บทละครเรื่องระเด่นลันได
ช้าปี่
๏ มาจะกล่าวบทไป | |
ถึงระเด่นลันไดอนาถา | |
เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา | |
ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์ | |
อยู่ปราสาทเสาคอดยอดด้วน | |
กำแพงแก้วแล้วล้วนด้วยเรียวหนาม | |
มีทหารหอนเห่าเฝ้าโมงยาม | |
คอยปราบปรามประจามิตรที่คิดร้าย | ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง | |
เป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย | |
ไม่มีใครชังชิงทั้งหญิงชาย | |
ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี | |
พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ | |
ยุงชุมสุมควันแล้วเข้าที่ | |
บรรทมเหนือเสื่อลำแพนแท่นมณี | |
ภูมีซบเซาเมากัญชา | ฯ ๔ คำ ฯ |
ร่าย
๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยันตะวันโด่ง | |
โก้งโค้งลงในอ่างแล้วล้างหน้า | |
เสร็จเสวยข้าวตังกับหนังปลา | |
ลงสระสรงคงคาในท้องคลอง | ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ |
ชมตลาด
๏ กระโดดดำสามทีสีเหงื่อไคล | |
แล้วย่างขึ้นบันไดเข้าในห้อง | |
ทรงสุคนธ์ปนละลายดินสอพอง | |
ชโลมสองแก้มคางอย่างแมวคราว | |
นุ่งกางเกงเข็มหลงอลงกรณ์ | |
ผ้าทิพย์อาภรณ์พื้นขาว | |
เจียระบาดเสมียนละว้ามาแต่ลาว | |
ดูราวกับหนังแขกเมื่อแรกมี | |
สวมประคำดีควายตะพายย่าม | |
หมดจดงดงามกว่าปันหยี | |
กุมตระบองกันหมาจะราวี | |
ถือซอจรลีมาตามทาง | ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า |
ร่าย
๏ มาเอยมาถึง | |
เมืองหนึ่งสร้างใหม่ดูใหญ่กว้าง | |
ปราสาทเสาเล้าหมูอยู่กลาง | |
มีคอกโคอยู่ข้างกำแพงวัง | |
พระเยื้องย่างเข้าทางทวารา | |
หมู่หมาแห่ห้อมล้อมหน้าหลัง | |
แกว่งตระบองป้องปัดอยู่เก้กัง | |
พระทรงศักดิ์หยักรั้งคอยราญรอน | ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะหูกลวงดวงสมร | |
ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร | |
เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว | |
โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา | |
บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว | |
แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว | |
หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย | |
ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า | |
คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย | |
จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย | |
ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง | |
พอเหลือบเห็นระเด่นลันได | |
อรไทผินผันหันข้าง | |
ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง | |
ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง | |
งามกว่าภัสดาสามี | |
ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง | |
เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง | |
นางตะลึงแลดูพระภูมี | ฯ ๑๐ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
พระสุวรรณลันไดเรืองศรี | |
เหลียวพบสบเนตรนางตานี | |
ภูมีพิศพักตร์ลักขณา | ฯ ๒ คำ ฯ |
ชมโฉม
๏ สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด | |
งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า | |
พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา | |
ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ | |
คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย | |
จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ | |
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ | |
ลำคอโตตันสั้นกลม | |
สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว | |
โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม | |
เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม | |
มันน่าเชยน่าชมนางเทวี | ฯ ๖ คำ ฯ |
ร่าย
๏ นี่จะเป็นลูกสาวท้าวพระยา | |
ฤๅว่าเป็นพระมเหสี | |
อกใจทึกทักรักเต็มที | |
ก็ทรงสีซอสุวรรณขึ้นทันใด | ฯ ๒ คำ ฯ |
พัดชา
๏ ยักย้ายร่ายร้องเป็นลำนำ | |
มีอยู่สองสามคำจำไว้ได้ | |
สุวรรณหงส์ถูกหอกอย่าบอกใคร | |
ถูกแล้วกลับไปได้เท่านั้น | ฯ ๒ คำ ฯ |
ร่าย
๏ แล้วซ้ำสีอิกกระดิกนิ้ว | |
ทำยักคิ้วแลบลิ้นเล่นขบขัน | |
เห็นโฉมยงหัวร่ออยู่งองัน | |
พระทรงธรรม์ทำหนักชักเฉื่อยไป | ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะตานีศรีใส | |
สดับเสียงสีซอพอฤทัย | |
ให้วาบวับจับใจผูกพัน | |
ยิ่งคิดพิศวงพระทรงศักดิ์ | |
ลืมรักท้าวประดู่ผู้ผัวขวัญ | |
ทำไฉนจะได้พระทรงธรรม์ | |
มาเคียงพักตร์สักวันด้วยรักแรง | |
คิดพลางทางเข้าไปในห้อง | |
แล้วตักเอาข้าวกล้องมาสองแล่ง | |
ค่อยประจงลงใส่กระบะแดง | |
กับปลาสลิดแห้งห้าหกตัว | |
แล้วลงจากบันไดมิได้ช้า | |
เข้ามานอบนบจบเหนือหัว | |
เอาปลาใส่ย่ามด้วยความกลัว | |
แล้วยอบตัวลงบังคมก้มพักตรา | ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ลันไดให้แสนเสนหา | |
อะรามรักยักคิ้วหลิ่วตา | |
พูดจาลดเลี้ยวเกี้ยวพาน | ฯ ๒ คำ ฯ |
โอ้โลม
๏ งามเอยงามปลอด | |
ชีวิตพี่นี้รอดด้วยข้าวสาร | |
เป็นกุศลดลใจเจ้าให้ทาน | |
เยาวมาลย์แม่มีพระคุณนัก | |
พี่ขอถามนามท้าวเจ้ากรุงไกร | |
ชื่อเรียงเสียงไรไม่รู้จัก | |
เจ้าเป็นพระมเหสีที่รัก | |
ฤๅนงลักษณ์เป็นราชธิดา | |
รูปร่างอย่างว่ากะลาสี | |
พี่ให้มีใจรักเจ้าหนักหนา | |
ว่าพลางเข้าใกล้กัลยา | |
พระราชาฉวยฉุดยุดมือไว้ | ฯ ๖ คำ ฯ |
ร่าย
๏ ทรงเอยทรงกระสอบ | |
ทำเล่นเห็นชอบฤๅไฉน | |
ไม่รู้จักมักจี่นี่อะไร | |
มาเลี้ยวไล่ฉวยฉุดยุดข้อมือ | |
ยิ่งว่าก็ไม่วางทำอย่างนี้ | |
พระจะมีเงินช่วยข้าด้วยฤๅ | |
อวดว่ากล้าแข็งเข้าแย่งยื้อ | |
ลวนลามถามชื่อน้องทำไม | |
น้องมิใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย | |
หยาบเหมือนขี้เลื่อยเมื่อยหัวไหล่ | |
ลูกเขาเมียเขาไม่เข้าใจ | |
บาปกรรมอย่างไรก็ไม่รู้ | ฯ ๖ คำ ฯ |
ชาตรี
๏ ดวงเอยดวงไต้ | |
สบถได้เจ็ดวัดทัดสองหู | |
ความจริงพี่มิเล่นเป็นเช่นชู้ | |
จะร่วมเรียงเคียงคู่กันโดยดี | |
ถึงมิใช่ตัวเปล่าเจ้ามีผัว | |
พี่ไม่กลัวบาปดอกนะโฉมศรี | |
อันนรกตกใจไปไยมี | |
ยมพระบาลกับพี่เป็นเกลอกัน | |
เพียงจับมือถือแขนอย่าแค้นเคือง | |
จะให้น้องสองเฟื้องอย่าหุนหัน | |
แล้วแก้เงินในไถ้ออกให้พลัน | |
นี่แลขันหมากหมั้นกัลยา | |
พอดึกดึกสักหน่อยนะน้องแก้ว | |
พี่จะลอดล่องแมวขึ้นไปหา | |
โฉมเฉลาเจ้าจงได้เมตตา | |
เปิดประตูไว้ท่าอย่าหลับนอน | ฯ ๘ คำ ฯ |
ร่าย
๏ ทรงเอยทรงกระโถน | |
อย่ามาพักปลอบโยนให้โอนอ่อน | |
ไม่อยากได้เงินทองของภูธร | |
นางเคืองค้อนคืนให้ไม่อินัง | |
ช่างอวดอ้างว่านรกไม่ตกใจ | |
คนอะไรอย่างนี้ก็มีมั่ง | |
เชิญเสด็จรีบออกไปนอกวัง | |
อย่ามานั่งวิงวอนทำค่อนแคะ | |
เพียงแต่รู้จักกันกระนั้นพลาง | |
พอเป็นทางไมตรีกระนี้แหละ | |
เมื่อพระอดข้าวปลาจึงมาแวะ | |
น้องฤๅชื่อประแดะดวงใจ | |
ท่านท้าวประดู่ผู้เป็นผัว | |
ยังไปเลี้ยงวัวหากลับไม่ | |
แม้นชักช้าชีวันจะบรรลัย | |
เร่งไปเสียเถิดพระราชา | ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ลันไดยิ้มเยาะหัวเราะร่า | |
เราไม่เกรงกลัวอิทธิ์ฤทธา | |
ท้าวประดู่จะมาทำไมใคร | |
พี่ก็ทรงศักดากล้าหาญ | |
แต่ข้าวสารเต็มกระบุงยังแบกไหว | |
ปลาแห้งพี่เอาเข้าเผาไฟ | |
ประเดี๋ยวใจเคี้ยวเล่นออกเป็นจุณ | ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะเห็นความจะวามวุ่น | |
จึงนบนอบยอบตัวทำกลัวบุญ | |
ไม่รู้เลยพ่อคุณนี้มีฤทธิ์ | |
กระนั้นซิเมื่อพระเสด็จมา | |
หมูหมาย่นย่อไม่รอติด | |
ขอพระองค์จงฟังยั้งหยุดคิด | |
อย่าให้มีความผิดติดตัวน้อง | |
น้าวประดู่ภูธรเธอขี้หึง | |
ถ้ารู้ถึงท้าวเธอจะทุบถอง | |
จงไปเสียก่อนเถิดพ่อรูปทอง | |
อย่าให้น้องชั่วช้าเป็นราคี | |
ว่าพลางทางสลัดปัดกร | |
ควักค้อนยักหน้าตาหยิบหยี | |
นาดกรอ่อนคอจรลี | |
เดินหนีมิให้มาใกล้กราย | ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ลันไดไม่สมอารมณ์หมาย | |
เห็นนางหน่ายหนีลี้กาย | |
โฉมฉายสลัดพลัดมือไป | |
มันให้ขัดสนยืนบ่นออด | |
เจ้ามาทอดทิ้งพี่หนีไปได้ | |
ตัวกูจะอยู่ไปทำไม | |
ก็ยกย่ามขึ้นไหล่ไปทั้งรัก | ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
ช้า
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่สุริย์วงศ์ทรงกระตัก | |
เที่ยวเลี้ยงวัวล้าเลื่อยเหนื่อยนัก | |
เข้าหยุดยั้งนั่งพักในศาลา | |
วันเมื่อมเหสีจะมีเหตุ | |
ให้กระตุกนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา | |
ตุ๊กแกตกลงตรงพักตรา | |
คลานไปคลานมาก็สิ้นใจ | |
แม่โคขึ้นสัดผลัดโคตัวผู้ | |
พิเคราะห์ดูหลากจิตคิดสงสัย | |
จะมีเหตุแม่นมั่นพรั่นพระทัย | |
ก็เลี้ยวไล่โคกลับเข้าพารา | ฯ ๖ คำ ฯ เชิด |
ร่าย
๏ ครั้นถึงขอบรั้วริมหัวป้อม | |
พระวิ่งอ้อมเลี้ยวลัดสกัดหน้า | |
ไล่เข้าคอกพลันมิทันช้า | |
เอาขี้หญ้าสุมควันกันริ้นยุง | |
ยืนลูบเนื้อตัวที่หัวบันได | |
แล้วเข้าในปรางค์รัตน์ผลัดผ้านุ่ง | |
ยุรยาตรเยื้องย่างมาข้างมุ้ง | |
เห็นกระบุงข้าวกล้องนั้นพร่องไป | |
ปลาสลิดในกระบายก็หายหมด | |
พระทรงยศแสนเสียดายน้ำลายไหล | |
กำลังหิวข้าวเศร้าเสียใจ | |
ก็เอนองค์ลงในที่ไสยา | |
กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกมเหสี | |
เข้ามานี่พุ่มพวงดวงยี่หวา | |
วันนี้มีใครไปมา | |
ยังพาราเราบ้างฤๅอย่างไร | ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะฟังความที่ถามไถ่ | |
กราบทูลเยื้องยักกระอักกระไอ | |
ร้อนตัวกลัวภัยพระภูมี | |
ตั้งแต่พระเสด็จไปเลี้ยงวัว | |
น้องก็นอนซ่อนตัวอยู่ในที่ | |
ไม่เห็นใครไปมายังธานี | |
จงทราบใต้เกศีพระราชา | ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่ได้ฟังให้กังขา | |
จึงซักไซ้ไล่เลียงกัลยา | |
ว่าไม่มีใครมาน่าแคลงใจ | |
ทั้งข้าวทั้งปลาของข้าหาย | |
เอายักย้ายขายซื้อฤๅไฉน | |
ฤๅลอบลักตักให้แก่ผู้ใด | |
จงบอกไปนะนางอย่าพรางกัน | ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะตกใจอยู่ไหวหวั่น | |
ด้วยแรกเริ่มเดิมทูลพระทรงธรรม์ | |
ว่าใครนั้นมิได้จะไปมา | |
ครั้นจะไม่ทูลความไปตามจริง | |
ก็เกรงกริ่งด้วยพิรุธมุสา | |
สารภาพกราบลงกับบาทา | |
วอนว่าอย่าโกรธจงโปรดปราน | |
วันนี้มีหน่อกระษัตรา | |
เที่ยวมาสีซอขอข้าวสาร | |
น้องเสียมิได้ก็ให้ทาน | |
สิ้นคำให้การแล้วผ่านฟ้า | ฯ ๖ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่ได้ฟังนึกกังขา | |
ใครหนอหน่อเนื้อกระษัตรา | |
เที่ยวมาสีซอขอทาน | |
เห็นจะเป็นอ้ายระเด่นลันได | |
ที่ครอบครองกรุงใกล้เทวฐาน | |
มันเสแสร้งแกล้งทำมาขอทาน | |
จะคิดอ่านตัดเสบียงเอาเวียงชัย | |
จึงชี้หน้าว่าเหม่มเหสี | |
มึงนี้เหมือนหนอนที่บ่อนไส้ | |
ขนเอาปลาข้าวให้เขาไป | |
วันนี้จะได้อะไรกิน | |
ถ้ามั่งมีศรีสุขก็ไม่ว่า | |
นี่สำเภาเลากาก็แตกสิ้น | |
แล้วมิหนำซ้ำตัวเป็นมลทิน | |
จะอยู่กินต่อไปให้คลางแคลง | |
เจ้าศรัทธาอาศัยอย่างไรกัน | |
ฤๅกระนี้กระนั้นก็ไม่แจ้ง | |
จะเลี้ยงไว้ไยเล่าเมื่อข้าวแพง | |
ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกว | ฯ ๑๐ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะเลี้ยวลอดกอดเอวได้ | |
เหมือนเล่นงูกินหางไม่ห่างไกล | |
นึกประหวั่นพรั่นใจอยู่รัวรัว | |
โปรดก่อนผ่อนถามเอาความจริง | |
เมื่อชั่วแล้วแทงทิ้งเถิดทูนหัว | |
อันพระสามีเป็นที่กลัว | |
จะทำนอกใจผัวอย่าพึงคิด | |
พระหึงหวงมิได้ล่วงพระอาญา | |
ที่ให้ข้าวให้ปลานั้นข้าผิด | |
น้องนี้ทำชั่วเพราะมัวมิด | |
ทำไมกับชีวิตไม่เอื้อเฟื้อ | |
น้องมิได้ศรัทธาอาศัย | |
จะลุยน้ำดำไฟเสียให้เชื่อ | |
ไม่มีอาลัยแก่เลือดเนื้อ | |
แต่เงื้อเงื้อไว้เถิดอย่าเพ่อแทง | ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่เดือดนักชักพระแสง | |
ถ้าบอกจริงให้กูอีหูแหว่ง | |
จะงดไว้ไม่แทงอย่าแย่งยุด | |
กูก็เคยเกี้ยวชู้รู้มารยา | |
มิใช่มึงโสดามหาอุด | |
มันเป็นถึงเพียงนี้ก็พิรุธ | |
ถึงดำน้ำร้อยผุดไม่เชื่อใจ | |
ยังจะท้าพิสูจน์รูดลอง | |
พ่อจะถองให้ยับจนตับไหล | |
เห็นว่ากูหลงรักแล้วหนักไป | |
เอออะไรนี่หวาน้ำหน้ามึง | |
หาเอาใหม่ให้ดีกว่านี้อีก | |
ผิดก็เสียเงินปลีกสองสลึง | |
กำลังกริ้วโกรธาหน้าตึง | |
ถีบผึงถูกตะโพกโขยกไป | ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
โอ้
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะเจ็บจุกลุกไม่ไหว | |
ค่อยยืนยันกะเผลกเขยกไป | |
เข้ายังครัวไฟร้องไห้โฮ | |
ร้องดิ้นเร่าเร่าพ่อเจ้าเอ๋ย | |
ลูกไม่เคยโกหกพกโมโห | |
เสียแรงได้เป็นข้ามาแต่โซ | |
กลับพาโลโกรธาด่าตี | |
น้องก็ไร้ญาติวงศ์พงศา | |
หมายพึ่งบาทาพระโฉมศรี | |
โคตรพ่อโคตรแม่ก็ไม่มี | |
อยู่ถึงเมืองตานีเขาตีมา | |
ตะโพกโดกโดยเมียแทบคลาด | |
ถีบด้วยพระบาทดังชาติข้า | |
จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้ายา | |
ตายโหงตายห่าก็ตายไป | ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่ได้ฟังดังเพลิงไหม้ | |
ดูดู๋อีประแดะค่อนแคะได้ | |
กลับมาด่าได้อีใจเพชร | |
เอาแต่คารมเข้าข่มกลบ | |
กูจะจิกหัวตบเสียให้เข็ด | |
ชะช่างโศกาน้ำตาเล็ด | |
กูรู้เช่นเห็นเท็จทุกสิ่งอัน | ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ ว่าพลางทางคว้าได้พร้าโต้ | |
ดุด่าตาโตเท่ากำปั้น | |
ผลักประตูครัวไฟเข้าไปพลัน | |
นางประแดะยืนยันลั่นกลอนไว้ | |
ผลักไปผลักมาอยู่เป็นครู่ | |
จะเข้าไปในประตูให้จงได้ | |
กระทืบฟากโครมครามความแค้นใจ | |
อึกกระทึกทั่วไปในพารา | ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
๏ บัดนั้น | |
พวกหัวไม้กระดูกผีขี้ข้า | |
บ่อนเลิกกินเหล้าเมากลับมา | |
ได้ยินเสียงเถียงด่ากันอื้ออึง | |
จึงหยุดนั่งข้างนอกริมคอกวัว | |
ว่าเมียผัวคู่นี้มันขี้หึง | |
พอพลบคํ่าราตรีตีตะบึง | |
อึงคะนึงนักหนาน่าขัดใจ | |
แล้วคว้าก้อนอิฐปาเข้าฝาโผง | |
ตกถูกโอ่งปาล้อแลหม้อไห | |
พลางตบมือร้องเย้ยเผยไยไย | |
แล้ววิ่งไปทางตะพานบ้านตะนาว | ฯ ๖ คำ ฯ รัว |
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่ตาพองร้องบอกกล่าว | |
หยิบงอบครอบหัวตัวสั่นท้าว | |
อ้ายพ่อจ้าวชาวบ้านวานช่วยกัน | |
วัวน้ำวัวหลวงกูได้เลี้ยง | |
อิฐมาเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสนั่น | |
สาเหตุมีมาแต่กลางวัน | |
คงได้เล่นเห็นกันอ้ายลันได | |
ทั้งนี้เพราะอีมะเหเสือ | |
จะกินเลือดกินเนื้อกูให้ได้ | |
ขว้างวังครั้งนี้ไม่มีใคร | |
ชู้มึงฤๅมิใช่อีมารยา | |
พระฉวยได้ไม้ยุงปัดกวัดแกว่ง | |
สำคัญว่าพระแสงขึ้นเงื้อง่า | |
เลี้ยวไล่ฟาดฟันกัลยา | |
วิ่งมาวิ่งไปอยู่ในครัว | ฯ ๘ ฯ คำ |
สับไทย
๏ เหม่เหม่ดูดู๋อีประแดะ | |
ทีนี้แหละเห็นประจักษ์ว่ารักผัว | |
หากกูรู้ตัว | |
หัวไม่แตกแตน | |
ขว้างแล้วหนีไป | |
มิได้ตอบแทน | |
ยิ่งคิดยิ่งแค้น | |
เลี้ยวแล่นไล่ตี | ฯ ๔ คำ ฯ |
รื้อ
๏ ทรงเอยทรงกระบอก | |
น้องไม่เห็นด้วยดอกพระโฉมศรี | |
ปาวังครั้งนี้ | |
มิใช่ชู้น้อง | |
สืบสมดังว่า | |
สัญญาให้ถอง | |
วิ่งพลางทางร้อง | |
ตีน้องทำไม | ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เหลือเอยเหลือเถน | |
ขัดเขมรขบฟันมันไส้ | |
ปรานีมึงไย | |
ใครใช้มีชู้ | |
ไม่เลี้ยงเป็นเมีย | |
ไปเสียอย่าอยู่ | |
รั้ววังของกู | |
ปิดประตูตีแมว | ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะเหนื่อยอ่อนลงนอนแซ่ว | |
ยกมือท่วมหัวลูกกลัวแล้ว | |
กอดก้นผัวแก้วเข้าคร่ำครวญ | ฯ ๒ คำ ฯ |
โอ้
๏ โอ้พระยอดตองของน้องเอ๋ย | |
กระไรเลยช่างสลัดตัดเด็ดด้วน | |
แม้นชั่วช้าจริงจังก็บังควร | |
พ่อมาด่วนมุทะลุดุดันไป | |
จงตีแต่พอหลาบปราบพอจำ | |
จะเฝ้าเวียนเฆี่ยนซํ้าไปถึงไหน | |
งดโทษโปรดเถิดพระภูวไนย | |
น้องยังไม่เคยไกลพระบาทา | |
ถึงไม่เลี้ยงเป็นพระมเหสี | |
จะขอพึ่งบารมีเป็นขี้ข้า | |
ไม่ถือว่าเป็นผัวเพราะชั่วช้า | |
จะก้มหน้าเป็นทาสกวาดขี้วัว | |
สิบคนเข้าไม่เท่าคนหนึ่งออก | |
อยู่กับคอกช่วยใช้พ่อทูนหัว | |
ร่ำพลางทางทุ่มทอดตัว | |
ตีอกชกหัวแล้วโศกา | ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่ได้ฟังนางราว่า | |
ให้นึกสมเพชเวทนา | |
น้ำตาไหลนองสักสองครุ | |
หวนรำลึกนึกถึงอ้ายลันได | |
กลับเจ็บใจไม่เหือดเดือดดุ | |
โมโหมืดหน้าบ้ามุทะลุ | |
กระดูกผุเมื่อไรก็ไม่ลืม | |
กูไม่อยากเอาไว้ใช้สอย | |
นึกว่าปล่อยสิงสัตว์วัดสามปลื้ม | |
แต่ชั้นทอผ้ายังคาฟืม | |
ดีแต่ยืมเขากินอีสิ้นอาย | |
แม่เรือนเช่นนี้มิเป็นผล | |
มันจะลวงล้วงก้นจนฉิบหาย | |
ไปเสียมึงไปไม่เสียดาย | |
กูจะเป็นพ่อหม้ายสบายใจ | |
สาวสาวชาววังก็ยังถม | |
ไม่ปรารมภ์ปรารี้จะมีใหม่ | |
เก็บเงินค่านมผสมไว้ | |
หาไหนหาได้ไม่ทุกข์ร้อน | ฯ ๑๐ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะหูกลวงดวงสมร | |
สุดที่จะพรากจากจร | |
บังอรข้อนทรวงเข้ารํ่าไร | ฯ ๒ คำ ฯ |
โอ้
๏ โอ้พ่อใจบุญของเมียเอ๋ย | |
แปดคํ่าพ่อเคยเชือดคอไก่ | |
ต้มปลาร้าตั้งหม้อกับหน่อไม้ | |
เมียยังอาลัยได้อยู่กิน | |
พระเคยรีดนมวัวให้เมียขาย | |
แม้สายที่ยังไม่หมดลิ้น | |
เหลือติดก้นกระบอกเอาจอกริน | |
ให้เมียกินวันละนิดคิดทุกวัน | |
แต่พอพลบรบเมียเข้ากระท่อม | |
พ่อนั่งกล่อมจนหลับแล้วรับขวัญ | |
ในมุ้งยุงชุมพ่อสุมควัน | |
สารพันทรงศักดิ์จะรักเมีย | |
จะกินอยู่พูวายสบายใจ | |
พ่อมอบไว้ให้วันละสิบเบี้ย | |
อกน้องดังไฟไหม้ลามเลีย | |
จะทิ้งเมียเสียได้ไม่ไยดี | |
เที่ยงนางกลางคืนพ่อทูนหัว | |
จะให้ออกนอกรั้วลูกกลัวผี | |
ก้นไต้ก้นไฟก็ไม่มี | |
ผัดรุ่งพรุ่งนี้เถิดพ่อคุณ | |
ถึงจะไม่ได้อยู่บนตำหนัก | |
ขอพึ่งพักอาศัยเพียงใต้ถุน | |
ยกโทษโปรดเถิดพ่อใจบุญ | |
เสียแรงได้เลี้ยงขุนมีคุณมา | ฯ ๑๒ คำ ฯ |
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่ได้ฟังชังน้ำหน้า | |
น้อยฤๅอีขี้เค้าเจ้าน้ำตา | |
ยังจะรํ่าไรว่ากวนใจกู | |
เมินเสียเถิดหวาอีหน้ารุ้ง | |
อย่าพูดอยู่ข้างมุ้งรำคาญหู | |
ไสหัวมึงออกนอกประตู | |
ขืนอยู่ช้าไปได้เล่นกัน | |
ว่าพลางปิดบานทวารโผง | |
เข้าในห้องท้องพระโรงขมีขมัน | |
ยกหม้อตุ้งก่าออกมาพลัน | |
พระทรงศักดิ์ชักควันโขมงไป | ฯ ๖ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะทุกข์ร้อนถอนใจใหญ่ | |
แล้วข่มขืนกลืนกลั้นชลนัยน์ | |
จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้าการ | |
แต่ทุบตีมิหนำแล้วซํ้าขับ | |
ให้อายอับเพี่อนรั้วหัวบ้าน | |
เช้าค่ำรํ่าว่าด่าประจาน | |
ใครจะทานทนได้ในฝีมือ | |
กูจะหาผัวใหม่ให้ได้ดี | |
เอาโยคีกินไฟไม่ได้ฤๅ | |
ไหนไหนชาวเมืองก็เลื่องฦๅ | |
อึงอื้ออับอายขายพักตรา | |
คว้าถุงเบี้ยได้ใส่กระจาด | |
ฉวยผ้าแพรขาดขึ้นพาดบ่า | |
ลงจากบันไดไคลคลา | |
น้ำตาคลอคลอจรลี | ฯ ๘ คำ ฯ ทยอย |
โอ้ร่าย
๏ ครั้นมาพ้นคอกวัวรั้วตราง | |
เหลียวหลังดูปรางค์ปราสาทศรี | |
เคยได้ค้างกายมาหลายปี | |
ครั้งนี้ตกยากจะจากไป | |
หยุดยืนสะอื้นอยู่อืดอืด | |
เดือนก็มืดเต็มทีไม่มีไต้ | |
ฝนตกพรำพรำทำอย่างไร | |
ก็หยุดยืนร้องไห้อยู่ที่ร้าน | ฯ ๕ คำ ฯ โอด |
ช้า
๏ เมื่อนั้น | |
โฉมระเด่นลันไดใจหาญ | |
ครั้นพลบค่ำเข็นบันไดไว้นอกชาน | |
ยกเชิงกรานสุมไฟใส่ฟืนตอง | |
แล้วเอนองค์ลงเหนือเสื่อกระจูด | |
นอนนิ่งกลิ้งทูดอยู่ในห้อง | |
เสนาะเสียงสำเนียงพิราบร้อง | |
ครางกระหึมครึ้มก้องบนกบทู | |
แว่วแว่วเค้าแมวในกลีบเมฆ | |
ดูวิเวกลงหลังคาเที่ยวหาหนู | |
พระเผยบัญชรแลชะแง้ดู | |
ดาวเดือนรุบรู่ไม่เห็นตัว | |
พระพายชายพัดอุตพิด | |
พระทรงฤทธิ์เต็มกลั้นจนสั่นหัว | |
หอมชื่นดอกอัญชันที่คันรั้ว | |
ฟุ้งตลบอบทั่วทั้งวังใน | ฯ ๘ คำ ฯ |
ร่าย
๏ หวนรำลึกนึกถึงนางประแดะ | |
ที่นัดแนะแต่เย็นเป็นไฉน | |
ดึกแล้วแก้วตาเห็นช้าไป | |
จะร้องไห้รำพึงถึงพี่ชาย | |
จำจะไปให้ทันดังสัญญา | |
ได้ย่องเบาเข้าหานางโฉมฉาย | |
จึงอาบนํ้าทาแป้งแต่งกาย | |
สวมประคำดีควายสำหรับตัว | |
แหงนดูฤกษ์บนฝนพยับ | |
เดือนดับลับเมฆขมุกขมัว | |
ลงบันไดเดินออกมานอกรั้ว | |
โพกหัวกลัวอิฐคิดระอา | |
หลายครั้งตั้งแต่มันทิ้งกู | |
พระโฉมตรูเหลือบซ้ายแลขวา | |
แล้วผาดแผลงสำแดงเดชา | |
เดินมาตามตรอกซอกกำแพง | ฯ ๘ คำ ฯ เชิด |
๏ ประเดี๋ยวหนึ่งก็ถึงคอกโคขัง | |
จะเข้าได้ดอกกระมังยังไม่แจ้ง | |
เห็นกองไฟใส่สุมอยู่แดงแดง | |
แอบแฝงฟังอยู่ดูท่าทาง | |
เห็นทีท้าวประดู่ผู้ผัว | |
จะนอนเฝ้าวัวอยู่ข้างล่าง | |
แต่โฉมศรีนิรมลอยู่บนปรางค์ | |
กูจะขึ้นหานางทางล่องแมว | |
จึงกลิ้งครกที่ใต้ถุนเข้าหนุนตีน | |
พระโฉมฉายป่ายปีนอยู่แด่วแด่ว | |
อกใจไม้ครูดขูดเป็นแนว | |
จะเห็นรักบ้างแล้วฤๅแก้วตา | |
พระประหวั่นพรั่นตัวกลัวจะตก | |
ทำหนูกกเจาะเจาะเคาะข้างฝา | |
ไฉนไม่คอยกันดังสัญญา | |
อนิจจานอนได้ไม่คอยรับ | ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่สุริย์วงศ์โก้งโค้งหลับ | |
พอปราสาทสะเทือนไหวตกใจวับ | |
ลุกขยับนิ่งฟังนั่งหลับตา | |
คิดว่ามเหสีที่ถูกถอง | |
แสบท้องหายโกรธเข้ามาหา | |
ให้นึกสมเพชเวทนา | |
สู้ทนทานด้านหน้ามาง้องอน | |
จะขับหนีตีไล่ไม่ไปจาก | |
อีร่วมเรือนเพื่อนยากมาแต่ก่อน | |
แล้วคลี่ผ้าคลุมหัวล้มตัวนอน | |
พระภูธรทำเฉยเลยหลับไป | ฯ ๖ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ลันไดล้วงสลักชักกลอนได้ | |
เปิดประตูเยื้องย่องเข้าห้องใน | |
เข้านั่งใกล้ในจิตคิดว่านาง | |
สมพาสยักษ์ลักหลับขึ้นทับบน | |
ท้าวประดู่เต็มทนอยู่ข้างล่าง | |
พระสรวมสอดกอดไว้มิได้วาง | |
ช้อนคางพลางจูบแล้วลูบคลำ | ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ท้าวประดู่ผุดลุกขึ้นปลุกปลํ้า | |
ตกใจเต็มทีว่าผีอำ | |
ต่างคนต่างคลำกันวุ่นไป | |
เอ๊ะจริตผิดแล้วมิใช่ผี | |
จะว่าพระมเหสีก็มิใช่ | |
ขนอกรกนักทักว่าใคร | |
ตกใจฉวยตระบองร้องว่าคน | |
ลันไดโดดโผนโดนประตู | |
ท้าวประดู่ร้องโวยขโมยปล้น | |
ตะโกนเรียกเสนาสามนต์ | |
มันไม่มีสักคนก็จนใจ | |
ระเด่นโดดโลดออกมานอกรั้ว | |
ผิดตัวแล้วกูอยู่ไม่ได้ | |
ก็ผาดแผลงสำแดงฤทธิไกร | |
วิ่งไปตามกำลังไม่รั้งรอ | ฯ ๘ คำฯ |
๏ หมาหมูกรูไล่ไม่มีขวัญ | |
ปล่อยชันสามขาเหมือนม้าห้อ | |
เต็มประดาหน้ามืดหืดขึ้นคอ | |
ต้องหยุดยั้งรั้งรอมาตามทาง | |
ถึงโดยจะไล่ก็ไม่ทัน | |
ผิดนักสู้มันแต่ห่างห่าง | |
พอแว่วสำเนียงเหมือนเสียงคราง | |
อยู่ในร้านริมข้างหนทางจร | |
เอ๊ะผีฤๅคนขนลุกซ่า | |
พระหัตถ์คว้าฉวยอิฐได้สองก้อน | |
หยักรั้งตั้งท่าจะราญรอน | |
นี่หลอกหลอนเล่นข้าฤๅว่าไร | |
ครั้นได้ยินเสียงชัดเป็นสตรี | |
จะลองฤทธิ์สักทีหาหนีไม่ | |
กำหมัดเยื้องย่องมองเข้าไป | |
แก่สาวคราวไหนจะใคร่รู้ | ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะนั่งซุ่มคลุมหัวอยู่ | |
สาละวนโศกาน้ำตาพรู | |
เห็นคนย่องมองดูก็ตกใจ | |
พอฟ้าแลบแปลบช่วงดวงพักตร์ | |
เห็นระเด่นรู้จักก็จำได้ | |
ทั้งสองข้างถ้อยทีดีใจ | |
ทรามวัยกราบก้มบังคมคัล | ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ระเด่นเห็นนางพลางรับขวัญ | |
นั่งลงซักไซ้ไล่เลียงกัน | |
ไฉนนั้นกัลยามาโศกี | |
พี่หลงขึ้นไปหานิจจาเอ๋ย | |
ไม่รู้เลยน้องแก้วแคล้วกับพี่ | |
พี่ไปพบท้าวประดู่ผู้สามี | |
เกิดอึงมี่ตึงตังทั้งพารา | |
มันจะกลับจับพี่เป็นผู้ร้าย | |
จะฆ่าเสียให้ตายก็ขายหน้า | |
เขาจะค่อนติฉินนินทา | |
อดสูเทวาสุราลัย | |
จะเอาเมียแล้วมิหนำซํ้าฆ่าผัว | |
คิดกลัวบาปกรรมไม่ทำได้ | |
พี่ขอถามสาวน้อยกลอยใจ | |
เป็นไฉนกัลยามาโศกี | ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะดวงยี่หวามารศรี | |
สะอี้นพลางทางทูลไปทันที | |
ทั้งนี้เพราะกรรมได้ทำไว้ | |
ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่ว | |
นางตีอกชกหัวแล้วร้องไห้ | |
ยังจะกลับมาเยาะนี่เพราะใคร | |
ดูแต่หลังไหล่เถิดพ่อคุณ | |
เขาขับหนีตีไล่ไสหัวส่ง | |
เพราะพระองค์ทำความจึงวามวุ่น | |
แต่รอดมาได้เห็นก็เป็นบุญ | |
อย่าอยู่เลยพ่อคุณเขาตีตาย | ฯ ๖ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ลันไดได้ฟังนางโฉมฉาย | |
เขม้นมองดูหลังยังไม่ลาย | |
พระจูบซ้ายจูบขวาห้าหกที | |
เอาพระหัตถ์ช้อนคางแล้วพลางปลอบ | |
อย่าพะอืดพะออบเลยโฉมศรี | |
จะละห้อยน้อยใจไปไยมี | |
บุญพี่กับนางได้สร้างมา | |
อันระตูฤๅจะคู่กับอนงค์ | |
มิใช่วงศ์อสัญแดหวา | |
โฉมเฉลาเจ้าเหมือนบุษบา | |
จรกาฤๅจะควรกับนวลน้อง | |
ถ้าเป็นระเด่นเหมือนเช่นพี่ | |
จึงควรที่ร่วมภิรมย์ประสมสอง | |
ตรัสพลางทางชวนนวลละออง | |
เยื้องย่องนำหน้าพานางเดิน | ฯ ๘ คำ ฯ เพลง |
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนตำหนัก | |
ตงหักกลัวจะตกงกเงิ่น | |
ค่อยพยุงจูงนางย่างดำเนิน | |
ชวนเชิญโฉมเฉลาเข้าที่นอน | |
ลดองค์ลงเหนือที่ไสยาสน์ | |
พระยี่ภู่ปูลาดขาดสองท่อน | |
แล้วจึงมีมธุรสสุนทร | |
อ้อนวอนโฉมเฉลาให้เข้ามุ้ง | ฯ ๔ คำ ฯ |
โอ้โลม
๏ โฉมเอยโฉมเฉิด | |
เอนหลังบ้างเถิดจวนจะรุ่ง | |
เสียแรงพี่รักเจ้าเท่ากระบุง | |
จะไปนั่งทนยุงอยู่ทำไม | |
เชิญมาร่วมเรียงเคียงเขนย | |
อย่าทุกข์เลยพี่จะหามาเลี้ยงให้ | |
เรามั่งมีศรีสุขทุกข์อะไร | |
เงินทองถมไปที่ในคลัง | |
แต่ข้าวสารให้ทานพี่นี้ฤๅ | |
ไม่พักซื้อได้ขายเสียหลายถัง | |
ทั้งปลาแห้งปลาทูปูลัง | |
เสบียงกรังมีมากไม่ยากจน | |
ขี้คร้านขายนมวัวเหมือนผัวเจ้า | |
พี่ได้เปล่าสารพัดไม่ขัดสน | |
จงนั่งกินนอนกินสิ้นกังวล | |
พี่จะขวนขวายหาเอามาเลี้ยง | |
ว่าพลางทางตระโบมโลมเล้า | |
อะไรเล่าฮึดฮัดเฝ้าฟัดเหวี่ยง | |
อุแม่เอ๋ยมิให้เข้าใกล้เคียง | |
จะตกเตียงลงไปแล้วแก้วกลอยใจ | ฯ ๑๐ คำ ฯ |
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะคลุ้มคลั่งผินหลังให้ | |
ถอยถดขยดหนีภูวไนย | |
นี่อะไรน่าเกลียดเบียดคะยิก | |
ลูกผัวหัวท้ายเขาไม่ขาด | |
ทำประมาทเปล่าเปล่าเฝ้าหยุกหยิก | |
ปัดกรค้อนควักผลักพลิก | |
อย่าจุกจิกกวนใจไม่สบาย | |
อย่าพักอวดสมบัติพัสถาน | |
ไม่ต้องการดอกจะสู้อยู่เป็นหม้าย | |
หนีศึกปะเสือเบื่อจะตาย | |
เฝ้ากอดก่ายไปได้ไม่ละวาง | ฯ ๖ คำ ฯ |
ชาตรี
๏ สุดเอยสุดลิ่ม | |
เชิญผินหน้ามายิ้มกับพี่บ้าง | |
เฝ้าถือโทษโกรธเกรี้ยวไปเจียวนาง | |
ไม่เห็นอกพี่บ้างที่อย่างนั้น | |
เหมือนนํ้าอ้อยใกล้มดใครอดได้ | |
พี่ก็ไม่มีคู่ตุนาหงัน | |
ตั้งแต่นวดปวดท้องมาสองวัน | |
ใครจะกลั้นอดทนพ้นกำลัง | |
ทำไมกับลูกผัวกลัวมันไย | |
ผิดก็เสียสินไหมให้ห้าชั่ง | |
จูบเชื่อเสียก็ได้แล้วไม่ฟัง | |
ลูบหน้าลูบหลังนั่งแอบอิง | |
น้อยฤๅนมแต่ละข้างช่างครัดเคร่ง | |
ปลั่งเปล่งใจหายคล้ายกล้วยปิ้ง | |
อุ้มขึ้นใส่ตักรักจริงจริง | |
อย่าสะบิ้งสะบัดตัดไมตรี | |
ยิ่งดิ้นยิ่งกอดสอดสัมผัส | |
อุยหน่าอย่ากัดพระหัตถ์พี่ | |
ปัดป้องว่องไวอยู่ในที | |
จนล้มกลิ้งลงบนที่บรรทมใน | |
อัศจรรย์ลั่นพิลึกกึกก้อง | |
ฟ้าร้องครั่นครื้นดังปืนใหญ่ | |
เกิดพายุโยนยวบสวบสาบไป | |
หลังคาพาไลแทบเปิดเปิง | |
ฝนตกห่าใหญ่ใส่ซู่ซู่ | |
ท่วมคูท่วมหนองออกนองเจิ่ง | |
คางคกขึ้นกระโดดโลดลองเชิง | |
อึ่งอ่างเริงร่าร้องแล้วพองคอ | |
นกกระจอกออกจากวิมานมะพร้าว | |
ต้องฝนทนหนาวอยู่งอนหง่อ | |
ขนคางหางปีกเปียกจนมอซอ | |
ฝนก็พอขาดเม็ดเสร็จบันดาล | ฯ ๑๖ คำ ฯ โลม |
ช้า
๏ เมื่อนั้น | |
นางประแดะหูกลวงห่วงสงสาร | |
ได้ร่วมรักชักเชยก็ชื่นบาน | |
เยาวมาลย์หมอบเมียงเคียงกาย | |
แล้วเชิญหม้อตุ้งก่าออกมาตั้ง | |
นางนั่งเป่าชุดจุดถวาย | |
ทรงศักดิ์ชักพลางทางยิ้มพราย | |
โฉมฉายขวั้นอ้อยคอยแก้คอ | |
ถูกเข้าสามจะหลิ่มยิ้มแหยะ | |
นางประแดะสรวลสันต์กลั้นหัวร่อ | |
พระโฉมยงทรงขับรับเพลงซอ | |
ฉลองหอทรงธรรม์แล้วบรรทม | ฯ ๖ คำ ฯ ตระ |
ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไป | |
ถึงนางกระแอทวายขายขนม | |
เจ้าเงินโปรดปรานพานอุดม | |
นุ่งห่มผืนผ้าค่าบาทเฟื้อง | |
ผูกดอกออกจากฟากเรือนนาย | |
ลดเลี้ยวเที่ยวขายข้าวเหนียวเหลือง | |
ตามตลาดเสาชิงช้ามาเนืองเนือง | |
ปลดเปลื้องเฟื้องไพได้ทุกวัน | |
กับโฉมยงองค์ระเด่นลันได | |
รักใคร่กันอยู่ก่อนเคยผ่อนผัน | |
เชื่อถือซื้อขายเป็นนิรันดร์ | |
เว้นวันสองวันหมั่นไปมา | ฯ ๖ คำ ฯ |
ร่าย
๏ วันเอยวันหนึ่ง | |
คิดถึงลันไดจะไปหา | |
นึ่งข้าวเหนียวใส่กระจาดยาตรา | |
ตรงมาหาชู้คู่ชมเชย | |
เที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร้องแล้วท่องเที่ยว | |
ซื้อข้าวเหนียวหน้ากุ้งกินแม่เอ๋ย | |
ที่รู้จักทักถามกันตามเคย | |
บ้างเยาะเย้ยหยอกยื้อซื้อหากัน | |
พอเวลาตลาดวายสายแสง | |
กระเดียดตระแกรงกรีดกรายผายผัน | |
ทอดกรอ่อนคอจรจรัล | |
มาปราสาทสุวรรณเจ้าลันได | ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า |
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนนอกชาน | |
เห็นทวารบานปิดคิดสงสัย | |
ทั้งเสียงคนพูดกันอยู่ชั้นใน | |
ทรามวัยแหวกช่องมองดู | |
เห็นโฉมยงองค์ประแดะกับระเด่น | |
คลี่ผ้าหาเล็นกันง่วนอยู่ | |
โมโหมืดหน้าน้ำตาพรู | |
ดังหัวหูจะแยกแตกทำลาย | |
นี่เมียอ้ายประดู่อยู่หัวป้อม | |
ไยจึงมายินยอมกันง่ายง่าย | |
ทั้งสีจักรยักหล่มถ่มร้าย | |
มันจะให้ฉิบหายขายตน | |
ชิชะเจ้าระเด่นพึ่งเห็นฤทธิ์ | |
แต่ผ้านุ่งยังไม่มิดจะปิดก้น | |
จองหองสองเมียจะเสียคน | |
คิดว่ายากจนเฝ้าปรนปรือ | |
จึงแกล้งเรียกพลันเจ้าลันได | |
ค่าข้าวเหนียวสองไพไม่ให้ฤๅ | |
ผ่อนผัดนัดหมายมาหลายมื้อ | |
แม่จะยื้อให้อายขายหน้าเมีย | ฯ ๑๐ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
โฉมระเด่นลันไดแรกได้เสีย | |
กำลังนั่งเคล้าเฝ้าคลอเคลีย | |
ชมโฉมโลมเมียอยู่ริมมุ้ง | |
ยกบาทพาดเพลาเกาสีข้าง | |
สัพยอกหยอกนางอย่างลิงถุง | |
แล้วยื่นมือมาจี้เข้าที่พุง | |
นางสะดุ้งดุกดิกพลิกตะแคง | |
เขาจะนอนดีดีเฝ้าจี้ไช | |
ช่างกระไรหน้าเป็นเอ็นแข็ง | |
จะนิ่งอยู่สักประเดี๋ยวทำเรี่ยวแรง | |
มาแหย่แย่งกวนใจไปทีเดียว | |
พอระเด่นได้ยินเสียงเรียกหา | |
ก็รู้ว่าชู้เก่าเจ้าข้าวเหนียว | |
จึงร้องว่าใครนั่นขันจริงเจียว | |
จะมาเที่ยวจัณฑาลพาลเอาความ | |
ค่าข้าวเหนียวสองไพข้าให้แล้ว | |
มาทำเสียงแจ้วแจ้วไม่เกรงขาม | |
ไม่ได้ติดค้างมาอย่าวู่วาม | |
ลุกลามสิ้นทีมีแต่อึง | ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา |
๏ เมื่อนั่น | |
นางทวายยิ่งพิโรธโกรธขึ้ง | |
ยืนกระทืบนอกชานอยู่ตึงตึง | |
หวงหึงด่าว่าท้าทาย | |
นี่แน่อ้ายสำเร็จเจ็ดตะคุก | |
มาลืมคุณข้าวสุกเสียง่ายง่าย | |
กูเชื่อหน้าคิดว่าลูกผู้ชาย | |
จึงสู้ขายติดค้างยังไม่รับ | |
ช่างโกหกพกลมประสมประสาน | |
จะประจานเสียให้สมที่สับปลับ | |
แต่เบี้ยติดสองไพยังไม่รับ | |
กูสิ้นนับถือแล้วอ้ายลันได | ฯ ๖ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | |
ระเด่นตอบตามอัชฌาสัย | |
เขาขี้คร้านพูดจาอย่าหนักไป | |
ข้ารู้ใจเจ้าดอกกัลยา | |
เจ้าพิโรธโกรธขึ้งเพราะหึงหวง | |
จึงจาบจ้วงล่วงเกินเป็นหนักหนา | |
ข้าผิดแล้วกลอยใจได้เมตตา | |
เชิญเข้าเคหาปรึกษากัน[๑] | ฯ ๔ คำ ฯ |
[๑] เรื่องระเด่นลันได ของ พระมหามนตรี (ทรัพย์) ปรากฏต้นฉบับอยู่ที่หอพระสมุดวชิรญาณแต่เพียงเท่านี้ ไม่จบเรื่อง ส่วนที่ขาดไปประมาณ ๒ หน้าสมุดไทยมีเนื้อความว่า นางทวายเข้าไปในเรือนเกิดทะเลาะกับนางประแดะ นางทวายไล่ตี นางประแดะลอดล่องหนีไป แล้วระเด่นลันไดโลมนางทวายจนเข้าห้อง