บทสักรวาเรื่องอิเหนา ตอนไปใช้บน

เริ่มต้นบทชวน

ชาย ๑ สักรวาขอปลอบนางทางไมตรี เชิญร้องเล่นเปนที่สโมสร
ฝ่ายนารีก็ชำนาญในการกลอน อย่าให้วอนเวียนว่าอยู่ช้านาน
เสียแรงได้มาเรียงเคียงลำ จะฟังคำสักรวาว่าขาน
พอเจือใจในรศพจมาน เหมือนซ้อมไว้ให้ชำนาญการกลอน เอย ฯ
ชาย ๒ สักรวาเสียแรงปลอบไม่ตอบคำ นี่เนื้อแท้ทาระกำทำเข็ญ
ฤาจะแกล้งแสร้งให้เลือดตากระเด็น จึงจะเห็นใจประจักษ์ว่ารักจริง
ฤๅชิงชังอย่างไรจึงไม่ตอบ ฤาจะชอบให้สำออยอ้อยอิ่ง
จะอุส่าห์สู้ชะอ้อนวอนวิง แต่อย่าทิ้งทางสวาดิให้ขาด เอย ฯ
ชาย ๓ สักรวาวิงวอนจนอ่อนจิตร นิจาเจ้าเฝ้าบิดตะเหลเก๋
พี่ใช่ชายเฉโกโว้เว้ อย่าประเว่ประวิงทำนิ่งมิ
เสียแรงรักรำปลอบไม่ตอบคำ ดูดู๋ทำว่ายากปากไม่ปริ
ช่างนิ่งนั่งหลับตาสมาธิ ฤาจะเปนอะโหสิเสียแล้ว เอย ฯ
หญิง ๔ สักรวาฟังเฝ้าเซ้าซี้ จึงจำมีวาจาประสาซื่อ
เจ้าฉลาดปราชญ์เปรื่องเลื่องฦๅ ได้ฝึกปรือสันทัดจัดเจนจริง
นี่หากเห็นแก่หน้าที่มาปลอบ ซังตายตอบตามประสาปัญญาหญิง
ที่ว่าไม่โว้เว้ประเว่ประวิง ข้าเจ้าเองเกรงกริ่งอยู่เจียว เอย ฯ
ชาย ๕ สักรวาว่าจริงจริงสิกริ่งเล่า ฤๅเห็นเราลวงใครที่ไหนนั่น
เมื่อมีแต่คิดระคางไปอย่างนั้น น้อยฤๅนั่นกระบวนสำนวนนาง
เห็นเปนชาวบ้านนอกแล้วหลอกหลอน แคะค่อนตีฝีปากถากถาง
ถึงเปนปราชญ์ก็ฉลาดแต่บึงบาง ไม่เหมือนอย่างชาวบางกอกดอกเจ้า เอย ฯ
หญิง ๖ สักรวาชะเจ้าชาวบ้านนอก ถึงบางกอกใครจะรอไม่ต่อติด
เจ้าหลายเล่ห์ลิ้นลมคมชิด ไม่รู้ฤทธิ์ก็จะเร่อละเมอฟัง
ชะช่างพูดถ่อมตัวน่าหัวร่อ ข้าก็พอรู้เท่าเจ้าอยู่มั่ง
อย่าเสียดสีทีทำแต่ลำพัง นึกจะว่าข้ายังยั้งอยู่ เอย ฯ
ชาย ๗ สักรวามิเสียทีดีจริงเจ้า เอออะไรรู้เท่าไปทุกอย่าง
ทั้งหยุดยั้งชั่งใจไว้วาง ไม่เสียทางไมตรีประนีประนอม
มิเสียแรงที่รักสักรวา รู้อัชฌาอาไศรยใจโอบอ้อม
กระบวนกระบิดคิดอ่านหว่านล้อม คารี้คารมสมเปนหม่อมแล้ว เอย ฯ
หญิง ๘ สักรวาฟังว่าน่าหัวร่อ ยังจะยอกันตะบึงไปถึงไหน
ถึงจะโง่จะเง่าพอเข้าใจ จะเลียนล้อต่อกันไปก็ป่วยการ
เจ้าเปนชายเชิญชักยักเรื่องร้อง สมิงทองลำนำคำหวาน
ให้เรียบร้อยถ้อยความตามนิทาน จงต่อติดคิดอ่านดูเถิด เอย ฯ
ชาย ๙ สักรวาจะให้ชักยักเรื่องร้อง สมิงทองคำหวานพานจะขัด
แต่นิทานบุราณเราสันทัด จะสำแดงแจ้งจัดให้เจ้าฟัง
จะเล่นเมื่ออิเหนาเผาเมือง ให้สิ้นเรื่องจนมาอยู่กาหลัง
แม้นเห็นว่าฟั่นเฝือเหลือรั้ง เรื่องน้อยน้อยหอยสังข์ก็มี เอย ฯ
หญิง ๑๐ สักรวาเจ้าช่างชักยักเรื่อง เมื่ออิเหนาเผาเมืองดาหา
น้อยฤๅไม่เสียทีมีปัญญา เลือกว่าตามสันทัดสนัดใจ
ถึงว่าเรื่องน้อยน้อยหอยสังข์ ข้าก็ยังหาสันทัดจัดเจนไม่
เมื่ออิเหนาขึ้นเฝ้าก็เปนไร ถ้าหาไม่ก็ไปใช้บน เอย ฯ
ชาย ๑๑ สักรวาเรื่องอิเหนาเจ้าสันทัด ไม่ขืนขัดตามแต่ปราถนา
พวกลำเราล้วนแต่แก่ชรา เปนดาหาเมื่อจะไปใช้บน
ทหารแห่คู่เคียงเรียงเรียบ รถประเทียบคั่งคับสับสน
จรกากองหลังรั้งพล พวกระเด่นดาหยนนำน่า เอย ฯ

บทสักรวาเรื่องอิเหนา ตอนไปใช้บน

๑๒ สักรวามาพร้อมเรือประพาศ ถวายบังคมบรมนารถนาถา
จะจับเรื่องอิเหนาชาวชวา ท้าวดาหาเสด็จไปใช้บน
ทหารแห่คู่เคียงเรียงเรียบ รถประเทียบคั่งคับสับสน
จรกากองหลังรั้งพล พวกระเด่นดาหยนนำน่า เอย ฯ
๑๓ สักรวาอิเหนากุเรปัน ตื่นสายหาทันเสด็จไม่
สรงพระภักตร์ผลัดภูษาแล้วคลาไคล ขึ้นทรงม้ารีบไปจะให้ทัน
หลีกทัพจรกามาโดยด่วน ถึงกระบวนประเทียบเหล่าสาวสรรค์
จึงรอม้าที่นั่งสั่งคนพลัน จงช่วยกันเก็บบุหงามาให้ เอย ฯ
๑๔ สักรวาประสันตากิดาหยัน ทั้งไพร่นายรายกันเก็บบุหงา
บ้างเก็บดอกพุดจีบปีบจำปา อุส่าห์เลือกปลิดให้ติดใบ
บ้างหาไม้น้อยน้อยสอยพวงพยอม เช่นนี้หม่อมเธอขี้มักรักใคร่
ต่างได้ดอกบุหงาพากันไป ส่งให้ตัวนายถวาย เอย ฯ
๑๕ สักรวาระเด่นเห็นดอกไม้ จึงให้ใส่พานรองทองเนื้อห้า
แล้วตรัสใช้ให้พี่เลี้ยงประสันตา เอาบุหงาไปให้สองพระน้องรัก
ระเด่นสียะตรายาใจ มาราชรถไหนให้ประจักษ์
จะมาด้วยบุษบายุพาภักตร์ ฤๅน้องรักมากับชนนี เอย ฯ
๑๖ สักรวาประสันตาคนคะนอง เชิญพานทองวิ่งแต้แร่ไปน่า
ดูข้าหลวงหลงเพลินเดินขึ้นมา ถามบรรดาสาวสรรค์กำนัลใน
รู้ว่าสียะตรามารถหลัง ก็ยืนยั้งอยู่ข้างหนทางใหญ่
พอเห็นโฉมพระธิดายาใจ ตลึงตะไลแลดูเปนครู่ เอย ฯ
๑๗ สักรวาบาหยันพระพี่เลี้ยง เห็นชายเมียงมองดูก็ขู่ให้
โขลนจ่าไม่ว่ากล่าวนี่บ่าวใคร มาชูพานดอกไม้แลตะลึง
ฤๅเพื่อนเปนชาวบ้านนอกคอกนา จนแต่ว่าแล้วยังขืนยืนขึง
ใจฅอน้อยฤๅช่างดื้อดึง ฤๅหนึ่งบ้าหลังกระมัง เอย ฯ
๑๘ สักรวาประสันตาทำหน้าตื่น ประคองพานเข้าไปยื่นให้บาหยัน
จึงบอกว่าข้าพเจ้าชาวสุพรรณ องค์อิเหนากุเรปันนั้นใช้มา
ให้เอาดอกมาลีนี้ประทาน พระบุตรีกุมารเมืองดาหา
บอกพลางทางหยิบดอกจำปา นี่ของข้าให้หม่อมหอมนัก เอย ฯ
๑๙ สักรวาบาหยันกลั้นหัวร่อ จึงทำว่าข้าขอโทษเถิดเจ้า
คิดว่าใครไม่รู้จึงดูเบา มิรู้เหล่ามหาดเล็กเด็กชา
แล้วแหวกม่านสุวรรณที่กั้นกาง ถวายพานขึ้นไปทางท้ายรัถา
แล้วทูลพระบุตรีสียะตรา พี่ยาประทานสองพระน้อง เอย ฯ
๒๐ สักรวาระเด่นสียะตรา เห็นบุหงามากมายหลายอย่าง
จึงเทปันกันกับพระพี่นาง แล้วเยี่ยมหน้ามาข้างรถมณี
เอาพานยื่นคืนให้ประสันตา จงไปเฝ้าพระเชษฐาเรืองศรี
ช่วยทูลว่าข้ากับพี่นางนี้ อัญชลีภูวไนยไป เอย ฯ
๒๑ สักระวาพระบุตรีศรีสวัสดิ ฟังพระน้องข้องขัดอัชฌาไศรย
สบิ้งสบัดปัดบุหงาแล้วว่าไป แม่เจ้าเอ๋ยนี่ใครให้พูดจา
ราวกับเขาเยาว์อยู่ไม่รู้ความ เจ้าจะมาเปนล่ามส่งภาษา
ว่าพลางหยิกตีสียะตรา ทีนี้จะว่าต่อไปฤาไม่ เอย ฯ
๒๒ สักรวาพระน้องต้องหยิกตี แสร้งพาโลโศกีสอื้นไห้
ข้าหยาบช้าว่าขานประการใด จึงว่าไม่ปฤกษาหารือ
สั่งให้ทูลเชษฐาว่าบังคม ก็ทำไมไม่สมทีเดียวฤๅ
ทั้งหยิกทั้งตีเปนขี้มือ ฮือฮือข่มเหงเขาเปล่าเปล่า เอย ฯ
๒๓ สักรวาประสันตาพาพานเปล่า กลับมาพบอิเหนาเข้าไปหา
จึงทูลว่าพระบุตรีสียะตรา ทั้งสองรามาร่วมรถเดียวกัน
แล้วแกล้งทำเฉยหน้าว่าเล่น ข้าไปเห็นรูปร่างนางสวรรค์
งามนักภักตร์เปล่งดังเพ็ญจันทร์ วันนี้จะต้องทำขวัญตา เอย ฯ
๒๔ สักรวาอิเหนาเจ้าชู้ คิดอดสูเสแสร้งแกล้งว่า
ราวกับคนบ้านนอกคอกนา หน้าตาไหลเล่อกะเบ้อกะบัง
เห็นผู้หญิงวิ่งออกมาอวดก้อ น่าหัวร่อนักหนาเหมือนบ้าหลัง
ช่างชมชื่นตื่นรูปนางชาววัง น่าเกลียดขี้เกียจฟังแล้ว เอย ฯ
๒๕ สักรวาประสันตาว่าจริงอยู่ แต่เกิดมาหาได้ดูเช่นนี้ไม่
ด้วยโฉมพระบุตรีองค์นี้ไซ้ งามวิไลยทุกสิ่งพริ้งพร้อม
ถึงชาวในได้เห็นอยู่ครุ่นครุ่น ยังหมกมุ่นรักรูปจนซูบผอม
ลืมเสวยลืมสรงจนองค์มอม อย่าคิดอ่านหว่านล้อมไปเลย เอย ฯ
๒๖ สักรวาสังคามารตา หัวร่อร่าร้องตอบว่าชอบอยู่
พี่ทายถูกทุกข้อเหมือนหมอดู ข้าก็รู้เช่นกันกระนั้นจริง
เคราะห์ร้ายเต็มทีคืนนี้น้อง เข้าไปต้องเล่นเพื่อนเหมือนผู้หญิง
ที่จะคืนภาราอย่าประวิง ชวนกันปลูกกระท่อมทิ้งไว้เถิด เอย ฯ
๒๗ สักรวาอิเหนาเข้าสองรวด จึงว่าอวดปัญญาน่าหัวร่อ
จะต้องทำประคำไว้ให้พอ คอยทำขวัญแขวนฅอเจ้าหมอดู
จะรีบไปให้ทันกระบวนน่า อย่าเพ้อพูดเลยข้ารำคาญหู
แล้วขับม้าผ่าพวกพลระตู สังเกตดูบุษบาขึ้นมา เอย ฯ
๒๘ สักรวาระเด่นบุษบา ที่ขัดเคืองน้องยาค่อยเหือดหาย
แลดูบุหงาเห็นเรี่ยราย ครั้นจะหยิบก็อายอนุชา
ที่เปนส่วนของตัวกลัวจะช้ำ เอาพัดด้ำจิ้วจันทน์กันบุหงา
แล้วทรงเลือกมลิวันกรรณิกา จะร้อยมาไลยเล่นสักพวง เอย ฯ
๒๙ สักรวาสียะตราตาชะม้อย เห็นพี่นางนั่งตะบอยร้อยบุหงา
ทำเสแสร้งสรวลสันต์จำนรรจา น่าสมเพชเวทนานักหนานัก
เจ้าข้าเอ๋ยใครใครที่ไหนหนอ มาหัวร่อเล่นด้วยกันให้ฟันหัก
ส่วนดอกไม้ของเขาสิเรารัก ส่วนเจ้าของไม่รู้จักเจียว เอย ฯ
๓๐ สักรวาระเด่นบุษบา ได้ฟังว่าแนมเหน็บเจ็บจิตร
น้อยฤานั่นลิ้นลมคมชิด ลูกนิดนิดสำนวนกวนใจ
ว่าพลางทางตีสียะตรา หยิกทั้งสองขาไม่ปราไส
ถ้าขืนปากกล้าว่าต่อไป จะต้องตีด้วยไม้เรียว เอย ฯ
๓๑ สักรวาสียะตราหน้านิ่ว พลิกพลิ้วผลักไสร้องไห้จ้า
ดูเถิดซีพี่นางบุษบา มาตีข้าเก้อเก้อเอออะไร
พาลเล็กพาลน้อยไปร้อยอย่าง เขาจะพูดเล่นบ้างก็ไม่ได้
พลางกรรแสงแกล้งแหวกวิสูตรไว้ ตั้งใจคอยพระพี่อิเหนา เอย ฯ
๓๒ สักรวาอิเหนากุเรปัน ขับม้ามาทันรัถา
แลเห็นนางตีสียะตรา กุมาราครวญคร่ำร่ำไร
พระดูนางนฤมลที่บนรถ ให้ระทดระทวยองค์หลงใหล
ตลึงแลแส้พลัดพระหัดถ์ไป ลำลำจะใคร่ทัก เอย ฯ
๓๓ สักรวาบุษบาพระบุตรี สถิตย์บนรถมณีที่นั่ง
สาละวนบ่นบ้าว่าดังดัง ด้วยกำลังขัดข้องพระน้องชาย
ชำเลืองแลเห็นอิเหนากุเรปัน นางผินผันหลบเลียงเมียงม่าย
พลางปิดม่านสุวรรณพรรณราย นึกสเทิ้นเขินอายอดสู เอย ฯ
๓๔ สักรวาสียะตราเห็นอิเหนา ดิ้นเร่าร้องไห้จะไปหา
แกล้งแหวกม่านกว้างกระจ่างตา บุษบารวบรูดวิสูตรไว้
จึงร้องว่าอะไรนี่พี่นาง แกล้งจัณฑาลรานทางทุกสิ่งได้
พลางพาโลโศกีพิรี้พิไร ออกกั้นไว้มิให้รูดวิสูตร เอย ฯ
๓๕ สักรวาอิเหนาเจ้าความคิด เห็นม่านทองป้องปิดเสียมิดหมด
แกล้งชักม้าย่างย่ำทำพยศ รอเรียงเคียงรถพระบุตรี
เสียงพระน้องร้องไห้จะไปรับ แล้วรื้อกลับเกรงใจประไหมสุหรี
แกล้งกะระตะม้าพาชี มาใกล้รถชนนีนาง เอย ฯ
๓๖ สักรวาองค์ประไหมสุหรี สถิตย์ที่รถทองผ่องใส
ได้ยินเสียงครวญคร่ำร่ำไร จำได้ว่าเสียงสียะตรา
จึงว่าใครทำไมให้เคืองขัด สียะตราหนึ่งหรัดร้องไห้จ้า
ตรัสพลางนางเยี่ยมภักตรา ใครตามมาข้างหลังไม่ฟัง เอย ฯ
๓๗ สักรวาอิเหนาเจ้าเล่ห์ สมคเนขับม้าเข้ามาใกล้
จึงทูลว่าสียะตราโศกาไลย อยู่ในราชรถพระบุตรี
เมื่อตะกี้พระน้องร้องเรียกข้า ให้เอาม้าเข้าไปรับจะขับขี่
เห็นข้างน้ำข้างในอยู่ดูไม่ดี มิรู้ที่จะเข้าไปได้ เอย ฯ
๓๘ สักรวาประไหมสุหรีมียศ จะรู้เท่าอิเหนาปดก็หาไม่
ยิ้มลไมในหน้าแล้วว่าไป ดูเถิดเจ้าราวกับใครที่ไหนมา
เดี๋ยวนี้กลับไว้ตัวกลัวผู้หญิง แกล้งทิ้งนิ่งให้น้องร้องไห้หา
เจ้าจงกลับไปรับสียะตรา ให้ขี่ม้าไปด้วยเถิด เอย ฯ
๓๙ สักรวาอิเหนารับเสาวนี ขับพาชีเข้าเคียงรถที่นั่ง
แลเห็นม่านสุวรรณกั้นกำบัง กะทั่งไอให้ดังถึงอนุชา
พอน้องรักชักสายวิสูตรกว้าง แลเห็นนางนึกแสนเสนหา
ให้เพลิดเพลินเมินรับสียะตรา พระหัดถ์คว้าหวิดหวิดผิดไป เอย ฯ
๔๐ สักรวาสียะตราหนึ่งหรัด แลเห็นหัดถ์เชษฐาคว้าควักไขว่
จึงฉวยฉุดยุดกรกุมไว้ คว้าไปริมม่านพานจะล้ม
ยึดไม่อยู่ดูเอาเถิดเจ้ากรรม อะไรเล่าเฝ้าไปคลำเอาขันถม
ไม่พูดจาง่ามือฤๅเปนลม จะคลำหายาดมกระมัง เอย ฯ
๔๑ สักรวาอิเหนาเฝ้าเพ่งพิศ ฟังน้องว่าหวาดจิตรคิดอดสู
จึงว่าพี่เปนไรก็ไม่รู้ หลากนักหนาตาหูให้มัวไป
แล้วอุ้มสียะตรามาทรงม้า ถามว่าเปนไรน้องจึงร้องไห้
นึกคนึงถึงนางพลางลูบไล้ คิดบ้าบ้าประสาใจไป เอย ฯ
๔๒ สักรวาสียะตราว่าพี่นาง ทำจัณฑาลรานทางไปเปล่าเปล่า
แต่สั่งว่าไหว้พระพี่ก็ตีเอา จะเปิดม่านก็เข้าหยิกทึ้ง
ไม่พอที่ตีน้องถึงสองครั้ง เดี๋ยวนี้ยังโกรธาทำหน้าบึ้ง
แล้วว่ามีพี่ใหม่ใจดื้อดึง ทำประหนึ่งมิใช่เนื้อเหลือแค้น เอย ฯ
๔๓ สักรวาระเด่นมนตรี จึงว่าน้องต้องตีเพราะเชษฐา
ถึงเดือนสามสำเภาเขาเข้ามา พี่จะซื้อตุ๊กกระตาทำขวัญน้อง
อย่าครวญคร่ำกำสรดโศกี จงหัดขี่มโนไมยเสียให้คล่อง
แล้วขับม้าเผ่นโผนโจนคะนอง รีบไปเข้ากองน่า เอย ฯ
๔๔ สักรวาท้าวดาหาชราร่าง ทรงพระกล้องมาพลางบนรัถา
ถึงประทับยับยั้งโยธา เสด็จขึ้นพลับพลาพนาลี
ทั้งลูกรักอัคเรศพร้อมพรั่ง จึงดำรัสตรัสสั่งมะเดหวี
จงพาอนะบุษบานารี ไปเล่นน้ำยังที่ธาร เอย ฯ
๔๕ สักรวามะเดหวีศรีสวัสดิ ได้ฟังตรัสปรีดิ์เปรมเกษมศรี
จึงตรัสชวนบุษบานารี อัญชลีลาองค์พระทรงยศ
ลงจากพลับพลามาตามทาง ข้าหลวงลูกขุนนางกางพระกลด
พาธิดาเดินเที่ยวเลี้ยวลด มายังเชิงบรรพตที่ธาร เอย ฯ
๔๖ สักรวาบุษบานารี พระชนนีกำนัลในซ้ายขวา
ถึงลหานธารถั่งธารา ร่มพฤกษาโศกใหญ่ใบบัง
มีทั้งแท่นแผ่นผาริมวารี มะเดหวีหยุดพักสำนักนั่ง
นางชวนฝูงสาวสาวชาววัง ลงยังท้องธารสำราญ เอย ฯ
๔๗ สักรวาอิเหนานั่งอยู่ข้างน่า รู้ว่าโฉมยงไปสรงสนาน
ชวนพี่เลี้ยงเสนีตะลีตะลาน ตามไปถึงธารนที
เข้าแอบไม้มองเขม้นเห็นบุษบา สรงคงคาอยู่กับเหล่าสาวศรี
พระยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยพลอยเปรมปรีดิ์ เก็บมาลีลอยลงไปให้ เอย ฯ
๔๘ สักรวาระเด่นบุตรี เห็นมาลีลอยเกลื่อนกลางชลไหล
นางหยิบเล่นเห็นมดแล้วโยนไป ประทานให้สาวสรรค์กัลยา
แล้วเสสรวลชวนพี่เลี้ยงบาหยัน สำราญรมย์ชมพรรณมัจฉา
โน่นปลาอะไรว่ายคล้ายคล้ายมา หน้าดำเหมือนกาเจียวพี่ เอย ฯ
๔๙ สักรวาบาหยันพระพี่เลี้ยง บ่ายเบี่ยงบอกตามนามมัจฉา
พระน้องไม่รู้ฤๅชื่อปลากา เช่นนี้มีอยู่ที่น่าตำหนักแพ
เที่ยวหากินถิ่นฐานหามีไม่ ขี้มักไปซ่อนซอกที่จอกแหน
แล้วพูดกลบเกลื่อนเชือนแช ต่างสำรวลสรวลแซ่ไป เอย ฯ
๕๐ สักรวาระเด่นมนตรี จึงให้พี่เลี้ยงหักกิ่งพฤกษา
ทำเหมือนห้างกลางทุ่งมุงหลังคา แล้วเลขาเพลงยาวกล่าวเกี้ยวพาน
เอาดินปั้นตุ๊กกระตาน่ารัก เปนแม่ชักแม่สื่อถือสาร
ใส่ในเรือนเลื่อนลอยไปตามธาร แล้วลนลานรีบมาพลับพลา เอย ฯ
๕๑ สักรวาระเด่นบุษบา เล่นด้วยฝูงกัลยาบาหยัน
ต่างเลือกเก็บก้อนกรวดมาอวดกัน สีสันแดงขาวเขียวขจี
พอแลเห็นเรือนน้อยลอยมาใกล้ ตกใจคิดว่าเช่นเขาเส้นผี
จึงร้องถามบาหยันไปทันที เรือนอะไรอย่างนี้ณพี่ เอย ฯ
๕๒ สักรวาบาหยันยังเพลินเล่น เหลียวมาเห็นเรือนน้อยลอยเลื่อน
จึงหยิบขึ้นเปิดประตูดูในเรือน เห็นรูปเหมือนคนถือหนังสือชู
หยิบเอาสารามาเพ่งพิศ นิ่งพินิจกระดาษประหลาดอยู่
จึงเอาไปให้พระชนนีดู หนังสืออะไรไม่รู้เลย เอย ฯ
๕๓ สักรวามะเดหวีคลี่สารอ่าน ได้แจ้งการเคืองขัดอัชฌาไศรย
จึงว่าแก่บาหยันทันใด จะเปนใครบังอาจประมาทเรา
ความนี้เห็นเปนจรกาคิด ถ้าแม้นผิดอิกทีก็อีเหนา
แล้วตรัสชวนโฉมยงนงเยาว์ กับพวกเหล่ากำนัลมาพลับพลา เอย ฯ
๕๔ สักรวาท้าวดาหาเพลาบ่าย ผันผายมาขึ้นราชรัถา
เคลื่อนกระบวนพยุหบาตรยาตรา ไปวิลิศมาหราบรรพต
เสด็จขึ้นพลับพลาผาศุกใจ ทั้งข้างน่าข้างในมาพร้อมหมด
จึงตรัสเรียกเครื่องชาสุธารศ มาทรงซดอยู่ที่น่าพลับพลา เอย ฯ
๕๕ สักรวาประไหมสุหรี เห็นบุตรีเศร้าหมองไม่ผ่องใส
จึงตรัสกับลูกน้อยกลอยใจ เจ้าจงไปเที่ยวชมเชิงคิรี
มีทั้งศาลเทวาอาวาศ รุกขชาติหลายอย่างต่างสี
แล้วจงเก็บบุบผามาลี มาให้ชนนีบ้าง เอย ฯ
๕๖ สักรวาระเด่นบุษบา ชลีลาไปกับเหล่าสาวศรี
ลดเลี้ยวเที่ยวเล่นริมคิรี เก็บบุบผามาลีหลายพรรณ
แล้วมาหยุดยั้งนั่งสำนัก ริมศาลเทพารักษ์รังสรรค์
จึงสั่งสาวสุรางค์นางกำนัล ให้เที่ยวเก็บดอกปะหนันมา เอย ฯ
๕๗ สักรวาสาวใช้ไปเที่ยวหา อยากจะใคร่ได้หน้าด้วยกันหมด
เก็บลั่นทมริมทางหว่างบรรพต จนยางหยดถูกนางที่หว่างคิ้ว
เห็นมะกรูดกรูวิ่งชิงกันเก็บ หยิกขยี้สีเล็บแล้วดมผิว
บ้างโน้มกิ่งมดกัดสบัดนิ้ว ร้องอุยหน่าหน้านิ่วอยู่ เอย ฯ
๕๘ สักรวานางยุบลด้นเดิน เพลิดเพลินหลงทางมากลางเถื่อน
ถึงยอดเขาเปล่าจิตรคิดฟั่นเฟือน ไม่เห็นเพื่อนสาวสรรค์กำนัลใน
เหลียวซ้ายแลขวาล้วนป่ากว้าง หาทางหลายตลบหาพบไม่
ยิ่งพรั่นตัวกลัวเสือเหลือใจ เที่ยวกู่ก้องร้องไห้หาเพื่อน เอย ฯ
๕๙ สักรวาอิเหนาให้เปล่าเปลี่ยว ชวนพี่เลี้ยงไปเที่ยวถึงเขาสูง
ชมพฤกษาสล้างยางยูง ฟังฝูงบุหรงร้องก้องป่ารัง
พอได้ยินเสียงผู้หญิงวิ่งมาดู เห็นนั่งอยู่ถามไปด้วยใจหวัง
นางคนนี้ลาดเลาเปนชาววัง เจ้ามานั่งร้องไห้อยู่ไย เอย ฯ
๖๐ สักรวายุบลคนค่อม นอบน้อมบังคมคัลด้วยหรรษา
จึงทูลว่าระเด่นบุษบา อยู่ที่ศาลเทวาน่าบรรพต
รับสั่งใช้ให้หาดอกปาหนัน เพื่อนกันเขาทิ้งข้าเสียหมด
ได้พบปะพระองค์ทรงยศ ช่วยพาลงจากบรรพตด้วยเถิด เอย ฯ
๖๑ สักรวาอิเหนาเข้าใจแจ้ง สมคเนเสแสร้งตอบสาวสรรค์
เปนบุญตัวนักหนาเรามาทัน ถ้าเสือมันมาพบก็ขบตาย
แม้นเราว่าไรมั่งถ้าฟังกัน จะช่วยหาดอกปะหนันให้ถวาย
แต่อย่าให้ใครแจ้งแพร่งพราย จึงจะรอดความตายไปได้ เอย ฯ
๖๒ สักรวานางยุบลคนซื่อ ฟังออกชื่อเสือกลัวจนตัวสั่น
จึงว่าพระจะใช้สิ่งใดนั้น สารพันไม่ขัดอัธยา
จงโปรดด้วยช่วยพาข้าลงไป ให้พ้นไภยเสือสางที่กลางป่า
ดอกปะหนันนั้นได้ก็เอามา พระธิดาจะต้องประสงค์ เอย ฯ
๖๓ สักรวาอิเหนากุเรปัน จึงเที่ยวเก็บดอกปะหนันได้สมหวัง
คิดอักษรเขียนใส่ในกลีบบัง กลับมายังสาวใช้ให้มาลี
จึงพาไปใกล้เทวสถาน เห็นสับสนอลหม่านล้วนสาวศรี
เข้าแอบองค์ตรงชะง่อนเงื้อมคิรี พระหัดถ์ชี้ทางให้สาวใช้ เอย ฯ
๖๔ สักรวานางยุบลคนใช้ ไม่สงไสยพาซื่อถือศุภสาร
พลางถวายบังคมก้มกราบกราน ลนลานลัดมาในอารัญ
เห็นโฉมยงทรงนั่งเลือกบุหงา กับบรรดาพวกเหล่าสาวสรรค์
ค่อยแอบอ้อมด้อมเดินเข้าไปพลัน ชูแต่ดอกปะหนันให้เห็น เอย ฯ
๖๕ สักรวาบุษบาเห็นนางค่อม ดูหน้ามอมมัวหมองเหมือนร้องไห้
ยิ้มพลางทางถามไปทันใด ดอกปะหนันนั้นได้ที่ไหนมา
รูปร่างนางก็เตี้ยต่ำต้อย เจ้าได้ไม้ไหนสอยดอกบุหงา
ฤาไปปะมดตะนอยมันต่อยตา จึงดูหน้ายู่ยี่เช่นนี้ เอย ฯ
๖๖ สักรวายุบลคนโปรดปราน คิดรำคาญปะหนันพรั่นนักหนา
ไม่รู้ว่าอิเหนาใส่อะไรมา ครั้นจะทูลเอาหน้าก็นึกแคลง
ถวายแล้วลุกไปเสียให้พ้น มิให้คนทั้งสิ้นกินแหนง
ให้ร้อนตัวกลัวผิดคิดระแวง เข้าแอบพุ่มชุมแสงอยู่ เอย ฯ
๖๗ สักรวาบุษบาโฉมยง สมประสงค์ทรงรับดอกปะหนัน
ปลิดกลีบข้างนอกออกหลายอัน ถึงข้างชั้นในเห็นเปนสารา
จึงทรงอ่านอักษรกลอนเพลงยาว ว่ากล่าวจ้วงจาบหยาบนักหนา
ให้คั่งแค้นเคืองขัดอัธยา ฉีกบุหงายุ่งยิ่งทิ้งเสีย เอย ฯ
๖๘ สักรวาสาวสาวเหล่าข้าหลวง ที่ไม่ล่วงรู้แจ้งแย่งบุหงา
มิได้พินิจพิจารณา หยิบเอามาแซมผมแล้วชมชู
บ้างเก็บได้หลายกลีบก็ซ่อนไว้ จะเอาไปอบผ้าหายากอยู่
บ้างอวดว่าของข้าน่าเอ็นดู เอาทัดหูเสียไม่ให้ใคร เอย ฯ
๖๙ สักรวาพระพี่เลี้ยงปะเสหรัน เห็นนางทิ้งดอกปะหนันนึกสงไสย
จะมีเหตุสักสิ่งให้กริ่งใจ จึงเรียกเหล่าสาวใช้มาพร้อมกัน
ใครชิงได้ดอกลำเจียกเรียกเอามา เห็นสาราก็ประหลาดหวาดหวั่น
เอาติดต่อพอเห็นเปนสำคัญ แล้วส่งให้บาหยันอ่าน เอย ฯ
๗๐ สักรวาบาหยันอ่านอักษร รู้ว่ากลอนเพลงยาวกล่าวถากถาง
เห็นทีอีเหนามาตามนาง น้อยฤาช่างเล็ดลอดดอดมาพบ
ไหนนางยุบลคนขยัน เอาปะหนันมาให้แล้วไพล่หลบ
ใครช่วยไปหานางช่างสมคบ มาให้ข้าขอพบสักหน่อย เอย ฯ
๗๑ สักรวาพวกเหล่านางสาวใช้ แยกกันไปค้นคว้าหานางค่อม
บ้างบุกเข้ารกเรี้ยวเที่ยวอ้อมค้อม ดูดู๋หม่อมยุบลซุกซนครัน
เห็นสุมทุมพุ่มไม้เข้าไปมอง หลบไยเล่าเจ้าของดอกปะหนัน
มาเถิดจะได้ให้รางวัล พลางสำรวลสรวลสันต์แซ่ไป เอย ฯ
๗๒ สักรวาอิเหนาดูเยาวมาลย์ ให้ซาบซ่านเสียวจิตรพิศมัย
เห็นนางดูบุหรงตรงกิ่งไม้ งามวิไลยลม่อมพร้อมพริ้ง
จึงชักกฤชออกฉายกรายกรีด เสียงพระน้องร้องหวีดสลบนิ่ง
แลเห็นองค์อรไทยไม่ไหวติง ก็วางวิ่งเลี้ยวลัดไปวัด เอย ฯ
๗๓ สักรวาพี่เลี้ยงเสียงร้องหวีด ตกประหม่าหน้าซีดตัวสั่น
ทั้งแสนสาวสุรางค์นางกำนัล เข้าแก้ไขนวดฟั้นพระบุตรี
ครั้นนางฟื้นคืนได้สติมา จึงถามว่าประหลาดเหลือเมื่อตะกี้
เห็นพระน้องร้องสิ้นสมประดี จิตรใจข้าไม่มีเลย เอย ฯ
๗๔ สักรวาบุษบายาใจ จึงบอกว่าเหตุอะไรไม่รู้ที่
น้องแลดูบุหรงอยู่ตรงนี้ ไม่เห็นมีผู้ใดใครเข้ามา
ประหลาดหลากนักหนาไม่ว่าเล่น ต่อจะเปนผีสางที่กลางป่า
เห็นแปลบปลาบเปนประกายเหมือนสายฟ้า ต้องตาข้าสลบซบลง เอย ฯ
๗๕ สักรวาปะเสหรันบาหยัน เห็นเหตุเปนเช่นกันกับบุหงา
ก็รู้แจ้งแกล้งเชิญพระธิดา ไปพลับพลาเสียแต่วันทันที
สองพี่เลี้ยงเคียงข้างนางโฉมยง เข้าไปเฝ้าองค์มะเดหวี
ทูลแถลงแจ้งความตามเหตุมี ข้าเห็นอีเหนาแท้แน่แล้ว เอย ฯ
๗๖ สักรวามะเดหวีมีศักดิ แจ้งประจักษ์จึงว่ากับบาหยัน
บัดนี้อิเหนากุเรปัน ก็หมายมั่นโฉมยงนงเยาว์
ฝ่ายระตูสู่ขอต่อบิตุรงค์ พระองค์ก็ได้ยกให้เขา
เปนสองรายสองรักหนักอกเรา น้ำใจเจ้าเห็นจะได้ข้างไหน เอย ฯ
๗๗ สักรวาบาหยันอัญชลี จึงทูลว่าข้านี้ก็นึกอยู่
คิดคิดว่าจะใคร่ให้หมอดู แต่เห็นจะไม่สู้เสี่ยงทาย
เชิญเสด็จเข้าไปในวิหาร อธิฐานเทียนทองเปนสองฝ่าย
แม้นบุญใครจะมิได้ใกล้กราย ให้เพลิงนั้นอันตรายไป เอย ฯ
๗๘ สักรวามะเดหวีเห็นดีด้วย คุณพระช่วยจึงจะล้างทางสงไสย
จึงจัดแจงเครื่องบุบผามาไลย ทั้งธูปเทียนจะได้ไปบูชา
แล้วให้พระบุตรีศรีสวัสดิ แต่งองค์ทรงปรัดผัดหน้า
พร้อมเหล่าสาวสรรค์กัลยา เสด็จลงจากพลับพลามา เอย ฯ
๗๙ สักรวาระเด่นมนตรี ยังอยู่ที่เขาวิลิศมาหรา
รู้ว่าระเด่นบุษบา จะกลับมาก็ยั้งรั้งรอ
พระสุริยันต์ก็บ่ายชายเย็น เปนไฉนไม่เห็นมาเลยหนอ
จึงตรัสเรียกประสันตาเข้ามาล้อ แต่พอค่อยคลายสบาย เอย ฯ
๘๐ สักรวากิดาหยันอยู่พร้อมหน้า เล่นจ้องเตเฮฮาโห่ฉาว
บ้างคิดอ่านสานตะกร้อใบมะพร้าว อวดฝีท้าวเตะโต้กันไปมา
บ้างหัดร้องลำรำเต้น บ้างก็เล่นมวยปล้ำทำท่า
บ้างชวนเพื่อนพรั่งพร้อมซ้อมสักรวา จะได้เล่นเมื่อน่าน้ำ เอย ฯ
๘๑ สักรวาโฉมยงองค์มะเดหวี กับบุตรีแน่งน้อยเสนหา
เสด็จเดินถนนหนทางมา ทั้งโขลนจ่าชาวแม่แจจรร
ครั้นถึงที่เนินผาน่าวัด เห็นหนุ่มหนุ่มกลุ้มกลัดอยู่ที่นั่น
จึงหยุดยั้งสั่งหลวงแม่เจ้าพลัน ไปขับเขาเหล่านั้นเสียที เอย ฯ
๘๒ สักรวาจ่าดำหลวงแม่เจ้า มายืนเท้าสะเอวมองร้องขู่เข็น
จวนเวลาสายัณห์ตวันเย็น พวกไหนใครมาเล่นอยู่เหล่านี้
จะเสด็จขึ้นไปไหว้พระ อย่ามายืนเกะกะอยู่ที่นี่
เหมือนลูกหลานดอกบอกดีดี มิฟังว่าข้าจะตีเอาดอก เอย ฯ
๘๓ สักรวากิดาหยันไม่ทันเห็น กำลังเล่นตะกร้อหัวร่อฉาว
สไปเตะตัวเปนเกลียวเกรียวกราว จนโดนหลวงแม่จ้าวล้มกลิ้งไป
แล้วขอโทษทำว่าข้าไม่เห็น มายืนกีดเขาเล่นก็เปนได้
พอแลเห็นพระกลดกั้นให้พรั่นใจ จึงถามว่าเสด็จไหนนี่ยาย เอย ฯ
๘๔ สักรวาหลวงแม่เจ้าคราวเคราะห์ร้าย คิดเหมือนลูกหลานชายหาโกรธไม่
จึงว่าเจ้าเหล่านี้นี่บ่าวใคร ฤๅว่าไพร่หลวงเลขสักข้อมือ
เสด็จพระธิดามาถึงนี่ ทำไมตาหามีไม่ดอกฤๅ
จะต้องให้เขาฉุดยุดยื้อ ว่าไม่ฟังยังดื้ออยู่อิก เอย ฯ
๘๕ สักรวากิดาหยันชวนกันหลอก ข้าเจ้าชาวบ้านนอกดอกยายเอ๋ย
อย่าขู่เข็นค้อนควักไปนักเลย ข้าไม่เคยจะขอถามตามจริง
ตัวของท่านยายนี้นายประตู ฤๅตำรวจตรวจหมู่ข้างผู้หญิง
จงบอกมาอย่าให้ต้องวอนวิง นี้ข้าเอาอิฐทิ้งเอาดอก เอย ฯ
๘๖ สักรวาอิเหนากุเรปัน ได้ยินเสียงเถียงกันอยู่อึงมี่
เดินมาดูรู้ว่าพระบุตรี จึงขับเหล่าเสนีตะลีตะลาน
กวักเรียกอนุชาพาพี่เลี้ยง หลบเลี่ยงเข้าไปในวิหาร
จะคอยดูโฉมยงนงคราญ เข้าแอบหลังพระประธานอยู่ เอย ฯ
๘๗ สักรวานางกระษัตริย์มะเดหวี พาบุตรีเข้าไปในวิหาร
เอาธูปเทียนจุดจัดนมัสการ แล้วกราบกรานพระปฏิมากร
จึงจุดเทียนอิเหนาจรกา เทียนระเด่นบุษบาดวงสมร
ขอให้รู้แท้แน่นอน แล้วสอนบุษบาให้ว่า เอย ฯ
๘๘ สักรวาบุษบานารี ฟังพระชนนีเซ้าซี้สอน
นึกนึกก็รำคาญด้วยมารดร เฝ้าอ้อนวอนให้ว่าน่าอายใจ
จึงว่าความพิศฐานนั้นพานยาก เมื่อสอนมากหลายคำจำไม่ได้
เมื่อตะกี้พระมารดาว่ากะไร ลูกหลงลืมไปเสียแล้ว เอย ฯ
๘๙ สักรวามะเดหวีศรีสมร เฝ้าสั่งสอนแคะไค้ให้ว่า
เทียนข้างซ้ายฝ่ายระตูจรกา ข้างขวาของอิเหนากุเรปัน
ขอให้ประจักษ์แจ้งแห่งเหตุผล ทั้งสองคนล้วนมาตุนาหงัน
แม้นใครใช่คู่เคยกัน ให้เทียนของคนนั้นดับไป เอย ฯ
๙๐ สักรวาพระบุตรีศรีสวัสดิ จะขืนขัดชนนีก็มิได้
แต่อิดเอื้อนเยื้อนว่าด้วยจำใจ พระปฏิมาจงได้ปรานี
ครั้นจะออกชื่อชายอายอุบอิบ จึงว่าลืมเสียฉิบแล้วเมื่อกี้
แกล้งให้พระมารดานั้นพาที ค่อยว่าตามชนนีไป เอย ฯ
๙๑ สักรวาอิเหนาเฝ้าเมียงมอง ฟังพระน้องว่าประวิงไม่นิ่งได้
จึงร้องตอบบุษบายาใจ จะบอกให้โฉมยงนงเยาว์
เจ้าก็เปนสุริวงษ์พงษ์เทวัญ จะได้กันกับพระพี่อิเหนา
จรการะตูใช่คู่เคล้า อย่าได้ออกชื่อเขาเลยเจ้า เอย ฯ
๙๒ สักรวามะเดหวีกับพี่เลี้ยง ได้ฟังเสียงพระบอกออกมาได้
ประหลาดจิตรคิดอัศจรรย์ใจ ยังเกรงนักซักไซ้พระปฏิมา
อันอิเหนาเขาไม่ต้องประสงค์ ไปลุ่มหลงอยู่กินกับจินตะหรา
นางถามพระเท่าไรไม่พูดจา จึงสอนให้บุษบาว่าไป เอย ฯ
๙๓ สักรวาบุษบายุพาพาล เห็นพระประธานพูดด้วยก็ขวยเขิน
จะซักไซ้ใจคิดสทกสเทิ้น ชม้ายเมินมิได้ว่าประหม่าใจ
ครั้นชนนีพี่เลี้ยงวอนวิง จะขืนนิ่งเกรงจะขัดอัชฌาไศรย
จึงว่าเขาสิเปนเช่นนั้นไป พระจะว่ากะไรเล่า เอย ฯ
๙๔ สักรวาอิเหนาฟังเขาซัก จึงเยื้องยักว่ากล่าวก้าวเฉียง
จินตะหรานั้นอิเหนาเขาไม่เลี้ยง อย่ามาเถียงเลยสีกาข้ารำคาญ
แล้วให้น้องต้อนค้างคาวฉาวออกไป ดับไฟมืดมัวทั่ววิหาร
ย่องมาใกล้ได้ยินเสียงเยาวมาลย์ เข้าอุ้มองค์นงคราญไว้ เอย ฯ
๙๕ สักรวาระเด่นบุษบา ไม่รู้ตัวตกประหม่าว่าผีสาง
นึกภาวนามนต์บ่นไปพลาง พระหัดถ์นางสบัดปัดไป
เห็นไม่ถอยหนีมือดื้อนักหนา อิเหนามามั่นคงไม่สงไสย
จึงฉวยฉุดยุดชนนีไว้ พระพี่ยามาในนี้ เอย ฯ
๙๖ สักรวาพระมารดาได้ฟังนาง ยังคิดคลางแคลงใจไม่ประจักษ์
สำคัญว่าพระอิฐเธอคิดรัก มาลอบลักหยอกยุดพระบุตรี
จึงห้ามว่าอย่าร้องไปเลยลูก มือแม่ถูกเจ้าเองเมื่อตะกี้
แล้วตรัสสั่งประเสหรันทันที จุดอัคคีเข้ามาอย่าช้า เอย ฯ
๙๗ สักรวาประเสหรันกัลยา วิ่งไปจุดเทียนมาหาช้าไม่
ถึงประตูเพลิงดับกลับออกไป น่าแค้นใจด้วยค้างคาวเหล่านี้ครัน
พอเห็นปล้องไม้วางข้างชุกชี หยิบมาครอบอัคคีขมีขมัน
เข้าในวิหารได้เปิดไฟพลัน เห็นอิเหนากุเรปันอยู่นั่น เอย ฯ
๙๘ สักรวามะเดหวีโฉมเฉลา เห็นอิเหนานึกแค้นแน่นในจิตร
น้อยฤาทำได้ช่างไม่คิด จะเกรงใจใครสักนิดก็ไม่มี
แต่แรกว่าไม่รักทำหักหาญ จนจวนจะตั้งการภิเศกศรี
กลับมาทำข่มเหงเล่นเช่นนี้ เจ้าเชื่อดีอย่างไรที่ไหน เอย ฯ
๙๙ สักรวาอิเหนาเจ้าสำนวน จึงว่าควรแล้วฤามาว่าร้อยอย่าง
เมื่อข้าได้ตุนาหงันกันกับนาง จะพรากไปให้ข้างจรกา
ชวนกันทำข่มเหงไม่เกรงใจ แต่เขาไม่จู้จี้ดีนักหนา
เดี๋ยวนี้ถึงใช้ให้เทวดา ลงมาว่าก็ไม่วางนาง เอย ฯ
๑๐๐ สักรวามะเดหวีว่าอิเหนา จริงอยู่เจ้าได้มาตุนาหงัน
แล้วตัดรอนค่อนว่าสารพัน ก็เคืองขาดจากกันแต่นั้นมา
จึงยกองค์ทรามไวยให้ระตู เมื่อเจ้างมชมอยู่เมืองหมันหยา
นี่รู้แจ้งว่าจะแต่งงานวิวาห์ จึงแกล้งมาจัณฑาลรานทาง เอย ฯ
๑๐๑ สักรวาอิเหนากุเรปัน ประจุบันแก้ไขไวว่อง
ข้าเปนคู่ตุนาหงันกับพระน้อง พระมารดาว่าของจรกา
ก็ให้ตัวระตูมาสู้กัน กว่าชีวันจะม้วยมุดสุดสังขาร์
แม้นตัวข้าไม่ตายวายชีวา อย่าสงกาว่าจะวางนาง เอย ฯ
๑๐๒ สักรวาฝ่ายว่ามะเดหวี ฟังระเด่นมนตรีพูดโอหัง
แม้นลวกด้วยน้ำเย็นเห็นจะฟัง จึงปลอบว่าข้าก็ยังไม่ตัดรอน
เมื่อยังรักใคร่ในพระน้อง แม่จะช่วยตริตรองผันผ่อน
ทูลพระองค์ทรงฤทธิบิดร อ้อนวอนให้ได้ดังใจ เอย ฯ
๑๐๓ สักรวาอิเหนาเจ้าเล่ห์ สมคเนนึกยิ้มอยู่ในหน้า
เอาถ้อยยำคำมั่นสัญญา แล้วเปลื้องมหาสังวาลส่งให้นงเยาว์
ขอเปลี่ยนสีน้ำดอกไม้สไบบาง จะได้ไปชมพลางต่างเจ้า
แต่พอส่างโศกศัลย์บันเทา อย่าทิ้งให้ไปเปล่าเลย เอย ฯ
๑๐๔ สักรวามะเดหวีศรีสมร ได้ฟังคำจำผ่อนผันหา
จึงเปลื้องเครื่องทรงองค์บุษบา ยื่นให้นัดดาด้วยปรานี
แล้วหยิบเอาเครื่องอิเหนาทรง ประดับองค์บุษบามารศรี
ชวนธิดาลาพระจรลี มายังที่ประทับพลับพลา เอย ฯ
๑๐๕ สักรวาระเด่นบุษบา เข้านิทรามัวหมองไม่ผ่องใส
ยิ่งคิดเศร้าสร้อยน้อยใจ ชลไนยคลอเนตรกัลยา
อกเอ๋ยอนิจาครานี้ แม้นม้วยชีวีเสียดีกว่า
นางสอึกสอื้นไห้ไปมา ไม่สรงเสวยโภชนาเลย เอย ฯ
๑๐๖ สักรวาพระผู้ผ่านดาหา เห็นลูกรักภักตราหม่นหมอง
พระนั่งนิ่งดำริห์ตริตรอง เห็นจะข้องเคืองขัดอัธยา
จึงดำรัสตรัสแก่มะเดหวี วันนี้เคราะห์ร้ายนักหนา
จงพาระเด่นบุษบา ไปให้พระสิทธารดน้ำ เอย ฯ
๑๐๗ สักรวาอนงค์องค์มะเดหวี อัญชลีคำนับรับสั่ง
จึงสั่งให้สาวสาวชาววัง จัดพานผ้ามาตั้งเตรียมไว้
ให้เยาวมาลย์เชิญพานภูษาศรี ลงจากที่พลับพลาทองผ่องใส
พร้อมเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน ตรงไปกุฎีฤาษี เอย ฯ
๑๐๘ สักรวาอิเหนากุเรปัน อยู่พร้อมกันกับกระษัตริย์ทั้งห้า
แลเห็นระเด่นบุษบา เชิญพานภูษาประหม่าชาย
ออกเอนเอียงเพียงพานจะตกลง ก็วิ่งตรงเข้าช่วยนางโฉมฉาย
แล้วแกล้งว่าห้ากระษัตริย์ตรัสภิปราย ช่างนิ่งอยู่ดูดายเสียได้ เอย ฯ
๑๐๙ สักรวาจรกาทำตาเขียว หันหุนฉุนเฉียวเฉลียวจิตร
ครั้นจะว่าก็มิได้ในใจคิด ด้วยเขาพี่น้องสนิทชิดกว่าเรา
จึงเสว่ากับระเด่นทั้งสาม มาทำหยามเย้ยหยันกันเปล่าเปล่า
ตั้งชุมนุมรุมดูคู่ของเรา กะไรเจ้านี่ช่างไม่เกรงใจ เอย ฯ
๑๑๐ สักรวาสังคามาระตา หัวร่อร่าร้องเย้ยเฉลยไข
ถึงเราแลก็แต่น้อยต่อคล้อยไป ด้วยแจ้งใจว่าคู่ครองของเธอ
อันองค์พระบุตรีนีฤมล เราเจียมตนเหมือนเปนข้าไม่กล้าเผยอ
อย่าควรคิดฤษยาว่าเพ้อ เขาจะเยาะก็จะเก้อเสียดอก เอย ฯ
๑๑๑ สักรวากะหรัดตะปาตี จึงพาทีฝีปากถากถาง
ข้าแลเปนตัวครูดูนาง อยากจะใครได้บ้างต่างสกุล
ด้วยรูปชั่วตัวดำต่ำชาติ จึงมาดสูงเนื้อไปเกื้อหนุน
มิเหมือนหมายตายเปนก็ตามบุญ จะแอบอุ่นอยู่ดาหาภารา เอย ฯ
๑๑๒ สักรวาสุหรานากง จึงตรัสห้ามสามองค์อึงนักหนา
นี่แน่คะระตูจรกา เจ้าว่ามาทั้งนี้ผิดทีไป
ถึงจะเปนคู่ครองของเจ้า แต่พี่น้องของเราเรายกให้
อย่าดูนางจะอดสูใจ ได้ไปเถิดจึงพิศให้อิ่ม เอย ฯ
๑๑๓ สักรวาจรกาล่าสำ ได้ฟังคำแค้นคั่งเจ้าทั้งสาม
คิดจะตอบก็จะได้แต่ไม่งาม จะเกิดความวามวู่ไม่คู่ควร
บุราณว่าอดใจได้เปนพระ สธุสะให้ได้น้องครองสงวน
คนึงนึกตรึกไตรใคร่ครวญ พลอยสำรวลสรวลสันต์ด้วยกัน เอย ฯ
๑๑๔ สักรวาอิเหนาเจ้าชู้ เดินเปนคู่เคียงประคองพานผ้า
ยิ้มพรายชายชำเลืองเล่นตา เสนหาอาวรณ์ร้อนฤดี
เหน็บแนมแกมกลปนไป มิให้ปรากฎแก่สาวศรี
ครั้นใกล้อาศรมพระมุนี ภูมีมิใคร่จะไป เอย ฯ
๑๑๕ สักรวาพระบุตรีศรีสวัสดิ สุดแสนแค้นขัดด้วยเชษฐา
ค้อนเคืองชำเลืองหางตา บ่นบ้าเบื่อใจไม่ไกลกัน
เฝ้าชิดเฉียดเสียดสีจู้จี้จ้าน นึกเดือดดาลเดินประชดเหลืออดกลั้น
ถึงศาลาอาศรมพระนักธรรม์ ก็ย่างขึ้นอัฒจันท์ทันที เอย ฯ
๑๑๖ สักรวาฝ่ายว่ามะเดหวี มาถึงที่พระสิทธาดาบศ
จึงนั่งลงตรงภักตร์พระนักพรต น้อมประณตแล้วแถลงแจ้งยุบล
พระปิ่นปักนัคเรศดาหา ให้พาองค์บุษบามาเปนต้น
ขอรับประทานน้ำทิพมนต์ รดให้พ้นเคราะห์ร้ายสบาย เอย ฯ
๑๑๗ สักรวาฤาษีสังปะติเงะ ร้องว่าเอะสีกามาดอกฤๅ
พิเคราะห์ดูรู้เรื่องที่เลื่องฦๅ ประสาซื่อซักถามความเบาเบา
ซึ่งจะให้เราทำรดน้ำมนต์ ทั้งสองคนทีเดียวเจียวฤๅเจ้า
จงแถลงแจ้งความไปตามเลา อย่าให้เรารดน้ำมนต์สองหน เอย ฯ
๑๑๘ สักรวามะเดหวีมีศักดิ ได้ประจักษ์แจ้งคำพระฤาษี
ยิ้มแล้วแลมาไม่ช้าที ข้างฝ่ายอีเหนายิ้มแล้วเมินภักตร์
แต่ระเด่นบุษบายุพาพาล เห็นหน้าม้านหมอบอยู่อดสูหนัก
ทั้งสี่พี่เลี้ยงนางนงลักษณ์ ยิ้มพยักแลดูกันอยู่ เอย ฯ
๑๑๙ สักรวาพระมุนีฤาษีเอก ก็ทรงเศกมนต์เวทวิเศษโส
สิ้นหัวใจกอข้อทั้งนอโม แล้วหยิบโอออกมาน่าประตู
รดอิเหนาบุษบาบังอร อวยพรสององค์ให้คงคู่
แต่บรรดาสารพัดพวกศัตรู อย่าให้สู้เจ้าได้ไปเถิด เอย ฯ
๑๒๐ สักรวามะเดหวีศรีสมร ฟังให้พรซ่อนยิ้มอยู่ในหน้า
แต่โฉมยงองค์ระเด่นบุษบา หน้าตาไม่สบายอายเต็มที
แล้วถวายประนตบทบงสุ์ ลาองค์พระมหาฤๅษี
ต่างลงจากกระไดด้วยทันที มายังที่ประทับพลับพลา เอย ฯ
๑๒๑ สักรวาอิเหนาเศร้าเสียใจ ด้วยจะไกลบุษบามารศรี
ตามมาส่งศาลาน่าคิรี บังคมมะเดหวีชลีลา
ในอุราอาวรณ์ถอนสอื้น ตลึงยืนเหลียวแลชะแง้หา
จนนงลักษณ์เลี้ยวกลับไปลับตา พระก็เสด็จมาพลับพลา เอย ฯ
๑๒๒ สักรวาท้าวดาหาคิดอาวรณ์ แต่แรมร้อนอยู่ในป่าพนาสี
ก็ได้หลายเวลาราตรี เกลือกพระพี่กุเรปันจะยกมา
เสด็จออกพลับพลาบัญชาสั่ง ตำมะหงงดะหมังยาสา
จงรีบรัดจัดพลโยธา เราจะคืนดาหาธานี เอย ฯ
๑๒๓ สักรวาเสนาดะหมัง รับสั่งแล้วออกมาบอกหมาย
ทั่วทุกหมื่นขุนมุลนาย เพลาบ่ายจะเสด็จเข้าธานี
กรมช้างผูกช้างชนะงา กรมม้าผูกม้าต่างสี
รถที่นั่งทั้งรถนารี มาเตรียมไว้ยังที่เกย เอย ฯ
๑๒๔ สักรวาอิเหนาเร่าร้อนทรวง ด้วยจะไกลใจห่วงถึงดวงสมร
จึงตรัสกับสองระตูภูธร เรานำพลนิกรกองน่ามา
ยกกลับข้าจะรับเปนทัพหลัง ระตูทั้งสององค์จงเดินน่า
ตรัสพลางทางสั่งประสันตา บอกบรรดานายไพร่ให้พร้อม เอย ฯ
๑๒๕ สักรวาท้าวดาหาเพลาบ่าย พอลมชายแต่งองค์ทรงเครื่อง
ชวนบุตรีมเหษีย่างเยื้อง ขึ้นทรงรถทองเรืองประเทืองตา
รถประเทียบเปนระเบียบเรียบเรียง ทหารเคียงคู่แห่ซ้ายขวา
เสียงฆ้องกลองก้องสนั่นอรัญวา พอสนธยาเดือนสว่างกระจ่าง เอย ฯ
๑๒๖ สักรวาบุษบานารี สถิตย์ที่รถทองผ่องใส
ครั้นแสงจันทร์จรัสฟ้านภาไลย รูดม่านทองสองไขออกชมจันทร์
มิ่งไม้รายเรียงริมราชรถ ดอกสดเคียงแข่งรับแสงบุหลัน
ลำดวนดงดอกระดะมลิวัน หอมระคนปนกันขยัน เอย ฯ
๑๒๗ สักรวาระเด่นเห็นว่าค่ำ ชักม้าย่ำเหยาะย่างมาข้างถนน
ครั้นถึงรถพระบุตรีนีฤมล ชักม้าวนวงเวียนป้วนเปี้ยนไป
เพ่งพินิจพิศโฉมประโลมขวัญ แสงจันทร์จับภักตร์น้องผ่องใส
งามทุกสิ่งพริ้งพร้อมละม่อมละไม นึกจะใคร่ถามทักสักคำ เอย ฯ
๑๒๘ สักรวาระเด่นบุษบา ชมมิ่งไม้มากับบาหยัน
ทั้งพุดจีบปีบจำปาสารพัน พลางชี้บอกบาหยันกัลยา
พอเหลือบเห็นคนประหลาดอาจอง ขี่ม้าตรงเข้าเรียงเคียงรัถา
นางนึกเคืองขัดหัทยา รูดผ้าม่านปิดมิดหมด เอย ฯ
๑๒๙ สักรวาบาหยันอยู่ข้างท้าย เห็นผู้ชายขี่ม้าเข้ามาใกล้
จึงร้องทักซักว่าม้าของใคร ละลุมเล้าเข้ามาในกระบวนรถ
พวกสนมกรมวังช่างไม่ว่า โขลนจ่าไม่ไหวติงนิ่งเสียหมด
น้อยฤาเห็นแก่หน้าม้าพยศ จึงละลดให้เลยล่วงเข้ามา เอย ฯ
๑๓๐ สักรวาอิเหนาเจ้าสำนวน พลางเสสรวลตอบโต้ด้วยโวหาร
ม้าตัวนี้เคยขี่มาช้านาน วันนี้พานจะเปนม้าบ้าใจ
ขืนจะแข่งแซงสวนกระบวนหลัง จะเย่อยุดฉุดรั้งหาฟังไม่
แต่หน่วงเหนี่ยวเรี่ยวแรงแห้งหายไป พึ่งจะยั้งตั้งตัวได้เดี๋ยวนี้ เอย ฯ
๑๓๑ สักรวาบาหยันยิ้มละไม แล้วทูลตามความในดังใจหวัง
ม้าป่วนหวนหันดันทุลัง ถึงจะรั้งก็ไม่หยุดสุดปัญญา
ชอบแต่จะควบขับกลับไป ยังโรงในอุปถัมภ์ทั้งน้ำหญ้า
กล้วยอ้อยเอมโอชโภชนา เห็นจะหายคลายเปนบ้าดอก เอย ฯ
๑๓๒ สักรวาอิเหนากุเรปัน ฟังบาหยันทูลเปนแยบแอบแฝง
ชะช่างรู้เชิงชัดสกัดสแกง ถ้าม้าระแวงคิดถึงโรงดังว่ามา
คงจะควบคืนหลังรั้งไม่กลับ ไหนจะอยู่สู้ขับได้อายหน้า
ทั้งนี้เพราะพี่มิเมตตา วาศนาน้อยแล้วแคล้วไป เอย ฯ
๑๓๓ สักรวาบาหยันพระพี่เลี้ยง จึงกล่าวเกลี้ยงเสแสร้งแถลงไข
ที่จริงจิตรคิดรักภูวไนย จะเปรียบเทียบสิ่งใดก็ยากเย็น
รักเสมอเหมือนหนึ่งเช่นเส้นเกษา พระภูมีมิเมตตาจึงไม่เห็น
รักอยู่แลแต่ทว่าเปนรักเร้น ยากที่จะชี้เช่นให้เห็น เอย ฯ
๑๓๔ สักรวาอิเหนาฟังเขากล่าว ชักเรื่องราวเรื่องรักหนักหนาหนอ
ใช่แกล้งกลั่นสรรเสริญเยิรยอ ฉันรักพี่ที่เปนต่อกว่ากฤชน้อง
ยากที่จะชี้แจงแถลงเล่า รักร้อนเร่าทรวงระทมดังกรมหนอง
ถ้าแหวะอกยกได้จะใคร่ลอง ให้ตรึกตรองเรื่องรักประจักษ์ เอย ฯ
๑๓๕ สักรวาบาหยันชั้นเชิงฉลาด องอาจแก้ไขไม่ขัดขวาง
พระก็เปนกษัตริย์ประเสริฐเลิศปาง ทรงอาวุธต่างต่างอย่างดี
เห็นจะชอบพระไทยไปแทบทั่ว จะเกลือกกลั้วมัวแต่กฤชก็ใช่ที่
อันเกษาของข้าน้อยนี้ ไม่เห็นมีสิ่งจะเปรียบเทียบ เอย ฯ
๑๓๖ สักรวาอิเหนานิ่งไม่ได้ อาวุธไหนที่ว่ารักก็รักสั้น
รักสนิทก็แต่กฤชเทวัญ จึงแกล้งกลั่นมาเทียบเปรียบรักนาง
พอรถกะทั่งถึงประตูพระบุรี ดาลฤดีดิ้นโดยจะโหยห่าง
ฝากไมตรีมิตรจิตรอย่าคิดร้าง จงนึกบ้างที่สัญญาว่าไว้ เอย ฯ
๑๓๗ สักรวาบาหยันอัญชลี จึงทูลว่าข้านี้ไม่ลืมหลง
ทั้งข้าสามิภักดิรักพระองค์ มั่นคงมิได้คิดจะบิดพลิ้ว
ฝ่ายพระองค์อิกจะทรงลืมข้า ไม่กรุณาแล้วสิอ่อนลงนอนนิ่ว
พอรถล่วงเข้าประตูดูเปนทิว ประนมนิ้วบังคมลาคลาคลาศ เอย ฯ
๑๓๘ สักรวาท้าวดาหามาถึงเมือง เสด็จเยื้องย่างขึ้นเกยมณีศรี
พร้อมพรักอัคเรศแลบุตรี นักสนมนารีกำนัลใน
ต่างนาดกรจรจรัลผันผาย โขลนจ่ารายจุกช่องทั้งส่องไต้
ขึ้นปราสาทสุวรรณอันอำไพ เข้าที่ศรีไสยา เอย ฯ
๑๓๙ สักรวาระเด่นมนตรีตรึก คนึงนึกนอนนิ่งอิงเขนย
คิดอิ่มใจจะใคร่สมชมเชย ไฉนเลยจะได้พบประสบน้อง
แล้วตรึกไตรไปถึงคำทำสัญญา จึงตรัสเรียกประสันตามาในห้อง
จงไปตามถามบาหยันนั้นดูลอง ชอบช่องทูลได้ฤาไร เอย ฯ
๑๔๐ สักรวาประสันตามาจัดแจง ทาแป้งแต่งตัวไม่มัวหมอง
ห่มสีน้ำดอกไม้นุ่งไหมตอง เรียกนายรองถือล่วมหมากออกจากวัง
ถึงที่ทิมริมประตูหูช้าง เที่ยวหานางสาวใช้จะได้สั่ง
สบแต่หม่อมเกณฑ์ระตะตัง ก็หยุดยั้งตั้งตาคอยท่า เอย ฯ
๑๔๑ สักรวาบาหยันตวันบ่าย ไปอาบน้ำชำระกายที่ท้ายฉนวน
นุ่งผ้าลายชายสบัดซัดสีนวล เวลาจวนด่วนเดินดำเนินมา
ออกประตูดูเขม้นเห็นแต่ไกล ก็จำได้ประสันตาแล้วสิหว่า
ทำไฉนจะมิให้มารำพา นางแกล้งเดินเมินหน้าไปเสีย เอย ฯ
๑๔๒ สักรวาประสันตานั่งหน้าจ๋อย แต่คอยคอยก็จนเย็นเห็นบาหยัน
ไม่ครั่นคร้ามตามไปใกล้จะทัน ดีใจครันยิ้มพยักแล้วกวักมือ
นี่แน่นางชาววังข้านั่งคอย ช้านานนั้นน้อยไปแล้วฤๅ
เชิญเจ้าเข้ามาจะหารือ ข้าเปนคนซื่ออย่าถือ เอย ฯ
๑๔๓ สักรวาบาหยันหยุดผันผาย ยิ้มพรายชายชำเลืองเคืองค้อนให้
ร้องเรียกข้าจะว่าขานประการใด จงว่าไปให้งามอย่าลามลวน
ข้าก็ยังสาวแส้ไม่แก่เถ้า จะให้เข้าไปที่ทิมริมฉนวน
เจ้าก็หนุ่มเนื้อหนังยังน้ำนวล ใครเห็นเข้าเขาจะสรวลดอกเจ้า เอย ฯ
๑๔๔ สักรวาประสันตาว่าจริงเจ้า กระนั้นเราจะเล่าตามประสงค์
รับสั่งใช้ให้มาฟังดังจำนง เจาะจงมาถึงหม่อมก็ย่อมรู้
ได้สัญญาว่ากันไว้เมื่อใช้บน อย่าทำกลแสนงอนนั่งค้อนขู่
เชิญกลับไปทูลถามเนื้อความดู ฉันจะคอยฟังอยู่ที่นี่ เอย ฯ
๑๔๕ สักรวาบาหยันยิ้มเยื้อน ไม่บิดเบือนจรลีขมีขมัน
ตรงไปปราสาทแก้วแพรวพรัน บังคมคัลมะเดหวีชลีกร
แล้วทูลว่าประสันตามาไต่ถาม ด้วยข้อความได้สัญญามาแต่ก่อน
ได้ทูลแล้วฤาไรในเรื่องร้อน พระนัดดาอาวรณ์ไม่เว้น เอย ฯ
๑๔๖ สักรวามะเดหวีศรีสมร รู้เรื่องร้อนพระนัดดาว่าผ่อนผัน
ถ้าได้ช่องจะลองทูลพระทรงธรรม์ เห็นแม่นมั่นทีจะได้ข้างฝ่ายเรา
เจ้าจงออกไปบอกประสันตา พระนัดดาอย่าวิโยคโศกเศร้า
จงทำทุกข์เสียให้ส่างบางเบา อุส่าห์เฝ้าเช้าเย็นเห็นได้ เอย ฯ
๑๔๗ สักรวาบาหยันลาผันผาย กรีดกรายออกมาทางข้างฉนวน
แล้วกวักเรียกประสันตาเวลาจวน เร็วเร็วเข้าเขาจะด่วนกลับไป
มีรับสั่งมะเดหวีมียศ จงเงือดงดขุ่นข้องที่หมองไหม้
ถ้าชอบช่องคล่องแคล่วแล้วเมื่อใด จะทูลให้สมจิตรที่คิด เอย ฯ
๑๔๘ สักรวาประสันตาหน้าเสีย เดินเพลียกลับมาติกาหรัง
ตะลีตะลานคลานเข้าไปไม่รอรั้ง ถวายบังคมคัลทันใด
แล้วทูลว่ามะเดหวีมีศักดิ ไม่เยื้องยักจักทูลให้จงได้
อย่าให้พระอาวรณ์ร้อนพระไทย ที่สัญญาว่าไว้ไม่ลืม เอย ฯ
๑๔๙ สักรวาพระองค์วงษ์เทเวศร์ แจ้งเหตุตรอมตรมไม่สมหมาย
นึกคลางแคลงแหนงจิตรกลัวกลับกลาย ฤาอุบายให้มาบอกหลอกลวง
ครั้นนึกสมจินดาค่อยพาชื่น ครั้นคิดคืนความหลังนั่งนิ่งง่วง
ความรักร้อนแรงเข้าแทงทรวง ให้เปนห่วงบ่วงใยไม่หลับ เอย ฯ

จบบทสักรวาตอนใช้บน

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ