |
ได้ตัวแล้วรูปจะหายพลัน |
แต่ซึ่งจะทำร้ายภายหลัง |
จงสั่งให้ศรไปกางกั้น |
บัดนี้หนีออกนอกเขตคัน |
อยู่ทิศนั้นแนภูมี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พระรามจึ่งร่ายมนตร์แผลง |
เรืองแรงพระเวทรังสี |
ศรเป็นข่ายแก้วไปราวี |
ล้อมรูปอสุรีมารยา |
ฯ เชิด ฯ
๏ แล้วกวักเรียกสั่งหนุมาน |
ท่านไปติดตามยักษา |
ตามพิเภกโหรบัญชา |
อย่าช้ารีบรัดบัดนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานก็รับสั่งลา |
เหาะมาติดตามยักษี |
เชิด๏ ข้ามนิเวศเขตพื้นธาตรี |
เห็นพรรณกระบี่ลิงไพร |
ออกจากปากถ้ำคูหา |
ก็ลงพูดจาปราศรัย |
เมตตาบอกข้าตามจริงไป |
คือใครอยู่ในคีรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวานรแจ้งกิจจา |
นี่คือคูหามารศรี |
ชื่อวานรินนารี |
ต้องสาปพระศุลีลงมา |
เรานี้บริวารนางใน |
ได้ส่งผลไม้พฤกษา |
บอกแล้วก็เข้าอรัญวา |
เล็มล่าหาผลพนาลี |
ฯ แพละน้อย ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานเห็นรอยผิดประหลาด |
มีเบื้องบาทคนบทศรี |
โตใหญ่ไม่ใช่สัตรี |
เข้าคีรีถ้ำออกไป |
ดีร้ายชายจะมีในนี้ |
หฤาว่าอสุรีเข้าอาศัย |
ร่องรอยปรากฏอยู่ไซร้ |
ก็คลาไคลเข้าถ้ำหมีช้า |
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
๏ เอะแล้วนวลนางจะเกรงกลัว |
จะซุกซอนซ่อนตัวกระหมั่งหนา |
กว่ากูจะเข้าค้นคว้า |
กิจจาจะช้าท่วงที |
กูจำจะนิมิตบิดเบือน |
เหมือนมนุษย์หนุ่มน้อยเรืองศรี |
ให้เลิศโลกล้ำโลกีย์ |
ที่สัตรีมุ่งเมตตา |
แล้วจึงจะค่อยไถ่ถาม |
วงศ์นามอสุรศักดิ์ยักษา |
ซ่อนเร้นอยู่ไหนได้กิจจา |
จึ่งจะไปเที่ยวหาอสุรี |
ครั้นคิดแล้วจึงเบือน |
เหมือนมนุษย์หนุ่มน้อยเรืองศรี |
ทรงเครื่องเรืองรัศรูจี |
ก็ลีลาเข้าถามนางพลัน |
ฯ บาทสกุณี ๘ คำ ฯ
น้ำค้างตะวันตก๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ |
ศรีศุภลักษณ์เลิศเฉิดฉัน |
ผ่องแผ้วผิวเพียงดวงจันทร์ |
สาวสวรรค์จงแจ้งกิจจา |
เจ้าเป็นสูริวงศ์พงศ์ไหน |
ทำไมมาอยู่พระคูหา |
ขัดสนกลใดพนิดา |
พี่ยาจะช่วยเทวี |
ฝ่ายพี่ก็คนอนาถา |
ภรรยาหาไม่นะสาวศรี |
โภชนาอาหารเจ้ายังมี |
พี่ขออยู่ด้วยพนาวา |
ฯ ๖ คำ ฯ
ล่องเรือ๏ ฟังเอยฟังถาม |
นางงามค้อนควักชักหน้า |
บิดเบือนพักตร์ผินไม่นำพา |
นางฟ้าเยื้อนยิ้มพริ้มไพร |
บทจรจากที่ลีลา |
หมีได้พูดจาปราศรัย |
แล้วกลับคะนึงในใจ |
ทรามวัยนิ่งนึกตรึกตรา |
เอะแล้วเทวาสุลาลัย |
แกล้งมาลองใจกระหมั่งหนา |
นิ่งอยู่หมีรู้กิจจา |
กัลยาก็ว่าเนื้อความไป |
ทำไมมาถามนามวงศ์ |
ประสงค์สิ่งใดไม่บอกได้ |
เจ้านี้คมเหงไม่เกรงใจ |
ฤทัยทุกข์อยู่ไม่เจรจา |
ว่าพลางก็ทางบทจร |
ทอดกรกรีดกรายซ้ายขวา |
ก็ดูเอาอาจอุกรุกมา |
ไปเสียตัวข้าจะจรลี |
ฯ เพลง ๑๐ คำ ฯ
ชาตรี๏ ขวัญเอยขวัญตา |
กรุณาบ้างมิ่งมารศรี |
ถึงมาตรไม่ดูดี |
พี่ขอช่วยนุชสืบไป |
ความจริงนะเจ้าหมีกล่าวแกล้ง |
พี่หาแต่งลมลวงไม่ |
ดาวเดือนหฤาดวงอโณทัย |
ไม่ให้ขัดสนพนิดา |
ว่าพลางก็ทางวิงวอน |
สายสมรอย่าพะวังกังขา |
เอ็นดูช่วยชูชีวา |
ให้ยาใจจงหยุดพาที |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ ฟังเอยฟังว่า |
นางฟ้าชม้ายชายหนี |
กลับสงสัยรสวาที |
มารศรีประชดว่ามา |
ฉิฉะดูกรเจ้ายิ่งผู้ |
ข้าต้องสาปอยู่พระคูหา |
แม้นดีจงมีเมตตา |
ช่วยแก้ร้อนข้าอันราคี |
ให้คืนยังอิศวรบรมนาถ |
คุงบาทรองเบื้องบทศรี |
ข้าจึ่งจะเห็นเป็นดี |
ถ้าฉะนี้จะเชื่อวาจา |
๏ พระสมุด ๑ หา ๒ ๏
๏ วัน ๑ ๘+ ๑๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๔๒ ปีชวดโทศก ๛
๏ ข้าพระพุทธิเจ้า นายเชด อาลักษณชุบเส้นทอง ขุนสรประเสิด ขุนมหาสิท } ทาน ๓ ครั้ง