๏ นิราศร้างห่างเหจากเคโห |
|
ตามเสด็จบพิตร์อิศโร |
ประพาศทางชโลนโททา |
ที่สิบห้าตุลากะถาถอง |
ศกสองพันสี่ร้อยวะสอยสา |
เศษหกสิบห้าปีกลีชา |
ตะหลาต๋าตูไหว้ประนมมือ |
จุดธูปเทียนบูชากะบาบง |
เปดกะทงดอกไม้ไถลจื๋อ |
แล้วหมอบราบกราบกรานกะบานบือ |
ไหว้พระไตรรัตนือตลมโป |
ไหว้ทวยเทวะมะลั่กตั้ก |
ขอให้ช่วยพิทักษ์ซึ่งตูโข้ |
ยามเดินทางน่านน้ำชลำโล |
ขอปวงภัยพาโลมะไลไท |
แล้วตระโบมโลมลูบจูบจะจิ๊ด |
ลาเมียคู่ชีวิตมลิจไฉ |
จงอยู่ดีอย่ามีตะไลไต |
ทั้งโพยภัยแคล้วคลาดกะด้าดโดย |
อย่าวิโยคโศกเศร้ามะเลาฉี |
จะทำให้สามีตะโล๋ยโป๋ย |
จงอยู่เหย้าเฝ้าเรือนมะเลือนโลย |
อย่าให้โหยมากนักจักจึมงึม |
อันตัวพี่มีกิจกะมิจเฉ |
ตามเสด็จราเชประพำผึม |
มิใช่หน่ายน้องแก้วกะแมวมึม |
มิใช่แสร้งจากจึมทลึมลี |
แม้มิไปไม่พ้นมลนลา |
รับอาญาปี้ป่นมลนฉี |
เกิดเปนลูกผู้ชายกะตายตี |
ต้องนึกถึงกรณีย์นิยมปม |
แม้รักน้องต้องคิดกะติ๊ดตุ๊ก |
กระทำกิจการทุกถลมถม |
จะได้มีความชอบกะมอบมม |
อีกอุดมยศถากะทาเทือง |
ขอลาก่อนบังอรจล่อจุก |
จงดับทุกข์โศกาจะเหลืองเจื๋อง |
ถึงเวลาจะไปมะไลเลือง |
ขอขวัญเมืองอยู่ดีมลีทา ฯ |
๏ ลงบรรไดจึ่งได้มลึกตึ้ก |
คำนึงนึกถึงบุตร์มลุจฉา |
ผันหลังกลับรับขวัญมลัญชา |
โอ้บุตราบุตรีมลีโช |
พ่อจำใจจากลูกกะจู๊กจึ๊ต |
ตามเสด็จบพึตร์กะมึตโต๋ |
ลูกอยู่บ้านอย่าซนมะตนโจ |
จงนึกกลัวตุ๊กโกกินตับไต |
จะเที่ยวจับแมลงตามลาเกื๊อก |
ลูกจงเลือกตัวเบิ้มกะเพิ่มไผ |
แล้วให้แม่เขาดองกะลองไช |
เอาไว้ให้พ่อกินมะลินชา |
สั่งลูกใหญ่อย่าได้กะเหมอเถอ |
ให้มาเหอคุณแม่ตะแหลต๋า |
จงคอยจำคำเฃามะเลากา |
ไว้เล่าให้บิดามะกาโย |
แล้วกอดจูบลูกน้อยมะกอยกึ๋ง |
หมั่นคิดถึงป้าป๋ามาหงาโง๋ |
อย่าออกวิ่งกลางถนนกะปนโป |
จะถูกมอเต้อร์โคทะมึกทึก |
แล้วย่างท้าวก้าวลงกะตงไก๋ |
โอ้กระไรใจฃ้าตลึกปึก |
จากลูกเมียแสนละเหี่ยมะเลียจึ๊ก |
คงจะต้องมลึกตึ้กมิวายวัน ฯ |
๏ ลงมาถึงซึ่งรถกะฟ๊อดต๊อด |
ใจจะขอดคิดถึงกะจึ๋งจั๋น |
ขึ้นรถพลางทางเหลียวกะเปียวลัน |
โอ้เร็วพลันต้องมลากชวากเว |
ก้าวแต่ขาส่วนตากะเหมอเถอ |
กำลังเผลอก้าวพลาดถลาดแถ |
ก็เลยตีลังกาหกคะแม |
ตะแหลแต๋อยู่กลางพสุธือ |
เวลานั้นในลานกะเหมอะเปอะ |
หลังก็เลอะเปื้อนโคลนตะโล๋นตื๋อ |
ต้องให้บ่าวรีบวิ่งกะพือรือ |
ไปเอาเสื้อผลัดผลือตลีพี |
ควักดูนาฬิกาตะลาต๋วง |
เวลาล่วงบ่ายโมงตะโล๋งตี๋ |
จำต้องรีบเร่งร้อนตะลอนตี |
จะเปลี่ยนดุมเสื้อสี้จะโตงเตง |
ฉวยเสื้อใหม่ทันใดตะไลต๊ด |
โดดขึ้นรถเร่งออกมลอกเล๋ง |
เปลี่ยนดุมเสื้อกลางทางพลางทะเม็ง |
ปากคอยเร่งโช๊ฟเฟอร์กะเมอมึม |
รถผ่านราชดำเนินกะเปิ่นเป้อ |
โอ้อกเข้อผ่าวๆมะก๋าวกึ๋ม |
คิดอยากใคร่ดำเนินกะเตินตึม |
กลับเคหาก๋ากึ๋มกะลึมลือ |
เลียบลำคลองกรุงเกษมกะเหมมมึก |
อกแทบหึกไม่เปรมเกษมสือ |
โอ้ชื่อคลองเหมือนหนึ่งปองปะงือรือ |
เย้ยจิตพี่ที่จื๋อจะล๊อกจ๊อก |
เลี้ยวถนนสามเสนกะเหลนโหล |
แสนว้าโหว่หฤทัยกะไต๋ต้อก |
ถ้าเช่นนี้มีเสนมาเผ่นพ๊อก |
จะใช้กลับไปบอกมะกันทา |
ครั้นถึงท่าวาสุกรีตลีเตด |
ขนของลงนาเวศตะเลดต๋า |
พลางรำพึงถึงน้องตลองตา |
อนิจจาจ๊อกว๊อกต้องพรอกไป |
เหมือนหนึ่งวาสุกรีมลีชัด |
มาผูกมัดตีนมือมลือไฉ |
แล้วจับลากลงน้ำมลำไช |
ตะไล๋ไป๋จากน้องมะลองโช ฯ |
๏ ถึงเวลาจากท่าชลาลูง |
เรือไฟจูงเรือจรชลอนโหล |
เสียงทึกๆตละอกจะมกโก |
ดวงจิตโบ๋เบือนบั๊บกะงับแง |
ผ่านหน้าวัดราชาธิวาโศ |
ตลมโปประนมมะงมแง๋ |
ขอเดชะกุศลกะมลแม |
ช่วยตูแข้ล่วงพ้นมลนชำ |
เรือผ่านท่าเขียวไข่กามะหงาหงอย |
จิตป๋อยล๋อยเหลือบแลชะแงหงำ |
โอ้พี่ยามลาติงยิ่งกาดำ |
กาได้งำกกไข่ไม่มือทือ |
ส่วนตัวพี่สิพรากจากพโธ |
เพราะไปราชะโกกะโรตื๋อ |
ต้องมานั่งเรือขังอยู่บือชือ |
อนิจจือเคราะห์อึบมลึบทา |
โอ้บางซ่อนซ่อนใดกะไหมตั๊ก |
เหมือนซ่อนรักรั้งพี่กะหมีต๋า |
เห็นแต่โรงสีไฟกะไหมตา |
อกพี่เต้นราวจะบ้าตะหมาตอ |
บางกระบือชื่อชวนมะหวนหึก |
คำนึงนึกถึงกระบือมะหือหอ |
ที่ปั้นให้ลูกน้อยมะหอยฮอ |
อนิจจอใจเหี่ยวกะเมียวมำ |
เรือแล่นต่อชูคอมะหงาก๋า |
มุ่งมองหาที่เหมาะมะเงาะก๋ำ |
เพื่อลงกลอนนิราศมะงาดงำ |
สิ้นปัญญำสุดหากะปาโล |
เขม้นมองสองฃ้างชลางเทือน |
เห็นบ้านเรือนยืดกื้ดกะปื๊ดโต๋ |
ดูเนืองแน่นแสนจะมะโลโช |
โอ้อุโรร้อนรุมกะมุมมึก |
เห็นหญิงชายอยู่บ้านมลานลอ |
ลูกเต้านั่งตล๋อต๋อมะก๋อกึก |
เสียงสรวลเสรเฮฮามะกากึ๊ก |
ใจอดึกนึกถึงเคหึงเรา |
ผัวและพ่อจากมาประพาผึม |
ต่างจะนั่งจึ๊มงึ๊มอารึมเฉา |
ใครจะยวนชวนชื่นมลืนเชา |
จะพากันเตาเลากะเงาโง |
เผลอไปหน่อยเรือคล้อยถึงบางขวาง |
แลสล้างโรงเรียนกะเตียนโต๋ |
นามประสิทธิ์ราชวิทยาโล |
เห็นเด็กวิ่งมะโงมะงารา |
นึกๆไปออกใคร่มะเก๊กเต๊ก |
กลับเปนเด็กนักเรียนกะเตี๋ยนต๋า |
ตะแล๋นแต๋นแสนสุขทุกเวลา |
กะหงาก๋ากินฃ้าวกะจาวโจม |
พอตื่นขึ้นก็มะกึนมะกาจ๊าบ |
ชิมชวาบอิ่มแปล้ตะแล๋โต๋ม |
แล้ววิ่งเล่นสนุกตลุกโกม |
จนระโฆมตีก้องตลองตือ |
จึ่งเฃ้าสู่ห้องเรียนกะเมียนมึบ |
นั่งสะพรึบพร้อมเพื่อนเชลือนหลือ |
เรียนกันพลางทางล้อมะกอกือ |
กินขนมขนือที่ซ่อนไป |
ครูไม่เห็นกินเล่นกะหมับเหมียว |
พอครูเหลียวทำท่ากะไหมไก๋ |
หมดเวลาวิ่งพล่านตลานไล |
สนุกใจตลนซนจนเฃ้านอน |
พอนาวาแล่นผ่านตลานเลียด |
วัดเฉลิมพระเกียรติกะหลอนต๋อน |
ยกมือวันทือตลือกร |
ขอพระพรไตรรัตน์กะปัดตือ |
ช่วยให้ฃ้าได้ยศกะมดมัก |
บรรดาศักดิ์สูงเสริมกะเผิมผือ |
อีกมีเกียรติเกรอกเมืองมะเลืองชือ |
ชนบรรฦาเกียรติศักดิ์ทมักแม |
ถึงเมืองนนท์จนจิตตะหลามป๋าม |
เมืองนี้นามเดิมมีมลีแฉ |
ว่าตลาดขวัญยามะกาแก |
จิตแถลถลากถลันถึงขวัญเมือง |
ทั่วธาตรีนารีตะเลี๊ยบเปี๊ยบ |
ไม่ทันเทียบขวัญเนตร์ตะเมดเหมือง |
เปนขวัญบ้านขวัญช่องมะลองเชือง |
มะเลืองเตืองมะเล็นเต็นเช่นขวัญใจ |
เฃ้าน้ำอ้อมน้อมจิตกะมิจโฉ |
อนิจโจอ้อมพ้นมลนไฉ |
เหมือนแสร้งอ้อมค้อมทางมลางไช |
อ้อมให้ไกลกนิษฐามะกายี |
เรือผ่านบางบัวทองมะก๋องกั๋ว |
นึกถึงบัวน้ำใสมะไหลถี |
ในห้องน้ำของเรากะเลาชี |
ซึ่งไม่มีบัวทองมะกองกืน |
เพราะบ้านเรามันเก่ากะแหมบแกบ |
แสนจะแคบนักหนามะถาถืน |
ต้องอาบน้ำฉลีฉีที่นอกชืน |
ที่จะติดบัวบืนก็มิบติ๊บ |
อีกไม่ช้านาวามะเล็ดเต๊ด |
ถึงปากเกร็ดใจจึ๊ดกะมึดจิบ |
แม้สามารถเตร็จฟ้าตล๋าติ๊บ |
จะเตร็จตริบมาหามะทายี |
จอดเรือตรงวัดธะมัดไถ |
ปรมัยยิกาวาศาหวี |
ใจเจื๊ยก ๆ เกลือกดับกะวับวี |
แสนคิดถึงภรรยียะมีทา |
ต้องนอนร้างห่างเหสิเนหือ |
แสนบือชือหนาวอกมลกฉา |
ฝนก็ซ้ำเติมตกมลกชา |
ช่วยให้ฃ้าจึมงึมมะกึมโก |
ที่วัดแต่งโคมไฟมะไกโก๊ด |
แสงรุ่งโรจน์วารีมะกีโก๋ |
แสงวับ ๆ จับท้องชโลโท |
ราวหิ่งโห้วามๆ อร่ามตี |
วัดรุ่งร่าแต่อุราพี่จ๊กจื๊ด |
ราวกับมืดหมดแสงตะหลีตี๋ |
มืดอารมณ์มมอารึกตะกึ๊กกี |
อั้นอุรีสท้อนถอนฤโท ฯ |
๏ ยามกลางคืนยินเสียงกะเตี๋ยงต๊าด |
ครึ้มปี่พาทย์บรรเลงกะเต๋งโต๋ |
บำเรอจอมขัตติยะวโรโช |
หน้าพลับโพลแพท่าชลาเลื๊อก |
เสวยเสร็จลิเกมะเหลไถ |
เริ่มมะไหลเล่นสนุกถลุกเถือก |
ดูผู้คนแน่นนันท์มะลันเจื๊อก |
จอดนาเวือกดูเล่นมะเลนไต |
พี่ไปดูลิเกมะเหลเถือง |
ไม่รู้เรื่องทั้งเพมะเถไหล |
รู้แต่มีกษัตร์กะมัดไท |
จากลูกเมียเพื่อไปมะไลเท |
จะบำบวงสรวงเทพกะเมบมึก |
อีกประพาศไพรพฤกษ์มฤกเข |
แล้วมีโจรใจกาจกะเปเล |
ยกเฃ้าปล้นบุเรบุโรโช |
นางพญาบุตรากะผาไผ |
ตื่นตกใจหนีโจรตะโล๋นโต๋ |
เลยพลัดพรากจากพระภัสโด |
อนิจโจสงสารมะกานทา |
นึกถึงอกราชามะกาก๊าก |
ต้องพลัดพรากตะเหลเป๋มะเหษา |
เหมือนตัวพี่จำพรากมะก้ากกา |
จากแก้วตาโฉมเฉิดมะเหลิดชือ |
เลยทำให้ใจเหี่ยวกะเมียวมึบ |
โอ้อุรึบร้อนรุมตลุ๋มตื๋อ |
น้ำตาคลอล่อหน่วยกะรวยรือ |
คิดถึงแก้วกัลยือยอดกะมุม |
แม้มาด้วยจะได้ช่วยกันเง๋เจ๋ |
ดูลิเกกันพลางทางผึมผุม |
และหยอกเอินเพลินจิตกะติดตุม |
ตลุมงุมคลุ้มคลื้อผะกือกรอง |
กลับเฃ้าเก๋งนาวากะต๋าต๋ง |
แล้วเอนองค์ไสยากะต๋าต๋อง |
นึกว่าจะไม่หลัยบะงับงอง |
แต่ตาจ๋องเจื๊อกจั๊บเลยหลับไป ฯ |
๏ รุ่งขึ้นที่สิบหกตุลกเลื๊อก |
คืนกะเตื๊อกกิ๋วหวิวหิวแสบไส้ |
เมื่อคืนก่อนเฃ้านอนตะไลไต |
ลืมกินของว่างไว้มะไกลา |
ร้องเรียกบ่าวเฮ้ยฃ้าวมะเลาเกี๊ยง |
อีกกุนเชี้ยงไวๆ มะไก๋ถา |
บ่าวบอกว่ากุนเชี้ยงมะเกียงทา |
ลืมเอามาเสียแล้วมะแกวทือ |
มะโหหุนหมุนจี๋มะหลีเชะ |
ชะน่าเตะอ้ายถ่อยกะต๋อยตื๋อ |
แต่ช่างเถิถหิวจังอุทังทือ |
โครงหมูตือมาก่อนมลอนไช |
บ่าวก้มหน้าตอบว่ามลุดกุ๊ด |
เสียใจสุดจำบอกมล๊อกไก๋ |
ว่าโครงหมูก็ลืมมะกืมไก |
ช่างเถอะไฮ้ฃ้าวปล่าวชวาวเวื๊อก |
เสร็จชวาบอาบน้ำชลำปัว |
รีบแต่งตัวเร็วพลันตลันเตือก |
ลงเรือเล็กรีบจ้ำชลำเลื๊อก |
ไปเตลือกซื้อของที่ต้องใจ |
ซื้อกุนเชี้ยงโครงหมูตลู๋ต๋า |
ใส่ตะกร้ารีบเร่งตะไหลไป๋ |
กลับนาวาเอาของตลองไท |
เก็บไว้ใต้ท้องเรือกะเตือตุ๊ก |
แล้วฃ้ามฝากขึ้นถลากไถลไถ |
ยังอาวาศปรมัยยิไกกุก |
ทักทายเพื่อนที่พบถลบทุก |
แล้วเดินดุกเฃ้าโบถโถลดทา |
ครั้นถึงจึ่งเฃ้าตลุดกุด |
ก้มเกล้าเค้าคุคตล๋าต๋า |
สาธุสาเธอะตะเลอะลา |
ขอเดชะบุญฃ้าตลาแต |
คุณพระช่วยป้องกันสะพันภุย |
นิรทุกข์สุขุยสุแขแม๋ |
นิรโรคโศกสร่างรังโรแค |
ตลอดทั้งเคแหกะเปเล ฯ |
๏ บ่ายหนึ่งนาฬิกากะจ๋าเจื๋อง |
พระจอมเมืองเสด็จมะเล็ดเฉ |
โดยเรือที่นั่งยนตร์ชลนเล |
ไปสู่วัดปรเมยิการา |
อันผู้คนล้นหลามชลามหลี |
ลงนาวีใหญ่น้อยชลอยหลา |
มาคอยชมวรโพธิโปลา |
ต่างปลื้มเปรมวิญญามลากี |
อีกบนบกผู้คนกะจ๋นจู๋ |
เบียดกันอยู่หนาแน่นกะแต้นตี๋ |
บ้างก็ขึ้นต้นไม้มะไกกี |
อยากดูดีเหลือทนมลนชอง |
ต่างปลื้มใจได้เห็นมะเล็นชา |
ตล๋าต๋าบังคมตลมป๋อง |
แสนสมใจที่ได้มลองชอง |
ได้เฝ้าสององค์พร้อมตลอมมือ ฯ |
๏ ถึงเวลาอันควรกะมวนมุด |
จึ่งพระยาอนิรุทธ์กะมุดฉือ |
เฃ้าสุ่อุโบสถกะมดชือ |
สองหัดถ์ถือผ้าไตรมะไลชี |
พระกะฐินราชานราต๋าน |
โปรดประทานให้ทอดตล๊อดตี๋ |
ตามเยี่ยงแบแบบบรรพ์มลันชี |
เปนกุศลราศีกะปาลา |
กะปุนลุนจึ่งเจ้าคุณอนิรุทธ์ |
ก้มเกล้าเค้าคุดตล๋าต๋า |
แล้วถวายกะฐินกะลินยา |
อิมํสัปปริวากะลาโท |
เสร็จกะฐินปิ่นภพมลบพับ |
จึ่งประทับโต๊ะเสวยกระยาโห |
พร้อมอมาตย์เสนาสาเสโว |
อีกทั้งราชบริโพคณาภา |
เจ้าของงานใจท่านถมองถอง |
จำแนกของชำร่วยมลวยถา |
เปนหลายอย่างต่างพรรณมะกันทา |
อิกหนังสาสองเรื่องเมลืองลู |
นิราศวัดเจ้าฟ้าตลาต๋อน |
กะล๋อนป๋อนกลอนเอกสุนทรภู่ |
อีกเรื่องกาพย์ห่อโคลงกะโปงปู |
ผู้นิพนธ์กะมูทูชื่อเสนา |
ซ้าเจ้าอ่านเรื่องนี้กลีเม็ด |
เห็นความเด็ดเหลือใจกะไปหลา |
ปากชงัดจัดจริงกะปิงลา |
แต่งกาพย์ด่าจัง ๆ กะปังโล |
น่ากลัวผู้ถูกด่ากะต๋าโต๊ด |
เขาจะโกรธเขาบ้างกะต๋างโต๋ |
หรือเฃาฟ้องหมิ่นประมาทกะปาดโป |
จะลำบากยากโขมะโกทา |
เสวยเสร็จเสด็จกะโหมงโถง |
ประทับโรงลิเกกะเหมถา |
ลิเกเล่นเปนเรื่องมะเกืองทา |
เจ้าพม่าไปรบกะมบที |
ไปถึงไหนได้เมียมะเลียจึ๊ก |
ยามเสร็จศึกกะทวมกวมรวมตั้งสี่ |
แล้วพบกันก็หึงมะตึงตี |
สนุกดีคนสรวลมะฮวนเฮ |
ร้องเปนลำต่าง ๆ มะหล่างแตก |
เสียงแปลก ๆ น่าฟังมะลังเต๋ |
แขกมอญเจ๊กอีกลาวกะมาวเต |
เออทุ่งย่าหมาเว้สนุกจัง |
ครั้นรอน ๆ อ่อนแสงตะแวงวง |
อัษฎงคต์แดดลับกะงับงั๋ง |
จึ่งทั้งสองกษัตริย์ขัตติยัง |
เสด็จลงนาวังมลังชอน |
ฃ้ามกลับสู่พลับพลามลากี๊ด |
พอค่ำมืดโคมไฟตล๋อนต๋อน |
แต่งสว่างกระจ่างกระจอนลอน |
ท้องนะทอนวับ ๆ ปะหลับลอ |
ในกลางคืนลิเกมะเหโล |
กรมมะโหระศึพสะพรึบผรอ |
เล่นบำเรอบาทาพระราชอ |
จับเรื่องต่อกลางวันมะหันทา |
ดูจนดึกสนึกสนานต๋าน |
หิมะหยาดปร๋อยปร๋านจะหมานจ๋า |
เฃ้าเรือนอนอ่อนใจจะไมจา |
นึกถึงแก้วกัลยากะมาโล |
แม้มาด้วยจะได้ช่วยกะมกตุ๋ก |
นอนแนบอกชอ้อนกะจ้อนโจ๋ |
จะม๋นก๋นคนเดียวเปลี่ยวอุโร |
นอนเอโกกึ๊กมึกมลึกแล ฯ |
๏ ที่สิบเจ็ดออกเรือกะเตือตู๊ด |
ไม่ช้าถึงบางพูดกะปู๊ดแป๋ |
บางจะพูดพูดไปกะไมแม |
ส่วนตูแข้ปู๊ดจู๊ดพูดกับใคร |
ถึงบางจากโอ้พรากพะงึดรึด |
จากเจ้าคู่ชีวึตมลึดไต๋ |
โอ้บ้างผังราวอุรังจะพังไป |
มะไก่ไต่มะก๋วงต๋วงทรวงแทบพัง |
ผ่านหน้าวัดเทียนถวายมะก๋ายโก๋ |
ตลมโปประนมสิบนะขัง |
ถวายเทียนบูชากะปาลัง |
ขอชาติหน้าปาปังปะนังนึม |
ถึงปากคลองรังสิตมะกิตตึก |
มลึกตึกมล๋อยต๋อยกะป๋อยปึ๋ม |
รังสีไหนจะงามประภามภึม |
เหมือนแสงตาภรรยึมผู้ยาโจ |
วัดสำแลแลไปมะไก๋เก๋า |
ไม่เห็นเจ้ารูปหล่อมะก๋อโก๋ |
จะแลใยให้เปลืองซึ่งเวโล |
ตะโกโตเปลืองตามมะกายี |
บางน้ำวนใจวนมะกนก๋อง |
ไปสู่ห้องเยาวภากะมาหยี |
ถึงสามโคกใจโวกกะวีจี |
คิดถึงตุ่มวารีกะจีวา |
ที่ตั้งอยู่นอกชานคฤหานจ๋ำ |
เคยอาบน้ำเย็นรื่นกะหืนฉา |
พี่กับเจ้าแย่งกันมะลันทา |
ตักวารารดซื๊ดสบื๊ดใจ |
ถึงเกาะใหญ่ใหญ่เปนกะเปาะเหลาะ |
เหมือนหนึ่งเกาะแกล้งกีดมลีดไถ |
ลุลานเทใจเหกะเปไล |
ราวเทไปทางบ้านกะปานลา |
ราชครามนามบ้านมะกานกวง |
ว่าบ้านหลวงนามภูมมะกูมก๋า |
ไม่สู้บ้านของโข้มะโกกา |
เพราะไม่มีนงพงาสุภาพึม |
ผ่านเกาะเกิดเจิ๊ดจิตมลิดจึ๊ก |
คำนึงนึกถึงบุตร์มลุดจึ๋ม |
เมื่อยามเกิดพ่อปลื้มกะลืมปึม |
เที่ยวคุยอึมอวดเพื่อนกะเบือนแบ |
ถึงเกาะบางปะอินกะติ๋นต๋า |
อิจฉาศรีอยุธยากะต๋าแต๋ |
อันชื่อเกาะเหมาะจริงกะติงแต |
เกาะชื่อแช่พ้องยุพินผู้ยินเจ |
มาแรมบางปะอินกะติ๋นต๋อน |
เออครั้งก่อนจำได้ไถมเหม |
มาด้วยกันรื่นรมย์ฤทมเท |
คิดความหลังมลังเกมะเลกา ฯ |
๏ ที่สิบแปดเดินทางมะกางต๊ะ |
ผ่านเกาะพระเตรียมกราบตล๋าต๋า |
แต่ไม่เห็นภิกษุตลุลา |
หรือแม้พระปฏิมาตลอมปอม |
ถึงบ้านโพโยล่หน้าตล๋อป๋อ |
โอ้อุรอเรียมเศร้าเตล๋าต๋อม |
นึกถึงงานวัดโพธิ์กะโปลอม |
เคยพาเจ้ากะลอมปอมกะเลเป |
วัดโปรดสัตว์ยกหัดถ์ตล๋นป๋น |
ขอกุศลสร่างไว้บุพไพเผ |
ช่วยมาโปรดตูฃ้ากะปาเล |
เหมือนโปรตสัตว์พ้นเพ้นะเรโก |
เออเกาะเรียนฃ้าเรียนกะเมียนไฉ |
อย่างใด ๆ ไม่ชอบกะมอบโฉ |
เท่าเรียนรู้รักน้องกะมองโช |
คู่ชีโวเลิดรักมะกักกม |
ถึงบ้านสำเภาล่มมะงมงือ |
ขออย่าให้นาวือของฃ้าล่ม |
จงตลอดรอดไปมะไลทม |
ถึงยุพมพิสมัยมะไลทา |
ครั้นผ่านวัดพนัญเชิงมะเลิงลุด |
ประนมหุดถ์บูโชมะโลฉา |
ขอพระเจ้าพนัญเชิงมะเลิงจา |
ให้สุฃาปาลากะเปเล |
ผ่านกรุงศรีอยุธยามหาโส |
ดูผู้คนแน่นโหนมะโหลเฉ |
สมเปนโบราณราชธาเน |
สุเขคึกคักกะมักกี |
วัดสว่างอารมณ์มะงมงูก |
นามไม่ถูกอารมณ์กะมมหมี |
เพราะอารมณ์เรียมมืดมะงืดงี |
จากพธีไม่สว่างกะมางมู |
วัดจอมเกศไม่วิเศษกะเมดม้อง |
เหมือนเกศน้องเกล้าผมกะป๋มปู๋ |
ใส่น้ำหอมของนอกกะปอกปู |
แสนจะหรูเสียหวีกะปีเปือง |
มาถึงวัดสบสวรรค์มะกันไถ |
โอ้แสนไกลละสวรรค์กะหมันเหมือง |
สวรรค์ใดก็ไม่สู้กะปูเลือง |
ที่เคเหืองห้องน้องมลองชำ |
บางปะหันหันหน้ามลาเจ๋า |
หันไปเปล่าไม่ประสบมลบจ๋ำ |
เจอะบางผีจี๋หลีราวผีอำ |
ผีระยำตลองปองเทียมน้องนาง |
ครั้นบ่ายคล้อยนาวอยมลอยฉาด |
ถึงตำบลมหาราชมลาดจ๋าง |
เปนที่แรมคืนหนึ่งมลึงชาง |
อีกคืนหนึ่งแรมร้างพะธางเธอ |
วัดอุโลมที่จอดมลอดฉัง |
เรือที่นั่งบพิตร์กะมิดเฉอ |
วัดอุโลมราวเย้ากะเมาเมอ |
ว่าพี่เยอมิได้โลมมะโกมกึม |
ราษฎรคอนเรือกะเบือลิด |
มาคอยเฝ้าทรงฤทธิ์ประพำผึม |
เสียงจ้อกแจ้กโจทกันกะจั๊นจึม |
ล้วนชมบุญราชึมและชายา |
เปนโชคดีพี่ได้กะเม็ดเต็ด |
ตามเสด็จประพึมประพาหรา |
เสียนิดเดียวเหี่ยวใจกะไปลา |
ที่ต้องมาเอกือกะปือลัน |
เสด็จลงเรือกรรเชียงมะเงียงเง๋ |
สู่ทเลมหาราชมะฮาดจั๋น |
แต่ตัวพี่อยู่เรือมะเกือกัน |
เปนที่ไร้นาวันจะลีจี |
แต่ที่แท้พี่อยู่นาวูจิ๋น |
เพื่อเตรียมกินกุนเชี้ยงจะเลียงจี๋ |
อีกโครงหมูหอมรื่นชื่นหะที |
จะฮอบให้ปี๋หลีกะพีพึ |
กลางคืนมีลิเกมะเหลไถ |
เฃาว่าจืดเหลือใจสตึหรึ |
แต่ตัวพี่มิได้ทะมึทึ |
พอกินเสร็จมึตึกะมุดตุ๊ด ฯ |
๏ ที่สิบเก้าเช้าออกนาวอกวับ |
พี่ยังหลับงัวเงียกะเจี๋ยจุด |
จนผ่านบ้านน้ำเต้ากะเจ๊าลุด |
หัวใจตุ๊ดเต้นแรงตะแลงชอ |
นึกถึงคนขอทานตะลานเช้า |
มานั่งดีดน้ำเต้าจะล๋อจ๋อ |
ที่หน้าบ้านวันหนึ่งจะมึงตอ |
เราสองหนอนอนหลับกะงับงึม |
แสนหนวกหูจู้ลู่ตะโลดโต้ด |
ไปไล่อ้ายโจ๊ดโล๊ดจะลึ๋มจึ๋ม |
มันบ่นอู้คนเดียวตะเลียวตึม |
ไม่ให้แล้วยังกะพึมกะพีรี |
บ้านเจ้าปลูกใจจู๊กจะล๋านจ๋าน |
คิดถึงบ้านบุญปลูกกะตู๊กตี๋ |
เสียแรงปลูกเติมต่อจะลอจี |
พวกน้องพี่ค่อนแคะมะแงะเงอ |
ครั้นถึงบ้านพิดตะเพียนกะเมียนมิด |
พี่เพียรพิศหางามกะมามเม๋อ |
เห็นแต่พระปฏิมามะกาเลอ |
นั่งเอ้อเร้ออารามสามพะเนียง |
ถึงบ้านแพรกใจแยกมะแงกงึก |
คำนึงนึกถึงสนามกะต๋ามเตี๋ยง |
เราเพียรเพาะหญ้าแพรกกะแรกเรียง |
สนามเกลี้ยงไว้หญ้าผะกากือ |
วัดนางแวะใคร่แวะกะแมะม้าง |
ขึ้นหานางนิ่มเนื้อกะเมื๋อกื๋อ |
เห็นแต่หญิงชาวบ้านมลานชือ |
เมียเจ๊กจือขื่อติก่อมลอชุม |
วัดค้างคาวนึกถึงกะหมึงเก๋า |
ยามอิเหนาทำเล่ห์เถลถุม |
เพื่อจะกอดบุษบาผะกายุม |
ช้อนประทุมปุมปมมลมโช |
แค้นอิเหนาที่ได้เคล้าคะลีฉี |
บุษบานารีนะรมโผ |
ส่วนตัวพี่เริดร้างนะรางโร |
มิได้ต้อนค้างโค้คะมือรือ |
บ้านโคกหม้อใจบ๋อกะบึกตึก |
คำนึงนึกถึงหม้อแกงกะแบงบื๋อ |
ที่เจ้าเคยแกงให้กะไลปือ |
กินอร่อยโอชือกะพือพึน |
เฃ้าเขตลพบุรีกะปีโล |
เลยเฃ้าท้องพรหโมมะโก๋กึ๋น |
จอดเรือใกล้พลับพลาวราชึน |
วัดมณีชลขึนธ์ปรากฏนาม |
บ่มิใคร่ได้เห็นมะเล็นฉี |
แถววิถีเรือผ่านชลานฉาม |
เพราะฝนโรยโปรยปรอยชลอยลาม |
ต้องปิดม่านนาวามมะทือรือ |
ถึงบ่ายๆพี่ชายกะหมาดตาด |
รีบขึ้นสู่ตลาดมะกาดกื๋อ |
รีบสาวเท้าก้าวเดินมะเลินชือ |
เพื่อไปซื้ออาหารกะบานบำ |
ได้โครงหมูกุนเชี้ยงมะเกี๊ยงกุ๊ก |
แสนจะสุขสมใจมะไกก๋ำ |
ถึงจะแรมหลายคืนมลืนชำ |
ไม่ต้องห่วงอุรำอุโรโช |
เพราะเสบียงเพียงพออุรอชอบ |
คงได้ฮอบชิมรสมลดโฉ |
ไม่อดอยากปางแห้งทะแมงโท |
คงสำโรรื่นรมย์มะกมกิน ฯ |
๏ ที่ญี่สิบยามบ่ายตวายฉบ |
พระจอมภพเสด็จมะเลดฉิน |
โดยเรือยนตร์ล่องสายชลายลิน |
พร้อมเทวินมหิษีมลีชา |
ครั้นนาวาเทียบท่าชลาเลด |
พระนารายน์นิเวศน์นะเลดถา |
ทั้งสององค์ขึ้นทรงมะยานา |
ทหาราหามจรกะปอนโล |
ตำรวจหลวงแห่นำวะรำพัก |
องครักษ์เคียงฃ้างวะรางโผ |
ทหารราชวัลลภวะรบโป |
แซงเสด็จขัตติโยวะโรทา |
เฃ้าในวังราชังเสด็จยาตร์ |
สู่ปราสาทโบราณตะงานถา |
ดุสิตสวรรค์ธัญญะมะงารา |
นามปราสาทอาศนามะลังพัง |
ทรงจุดธูปเทียนทองมะงองเหงย |
ทรงสังเวยวรงาชมะงาดฉัง |
คืออดีตมหาวราชัง |
ทรงนามังนารายน์มหายโย |
พี่ก็หาธูปเทียนกะเตียนตุ๊ด |
ตลุดกุดกราบไหว้มะไลโฉ |
ขออดีตมหาราชชมาตโม |
โปรดตูโข้แผ้วพ้นมลนชือ ฯ |
๏ นึกถึงวังครั้งโน้นกะโปนลื้น |
คงครึกครื้นอร่ามงามนักหนือ |
แม้เดี๋ยวนี้ภินพังพะรังรือ |
ก็ยังน่าทัศนือนิยมปม |
พระที่นั่งโบราณมะตานตั๋น |
นามว่าจันทรพิศาลมะตานต๋ม |
พร้อมช่อฟ้าใบระกาปะงางม |
เปนที่รมณียากะปาเล |
สุทธาสวรรค์อันพังมะลังชอน |
เมื่อครั้งก่อนคงงามมะลามเฉ |
อยู่ในลานใหญ่กว้างมะลางเช |
กะเปเลปาลาน่ามึกกึ๊ก |
อีกทั้งตึกพระเจ้าเหามะเก๋ากัก |
ที่ออกหลวงสรศักดิ์มะตักตึก |
สำแดงกลอุบายมะลายงึก |
ชูหอกดาพหมึกถึกกางช่องแกล |
พวกขุนนางต่างกลัวมะกัวก๋อง |
ต่างจ๋องหงองหมอบราบตะแหลแต๋ |
ตลุดตุดมุดมึดกะอึดแอ |
ไหว้พระเพทราแชตลมปือ |
อีกมีตึกแขกเมืองตะเลืองตอม |
มีสระหอมสามด้านตะลานตื๋อ |
เปนที่เลี้ยงแขกเมืองกะเลืองกือ |
ให้อิมหนำสำรือสำโรโท |
นึกอนาถพระนารายน์ประพายพาง |
มาทรงสร้างนิเวศน์กะเตดโต๋ |
ที่เมื่องลพบุรีประพีโพ |
หวังให้พ้นเหล่าอะโรพะโลทึง |
กลับไม่พ้นคนไทยมะไกทด |
คิดขบถชิงราชย์กะปาดปึ๋ง |
แต่แรกพระบุญญาตะกากึง |
โอ้ลงท้ายราชึงสิ้นบุญเญ |
กษัตริย์พงศ์พลูหลวงกะจ๋วงจั๊ด |
ได้สมบัติสมหวังกะจั๋งเจ๋ |
มิอาจอยู่ลพบุรีมะตีเต |
เพราะเสเพลผลาญคนมะตนตือ |
จะขืนอยู่ต่อไปไม่กะงิด |
เพราะกรรมติดมั๋วจั๋วคงกลัวผือ |
ต้องทิ้งวังลพบุรีมะลีทือ |
กลับไปอยู่อยุธยือวรือหา |
ดังนี้ใครจะเหี้ยมมะหะกะ |
โอตตัปปะเตือนใจมะไหถา |
ต้องหนีพ้นหนแห่งทะแมงตา |
ควรตรึกตราเปนคติกะจิโจย ฯ |
๏ จากนิเวศน์ทรงเดชมะเสดสอน |
เสด็จจรสู่เวียงมะเกียงโก๋ย |
แวะพระปรางค์สามยอดมะหอดโฮย |
ทรงบูโชยแล้วเสด็จมะเห็ดชอ |
ผ่านเคหาวิชาเยนทร์กะเปนลอน |
แลสลอนตึกร้างกะหมางหมอ |
ล้วนสองชั้นอร่ามกะปามลอ |
บัดนี้หนอหักพังกะปังเล |
ฟอลคอนชาติกรีกกะปี๊กเหล็ง |
แสนจะเก่งสามารถมะกาดเก๋ |
ตัวพลัดพรากจากถิ่นกะปินเล |
มะกาเยตั้งตัวมะลัวไต |
สนองบาทวรราชทะมาดตู๋น |
จนโปรดปูนยศถามะหลาไถ |
ได้เปนถึงเจ้าพระยามะกาไย |
มะไก่ไต่นามาวิชาเยนทร์ |
แต่คิดการใหญ่โตกะโปเลด |
คบกับพวกฝรั่งเศสตะเหลนเป๋น |
ขุนนางไทยขัดใจมะไกเกน |
วิชาเยนทร์จึ่งต้องตลำปำ |
ฝรั่งเศสที่มากะปาโล |
พลอยโค่โล่เคราะห์ร้ายมะกายก่ำ |
บ้างถูกจับตล๋านป๋านผลาญชีวำ |
บางถูกจำถูกตีมะกีเย |
ที่รู้ตนรีบต้นตะหลีปี๋ |
พากันหนีโดยด่วนตะหลวนเฉ |
ต้องลำบากยากแสนตะแลนเช |
กว่าจะได้ตะเหลเป๋พ้นเพภัย |
อันพงศาวดารปะลานตี |
ณยุคนี้อ่านแล้วกะไจ๋ไหล |
กำลังเราจะเจริญกะเปินไล |
ก็เกิดเหตุตะไหลไป๋กะไปลา |
เดชะบุญญะชงัดตั๊ด |
ของกษัตริย์โบราณวะสานหยา |
โปรดดลใจชาวสยามชะงามงา |
อย่าให้บ้าคิดผิดมะลิดโช |
อย่าคิดผลาญญาติวงศ์กะมงมัก |
เหมือนเช่นหลวงสรศักดิ์มะลักโฉ |
อีกพระเพทราชามะลาโก |
ก่อจลาจลโตกะเตืองเลือง |
ไทยเราแตกสามัคคีกะลีเตด |
ต่างประเทศคงได้กะไหมเหมือง |
ครั้งโน้นเฃาอยู่ไกลตะไลเตือง |
จึ่งไม่มากะเมืองเทืองเอาเมืองไทย |
แต่เดี๋ยวนี้ผิดกันจงจั๋นจิ๊ด |
เขาสามารถตะลิตกิ๊ดตะไหลไก๋ |
พวกเราอย่าเผลอตัวมะลัวไช |
จะตกอับคับใจทลึกทึก |
แม้รักษาสามัคคีมลีฉอย |
ถึงเราน้อยก็อาจถลาดถึก |
เหมือนมดน้อยช่วยกันทะมันมึก |
รักษารังตลึกปึกตลันปัน ฯ |
๏ บ่ายวันที่ญี่สิบเอ็ดตุลาไค |
ภูวนัยเสด็จขึ้นกะปึนปั๊น |
พระราชทานพระกะฐินทนินทัน |
วัดมณีชลขันธ์ชลันทา |
เสร็จกะฐินภูมินทร์กะปิลโล |
ลงประทับพลับโพลชโลหลา |
ทอดพระเนตร์แข่งเรือชเลือตา |
แสนสนุกเฮฮากะปาเล |
เห็นผู้คนล้นหลามกะปามหลัง |
แน่นบนฝั่งเยียดยัดมะลัดถา |
ต่างดูการแข่งเรือมะเงืองา |
มะลาทามลุกทุกสนุกจัง |
ทั้งผู้แข่งผู้ดูมลูฉาน |
จิตเบิกบานรมย์รื่นมะลืนฉัง |
พร้อมสมัคสามัคคีมะลีจัง |
มาสนุกสุขังมะลังชา ฯ |
๏ เปรียบกับชาวกรุงเทพกะเมบมด |
เห็นว่าชาวชนบทมะทดถา |
รู้จักเล่นอย่างนักเลงกะเมงทา |
ชอบกิฬากะมีทีไม่มีภัย |
อันชาวกรุงมุ่งแต่คะมึกคึก |
เที่ยวดึกๆ สำมะเลมะเหลไถ |
บ้างดูแต่ภาพยนตร์มะลนใจ |
แล้วเลยไปราชวงศ์มะลงเชง |
กินฃ้าวต้มพลางมองมะลองเฉ |
มลกชกนกเน้เถลไถ |
พูดแคะเคาะเกาะแกะตะและไต |
ชวนกันไปโคมเขียวมะเงียวงุบ |
มิฉนั้นชวนกันตะเหลเป๋ |
ดื่มสุเรมึนเมามะเหงาหงุบ |
อีกลอบลักเล่นพนันกะมันมุบ |
ยามถูกจับบ่นอุบกะมุบมำ |
เมื่อเช่นนี้หาทรัพย์กะหับหอ |
ได้เท่าใดก็ไม่พอฤทอถำ |
โลภยวนใจให้คิดกะมิดชำ |
ระยำปำฉ้อโกงกะโมงชู |
โทษของตนจึ่งจนมะก๋นแก๋น |
แต่กลับแค้นคนอื่นมะกืนกู๋ |
จีบปากบ่นนินทามะกาลือ |
หรือเขียนฃ่าวกะพือรือหนังสือพิมพ์ |
ตนขี้เกียจเคียดแค้นกะแกนกัน |
ใครขยันพาลด่าตล๋าติ๋ม |
หาว่าเฃาป.จ.ปลอลิม |
จึ่งได้ดีมีสิมมลิมทา |
อันชาวกรุงดี ๆ กะปีลู |
ก็มือยู่เหมือนกันกะปั๋นหลา |
ผู้ที่ดีอยู่แล้วกะแปวลา |
ฃ้าเจ้าขอโมทนากะปาเล |
อยากจะใคร่วิงวอนมะกอนตวย |
ขอให้ช่วยกันเตือนมะเกือนเต๋ |
ให้เพื่อนร่วมนครมะกอนเต |
คิดถึงความโสเภสุภำรำ |
ให้คิดหาความสนุกกะมุกถา |
โดยเล่นการกิฬาพลาผำ |
ออกกำลังวังชากลาลำ |
ดีกว่าสำมะเลมะเกทา |
ออมกำลังตูไว้มะไลตั๋บ |
สงวนทรัพย์ไว้ใช้มะไลต๋า |
เปนประโยชน์แก่ตนมะกนทา |
และช่วยชาติศาสนามะกายอ |
ดีกว่าจ่ายทรัพย์เปลืองกะเปืองเป๊ก |
เปนประโยชน์แก่เจ๊กกะเต๊กต๋อ |
เจ็กล่อเอาเงินเรากะเปาลอ |
เพื่อส่งไปเมืองจอกะเม้าเก๊า |
ที่เฃาชวนเที่ยวเตร่มะเหลไถ |
มิใช่เพราะเฃารักกะมักเหมา |
เพราะเขาเห็นเราโง่มะโทเทา |
จึ่งกะเจาจูงจมุกมะทูกเท |
เราเปนไทยฉันใดกะไป๋เป๊ก |
ไปพอใจคบเจ๊กกะเป๋เหล |
เปนไทยควรคบไทยมะไกเย |
ปล่อยเจเกจ๊บก๊บคบกันเอง |
ต่อจีนใดใจดีหะทีหิด |
สุจริตชอบเราหะเทาเถง |
หวังประโยชน์ร่วมกันกะปันเลง |
นั่นจีนเจงควรคบกะมบทัก |
เพราะจีนซื่อซื่อจริงกะปิงโลง |
ไม่ฉ้อโกงมิตร์สหายขะมายตัก |
มีกิจได้อาศัยมะไจจั๊ก |
เฃาไม่พักผัดผ่อนกะปอนลือ |
อันคนดีมีศีลสมินถัน |
ไทยหรือจีนเหมือนกันสมันถอ |
หรือฝรั่งผิวฃาวสมาวทือ |
จะคบคื้อสมงถงคงภียโย ฯ |
๏ ญี่สิบสองล่องเรือชเลือลี |
ตามลำน้ำลพบุรีชลีโหล |
กลับทางเดิมที่ไปชไลโล |
มาแรมโรบางปะอินจลินชี |
อยู่สามวันยังมิทันมะหงังกั๋ว |
เที่ยวไม่ทั่วถิ่นจังหวัดมะงัดถี |
อันทเลชุบศรมะงอนที |
บ่ได้มีเวลามะงาเร |
ละโว้เคยเปนเวียงกะเปียงลือ |
อันขึ้นชื่อมานานกะปาลเหล |
ที่พระร่วงพ่อเมืองกะเปืองเล |
เริ่มกู้ชาติไทเยกะเปโล |
แล้วภายหลังครั้งอยุธย์มะงุดรัด |
มีกษัตริย์ทรงราชย์มะหาดโต๋ |
องค์พระราเมศวรวรวนโช |
ก็เคยครองละโว้มะโทลา |
แล้วคงเปนเมืองใหญ่มะไก๋ตั๋น |
ถิ่นสำคัญมั่นคงมะก๋งต๋า |
เปนที่อยู่ชาวไทยมะไกตา |
ล้วนสวามิภักดิ์มะกั๊กไต |
ถึงเดี๋ยวนี้ลพบุรีปะหงีรด |
ปละลดจงรักปะงักไหร |
ภักดีมั่นณพระองค์ปะงงไร |
ผู้ครอบเกล้าชาวไทยปะไงรอน |
ถึงเจ๊กจีนมาอยู่จลูเจียบ |
ก็พลอยเรียบร้อยดีจลีจ๋อน |
ไม่เห็นมีอวดดีตะลีปอน |
ตล้อนต๋อนตะไล๋ไต๋เช่นในกรุง |
ไม่มีใครปั่นหัวตลั๋วเติบ |
ให้กำเริบหยิ่งเย่อกะเป๋อปุ๋ง |
พวกไทยดีจลีจีจลุงจุง |
จีนไม่ยุ่งจลือจือถือตัวดี |
ในกรุงเทพตลงปงตรงกันฃ้าม |
พวกไทยเองตลามปามตลี๋ปี๋ |
จีนเฉโกเห็นช่องตลองปี |
เลยปั่นหัวกะตัวลีกะตีแลง |
ชาวต่างชาติเฃ้ามาตล๊อกต๊อก |
เพียงบางกอกรู้เรื่องตะแล๋งแต๋ง |
ย่อมเห็นว่าไทยเราตะเลาแตง |
มีแต่แย่งเย่อกันตลันเตน |
โอ้เพื่อนเรากะเหลาเก๋าน่าใจหาย |
ช่างไม่อายบ้างนะกะเหลนเป๋น |
หื้อแห้กันตละหมากะลาเตน |
ให้เฃาดูถูกเล่นกะเลนโป ฯ |
๏ ผ่านกรุงเก่าเศร้าจิตกะงิดงึก |
คำนึงนึกแสนอนาถกะงาดโง๋ |
ทวาราวดีนะคีโร |
เคยมหิทธิ์อิศโรกะโปเล |
แต่เพราะเหตุกะปิงลิงชิงอำนาจ |
ต่างพิฆาฎฆ่าฟันวิสัญเหญ |
พอใครมีพวกมากกะต๊ากเต |
คิดขบถทดเท่มะเฮฮือ |
แสนเสียดายพระนารายน์มะฮายฮิด |
ท่านประดิษฐอิศริกะตีตื๋อ |
วางพระทัยในพระเพทราชือ |
กลับจือรือคิดคดขบถใจ |
ถ้าแม้วงศ์พลูหลวงทลวงลัด |
ชิงสมบัติแล้วบำรุงทลุงไถ |
ให้บ้านเมืองสุขังทลังไท |
ฃ้าก็จะอภัยทไลทา |
แต่นี่มีแต่ผลาญมลานเล |
ทั่วทั้งเพย่อยยับกะจั๊บจ๋า |
เห็นใครดีใครแหลมกะแจมจา |
ก็พาลหากะโจดโรดลงโทษทัณฑ์ |
ราโชบายทุกองค์ทลงลาน |
แห่งวงศ์บ้านพลูหลวงทลวงหัน |
สรศักดิ์ท้ายสระทลันทัน |
บรมโกษเหมือนกันทลันเท |
อีกขุนหลวงหาวัดทะมัดถา |
สุริยามรินทร์ทะมินเถ |
ต่างองค์ต่างฤศยามะกาเล |
ทะเมเททะมอยทอยคอยผลาญกัน |
ฉนั้นเหล่าฃ้าเฝ้ามะเก๋าก๊ก |
ตล๊กป๊กตะไล๋ไป๋ไปสิ้นสรรพ์ |
ส่วนคนดีถูกผลาญูตะลานชัน |
เหลือแต่คนสามัญตะลามทราม |
ลืมวิชานักรบตลบตึ๊ก |
ใจก็ขลาดฃาดคึกตลึกต๋าม |
ต่างหลงเชื่อเวทมนตร์ตะลนลาม |
มีแต่ทรามไม่ฟื้นตลืนชา |
พวกพม่าฃ้าศึกมะฮึกฮอย |
มาแต่น้อยก็ตื่นมะหืนหา |
ต่างคนเห็นแก่ตนมะงนงา |
เสียกรุงสิ้นวาศนามะงาโร |
ถ้าแม้วงศ์พลูหลวงกะต๋วงเติ๊บ |
ไม่กำเริบชิงราชย์กะต๊าดโต๋ |
อาจจะไม่เกิดภัยกะไตโล |
อยุธยาภาโรอาจยืนยัง |
เปนคติไพร่ริมะหลวงต๋วง |
ละลาภล่วงเกินศักดิ์มะลักตั๋ง |
ก็อยู่ได้ชั่วแล่นมะแลนตัง |
เพราะบุญญังตูน้อยมะลอยไต |
อีกทั้งคุณสมบัติกะตัดต๋อง |
ก็บกพร่องตามกำเนิดกะเติดไต๋ |
ถึงอาจรื้อยื้อแย่งทะแมงไม |
มิอาจยึดถือไว้ทะมงทง |
ล้างเก่าแล้วหวังเผดิมทะเมิมมึก |
ไม่สมนึกเพราะแหนงกะแตงต๋ง |
คนดีๆ กะตานลานคอยผลาญลง |
หมดเครื่องมือตะนงตงที่พอใช้ |
สุดคิดสิ้นฤทธิ์ทะมิดเถือม |
มีแต่เสื่อมเปนลำดับทะมับไถ |
เปนคติทะมำทำควรจำไว้ |
เพื่อเตือนใจมลึ่กตึ้กและนึกปลง ฯ |
๏ ลุวันที่ญี่สิบสามตุลามคี |
เปนดิถีชาวเรามะหงงถง |
เปนวันคล้ายปิยราชผงาดพงศ์ |
เบญมงค์สวรรคตขจดจึม |
พระทรงธรรม์กอบกะตัญญุตาภา |
จึ่งอุส่าห์ย่างพระกายถมายหมึม |
พร้อมองค์พระมหิษีนารีรึมย์ |
เสด็จลึมไปกรุงกะปุงลา |
โดยรถไฟพิเศษทะเมดหมาย |
เวลาบ่ายสี่โมงกาโลงหลา |
รถกระบวนบ่มิพักกะลักลา |
จนถึงจิตรลดาสถาโน |
จากที่นั้นทรงธรรม์วิมัลมล |
เสด็จโดยรถยนตร์มะกนโก๋ |
เฃ้าสู่พระนิเวศน์มะเกดโก |
มโหโลมเหาฬาร์กะปาเล |
ส่วนตัวพี่นี้ฉลาดกะมาดเม้า |
กลับแต่เช้าสู่กรุงกะปุงเหล |
ได้กลับบ้านยานจิตกะมิดเช |
ไปเยี่ยมภรรเยยู้ยาจือ |
ประโลมลูบจูบกอดกะฟอดฟุด |
เหลียวเห็นบุตร์เบิ่งดูถลูเหล |
อุบายไล่ลูกไปตะไลเต |
จับแมลงเดให้ป้าป๋าชวาเวว |
ลูกกลับตอบว่าโธ่กะโป๋หลา |
จับแมลงดาอะไรกะไหลเหลว |
ยังกลางวันแสกๆ กะแหลกเกว |
ก็แมลงดาแมลงเดวที่ไหนมี |
นึกกระดากพูดกระชากตลากตู๊ก |
ชะอ้ายลูกสู่รู้ฉลูฉี |
พ่อบอกว่าให้ไปมไกยี |
ถลีถีเร็วพลันมะกันทา |
อย่าทำดื้ออวดดีมะกีโท |
จะโมโหเดี๋ยวนี้ถลีถา |
ลูกตกใจตะไหลไป๋ตะลาปา |
จึ่งหันมาชมเมียมะเกียทู |
แสนสำเริงเชิงรมย์มะกมก๋าน |
จากกันนานหลายวันมะกันกู๋ |
ได้กลับมาเชยชิดมะกิ๊ดทู |
รื่นอุรูชื่นมื่นมลืนโชย |
ได้เวลาจวนห้านาฬิแกน |
จำพรากจากวงแขนพธูโถย |
ไขอาบน้ำชำระสระกาโยย |
แล้วแต่งโตยครึ่งยศกะจ๊ดจำ |
เฃ้าไปสู่พระนิเวศน์วเรศวัง |
ขึ้นสู่พระที่นั่งวรังสำ |
นามจักรีมหาปราสาทำ |
วิเศษำวิสุทธือกะปือลา |
ครั้นถึงจึ่งเฃ้าตลุดกุด |
ก้มเกล้าเค้าคุดตล๋าต๋า |
พระบรมอัษฐิหะริยา |
แห่งราชาราชินีสุภีโภม |
พระคุณเคยครอบเกล้าตะเลาตอง |
พึ่งทั้งสองขัตติยามะกาโก๋ม |
ตลอดชั่วพ่อแม่ตะแลโตม |
อีกปู่ย่าตาโยมกะโปมโล |
พระคุณล้นพ้นที่กะปีลา |
เหลือที่จะพรรณนามหาโห |
รำลึกถึงพระคุณมหุนโท |
ทุกเวโลมะงำรำจำใส่ใจ |
ได้เวลาทรงภพมลบลี |
เสด็จพร้อมมหิษีมลีไฉ |
ทรงจุดธูปเทียนทองมลองไช |
บังคมไหว้พระชนกชนนี |
แล้วพระสงฆ์สวดมนตร์มหนเหียม |
ตามธรรมเนียมศราทธะพรตสะรสศรี |
เสร็จสวดมนตร์จุมพลมหนที |
ทรงทอดไตรย์สดัปะกีกะมีชา |
แล้วพระองค์ทรงธรรม์วรัญชัย |
ทรงสดับเทศโนมะโลฉา |
ทรงทอดไตรย์แพรงามมลามชา |
ถวายของมลองตาบูชากัณฑ์ |
อีกสดัปะกรณ์มลอนชอย |
พระรายร้อยตามแบบกะแมบฉัน |
ทรงแจกเงินสองสลึงทะมึงทัน |
โดยทั่วกันแก่พระญาติกาโย |
ครั้นงานเสร็จพระเสด็จมลาดชาด |
พระที่นั่งภาณุมาสมหาดโส |
เสวยพระกระยาหารสราญโช |
และผ่อนพระกาโยกะโปลา |
ได้เวลาขัตติยาวราชน |
เสด็จโดยรถยนตร์มะงาหรา |
มะงาริดสถานิดจิตร์ลดา |
ขึ้นรถไฟไพสาพิเศเต |
กระบวนหลวงใช้จักร์อะทักทึก |
มิทันดึกนักหนอมะฮอเห |
ก็ถึงบางปะอินกะปินเล |
แรมอีกหนึ่งราเตรสะเบแจ ฯ |
๏ เช้าวันที่ญี่สิบสี่ตุลีควน |
คลาขบวนเรือเสด็จมะเล็ดแฉ |
จากหน้าวังบางปะอินมลินแต |
ล่องลงไปไม่แช้มะแลชี |
ถึงบางไทรแยกไปตล๋อยต๋อย |
เฃ้าสู้ลำแควน้อยมลอยฉี |
ผ่านบางไทรใจฃ้าจะลีจี |
ถึงกลอนที่สุนทรภู่จลูไล |
ในนิราศเฉลาเฉาวัดเจ้าฟ้า |
“ดูภูมิฐานทิวชลาหฤกษาไสว” |
อีกว่ามีไทรงามชลามไล |
อนิจไจเดี๋ยวนี้กะตีโล |
นึกออกเคืองต้นไทรมะไก๋ตู๋ |
มิคงอยู่ให้ฃ้าชมมะกมโต๋ |
จะลองแต่งแข่งท่านภู่กะวูโต |
แกว่าเห็นนิโครโธแกวันทา |
“เทพารักษ์ศักดิ์สิทธิ์สถิตย์พุ่ม |
เพราะเคยอุ้มอุณรุทสมอุษา |
ใครน่าจูบรูปร่างเหมือนนางฟ้า |
ช่วยอุ้มพามาให้เถิดจะเชิดชม” |
ส่วนตัวพี่มิได้ขอมะงอหงืน |
เพราะหญิงอื่นหมื่นแสนมะแงนหงม |
ไม่ประสงค์จงใจมะไนรมย์ |
ขอเชยชมตลางชางแต่นางเดียว |
ถึงบ้านพาดพาดจิตกะติ๊ดต๊าด |
ถึงโฉมงามทรามสวาทกะต๊าดเตี๋ยว |
พาศนากะปาลันกะปันเลียว |
ได้พาดพิงกะมิงเมียวแม่ทรามเชย |
ถึงบ้านแป้งตละแสร้งกะหลีนตี๋น |
อยู่ใกล้บ้านขนมจีนกะลีนเต๋ย |
อีกทั้งบ้านห่อหมกกะต๊กเตย |
ทำเขเลยเขละเฟอะฟะแฮ้ |
ให้นึกถึงขนมจีนมลีนฉี |
น้ำพริกปรุงจรุงจีกะแจ๋แหล |
ทั้งห่อหมกกลมกล่อมตะล่อมแป |
ที่นวลแขตะเหลียงเตี๋ยงเลี้ยงพี่ยา |
มิช้าพลันนาวันชลันชาน |
ตล๋านป๋านผ่านบ้านชื่อขุนจ่า |
เออช่างเหมาะจำเภาะตลาชา |
อยากใช้จ่าตลั้กตั้กตักน้ำพริก |
มากินกับขนมจีนกะหมินเฉ |
ให้พเธคลุกเคล้าตะเลาฉิก |
ตักชวาบซาบแซบตะแล๊บลิก |
เออน้ำพริกตลอยชอยอร่อยจัง |
หรือน้ำยาแก้วตาก็ชุงลุง |
รู้จักปรุงรสอร่อยชลอยจั๋ง |
โอ้พี่ยาตลู๋ตู๋อยู่นาวัง |
ขนมจีนขนีนจังต้องอดกิน |
วัดหน้าต่างใจผางตล๋างตี๊ด |
คำนึงคิดถึงหน้าต่างตล่างฉิน |
ที่เคยเห็นมิ่งพโธโผล่ตลิน |
แลดูพี่ยามมะกินมะกันทา |
บ้านสีกุกมลุ่กตุ้กถึงกุ๊กช็อป |
ที่เคยพากันไปฮ็อบกะหลาต๋า |
ซุบและปลาเป็ดไก่กะไหล่ทา |
บิ๊ฟสเต๊กตะมาตาตะมีตาง |
บ้านพระฃาวฤๅจะฃาวมะหลาวหลอง |
เหมือนผิวน้องอล่องฉ่องอล่างฉ่าง |
ยามเจ้าเตรียมไปงานมะลานตาง |
เอาแป้งโปะสรรพางค์สะรางชอม |
วัดพิกุลคิดพิกุลมลุนเต็บ |
ที่นางเก็บอบภูษากะปาล๋อม |
กลิ่นพิกุลหอมกรุ่นกะปุนลอม |
กลั้วกลิ่นหอมวรองค์กะปงเล |
ผ่านปากคลองมะโนรามะหงางอน |
เออกินรมะโนต์รามะนาเห |
อยากขอยืมปีกหางมะกางเก |
เพื่อบินเบมะงาหราหานวลจันทร์ |
ถึงวัดนกกระจาบกะปาบปับ |
ที่ประทับคืนนี้มะกีตั๋น |
เหลียวแลหานกกระจบยมะกาบกัน |
บ่ได้หันสักตัวกะปัวแป๊ะ |
แม้มีบ้างจะได้ตักตะมักแมง |
มาต้มแกงกินอร่อยกอยอะแหระ |
เมื่อไร้นกกระจาบมะงาบแงะ |
กุนเชี้ยงแหละตลาบปาบชวาบแทน |
ถึงไม่ช้าพายุกะทุทึก |
มาคึกๆ เรือโคลงกะโทงแถน |
ฝนก็ซ้ำตลำตำตะแลนแตน |
ตกห่าใหญ่ให้เสนตะลึมปึม |
แม้ที่กรุงตลุงปุงบ้างเช่นนี้ |
น้ำคงเต็มตลี๋ปี๋ที่บ้านบึ้ม |
เพราะบ้านเราเฃาเปรียบตะเลียบลึม |
เหมือนธานึมเวนิสตลิดตือ |
นอนก่ายหน้ากระดิกฃากะจ๋าจึ๊ก |
มลึ่กตึ้กถึงยุโพโอ้มื๋อฉือ |
ต้องนอนหนาวตล๋าวป๋าวตะลือปือ |
อยู่เอกือผัวไกลมะไลทา |
แม้อยู่ด้วยจะได้ช่วยทมกทก |
นอนกอดกกกรกะโมบมะโลบฉา |
ทมึงทึงถึงยุพินตลินชา |
จนสองตาตล๋อยป๋อยม่อยมึมทึม ฯ |
๏ เช้าวันที่ญี่สิบห้าตุลาเค |
ตลึกตึกนาเวเถลถึม |
ผ่านหน้าวัดเก้าห้องตลองตึม |
ถึงเก้าห้องสิบหึ้มทลึมเล |
ไม่สู้ห้องหนึ่งเดียวกะเหวียวหวอง |
ที่นวลน้องนอนอยู่กะหวูเหว |
วัดจุฬานึกถึงคราที่สาเม |
พาพเธกะตูลูดูเจ้าเซ็น |
จุฬาโศกบ่มิโศกมะโหงกหงี |
เหมือนตัวพี่โศกร้างห่างเคเห็น |
จุฬาตบอกตึกทะมึกเม็น |
ไม่เจ็บเช่นอกพี่ทะมีทา |
บางเสด็จตะเหม็ดเต็ดตะเหมาเต๋า |
ราวจะเย้าถึงวิโยคทะโมกถา |
ว่าต้องตามเสด็จประเพศพา |
จึงต้องร้างวนิดาประภาเภ |
ทะมาทาถึงหน้าวัดป่าโมกข์ |
จอดนาโวกแวะวัดทะมัดเถ |
เพราะแห่งนี้องค์นรินทร์ปิ่นนเร |
โปรดประเทพระกะฐินกะรินยา |
พี่ขึ้นบกมะงกก๊กกะต๊กต๋าน |
สู่วิหารพระนอนวรอนฉา |
จุดธูปเทียนตลุดกุดกะมุดทา |
ตล๋าต๋าไหว้พระมะนอนตอน |
ขอเดชะบุญกุศลมะงนหงำ |
ที่ได้ทำแต่อดีตมะงีดหงอน |
จงอำนวยอิฐผลมะงนงอน |
กะปอนลอนปาลากะเปเล |
รำลึกถึงตำนานกะมานตี |
พระองค์นี้เดิมอยู่กะมูเต๋ |
ใกล้ฝั่งน้ำสายเก่ากะเมาเต |
อันตรายกะมายเมเพราะน้ำเซาะ |
ราชสงครามสามารถกะต๊าดต๋อ |
ชลอพ้นอันตรายกะต๋ายเตาะ |
ราชสงครามช่างเอกกะเมกเมาะ |
ช่วยสงเคราะห์ฃ้าหน่อยตลอยลี |
ช่วยชลอเรือฃ้ากะต๋าตุ๋ง |
กลับคืนกรุงสักหน่อยตล๋อยตี๋ |
หรือชลอเรือนฃ้ากะตาลี |
จากกรุงศรีตลั๋นตั๋นพลันขึ้นมา |
บูชาแล้วกะแลวแปวกะลับปั๊บ |
ไปคอยรับที่ท่าชลาหลา |
บ่ายโมงเศษภูวนัยมะไลชา |
วรราชชายามลาเช |
เสด็จขึ้นสู่วัดมลัดชาน |
เพื่อพระราชทานกะฐินเถ |
ประชาราษฎร์ตลาดปาดดาษเด |
ตลุดกุดตะเลเกประนมปม |
ต่างยินดีปรีดาประนาเทา |
ที่ได้เฝ้าฝ่าธุลีประนีถม |
บังคมพลางทางแลประแนรม |
จิตนิยมบุญญาประนาโท |
เสร็จกะฐินนาวินแตล๋งแต๋ง |
เตรียมมาแจ่งพรั่งพร้อมตล๋อมโต๋ |
ก็พายแข่งทะแมงแทงชะแลงโล |
เสียงชโยชลันชันลั่นชลา ฯ |
๏ บ่ายออกเรือเดินต่อชลอลด |
ผ่านทางบางปลากดกะต๊ดต๋า |
น้ำลายสอไฉนหนอมะลอลา |
จะได้ปลาตลองปองให้น้องแกง |
บ้านสายทองตล๋องต๋องตลึ๋งตึ๋ง |
รำลึกถึงบทเสภาตลาแต๋ง |
พี่สายทองของแม่พิมพ์พิริมแรง |
อุดหนุนน้องกะปองแลงดีเหลือใจ |
พี่เมียเรากะเต๋าเหรากะตึงรึง |
น้องจึ่งหึงส์กะต๋งหรงคอยสงสัย |
พี่สาวมาเคหากะไตไร |
ต้องขังผัวกะปัวไลลั่นกุญจุ๊ด |
ผ่านคลองขุดใจสดุดสดึกเดิด |
นึกถึงร้านนายเลิดปากคลองขุด |
เคยไปซื้อของฮอบชวอบวุด |
แสนอร่อยสอยอรุดอโรโช |
ผ่านวัดแจ้งกะแหงงแก๋งกะหงอก๋อ |
โอ้อุรอร้อนรึ้งกะจึ๋งโจ๋ |
นึกถึงคราชวนยุผาลงนาโว |
ไปดูพระกะฐินโนกะโปลี |
ประทานที่วัดอรุณกะมุนแชง |
ซึ่งชนเรียกวัดแจ้งกะแมงฉี |
ยามมาพบวัดแจ้งกะแตงตี |
โอ้อุรีก็คนึงทะมึงเม |
อ้าวัดราชปักษีถมีถาน |
ฃ้าขอวานปักษีกะตีเต๋ |
ไปสื่อสารณคฤหากะปาเล |
อ๊ะอย่าเลยตะเลเปเจ้าเปนแร้ง |
เออหมู่บ้านปาชำหล่อตะมอมึก |
คำนึงนึกถึงจำปาตะมาแม๋ง |
ติดสายป่านว่าวพนันมะกันแทง |
เคยพาเจ้าเยาวแภงกะแปงลัน |
อันวัดนามสนามชัยชไลลิด |
ชวนให้คิดถึงถนนสถลถัน |
ที่ฃ้างพระนิเวศน์วเรดชัน |
เคยพากันตรังตังไปฟังแตร |
ถึงอ่างทองที่ประทับกระมับแมม |
บรรทมแรมหนึ่งคืนกระมืนแม๋ |
เห็นเรือนชานบ้านช่องมลองแช |
ร้านตลาดมลาดแตมะแลเต |
น่าสนึกคึกคักทะมักแมน |
ผู้คนแน่นสองฝั่งชลังเหล |
คอยดูเรือกระบวนวรวนเช |
ตะเลเตตะแลนแตนอยู่แน่นนันท์ |
อนิจจาวลาหกกระจ๊กจู๊ |
ตกสู้ๆ ส้าๆ กระจ๋าจั๋น |
ถึงจะมีอ่างทองกระจองจัน |
สักสองพันตลองปองรองไม่พอ |
ส่วนพี่ยากะจ๋อนหลอนนอนในเก๋ง |
ปิดม่านเม่งมึดคึดกะปึ๊ดป๋อ |
ไม่อยากออกจากเก๋งกะเต๋งตอ |
กะงอหร่อกะหงุดหรุดกะมุดนอน ฯ |
๏ ญี่สิบหกตุลกคาเวลาสาย |
ออกนาวายแล่นต่อชลอหลอน |
บ้านย่านซื่อหรือจะเหมือนมะเกือนกอน |
พี่ซื่อต่อดวงสมรฤทอนทา |
ผ่านบางแมวกะมึงทึงถึงอีทรัพย์ |
ที่เลี้ยงอยู่เคหับมะกั๊บก๋า |
แมวเอ๋ยได้อยู่เรือนมะเกือนกา |
เจ้าดีกว่าฃ้านี้ฤทีทึม |
บ้านจรเข้ร้องกะป๋องไป๋ |
ร้องทำไมไม่เปนเรื่องกะเปื๊องปึ๋ม |
เจ้าอยู่ยังวังน้ำชลำพึม |
ฃ้านี้สิตะลึมตึมจากเรือนชาน |
ผ่านบ้านลาวคิดถึงคราวมะแหลงแถง |
เมื่อหล่อนแต่งเครื่องลาวมะหลาวถาน |
หล่อนงามยิ่งหญิงลาวกะปาวลาน |
ชวนชื่นจิตมลิดฉานราคานคิม |
ยามแต่งแขกกัลยีดีกว่าแขก |
แต่งฝรั่งหรือก็แปลกตะแต๊กติ๋ม |
แต่งเปนจีนจีนแพ้กะแลลิม |
ได้ชมชิมต่างๆ กะชางโล |
วัดปราสาทโอ้อนาถมะหงาดหงี |
พี่ไม่มีปราสาทกะผาดโผ |
แม้ว่ามีพี่จะชวนกะปวนโล |
ขึ้นอยู่ปราสาทกะโปกะเปไล |
บ้านมะฃามยินนามกะต๋ามติ๊ด |
เพราะหวลคิดถึงเจ้าแก้วแววเวไห |
เจ้าแพ้ท้องกินมะฃามกะปามไป |
พี่ยังได้ช่วยชวาบมลาบชา |
วัดสระเกศมเลดไฉใจบุ๋มบึ๊ก |
คำนึงนึกถึงยุพินมะลินฉา |
เคยพาเที่ยวภูเฃาทองมลองชา |
มล๋าต๋ามล๋านต๋านดูร้านรวง |
ถึงหน้าวัดไชโยนาโวแวะ |
จอดแจละตามระเบียบเจลียบจ๋วง |
ขึ้นบนวัดมะงัดรัดมะงวงรวง |
สู่วิหวงมหะตะแห่งพระโต |
จุดเทียนธูปตลูบตูบตะหลาต๋า |
บังคมพระปฏิมามหาโห |
ขอพระพรศรีสวัสดิ์มะฮัดโช |
ให้พุงฃ้าคงโตอย่ายึบมึบ |
ไปถึงไหนขอให้ได้ชวาบชาบ |
กินกุนเชี้ยงกะลาบป้าบกะหลึบปึบ |
อีกโครงหมูอย่าให้ฃาดกะจาดจึ๊บ |
อีกไก่เป็ดตลบปึบตะโลปำ |
ครั้นบ่ายสี่นาฬิเกือเรือที่นั่ง |
ถมังถังที่พลับพลามะถาถำ |
เสด็จพร้อมมหิษีวรีชำ |
ขึ้นสู่พระอารำมะฮำเฮ |
โปรดประทานพระกะฐินวรินยี |
ณวัดไชโยนี้ตามวิเส |
แล้วเสด็จสู่วิหารมะฮานเฮ |
ทรงบูเชพระโตมะโฮฮือ |
เสด็จกลับพลับพลาชลาแลง |
จึ่งเรือแข่งเริ่มขั่งตรังตื๋อ |
เสียงครึกครื้นตละพื้นนะทาทือ |
จะทะมือทะมองทองเปนฟองฟู |
ประชาชนล้นหลามกะปามเหลา |
ต่างมาเฝ้าบาทบงสุ์กะปงหลู |
แสนชื่นมื่นรื่นรมย์มะฮมฮู |
มาชมบุญบารมีมะฮูฮอ |
เพราะนาน ๆ ภูบาลวรานชึง |
จะเสด็จมาถึงบุรึงฉอ |
เปนโอกาศแสนประเสริฐมะเลิดลอ |
ที่ได้ฝ้อวรองค์พธงไท |
วัดไชโยนาโมวโรชัด |
เปนสวัสดิมงคลวรนไฉ |
ขอเดชะไตรย์รัตน์วรัดไช |
จอมไผทวรงชงทรงไชโย ฯ |
๏ ครั้นวันที่ญี่สิบเจ็ดตุเล็ดแคน |
นาวาแล่นต่อขี้นไปชไลโหล |
ผ่านตำบลสวนมะม่วงตะบวงโบ |
อยากใคร่เก็บอัมพโวฝากพธึม |
วัดราหุลตลุ๋นตุ๋นกะจุ๋นจิต |
คิดถึงพุทโธรสมะฮดหึม |
พระบิดาเสด็จจรมะฮอนฮึม |
ออกไปบรรพะชึมชมึมชี |
แสนสงสารวรบุตร์วรุดชร |
เหลือแต่พระมารดรวรอนฉี |
อุส่าห์ฝากวรองค์วรงคี |
แต่องค์พระชนนีวรีชา |
พระสิทธาร์ถวรราชวราชม |
ยังอาจทรงวิเนษกรมณ์มฮมหา |
อันตัวพี่กรณีย์มลีชา |
บังคับมาฤๅจะควรมิลวนโชย |
ประนมกรมลั่กตั้กแล้วหักจิต |
ตัดโศกเศร้ามะเงางิดมะโหงยโร๋ย |
ฃ้าเปนพุทธะมามกมะฮกโฮย |
ขอเดินโดยวรบาทมลาดชัน |
วัดพระงามงามพระมลีนชีน |
เพราะทรงศีลสังวรมลอนฉัน |
คฤหัสถ์ก็งามจิตมลิดชัน |
รูปะพรรณมะเลือมเชือมล้วนเสื่อมไป |
วัดตราชูนึกถึงตูกะมูมิด |
เปนเนืองนิตย์จิตตั้งกะมังไฉ |
ให้เที่ยงตรงดำรงกะไมไช |
กุศลทรงกะมงไมไตรย์ทวาร |
ไม่เอนเอียงเที่ยงอยู่มลั่กตั้ก |
จิตจงรักจอมรัฐมลัดต๋าน |
อีกรักชาติศาสนามลาตาน |
รักเท้ามิ่งนงคราญมลานตา |
วัดเมียหลวงกะม๋วงต๋วงกะม่างต้าง |
ใครหนอสร้างไว้ที่นี่กะมีต๋า |
ราวคอยเตือนจิตผัวมะกัวตา |
อย่าให้ลืมเมียหลวงมะกวงเต |
ส่วนตัวพี่ยุพดีมะกียู |
ย่อมมีอยู่เมียเดียวมะเกียวก๋า |
ให้แต่งตัวต่าง ๆ มะกางตา |
เหมือนมีเมียมะกายาห้าหกคน |
วัดตาเถรกะเหลนเป๋นกะหลีปี๋ |
อยู่ฃ้างวัดยายชีกะหลนป๋น |
เถนกับชีอยู่ชิดกะลิดลน |
หวังว่าไม่ซุกซนกะปนโล |
วัดเก้าชั่งมะลั่งทั่งมลาพา |
ใครช่างตั้งนามามลาโผ |
เก้าชั่งฤๅพี่จะอยากมลากโช |
เพราะร้อยชั่งภรรโยของพี่มี |
ถึงบางพลูตลูตูตลากตาก |
อยากกินหมากพลูจีบตลีบตี๋ |
ฝีมือใครจีบพลูตลูตี |
จะสู้เจ้าเยาวภีตลีแต๊ะ |
บางน้ำเชี่ยวเชี่ยวจังชลังลิด |
ราวรู้จิตพี่ยาชลาแหละ |
ว่าอยากให้พัดเรือชเลือและ |
แฉละแฉะฉลับฉับกลับกรุงไกร |
พรหมบุรีพี่นึกมลึ่กตั้ก |
อยากให้พระสี่พักตร์มลักไต๋ |
โปรดประทานพรศรีมลีไต |
ให้เหาะได้จะได้กลับมลับตึ๋ก |
บางพุดซาพี่ยาฤทาทิด |
คำนึงคิดถึงพุดซาผะลาผึก |
ที่เจ้าจัดให้กินฤทินทึก |
ประกอบพรึกกับเกลือผะเลือพึง |
ถึงวัดพรหมสาครชลอนลบ |
ที่จอมภพประทับแรมชแลมหลึง |
เลยขึ้นไปอีกหน่อยชลอยชึง |
ก็ถับถึงธานิงสิงห์บุรี |
มีสถานราชการมะฮานโฮ |
ล้วนเอี่ยมโอ่ตึกรามกะปามหลี |
อีกตลาดร้านรวงมะกวงกี |
ซื้อของกินสบินจีสบายใจ |
เห็นนาวาแน่นเนืองมะเทืองทัง |
จอดริมฝั่งเปนแถวมะแทวไถ |
เพื่อบรรทุกสินค้ามะทาไท |
แต่ละลำเจไกมะทุกมุก |
แม้น้องมาพี่จะพามะหลาไถ |
เที่ยวตลาดตะไหลไป๋มะไทถุก |
ซื้อของสดทำกับฃ้าวมะกาวกุ๊ก |
ชวนชวุกชวาบชิมอิ่มอุรึม |
นี่มาเดี่ยวการเที่ยวกะเมียวเหมิน |
ไม่สนุกเสนินกะเหมินหมึม |
อุดอยู่เรือดีกว่าชวาวึม |
กินแล้วมุดหัวนึมทมึมมำ ฯ |
๏ เช้าวันที่ญี่สิบแปดตุแลดเคิน |
เรือออกเดินต่อไปชไลหลำ |
ผ่านสังฆราชาวาศชลาดชำ |
กรประนำไหว้สังฆราชา |
พระองค์ใดคุณสมบัติมฮัดโฮด |
ขอช่วยโปรดฃ้าพเจ้ามะเงาหงา |
ให้รู้ทางกุศลมฮนฮา |
ชี้มรรคาสู่สวรรค์มฮันเฮ |
เจอบ้านใหม่ใจฃ้ามลึ่กตึ้ก |
รำลึกถึงบ้านใหม่ตะไหมเต๋ |
ที่กำลังเตรียมสร้างกะตางเต |
แล้วคงได้สุเขกะเปลา |
ถึงวัดจันทร์พลันจิตมลิดถี |
รำลึกถึงชนนีมลีถา |
คุณแม่จันทร์อยู่สวรรค์มลันทา |
เอาใจช่วยลูกยามลาที |
บ้านบางมันนึกฃ้าวมันมะกันทำ |
อีกส้มตำรสอร่อยมลอยฉี |
อีกน้ำพริกส้มมะฃามมลามชี |
ที่เจ้าเคยเลี้ยงพี่มลีชา |
วัดสมัคใจอดักกะจั๊กแจ๊ก |
คิดถึงแรกผูกสมัคกะจั๊กจ๋า |
ยามอยู่ชิดดวงจิตกะจิ๊ดจา |
ยามอยู่ห่างหัทยากะจาจึม |
กะดังงานามวัดมะฮัดฮู |
หอมไม่สู้กะดังงามะฮาหึม |
ที่หล่อนอบผ้าสใบมะไฮฮึม |
รื่นอุรึมมะฮึมฮอดตลอดคืน |
เออวัดยางคิดถึงยางกะฟ๊อดต๊อด |
ที่แตกป๋อดป๋อบแป๋บกะแฟบตื๋น |
เมื่อพี่พาหล่อนโชกะโฟตืน |
เมื่อยามตื่นอยากเที่ยวอวดกะฟวดตา |
ผ่านหน้าวัดธรรมจักร์กะจั๊กจู๊ด |
นึกถึงสูตร์ธรรมจักร์มะฮักหา |
สวดในการขึ้นบ้านกะปานลา |
แต่บ้านเรามะเกาทายังไม่แล้ว |
ศรีสำราญนามวัดทะมัดมาน |
จะสำราญฉันใดทะไมแม๋ว |
เพราะพี่มาคนเดียวมะเทียวแทว |
จะสำราญสำแรวได้ฉันใด |
อินทร์บุรีพี่ขอตล๋อต๋า |
ไหว้เทวาธิราชมะฮาดไห |
ขอองค์อินทร์ช่วยกะตินกะไตไล |
ประทานพรวรอนไชวไรเช |
เกิดชาติใดขอให้พบมะฮบฮัด |
พระไตรย์รัตน์สรณามะฮาเห |
ได้เปนฃ้าจอมกษัตริย์วรัดเช |
ได้เปนคู่เสน่เหแก้วกานดา |
บ้านสวนหลวงกะหมวงหมึงมะกึงกิ๊ด |
นึกถึงสวนดุสิตวนิสสา |
ที่เฃาดินพายุพินกะปินลา |
ชมพฤกษากะเปินเลินเพลิดเพลินใจ |
อิกนึกสวนสราญรมย์มะกมเก็ก |
เมื่อเล็ก ๆ เคยไปเล่นมะเก็นไก๋ |
แสนสนุกสุขเกษมกะเมมไม |
พร้อมสหายร่วมใจกะไมมาม |
บ้านปลาไหลชะกระไรตะไลหลู |
ราวกับรู้ใจฃ้าตะลาหลาม |
ว่าชอบแกงปลาไหลตะไลลาม |
สักสามชามตะลอยต้อบฮอบไม่แพ้ |
วัดโฉมศรีชะฉลีไฉลไฉ |
โฉมศรีไหนฤๅจะเปรียบเฉลียบแฉ |
ปานโฉมยงนงพงาพธาแท |
ผู้เปนมิ่งภรรแยของพี่ยือ |
เออบ้านชีน้ำร้ายชลายไหล |
แม่ชีแค้นเคืองใครมะไก๋ตื๋อ |
จึ่งน้ำใจร้ายแรงกะแฮงฮือ |
จนขึ้นชื่อติดถิ่นชลินลุ |
วัดทยานบันดาลกะติดริด |
ให้ดวงจิตพี่ทยานมะฮานหุ |
อยากจะใคร่บินทยานเวหานฮุ |
กะปุ๊ลุกะปั๊บลับกลับหาเนียง |
วัดระนามงามสง่ามะฮาเฮียน |
ลานรื่นเตียนรั้วเรียบมะเฮียบเหียง |
ควรได้ลงในนิราศมะฮาดเฮียง |
เสียนามไม่เหมาะเหมียงในบทกลอน |
บ้านขนุนรุนจิตมะงิดแหงว |
ถึงเครื่องแก้วหนามขนุนมะงุนหงอน |
อยากซื้อให้หล่อนใช้กะไปลอน |
อนิจจอนเหลือแพงกะแปงลิด |
โพนางดำชลำลามเปนนามบ้าน |
ตล๋านป๋านตลึ๋งปึ๋งถึงไพ่บริดจ์ |
เล่นโพดำละมันยากกะบากบิ๊ด |
ตลิดปิดตลาดปาดฃาดหลายตอง |
วัดมะปรางจิตระคางคำนางนึง |
ถึงมะปรางเคยกินตลินฉอง |
เจ้าอุส่าห์ปอกไว้ตะไลชอง |
เพื่อพี่ยองชวาบวับยามกลับเรือน |
วัดสมุทใจมะงุดมะเงือเหรือ |
นึกถึงเมื่อพระสมุทมะงุดเหงือน |
อุ้มนางบุษมาลีจรีเจือน |
จะเหลือนเปื๋อนจะลุงปุงจากกรุงยักษ์ |
รณจักร์ตามไปตไลตั๋น |
ขุนกุมภัณฑ์ตลงปงตรงเฃ้ากวัก |
เรียกบุตรีตลอดปอดผู้ยอดรัก |
จะทำขวัญมะหักกักแม้กลับไป |
พระสมุตมะลุดกุ๊ดเหมือนตัวพี่ |
มิได้กลัวอสุรีมะกีไก๋ |
ต่อให้ยักษ์มาสักหมื่นมะฮืนไฮ |
พี่ก็ไม่ทิ้งน้องมะฮองเฮอ |
จนกาลย่ำสนธยากะจ๋าจั๋ง |
สุริยังลับไม้พฤกไษเสอ |
เรือที่นั่งจึ่งถึงซึ่งพลับเพลอ |
หน้าอำเภอสรรพยากะจาจุง |
แขวงจังหวัดไชยนาทบุราดรูน |
แสนสมบูรณมั่งคั่งกะจังจุ๋ง |
มีพลับพลาอ่าโอ่มโหฬุง |
น่าสำรุงสมควรวรวนชอ |
สรรพยามียาวราชด |
แก้ได้หมดตะไหมไต๋หรือไรหนอ |
แม้มียาแก้วิโยคชะโวกวอ |
ฃ้าเจ้าขอกินบ้างชะวางแวน |
แต่ยาแก้วิโยคกะโจ๊กจี๋ |
ใดจะมีได้เล่ากะเจ๋าแจ๋น |
นอกจากได้อนุญาตกะจ๊าดแจน |
ให้กลับแบ้นแหละจะหายกะจ๋ายใจ ฯ |
๏ ญี่สิบเก้าเช้าออกนาวอกวา |
จากอำเภอสรรพยาชลาไฉ |
ผ่านบ้านหาดอาสากะมาไม |
พี่นี้ไซร้เหมือนอาสามะฮาฮือ |
ไปงานท่านจากบ้านกะปานเล |
ระหนเหห่างสวาทมะหาดหือ |
พอถึงวัดศรีมงคลฤทนทือ |
อิ่มอุรือลางดีศรีมงคล |
คงได้กลับคืนกรุงบุรุงรัด |
โดยสวัสดิภาพสถาบผล |
เออบ้านอ้อยชื่ออร่อยอรนชน |
แต่หวานรักมะฮักฮนกว่าอ้อยแท้ |
ยามผ่านบ้านสวนลำใยกะไจจิ๊ต |
ใจให้คิดถึงลำใยกะไจ๋แจ๋ |
ที่น้องใส่โถแก้วกะแจวแจ |
ไว้ให้ผัวกินแกอรอยชอย |
ชิบ้านวังลูกอ่อนมลอนต๋วน |
ราวแสร้งชวนชักจิตมลิดต๋อย |
ให้มะลึกกะตึ๊กตู๊กถึงลูกน้อย |
นอนในเมาะกะเก๊าะก๋อยกะลอยเจ |
บ้านบางหลวงทลวงจวงคำนวงนอง |
นึกถึงคลองบางหลวงชลวงเหล |
พี่เคยพาวนิดามะกาเล |
ลงนาเวกะเจ๋จ๋ำตามลำคลอง |
ยามผ่านวัดกรุณามะฮาฮอ |
ฃ้าอยากขอกรุณามะฮาหอง |
ให้ช่วยพาคืนกรุงมะฮุงฮอง |
แต่สุดคิดมฮิดจ๋องต้องจำจร |
ผ่านวัดพระบรมธาตุมะฮาดฮม |
ตลมปมก้มเกล้าเกเศาสอน |
ไหว้พระธาตุพุทธองค์วรงชอน |
ขอพระพรสี่ประการวรานชา |
คืออายุวัณโณวโรชัง |
และสุขํพลํวรังฉา |
จงมีแด่ฃ้าเจ้าวเราชา |
อีกทั้งบุตร์ภรรยาวราเช |
บ้านงิ้วเออใจเข้อมลึ่กตึ้ก |
คนึงนึกถึงงิ้วกะปิ๋วเหล |
เล่นเมื่อตอนตั๋งโต๊ะกะโป๊ะเล |
ได้เตียวเซี่ยนไปกะเปกะปึมลึม |
แสนสงสารลี่โป้กะโจ๋จ๋าง |
ถูกแย่งนางคู่รักกะจั๊กจึ๋ม |
บิดาเลี้ยงทำได้ใจทมึม |
เสียอารึมคลึ้มคลั่งทมังโม |
แม้มีผู้แย่งพธูชวูวั่ง |
ฃ้าคงคลั่งทมังทีเหมือนลี่โป้ |
คงหาช่องถมองถานผลาญชีโว |
เช่นลี่โป้ทมางทางล้างตั๋งโต๊ะ |
ผ่านไชยนาทบุรึมสะพรึมพรึบ |
เห็นบ้านช่องนองนึบไม่ไหวโหวะ |
ไชยนาทขอยืมเสียงมะเฮียงโฮะ |
มาตะโกะเรียกเมียผู้เยียใจ |
โอ้โหบ้านประจำรังฤทังถา |
นกสิอยู่รังรามะก๋าไถ |
ส่วนตัวพี่มีกรรมทะมำไม |
ต้องมะเหลเถไถจากเรือนนอน |
ผ่านวัดธรรมามูลมะฮูนโฮ |
ก้มศิโรตลุดกุดมะกุ๊ดก๋อน |
ขอพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์มะฮิดฮอน |
โปรดข้ากับภรรยอนกะปอนลา |
กะเปาเลาแลดูเฃาคีเราชาน |
เงื้อมตระหง่านริมนทีชลีหลา |
วัดบนไหล่มะไก่ไต่วิไลยตา |
เสริมศรัทธาสาโธวโรชี |
ยามเรือเดินเฃ้าไปก็ไจ๋จ๋าน |
อีกยามผ่านพิศเพลินก็เจิ๋นจี๋ |
ยามเลยเลี้ยวเหลียวดูก็จูจี |
มะงีหรีมะงาหรามงามจับตา |
ผ่านอารามมะฃามเท่ากะเหงาหงอน |
นึกอยากกินมะฃามอ่อนกะจ๋อนจ๋า |
รสเปรี้ยวจี๊ดจะลิมปิมจิ้มน้ำปลา |
น้ำลายสออร่อสาโอชาชึง |
เกาะตาลัดขัดจิตกะจิ๊ดจั๊ด |
ไม่กล้าลัดกลับบ้านกะจ๋านจึ๋ง |
แม้ลัดได้ฤๅจะไม่กะใจจึง |
กลับนาวึงกะจงมงลงไปพลัน |
แยกเฃ้าลำสะแกกรังชลังลุง |
ผ่านบ้านซุงมลึ่กตึ้กนึกกะจั๋น |
โอ้ซุงดีกว่าเรากะเจาจัน |
ได้ล่องลอยกะจอยจั๋นยังกรุงไกร |
ที่แห่งนี้มีเรือมะเกือก๋าย |
พร้อมผู้พายลงแน่นมะแก๋นไก๋ |
ล้วนแต่งกายสีสรรมะกันไก |
ทุกเรือปักธงไทมะไกกา |
มาคอยเฝ้าจอมภพวรบชอง |
เสียงชโยโห่ก้องชลองหลา |
สนั่นก้องท่องชโลนโททา |
ต่างยินดีปรีดามะกาโย |
ต่างพายตามกระบวนวรวนชัง |
ตามลำน้ำสะแกกรังชลังโหล |
เออพายแขงนี่กระไรมะไกโย |
เสียงขับร้องก้องนะโทชโลแท |
อันลำน้ำสะแกกรังชลังหลาง |
ทั้งสองฃ้างเขียวชอุ่มพุ่มพฤกแษ |
พิศจำเริญเพลินใจนัยแน |
ดูชุ่มชื่นมื่นแช่ตลอดทาง |
หมู่บ้านท่าดินแดงกะแมงมึก |
คำนึงนึกว่าไฉนกะไป๋หลาง |
จึ่งเรียกท่าดินแดงระแคงคาง |
พสุธางพสุเธนไม่เห็นแดง |
เออบ้านเกาะลูกมอญมะกอนกั๋น |
ลูกรามัญหรือจะเปรียบกะเมียบแหมง |
เหมือนลูกตูตละหมูมะฮูแฮง |
อ้วนน่าแกงและมะกันมันพิลก |
วังกระทะชะฉามะก๋ากั๋ว |
ราวแสร้งยั่วให้หิวมะกิ๋วกึก |
นึกถึงหมี่ที่เจ้าผัดกะจั๊ดจึ๊ก |
แสนอรึกตลำปำคำโต ๆ |
ถึงอุภัยธานีมลีตั๊บ |
ที่ประทับแรมอยู่มะฮูโห |
กำหนดสองราตรีสทีโท |
เห็นพลับโพลมโหฬารมะหานเล |
ปลูกบนฝั่งดูสพรั่งสะพุมรุม |
เขียวชะอุ่มชะอ๋นหมนต้นพฤกเษ |
มีแพจอดตรงท่าชลาเล |
สรรเพมะฮาลาดูน่าชม |
พวกเรือพายตอนบ่ายมะลอมชอม |
มาถึงพร้อมบ่มิเหนื่อยกะเจื๋อยจ๋ม |
ชวนกันพายถวายลำวรำชม |
จนพลบค่ำตวำว๋มจึ่งเลิกกัน ฯ |
๏ อันอุทัยธานีมะงีแงว |
นานมาแล้วขัตติยาวราฉัน |
ยังมิได้เสด็จถึงบุรึงชัน |
ชาวบุรันบุรึงชึงจึ่งยินดี |
ที่ครั้งนี้วีระราชมหาดหึง |
เสด็จถึงเมืองอุทัยบุไรฉี |
ต่างพร้อมใจชวนกันทะมันที |
มาชมพระบารมีวรีชาน |
อันไทยเราเชาเหนือฤเทือทัก |
ล้วนจงรักวรบาทวราดฉาน |
ไม่ใคร่มีอวดดีกะจีจาน |
เหมือนชาวกรุงมลุงชานมลานชัว |
ตัวเปนไทยใจไทยไม่เหมือเถือ |
ไม่หลงเชื่ออกะปนลนคนปั่นหัว |
ถึงคบชนต่างชาติมะงาดงัว |
สงวนตัวแสนดีมลีชำ |
ชาวกรุงอวดซิวิไลซ์มะไฮโฮ |
แต่ใยโง่ยื่นจมูกกะจู๊กจ๋ำ |
ให้คนต่างชาติจูงกะพูงพำ |
พาระยำกะมำมายฃายชาติตน |
นึกอะไรก็ไม่เปนกะเตนต๊าก |
เก็บขี้ปากเฃามาพูดกะตู๊ดต๋น |
พวกเฉโกระโยปำระยำปน |
สัประดนยุเล่นมะเฮ็นฮือ |
ไม่รู้การเมืองตูมะฮูฮา |
เหมือนกะลาครอบไว้ตะไหลตื๋อ |
เห็นสยามเขตหมดตะลดตือ |
เพียงกรุงเทพมะเฮบฮือทุเรศนัก |
อยากชวนเพื่อนกะเปือนลากะปาเลือง |
มาเที่ยวตามหัวเมืองมะเกืองกัก |
จะได้เห็นกรุงสยามมะงามงัก |
แล้วรู้จักรักจริงกะปิงเล |
หนังสือพิมพ์ลงฃ่าวมะก๋าวก๋า |
โฆษนาฃ่าวเท็จตะเล็ดเต๋ |
จะได้รู้เท็จจริงตลิงเต |
แล้วช่วยด่าพวกอัปเรย์ระเยมำ |
ที่หากินระโยโมยโดยโกหก |
ตลกปกหาเรื่องระเยืองจ๋ำ |
ยุยงใจให้ผู้อื่นระยืนปำ |
ระยังมำระยำเมือนเหมือนตัวมัน |
ขอกล่าวอีกว่าผู้ใดวไรฉี |
เปนคนดีสุจริตวริดฉัน |
ไม่กินปูนร้อนท้องมะลองทัน |
คงไม่โกรธมะโลดชันฃ้าเจ้าเลย ฯ |
๏ บ่ายวันที่สามสิบตุลิบคัด |
สองกษัตริย์เสด็จโดยชโลยเหลย |
ไปยังท่าวัดขวิดอาริดเรย |
เพื่อเสด็จประเพยสะแกกรัง |
ที่วัดนี้มีนักเรียนมะเลียนฉิง |
ทั้งชายหญิงตั้งร้อยมลอยฉัง |
มาตั้งแถวรับเสด็จวเร็ดชัง |
ตลังปังสรรเสริญเสนิ่นนันท์ |
ขึ้นทรงพระเก้าอี้วรีชอน |
เสด็จจรตามถนนมะกนกั๋น |
ผ่านตลาดสะแกกรังทมังมัน |
พวกชาวร้านมลานชันมลันชา |
พร้อมใจกันจัดแต่งทะแมงมาด |
เพดานดาดขาวแดงกะแตงต๋า |
ตลอดทางที่เสด็จกะเม็ดตา |
อีกแต่งร้านกะปานลากะปาโล |
ทุกร้านตั้งเครื่องบูชาตลาตุ๊ด |
ตลุดกุดก้มกราบตลาบโต๋ |
บ้างก็มีมโหรีกะปีโล |
เสียงสนั่นสรรพ์โสน่กะโปเล |
เจ้าของร้านยืนคอยกะตอยลิว |
ถือกิมฮวยอั้งติ๋วกะหลิวเหล |
น้อมคำนับถวายกะปายเล |
แด่พระปิ่นนเรวเรชาน |
ตัวเปนจีนแต่ใจมะไฮฮี |
ภักดีต่อจอมไทยมะไฮหาน |
มะฮมโฮดวรโพธิสมภาร |
แสนสำราญปราศภัยมะไฮฮือ |
ต่างยินดีที่ได้เฝ้ากะเปาลิน |
จอมนรินทร์ปิ่นภพมะฮบหือ |
พระองค์ใดมิได้เคยประเพยพือ |
ถึงอุทัยธานือถิ่นนี้เลย |
พ้นตลาดรายฎรตลอนต๋าง |
ฃ้างๆ ทางคอยเฝ้าตะเลาเต๋ย |
มาแต่ทางไกล ๆ มะไกเกย |
เพื่อมาเชยชมบุญวรุนชา |
ถึงเชิงเฃาสะแกกรังคีรังชับ |
หยุดประทับที่วัดวรัดฉา |
เขาเรียกวัดสังกัดมะฮัดฮา |
หรือเรียกว่าวัดเฃามะเฮาฮาม |
พระสงฆ์สวดมลันชันชยันโต |
ถวายชัยราโชวโรฉาม |
แล้วเสด็จขึ้นเฃาคีเราราม |
คีรีงามวรามแชสะแกกรัง |
บนยอดมีมณฑปมะฮบฮอย |
พุทธบาทสี่รอยมะฮอยหัง |
อีกวิหารโบราณมะหานฮัง |
แต่เดี๋ยวนี้ฐาปนังเหมือนตึกจีน |
อันว่ามรรคนายกกะต๊กต๊อบ |
ขุนกอบไกยกิจกะติ๊ดตี๊น |
แกเปนจีนร่ำรวยมะฮวยฮีน |
จึ่งชอบสร้างอย่างจีนมะฮีนเฮอ |
ท่านขุนนี้ดีนักมะฮักมะไฮ |
อยู่เมืองไทยนานแล้วมะแฮวเหอ |
ตั้งใจฝังรกรากทะมากเมอ |
เงินทองไม่ทะเมอเทอส่งเมืองจีน |
ทะมักทักรักไทยใจมั่นมุ่ง |
จะบำรุงถิ่นอาศัยทะไมถีน |
ทะมานทานการกุศลมะฮนฮีน |
เรียกว่าจีนน่าคบมะฮบฮา |
เฃ้ามณฑปฃ้าตลบตลุดกุด |
ก้มเกล้าเค้าคุดตล๋าต๋า |
ไหว้พระบาทตลีปีสิ่ร้อยยา |
ด้วยศรัทธาสาธิตกะติ๊ดตุ๊ก |
ด้วยเดชะกุศลมะหนหอน |
ที่สร้างไว้ปางก่อนวรอนฉุก |
ช่วยขจัดโรคภัยมะไงงุก |
ระงับทุกข์สุขเสริมมะเฮิมฮา |
แลจากเฃาชะมื่นตื้นเห็นพื้นที่ |
เกษตร์ศรียืดกื้ดชอี๊ดอ๋า |
ละเมาะเหมือนแสร้งโรยชะโอยอา |
ชะอามตามงามตาทะซาเซือ |
พอจวนค่ำย่ำแสงตะแวงวบ |
พระทรงภพเสด็จวเร็ดเฉือ |
ลงจากยอดสีขรคีรอนเชือ |
ไปสู่เรือล่องกลับยังพลับพลือ |
นึกอิ่มใจที่ได้เห็นกะเตนตั๊ก |
ความจงรักภักดีกะตีตื๋อ |
แห่งอาณาประชาชนมะฮนฮือ |
ล้วนจิตซื่อมะไฮโตในภูมินทร์ |
สู้ทนเหนื่อยเมื่อยล้ากะจ๋าไจ๋ |
มาแต่ไกลมลดจ๊ดบทะสิน |
ทุกคนไทยใจเช่นนี้มะลีชิน |
สยามคงมหินถินกะปินโล ฯ |
๏ อันอุทัยบุไรชีนี้ดีหมด |
เสียแต่ยุงมะกุงกดมากอะโข |
ชุมจริงๆ ชิงกันกัดกะปัดโป |
เปนผืนโผ่ไปทั้งตัวมะกัวเกอ |
เสียดายหนอภรรยอไม่มาด้วย |
จะได้ช่วยปัดยุงกะหมุงเหมอ |
ถึงยุงชุมแม้ได้ชมภิรมเยอ |
อาจลืมยุงยามพะเธอผทมมม |
โอ้นอนเดียวเปลี่ยวอุรอกะจ๋อจ๊าด |
น้ำค้างหยาดหยดเย็นกะเจ็นจ๋ม |
ถึงผิงไฟก็ไม่อุ่นกายุนยม |
เพราะอารมณ์กะหงาวก๋าวหนาวเหลือใจ |
นอนไขว่ห้างกระดิกฃากะต๋าตุ๊ก |
ก็ยังไม่ใคร่สนุกกะตุ๊กใต๋ |
ทำท่าเก๋อนิจเจอนาถใจ |
ไม่มิใครตลุมปมชมพี่ยา |
เจ้ามาด้วยจะได้ช่วยกะต๋วยตี๋ |
ชมยามพี่กะติกหลิกกระดิกฃา |
ใครหมั่นใส้พี่กระดิกกะชิกชา |
พี่ไม่ว่าขอแต่น้องกะชองชม |
นึกชมโชคชลางชางว่าช่างสรร |
เสาะหาภรรยาเหมาะเฉลาะฉม |
ได้หญิงอื่นมาเปนเมียมะเกียกม |
อาจระดมด่าพี่มะกีเก |
เพราะผู้หญิงโดยมากกะจ๊ากจู๊บ |
หลงแต่รูปโสภาสะเภเห |
เจ้าต่างหากรักปากกะก๊ากเก |
ยื่นเปนหมูทะมูเทและห้อยยาน |
เฃาติรูปตะมั่นตั้นว่าอั้นอุ้ง |
เฃาติพุงว่าพะลุ้ยกะตุ๊ยต๋าน |
เฃาว่าสมชื่ออ้ายอู๊ดกะบู๊ดจาน |
แม้พี่น้องพลอยมะฮานมะฮือรือ |
แต่คนเรากะเปาลันสำคัญพูด |
เปนนักปรูดพูดปลอกมะฮอดหือ |
อีกรู้จักท่องกลอนมะฮอนฮือ |
รูปเปนตือช่างเปนไรมะไฮโฮ |
ใครไม่รักมะหักกักมะเฮื่อนเกื้อน |
ขอแม่เคลื่อนรักฃ้ามะก๋าโก๋ |
ก็จะคงกระดิกฃามะฮาโล |
สุขเกษมเปรมโปรกะโปลา ฯ |
๏ เช้าวันที่สามสิบเอ็ดตุเล็ดคอง |
ขบวนล่องจากอุทัยบุไรฉา |
โดยลำน้ำสะแกกรังชลังชา |
ตามมรรคาชลาลางย้อนทางเดิม |
ออกแม่น้ำเจ้าพระยานทาทึน |
เบนเรือขึ้นไปเหนือชะเลือเหลิม |
ผ่านอำเภอมโนรมย์กะมมเมิม |
มะโนเขิ้มบ่มิชื่นกะมื่นรมย์ |
มาคนเดียวเปลี่ยวอกมะหงกโหงย |
ตะโล๋ยโป๋ยคิดถึงเจ้ายุเภาผม |
บ้านท่าแขกใจกะแหมกกะมมกม |
ถึงกล้วยแขกที่พะธมทอดให้กิน |
ผ่านหน้าวัดศรีเจริญมะเกิ๋นไก๋ |
อ้าศรีใดไม่เจริญมะเกินกิ๋น |
มะกวนลวนยวนตาเหมือนนาริน |
ยอดยุพินศรีบุรัมสัมบุรึม |
เกาะเทโพโอ้โทพาวราวแสร้งยั่ว |
ให้เขละไหลรั่วชลัวหลึม |
แกงเทโพพี่ชอบกะฮอบฮึม |
ชวาบวึมโฮกฮอยอร่อยแฮ |
วัดสมิงมหารามกะต๋ามตั๋น |
นึกทหารรามัญอันเก่งแก๋ |
ยามจากเมียมะเกียเลียมะแกแล |
จากอังวะเพื่อรักแษซึ่งวาจา |
อันตัวพี่มะกีก้ากพรากยอดหญิง |
คล้ายสมิงพระรามกะต๋ามต๋า |
ต้องจากเมียมิให้เสียกะตายา |
กะปาลากะปมลมสมผู้ชาย |
ผ่านบ้านสพานหินกะจิ๋นกะจ๋าน |
แม้สพานยืดยาวกะจาวจ๋าย |
จนถึงบ้านตูฃ้ากะจาจาย |
จึ่งจะชมกะจมป๋ายว่าดีจริง |
ตำบลบ้านหาดทนงทะมงมิด |
แม้ว่าจิตพี่ทนงมะหงหิง |
เหมือนนามบ้านแนะให้ทะไมมิง |
คงหันหัวนาวิงวกลงกรุง |
ท่าน้ำอ้อยน้อยหรือชมือชด |
อ้อยไหนรสล้ำเลิดตะเมิดหมุง |
จะสู้รสพจนาชะมามุง |
ที่ปลุกปรุงเปรมสวาทกะมาดไม |
ผ่านหน้าวัดพระปรางค์เหลืองกะเถืองถา |
ตล๋าต๋าตลุดตุดศิรุดไต๋ |
ขอพระปรางค์ศักดิ์สิทธิ์มะหิดไฮ |
ขจัดโจโรไคมะไฮเฮอ |
พยุหคีรีมะงีเหงา |
เห็นเทือกเขาทิวแถวมะแหงวเหงอ |
ราวฉากกางขวางกันมะงันเงอ |
บ่มิให้ตูเข้อกลับหานาง |
คลองมะเดื่อเอออุเรืออลึกตึก |
นึกถึงยามมะเดื่อสุกมะกุกก๋าง |
แมลงหวี่หวู่วู่ตอมมะดอมดาง |
หอมผะลางมลวนตวนล้วนอยากลิ้ม |
อันแก้วพี่เปนสตรีมลีเชือ |
เหมือนมะเดื่อสุกหอมกะต๋อมติ๋ม |
ยามพี่ไกลแม้ว่าชายมะกายกิม |
อยากชมชิมกะต๊ากว๊ากจะยากใจ |
ย่านมัทรีนึกสงสารวรานชี |
มิ่งมัทรีกลับมามะฮาไห |
ไม่ประสบพระลูกวรูกไช |
มะไหไต๋มะโหยโต๋ยโอยโศกา |
เวสสันดรวรอนชำท่านทำได้ |
ยกสองพระกุมารให้มะไถหลา |
ยอมทนดูมหิษีวรีชา |
ทรงโศกามะฮาโฮมะโลเฮ |
เปนตัวพี่คงไม่มีมะลีทิด |
ไม่มีจิตทำให้เจ้ามะเหลาเถ |
ไม่อยากให้มีเรื่องมะเกืองเก |
ข้องฤเทแม้แต่น้อยกะตอยตึม |
พอบ่ายคล้อยนาวอยชลอยหลิว |
ก็ถึงเกาะตานิวทวิวปึ๋ม |
ที่ประทับแรมรึงหนึ่งราตรึม |
ปลูกพลับพลึมอยู่บนเกาะกะเปาะลา |
น้ำพึ่งลดตะมดก๊ดตะหมืนกื๋น |
ที่พ่างพื้นจึ่งยังแฉะตะแหมะต๋า |
แม้ว่าน้ำยังมิลดมะกดกา |
ดูพลับพลาคงจะเหมาะกะเตาะเต |
ดูจากค่ายเห็นเฃาคีเราเรือก |
เปนทิวเทือกตละฉากกะตากเต๋ |
แลดูเพลินเจริญตาจราเต |
พักสะเบสะแบแจมะแฮฮือ ฯ |
๏ วันที่หนึ่งพฤศจิกาได้คลาคลิว |
จากตานิวต่อไปชไลหลือ |
คนอื่น ๆ ออกแต่เช้านาเวาวือ |
ขบวนหลวงชลวงลือต่อบ่ายแล้ว |
ระยะทางชลางลาห้าร้อยเส้น |
สองฝั่งเห็นป่าและทุ่งชลุงแหลว |
บางทีเห็นเทือกเขาทะเมาแทว |
เปนเทือกแถวทมูทูอยู่ไกล ๆ |
บ้านโกรกพระชะทำไมมะไหลถี |
ใครไม่ชี้ที่เหมาะมะเลาะไถ |
โชคดีขุดพบพระพิมพ์มลิมไท |
ก็จะได้มะหลากถากไปฝากเนียง |
บ้านชื่อดงชะพลูทมูเม้า |
เหมือนแสร้งเย้าถมากถากให้อยากเมี่ยง |
ถึงบ้านหว้าใครจะว่าทะมาเทียง |
ฃ้าไม่เถียงถลากถากปากยื่นจริง |
วัดเกาะหงส์ไม่เห็นหงส์กะหมงเถ |
มาเกาะเก่อยู่สักหน่อยมะก๋อยกิ๋ง |
ถ้าเห็นหงส์ก็จะวานมะงานงิง |
ถือหนังสิงถึงยูผาหน้านวลใย |
บ้านตากแดดกะแปร๊ดแปร๋แน่สงสาร |
เออหนอบ้านคงจะร้อนตะวอนไต๋ |
แต่ถึงร้อนก็ไม่เท่าทะเมาไม |
ร้อนที่ในใจพี่ทะมีทา |
บ้านยางโทนตะโหลนโป๋นตลี่ปี๋ |
โทนเหมือนพี่มาเดี่ยวตะเหลียวต๋า |
โทนมาเดียวตีไม่เพราะทะเนาะทา |
รำมะนาช่วยกะจึ๋งจึ่งจะเพราะ |
เฃ้าถึงเขตนครสวรรค์บุรันโช |
ล้วนอ่าโอ้บ้านเรือนกะเตื๋อนเตาะ |
สถานที่ราชการมะฮานเฮาะ |
ตลอมเปาะตลายปายเรียงรายกัน |
ที่ประทับราโชกะโปลา |
อยู่ตรงหน้าสโมสรพะลอนฉัน |
แห่งคณะเสือป่าพลาชัน |
กรมนครสวรรค์พะลันเช |
มีแพหนึ่งฃาวผ่องฉล่องฉับ |
ที่ประทับรมยาชลาเหล |
อีกมีแพที่เสวยพระกระเย |
อีกแพราชบริเพคเณรา |
จากแห่งนี้ไปตลาดกะปาดโล |
ปากน้ำโพไกลเกินกะเปินหลา |
ตั้งเจ็ดสิบเส้นเศษกะเปดลา |
ออกระอากะปาลากไม่อยากไป |
สถานีรถไฟมะไหลเถ |
ก็ห่างเหไกลบึ๊ดมะลึดไถ |
นึกๆอยากมะหลองถองลองเลี่ยงไป |
ขึ้นรถไฟมะหลับถับกลับคืนกรุง |
แต่เกรงคนปากบอนกะลอนฉอง |
จะแอบฟ้องเอาละแย่กะแลฉุง |
นึกออกกลัวพณหัวกะลัวชุง |
จะสั่งขุงที่สนมกะลมชึม |
เพราะเคยชิมรสสนมกะตมแตว |
แต่ครั้งเปนนายแก้วกะแตวตึ๋ม |
ไม่อยากลิ้มชิมอีกกะจี๊กจึม |
จึ่งจำใจกะจึมงึมอยู่นาวา |
ในคืนนี้มีเพลงมะเฮงฮอน |
ที่โรงหน้าสโมสรมะฮอนหา |
เสด็จขึ้นทอดพระเนตร์มะเฮดฮา |
จนเวลายามดึกมะฮึกฮอ |
เฃาหาคนเพลงดีมะลีถือ |
ผู้มีชื่อว่าเก่งมะเลงหอ |
ผู้ไปดูมลันทันขันงอๆ |
เสียงฮาฮออยู่สนั่นมลันทา |
แต่ตัวพี่มะเหลไถไม่อยากดู |
ฟังเสียงหมูมะเหลาะเถาะนึกเพราะกว่า |
เพราะทั้งหมูมะไหลไถนึกไม่ช้า |
คงได้โครงมันมามะลาทิน |
อนึ่งทั้งคำเกี้ยวกะเปี๋ยวปิ๊ด |
มันยวนจิตให้รำพึงกะจึ๋งจิ๋น |
ใจก็เต้นไม่เปนเรื่องกะเปืองปิน |
เถลถินถลุดถุดมุดหัวนอน ฯ |
๏ วันที่สองพฤศจิกาตวาวาย |
เวลาบ่ายจอมภพวรบฉอน |
พร้อมองค์พระมหิษีวรีซอน |
เสด็จโดยนาวอนชลอนลก |
ไปเทียบท่าโรงทหารกะปานลน |
แห่งกองพลพะลีชีเลขที่หก |
ขึ้นทรงรถพระที่นั่งมลังลก |
นายทหารทะมกทกลากรถจร |
ครั้นไปถึงสนามกะปามลา |
เสด็จขึ้นพลับพลาวราฉอน |
กองทหารตั้งแถวมะแลวชอน |
ร้องชโยกะโปลอนพระพรชัย |
แล้วกองพลเดินผ่านพะลานชาม |
สวนสนามงามริ้วพะลิวไฉ |
เฉลิมพระวรเดชพะเลดไช |
ของจอมไทยพะไลชันพะลันชา |
แล้วจึ่งเล่นกิฬากะต๋าแต๋ง |
ต่างแสดงสามารถกะต๊าดต๋า |
แสดงการกะตีรีขี่อาชา |
กะตารากะตูรูน่าดูแท้ |
เลี้ยงของว่างไปพลางกะจ๋างจ๊อบ |
พี่ได้ฮอบอร่อยฉ่อยกะต๋อยแต๋ |
ไปเช่นนี้พี่ไม่ทุกข์กะจุ๊กแจ |
พี่ขอแต่ได้ชวาบกะต๊าบตึ๊บ |
กิฬาเสร็จพระเสด็จวเร็ดฉาย |
ยังคูค่ายโบราณมะฮานหึบ |
ทรงวางพวงมาลาบุบผาพึบ |
ทรงเคารึพณอนุสสาวรีย์ |
แห่งทหารอาสายุธาธาม |
ไปมหาสงครามวรามฉี |
และตายในสนามยุธามธี |
ชีพพะลีชาติตนวรนไช |
น่าชมเฃาภักดีวรีชิด |
แม้ชีวิตไม่เสียดายมลายไฉ |
ถึงจะตายเฃาก็ตายวรายไช |
ไว้ชื่อไทยมเหลียดเฉียดเกียรติดำรง |
ถึงตูฃ้าแม้ว่ามลึกชึก |
มีฃ้าศึกบังอาจมลาดฉง |
มาย่ำยีแดนสยามมลามชง |
ฃ้าก็คงมลาชาอาสารบ |
ถึงลูกเมียกะเปียลีเปนที่รัก |
ก็ยอมหักใจห่างกะจางจบ |
ยอมถวายทุกอย่างกะปางลบ |
แด่จอมภพเพื่อสยามมะฮามฮา |
ในคืนนี้มะงีหรีมีลคร |
ที่โรงหน้าสโมสรมะงอนหรา |
บำเรอบาทยุคลมะงนรา |
เพื่อให้ทรงมะงาหราสำราญโญ ฯ |
๏ วันที่สามพฤศจิกาตวาเวียง |
เวลาเที่ยงล่วงแล้วตะแววโหว |
ทั้งสองพระวรัดชัดขัตติโย |
เสด็จลงนาโวกะยนตน |
จากพลับพลาชลาทาขึ้นเหนือน้ำ |
ชลำทำบ่มิเนิ่นชะเลินถน |
บรรลุปากน้ำโพชโลทน |
เห็นตลาดมะฮนตนอยู่ไกล ๆ |
ถึงที่น้ำชะแลกแมกแยกสองแคว |
ซ้ายแม่ปิงชลิงแลกระแสใส |
ขวาคือลำน้ำน่านชลานไล |
ที่เสด็จชะเล็ดไตในวันนี้ |
ลำน้ำแยกทะแมกแทกเหมือนเราสอง |
ตล๋องป๋องแยกกันทะหมันหมี |
แต่แล้วรวมกันอีกทะมีกที |
เหมือนสองเราจะทะมีทะมวมรวม |
ผ่านขึ้นไปชไลหลำลำน้ำน่าน |
แพตระการสองฝั่งชลังหลวม |
ล้วนห้อยผ้าแดงแต่งทะแมงทวม |
เครื่องบูชวมตลุกตุกตั้งทุกแพ |
เห็นผู้คนแน่นนันท์มะกันทัง |
คอยดูเรือพระที่นั่งวรังแฉ |
ทุกตนแสนมะกีทีปลื้มปรีแด |
ที่ราแชธเสด็จมะเห็ดฮือ |
นาวึงชึงถึงคลองบรเพ็ด |
มะเล็ดเต๊ดเลี้ยวเฃ้านาเวาหวือ |
มลดต๊ดคดเคี้ยวชะเลียวชือ |
กว่านาวือจะถึงที่บึงงาม |
อันบึงบรเพ็ดกว้างชลางลิด |
ตายิ่งพิศยิ่งเพลินชะเลินหลาม |
จวนถึงที่ชะแลแทแพพลับพลาม |
เห็นนาวามนับร้อยชลอยลี |
พวกฝีพายยกพายมะฮายโฮ |
ร้องชโยลั่นบึงสนึ่งสี |
ถวายชัยมะไกทาฝ่าธุลี |
ด้วยยินดีทะเม็มเท็มล้วนเต็มใจ |
ตรงกับแพพลับพลาชลาลอย |
แพน้อย ๆ ลอยเรียงกะเจี๋ยงไจ๋ |
พวกฃ้าราชการมะฮานไฮ |
อีกพานิชเต็มใจมะไฮโฮ |
จัดของกินหลายอย่างมะก๋างเกี๋ยง |
มาตั้งเลี้ยงผู้ไปชไลโหล |
เหมือนตลาดแพลอยฉลอยโช |
แต่ดีโขไม่ต้องซื้อมะกือกิน |
มีฃ้าวห่อกับพร้อมมะฮอมฮัน |
อีกฃ้าวมันแกงไก่กะไจ๋จิ๋น |
ขนมจีนก๋วยเตี๋ยวกะเจียวจิน |
อีกหลายอย่างกะลางชินกินโอชะ |
มีขนมต่าง ๆ ฉล่างไฉ |
ผลไม้นานาฉลาฉะ |
อีกเครื่องดื่มหมากบุหรี่ฉลีชะ |
ฉละฉะฉลวนฉวนล้วนดี ๆ |
ทุกๆ คนเต็มใจกะไบ่ลิด |
มิได้คิดเหนื่อยยากกะป่ากหลี |
นาน ๆ จอมกษัตริย์วรัดชี |
จะเสด็จมลีตีจึ่งปรีดา |
พอประทับพลับแพลแพกลางบึง |
พวกนาวึงตั้งกระบวนชลวนหลา |
แล้วต่างพายถวายลำนาวำมา |
ผ่านพลับพลามะหลายต๋ายถวายชัย |
แล้วจับคู่แข่งกันกะจั๋นเจิก |
เอิกเกริกในบึงมะฮึงไห |
ต่างสนุกมะฮุกฮึกทะมึกใจ |
ใครมีชัยมะไฮโฮชโยดัง |
เสวยพระกระยาหารวรานชาด |
อีกฃ้าบาทได้ชวาบมะฮาบหัง |
คิดถึงพวกลูกหมูทมูมัง |
ถ้ามาด้วยคงตะกลังพร้อมบิดา |
เสวยเสร็จพระเสด็จชลาโล |
ลงนาโวยนตร์ย่อมกะจ๋อมจ๋า |
ใช้จักร์ผ่านแพร้านชลานลา |
เจ้าของร้านตล๋านต๋าถวายกร |
อีกประชาชนแน่นชะแลนลาด |
มีโอกาศตลมปงพระทรงศร |
ได้ชมพระบารมีวรีชร |
ตลอนปอนตลินปินล้วนยินดี |
บ่ายเวลาพอควรมลวนลับ |
เสด็จกลับจากบึงกะจึ๋งจี๋ |
ออกทางคลองล่องน้ำชลำลี |
สู่พลับพลีที่แรมชะแลมเลิม |
การประพาศวันนี้กะปีลา |
สนุกกว่าวันก่อนมะฮอนเหิม |
เพราะอาหารบริบูรณทะมูนเมิม |
กะเปิมกะเลิมกะปัดลัดยัดเต็มพุง |
พออิ่มหนำสำราสวาปาม |
ราวงูหลามอึ้ดทึ่ดถะมึดถุง |
นอนกลิ้งทูดตละผีกะปีปุง |
จิตมันมุ่งแต่จะคุดมุดหัวนอน |
รู้อยู่ว่าคืนนี้ทลีทัด |
เขาได้จัดลครพูดกะจู๊ดจ๋อน |
มีถวายภูมินทร์วรินชอน |
ตัวพี่อู๊ดตะมุดตอนนอนบนเรือ |
ชวาบอิ่มแล้วที่บึงกะปึงลี |
กลับถึงที่ชวาบซ้ำกะปำเปื๋อ |
จะไปดูลครมะฮอนเฮือ |
เกรงเปนลมกะอักกะเอือเช่นเคยมา |
เลยแก้ตัวเล่นสำนวนล่วนสำเนิน |
ว่ามิได้รับเชิญมะเฮินหา |
มะฮานตานวานพ่อศรีอยุธยา |
เขากล่าวกลอนมะฮอนฮาแทนตอนนี้ ฯ |
๏ ฃ้าเจ้าศรีอยุธยาสหายาน |
ได้รับวานแถลงเรื่องกะเจื๋องจี๋ |
แต่พรั่นใจอยู่สักนิดกะจิ๊ดรี |
จะบกพร่องกะจองจีกว่าท่านไป |
เพราะเจ้าคุณท่านเปนปราชญ์มะฮาดเฮด |
ช่างสังเกตเหตุการณ์มะฮานไห |
อีกบทกลอนท่านก็คล่องชล่องไล |
ท่องร่ำไปชลดชดช่างจดจำ |
ฃ้าเจ้าทรามกว่าเจ้าคุณมะทุนทู |
รูปก็ห่างไกลหมูกะจู๋จ๋ำ |
ปากก็ไม่ยื่นย้อยกะห้อยฮำ |
กินก็คำย่อมกว่ามะฮาแฮน |
แต่ท่านวานขัดท่านมะฮานฮัด |
ท่านจะกัดเจ็บเปล่ากะเจ๋าแจ๋น |
จึ่งจำใจกะแตงแมงแถลงแทน |
เปนคำกลอนแกน ๆ มะแลนทูน |
ลครพูดเล่นถวายวรายเชือง |
เรียกว่าเรื่อง “ฉันจะบวช” วรวดฉูน |
ของคุณพระนามกรวรอนชูน |
พิสัณห์พิทยาภูนวรูนชา |
แต่ฃ้าเจ้านี้เห็นกะเป๋นเหล |
ว่าเรียกเรื่อง “สาเก” กะเป๋หลา |
จะเหมาะกับเนื้อเรื่องกะเปืองลา |
เพราะเหตุเกิดมะเหิดฮาด้วยสาเก |
คือหมอน่วมเผ่าแพทย์ตะแลดต๋าย |
เมียแกตายแสนจะทุกข์ตะลุกเต๋ |
จำนงจิตแต่จะบวชตลวดเต |
จนได้กินสาเกตะเลไต |
นางลำใยแสวงสินตะหลินเตื๋อม |
หล่อนช่างเชื่อมสาเกตะเหลไต๋ |
จนหมอน่วมตลิตจิตกะติดใจ |
มะไหลไถมะหลงถงหลงเสียงอม |
ได้นางนั้นมาเปนเมียมะเถียลิด |
กำเริบฤทธิ์รุมเสน่ห์มะเหลถอม |
โกรธกับลูกโกรธกับพี่กลีลอม |
หลงเสียงอมไม่เปนท่ากลาเลา |
แต่หญิงชั่วกะจ๋านหมานผลาญทรัพย์ย่อย |
แล้วต้อยหลอยต๋ามหลามตามผัวเก่า |
หมอน่วมรู้สึกตนกะจนเจา |
ก็โศกเศร้าสึมหงึมจึมปัญญา |
จนโชคดีลูกชายมะถายหลือ |
พบหนังสือของแม่มะแถหลา |
บอกขุมทรัพย์ฝังไว้มะไถลา |
ขุดขึ้นมามะถังหลังกลับมั่งมี |
ใครอยากรู้เรื่องละเอียดมะเลียดถาน |
เชิญซื้ออ่านเองเถิดมะเหลิดถี |
เฃาตีพิมพ์ไว้ฃายมะลายที |
คงพอใจมะไลถีมะลีทา |
ผู้ที่เปนตัวลครมะฮอนเฮ็น |
ตั้งจิตเล่นลคีรีดีหนักหนา |
ทั้งชายหญิงเล่นสนิธมลิดชา |
คนดูฮามะงันรันสนั่นโรง |
ชายเปนฃ้าราชการมะฮานฮู |
หญิงเปนครูโรงเรียนมะเกียนโก๋ง |
มีเวลาซ้อมน้อยกะตอยโตง |
เล่นได้ดีมะถีโถงถึงเพียงนั้น |
ควรเรียกว่ามหุดสุดอุตสาหะ |
พิริยะเพียรหัดกะจัดจั๋น |
เพื่อบำเรอบาทบงสุ์วรงชัน |
โดยพร้อมกันตลักตักจิตภักดี ฯ |
๏ เช้าที่สี่พฤศจิกากะบาลอง |
กระบวนล่องชลธารชลานฉี |
จากนครสวรรค์บุรันชี |
สู่ทักษิณเทศีกะปีลา |
ที่วัดธรรมามูลกะปูนเลือง |
พระจอมเมืองแวะกระบวนนาววนหนา |
เสด็จขึ้นคีรีมะฮีฮา |
บังคมพระปฏิมาวราโช |
โปรดให้พิมพ์ธรรมจักร์วรักชัด |
จากพระหัดถ์ปฏิมามะฮาโห |
ด้วยขี้ผึ้งแผ่นกลมกะปมโป |
อีกหมึกทาจักโกเอาผ้าซับ |
พระองค์นี้มะฮือรือบรรฦๅฤทธิ์ |
ว่าศักดิ์สิทธิ์นักหนาอะฮาหับ |
ใครหยากได้บุตรากะจ๋าจั๋บ |
น้อมคำนับตลมปมสมวิญญา |
พี่อู๊ดจึ่งตลึ๋งตึ๋งตลุดกุด |
ก้มเกล้าเค้าคุดตล๋าต๋า |
เจ้าประคุณตลุ๋นตุ๋นกรุณา |
ขอลูกหมูกะปู๋หลาอีกห้าตัว |
ชายให้เหมือนบิดากะต๋าแต๋ |
กะแต้แย่กะตั้นยั่นกะตั๋นตั๋ว |
พุงให้ย้อยปากให้ยื่นกะตื๋นยัว |
ใครเห็นตัวกะตื้นลื่นคลื่นไส้พุง |
หญิงให้เหมือนมารดรกะต๋อนเตื๋อน |
อย่าแคล้วเคลื่อนกะเจื๋อนไหมกะไจ๋หมุง |
ถึงไม่งามเลิดฟ้ามะฮาฮุง |
รู้จักปรุงรสอาหารกะปานลี |
กลับลงเรือแล่นล่องชลองโลง |
สองชั่วโมงเศษหน่อยกะจ๋อยจี๋ |
ถึงตำบลสรรพยาชลาลี |
อันเปนที่ประทับแรมกะแปมโล |
ในมณฑลนครสวรรค์กะจั๋นเจด |
ได้สังเกตทวยราษฎร์กะจ๊าดจี๋ |
ต่างชื่นมื่นจื้นจั๊กใจภักดี |
และเปรมปรีดิ์ที่ได้เฝ้ามะเลาชาม |
เสด็จไหนเห็นแต่ชนมะก๋นแก๋น |
เบียดกันแน่นมะแก๋นก๋นอยู่ล้นหลาม |
ตลุดกุดคุดเค้าตะเลาตาม |
บังคมบาทพระรามวรามชัย |
บ้างจัดของหลาก ๆ ตะมากหมาย |
ทูลถวายวริดชิดอดิศัย |
จัดตามมีตามเกิดมะเฮิดไฮ |
สำแดงใจจงรักตะมักแม |
น่ารักใจชาวมลนชนบท |
ไม่ละลดรักเจ้ามะเลาแฉ |
กะตัญญูมลูฉิดติดดวงแด |
ไม่เชือนแชมลงชงทนงตน |
ยังเชื่อบุญบารมีมะฮีโฮ |
กษัตริย์เปนร่มโพธิ์มะโฮหน |
ได้พึ่งพามะฮาฮุกสุขทุกคน |
ควรเปนเยี่ยงมะเฮียงฮนแก่เพื่อนเรา ฯ |
๏ วันที่ห้าพฤศจิกาชลาลวน |
คลาขบวนล่องท้องชลองเหลา |
นาวาลอยล่องเรื่อยชะเลือยเลา |
ย้อนทางเก่ากลับตรงชลงแลม |
สามชั่วโมงนาโวงมะโฮงฮอน |
ถึงวัดพรหมสาครอารอนแหรม |
เปนที่จอมขัตติยะวราแชม |
ประทับแรมวรองชองสองราตรี |
นึกอึดใจที่กำลังชลังชอง |
ชลาล่องสู่บ้านชลานหลี |
มาต้องแวะชลูตูอยู่แห่งนี้ |
ฉลีฉีฉลาดฉาดอนาถใจ |
เพราะเปนราชประเพณีวรีฉัน |
ในวันจันทร์ไม่ดำเนินนะเทินไถ |
ในทางชลมารคมะทากไท |
จึ่งต้องแรมทะแมมไมอยู่กลางทาง |
แม้มิเกรงเกิดความกะปามลู๊ด |
อันพี่อู๊ดฤๅจะรอกะปอหลาง |
คงเลยล่องกลับเร็วมะเกวกาง |
เพราะเคราะห์ลางพี่ไม่เชื่อมะเกือเก |
อันเคราะห์ใดฤๅจะร้ายมะฮายฮา |
หนักไปกว่ากะจ๋างหวางห่างเคเห |
ต้องแคล้วเคลื่อนร้างเรือนกะเปือนเล |
ใครจะชวนให้สะเบสะบ๊อบจ๊อบ |
เห็นอยู่แต่กุนเชี้ยงมะเกี๋ยงกู๋ |
อีกโครงหมูมะไก๋ไต๋ที่ได้ฮอบ |
พอช่วยให้โศกสร่างกะจ่างจ๊อบ |
ได้ชวอบพอชะวมภิรมโย |
ยามราตรีมหรศพมะฮบเฮ็น |
มาลอยเล่นหน้าพลับพลาชลาโหล |
นึกหรือว่าพี่ไปดูมะฮูโฮ |
เปล่าละโฮอู๊ดตู๊ดมะนู๊ดนอน ฯ |
๏ วันที่หกพฤศจิกาวราชาย |
เวลาบ่ายองค์อดิศร์วริดฉอน |
เสด็จโดยเรือยนตร์วรนชอน |
ล่องชลอนชลนลามิช้าที |
เฃ้าคลองน้อยกะต๋อยหรอยชลอยหลำ |
ออกลำน้ำชลักทักชื่อจักร์สีห์ |
บ่มิช้าจอดท่าชลาลี |
วัดพระนอนจักร์สีห์ชลีเท |
ประชาชนตล๋อยต๋อยต่างคอยเฝ้า |
พระเปนเจ้าเค้าคุดตลุดเต๋ |
บ้างจัดของมาถวายวรายเช |
ล้วนปรีเดได้ชมตลมโป |
เสด็จสู่พระวิหารมะฮานฮอน |
ทรงนมัสพระนอนมะฮอนโห |
แล้วเสด็จกลับทางชลางโล |
สู่พลับโพลกะโปลากะปาไล |
อันพระพุทธรูปมะฮูบฮด |
มีทุกอิริยาบทวรดไฉ |
มลึ่กตึ้กมลาดต้าดประหลาดใจ |
พระเสวยมะเล๋ยไต๋ไม่เห็นมี |
แม้ตัวพี่มีทรัพย์มะหับฮาง |
จะใคร่สร้างพระเสวยวเรยฉี |
ให้ประทับขัดสมาธิ์มะกาดกี |
และให้มีบาตร์ตั้งมะฮังเฮอ |
จะเฉลิมศรัทธามะฮาโฮ |
จะบูโชตลุดกุดมุดเกเศอ |
และขอพรมะฮะต๊ะปฏิเมอ |
ให้ตูเข้อสุเฃกะเปลู |
อย่าให้ฃาดกุนเชียงมะเกียงกูน |
บริบูรณมะโฮงโกงด้วยโครงหมู |
อีกปลาร้าผักต้มมะกมกู |
อีกปลาทูปูทเลมะเฮกา |
แล้วจะสอนปวงลูกกะอู๊กอื๋อ |
ให้นับถือพระเสวยกะเอ๋ยอ๋า |
เกิดชาติใดให้เปนหมูกะอู๊อ๊า |
เหมือนป้าป๋าปู๊ดลู๊ดกะอู๊ดพลุ้ย |
นึกถึงพระเสวยพลางทางชวาบ |
กะฮอบฮาบกะมัดฮัดยัดตุ้ย ๆ |
กินจนอิ่มจวนกะอักตลักลุ้ย |
ลงเอนหลังอุ้ยตุ้ยทอดหุ่ยเรอ |
นอนไขว่ห้างกะติ๊กมิกกระดิกฃา |
กะปาลาผาศุกมะหุกเหอ |
ถึงจะมีการเล่นมะเฮนเฮอ |
พี่อู๊ดไม่ปราถเนอทัศนี |
เพราะถือแบบโบราณกะปานลอน |
กินแล้วนอนกะปูกหลูกถูกใจผี |
มันให้พรวรัดชัดกะปัดลี |
ให้อยู่ดีกินดีกะปีโล |
อันคนเราเกิดมามะหลากถอน |
กินแล้วนอนและดีมะหลีโถ |
กินแล้วนั่งผีชังมะลังโท |
อู๊ดกับผีทะมีโลใจต้องกัน ฯ |
๏ วันที่เจ็ดพฤศจิกาตล๋าต๋อง |
กระบวนล่องต่อไปตะไล๋ตั๋น |
ตามทางที่ขึ้นมาตลาตัน |
เพราะฉนั้นตะไล๋ไต๋ไม่กล่าวซ้ำ |
ประทับแรมบางบาลชลานลาบ |
หน้าวัดนกกระจาบชลาบหลำ |
นึกดีใจนักหนามะฮาฮำ |
อีกคืนเดียวตลำปำถึงกรุงไกร |
วันที่แปดพฤศจิกาตล๋าต๋ง |
ก็ล่องลงเรื่อยเจื้อยตะเหลือยไต๋ |
พอเย็น ๆ ถึงกรุงตลุงไต |
โดยทันใดขึ้นบกตะลกตือ |
รีบขึ้นรถกะฟ๊อดต๊อดกะจ๊อดจี๋ |
ขับเร็วรี่ตามถนนกะจ๋นจื๋อ |
มิช้าพลันถึงบ้านกะจานจือ |
ขึ้นเคหือกะเจ๋มเหมมเปรมปรียัน |
จากไปนานเห็นบ้านกะปานแลน |
ตละเห็นวิมานแมนมะแฮนหัน |
วิมานใดจะมาสู้กะปูลัน |
วิมานอู๊ดมะฮูดหันมะกันไท ฯ |
๏ ฃ้าเจ้าศรีอยุธยามะหลาถาด |
แต่งนิราศมะไหลเถมะเหลไถ |
พออ่านเล่นกะเป๋เหลมะเถไล |
มะไหลไถมะหลางถางยามว่างงาน |
สมมตให้ท่านผู้ใหญ่มะไฮฮัง |
ในกรมวังมะแหลงแถงแต่งกลอนสาร |
ที่แท้เจ้าคุณอู๊ดมะฮูดฮาน |
มิได้แต่งมะแหลงถานสักกลอนเดียว |
เพราะถึงท่านตามเสด็จชะเลดล๊อบ |
ท่านไม่ชอบตะไหลไป๋ในการเที่ยว |
ท่านชอบอุดอยู่แต่เรือกะเมือเมียว |
หรือจะเที่ยวท่านกะเที่ยวมะโลนโทน |
อย่างเช่นที่ลพบุรีชลีลวน |
มิตร์ไปชวนเที่ยวท้องชลองโหลน |
ท่านไม่ไปกับใครชไลโชน |
อิมโปไล้ต์ไปอะโลนดังหมูตือ |
เรียกเรือจ้างมาลงกะป๋งหลา |
กาน้ำชาตั้งเคียงกะเตี๋ยงตื๋อ |
ขัดสมาธิ์จ้ำม่ำกะปำลือ |
ท่องนะทือเที่ยวนะทังลำพังตน |
ไปถึงไหนไม่ต้องอยากถลากไถ |
ไม่เที่ยวไหนเนาเรือเถลือถน |
คอยบอกป่วยอยู่เปนนิตย์ทลิดทน |
มิตร์ทุกคนคร้านจะชวนทลวนเท |
เหตุดังนี้ฤๅจะมะลาดต้าด |
แต่งนิราศนี้ได้มะไหลเถ |
ซ้ำบอกไว้ตั้งใจมะไลเท |
รับผิดชอบทั้งเพมะเลทาน |
แม้บทกลอนตอนใดกะไป๋ปิ๊ด |
จะขัดจิตกะปิ๊ดปู๋ท่านผู้อ่าน |
ขออย่าโทษเจ้าคุณอู๊ดกะปู๊ดปาน |
จงโทษศรีอยุธยานนี้เถิด เอย ๚ะ๛ |