เดือน ๑๐ จุลศักราช ๑๒๔๗

วัน ๔ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จลงพระที่นั่งไพศาลทักษิณ โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้เข้าไปนั่งที่สวดมนต์ ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีลแล้ว พระสงฆ์ถวายพรพระ ครั้นถวายพรพระแล้วทรงประเคน พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน ครั้นฉันแล้วเสด็จทรงประเคนสิ่งของไทยธรรม พระสงฆ์ถวายพระพรลากลับไป แล้วทรงทอดผ้าขาวพับ ๑๐๐ พับ พระราชาคณะถานานุกรมปเรียญอันดับคณะธรรมยุติกนิกาย ๑๐๐ รูปสดับปกรณ์ แล้วกรมหมื่นวชิรญาณถวายเทศนากัณฑ์ ๑ จบ เสด็จทรงทอดผ้าไตร และผ้าสะบงกรมหมื่นวชิรญาณกับถานานุกรมที่รับสัพพี ๔ รูปสดับปกรณ์ แล้วทรงประเคนบริกขารเครื่องกัณฑ์ต่าง ๆ เป็นอันมากแล้ว ทรงประเคนบริกขารพอควรแก่สงฆ์รับสัพพี กรมหมื่นวชิรญาณถวายอติเรกถวายพระพรลา เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จขึ้น เป็นเสร็จการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายในพระบรมอัฐิเท่านี้

วัน ๕ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่ายวันนี้ สมเด็จกรมพระเสด็จเข้ามาจัดการในการที่จะบำเพ็ญพระราชกุศล ณพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ด้วยทรงพระราชดำริว่าพระองค์ทรงเจริญพระชนม์พรรษามาโดยความศิริสวัสดิ์สมบูรณ์มาได้ ๓๒ พรรษา ถ้าคำนวณโดยวันได้ ๑๑๑๖๗๙ วัน เสมอด้วยกึ่งพระชนม์พรรษาของสมเด็จพระบรมชนกนารถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงจะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นการสมโภชพระชนม์พรรษา เพื่อทรงเจริญพระราชศิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมเด็จกรมพระได้เข้ามาทรงจัดตั้งพระแท่นมณฑลในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารห้องเหลือง ตั้งข้างพระที่นั่งอัฐทิศเบื้องซ้าย ในพระแท่นมณฑลนั้นตั้งพระชัยในแผ่นดินปัจจุบันและพระพุทธรูปประจำพระชนม์พรรษาประจำวารประสูติมงคล และตั้งพระเต้าต่าง ๆ ซึ่งจะได้สรงมุรธาภิเษกในเวลาพรุ่งนี้ และผูงพระกันภิรม ๓ องค์ ถูงปักเครื่องมหามงคลต่างๆ ที่พระที่นั่งอัฐทิศตั้งพระครอบพระเกี้ยวและรายพุ่มดอกไม้สดและเทียนพระมหามงคล มีตู้เทียนค่าพระองค์ตั้งเคียงพระแท่นมณฑลด้วย ที่พระที่นั่งภัทรบิฐนั้นตั้งลุ้งพระมหาพิชัยมงกุฎกับเครื่องวิวิธราชกกุธภัณฑ์สรรพราชูปโภค ที่ม้ากระจกใหญ่หลังพระที่นั่งภัทรบิฐนั้นเชิญพระสยามเทวาธิราชตั้ง นอกนั้นก็จัดการตามธรรมเนียม

เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับห้องเหลืองพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะสวดมนต์เข้าไปนั่งที่ เสด็จทรงประเคนผ้าไตรอย่างดีย่ามโหมดเทศแด่พระอมราภิรักขิต พระอริยมุนี ถานานุกรมปเรียญอันดับวัดนิเวศธรรมประวัติ วัดเทพศิรินทรวาศรวม ๓๓ รูป พระสงฆ์ออกไปครองผ้าแล้วกลับเข้ามานั่งที่ ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีล แล้วพระสงฆ์สวดสัตคปริตร เวลายามเศษสวดมนต์จบเสด็จขึ้น

วัน ๖ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้า ๓ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องเหลืองพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้เข้ามาที่นั้น ทรงจุดเทียนนมัสการ พระอมราถวายศีล ทรงศีลแล้วเสด็จลงไปประทับชาลาข้างพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ทรงผลัดพระภูษาทรงพระสพักโขมพัตรเสด็จเข้าสู่พระแท่นสรงมุรธาภิเษกสนาน เจ้าพนักงานประโคมพิณพาทย์ฆ้องชัยสังข์แตรตามโบราณขัตติยราชประเพณี พระสงฆ์บนพระที่นั่งถวายชัยมงคลพร้อมกัน ชาวที่ถวายพระเต้าน้ำพระพุทธมนต์ ๕ กระษัตร พราหมณ์ถวายน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏและสังข์ต่าง ๆ นานากรมพระภูษามาลาถวายพระเต้าน้ำพระพุทธมนต์ เป็นเอนกอนันต์ ครั้นสรงเสร็จแล้วทรงเครื่องทรงพระภูษาตามศรีวันตามโลกยประเพณี เสด็จขึ้นมาประทับบนพระที่นั่งทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วทรงประเคนไทยธรรมต่างๆ เป็นอันมาก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลากลับไป แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระชัยวัฒน์องค์เล็กแด่สมเด็จกรมพระบำราบและพระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์ เมื่อจะพระราชทานนั้น พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ผู้ที่ได้รับพระราชทาน ๓ ข้อ ๆ หนึ่งว่าให้ตั้งพระทัยคิดที่จะทำนุบำรุงพระพุทธสาศนาให้ถาวรเป็นนิจกาลและให้ยิ่งขึ้นไป ข้อหนึ่งว่าให้ตั้งพระทัยซื่อสัตย์สุจริตต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพระเจ้าอยู่หัวโดยความสวามิภักดิ์ ข้อหนึ่งให้ตั้งพระทัยทำนุบำรุงรักษาพระราชอาณาจักร์และราษฎรในบ้านเมืองของตนให้เจริญยิ่งขึ้นไป อย่าให้ละข้อความ ๓ ประการนี้เป็นอันขาด แล้วจึงได้พระราชทานพระชัยนั้นแด่สมเด็จกรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ กรมขุนเจริญ ๑ กรมหมื่นอดิศร ๑ กรมหมื่นศิริธัช ๑ กรมหมื่นเทววงศ์ ๑ พระองค์เจ้าชุมพล ๑ พระองค์สวัสดิประวัติ ๑ แล้วเสด็จขึ้นข้างใน

เวลาบ่ายเสด็จลงสมโภชเดือนพระเจ้าลูกเธอสองพระองค์ซึ่งประสูตร์ณวัน ๕ ๙ ค่ำ ปีระกาสัปตศก ๑๒๔๗ และได้พระราชทานพระนามว่า พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าหญิงประภาพรรณพิไลย พระองค์หนึ่งพระราชทานว่าพระองค์เจ้าหญิงประไพพรรณพิลาศแล้วเสด็จขึ้น

วัน ๗ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระยาสุนทรสงครามเมืองสุพรรณบุรี ว่าพระครูวิมลเมธาจารย์ วัดตะไกรกับเจ้าอธิการคล้ายวัดช้างจับตัวเณรบุนมาส่งว่าขะโมยบาตร์พระสงฆ์วัดยาง ได้ตรวจดูเห็นหลังลายจึงให้สึกจากสามเณร ได้ถามให้การว่าเป็นตองสู่เมืองมรแมนมาอยู่เมืองตากไปลักช้างกรมการเอาตัวมาชำระเฆี่ยนถามแล้วจำไว้ ได้เสียเงิน ๑ ชั่ง ๕ ตำลึงจึงออกได้แล้วมาบวชเป็นเณรกับสมีมีวัดมอญกรุงเก่าแล้วเที่ยวมาถึงวัดยางจึงลักบาตร์พระสงฆ์ กับแต่ก่อนก็เคยทำโจรกรรมฉกลักมาหลายครั้งแล้ว จึงให้กรมการคุมตัวอ้ายบุนเข้ามาส่งด้วยแล้ว

พระสุรินทรามาตย์ อ่านบอกพระยาอภัยบริรักษ์เมืองพัทลุง ๔ ฉะบับ ๆ หนึ่งส่งเงินแทนทองคำส่วยบุตรจีนเมืองพัทลุงจำนวนปีมะแมเบญจศก สม ๑๕ บุตร์หมื่น ๑ ทาษ ๗ รวม ๒๓ คน สมเรียกคนละ ๑ สลึง ๑ เฟื้อง บุตร์หมื่นทาษคนละ ๑ เฟื้อง ๑ ไพ รวมเป็นทองคำ ๑ ตำลึง ๒ บาท ๑ เฟื้อง คิด ๑๘ หนักเงิน ๑ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ๒ สลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ว่าได้เรียกนายกองส่วยดินประสิวมาเร่งดินประสิวส่วยจำนวนปีมะแมเบญจศก นายกองร้องว่าหามูลค้างคาวไม่ได้ขอส่งเงินแทนคิดหาบละ ๓ ตำลึง ๒๕๐ หาบเงิน ๓๗ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ว่ามีตราโปรดให้เสนาออกไปเดินประเมินเก็บเงินค่านาเมืองพัทลุงจำนวนปีมะแมเบญจศกนั้น ได้แต่งกรมการกำกับเก็บเงินค่านาได้ครั้งนี้ ๗๓ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ๒ บาท ให้กรมการคุมเข้ามาส่งครั้งหนึ่งก่อนยังไม่สิ้นจำนวนนา ฉะบับ ๑ ว่าเมื่อปีวอกฉอศกได้แต่งกรมการคุมต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวายนั้นขาดไม้มริด ๑๕ เหลี่ยม เสื่อลวด ๑๕ ลวด บัดนี้ได้จัดไม้มริด ๑๕ เหลี่ยม เสื่อลวด ๑๕ ลวดซึ่งยังค้างอยู่เข้ามาส่งด้วยแล้ว

พระยาศรีสิงหเทพนำพระพยุหาภิบาลผู้ว่าราชการเมืองพยุหคีรีกราบถวายบังคมลาไปรักษาราชการบ้านเมือง

พระยาพิพัฒโกษานำหลวงเรืองศักดิ์สาครเขตร์ปลัดเมืองสมุทรสงครามกราบถวายบังคมลาไปรับราชการบ้านเมือง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๑ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระสุรินทรามาตย์อ่านบอกพระยาภักดีนฤบดินทร พระยาอมรินทรฦๅไชย เมืองราชบุรี ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่ามีตราโปรดออกไปว่าโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาอนุชิตชาญไชยออกไปชำระผู้ร้ายณเมืองนครไชยศรี ถ้าพระยาอนุชิตจะมีสูตรนารายออกไปเอาตัวผู้ร้ายเมื่อใดให้จับส่งให้นั้น พระยาอนุชิตได้มีสูตรนารายไปให้ส่งตัวผู้ร้าย ได้แต่งกรมการกำกับข้าหลวงกรมการเมืองนครชัยศรี แล้วให้โจทก์ชี้ตัวผู้ร้ายจับได้ตัวผู้ร้ายและตัวจำนำได้ ๒๙ คนส่งไปให้พระยาอนุชิตแล้ว ผู้ร้ายที่ต้องหายังหลบหนีอยู่นั้นก็ให้กรมการสืบจับอยู่ ฉะบับ ๑ ว่าครั้งก่อนได้มีใบบอกว่าด้วยผู้ร้ายปล้นเรือนจีนแย้ม อำแดงคำบ้านวัดแก้วยังสืบเสาะอยู่นั้น ภายหลังนายฉิมเอาของทองรูปพรรณต่าง ๆ มาลุแก่โทษว่าอำแดงธูปน้องอ้ายครื้นเอามาให้ยุบ จึงให้หาเจ้าของทรัพย์มาดูจำได้ว่าของอำแดงมอญตัวจึงเกาะอำแดงธูป อำแดงมอญมาชำระต่อสู้โจทก์ถึงสืบพะยานแล้วนายฉิมเอาของทองคำรูปพรรณต่างๆ มาลุแก่โทษ ว่าอำแดงธูปอำแดงมอญน้องอ้ายครึ้นเอามาให้ยุบ จึงให้หาเจ้าของทรัพย์มาดูจำได้ว่าของตัว จึงเกาะอำแดงธูป อำแดงมอญมาชำระต่อสู้โจทก์ถึงสืบพยานแล้วโจทก์ฟ้องเพิ่มเติมให้เรียกอ้ายครึ้นมาชำระ รับสารภาพเป็นสัตย์ซัดเพื่อนอีก ๑๒ คนจึงได้เกาะตัวผู้ร้ายที่อ้ายครึ้นซัดมาได้ ๔ คนถามรับเป็นสัตย์ยังเร่งของกลางอยู่ อีก ๗ คนนั้นหลบหนียังติดตามอยู่

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระอินทราษาเมืองพนัศนิคม ฉะบับ ๑ ว่าด้วยผู้ร้ายปล้นนายแจ้งอำแดงคงจับอำแดงคงมัดเอาพริกชุบน้ำตบตาแล้วถามที่ไว้เงินแล้วเก็บเงิน ๕ ชั่ง ๗ ตำลึง ๒ บาท กับของทองรูปพรรณ สารกรมธรรม ๑๑ ฉะบับไป แต่งกรมการสืบสวนติดตามแล้วไม่ได้ความกับใบบอกพระยาสมุทรสาครานุรักษ์เมืองสมุทรสาครฉะบับ ๑ ว่าขุนพิบุลยสมบัติเสมียนตรากรมเกษตราธิการกับรามัญมีสรัทธาสร้างพระอุโบสถวัดบ้านสวนจากแห่งหนึ่ง ขอพระราชทานที่ยาว ๑๓ วา กว้าง ๑๑ วาเป็นที่วิสุงคามสีมาต่อไป

พระยาศรีนำข้าราชการในพระบรมมหาราชวัง พระราชวังบวร กราบถวายบังคมลาไปช่วยพระยามหาอมาตยข้าหลวงณเมืองลาวฝ่ายตะวันออก ผู้ที่ไปราชการนั้นในพระบรมมหาราชวัง กรมมหาดไทย หลวงเทเพนทร ๑ ไพร่ ๑๘ กรมเกณฑ์หัดอย่างฝรั่ง หลวงทรงวิไชย ๑ ไพร่ ๑๑ รวม ๓๑ ในพระราชวังบวร กรมนา ขุนพิภาคอักษร ๑ ไพร่ ๑๒ กรมทวนทอง หลวงโจมพินาศ ไพร่ ๑๐ รวม ๒๔ รวมในพระบรมมหาราชวัง พระราชวังบวร ๕๕ คน

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร์ นายจ่างบุตร์หลวงพิพิธณรงค์เป็นขุนคงปืนไฟปลัดกรมเกณฑ์หัดหย่างฝรั่งซ้าย ๑ หมื่นนราพลสิทธิสมุหบัญชีเป็นขุนไล่พลรบปลัดกรมเกณฑ์หัดอย่างฝรั่งขวา ๑ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๒ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระยาวิชิตภักดีเมืองสวรรคโลก ๔ ฉะบับ ฉะบับหนึ่งรายงานน้ำฝนต้นข้าวเมื่อพระอาทิตย์อยู่ราษีเมษ ฝนตก ๑ ครั้ง ๓ ทสางค์น้อยกว่าปีวอกฉอศก ๒ นิ้ว ๖ ทสางค์ ราษีพฤศภตก ๗ ครั้ง ๘ นิ้ว ๕ ทสางค์ มากกว่าปีก่อน ๖ นิ้ว ๒ ทสางค์ น้ำท่าศอก ๓ นิ้วราษฎรทำนาแล้วส่วน ๑ ยัง ๔ ส่วน ข้าวแห้งม้านไป ราคาข้าวเปลือกเกวียนละ ๘ ตำลึงบ้าง ๙ ตำลึงบ้าง ฉะบับ ๑ ว่าข้าวสะเบียงอาหารในเมืองสวรรคโลกขัดขวางนัก มีพวกลาวเมืองนครลำปางพาครอบครัวลงมาหาข้าวเลี้ยงกันเป็นอันมากแต่ที่เมืองสวรรคโลกก็ขัดขวางจึงพากันไปต่อไป ฉะบับ ๑ ส่งขี้ผึ้งส่วยจำนวนปีมะเมียจัตวาศก หนัก ๑ บาท ๖๗ สลึง แต่งให้กรมการคุมมาส่ง ฉะบับ ๑ ว่าได้รับตราพระราชสีห์ว่าต้องพระราชประสงค์ชามถ้วยโถสังคโลกนั้นได้จัดหาซื้อได้ ชาม ๕ จาน ๓ ขวด ๔ ถ้วย ๑ ให้กรมการคุมลงมาทูลเกล้า ฯ ถวายครั้งหนึ่งก่อน

พระสุรินทรามาตย์อ่านบอกหลวงจตุรงค์วิชัย พันเทพศักดิข้าหลวงบอกมาแต่เมืองพังา ว่าได้เชิญตราไปวางต่อพระยาบริรักษ์ภูธร แล้วพร้อมด้วยกรมการทำบัญชีสำมะโนครัวรายชื่อคนตำบลบ้านในแขวงเมืองพังงาเสร็จแล้ว ได้แจกตั๋วพิมพ์คุ้มศักดิได้จำนวนคนชรา ๗๕ พิการ ๑๖ บุตรเกณฑ์ ๑๘ ขุนหมื่น ๑๖๑ กองด่านขุนหมื่น ๒๘ ไพร่กองด่าน ๕๘ กำนันใช้สอย ๓๐ เลขลับราชการบ้านเมือง ๒๕๐ เลขส่วย ๔๕๘ ทาษ ๖๐ รวม ๑๑๕๔ คน แล้วจะกราบถวายบังคมลาไปทำการเมืองตะกั่วทุ่งต่อไป ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยาบริรักษ์ภูธรเมืองพังงาว่าด้วยโปรดให้หลวงจตุรงค์วิชัย พันเทพศักดิ ออกไปแจกตั๋วพิมพ์ทำบัญชีสำมะโนครัวนั้นได้พร้อมกันจัดการไปแล้วและมีจำนวนคนเหมือนใบบอกข้าหลวงด้วยฉะบับ ๑

แล้วพระราชทานเหรียญดุษดีมาลามีผ้าสีแดงกับขาว และเข็มเงินศิลปวิทยาแก่หลวงวาทิตยประเทศหม่อมราชวงศ์ชิด, ในหม่อมเจ้าวารินทร ในการซึ่งได้เป็นคนชำนิชำนาญการวิทธยาแตรฝรั่งเป่าได้เสมอคนยุโรปคนหนึ่งและรับราชการมาในกรมทหารแตรช้านานแล้วด้วยและได้เป็นครูฝึกหัดทหารแตรหลายกรมด้วย

ครั้นพระราชทานแล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทวงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๓ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านศุภอักษรเจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์เจ้านายพระยาลาวท้าวแสนเมืองนครลำพูนว่าด้วยแต่งพระยาลาวท้าวแสนคุมไพร่ปักกรุยถางทางแขวงเมืองนครลำพูนแล้ว ๑๙๐๔ เส้นเสร็จแล้ว ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระพิทักษ์เทพธานีกรมการกรุงเก่าว่าจีนเยนมาให้การต่างคำตราสินว่าตัวกับจีนโคกมาแต่เมืองฉะเชิงเทรา มาขายหมากได้เงิน ๑ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ๓ บาท นอนหลับไป อ้ายผู้ร้ายตัดเรือลอยไปถึงหน้าวัดกะโล่ได้ยินเสียงผู้ร้ายขึ้นไปบนเรือจึงโดดน้ำไปประมาณ ๕-๖ เส้นแล้วกลับมาดูหาเห็นเรือไม่ เวลาเช้าได้ตามพบเรือในคลอมหาราชเห็นจีนโคกถูกตีฟันตายอยู่สิ่งของเงินหายไป ได้แต่งกรมการสืบจับก็ยังไม่ได้ตัวผู้ร้าย

พระสุรินทรามาตย์อ่านบอกพระยาวิชิตภักดีศรีพิชัยสงครามเมืองไชยา ๔ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าได้เร่งทองคำส่วยแก่นายกองผู้คุมพวกบุตรจีน ๆ ขอส่งเงินแทนจำนวนปีวอกฉอศก ๓ กองเงิน ๑ ชั่ง ๑ ตำลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ส่งเงินแทนส่วยดีบุกจำนวนปีวอกฉอศก ๔ กอง เงิน ๒ ชั่ง ๔ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ว่าได้หาตัวนายกองส่วยสรรพาเหตุมาเร่งเงินส่วยจำนวนปีวอกฉอศก ๕ กองได้เงิน ๑ ชั่ง ๑๙ ตำลึง ๓ บาท ให้กรมการคุมมาส่ง ฉะบับ ๑ ส่งเงินส่วยลิเลดจำนวนปีวอกฉอศกเงิน ๕ ตำลึง ๑ บาท

เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศจนย่ำค่ำเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

ไม่มีราชการอันใดไม่ได้เสด็จออก เสด็จลงจัดตำหนักใหม่ ด้วยพรุ่งนี้จะสวดมนต์ขึ้นตำหนัก

วัน ๕ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตสก จุลศักราช ๑๒๔๗

วันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง มีการสวดมนต์ขึ้นตำหนักใหม่ในพระบรมมหาราชวังเป็นการใหญ่ โปรดให้นิมนต์สมเด็จพระวันรัต ๑ หม่อมเจ้าพระภุชฌงค์ ๑ พระเทพกวี ๑ พระศรีวิสุทธิวงศ์ ๑ พระวินัยรักขิต ๑ สวดที่ตำหนักพระองค์เจ้าเยาวมาลยล หม่อมเจ้าอุบลรัตนนารีนาค สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ๑ หม่อมราชวงศ์พระล้นเปรียญ ๑ พระเทพโมฬี ๑ พระอริยมุนี ๑ พระอริยกวี ๑ สวดที่ตำหนักพระองค์เจ้าจันทรา หม่อมเจ้าเสาวภาคนารีรัตน กรมหมื่นวชิรญาณ ๑ หม่อมเจ้าพระอรุณ ๑ หม่อมเจ้าพระประภากร ๑ พระพรหมมุนี ๑ พระมหาเขมาภิรโต ๑ สวดที่ตำหนักหม่อมเจ้าสายพระอริยธัชชะ ๑ พระครูราชสังวร ๑ พระครูสุนทรวิลาศ ๑ พระครูราชปริต ๑ พระครสิทธิเดชะ ๑ สวดที่ตำหนักพระองค์เจ้ายุคลทิฆัมพร ที่ตำหนักหม่อมเจ้าอุบลตั้งพระชัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ตำหนักหม่อมเจ้าเสาวภาคตั้งพระชัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ตำหนักหม่อมเจ้าสายตั้งพระชัยแผ่นดินปัจจุบัน ตำหนักพระองค์ยุคลตั้งพระชัยเนาวโลห เวลาสวดมนต์นั้นเจ้านายเข้าไปพร้อมกัน เวลา ๔ ทุ่มเศษกลับออกมา

วัน ๖ ๑๐ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

วันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง เพราะไม่ได้เสด็จขึ้นจากตำหนักใหม่แต่เวลาเช้า

อนึ่งเมื่อเวลาเช้าพระองค์เจ้าจันทราสรัทวาร พระองค์เยาวมาลย์นฤมล พระองค์เจ้ายุคลทิฆัมพร หม่อมเจ้าอุบลรัตนนารีนาค หม่อมเจ้าเสาวภาคนารีรัตน หม่อมเจ้าสาย เสด็จสู่เตียงสรงเป็นศิริมงคลในการขึ้นตำหนักใหม่แล้วเลี้ยงพระสงฆ์ ด้วยเวลาค่ำมีเลี้ยงโต๊ะ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระเจ้าลูกเธอด้วย

วัน ๗ ๑๑ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

วันนี้เป็นวันเริ่มการเฉลิมพระชนม์พรรษาเจ้าพนักงานได้ตั้งซุ้มแต่งโคมผูกพวงดอกไม้ใบไม้ตามที่ต่างๆ ในพระบรมมหาราชวัง ตามซึ่งถูกแต่งดังปีก่อน ๆ มา

สมเด็จกรมพระได้จัดการในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เบื้องซ้ายพระที่นั่งอัฐทิศนั้น ตั้งพระแท่นมณฑล ในพระแท่นนั้นตั้งบุศบกงา ทรงพระพุทธบุศยรัตนน้อยและตั้งพระชัยรัชชกาลปัตยุบันพระพุทธรูปประจำปีพระชนม์พรรษา พานหีบพระสุพรรณบัตรและพระเต้าต่างๆ เป็นอันมาก และผูกธงชัยพระกันภิรมย์เครื่องมงคลต่าง ๆ ตามธรรมเนียม และตั้งเครื่องนมัสการเครื่อง ๕ และขวดประดับดอกไม้เป็นอันมาก เบื้องขวาพระที่นั่งอัฐทิศตั้งพระแท่นไม้ลายทอง มีม่านแพรขาวประดับดอกไม้สดโดยวิจิตรสะอาดในพระแท่นตั้งพระชัยรัชชกาลที่ ๔ พระชัยเนาวโลหและพระพุทธรูปนาคปรก และรูปพระเสาร์เทวบุตรซึ่งสมมุติว่าประจำรักษาพระชนม์พรรษาตามคัมภีร์มหาทักษา และพระพุทธรูปยืนห้ามสมุทรและรูปพระจันทรเทวบุตร์ ซึ่งนิยมนับว่าแทรกรักษาพระชนม์พรรษาตามวิธีโหราศาสตร์ และมีเทียนธูปฉัตรธงรายในพระแท่นหน้าพระแท่นเท่ากำลังเทวดาทั้งสององค์ และมีระเบียบมาลาล้วนวิเศษสะอาดประดับขอบพระแท่น ชั้นรองขอบแท่นและพระแท่นทรงกราบก็ล้วนแต่ขาวสิ้น พระที่นั่งอัฐทิศนั้นตั้งพานพระแสงพานพระกรและพระครอบพระเกี้ยวทรงเดิม ชั้นล่างรายด้วยพุ่มดอกไม้และเทียน พระมหามงคลเท่าพระชนม์พรรษา หลังพระที่นั่งอัฐทิศมีตู้เทียนข้างพระองค์ ๔ ตู้ อาศน์สงฆ์ตั้งตามเคย หน้าอาศน์สงฆ์ตรงกลางตั้งแท่นบัตร์เทวดา พระที่นั่งภัทรบิฐตั้งลุ้งพระมหาพิชัยมงกุฎเครื่องวิวิธราชกุกุธภัณฑ์สรรพราชูประโภคทั้งปวง โต๊ะ ๒ ข้างพระที่นั่งภัทธบิฐตั้งพานพระแสงต่าง ๆ เป็นอันมาก โต๊ะหลังพระที่นั่งภัทธบิฐเชิญพระสยามเทวราชขึ้นตั้งตามเช่นเคยด้วย

เวลาเกือบยาม เสด็จอออกประทับพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารเจ้าพนักงานนิมนต์พระอริยมุนี ๑ ถานานุกรมปเรียญวัดราชประดิษฐ ๔ รวม ๕ รูปเข้าไป เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรย่ามโหมดเทศ พระสงฆ์ออกไปครองผ้าแล้วกลับมานั่งที่ เสด็จทรงจุดเทียนนมัสการ พระอริยมุนีถวายศีล ทรงศีลแล้วเสด็จทรงจุดเทียนพระมหามงคล เทียนข้างพระองค์เทียนสักการะเทวดาและที่ต่าง ๆ หลวงโลกทีปบูชาฤกษ์บูชานพเคราะห์ แล้วพระสงฆ์สวดมงคลสูตร์รัตนสูตร์ แล้วโหรบูชาพระอาทิตย์เทวบุตร์ พระสงฆ์สวดนวัคคหายุศมสูตร์เสดาะในพระอาทิตย์ คือสวดอนุตตริยธรรม ๖ แล้วโหรบูชาพระจันทร์เทวบุตร พระสงฆ์สวดจรณ ๑๕ โหรบูชาพระอังคารเทวบุตร พระสงฆ์สวดอัฏฐังคิคมัค ๘ โหรบูชาพระพุทธเทวา พระสงฆ์สวดธรรมอินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ โหรบูชาพระเสาร์เทวบุตร พระสงฆ์สวดทศพลญาณ ๑๐ โหรบูชาพระพฤหัสเทวา พระสงฆ์สวดคาถาสัญญา ๑๐ อนุพพวิหาร ๙ โหรบูชาพระราหูเทพเจ้า พระสงฆ์สวดคาถาสติปัฏปฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ โหรบูชา พระศุกร์เทวบุตร พระสงฆ์สวดคาถาอริยทรัพย์ ๗ สัปปุริสธรรม ๗ สัมมาสมาธิสสบริขาร ๗ โหรบูชาเกตุเทวราช พระสงฆ์สวดอาฆาฏวัตถุ ๙ แล้วพระสงฆ์สวดเมตตสูตรและคาถาอื่น ๆ เป็นอันมาก เวลา ๘ ทุ่มสวดมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับไป วันนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ขาว พระบรมวงศานุวงศ์ทรงฉลองพระองค์ดำ

วัน ๑ ๑๒ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตสก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องเหลืองที่พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ทรงพระกรุณาโปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่เสดาะขึ้นไปนั่งที่ เสด็จทรงจุดเทียนนมัสการ พระอริยมุนีถวายศีลแล้ว พระสงฆ์ถวายพระพรจบ เสด็จทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน เสด็จทรงจุดเทียนสักการะเทวดาและเทียนบูชา พระสยามเทวาธิราชเครื่องหมายมหาเบ็ญจราชกุกุธภัณฑ์และเทียนที่เครื่องสังเวย พระยาศรีสุนทรอ่านดุษดีสังเวยจบประโคมแตรสังขพิณพาทย์บูชาด้วย ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ทรงประเคนบริกขารภัณฑ์เป็นอันมากมีราคาถึงองค์ละ ๑๕ ตำลึง พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลากลับไป พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น วันนี้พระบรมวงศานุวงศ์แต่งพระองค์เหมือนเมื่อคืนนี้ วันนี้เวลากลางวันโปรดให้เป็นนายแจกเงินคนอนาถาชราพิการ คนละ ๑ สลึง ถึง ๓๔๙๖ คน จะได้โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงแจกข้างหน้าอีก ๒๐๐ ข้างใน ๒๐๐ รวมเสร็จแจกวันนี้ ๓๘๙๖ คน

เวลาย่ำค่ำแล้วพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศทหารมหาดเล็ก ทรงสร้อยจักรีบรมราชวงศ์เสด็จออกทางพระทวารกลางพระที่นั่งจักรีเสด็จประทับซิตติงรูม พระยาโชฎึกนำ พระครูบริหารอนัมพรต องสูตบทบวร องสรพจนสุนทร องพจนกรโกศล องอนนทสารภัณฑ์ สมณฝ่ายญวนเข้าถวายเทียนและกิมฮวยอั้งติ๋วตามธรรมเนียนญวน แล้วนำพระยาพระหลวงเจ้าภาษีเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายเทียนและกิมฮวย แล้วถวายคำนับอย่างจีน ๙ ครั้ง แล้วเสด็จออกไปประทับที่ซุ้มอัฒจันทร พระยาอนุรักษ์นำนายปลัดกองญวนปืนใหญ่ ญวนแจวเฝ้าถวายดอกไม้ธูปเทียนตามเช่นเคยมาทุกปี แล้วเสด็จทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จไปประทับในพระอุโบสถ ทรงประเคนผ้าไตรย่ามสักหลาดแด่พระราชาคณะ ๑ ปเรียญ ๔ รวม ๕ รูป พระสงฆ์ออกไปครองผ้าแล้วกลับเข้ามาสวดพระพุทธมนต์และคาถาเสดาะอย่างเก่า ทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธปฏิมากร และทรงจุดเทียนที่เชิงเทียนกิ่งซึ่งปักรูปเทวดานพเคราะห์มีเทียนและฉัตรธงเท่ากำลังเทวดานั้น ๆ แล้วเสด็จกลับทรงพระราชยานที่ประตูวัด โหรบูชานพเคราะห์ตามแบบโบราณเสด็จกลับจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับเวตติงรูมเจ้าพระยา พระยา พระ หลวงข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จเข้าไปประทับในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระบรมวงศานุวงศ์เข้าไปเฝ้าในนั้นพร้อมกัน โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์จะสวดมนต์เข้าไปนั่งที่ พระสงฆ์นั้น คือ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย พระครูถานานุกรมปเรียญคณะธรรมยุติกานิกาย ๖๐ รูป เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรย่ามโหมดเทศแก่พระสงฆ์ ๖๐ องค์ พระสงฆ์ออกไปครองผ้าแล้วกลับเข้ามาเสด็จทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีลแล้ว กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณพระสงฆ์ทั้งปวงสวดมนต์มหาสมัยสูตรสัตตปริต เวลายามเศษสวดมนต์จบพระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลา พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นข้างใน

เวลาวันนี้ในพระบรมมหาราชวัง และตามทางชลมารคสถลมารควังพระบรมวงศานุวงศ์ บ้านข้าราชการราษฎรพ่อค้าแต่งประทีปโคมไฟทั่วกัน

อนึ่งวันนี้เวลา ๗ ทุ่ม ๓๓ นาฑี ๓๖ วินาฑี เป็นเวลาบรรจบครบดิถีพระบรมมหาปสูติมงคลสมัยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามสุริยคติกาลรอบ ๓๒ เต็มบริบูรณ์

อนึ่ง วันนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนยศเจ้าจอมมารดาเปี่ยม ซึ่งเป็นเจ้าจอมมารดาแห่งสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีเป็นเจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม

วัน ๒ ๑๓ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องเหลืองพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้เข้าไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีล ทรงศีลแล้วเสด็จลงไปประทับที่ชาลา หน้าพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พอได้พระฤกษ์เช้า ๓ โมง ๓๓ นาฑี พระเจ้าอยู่หัวทรงเปลื้องเครื่องผลัดพระภูษา และทรงพระสพักรเศวตพัตรเสด็จเข้าสู่ที่สรงมุรธาภิเศกสนานวิสุทธิวารี ในพระแท่นสรงอันรายด้วยราชวัตรเครื่องสูงเศวตวิจิตร์สะอาด เจ้าพนักงานประโคมสังขแตรพิณพาทย์ฆ้องชัยกลองแขกมโหรีตามขัตติยราชประเพณี พระสงฆ์ ๖๐ องค์บนพระที่นั่งถวายชัยมงคล เจ้าพนักงานถวายพระเต้าน้ำพระพุทธมนต์ต่าง ๆ เป็นอันมาก กรมพระปวเรศถวายน้ำพระครอบพระกริ่ง พระมหาราชครูและพราหมณ์ทั้งหลายถวายน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏ และพระมหาสังข์ต่าง ๆ เป็นเอนกอนันต์ ครั้นสรงเสร็จแล้วเสด็จขึ้นทรงเครื่อง ข้างในทรงเครื่องราชาภรณ์อย่างเครื่องราชอิศริยยศอันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองจักรีบรมราชวงศ์ แต่งพระภูษานั้นทรงเหลืองตามศรีวันเสด็จออกประทับห้องเหลือง พระสงฆ์ ๖๐ องค์ถวายพระพรจบเสด็จทรงประเคน กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ พระสงฆ์ทั้งปวงรับพระราชทานฉัน เสด็จทรงจุดเทียนเครื่องสักการะ พระสยามเทวาธิราชและเทียนบูชา เครื่องวิวิธราชกุกุธภัณฑ์และเทียนที่โต๊ะเครื่องสังเวย พระยาศรีสุนทรอ่านประกาศดุษดีสังเวย ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ทรงประเคนบริกขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาถวายอติเรกถวายพระพรลาไป โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินโหรบูชาเสดาะพระเคราะห์ หลวงโลกทีป ๑๐ ตำลึง ขุนโชตพรหมมา ๗ ตำลึง ขุนเทพยากรณ ๗ ตำลึง ขุนหมื่น ๒ คนๆ ละ ๓ ตำลึง แล้วเสด็จขึ้น

เวลาเที่ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องราชอลังการณ์สำหรับจักรีบรมราชวงศ์ เสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตานทองคำภายใต้มหามงคลเศวตฉัตร พร้วมด้วยพระบรมราชวงศานุวงศ์เสนาบดีมุขมนตรีข้าทูลละอองธุลีพระบาท เสวกามาตย์ผู้ใหญ่ผู้น้อย ทหาร พลเรือนเฝ้าเบื้องพระบาทบงกฎมาศโดยลำดับถ้วนทุกกระทรวง เจ้าพนักงานประโคมมโหรทึกแตรฝรั่งตามขัติยราชประเพณี ทหารแตรก็เป่าสรรเสริญพระบารมีนฤนาท แล้วเจ้าพนักงานกรมวัง กรมท่า นำราชทูตกงซุลซึ่งเป็นผู้แทนคอเวอนแมนตต่างประเทศ อันมีทางพระราชไมตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพร้อมกัน ครั้นสุดเสียงประโคมแล้วกรมหลวงวรศักดิ์พิศาล ซึ่งทรงมีพระชนม์มายุกาลกว่าพระบรมวงศานุวงศ์ ทูลถวายชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวง แล้วเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ ซึ่งมีอายุแก่กว่าท่านเสนาบดีทั้งหลายทูลถวายชัยมงคลแทนข้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งมวล และมิสเตอร์เมซันสเตาราชทูตกรุงเกรตบิเตนซึ่งเป็น มียศกว่าผู้แทนคอเวอนแมนต์ต่างประเทศทั้งปวงทูลถวายชัยมงคล แทนคนต่างประเทศทั้งหลาย แล้วพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบแสดงพระราชหฤทัย ทรงยินดีโดยพิศดารจบเสร็จเสด็จขึ้น ชาวประโคมก็ประโคมพร้อมกัน และพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองฝ่ายใน จะได้เฝ้าถวายชัยมงคลอย่างเช่นมีมาทุกปี

แล้วเสด็จออกประทับพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันออก ซึ่งเรียกว่าซิตติงรูม ราชเอดเดอร์แคมปนำพระวิสูตรสาครดิษฐ พระวิภาคภูวดล พระชลยุทธโยธินทร กัปตันลอฟตัส มิสเตอร์เรมเซ มิสเตอร์แบดแมนต์ หมอแมกฟาลันด์ เฝ้าถวายพระพร และถวายสิ่งของในการเฉลิมพระชนม์พรรษา ทรงพระราชปฏิสันฐารโดยควรแล้วถวายบังคมลาไป เจ้าพระยาภาณุวงศ์เฝ้าถวายสิ่งของในการเฉลิมพระชนม์พรรษา แล้วเสด็จออกมาประทับดรอนิงรูม พระยาศรีสุนทรนำ เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ พระยาแพทย์ธรรมธาดา พระยาสุขุมาลบริหาร พระยาวิชิตณรงค์ พระยารามกำแหง หม่อมราชวงศ์แจ้ง พระโหราธิบดี พระวรรณการโกศล พระราชโกษา พระสามภพพ่าย หลวงโลกทีป หลวงเทพสมบัติ หลวงพลกายกรีธา หลวงสำแดงฤทธิรงค์ หลวงญาณภิรมย์ ขุนเทวพรหมมา ขุนสุนทรลิขิต รวมข้าราชการที่มีอายุมากฝ่ายหน้า ๑๗ คนเข้าไปรับพระราชทานผ้า ๒ สำรับเงิน ๑๐ ตำลึง และทูลถวายชัยมงคลด้วย พระราชทานแล้วเสด็จขึ้นพระราชทานผ้าเงินแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในที่มีอายุมาก ๑๖ คน รวมทั้งข้างหน้าข้างใน ๓๓ คนเสมอด้วยพระชนม์พรรษาตามวัสสคณนา

อนึ่งเมื่อเวลาเช้า ๒ โมง เวลาเที่ยง เวลาบ่าย ๔ โมง ทั้ง ๓ เวลาเจ้าพนักงานทหารบกทหารเรือ ยิงสลุด คือ ทหารปืนใหญ่ญวนยิง ๓ เวลา ๑๐๑ นัด ทหารรักษาพระบรมมหาราชวังยิงบนบป้อมสัญจรใจวิงเวลาละ ๒๑ นัด ๓ เวลา ทหารรักษาพระบรมมหาราชวังยิงปืนฮอสกิดที่ท้องสนาม ๓ เวลา ๑๐๑ นัด ทหารมรีนยิงสลุดที่เรือสยามมูปัสสดัมภ์ เรือสยามมงกุฎไชยชิต สลุดลำละ ๑๐๑ นัด รวมทั้ง ๓ เวลา

อนึ่งวันนี้โปรดเกล้า ฯ ให้มีการเลี้ยงพระบรมวงศานุวงศ์ตามเช่นเคยมาทุกปี เวลาย่ำค่ำเสด็จออกประทับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีซึ่งเป็นที่ตั้งโต๊ะเลี้ยงนั้น กรมหมื่นอดิศร กรมหมื่นประจักษ์ พระองค์ทองแถม พระองค์สวัสดิประวัติ พระองค์จันทรทัต พระองค์วรวรรณ พระองค์ดิศวรกุมาร พระองค์ศรีเสาวภางค์ เฝ้าถวายของในการเฉลิมพระชนม์พรรษา แล้วสมเด็จกรมพระ และสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์เฝ้าถวายของเหมือนกัน แล้วสมเด็จกรมพระถวายของ ในการเฉลิมพระชนมพรรษาด้วยเหมือนกัน

เวลาทุ่มเศษ เสด็จประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ณท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ท่านที่เสด็จเข้ามาประชุมเสวยในวันนี้นั้น มีพระนามและที่ประทับแจ้งอยู่ในแผนที่ข้างล่างนี้

 

หม่อมเจ้าประวิช

หม่อมเจ้าวัชรินทร

 

หม่อมเจ้าสวน

 

หม่อมเจ้าขาว

พระองค์เจ้าจรญ

พระองค์เจ้านันทวัน

พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์

กรมหมื่นสถิตย์

พระองค์เจ้าจิตรเจริญ

พระองค์เจ้าจันทรทัต

กรมหมื่นเทววงศ์

กรมหมื่นพรหม ไม่มา

กรมหมื่นประจักษ์

กรมหมื่นพิชิตปรีชากร

กรมขุนเจริญผล

สมเด็จกรมหลวงจักรพรรดิ ไม่มา

สมเด็จกรมพระ

พระราชอาศน

กรมขุนบดินทร์

สมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ

กรมหมื่นภูธเรศร์

กรมหมื่นอดิศร

พระองค์เจ้าชุมพล

พระองค์เจ้าเกษมศรี

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ

พระองค์เจ้าวรวรรณ

พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์

พระองค์เจ้าโตสินี

พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์

พระองค์เจ้าปรีดา

หม่อมเจ้านิลวรรณ

หม่อมเจ้าบงกช

หม่อมเจ้าถนอม

หม่อมเจ้าปาน ไม่มา

 

หม่อมเจ้าอลังการ

พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร

 

เวลา ๒ ทุ่มเสวยเสร็จแล้ว สมเด็จกรมพระถวายพระพรชัยมงคลแล้วพระราชดำรัสตอบพระบรมวงศานุวงศ์แล้วเสด็จขึ้นข้างใน

เวลาเกือบยาม เสด็จออกทางพระทะวารกลางพระที่นั่งจักรี เสด็จทรงพระราชยาน เสด็จไปประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งสัตรูแล่นขึ้นไปเหนือน้ำ ทอดพระเนตร์โคมไฟซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ และผู้แทนคอเวอนแมนตต่างประเทศพ่อค้าวานิชตกแต่งฉลองพระเดชพระคุณ เสด็จขึ้นไปถึงโรงสุราแล้วเสด็จกลับล่องลงไปเกือบถึงบางคอแหลม แล้วเสด็จกลับมาประทับท่าราชวรดิษฐ์ เสด็จทรงพระราชยาน เสด็จขึ้นพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเวลา ๔ ทุ่มเศษ

เวลาเกือบ ๕ ทุ่ม เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าบรมราชเทวี ทรงรถพระที่นั่งและมีรถข้างในตามเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยกระบวนนำและตาม เสด็จไปประทับหน้าโรงทหารหน้าโปรดให้ข้างใน ขึ้นที่หน้าโรงทหารหน้าเดินไปในโรงแถวข้างถนนบำรุงเมือง แล้วไปข้ามสะพานซึ่งข้ามจากโรงทหารเดินไปลงหลังหอบิลเลียด ขึ้นวังสราญรมย์ ไปพักห้องซึ่งต่อกับท้องพระโรงแต่ปิดไม่เปิดเผย พระเจ้าอยู่หัวเสด็จส่งข้างในแล้วจึงเสด็จไปประทับหน้าวังสราญรมย์เสด็จขึ้นวังสราญรมย์ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี มีตำรวจและมหาดทหารเล็กนำตามเสด็จด้วย บนวังสราญรมย์นั้นมีการบอลปาตีมาแต่ทหารมหาดหัวค่ำแล้วมีพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชสยามการฝ่ายและจีนเจ้าภาษีพ่อค้าและผู้แทนคอเวอนแมนต์ต่างประเทศ นายห้างพ่อค้าต่าง ๆ ประชุมพร้อมกันเป็นอันมาก พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า เสด็จไปประทับห้องหลังท้องพระโรงซึ่งออกเฉลียงรอบใน แล้วโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นเทววงศ์ ผู้ว่าการต่างประเทศนำผู้แทนคอเวอนแมนต์ต่างประเทศ คือมิสเตอร์เออเนสเมซัน สเตา มินิสเตอร์เรสิเดน กงซุลเยเนอราลอังกฤษ ๑ มองซิเออ เลอ การะคาราเด็ก ชาเยเดอแฟกงซุลคอมมิสแซรฝรั่งเศส ๑ มิสเตอร์บีเอส ฮาเมล์ กงซุลเยเนอราล ฮอลันดา ๑ ผู้ว่าการกงซุลเยอรมัน ๑ กงซุลอิตาลี ๑ กงซุลเดนมาร์ค ๑ ผู้ว่าการกงซุลออสเตรีย ๑ ผู้ว่าการกงซุลอเมริกัน ๑ ผู้ว่าการกงซุลสวิเดนนอร์เว ๑ ผู้ว่าการกงซุลโปรตุเกต ๑ กงซุลเบลเยี่ยม ๑ แล้วถึงเลดีทั้งปวงเป็นอันมาก มีสามีและคนอื่นบ้างจูงเดินตามกันเข้าไปถวายคำนับ ที่เป็นผู้แทนคอเวอนแมนด์และคนอื่นที่ทรงคุ้นเคยนั้นพระราชทานพระหัตถ์ให้จับทั้งนั้น แล้วถึงเยนเลตแมนเดินเป็นลำคับกันเข้าไปถวายคำนับ ครั้นริเสบชั่นแล้วมีการแดนซิงเต้นรำไปตามเดิม เสด็จทอดพระเนตรครู่หนึ่งเสด็จกลับทรงรถพระที่นั่งมาประทับโรงทหารหน้า เสด็จขึ้นพระราชดำเนินไปตามสะพานไปประทับวังสราญรมย์ห้องข้างใน พักจนเวลา ๓ ยามเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เสด็จประทับในวัดพระศรีรัตนศาสดารามทรงประเคนผ้าไตรย่ามสักหลาด แด่พระสงฆ์ ๕ รูปสวดอย่างวานนี้ เสด็จกลับมาประทับทอดพระเนตรซุ้มดอกไม้ไฟที่หน้ามิวเซียมครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

วัน ๓ ๑๔ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้าไม่มีการอะไรไม่ได้เสด็จออก โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้านายแจกทานคนชราพิการวันนี้ ๓๔๙๖ คน จะได้ทรงแจกข้างหน้า ๒๐๐ ข้างใน ๒๐๐ รวม ๓๘๙๖ คน และวันนี้มีการสวดมนต์ที่พระที่นั่งจักรี เจ้าพนักงานจัดการตามเช่นเคยมาทุกปี

เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศ ทรงดวงดารานพรัตน์ราชวราภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จออกทางพระทวารกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงประเคนผ้าไตร ย่ามสักหลาดแด่พระราชาคณะ ๑ ปเรียญ ๔ รวม ๕ รูป แล้วทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกตและเทียนเทวดาแล้ว เสด็จกลับทรงพระราชยานมาประทับเกยหน้าพระที่นั่งจักรีเสด็จประทับท้องพระโรงกลาง โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะสวดมนต์เข้าไป เสด็จทรงประเคนผ้าไตรย่ามสักหลาดแด่หม่อมเจ้าพระพุทธบาท พระะราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๓๐ รูป พระสงฆ์ครองผ้าแล้วทรงจุดเทียนนมัสการ หม่อมเจ้าพระพุทธบาทถวายศีลแล้ว พระสงฆ์ ๓๐ รูปสวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตรสัตตปริตร เวลา ๔ ทุ่มเศษสวดมนต์จบเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๔ ๑๕ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี ทรงจุดเทียนนมัสการ หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันธถวายศีลแล้ว เสด็จทรงประเคนหม่อมเจ้าพระพุทธบาท พระราชาคณะ ๓๐ รูปรับพระราชทานฉัน ทรงจุดเทียนธูปที่โต๊ะเครื่องสังเวย ขุนนิมิตรอักษรอ่านดุษดีสังเวยเทวดา ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว ทรงประเคนบริกขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา เวลาย่ำเที่ยงเสด็จขึ้น

เวลาบ่ายโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จออกทรงแจกทานคนชราพิการข้างหน้า ๒๐๐ ข้างใน ๒๐๐ เจ้านายแจกที่มิวเซียม ๓๔๙๖ คน รวม ๓ วันเป็นคนชราพิการอนาถาที่ได้รับพระราชทานเงินเป็นจำนวน ๑๑๖๘๘ คน เสมอด้วยพระชนม์พรรษาลำดับวันนับมาแต่วันพระมหาประสูติมงคลสมัยมา เจ้าพนักงานตั้งบายศรีแก้วทองเงิน พระครูพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชพระราชมณเทียรสถาน ๓ รอบตามโบราณประเพณี เป็นเสร็จการเฉลิมพระชนม์พรรษา แต่การเทศนานั้นโปรดให้มีต่อเวลาพรุ่งนี้

วัน ๕ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องเหลืองพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร โปรดให้นิมนต์พระพิมลธรรมถานานุกรมอีก ๔ รูปรวม ๕ รูปเข้าไป ทรงจุดเทียนนมัสการในสถานที่ซึ่งตั้งพระพุทธรูป เทวรูป เครื่องเบญจมหาราชูปโภคราชกุกุธภัณฑ์ และเทียนทรงบูชาธรรมเทศนา พระพิมลธรรมถวายเทศนามงคลสูตรกัณฑ์ ๑ จบลง เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรสมณบริกขารนานาภัณฑ์ กับทั้งวัตถุจตุปัจจัยราคา ๑๐ ตำลึงบูชากัณฑ์ แล้วพระธรรมวโรดมถวายเทศนารัตนสูตรกัณฑ์ ๑ จบ เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรและสรรพบริกขารต่างๆ เป็นอันมากทั้งวัตถุจตุปัจจัยที่ทรงบริจาคเท่ากับกัณฑ์ต้น โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงประเคนของ พระสงฆ์รับสัพพี พระธรรมวโรดมถวายอติเรกถวายพระพรลาไป พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

เวลา ๔ ทุ่มเสด็จออกห้องเหลืองนั้น ทรงจุดเทียนนมัสการในสถานนั้น โปรดให้นิมนต์หม่อมเจ้าพระอรุณที่จะถวายเทศน์กับถานานุกรมเข้าไป ทรงจุดเทียนบูชาธรรมเทศนาหม่อมเจ้าพระอรุณถวายเทศนาเมตตสูตรกัณฑ์ ๑ จบลง เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรเครื่องบริกขารอุปโภคนานา ทั้งกัปปิยนัยวัตถุค่า ๑๐ ตำลึง แล้วกรมหมื่นวชิรญาณถวายเทศนาเทวดาอุทิศกัณฑ์ ๑ จบลง เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรสมณภัณฑ์บริกขารนานา ทั้งจตุปัจจัยมูลค่า ๑๐ ตำลึง เสด็จประทับตรัสอยู่ครู่หนึ่งเสด็จกลับมาประทับพระราชธาสน์ กรมหมื่นวชิรญาณถวายอติเรกถวายพระพรลา เวลา ๒ ยามเสด็จขึ้น

วัน ๖ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

วันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง ไม่มีราชการอะไร

วัน ๗ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาวันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง เป็นอันเริ่มการฉลองพระพุทธรูปประจำพระชนม์พรรษา เจ้าพนักงานจัดการในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ตั้งบุษบกดอกไม้สดข้างเบื้องซ้ายพระที่นั่งอัฐทิศเชิญพระชัยในรัชชกาลปรัตยุบันนี้ และพระพุทธรูปประจำวันพระชนม์พรรษา และประจำลำดับมีพระชนม์พรรษาของเก่า ๓๒ รูป ตั้งในนั้นมีพระเต้าต่างๆ ตั้งด้วย และตั้งม้าหมู่หน้าพระที่นั่งอัฐทิศ เชิญพระพุทธรูปประจำพระชนม์พรรษาปีนี้ซึ่งหล่อใหม่ตั้งบนนั้นมีเครื่องตั้งแต่งตามธรรมเนียม

เวลาเกือบยามเสด็จออกที่นั้น โปรดให้นิมนต์พระที่จะสวดมนต์เข้าไป เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรย่ามโหมดเทศแก่หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร หม่อมเจ้าพระและถานานุกรมปเรียญอันดับวัดราชบพิธ ๓๓ รูป พระสงฆ์ออกไปครองผ้าแล้วกลับเข้ามานั่งที่ ทรงจุดเทียนนมัสการหม่อมเจ้าพระอรุณถวายศีลแล้ว หม่อมเจ้าพระอรุณพระสงฆ์ทั้งปวงสวดธรรมจักกัปวัตนสูตรสัตตปริตร เวลา ๔ ทุ่มเศษสวดมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลา โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงดอกไม้เพลิงแล้วเสด็จขึ้น

วัน ๑ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้า ๔ โมงเสด็จออกประทับห้องเหลือง พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์เข้าไป เสด็จทรงจุดเทียนนมัสการหม่อมเจ้าพระอรุณถวายศีลแล้ว พระสงฆ์ถวายพระพรจบ เสด็จทรงประเคน พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว เสด็จทรงประเคนบริกขารต่างๆเป็นอันมาก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา แล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

เวลาวันนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานจัดซื้อสัตว์ซึ่งจะต้องฆ่าเป็นอาหารพระราชทานปล่อยชีวิตให้พ้นภัย คือ โค ๒ สุกร ๒ เป็ด ๒ ไก่ ๒ นกพิลาบ ๓๓ ปลาต่างๆ เป็นอันมาก ตามเช่นเคยทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาทุกปี

อนึ่งวันนี้เวลาย่ำค่ำ ๕๑ นาฑีเป็นดิถีพระบรมมหาราชสมภพมงคลสมัยคำนวณตามจันทรคติกาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะได้เสด็จสรงพระมุรธาภิเษกสนาน เพื่อทรงเจริญพระราชศุขศิริสวัสดิพิพัฒนมงคลสกลศัตรูกษัย ตามเช่นเคยมีมาทุกปี เวลาบ่ายเจ้าพนักงานตั้งบายศรีแก้วทองเงิน พระครูพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชพระพุทธรูปประจำพระชนม์พรรษาด้วย

เวลายามเศษเสด็จออกประทับห้องเหลือง พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร โปรดให้นิมนต์พระเทศน์เข้าไป แล้วเสด็จทรงจุดเทียนธูปนมัสการในสถานซึ่งตั้งพระพุทธรูป และเทวรูปและเครื่องวิวิธมหาราชูปโภคเบญราชกุกุธภัณฑ์ แล้วทรงจุดเทียนสักการะบูชาธรรมเทศนา สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายเทศนามงคลวิเศษกัณฑ์หนึ่งจบลง เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรและสมณบริกขารนานา กับทั้งจตุปัจจัยค่าราคา ๑๐ ตำลึง สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายอติเรก ถวายพระพรลากลับไป ทรงพระกรุณาโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงจุดดอกไม้เพลิง แล้วเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนา อ่านบอกพระยาพิสุทธิธรรมธาดาเมืองลพบุรี ว่ามีตราให้ขุนโภชนเสนาไปเดินประเมินเก็บเงินค่านาแก่ราษฎรในแขวงเมืองลพบุรีจำนวนปีวอกฉอศก ได้แต่งกรมการกำกับเก็บเงินค่านาได้ ๒๘๐ ชั่ง ให้เสนากรมการคุมมาส่งครั้งหนึ่งก่อนยังไม่เสร็จสิ้นจำนวนนา ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยาพิษณุโลกาธิบดีเมืองพิษณุโลก ว่าได้ให้หาตัวนายกองคุมเลขส่วยน้ำรักมาเร่งได้น้ำรัก ๓๐๐ ทะนาน เงินแทน ๖ ชั่ง คิดแทนรัก ๙๖๐ ทะนาน รวมเป็น ๑๒๖๐ ทะนานให้นายกองคุมมาส่งฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยาพิชัยสุนทรเมืองอุทัยธานี ว่ามีตราโปรดให้หาตัวลาวเขมรซึ่งอพยพไปอยู่มาถามว่า เดิมอยู่ที่ใด เจ้าเมืองกรมการกดขี่อย่างไรจึงอพยพมานั้น ได้หาเจ้าหมู่ลาวเขมรมาถามให้การว่า เดิมอยู่เมืองสุพรรณบ้าง เมืองสรรคบ้าง เจ้าเมืองหาได้กดขี่อย่างไร เห็นว่าเมืองอุทัยมีที่ว่างเปล่ามากพอจะทำมาหาเลี้ยงบุตรภรรยาได้จึงพากันไปตั้งอยู่ เป็นจำนวนลาว ๑๒๘ ครัว คนชายหญิง ๕๓๗ คน สังกัดเป็นไพร่หลวงในเมืองนนทราชธานีกรมมหาดไทย เขมร ๒๒ ครัว คน ๑๐๙ คน เป็นส่วยเงินในขุนละแวกอาษา ขึ้นเมืองนนทราชธานีกรมมหาดไทย รวม ๑๕๔ คน คน ๒๔๖ คน ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระพิทักษ์เทพธานีปลัดกรมการกรุงเก่า ๒ ฉะบับ ๆ ๑ รายงานน้ำฝนต้นข้าวกึ่งราษีสิงห์ ฉะบับ ๑ ขอที่เขตต์พระอุโบสถวัดโพธิ์ทองกรุงเก่า กว้าง ๕ วา ๒ ศอก ยาว ๑๐ วา เป็นที่วิสุงคามสีมา แล้วพระยาศรีนำพระเพ็ชรพืชภูมิปลัดเมืองเพ็ชรบูรณ์เฝ้าถวายเยียงผาตัว ๑ ยาเพ็ชรบูรณ์ ๒๐ ห่อ

พระนรินทรอ่านบอกพระยาภักดีนฤบดินทร พระยาอมรินทรฦาชัย เมืองราชบุรี ๔ ฉะบับๆ หนึ่งว่ามีตราโปรดให้ขุนเทพราชขุนเทพบุตรีเสนาออกไปเดินประเมินเก็บเงินค่านาแก่ราษฎรแขวงเมืองราชบุรี จำนวนปีมะแมเบญจศกนั้นได้แต่งกรมการกำกับเก็บเงินค่านาได้ครั้งนี้ ๓๐ ชั่ง ให้เสนากรมการคุมเข้ามาส่งแต่ได้ส่งมาแต่ก่อนแล้ว ๒ ครั้งเงิน ๑๗๐ ชั่ง รวมเก่าใหม่ ๒ ครั้งเงิน ๒๐๐ ชั่งยังไม่เสร็จสิ้น อีกฉะบับ ๑ ว่าได้แต่งกรมการกำกับเสนาเดินประเมินเก็บเงินค่านาแก่ราษฎรในแขวงเมืองราชบุรีจำนวนปีวอกฉอศกได้เงิน ๗๐ ชั่ง ให้เสนากรมการคุมเข้ามาส่งก่อน อีกฉะบับ ๑ ว่ามีตราโปรดให้ขุนภักดีภิรมย์ ข้าหลวงกรมพระกลาโหม หลวงทรงสุรเดช ข้าหลวงกรมพระคลังสินค้าออกไปผูกปี้ข้อมือจีนนั้นได้พร้อม ข้าหลวงผูกปี้ได้จำนวนจีนคงเมือง ๘๐๐ จีนจร ๒๐๐ รวม ๑๐๐๐ คน เรียกค่าแรงคนละ ๑ ตำลึง ได้เงิน ๒ ตำลึง ๒ บาท ค่าฎีกา ๒ ตำลึง ๒ บาท รวมเงิน ๕๐ ชั่ง ๒ ตำลึง ๒ บาท ให้พระพรหมภักดียกระบัตร์คุมมาส่งอีกครั้ง ๑ ก่อน อีกฉะบับ ๑ ว่าตำแหน่งที่พระณรงค์ภักดี จางวางลาวพุงดำว่างอยู่ ขอพระราชทาน พระวิชิตพลภักดี ปลัดจางวางเป็น พระณรงค์ภักดี ขุนชุมพลภักดี เป็นพระวิชิตพลภักดี ปลัดจางวางทำราชการต่อไป พระนรินทรนำหลวงสรเสนีนายเรือสยามมกุฎไชยชิตที่ไปทอกรักษาการเกาะเสม็ดต่อแดน ๑ พระวิชิตพลภักดี ๑ ขุนชุมพลภักดี ๑ เฝ้าทูลละลองธุลีพระบาทแล้วพระนรินทรนำพระยากลาโหมราชเสนา หลวงชาติสรสิทธิกรมกลาโหม พระณรงค์เจ้ากรมอาสารองซ้าย หลวงสำแดงสรผลาญกองป้อมพระสุเมรุ รวมข้าราชการในพระราชวังบวร ๔ นาย กราบถวายบังคมลาออกไปเมืองราชบุรี เพ็ชรบุรี กาญจนบุรี เกณฑ์แบ่งเฉลี่ยเลขส่วยกองนอกในพระราชวังบวรตัดเสาไม้เครื่องพระเมรุกรมพระราชวังบวร

พระยาพิพัฒโกษา อ่านบอกพระยาวิชยาธิบดีเมืองจันทบุรีฉะบับ ๑ ว่าได้หาตัวนายกองคุมเลขส่วยลงมาเร่งไพรขอส่งเงินแทนจำนวนปีกุนสัปตศกไพร่ ๑๒ คนๆ ละ ๑ ตำลึง ๓ บาท รวม ๑ ชั่ง ๑ ตำลึง ปีชวดอัฐศกไพร่ ๑๒ คนเงิน ๑ ชั่ง ๑ ตำลึง ทาษคนหนึ่ง ๓ บาท ๒ สลึง รวม ๑ ชั่ง ๑ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง ปีฉลูนพศกไพร่ ๑๑ เงิน ๑๙ ตำลึง ๑ บาท ทาษคน ๑ ๓ บาท ๒ สลึง รวม ๑ ชั่ง ๒ สลึง ปีขานสัมฤทธิศกไพร่ ๑๐ คน ๑๗ ตำลึง ๒ บาท ทาษคน ๑ ๓ บาท ๒ สลึง รวม ๑๘ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง ปีเถาะเอกศกไพร่ ๑๐ คนทาษคน ๑ รวม ๑๘ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง รวม ๕ จำนวนเป็นเงิน ๔ ชั่ง ๑๙ ตำลึง ๓ บาท ให้กรมการคุมเข้ามาส่งแล้ว

พระยาศรีนำพระยานครราชสีมากราบถวายบังคมลากลับไปรับราชการบ้านเมือง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๓ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระยาไตรเพ็ชรรัตนราชสงคราม เมืองนครสวรรค์ ๒ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าพระพรหมภักดีไว้ความให้นายสรฟ้องมองคำ มองฟัก กับพวกว่าเป็นผู้ร้ายลักช้าง ๓ ช้างของพระยาศิริวงศาเจ้าเมืองหล่มศักดิ์ ๆ ให้ขุนพรหมภักดีมาตามสืบได้ความว่ามองคำ มองฟักกับพวกลักมาขาย ได้หาตัวมาชำระมองคำและมองฟัก ให้การต่อสู้ว่าซื้อมาจากเมืองพระตะบอง ๒ ช้าง ๒๒ ชั่ง ๓ บาท มี ๒ ช้างและว่ามีตัวฎีกาเดิมสำหรับตัวช้างมาจะชำระต่อไป มองคำว่าเป็นคนในบังคับอังกฤษ เรียกดูหนังสือสำหรับตัวก็ไม่มี จะโปรดประการใดขัดข้องอยู่ อีกฉะบับ ๑ ว่าจีนเจ้าภาษีฝิ่นมาร้องว่ามีผู้มารับสินบนว่าต้องสู่ลักเอาฝิ่นเถื่อนมาขายจึงให้กรมการไปจับพร้อมด้วยทหารได้ฝิ่นดิบที่มองคำยา ๓ ก้อนหนัก ๑ ชั่ง ๑ ตำลึง ๑ บาท มองคันท์หนัก ๗ ตำลึง ๒ บาท ขันต้มฝิ่นเครื่องมือครบเจ้าภาษีฝิ่นได้อายัดไว้ ได้ถามนองคำ มองคันท์ให้การว่าซื้อมาจากตองสู่เมืองกำแพงเพ็ชรแล้ว มาถึงเมืองนครสวรรค์ยังหาได้จำหน่ายขายไม่ ครั้นจะปรับไหมก็ว่าเป็นคนในบังคับอังกฤษเรียกดูหนังสือสำหรับตัวก็ไม่มี รับสั่งว่าถ้าไม่มีหนังสือเดินทางสำหรับตัวแล้วให้ปรับไหมตามกฎหมายกับใบบอก พระภิรมย์ราชานายพลพัน ข้าหลวงพระยาพิสุทธิธรรมธาดากรมการเมืองลพบุรีว่าได้พร้อมกันผูกปี้ข้อมือจีนจำนวนปีระกาสัปตศกได้จำนวนจีนรับฎีกา ๑ ผูกปี้ ๔๕๐ คน เงินค่าแรง ๒๒ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๒ บาท ค่าฎีกา ๑ ตำลึง ๒ สลึง รวม ๒๒ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง มอบให้หลวงรามสิทธิสรยกกระบัตร์คุมลงมาส่งครั้ง ๑ ก่อน

พระสุรินทรามาตย์อ่านบอกพระขยันสงครามปลัดเมืองนครเขื่อนขันธ์ ทำการเฉลิมพระชนม์พรรษา นิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะพระครูถานาเจ้าอธิการ ๓๓ รูปสวดพระพุทธมนต์และเลี้ยงพระและตามประทีปโคมไฟ ๓ คืน ขอถวายพระราชกุศล

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยาราชพงษานุรักษ์เมืองสมุทสงครามว่าด้วยมีตราโปรดเกล้าฯ ให้หลวงทรงสุรเดชข้าหลวงคลังสินค้า หมื่นชำนาญชลธีกรมท่าออกไปพร้อมด้วยกรมการผูกปี้ข้อมือจีนจำนวนปีระกาสัปตศกนั้นได้พร้อมกันผูกปี้ได้จำนวนจีนคงเมือง ๒๘๖ คน จีนจร ๓๖๑ คน รวม ๒๔๗ คน เงินค่าแรง ๓๒ ชั่ง ๗ ตำลึง จีนรับฎีกาเปล่า ๒ คนเงิน ๓ ตำลึง รวม ๖๔๙ คนเงิน ๓๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ให้กรมการคุมเงินเข้ามาส่งครั้ง ๑ ก่อน ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระยานนทบุรี ว่าได้นิมนต์พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์และถวายบิณฑบาตไทยทาน และจุดประทีปโคมไฟในการเฉลิมพระชนม์พรรษา ๓ วัน ขอพระราชทานถวายพระราชกุศล

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร์หม่อมหลวงถมแบนมาศเตอครูแตรทหารรักษาพระบรมมหาราชวังเป็น ขุนบรรเลงบรรฦาศัพท์ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศจนเวลาทุ่ม ๑ เสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระโบราณบุรานุรักษ์ พระพิทักเทพธานี ว่าได้นิมนต์พระราชาคณะพระครูถานา ๙ รูปสวดมนต์และถวายอาหารบิณฑบาตไทยทานที่พระที่นั่งอุทธยานภูมเสถียร และเบิกแว่นเวียนเทียนพระบรมรูปจุดประทีปโคมไฟผูกซุ้มในการเฉลิมพระชนม์พรรษาขอถวายพระราชกุศล

พระยาศรีนำพระโยธาธิราช หลวงชาติสรสิทธิ กรมมหาดไทยในพระราชวังบวร กับข้าราชการผู้น้อยอีก ๒ นาย รวมข้าราชการในพระราชวังบวร ๔ คนกราบถวายบังคมลาไปเร่งไม้ทำพระเมรุกรมพระราชวังบวร

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จขึ้น

วัน ๕ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาวันนี้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ซึ่งเสด็จออกไปเรียนวิชาในเมืองอังกฤษพร้อมกันกับกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์เสด็จออกไปเป็นราชทูตณกรุงลอนดอน เมื่อปีมะเมียจัตวาศกนั้นกลับมาถึงกรุงเทพ ฯ ตามพระบรมราชโองการที่โปรดเกล้า ฯ ให้เข้ามารับราชการตำแหน่งไปรเวตสีเกรตรีฝ่ายต่างประเทศ

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับออฟฟิศ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์เฝ้า เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๖ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาวันนี้ทรงพระกรุณาโปรดให้มีการตั้งพระสงฆ์ณท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการพระพิมลธรรมถวายศีลแล้ว พระราชาคณะถานานุกรมปเรียญ ๒๔ รูป ถวายพระพรจบเสด็จทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว เสด็จมาประทับน่าอาศน์สงฆ์ออกมา พระวุฒิการบดีนำพระสงฆ์ที่จะเลื่อนตำแหน่งเข้ามาตรงหน้าพระที่นั่ง

ทรงประเคนถุงแพรสวมสัญญาบัตร์ไตรแพร ให้หม่อมราชวงศ์พระล้นปเรียญ ๕ ประโยค เป็นพระราชพงษ์ปฏิพัทธพระราชาคณะนิตยภัตรเดือนละ ๔ ตำลึง พระราชทานตาลิปัดแฉกพื้นแพรสลับศรีปักเลื่อมพัดรองตราแผ่นดินย่ามหักทองขวางย่ามเข้มขาบบาตรเข้มขาบและสมณบริกขารเครื่องยศเป็นอันมาก คงอยู่วัดโสมนัสวิหาร ๑

ทรงประเคนถุงแพรสรวมสัญญาบัตรไตรแพรย่ามเข้มขาบริ้วเลื่อนพระเทพมุนีเป็นพระธรรมเจดีย์กวีวงศ์นายก ตรีปิฎกบัณฑิตยมหาคณิสรบวรสังฆารามคามวาสี สถิตยณวัดโมฬีโลกยารามวรวิหารพระอารามหลวง มีนิตยภัตร์เดือนละ ๔ ตำลึง ๓ บาท มีถานานุศักดิ์ตั้งถานานุกรมได้ ๕ รูป คือ พระครูปลัด พระครูวินัยธร พระครูวินัยธรรม พระสมุห์ พระใบฎีกา พระราชทานตาลิปัดแฉกพื้นแพรเหลืองปักเลื่อม พัดรองเป็นเครื่องยศสมณศักดิ์ ๑

ทรงประเคนถุงแพรสรวมสัญญาบัตร์ไตรแพรย่ามเข้มขาบริ้วเลื่อนพระโพธิวงศ์เป็นพระธรรมไตรโลกาจารย์ญาณวิสาระทะนายก ตรีปิฎกธรรมมหาคณิศรบวรสังฆารามคามวาสีสถิตย์วัดราชบุรณาวาศวรวิหารพระอารามหลวง มีนิตยภัตรเดือนละ ๔ ตำลึง ๓ บาท มีถานานุศักดิ์ตั้งถานานุครมได้ ๕ รูป คือ พระครูปลัด พระครูวินัยธร พระครูวินัยธรรม พระสมุห์ พระใบฎีกา พระราชทานตาลิปัตรแฉกพื้นแพรแดงปักเลื่อม พัดรองเป็นเครื่องยศสมณศักดิ์ ๑

ทรงประเคนถุงแพรสรวมสัญญาบัตรไตรแพรย่ามเข้มขาบริ้วเลื่อนพระอมรโมฬีเป็นพระโพธิวงษาจารย์ญาณนายกตรีปิฎกธาราม มหาคณิสรบวรสังฆารามคามวาสีสถิตยณวัดบพิตรภิมุขวรวิหารพระอารามหลวง มีนิตยภัตรเดือนละ ๔ ตำลึง ๒ บาท มีถานานุศักดิ์ตั้งถานานุกรมได้ ๔ รูป คือ พระครูปลัด พระครูสังฆวินิตพระสมุห พระใบฎีกา พระราชทานตาลิปัตรแฉกหักทองขวางฝังพลอยพัดรองเป็นเครื่องยศ ๑

ทรงประเคนแผ่นสัญญาบัตรไตรแพร ให้พระมหาเขมาภิรโต (ยัง) ปเรียญ ๘ ประโยคเป็นพระอมรโมฬีพระราชาคณะนิตยภัตร์ ๔ ตำลึง พระราชทานตาลิปัตรแฉกหักทองขวางพัดรองตราแผ่นดิน ย่ามหักทองขวางย่ามเข้มขาบบาตร์เข้มขาบสมณะบริกขารเครื่องยศเป็นอันมากคงอยู่วัดโสมนัศวิหาร ๑

พระราชทานแผ่นสัญญาบัตรผ้าไตรสลับแพร ให้หม่อมราชวงศ์พระส่านเป็นพระครูวิเสศศิลคุณ นิตยภัตร์เดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานตาลิปัตรพุตตานหักทองขวาง พัดรอง ย่าม อัตลัตบาตรอัตลัดสมณบริกขารพอควรเป็นเครื่องยศ คงอยู่วัดอมรินทร ๑

พระราชทานแผ่นสัญญาบัตรผ้าไตรสลับแพร ให้พระพุดปลัดนอกราชการ เป็นพระครูสาราณิยคุณ นิตยภัตร์เดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานตาลิปัตรพุดตานหักทองขวาง พัดรอง ย่าม อัตลัตบาตรอัตลัดสมณบริกขารพอควรเป็นเครื่องยศ คงอยู่วัดประยุรวงษาวาศ ๑

พระราชทานแผ่นสัญญาบัตรผ้าไตรสลับแพร ให้พระกลิ่นพระครูญาณกิจนอกราชการเป็นพระครูประกาศสมณกิจ นิตยภัตร์เดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท พระราชทามตาลิปัตรพุดตานหักทองขวาง พัดรองย่ามอัดลัตบาตรอัตลัตสมณบริกขารพอควรเป็นเครื่องยศ คงอยู่วัดกัลยาณมิตร ๑

พระราชทานแผ่นสัญญาบัตรผ้าไตร ให้อาจารย์วอนวัดต้นมะขามเป็นพระครูสว่างคมุนีเจ้าคณะใหญ่เมืองฝางไปอยู่วัดวังตะม่อ พระราชทานตาลิปัตรแฉกทองแผ่ลวด พัดรอง ย่ามสักหลาด บาตรสักหลาดกับสมณบริกขารเล็กน้อยพอควรเป็นเครื่องยศ ๑

และโปรดพระราชทานผ้าขาวพับใหญ่หมากพลูธูปเทียนของข้างในแด่พระสงฆ์ที่เลื่อนตำแหน่งใหม่ทั้ง ๘ รูป ขณะเมื่อทรงตั้งพระสงฆ์นั้นพระพิมลธรรม พระธรรมวโรดมถานานุกรมทั้ง ๑๖ รูปสวดชัยมงคลพร้อมกัน พระสงฆ์ที่รับตำแหน่งออกไปครองผ้าแล้วกลับเข้ามานั่งที่ พระพิมลธรรมถวายยถาอติเรก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาพระธรรมวโรดมถวายพระพรลากลับไป พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จออกประทับพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันออกเจ้าพนักงานกรมวังกรมท่านำมองซิเออเลอ เคาน์ เดอ คาราเด็กซาเยเดอแฟ (หรือทูต) กงซุล คอมมิสแซรฝรั่งเศส เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดำรัสพระราชปฏิสันฐารโดยสมควร เคาน์เดอเกอร์ คาราเด็ก ทูลเกล้า ฯ ถวายพระบรมรูปลงยาราชาวดีเป็นของตนมีใจยินดีสั่งให้ช่างทำแต่ยุโรปเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวาย และแสดงพระราชหฤทัยยินดีและขอบใจเคาน์เดอ เกอร์คาราเด็ก แล้วกราบถวายบังคมลากลับไป ไม่เสด็จขึ้นเพราะทูตอังกฤษจะเฝ้าอีก

เวลาบ่าย ๕ โมงเจ้าพนักงานกรมวังกรมท่านำ มิสเตอร์ แอตสเมซัน ซาเตา มิสเตอร์เรซินเดิน (ราชทูต) กงซุลเยเนอราลอังกฤษเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นการระลึกถึงฝ่าละอองธุลีพระบาทเท่านั้น ดำรัสพระราชปฏิสัณฐารโดยพิศดาร เฝ้าอยู่จนเวลาย่ำค่ำกราบถวายบังคมลากลับไป

ราชทูตอังกฤษกลับไปแล้ว เสด็จมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนา อ่านบอกหลวงนุชิตพิทักษ์ข้าหลวงผู้รักษาเมืองนครนายกว่าได้นิมนต์พระสงฆ์สวดมนต์เลี้ยงพระถวายไทยทาน ตามประทีปโคมไฟในการเฉลิมพระชนม์พรรษา ขอถวายพระราชกุศล

พระนรินทรอ่านบอกพระยารัตนราชภักดินทรสุรินทรวิวังษา เจ้าเมืองรามัญว่าด้วยการเรื่องที่เขตต์แดนที่เกี่ยวข้องกับเมืองปิรัก (แต่บอกนั้นโปรดให้ส่งไปให้กรมท่าเรียงหนังสือถึงราชทูตสยามเสียเรียงลงไดอรีไม่ทันจะเรียงต่อภายหลัง)

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยาสุนทรบุรีศรีพิชัยสงคราม เมืองนครชัยศรี ว่าด้วยนิมนต์พระสงฆ์สวดมนต์เลี้ยงพระมีการเล่นจุดประทีปโคมไฟในการเฉลิมพระชนม์พรรษา ขอพระราชทานถวายพระราชกุศล

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร์ นายทิมเปชายันต์ กรมทหารมหาดเล็กเป็นขุนวรการโกศลอยู่ในกรมมหาดเล็กแต่รับราชการกรมโรงเรียน ๑ นายบุตรออเดอรีรูมเคล็ดกรมทหารมหาดเล็ก เป็นขุนวิทธยานุกูลกระวีครูสอนหนังสือ ๑ หลวงสาธรราชายุทธ เป็นพระทวีประชาชนปลัดจีนเมืองนครชัยศรี ๑ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๗ ๑๐ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระยาพิสุทธิธรรมธาดาเมืองลพบุรีว่า มีตราโปรดไปให้ทำศาลากลางเป็นฝากระดานมีที่เก็บใบบอกท้องตรานั้นได้ให้ช่างคิดกะราคาที่จะทำศาลาเครื่องสับหลังคามุงกระเบื้อง พื้นพ้นดิน ๓ ศอกมีเฉลียงรอบ รวมทั้งตัวและเฉลียงกว้าง ๔ วา ๒ ศอก ยาว ๖ วา ๒ ศอก ค่าสิ่งของใช้สรอยเบ็จเสด็จ ๙ ชั่ง ๗ ตำลึง ค่าจ้างค่าแรงไม่รับพระราชทาน

พระนรินทรอ่านบอกพระวิชิตชาญณรงค์เมืองปราณบุรีว่าด้วยมีตราโปรดให้หมื่นนราเรืองฤทธิ์ข้าหลวงกรมพระกลาโหม จหมื่นไชยาภรณ์ข้าหลวงคลังสินค้าออกไปผูกปี้ข้อมือจีนจำนวนปีระกาสัปตศกนั้น ได้พร้อมกันผูกปี้ได้จำนวนจีน ๑๗๕ คน ค่าแรงเงิน ๘ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ค่าฎีกาพิมพ์ ๑ บาท ๓ สลึง รวมเสร็จ ๘ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ๑ บาท ๓ สลึง เสร็จสิ้นจำนวนแล้ว ในปีนี้ได้จำนวนจีนมากกว่าเมื่อปีมะเมียจัตวาศก ๔๒ คนเงิน ๒ ชั่ง ๒ ตำลึง ข้าหลวงกรมการได้รับพระราชทาน ๑๐ ลดไว้เงิน ๔ ตำลึง คงส่งหลวง ๘ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๑ บาท ๓ สลึง มอบให้ข้าหลวงกรมการคุมมาส่ง ฉะบับ ๑ กับใบบอกพระบริสุทธิโลหภูมินทราธิบดีเมืองตะกั่วทุ่ง ว่าพระพลพยุหสงครามผู้ว่าราชการเมืองกระบี่ป่วยเป็นไข้จับถึงแก่กรรม ได้จัดการยกศพลงหีบไว้ ได้จัดการรักษาบ้านเมืองภาษีผลประโยชน์เป็นการเรียบร้อยอยู่ ขอให้หลวงวิเสศสมบัติกรมการเมืองกระบี่ผู้น้า หลวงเพ็ชรคิรีปลัดเมืองตะกัวทุ่งผู้น้องพระพลพยุหสงคราม ดูแลราชการไปกว่าจะพระราชทานเพลิงศพพระพลผู้ว่าราชการเมืองกระบี่ด้วย แล้วพระนรินทรนำขุนเสนีสุรเดชกับตัน ขุนพลนิจสุรกาล นายปาน เลบเตอรแนนตกรมทหารหน้ากราบถวายบังคมลาไปรักษาราชการเมืองภูเก็ตด้วยพระอนุรักโยธา

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยาวิชยาธิบดีศรีรณณรงค์ฦาชัยเมืองจันทบุรี ถวายพระราชกุศลทำบุญให้ทานและว่ามีการเล่นจุดประทีปโคมไฟตั้งซุ้มในการเฉลิมพระชนม์พรรษา

แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิศริยยศแด่ผู้ที่ตามเสด็จกรมหมื่นพิชิตปรีชากร ขึ้นไปจัดการเมืองนครเชียงใหม่ เพราะผู้ที่จะออกชื่อต่อไปนี้เป็นผู้ที่ได้เหน็ดเหนื่อยมากในราชการ คือ หลวงวิเศษสาลี (ผู้) กรมนา ได้พระราชทานช้างเผือกชั้นที่ ๕ ทิพยาภรณ์ ๑ หลวงอภิบาลประเพณี (เหลือ) กรมแพ่งเกษม ได้พระราชทานช้างเผือกชั้นที่ ๕ ทิพยาภรณ์ ๑ ขุนประชาคดีกิจ (แช่ม) กรมมหาดไทย ได้พระราชทานมงกุฎสยามชั้นที่ ๔ ภัทธราภรณ์ ๑ ขุนสัณหการโกศล (สมบุญ) กรมทหารมหาดเล็ก ได้พระราชทานช้างเผือกสยามชั้นที่ ๕ ทิพยาภรณ์ ๑ นายแย้มมหาดเล็ก ได้รับพระราชทานมงกุฎสยามชั้นที่ ๔ ภัทธรากรณ์ ๑ นายหาดกับตันกรมทหารหน้าได้พระราชทานช้างเผือกสยามชั้นที่ ๕ ทิพยากรณ์ ๑ นายอิ่มเลปเตอแนนต์กรมทหารหน้า ได้พระราชทานช้างเผือกสยามชั้นที่ ๕ ทิพยาภรณ์ ๑ พระชัยสงคราม (ปัน) นายด่านเมืองตาก ได้พระราชทานช้างเผือกสยามชั้นที่ ๕ ทิพยาภรณ์ ๑ หลวงศรีสรสิทธิ์ (คุ้ม) ปลัดกรมอาสาใหญ่ในพระราชวังบวร ได้พระราชทานมงกุฎสยามชั้นที่ ๕ วิจิตราภรณ์ ๑

แล้วพระราชทานสัญญาบัตรพระวิชิตพลภักดิ เป็นพระณรงค์ภักดีจางวางลาวาพุงดำเมืองราชบุรี ๑ ขุนชุมพลภักดีเป็นพระวิชิตพลภักดีปลัดจางวางลาวพุงดำเมืองราชบุรี ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๑ ๑๑ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระยามนตรีสุริยวงษ์ ข้าหลวงเมืองลาวเฉียงว่า มีตราโปรดเกล้า ฯ ขึ้นไปว่าเจ้าคุณเป้ามารดาพระยามนตรีป่วยให้พระศรีธรรมสาสน์กลับลงมาพยาบาลนั้น พระเดชเป็นล้นเกล้า ฯ ได้ให้กลับลงมาแต่ณวัน ๖ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศกแล้ว ถ้าเจ้าคุณหายป่วยเป็นปกติแล้วขอพระศรีธรรมสาสน์กลับขึ้นไปรับราชการต่อไป ราชการบ้านเมืองหมู่นี้เป็นปกติเรียบร้อยอยู่ แล้วพระศรีเสนานำพระศรีธรรมสาสน์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับสั่งถามถึงการเมืองเชียงใหม่

พระนรินทรอ่านบอกพระยากาญจนดิฐบดีเมืองกาญจนดิฐ ๓ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าได้เก็บเงินภาษีผลประโยชน์ในเมืองกาญจนดิฐเป็นภาษีคอเวอนแมนต์ ๖ เดือน คือแต่เดือน ๕ มาจนถึงเดือน ๙ ปีระกาสัปตศก ได้จำนวนเงินอากรบ่อนเบี้ย ๑๗ ชั่ง ๖ ตำลึง ๒ บาท ๓ สลึง อากรเตาสุรา ๑๑ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ๓ สลึง ๑ เฟื้อง ภาษีตอไม้ ๕ ชั่ง ไต้จุด ๔ ชั่ง ๒ ตำลึง ภาษีสุกร เขา หนัง ๙ ชั่ง ๑๖ ตำลึง ๒ บาท ๓ สลึง ฝิ่น ๓๔ ชั่ง ๑๖ ตำลึง ๒ บาท ๓ สลึง ๑ เฟื้อง ร้อยชักสาม ๗ ชั่ง ๓ ตำลึง ๒ บาท ๓ สลึง รวมเสร็จเงิน ๙๐ ชั่ง ให้กรมการคุมเข้ามาส่งครั้งหนึ่งก่อน อีกฉะบับ ๑ ว่ามีตราโปรดให้ขุนราชสาลีเสนาออกไปเดินประเมิน เก็บเงินค่านาในแขวงเมืองกาญจนดิฐจำนวนปีมะแมเบญจศกนั้น ได้แต่งกรมการกำกับเสนาเดินประเมินเก็บเงินค่านาได้ ๔๐ ชั่ง ได้มอบให้เสนากรมการการคุมเข้ามาส่งครั้งหนึ่งก่อน ถ้าเก็บได้อีกเท่าใดจะส่งมาภายหลัง อีกฉะบับ ๑ ว่ามีผู้ร้ายปล้นเรือนจีนยกเสง อำแดงพวง เก็บทรัพย์สมบัติไป เจ้าของทรัพย์จำหน้าได้ชื่ออ้ายกลิ่นคนหนึ่ง ได้บอกนายบ้าน ๆ ไปค้นที่เรือนอ้ายกลิ่นได้แหปาก ๑ หนังสือเล่ม ๑ อ้ายกลิ่นหนีไปอยู่โรงหลวงชัยวารีบ้านพูนพินแขวงเมืองไชยา ได้มีสูตร์นรายน์ไปขอพระยาไชยา ๆ ได้สั่งให้จับอ้ายกลิ่นมาจากบ้นพูนพินจะไปเมืองไชยา มีอ้ายผู้ร้ายมาแย่งอ้ายกลิ่นไปและฟันหลวงบำรุงโยธาผู้คุมตาย พระยากาญจนดิฐได้สืบจับได้ตัวอ้ายเพ็ชรคง อ้ายนุ้ย อ้ายเปียผู้ตีชิงแย่งเอาอ้ายกลิ่นไปมาถามรับเป็นสัตย์ จึงให้กรมการคุมตัวเข้ามาส่ง ยังสืบสวนติดตามต่อไปอีก

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยาราชพงนานุรักษ์เมืองสมุทรสงครามถวายพระราชกุศลทำบุญให้ทานและว่าด้วยมีการเล่น จุดประทีปโคมไฟในการเฉลิมพระชนม์พรรษา

แล้วพระราชทานเครื่องราชอิศริยยศมงกุฎสยามชั้นที่ ๔ ภัทธราภรณ์แก่หลวงสิทธิสำแดงรณ (เอี่ยม) ๑ ช้างเผือกชั้นที่ ๕ ทิพยาภรณ์ จ่าเขมงสัตริยาวุธ (ว่าง) ๑ ในการที่ได้ตามเสด็จกรมหมื่นพิชิตขึ้นไปราชการเมืองเชียงใหม่ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๒ ๑๒ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาทุ่มเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกตและในที่ต่าง ๆ แล้วกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล ขุนสุวรรณอักษรอ่านประกาศเรื่องรัตนพิมพ์วงษ์ เสด็จมาประทับตรัสกับสมเด็จกรมพระและพระบรมวงศานุวงศ์ เมื่ออ่านประกาศจบแล้วพระสงฆ์มีกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส หม่อมเจ้าพระราชาคณะ หม่อมเจ้าพระ หม่อมราชวงศ์พระที่มีสมณศักดิ์ และสมเด็จพระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๓๘ องค์ เจริญทวาทสปริตร พอพระสงฆ์สวดถึงรัตนสูตร์เสด็จพระราชดำเนินกลับมาทรงพระราชยาน เสด็จมาประทับขึ้นพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เวลา ๒ ทุ่มเศษ

เวลาสวดมนต์จบมีพราหมณ์อ่านดุสดีสรรเสริญพระมหามณีรัตนปฏิมากรตามเช่นเคยมาทุกคราว

วัน ๓ ๑๓ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้าโปรดให้เลี้ยงพระสงฆ์ ๓๘ องค์ ที่สวดมนต์ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในการพระราชพิธีศรีสัจปานการ พระสงฆ์รับพระราชทานฉันในพระที่นั่งสุทธัยสวรรย์มหาปราสาทแล้ว เข้าไปเตรียมอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาเที่ยงเศษ พระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องอย่างเช่นเคยทรงมาในการพระราชพิธีศรีสัจปานการ เสด็จพระราชดำเนินออกทางพระที่นั่งจักรีทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการพระมหามณีรัตนปฏิมากร กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล ทรงศีลแล้วทรงสักการะในที่ต่าง ๆ พระมหาราชครูพิธีอ่านคำแช่งน้ำโดยพราหมณ์ภาษาและเชิญพระแสงสรประไลยวาต สรอัคนิวาต สรพรหมมาศ ลงชุบในพระขันหยก พระยาศรีสุนทรโวหารอ่านประกาศแช่งน้ำเป็นสยามภาษาจบแล้ว พระสิทธิชัยบดีเชิญพระแสงขรรค์ชัยศรีและพระแสงต่าง ๆ เป็นอันมากลงมาชุบในหม้อทั้งปวง ขณะนั้นพระสงฆ์ ๓๘ รูป สวดสัจจคาถา เจ้าพนักงานประโคมสังข์แตรพิณพาทย์ต่าง ๆ เป็นมโหฬารตามโบราณราชประเพณี จึงเจ้าพระยาเสนาบดีมนตรีราชอมาตย์ทั้งหลาย ขึ้นไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่ในพระอุโบสถนั้นเป็นอันมาก กรมพระอาลักษณ์แจกสมุดคำปฏิญาณ ข้าราชการถวายสาบาลพร้อมกันตามประเพณี ครั้นเสร็จแล้วพระมหาราชครูพิทธีทูลเกล้า ฯ ถวายน้ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสวย พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายคำนับพร้อมกัน แล้วพระบรมวงศานุวงศ์เสนาบดีมนตรีมุขมาตยข้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒนสัตยาตามลำดับดังเช่นเคยมา พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา อติเรกถวายพระพรลากลับ ครั้นข้าราชการรับพระราชทานน้ำเสร็จแล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับทางหลังฉากข้างใน เสด็จลงทางหลังพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนินไปโดยทางพระระเบียง เสด็จออกประตูข้างมิวเซียม ทรงพระราชยานเสด็จกลับมาประทับเกยหน้าทวารเทเวศรักษา เสด็จขึ้นพระที่นั่งอมรินทรทรงฉลองพระองค์คลุยแล้ว เสด็จออกประทับพระที่นั่งสนามจันทร ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ ถวายบังคมพระบรมอัฏฐิพระเจ้าอยู่หัวแล้ว เสด็จขึ้นพระที่นั่งอมรินทร พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทก็เข้ามาถวายบังคม พระบรมอัฏฐิ ณข้างพระที่นั่งสนามจันทร์พร้อมกัน พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นข้างในรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒนสัตยาณพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

เวลาบ่ายพราหมณ์จะได้อ่านดุษดีกล่อมกลองวินิจฉัยเภรี แล้วลูกขุนขุนศาลทุกกระทรวงจะได้เวียนเทียนสมโภชด้วย

เวลาบ่ายเจ้าพนักงานจัดการตั้งเครื่องพระราชพิธีสารท ณพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตามเช่นเคยมาทุกปี เวลาทุ่มเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระวันรัตถวายศีล แล้วพระยาศรีสุนทรอ่านประกาศว่าด้วยพระราชพิธีสารท แล้วสมเด็จพระวันรัต พระธรรมวโรดม พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อยพระครูถานานุกรม พระมหาดเล็ก ๓๙ รูปสวดสัตตปริตร เวลายามเศษสวดมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับไป เสด็จมาประทับตรัสกับสมเด็จกรมพระเวลาเกือบ ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๔ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้าเกือบ ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระวันรัตถวายศีลแล้ว พระสงฆ์ถวายพรพระ เสด็จมาประทับทอดพระเนตรโถฟักเหลืองเครื่องยาคูปายาศ ทรงเลือกพระราชทานพระราชาคณะผู้ใหญ่ๆ โถฟักเหลืองวันนี้ของเจ้าพระยา พระยา พระ ทำมาฉลองพระเดชพระคุณตามรายเกณฑ์ ทรงเลือกโถเจ้าพระยาสุรวงศ์เป็นโถข้าวพระ โถพระยาภาสกรวงศ์เป็นโถทรงประเคนถวายสมเด็จพระวันรัต โถพระยาโชฎึกราชเศรษฐี พระราชทานพระธรรมวโรดม โถพระยานรรัตน พระราชทานพระพรหมมุนี โถพระยาอนุรักษ์ พระราชทานพระธรรมไตรโลก โถเจ้าพระยาพลเทพ พระราชทานพระเทพกวี โถเจ้าพระยามหินธร พระราชทานพระราชกวี มีโถที่งามๆ และแข็งแรงมีเท่านี้ นอกนั้นก็พอประมาณ โปรดให้ถวายพระราชาคณะถานานุกรมพระมหาดเล็กองค์ละที่ทั่วกัน โถเหลือโปรดให้นำไปถวายพระองค์เจ้าพระ หม่อมเจ้าพระ เจ้าเณรทั่วกัน พระสงฆ์ ๓๙ รูปถวายพระพรจบ เสด็จทรงประเคน พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน ทรงปิดทองพระพุทธรูปและพระธรรมคัมภีร์ แล้วพระมหาราชครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏรตามเคยในพระราชพิธีสารท พระสงฆ์ฉันแล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอทรงประเคนผ้าเหลือง พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา เสด็จมาประทับออกขุนนางมุขเหนือ พระยาศรีสิงหเทพนำพระชัยสงครามนายด่านเมืองตากถวายบังคมลาไปบ้านเมือง เสด็จขึ้นเวลาเที่ยงเศษ

เวลาทุ่มเศษ เสด็จออกประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีลแล้ว ขุนนิมิตรอักษรอ่านประกาศพระราชพิธิสารทแล้ว สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระพิมลธรรม พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย พระครูถานานุกมม พระมหาดเล็ก ๓๒ รูปสวดทวาทสปริตร เสด็จมาประทับมุขเหนือ สมเด็จกรมพระ สมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์ กรมหมื่นเทววงศ์เฝ้า เวลายามเศษสวดมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลา พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

วัน ๕ ๑๕ ๑๐ ค่ำ ปีระกาสัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗

เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีลแล้ว สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อยถานานุกรม พระมหาดเล็ก ๓๒ รูปถวายพรพระ เสด็จมาทอดพระเนตรโถฟักเหลืองเครื่องยาคูปายาศ ซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าทำฉลองพระเดชพระคุณ ทรงเลือกพระราชทานพระราชาคณะผู้ใหญ่ๆ คือ โถกรมหลวงวรศักดาเป็นโถทรงประเคน ๑ โถสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระบำราบปรปักษ์ ถวายสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ๑ โถสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์ ถวายพระพิมลธรรม ๑ โถกรมหมื่นเทววงศ์วโรปการ พระราชทานพระธรรมเจดีย์ ๑ โถกรมหมื่นอดิศรอุดมเดช พระราชทานพระเทพโมฬี ๑ โถกรมหมื่นพิชิตปรีชากร พระราชทานพระโพธิวงษาจารย์ ๑ โถพระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ พระราชทานพระธรรมภาณพิลาศ ๑ โถพระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ พระราชทานพระธรรมกิต ๑ โถพระองค์เจ้าวรวรรณ พระราชทานพระสากยบุตร ๑ โถพระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ พระราชทานพระศรีสมโพธิ ๑ โถพระองค์เจ้าจันทรทัต พระราชทานพระญาณสมโพธิ ๑ โถพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร และโถพระองค์เจ้าโสนบัณฑิตย พระราชทานพระมหาดเล็กองค์ละที่ มีโถที่ดีงามแข็งเท่านี้ นอกนั้นก็เป็นของพอประมาณ โปรดพระราชทานแก่พระราชาคณะถานานุกรมองค์ละที่ ๆ โถวันนี้เป็นของดี ๆ มากกว่าเวลาวานนี้ พระสงฆ์ถวายพระพรจบแล้ว เสด็จทรงประเคน พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน เสด็จประทับทรงปิดทองพระพุทธรูปแล้ว พระมหาราชครูพิธีถวายน้ำพระราชพิธีตามโบราณวิสัย พอพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงประเคนผ้าเหลือง พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกพระพรลากลับไป เสด็จมาประทับมุขเหนือออกขุนนางครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

เวลาทุ่มเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมุขเหนือ ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีลแล้ว กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีลแล้ว กรมปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณ และหม่อมเจ้า พระราชาคณะ หม่อมเจ้าพระ หม่อมราชวงศ์พระที่มีสมณศักดิ์ พระราชาคณะ พระครูถานานุกรม พระมหาดเล็ก ๓๒ รูปสวดธรรมจักกัปปวัตนสูตร มหาสมัยสูตร ครั้นเวลายามเศษสวดมนตร์จบ เสด็จขึ้นข้างใน

เสด็จลงประทับโรงละครริมพระวิมานรัตยา เพราะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดเป็นโรงพิธีกวนข้าวทิพย์ปายาศ ผู้ซึ่งกวนข้าวทิพย์นั้นไม่ได้โปรดให้หม่อมเจ้ากวนเหมือนทุกปีมา ปีนี้ทรงพระกรุณาโปรดให้พระเจ้าน้องนางเธอ พระเจ้าลูกเธอทรงกวนทั้ง ๘ กะทะ คือ พระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าบุษบันบัวผัน พระองค์เจ้าแขไขดวงคู่ ๑ พระองค์เจ้าประสานศรีใส พระองค์เจ้าประพาฬรัศมีคู่ ๒ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางคู่ ๓ พระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าประไภยศรีสะอาด พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าผ่องคู่ ๔ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ พระองค์เจ้าวรลักษณาวดีคู่ ๕ พระองค์เจ้าอัจฉรพรรณี พระองค์เจ้าจุธารัตนราชกุมารีคู่ ๖ พระองค์เจ้าจันทราสรัทชวาร พระองค์เจ้าอรพินธุเพญภาคคู่ ๗ พระองค์เจ้าสุวภักตรวิไลยพรรณ พระองค์เจ้าเยาวมาลนฤมลคู่ ๘

มีการพระราชพิธีต่างๆ ตามเคย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ