สมุดไทย เล่ม ๑

๏ วัน ๑ + ๖ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๓๒ ปีขาลโทศก พระราชนิพนธ์ ทรงแต่งชั้นต้นเป็นประถม ยัง ทราม พอดี } อยู่ ๚๛

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงนนทจิตรยักษี
กับอสูรนนทไพรี สองศรีไปคนละพารา

ฯ กราว ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายนนทจิตรไปถึง ซึ่งนครอัษฎงค์ภูผา
ก็เข้าแถลงเสนา พากันเข้าทูลอสุรี

ฯ เสมอ ๒ คำ สัทธาสูร เสนา นนทจิตร ฯ

๏ บัดนี้ท่านท้าวพันธุมิตร บพิตรบรมเรืองศรี
ผู้ผ่านสามโลกโมลี อริราชติดพารา
ให้ข้านนทจิตรมาทูล ไอศูรย์บรมนาถา
ขอเชิญพยู่หบาตรา กู้ขัณฑเสมาบุรี

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า เมื่อนั้น อัคคท้าวสัทธาสูรยักษี
กังขาในพจวาที ซักไล่อสุรีทันใด
อันองค์ท้าวทศกรรฐ์ พันธุมิตรกูพิสมัย
ศักดิ์แสงเคียมแข่งอโณทัย คือใครจะมาอหังการ์
ว่านี้ผิดทีกูไม่เห็น ถึงเช่นสามภพใต้หล้า
ไม่ครันครือฤทธิ์อย่าเจรจา ศึกมาแต่ไหนว่าไป

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย ฝ่ายนนทจิตรกราบทูล ตามมูลคดีแถลงไข
เดิมพระยอดเมืองมารชาญไชย ไปได้องค์นางษีดามา
อยู่มาฝ่ายลักษ์ราเมศ
ก่อเหตุฆ่าญาติวงศา
แล้วจึงมีราชสารา มาว่าให้ส่งเทวี
ฝ่ายเสนามารปฤกษา กลัวว่าจะขายบทศรี
ไม่ให้ส่งไปแก่ไพรี เพื่อกุลีหลังอหังการ์
ถ้าว่ากันก่อนยังไม่หมาง อันนางไม่ไว้เมืองยักษา
นี่เพื่อนก่อภัยใหญ่มา ลงกาไม่รู้ที่พาที
จึ่งให้มาเชิญบทบาท จะประภาษการชิงชัยศรี
อันลักษ์รามราชไพรี เดิมผ่านกรุงศรีอยุทธยา
คือหน่อของท้าวทศรถ ปรากฏสูริวงศ์นาถา
คุมวานรินกระบินมา จงแจ้งบาทาท่านไท

ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวกรุงอัษฎงค์เป็นใหญ่
ครั้นจะแจ้งเหตุเภทภัย ฤๅทัยร่าเริงบัญชา
ดูดู๋เออลักษ์ราเมศ อาจล่วงขอบเขตยักษา
หมีหนำซ้ำจะให้ส่งษีดา อย่าช้าเร่งเตรียมอสุรี
กูจะไปช่วยองค์สหาย อันธพาลทำร้ายกรุงศรี
กะเกณฑ์แก่กันจงทันที รีบรัดบัดนี้อย่าช้า

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ มารนพกาสูรรับสั่ง บังคมไปจัดยักษา

ฯ เชิด ฯ

ยานี เร่งรัดตำรวจตรวจตรา ยักษาตีรันกันไป
สรรพทั้งปีกซ้ายปีกขวา อสุรีอสุราน้อยใหญ่
ทัพหน้าทัพหลังได้ดั่งใจ เสร็จเข้าไปทูลทันที

ฯ เชิด ปฐม ฯ

ร่าย อันซึ่งพหลสกลไกร สำหรับพยู่หไชยศรี
กะเกณฑ์กันแล้วภูมี จงแจ้งธุลีบาทา

ฯ ๖ คำ ฯ

โทน เมื่อนั้น ท่านท้าวสัทธาสูรยักษา
จึงชำระสระสรงคงคา ทรงภูษาพรรณรูจี
โจงจัดรัดสุวรรณกะทอก
นอกทับสนับเพลาศรี
สอดทรงเกราะแก้วมณี ศรีสังวาลแสงเพราพราย
ระยับทับทรวงมงกุฎเก็จ เพชรพาหุรัดเฉิดฉาย
กรรเจียกกรรจุปรุเพริศเลิศลาย กระจายกรรณจอนแก้วแพร้วตา
แล้วทรงชายไหวชายแครง ศรีแสงสว่างซ้ายขวา
ดั่งสหัสมัจจุนาถยาตรา เงื้อง่าอาวุธมาขึ้นรถ

ฯ บาทสกุณี ๘ คำ ฯ

โทน รถเอยราชรถเพชร แกมเก็จบรรจงอลงกต
เฉวียงฉวางสว่างไปในโสฬส ศรีสดแสงส่องระรองพราย
ดั่งดวงอโณทัยแจ่ม แอร่มระยับพระสุริย์ฉาย
กนกกนาบคาบแก้วแพร้วพราย กระจายไขรัศอัมพร
เหมือนองค์พงศ์ชั้นปารนิมมิต ไพจิตรสะพักแล่งแสงศร
อลงกตยศยิ่งพลากร ไปนครลงกาพระบุรี

ฯ กราว ๒ คำ หยุดกลางทาง ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงนนทไพรียักษี
ซึ่งมาจารึกบุรี ยักษีเข้าแจ้งเสนา

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ เสนาจึ่งพาเข้าทูล วิรุญจำบังยักษา

ฯ เสมอ วิรุญจำบัง เสนา นนทไพรี ฯ

๏ บัดนี้สมเด็จพระบิตุลา ให้ยักษานนทไพรี
จำทูลพระลักษณโองการ ด้วยพาลภัยกรุงศรี
มาเข่นฆ่าขัณฑบุรี พลเป็นกระบี่ลิงไพร
ประมาณเจ็ดสิบเจ็ดสมุด อันมนุษย์ซึ่งเป็นนายใหญ่
ลักษ์รามพี่น้องสองไท พาลไล่ล้างเหล่าอสุรา
เสร็จสิ้นพระวงศ์พระญาติ ทั้งพระบิตุราชนาถา
ให้เชิญพยู่หบาตรา ไปเข่นฆ่าราชไพรี

ฯ เจรจา ๑๐ คำ ฯ

ช้า เมื่อนั้น จึ่งวิรุญจำบังยักษี
ฮึดฮัดตรัสแก่อสุรี เป็นไฉนฉะนี้เสนา
เหตุใดจึงแพ้มนุษย์ ไวยวุทธอย่างไรให้ว่า
มึงไซร้ได้ไปรบพุ่งมา บัญชาให้แจ้งกูบัดนี้

ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายนนทไพรีทูตทูล ไอศูรย์อันพงศ์รังสี
กอปรเวทขลังทั้งฤทธี ไม่มีเล่ห์ล้วนประจัญบาน
ถ้าแม้นฝ่ายมารเทถ่าย
มาดหมายไม่ต้องศรผลาญ
ราชยุทธสุดเสร็จแต่ช้านาน พาลภัยไม่คุงชีวา
น่าที่จะได้หัวได้ตัว เสร็จทั่วทั้งนายกระบี่ป่า
เมื่อมันไม่มีฤทธา หาเหาะได้ไม่เดินดิน
เชี่ยวชาญแต่ด้วยธนูศร ต่อประจัญราญรอนจึงหมดสิ้น
โหมหักจึงได้ยิงยักษ์ดาษดิน ภูมินทร์จงแจ้งบาทา
๏ เมื่อนั้น จึ่งวิรุญจำบังยักษา
ครวญ เอื้อนอรรถขัดแค้นบัญชา โอ้ว่าสูริวงศ์พงศ์พีร์
เสร็จสิ้นทั้งพระบิดุราช ลีลาศสู่สวรรค์รังสี
ไม่ควรที่แพ้ไพรี ตีประจัญมันไยไม่อัชฌา
โอ้ว่าเสียดายตายเปล่า ชอบด้อมมองเข้าเข่นฆ่า
เสียทีหนีวิ่งออกมา ถ้าได้ทีไล่ราวี
หนึ่งควรนิมิตบิดกาย หายตัวเข้าชิงชัยศรี
ถึงมาตรพันหมื่นแสนดี สุดที่ไม่เห็นแพ้เรา
เออนี่ทำไมไปประจัญ ให้ต้องศรมันเปล่าเปล่า
ครวญ ไม่สมควรเลยสุรเจ้า เป็นกรรมของเราอสุรี
โอ้ว่าเสียดายพระวงศ์ ทั้งองค์บิดุราชรังสี
แม้นกูไปทันต่อตี ที่ไหนจะอัปราชัย
เร่งเร็วนนทสูรจัดพล ทั้งสกลพยู่หน้อยใหญ่
ให้สรรพไปด้วยปืนไฟ กูจะไปปราบราชไพรี
หนึ่งให้ผูกนิลพาหุ อุดมบรมรังสี
กับเกณฑ์กองม้าพาชี กูจะให้ขี่ขับเข้าชิงชัย

ฯ เจรจา ๑๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นนทสูรหมู่มารน้อยใหญ่
ก้มเกล้ารับสั่งสั่งไป ไปจัดพหลโยธา

ฯ เชิด ปฐม เจรจา ฯ

ยานี บ้างไปจัดแจงม้าต้น บ้างไปเร่งพลยักษา
กะเกณฑ์กองทัพทัพม้า เสร็จเข้ามาทูลทันที

ฯ แพละ ๔ คำ ฯ

ร่าย อันทัพทัพม้าแลม้าต้น ทั้งสกลพยู่หไชยศรี
สามร้อยสมุดโดยมี รี้พลพร้อมแล้วพระราชา

ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ

โทน เมื่อนั้น วิรุญจำบังยักษา
จึงชำระสระสรงคงคา ทรงมหาสิกพัสตร์รูจี
เลิศแล้วแก้วเก้ามงกุฎดำ ล้วนทำด้วยนิลรังสี
สังวาลแกมรัศมณี ตาบทับทรวงศรีนิลพราย
กรรเจียกกรรจุจอนหูพาหุรัด ทองกรจำรัสเฉิดฉาย
ระยับจับชายไหวพราย กระจายสนับเพราตา
เสร็จทรงภูษิตอาคม ห่มโพกเกศเกล้าเกศา
ดั่งกรุงพาณปลอมเทวา ง่าหอกมาขึ้นมโนมัย

ฯ เชิดฉิ่ง ๘ คำ เพลงกราว ฯ

โทน ม้าเอยม้าต้น จบสกลฉ้อชั้นหวั่นไหว
อาจองทรงเดชโชไชย ใจหาญห้าวแห้งมหึมา
ซองอานพานหน้าราอก กระหนกแคบนิลวัตถา
ศรีสรรแสงดำอิศรา ตาหูหางเท้าเพราพราย
ดั่งม้าอโณทัยไตรตรัสขี่ พาชีไชยรถพระสูริย์ฉาย
เข้มแข็งดั่งจะแข่งพระพาย คลี่คลายพลไปลงกา

ฯ เชิด ๖ คำ ฯ

ร่าย พอถึงพร้อมทัพสัทธาสูร จึ่งวิรุญจำบังยักษา
ก็ลงจากมิ่งม้าอาชา ไปอัญชุลีพาเข้าบุรี

ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ

ร่าย ฝ่ายทศกรรฐ์ออกรับ จับนิ้วหัตถ์จูงบทศรี

ฯ บาทสกุณี ฯ

ช้า ให้นั่งร่วมอาสน์อสุรี ยักษีปฤกษากันไปมา
กับด้วยท่านท้าวสัทธาสูร ทั้งวิรุญจำบังยักษา
เจ้าเป็นสหายร่วมวิญญา หนึ่งเป็นนัดดาของเรา
อันซึ่งกิจการครั้งนี้ ดุจดั่งอัคคีผลาญเผา
พระสหายช่วยแก้อายเรา นัดดาเจ้ากู้พารา
แต่ได้เห็นหน้าพระสหาย ค่อยคลายทุกข์ขึ้นหนักหนา
แล้วราชนัดดามา ดั่งได้ผ่านฟ้าดุษฎี
บัดนี้ลักษ์รามราชา ซึ่งฆ่าทูตขรยักษี
ยกพลวานรมาต่อตี เข่นฆ่าอสุรีมากมาย
ไม่มีที่เล็งเห็นแล้ว ยังแต่หลานแก้วพระสหาย
ช่วยแก้ธุระอับอาย อย่าให้ขายตีนเจ้าสองรา

ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ

ร่าย บัดนั้น ท่านท้าวสัทธาสูรยักษา
ทั้งวิรุญจำบังอสุรา อภิวาทาทูลเนื้อความไป
อันอรินราชครั้งนี้ ไว้สองบุรีแก้ไข
บิดุลาอย่าร้อนรนใจ สหายอย่าเคืองบาทา
ทำไมกับลักษ์ราเมศ ถึงนิเวศทั่วสกลใต้หล้า
ไม่ครันอย่าครั่นวิญญา สัจจาข้าถือพรหมอวยไชย
แม้นขัดสนข้าอ่านพระเวท เทพเรืองเดชโยนอาวุธให้
ตรวยตรงลงอรินบรรลัย ไว้เป็นธุระจะต่อตี ฯ
๏ ข้าฝ่ายวิรุญจำบัง ขลังเวทมนตร์ณรังสี
กำบังมิ่งม้าวางพาชี ไพรีไม่เห็นเข่นฆ่าไป
อันข้าศึกมาแต่เพียงนี้ เห็นทีหาครันมือไม่
ถึงหกชั้นฟ้าสุลาลัย ไม่ให้เคืององค์บิดุลา

ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ

ครวญ ทศกรรฐ์กันแสงแรงรัก โอบอุ้มขึ้นตักหรรษา
พระกรกายพิศปรีดา ดูราสหายร่วมใจ
อันญาติวงศ์ตายสิ้นแล้ว ยังแต่หลานแก้วพิสมัย
จึ่งจุมพิตพักตร์เอาใจ ลุงจะให้ผ่านภพลงกา
ดูกรสหายบำรุงหลาน จะได้สืบพงศ์ผ่านภายหน้า
สัทธาสูร ฝ่ายสัทธาสูรรับบัญชา ให้ตามข้าฝึกเข้าต่อตี
ทศกรรฐ์ ทศกรรฐ์จึ่งมีสุนทร ดูกรนัดดาเรืองศรี
เจ้าหนุนทัพปราบไพรี ตามวาทีท้าวบัญชา
เร่งเร็วมโหธรสั่งไป ให้จัดสุรามังสา
เลี้ยงสองนครโยธา นัดดาสหายกูบัดนี้
หนึ่งให้ขับไม้คนรำ บำเรอท่านท้าวยักษี
กับหลานรักร่วมชีวี อสุรีสั่งไปอย่าช้า

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย บัดนั้น มารหมู่มโหธรซ้ายขวา
รับสั่งสั่งไปหมีได้ช้า ให้จัดมังสาสุราบาน
อีกทั้งกุ้งพล่าปลาตัว หมูคั่วหมูอั่วของหวาน
เร่งเร็วหมู่มารพนักงาน จัดการรีบรัดบัดนี้
หนึ่งให้พิโรธามาตย์ นางนาฏวิเสทสาวศรี
แต่งเครื่องเรืองรสรุจี ถวายท้าวยักษีสองรา
หนึ่งให้ระเบ็งระบำใน ไปบำเรอท้าวยักษา
เอาใจให้ชื่นวิญญา จะได้กรีธาทัพบัดนี้

ฯ เจรจา ๘ คำ ฯ

ยานี บัดนั้น มารหมู่พนักงานยักษี
ทั้งพิโรธามาตย์อสุรี สาวศรีวิเสทแจ้งกิจจา
ต่างต่างบ้างไปจัดแจง ตกแต่งล้วนมัจฉมังสา
ปิ้งจี่มีทั้งสุรา พล่าโคกระบือครบครัน
อีกทั้งหมูจีนไก่ตัว คั่วอั่วพะแนงปิ้งหมูหัน
ก็เอาไปเลี้ยงกุมภัณฑ์ พลขันธ์สองราชพารา

ฯ เพลงฉุยฉาย ฯ

ยานี เครื่องท้าวยักษีสององค์ บรรจงเนื้อละมั่งมังสา
ต้มแกงแต่งตามตำรา โอชารสล้ำละลานใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

ชมตลาด ฝ่ายนางบำเรอก็แต่งองค์ บรรจงผ่องแผ้วพิสมัย
แอร่มแจ่มจัดวิไล อำไพยศยิ่งกัญญา
ดังอัปสรองค์ทรงเครื่อง เรืองดุจแขไขเลขา
ยิ่งอรุณแสงสุนทรา เจษฎารสปลื้มปลุกใจ
เหมือนบาทบงสุ์ทรงพักตร์ องค์อัคคลักษมีศรีใส
เพริศพริ้งยิ่งยศวิไล ก็ไปบำเรอหมิช้า

ฯ เพลงระบำเทศ ๖ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพนักงานเห็นจวน ควรเวลาท้าวยักษา
จึ่งเชิญภาชนะโภชนา ทั้งสุราถวายอสุรี

ฯ เพลงกะยอย ๒ คำ ฯ

ร่าย ทศกรรฐ์์จึงมีสุนทร ดูกรนัดดาเรืองศรี
กับสหายรักร่วมชีวี สองศรีสำราญบานใจ
ว่าพลางทางไปตรวจเลี้ยง สั่งนางจำเรียงเสียงใส
เข้าคอยบำเรอท่านไท กูจะไปเอาใจกุมภัณฑ์
ถึงจึงปราศรัยโยธา ท่านผู้กล้าแห้งแข็งขัน
ช่วยกู้นิเวศเขตคัน ชวนกันกินเลี้ยงตามมี
เจรจา แล้วกลับจุมพิตพระสหาย เพื่อนตายกับหลานเกษมศรี
ชวนเชิญเสวยตามมี ดีดสีก็ทำบำเรอไป

ฯ มโหรี ๘ คำ ฯ

เบ้าหลุด ลางนางหมายมุ่งเมียงพักตร์ เยื้องยักยั่วยวนครวญใคร่
บ้างเข้ารินเทถวายไท เชื้อเชิญให้เสวยสุรา

ฯ เพลง ๒ คำ ฯ

สัทธาสูร ฝ่ายว่าท่านท้าวสัทธาสูร ทั้งวิรุญจำบังยักษา
ชวนกันรับรินกินสุรา เชื้อเชิญพญาทศกรรฐ์
สามกระษัตริย์ตรัสสนอมสุนทร สโมสรปรีดิ์เปรมกระเษมสันต์
สัพยอกหยอกเย้ายวนกัน บัญชาแจ้งราชกิจการ
ถ้าเราเสวยสรรพเสร็จ จะเสด็จยกพลทวยหาญ
มาไปเอาใจหมู่มาร ท่านจงสำราญบานใจ

ฯ ๖ คำ เสนา ฯ

ร่าย แกล้วหาญทั้งปวงรับสุนทร ยอกรประนมแถลงไข
กินสุราแล้วทูลว่าไป ข้าไสร้ขอรองพระบาทา
อันซึ่งข้าศึกเหล่านี้ สองบุรีจะขออาสา
ถวายชีพฉลองบาทา ไว้ข้าจะเข้าต่อตี
ลางบ้างก็ทูลเฉลย ไม่เกรงเลยแก่หมู่กระบี่ศรี
จะคาเขี้ยวเคี้ยวให้ธุลี หมีให้เหลือเลยอย่าสงกา

ฯ เจรจา ๖ คำ ฯ

สามนาย สามกระษัตริย์กลับคืนเสวย เฮ้ยนางบำเรอซ้ายขวา
กูนี้จะออกเข่นฆ่า มานี่จูบทีอี่คนรำ
เพลง ฉุดคร่ามากินสุราหาร เบิกบานผ่องพักตร์พิศก่ำ
เข้มแข็งแรงฤทธิ์เลิศล้ำ ทำหยาบหยามเริงบันเทิงใจ

ฯ ปี่พาทย์เซ่นเหล้า เล่น หัว หาง เพลง ฯ

ร่าย ครั้นว่าสำเร็จเสร็จเสวย สองท้าวเฉลยแถลงไข
แก่ท่านท้าวทศกรรฐ์ไป จะได้ยกทัพไชยบัดนี้
๏ ทศกรรฐ์์เชื้อเชิญสระสรง ก็ลงสนานรังสี

ฯ เพลงลงสรง ฯ

สัทธาสูร วิรุญจำบัง ทรงเครื่องเรืองรัศรูจี เสร็จสรรพจรลีสั่งเสนา
๏ จงตรวจพหลสกลไกร กูจะกรีธาทัพไปเข่นฆ่า
เสนา สองเสนาราชพารา รับสั่งมาตรวจเตรียมพล

ฯ เชิด ๘ คำ ฯ

๏ เร่งรัดเรียกหาสกลไกร อื้ออึงคะนึงไปทุกแห่งหน
ที่เมาเหล้านอนหลับกรน สับสนรันตีเจรจา
เป็นไรไม่ไปกองทัพ หลับนอนอยู่ไยยักษา
รีบเร็วเร่งรัดไคลคลา ตระเตรียมรัถาบัดนี้
บ้างไปตกแต่งรถรัตน์ ผูกจัดเทียมด้วยราชสีห์
บ้างไปผูกม้าพาชี ขับรี้พลเข้าหมวดพลัน
แล้วสั่งนายทัพนายกอง ปีกป้องแล่นใช้แข็งขัน
เจรจา ครั้นเสร็จก็เข้าทูลพลัน พลขันธ์พร้อมแล้วพระราชา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ สัทธาสูรเสด็จทรงรถไชย แห่แหนแน่นไปซ้ายขวา
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังทรงม้า ลีลาเป็นทัพหนุนไป
แล้วให้โห่ร้องเอาฤกษ์ เอิกเกริกสนั่นหวั่นไหว
อึงอัดยัดป่าพนาลัย ตรงไปสมรภูมิพลัน

ฯ กราว ๔ คำ ฯ

ช้า มาจะกล่าวบทไป ถึงไทนารายณ์ไอศวรรย์
ครั้นสายงายศรีรวีวรรณ ได้ยินสนั่นลั่นไพร
จึ่งถามพิเภกโหรา อริราชยกมาหฤาไฉน
นามวงศ์พงศ์พันธุ์ผู้ใด เร่งเร็วบอกไปอย่าช้า

ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพญาพิเภกกราบทูล คือท้าวสัทธาสูรยักษา
สหายเจ้ากรุงลงกา หนึ่งเป็นนัดดาทศกรรฐ์
นามชื่อวิรุญจำบัง ขลังวิทยาคมแข็งขัน
เป็นบุตรขุนทูตกุมภัณฑ์ อยู่เขตขัณฑ์จารึกพารา
อันสหายของท้าวยักษี อยู่บูรีอัษฎงค์ภูผา
มีอิทธิฤทธิ์เดชา อานุภาพปราบเดชโชไชย
แม้นสัประยุทธ์เธอขัดข้อง
ร้องเทพโยนอาวุธให้
ทั้งหกชั้นฟ้าสุลาลัย ว่าไรไม่ขัดเธอบัญชา
กอปรด้วยสัตยานุสัตย์ สนัดข้างมนตร์ดลคาถา
ได้ดังน้ำใจจินดา ไม่มีผู้มาต่อตี
ซึ่งฝ่ายวิรุญจำบังมาร ห้าวหาญหายตัวยักษี
มาตรแม้นมีการต่อตี ไพรีไม่เห็นอสุรา
แต่ซึ่งสงครามครั้งนี้ ให้ศรีหนุมานอาสา
ทำลายเสียซึ่งสัจจา เข้าต่อฤทธาชิงชัย
จึงจะต้องตามตำราว่า ยักษาจะม้วยตักษัย
ถ้าสัทธาสูรบรรลัย อ้ายทัพหนุนจะยกใหญ่มา
พระองค์จึงทรงศรผลาญ สังหารให้ดับสังขาร์
อสูรจะม้วยชีวา ขอให้อาสาไปบัดนี้

ฯ ๑๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระอวตารผู้ชาญไชยศรี
ได้ข่าวอรินไพรี ภูมีหาฤๅหนุมาน
เจ้าจงอาสาเราไป กูไซร้จะยกทวยหาญ
ไปรอไว้ไม่ประจัญบาน จงท่านอุบายต่อตี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ หนุมานทูลรับอาสา ข้าขอองคตกระบี่ศรี
กับพลห้าร้อยโดยมี ไปพาทีต่อฤทธา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พระรามก็สั่งทันใด ไปจัดเอาเถิดไม่ว่า
แล้วให้ตระเตรียมโยธา เร่งเร็วอย่าช้าบัดนี้

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สุครีพหนุมานกระบี่ศรี
รับสั่งมาจัดมนตรี กะเกณฑ์กระบี่ฉับพลัน

ฯ แพละน้อย ฯ

ยานี อีกทั้งทัพหลังทัพหน้า ปีกซ้ายปีกขวาแข็งขัน
ยุกกระบัตรเกียกกายครบครัน กองขันทัพปล้นมากมี
จัดแจงทหารอาสา เข้าซุ่มอยู่ในพนาศรี
ถ้าทัพหลวงต่อไพรี ให้ตีขนาบหลังมา
อย่าห่างเข้าบุกคลุกคลี อาวุธยักษียาวกว่า ฯ
๏ หนุมานเกณฑ์ได้หมีช้า วานรห้าร้อยพร้อมกัน
๏ ครั้นเอยครั้นเสร็จ สองกระบี่ระเห็จผายผัน

ฯ เชิด ปฐม ฯ

ร่าย ชวนกันเข้ากราบทูลพลัน พลขันธ์พร้อมแล้วภูมี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

โทน เมื่อนั้น พระอวตารผู้ชาญไชยศรี
ชำระสระสรงวารี ภูมีสำอางอาภรณ์
ทรงมงกุฎสังวาลเสร็จสรรพ จับสะพักสะพายแล่งแสงศร
โชติช่วงดวงรัศอัมพร กระจายจอนกรรเจียกแววไว
กุณฑลวิมลชายแครง ศรีแสงสว่างชายไหว
ระยับทับทรวงวิไล อำไพพาหุรัดเพราตา
เลิศแล้วแก้วเก้าบรรจง ธำมรงค์อร่ามซ้ายขวา
ดั่งเทวะเลื่อนลอยเมฆา ขึ้นมหาไชยรถจรลี

ฯ เพลง ๘ คำ บาทสกุณี ฯ

โทน รถเอยราชรถอินทร์ เฉิดฉินฉ้อพรรณรังสี
ประดับเลือกล้วนดวงจินดาดี รัศมีสว่างเพราพราย
ดุจดั่งอโณทัยตรัส แจ่มจัดวิเชียรเฉิดฉาย
กงกำทำด้วยนิลลาย กระจายจรงอนแอกโมรา
เพลาเพชรเก็จแกมหน้าหลัง บังใบล้วนนิลวัตถา
พระธินั่งดั่งจะเลื่อนลอยฟ้า ระย้าระย้อยพลอยพราย
อภิรุมกรรภิรุมเสกรฉัตร จูรจำรัสจัดแจ่มพระสูริย์ฉาย
แห่แหนคับคั่งยั่งย้าย ผาดผายเลื่อนลอยลีลา

ฯ กลองโยน ฯ

ร่าย จึ่งสั่งพระยอดดวงใจ ซึ่งนั่งไปในหน้ารัถา
ให้ยับยั้งยังกึ่งมรคา ให้หาหนุมานองคตพลัน

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ พระลักษ์รับสั่งสั่งไป ห้ามสกลไกรแข็งขัน

ฯ พล ฯ

๏ ก็สงบอยู่กึ่งไพรวัน พลขันธ์หยุดตามพระบัญชา
๏ กวักเรียกองคตหนุมาน ท่านเข้ามาใกล้รัถา
หนุมาน องคต ฝ่ายสองกระบี่แจ้งกิจจา ก็ลีลาเข้าบังคมคัล

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พระรามจึ่งว่าหนุมาน ท่านผู้ห้าวแห้งแข็งขัน
กับองคตเจ้าจรจรัล ผายผันไปต่อไพรี
คิดอ่านให้ดีทีท่วง ล่อลวงพญายักษี
ตามพิเภกโหรพาที สองศรีรีบเร่งไปพลัน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หนุมานฤทธิแรงแข็งขัน
กับองคตทูลลาพลัน ก็พาพลขันธ์ห้าร้อยมา

ฯ เชิด ๒ คำ คุกพาทย์ ฯ

๏ พอเหลือบเห็นรถอสุรี สองกระบี่หยุดอยู่ปฤกษา
ดูกรวานรบรรดามา อานุภาพยักษาชาญไชย
จำเราจะบิดเบือนบัญชา ล่อลวงพูดจาปราศรัย
อ้ายบ้าก็จะอวดฤทธิไกร จึงจะคาดคั้นให้เสียสัจจา
เท่านั้นก็จะฆ่ายักษาตาย ยากง่ายอะไรนักหนา
องคตน้องรักเจ้าพี่อา จงพาพลเหาะขึ้นไป
แอบกลีบเมฆฟังสำเนียง แม้นเสียงอสุราแถลงไข
มันร้องเทพโยนอาวุธไซร้ รวบไว้อย่าให้ตกลงมา
ต่อเมื่อพี่ร้องขึ้นไป จึ่งโยนลงให้ดั่งว่า
เจ้าแฝงเมฆตรงอสุรา พี่ยาจะเข้าพาที

ฯ เจรจา ๑๐ คำ ฯ

๏ องคตก็รับวาจา เรียกหาพวกเพื่อนกระบี่ศรี
กำชับกันตามวาที พากระบี่เหาะบังบนเมฆา

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายหนุมานบิดเบือน เหมือนวานรในพฤกษา
ปีนป่ายร่ายไม้เจรจา ดูกรพญาอสุรี
ตัวท่านจะไปหนไหน จึ่งยกสกลไชยศรี
เมตตาจงได้พาที เรานี้ใคร่แจ้งกิจจา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ สัทธาสูรตอบพจมาน ท่านถามเราไยกระบี่ป่า
ทศกรรฐ์มันใช้กูมา กูจะไปเข่นฆ่าลักษ์ราม

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายหนุมานกล่าวกล แกล้งเฉลยยุบลไถ่ถาม
มีฤทธิ์อย่างไรไปสู้ราม ขอห้ามเอ็นดูอสุรี

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายท้าวสัทธาสูรอวดเดช ทุกนิเวศกลัวกูกระบี่ศรี
อะไรกับอ้ายมนุษย์นี้ กระบี่มึงอย่ากินใจ
ดูเอากูจะร้องให้เทวา โยนสรรพสาตรามาให้
ตัวมึงจะดูหฤาไร กูจะทำให้เห็นบัดนี้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ หนุมานคาดคั้นเจรจา ที่ไหนเทวาราศี
จะให้อาวุธมาทันที เรานี้ไม่เชื่อวาจา
ถ้าว่าอาวุธตกลง เราปลงถวายชีพยักษา
ถ้าแม้นไม่ตกลงมา ให้ยักษาตายหฤาไร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ยักษาก็รับวาที กูหมีเอาเท็จแถลงไข
อ่านคาถาร้องขึ้นไป เทพไทโยนมาอย่าช้า

ฯ ตระบองกัน ๒ คำ ฯ

เทวา เทวาก็โยนลงไป องคตฯ องคตรวบไว้เทวา
๏ หมีได้ลงพื้นพระสุธา ยักษาก็เร่งอัศจรรย์

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายพญาหนุมานเย้ยเยาะ เหวยอ้ายพูดเพราะแข็งขัน
อวดโอ้โป้ปดหลอกกัน ดูกรกุมภัณฑ์อสุรี
ตัวกูจะร้องขึ้นไป ให้เทพทั่วราศี
โยนอาวุธมาบัดนี้ อสุรีมึงแลดูไป
ว่าพลางทางร้องก้องโกน องคต องคตก็โยนอาวุธให้
เยาะเย้ยสัทธาสูรไป อ้ายจังไรไม่อายวาจา

ฯ กราวรำ ๒ คำ เจรจา ฯ

๏ สัทธาสูรตอบวาที ดูกรกระลีกระบี่ป่า
ทำไมองอาจอหังการ์ อ้ายยักษาจับบัดนี้
๏ ยักษาเผ่นโผนโจนจับ กับหนุมานชิงชัยศรี
เชิด วานร ฟาดฟันกันเป็นโกลี ยักษีตายเต็มพระสุธา
เชิด แล้วผาดโผนแผลงฤทธิไกร ใหญ่โตเงือบเงื้อมเวหา
สี่กรสี่พักตร์เจษฎา ลีลาเข้าจับรถไชย
ตระ เชิด ดูกรพญายักษา รู้จักกูหฤๅหาไม่
กูครือหนุมานชาญไชย พระอวตารให้ผลาญอสุรี
ตัวมึงก็พ่ายแพ้สัตย์ กูจะตัดเศียรเกล้ายักษี
มึงรับจะถึงชีวี กูนี้จะฆ่าขุนมาร
๏ สัทธาสูรตอบพาที ดูกรกระบี่เดียรฉาน
ถึงกูแพ้คำหนุมาน สุดแต่พระกาลจะราวี
ตัวมึงจะต่อฤทธา อย่าเจรจาจะม้วยเป็นผี
ถึงเจ้ามึงรามลักษ์จักรี ทีเดียวก็จะม้วยมรณา
ว่าพลางก็ทางผลุนผลัน โรมรันสัประยุทธ์เข่นฆ่า
ฮีกฮักเข้าต่อฤทธา กับด้วยพญาหนุมาน

ฯ เชิด ๑๖ คำ ฯ

ร้องพร้อม สองฝ่ายเหน็ดเหนื่อยรอรา ยักษาทรงศรแผลงผลาญ
หมีได้ถูกองค์หนุมาน เรียกทวยหาญเข้าต่อตี

ฯ เชิด ฯ

๏ สองฝ่ายสัประยุทธ์อื้ออึง สนั่นถึงองคตกระบี่ศรี
ก็พาวานรลงราวี เข้าตีเข่นฆ่ากุมภัณฑ์

ฯ เชิด พลร้อง ฯ

สองฝ่ายต่างฝ่ายต่างต่อแย้ง ล้วนมีฤทธิแรงแข็งขัน
๏ หนุมานฉวยชิงธนูรัน คันหักจับได้อสุรา
ฟัดโยนออกไปโยชน์ปลาย ยักษ์ร้ายไม่ดับสังขาร์
ยักษ์ กลับเข้าต้านต่อฤทธา โกลาหลังเป็นโกลี
บ้างกัดบ้างขบตลบตะแลง วัดแวงพิฆาตกันสองศรี
เชิด หนุมานฉวยชิงตระบองตี ยักษีไม่ม้วยบรรลัย
จนตระบองสะบั้นหักยับ คว้าจับชักชิงพระขรรค์ได้
ฟันแขนซ้ายขวาขว้างไป ได้ถึงสามโยชน์โดยตรา
เชิด แล้วฟัดพญายักษี เข้ากับคีรีภูผา
ยักษ์ หมีได้มอดม้วยชีวา กลับมาต้านต่อชิงชัย

ฯ เชิด ฯ

๏ หนุมานปละเสียไม่ต่อตี ไปราวีหมู่มารน้อยใหญ่
เกลื่อนกลาดวินาศบรรสัย กลับเข้าชิงชัยอสุรี

ฯ เชิด ฯ

๏ สัทธาสูรโผนโจนตำ ด้วยเศียรซ้ำด้วยเท้ายักษี

ฯ เชิด ฯ

๏ หนุมานฟันเศียรอสุรี ศีรษะขาดม้วยมรณา

ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ฝ่ายวิรุญจำบังยักษา
เห็นพลพ่ายพังมา กรีธาเร่งทัพหนุนไป
ไถ่ถามอสูรยักษา ก็รู้ว่าสัทธาสูรตักษัย
พ่ายแพ้แก่ขุนกระบี่ไพร ฮึกฮักไปตามอหังการ์
สั่งนนทสูรเสนี เร่งรี้พลเข้าเข่นฆ่า
๏ ฝ่ายนนทสูรสั่งโยธา ก็หุ้มพนาวาเข้ารบพลัน

ฯ เชิด ๖ คำ ฯ

๏ หนุมานองคตปฤกษา พวกพลวานรแข็งขัน
ครั้นเราจะต่อกุมภัณฑ์ บัญชาหมีได้ว่ามา
จะผิดกับรับสั่งไป มาเราคลาไคลดีกว่า
ก็ตัดเอาเศียรอสุรา เหาะมาถวายฉับพลัน

ฯ เชิด ปฐม ฯ

๏ ครั้นถึงจึ่งทูลกิจการ ถวายเศียรขุนมารซึ่งอาสัญ
แถลงแจ้งราชกิจพลัน แล้วบั่นแบ่งแจ้งคดี
ซึ่งเข่นฆ่าท้าวสัทธาสูร ตามมูลได้ชิงชัยศรี
อุบายออกต้านต่อตี ให้กระบี่คอยรวบสาตรา
ทัพท้าวสัทธาสูรแตกพ่าย ฉิบหายมอดม้วยสังขาร์
บัดนี้วิรุญจำบังมา หนักหนาโน่นแนภูมี

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอวตารผู้ชาญไชยศรี
ขอบใจสองราชกระบี่ มีโสมนัสสั่งพลัน
ดูกรปีกป้องทั้งปวง เราจะยกพลหลวงแข็งขัน
ออกไปต้านต่อกุมภัณฑ์ ตั้งมั่นยังสมรภูมิไชย
เสนา ต่างต่างโห่ร้องเอาฤกษ์ เอิกเกริกสนั่นหวั่นไหว
อึงอัดยัดป่าพนาลัย ตรงไปสมรภูมิหมีช้า

ฯ รุกร้น ๖ คำ เสนายักษ์ ฯ

๏ ฝ่ายทัพวิรุญจำบัง สั่งให้ค้นไพรพฤกษา
พบแต่อาสภอสุรา ยักษาพลิกดูอสุรี
มีแต่หัวขาดตีนขาด ประหลาดไม่พบกระบี่ศรี
ทีโง่เขลาพูดพาที อสุรีองอาจอหังการ์
เป็นไรจึ่งไม่ต่อตี หนีไยกระบี่มารษา
สมน้ำหน้าอัษฎงค์พารา อ้ายขี้ข้าแพ้ไพรี
ต่างต่างด่าแล้วเข้าทูล วิรุญจำบังยักษี ฯ
วิรุญจำบัง ก็ร่าเริงบันเทิงพาที รีบรี้พลติดตามพลัน

ฯ กราว ฯ

๏ พอเหลือบเห็นทัพพระรามา อสุราให้แยกพลขันธ์ กองหน้าฯ
๏ สั่งให้ทัพหน้าเข้าบุกบัน กองขันกระชั้นรอรา
วิรุญจำบัง จึ่งให้กองล่อกระบี่ ขนาบหุ้มพนาลีเข่นฆ่า
กองหลวงหน่วงไว้รอรา ล่วงเข้ามาจึ่งแดกต่อตี
พล เสนา ต่างต่างทำตามบัญชา เข้าต่อฤทธากระบี่ศรี
เชิด ฝ่ายวานรเข้าราวี ตีตะลุมบอนกันไปมา
เชิด เสนา ยักษีทำหนีทีท่วง ล่อลวงขนาบหุ้มเข่นฆ่า
๏ วิรุญจำบังยอทัพหลวงมา วานรก็พ่ายพังไป

ฯ เชิด ๑๖ คำ กราวรำ ฯ

๏ พระรามจึ่งยอทัพแดก แยกกองรุกรบติดไล่
กองซุ่มกลุ้มรุมกันเข้าไป รุกไล่ไพร่พลต่อตี
เชิด กลับรบหมู่มารพังพ่าย ล้มตายกลาดป่าพนาศรี
เข้ารันบันบุกคลุกคลี ตีตะลุมบอนกันไปมา

ฯ เชิด ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายวิรุญจำบังขับพล เกลื่อนกล่นกันเข้าเข่นฆ่า
เชิด ชักหอกออกร่ายวิทยา อ่านเวทคาถากำบัง
ตัวหายกายเลื่อมไม่เห็น เป็นวิทยาคมแข็งขลัง
โกนก้องร้องโดยกำลัง อ้ายกองหลังช่วยกูต่อตี

ฯ ๔ คำ ฯ

เสนายักษ์ กองหลังก็เร่งสกลไกร เข้าสัประยุทธ์ชัยศรี

ฯ เชิด ฯ

๏ ฝ่ายวิรุญจำบังวางพาชี กระบี่ไม่เห็นกายา
โถมแทงหน้าหลังพังพ่าย ล้มตายมอดม้วยสังขาร์
ไล่แทงบันบุกอุกมา ลางวานรวิ่งหนีพลัน
เชิด วิรุญจำบัง แทงทั้งปีกซ้ายปีกขวา วุ่นวายวิ่งเข้าพนาสัณฑ์
ลดเลี้ยวไล่รุกบุกบัน แทงฟันจนทัพพระรามา

ฯ เชิด ๖ คำ ฯ

๏ พระรามจึ่งถามพิเภกไป ได้ยินหฤๅไม่ยักษา
ฟังดูดู๋เสียงสาตรา ดั่งพญามัจจุราชราวี
สำเนียงแฉะแฉะฉับฉับ วานรย่อยยับลงกับที่
ดุจดังพระกาลต่อตี พิเภกเอ๋ยเป็นประการใด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ พิเภกทูลว่าวิทยา มันขลังหาเห็นตัวไม่
สำเนียงนั้นครือหอกไชย ไอ้วิรุญจำบังฝ่าแทง
อันฉับฉับนั้นเสียงหอก กลอกกลับซัดด้วยกำลังแขง
มันวางวิ่งม้ามาโดยแรง จงแผลงวิรุณจักรวาลไป
จึงจะต้องตามตำราว่า ยักษาจะม้วยตักษัย
๏ พระรามก็วางศรไชย ไล่ล้างสังหารอสุรี

ฯ เชิด ฯ

พระร้อง ถูกอสูรม้วยสิ้นเป็นเบือ เหลือวิรุญจำบังยักษี
มิ่งม้าก็ม้วยชีวี ศรศรีไม่กินอสุรา

ฯ เชิด ๘ คำ ฯ

๏ ฝ่ายวิรุญจำบังกลัว เป็นพ้นตัวที่จะเข่นฆ่า
พลมารมอดม้วยทั้งมิ่งม้า อสุราครั่นคร้ามความตาย
ประหม่าอาคมพระราเมศ อ่านเวทมนตร์พรั่นขวัญหาย
พ้นที่จะสู้ศรนารายณ์ อุบายให้ต่อฤทธา
ด้วยเวทมนตร์ดลวิเศษ เปลื้องผ้าจากเกศเกศา
เสกเป็นรูปภาพขี่ม้า ถือสาตราแทนอสุรี
ปรากฏพระยศเกรียงไกร ให้อยู่ต่อต้านกระบี่ศรี
ลอยเลื่อนละลิ่วรูจี ยักษีก็เหาะหนีพลัน

ฯ ตระ เชิด ๘ คำ ฯ

๏ มาเอยมาพ้น ด้นดั้นออกนอกเขตขัณฑ์
แทบใกล้ไกรลาสเขตคัน ก็มั่นหมายมุ่งเจตรนา
จำกูจะหยุดอาศัย ยังในอังกาศดูหา
จึงจะพ้นภัยมรณา ก็บังตาปลอมลิงเข้าไป

ฯ แพละน้อย ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายลิงซึ่งส่งพฤกษา วานรินนารีศรีใส
ต้องสาปอิศวรท่านไท ให้แล้วก็กลับออกมา

ฯ เชิด ปฐม ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายวิรุญจำบังพาที พี่ขออาศัยคูหา
แต่พอพ้นศรรามา สงบแล้วพี่จะลาไป

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ วานรินจึ่งว่าไม่พ้น ที่นั้นชอบกลทิศใต้
มีภูเขากั้นสมุทรไท ไปอยู่ในฟองวารี

ฯ ๒คำ ฯ

๏ ฝ่ายวิรุญจำบังขอบใจ ก็ไปตามคำสาวศรี

ฯ เชิด ปฐม ฯ

๏ จึ่งนิมิตตัวเท่าธุลี แทรกอยู่ที่ฟองคงคา

ฯ ตระ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายข้างรูปภาพยนตร์ เข้าผจญแทนตัวยักษา
มีมือถือหอกขี่ม้า ง่าเงยเหมือนองค์อสุรี

ฯ เชิด ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายข้างพระลักษ์ก็แผลงผลาญ พระอวตารก็ยิงยักษี
สังหารรานรูปอสุรี เป็นภัสม์ธุลีปลิวไป

ฯ เชิด รูปภาพ ฯ

๏ แล้วกลับต่อติดเป็นเล่า เข้าสัประยุทธ์ไปใหม่
ขี่ม้าง่าเงยชิงชัย ไล่แทงกระบี่ไปมา

ฯ เชิด ๔ คำ ฯ

๏ พระรามจึ่งถามพิเภกทูล หมิใช่อสูรยักษา
มันแกล้งแต่งรูปมารยา อสุรามั่นแม่นหนีไป
อันซึ่งจะทรงศรผลาญ รูปมารยาไหนจะม้วยไหม้
ขอให้หนุมานตามไป ได้ตัวแล้วรูปจะหายพลัน
แต่ซึ่งจะทำร้ายภายหลัง จงสั่งให้ศรไปกางกั้น
บัดนี้หนีออกนอกเขตคัน อยู่ทิศนั้นแนภูมี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ พระรามจึ่งร่ายมนตร์แผลง เรืองแรงพระเวทรังสี
ศรเป็นข่ายแก้วไปราวี ล้อมรูปอสุรีมารยา

ฯ เชิด ฯ

๏ แล้วกวักเรียกสั่งหนุมาน ท่านไปติดตามยักษา
ตามพิเภกโหรบัญชา อย่าช้ารีบรัดบัดนี้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ หนุมานก็รับสั่งลา เหาะมาติดตามยักษี
เชิด ข้ามนิเวศเขตพื้นธาตรี เห็นพรรณกระบี่ลิงไพร
ออกจากปากถ้ำคูหา ก็ลงพูดจาปราศรัย
เมตตาบอกข้าตามจริงไป คือใครอยู่ในคีรี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฝ่ายวานรแจ้งกิจจา นี่คือคูหามารศรี
ชื่อวานรินนารี ต้องสาปพระศุลีลงมา
เรานี้บริวารนางใน ได้ส่งผลไม้พฤกษา
บอกแล้วก็เข้าอรัญวา เล็มล่าหาผลพนาลี

ฯ แพละน้อย ๔ คำ ฯ

๏ หนุมานเห็นรอยผิดประหลาด มีเบื้องบาทคนบทศรี
โตใหญ่ไม่ใช่สัตรี เข้าคีรีถ้ำออกไป
ดีร้ายชายจะมีในนี้ หฤาว่าอสุรีเข้าอาศัย
ร่องรอยปรากฏอยู่ไซร้ ก็คลาไคลเข้าถ้ำหมีช้า

ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ

๏ เอะแล้วนวลนางจะเกรงกลัว จะซุกซอนซ่อนตัวกระหมั่งหนา
กว่ากูจะเข้าค้นคว้า กิจจาจะช้าท่วงที
กูจำจะนิมิตบิดเบือน เหมือนมนุษย์หนุ่มน้อยเรืองศรี
ให้เลิศโลกล้ำโลกีย์ ที่สัตรีมุ่งเมตตา
แล้วจึงจะค่อยไถ่ถาม วงศ์นามอสุรศักดิ์ยักษา
ซ่อนเร้นอยู่ไหนได้กิจจา จึ่งจะไปเที่ยวหาอสุรี
ครั้นคิดแล้วจึงเบือน เหมือนมนุษย์หนุ่มน้อยเรืองศรี
ทรงเครื่องเรืองรัศรูจี ก็ลีลาเข้าถามนางพลัน

ฯ บาทสกุณี ๘ คำ ฯ

น้ำค้างตะวันตก เจ้าเอยเจ้าพี่ ศรีศุภลักษณ์เลิศเฉิดฉัน
ผ่องแผ้วผิวเพียงดวงจันทร์ สาวสวรรค์จงแจ้งกิจจา
เจ้าเป็นสูริวงศ์พงศ์ไหน ทำไมมาอยู่พระคูหา
ขัดสนกลใดพนิดา พี่ยาจะช่วยเทวี
ฝ่ายพี่ก็คนอนาถา ภรรยาหาไม่นะสาวศรี
โภชนาอาหารเจ้ายังมี พี่ขออยู่ด้วยพนาวา

ฯ ๖ คำ ฯ

ล่องเรือ ฟังเอยฟังถาม นางงามค้อนควักชักหน้า
บิดเบือนพักตร์ผินไม่นำพา นางฟ้าเยื้อนยิ้มพริ้มไพร
บทจรจากที่ลีลา หมีได้พูดจาปราศรัย
แล้วกลับคะนึงในใจ ทรามวัยนิ่งนึกตรึกตรา
เอะแล้วเทวาสุลาลัย แกล้งมาลองใจกระหมั่งหนา
นิ่งอยู่หมีรู้กิจจา กัลยาก็ว่าเนื้อความไป
ทำไมมาถามนามวงศ์ ประสงค์สิ่งใดไม่บอกได้
เจ้านี้คมเหงไม่เกรงใจ ฤทัยทุกข์อยู่ไม่เจรจา
ว่าพลางก็ทางบทจร ทอดกรกรีดกรายซ้ายขวา
ก็ดูเอาอาจอุกรุกมา ไปเสียตัวข้าจะจรลี

ฯ เพลง ๑๐ คำ ฯ

ชาตรี ขวัญเอยขวัญตา กรุณาบ้างมิ่งมารศรี
ถึงมาตรไม่ดูดี พี่ขอช่วยนุชสืบไป
ความจริงนะเจ้าหมีกล่าวแกล้ง พี่หาแต่งลมลวงไม่
ดาวเดือนหฤาดวงอโณทัย ไม่ให้ขัดสนพนิดา
ว่าพลางก็ทางวิงวอน สายสมรอย่าพะวังกังขา
เอ็นดูช่วยชูชีวา ให้ยาใจจงหยุดพาที

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย ฟังเอยฟังว่า นางฟ้าชม้ายชายหนี
กลับสงสัยรสวาที มารศรีประชดว่ามา
ฉิฉะดูกรเจ้ายิ่งผู้ ข้าต้องสาปอยู่พระคูหา
แม้นดีจงมีเมตตา ช่วยแก้ร้อนข้าอันราคี
ให้คืนยังอิศวรบรมนาถ คุงบาทรองเบื้องบทศรี
ข้าจึ่งจะเห็นเป็นดี ถ้าฉะนี้จะเชื่อวาจา

๏ พระสมุด ๑ หา ๒ ๏

๏ วัน ๑ + ๑๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๔๒ ปีชวดโทศก ๛

๏ ข้าพระพุทธิเจ้า นายเชด อาลักษณชุบเส้นทอง ขุนสรประเสิด ขุนมหาสิท } ทาน ๓ ครั้ง

  1. ๑. ต้นฉบับว่า “อยู่มาฝ่ายลัคคะรามเมศ” ความที่ปรากฏต่อไปใช้ “พระลักษ”

  2. ๒. หมายถึง สุวรรณกระถอบ หรือ สุวรรณกัญจน์ถอบ ผ้าห้อยหน้าซึ่งทำด้วยแพรหรือผ้าลายปัก

  3. ๓. ท้ายคำกลอนระบุว่า “เจรจา ๑๐ คำ” แต่ปรากฏเนื้อความในตัวบทเพียง ๗ คำกลอน ทั้งนี้น่าจะนับรวมข้างต้นอีก ๓ คำกลอน

  4. ๔. ต้นฉบับว่า “ถ้าแม้นฝ่ายมาละเทถ่าย”

  5. ๕. “สัประยุทธ์” ต้นฉบับใช้ว่า “สับประหยุท” หรือ “สับประหยุด” ทุกแห่ง

  6. ๖. ต้นฉบับว่า “สุงครีบหนุมานกระบี่ศรี”

  7. ๗. น่าจะเป็น “องคตรวบไว้เวหา”

  8. ๘. หมดเนื้อความพระราชนิพนธ์สมุดไทย เล่ม ๑

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ