เดือน ๖ จุลศักราช ๑๒๔๗

วัน ๓ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉันเช้านั้น คือพระราชาคณะถานานุกรมปเรียญที่สวดมนต์ฉลองพระทราย ๓๑ รูป พระครูที่สวดมุรธาภิเษก ๘ รูป รับพระราชทานฉันเช้าในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เสด็จออกไปประทับพระที่นั่งราชฤดี ทรงผลัดพระภูษาและทรงพระสพักตร์โขมพัตรเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่ที่สรงมุรธาภิเษกสนาน ขณะนั้นพระสงฆ์ในพระที่นั่งอมรินทรสวดถวายชัยมงคล เจ้าพนักงานประโคมแครสังข์พิณพาทย์มโหรีตามจารีตขัดติยราชประเพณี เจ้าพนักงานถวายน้ำพระพุทธมนต์ในพระเต้าต่างๆ ชีพ่อพราหมณ์ถวายน้ำกรดสังข์ดามไสยเวท แล้วเสด็จพระราชดำเนินจากที่สรงทรงเครื่องเสร็จ เสด็จเข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยเสด็จทรงประเคนข้าวแช่ สมเด็จพระพุทธโฆษา พระราชาคณะถานานุกรมปเรียญรับพระราชทานฉันเพล เจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัษฐิพระอัษฐิออกมาประดิษฐานบนพระที่นั่งเศวตฉัตรและโต๊ะจีนตามเคย เมื่อพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้วทรงทอดผ้าคู่สดับปกรณ์พระบรมอัษฐิพระอัษฐิตามเคย แล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนา อติเรก ถวายพระพรลา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้านายทอดผ้าคู่ของพระบรมวงศานุวงศ์ที่ส่งมาแต่ข้างในและของข้างหน้านั้นแล้ว พระสงฆ์ที่รับพระราชทานฉันนั้นสดับปกรณ์แล้วกลับไป แล้วพระสงฆ์รายร้อยอีก ๕๐๐ สดับปกรณ์ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นข้างใน

เวลาเที่ยงเศษพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญมาประชุมเสวยข้าวแช่นั้นเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมกัน แล้วเสด็จพระราชดำเนินเข้าไปประทับโต๊ะเสวยณท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทโดยลำดับดังแผนที่ข้างล่างนี้ (ดูหน้า ๓๙)

-ขีดดำนั้นคือผู้ที่ถูกเชิญแต่ไม่มา

-เหลือ

   

กรมหมื่นนฤบาล

พระองค์นันทวัน

พระองค์จรูญ

กรมหมื่นพิศาล

พระองค์วัฒนา

พระองค์ไชยยันต

พระองค์วรวรรณ

พระองค์จิตรเจริญ

พระองค์จันทรทัต

พระองค์ทองแถม

กรมหมื่นเทววงศ์

กรมหมื่นประจักษ์

กรมขุนเจริญผล

สมเด็จกรมหลวงพระองค์น้อย

กรมหลวงวรศักดิ์

พระราชอาศน์

สมเด็จกรมพระ

-สมเด็จกรมหลวงพระองค์ใหญ่

กรมขุนบดินทร

กรมหมื่นภูธเรศ

กรมหมื่นศิริธัช

พระองค์เกษมศรี

พระองค์ชุมพล

พระองค์ไชยานุชิต

พระองค์สวัสดิประวัติ

พระองค์ศรีเสาวภาว์

พระองค์ดิศวรกุมาร

กรมหมื่นบริรักษ์

กรมหมื่นสถิตย์

พระองค์โตสินี

พระองค์ขจรจรัสวงศ์-

-พระองค์ประดิษฐ

พระองค์ปรีดา

ขณะเมื่อก่อนเสวยนั้น สมเด็จกรมพระนำลาวขับเป่าขลุ่ยเมืองเชียงใหม่ ซึ่งโปรดให้มีตราขอให้จัดลงมาจะส่งออกไปเข้าเอกษฮิบิเชนเมืองอังกฤษนั้น ลงมาถึงนำเข้ามาเฝ้าที่หน้าพระที่นั่งจักรี โปรดเกล้า ฯ ให้เข้ามาขับถวายตัวเวลาเสวย มีผู้ชายคนขับ ๑ หญิงคนขับ ๑ คนขลุ่ย ๓ คน ขับถวายตัวอยู่จนเสวยแล้ว โปรดเกล้า ฯ พระราชทานผ้าคนละสำรับเงินคนละ ๓๐ บาทแล้วเสด็จขึ้นข้างใน สักครู่หนึ่งเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงโปรยอัฐทองแดงพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์แล้วเสด็จขึ้น

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกมุขเด็จพระที่นั่งจักรีชั้นบน ทรงโปรยอัฐทองแดงพระราชทานราษฎรมีทหารและนายประตู กรมวัง ตำรวจเป็นต้น แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปพระพุทธรัตนสถาน สรงน้ำพระพุทธบุศยรัตน์และอื่นๆ แล้วเสด็จพระราชดำเนินออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนินประทับในพระอุโบสถแล้วเสด็จประทับประตูพระอุโบสถ ทรงโปรยอัฐและโสฬศพระราชทานเจ้านายข้าราชการ แล้วเสด็จเข้าไปทรงจุดเทียนนมัสการและทรงโปรยพระสุหร่ายสรงน้ำถวายพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกตและในที่ต่างๆทั้งปวง โปรดให้พระครูพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโพธิพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต เหมือนอย่างเช่นเคยมาทุกปี ครั้นถ้วนตติยวารเสด็จพระราชดำเนินไปประทับหอราชกรมานุสร หอราชพงษานุสร และพระศรีรัตนศาสดารามพระมณฑป แล้วเสด็จไปทรงบูชาที่ต้นอัชปาลนิโครธ แล้วเสด็จประทับในหอพระนาค ทรงจุดเทียนและทรงโปรยพระสุหร่ายสรงน้ำพระอัษฐิพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วทรงทอดผ้าคู่สดับปกรณ์พระอัษฐิพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วเสด็จกลับเวลายามเศษ

วัน ๔ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาวันนี้โปรดให้มิสเตอร เออเนสเมซัน ซาเตา ซึ่งได้รับตราตั้งจากกรุงเกรตบริเตนเป็นมินิสเตอรเรสิเดนทูตอังกฤษ มาอยู่ในกรุงสยาม เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระราชสารตราตั้งของสมเด็จพระนางเจ้าอังกฤษนั้น โปรดให้จัดการรับรองอย่างใหม่ให้คล้ายกับประเทศยุโรปรับราชทูตทุกชาตินั้น มีการ์ดออฟออเนอยื่นหน้าพระที่นั่งจักรี ๑๐๐ แตรวง ๑ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องเต็มยศอย่างทหารมหาดเล็กทรงเครื่องราชอิสสริยยศ เซนไมเคอล เซนยอชของอังกฤษ เสด็จออกประทับห้องดรอนิงรูมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ตำรวจมหาดเล็กทหารตามสมควร เจ้าพนักงานกรมท่า กรมวัง นำมิสเตอร เออเนส เมซัน ซาเตา มินิสเตอร เรสิเดน กงสุลเยเนอราลอังกฤษ ๑ มิสเตอร เฟรนช ๑ มิสเตอร เคอดิง ๑ ดอกเตอร วิลเลียม วิลลิศ หมอสำหรับที่ว่าการราชทูต ๑ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท มิสเตอร ซาเตา มินิสเตอร เรสิเดนถวายแอดเดรส แล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงสปิชตอบแล้ว พระราชทานพระราชหัตถให้มิสเตอร ซาเตาจับถวายคำนับ แล้วมิสเตอร ซาเตา นำดอกเดอรวิลเลียม วิลลิศเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทให้ทรงทราบ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชปฏิสัณฐานโดยสมควรแล้วกราบถวายบังคมลากลับไป พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

เวลาค่ำไม่ได้เสด็จออก พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน

วัน ๕ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินพร้อมกระบวนนำและตามเสด็จพระราชดำเนินไปถนนบำรุงเมือง เลี้ยวลงถนนเฟื่องนครเสด็จประทับหน้าวัดบวรนิเวศ เสด็จพระราชดำเนินเข้าในพระอุโบสถทรงจุดเทียนนมัสการและทรงโปรยพระสุหร่ายน้ำหอมถวายพระชินศรี แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปที่พระเจดีย์เสด็จเข้าในคูหา ทรงจุดเทียนนมัสการและทรงโปรยพระสุหร่ายน้ำหอมพระเจดีย์ทอง แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับวิหารพระศาสดาและพระไสยาศน์ ทรงนมัสการและทรงโปรยพระสุหร่าย แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับวิหารเก๋ง ทรงทอดพระเนตรการปฏิสังขรณ์ลงรักปิดทองลงสีเป็นต้น แล้วเสด็จที่พระศรีมหาโพธิทรงนมัสการและโปรยน้ำหอมแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับตำหนักกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ครู่หนึ่งจึงทรงถวายน้ำหอมสรงพระหัตถ์กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วถวายผ้าไตรอย่างดีไตรหนึ่ง กรมพระปวเรศทรงครองไตรแล้วถวายอนุโมทนา แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับทรงรถพระที่นั่งไปประทับวัดราชประดิษฐสถิตย์มหาสีมาราม เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการและทรงโปรยพระสุหร่ายสรงพระพุทธรูป แล้วเสด็จประทับตรัสกับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ครู่หนึ่งแล้วทรงสรงน้ำและทรงประเคนผ้าไตรอย่างดี แล้วสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ครองไตรแล้วถวายอนุโมทนา เสด็จพระราชดำเนินกลับพระบรมมหาราชวัง

วัน ๖ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จพระราชดำเนินออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกหลวงภักดีณรงค์ข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ๑๔ ฉะบับ เป็นใบบอกส่งเงินส่วย ๙ ฉะบับมีความต้องกันว่าได้เร่งเงินแทนเร่วส่วย ดินประสิวส่วย ได้เงินส่วยเมืองอุบล เมืองพิบูรณ์มังษาหาร เมืองตระการพืชผล เมืองมหาชนะไชย เมืองชาณุมานมณฑล เมืองเสนางคนิคม รวมเลข ๑๘๕๘๑ คนเงิน ๑๓๘๖ ชั่ง ๔ ตำลึง ดินประสิว ๑ บาท ๙๐ สตางค์ ได้ส่งมาครั้งก่อนเงิน ๒๒๙ ชั่ง ๑ บาท ได้แจกเงินเดือนทหารกับให้เป็นกำลังพระจันทเทพสุริยวงศ์เจ้าเมืองหมอกรวมเงิน ๔๓ ชั่ง ๘ ตำลึง ๓ บาท ยังคงเงิน ๑๑๑๓ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ให้นายเคลือบมหาดเล็กและท้าวเพลี้ยเมืองอุบลคุมลงมาส่ง กับเร่งเงินแทนส่วยเมืองเขมรได้เงิน ๙๒ ชั่ง ๙ ตำลึง ๒ บาท รวมกับเก่าเป็นเงิน ๑๐๗ ชั่ง ๙ ตำลึง ๒ บาท เมืองอำนาจเจริญเงิน ๓๓ ชั่ง ๖ ตำลึง รวมกับเมืองเขมราชเก่าใหม่ ๑๔๐ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ๒ บาท เลข ๑๘๗๗ คนยังไม่สิ้นเสร็จ ฉะบับที่ ๑๐ ว่าจับได้ตัวอ้ายเชียงกัญญาผู้ร้ายปล้นฉกลักราษฎรเมืองมหาชนะไชย ถามรับเป็นสัตย์ซัดเพื่อน จึงแต่งราชบุตรออกจับได้เพื่อนผู้ร้าย ๖ คน แล้วอ้ายหลวงไกรสรเสมากองนอกเมืองศรีษะเกศ ขี่แคร่ไม้ไผ่มีพรรคพวก ๓๐ คนมาแย่งตัวผู้ร้ายไป ราชบุตรกับตาแสงกำนันช่วยกันจับได้ตัวคนแย่งและผู้ร้ายได้ตัวมาถามรับเป็นสัตย์หมด ได้ส่งตัวเข้ามากรุงเทพฯ กับว่าพระอมรคนใจเจ้าเมืองตระการพืชผลว่า เมื่อปีขานสัมฤทธิศกเก็บเงินส่วยได้ ๒๐ ชั่ง จะส่งมากรุงเทพ ฯ เจ้าพรหมเทวายืมจ่ายให้ครัวพวน ฉะบับที่ ๑๑ ว่ามีข่าวเมืองคำทองใหญ่ร้องด้วยความฆ่ากันตายว่าไม่มีใครชำระให้ ได้ว่ากับเจ้านครจำปาศักดิ์ๆว่าโทษฆ่ากันตายกฎหมายข่าไม่มีโทษไม่ยอมชำระ กับว่าพวกลาวพวนลาวยอปลายแขนน้าร้องว่ามีผู้ไปล่อลวงเอามาขายในเมืองนครจำปาศักดิ์หลายราย ได้ต่อว่าเจ้ายุติธรรมธรๆว่าเป็นเมืองประเทศราชหาได้มีศุภอักษรห้ามไม่ ฉะบับที่ ๑๒ ขอทำศาลากลางเมืองอุบลราชธานีให้เป็นที่มั่นคงไม่ให้ใช้มุงแฝก ฉะบับที่ ๑๓ ส่งเครื่องยศราชวงศ์เมืองอุบลราชธานีกับขอศิลาหน้าเพลิงไปเผาศพ ฉะบับที่ ๑๔ ขอศิลาหน้าเพลิงเผาศพราชวงศ์เมืองเขมราฐ (เรื่องเจ้าจำปาศักดิ์ใช้กฎหมายข่าและไม่เลิกการจับข่านั้น โปรดให้มีตราถึงพระยามหาอมาตย์ให้ห้ามให้จงได้)

พระนรินทรอ่านบอกพระศิริธรรมบริรักษ์ปลัดเมืองนครศรีธรรมราชส่งเงินค่านาปีมะเมียจัตวาศก ครั้งนี้ ๙๙ ชั่ง ๑๓ ตำลึง ๒ บาท ๑ เฟื้อง ๕๑๒ ไพ และส่งมาแล้ว ๓ ครั้งเงิน ๒๔๒ ชั่ง ๕ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง เป็นเสร็จสิ้นจำนวนแล้ว ฉะบับ ๑ ใบบอกพระยากาญจนดิฐส่งเงินภาษีผลประโยชน์จำนวนปีวอกฉอศกงวดเดือน ๘ เงิน ๓๐ ชั่ง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง

แล้วเสด็จขึ้นเสด็จประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่งแล้วเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๗ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยามหาอมาตย์ที่ ๕ ว่ายกจากเมืองกบิลบุรีถึงบ้านบุคะเคียนแขวงเมืองศรีโสภณณวัน ๒ ๑๕ ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงกลับครั่นตัวสะบัดร้อนสะบัดหนาว บ่าย ๒ โมงยกไปถึงศีรษะกระบือหยุดพัก กรมการเมืองศรีโสภณถือหนังสือยกระบัตรเมืองพนมศกและศุภอักษรเจ้านครจำปาศักดิ์วางเวร ๑ ถึงพระยามหามาตย์ ๑ แต่ผนึกซองเดียวกันจึงได้ฉีกออกได้ความว่า เจ้ายุติธรรมธร เจ้าอุปราช เจ้านายท้าวพระยาคุมช้างพลายสำคัญลงมาถึงบ้านยาเยียซึ่งจะโปรดให้ไปคิดราชการเมืองนครจำปาศักดิ์นั้น เจ้าจำปาศักดิ์เจ้าอุปราชก็ลงมาเสีย วิตกว่าจะจัดการอะไรไปไม่ตลอด แต่คงจะขึ้นไปให้ถึง ทั้งอาการที่ไม่สบายก็กลับมีขึ้น ถ้าเป็นอย่างไรไปจึงจะบอกมา กับส่งใบบอกเจ้านครจำปาศักดิ์ลงมาด้วย ศุภอักษรเจ้านครจำปาศักดิ์เจ้าอุปราชว่าวัน ๓ ๑๑ ๓ ค่ำ ปีวอกฉอศก ได้พร้อมกันนำช้างพลายสำคัญออกจากนครจำปาศักดิ์ เดินวันละ ๒๕๐-๓๐๐ เส้น เดินแต่เวลาเช้าทุกวันถึงบ้านยาเยียแขวงนครจำปาศักดิ์วัน ๔ ค่ำ ปีวอกฉอศกแล้วจะรีบเดินลงมา

พระนรินทรอ่านบอกพระยาอภัยบริรักษ์เมืองพัทลุง ๒ ฉะบับๆหนึ่งส่งต้นไม้ทอง ๖ ต้น เงิน ๖ ต้น ๆ ละ ๑ บาท เทียนพนม ๑๐๐๐ เล่ม ผ้าขาวพับ ๒๔ ศอก ๒๐ พับ เครื่องราชบรรณาการเสื่อจำนวนปีวอกฉอศกให้กรมการคุมเข้ามาส่ง แต่ไม้มะริด ๑๕ ท่อน ลวด ๑๕ ลวดนั้นจะส่งมาภายหลัง ฉะบับ ๑ ขอพระครูการามเป็นพระครูอริยสังวรเจ้าคณะใหญ่เมืองพัทลุงต่อไป

แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์จนเวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลาเกือบ ๔ ทุ่มพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าจนเวลา ๒ ยามกลับออกมา

วัน ๑ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระพลสงครามผู้รักษาเมืองนครสวรรค์ ว่าได้เกณฑ์กันปักเสาโทรเลขติดอินสุเลตเตอเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้พาดสายโทรเลข แล้วหม่อมเทวาธิราชให้หม่อมยา นายเดชลงมาช่วยจัดการได้พร้อมกันพาดสายโทรเลขแล้วบ้าง จะให้แล้วในเดือน ๕ ปีระกาสัปตศกฉะบับ ๑ กับใบบอกหลวงวิจารณพยุหพลปลัดเมืองพยุหคีรี ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่าพระพยุหาภิบาลผู้ว่าราชการป่วยถึงแก่กรรม ขอศิลาหน้าเพลิงไปเผาศพ อีกฉะบับ ๑ ส่งเงินแทนเหล็กหางกุ้งส่วย ซึ่งค้างพระพยุหาภิบาลจำนวนปีขาล ๕ ชั่ง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ใบบอกหลวงสัจพันธคีรี กรมการพระพุทธบาท ว่าพระพรหมบริรักษ์ไปถึงพระพุทธบาท นำฎีกามาเบิกข้าวสาร ได้ออกเงินซื้อข้าวจ่ายให้พระพรหมบริรักษ์ นายไพร่ ๘๕ คน ข้าวสาร ๘๘ ถัง เป็นเงิน ๑๖ ตำลึง ๒ บาท แล้วได้ส่งพระพรหมบริรักษ์ไปแขวงเมืองไชยบาดาล แล้วส่งฎีกามาเบิกเงินฉะบับ ๑ ใบบอกพระอินทรประสิทธิศรเมืองอินทบุรี ขอที่ผูกพัทธสีมาวัดบ้านไร่ กว้าง ๖ วา ยาว ๙ วา

พระนรินทรอ่านบอกพระอนุรักษ์โยธา หลวงนราธิกรณ์ฤทธิ์ได้เร่งให้พระยาภูเก็จส่งเงินภาษีอากรที่ค้างพระยาวิชิตสงคราม ๑๑๘๙๔๕ เหรียญ แล้ววัน ๔ ๑๐ ๕ ค่ำ หลวงทวีปสยามกิจบอกไปว่าพระยาภูเก็จได้ส่งเงินภาษีอากรเมืองภูเก็จไปเงิน ๑๑๘๙๔๕ เหรียญ นายพุ่ม นายหร่าย ส่งเงินภาษีเมืองถลาง ๘๑๖๐ เหรียญ ได้ฝากเงินเมืองภูเก็จไว้ที่ชาแมกแคนไตม์แบงก์ ๔๑๘๔๐ เหรียญ ฮ่องกงเซี่ยงไฮ้แบงก์ ๓๗๔๕๖-๖๗ เหรียญ ชาเตอร์แบงก์ ๓๙๖๔๘-๓๓ เหรียญ เงินเมืองถลางฝากชาเตอร์แมกแคนไตม์ ๘๑๖๐-๐ เหรียญ รวม ๑๒๗๑๐๕-๐ เหรียญ ได้รับรีสิตจากแบงก์แล้ว ฉะบับหนึ่งบอกพระยาภูเก็จว่าด้วยส่งเงินภาษีรายค้างพระยาวิชิตสงคราม ๑๑๘๙๔๕-๐ เหรียญไปให้หลวงทวีปสยามกิจแล้ว

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระยานนทบุรีว่าอ้ายแดงเช่นกับพวกกลุ้มรุมกันฟันนายรอดตาย ได้ตัวอ้ายแดงเช่นมาถามรับเป็นสัตย์ แต่ว่าฟันผู้ร้ายซึ่งต่อสู้กันในกลางทางหารู้จักชื่อไม่ ยังสืบพะยานอยู่

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์จนเวลาค่ำเศษเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๒ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วทรงสัปนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้าสวัสดิในกรมขุนภูวไนย ๑ ศพครูมรกฎครูมโหรีในพระบรมมหาราชวัง ๑ ศพขุนราชกุมารหมอกุมาร ๑ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาวิเศษฦาไชยเมืองฉะเชิงเทราว่าด้วยพร้อมกับเมืองนนทราชธานี ข้าหลวงหาตัวนายกองส่วยทองมาเร่งทองคำส่วยที่ค้างตั้งแต่จำนวนปีมะโรงสัมฤทธิศก ถึงปีมะแมเบญจศก ๑๖ ปี เป็นทองคำหนัก ๒๒ ชั่ง ๗ ตำลึง ๑ บาท คิด ๑๔ หนักเงิน ๓๑๓ ชั่ง ๑ ตำลึง ๒ บาท ชำระได้เงินแทนทองคำส่วยเงิน ๘๐ ชั่ง ๖ ตำลึง ๒ บาท มอบให้เมืองนนทราชธานีคุมมาส่งครั้งหนึ่งก่อน ฉะบับ ๑ ใบบอกพระโบราณบุรานุรักษ์ พระพิทักษเทพธานี ปลัดกรุงเก่าว่า สืบสาวเอาตัวผู้ร้ายฆ่าจีนชงโภ่ที่วัดพะนันเชิง ได้ตัวผู้ร้ายชื่ออ้ายทรัพย์มาถามรับเป็นสัตย์ส่งตัวมากรุงเทพ ฯ (โปรดให้ลุกขุนปรึกษาโทษ)

พระนรินทรอ่านบอกพระขยันสงครามปลัดเมืองนครเขื่อนขันธ์ ๒ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าด้วยผู้ร้ายประมาณ ๓๐ คน ทาหน้าขาวหน้าดำขึ้นปล้นเรือนจีนเกียะ จีนจันอำแดงวัน บ้านปากคลองพระโขนงตีเจ้าของเรือนมีบาดแผลเก็บทรัพย์ไปได้รวม ๙ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ๓ บาท ๓ สลึง เจ้าของทรัพย์จำหน้าได้รู้จักชื่อว่าอ้ายก๋ง อ้ายดี อ้ายกราน ได้แต่งกรมการสืบจับได้ตัวอ้ายกรานมาคนหนึ่ง บิดาอ้ายก๋งเป็นจำนำคนหนึ่ง นอกนั้นยังแต่งกรมการติดตามอยู่ แต่อ้ายกรานนั้นให้การไม่รับ ฉะบับ ๑ ว่าด้วยผู้ร้ายประมาณ ๓๐ คนขึ้นปล้นบ้านนายเหม็น นายศรี อำแดงมิ่ง บ้านคลองทุ่งหนองบอนปลายคลองพระโขนง ผู้ร้ายตีนายเหม็นๆ นายศรีหนีไป ผู้ร้ายเข้าเรือนเอาศีรษะขวานตีอำแดงมิ่งและกดคอลงไว้ถามจะเอาเงินและของ อำแดงมิ่งต้องบอกให้ผู้ร้ายๆ เก็บได้เงินและของรวมราคา ๓ ชั่ง ๔ ตำลึงแล้วพากันไป เจ้าของทรัพย์จำหน้าไม่ได้ ได้แต่งกรมการออกสืบสวนจับแล้วยังไม่ได้ความ

เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม หลวงปฏิบัติเฝ้าถวายกระโถนเล็กที่สั่งมาใหม่ แล้วพระองค์ทองแถมเฝ้าถวายแผนที่พระตำหนักที่จะทำใหม่ณพระราชวังบางปะอิน ทอดพระเนตรและถวายแซงชั่นเงินที่จะทำด้วย แล้วพระอมรเฝ้าถวายแผนที่โรงทหารปืนใหญ่ที่จะทำใหม่ แล้วเสด็จขึ้นข้างในเวลาทุ่มเศษ

วัน ๓ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้ไม่มีราชการ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จพระราชดำเนินประพาสพระราชอุทยานสราญรมย์จนเวลาทุ่มเศษเสด็จกลับ

วัน ๔ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกดรอนิงรูม พระองค์ดิศวรกุมารนำหมอแมกฟาลันด์ครูสอนหนังสือโรงสกูลวังนันทอุทยานเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท หมอแมกฟาลันด์นำบุตร ๓ คน คือ วิลเลียม แมกฟาลันด์ เฮนรี แมกฟาลันด์, ยอช แมกฟาลันด์ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงพระราชปฏิสัณฐานโดยควรแล้วถวายบังคมลาไป

เสด็จมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระนรินทรอ่านบอกพระยาสุรินทรฦๅไชยข้าหลวงทำการโทรเลขว่า ทำการสายโทรเลขแต่ลำทรายทองบ้องตี้ถึงยอดเขาแดนรวมทาง ๑๐๓๙ เส้น ๕ วา ของใช้เหลือได้มอบไว้ที่พระศรีสวัสดิ์ได้ทำทางโทรเลขเสร็จบ้างแล้ว ได้ทำโรงสเตชั่นที่บ้องตี้หลัง ๑ หนองใหญ่หลัง ๑ หนองศรีมงคลหลัง ๑ วัน ๓ ๕ ค่ำ ปีระกาได้ต่อสายโทรเลขกับฝ่ายอังกฤษที่ยอดเขาแดนแล้ว ได้ให้พระศรีสวัสดิ์จัดคนรักษาสเตชั่น ๆ ละ ๒ คน แต่ทางช้างเดินนั้นไม่แล้วเสร็จ คนเจ็บป่วยมากขอทำปีหน้า เครื่องมือเหลืองานนั้นมอบพระยากาญจนบุรีไว้แล้ว ฉะบับ ๑ บอกพระยาภักดีนฤบดินทร พระยาอมรินทรฦๅไชยเมืองราชบุรีว่า พระณรงค์ภักดีตกน้ำตายจะเผาศพพระณรงค์ภักดี ขอพระราชทานศิลาหน้าเพลิง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้น เสด็จไปประทับซิตติงรูมทรงหนังสือราชการจนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้นข้างใน

เวลา ๔ ทุ่มพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๒ ยาม

วัน ๕ ๑๐ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

บ่าย ๕ โมงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยามหาอมาตย์ ๒ ฉะบับๆ ที่ ๖ ว่าไปถึงเมืองศรีโสภณวัน ๕ ๕ ค่ำพระยาพนมพินิจแต่งให้กรมการลงมาแจ้งความว่าพระยานุภาพมีหนังสือมาจับอ้ายโตกพวกนักองค์วัดถาได้แล้ว ถ้าพระยาพนมพินิจจะส่งอ้ายเสาญวนที่เข้ามาเกลี้ยกล่อมคนเมื่อใด พระยานุภาพไตรภพจะแต่งกรมการคุมอ้ายโตกเข้ามาส่งด้วย ในวันนั้นเวลา ๒ ยามหลวงยกระบัตรเมืองพนมศก ผู้ว่าราชการเมืองศรีโสภณมาแจ้งความว่า ได้รับจดหมายหลวงอภยเมืองพนมศกว่า อ้ายสายผู้ร้ายปล้นเข้าเมืองโตนกซึ่งหนีไปอยู่เมืองกำพงสวายนั้น กลับเข้ามาแจ้งความแก่ราษฎรว่ามีพวกประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ คนมาอยู่ที่กันโจร พระยามหาอมาตย์ไมไว้ใจราชการได้ให้หลวงเสนีพิทักษ์ จมื่นมณเฑียรพิทักษ์คุมไพร่ ๙๐ คนเศษมีปืนกระสุนดินดำไปรักษาราชการก่อน แล้วพระยามหาอมาตย์จะยกตามไปภายหลัง อีกฉะบับ ๑ บอกที่ ๘ ว่าหลวงเสนีพิทักษ์ จมื่นมณเฑียรพิทักษ์มีจดหมายมาว่า พบกรมการเมืองพนมศกบ้านพะเนียดน้ำ ถามได้ความว่าอ้ายสายเข้ามาที่วัดจริงแต่หามีพวก ๔๐๐-๕๐๐ จริงดังลือไม่แล้วหายไป พระยาพนมพินิจได้ออกติดตามจับตัว แล้วพระยานุภาพไตรภพได้มาหาพระยามหาอมาตย์ที่เมืองศรีโสภณปรึกษาราชการที่จะตั้งด่านปลายแดนที่ติดต่อกับเขตต์เดือนเมืองพนมเปญ และให้ทำแผนที่ส่งเข้ามาภายหลัง กับพระยานุภาพแจ้งความว่าเรื่องอ้ายสายที่ว่ามีพวกมากนั้นเห็นจะไม่จริง เพราะถ้าจริงดังนั้นเมืองนครเสียมราษซึ้งอยู่ชั้นนอกจะต้องรู้ก่อน ด่านทางก็ระวังแข็งแรงอยู่ ซึ่งพระยามหาอมาตย์จะยกไปทางพนมศกนั้นเห็นอ้อมไปเปล่าๆ ขอให้ไปทางสวายจิก การเมืองพนมศกพระยานุภาพจะรับฉลองพระเดชพระคุณ พระยามหาอมาตย์จะกราบถวายบังคมลาไปทางสวายจิก จะได้พบกับเจ้านครจำปาศักดิ์ ได้มีหนังสือกำชับหลวงเสนีพิทักษ์ไปให้ระวังราชการให้แข็งแรงแล้ว

พระนรินทรอ่านบอกพระเพ็ชรพิสัยศรีสวัสดิ์ปลัด หลวงพิพัฒพืชภูมยกระบัตรเมืองเพ็ชรบุรี ๒ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าด้วยผู้ร้าย ๗ คนขึ้นปล้นเรือนอำแดงเหมือน อำแดงกลัด เก็บทรัพย์ไป ๒ ชั่ง ๖ ตำลึง ๒ บาท กับสิ่งของ ๒๒ สิ่งไป กรมการสืบจับได้อ้ายชา อ้ายพึ่ง อ้ายจิตร์ อ้ายหวาน อ้ายเข่ง อ้ายพงมาถามรับเป็นสัตย์ส่งของกลางได้ ส่งตัวผู้ร้ายกับคำให้การเข้ามา ฉะบับ ๑ ว่าด้วยมีตราพระคชสีห์ให้ห้ามขุนพัฒนายบ่อนเสมียนเขียนโพยหวยเบี้ยจับยี่กีในเมืองเพ็ชรบุรี ถ้าไม่ฟังให้จับนั้น จับได้เสมียนผู้เขียนโพย ๙ คนตัวจำนำ ๔ คน หลบหนีไปเสีย ๒๗ คนๆ ที่จับได้นั้นจำไว้ตามท้องตราแล้ว

เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

เวลา ๔ ทุ่มพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๒ ยามเศษ

วัน ๖ ๑๑ ๖ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาวันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง เวลาค่ำเสด็จพระราชดำเนินวังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระบำราบปรปักษ์ในการทำบุญวันประสูติ

เวลายามเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกพระที่นั่งจักรีทรงพระราชยานไปประทับวังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ามหามาลากรมพระบำราบปรปักษ์ เสด็จประทับบนท้องพระโรงรับสั่งกับสมเด็จกรมพระแล้วพระราชทานลายพระหัตถพระราชทานพรชัยมงคล และไม้ท้าวหวายเทศมีนาฬิกาพกเรือนทองคำติดอยู่ที่ศีรษะและเงิน ๒๐ ชั่ง เสด็จประทับตรัสอยู่ประมาณชั่วทุ่ม ๑ เสด็จไปประทับห้องเสวยๆ แล้วเสด็จลงมาประทับพลับพลาทอดพระเนตรละครท้าวราชกิจอยู่จนเวลา ๒ ยาม เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วัน ๗ ๑๒ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกประทับดรอนิงรูม กรมหมื่นเทววงศ์นำมิสเตอร ยอน ไกรสเกส ๑ มิสเตอร ยี เอส เมอร์เรย์ ๑ ซึ่งเป็นคนอินเยอเนียทำรถไฟเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงพระราชปฏิสัณฐานโดยสมควรแล้วถวายคำนับบังคมลากลับไป

เสด็จพระราชดำเนินมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พงะนรินทรอ่านบอกพระวิชิตชาญณรงค์เมืองปราจีนบุรีว่าด้วยความผู้ร้าย ๑๘ คนขึ้นปล้นเรือนจีนบึ้งอำแดงอิ่ม ยิงแทงตีฟันเจ้าของทรัพย์มีบาดแผล แต่เมื่อหลวงทรงสุรเดชยังไปเป็นข้าหลวงนั้น ได้ช่วยกันสืบได้ตัวอ้ายไทยมาถามรับเป็นสัตย์ซัดเพื่อน ๑๐ คน และซัดหลวงชนะเที่ยงว่าเป็นเจ้าสำนักได้ส่วนแบ่งปันด้วย ได้ตัวมาถามรับเป็นสัตย์ส่งของกลางและได้มีสูตรนารายน์ไปเอาตัวคนต้นซัดที่เมืองประจวบคิรีขันธ์ยังไม่ได้ดัวมา จึงส่งตัวอ้ายไทยกับพวกที่จับได้เข้ามากรุงเทพ ฯ ก่อน

เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นข้างใน

เวลา ๔ ทุ่มพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลา ๕ ทุ่มเศษกลับออกมา

วันนี้เจ้าหมื่นไวยถวายหนังสือขอนายเสน่ห์หุ้มแพรไปเป็นผู้ดูแลราชการเป็นผู้ช่วยในกรมทหารหน้า มีพระราชหัตถ์พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ไปรับราชการตามที่ทูลขอ

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งหนังสือนิมิสเตอรเรสิเดนทูตอังกฤษ ว่าได้รับหนังสือมาจากไวซกงซุลอังกฤษที่เชียงใหม่ ว่าที่ปลายเขตต์แดนเมืองตากซึ่งจะไปเมืองพะม่าอังกฤษ และปลายแดนเมืองกำแพง เมืองเถิน มีผู้ร้ายชุกชุมมาก เป็นที่เดือดร้อนแก่พ่อค้าพวกเดินทางมาก มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระเรื่องจะจัดการชำระปราบปราม จะโปรดให้พระพิเรนทรเป็นข้าหลวงไปจัดการให้เรียบร้อย

วัน ๑ ๑๓ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลากลางวันไม่ได้เสด็จออกขุนนาง

เจ้าพนักงานจัดการตั้งพระราชพิธีจรดพระนังคัล ในวันนี้เชิญพระคันธารราษฎร์แห่ออกไปท้องสนาม แห่เทวรูปออกไปทุ่งส้มป่อย พิธีสงฆ์ตั้ง ณ ท้องสนามหลวง พิธีพราหมณ์ตั้ง ณ ทุ่งส้มป่อยหลังบ้านญวน เวลา ๒ ทุ่มเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกไปประทับพลับพลาท้องสนามหลวง หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันธน์เป็นประธานสงฆ์ เจ้าพนักงานนำพระวินัยมุนีซึ่งไปธุดงค์กับหม่อมเจ้าพระพุทธบาท กับพระสงฆ์รามัญวัดช่องลม ซึ่งไปเมืองรามัญมาเฝ้าในที่นั้นด้วย เจ้าพระพุทธบาทกับพระวินัยมุนีถวายพระแก้วผลึกองค์ละองค์ แต่พระรามัญนั้นถวายพระธาตุและพระบุราณต่าง ๆ หลายองค์ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชปฏิสัณฐานโดยควร แล้วถวายพระพรลาไปทรงประเคนจีวรสะบงผ้ากราบพระแก่หม่อมเจ้าพระพุทธบาทและปเรียญรวม ๑๑ รูป พระสงฆ์ครองผ้าแล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาอภัยรณฤทธิซึ่งจะเป็นผู้ไปแรกนาขึ้นไปนั่งฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ทรงจุดเทียนนมัสการ เจ้าพระพุทธบาทถวายศีล ขุนสุวรรณอักษรอ่านประกาศจบแล้ว พระสงฆ์สวดทวาทัศปริตร ครั้นพระสงฆ์สวดมนต์จบแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานน้ำพระมหาสังข์อุตราวัฏแก่พระยาอภัยรณฤทธิ และเถ้าแก่ซึ่งเป็นนางเทพีทั้ง ๔ คน แล้วโปรดให้สมเด็จกรมพระทรงรดน้ำท่านทั้ง ๕ นั้นด้วย แล้วพราหมณ์รดน้ำสังข์ท่านทั้ง ๕ เหมือนกัน เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จพระราชดำเนินมาประทับวัง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ทอดพระเนตรละครเจ้าหมื่นสรรพ์เพ็ชญ์ภักดีเล่นสนุกนก ทอดพระเนตรอยู่จนเวลา ๗ ทุ่มเศษเสด็จกลับ

วัน ๒ ๑๔ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๔ โมงกับ ๒๘ นาที เจ้าพนักงานแห่พระยาอภัยรณฤทธิไปยังโรงพิธีทุ่งส้มป่อยแล้ว เจ้าพนักงานนำผ้า ๔-๕ คืบ เข้ามาให้พระยาอภัยรณฤทธิ ๆ อธิษฐานจับผ้ากว้าง ๖ คืบนุ่งเสร็จแล้ว ครั้นเวลาเช้า ๔ โมง ๕๘ นาฑีเป็นศุภมหาวัปมงคลฤกษ์ พระยาอภัยรณฤทธิออกจากที่พักไปยังที่แรกนาขวัญ แล้วเจิมพระโคไถแล้วจึงไถแรกนาขวัญ นางเทพีก็โปรยพืชธัญญาหารอันเข้าพิธีตามโบราณจารีตประเพณี ครั้นแรกนาแล้วพราหมณ์นำข้าวเปลือก ข้าวโภชน์ ถั่ว งา หญ้า น้ำ เหล้า รวม ๗ สิ่งให้พระโคๆกินหญ้า โหรพราหมณ์พยากรณ์ว่าธัญญาหารจะบริบูรณ์ พระยานุ่งผ่า ๖ คืบนั้นน้ำมากกว่าปีวอกฉอศกคืบเศษ เป็นเสร็จการพระราชพิธีแรกนาขวัญ ที่ทุ่งท้องสนามมีการเลี้ยงพระที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้ด้วย แล้วเจ้าพนักงานแห่พระคันธารราษฎร์และเทวรูปกลับตามเคย

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงซ้อมกระบวนแห่โสกันต์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดมเป็นกระบวนข้างใน

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้ว .เสด็จพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านศุภอักษรเจ้ายุติธรรมธร เจ้านครจำปาศักดิ์ว่าด้วยพร้อมกับเจ้าอุปราชนำช้างพลายสำคัญลงมาถึงเมืองขุขันธ์แต่วัน ๑๕ ๔ ค่ำปีวอกฉอศก กรมการเมืองขุขันธ์ได้สมโภชช้างสำคัญ แล้วเดินออกวากขุขันธ์วัน ๕ ค่ำปีระกายังเป็นฉอศกถึงเมืองสังคะวัน ๕ ค่ำ ผู้รักษาเมืองกรมการได้สมโภชตามเคย กำหนดจะออกจากเมืองสังคะวัน ๕ ค่ำปีระกายังเป็นฉอศก กำหนดจะให้ถึงเมืองปราจินบุรีในเดือนหกนี้

พระนรินทรอ่านบอกพระยาพิพิธภักดี ศรีสุลต่านมหมัดรัตนานุชิต สิทธิสุนทร บวรวิวังษา พระยากลันตัน ขอบพระเดชพระคุณที่ได้โปรดเกล้า ฯ ให้หลวงดำรงสุรินทรฤทธิข้าหลวง พระภักดีดำรงฤทธิเมืองนครศรีธรรมราช ออกไปเยี่ยมอาการป่วยพระยาเดชานุชิตมหิศรรายานกุลวิบุลยภักดีผู้กำกับดูแลราชการ ซึ่งป่วยให้ตัวแข็งไปข้างหนึ่งนั้น อาการค่อยคลายหายบ้างแล้ว ถ้ามีอาการมากมายไปจึงจะบอกมาครั้งหลัง พระนรินทรนำหลวงดำรงสุรินทรฤทธิ หลวงลักษมาลาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระสุนทรบุรีเมืองนครชัยศรี ๒ ฉะบับๆหนึ่งว่าด้วยผู้ร้าย ๑๔-๑๕ คนขึ้นปล้นเรือน อำแดงทองและยิงนายสนบิดาอำแดงทองตายคาที่ เก็บทรัพย์ไปเป็นราคา ๘ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง จำหน้าผู้ร้ายไม่ได้ ได้แต่งกรมการออกสืบจับแล้ว ฉะบับ ๑ ว่านายแก้วคุมกระบือ ๓ กระบือไปเลี้ยงที่ทุ่งบางพระ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษมีผู้ร้าย ๓ คนเข้าตีนายแก้วล้มลง อ้ายผู้ร้ายไล่กระบือไป พบนายกลั่น นายนุ่ม นายแดง บ้านบางพระ นายกลั่น นายนุ่ม นายแดง จำกระบือได้ว่าของนายแก้ว อ้ายผู้ร้ายทิ้งกระบือหนีไป นายแดง นายกลั่น นายนุ่ม เดินมาพบนายแก้วล้มลงนอนอยู่ จึงช่วยกันพะยุงมาได้หน่อยหนึ่ง นายแก้วขาดใจตาย ได้แต่งกรมการออกสืบจับแล้ว

แล้วพระราชทานตรามงกุฎสยามชั้นที่ ๔ ชื่อภัทรากรณ์ แอรวิล มูลเลอ หลวงปฏิบัติราชประสงค์ ๑ แล้วรับสั่งให้พระยาอนุชิตชาญไชย ออกไปชำระความผู้ร้ายเมืองนครชัยศรีให้เรียบร้อย แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๓ ๑๕ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาวันนี้เริ่มการพระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่แห่รอบในเหมือนเมื่อโสกันต์พระองค์เจ้ากิติยากรณ์วรลักษณ์ ขะบวนแห่และทางที่เดินขะบวนนั้นตามเดิม แต่ตั้งเกยหน้าพระมหาปราสาทข้างในเกยหนึ่ง เกยหนึ่งนั้นตั้งทางพระที่นั่งนิพัทธพงษ์ฐาวรวิจิตร

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงประทับเกยทางพระที่นั่งนิพัทธพงษ์ โปรดให้เรียกขะบวนเข้าไปทรงส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดม ทรงเสลี่ยงกงแล้วเดินขะบวนไปตามทางที่เคยแห่ แล้วเสด็จพระราชดำเนินมาทรงรับพระกรทางเกยหน้าประตูพระมหาปราสาทแล้ว เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมุขตะวันออก โปรดให้พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดม ออกมาทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรย่ามโหมดเทศแก่กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้า พระราชาคณะ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อยรวม ๓๐ องค์ แล้วพระเจ้าลูกเธอเสด็จกลับเข้าไปในพระฉาก พระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีลแล้วพระสงฆ์สวดสัตตปริตร เสด็จมาประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ ครั้นพระสงฆ์สวดมนต์จบแล้วถวายอติเรก พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นข้างใน ส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอลงทรงเสลี่ยงกงแห่กลับตามธรรมเนียม พระเจ้าลูกเธอทรงเกี้ยวยอดเหมือนทุกคราว

เจ้านายทรงฉลองราชตระกูลดำ ข้าราชการสรวมเสื้อยศดำ ประดับเครื่องราชอิศริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน

อนึ่ง เมื่อขะบวนแห่มาถึงหน้าปราสาทข้างใน มีระเบงกระอั้วแทงควาย แทงวิไสย สิงโตรับขะบวนตามเคย

วัน ๔ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุกศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอแห่ไปโดยทางอย่างวันก่อน พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทรงรับพระกรที่เกยทางมหาปราสาท แล้วเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ ทรงศีลแล้วพระสงฆ์ ๓๐ สวดธรรมจักกัปวัตนสูตร เติมมงคลสูตรอย่างอื่นตามเคย พระสงฆ์สวดมนต์ืจบแล้วเสด็จขึ้น แห่พระเจ้าลูกเธอกลับ

เวลายามเศษสมเด็จกรมพระเฝ้าที่ท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี ถวายใบบอกพระยาพิไชยแม่ทัพนายกอง และบอกหลวงเสนาภักดีนายทัพนายกอง ว่าด้วยพระยาราชวรานุกูลและพระยาพิไชยและนายทัพกองพร้อมกันเข้าล้อมค่ายฮ่อทุ่งเชียงคำ ฮ่อเอาปืนยิงถูกขาพระยาราชวรานุกูลๆ เจ็บบาดแผลได้มอบการให้หลวงเสนาภักดี ขณะนั้นกรมหมื่นประจักษ์ กรมหมื่นเทววงศ์ พระองค์ดิศวรกุมารเฝ้าพร้อมกันที่นั่น ทรงพระราชดำริจะโปรดให้จัดกระสุนดินดำสาตราวุธขึ้นไปเพิ่มเติม และจะโปรดให้ทหารรักษาพระบรมมหาราชวัง คุมปืนฮอสกิดขึ้นไปด้วย เวลา ๒ ยามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๕ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงส่งพระกรพระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดมทรงพระราชยานกง แล้วแห่ไปตามทางอย่างวันก่อน แล้วเสด็จมาทรงรับพระกรที่เกยทางหน้าประตูพระมหาปราสาท พอแห่มาถึงมีระเบง แทงวิไสย กระอั้วแทงควาย สิงโตหกคะเมนรับขะบวน ทรงรับพระกรพระเจ้าลูกเธอแล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประทับมุขตะวันออกทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีลแล้วพระสงฆ์สวดมหาสมัยสูตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับมุขเหนือ รับสั่งกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอและเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน ในเรื่องการทัพฮ่อและการที่จะส่งเครื่องศาสตราวุธกระสุนดินดำขึ้นไป พระสงฆ์สวดมนต์จบแล้วเสด็จไปประทับมุขตะวันออก พระสงฆ์ถวายอติเรก เสด็จขึ้นส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอแห่กลับ

เวลา ๔ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน ทรงหนังสือราชการจนเวลา ๒ ยามกลับออกมา

วัน ๖ ๖ ค่ำ ปีระกา ยังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๒ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศทหารมหาดเล็ก ทรงเครื่องราชอิศริยยศนพรัตนราชวราภรณ์ เสด็จลงทรงส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดม แล้วเดินชะบวนแห่ไปตามทาง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทรงรับพระกรที่เกยหน้าพระมหาปราสาทแล้ว เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระเจ้าลูกเธอทรงเครื่องถอดแล้ว เสด็จออกมาประทับมุขเหนือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระเจ้าลูกเธอทรงประทับหน้าอาศน์สรงออกมา พอใกล้พระฤกษ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีล ทรงศีลแล้วพอได้พระฤกษ์เช้า ๓ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏพระราชทานพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดม แล้วทรงจรดพระกันบิดพระกรรไกรโสกันต์ ขณะนั้นพระสงฆ์ถวายชัยมงคล เจ้าพนักงานประโคมดุริยางค์ดนตรีตามประเพณี แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหลวงวรศักดา สมเด็จกรมพระบำราบปรปักษ์ทรงตัดพระเกษาต่อไป แล้วเสด็จลงไปสรงน้ำที่เขาไกรลาศและที่พระเบญจา พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์แล้ว โปรดให้กรมพระราชวังบวรและต่างกรมทุกพระองค์ประทานน้ำพระพุทธมนต์แก่พระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดมแล้ว เสด็จขึ้นมาบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงประเคนพระสงฆ์ ๓๐ รูปรับพระราชทานฉัน ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว พระเจ้าลูกเธอทรงฉลองพระองค์ครุยเฉียงพระอังษา ทรงภูษาเยียระบับจีบเสด็จมาเฝ้า พระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์พระราชทานแล้วโปรดให้ทรงประเคนไทยธรรมพระสงฆ์ ๆ ถวายอนุโมทนา อติเรก ถวายพระพรลา เสด็จขึ้น แต่งพระองค์พระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดมทรงเครื่องต้นเสด็จ เสด็จลงประทับเกยส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอลงทรงยานุมาศแห่กลับทางเดิมมาขึ้นเกยริมพระที่นั่งพัฒพงศ์ถาวรวิจิตร

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงทรงส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอทรงเครื่อต้นลงทรงยานุมาศแห่แต่เกยหน้าพระมหาปราสาทไปตามเดิม เสด็จมาทรงรับพระกรขึ้นไปบนพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร สมโภชเป็นการข้างในเหมือนเมื่อคราวก่อนแล้วแห่กลับทางเดิม

เมื่อสมโภชแล้วพระราชทานเครื่องราชอิศริยยศทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ และพานหมากเสวยเครื่องในพร้อมทองคำ ๑ บ้วนพระโอฐทองคำ ๑ หีบหมากเสวยลงยา ๑ เต้าน้ำทองคำพานรอง ๑ เงินพระคลังมหาสมบัติ ๕ ชั่ง พระคลังข้างที่ ๒๐ ชั่ง

วัน ๗ ๖ ค่ำ ปีระกา ยังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาพิไชยว่า พระยาราชวรานุกูลมอบราชการให้หลวงเสนาภักดี ได้ปฤกษาพร้อมกันจัดให้ไพร่ทั้งฟืนเชื้อเพลิงบังตัวเข้าไปเผาค่ายฮ่อ ทั้งฟืนเข้าไปใกล้ค่ายฮ่อ ๗ วง พวกฮ่อห่อดินจุดเพลิงทิ้งใส่กองฟืนๆ ไหม้ส่วน ๑ ส่วน กับได้ ๒ ส่วน พอเวลาค่ำเสีย จึงให้เจริญจัตุรงค์คุมไพร่ไทย ๓๐๐ พระยานาใต้ พระยาเมืองซ้ายคุมไพร่ลาว ๓๐๐ รักษากองฟืน เวลาทุ่มเศษพวกฮ่อห่อดินจุดไฟทิ้งกองฟืนอีก แต่ดับได้ไม่ไหม้ฟืน วัน ๗ ๔ ค่ำ ปีวอก ฉอศก เวลาเที่ยงได้พร้อมกันคุมไพร่ทิ้งเชื้อเพลิงเผาค่ายฮ่อไหม้บ้าง ไหม้กอไผ่บ้าง เรือนฮ่อบ้าง ฮ่อช่วยกันเอากระบอกฉีดน้ำดับไฟได้บ้าง ฮ่อบังตัวลงในสนามเพลาะเอาปืนยิงหลวงปราบตายคน ๑ ไพร่ตาย ๒ คน ป่วยไพร ๓ คน เห็นว่าทำการไม่สำเร็จจึงคิดกันว่าจะตัดไม้ใบบามัดๆ โตๆ ยาว ๓ ศอก โต ๗-๘ กำทิ้งบังตัวคนเข้าไปตั้งค่ายประชิดทำหอรบสูง ๖-๗ วา หาฟืนเตรียมไว้ได้ทีจะตีระดมเผาค่ายให้สำเร็จ ได้ปฤกษาพระยาราชเห็นด้วย ได้ลงมือทำการแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ ครั้นวัน ๑ ๔ ค่ำ พระยาราชให้มาหาตัวไปปฤกษาพร้อมด้วยพระวิภาค ให้พระยาวิไชยนำพระวิภาคไปทำแผนที่เมืองไลเมืองแถงและเมืองหัวพันทั้งหก ให้พระยาสุโขทัยเจ้าอุปราชนายทัพนายกองขุนหมื่นไพร่ ๓๒๐๐ คนอยู่ช่วยพระยาราชทำการรบฮ่อทุ่งเชียงคำต่อไป ขอนายทัพนายกองไพร่ไทย ๓๐๐ คน เจ้าราชวงศ์และไพร่เมืองหลวงพระบาง ๓๐๐ คนไปทำราชการด้วย กำหนดจะพาพระวิภาคภูวดลไปเมืองแถงเมืองไล วัน ๓ ๑๐ ๔ ค่ำเป็นแน่ อีกฉะบับหนึ่งว่าวัน ๒ ๔ ค่ำ พระยาพิไชยจัดนายทัพนายกองที่ล้อมค่ายฮ่อไว้เรียบร้อยแล้ว ได้ยกจากค่ายทุ่งเชียงคำมาพักอยู่ค่ายสีสะทุ่งเชียงคำ เวลายามเศษได้ยินเสียงปืนผิดธรรมเนียม จึงได้ให้ขุนหมื่นไพร่ ๕๐ คนรีบไปสืบได้ความว่าฮ่อออกแหกค่ายที่พระยาสุโขทัยเจ้าอุปราชรักษา ได้รบกันฮ่อตาย ๖ คน จับได้คนหนึ่งเจ็บป่วยมากฮ่อหนีเข้าค่าย ได้ถามฮ่อที่จับได้ ได้ความว่าฮ่อในค่ายมีพวกฮ่อและข่าพวนทู้ฮ่อชายหญิง ๔๐๐ เศษ ตั้งแต่รบกันมาฮ่อตาย ๔๐ เศษ ฮ่อในค่ายคิดแต่จะหนีแล้วฮ่อขาดใจตายเสีย กับว่าเจ้านครหลวงพระบางส่งสะเบียงข้าว ๕๐๐ ถัง พริก ๕ หาบ กระสุนปืน ๒๕,๐๐๐ ดินดำ ๖๐ หาบ ไปถึงทุ่งเชียงคำเสร็จแล้ว

พระนรินทรอ่านบอกพระยาสมบัติภิรมย์เมืองสงขลา ๓ ฉะบับ ๆ หนึ่งส่งเงินรังนกเมืองสงขลา จำนวนปีวอกฉอศกเงิน ๒๒๙ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับหนึ่งส่งเงินส่วยสรรพเหตุจำนวนปีมะแมเบญจศกเลข ๓๔ คนเงิน ๙ ตำลึง ๒ บาท ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับหนึ่งว่าได้เกณฑ์ขอแรงไพร่ตัดเสาตัดไม้ทำเมรุปลงศพเจ้าพระยาวิเชียรคีรี กำหนดงานเดือน ๑๐ ปีระกาสัปตศก ขอพระราชทานศิลาหน้าเพลิงพระราชทานเพลิง

แล้วพระราชทานสัญญาบัตรหลวงรามรักษา เป็นหลวงรักษ์ราชหิรัญกรมพระคลังมหาสมบัติ ๑ นายขุนทองมหาดเล็กเป็นพระยาเกียรติเจ้ากรมดั้งกองซ้าย ๑ นายปั้นครูสอนหนังสือเป็นขุนวิจิตรวรสาสนครูสอนหนังสือ ๑

สมเด็จกรมพระมาเฝ้าถวายหนังสือไปรเวตพระยาพิไชยเสด็จขึ้น เสด็จไปประทับซิตติงรูม รับสั่งกับสมเด็จกรมพระด้วยการจะปราบปรามฮ่อในฤดูฝนก็เห็นจะไม่ทัน การที่บนก็เกือบสำเร็จที่ทหารปืนใหญ่จะไป ก็จะไม่มีการทำเป็นอันงดเลิกเสียก่อน เมื่อได้ข่าวราชการหนักแน่งมาจึงจัดการไป

วัน ๑ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกหลวงวิจารณ์พยุหพลปลัดเมืองพยุหคีรี ว่าหม่อมเทวาธิราชให้นายเดชมาช่วยหลวงวิจารณ์พยุหพลกรมการพาดสายโทรเลขแต่พรมแดนเมืองนครสวรรค์ถึงพรมแดนเมืองมโนรม ๕ วันแล้วเสร็จ ฉบับ ๑ บอกพระยารามณรงค์สงครามเมืองกำแพงเพ็ชร ว่าป่าไม้ขอนสักฝั่งตะวันออกแขวงเมืองกำแพงเพ็ชรต่อแดนเมืองพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ว่าเปล่าอยู่ หลวงอินทรเกษรนายอากรป่าผึ้งขอทำป่าไม้ขอนสักหลักแพกำกวมไม้กระยาเลยเสีย เงินค่าตอไม้เป็นประโยชน์แผ่นดินต่อไป (โปรดให้งดไว้ก่อนกว่าจะได้ออกพระราชบัญญัติ)

พระนรินทรอ่านบอกพระยาประสิทธสงครามเมืองกาญจนบุรี ฉะบับ ๑ ว่าหลวงพลสงครามเมืองทองผาภูมถือหนังสือพระสุวรรณคีรีมาว่า เมื่อเดือน ๓ ปีวอกฉอศก มะเนียงจัดเกรี่ยงบ้านเขยิงโนแขวงเมืองมรแมนมีใจศรัทธาชวนชาวบ้านมานมัสการพระเจดีย์ ๓ องค์ ที่แดนต่อแดนแขวงเมืองสังขละบุรี แล้วพากันก่อสร้างปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ ๓ องค์แล้วองค์หนึ่ง แล้วทำบุญฉลอง พระสุวรรณคีรีออกไปดูมะเนียงจัดว่าปีหน้าจะมาก่อสร้างอีกพระสุวรรณคีรีเกรงความผิดได้ห้ามปรามไว้แล้ว

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๒ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้วทรงสัปนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพพระยาเกียรติเจ้ากรมดั้งทองซ้าย ๑ ศพราชวงศ์เมืองอุบลราชธานีซึ่งลงมาถึงแก่กรรมที่กรุงเทพ ฯ ๑ กับหีบศิลาหน้าเพลิงพระราชทานเพลิงศพราชวงศ์เมืองเขมราช ๑ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกหลวงวิเสศภักดียกระบัตร์กรมการเมืองศรีโสภณว่าได้ปลูกโรงรับช้างพลายสำคัญ วัน ๓ ๖ ค่ำ เจ้ายุติธรรมธรนครจำปาศักดิ์นำช้างมาถึง ได้มีการฉลองตามธรรมเนียม ช้างพลายสำคัญสูง ๓ ศอก ๘ นิ้ว หูขวาขนาด ๒ นิ้วกึ่งจักษุสีผลหวายห่ามปลายหางคด ขนหางสีลวดทองแดง หลังโกงคันธนู งาใหญ่ ๒ นิ้วกึ่ง ยาวพ้นสนับ ๑๓ นิ้ว สีตัวสีกระเบื้องใหม่ ขนตัวขนศีร์ษะขาวล้วน วัน ๖ ๖ ค่ำ เดินจากเมืองศรีโสภณ ฉะบับ ๑ ใบบอกพระยาอุทัยมนตรีเมืองปราจินบุรี ว่าช้างพลายสำคัญมาถึงเมืองกระบินบุรีแล้ว เจ้าเมืองกรมการได้รับรองมีการสมโภชตามธรรมเนียม ฉะบับ ๑ ใบบอกพระยานุภาพไตรภพเมืองนครเสียมราฐ ว่าด้วยจีนตั้งเกลี้ยกล่อมกันเป็นอั้งยี่ชุกชุม พากันข่มเหงราษฎรเป็นผู้ร้ายปล้นสดมภ์ในเมืองและในทะเลสาบ และเที่ยวพูดจาออกอำนาจ จะปราบปรามคนต่างประเทศต่าง ๆ ถ้าจะโปรดให้ชำระประการใดจะฉลองพระเดชพระคุณต่อไป

พระนรินทรอ่านบอกพระยาภักดีนฤบดินทรพระยาอมรินทรฦๅไชย ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งถวายพระราชกุศลปักเขตต์วิสุงคามสีมาวัดหนองม่วง ฉะบับ ๑ ถวายพระราชกุศลปักที่เขตต์พระอุโบสถวัดวิสุงคามสีมาวัดม่วงบ้านละครชุม

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระสุธรรมไมตรีข้าหลวงว่าได้พร้อมกับพระอินทราษาผู้ว่าราชการเมืองพนัศนิคมชำระความที่คั่งค้างแล้ว ๒๗ เรื่อง ความผู้ร้าย ๙ เรื่องผู้ร้ายรับเป็นสัตย์ ๑๑ คน แต่ผู้ร้ายที่ยิงจีนซิวเซียตายนั้นยังไม่ได้ตัง กับใบบอกพระยาวิชยาธิบดีเมืองจันทบุรี ว่าหลวงสรเสนีนายเรือสยามมกุฎไชยชิตนำตราไปวางให้ระวังรักษาเขตต์แดน อย่าให้เขมรซึ่งวุ่นวายเมืองกำพงโสมเข้ามาซ่องสุมคนในพระราชอาณาเขตต์ ได้จัดการรักษาโดยแข็งแรงตามท้องตราแล้ว ฉะบับ ๑ หลวงสรเสนีนายเรือสยามมกุฎไชยชิตว่าไปถึงเมืองจันทบุรี เมืองตราด เมืองปัจจันตคีรีเขตร แล้วลงไปสืบราชการถึงเกาะเสม็ดแดนต่อแดนพบราษฎรเมืองกำพงโสม สืบถามได้ความว่าฝรั่งเศสกับเขมรหาได้รบกันไม่ มีแต่ข้าหลวงเมืองพนมเปญลงมาเกณฑ์กระสุนดินดำราษฎร ถ้าไม่มีก็เก็บเงินแทนเรือนละ ๒ สลึงกับว่าจีนคิมอั้งยี่เกณฑ์คนขึ้นไปช่วยเขมรเมืองพนมเปญ ๕๐๐ คน จะรบกันหรืออย่างไรไม่ทราบ กับว่าเจ้าเมืองกำปอดเกณฑ์ไพรยกไปไล่ฝรั่งเศสฆ่าโปลิศญวนตาย ๖ คน ฝรั่งเศสหนีไปเมืองพุทไธยมาศ เขมรพากันถมปากน้ำเมืองกำปอดเสีย แล้วฝรั่งเศสพาเรือกลไฟ ๒ ลำ เรือญวน ๒ ลำมายิงเขมรเจ็บป่วยมากแตกหนีไป ฝรั่งเศสเผาบ้านเมืองเสีย ฉะบับ ๑ ใบบอกพระพิไชยชลธีเมืองปัจจันตคีรีเขตร ว่าได้จัดการรักษาด่านทางโดยแข็งแรงตามท้องตราที่หลวงสรเสนีเชิญไปแล้ว

เวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๓ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้ไม่มีราชการไม่ได้เสด็จออก

วัน ๔ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

ไม่มีราชการอะไร ไม่ได้เสด็จออก

วัน ๕ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้สมโภชพระเจ้าลูกเธอที่จะทรงผนวชเณร ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

เวลาบ่ายพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ พระองค์เจ้าระพีพัฒนศักดิ์ พระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดม พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช ทรงเครื่องที่ศาลาคดหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลาย่ำค่ำเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ตั้งพระที่นั่งโธรนที่หน้าพระที่นั่งพุดตาน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์เสนาบดีข้าทูลละอองธุลีพระบาทเฝ้าอยู่ในที่นั้นพร้อมกัน โปรดให้พระเจ้าลูกเธอทั้ง ๔ พระองค์เสด็จขึ้นมาประทับที่หน้าพระที่นั่งทั้ง ๔ พระองค์ พระครูพราหมณ์เบิกแว่นเทียนสมโภชพระเจ้าลูกเธอที่จะทรงผนวช และผ้าไตรบาตรสรรพบริกขารเอนกภัณฑ์ทั้งปวง โดยทักขิณาวัฏถ้วนเบญจวาร แล้วพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้หาเข้าไปหน้าพระที่นั่ง ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏและทรงเจิมพระราชทานพระเจ้าลูกเธอทั้ง ๕ พระองค์ แล้วพระครูพราหมณ์ถวายน้ำมะพร้าวขวัญและจุลเจิมตามไสยเวท เสร็จแล้วโปรดให้เสด็จกลับไปเปลื้องเครื่องเป็นเสร็จการสมโภชเท่านี้

อนึ่งวันนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ขัตติยตระกูลดำทรงสร้อยมหาจักรีบรมราชวงศ์ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการสรวมเครื่องราชอิสสริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน

วัน ๖ ๑๐ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาบำราบปรปักษ์ได้เสด็จเข้ามาทรงแต่งองค์พระเจ้าลูกเธอที่จะทรงผนวชทั้ง ๔ พระองค์ ทรงเครื่องต้นอย่างเมื่อวันสมโภชโสกันต์ แต่งพระองค์ที่พระที่นั่งอมรินทร และได้ทรงจัดขะบวนแห่ทรงผนวชทางพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ตั้งขะบวนไปออกประตูรัตนพิศาล

เวลาเช้า ๔ โมงพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ทรงส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ พระองค์เจ้าระพีพัฒนศักดิ์ พระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดม พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช ลงทรงพระยานุมาศ มีพระยา พระ หลวง เป็นคู่เคียง อินทร์พรหมถือบังแซกห้อมล้อมพร้อมด้วยพัดโบกบังสูรย์ตามธรรมเนียม เจ้าพนักงานประโคมสังข์แตรกลองชนะ แล้วเดินขะบวน ๆ แห่มีม้านำริ้วคู่ ๑ ทหารม้าหน้าและม้าเกราะทอง และทหารหน้าเดินเท้า และกรมม้าแซง และพระยาม้า พระที่นั่งมีธงมังกรธงตะขาบหมู่อาสาต่าง ๆ ล้วนถือสาตราวุธนานา มีพิณพาทย์กลองแขกเดินกลางขะบวน แล้วถึงเสลี่ยงลูกตรง ทรงผ้าไตรและบาตร มีเทวดาคู่แห่เครื่องสูงกลองชนะสังข์แตรเป็นขนัดมาถึงพระยานุมาศเดินเป็นลำดับกัน ขบวนหลังก็มีเทวดาคู่แห่และเครื่องสูง พลอาสาถือสาตราวุธเหมือนกันเดินกระบวนออกประตูรัตนพิศาลและประตู.... มาตามถนนข้างวัดพระเชตุพนมาลงถนนท้องสนามไชย พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับทอดพระเนตรบนพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท พอกระบวนเดินล่วงไปเข้าประตูสวัสดิโสภา จึงเสด็จพระราชดำเนินมาประทับพระที่นั่งไชยชุมพล พระยานุมาศพระเจ้าลูกเธอทั้ง ๔ พระองค์เจ้าเทียบเกย พระเจ้าลูกเธอเสด็จขึ้นเกยที่ปลูกไว้หลังพระที่นั่งไชยชุมพลทั้ง ๔ พระองค์ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเงินสลึงให้ทรงทิ้งทานองค์ละ ๑๐ ตำลึง ทิ้งทานแล้วพระเจ้าลูกเธอเสด็จเข้าไปเปลื้องเครื่องที่พลับพลาเปลื้องเครื่อง ทรงแต่งพระองค์ทรงฉลองพระองค์ครุยเฉียงพระอังษาทรงผ้าเยียระบับจีบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าไปในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับศาลารายทรงประเคนเครื่องเพลกรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ โปรดให้เจ้านายประเคนสำรับเพลหม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อยถานานุกรมปเรียญ รับพระราชทานฉันแล้วเสด็จขึ้นพระอุโบสถ พระสงฆ์ฉันแล้วเข้าไปประชุมพร้อมกันในพระอุโบสถ พระเจ้าลูกเธอที่จะทรงผนวช เสด็จเข้าไปในพระอุโบสถไปจุดเทียนบูชาพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกด แล้วพระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์เสด็จเข้าไปขอบรรพชาแก่คณะสงฆ์เถรานุเถระ ๓๐ องค์ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เป็นพระอุปัชฌายะ ขอบรรพชาแล้วเสด็จออกมาทรงผ้าแล้ว กรมหมื่นวชิรญาณประทานศีล แล้วพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์เข้าไปขอบรรพชาแล้วออกมาทรงผ้า กรมหมื่นวชิรญาณประทานศีลเหมือนกัน พระองค์เจ้าประวิชวัฒโนดมเข้าไปขอบรรพชาแล้วออกมาทรงผ้า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีล พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดชเข้าไปขอบรรพชาแล้วออกมาทรงผ้า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีลเหมือนกัน ครั้นเสร็จสามเณรบรรพชาแล้ว พระองค์เจ้าเณรทั้ง ๔ พระองค์เจ้าไปขอนิสสัยทีละองค์ ครั้นขอนิสสัยเสร็จแล้วกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงบอกอนุญญาสิโข ครั้นแล้วพระองค์เจ้าเณรทั้ง ๔ พระองค์ถวายไตรพระสงฆ์ ๓๐ องค์ แล้วเสด็จเข้าไปรับผ้าไตรแพรและบริกขารภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นอันมาก เสด็จเข้าไปรับทีละองค์เป็นลำดับกัน พระองค์ใดทรงรับของหลวงแล้วเข้าไปที่ฉาก ทรงรับของและผ้าของพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายในแล้ว กลับมาประทับรับผ้าและสิ่งของแก่กรมพระราชวังและพระบรมวงศานุวงศ์เสนาบดีข้าทูลละอองธุลีพระบาท พระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งพระเจ้าษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา เวลาบ่าย ๓ โมงเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเสด็จไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในการสวดมนต์สมโภชพระเจ้าลูกเธอที่ทรงผนวชเณร พระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับในพระอุโบสถทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีลแล้ว พระสงฆ์ ๓๐ องค์เจริญพระพุทธมนต์สัตตปริตร พระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนนมัสการในที่ต่าง ๆ แล้วทรงพระราชหัตถ์ราชการต่างๆ เวลา ๒ ทุ่มเศษพระสงฆ์สวดมนต์จบเสด็จจากพระอุโบสถไปประทับบนพระพุทธปรางค์ปราสาท ทอดพระเนตรที่ซึ่งพระองค์เจ้าเณรทั้ง ๔ พระองค์ทรงพัก เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท กรมหมื่นเทววงศ์และหมอกาวันนำหม่อมราชวงศ์ใหญ่ สุวพันธุ์ ในพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ซึ่งออกไปเรียนวิชาแพทย์ณเมืองอังกฤษหลายปีมาแล้วเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กับพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์กลับมาจากราชการเมืองพระตะบองเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพร้อมกัน รับสั่งอยู่จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

วัน ๓ ๑๑ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับในพระอุโบสถทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีลแล้ว กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะพระครูถานาปเรียญ ๓๐ องค์ถวายพรพระๆ จบแล้วเสด็จทรงประเคนพระสงฆ์และพระองค์เจ้าเณรทั้ง ๕ องค์รับพระราชทานฉัน ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว ทรงประเคนบริกขารเป็นอันมากแด่พระสงฆ์ ๆ ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลากลับไป เวลาเช้าเกือบ ๕ โมงเศษ เสด็จกลับจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับดรอนิงรูมที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท กรมหมื่นเทววงศ์กับราชเอดเดอแกมปนำ เรฟเวอร์เรนด์ เอน เอ แมกดอนัลด์ ดี ดี ไวซ กงซุลอเมริกัน ผู้รักษาการ สำหรับราชทูตอเมริกันนาย ๑ กับอันเบิกสัตลีฟฟ์ ผู้แทนหนังสือพิมพ์อเมริกันนาย ๑ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงพระราชปฏิสัณฐารโดยสมควรแล้ว กราบถวายบังคมลาไป พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

เวลาเกือบย่ำค่ำ เสด็จออกทรงรถพระที่นั่งจักรีไปประทับที่ถนนหน้าประตูพิมานไชยศรี ตรงถนนประตูหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โปรดให้เชิญเสด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าเณรทั้ง ๕ พระองค์มาขึ้นรถพระที่นั่งที่เสด็จพระราชดำเนิน แต่โปรดให้พระเจ้าลูกเธอประทับข้างใน พระเจ้าอยู่หัวประทับหน้ารถเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยขะบวนนำและตามเสด็จไปประทับประตูหน้าวัดบวรนิเวศ เสด็จประทับในพระอุโบสถ โปรดให้พระองค์เจ้าเณรทรงจุดเทียนนมัสการ แล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนนมัสการ แล้วทรงนำพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าเณรทั้ง ๕ พระองค์เสด็จขึ้นไปเฝ้ากรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ทูลฝากฝังที่ตำหนักครู่หนึ่ง เสด็จพระราชดำเนินไปคณะกุฏิ เสด็จประทับทรงจุดเทียนที่หน้าพระเจดีย์ ทรงบูชาแล้วเสด็จไปทรงสักการะที่หน้าวิหารพระศาสดา แล้วเสด็จไปประทับที่คณะกุฏิ เสด็จไปประทับหลังใหญ่ซึ่งกรมหมื่นวชิรญาณเสด็จมาอยู่ที่นั้น ประทับตรัสอยู่สักครู่หนึ่ง พระองค์เจ้าเณรทั้ง ๕ พระองค์เสด็จลงมาจากตำหนักกรมพระปวเรศ แล้วกรมพระปวเรศก็เสด็จลงมาประทับเฝ้าอยู่ที่ตำหนักกรมหมื่นวชิรญาณด้วย แล้วทรงพาพระองค์เจ้าเณรทั้ง ๕ พระองค์ไปส่งที่ตำหนักทุกพระองค์ พระองค์เจ้าเณรกิติยากรวรลักษณ์ประทับตำหนักที่ ๑ ด้านข้างวิหารพระศาสดา พระองค์เจ้าเณรระพีพัฒนศักดิ์ประทับตำหนักถัดเข้าไป พระองค์เจ้าเณรประวิชวัฒโนดม ตำหนักที่ ๑ ด้านริมคลอง พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดชประทับตำหนักต่อเข้าไปอีก ครั้นพระเจ้าลูกเธอประทับตำหนักแล้ว เสด็จทรงรถพระที่นั่งกลับพระบรมมหาราชวัง

วัน ๑ ๑๒ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระพรหมประสาทศิลปผู้ว่าราชการเมืองพรหมบุรีว่า ได้พร้อมกับเจ้าพนักงานอินยิเนียทำการติดอินสุเลตเตอพาดสายโทรเลขในแขวงเมืองพรหมเสร็จสิ้นแล้ว ฉะบับ ๑ ใบบอกพระยากำแหงสงครามเมืองนครราชสีมาว่า ได้ชำระผู้ร้ายซึ่งทำโจรกรรมปล้นสดมภ์ฉกลักช้างม้าโคกระบือ ฆ่าฟันกันตายในแขวงเมืองนครราชสีมา เมืองขึ้น หลายราย ได้ตัวผู้ร้าย ๔๐ แต่งให้กรมการกับไพร่ ๑๐๐ คนคุมตัวลงมาส่ง ฉะบับ ๑ ใบบอกหลวงรามฤทธิรงค์ปลัดเมืองสิงหบุรี ถวายพระราชกุศลศพพระพิศาลสงครามเจ้าเมือง กับใบบอกพระยาวิเศษฦาไชย ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งถวายพระราชกุศลเผาศพหลวงวิสูตรจีนชาติ อีกฉะบับ ๑ ขอพระราชทานขุนพิพาทจีนวิจารณ์ เป็นหลวงวิสูตรจีนชาติปลัดฝ่ายจีน ๑ ขุนจีนราชภิรมย์เป็นขุนพิพาทจีนวิจารณ์ที่ ๒ รองปลัดจีน แล้วพระยาศรีขุนพิพาทจีนวิจารณ์ ขุนจีนราชภิรมย์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระพิไชยชลธีเมืองปัจจันตคีรีเขตร์ ว่าขุนด่านนำตัวญวนหลัน ญวนแย่น มาที่ช่องกงซึ่งตั้งเป็นเมือง ว่าหนีมาแต่เมืองกำปอด ถามให้การว่าเขมร ๓๐๐ คนไปทำร้ายฝรั่งเศสที่ขายฝิ่น ณ เมืองกำปอด ฝรั่งกับญวนพากันหนีไปเขมร จึงมาตั้งรักษาที่ปากน้ำ เกณฑ์คนทั้งหมดมาถมศิลาปากน้ำ -ภายหลังฝรั่งเศสมารบอีก เขมรแตกหนีไปฝรั่งเศสเผาบ้านเมือง ญวน ๒ คนจึงหนีมา ฉะบับ ๑ ใบบอกพระยาราชพงษานุรักษ์ เมืองสมุทรสงคราม ส่งเงินแทนฝางส่วยจำนวนปีขาลสัมฤทธิศก เถาะเอกศก มะโรงโทศก มะเส็งตรีศก มะเมียจัตวาศก มะแมเบญจศก เลข ๒ กองเป็นเงิน ๘ ชั่ง ๓ ตำลึง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

เวลา ๔ ทุ่มเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลา ๒ ยาม

วัน ๒ ๑๓ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

วันนี้ไม่มีบอกข้อราชการ พระนรินทรนำหลวงทรงสุรเดชกราบถวายบังคมลาเป็นข้าหลวงออกไปราชการ เมืองตรังกานูเมืองกลันตัน ครั้นสิ้นราชการแล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๓ ๑๔ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

แล้วพระราชทานสัญญาบัตรนายเคลือบมหาดเล็ก เป็นขุนพรพิทักษ์ ปลัดกรมมหาดไทยตำรวจภูธรขวา ๑ กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๒ ฉะบับ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลากรมพระบำราบปรปักษ์ มีตรานำสัญญาบัตรขึ้นไปพระราชทานให้หลวงภักดีณรงค์ ซึ่งไปเป็นข้าหลวงอยู่เมืองอุบลราชธานีนั้น เป็นพระยาราชเสนาปลัดทูลฉลองกรมมหาดไทยฝ่ายเหนือ ๑ กับเลื่อนให้ขุนพรพิทักษ์เป็นหลวงภักดีณรงค์ ๑

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศประเดี๋ยวหนึ่งเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๕ ๖ ค่ำ ปีระกายังเป็นฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้ไม่มีราชการอะไร ไม่ได้เสด็จออก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ