หนังสือนี้สำแดงให้ผู้อ่านผู้ฟัง

หนังสือนี้สำแดงให้ผู้อ่านผู้ฟัง

ทั้งปวงแจ้งว่า, โรคธระพิศม์ในเมืองไทนี้ทำประการใด, จึ่ง

จะตัดเสียให้ขาดได้, อย่าให้บังเกิดต่อไปเลย

----------------------------

อนึ่งในเมืองไทนี้ถ้ามีเสือทวีมากขึ้นนัก, กำเริบก้ลาหารไม่กลัวผู้ใด, เข้ามาอยู่ทั่วทั้งแผ่นดิน, มาล้อมรอบอยู่ทุกบ้านทุกตำบล, กัดมนุษนั้นทุกคน คือบิดามารดาแลลูกหลานญาติพี่นอ้งนั้นดายมากหนักหนา, ปีละหลายๆพัน, จะมีคนปราถนาฆ่าเสือเหล่านั้นเสียมากศักเท่าใด. ถ้ามีผู้ใดผู้หนึ่งประกอบไปดว้ยวิทีอาจจับเสือร้ายทั้งหลายนั้น, ฆ่าเสียได้, ไม่ตอ้งเสียทรัพย์ศักหนิดหนึ่ง, ไม่เจบไม่ปวดไม่ตาย, ถ้าจับได้ดั่งนั้นจริง, คนทั้งปวงจะมาอ้อนวอนผู้นั้นให้ช่วยจับเสือประหารเสียนั้น, มากศักเท่าใด, เสือนั้นมีอุประมาฉันใด, มีอุประไมเหมือนฝีดาษที่ร้ายกาจกระทำให้คนตายเสียมากกว่ามากนั้น. คนที่เปนฝีดาษ, ให้เจบปวดตายหน้ากลัวนักในเมืองไทนี้, จะมีใครอาจนับได้ว่าปีละเท่าไร. ที่ไม่ตายดว้ยฝึดาษนั้นก็มี, แต่ให้เปนโรคต่างๆดว้ยพิศม์ฝึดาษนั้นบ้าง, ที่ให้แฃนเสียฃาลีบ, ตาบอด, เปนฝีในอกในทอ้งนั้น, ก็มากนักใครอาจนับได้. ฝีดาษนั้นบังเกิดขึ้นทุกบ้านทุกเรือนทั้งลาวทั้งมอนทั้งจีนทั้งยวนทั้งทวายมีพวกไทเปนต้น, รอดบ้างตายบ้าง. แท้จริงคนชาวเมืองนี้เปนอันตรายดว้ยโรคฝีดาษนั้นมากกว่า มากนัก, ไม่มีใครอาจพิจรณาได้.

จึ่งมีคำบุฉาว่า, ไม่มีวิทีสิ่งใดที่จะกันอันตรายดว้ยโรคธระพิศม์อย่างนี้บ้างแล้วหฤๅ. วิสัชนาว่าวิทีมีอยู่, ที่มีฤทธิ์เดชมากนัก, ที่ไม่ตอ้งเสียทรัพย์, แลไม่เจบไม่ปวดไม่เปนอันตราย. ทั้งชายทั้งหญิงแลเดกเลกทั้งปวง, ก็ฃอได้โดยง่าย, เอาแต่ครั้งเดียว. ของสิ่งนั้นใช้ได้จนตลอดอายุศม์. วิทีอันนี้พวกอังกฤษ, แลพวกอเมริกาเปนหลายโกดิคน, ก็ได้ทดลองวิทีอันนี้ดูนมนานกว่าสี่สิบหกปีมาแล้ว. ทำเนียมประเทษอังกฤษ, แลทั่วประเทษยูรบ, แลประเทษอเมริกาใช้แต่วิทีนี้. เหตุดั่งนี้โรคธระพิศม์ในประเทษเหล่านั้น, จึ่งไม่ใค่รจะมีเชื้อ, เหลืออยู่บ้างเลกนอ้ย. ดว้ยว่าคนที่ไม่เอาวิทีนี้ใช้, จึ่งเปนโรคธระพิศม์นั้นบ้าง.

ข้าพเจ้าพวกหมออเมริกาทั้งหลาย, ที่ได้มาอาไศรยอยู่ในกรุงศรีอะยุทยานี้, ได้ใช้วิทีอย่างนี้แต่ยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในกรุงไททุกคนๆ, เว้นอยู่สองคน.ครั้นเข้ามาอยู่ในกรุงไทถึงหน้าระดูคนออกฝีดาษ, พวกหมอทั้งปวงทั้งชายทั้งหญิง, ก็ไม่ได้เปนฝีดาษเลย. ถึงฝีดาษบังเกิดขึ้นที่คนในครอบครัวของพวกหมอก็ดี, เชื้อฝีนั้นก็มิได้ติดต่อไปได้. เหตุดว้ยได้ใช้วิทีที่ตัดฝีดาษเสียไม่มีเชื้อแล้ว. แต่หมอคนหนึ่งที่เข้ามาอยู่ในกรุงไทมิได้ใช้วิทีนั้น, จึ่งเปนฝีดาษในเมืองนี้ แทบจะถึงชีวิตรเปนอันตราย. แต่หมอคนหนึ่ง, เมื่อยังเปนเดกอยู่ที่เมืองนอกนั้น, บิดาได้เอาพันฝีดาษมาปลูกให้, คือตัวของข้าพเจ้าหมอนี้เอง. บิดาข้าพเจ้าปลูกครั้งนั้นเพราะมีคนเดินทางมาคนหนึ่ง, ออกฝีดาษมากลางทาง, จึ่งอยุดอาไศรยอยู่ที่ใก้ลบ้านบิดาของข้าพเจ้า. คนในบ้านนั้นต่างคนต่างคิดกลัวนักไปเที่ยวหาพันวิที, ที่จะกันได้อย่างนี้, ก็หาไม่ได้, จึ่งจำเปนจำเอาบุพโพที่ฝีดาษนั้นมาปลูก, ก็ขึ้นงามดีเปนปรกติ.

อนึ่งประมาณสี่ปีแล้ว ข้าพเจ้าเอาวิทีพันฝีที่เคยใช้มาแต่เมืองอเมริกา, พวกหมอเมืองนอกฝากมาถึงข้าพเจ้า, ๆก็จัดแจงทำปอ้งกันพวกลูกหมอก็หลายคน, ที่จวนเจ้าพญาพระคลังทั้งลูกทั้งบ่าวประมาณห้าสิบคนหกสิบคน, ที่วังกรมขุนอิศเรศรังสรรค์นั้นก็หลายคน, ที่บ้านฝรั่งเสศนั้นประมาณสี่สิบคนห้าสิบคน. แลคนเหล่านั้นที่ได้ไช้วิทีปอ้งกันเปนแท้แล้ว, จนบัดนี้ก็ไม่มีใครเปนฝีดาษเลย. แต่พันวิทีที่มาแต่เมืองนอกนั้นใช้ได้สามเดือนสี่เดือนเท่านั้นก็สิ้นมือลง. ข้าพเจ้าจึ่งฝากหนังสือไปถึงเมืองนอกหลายเมือง, ขอให้ฝากพันวิทีนั้นเข้ามา. เขาก็ฝากมาให้ข้าพเจ้าหลายครั้ง, แต่พันวิทีที่ได้มานั้นใช้หาได้ไม่, เพราะมาทางไกลเสียไป, จึ่งทำไม่ติดเลย. ครั้นณวันเดือนยี่ปีฃานจัตวาศก บุตรหญิงข้าพเจ้าคนหนึ่ง. เปนไข้ธระพิศม์ได้ประมาณสิบเก้าวัน, ก็ถึงอะนิจกรรม์, เพราะไม่มีวิทีอันนี้จะปอ้งกัน, บุตรหญิงข้าพเจ้าจึ่งเสียไป. เหตุดั่งนี้ข้าพเจ้าทราบว่า, คนเปนทุกข์ถึงบุตรที่ยังไม่ได้เปนไข้ธระพิศม์นั้นมากนัก. ข้าพเจ้าจึ่งฝากหนังสือไปถึงหมอเมืองนอกอีก, ให้ฃอพันวิทีนั้นเข้ามาให้จงได้. ครั้นได้พันวิทีกันฝีดาษมาแต่หลายเมือง. พันวิทีนั้นก็ใช้ไม่ได้, เสียไปหมด. ต่อภายหลังข้าพเจ้าได้พันวิทีกันฝีดาษมาแต่เมืองอเมริกา, เมื่อเดือนแปดปัถมาสาตร. ข้าพเจ้าก็เอาพันนั้นใช้ก็เปนดีนัก. ทุกวันนี้วิทีนั้นก็มีมากภอทุกคนในแผ่นดินไทที่จะมาฃอเอาไปใช้. ข้าพเจ้ามีความเมตาแก่ทารกทั้งปวง, ที่ยังไม่เปนไข้ธระพิศม์นั้น, กลัวจะเปนไข้ขึ้นดว้ยโรคธระพิศม์ร้ายกาจนัก. เหตุดั่งนี้ข้าพเจ้าจึ่งแต่งหนังสือนี้พรรณาดว้ยพันวิทีที่กันฝีดาษอันวิเสศนักนั้น, ให้คนทั้งปวงรู้ให้สิ้นความสงไสย, ให้หาวิทีนั้นโดยง่าย, ไม่ตอ้งเสียทรัพย์พัศดุเงินทองเลย.

บัดนี้ ข้าพเจ้าจะกล่าวโดยพิษดารตรงๆว่าวิทีที่จะกันฝีดาษนั้นเปนอย่างไร. อันวิทีนั้น, คือบุพโพอย่างหนึ่ง, แต่เดิมเกิดขึ้นที่นมแม่โค, จึ่งเอาบุพโพฝีที่นมแม่โคนั้น, มาปลูกที่คนที่ยังไม่เปนฝีดาษ. เมื่อจะปลูกนั้นเอามีดสกิดเข้าหนิดหนึ่ง เอาบุพโพใส่ที่ใต้ผิวหนังตามรอยมีดนั้น. เมื่อขณะจะปลูกนั้น, ก็เจบเท่ายุงกัดเท่านั้น, ได้สองวันสามวันก็แดงขึ้น. ครั้นถึงแปดวัน, ก็เปนเมดฝีมีน้ำบุพโพใสๆ ครั้นถึง ๑๑ วัน ๑๓ วัน, ก็ยุบลงแห้งใปเอง. ไม่ตอ้งกินหยูกยาแลปิดยาเลย. ปลูกคราวหนึ่งสิบเก้าคนยี่สิบคน, ก็จะมีตัวรอ้นบ้างเลกน้อยศักคนหนึ่ง. ถึงกระนั้น, ก็ไม่ตอ้งกินยา, ไม่ตอ้งอดฃองแสลง. วิทีนี้และเปนที่กันฝีดาษได้มั่นคงนัก. ถ้าจะปลูกต่อไป, ก็ให้เอาบุบโพที่ปลูกขึ้นแล้วแต่ใสๆอยู่, เอามาปลูกลงที่คนอื่น, ก็เปนต่อไป, ใซ้ได้อีกหลายพันชั่ว, ไม่กลับกลายเปนฝีดาษ, แลฝีร้ายสิ่งใดเลย. เรียกว่าพันฝีโคอยู่อย่างนั้น.

----------------------------

ทีนี้จะกล่าวดว้ยวิทีบุพโพฝีโคอย่างนี้คือใครรู้ก่อนจึ่งได้เอามาใช้เล่า

ว่าประมาณได้ห้าสิบปีแล้ว, มีหมออังกฤษผู้ใหญ่คนหนึ่ง, ชื่อเชนเนอ, พิจารณาดูฝูงคนที่รูดนมโคทุกวันๆนั้น, เหนไม่ออกฝีดาษเลยศักคนเดียว. จึ่งสืบดูตามคนเหล่านั้น, ก็ทราบว่า, คนพวกนั้นเปนฝีขึ้นแต่ที่มือ, ดว้ยพิศม์ติดฝีที่นมโคนั้นจึ่งเปน. หมอเชนเนอนั้นจึ่งตฤกตรองดว้ยปัญา, ว่าฝีที่นมโคนั้นจะกันฝีดาษได้ดอกกระมัง. หมออังกฤษผู้นั้นจึ่งไปเอาบุพโพโคนั้น, มาปลูกเข้าที่คนเปนหลายคน ก็เปนเมดตั้งขึ้นเปนหนองตกเสกดหายดีแล้ว, ก็เอาบุพโพฝีดาษมาปลูกเข้าที่คนเปนฝีโคนั้นแล้ว, ฝีดาษนั้นก็ไม่ขึ้น, จึ่งได้รู้ว่า, วิทีนี้กันฝีดาษได้มั่นคง. แลหมอเชนเนอก็พิเคราะห์สังเกตดูว่า, ฝีที่นมโคนั้นจะติดมาแต่โรคฝีที่บังเกิดแต่ท้าวม้านั้นก่อน, ดว้ยเดิมม้านั้นเปนฝีที่ท้าวเหนือกีบรอบท้าวเปนหนองเหนียว. ม้ากับโคนอนปนอยู่ดว้ยกัน, เหนว่าหนองที่ท้าวม้าติดเข้าที่แม่โคจึ่งเกิดฝีขึ้น. อีกประการหนึ่งคิดว่าฝีที่นมโคนั้นติดฝีดาษคน. เมื่อเกิดขึ้นที่โคแล้ว, ก็มิได้ดาษทั่วไป, กลับเปนเพทฝีดีไม่มีพิศม์อีก. เมื่อเอาบุพโพที่โคมาปลูกเข้าที่คน, ก็มิได้ดาษขึ้นทั่วไป, ขึ้นแต่หวัวหนึ่งสองหวัวภอกันฝึดาษได้. หมอเชนเนอพิจารณาเหนเหตุสองประการนี้, คือฝีเกิดแต่ม้าอย่างหนึ่ง, เกิดมาแต่ฝีคนอย่างหนึ่งเช่นว่ามานี้, ไม่เหนเปนแน่ว่าเกิดมาดว้ยเหตุประการใด. แต่ใน ๗ ปี ๘ ปีนี้ หมออังกฤษหมออเมริกาพึ่งรู้เปนแน่ว่าฝีที่นมโคนั้น, เอาไปปลูกคนกันฝีดาษนั้น ก็เพราะโคติดฝีดาษ, จึ่งเปนฝีเช่นนั้น. หมอรู้ดั่งนี้เพราะเอาบุพโพฝีดาษที่คน, ไปปลูกที่โค,ก็เปนฝีหวัวเดียวเช่นหมอเชนเนอเหนที่นมโคแต่แรกนั้นเปนเหมือนกัน. แลหมออังกฤษหมออเมริกา, เอาฝีซึ่งปลูกที่โคนั้นไปปลูกที่คน, ก็เปนฝีหวัวหนึ่งสองหวัวกันฝีดาษได้มั่นคงเหมือนหมอเชนเนอได้ใช้ในที่เดิมนั้น. แต่ที่เอาบุพโพฝีดาษที่คน, ไปปลูกที่โคนั้น, ติดยากยิ่งนัก, ปลูกยี่สิบตัวสามสิบตัวจะเปนศักตัวหนึ่ง.

ที่นี้จะว่าดว้ยปลูกฝีเปนปะถมในเมืองไท.

เดิมข้าพเจ้าเข้ามาอยู่ณะกรุงเทพมหานครนี้, ข้าพเจ้ากับหมอเมืองนอกทั้งปวง, ก็ยังมิได้ทราบว่า, บุพโพโคนั้นปลูกขึ้นดว้ยบุพโพฝีดาษได้. จึ่งตอ้งแสวงหาพันบุพโพฝีโคที่บังเกิดขึ้นเองนั้นช้านานประมาณสี่สิบหกปีแล้ว, ตั้งแต่เดิมหมอเชนเนอพึ่งเหนว่าฝีโคนั้นกันฝีดาษได้. แลเมื่อแรกข้าพเจ้าเข้ามาอาไศรยอยู่ในเมืองนี้, ก็ได้เอาพันบุพโพฝีโคนั้นเข้ามาแต่นอก, แลปลูกที่คนในประเทษนี้ก็หาได้เปนไม่. แล้วข้าพเจ้าจึ่งฝากหนังสือไปถึงเมืองนอก, จึ่งได้บุพโพฝีโคมาแต่ณะเมืองอเมริกาบ้าง, เมืองอังกฤษบ้าง, แล้วข้าพเจ้าได้เอาไปปลูกที่คนเปนหลายครั้งหลายหนก็หาขึ้นไม่. ครั้นอยู่มาณะปีจอสำเรฏธิศก, ก็บังเกิดความไข้ธระพิศม์ฝีดาษชุกชุมนักริมบ้านข้าพเจ้าพวกหมออเมริกา, ๆ จึ่งคิดกลัวว่าโรคธระพิศม์จะติดเปนอันตรายแก่บุตรข้าพเจ้า, ๆ จึ่งแสวงหาบุพโพฝีโคจะเอามาทำพันปลูก, ก็หาไม่ได้. จึ่งปฤกษาพร้อมใจกันเหนว่า, ถ้าไข้ธระพิศม์ฝีดาษนี้ออกเองตามธำมดาแล้ว, ก็มักร้ายกาจมีพิศม์เปนอันตรายนั้นโดยมาก. ถ้าแลเอาบุพโพฝีดาษมาปลูก, ก็เหนจะไม่สู้มีพิศม์เปนอันตราย. อาไสเหตุดว้ยว่า, เมื่อขณะจะปลูกฝีแล้วนั้น, ก็มีกำนฏได้ว่าแปดวันเก้าวันฝีดาษจะขึ้น, จึ่งรวังให้อดฃองแสลงทั้งปวง. ครั้นท่วนคำรพแปดวันเก้าวันแล้ว, จะได้รับประทานยาทุ่เลาถ่ายพิศม์ฝี, ๆ นั้นถึงขึ้นก็จะงาม, พิศม์จะนอ้ย. ข้าพเจ้าหมอปรัดเลกับหมออเมริกาทั้งปวงพิจารณาเหนเหตุดั่งนี้, จึ่งเอาบุพโพฝีดาษมาปลูกให้แก่บุตรแลทาษแลลูกจ้างหลายคน, ก็ขึ้นเปนฝีงามมิได้มีพิศม์เปนอันตรายเลย. กริษติศรับท์อันนี้จึ่งทราบถึงสมเดจ์พระบาทบรมนาถบรมบพิทพระพุทธิเจ้าอยู่หวัว, จึ่งมีพระราชโองการ, มาณพระบันทูลสุระสีหนาท, ดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า, ให้หมอหลวงทั้งหลายมาฝึกสอนเรียนเอาตำราปลูกฝีดาษ, ที่หมอมาแต่เมืองอเมริกา, แล้วให้ปลูกสมณชีพราหมณ์แลบุดรข้าราชการ ผู้ใหญ่ผู้นอ้ย, แลราษฎรทั้งปวง, ฝีที่เฃาปลูกนั้นขึ้นงามดีเปนปรกติไม่สู้มีพิศม์เปนอันตราย. ครั้นถึงระดูรอ้นฝีดาษนั้นก็ออกร้ายมีพิศม์บ้าง. แลซึ่งเอาพันฝีดาษนั้นมาปลูกก็มิใช่พันบุพโพฝีโคแล้ว, จึ่งมีพิศม์เปนอันตราย. ถ้าแลว่าเอาพันมาแต่บุพโพฝีโคแท้แล้ว, ก็ไม่มีพิศม์, ไม่เปนอันตรายเลย. เมื่อปลูกฝีดาษครั้งนั้น, พวกหมอทั้งปวงจำเปนจำปลูกฝีดาษดว้ยว่าบุพโพฝีโคนั้นหาไม่ได้เลย. แต่อย่าให้ผู้ใดเข้าใจว่าฝีที่หมอทั้งปวงปลูกครั้งก่อนนั้น, จะเปนเหมือนฝีพันโคที่ข้าพเจ้าสรรเสิรญในหนังสือนี้เลย. ฝีดาษกับฝีโค,นั้นต่างกันนัก. ฝีโคไม่มีพิศม์เลย, ฝีดาษมักมีพิศม์มาก.

จับเดิมแต่นั้นมาข้าพเจ้าจึ่งฝากหนังสือไปถึงเมืองนอก, ฃอพันฝีโคแท้เข้ามาให้จงได้. หมอเมืองนอกได้ทราบ, ก็ได้ฝากพันฝีบุพโพโคมาแต่เมืองกวางตุ้งบ้าง, เมืองมะกาวบ้าง, เมืองสิงกะโประบ้าง, เมืองปินังบ้าง, เมืองอเมริกาบ้าง. ข้าพเจ้าก็รับเอาพันบุพโพโคนั้นไปปลูกหลายครั้งหลายคน, ที่ไม่เปนนั้นมีโดยมาก, ที่ติดเปนฝีบ้างก็มี, แต่ฝีนั้นไม่แท้. ครั้นมาถึงเดือนยี่ปีกุนเอกศกแลหมอที่เมืองบอศตัน, ประเทษแว่นแคว้นเมืองอเมริกาคนหนึ่ง, ชื่อฃมิศ, ทราบว่าข้าพเจ้านี้ประสงค์ดว้ยบุพโพฝีโคนัก, จึ่งเอาใจใส่แสวงหาบุพโพฝีโคฝากมากับพวกหมออเมริกา, ที่เข้ามาสู่โพทธิสมภารพระพุทธิเจ้าอยู่หวัว, แต่ณเดือนยี่ปีกุนเอกศกนั้น. ข้าพเจ้าได้แจ้งเหตุแก่เจ้าพญาพระคลัง. ๆ จึ่งให้ข้าพเจ้าเอาบุพโพโคนั้นปลูกให้แก่บุตรสี่ห้าคน, แลให้ปลูกแก่พวกแฃกฉเลยประมาณหกสิบเสศ. แลข้าพเจ้าได้ปลูกให้แก่บุตรข้าพเจ้า, แลบุตรหมอโรบินซัน, แลบุตรพวกไทที่ใก้ลๆนั้นบ้าง. คนที่ได้ปลูกดว้ยบุพโพโคที่มาแต่เมืองอเมริกานั้นประมาณเจดสิบห้าคน. เปนขึ้นได้แต่ห้าคนเท่านั้น, เพราะบุพโพนั้นมานานจวนจะเสียแล้ว. ที่ปลูกขึ้นนั้น, คือพวกแฃกฉเลยสี่คน, บุตรหมอโรบินซันคนหนึ่ง. แต่พวกแฃกฉเลยสี่คนนั้น, เปนโรคหิตแลมเรงคชราช, โรคหลายอย่าง ข้าพเจ้ารังเกียดกลัวว่า, บุพโพนั้นจะเอาเปนพันต่อไปจะไม่ดี. ข้าพเจ้าจึ่งได้เอาบุพโพนั้นไปปลูกลองดูในพวกแฃกฉเลยประมาณยี่สิบคน, ก็เปนขึ้นทุกคน, แต่ศีศะฝีนั้นดูเหมือนจะไม่กันฝีดาษได้, เพราะเจ้าของฝีนั้น, มีโรคอื่นแทรกอยู่, ทำให้ฝีบุพโพโคนั้นเบือนบิดวิปะริดไป. แต่บุตรหมอโรบินซันนั้นไม่มีโรคสิ่งใด, ครั้นปลูกขึ้นข้าพเจ้าจึ่งเอาพันบุพโพจากเดกนั้น, มาปลูกให้แก่บุตรข้าพเจ้าแลเพื่อนพวกพองฃองหมอเปนผู้หญิงคนหนึ่ง, แลเดกไทคนหนึ่ง, ก็เปนฝีดีทั้งสามคน. จึ่งได้เอาพันบุพโพนั้นปลูกให้แก่พวกเดกในเจ้าพญาพระคลังสั่งให้ปลูกอีกสี่ห้าคน. ที่จ้าวฟ้ามงกุฏให้มาปลูกห้าคน แลจ้าวฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์, ให้ข้าพเจ้าปลูกพระหน่อองค์หนึ่ง. คนแต่บันดาที่ได้ปลูกคราวที่ว่านี้ขึ้นเปนหลายคน, ที่ไม่ขึ้นประมาณสี่ห้าคน, ที่ขึ้นนั้นเปนฝีงามนัก. ข้าพเจ้าจึ่งได้เอาพันบุพโพนั้นปลูกต่อไป. ณเดือนสามปีกุนนั้น, เจ้าพระญาพระคลังได้ให้ข้าพเจ้าปลูกแก่เดกอีกสามคน, เปนฝีขึ้นงามดีทั้งสามคน. ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าได้เอาพันบุพโพนั้นปลูกเลี้ยงไว้, แปดวันปลูกครั้งหนึ่ง, ปลูกมาได้สิบห้าครั้ง.

ณเดือนสี่ปีกุนหมอหลวงคนหนึ่งได้มาเรียนปลูก, แลได้ภาเดกคนหนึ่งปลูก, แล้วหมอนั้นภาข้าพเจ้าไปที่วังพระองค์จ้าวนวม, รับสั่งให้ปลูกพระหน่ออีกสององค์, กับบ่าวห้าหกคน. ที่ปลูกนั้นขึ้นดีฝีงามห้าคนหกคน, ที่ไม่ขึ้นสองคนสามคน. ปลูกที่บ้านหลวงสุรสาครประมาณสิบสี่สิบห้าคน. อนึ่งหมอสุกเปนบ่าวเจ้าพระญาพระคลัง, ก็ได้เรียนได้ปลูกประมาณได้ห้าสิบหกสิบคน. หมอสุกบอกกับหมอหลวงคนหนึ่งว่า, คนที่ได้ปลูกแล้ว, ถึงจะอยู่ปนกันกับคนที่เปนฝีดาษ, คนนั้นก็หาเปนฝีดาษไม่. ครั้งหลังเมื่อถึงเดือนห้าข้างแรมข้าพเจ้าไปปลูกที่บ้านหลวงนายศักสี่ห้าคน. ฝีนั้นไม่ขึ้นเพราะพันบุพโพนั้นเสียไป. จะเสียดว้ยเหตุเข้าระดูรอ้นฟ้าแลบนักหฤๅ, ๆ เหตุอื่นประการใดก็ไม่ทราบ ตั้งแต่นั้นมา พันบุพโพนั้นก็ขาดไป. ข้าพเจ้าคิดเสียดายนัก, จึ่งได้ฝากหนังสือไปให้หมอเมืองอเมริกา, ให้ช่วยอะนุเคราะห์ฝากบุพโพโคนั้นเข้ามา. ให้ถึงข้าพเจ้าแต่ต้นระดูแล้งจงทุกปีๆ, ข้าพเจ้าจะได้อุษ่าปลูกฝีกันฝีดาษแก่อนาประชาราษฎรทุกปีๆ, จะได้เปนคุณเปนประโยชณ์แก่คนทั้งหลายในมหาครนี้โดยมาก. หนังสือที่ข้าพเจ้าฝากไปฃอบุพโพโคเปนใจความว่าดังว่ามานี้

แต่บันดาพวกเพื่อนฃองข้าพเจ้าที่อยู่เมืองอเมริกา, เมืองบ่าเบเมืองกวางตุ้งเมืองมะกาว, ได้ทราบเหตุดั่งนั้น, ก็ฝากบุพโพโคเข้ามา ข้าพเจ้าก็ปลูกลองดู, ก็ไม่เปน. คราวนั้นก็มีหมอที่เมืองอเมริกานั้น, เฃียนหนังสือฝากมาถึงข้าพเจ้า, เปนใจความว่า, ถ้าแลหมอปรัดเลจะตอ้งการบุพโฟโค, ก็ไม่ตอ้งมาเอาถึงเมืองนอกดอก, ให้จัดแจงเอาในเมืองไทก็จะได้, ดว้ยพวกหมอหลายคนในเมืองอังกฤษเมืองอเมริกาพิศเคราะห์ดู, พึงรู้ว่าเอาพันฝีดาษไปปลูกที่โค, ก็ได้พันฝีโคดีเหมือนกันกับบุพโพโคที่เกิดเองนั้น, เปนฝีกันฝีดาษดีนักไม่เปนอันตรายเลย. ฝ่ายข้าพเจ้าได้ยินข่าวเปนใจความว่าดั่งนั้น, จึ่งเฃียนเรื่องราวพันฝีนั้นให้พณะหวัวเจ้าท่านพระญาพระคลังกราบทูลพระกรรุณาให้ทรงทราบ, จึ่งมีรับสั่งโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม, ให้ขุนโคช่วยปลูกโคหลายตัวแต่ณเดือนยี่ปีชวด. ก็หาขึ้นไม่, ครั้นถึงปีขานเดือนอ้ายก็เกิดฝีดาษมากชุมร้ายกาจนัก. ข้าพเจ้าจึ่งเอาพันฝีดาษไปปลูกที่โคอีกหลายตัวหลายครั้ง, ดว้ยปราถนาจะได้บุพโพโคมาเปนพันกันฝีดาษ, ก็ปลูกไม่ขึ้นเลยศักตัวเดียว. เมื่อหาพันบุพโพโคไม่ได้แล้ว, ก็จำเปนจำเอาพันฝีดาษ, ไปปลูกที่บุตรหมอพวกข้าพเจ้า. ขณะเมื่อข้าพเจ้ายังปลูกบุตรพวกหมออยู่นั้น, บุตรหญิงฃองข้าพเจ้าคนหนึ่ง, ที่ข้าพเจ้ายังไม่ทันปลูก, ก็ออกฝีดาษตามธรรมดา, ก็ถึงอนิจกรรมตาย. เมื่อบุตรของข้าพเจ้าเสียไปแล้ว, ข้าพเจ้ามีจิตรคิดถึงบุพโพโคทวีขึ้นกว่าแต่ก่อนศักรอ้ยเท่า, ดว้ยเหดุหามีบุพโพโคจะปลูกกันฝีดาษไม่, บุตรข้าพเจ้าจึ่งตาย. ข้าพเจ้าก็มีใจกรรุณาสงสารแก่ทารกอื่นๆทั้งปวงในเมืองนี้, ที่ยังไม่ได้ออกฝีดาษนั้น, ปราถนาจะกันเสียดว้ยพันบุพโพโค. จึ่งมีหนังสือหลายฉบัพฝากไปถึงเมืองนอก, เร่งให้เอาบุพโพฝีโคฝากเข้ามาให้ข้าพเจ้าให้จงได้. ในหนังสือนั้นเปนใจความว่า, พันบุพโพที่ฝากเข้ามาให้ข้าพเจ้าครั้งก่อนนั้น, เสียไปสิ้น, เพราะถูกลมแลอายน้ำนั้น. ทีนี้จงเอาเสกดพันฝีโคนั้นใส่ลงในขวดแก้วเลกๆ, แล้วเอาครั่งอุดปากฃวดให้มั่นคง, อย่าให้อายน้ำแลลมนั้นเข้าได้. แล้วเอาไม้สนทำรูภอจุฃวดนั้น, แล้วจึ่งเอาฃวดที่ใส่พันบุพโพนั้น, ใส่เข้าในไม้สนอีกชั้นหนึ่ง, จึ่งเอาครั่งยาทับปากรูที่เอาฃวดใส่ลงนั้นไว้ให้แน่นดี. หมออเมริกาก็จัดแจงทำตามข้าพเจ้าสั่ง, แล้วก็ฝากมา. ตั้งแต่ฝากบุพโพมาตามทางนั้นถึงเก้าเดือนจึ่งมาถึงข้าพเจ้า. บุพโพพันใหม่นี้เขาฝากมากับเรือที่หันแตรเข้ามาเมื่อเดือนแปดปัถมาสาตร์ปีมโรงนั้น. ข้าพเจ้าจึ่งเอาเสกดออกจากฃวดสามเสกด, ยังเหลืออยู่มากปิดไว้ดั่งเก่าแล้ว ข้าพเจ้าจึงเอาน้ำนมโคละลายเสกตนั้นออกภอเปียก ๆ เหนียว ๆ แล้ว ข้าพเจ้าก็เอาปลูกเข้าที่เดกประมาณเจดคนแปดคน, แล้วข้าพเจ้าคอยดูอยู่ถึงแปดวัน, เหนไม่เปน, แห้งไปหมดแล้ว , ข้าพเจ้าจึ่งเอาน้ำฝนมาเคล้าเสกดที่ยังอยู่นั้นปลูกซ้ำเข้าอีกครั้งหนึ่ง. ก็เปนขึ้นแต่บุตรจีนนั้นคนเดียว. ปลูกได้แปดวันฝีนั้นจำเริญขึ้นภอมีบุพโพใสๆ, ข้าพเจ้าจึ่งบ่งเอาบุพโพนั้นไปปลูกที่บุตรข้าพเจ้าคนหนึ่ง, ปลูกที่บุดรหมอพวกข้าพเจ้าคนหนึ่ง, กับทั้งบุตรจีนบุตรไทอีกหลายคน. ข้าพเจ้าคอยดูอีกแปดวัน, ก็เหนขึ้นทุกคน. จึ่งไปบ่งเอาบุพโพนั้นปลูกต่อ ๆ ไปเปนหลายรอ้ยคนจนถึงทุกวันนี้. ถ้าผู้ใดปราถนาจะปลูกบ้าง, ก็ให้ปลูกตามพันบุพโพฝีในคราวนี้เถิด. ถ้าปลูกขึ้นแล้วเอาบุพโพ ออกจากคนที่ปลูกฝีขึ้นนั้นไปปลูกคนอื่นต่อๆไปก็ได้เหมือนกัน

นี่ว่าดว้ยอาการฝีโคเมื่อแรกปลูกนั้นให้เลอียด

ตั้งแต่เอาบุพโพใส่ใต้ผิวหนัง, ก็เฉยๆอยู่สองวัน, ถึงวันที่สามเข้า, ก็แลเหนแดงขึ้นที่รอยมีด, เปนเมดพองขึ้นโดยรอบเมดนั้น. ที่พองขึ้นมานั้นเลกนัก, แลดูไม่ใค่รจะเหน, ตอ้งดูดว้ยแว่นจึ่งจะเหนชัด, ภอถึงวันที่ห้าเข้า, เมดที่พองนั้นภอแลเหนสนัด. ยอดฝีที่ปลูกนั้นชักเปนไส้เข้าน่อยหนึ่ง. โดยรอบถานฝีนั้นก็แดงสูงขึ้นกว่าเนื้อที่ปรกตินอ่ยหนึ่ง. ไส้ฝีนั้นก็ชักเปนศรีคล้ำๆเข้า, กว่าศรีบุพโพที่ตั้งอยู่รอบนั้น. ในวันที่หก, ที่เจด, ที่แปดนั้น, นับตั้งแต่วันปลูก, ฝีนั้นตั้งถานกว้างออกไปน่อยหนึ่ง, แต่ยอดฝีนั้นยังราบอยู่ดว้ยบุพโพยังไม่บริบูรรณ์. ครั้นถึงสิบวันสิบเอดวัน, ฝีนั้นก็จำเริญมียอดสูงขึ้น, เพราะบุพโพนั้นกริบูรรณ์, ถานฝีนั้นก็แดงกว้างออกไปน่อยหนึ่ง. เนื้อที่แดงโดยรอบนั้น, ก็แฃงขึ้นเพราะฝีนั้นแก่ขึ้น. ในวันที่สิบ, ที่สิบเอดนั้น, ลางคนก็ตัวรอ้นบ้างเลกนอ้ย, ลางคนตัวก็ไม่รอ้นเลย. ลางคนให้เจบที่รักแร้บ้าง, ลางทีก็ไม่เจบ. ลางทีเปนเมดขึ้นแต่ที่ปลูก, ไม่เปนที่อื่น, ลางทีที่ปลูกก็ขึ้นที่พ้นจากแผลตรงปลูกนั้น, ก็ขึ้นหกเมดแปดเมด, อย่างนี้ก็มีอยู่บ้าง, แต่นอ้ยตัวดอกที่จะเปนเช่นว่ามานี้.

ในวันที่สิบเอด, ที่สิบสองนั้น, ก็ชักไส้แห้งลง,ก็กลับเปนเสกดเข้า. ครั้นถึงวันที่สิบสี่ฝีนั้นก็ยุบลงเปนเสกดทั่วทั้งศีศะ. เสกดนั้นก็แห้งคล้ำ, มีศรีผิดกับเสกดฝีอื่นทั้งปวง. ลางทีเสกดนั้นตกในสิบห้าวันบ้าง, สิบหกวันบ้าง, สิบเจดวันบ้าง. ลางทีติดอยู่จนยี่สิบวันจึ่งตก. ฝีในเมืองนี้ตกเสกดเรวกว่าเมืองนอก, เพราะรอ้นมากกว่าที่เมืองนอก, กับคนในเมืองไทไม่ได้ใส่เสื้อ, เสกดจึ่งตกเรว. เมื่อเสกดตกหายดีแล้ว, ก็มีรอยไม่เสมอกัน,สูงบ้างต่ำบ้าง. ที่ตรงรอยแผลนั้นเนื้อก็ด้านๆไปน่อยหนึ่งไม่อ่อนเหมือนเนื้อที่ดีนั้น. ให้แพทย์พึงพิจารณาตั้งแต่ถานขึ้นมาจนเมดจนชักไส้, จนถึงเปนเสกด, จนตกเสกดแล้ว, เหนรอยฝีดั่งกล่าวมาอย่างนี้จึ่งจะกันฝีดาษได้. อาการฝีที่จำเริญฃึ้นอย่างว่ามานี้มีโดยมาก. ลางทีอาการก็ผิดกันบ้างเลกนอ้ย, อนึ่งที่ปลูกฝีนั้นจำเริญขึ้นเรวในหกวันเจดวัน, นับตั้งแต่วันที่ปลูกฝีนั้น, บุพโพบริบูรรณ์, ที่แดงรอบถานนั้นก็แฃงขึ้น อย่างนี้ก็มี. อนึ่งเมื่อปลูกก็เฉยๆอยู่จนห้าวันหกวัน, จึ่งแดงเปนเมดขึ้นก็มี. บางทีเปนเมดขึ้นพ้นแผลที่ปลูกนั้น สองเมดสามเมดบ้างก็มี. แต่อาการที่เปนขึ้นนอกจากที่ปลูกนั้น, ในรอ้ยคนจะมีบ้างคนหนึ่งสองคน. ถ้าจะเอาเปนแท้ว่าเปนฝีโคแล้ว,ต่อปลูกลงได้ถึงสองวันสามวัน, จึ่งเปนเมดขึ้น อาการอย่างที่ว่ามานี้จึ่งเอาเปนฝีโคแท้. ถ้าผู้ใดปลูกลงได้วันหนึ่ง, ก็เปนขึ้นมาแล้วอย่าเภ่อไว้ใจก่อน, เอาเปนแน่ไม่ได้. ให้แพทย์พิจารณาให้เลอียดก่อนจึ่งจะรู้ชัด.

บุพโพเสียดว้ยเหตุประการใด.

อนึ่ง เปนฝีโคแท้ก็จริงแต่กลับเสียไปได้, ดว้ยเหตุต่างๆหลายประการ, ประการหนึ่งคือเอาบุพโพมาเกบไว้ไม่ให้ถูกลมถูกแดด, พันฝีนั้นก็เสียไปประการหนึ่ง, คือเจ้าฃองฝีเกาเข้าที่ปลูกลงไว้นั้น, ให้แผลถลอกไป, แลเอายาอื่นใส่ลง,แลทาฃมิ้น, แผลที่ปลูกนั้นก็เสียไปประการหนึ่ง, ถ้าเอาพันฝีนั้นเมื่อมีบุพโพแก่นัก, ก็เสียไปประการหนึ่ง, บางทีเดกเปนแผลอยู่ที่ตัวกอ่นมากบ้างนอ้ยบ้าง, แผลอื่นนั้นจึ่งชักนำฝีที่ปลูกนั้นให้เสียไป. ถ้าเปนคชราชแลเปนหิตเปนขี้กลากอยู่ก่อนแล้วมักชักให้ฝีนั้นเสียไป. ถึงเปนขึ้นลางทีก็กันฝีดาษได้, ลางทีก็กันไม่ได้. ตอ้งให้ปลูกเสียใหม่ ถึงเปนขึ้นงามดีที่เดกมีโรคอยู่ก่อนแล้ว. จะเอาบุพโพนั้นทำพันไปปลูกที่เดกอื่นก็ไม่ได้. เพราะพันนั้นไม่บริสุทธิ์. ประมาณได้หกปีเจดปีมาแล้ว, ข้าพเจ้าเอาบุพโพโคที่มาแต่เมืองกวางตุ้ง, บุพโพนั้นหมอที่เมืองนอกเอาด้ายชุบน้ำบุพโพลง, แล้วก็ใส่ฃวดฝากมาถึงข้าพเจ้า, ข้าพเจ้าจึ่งตัดเอาด้ายที่ชุบบุพโพนอ่ยหนึ่ง, ไปปลูกคนที่วังกรมขุนอิศเรศรังสรรส์, ก็เปนฝีขึ้น. ข้าพเจ้าก็เอาก็เอาบุพโพนั้นทำพันต่อไปปลูกให้พวกแฃก, ก็เปนฝีทุกคน, แต่ข้าพเจ้าไว้ใจมิได้, ดว้ยบุพโพเดิมนั้นติดมากับด้าย, เมื่อข้าพเจ้าปลูกนั้นตอ้งเอาด้ายใส่เข้าใต้ผิวหนัง, จึ่งเปนขึ้นเรวนักผิดวิไสย. ข้าพเจ้ายังไม่ไว้ใจ, จึ่งเอาบุพโพฝีดาษมาปลูกซ้ำอีกที่คนปลูกดว้ยบุพโพโคนั้น, ก็เปนฝีดาษขึ้นทุกคน. ข้าพเจ้าจึ่งรู้ว่า, กันฝีดาษหาได้ไม่, จึ่งสั่งคนทั้งปวงว่า อย่าไว้ใจเลย, กันฝีดาษหาได้ไม่แล้ว. ถึงกระนั้นพวกแขกทั้งปวง, ก็ไว้ใจว่ากันได้. ครั้นถึงระดูฝีดาษเข้า, เดกลูกแฃกนั้นก็ออกฝีดาษ. คนทั้งปวงก็ภากันประมาทหมอว่า, ฝีโคนี้กันฝีดาษไม่ได้, แล้วกลับดูถูกการที่ปลูกฝีทั้งปวง, เพราะข้าพเจ้าบอกแล้วหาเชื่อไม่. ทุกวันนี้คนทั้งปวงไม่เชื่อในการวิทีปลูกฝีโคโดยมาก, เพราะเหตุที่ปลูกครั้งก่อนนั้นพันฝีหาดีไม่. คนทั้งปวงจึงเล่าฦๅกันต่อ ๆ มาว่าปลูกแล้วกันฝีดาษไม่ได้, แล้วกลับเอาความเท๊จมาโทษหมอว่า, เพราะหมอปลูกกันฝีดาษนั้น, จึ่งเปนมากขึ้นออกหนาเตมที, ที่ข้าพเจ้าจะทำคุณนั้นคนทั้งปวงหาเหนไม่, กลับเปนไปดั่งนี้, ก็เพราะพันฝีนั้น เปนขึ้นเพราะบุพโพในด้าย, ๆ นั้นภาให้เปนขึ้นจึ่งเสียไป. ข่าวอันนั้นจึ่งเปนโทษมาจนถึงทุกวันนี้. ให้แพทย์ทั้งปวงพิจารณาดูให้เที่ยงแท้, จึ่งจะกันได้โดยแท้อย่ากลัวเลย. อนึ่งข้าพเจ้าเอาบุพโพโคมาปลูกอีกหลายรอ้ยคน, ก็หาเปนไม่. ข้าพเจ้าจึ่งบอกกับเขาว่า, อย่าไว้ใจเลย, ฝีนี้หาขึ้นไม่. เขาก็ไม่เชื่อ, ดว้ยเขาเหนแผลมีดนั้นแดงขึ้นเปนเมดบ้างเลกนอ้ย. เขาก็ว่าเปนขึ้นแล้ว, เขาก็ไว้ใจ. ครั้นระดูฝีดาษออก, ก็เปนฝีดาษขึ้น. เขาก็กลับมาโทษหมอว่า, ปลูกแล้วกันมิได้.

แลคนที่ข้าพเจ้าปลูกในครั้งก่อนเปนหลายครั้งนั้นก็หาขึ้นไม่, มาภายหลังออกฝีดาษก็ถึงแก่กรรม์ตายบ้าง, เช่นคนที่ไม่ได้ปลูกนั้นเหมือนกัน, พวกพอ้งฃองคนเหล่านั้น, ก็กลับมาโทษเอาข้าพเจ้าว่ามีเปนอันตรายนี้ก็เพราะพิศม์ที่หมอปลูกแต่ก่อนนั้น. ถึงในห้าสิบคนที่ข้าพเจ้าปลูกไม่เปนนั้น, ออกฝีดาษตายลงศักคนหนึ่ง, เขาก็เล่าฦๅโทษเอาว่า, ข้าพเจ้าปลูกให้เขา, จึ่งเปนฝีดาษตาย. คนทั้งปวงที่ได้ยิน, จึ่งไม่ใค่รจะไว้ใจให้ปลูกต่อไป. ฃอให้ท่านทั้งปวงพิจารณาดูเถิดว่า, ข้าพเจ้ามากระทำการดั่งนี้จะให้มีคุณหฤๅ, ๆจะให้มีโทษแก่คนทั้งปวง, ในเมืองนี้. ก็ที่หมอรักษาโรคอันใดๆที่บังเกิดโรคแก่ทารก, แต่ยังไม่ได้ออกฝีดาษนั้น. ครั้นภายหลังทารกนั้นเปนอันตรายดว้ยฝีดาษ, ทำไมคนทั้งปวงไม่โทษเอาหมอที่ให้กินยารักษาโรคแต่กอ่นนั้นว่า, พิศม์ยาฃองหมอนั้น, ยังติดอยู่บ้างเล่า, มาโทษเอาแต่ข้าพเจ้านี้ผู้เดียว.

ให้แพทย์ทั้งปวงที่เอาพันบุพโพโคที่คนนั้นบ้าง, คนนี้บ้าง, จงพิจารณาให้แน่นอนแม่นยำ. ถ้าผู้ใดไม่ถี่ถว้นถูกตอ้งแล้ว, พันก็จะเสียไป, กันฝีดาษไม่ได้, เพราะแพทย์ทั้งปวงไม่พิจารณาให้เลอียด, ดูแต่หยาบๆ.

ดัพนี้จะกล่าวซ้ำอาการฝีที่กันฝีดาษได้, แลฝีที่กันไม่ได้, ให้เหนพร้อมกัน, จึ่งจะพิจารณาได้ง่าย.

ถ้าพันฝีโคแท้แล้ว, ตั้งแต่ปลูกเข้าก็เฉยๆอยู่, จนถึงวันที่สามจึ่งเหนเปนเมดขึ้นมา. ถ้าเปนฝีเท๊จแล้วแต่ภอปลูกได้วันหนึ่งสองวัน, ก็เปนหนองขึ้นยอด. ถ้าเปนฝีโคขึ้นแท้แล้ว, ตั้งแต่เปนถานแดงขึ้นที่ปลูกแต่วันที่สาม, ก็จำเริญขึ้นถึงวันที่เจดที่แปด, จนถึงสิบเอดวันทั้งวันปลูก, แล้วค่อยยุบลงทุกวันๆ. ถ้าเปนฝีเท๊จแล้วก็จำเริญขึ้นเรวในสี่วันห้าวันก็ยุบลง. อันฝีโคแท้นั้นถ้าจำเริญขึ้นได้ห้าวันหกวัน, ก็ชักไส้เข้าให้กลมๆนอ่ยหนึ่ง, แต่ที่ถานโดยรอบนั้นก็ยังไม่บวม. ถ้าเปนฝีเท๊จแล้วก็มียอดแหลม, ที่ถานโดยรอบนั้นก็บวมเรว, ดูเหมือนแผลเศี้ยนยอก, แล้วเปนหนองขึ้นในสองวันสามวัน, ก็ไม่ได้ชักไส้. ถ้าเปนฝีโคแท้แล้ว, จำเริญขึ้นสี่วันห้าวัน, ก็เปนน้ำใสๆขึ้นมา. ถ้าฝีเท๊จก็เปนหนองเหลืองๆขึ้น. ถ้าฝีโคแท้แล้วขึ้นได้สี่วันห้าวันก็มีศรีขาวๆออ่นๆ, ถ้าขาวมากนักก็เอาเปนแท้ยังไม่ได้. ถ้าเมดนั้นราบนักก็เอาเปนแท้ไม่ได้ ถ้าเมดนั้นจำเริญขึ้นได้สี่วันห้าวันแล้ว, ที่รอบถานออกมาที่เนื้อดีนั้นแฃงนักไปก็เอาเปนแท้ไม่ได้. เหตุดั่งนี้จึ่งให้แพทย์ทั้งปวงพิจารณาให้เลอียด, จำไว้ให้แน่นอนดั่งกล่าวมานี้. เมื่อแพทย์จะเอาบุพโพฝีผู้หนึ่งผู้ใดทำพันต่อไป, ก็ดูให้เลอียดกอ่น, จึ่งเอาทำพันปลูกต่อไป, จึ่งจะกันฝีดาษได้โดย แท้. ถ้าปลูกลงแล้วที่เดกอื่นๆได้กำหนฏที่ฝีขึ้นแล้ว, เขาภาเดกที่ปลูกนั้นมาถามว่าเปนฝีโคแท้หฤๅไม่เปน, ก็ให้แพทย์ทั้งปวงพิจาณาดูก่อน, ถ้าเปนพันฝีโคแท้ก็บอกเฃาว่าเปนแท้, ถ้าสงไสอยู่ก็บอกว่าสงไสอยู่เหนไม่แท้. อย่าให้มีอันตรายแก่ทารกนั้นได้, ทั้งอย่าให้คนทั้งหลายเขาติเตียนพวกแพทย์ทั้งปวงได้. ให้เตมใจดว้ยกันทั้งสองฝ่าย, ควรจะปลูกใหม่ก็ให้แพทย์ปลูกเสียเถิด, กระทำให้เปนคุณแก่เขาเปนประโยชณ์แก่ตน. สุดแท้แต่อย่าให้เขานินทาได้ต่อไปถึงเราผู้ทรมาณกายมา, จะทำให้เปนคุณแก่คนทั้งปวงที่ยังไม่ได้เปนไข้ธระพิศม์นั้นต่อไป.

จะเชดเอาบุพโพเวลาไรจึ่งจะดี

ถ้าจะเอาพันปลูกต่อไปให้ดีแล้ว, ก็ให้เอาตั้งแต่วันที่หกวันที่เจด, นับตั้งแต่เหนฝีเมื่อแรกขึ้นมาจึ่งจะเปนพันฝีดี. เมื่อจะเอาพันฝีนั้นให้เอาเฃมหฤๅมีดที่แหลมค่อยๆแทงเข้าไปตามถานฝีที่ต่ำๆ, อย่าให้ถูกไส้ฝีนั้น, ให้แทงหลายแห่งให้บุพโพที่ใสๆไหลออกมาแล้ว, จึ่งเอาฃนนกเหลาให้บางให้แหลมแล้ว, เขี่ยเอาแต่บุพโพที่ใสๆ อย่าให้โลหิตติดปนออกมาได้. ครั้นได้บุพโพแล้ว, ก็วางไว้ให้แห้ง, แล้วจึ่งเกบใส่ฃวดผนิดเสียให้ดี, อย่าให้ลมเข้าได้. จึ่งเอาไม้มาเจาะ, เข้าให้เปนรูภอให้ฃวดลงได้ในรูไม้นั้น, จึ่งเอาสำลีอุดรูไม้นั้นเสีย. แลกระทำดั่งนี้ดว้ยจะจับตอ้งไปไหนๆก็ดี, ไม่ให้อายมือถึงฃวดถึงฃวดที่ใส่บุพโพไว้นั้น. ถึงจะเอาไปถึงเมืองไกลๆก็ได้, บุพโพนั้นไม่เสีย, ทำพันใช้ได้นาน.

จะให้ปลูกอย่างไร.

ถ้าแพทย์ทั้งปวงจะปลูกฝีดว้ยบุพโพนั้น, ให้เอามือจับเข้าที่ปลีแฃนให้หนังนั้นตึงดีแล้ว จึ่งเอาปลายมีดพับลับให้แหลมเหมือนใบเข้า, สกิดเข้าไปที่ใต้ผิวหนัง, ภอโลหิตทรับๆออกแล้ว, จึ่งเอาปลายฃนนกที่ติดบุพโพอยู่แต่ก่อนที่ใส่ไว้ในฃวดนั้น, เอาปลายแหลมที่บุพโพติดอยู่นั้นเหนบลงไปในรอยมีด. ให้โลหิตทราบซึ่มดื่มดูดเอาบุพโพที่ฃนนกแลฃนไก่นั้น, ให้ระคนกันเข้าปนอยู่ในแผลนั้นแล้ว, เอาฃนนกนั้นเสียบนิ่งทิ้งไว้ประมาณแปดนาทีสิบนาที. กระทำอย่างว่านี้ศักสองแห่งสามแห่ง, เผื่อฝีที่ปลูกจะไม่เปนที่แผลแรกจะเปนที่แผลรองๆกันนั้น. เมื่อเอาบุพโพใส่เข้าแล้ว ชักฃนนกออกจากแผลแล้ว, จึ่งเอายางมะขวิดทาผ้าไหมปิดแผลนั้นไว้. แล้วเอาผ้าขาวบางๆผูกตรงแผลนั้นศักสองวัน ระวังอย่าให้น้ำถูกเข้าที่ปลูกนั้นได้สองวัน, ถ้าไม่ขึ้นที่ปลูกเข้าใหม่ดั่งกล่าวมานั้น.

ถ้าไม่มีหนองสดก็ตอ้งจำเปนจำปลูกดว้ยหนองแห้งดั่งว่ามาแล้วนั้น. ถ้ามีหนองสดคือปลูกไว้แล้วก็ตั้งขึ้นมีบุพโพอันบริบูรรณ์, ก็ให้บ่งเอาบุพโพนั้นดว้ยเฃมก็ได้, ปลายมีดก็ได้, เอามาปลูกลงที่รอยมีด, แต่ภอโลหิตกับบุพโพนั้น,ทราบกันดีแล้ว, ก็เอายางมะขวิดปิดแผลเสียเถิด. ปลูกดว้ยบุพโพสดนี้มีแต่จะได้มากกว่าไม่เปนติดเรว. เมื่อจะปลูกนั้นคอ่ยเอาปลายมีดสกิดแต่ภอโลหิตออกซับๆ ภอเจือกับบุพโพที่ใส่ลงนั้น. ถ้าโลหิตไหลออกมากไปแล้ว, ก็จะภาบุพโพนั้นออกมาเสียดว้ย, จะไม่ติดอยู่ในผิวหนังจะไม่เปนฝี, เหมือนล้างเสียด้วยน้ำก็เหมือนกัน.

ถ้าฝีปลูกมีพิศม์บ้างจะให้รักษาอย่างไร.

แลฝีที่ปลูกคราวหนึ่งสิบเก้าคนยี่สิบคน, ก็จะมีตัวรอ้นบ้างศักคนหนึ่ง, แลบางทีก็อักเสบให้แฃนบวมให้ปวดไป. ถ้าเปนดังนี้แล้ว, ก็ให้เอาเข้าต้มเขี้ยวไฟให้เปื่อยๆ, แล้วพอกเข้าตรงแผลแลที่บวมนั้น, ให้ดูดหนองออกเสียให้หายปวด, เปลี่ยนพอกวันละสามเวลาก็หายปวดหายบวม. ถ้าตัวรอ้นหนัก, ก็ให้กินดีเกลือละลายดว้ยน้ำเอย๊น, ให้ถ่ายพิศม์ออกเสียให้หายตัวรอ้น. ถ้าเดกให้กินหนักสามสลึง. ถ้าผู้ใหญ่ให้กินตามทาตุหนักทาตุเบา, สุดแต่ถ่ายเสียให้ได้. ถ้าแผลฝีที่เอาเข้าต้มพอกนั้น, เปนหนองเปื่อยไป, ก็ให้เอาจุลษรีละลายน้ำแต้มๆเข้าที่แผล, แล้วจึ่งเอาขี้ผึ้งแฃงหนักส่วนหนึ่ง, น้ำมันมะพร้าวสองส่วน, หุงให้เข้ากันแล้ว, เอาทาผ้าขาวปิดไว้, แล้วให้ผลัดขี้ผึ้งวันละสองหนก็จะหายแล.

ฝีโคกันฝีดาษทุกคนได้หฤๅ

อนึ่งถ้ามีผู้มาถามดว้ยความสงไสว่า, ฝีที่ปลูกก็เปนจนตกเสกดเชดหนองแล้ว, จะกันฝีดาษได้ทุกคนจนตลอดอายุศม์หฤๅ, ๆ ว่ากันไม่ได้บ้าง. วิสัชนาว่า, ถ้าเปนฝีโคแท้ตามสันถานถูกตอ้งที่กล่าวมาแล้วนั้น, ถ้าปลูกคราวหนึ่งในรอ้ยคน, จะกันไม่ได้ศักคนหนึ่ง, เหมือนคนออกฝีดาษแล้วกลับออกอีกก็มีบ้างแต่นอ้ยนัก, ในสองรอ้ยคนจะเปนศักคนหนึ่ง. ถ้าได้ปลูกฝีโคเปนแท้แล้วถึงมาทว่าจะออกฝีดาษต่อภายหลังก็มีพิศม์แต่น้อยไม่เปนอันตรายเลย. ดว้ยฝีโคนั้นมีอุประมาเหมือนน้ำฝีดาษ, ที่เปนขึ้นทีหลังนั้นไซ้, มีอุประไมเหมือนไฟที่ติดขึ้น, ในที่อันเปียกชู่มอยู่ดว้ยน้ำ, ไฟนั้นจะลุกลามไปที่ไหนได้.

จึ่งมีคำบุฉาว่า, ทำไฉนจึ่งจะได้รู้แน่เล่า, ว่าฝีโคนี้จะปอ้งกันฝีดาษได้ตลอดอายุศม์หฤๅไม่ตลอด. วิสัชนาว่า, จะกันได้ตลอดอายุศม์หฤา, ไม่ตลอดนั้น, ก็ยังเอาเปนแน่หาได้ไม่, ดว้ยฝีโคพึ่งได้ทราบว่ากันฝีดาษได้แต่เพียงสี่สิบหกปีที่ล่วงไปแล้ว, ถึงกระนั้นก็เหนว่าจะกันได้จนตลอดอายุศม์. หมอที่เมืองนอกนั้นมีอยู่สองจำพวก, จำพวกหนึ่งเหนว่ากันได้จนตลอดอายุศม์, แต่หมอจำพวกหนึ่งไม่ไว้ใจ, เมื่อถึงท่ำกลางอายุศม์แล้ว, ก็ปลูกใหม่อีกครั้งหนึ่ง. แต่ในใจฃองข้าพเจ้านี้เหนว่าจะปอ้งกันไปได้จนตลอดอายุศม์, ดว้ยข้าพเจ้าได้ลองปลูกดูที่พวกข้าพเจ้า, ที่ได้ปลูกมาแล้วแต่เมืองนอกนั้นแต่เปนเดกอยู่, ครั้นเข้ามาอยู่ในกรุงเทพมหานครนี้, ถึงท่ำกลางอายุศม์เข้า, ต่างคนต่างไม่ไว้ใจดว้ยฝีดาษในกรุงนี้ชุมนัก,จึ่งให้ข้าพเจ้าเอาพันฝีโคมาปลูกใหม่หลายคน, ก็หาเปนอีกไม่. ครั้นถึงระดูฝีดาษออกชุกชุม ตามพวกที่อยู่ในบ้านใก้ลเรือนเคียงนั้น, บันดาหมออเมริกาเปนพวกข้าพเจ้า, ก็ไม่ได้เปนฝีดาษอีก. เพราะคุณวิทีฝีโคนั้นยังปอ้งกันอยู่ได้จึ่งไม่เปน. ข้าพเจ้าจึ่งเหนว่าจะกันไปได้จนสิ้นอายุศม์.

ฝีโคไม่ติดต่อกันเหมือนฝีดาษ

อีกประการหนึ่ง, มีคำบุฉาว่า, ฝีที่ปลูกเปนขึ้นที่เดกคนหนึ่งสองคนก็ดี, เดกที่ไม่ได้ปลูกฝีที่อยู่ร่วมเรือนกันนั้น, จะติดกันเหมือนพิศม์ฝีดาษหฤๅไม่ติด. วิสัชนาว่า, อันธรรมดาฝีโคนี้มีแต่คุณ, ไม่มีพิศม์, ติดต่อกันไปได้เช่นฝีดาษหามิได้. ปลูกคนใดก็เปนแต่คนนั้น, ไม่ติดกันต่อไปเลย, เปนอันขาดทีเดียว.

ทารกคลอดเจดวันก็ปลูกฝีโคได้ดี

มีคำบุฉาว่า, จะปลูกฝีโคให้ทารกอ่อน ๆ ที่นอนอยู่ในผ้าออ้มนั้นจะได้หฤๅไม่ได้. วิสัชมาว่าปลูกได้สุดแต่ว่าออกมาพ้นครรภ์มารดาได้เจดวัน, แล้วก็ปลูกได้ทั้งชายทั้งหญิง. ยิ่งเปนเดกอ่อนๆอยู่ยิ่งดีนัก, ดว้ยว่าทารกนั้นปราศจากบาดแผลแลเปนโรคอื่นๆ. ถึงเมื่อแรกปลูกนั้นก็ไม่เจบ, เมื่อเปนขึ้นก็ไม่มีพิศม์. ถ้าเดกที่รู้ความแล้วนั้นก็มีความกลัวหมอนั้นมาก, ก็พลอยให้คนทั้งปวงเหนว่าเจบนักจึ่งร้องไห้ อื้อึง, ประการหนึ่งปลูกเดกที่รู้ความแล้วนั้นไม่ใค่รติด, ดว้ยเหตุที่โลหิตตามแผลมีดที่สกิดไว้นั้น, ไหลออกมามาก เพราะเด็กนั้นร้องไห้, จึ่งเบ่งให้โลหิตไหล, ปลูกจึ่งไม่ใค่รจะติดเหมือนทารกที่อ่อนๆอยู่นั้น

ข้าพเจ้าหมอปรัดเล, ที่เฃียนหนังสือบอกไว้ให้แจ้งในวิทีกันฝีดาษนี้, ดว้ยปราถนาจะให้คนที่ได้อ่านได้ฟังนั้นทราบว่า, มีคุณอันใหญ่หลวง, พึงได้เข้ามาในกรุงเทพมหานครนี้, ดว้ยเดชานุภาพแห่งพระเยซูเจ้า, ผู้เปนเจ้าฃองมนุษทั้งปวง, มีพระไทยประกอบไปดว้ยความเมตากรรูณาแก่มนุษทั้งปวง. แต่บันดาหมอพวกข้าพเจ้า, ที่ได้เข้ามาพึ่งพระโพธิสมภารอยู่ในกรุงเทพมหานครนี้, เปนสิษแห่งพระองค์ทั้งนั้น, ได้ตั้งคำอธิฐานให้พระองค์โปรดช่วยมนุษ, จึ่งได้เอาพันฝีโคเข้ามา. พระองค์ก็รับคำออ้นวอนฃองข้าพเจ้า, แล้วก็โปรดเอามาให้, แล้วก็ช่วยข้าพเจ้าให้ปลูกเปนได้. ทุกวันนี้คุณอันใหญ่หลวงนั้นแผ่พ่านเข้ามาใก้ลพวกไทแล้ว, ภอบิดามารดาแลเจ้าขุนมุนนายฃองทารกทั้งปวงนั้น. ฃอเชิญท่านทั้งหลายมาปลูกเถิด, กันฝีดาษได้โดยแท้, อันราคาพันฝีโคนั้นมากกว่าอยูกยาในเมืองไททั้งปวงหมด. ถึงมาทว่าจะเอาคุณฝีโคแลคุณยาทั้งปวงหมดมาขึ้นตราชูชั่งดว้ยกัน, ก็เหนว่าคุณยาทั้งปวงนั้นจะเบากว่าคุณฝีโคได้ศักรอ้ยส่วน. ถ้าเอาพันฝีโคไปปลูกตามทำเนียมเมืองอเมริกาปลูกแล้ว, ก็เหนว่าจะมีคุณแก่เมืองนี้มากกว่าฃองที่มาในสำเภา, แลกำปั่นทั้งหมด, ดว้ยเหตุที่กันฝีดาษได้นั้นโดยแท้, ให้ดับโรคธระพิศม์ในเมืองนี้, เอาชีวิตรให้รอดไว้ได้เปนหลายพันคนทุกปีๆ แลให้ราษฎรทั้งปวงปราศจากอันตรายต่างๆที่เกิดจากโรคธระพิศม์นั้นหลายอย่าง, เหลือที่จะนับจะประมาณได้. พันฝีโคนั้นเปนคุณแก่เมืองอเมริกาเมืองอังกฤษนั้นมากกว่าหลายโกฏเหรียนทุกปีๆ. ก็มีคุณแก่คนที่อยู่ในทวีปนี้มากเหมือนกันกับเมืองอเมริกาเมืองอังกฤษ, ดว้ยได้เอาพันมาทดลองดูสองครั้งแล้ว, ก็เหนว่ากันฝีดาษ ได้มั่นคงเหมือนกัน. ใช่ว่าทาตุนั้นจะผิดกันหามิได้.

ข้าพเจ้ารักษคนในประเทษนี้, ปราถนาจะทำคุณแก่คนในเมืองหลวง, จึ่งอุษ่าห์ปลูกฝีกันฝีดาษที่บ้านบ้าง, เที่ยวไปปลูกที่อื่นบ้างลำบากเหน๊จเหนื่อยนัก, คิดจะอุษ่าห์ทำไปกว่าจะสุดสิ้นกำลังและสติปัญาฃองข้าพเจ้า. ๆมีใจปราถนาจะให้หมอหลวงหมอราชให้เชื่อใจลง, จะได้ช่วยกันทำตามวิทีนี้ต่อไป. แลปราถนาจะให้ราษฎรทั้งปวงทิ้งความสงไสยที่ว่ากันฝีดาษไม่ได้นั้นเสีย,ให้เร่งเชื่อถือมั่นคงในคุณวิทีนี้, อย่าได้นิ่งนอนใจอยู่เลย, ให้เร่งภาลูกหลานมาปลูกเสียเรวๆ จะได้กันฝีดาษ. ผู้ใดอ่านหนังสือนี้แล้วไม่เชื่อก็เหมือนคนที่ไม่รู้จักทองคำ, ข้าพเจ้าเอาทองคำหลายหาบมาให้เปล่าๆก็หาเอาไม่, คนทั้งปวงสำคัญว่าเปนทองแดงทองเหลืองไป, จึ่งหารับเอาทองคำที่ข้าพเจ้าให้ไม่. แลเหมือนเอาพลอยเพชร์หลายถังมาให้, ไม่ได้เอาราคาเลย, เชาก็สำคัญว่าเปนลูกปัดหุงจึ่งไม่เอา. ทุกวันนี้ข้าพเจ้าเอาฃองดีวิเสศมาให้แก่คนทั้งหลายในเมืองไท, ถ้าเอาไปใช้ก็จะกำจัดเสียซึ่งโรคธระพิศม์ให้ขาดได้.

ท่านขุนนางผู้ใหญ่ผู้นอ้ย, แลไพร่พลทั้งปวงจะเอาของวิเสศนี้หฤๅไม่เอา. ถ้าเฉยๆอยู่ไม่เอาไปใช้แล้ว, ก็เหมือนกับเอาคุณวิทีที่เราเอามาให้นั้น, ไปทิ้งเสียที่กลางมหาสมุลก็จะเสียคุณเสียเปล่าๆ มาเถิด, มารับเสียยังแล้วในครั้งนี้. ข้าพเจ้าจัดแจงไว้ดีแล้ว. ข้าพเจ้าแลนายนากเปนลูกสิษของข้าพเจ้าจะปลูกที่บ้านข้าพเจ้าบ้าง. จะปลูกที่อื่นๆเปนหลายแห่งบ้าง, ไม่เอาวัดถุสิ่งใดเลย. แต่ที่ข้าพเจ้าทำคนเดียวสองคนนี้เปนการใหญ่นักเหลือสติกำลังข้าพเจ้า, ที่ไหนจะสำเรทธ์ได้. ควรที่จะให้แพทย์ทั้งปวงช่วยกันกับข้าพเจ้าดว้ย, แลควรที่หมอไทจะเอาทรัพย์บ้างคลสองสลึงสามสลึงเปนค่าเหนื่อยนั้นบ้างจึ่งจะชอบ.

ถ้าแพทย์หมอไม่ช่วยกัน, ก็ฃอให้บิดามารดาช่วยกันปลูกเอาเองตามวิทีที่ข้าบอกไว้นั้นเถิด, ก็ปลูกได้. ถ้าไม่มีมีดเช่นว่ามานั้น, ก็ให้เอาเฃมที่แหลมที่คม, คอ่ยๆกรีดเอาแต่ภอโลหิตไหลออกน่อยหนึ่ง, แล้วก็เอาบุพโพสดใส่เข้าที่แผลดั่งกล่าวมาแล้วแต่กอ่นนั้น. แล้วก็เอายางมะขวิดทาผ้าขาวปิดลงไว้ที่แผล, ถ้าไม่มียางมะขวิดเอากาวทาผ้าปิดไว้ก็ได้. ซึ่งปิดไว้นั้นเพื่อจะกันลมไม่ให้ถูกบุพโพที่ใส่ไว้นั้น, กลัวจะแห้งเสียไม่ทันทราบกับโลหิตทารกนั้น. ถ้าหนองสดไม่มี, ก็ไปฃอเอาเสกดฝีที่คนปลูกขึ้นแล้วนั้นมา, เอาจำเพาะกลางเสกดที่หนาๆคือหนองที่แรกแห้งนั้นเปนศรีคล้ำเข้าจึ่งดี. ถ้าศรีเสกดฝีนั้นขาวไปก็ไม่ดี. อย่าเอา เมื่อได้มาแล้ว, ก็เอาเสกดฝีนั้นลลายน้ำฝนออกภอเปนยางเหนียวๆ, แล้วจึ่งเอาฃนนกจีมเอาภอติดปลายแล้ว, ก็เอามาปลูกลงที่แผลตามกล่าวไว้นั้นเถิด. ถ้าหาบุพโพสดแลเสกดดั่งว่านั้นไม่ได้แล้ว, ก็เชิญมาหาข้าพเจ้าหมอปรัดเลผู้เปนเจ้าฃองตำรานี้เถิด. ข้าพเจ้าจะให้เปนทาน, ฃองเราเกบไว้โดยมากจะให้เปล่าๆ, ไม่เอาวัถุสิ่งใดเลย, ถ้าได้ปลูกแล้ว, ก็ให้ท่านทั้งปวงคอยเอาบุพโพที่ฝีขึ้นครบกำหนฏแปดวันนั้น, ให้บ่งเอาพันปลูกกันต่อๆ ไป, ครบแปดวันบ่งจากคนนั้น,ไปปลูกที่คนโน้นต่อๆไป,อย่าให้ขาดเสียเปล่าได้. ถ้าเปนเก้าวันสิบวันไปแล้วบุพโพนั้นมักเสียไป. จงปลูกกันไปให้ทั่ววงบ้านนั้นเถิด, อย่าให้เสียเปล่าเลย. ฃองนี้เปนคุณมากอย่าให้สูญพันเสีย. เหมือนเข้าปลูกนั้น, ตอ้งเกบพันไว้, จึ่งได้ทำนากินทุกปีๆ. ถ้าไม่มีพันเข้าปลูกแล้ว, เราทั้งหลายจะได้เข้าที่ไหนกินต่อไปเล่า. อันพันฝีนี้ถ้าทิ้งเสียแล้ว, จะได้ที่ไหนปลูกต่อไปเล่า. เปนฃองหาง่ายก็จริง, แต่เหมือนฃองหายากดว้ยว่าพันฝีคราวนี้เปนฝีโคแท้, มาแต่เมืองอเมริกาทางไกลนัก, ข้าพเจ้าจึงกำชับมาอย่าให้คนทั้งปวงทิ้งเสีย, ให้ปลูกกันต่อๆไปเหมือนพันเข้าปลูกที่ทำนานั้นเถิด.

ทำเนียมปลูกฝีโคในเมืองอเมริกา

ดว้ยทำเนียมเมืองอเมริกาเมืองอังกฤษนั้นปลูกฝีอยู่สามอย่าง. ที่พ่อแม่ปลูกเองนั้นอย่างหนึ่ง, ให้หาหมอมาปลูกที่บ้าน, ถ้าเปนขึ้นแล้วให้เงินหมอสามสลึงเฟื้องก็อย่างหนึ่ง, ที่ภาลูกหลานไปปลูกที่โรงใหญ่สำหรับเปนที่หมอปลูกให้ตามกำหนฎวันนั้นก็อย่างหนึ่ง. ดว้ยในเมืองใหญ่นั้นมีโรงสำหรับหมอปลูกให้เปล่าๆ แต่บันดาคนยากคนจน,ก็ภากันไปปลูกที่โรงนั้นเปนธรรมดา. แต่ปลูกฝีโคดว้ยทำเนียมทั้งสามอย่างดั่งนี้ทุกปีๆ, แทบจะหมดทารกในประเทษนั้น, ที่เหลืออยู่บ้างเลกนอ้ย, ก็ออกฝีดาษเพราะไม่ได้ปลูกฝีโคกันเสีย. จึ่งมีฝีดาษเปนเชื้ออยู่บ้าง. แลฝีดาษในเมืองนั้นที่เหลืออยู่, เปรียบเหมือนเปนผู้ตักเตือนคนทั้งปวงให้ปลูกฝีโคกันเสียเถิด. ถ้าฝีดาษไม่มีแล้วคนทั้งหลายก็จะภากันลืมเสียมิได้คิดถึงคุณฝีโคเลย

ถ้าผู้ใดได้อ่านหนังสือนี้แล้ว, แต่ยังมีความสงไสยอยู่ ก็ขอให้ไปสืบดู, ตามคนที่ปลูกแล้วแต่ปีกุนเดือนยี่ตามที่ว่าไว้แล้วในหน้าสิบสองที่อ่านมานั้น, ว่าที่หมอว่าเปนฝีโคกันได้แล้วนั้น จะเปนฝีดาษบ้างหฤๅไม่เปน. แล้วสืบดูคนที่ข้าพเจ้าปลูกให้คราวนี้, ที่บ้านเจ้าพระญาพระคลัง, เจ้าพระญาพลเทพ, แลที่วังกรมขุนอิศเรศรังสรรค์, วังกรมหมื่นวงษา, ที่ทูลกระหม่อมพระ, ที่บ้านพญาวิเสษวัดสมอราย, แลพวกไทพวกจีนเขมนมอญมลายูเปนอันมาก. ที่ปลูกขึ้นคราวนี้เปนฝีโคแท้นั้นประมาณห้ารอ้ยเศศ, ที่ปลูกไม่ติดนั้นประมาณสี่รอ้ยคนเศศ. ฃอท่านไปสืบดูแก่คนที่ข้าพเจ้าว่าเปนฝีแท้นั้นเถิด. นอกกว่านั้นยังไม่เปนบ้าง, เปนไม่แท้บ้าง, ยังเอาแน่ไม่ได้. ถ้าไปสืบดูตามคนปลูกแล้ว, แต่ข้าพเจ้าว่ายังสงไสยอยู่นั้น, จะเปนฝีดาษขึ้นเมื่อภายหลังก็ดี, ท่านทั้งปวงก็อย่าได้ดูหมิ่นดูถูกในการที่ปลูกฝีกันฝีดาษนั้นเลย. เหตุเพราะไม่เปนไม่ติดดอก, จึ่งออกฝีดาษได้. ถ้าไปสืบในคนที่ข้าพเจ้าว่าเปนดีแล้วนั้น, ไม่เปนฝีดาษแล้ว, ก็ฃอให้ท่านทั้งหลายเอาใจใส่ช่วยกันปลูกฝีโคนี้ปอ้งกันต่อไปเถิด. ยกบุญยอคุณฝีโคขึ้นให้มาก, จึ่งจะควร, เพราะเปนฝีโคแท้กันฝีดาษได้. ถ้าเปนไม่แท้จึ่งกันไม่ได้. เชิญไปสืบดูให้ได้, อย่าสงไสยอยู่เปล่าๆ, จึ่งจะเหนคุณที่ข้าพเจ้าว่าไว้นี้.

ข้าพเจ้าหมอปรัดเลพึ่งได้ยินข่าวว่า, หมอไทบางคนเล่าให้ปรากฎทั้งปวงฟังว่า, ซึ่งหมอปรัดเล มาปลูกฝีโคกันฝีดาษนั้น, ฝีที่ปลูกขึ้นงามก็จริงอยู่, แต่ทว่าในประเทษไทนี้หาเหมือนเมืองอังกฤษไม่, ดว้ยไข้ฝีดาษในเมืองไทนี้มีพิศม์มาก, บางทีให้คลั่งให้เภ้อให้ชักมือกำตีนกำเปนไปต่างๆ, เมื่อคนที่ปลูกฝีโคตั้งศีศะมีหนองบริบูรรณ์แล้ว, จะตอ้งกินยาปัดพิศม์ติแสลงส่งศีศะดว้ย แลคำที่หมอไทบางพวกกล่าวดั่งว่ามานี้ไม่ชอบ. ถ้าจะว่าโดยสัจจริงนั้น คนที่ปลูกฝีโคกันฝีดาษนั้น, ถ้าตั้งศีศะขึ้นมาแล้ว, ก็ไม่มีพิศม์เหมือนอย่างที่หมอไทบางพวกกล่าวนั้น. ไม่ตอ้งกินยาให้มากเกินกำหนฏไป. จะกินบ้างแต่น้ำดีเกลือภอถ่ายทอ้งเลกนอ้ย. ไม่ตอ้งปัดพิศม์ติแคลง, ไม่ตอ้งทำกระบานใส่เครื่องพล้าปลายำให้ปีศาจแลท้าวเวศสุวัณ, ผู้เปนนายปีศาจ, เหมือนที่หมอไทบางพวกกระทำนั้นเลย. แต่บันดาคนที่ปลูกฝีโคกันฝีดาษนั้น, ถ้าฝีตั้งศีศะขึ้นมาแล้ว, ก็ไม่มีพิศม์เหมือนอย่างหมอไทบางพวกกล่าวนั้น. จะว่าฝีโคที่ปลูกนั้นอาไศรยแก่ท้าวเวศสุวัณ, แลปีศาจให้เปนอย่างไรได้ แต่ไข้ธระพิศม์ฝีดาษที่เปนตามธรรมดานั้นจะกล่าวว่าเปนเพราะปีศาจก็ตามเถิด, ข้าพเจ้าหาเถียงไม่ซึ่งข้าพเจ้าตีภิมหนังสือแจกให้ราษฎรทั้งปวงปลูกฝีโคกันฝีดาษนั้น, จะให้ทำกระบานตอ้งส่งศีศะ, เหมือนถ้อยคำที่หมอบางพวกว่านั้นหาควรไม่ ซึ่งหมอที่ให้กระทำส่งศีศะดั่งกล่าวมานั้น เปนคำมุสาวาทเหนแก่อามิศ, หาทำโดยเมตาจิตรไม่, ดว้ยว่าฝีโคนั้นไม่อาไศรยแก่ปีสาจเลย, พิศม์รายก็ไม่มี แท้จริงฝีโคที่ข้าพเจ้ามาปลูกในเมืองนี้อาไศรยแก่พระเจ้า, ผู้ประกอบดว้ยเมตาแก่มนุษทั้งปวงเปนอันมาก, จึ่งบันดานดนใจให้หมอเอาพันฝีโคกันฝีดาษเข้ามาให้ราษฎรทั้งหลาย มีไทแลจีนเปนต้น. ถ้าจะส่งศีศะฝีนั้น, ก็สมควรที่จะเคารพย์ยำเกรงพระเจ้า. ถ้าเราเคารพย์ปีศาจแล้ว, ก็หาภอพระไทยพระเจ้าไม่. ถ้าผู้ใดมิเชื่อฟังขืนกระทำก็จะเปนอันตรายต่างๆ

ซึ่งไทถือว่าส่งศีศะฝีดาษนั้นเหตุผลประการใด ที่ทำดั่งนี้จะมิสูญเสียเปล่าหฤๅ ที่ประเทษอังกฤษแลชาวอเมริกาก็ไม่ถือเลย. ถึงไม่นับถือก็จำเริญดีกว่าลูกไทในเมืองนี้อีก. อนึ่งบุตรหมอทั้งปวงที่เข้ามาพึ่งโพทธิสมภารอยู่ในพระนครนี้ที่ปลูกฝีโคก็มีบ้าง, ที่เปนฝีดาษโดยธรรมดาก็มีบ้าง, แต่บุตรพวกหมอทั้งปวงนั้นหาได้ส่งศีศะฝีดาษไม่, ก็จำเริญดีเปนปรกติอยู่หาเปนอันตรายไม่. ก็ที่หมอไทว่านั้น เปนคำเท๊จโดยแท้.

คนใดที่ปลูกไม่ติดก็ให้ปลูกผู้นั้นอีก, ถ้าปลูกสองหนไม่เปนก็ให้ปลูกซำอีกสองหนสามหนกว่าจะติด

หนังสือปลูกฝีกันฝีดาษก็สิ้นแต่เพียงนี้แล.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ