กัณฑ์มหาพน

ความพระเทพโมลี (กลิ่น) แต่ง

พิมพ์ไว้สำหรับให้สอบ

----------------------------

คจฺฉนฺโต โส ภารทฺวาโช

อทฺทส อจฺจุตํ อิสึ

ทิสฺวาน ตํ ภารทฺวาโช

สมโมทิ อิสินา สห

กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ

กจฺจิ โภโต อนามยํ

กจฺจิ อุฺเฉน ยาเปถ

กจฺจิ มูลผลา พหู

กจฺจิ ฑํสา จ มกสา

อปฺปเมว สิรึสปา

วเน พาฬมิคากิณฺเณ

กจฺจิ หึสา น วิชฺชตีติ

กุสลฺเทจ โน พฺรเหฺม

อโถ พฺรเหฺม ยาเปมิ

อโถ อุฺเฉน ยาเปมิ

อโถ มูลผลา พหู

อโถ ฑํสา จ มกสา

อปฺปเมว สิรึสปา

วเน พาฬมิคากิณฺเณ

หึสา มยฺหํ น วิชฺชติ

พหูนิ วสฺสปูคานิ

อสฺสเม สมฺมโต มม

นาภิชานามิ อุปฺปนฺนํ

อาพาธํ อมโนรมํ

สฺวาคตนฺเต มหาพฺรหฺม

อโถ เต อทุราคตํ

อนฺโต ปวีส ภทฺทนฺเต

ปาเท ปกฺขาลยสฺสุ เตียกือเจี้ย

ติณฺฑุกานิ ปิยาลานิ

มธุเก กาสมาริโย

ผลานิ ขุทฺทกปฺปานิ

ภุฺช พฺรเหฺม วรํ วรํ

อิทํปิ ปานิยํ สีตํ

อาภตํ คิริคพฺภรา

ตโต ปิว มหาพรฺเหฺม

สเจ ตฺวํ อภิกงฺขสีติ

ปติคฺคหิตํ ยํ ทินฺนํ

สพฺพสฺส อคฺฆิยํ กตํ

สฺชยสฺส สกํ ปุตฺตํ

สิวีหิ วิปฺปวาสิตํ

ตมหํ ทสฺสนมาคโต

ยทิ ชานาสิ สํส เมติ

น ภวํ เอติ ปุฺตฺถํ

สิวิราชสฺส ทสฺสนํ

มฺเ ภวํ ปตฺถยสิ

รญฺโ ภริยํ ปติพฺพตํ

มฺเ กณฺหาชินํ ทาสึ

ชาลึ ทาสฺจ อิจฺฉสิ

อถ วา ตโย มาตาปุตฺเต

อรฺเ เนตุมาคโต

น ตสฺส โภคา วิชฺชนฺติ

ธนธฺฺจ พฺราหฺมณาติ

อกุทฺธรูปาหํ โภโต

นาหํ ยาจิตุมาคโต

สาหุ ทสฺสนมริยานํ

สนฺนิวาโส สทา สุโข

อทิฏฺฐปุพโพ สิวิราชา

สิวีหิ วิปฺปวาสิโต

ตมหํ ทสฺสนมาคโต

ยทิ ชานาสิ สํส เมติ ฯ

แลต้น

ภารทฺวาโช อันว่าพราหมณชราภารทวาชชาติเข็ญใจ คจฺฉนฺโต ก็ไต่เต้าตามอรัญวิถีมีสำคัญเขาแลไม้ อันนายพเนจรเจตบุตรบอกแจ้งแล้วแต่หลัง อทฺทส อจฺจุตํ ก็ประสบพบพระสิทธาจารย์จอมอจุตใจจงเจริญจรรยายอดโยคี อันก่อกองกูณฑพิธีกระทำนมัสการ จึงกล่าวปฏิสัณฐารไถ่ถามถึงทุกข์ภัยพยาธิแลเหลือบยุงบุ้งร่านริ้นกินโลหิต สบสรรพอสรพิษพวกพาลมฤคร้ายกาจอันจะรบกวน ถามถี่ถ้วนถึงเที่ยวแสวงหามูลผลาหาร พระสิทธาจารย์เจ้าจึงแจ้งเหตุ ว่าสรรพภัยอาเภทไม่พาธากระทำร้าย ทั้งมูลผลาหารก็หาง่ายไม่ฝืดเคืองขัดสน ผลเอมโอชอันจะขบฉัน เชิญทชีชำระเท้าเสียให้สิ้นธุลีในโรงน้ำ กระทำภุตตากิจกินผลไม้มีอยู่มากครัน ผิจะฉันจงฉันเถิด น้ำฉันเราก็ตักไว้ในตุ่มเต็มตามแต่จะปราถนา ท่านทุเรศสัญจรมาในวันนี้ นามศรีสวัสดิ์วิเศษเกษมสานต์การเจริญอย่ารั้งรอเร่งฉันเถิดนะทชี

พระเจ้าข้า เจ้าประคุณใจอารีรบจะให้รับประทาน ทรงพระคุณหาอันใดปานบมิได้ ข้าธอาจารย์จะขอรับดำรงไว้ที่หว่างเกล้า ข้าเถ้าอุสาหะสืบเสาะเฉภาะหน้ามาทั้งนี้ ด้วยมีกระมลมุ่งมาตรหมายประสงค์จะใคร่ประสบพบพระองค์อรรคบรมทานาธิบดี มีนามพระเพสสันดรอดุลดวงดิลกเลิศกระษัตริย์ในสากล ยทิ ชานาสิ สํส เม ผิแลพระผู้เปนเจ้าแจ้งตำบลที่บพิตรสถิตย์สถาน จงโปรดเกล้าข้าธอาจารย์ให้ทราบเหตุสักหน่อย

เหม่มึงนี้ชรอยถ่อยทรลักษณ์ลามกธรรม์ ใช่จะมาด้วยหวังสวัสดิ์เปนทางสวรรค์นั้นหามิได้ มญฺเ กูดังนึกแน่ในใจไม่ผิดเนตร ชรอยจะไปขอสมเด็จพระอรรคเรศราชชายา แลพระชาลีกัณหาทั้งสององค์ เออก็ท้าวเธอมาทรงสร้างแสวงบุญบำเพ็ญผลเพิ่มผนวชในพนัศดงดอน มีแต่ลูกสองสมรกับพระมเหษี แต่สามองค์ด้วยกันเท่านี้เห็นหน้ากันเมื่อกาลไร้ หรือมีทรัพย์สิ่งใดซึ่งได้ติดพระองค์มา มันช่างไม่คิดอนิจจาดีแก่ใจอย่างไรหนอนี่ทชี

อกุทฺธรูปาหํ โภโต พระเจ้าข้า พระฤๅษีอย่าเพ่อโกรธ ข้าทชีนี้ใช่พราหมณโหดหินชาติเหมือนเช่นว่า ไม่จงหวังตั้งหน้ามาขอท่าน กระทำให้เสียจารีตรามราชวิสัยมหาสารสืบประเพณี ถึงบริภาษพ้อจนเพียงนี้ ข้าน้อยก็หนักแน่นนึกเกรงไม่โกรธตอบ ด้วยว่าตัวตั้งอยู่ในความชอบไม่แผกผิด มานี้หวังว่าจะพบพานบพิตรพงศ์ทิพากร อันเปนศรีสวัสดิสุนทรทางทัศนานุตตริยธรรม์อันอุดม ด้วยได้สโมสรสมาคมคบหา กับพระองค์ผู้ทรงพระปรีชาเชื้อปราชญ์ไม่มีเปรียบประยูรยศอันใหญ่ยิ่ง แต่จากเมืองมาอยู่ป่าเปนความจริง ข้าพเจ้ายังมิได้เห็นพระองค์เลย พระคุณเจ้าเอ่ยเอนดูเถิดถ้ารู้แห่ง จงช่วยชี้ตำแหน่งนิวาสสถาน ให้แก่ข้าธอาจารย์ ณกาลบัดนี้เถิด ฯ

ตํ สุตฺวา ตาปโส พระอจุตฤๅษีได้ฟังสารมุษาวาท ทชีชาติทรชนสาทานช่างรำพรรณพูดให้เชื่อก็เชื่อฟัง จึงให้พราหมณ์ยับยั้งอยู่ก่อน นอนในอาศรมสิ้นส่วนแห่งราตรี ยังทชีเถ้าทลิทกให้รับประทานมูลผลาหารของป่า ครั้นรุ่งสางสว่างเวลาอรุโณทัย จึงพาพราหมณไปสถิตย์ที่ต้นทางเถื่อนวิถี จึงยกทักขิณหัตถ์ขึ้นชี้ให้ทชีจำระยะมรรคา ก็กล่าวเปนสารพระคาถา

เอส เสโล มหาพฺรเหฺม ฯลฯ เอวํ รมฺโม ตโปวเนติ

แลเขา

พฺรเหฺม ดูกรมหาพราหมณ์พรหมบุตรบวชบรรพชาชาติทิชงคพิสัย เอส เสโล แลถนัดในเบื้องหน้านั้น เขาใหญ่ยอดเยี่ยมโพยมอย่างพยับเมฆ มีพรรณเขียวขาวแดงดูอดิเรกดังรายรัตนนพมณีแนมน่าใคร่ชม พระสุริยแสงส่องระดมก็ดูเด่นดังดวงดาววาวแวมวะวาบวาบที่เวิ้งวุ้ง วิจิตรจำรัสจำรูญรุ่งเปนสีรุ้งพุ่งเพียงคัคณัมพรพื้นนภากาศ บ้างเกิดก่อก้อนประหลาดศิลาลายแลละเลื่อมเลื่อม ที่งอกง้ำเปนแง่เงื้อมชะงุ้มชะโงกชะง่อนผาผุดเผินเปนแผ่นภูตระเพิงพัก บางแห่งเล่าก็เหี้ยนหักหินเห็นเปนรอยร้าวรานระคายควรจะพิศวง ด้วยธารอุทกที่ตกลงเปนหยาดหยัดหยดย้อยเย็นเปนเหน็บหนาว ในท้องถ้ำที่สถิตย์ไกรสรราชสถาน บังเกิดแก้วเก้าประการกาญจนประกอบกัน ตลอดโล่งโปร่งปล่องเปนช่องชั้นช่อวิเชียรฉายโชติช่วงชัชวาลสว่างตา แสนสนุกในห้องเหมคูหาทุกหนแห่งรโหฐาน เปนที่เสพอาศรัยสำราญแห่งสุรารักษรากษษสรรพปิศาจมากกว่าหมื่นแสน สะพรั่งพฤกษพิมานแมนทุกหมู่ไม้บรรดามีในเขานั้น ทรงทศพิธสุคันธขจรอาจจับเอาใจเปนอาจิณ คนฺธมาทโน จึงเรียกนามว่าศิขรินทรคันธมาทน์มหิมา เหตุประดับด้วยพฤกษาทรงสุคนธชาติสิบประการมี เชิญทชีไต่เต้าตามตีนเขาข้างอุตตราภิมุขเขม้นมุ่งมาตรหมายเฉียงเหนืออย่านอนใจ โน่นนั่นคือหมู่ไม้มีอเนกนานานับบมิถ้วน นีลา แลสล้างล้วนสูงสลอน ออกช่ออรชรผลผกาเกิดกับกิ่งก้าน ระกุแกมแนมใบวิบุลระบัดบัง เขียวชะอุ่มดังจอมเมฆมั่วเปนมูล สบสรรพสกุณตระกูลทิชากรที่เกริ่นร้องกับกิ่งรุกขชาติเรียงราย ครั้นเพลาลมชายรำพายพัด กิ่งก้านก็ไกวกวัดสะบัดโบก ต้นลำยอดเขยื้อนโยกอยู่ไปมา เหมือนมานพเสพสุราเมื่อแรกเริ่มพึ่งรู้รส ได้ถูกดื่มคราวเดียวไม่ทันหมดก็เมามาย จะตั้งตรงดำรงกายบรั้งรอด ด้วยสุราร้ายฤทธิแรงเมา ในพื้นภูมิภาคนั้นเล่าก็แลเลือน ล้วนผกากุ่มหล่นลงกลาดเกลื่อนที่กลางดินดาษดา สทฺทลา หริตา พรรณหญ้าแพรกขึ้นสะพรั่งเขียวคือสร้อยคอขนมยูรยูงระยับอ่อนยิ่งอย่างสำลีใยยอดไม่ยาวสั้น สี่องคุลีมิเสมอกันไม่ก้ำเกิน อันหนทางที่จะเดินนั้นสดวกดายสบายบาทบทจรเจริญใจ ผงไผ่พัศมธุลีลอองอันลเอียดเปนฝุ่นฟุ้งมิได้เฟื่องขึ้น ด้วยหญ้าแพรกปูปกไปเปนพื้นภูมิ์พนัศสถาน เทียรย่อมให้เกิดวัฒนาการกำหนัดในกำหนดนามมิ่งไม้อันมีผล มีอัมพพฤกษเปนต้นดังสำแดงมา ในจุลวนกถานั้นแล ฯ

แลสระ

พฺรเหม ดูกรมหาพราหมณ์ผู้ประพฤติพรหมจรรยา เราจะพรรณาถึงสระศรี อันมีอยู่แทบที่พระอาศรมศิวาวาส แห่งสมเด็จบรมบาทบพิตรพิชิตพิไชยเฉลิมชาวเชตุดรราชธานี มีนามมุจจลินท์สินธุสระสนานสี่เหลี่ยมเยี่ยมด้วยชลธารชโลทกเทียบเทียมไพฑูริยจินดาดวงดูใสสอาด เย็นยะเยือกหยาดอย่างอมฤตยวาริน ระรื่นรวยด้วยกลิ่นอายอบอวน ฝูงกินรคณานางย่อมชักชวนกันมาอาบกินเกษมสานต์ แสนสุขสำราญสารภิรมย์ระร่าเริงบันเทิงใจในสระนั้น อเถตฺถ ปทุมา ผุลฺลา อำพนด้วยบัวบุษป์เบญจพรรณมีประเภทพิจิตรอาจจับใจ ที่ขาวก็ขาวแข่งไสวสีเสวตวิสุทธิสุดสอาด โขมาว ดังสุขุมโขมพัสต์ลาดแลละลิบละลานตา พรรณที่เขียวแดงก็ดาษดาดูดุจแสร้งประดับสลับสลอนล้วนเปนเหล่ากัน พวกอุบลบัวผันเผื่อนผุดกุมุทหมู่ลิญจงกระจายบาน ในคิมหันต์เหมันตกาลประกอบเกิดกับน้ำกำหนดตื้นยืนเพียงเข่าควรจะปราโมทย์ อันว่าโกสุมภ์สโรชก็ร่วงโรยรสเรณูนวลผกาเกสร หมู่แมลงมาศภมรก็มัวเมาเอาชาติลอองอันเลอียด เสียดแทรกไซ้สร้อยเสาวคนธขจร หึ่งๆ บินวะวู่ว่อนร่อนร้องอยู่โดยรอบขอบจตุรสระศรี สรรพพืชผักในวารีแลริมเฉนียนอเนกนับมากกว่าหมื่นสิ่ง เปนต้นว่าสาหร่ายแลสายติ่งตับเต่าเหล่าถั่วเขียวถั่วราชมาษ พรรณพื้นผักกาดแกมกะเทียมหอมเห็นใบไสว เต้าแตงแฟงฟักใหญ่ยิ่งเท่าเภรี วาริโคจรา หมู่มัจฉาชาติในสระศรีสุดที่จะร่ำ คล้าย ๆ ว่ายอยู่คล่ำ ๆ เข้ากินไคลแล้วเคล้าคู่ ตะเพียนทองล่องลอยอยู่ที่หลังชล กินเกสรอุบลเบือนเข้าแฝงบัวให้บังกาย นวลจันทร์พรรณเนื้ออ่อนแอบสวายแสวงวัง นลเปสิงฺคุ กุมฺภิลา กรกฏกุ้งกั้งมังกรกุมภีล์ ตะโกกกาแกมกระดี่ชะโดดุกก็โดดดิ้น เที่ยวเลมล่าอาหารกินในท้องธาร แสนสนุกในสระสนานอเนกา ดังสระสวรรค์สุนันทาทิพยสโรชโบษขรณี อันมีในไตรตรึงษ์ตรีเนตร สหัสจักษุเทเวศร์วัชรินธร ที่ขอบสระนั้นเปนทรายอ่อนระคนดินดูสอาด พืชคามขึ้นประหลาดล้วนพิเศษสรรพโอสถทุกสิ่งสมตำรา (กุทชี ประคำไก่กุ่มกฤศนาเยาวภาณีเนียมเสนียดหนาดโลธนงนางแย้ม มหากาฬกอโกฎก็เกิดระกุแกมกับโหรากีบแรดราชคัดสลัดได สหัสคุณเทศไทยเทียนทั้งห้า หิงหายเนียรภูสีแซ่ม้าทลายเถลิงโคขอนดอกดินถนำ กลิงฺคุกา สมุลแว้งว่านน้ำนมสวรรค์ พรรณจิกแจงจวงจันทน์จิงจ้อเจตพังคีสะค้านข่าต้น มหาคงคาเดือดเหมือดคนโคกกระออมขี้อ้ายสักขีอุตพิด บ้างก็เปนเทือกเถาเหล่าล้วนวาลีสลิดเลื้อยพานเปนพุ่มพืชพรรณพฤกษา พร้อมทุกสิ่งสรรพว่านยาก็มีครบ เปนต้นว่าว่านกากบกีบแรดสมีเพลิงไพลพลับพลึงสามพันตึงตีมิหัก เทพจักรจิตรพระยาราพแสงนารายน์เรืองฤทธิ์แรงกำแพงพังเพิกบาดาล กำลังหณุมานสังวาลย์พระอินทร์ลิ้นพระยานาคว่านครกสากเสน่ห์จันทน์ เรามิอาจที่จะรำพรรณพ้นที่จะพรรณาอเนกนับมิได้ ท่านจงสั่งสนใจประจุย่ามตามจะปราถนา จะได้อภิบาลบุตรภรรยาอยู่ข้างบ้าน สุดแต่จะต้องตำราโรคนิทานทั้งแปดหมู่ กระทู้ไข้ให้ขบกัดปัตฆาฏไข้ป่า บ้างก็เกิดกลอาพาธด้วยสันนิบาตบ้าใบ้ไข้โบราณเรื้อรังไม่รู้วาย เมื่อได้กินยานี้แล้วก็หายเห็นวิเศษ ทิพฺโพสถํว ดุจเทพเจ้าอันเรืองฤทธิ์สิทธิศักดาเดชประดิษฐสรรค์ประสงค์สร้างถวายไว้ ในอรัญเวศประเทศป่าพระหิมพานต์) (คือพิมเสนเสนียดกฤศนาหนาดโลธนง จันคณามหาสะดำดงมะเดื่อดินดีนาคราช โกฎกระลำพักเพชสังฆาฏขอนดอกดงกำยาน ราเชนชะมดหมู่กระวานว่านวิเศษ สหัสคุณเทศขันทองเทพธาโรราชพฤกษ์กระเพราแดง พระยาสัตตบรรณสมุลแว้งว่านน้ำอเนกนักสุดที่จะพรรณา) ยังเล่าเหล่าพฤกษาที่เนินทรายก็รายเรียงร่มรื่นขึ้นอยู่ริมรอบโรงพิธีกูณฑ์ แห่งสมเด็จอดิศรบดินทร์สูรสรรเพ็ชญ์พุทธพงศ์เพสสันดร ยมโดยประดู่ดอกออกสลอนสลับมลุลีกระดังงา สลฺลกิโย จ ปุปฺผิตา กระทุ่มทองแทงทวยทั้งกรวยกร่าง จิกแจงดอกกระจ่างแลช้างน้าว กิ่งก้านก็ก่ายก้าวเกี่ยวประสาน สารภีพิกุลกาญจนแก้วเกษกรรณิกาแกม มหาหงประยงคุ์แย้มยี่เข่งเข็ม พรรณพุดตาลก็บานเต็มแต่ล้วนเหล่ากุหลาบตระหลบพง รวย ๆ ลำดวนดงส่งสร้อยสุคนธา หอมประทิ่นกลิ่นโยธกาตระการใจ จำปาออกดอกดกไสวเรณูนวล ล้วนกาหลงเหล่าบุนนาคกากทิงกถินกลิ่นหอมหวานวิเศษ ดูกรทชีเชษฐ์ อันชั้นนอกนั้นดาษดื่นพื้นพฤกษาสูง เหล่ายางยูงพยอมใหญ่ย่อมเยียดยัด อกุฏิลา ลำต้นตละคันฉัตรเฉิดระหงตรงละลิ่วแลสูงสะพรั่ง พรรณพฤกษเต็งรังร่มรื่นเรียงเพียงหาดเห็นเปนเหล่า ๆ สิมฺพลีรุกฺขา หมู่งิ้วง้าวงามตระหง่านปานประหนึ่งว่านายช่างหากพิจิตรประจงเขียน ทั้งขุยข่อยแคคางนางตะเคียนก็ขึ้นอยู่คั่งคับ พวกผึ้งก็พากันมาจับประจำกระทำรังเจริญรวงมธุรสวารี ที่ค้อมคดกะทดกะทันนั้นก็มีอยู่มากมาย กทฺทลิโย อนึ่งผลกล้วยกล้ายดิบสุกทรามกำดัดกินก็เกลื่อนกลาด ย่อมมีอยู่ที่ใกล้พระอาวาสบริเวณวนาศรม แห่งพระผู้อุดมด้วยศีลวัตรวรวิเศษ สืบสร้างแสวงเพศผนวชในพนัศกันดารอันเปนเขตรพระหิมพานต์นั้นแล ฯ

อเถตฺถ สีหา พฺยคฺฆา จ ฯลฯ ชาตเวทํ นมสฺสตีติ

แลราชสีห์

พฺรเหฺม ดูกรทชีชาติทิชงค์เชื้อมหาสาร เอตฺถ พฺรหาวเน อนึ่งในห้องหิมพานต์ภูมิ์พนัศพนาเวศวิสัยสุดซึ่งจะรำพรรณ พวกนิกรสัตว์ทั้งหลายนั้นอนันต์อเนกนับมากกว่าหมื่นแสน ย่อมอาศรัยอยู่ในด้าวแดนดงกันดารไพรพฤกษาสารสโมสร สรรพจัตุบทนิกรกับทวิบาท เปนต้นว่าสัตว์สุรสีหชาติสี่จำพวกพาลผรุสร้ายราวี หนึ่งนามชื่อว่าติณราชสีห์เสพซึ่งเส้นหญ้าเปนอาหาร หนึ่งชื่อว่ากาฬสิงหแลบัณฑุสุรมฤคินทร์ ย่อมเสพซึ่งมังสะนิกรกินเปนภักษา สามราชสีห์มีสรีรกายาพยพอย่างโคขนพิกลหลาก ๆ กัน พรรณที่หม่นมอเปนมันหมึกมืดดำสำลานเหลืองแลประหลาด หนึ่งนามชื่อว่าไกรสรสิงหราชฤทธิเรืองแรง ปลายหางแลเท้าปากเปนสีแดงดุจย้อมครั่ง พรรณที่อื่นเอี่ยมดังสีสังข์เศวตวิสุทธิสดสอาด สามลายวิลาศผ่านกลางพื้นปฤษฎางค์แดงดังชุบชาด อันนายช่างชาญฉลาดลากลวดลงภู่กันเขียน เบื้องอุรุนั้นเปนรอยเวียนวงทักษิณาวัฏ เกสรสร้อยคอดังผ้ารัตตกัมพล ย่อมสถิตย์ในคูหาเหมหิรญไพโรจน์รัตนผลึกเลื่อมศิลาลาย ครั้นเพลาพระสุริยบทบ่ายสนธยาบาต ก็ตื่นจากไกรสรไสยาสน์เยี่ยมออกมา จากถ้ำแก้วกนกรัตนคูหาห้องรโหฐาน เหยียบยืนพื้นประพาฬแผ่นผลึกมโนศิลาทอง แล้วเหยียดหยัดสลัดลองไขซึ่งลมฆาน ให้สุรศัพท์สะท้านสะเทือนดงดังเสียงฟ้า วิ่งฉวัดเฉวียนไปมาด้วยสามารถ เผ่นโผนทยานผาดแล้วแผดเสียง พวกพยัคฆ์ก็มอบเมียงเขม้นหมู่มฤคคำรามรนแล้วเร่ร้อง อัศวมุขีก็คนองพาคณาเที่ยวในเถื่อนทาง หตฺถิโย ฝูงช้างก็ชักโขลงคละคลายคล่ำเคลื่อนคลา ขึ้นจากท่าแล้วลงธาร ทุกแห่งหุบห้วยลหารเที่ยวหากิน มีหัศดินอรรคอำนวยพงศ์ ทรงศุภลักษณพิเศษสารสิบตระกูลเกิดกับป่า ทั้งพวกพรรค์หมู่ม้ามิ่งมงคลลักษณหลายอย่าง เขียวขาวด่างดำแดงดูอดิเรกหฤหรรษ์ หมู่ทรายก็ส่งเสียงกระสันแซ่เซงผสาน ฟานฝูงคณาเนื้อนิกรกวางดงดูนี่แดงดาษ หมู่ลมั่งระมาดระมัดกาย ชะมดฉมันม่ายเม่นหมีหมูกทิงเถื่อนโคถึกเที่ยวทุกสถาน กาษรกำเหลาะลานก็ลับเขาเข้าเคียงคู่ กระจงจามรีรู้ระวังขนมิให้ขาดระคาย ตุลฺลิยา นลสนฺนิภา กะรอกตุ่นกะแตกะต่ายก็ไต่เต้น เหล่าลิ่นแลเหี้ยเห็นก็ระเห็จหันหาภักษา พวกพรรณเลียงผาก็ผาดผันเผ่นโผน มกฺกฏา ฝูงพานรกระโจมโจนทยานยุดโยนโยกยะยวบไม้ หมู่ค่างบ่างชนีให้คระโหยหวล เสียงโขมดนางไม้เล่าก็คร่ำครวญอยู่ครึมคราง ปางเมื่อยามย่างเข้าสายัณห์เย็นยอแสงสหัสภาณุมาศ ได้ฟังแล้วนี้ก็หวั่นหวาดวังเวงวิเวกวนาสัณฑ์ เสียวสท้านสะทึกครั่นเย็นระย่อยะเยือกสยบสยอง หริ่ง ๆ เรไรร้องทุกราวรุกระงมป่า แจ้ว ๆ จักรจั่นจ้าประจำดง นานา ทิชคณากิณฺณํ พวกพรรณพิหคหงส์เหิรก็เหิรหันเข้าหาคู่คอยคณานางนกแนบในรังเรียง หมู่มยูรก็ส่งเสียงกระสันเมฆมาดหมายเปนภักษา ปภสฺสรา จ กุกฺกุฏฺฐกา สกุณกฏไก่แก้วกรอดกะเรียนร้องระวังไพร จากพรากเพรียกจับพฤกษาไสวแสวงเหยื่อไปเผื่อเพื่อน สัตวาวายุภักษ์เลื่อนชลอยลม เหล่ากลิงโกกิลากระลุมพูก็โผผิน พวกพรรณพิหคหัศดินดอกบัวกะตั้วกะเต้นเต้นเบญจวรรณาโนรีสาลิกาตระเวนวัน พรรณขาบคุ่มกระทาขันกางเขนเขา เหล่าล้วนเลิศด้วยขนเขียวขาวแดงดูประหลาด อณฺฑชา ทั่วทิชคณานั้นมีชาติเกิดแต่ฟองฟัก เสียงสุโนคเสนาะนักว่าใคร่ฟัง ย่อมอาศรัยทำรวงรังอยู่ริมรอบขอบจตุรสระกระแสสินธุ์ ชื่อว่ามุจจลินทสโรชโบกขรณี ดูกรทชี อันหนทางที่จะเดินนั้นโตรกตรง จงอุส่าห์ไปอย่ากลัวอด ด้วยป่าอ้อยเอมโอชารสนั้นมีเรียดริมมรรคา เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าสมเด็จพระยาธรรมธิเบศรเพสสันดร กับกระษัตริย์ทั้งสามสโมสรทรงพรต เปนบรมดาบสราชฤๅษี อาสทฺจ มสฺชฏํ ทรงกระหมวดมุ่นพระโมลีจุฬาเลิศอลังการ เฉวียงเวียดบวรสังวาลย์วิจิตรจัมมาภรณ์ ฉมา เสติ กระทำพื้นพสุธาธรเปนแท่นที่ประธมทรง น้อมพระองค์ลงถวายกรกองกูณฑ์พิธีกระทำนมัสการ ยตฺถ ปเทเส สำเร็จพระอิริยาบถสำราญในสถานที่ใด เชิญทชีทิชงค์จงไป สู่สถานที่นั้นแล

อิทํ สุตฺวา พฺราหฺมณพนฺธุ ฯลฯ ยตฺถ เวสฺสนฺตโร อหูติ

แลส่ง

ยํ อตฺถํ อันว่าอรรถอันใดบมิได้ปรากฏ ในจุณณิยบทภายหลัง ตํ อตฺถํ สมเด็จพระสรรเพชญ์พุทธบรมนารถนราสภศาสดาจารย์ เมื่อจะโปรดประทานอรรถอันนั้นให้แจ้ง จึงตรัสว่า ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรวินัย ผู้เห็นภัยในสังสารวัฏโดยวิเศษ พฺราหฺมณพนฺธุ อันว่าเถ้าทิชาเชษฐ์ชาติทิชงค์พงศ์เผ่าภารทวาชโคตรคนภิกขาจาร สุตฺวา ครั้นได้สดับสารพระนักสิทธิ์สิ้นสงสัยโสมนัสปราโมทย์ น้อมเศียรศิโรตม์ด้วยมโนภิรมย์ ระรื่นเริงรับคำพระฤๅษี ซ้องสาธุการสรรเสริญ ปทกฺขิณํ กตฺวา เถ้าก็ด้อมเดินกระทำประทักษิณสิ้นตติยวารกำหนด นมัสการประนตประนมลา บ่ายภิมุขมุ่งหมู่พฤกษาสำเหนียกเนินไศล ไปโดยอุดรทิศสถลมารคระมัดกาย ผู้เดียวเดินสันโดษดายในแดนดงพงพนัศแสนกันดาร เห็นแต่ไพรพฤกษาสารกับเสือสีห์สรรพสัตวนิกรอันร้ายกาจ เวสฺสนฺตโร อันว่าพระพงศ์ภาณุมาศมิ่งมไหสวรรย์ พระเวสสันดรราชฤๅษี อหุ เมาะ อโหสิ มี ยตฺถ ปเทเส ในอมรินทรสุราศรมบรมนิวาสสถานเทวนฤมิตร สถิตย์ประเทศที่ใด ปกฺกามิ พราหมณ์ก็รีบร้อนสัญจรไปด้วยใจหวัง ตํ ปเทสํ สู่ประเทศที่นั้นแล ฯ

มหาวนวณฺณนา นิฏฺฐิตา

ประดับด้วยพระคาถา ๘๐ พระคาถา

  1. ๑. ในวงนี้เปนข้อความที่แปลกกว่าเนื้อความที่ใช้กันอยู่เดี๋ยวนี้ พึงเห็นมีในฉบับได้มาจากเมืองไชยาฉบับเดียว

  2. ๒. ความในวงนี้ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่มีในฉบับเมืองไชยา ๆ เอาความที่กล่าวแล้วในวงข้างต้นใส่แทน และเติมคำ “สาร” เข้าในวรรคต่อวงนี้ไปว่า “ยังเล่าเหล่าพฤกษา สาร ที่เนินทราย” เพื่อให้ได้สัมผัสกับหิมพานต์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ