สุธนูกลอนสวด

สุรางคนางค์

  ยอกรประนม
ยกขึ้นบังคม เหนือเกล้าเกศา
วันทาบรมบาท โลกนาถศาสดา
เป็นปิ่นโลกา ไตรภพทั้งสาม
  ไหว้โลกุตรธรรม
ทั้งเก้าเลิศล้ำ นพโลกทรงนาม
ได้แจ้งประจักษ์ ไตรลักษณ์ทั้งสาม
โปรดสัตว์ให้ข้าม ลุล่วงนิฤๅพาน
  ข้าไหว้พระสงฆ์
สาวกพระองค์ ทรงศีลาจาร
เป็นเนื้อนาบุญ สืบสาวแน่นาน
ได้บำเพ็งทาน จำศีลภาวนา
  ข้าไหว้ทั้งสาม
จิตจงปลงงาม ด้วยความปรารถนา
ขอให้กำจัด ทุกข์ภัยโรคา
อย่าให้บีฑา แก่ข้าสืบไป
  ครั้งหนึ่งพระบาท
สมเด็จโลกนาถ สถิตอยู่ใน
พระเชตุพน วิหารเรืองไชย
แทบใกล้กรุงไกร เมืองสาวัตถี
  พระยอดไตรภพ
ทรงพระปรารภ พญามารไพรี
ให้เป็นมูลเหตุ แห่งพระชินศรี
เบื้องหน้าจึงมี พระธรรมเทศนา
  วันหนึ่งหมู่สงฆ์
โอรสพระองค์ นั่งในศาลา
ชวนกันสรรเสริญ สมเด็จศาสดา
ทรมานมารา เห็นเป็นอัศจรรย์
  ฤทธิ์เดชพญามาร
กับทั้งบริวาร ยิ่งยวดกวดขัน
พ่ายแพ้อานุภาพ พระเจ้าด้วยพลัน
ดั่งหมู่แมลงวัน บินเข้ากองไฟ
  เมื่อสงฆ์สนทนา
สมเด็จศาสดา เสด็จอยู่ใน
มหาวิหาร ทรงแจ้งทันใด
พุทธลีลาไคล สู่ธรรมศาลา
  ๑๐ สมเด็จพระชินศรี
พระองค์จึงมี พระพุทธฎีกา
ตรัสถามพระสงฆ์ ว่าสงฆ์สนทนา
ด้วยมูลกิจจา นุกิจสิ่งใด
  ๑๑ พระสงฆ์เถรา
รับพุทธฎีกา กราบทูลฉลองไป
ตามเรื่องนุสนธิ์ แต่ต้นแถลงไข
ให้ทราบพระทัย ที่ได้สนทนา
  ๑๒ สมเด็จทศพล
ได้ฟังอนุสนธิ์ จึงตรัสเทศนา
ว่าตถาคต ทรมานมารา
ครั้งนี้แลนา ไม่สู้อัศจรรย์
  ๑๓ แรกสร้างบารมี
หน่อเนื้อชินศรี ทรมานโกนดัน[๑]
ยักษาธิราช ก็เป็นอัศจรรย์
พระชาติครั้งนั้น ชื่อสุธนู
  ๑๔ ตรัสธรรมเทศนา
สังเขปกถา แล้วทรงนิ่งอยู่
(สงฆ์ปองสดับ) เรื่องสุธนู
สมเด็จสัพพัญญู จึงตรัสเทศนา
  ๑๕ ฟังพระชินศรี
ภิกขุภิกขุณี อุบาสกสีกา
ประชุมพร้อมกัน ในธรรมศาลา
จึงตรัสเทศนา รื้อเรื่องสืบไป
  ๑๖ ว่าสงฆ์บริวาร
ยังมีนิทาน ล่วงลับแล้วไกล
มีกระษัตรา อานุภาพชาญไชย
ได้ผ่านโภไคย กรุงสาวัตถี[๒]
  ๑๗ มีนามบัญญัติ
ชื่อท้าวพรหมทัต ฦๅทั่วธรณี
มหึมาปรากฏ พระยศเรืองศรี
จบสกลธานี ไม่มีเทียมทัน
  ๑๘ มีพระมเหสี
ชื่อเกศนี เป็นศรีสุดาจันทร์
มีนางพระสนม ถ้วนหมื่นหกพัน
อรองค์นางนั้น ล้วนกัลยาณี
  ๑๙ ท้าวเสวยไอศวรรย์
ทศพิธเที่ยงธรรม์ ตามราชประเพณี
ราษฎรไพร่ฟ้า เป็นมหาสุขี
สุขเขษมเปรมปรีดิ์ ทั่วทั้งพารา ๚ะ

ฉบัง

๒๐ บัดนั้นไพร่ฟ้าประชากร นั่งพร้อมสโมสร
แล้วชวนกันสังสนทนา  
๒๑ เถิงพระปิ่นปกเกศา ไร้พระธิดา
ทั้งโอรสาสืบสาย  
๒๒ พระองค์สิ้นชีพวางวาย เราท่านทั้งหลาย
บ่ายหน้าไปพึ่งผู้ใด  
๒๓ คิดแล้วชวนกันคลาไคล ถือธูปเทียนไป
พร้อมกันในหน้าพระลาน  
๒๔ ร้องทูลบังคมในสถาน โปรดข้าสมภาร
อย่าให้เป็นคนอนาถา  
๒๕ บัดนั้นพระปิ่นกระษัตรา เปิดแกลแลมา
ก็เห็นฝูงราษฎร์ประชาชน  
๒๖ ตรัสถามอำมาตย์บัดดล ว่าฝูงประชาชน
ทุกคนปรารถนาสิ่งอันใด  
๒๗ อำมาตย์บังคมทูลไป จงทราบพระทัย
ไพร่ฟ้ามีใจปรารถนา  
๒๘ พระราชโอรสธิดา หน่อเนื้อกระษัตรา
สืบพระวงศาต่อไป  
๒๙ สดับสารโองการตรัสไข ว่าชอบขอบใจ
จงชวนกันไปถิ่นฐาน  
๓๐ ขับแล้วจึงมีโองการ ตรัสแก่เยาวมาลย์
พระสนมทั้งหมื่นหกพัน  
๓๑ ท่านจงประชุมชวนกัน คำรพอภิวันท์
บวงสรวงฝูงเทพเทวา  
๓๒ ให้มีโอรสธิดา ตามความปรารถนา
อย่าได้ประมาทลืมตน  
๓๓ ชวนกันบวงสรวงทุกคน ทุกเทพพิมล
วิมานแห่งเทพเทวา  
๓๔ อันสิงสู่อยู่ในพฤกษา กราบไหว้บูชา
บวงสรวงทั้งหมื่นหกพัน  
๓๕ นางใดมิได้ทรงครรภ์ ไม่เห็นอัศจรรย์
ชวนกันละห้อยน้อยใจ  
๓๖ สมเด็จเกศนีศรีใส นางปลงพระทัย
ในอุโบสถศีลา  
๓๗ แล้วตั้งปณิธานปรารถนา ขอให้อาตมา
มีราชโอรสสดศรี  
๓๘ ด้วยเดชะศีลเทวี แท่นทิพโกสีย์
ให้ร้อนกระด้างบันดาล  
๓๙ บัดนั้นสมเด็จมัฆวาน ท้าวเธอส่องญาณ
ก็รู้ด้วยทิพนัยนา  
๔๐ ควรเราช่วยทุกข์นางพญา จงอาราธนา
เทวบุตรให้มาปฏิสนธิ์  
๔๑ แล้วเสด็จจากทิพไพชยนต์ ลงมาบัดดล
ลุเถิงปราสาทเรืองศรี  
๔๒ นั่งแนบพระกรรณเทวี ใกล้สว่างสูรย์ศรี
บอกแถลงให้แจ้งทันใจ  
๔๓ เพลาออกบัญชรไชย มีเหยี่ยวตัวใหญ่
คาบพุทรามาตกลง  
๔๔ นางเสวยชอบใจประสงค์ เม็ดในนางทิ้งลง
นางลาก็กินเข้าไป  
๔๕ เกิดบุตรเป็นอาชาไนย จงชอบพระทัย
บอกแล้วเหาะไปไพรชน  
๔๖ นางประทมตื่นขึ้นบัดดล แหนงจิตคิดฉงน
แล้วกลับทรงศีลสังวร  
๔๗ ครั้นเช้านั่งหน้าบัญชร เหลือบเล็งอัมพร
เห็นเหยี่ยวคาบผลพุทรา  
๔๘ ตกลงตรงพักตร์นางพญา เสวยผลพุทรา
แล้วทิ้งเม็ดในทันใด  
๔๙ นางลาพบกินเข้าไป[๓] เหมือนท้าวสหัสนัยน์
บอกไว้ให้แจ้งเที่ยงธรรม์  
๕๐ เทวบุตรจุติจากสวรรค์ ปฏิสนธิ์ในครรภ์
สมเด็จน้องท้าวเกศนี  
๕๑ ฝ่ายท้าวพรหมทัตเรืองศรี จัดให้นารี
รักษามิ่งมิตรเมียขวัญ  
๕๒ แล้วให้จัดนางกำนัล รักษาพระครรภ์
จนเถิงถ้วนทศมาสา  
๕๓ จึงประสูติหน่อเนื้อกระษัตรา ฝูงเทพเทวา
มาช่วยรักษาพร้อมกัน  
๕๔ โฉมเฉิดเลิศลบจบสวรรค์ ไม่มีใครทัน
ด้วยพระลูกแก้วสบสมัย  
๕๕ นางลาคลอดลูกทันใด เป็นอาชาไนย
ร่วมคืนร่วมวันทันยาม  
๕๖ เที่ยวอยู่กลางกรุงไม่ขาม พาชีมีนาม
ชื่อมณีกากอาชา[๔]  
๕๗ ฝ่ายท้าวพรหมทัตราชา สมโภชลูกยา
มหรสพครบครัน  
๕๘ ตั้งบายศรีทองเชิญขวัญ พระลูกทรงธรรม์
เป็นมิ่งมงกุฎกรุงศรี  
๕๙ ถวายนามตามลักษณ์อันมี พระลูกโฉมศรี
ชื่อสุธนูกุมาร  
๖๐ เลี้ยงโลมโฉมลูกสงสาร ทุกข์ภัยไม่พาน
สำราญสุขสวัสดิอัตรา  
๖๑ ทรงลักษณ์เลิศล้ำนาถา ทรงจำเริญวัฒนา
ชันษาก็ได้สิบหกปี  
๖๒ สรรเสริญพระยศทุกกรุงศรี จบสกลธานี
ไม่มีใครเปรียบเทียบไท  
๖๓ เชี่ยวชาญพระแสงธนูไชย หมู่อรินทร์บรรลัย
สยบแสยงเข็ดขาม  
๖๔ ฝ่ายท้าวพรหมทัตทรงนาม ตรัสให้โหรพราหมณ์
หาฤกษ์พระราชพิธี  
๖๕ จะเสกพระยอดกรุงศรี กับกเรณุวดี
แลนางร้อยเอ็ดกรุงไกร  
๖๖ ตั้งการพิธีโรงไชย เสร็จแล้วท้าวไท
ให้เชิญพระยอดเสนหา  
๖๗ แล้วผูกม้าต้นรจนา จะให้พระลูกยา
เสด็จไปโรงพิธี  
๖๘ ฝ่ายพระสุธนูเรืองศรี ตรัสว่าม้านี้
ไม่เหมือนมณีกากอาชา  
๖๙ เกิดใต้ตำหนักพระมารดา เรืองฤทธิ์อิศรา
ดีกว่าม้าต้นตัวทรง  
๗๐ บัดนั้นนายม้าฤทธิรงค์ ผูกอัสดรทรง
จำนงมณีกากอาชา  
๗๑ ประดับเครื่องเรืองรัตน์อัสสา ใสสดรจนา
หูตาเพริศพริ้งยิ่งยง  
๗๒ ทรงพระแสงธนูไชยบรรจง เยื้องย่างอย่างหงส์
ทรงมณีกากอาชา  
๗๓ โฉมเฉิดเลิศลบเลขา ดังองค์อินทรา
เสด็จมาสู่สวนอุทยาน  
๗๔ เสนามนตรีทวยหาญ ตั้งแห่กุมาร
จะไปสู่โรงพิธี  
๗๕ ม้าแก้วมณีกากเรืองศรี พาพระภูมี
เหาะไปในกลางอัมพร  
๗๖ ตกตะลึงแลดูสลอน สิ้นทั้งพระนคร
เอิกเกริกเป็นโกลาหล  
๗๗ สงสารไพร่ฟ้าประชาชน เมื่อหน่อทศพล
ม้าแก้วพาเหาะหนีไป  
๗๘ ตีอกร้องไห้ร่ำไร วิ่งลนลานไป
มิได้จะเป็นสมประดี  
๗๙ สมเด็จนางนาฏมเหสี ผู้เป็นชนนี
ตีทรวงแล้วทรงโศกา  
๘๐ ทั้งพระบิตุเรศนาถา พระญาติวงศา
พระสนมทั้งหมื่นหกพัน  
๘๑ กันแสงเถิงพระทรงธรรม์ เพียงจักอาสัญ
ด้วยพระมงกุฎกรุงศรี  
๘๒ ฝ่ายท้าวพรหมทัตภูมี ปลอบแก้วเกศนี
ผู้เป็นมิ่งมิตรเมียขวัญ[๕]  
๘๓ เจ้าอย่าโศกาจาบัลย์ บุตรเราทรงธรรม์
กฤษฎาธิการมหึมา  
๘๔ อาจปราบมนุษย์ยักษา เจ้าอย่าโศกา
ไม่ช้าจะคืนยังกรุงศรี ๚ะ  

ยานี

๘๕ บัดนั้นพระลูกยา เห็นอาชาพาเหาะหนี
กริ้วโกรธคืออัคคี จะฟาดฟันให้บรรลัย
๘๖ คิดแล้วพระทรงธรรม์ ชักพระขรรค์ออกทันใด
จะฆ่าอาชาไนย ให้เศียรขาดลงทันที
๘๗ ม้าแก้วทูลทันใด พระอย่าได้โกรธพาชี
ใช่ว่าจะพาหนี ให้เสียทีที่ประสงค์
๘๘ จะพาพระเหาะไป ให้ท้าวไทได้อนงค์
หานางให้พระองค์ เป็นเมียมิ่งปิ่นสุดา
๘๙ บิดาหามาไว้ จะเสกให้ครองพารา
ไม่เหมือนเท่าข้าหา ยิ่งสุดาทั้งแดนไตร
๙๐ ไปเถิดพระยอดรัก พ่อบุญหนักอย่าสงสัย
จะพาพระองค์ไป ให้ที่ดียิ่งแดนดิน
๙๑ พระฟังพาชีว่า พระราชาคิดถวิล
จะใคร่ได้พระยุพิน ให้เลิศล้ำในโลกี
๙๒ คิดแล้วพระภูธร ยอพระกรอัญชุลี
กราบลาพระชนนี ทั้งบิตุเรศแลวงศา
๙๓ ลูกรักจักลาไป หาอรไทดังจินดา
ได้แล้วจักกลับมา กราบบาทาพระชนนี
๙๔ พระองค์กราบลาแล้ว เตือนม้าแก้วผู้เรืองศรี
จะไปให้ได้ดี ตามพาชีจะพาไป
๙๕ ม้าแก้วรับพจนารถ พาพระบาทเหาะคลาไคล
กราบทูลพระภูวไนย ข้าเคยไปทุกตำบล
๙๖ ม้าพาทุกธานี ทุกกรุงศรีเหาะเหิรหน
เที่ยวเสาะสิ้นตำบล ให้จุมพลประจักษ์ใจ
๙๗ กรุงหนึ่งมหึมา กระษัตราผ่านโภไคย
พระนามของท้าวไท ชื่อเสตราชผู้เรืองศรี
๙๘ ท้าวไทได้ผ่านภพ เลื่องฦๅจบทุกธานี
เป็นปิ่นปักกรุงศรี ชื่อเสตราชพระนคร
๙๙ มีอัครชายา ทรงลักขณายิ่งอัปสร
เป็นศรีพระนคร ชื่อประทุมคัพภา
๑๐๐ มีราชบุตรี เลิศนารีในโลกา
ชื่อนางจีรัปภา ยิ่งธิดาในแดนไตร
๑๐๑ ม้าแก้วจึงกราบทูล นเรนทร์สูรจงวินิจฉัย
ในโลกไม่มีใคร จะเปรียบได้เทียมทันนาง
๑๐๒ กราบทูลให้แจ้งใจ พระภูวไนยอย่าคิดหมาง
รัศมีที่กายนาง หกศอกสว่างรุ่งเรืองศรี
๑๐๓ พระองค์จงเสด็จไป หาอรไทในราตรี
เล้าโลมโฉมมารศรี ให้เทวีเสนหา
๑๐๔ กุมารสดับสารตอบ ว่านี้ชอบนะอาชา
มาตรแม้นนางกัลยา ไม่กรุณาทำไฉน
๑๐๕ ไปทูลพระบิดุเรศ ให้แจ้งเหตุในทันใด
จะจับกุมเราไว้ คิดไฉนนะพาชี
๑๐๖ ม้าแก้วจึงตอบสาร พระกุมารผู้โฉมศรี
ไว้ข้าผู้พาชี ปราบไพรีให้บรรลัย
๑๐๗ จะเชิญพระภูมี กับเทวีในทันใด
ขึ้นหลังอาชาไนย พาเหาะไปยังกรุงศรี[๖]
๑๐๘ พระองค์เสด็จไป หยุดอาศัยร่มพฤกษา
ตรัสสั่งม้าอาชา จงกินหญ้ารักษาองค์
๑๐๙ แล้วสั่งม้าอาชา หามาลาตามประสงค์
ทรงร้อยค่อยบรรจง เป็นมาลัยได้ครบครัน
๑๑๐ ครั้นย่ำค่ำราตรี ปลอบพาชีแล้วรับขวัญ
สหายเกิดร่วมวัน ดั่งดวงเนตรอาตมา
๑๑๑ พาข้าเหาะเข้าไป หาอรไทในพารา
ส่งข้าแล้วกลับมา คอยรับข้าอย่าไปไกล
๑๑๒ ตรัสแล้วพระยอดฟ้า ขึ้นอาชาแล้วเหาะไป
ยอกรขึ้นกราบไหว้ เทพไททุกเทวา
๑๑๓ เดชะพระบารมี คุณชนนีแลบิดา
จงช่วยเกล้าเกศา พบกัลยาจงประสงค์
๑๑๔ ม้าแก้วพาเหาะไป ส่งภูวไนยดังจำนง
เถิงปรางค์นางโฉมยง ส่งท้าวแล้วเหาะกลับมา
๑๑๕ พระองค์จึงขึ้นไป ที่ปรางค์ในกัลยา
เจ็ดชั้นมหึมา ดังเทวามาสาปสรร
๑๑๖ นักสนมมานอนเรียง พระพี่เลี้ยงแลกำนัล
เทียนยามตามทุกชั้น นางนั่งยามงามไสว
๑๑๗ นั่งยามทั้งเจ็ดชั้น จ่าโขลนคั่นทุกชั้นไป
ท้าวนางเอาใจใส่ เป็นสารวัตรจัดแจงการ
๑๑๘ เดชะพระบารมี หน่อชินศรีสร้างสมภาร
เสด็จเถิงพระทวาร ไม่มีผู้จะทักทาย
๑๑๙ หลับใหลไปหมดสิ้น หน่อนรินทร์ (เธอเยื้องกราย)
เสด็จได้ง่ายดาย ทั้งเจ็ดชั้นอันลับตา
๑๒๐ เสด็จเถิงชั้นในแล้ว มีฉากแก้วงามรจนา
เห็นองค์จีรัปภา นางนิทราบนแท่นทอง
๑๒๑ ประทุมพระพี่เลี้ยง นอนแอบเคียงแท่นเป็นสอง
พระนั่งริมเขนยทอง ชมพักตร์น้องงามมีศรี
๑๒๒ งามจริงยิ่งมนุษย์ โฉมบริสุทธิ์เฉลิมโลกี
สมคำม้าพาชี ที่ว่าไว้ไม่ผิดเลย
๑๒๓ บรรทมเหนือแท่นทอง พระท้าวน้องมานิ่งเฉย
แสนสวาดิของเรียมเอย พระทรามเชยมาหลับใหล
๑๒๔ พระถดบนแท่นทอง ใกล้พระน้องในทันใด
ชมโฉมนางอรไท ยอดพิสมัยในโลกี
๑๒๕ พิศพักตร์พักตร์ผ่องแผ้ว ดั่งดวงแก้วรุ่งรัศมี
พระปรางนางเทวี ดั่งปรางทองผ่องพิศวง
๑๒๖ พระเกศนางนีฤๅมล ดุจกลกลีบบุษบง
พิศสองพระขนง กงกลมค้อมดังเกาทัณฑ์
๑๒๗ นาสาดูพรายแพรว เปรียบขอแก้วงามสรรพสรรพ์
พระเต้าทั้งสองนั้น ดั่งประทุมมาศดอกบัวทอง
๑๒๘ ไหนไหนเรียมหาจบ ไม่พานพบเปรียบเถิงสอง
หาไหนได้เหมือนน้อง ไม่มีสองในโลกี
๑๒๙ ชมพลางพลางรับขวัญ วรแจ่มจันทร์มิ่งมารศรี
ปฐมยามราตรี จนปัจจุสมัยใกล้ทิวา
๑๓๐ พระจับพวงมาลัย คล้องเข้าในพระหัตถา
พระกรแก้วกัลยา ม้ามารับพระกลับไป
๑๓๑ ค่ำค่ำพระกลับมา ชมพนิดายอดพิสมัย
แล้วคล้องพวงมาลัย มาแล้วไปสามราตรี ๚ะ

สุรางคนางค์

  ๑๓๒ นางจีรัปภา
ตื่นจากนิทรา เห็นพวงมาลี
คล้องข้อพระหัตถ์ แห่งนางโฉมศรี
ตรัสเรียกนารี พี่เลี้ยงทันใด
  ๑๓๓ ประทุมพี่เลี้ยง
อันอยู่ใกล้เคียง รับสั่งทรามวัย
นางว่าพี่ค่อม ผู้ร่วมหฤทัย
จงเข้ามาใกล้ น้องนี้หน่อยนา
  ๑๓๔ พี่ร้อยมาลัย
แกล้งทำลองใจ ข้าหรือไรนา
คล้องกรน้องไว้ หลากใจหนักหนา
พี่จงบอกข้า อย่าได้อำพราง
  ๑๓๕ พี่เลี้ยงกราบทูล
แม่อย่าอาดูร ปลงจิตคิดขนาง
พี่นี้มิได้ ลอบล่วงใจนาง
นอนคอยเคียงข้าง ไม่เห็นผู้ใด
  ๑๓๖ นางปิ่นกระษัตริย์
ทราบสารแล้วตรัส พิศวงสงสัย
พี่ว่าดั่งนี้ จะมีผู้ใด
เข้ามาเถิงใน เจ็ดชั้นปรางค์ศรี
  ๑๓๗ ข้าสงสัยนัก
จะได้ท้วงทัก ผู้ใดไม่มี
ฤาว่าครุฑา กินรายักษี
ฤาว่ามาตุลี ลอบลักรักเรา
  ๑๓๘ พี่เจ้าจงนึก
รักน้องตรองตรึก ตื้นลึกหนักเบา
น้องนี้เฉาโฉด หืฤๅโหดเคลิ้มเขลา
ใครจะเชื่อเรา พี่น้องสองคน
  ๑๓๙ รำพึงคำนึงนัก
ใคร่แจ้งประจักษ์ น้อยจิตคิดฉงน
แต่เช้าเท่าค่ำ ย่ำฆ้องบัดดล
จนพระสูริยน ลับเหลี่ยมยุคุนธร
  ๑๔๐ เพลาราตรี
สมเด็จเทวี ทรงพระอนุสร
มิได้เว้นวาย หายความอาวรณ์
จนทรามบังอร บรรทมหลับใหล
  ๑๔๑ ครั้นเช้าเพลา
ตื่นจากนิทรา เห็นพวงมาลัย
นางเร่งกลุ้มกลัด อัศจรรย์ใจ
ฤๅองค์เทพไท ครุฑานาคี
  ๑๔๒ ถามพี่ร่วมจิต
คำนึงพึงคิด เถิงพวงมาลี
มีผู้ลักลอบ เข้ามาปรางค์ศรี
ชายผู้มานี้ บารมีหนักหนา
  ๑๔๓ เพลาราตรี
พี่คอยท่วงที ชายเคยเข้ามา
จับกุมตัวไว้ จะได้เจรจา
พี่พึงน้องว่า อย่าได้หลับใหล
  ๑๔๔ พี่เลี้ยงรับสั่ง
แล้วคอยระวัง มิได้นอนใจ
หาวนอนล้างหน้า ใส่ยาตาไป
จะจับให้ได้ ดังใจจินดา
  ๑๔๕ บัดนั้นพระแก้ว
ร้อยมาลัยแล้ว รัญจวนครวญหา
เมื่อไรจะค่ำ ย่ำแสงพระสูริยา
จะได้ไปหา วรนุชดวงสมร
  ๑๔๖ ยกมือขึ้นไหว้
พระสูริโยทัย เร่งขับรถจร
จะได้คลาไคล ไปหาบังอร
เชิญพระภูธร อย่าช้าเร่งไป
  ๑๔๗ เพลาราตรี
พระขึ้นพาชี เหาะเข้าวังใน
มิ่งม้ากราบทูล พระผู้เลิศไกร
ราตรีนี้ไซร้ พระให้ได้ความ
  ๑๔๘ แม้นนางอรไท
ตื่นขึ้นจับได้ ซักไซ้ไถ่ถาม
ตรัสตอบจงดี ถี่ถ้อยทางความ
อย่าให้โฉมงาม ระคายเคืองใจ
  ๑๔๙ สั่งแล้วมิช้า
ม้าแก้วอาชา สั่งพระภูวไนย
เสร็จแล้วอาชา กลับมาทันใด
พระภูวไนย ขึ้นสู่ปรางค์ศรี
  ๑๕๐ ชมโฉมนางแล้ว
สมเด็จพระแก้ว คล้องพวงมาลี
ไว้เป็นสำคัญ กำนัลโฉมศรี
แห่งนางเทวี นางจีรัปภา
  ๑๕๑ ใกล้รุ่งราตรี
สมเด็จภูมี จะยุรยาตรา
พี่เลี้ยงนอนคอย แทบที่กัลยา
ยึดพระหัตถา เข้าไว้ทันใด
  ๑๕๒ ร้องปลุกประทม
เชิญเสด็จทรามชม ลุกขึ้นเร็วไว
ดูชายคนนี้ บังอาจเหลือใจ
ขึ้นมาเถิงใน ห้องทองปรางค์ศรี
  ๑๕๓ ฝ่ายพระนางนาฏ
ตื่นจากไสยาสน์ ลุกขึ้นทันที
เหลือบเล็งเพ่งพิศ พินิจทรงศรี
เห็นผิดท่วงที จะเป็นเข็ญใจ
  ๑๕๔ สมศรีสมศักดิ์
อรองค์ทรงลักษณ์ จับจิตพิสมัย
ทรงพระแสงขรรค์ เกาทัณฑ์ธนูไชย
ไม่เข็ดขามใคร องอาจฤทธี
  ๑๕๕ ถ้าชาติต่ำศักดิ์
จะเกรงกลัวนัก ลุกแล่นหลีกหนี
นี้ไม่เกรงขาม ครั่นคร้ามไพรี
กิริยาชายนี้ ดูหลากนักหนา
  ๑๕๖ ตรัสถามทันใด
ว่าท่านนี้ไซร้ เชื้อชาติกระษัตรา
ฤๅเทพไท ในฉ้กามา
ฤๅอสูรา ครุฑานาคี
  ๑๕๗ ท่านขึ้นมาไย
ประสงค์สิ่งไร ในปราสาทศรี
ตรัสบอกข้าน้อย ท่วงถ้อยคดี
อย่าให้ข้านี้ วิมุติสงสัย
  ๑๕๘ พระปิ่นกระษัตริย์
สดับสารแล้วตรัส ตอบถ้อยทันใด
เรียมมาบัดนี้ ใช่เทพไท
ใช่สูราลัย ครุฑานาคี
  ๑๕๙ เป็นหน่อกระษัตริย์
ครอบครอบสมบัติ กรุงสาวัตถี
สมเด็จบิดา ตั้งการพิธี
จะเสกเรียมนี้ ให้ผ่านโภไคย
  ๑๖๐ ด้วยราชบุตรี
ทุกราชธานี ร้อยเอ็ดกรุงไกร
นางร้อยเอ็ดนี้ พี่มิเต็มใจ
ให้อาชาไนย เหาะเที่ยวแสวงหา
  ๑๖๑ ม้าแก้วกลับไป
บอกข้าว่าได้ พบแก้วกัลยา
ยอดมิ่งไม่พบ จบทุกทิศา
ไม่มีธิดา ใดเปรียบเทียบไท
  ๑๖๒ เรียมได้สดับสาร
ระรื่นชื่นบาน ดาลจิตพิสมัย
ทูลลาชนนี บิดุเรศท้าวไท
ขึ้นอาชาไนย เหาะมาบัดดล
  ๑๖๓ ความจริงของพี่
พระยอดมารศรี จงแจ้งอนุสนธิ์
เรียมทรมานองค์ ประสงค์นีฤๅมล
อย่าได้ฉงน จงมีกรุณา
  ๑๖๔ ประทุมพี่เลี้ยง
ค่อยยอบหมอบเมียง นอกม่านกัลยา
นิ่งนึกตรึกคิด เห็นผิดหนักหนา
กลัวสองกระษัตรา อัดอั้นตันใจ
  ๑๖๕ พระยอดเยาวมาลย์
ครั้นได้สดับสาร ปลื้มจิตพิสมัย
ทั้งอายทั้งรัก เบือนพักตร์หนีไป
นางจึ่งคลาไคล เข้าแฝงม่านทอง
  ๑๖๖ ขวยเขินสะเทิ้นนัก
ด้วยพระทรงลักษณ์ เข้ามาลอบลอง
แล้วกลับสนทนา พูดจาแต่สอง
เห็นผิดทำนอง คลองประเวณี
  ๑๖๗ นางตอบคำสาร
ว่าพระภูบาล ไม่มีสารศรี
อุกอาจขึ้นมา หาข้าผิดที
กล่าวคำดั่งนี้ มิควรนักหนา
  ๑๖๘ พจมานขานตอบ
ตรัสมานี้ชอบ ขอบคุณกัลยา
ครั้นเรียมจะให้ มีราชสารตรา
ทำไมตรีมา ตามประเพณี
  ๑๖๙ เสตราชกรุงไกร
กับด้วยราชัย กรุงสาวัตถี
ไม่เคยมีทาง พระราชไมตรี
ด้วยสองธานี ไกลกันหนักหนา
  ๑๗๐ อันเรียมนี้ไซร้
กับอาชาไนย พากันเหาะมา
หานางอรไท จงได้กรุณา
ช่วยชีวิตข้า อย่าให้อาสัญ
  ๑๗๑ ตรัสนี้มิชอบ
อันจะลักลอบ ร่วมรู้รักกัน
แม้นเหตุนี้แจ้ง เถิงองค์ทรงธรรม์
พาน้องอาสัญ สู่สวรรคาลัย
  ๑๗๒ ถ้าราชสารศรี
เถิงพระชนนี บิตุเรศท้าวไท
พระองค์เป็นเอก อุปภิเษกอวยไชย
เห็นว่าจะได้ ดังใจจินดา
  ๑๗๓ ตรัสมิชอบนี้
อย่าได้พาที ให้เสียวาจา
ป่วยการเสียเปล่า เห็นไม่เข้ายา
เชิญพระราชา กลับไปเวียงไชย
  ๑๗๔ พระหน่อนรินทร์
ทราบสารแล้วถวิล พิศวงสงสัย
นางตรัสทั้งนี้ มีความพิสมัย
แกล้งตรัสขัดไว้ เชิงชั้นมารยา
  ๑๗๕ พระจึงตอบสาร
พระยอดเยาวมาลย์ จงได้กรุณา
ความรักโฉมตรู จึ่งสู้ชีวา
หวังจะพึ่งพา บุญเจ้าสืบไป
  ๑๗๖ เรียมมาทั้งนี้
สู้เสียชีวี มิได้อาลัย
ประสงค์องค์นุช สุดจิตพิสมัย
หวังองค์อรไท เป็นปิ่นสุดา
  ๑๗๗ โปรดเถิดบุญหนัก
เจ้าจงผินพักตร์ เยื้อนแย้มเจรจา
เสียแรงเรียมรัก บ่ายพักตร์มาหา
เจ้าจงกรุณา ชูชีพสืบไป
  ๑๗๘ สมเด็จเทวี
ตรัสตอบคดี ถ้วนถี่แถลงไข
สมเด็จบิดา เลิศลบภพไตร
ไม่ลับจับได้ จะลงอาญา
  ๑๗๙ ตรัสไว้แต่หลัง
ที่ข้าได้ฟัง ใหญ่ยิ่งหนักหนา
กระษัตริย์องค์ใด ทรงฤทธิ์อิศรา
ข้าศึกยกมา เพียบแผ่นแดนดิน
  ๑๘๐ ปราบข้าศึกได้
ฝูงอรินทร์บรรลัย เกลื่อนกลาดปัฐพิน
จะยกข้านี้ให้ เป็นบาทนรินทร์
ให้ครองกรุงสิ้น เป็นปิ่นนคร
  ๑๘๑ไม่เห็นสิงใด
แค่นว่าไปได้ เฝ้าวิงเฝ้าวอน
จะพาข้าตาย เป็นลายนคร
พระอย่าอาวรณ์ เชิญพระกลับไป
  ๑๘๒ พระตอบวาจา
อรินทร์ราชยกมา เต็มแน่นแดนไตร
ไว้ธุระข้า กับอาชาไนย
ปราบให้บรรลัย ยับยุ่ยผุยผง
  ๑๘๓ ให้พระบิดุเรศ
ท้าวทอดพระเนตร หน้าที่นั่งพระองค์
ฝ่ายฝูงอรินทร์ราช วินาศปลดปลง
ให้พระบิดุรงค์ ทรงเดชเรืองไชย
  ๑๘๔ ถ้าจริงอย่างว่า
ไปทูลอาสา ให้ข้าแจ้งใจ
มาล่อลวงเล่น เห็นจริงที่ไหน
เชี่อฟังไม่ได้ ลิ้นลมคมสัน
  ๑๘๕ อนิจจายอดมิ่ง
สัจจาที่จริง ไม่ล่อลวงกัน
จิตเรียมรุ่มร้อน เจ้าไม่ผ่อนผัน
ความทุกข์อนันต์ อเนกคณนา
  ๑๘๖ อกเรียมจะคราก
แตกเป็นสองภาค ด้วยความเสนหา
ช่างเฉยเสียได้ ไม่มีกรุณา
จงชายเนตรมา ดูบ้างขวัญเมือง
  ๑๘๗ ตรัสพลางเข้าใกล้
ว่าแก้วกลอยใจ กอดอุ่นบุญเรือง
เชิญเจ้าร่วมจิต มิ่งมิตรเฉลิมเมือง
พี่ไม่ให้เคือง ระคายขุ่นใจ
  ๑๘๘ จับข้อพระหัตถ์
กรเกี่ยวกระหวัด ชมชิดพิสมัย
เจ้าอย่าโศกสร้อย นึกน้อยพระทัย
ชูชีพเรียมไว้ อย่าให้มรณา
  ๑๘๙ นางเกศกระษัตริย์
ชักกรสะบัด ผลักทรวงราชา
อย่าลวนลามไป ข้าไม่กรุณา
มาล่อลวงข้า แล้วจะหน่ายหนี
  ๑๙๐ ควรฤๅบุญหนัก
อกเรียมรุ่มรัก สู้เสียชีวี
ได้แก้วนงนาฏ นิราศหน่ายหนี
ไม่จริงสิ่งนี้ อย่าได้แคลงใจ
  ๑๙๑ กอดแก้วเข้าแล้ว
จะวางน้องแก้ว อย่าได้สงสัย
ดวงเนตรของพี่ จงมีอาลัย
เชิญเจ้าขึ้นไป แท่นทองเรืองศรี
  ๑๙๒ ตรัสแล้วจอมนาถ
อุ้มองค์สุดสวาดิ วรนุชนารี
ขึ้นส่แท่นทอง ห้องแก้วเรืองศรี
โลมเล้าเทวี ปลอบแก้วจอมขวัญ
  ๑๙๓ กอดจูบลูบพักตร์
รับขวัญนงลักษณ์ ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
กรกอดกระหวัดนาง พลางจูบดวงจันทร์
หฤทัยกระสัน รัญจวนป่วนใจ
  ๑๙๔ ภิรมย์สมพาล
สมสนิทพิศวาส ยังจิตพิสมัย
อันความยินดี พ้นที่อุปไมย
แสนสวาดิจะขาดใจ สุขเขษมเปรมปรีดิ์
  ๑๙๕ ดังพญาปักษา
โผผินบินมา เล่นน้ำนัที
พบสินธุใหญ่ ซอนไซ้สระศรี
อันความยินดี พ้นที่พรรณนา
  ๑๙๖ บัดนั้นน้องแก้ว
ซบพักตร์ลงแล้ว กับทรวงราชา
นางทูลขอโทษ ได้โปรดเกศา
ผิดพลั้งข้างหน้า พระอย่าถือความ
  ๑๙๗ เมียผิดสิ่งไร
อย่าคุมโทษไว้ จงได้ไต่ถาม
เมียจะได้แจ้ง ตามมีข้อความ
พระผู้ทรงนาม อย่าขุ่นเคืองใจ
  ๑๙๘ พระจึงตอบสาร
ว่ายอดเยาวมาลย์ มิ่งมิตรพิสมัย
อย่าได้เคลือบแคลง นึกแหนงในใจ
ใช่เรียมนี้ไซร้ เป็นคนโฉดเขลา
  ๑๙๙ เจ้าอย่าพึงนึก
เรียมจะตรองตรึก ตื้นลึกหนักเบา
พี่ใช่คนโฉด จะโกรธนงเยาว์
หวังโลมเลี้ยงเจ้า เป็นปิ่นสุดา
  ๒๐๐ สองสู่สมสนิท
แสนเสบยเชยชิด ด้วยความเสนหา
ใกล้รุ่งราตรี มีจิตจินดา
เถิงม้าอาชา ผู้ร่วมหฤทัย
  ๒๐๑ ฝ่ายว่าอาชา
ครั้นเถิงเวลา จึงเหาะเข้าไป
รับพระพันปี ที่ปราสาทไชย
คอยพระภูวไนย อยู่หน้าชาลา
  ๒๐๒ พระสุธนู
บอกนางโฉมตรู ว่าพี่จะลา
ไปหาพาชี ที่หน้าชาลา
อย่าให้มิ่งม้า คอยท่าเคืองใจ
  ๒๐๓ นางจีรัปภา
ได้ฟังราชา ตรัสว่าจะไป
ยึดภูษาทรง สมเด็จท้าวไท
ตามเสด็จออกไป จนเถิงอาชา
  ๒๐๔ นางเมืองตระบัด
เห็นม้าแล้วตรัส กล่อมเกลี้ยงสุนทรา
ว่าพี่พาชี จงมีกรุณา
อย่าพาผัวข้า นิราศร้างหนี
  ๒๐๕ พาชีตอบสาร
พระยอดเยาวมาลย์ อย่าพักพาที
พาท้าวเหาะมา หามิ่งมารศรี
ได้แล้วยินดี จะหนีไปไย
  ๒๐๖ นางว่าพี่ม้า
อยู่กับผัวข้า อย่าไปเที่ยวไกล
น้องนี้ทุกข์หนัก เถิงพระภูวไนย
เหตุการณ์ฉันใด ไม่แจ้งเลยนา
  ๒๐๗ แม่ทุกข์ไปไย
ข้ากับภูวไนย ไม่ทิ้งกัลยา
ทรงฤทธิ์เดชนัก อาจปราบยักษา
มนุษย์ครุฑา ขามเดชภูมี
  ๒๐๘ นางเลี้ยงมิ่งม้า
ให้ทอดนํ้าหญ้า อยู่บนปรางค์ศรี
บำเรอผัวรัก ด้วยความยินดี
เชิญพระสามี เข้าที่สรงเสวย
  ๒๐๙ ท้าวนางกำนัล
ร้อนโรคโศกศัลย์ ไม่มีความเสบย
เพียงชีพจากร่าง เพราะนางทรามเชย
คิดฉันใดเลย จะพันโพยภัย
  ๒๑๐ ครั้นจะนิ่งนาน
เกลือกพระภูบาล กับแก้วอรไท
ขึ้นหลังอาชา พากันเหาะไป
เราทั้งปวงไซร้ จะสิ้นสุดปราณ
  ๒๑๑ ท้าวนางกำนัล
คิดแล้วชวนกัน ไปกราบทูลสาร
สมเด็จบิดุเรศ ให้แจ้งเหตุการณ์
ว่ายอดเยาวมาลย์ คบชู้สู่ชาย
  ๒๑๒ สมเด็จบิดุเรศ
ครั้นตรัสแจ้งเหตุ พักตร์เผือดเหือดหาย
พระศอเหือดแห้ง เสโทโซมกาย
เพียงชีพวางวาย ทำลายสังขาร
  ๒๑๓ ทรงพระโกรธนัก
อ้าโอษฐ์อักอัก ตรัสถามออกมา
ว่าอ้ายชายชู้ สู่รู้นักหนา
บิดามารดา สูริย์วงศ์พงศ์ไหน
  ๒๑๔ แรกมันขึ้นมา
มีผู้ชักพา มันบ้างฤๅไร
ฤๅมีอาคม สะดมขึ้นไป
ให้คนหลับใหล ไม่ได้สมประดี
  ๒๑๕ หน่อเนื้อนเรศ
เป็นมงกุฎเกศ กรุงสาวัตถี
บุตรท้าวพรหมทัต นางเกศนี
ทรงอิทธิฤทธี มีศิลป์ธนูไชย
  ๒๑๖ แสวงหามเหสี
ทรงม้าพาชี เหาะมาทันใด
ใครไม่ชักพา หานางอรไท
เข้าปราสาทไชย เพลาราตรี
  ๒๑๗ บันดาลดลจิต
ให้หลับสนิท สิ้นทั้งปรางค์ศรี
ครั้นข้าตื่นขึ้น เห็นพระภูมี
กับอรเทวี นั่งเรียงเคียงกัน
  ๒๑๘ ความจริงเท่านี้
ขอพระพันปี ผู้ทรงสัทธรรม์
ประทานโทษข้า อย่าให้อาสัญ
ชีวิตข้านั้น อยู่ใต้บทศรี
  ๒๑๙ เสตราชท้าวไท
ได้ฟังสาวใช้ ทูลแจ้งคดี
รับสั่งเร่งหา หมู่มุขมนตรี
อำมาตย์เสนี กระวีโหรพราหมณ์
  ๒๒๐ หมู่มุขเสนา
เข้าเฝ้าราชา โองการตรัสถาม
ตรัสแจ้งแถลงไข (ในคดีความ)
สามนต์โหรพราหมณ์ จะคิดฉันใด
  ๒๒๑ เร่งรัดจัดกัน
พหลเข้มขัน แว่นแคว้นกรุงไกร
ให้ใด้พรักพร้อม ล้อมปราสาทไชย
จับตัวให้ได้ อย่าไว้ชีวี
  ๒๒๒ พระเดือดดับไว้
กลับตรึกนึกได้ กลัวจะเสียที
อ้ายนี่ดีร้าย เชื้อชายชาตรี
มีอิทธิฤทธี จึงองอาจมา
  ๒๒๓ ตรัสใช้พระญาติ
วงศาฉลาด ไปทูลกัลยา
ว่าพระบิดุเรศ รับสั่งให้หา
แม่จีรัปภา ไปเฝ้าภูวไนย
  ๒๒๔ นางจีรัปภา
ตกใจหนักหนา ให้หาข้าไย
พระองค์กริ้วโกรธ ทำโทษฤๅไฉน
จองจำกรำไว้ ให้ข้ามรณา
  ๒๒๕ ฤๅขับจากเมือง
เขาจะฦๅเลื่อง ทั้งกรุงพารา
พระญาติทูลสาร เดิมโกรธหนักหนา
คลายแล้วตรัสว่า จะถามโดยดี
  ๒๒๖ นางจีรัปภา
เหลือบเล็งพักตรา พระราชสามี
แล้วพิศดูหน้า มิ่งม้าพาชี
ซบพักตร์เทวี ลงแล้วโศกา
  ๒๒๗ พระราชสามี
กับทั้งพาชี ปลอบแก้วกัลยา
ว่าพระบิดุเรศ รับสั่งให้หา
อย่าขัดอัชฌา ไปเฝ้าท้าวไท
  ๒๒๘ อันตัวเรียมนี้
กับทั้งพาชี เจ้าอย่าสงสัย
สู้เสียชีวี ไม่หนีนางไป
แม้นพระภูวไนย ไม่มีเสนหา
  ๒๒๙ ข้ากับพาชี
จะเป็นอัคคี ไหม้เมืองราชา
ถ้าแม้นพระโปรด ประทานโทษา
มิให้ราชา ขายเบื้องบทศรี
  ๒๓๐ นางจีรัปภา
ลาพระภัสดา ไปเฝ้าภูมี
ซบเศียรกับบาท แห่งพระพันปี
พระราชเทวี ไม่เงยพักตรา
  ๒๓๑ ท้าวเสตราช
เห็นนางนงนาฏ คิดแค้นนักหนา
ตรัสว่ามึงดี อีจีรัปภา
เสียแรงเลี้ยงมา มึงเป็นกระสี
  ๒๓๒ มึงทำทรลักษณ์
ไม่รักยศศักดิ์ เป็นคนอัปรีย์
ชาติชั่วหนักหนา คิดน่าบัดศรี
มาเป็นเช่นนี้ มิดีหนักหนา
  ๒๓๓ มึงเกิดชาติหงส์
ไม่รักเผ่าพงศ์ ไปปนฝูงกา
คบคนจับพลัด ซัดจรซอนมา
ร่วมรักเสนหา คู่เคียงเรียงหมอน
  ๒๓๔ ใจมึงชั่วจริง
เหมือนน้ำค้างกลิ้ง บนใบบัวบอน
ครั้นเพลาสาย พระพายพัดจร
ก็จะกระฉ่อน กระฉอกกรอกไป
  ๒๓๕ กระษัตริย์ทุกสถาน
ถวายบรรณาการ มาเท่าใดใด
ทั่วทุกกรุงศรี พ่อมิเต็มใจ
คิดว่าจะให้ แก่พระนารายณ์
  ๒๓๖ มึงเป็นเช่นนี้
ก่อการกระลี ให้กูได้อาย
เหมือนหมึกสักบาท กี่ชาติจะหาย
ได้ความอับอาย ทั่วทุกพารา
  ๒๓๗ ถ้าผัวมึงดี
ศักดิ์สิทธิ์ฤทธี ทรงลักษณ์ศักดา
มีอานุภาพ ปราบทุกทิศา
ให้ผัวมึงมา สำแดงฤทธิไกร
  ๒๓๘ ถ้าว่าอาจหาญ
ประเปรียวเชี่ยวชาญ ชั้นเชิงศิลป์ไชย
สำแดงฤทธา อานุภาพเกรียงไกร
กูจะเสกให้ ครอบครองธานี
  ๒๓๙ ถ้าไม่อาจหาญ
ไม่เชี่ยวไม่ชาญ มาเข้าปรางค์ศรี
กูจะผลาญให้ มอดม้วยชีวี
ชู้กับพาชี จะม้วยชีวา
  ๒๔๐ มึงนิ่งอยู่ไย
เร่งรัดกลับไป บอกผัวมึงมา
ให้เห็นปรากฏ ยศศักดิ์นักหนา
แก่ญาติวงศา หมู่มุขมนตรี
  ๒๔๑ พระราชธิดา
ถวายบังคมลา แล้วกันแสงศรี
กลับมากราบบาท พระราชสามี
สมเด็จเทวี ทรงโศกโศกา
  ๒๔๒ ฝ่ายพระพันปี
ปลอบถามเทวี เกศแก้วขนิษฐา
ตรัสโปรดฉันใด จึงได้กลับมา
อย่าทรงโศกา บอกข้าฉันใด
  ๒๔๓ สมเด็จบิดา
ให้เชิญราชา ไปแผลงธนูไชย
สำแดงอานุภาพ ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร
จะเสกท้าวไท ครองไอศวรรย์
  ๒๔๔ ถ้าแผลงมิได้
จะให้บรรลัย กับข้าด้วยกัน
ทั้งม้าพาชี จะม้วยอาสัญ
ขอพระทรงธรรม์ จงทราบพระทัย
  ๒๔๕ พระจอมกระษัตริย์
ท้าวสรวลแล้วตรัส ตอบนางทันใด
เจ้าร่วมชีวิต อย่าคิดสงสัย
ว่าพี่นี้ไซร้ ไม่เชี่ยวชาญสนาม
  ๒๔๖ จะแผลงศิลป์ไชย
เลิศลบภพไตร ชูหน้านางงาม
ให้พระบิดุเรศ คร้ามเดชเข็ดขาม
ให้คลายหายความ ที่ทรงโกรธา
  ๒๔๗ กอดจูบลูบพักตร์
ปลอบนางนงลักษณ์ ให้เสวยโภชนา
ปลื้มใจของพี่ อย่ามีโศกา
ชั่วแล้วจะมา หาเจ้าไยมี
  ๒๔๘ พระทรงเครื่องต้น
ประเสริฐเลิศล้น จำรัสรัศมี
เหน็บพระขรรค์แก้ว แล้วเสด็จจรลี
ทรงขรรค์ธนูศรี ขึ้นอาชาไนย
  ๒๔๙ จึงชวนนางน้อง
ขึ้นพระวอทอง นำเสด็จพระไป
พี่เลี้ยงสาวศรี ตามเสด็จไสว
สิ้นทั้งกรมใน นักเทศขันที
  ๒๕๐ พากันเสด็จไป
เถิงกลางกรุงไกร พระลานไชยศรี
ลงจากมิ่งม้า คมคัลชุลี
สมเด็จพันปี บิดากัลยา
  ๒๕๑ ฝ่ายท้าวเสตราช
สั่งให้อำมาตย์ แต่งการมหึมา
เอากระดานเหล็ก เจ็ดชั้นโดยตรา
เอาก้อนทองแดงมา เจ็ดชั้นด้วยดี
  ๒๕๒ ประดู่มะเดื่อ
ละแผ่นหนาเหลือ เจ็ดองคุลี
แล้วตั้งเกวียนทราย เจ็ดเกวียนโดยมี
ถัดนั้นเถิงที่ มิคราชกวางยนต์
  ๒๕๓ ครั้นเสร็จสรรพแล้ว
จึงเชิญพระแก้ว ทรงศรบัดดล
แผลงให้ปล่งปลอด ตลอดกวางยนต์
ให้หมู่ประชาชน เอิกเกริกโกลา
  ๒๕๔ บัดนั้นภูวไนย
ยกศรธนูไชย ทูนเศียรราชา
เสี่ยงพระบารมี ที่ก่อสร้างมา
กับคุณมารดา บิดุเรศเรืองศรี
  ๒๕๕ ข้าแผลงธนูไชย
ขอให้ฤทธิไกร เลิศลบธาตรี
เข็ดขามคร้ามเดช ทุกนิเวศกรุงศรี
ให้หมู่ไพรี มันฦๅระบือนาม
  ๒๕๖ ตรัสแล้วโฉมฉาย
พระทรงศรกราย กุมเชิญชาญสนาม
ดังองค์อินทรา ปรากฏงดงาม
พระผู้ทรงนาม วางศรทันที
  ๒๕๗ เสียงศรสนั่นเปรี้ยง
ประดุจหนึ่งเสียง ฟ้าร้องอสุนี
ทีเดียวปล่งปลอด ตลอดมฤคี
กวางยนต์ดัวดี ล้มลงกลางสนาม
  ๒๕๘ พระผู้ทรงธรรม์
เห็นลูกเขยขวัญ เชี่ยวชาญสงคราม
ปรีดิ์เปรมเขษมสุข สิ้นทุกข์สิ้นความ
ยำเยงเกรงขาม ลูกแก้วเขยขวัญ
  ๒๕๙ สุธนูเรืองไชย
ส่งพระขรรค์ให้ เมียมิ่งด้วยพลัน
กราบถวายบังคม บิดุเรศทรงธรรม์
คำรพอภิวันท์ ลามาปรางค์ศรี
  ๒๖๐ ฝ่ายท้าวเสตราช
อุปภิเษกจอมนาถ ให้ครองบูรี
เสกจีรัปภา เป็นมิ่งมเหสี
กับฝูงนารี หมื่นหกพันนาง
  ๒๖๑ ท้าวเสวยไอศวรรย์
สมบัติอัศจรรย์ สุขเขษมเปรมปรางค์
โลมเลี้ยงขวัญเมือง ไม่เคืองใจนาง
แสนสุขสว่าง ทุกข์ร้อนโพยภัย
  ๒๖๒ พระเดชพระยศ
ฦๅทั่วระทด ทั่วทุกแดนไตร
ยอยอบนอบนบ คำรพท้าวไท
เกรงนามขามไป ทั่วทุกพารา
  ๒๖๓ สมเด็จภูเบศร
โลมเลี้ยงอัคเรศ เป็นช้านานมา
ตรึกเถิงชนนี พันปีบิดา
ทรงพระโศกา กันแสงโศกศัลย์
  ๒๖๔ นางจีรัปภา
เห็นพระภัสดา โศกาจาบัลย์
ทรงพระทุกข์นัก เพียงจักอาสัญ
พระผู้ทรงธรรม์ ขัดเคืองสิ่งไร
  ๒๖๕ นางกราบกับบาท
สมเด็จจอมนาฏ ทูลถามท้าวไท
เมียไม่แจ้งเนตร เหตุการณ์เป็นไฉน
ฤๅเมียนี้ไซร้ มีโทษโทษา
  ๒๖๖ โทษผิดสิ่งใด
โปรดเถิดอย่าได้ ทรงพระโศกา
ระบมตรมจิต ปิดซึ่งโทษา
พระจงบอกข้า อย่าได้อำพราง
  ๒๖๗ พระตอบเสาวนีย์
ว่ามิ่งมารศรี อย่าได้คิดขนาง
พี่ไม่คุมโทษ กริ้วโกรธนวลนาง
พี่ไห้ครวญคราง ทุกข์เถิงชนนี
  ๒๖๘ อันพี่จากมา
มณีกากอาชา พาพี่เหาะหนี
พี่สงสารนัก เถิงพระชนนี
เพียงสิ้นชีวี ลงในทันใด
  ๒๖๙ พี่ห้ามอาชา
ไม่ฟังคำข้า พาข้าเหาะไป
จึงได้ท้าวน้อง ครอบครองกรุงไกร
พิศวงหลงใหล ราคดำฤษณา
  ๒๗๐ พี่รำพึงไป
โลกจะว่าได้ ติฉินนินทา
หลงด้วยมิ่งมิตร ไม่คิดเลยนา
เถิงพระมารดา บิดุเรศท้าวไท
  ๒๗๑ เจ้าดวงนัยนา
พี่นี้คิดว่า จะลาเจ้าไป
เยี่ยมพระชนนี บิดุรงค์ทรงไชย
ให้คลายพระทัย แล้วจักกลับมา
  ๒๗๒ พระยอดเยาวมาลย์
ครั้นได้ทราบสาร สมเด็จพระภัสดา
ขุ่นหมองข้องขัด พระอัธยา
พ่างเพียงชีวา จะม้วยอาสัญ
  ๒๗๓ ทูลพระภัสดา
บุญเรืองเฟื่องฟ้า ทรงยศทศธรรม์
ทรงวิตกไย เราจะไปด้วยกัน
เยี่ยมพระทรงธรรม์ ปิ่นเกล้าธรณี
  ๒๗๔ กระษัตริย์ทั้งสอง
ปรึกษาปรองดอง ปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ชวนกันทูลลา พระชนนี
ลาพระพันปี ผู้เป็นบิดา
  ๒๗๕ พระคุณปกเกล้า
ข้าพระพุทธเจ้า กราบบังคมลา
ไปเยียนชนนี บิดุเรศนาถา
ในพระพารา ชื่อสาวัตถี
  ๒๗๖ ลูกไปไม่ช้า
จะกลับคีนมา ยังพระบูรี
องค์พระบิดา รักษากรุงศรี
ครอบครองธานี กว่าลูกกลับมา
  ๒๗๗ พระคุณทั้งสอง
พระองค์จงครอง พระชันษา
พระชนม์พันปี อย่ามีโรคา
ทรงพระอุตส่าห์ ก่อสร้างสมภาร
  ๒๗๘ แล้วตรัสอำลา
พระญาติวงศา ผู้เฒ่าโบราณ
อย่าทรงพระโกรธ โปรดเกล้าดีฉัน
ประณตบทมาลย์ น้อมเกล้าเกศี
  ๒๗๙ พระญาติวงศา
บิดามารดา ฟังพจน์วาที
พระลูกกราบลา สิ้นสมประดี
เพียงสิ้นชีวี สวรรคตครรไล
  ๒๘๐ ครั้นจะตรัสห้าม
เกรงพระโฉมงาม จะเคืองพระทัย
ทรงพระโทมนัส ขัดสนจนใจ
ขืนพระทัยไว้ ให้พรโฉมศรี
  ๒๘๑ พระลูกทั้งสอง
เจ้าจงปกครอง ใจกันจงดี
อย่ามีโรคา เป็นมหาสุขี
ให้หมู่ไพรี ย่อยยับอัปรา
  ๒๘๒ ฝ่ายพระมเหสี
มีพระเสาวนีย์ ตรัสห้ามลูกยา
เจ้าดวงชีวิต ของพระมารดา
เจ้าจะลินลา ไปตามสามี
  ๒๘๓ สงสารอกแม่
ทีนี้ตั้งแต่ จะทรงโศกี
โศกสร้อยคอยหา ทิวาราตรี
เจ้าลาสามี อยู่ด้วยมารดา
  ๒๘๔ พระราชบุตรี
ตอบพระชนนี พลางทรงโศกา
พระคุณล้นเหลือ ทูนเหนือเกศา
ข้าขอกราบลา ไปตามสามี
  ๒๘๕ ลูกอยู่ภายหลัง
จะมีใครมั่ง จะว่าลูกดี
เห็นว่าลูกชั่ว ผัวจึงหน่ายหนี
ขอลาชนนี ลินลาคลาไคล
  ๒๘๖ พระมารดาสิ
ห้ามพระบุตรี เป็นเท่าใดใด
ไม่ฟังแม่แล้ว จึงสอนทรามวัย
เจ้าตามผัวไป ครององค์จงดี
  ๒๘๗ คิดการสิ่งใด
อย่าให้เคืองใจ พระราชสามี
ครอบครองพระสนม เป็นบรมสุขี
ใจเจ้าอย่ามี หวังคิดอิจฉา
  ๒๘๘ คำรพสามี
ทั้งพระชนนี แลพระบิดา
จงสงวนศักดิ์ รักยศอาตมา
อย่าอหังการ์ ฝากตัวจงดี
  ๒๘๙ สอนอื่นสอนไกล
อันอัธยาศัย ดูแต่ท่วงที
สุดที่สอนสั่ง ชั่งใจจงดี
เจ้าดวงชีวี ฟังคำมารดา
  ๒๙๐ รสสิ่งใดใด
ไม่หวานชื่นใจ เหมือนรสพจนา
หวานนอกหวานใน หวานทุกเวลา
หวานด้วยวาจา เป็นสัตย์อุดม
  ๒๙๑ หอมรสใดใด
หอมกลิ่นฟุ้งไป ได้แต่ตามลม
หอมกลิ่นสัตย์ศีล เป็นกลิ่นอุดม
หอมหวนชวนชม ไปทุกทิศา
  ๒๙๒ ลาแล้วกลับไป
ยังปราสาทไชย โองการให้หา
นางสนมกำนัล หมื่นหกพันมา
เล้าโลมแล้วลา สิ้นทั้งปรางค์ศรี
  ๒๙๓ จึงชวนเมียแก้ว
สรงเสวยเสร็จแล้ว ได้ฤกษ์นาที
ทรงเครื่องเรืองรัตน์ แจ่มจรัสรังสี
อุ้มองค์เทวี ขึ้นขี่อาชา ๚ะ

ฉบัง

๒๙๔ เหาะโดยอากาศเวหา ทักษิณพารา
สามรอบแล้วลาเสด็จไป  
๒๙๕ กันแสงครวญหาเวียงไชย โศกาอาลัย
บ้างถวายพระพรไชยศรี  
๒๙๖ สงบเสียงแล้วเงียบทังบูรี ดังป่าช้าผี
มีแต่โศกาอาวรณ์  
๒๙๗ ม้าแก้วเหาะโดยอัมพร ไกลพระนคร
ได้สิบหกโยชน์วิถี  
๒๙๘ นางจีรัปภานารี เคยอยู่ธานี
ไม่มีแดดลมพัดพาน  
๒๙๙ เมื่อม้าพาเหาะทะยาน ขึ้นสู่คัคนานต์
แดดลมพัดต้องหมองศรี  
๓๐๐ ปวดเศียรไม่เป็นสมประดี พระเศียรเทวี
พ่างเพียงจะแตกทำลาย  
๓๐๑ นํ้าเนตรนางย้อยหยดพราย ปิ้มชีพจะวาย
สวรรคตปลดปลง  
๓๐๒ จึงองค์อัคเรศอนงค์ กราบทูลพระองค์
ผู้ภัสดาสามี  
๓๐๓ ปวดเศียรเสียบจิตผิดที ชีวิตเมียนี้
จะสิ้นเสียกลางเวหน  
๓๐๔ เชิญเสด็จลงจากอัมพล อาศัยไพรสณฑ์
พักอยู่ใต้ต้นพฤกษา  
๓๐๕ ฝ่ายพระสุธนูราชา ตรัสสั่งมิ่งม้า
เร่งพาลงสู่พงไพร  
๓๐๖ แลเห็นศาลาไรไร เร่งม้าให้ไป
อาศัยศาลาทันที  
๓๐๗ ฝ่ายว่าอาชาตัวดี กราบทูลภูมี
ว่าศาลานี้เป็นสำคัญ  
๓๐๘ อินศวร[๗]ประสาทโกนดัน ยักษากุมภัณฑ์
ใครอยู่ให้เป็นภักษา  
๓๐๙ พระกริ้วโกรธม้าอาชา เร่งไปศาลา
ยักษาจะกลัวมันไย  
๓๑๐ พญาม้ากลัวว่าจะขัดใจ แล้วเห็นอรไท
ก็ทรงประชวรหนักหนา  
๓๑๑ พาลงหยุดในศาลา มณีกากอาชา
พิทักษ์รักษาไม่วางใจ  
๓๑๒ พระอ่านพระเวททันใด พระโรคอรไท
ก็ค่อยระงับดับลง  
๓๑๓ เพลาลับแสงสูริยง ชวนนาฏอนงค์
วรนุชประทมในราตรี  
๓๑๔ ฝ่ายว่ามิ่งม้าพาชี ทูลพระภูมี
เข้าที่ประทมอย่าหลับใหล  
๓๑๕ ถ้ายักษ์ถามขานทันใด ยักษ์จักกลับไป
ไม่ขานจะกินเป็นภักษา  
๓๑๖ ท้าวเธอรับคำอาชา ระวังแก้วกัลยา
บรรทมไม่สู้หลับใหล  
๓๑๗ เที่ยงคืนได้ยินเสียงเกรียงไกร ถามว่าคือใคร
มานอนอยู่ในศาลา  
๓๑๘ ภูบาลขานว่าอาตมา อาศัยศาลา
ยักษาได้ยินกลับไป  
๓๑๙ คืนหนึ่งบรรทมหลับใหล ผลกรรมทำไว้
ยักษ์ถามมิได้เจรจา  
๓๒๐ ยักษ์จักกินเป็นภักษา ทั้งสองกระษัตรา
อาชาเข้าห้ามทันใด  
๓๒๑ เจ้านายกูนอนหลับใหล กูรักษาไว้
เร่งไปอย่าได้เข้ามา  
๓๒๒ ฝ่ายท้าวโกนดันยักษา ตอบคำอาชา
มึงมาถุ้มเถียงทันใด  
๓๒๓ ศาลานี้ใครอาศัย นิ่งนอนหลับใหล
ไถ่ถามมิได้พาที  
๓๒๔ เป็นภักษาหารยักษี ตามคำภูมี
อินศวรประสาทให้กู  
๓๒๕ มึงอย่าเจรจาสู่รู้ ไปเสียพ้นกู
จะเข้าไปกินอาหาร  
๓๒๖ พาชีโกรธยักษ์เดือดดาล โลดโผนทะยาน
เข้าถีบเอาท้าวยักษี  
๓๒๗ ยักษ์ล้มลงกลางธรณี คิดแค้นพาชี
เข้าสัประยุทธชิงชัย  
๓๒๘ เสียงยักษ์เสียงม้าเกรียงไกร แล้วเหาะขึ้นไป
รบกันในกลางเวหา  
๓๒๙ พาชีศักดิ์สิทธิ์ฤทธา ถีบกัดยักษา
โลหิตตกกลาดปฐพี  
๓๓๐ ยักษาสู้ม้าพาชี มิได้ถอยหนี
เสียทีแทบอัปราชัย  
๓๓๑ พระตื่นประทมทันใจ เสียงอาชาไนย
สัประยุทธกับท้าวยักษา  
๓๓๒ จึงปลุกเกศแก้วกัลยา ไพรีมีมา
ฉายาจงตื่นฟื้นองค์  
๓๓๓ นางจีรัปภาโฉมยง ตื่นขึ้นพระองค์
ตกใจประพรั่นขวัญหาย  
๓๓๔ พระทรงแสงศรธนูกราย ยกศิลป์พาดสาย
จะยิงพญายักษี  
๓๓๕ แล้วกลัวจะถูกพาชี เพลาราตรี
ไม่รู้จะทำฉันใด  
๓๓๖ พระร้องกำชับขึ้นไป ว่าอาชาไนย
ระวังบังเหียนจงดี  
๓๓๗ กลัวไยกับอ้ายยักษี รุ่งราษตรี
กูจะห้ำหั่นให้บรรลัย  
๓๓๘ ยักษ์ได้ฟังเสียงภูวไนย สำคัญในใจ
ว่าอ้ายนี่นายพาชี  
๓๓๙ ยักษ์สำคัญเพราะภูมี ร้องบอกพาชี
ยักษีก็คิดเต็มใจ  
๓๔๐ เผ่นโผนโจนจับอาชาไนย ฉวยบังเหียนได้
ม้าไม่รู้ที่จะต่อตี  
๓๔๑ บังเหียนที่ผูกพาชี เป็นประเวณี
สาปสรรแต่โบราณมา  
๓๔๒ พญายักษ์กลับไปพารา จึงเอามิ่งม้า
ใส่กรงเหล็กไว้ท้ายเมือง  
๓๔๓ ม้าแก้วเจ็บจิตคิดเคือง คิดเถิงบุญเรือง
ร้องไห้คร่ำครวญร่ำหา  
๓๔๔ เสียแรงพาท้าวเหาะมา ทนทุกขเวทนา
เพราะกูก่อกรรมทำเข็ญ  
๓๔๕ ได้ความลำบากยากเย็น ทีนี้จะเห็น
หน้าใครพาไปกรุงศรี  
๓๔๖ ชวนมาหวังว่าให้ดี กรรมสิ่งใดมี
จึงมาพลัดพรากจากไป  
๓๔๗ บัดนั้นพระปิ่นกรุงไกร เห็นอาชาไนย
ปักษามันพาเหาะหนี  
๓๔๘ กันแสงโศกสิ้นสมประดี แทบพระภูมี
จะสิ้นชีวันทันใด  
๓๔๙ กอดมิ่งมารศรีสายใจ ทรงโศกาลัย
แล้วตรัสละห้อยโหยหน  
๓๕๐ เจ้าพี่ครั้งนี้ยากจน ไม่มีผู้คน
จะชี้ตำบลต้นทาง  
๓๕๑ มีแต่ตัวพี่กับนาง หันหวนครวญคราง
กันแสงอยู่ในไพรสณฑ์  
๓๕๒ สงสารอกเราสองคน ไม่เคยยากจน
ครั้งนี้จะทนเวทนา  
๓๕๓ เคยขี่ม้าแก้วอาชา เราทั้งสองรา
จะทรงเศร้าโศกโศกี  
๓๕๔ อกเอ๋ยจะคิดไฉนดี พามิ่งมารศรี
แก้วพี่มาให้อับปาง  
๓๕๕ ตกเข็ญใจจนกลางทาง ลำบากบาทนาง
ระหกระเหินเดินดง  
๓๕๖ กรซ้ายพี่อุ้มอนงค์ กรขวาพี่ทรง
พระแสงศรแก้วธนูไชย  
๓๕๗ อุ้มองค์นงลักษณ์เดินไพร เลี้ยวลัดพนาลัย
กว่าชีพสิ้นในพงพี  
๓๕๘ บัดนั้นนางนาฏมเหสี เอาใจพันปี
ภูมีอย่าทรงโศกา  
๓๕๙ เมียรักจักขออาสา บุกแฝกแหวกคา
นำหน้าเสด็จภูมี  
๓๖๐ มิให้ขุ่นข้องหมองศรี เชิญพระภูมี
เสด็จในป่าพนาลัย  
๓๖๑ บัดนั้นจึงพระภูวไนย ค่อยคลายพระทัย
ด้วยพจนารถเมียขวัญ  
๓๖๒ สองกระษัตริย์เสด็จในไพรวัน ดัดดั้นพนาสัณฑ์
คิรีละหานเหวธาร  
๓๖๓ ชมสกุโนไก่แก้วขันขาน กลมเกลี้ยงเสียงหวาน
แลนกคุ่มเค้าสกุณี  
๓๖๔ ชมมยูรยูงทองปักษี กระเหว่าโนรี
จับอยู่เคียงคู่สู่สม  
๓๖๕ เหมือนพี่กับเจ้าทรามชม เปรมปรีดิ์ภิรมย์
ใต้ร่มพฤกษาไทรทอง  
๓๖๖ ชมหมู่มฤคราชผันผยอง กระต่ายเต้นเมียงมอง
แลโตกิเลนเลียงผา  
๓๖๗ ชมคชสารสิงหรา เต้นตามกันมา
โลดไล่มหิงส์กระทิงทอง  
๓๖๘ เหมือนเราพี่น้องทั้งสอง เดินเคียงเมียงมอง
ระวังหมู่ราชไพรี  
๓๖๙ ชมผลพฤกษามาลี สนสักกรักขี
มีทั้งจิกแจงแสลงพัน  
๓๗๐ กรรณิการ์เกดแก้วอินจัน ประดู่แดงฉัน
พิกุลบุนนากมาลี  
๓๗๑ พระเด็ดดอกไม้สดสี ยื่นให้เทวี
แก้วพี่จงชมดมลอง  
๓๗๒ เหมือนพวงมาลีพี่กรอง คล้องกรนวลน้อง
ที่ในห้องแก้วปรางค์ศรี  
๓๗๓ แล้วเสด็จลงสรงวารี สระโบกขรณี
มีประทุมมาศหลายพรรณ  
๓๗๔ อุบลจงกลนีสรรพสรรพ์ บงกชสัตตบรรณ
สาหร่ายสายติ่งลินจง  
๓๗๕ พระเด็ดยื่นให้โฉมยง เข้าเคียงเอียงองค์
แล้วสรงสนานวารี  
๓๗๖ สรงเสร็จแล้วเสด็จจรลี เข้าสู่พนาศรี
ภูมีหลีกลัดไพรวัน  
๓๗๗ เสวยผลพฤกษาป้อนปัน กันกินทุกวัน
ได้ความยากเย็นเข็ญใจ  
๓๗๘ ข้ามห้วยเหวทางกลางไพร บุกแฝกแหวกไป
เสโทซึมซาบอาบองค์  
๓๗๙ ฝ่ายนางนิ่มน้อยโฉมยง ลำบากบาทบงสุ์
ให้แตกพุพองหนองใน  
๓๘๐ อัสสุชลหยดย้อยหลั่งไหล ทูลพระภูวไนย
ผู้เป็นพระราชสามี  
๓๘๑ เมียเจ็บปวดบาทบทศรี พ่างเพียงชีวี
ชีวิตจะจากเจียนกาย  
๓๘๒ พระพักตร์สลดเลือดเหือดหาย ฉีกภูษาลาย
แล้วพันพระบาทนวลนาง  
๓๘๓ อุ้มองค์นงลักษณ์เดินทาง เหนื่อยหนักพระวาง
พระน้องในร่มประทมไพร  
๓๘๔ ระงับร้อนแล้วอุ้มสายใจ บทจรคลาไคล
ในจังหวัดเขาลำเนาเกิน  
๓๘๕ เย็นเช้าเจ้าอตส่าห์เดิน ตามแถวแนวเนิน
ห้องห้วยละหานธารทาง  
๓๘๖ พระเล้าโลมน้องนวลนาง สุดดินสิ้นทาง
ก็ลุเถิงฝั่งสาคร  
๓๘๗ ไม่เห็นเรือแพพายจร ในท้องสาคร
สงบสงัดฝูงคน  
๓๘๘ พระเสด็จไต่ตามฝั่งชล กับแก้วนีฤๅมล
แล้วหยุดอยู่ใต้ร่มไทร  
๓๘๙ กอดมิ่งมารศรีสายใจ ทรงโศกาลัย
ตกไร้ผัวเมียสองคน  
๓๙๐ แก้วพี่ครั้งนี้เครื่องจน เห็นจะสิ้นชนม์
เสียแล้วที่ฝั่งคงคา  
๓๙๑ ใครเลยจะมาช่วยพา ให้ข้ามซึ่งสา
คเรศล่วงลุกรุงศรี  
๓๙๒ บัดนั้นสมเด็จเทวี เอาใจสามี
พันปีอย่าทรงโศกา  
๓๙๓ กุศลเราได้สร้างมา จะช่วยรักษา
ให้เราคืนคงยังสถาน  
๓๙๔ เดชะกุศลสมภาร ตรัสมิทันนาน
ก็บันดาลพบสบสมัย  
๓๙๕ พอสำเภามาบัดใจ พบพาภูวไนย
จะส่งให้เถิงกรุงศรี  
๓๙๖ ใช้ใบไปกลางชลธี เพลาราตรี
สำเภาอับปางกลางชล  
๓๙๗ จมลงในกลางชเลวน (คราวเคราะห์หมู่คน)
เป็นเหยื่อแก่ฝูงมัจฉา  
๓๙๘ ฉนากฉลามเหรา กินเป็นภักษา
โลหิตฟูมฟองนองชล  
๓๙๙ บัดนั้นพระหน่อทศพล อุ้มแก้วนีฤๅมล
ขึ้นเสากระโดงทันใจ  
๔๐๐ อันกำลังพระภูวไนย แม้นจะอุปไมย
ได้เจ็ดกำลังช้างสาร  
๔๐๑ พระอุ้มเกศแก้วเยาวมาลย์ กับทั้งกระดาน
โดดไปได้เส้นสิบห้าวา  
๔๐๒ พ้นหมู่เงือกงูเหรา ฉลามโลมา
มิได้เบียดเบียนยายี  
๔๐๓ อุ้มองค์นงนุชมารศรี ผู้ร่วมชีวี
ขึ้นขี่กระดานลอยไป  
๔๐๔ พระชักภูษาทันใด ผูกองค์อรไท
ชายหนึ่งผูกองค์ภูมี  
๔๐๕ คลื่นระลอกกระฉอกฉานวารี เพลาราตรี
ภูมิกลุ้มกลัดอัดใจ  
๔๐๖ กระดานที่ขี่ข้ามไป คลื่นซัดบัดใจ
ก็แตกในกลางทะเลวน  
๔๐๗ ภูษาก็ขาดบัดดล ปิ้มจะสิ้นชนม์
ได้คนละซีกลอยไป ๚ะ  

ยานี

๔๐๘ บัดนั้นนางกระษัตริย์ คลื่นฟองฟัดพลัดผัวไกล
เรียกผัวอยู่ไจ้ไจ้ ไปข้างไหนพระพันปี
๔๐๙ มืดมนจนใจหนัก อกจะหักพระภูมี
พลัดผัวกลางชลธี พระภูมีทิ้งเมียเสีย
๔๑๐ เมียเรียกเท่าใดใด เหตุไฉนไม่ขานเมีย
ฤๅพระดับสูญเสีย สิ้นชีวังกลางสายชล
๔๑๑ มาด้วยกันผัวเมีย ทั้งเมียเสียที่กลางหน
เห็นหน้ากันสองคน พระไปแล้วจะพึ่งใคร
๔๑๒ ระลอกเป็นขนัด คลื่นฟองฟัดกระดานไป
สององค์จึงขึ้นได้ คนละฟากฝั่งสาคร
๔๑๓ เรื่องผัวยังยักไว้ จะกล่าวไปเถิงนางก่อน
แสนโศกแสนอาวรณ์ ทอดองค์ลงกับหาดทราย
๔๑๔ ผัวรักเมียหายไป ทิ้งเมียไว้คนเดียวดาย
ทูลกระหม่อมมาสูญหาย แห่งหนใดไม่รู้เลย
๔๑๕ เมียเรียกเท่าใดใด นิ่งเสียได้ทูนหัวเอ๋ย
เมียเรียกอยู่เบยเบย เพื่อนเข็ญใจไม่ขานเมีย
๔๑๖ รักผัวจึงติดตาม พระโฉมงามทิ้งเมียเสีย
ทีนี้อกของเมีย จะบ่ายหน้าไปพึ่งใคร
๔๑๗ เห็นหน้าท่านผูอื่น เมียจะชื่นขึ้นที่ไหน
เหมือนพึ่งผัวเมื่อไร ไม่มีแล้วนะอกอา
๔๑๘ คิดมาน่าอนาถ เถิงพระญาติวงศา
บิตุเรศแลมารดา ตรัสห้ามปรามเมียไม่ฟัง
๔๑๙ ทูลหัวมาปลดปลิด พระไม่คิดความแต่หลัง
ฤๅว่าพระชิงชัง ละเมียไว้ในกลางหน
๔๒๐ ไม่มีใครกล้ำกราย จะถ่อพายแต่สักคน
ขึ้นล่องตามสายชล จะไถ่ถามเถิงภูมี
๔๒๑ แม้นพระตายด้วยคลื่น จะลอยคืนเห็นซากผี
ฤาว่ายกลางชลธี สุดความคิดจะติดตาม
๔๒๒ นางไหว้วอนเทวา ช่วยรักษาพระโฉมงาม
จงช่วยบอกเนื้อความ ว่าเมียเถิงฝั่งคงคา
๔๒๓ รู้ว่าเมียไม่ตาย จะค่อยคลายซึ่งโศกา
จะได้เที่ยวค้นหา กว่าจะพบประสบกัน
๔๒๔ กันแสงแล้วครวญคร่ำ พิไรร่ำเถิงผัวขวัญ
เวรใดมาตามทัน ฤาเราพรากลกนกกา
๔๒๕ ร้องไห้พลางเดินไป ตามแนวไพรฝั่งคงคา
พระเนตรนางแสวงหา เกลือกราชาจะลอยวน
๔๒๖ เหลือบเล็งชลาสินธุ์ มุจลินท์ริมฝั่งชล
ไม่เห็นพระจุมพล นางข้อนอกเข้าร่ำไร
๔๒๗ ฤๅหนึ่งพระปิ่นแก้ว เถิงฝั่งแล้วตามเมียไป
บุกป่าพนาลัย จังหวัดเขาลำเนาเถิน
๔๒๘ นางจึงเข้าพงไพร ความยากไร้อตส่าห์เดิน
สุรเสียงนางเกรียงเกริ่น เรียกหาผัวในไพรวัน
๔๒๙ นกแก้วจับกิ่งแก้ว พูดแจ้วแจ้วนางอัศจรรย์
เหมือนเสียงพระทรงธรรม์ เรียกเมียขวัญในปรางค์ทอง
๔๓๐ สาลิกาจับเพกา บินร่อนมาเป็นคู่สอง
ผัวเมียเข้าปรองดอง จับคลึงเคล้าคู่คลอเคียง
๔๓๑ เหมือนข้ากับราชา พากันมานั่งนอนเรียง
ลางทีเข้านั่งเคียง ใต้ร่มไม่ในไพรวัน
๔๓๒ นางเห็นฝูงเนื้อนก น้ำตาตกเร่งกระศัลย์
คิดเถิงพระทรงธรรม์ ไม่วายเว้นสักเวลา
๔๓๓ อัสสุชลนางซึมซาบ ไหลเอิบอาบพระนัยนา
คิดเถิงพระภัสดา ทุกค่ำเช้าแลเพรางาย
๔๓๔ เดินพลางนางแลเหลียว ตัวคนเดียวน่าใจหาย
เสือหมีแลผีพราย ช้างแรดร้ายไม่ยายี
๔๓๕ เถิงแดนบุรีรัฐ อินทปัตอันเรืองศรี
พระราชเทวี เข้าอาศัยยายกับตา
๔๓๖ ตายายคือเศรษฐี แต่ก่อนมีทรัพย์หนักหนา
ครั้นอยู่ช้านานมา กรรมซัดให้ตกเข็ญใจ
๔๓๗ สองเฒ่าเลี้ยงจอมขวัญ ลูกบุญธรรม์รักสบสมัย
นางเรียกสองเฒ่าไซร้ ว่าบิดาแลมารดา
๔๓๘ ปรนนิบัติทั้งสองเฒ่า ทุกค่ำเช้าเป็นอัตรา
ไม่วายเว้นเพลา นางกัลยาคิดเจียมตัว
๔๓๙ นางคิดรำพึงไป ทำไฉนจะพบผัว
ธำมรงค์สำหรับตัว ค่าควรเมืองไม่มีทัน
๔๔๐ ครั้นนางจะเอาไว้ ไม่รู้ที่จะผ่อนผัน
ธำมรงค์วงเดียวนั้น นางขายได้เงินสี่เกวียน
๔๔๑ นางจึงช่วยผู้คน นางนีฤๅมลทำความเพียร
จ้างช่างแลเสมียน สร้างปราสาทศาลาทาน
๔๔๒ นางคิดสร้างศาลา คนไปมานิจกาล
แต่งโภชนาหาร ให้บริบูรณ์ในศาลา
๔๔๓ จ้างช่างให้เขียนไว้ เรื่องท้าวไทแต่ต้นมา
จนเถิงพระราชา พาขึ้นลำสำเภาไป
๔๔๔ นางเชิญทั้งสองเฒ่า ให้ขึ้นเฝ้าปราสาทไชย
ผู้คนทั้งนั้นไซร้ ให้ปรนนิบัติเป็นอัตรา
๔๔๕ นางจัดพนักงาน ประจำการในศาลา
ผู้คนจะไปมา จงเลี้ยงดูให้บริบูรณ์
๔๔๖ ถ้าใครดูฉากแก้ว โศกเศร้าแล้วพาไปทูล
ตบแต่งให้บริบูรณ์ ทุกทิวาแลราตรี
๔๔๗ ส่วนนางทรงผนวช บวชพระองค์เป็นนางชี
ทรงศีลทุกราตรี แผ่บุญให้ทุกเทวา
๔๔๘ ให้บุญเทพไท อันอยู่ในห้วยเหวผา
เถื่อนถํ้าแถวคงคา ช่วยผัวข้าให้คืนคง
๔๔๙ จงช่วยบอกราชา ให้พระมาโดยจำนง
อย่าให้เธอลุ่มหลง บอกทางตรงให้ตามมา ๚ะ
๔๕๐ คิดน่าสงสารนัก เถิงจอมจักรทรงโศกา
เมื่อเถิงฝั่งคงคา ไม่เห็นเมียเพียงอาสัญ
๔๕๑ เจ้าพี่ผู้เพื่อนไร้ ตกเข็ญใจมาด้วยกัน
ครั้งนี้มิ่งเมียขวัญ มาหายจากอกผัวไป
๔๕๒ ปานนี้นางเมียแก้ว ดับเสียแล้วฤๅไฉน
ฤๅยังว่ายอยู่ใน กลางสาครทะเลวน
๔๕๓ ความยากพี่ครั้งนี้ พี่ยิ่งคิดก็ยิ่งจน
ไฉนหนอเจ้านีฤๅมล ดวงเนตรพี่จะคืนพลัน
๔๕๔ ความทุกข์พี่ครั้งนี้ สุดที่พี่จำรำพัน
ยิ่งคิดยิ่งกระศัลย์ ยิ่งสังเวชพ้นคณนา
๔๕๕ เงือกงูฤๅมังกร อันสัญจรในคงคา
จระเข้แลเหรา ขบเคี้ยวเจ้ากินทั้งเป็น
๔๕๖ แต่พี่มาจากเจ้า ทุกค่ำเช้าแลยามเย็น
ยามค่ำพี่เคยเห็น ไม่เห็นเจ้าพี่โศกา
๔๕๗ แต่นี้แลเพื่อนไร้ ชลนัยน์พี่โหยหา
อากาศคงคา ก็น้อยกว่าเรียมรำพึง
๔๕๘ จะหาให้เหมือนเจ้า ตายเกิดเล่าไม่มีเถิง
แสนทุกข์แสนคำนึง เป็นอเนกแลอนันต์
๔๕๙ ความพี่ทุกข์เถิงเจ้า แต่ก่อนเก่าไม่มีทัน
ยิ่งคิดก็ยิ่งศัลย์ ยิ่งโศกเศร้าในวิญญาณ์
๔๖๐ เจ้าพี่เอ่ยเถิงจะตาย จะวอดวายพระชนมา
พระศพจงลอยรา พอพี่เห็นเป็นสำคัญ
๔๖๑ ถ้าชีพเจ้าวอดวาย พี่จะตายไปตามกัน
จะอยู่ก็เครื่องศัลย์ แสนโศกอยู่ไปไยมี
๔๖๒ จะตายไปตามเจ้า เป็นคู่เคล้าในเมืองผี
อยู่ไปไยใครว่าดี จะติฉินแล้วนินทา
๔๖๓ ว่าพี่คนโฉดนัก หม้ายเมียรักยิ่งโศกา
ควรฤๅพาเมียมา ทิ้งเสียได้ในกลางทาง
๔๖๔ ครั้งก่อนจากพาชี คราทีนี้พี่จากนาง
เข็ญใจจนอับปาง ตัวคนเดียวจะอยู่ไย
๔๖๕ พระพิโรทพิไรร่ำ ริมฝั่งนํ้าคงคาไหล
สุดสิ้นพระแรงไป เอียงองค์ลงกับปฐพี
๔๖๖ ตรัสเรียกพระยุพิน คำเดียวสิ้นสมประดี
พระกายอินทรีย์ สยองเส้นศิร์โลมา
๔๖๗ สิ้นเสียงพิไรร่ำ ริมฝั่งน้ำพระคงคา
แทบท้าวจะมรณา สวรรคตริมฝั่งชล
๔๖๘ บุญกรรมทำทั้งนี้ พระชินศรีตรัสอนุสนธิ์
แต่ก่อนทั้งสองคน ลงอาบน้ำในคงคา
๔๖๙ เห็นเจ้าสามเณรเด็ก ขี่เรือเล็กพายลงมา
ไม่เกรงลูกศาสดา จับเรือโคลงหยอกเจ้าเณร
๔๗๐ ผลกรรมทำเท่านั้น ตามมาทันพระภูเบนทร์
ใช้กรรมหยอกเจ้าเณร ห้าร้อยชาติตามเวรา
๔๗๑ ครั้งนี้หน่อทศพล จึงได้ทนเวทนา
ครั้นฟื้นองค์ขึ้นมา ทรงโศการ่ำรักเมีย
๔๗๒ ร่ำเรียกทุกต้นไม้ เจ้าเพื่อนไร้ทิ้งผัวเสีย
เพื่อนยากกันผัวเมีย มาจำจากอกผัวไป
๔๗๓ พระเที่ยวหานีฤๅมล ทุกตำบลเนินแนวไพร
ตามฝั่งคงคาไหล เถิงท่าน้ำเมืองยักษา
๔๗๔ พระคอยดูท่วงที จะมีคนเดินไปมา
อาศัยสวนยักษา ที่ดงกล้วยไม่มีใคร ๚ะ

สุรางคนางค์

  ๔๗๕ นางกเรณุวดี
กับฝูงนารี ทั้งเจ็ดเดินไป
คิดว่าจะลง สรงคงคาลัย
พอพระภูวไนย เหลือบเห็นทันที
  ๔๗๖ พระทรงสงสัย
อนงค์นี้ไซร้ ชื่อกเรณุวดี
เป็นบุตรพระอา กรุงสาวัตถี
สมเด็จพันปี ผู้เป็นบิดา
  ๔๗๗ จะเสกนางนี้
เป็นพระมเหสี มิ่งมิตรขนิษฐา
สมสู่นางน้อง ครอบครองพารา
ไฉนนางกัลยา มาเมืองยักษี
  ๔๗๘ ใคร่แจ้งประจักษ์
จึงตรัสถามทัก แม่กเรเนุวดี
เจ้ามาอยู่ไย ในเมืองยักษี
ฤๅนางนารี ติดตามพี่มา
  ๔๗๙ นางกเรณุวดี
เห็นพระภูมี แล้วทรงโศกา
บอกว่าพญายักษ์ ลักพาข้ามา
ให้เลี้ยงรักษา นางอัญชวดี
  ๔๘๐ ทุกวันนี้ไซร้
(ข้าอยู่รับใช้) นางมารยักษี
เคืองแค้นแสนเข็ญ ไม่เป็นสมประดี
เลี้ยงน้องสาวศรี โกนดันยักษา
  ๔๘๑ พระปลอบทรามวัย
เจ้าพี่อย่าได้ กันแสงโศกา
คิดเถิงร่วมจิต พี่ติดตามมา
หวังเชิญกัลยา คืนยังกรุงศรี
  ๔๘๒ ตอบกันไปมา
สุธนูราชา กับกเรณุวดี
ภิรมย์สมสู่ ร่วมรู้ประเวณี
ปรีดิ์เปรมเกษมศรี ด้วยความเสนหา
  ๔๘๓ ตรัสถามต่อไป
เจ็ดนางนี้ไซร้ เป็นฉันใดนา
เจ้าเป็นมนุษย์ ฤๅนางยักษา
เจ้าจงบอกข้า อย่าได้อำพราง
  ๔๘๔ นางกระษัตริย์ทั้งเจ็ด
บอกความสิ้นเสร็จ มิได้อางขนาง
โกนดันยักษา ลักพานวลนาง
มาไว้ในปรางค์ เลี้ยงน้องสาวศรี
  ๔๘๕ ข้าเป็นมนุษย์
กระษัตริย์บริสุทธิ์ ใช่ยักขิณี
มาเป็นข้าใช้ นางอัญชวดี
อาภัพอัปรีย์ พ้นที่คณนา
  ๔๘๖ ความทุกข์ครั้งนี้
ไว้ธุระพี่ จะขออาสา
พานางนีฤๅมล ให้พ้นเวทนา
กลับคืนพารา ครอบครองไอศวรรย์
  ๔๘๗ พระผู้บุญหนัก
สมสนิทนงลักษณ์ ทั่งเจ็ดด้วยกัน
มิความยินดี ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
แล้วลาทรงธรรม์ กลับไปปรางค์ศรี
  ๔๘๘ แต่งตัวขึ้นเฝ้า
แม่อยู่หัวเจ้า นางอัญชวดี
เหม็นกลิ่นมนุษย์ ในปราสาทศรี
มีพระเสาวนีย์ ตรัสถามทันใด
  ๔๘๙ เหม็นกลิ่นมาณพ
นาสาสูบสบ ใครมาแต่ไหน
พบพานมนุษย์ เข้าบ้างฦๅไร
เจ้าเร่งบอกไป อย่าคิดบิดความ
  ๔๙๐ ฝ่ายนางนารี
ได้ฟังเสาวนีย์ ซักไซ้ไถ่ถาม
ไม่รู้ที่คิด ปกปิดเนื้อความ
จึงทูลนางงาม ตามสัตย์จริงไป
  ๔๙๑ ข้าพบมนุษย์
ทรงโฉมบริสุทธิ์ เลิศลบภพไตร
ไม่มีเทียมเทียบ เปรียบสุราลัย
มาอยู่อาศัย สวนกล้วยริมทาง
  ๔๙๒ โฉมเฉิดเลิศลบ
ข้าไม่เคยพบ เห็นอย่างนี้นาง
แทบจะสลบ ล้มลงกลางทาง
ข้าบอกนวลนาง สุจริตสัจจา
  ๔๙๓ นางอัญชวดี
ได้ฟังสาวศรี เสกสรรพรรณนา
เถิงโฉมพระองค์ ทรงลักษณ์ศักดา
มีความเสนหา ซาบเส้นสมองเศียร
  ๔๙๔ สั่งนางสนิท
ให้เร่งพินิจ ทำตามจำเนียร
ตบแต่งเครื่องเสวย สถิตเสถียร
จงเฉลิมเจิมเศียร ส่งให้สาวศรี
  ๔๙๕ สั่งนางสาวใช้
พี่เชิญเครื่องไป ถวายพระพันปี
เสวยสรรพเสร็จแล้ว จึงเชิญภูมี
ให้เสด็จจรลี ขึ้นมาชมปรางค์
  ๔๙๖ สาวศรีกำนัล
รับสั่งแจ่มจันทร์ มิได้คิดขนาง
ไปถวายภูมี ตามเสาวนีย์นาง
แต่งตัวสำอาง เข้าเฝ้าท้าวไท
  ๔๙๗ ครั้นพระเสวยเสร็จ
นางกระษัตริย์ทั้งเจ็ด ทูลแจ้งแถลงไข
นางอัญชวดี ให้เชิญภูวไนย
บทจรคลาไคล ยังปราสาทศรี
  ๔๙๘ ตื้นลึกหนักเบา
นางชวนกันเล่า ถี่ถ้วนถ้วนถี่
จนเพลาค่ำ ย่ำแสงสูรีย์ศรี
เจ็ดนางนารี เชิญพระเสด็จไป
  ๔๙๙ พระเสด็จยุวยาตร
ขึ้นเถิงปรางค์มาศ นางอรทรามวัย
นางทำผินพักตร์ ไม่ทักถามไถ่
กลับเข้าอยู่ใน ห้องทองเรืองศรี
  ๕๐๐ พระเสด็จเข้าใกล้
ว่านางอรไท จงได้ปรานี
เรียมหวังอัคเรศ แก้วเกศมารศรี
ไม่คิดชีวี พี่อตส่าห์มา
  ๕๐๑ เลื่องฦๅระบือไป
เถิงโฉมอรไท พี่คร่ำครวญหา
ควรฤๅโฉมศรี ไม่มีกรุณา
เจ้ายอดเสนหา จงได้พาที
  ๕๐๒ โปรดเถิดอรไท
ทำคุณพี่ไว้ อย่าได้หน่ายหนี
เสียแรงเรียมรัก อย่าผลักไมตรี
ช่วยชูชีวี เรียมไว้กัลยา
  ๕๐๓ นางมารตระบัด
ฟังสารแล้วตรัส ด้วยความเสนหา
เดิมทีซัดจร ซอกซอนหลงมา
เป็นคนอนาถา ให้ทานอาหาร
  ๕๐๔ กลับมาเซ้าซี้
เจรจาพาที เลี่ยงเลี้ยวเกี้ยวพาน
สุนทรวาที ไม่มีใครปาน
ให้เหล่าเยาวมาลย์ งวยงงหลงใหล
  ๕๐๕ ลิ้นลมแหลมหลัก
ให้เราหลงรัก แล้วจักหนีไป
ตรัสมาทุกสิ่ง เห็นจริงที่ไหน
อย่าน้อยพระท้ย ไม่เชื่อวาที
  ๕๐๖ อนิจจาร่วมจิต
เจ้าอย่าพึงคิด เคลือบแคลงไยมี
เรียมรักบุญเรือง มาเมืองยักษี
สู้เสียชีวี พี่อตส่าห์มา
  ๕๐๗ ละถิ่นละฐาน
ละแสนศฤงคาร เข้าเมืองยักษา
ได้แก้วยอดมิ่ง ไม่ทิ้งกัลยา
เจ้าดวงนัยนา จงได้ปรานี
  ๕๐๘ นางมารได้ยิน
สดับสารแล้วถวิล ซาบเส้นเกศี
แกล้งทำมารยา ว่าไม่ยินดี
ถอยถดขยดหนี แฝงพักตร์ม่ายเมียง
  ๕๐๙ ขยดเข้าใกล้
แอบองค์อรไท คลึงเคล้าคลอเคียง
โลมลูบจูบพักตร์ นางยักษ์เอนเอียง
องค์ลงเหนือเตียง แท่นทองผ่องศรี
  ๕๑๐ ภิรมย์สมสนิท
นางยักษ์ปลื้มจิต เพลิดเพลินยินดี
แสยงเส้นโลมา กายายักษี
อันความยินดี พ้นที่รำพัน
  ๕๑๑ สมพาสนางยักษ์
โอบอุ้มฟูมฟัก อยู่สองสามวัน
คิดเถิงอาชา กัลยาเมียขวัญ
พระทรงโศกศัลย์ เศร้าสร้อยโศกา
  ๕๑๒ นางยักษ์ทูลถาม
ว่าพระโฉมงาม กันแสงไยนา
ขัดแค้นสิ่งใด พระได้กรุณา
อย่าทรงโศกา จงได้พาที
  ๕๑๓ พระจึงแสดงสาร
ว่ายอดเยาวมาลย์ มิ่งมิตรมารศรี
เคยอยู่กรุงไกร ได้ทรงพาชี
ในเมืองยักษี ไม่มีอาชา
  ๕๑๔ นางยักษ์ตอบสาร
ว่าพระภูบาล อย่าทรงโศกา
สมเด็จพระพี่ ได้พาชีมา
ใส่กรงตรึงตรา จำไว้ท้ายเมือง
  ๕๑๕ จะให้สาวใช้
ไปทูลขอให้ ท้าวไทบุญเรือง
ทรงพาชีเล่น เป็นปิ่นปักเมือง
อย่าได้แค้นเคือง ครวญคร่ำร่ำหา
  ๕๑๖ มีพระเสาวนีย์
ใช้กเรณุวดี ไปเฝ้าราชา
ทูลขอพาชี ที่พี่ได้มา
พี่จงไคลคลา อย่าช้าเร่งไป
  ๕๑๗ นางกเรณุวดี
รับพระเสาวนีย์ ไปทูลทันใด
ว่าพระท้าวน้อง ให้มาทูลไท
ขออาชาไนย ที่ท้าวได้มา
  ๕๑๘ โกนดานยักษี
ได้ฟังพาที จึงมีบัญชา
พาชีฉิบหาย มันร้ายหนักหนา
บอกพระน้องยา อย่าขี่ขับมัน
  ๕๑๙ นางกเรณุวดี
รับสั่งภูมี กลบมาทูลพลัน
ตรัสว่าพาชี มีพยศกวดขัน
จึงท้าวกุมภัณฑ์ ไม่ให้ข้ามา
  ๕๒๐ นางมารยักษี
ใข้กเรณุวดี ไปทูลราชา
พาชีสาหส พยศหนักหนา
ขอขี่อาชา ตัวนี้ลองดู
  ๕๒๑ นางกเรณุวดี
รับพระเสาวนีย์ ไปทูลโฉมตรู
ขอพาชีไป พระไม่เอ็นดู
พระแม่อดสู นึกน้อยพระท้ย
  ๕๒๒ บอกว่าพาชี
มันร้ายผิดที ขี่ขับมันไย
ห้ามแล้วห้ามเล่า ขืนจะเอาไป
จะขี่ให้ได้ ตามใจน้องยา
  ๕๒๓ กเรณุวดี
รับสั่งภูมี ไปหาอาชา
บอกความถ้วนถี่ มิได้กังขา
ว่าพระราชา มาตามพาชี
  ๕๒๔ บอกแล้วกัลยา
จับจูงพญาม้า เดินมาด้วยดี
เถิงหน้าที่นั่ง พญายักษี
ตรัสว่าม้านี้ สตรีชอบกัน
  ๕๒๕ นางกเรณุวดี
จูงม้าพาชี ไปถวายทรงธรรม์
พระพบพาชี มีความกระศัลย์
ความแต่หลังนั้น พรางนางยักษี
  ๕๒๖ พระบอกอาชา
ข้ากับกัลยา มาตามพาชี
พลัดกันกับนาง ในกลางชลธี
เป็นตายร้ายดี ยังมิรู้เลย
  ๕๒๗ จะอยู่แห่งใด
ขัดสนจนใจ นะพาชีเอ๋ย
กรรมแต่ก่อนปาง พลัดนางทรามเชย
ข้าไม่รู้เลย เถิงนางกัลยา
  ๕๒๘ เวลาราตรี
นางอัญชวดี รัญจวนครวญหา
พระเข้าไปปรางค์ พลางปลอบสุดา
ด้วยความเสนหา เชยชิดพิสมัย
  ๕๒๙ เพลาราตรี
นางอัญชวดี บันทมหลับใหล
พระลอบออกมา หาพาชีไชย
ขึ้นหลังม้าได้ พากันเหาะหนี ๚ะ

ยานี

๕๓๐ บัดนั้นพระทรงธรรม์ ปรึกษากันกับพาชี
จะไปแห่งใดดี จึงจะพบประสบนาง[๘]
๕๓๑ ม้าว่าจะพาไป หาทรามวัยทุกธานี
ถ้าไม่สิ้นชีวี ข้าเห็นทีจะพบพาน
๕๓๒ ไหนไหนเที่ยวหาจบ ไม่พานพบนางนงคราญ
มิ่งม้าพาเหาะทะยาน หาทุกราชธานี
๕๓๓ แลเห็นศาลาทาน ที่หน้าบ้านแห่งเศรษฐี
พระตรัสแก่พาชี หยุดอาศัยใกล้ศาลา
๕๓๔ แปลงองค์เป็นพราหมณ์เทศ ไทธิเบศเดินเข้ามา
คนงานที่ศาลา ร้องเชื้อเชิญพราหมณ์เข้าไป
๕๓๕ มาเถิดเจ้าพราหมณ์เทศ ผู้ทรงเพทมาแต่ไหน
เชิญขึ้นมานั่งใน บริโภคให้สำราญ
๕๓๖ เสวยเครื่องกระยาบวช ล้วนประกวดทั้งเปรี้ยวหวาน
เสร็จแล้วเชิญภูบาล ชมฉากแก้วในศาลา
๕๓๗ พระเสด็จชมฉากแก้ว จับเรื่องแล้วแต่ต้นมา
จนเถิงพระราชา ขึ้นเภตราข้ามนัที
๕๓๘ พระคิดเถิงทรามวัย พระภูวไนยทรงโศกี
คนงานเห็นภูมี เชิญพันปีไปถวายนาง
๕๓๙ สองกระษัตริย์ได้พบกัน พาทรงธรรม์ขึ้นบนปรางค์
สงสารแต่นวลนาง กันแสงพลางเล่าความผัว
๕๔๐ ข้าเที่ยวหาผัวรัก เพียงอกหักไม่คิดตัว
เมียนี้ทุกข์เถิงผัว อกจะครากทุกเพลา
๕๔๑ พระปลอบนางน้องแก้ว กรรมเราแล้วอย่าโศกา
ผัวเที่ยวติดตามมา แล้วถามเถิงม้าอาชา
๕๔๒ พระบอกนางทันใด พี่ตามไปเมืองยักษา
พี่ถามเถิงอาชา เรียมลวงยักษ์ลักม้าหนี
๕๔๓ ตัวพี่กับอาชา พากันมาหาเทวี
จึงพบประสบศรี ไว้พาชีริมโรงทาน
๕๔๔ นางจึงให้ทาสี เชิญพาชีอันกล้าหาญ
เข้ามาหานงคราญ นางกอดม้าเข้าร่ำไร
๕๔๕ พี่ม้าผู้ร่วมจิต น้องนี้คิดว่าบรรลัย
นํ้าตาน้องหลั่งไหล ไห้รักผัวแลอาชา
๕๔๖ จะประมวลความไว้ ชลนัยน์ไห้โหยหา
แม่น้ำยมนา ก็น้อยกว่าข้าทุกข์กรอม
๕๔๗ ความทุกข์ไม่เหือดหาย จนวรกายข้าเผือดผอม
แสนทุกข์ที่ข้าตรอม แต่ก่อนเก่าไม่เท่าทัน
๕๔๘ ความทุกข์ข้าครั้งนี้ พ้นที่น้องจะรำพัน
ยิ่งคิดก็ยิ่งศัลย์ แสนเทวษนักพาชี
๕๔๙ อาชาจึงตอบสาร ยอดเยาวมาลย์มิ่งมารศรี
ความทุกข์ข้าพาชี ก็พ้นที่จะพรรณนา
๕๕๐ ตัวตายไม่รำพึง ข้าทุกข์เถิงศรีสุดา
กับทั้งพระราชา อกข้าตรมระบมหนอง
๕๕๑ คิดคิดแล้วร้องไห้ น้ำตาไหลลงฟูมฟอง
อ้ายยักษ์ก็จองหอง มันจำจองแล้วทุบตี
๕๕๒ พระแปลงจากพราหมณ์เทศ องค์อัคเรศสึกจากชี
แสนสุขแสนเปรมปรีดิ์ แสนสว่างสร่างโศกา
๕๕๓ ปรีดิ์เปรมเกษมสุขนัก วรลักษณ์นางกัลยา
ความชื่นสิ่งใดมา เหมือนพบผัวไม่เทียมทัน
๕๕๔ พระทรงสโมสร สัถาวรด้วยแจ่มจันทร์
หยุดอยู่สองสามวัน กลับเศร้าสร้อยทรงโศกา
๕๕๕ ปรับทุกข์กับเมียรัก เรียมทุกข์หนักขนิษฐา
บิตุเรศแลมารดา ไม่รู้ว่าเป็นฉันใด
๕๕๖ จะทรงพระทุกข์นัก ประชวรหนักฤๅไฉน
ฤๅว่าจะบรรลัย สิ้นพระชนม์ไม่รู้เลย
๕๕๗ จะอยู่ช้าไปนัก อกเรียมรักไม่เสบย
ทูลกระหม่อมของลูกเอย จะโศกเศร้าทุกเพรางาย
๕๕๘ พระกายจะซูบผอม จะทุกข์ตรอมเถิงลูกชาย
คิดมาน่าใจหาย ปรึกษานางกับพาชี
๕๕๙ พาชีจึงตอบสาร ยอดเยาวมาลย์แลพันปี
รำพึงเถิงชนนี ใครจะทุกข์เหมือนอาชา
๕๖๐ เหตุผลเพราะพาชี พาภูมีเหาะหนีมา
จะทรงพระโศกา ด่าอาชาไม่วายวัน
๕๖๑ จะพาพระภูวไนย กับอรไทไปพร้อมกัน
เฝ้าองค์พระทรงธรรม์ จะค่อยคลายซึ่งโกรธา
๕๖๒ จะชมพระภูวไนย ศรีสะใภ้สุดเสนหา
ซึ่งโทษของอาชา จะทุเลาเบาบางลง
๕๖๓ จะช้าอยู่ไม่ได้ พาอรไทไปโดยจง
เกลือกว่าพระบิตุรงค์ กับชนนีสิ้นพระชนม์
๕๖๔ ทราบสารแล้วกัลยา สั่งยายตาทั้งสองคน
อตส่าห์สร้างกุศล เร่งจำศีลแลทำทาน
๕๖๕ ทรัพย์สินยกไว้ให้ ปราสาทไชยแลคนงาน
อตส่าห์บำเพ็ญทาน ข้าทั้งสองจะลาไป
๕๖๖ สงสารทั้งสองเฒ่า เข้ามาเฝ้านํ้าตาไหล
ทูลกระหม่อมจะเสด็จไป ทิ้งข้าไว้เวทนา
๕๖๗ พระสั่งทั้งสองเฒ่า อย่าโศกเศร้าร้องไห้หา
สั่งแล้วอุ้มกัลยา ขึ้นอาชาพาเหาะไป
๕๖๘ เหาะไปโดยอัมพร ไม่อาทรสิ่งใดใด
กระเษมเปรมพระทัย ไท้ทั้งสองกับพาชี
๕๖๙ เหาะมาไม่เร็วนัก ค่อยแรมพักตามวิถี
พาเจ้าดวงชีวี หยุดประทับรอนแรมไพร
๕๗๐ พระอัครเทวี ถามพาชีทุกวันไป
เมืองยักษ์อยู่แห่งใด ไม่ไว้ใจเลยอาชา
๕๗๑ บัดนั้นจึงพาชี ตอบเสาวนีย์ศรีสุดา
มาพ้นแดนยักษา อย่ากลัวเลยแม่อยู่หัว
๕๗๒ มาเถิงแดนมนุษย์ การยั้งหยุดไม่มีกลัว
ท้าวไทไม่ใช่ชั่ว หากเวรกรรมจึงจำเป็น
๕๗๓ สิ้นทุกข์สิ้นความยาก สิ้นลำบากสิ้นแสนเข็ญ
ไม่มีความยากเย็น ยังเป็นทุกข์แต่อาชา
๕๗๔ บิดาทรงพระโกรธ จะลงโทษข้านักหนา
อำมาตย์แลเสนา ทั้งไพร่ฟ้าว่าไม่ดี
๕๗๕ ปองแต่จะทำโทษ ว่าข้าโหดพาพระหนี
เกรี้ยวโกรธข้าพาชี ไม่วายเว้นสักเวลา
๕๗๖ ทูนกระหม่อมทั้งสององค์ จงได้ทรงพระเมตตา
แม้นทรงพระโกรธา ขอโทษข้าให้พันภัย
๕๗๗ ชีวิตข้าพาชี เห็นจะมีสืบต่อไป
เพราะบุญพระภูวไนย ทั้งสององค์ปกเกศา
๕๗๘ ทูลแล้วอาชาไนย นํ้าตาไหลร่ำโศกา
อกใครเหมือนอกข้า ความรักเจ้าจนตัวตาย
๕๗๙ สองกระษัตริย์เห็นอาชา โศกโศกาน่าใจหาย
ปลอบว่าอย่ากลัวตาย ไว้ธุระข้าผัวเมีย
๕๘๐ ข้ารักม้าจริงจริง ข้าไม่ทิ้งมิ่งม้าเสีย
ชีวิตข้าผัวเมีย กับพาชีอันเดียวกัน
๕๘๑ จะกอดบาทพระชนนี พระพันปีผู้ทรงธรรม์
ผัวเมียจะช่วยกัน ทูลขอโทษพี่อาชา
๕๘๒ แม้นทูลขอพาชี ไม่ปรานีโปรดเกศา
จะตายด้วยอาชา อยู่ไปไยนะพาชี
๕๘๓ แม้นข้าผ่านโภไคย ปราสาทไชยอันเรืองศรี
มณีกากร่วมชีวี ขึ้นโรงทองอันผ่องใส
๕๘๔ ห้อยย้อยด้วยพวงพู่ กลิ่นเรณูขจรไป
ครวญคร่ำร่ำไปไย พาชีไชยอย่าโศกา
๕๘๕ พระปลอบพาชีแล้ว อุ้มน้องแก้วขึ้นอาชา
ชวนกันเสด็จคลา บ่ายพักตรายังกรุงศรี ๚ะ
๕๘๖ สมเด็จบิดุเรศ ทนเทวษโศกโศกี
กับแก้วเกศนี พิไรร่ำคร่ำครวญหา
๕๘๗ แล้วเข้าที่ไสยาสน์ ในปรางค์มาศอันโอฬาร์
ลงสู่ที่นิทรา จนเพลาปัจจุสมัย
๕๘๘ ท้าวทรงพระสุบิน ว่าเทวินทร์เรืองฤทธิไกร
มือถือพวงดอกไม้ เหาะมาในกลางนภา
๕๘๙ แล้วยกดอกบัวทอง ขึ้นประคองเหนือเกศา
สองดอกงามโสภา เข้ามาถวายพระทรงธรรม์
๕๙๐ ในฝันว่าพระบาท รับประทุมมาศอันเรืองฉัน
กอดไว้กับอกพลัน เกษมสันต์บานพระทัย
๕๙๑ รัศมีดอกบัวหลวง งามโชติช่วงรุ่งเรืองไป
หอมกระลบทั้งภพไตร ให้ชมชื่นทั้งกรุงศรี
๕๙๒ พระตื่นจากไสยาสน์ เห็นประหลาดเร่งยินดี
ให้หาหมู่เสนี ทั้งโหรพราหมณ์เร่งทำนาย
๕๙๓ พระโหรพราหมณ์ผู้ปรีชา รู้ตำรากราบทูลถวาย
ให้แจ้งโดยบริยาย ในลักขณะนิมิตฝัน
๕๙๔ นิมิตฝันว่าเทวา ทรงศักดาเหาะมาพลัน
ถือดอกบัวเรืองฉัน สองดอกนั้นมาถวาย
๕๙๕ เทวาล้ำเลิศแล้ว คือม้าแก้วบันเพริศพราย
จะพาพระโฉมฉาย ยอดโอรสกลับคืนมา
๕๙๖ ดอกบัวสองดอกนั้น พระทรงธรรม์ไปเที่ยวหา
ได้แก้วเกศสุดา จะกลับมาเป็นสององค์
๕๙๗ ฝันว่าพระภูวไนย กอดเข้าไว้กับทรวงทรง
พระทัยของพระองค์ ให้เบิกบานสำราญใจ
๕๙๘ จะได้ชมเจ้าฟ้า โอรสายอดพิสมัย
กับทั้งศรีสะใภ้ ทรงนรลักษณ์เลิศโลกี
๕๙๙ ฝันว่าดอกบัวหลวง อันโชติช่วงรุ่งรัศมี
สว่างทั่วทั้งธานี ในไตรภพจบเวียงไชย
๖๐๐ อานุภาพหน่อนเรศ ศักดาเดชปกแผ่ไป
ไม่มีผู้เทียมไท จะเข็ดขามทุกธานี
๖๐๑ ไม่ช้านานนักแล้ว พระลูกแก้วรุ่งรัศมี
มาถึงพระบูรี วันพรุ่งนี้เป็นมั่นคง
๖๐๒ ถ้าแม้นมิกลับมา ดังวาจาข้าพระองค์
ถวายชีพให้ปลดปลง สิ้นทั้งโคตรอย่าโปรดปราน
๖๐๓ พระได้ฟังโหรทาย โดยบริยายให้เบิกบาน
สั่งให้ตระเตรียมการ ทุกพนักงานจงพร้อมกัน
๖๐๔ โขนหนังแลเทพทอง เพลงขับร้องให้ครบครัน
หกคะเมนไต่ลวดนั้น ทั้งละครแลหุ่นยนต์
๖๐๕ ระเบ็งแลโมงครุ่ม จัดหนุ่มหนุ่มจีนเล่นกล
ระบำรำทุกคน เพลงครึ่งท่อนสักรวา
๖๐๖ ตั้งโรงให้รายรอบ เป็นระบอบรอบพารา
แต่งตัวให้โอ่อ่า ตระเตรียมไว้จงทุกโรง
๖๐๗ แล้วจัดละครรำ จับระบำให้โอ่โถง
มโหรีขับไม้โคลง ทั้งพิณพาทย์แลแตรสังข์
๖๐๘ ฆ้องไชยแลกลองไชย รำมอญไทยแขกฝาหรั่ง
พระลูกกูเถิงวัง จงประโคมให้พร้อมกัน ๚ะ
๖๐๙ บัดนั้นพระยอดฟ้า เตือนอาชาร่วมชีวัน
เร่งให้เหาะมาพลัน เถิงกรุงแก้วพระบูรี
๖๑๐ ทักษิณพระนคร โดยอัมพรรุ่งรัศมี
เอิกเกริกทั้งธานี เสียงประโคมเป็นโกลา
๖๑๑ เสียงสนั่นลั่นครึกครื้น พ่างเพียงพื้นพสุธา
จะทรุดด้วยวาจา ร้องอวยไชยถวายพร
๖๑๒ ชมโฉมพระภูวไนย โฉมอรไทยิ่งอัปสร
เปล่งปลั่งดังจันทร อันลอยเลื่อนกลางเวหา
๖๑๓ งามองค์พระภูวไนย งามอรไทเลิศลักขณา
งามม้าแก้วอาชา ดูเพริศพริ้งยิ่งแดนไตร
๖๑๔ ทักษิณสามรอบแล้ว ชวนน้องแก้วพิสมัย
เข้าเฝ้าพระภูวไนย ปิ่นพิภพผู้บิดา ๚ะ

พิลาป

  ๖๑๕ กราบลงกับบาทา
สมเด็จพระบิตุราช กันแสงโศกา
พระราชเทวี กราบกับบาทา
แห่งนางกัลยา ผู้เป็นชนนี
  ๖๑๖ สงสารสี่กระษัตริย์
ความโศกกลุ้มกลัด สุดสิ้นสมประดี
กอดลูกเข้าไว้ ไม่ได้พาที
แทบดับชีวี สิ้นทั้งสี่องค์
  ๖๑๗ ฟื้นองค์ขึ้นได้
ทรงกันแสงไห้ พระทัยใหลหลง
กอดจูบลูบพักตร์ ลูกรักโฉมยง
แล้วท้าวกลับทรง โศกเศร้าโศกา
  ๖๑๘ พระสุธนู
พระองค์หยั่งรู้ พระทัยบิดา
โศกซวนปวนปั่น หวนหันไปมา
แกล้งกริ้วอาชา ว่าพากูหนี
  ๖๑๙ จึงทูลขอโทษ
บิดุเรศจงโปรด ข้ากับพาชี
โทษผิดนักหนา พากันเหาะหนี
ความผิดทั้งนี้ เถิงสิ้นชีวา
  ๖๒๐ ตรัสว่าคิดไว้
ถ้าบิดาได้ อ้ายพาชีมา
จะให้เชือดเนื้อ แล้วเอาเกลือทา
ให้สมนํ้าหน้า พาลูกกูหนี
  ๖๒๑ ครั้นเจ้ากลับมา
ทูลว่ากัลยา ได้เพราะพาชี
โทษผิดอาชา ที่พาลูกหนี
ความชอบข้อนี้ พอกลบลบกัน
  ๖๒๒ ต่างองค์ต่างเล่า
ความทุกข์ก่อนเก่า ร้อนโรคโศกศัลย์
เถิงความทุกข์ยาก พลัดพรากจากกัน
แสนเศร้าโศกศัลย์ ยิ่งพ้นคณนา
  ๖๒๓ คลายโศกขึ้นได้
เฝ้าชมศรีสะใภ้ สุดสวาดิบาดตา
รัศมีโชติช่วง ดั่งดวงจันทรา
ไม่มีธิดา ใดเปรียบเทียบทัน
  ๖๒๔ สั่งให้เสนี
แต่งการพิธี อุปภิเษกจอมขวัญ
ตรัสการสมโภช ให้ถ้วนเจ็ดวัน
จะเสกทรงธรรม์ ให้ครองโภไคย
  ๖๒๕ พรหมทัตราชา
แต่งพระยอดฟ้า สุธนูเรืองไชย
นางจีรัปภา ให้กรมฝ่ายใน
ตบแต่งทรามวัย ให้เลิศเลขา
  ๖๒๖ ครั้นได้ฤกษ์ดี
จึงเชิญบายศรี เจ็ดชั้นออกมา
ตั้งโรงพิธี วิจิตรรจนา
เชิญองค์กระษัตรา มาทั้งสองศรี
  ๖๒๗ แหนแห่แออัด
จัดเป็นขนัด ตามเสด็จภูมี
สนั่นครั่นครื้น เพียบพื้นปัฐพี
พ่างเพียงธรณี จะทรุดโทรมลง
  ๖๒๘ โหราพฤฒามาตย์
กับทั้งพระญาติ บรมวงศ์
เชิญสองกระษัตริย์ ขึ้นแท่นทองทรง
เข้าประคององค์ เคียงคู่สู่สม
  ๖๒๙ จับข้อพระกร
ทั้งสองบังอร เข้าคู่ประนม
วางลงถาดทอง ปรองดองชื่นชม
ฝ่ายพระบรม ญาติถวายพร
  ๖๓๐ ศรีศรีมีสวัสดิ์
ให้สองกระษัตริย์ ทรงพระสโมสร
ปราศจากทุกข์ภัย อย่าได้อาทร
ให้สองบังอร ร่วมจิตใจกัน
  ๖๓๑ เสกสององค์เอก
ปราบดาภิเษก ล้ำเลิศเฉิดฉัน
ครอบครองบูรี โดยคดีธรรม์
ฝูงอรินทร์แพ้ผัน ฟายแพ้แต่ไกล
  ๖๓๒ พระญาติวงศา
บิดามารดา ได้พึ่งบุญไป
ดังเสตฉัตรแก้ว เย็นทั่วภพไตร
ให้สองสายใจ ยืนได้พันปี
  ๖๓๓ แล้วเวียนเทียนไชย
ฝ่ายหน้าฝ่ายใน นั่งล้อมภูมี
ประโคมแตรสังข์ ดุริยางคดนตรี
ขับไม้มโหรี ปี่พาทย์ฆ้องไชย
  ๖๓๔ เสียงโห่สนั่น
ดังสุธาลั่น กัมปนาทหวาดไหว
เพียงพระสุเมรุ จะเอนเอียงไป
ฝูงเทพไท มาทุกราศี
  ๖๓๕ เป็นปิ่นนคเรศ
ทรงศักดาเดช ฦๅทั่วธรณี
เกรงขามคร้ามเดช ทุกนิเวศกรุงศรี
สุขเขษมเปรมปรีดิ์ สิ้นทั้งพระนคร
  ๖๓๖ ฝ่ายอัครฉายา
เป็นปิ่นสุดา ยิ่งเทพอัปสร
ทรงสวัสดิ์รัศมี เป็นศรีนคร
ปกเกล้าสายสมร หมื่นหกพันนาง
  ๖๓๗ ท้าวเสวยไอศวรรย์
สมบัติอนันต์ อเนกเปรมปรางค์
เป็นปิ่นปักเมือง ไม่เคืองใจนาง
ประพฤติตามทาง ธรรมแต่โบราณ
  ๖๓๘ ร้อยเอ็ดพารา
เกลื่อนกล่นกันมา ถวายบรรณาการ
เข้าเฝ้าภูวไนย พระทัยโปรดปราน
สอนให้ทำทาน จำศีลภาวนา
  ๖๓๙ พระราชโอวาท
ตรัสมิได้ขาด สิ้นทุกข์พารา
อำมาตย์มนตรี พราหมณ์ชีพฤฒา
ฝ่ายในฝ่ายหน้า สอนทุกวันไป
  ๖๔๐ ให้ปลูกโรงทอง
ฉลักฉลุกุก่อง เรืองรองสุกใส
จำรัสรัศมี ให้พาชีไชย
เข้าอยู่แทบใกล้ ปราสาทราชา
  ๖๔๑ ทรงศีลทรงสัตย์
สมบูรณ์พูนสวัสดิ์ ใหญ่ยิ่งหนักหนา
เดชานุภาพ ปราบด้วยธรรมา
ทั่วทุกพารา เป็นมหาสุขี
  ๖๔๒ ฝ่ายพระบิดา
ออกทรงบรรพชา สืบสร้างบารมี
มอบเวนสมบัติ พัสถานกรุงศรี
ไม่มีราคี ปลิโพธอาลัย
  ๖๔๓ พระจอมกระษัตริย์
พระองค์ทรงตรัส ด้วยยอดพิสมัย
ผู้มิ่งมเหสี กับพาชีไชย
ว่าทุกกรุงไกร ประณตบทมาลย์
  ๖๔๔ รับราชโอวาท
มิได้ประมาท บำเพ็งศีลทาน
แต่ท้าวยักษี ฤทธีกล้าหาญ
ชื่อว่าโกนดาน อยู่กรุงยักษา
  ๖๔๕ จะเสด็จทรมาน
ให้ท้าวโกนดาน รักษาศีลา
พานางกระษัตริย์ ทั้งเจ็ดนั้นมา
กับนางยักษา ชื่ออัญชวดี
  ๖๔๖ เราเป็นกระษัตริย์
วาจาได้ตรัส ไว้แก่นารี
จะพามาไว้ ให้พ้นยักษี
ครั้นได้พาชี เหาะหนีนางมา
  ๖๔๗ ลาเจ้ากลับไป
พานางมาให้ สมกับวาจา
กเรณุวดี เป็นลูกพระอา
โกนดานยักษา ลักพานางไป
  ๖๔๘ พระอัครเทวี
ตรัสแก่ภูมี กับพาชีไชย
จะไปครั้งนี้ พี่อาชาไนย
เกลือกอัปราชัย อายแก่ยักษา
  ๖๔๙ ขอพระภูมี
กับพี่พาชี เร่งนึกตรึกตรา
อันการทั้งปวง ข้าห่วงนักหนา
จงมีบัญชา ให้ข้าแจ้งใจ
  ๖๕๐ พระตอบเสาวนีย์
ว่ามิ่งมารศรี อย่าคิดสงสัย
เรียมเรืองฤทธี กับพาชีไชย
จะปราบมันให้ อยู่ใต้บาทา
  ๖๕๑ ม้ากราบทูลเล่า
แม่อยู่หัวเจ้า อย่าได้กังขา
ครั้งก่อนเสียที ด้วยมีวาจา
ตรัสกำชับมา ยักษาได้ที
  ๖๕๒ ครั้งนี้อาชา
จะขออาสา แก้เผ็ดยักษี
พาตัวมันมา ให้เถิงธานี
พระอัครเทวี อย่าได้แคลงใจ
  ๖๕๓ พระยอดเยาวมาลย์
ครั้นได้สดับสาร กำชับภูวไนย
ระมัดองค์จงดี มีอัธยาศัย
อันพาชีไชย แค้นอ้ายโกนดาน
  ๖๕๔ จะโถมเข้าสู้
สำคัญว่ากู ฤทธากล้าหาญ
เสียทางท่วงที ยักษีใจพาล
พระจงคิดอ่าน อย่าฟังอาชา
  ๖๕๕ ตรัสแล้วพระบาท
สั่งให้อำมาตย์ รักษานครา
ครั้นได้ฤกษ์ดี ภูมียาตรา
ขึ้นหลังอาชา พาท้าวเหาะไป
  ๖๕๖ ไม่ช้านานนัก
ใกล้เถิงเมืองยักษ์ ถามพาชีไชย
จะลักพานาง ก่อนฤๅฉันใด
ฤๅจะเข้าไป รบอ้ายยักษี
  ๖๕๗ พาชีตอบสาร
ว่าพระภูบาล อย่าเกรงไพรี
มันจะนินทา ว่าพานางหนี
ถ้าอยู่ต่อตี กลัวแพ้ยักษา
  ๖๕๘ เหาะไปในเมือง
ให้ยักษ์ฦๅเลื่อง ทั่วทั้งพารา
มันอวดตัวดี ว่ามีฤทธา
ให้มันออกมา สัประยุทธโรมรัน
  ๖๕๙ จะสังหารให้
มันอัปราชัย มอดม้วยอาสัญ
ทั้งเสนายักษ์ ยับย่อยด้วยกัน
จึงเชิญทรงธรรม์ เข้ารับนางไป
  ๖๖๐ พระฟังม้าว่า
ด้วยโกรธยักษา ไว้ในพระทัย
ตรัสให้อาชา พาเหาะเข้าไป
แทบปราสาทไชย โกนดันยักษี
  ๖๖๑ เปล่งพระสุรเสียง
สุนทรสำเนียง ตรัสเรียกด้วยดี
ว่าเหวยยักษา ลักพามารศรี
ชื่อกเรณุวดี เมียเรานี้นา
  ๖๖๒ เจ็ดนางนั้นเล่า
เป็นภรรยาเรา แต่เก่าก่อนมา
นางอัญชวดี น้องสาวยักษา
ก็เป็นบริจา เมียเราด้วยกัน
  ๖๖๓ เรามาบัดนี้
จะรับมารศรี มิ่งมิตรเมียขวัญ
เราบอกให้แจ้ง ใจท้าวกุมภัณฑ์
ท่านคนอาธรรม์ ไม่เกรงเวรี
  ๖๖๔ แม้นขัดมิให้
จะม้วยบรรลัย สิ้นทั้งกรุงศรี
ทั้งตัวพญายักษ์ จักม้วยชีวี
อันการต่อตี ไม่เกรงยักษา
  ๖๖๕ โกนดานยักษี
ได้ฟังพาที กริ้วโกรธโกรธา
มนุษย์เท่านี้ พาทีอหังการ์
ว่าได้เสนหา กับน้องสาวกู[๙]
  ๖๖๖ พิกาศก้องไป
ป่าวพวกพลไกร เสนาเสนี
เหาะมาเกลื่อนกล่น แต่ล้วนตัวดี
ทหารยักษี เข่นเขี้ยวขบฟัน
  ๖๖๗ พระยายักษี
ได้ฟังวาที กลุ้มกลัดอัดใจ
ไฉนหนออกกู จะสู้ฤๅไฉน
ฤาจะยกให้ ยังไม่รู้เลย
  ๖๖๘ ครันจะชิงชัย
เขานินทาได้ ว่าสู้น้องเขย
คิดฉันใดดี อีชาติชั่วเอ๋ย
มึงนำน้องเขย มาสู้พี่เมีย
  ๖๖๙ ฝ่ายพระยอดฟ้า
ตรัสเตือนยักษา ว่าเร่งออกเสีย
ถ้าไม่ชิงชัย จะไปหาเมีย
เราไม่ให้เสีย สูญศักดิ์ยักษา
  ๖๗๐ ท่านเป็นคนชั่ว
โฉดเขลาเมามัว มีแต่โกรธา
ไม่รักษาศักดิ์ ลักเมียเรามา
แล้วลักธิดา ทั้งเจ็ดเวียงไชย
  ๖๗๑ เป็นคนใจพาล
จะตกนรกานต์ ไม่รู้ฤๅไฉน
เมียเอ็งเอ็งรัก ลักเมียเขาไป
ถ้าแม้นมิให้ จะสิ้นชีวา
  ๖๗๒ ตัวเป็นกระษัตริย์
ไม่ปรนนิบัติ โดยราชกิจจา
ไม่คิดทำทาน จำศีลภาวนา
ถ้าฟังวาจา จะช่วยยักษี
  ๖๗๓ โกนดานยักษา
ได้ฟังพจนา แห่งพระภูมี
ด่าว่าสั่งสอน สุนทรวาที
มีใจยินดี ต่อพระราชา
  ๖๗๔ แล้วคิดในใจ
พาชีนั้นไซร้ มีฤทธิ์นักหนา
ครั้งหนึ่งกูจับ แทบอัปรา
ชัยแก่อาชา ด้วยการต่อตี
  ๖๗๕ ครั้งนี้อาชา
เจ็บอยู่ด้วยว่า กูจำพาชี
ถ้าได้ชิงชัย เห็นไม่ถอยหนี
ทั้งเจ้าพาชี ก็มีฤทธา
  ๖๗๖ เอาใจดีต่อ
อย่าให้เกิดก่อ กรรมเวรเวรา
คิดแล้วยักษี จึงมีวาจา
ร้องอาราธนา ให้ว่าต่อไป
  ๖๗๗ ถ้าท่านจงจิต
พญายักษ์นิมิต ธรรมาสน์เรืองไชย
เราจะเทศนา ให้ฟังต่อไป
โปรดพญายักษ์ให้ พ้นจัตุราบาย
  ๖๗๘ ฝ่ายท้าวทักษา
นิมิตโอ่อ่า ธรรมาสน์เฉิดฉาย
พระยี่ภู่ปูลาด ราชอาสน์เพริศพราย
หมู่มารทั้งหลาย เกลื่อนกล่นคณนา
  ๖๗๙ ทั้งนางมนุษย์
กระษัตริย์บริสุทธิ์ นางมารยักษา
แต่งเครื่องมัสการ วิจิตรรจนา
จึงเชิญราชา ลงจากอัมพร
  ๖๘๐ ขึ้นสู่ธรรมาสน์
พระยอดนักปราชญ์ เทศนาสั่งสอน
ทรมานยักษา มิให้อาทร
ให้ใจโอนอ่อน ต่อพระภูมี
  ๖๘๑ ตรัสโอวาทา
สอนพญายักษา ให้มายินดี
ศีลห้าประการ ตามประเวณี
ปฐมวาที ปาณาติปาตา
  ๖๘๒ อย่าได้ฆ่าสัตว์
เร่งปรนนิบัติ บิดามารดา
ถ้าฆ่ามนุษย์ มีจิตวิญญาณ์
กินเป็นภักษา จะตกนรกานต์
  ๖๘๓ ถ้าตกลงไป
ยมบาลผู้ใจ องอาจห้าวหาญ
จะสับจะฟัน ทิ่มแทงสามานย์
โยนลงในถ่าน เพลิงไหม้เวทนา
  ๖๘๔ ตายแล้วเกิดเล่า
ทนทุกข์ดังเก่า สาหัสหนักหนา
นับชาติหมื่นพัน พ้นที่คณนา
ด้วยกรรมเวรา กินคนทั้งเป็น
  ๖๘๕ ครั้นขึ้นมาได้
เวรสิ่งนั้นไซร้ ก่อกรรมทำเข็ญ
เวียนฆ่าเวียนฟัน กินกันทั้งเป็น
ห้าร้อยชาติเห็น สังเวชนักหนา
  ๖๘๖ อทินนาทาน
ผู้ใดใจพาล ลักทรัพย์ท่านมา
ลักลูกลักเมีย สัตว์มีวิญญาณ์
จะตกจัตุรา บายอยู่ช้านาน
  ๖๘๗ ครั้นขึ้นมาได้
กรรมสิ่งนั้นไซร้ พบโจรใจพาล
ปองลักทรัพย์ลิน ลูกเมียอาหาร
เกิดความรำคาญ เพราะทำมิดี
  ๖๘๘ กาเมสุมิจฉา
เห็นเมียท่านมา ปองร้ายราวี
ร่วมรักเมียท่าน โลภล่วงประเวณี
ด้วยการโลกีย์ รสราคดำฤษณา
  ๖๘๙ จะได้ไปตก
โรรุพนรก ทนทุกขเวทนา
ปีนขึ้นต้นงิ้ว ลำบากหนักหนา
หนามยอกกายา ลุกร้อนเปลวไฟ
  ๖๙๐ นายนิริยบาล
ถือหอกทะยาน โถมแทงขึ้นไป
ทนทุกข์หมื่นปี มิได้หวาดไหว
ครั้นขึ้นมาได้ ไม่สิ้นเวรา
  ๖๙๑ เกิดชาติใดใด
มีคนตามไป ปองร้ายริษยา
ลอบลักเมียรัก ของอาตมา
ไปเป็นบริจา จำจากอกผัว
  ๖๙๒ ชิงชู้เมียกัน
เกิดฆ่าเกิดฟัน ก่อกรรมใส่ตัว
เพราะคนโฉดเขลา โง่เง่าเมามัว
ไม่คิดเกรงกลัว จะเป็นเวรา
  ๖๙๓ อันมุสาวาท
อย่าได้ประมาท เจรจามุสา
ส่อเสียดสับปลับ ล่อลวงเจรจา
จักตกนรกา ทนทุกข์ช้านาน
  ๖๙๔ ครั้นขึ้นมาได้
เกิดชาติใดใด พบแต่พวกพาล
พูดจาหลอกหลอน ล่อลวงสามานย์
ฟังคำคนพาล ได้ความฉิบหาย
  ๖๙๕ สุรานั้นเล่า
คบคนกินเหล้า มัวเมาไม่อาย
ประมาทครูบา ปูย่าตายาย
ประทุษร้าย บิดามารดา
  ๖๙๖ อึกอักในใจ
ดูหมิ่นเสียได้ ไม่เกรงวาจา
มึงวาพาเวย ไม่เคยเจรจา
ครั้นเมาสุรา ว่าได้ทุกอัน
  ๖๙๗ เสียศรีเสียศักดิ์
เผ่าพงศ์นรลักษณ์ เสียสิ้นสรรพสรรพ์
ชมกันว่าดี ที่เมาด้วยกัน
ผู้ไม่เมานั้น เกลียดชังนักหนา
  ๖๙๘ ตายตกนรก
ลงไปไหม้หมก ทนทุกขเวทนา
กินแต่นํ้ากรด สาหสหนักหนา
กรรมกินสุรา ทนทุกข์ช้านาน
  ๖๙๙ ครั้นขึ้นมาได้
เกิดชาติใดใด ได้ความอัประมาณ
เป็นมาบ้าใบ้ ยังเวียนสาธารณ์
เพราะคบคนพาล กินแต่สุรา
  ๗๐๐ โกนดานยักษี
ได้ฟังภูมี ตรัสธรรมเทศนา
ลบล้างลงหมด พยศอาตมา
กลับมีศรัทธา เลื่อมใสยินดี
  ๗๐๑ แก้วแหวนเงินทอง
ขนมาเนืองนอง ถวายพระพันปี
กับองค์พระน้อง ชื่ออัญชวดี
ถวายพระภูมี เป็นมิ่งเมียขวัญ
  ๗๐๒ นางกเรณุวดี
กับองค์นารี ทั้งเจ็ดด้วยกัน
พญายักษ์ถวาย พระผู้ทรงธรรม์
ศีลห้าองค์นั้น ท้าวเร่งรักษา
  ๗๐๓ เสนามนตรี
พวกพลยักษี อยู่ในศีลา
นอบนบอภิวาท บรมนาถนาถา
สิ้นทั้งพารา อยู่ใต้บทศรี
  ๗๐๔ พระตรัสทรมาน
พญายักษ์โกนดาน กับทั้งเสนี
ประณตบทบาท หน่อนาถชินศรี
จึงมีวาที ตรัสแก่ยักษา
  ๗๐๕ แต่วันนี้ไป
พญายักษ์อย่าได้ เอาเท็จเจรจา
ประนิบัติตามราช ประเวณีมา
ครอบครองพารา ตามคดีธรรม
  ๗๐๖ ครอบครองกรุงไกร
ตบแต่งขึ้นให้ แม้นมิ่งเมืองสวรรค์
ปรีดิ์เปรมเขษมสุข โดยยุกติ์โดยธรรม์
เราลากุมภัณฑ์ กลับไปกรุงศรี
  ๗๐๗ โกนดานยักษา
กับทั้งเสนา มาส่งภูมี
พานางมนุษย์ แลนางยักษี
คืออัญชวดี มาส่งราชา
  ๗๐๘ แก้วแหวนเงินทอง
พลยักษ์เนืองนอง ชวนกันขนมา
ตระเตรียมพร้อมสรรพ เชิญพระราชา
ฝ่ายท้าวยักษา ตามเสด็จภูมี
  ๗๐๙ แห่แหนแน่นอัด
จัดเป็นขนัด ห้อมล้อมพันปี
บ่ายพักตร์จำเพาะ ต่อพระบูรี
ลุเถิงธานี กรุงแก้วกระเษมศานต์
  ๗๑๐ ให้เชิญน้องแก้ว
ขึ้นปราสาทแล้ว เลี้ยงดูพญามาร
สอนให้รักษา ศีลห้าประการ
ฝ่ายท้าวโกนดาน รับสั่งแล้วลา
  ๗๑๑ เอิกเกริกทั้งเมือง
ว่าพระบุญเรือง ทรมานยักษา
พ่ายแพ้อานุภาพ สิ้นทั้งพารา
ตามส่งเจ้าฟ้า สิ้นทั้งกรุงศรี
  ๗๑๒ อัศจรรย์หนักหนา
มนุษย์ยักษา มีความยินดี
ไม่คิดกลัวกัน พวกพลยักษี
การร้ายราวี ไม่มีเลยนา ๚ะ

ฉบัง

๗๑๓ สองกระษัตริย์สุขเกษมเปรมปรา ตรัสปลอบอาชา
ม้าแก้วผู้ร่วมหฤทัย  
๗๑๔ ท่านจงเหาะไปเวียงไชย เยียนพระภูวไนย
บิดุเรศแลพระชนนี  
๗๑๕ ท่านทูลแต่ความตามดี อย่าให้ชนนี
บิดุเรศทรงพระโศกศัลย์  
๗๑๖ ทูลว่าช้าเพราะทรงธรรม์ อ้ายยักษ์โกนดัน
มันลักพระน้องนางหนี  
๗๑๗ เสด็จปราบราบคาบทั้งบุรี โกนดานยักษี
ซบเกล้าเข้ากับบาทา  
๗๑๘ สงบสงัดทั้งสองกระษัตรา จักเสด็จกลับมา
กราบบาทสมเด็จชนนี  
๗๑๙ นอกนั้นตามแต่พาชี อันการร้ายดี
ก็อยู่แก่ใจอาชา  
๗๒๐ ม้าแก้วรับราชสารา แจ้งจิตกิจจา
สืบไปก็เพราะพาชี  
๗๒๑ สมเด็จโลกนาถชินศรี ชักนิทานนี้
มาตรัสพระสธรรมเทศนา  
๗๒๒ ว่าในอดีตกาลมา สมเด็จศาสดา
ทรมานยักษาโกนดัน  
๗๒๓ ครั้งนั้นก็เป็นอัศจรรย์ สิ้นสุดลงนั้น
จึงตรัสพระธรรมเทศนา  
๗๒๔ พระจตุราริยสัจจา ยอดธรรมเทศนา
แล้วชุมพระชาติชินศรี  
๗๒๕ ดูราภิกขุภิกขุณี เสตราชเรืองศรี
กลับมาเป็นพระโมคคัลลาน์  
๗๒๖ อันองค์สมเด็จอินทรา ครั้นกลับชาติมา
คือพระอนุรุททรงญาณ  
๗๒๗ นางค่อมพี่เลี้ยงนงคราญ กลับมาช้านาน
คือนางอุบลวรรณา  
๗๒๘ อันนางประทุมคัพภา ครั้นกลับชาติมา
คือนางกีสาโคตมี  
๗๒๙ นางยักษ์ชื่ออัญชวดี กลับมาชาตินี้
คือว่านางจันทเถรา  
๗๓๐ นางกเรณุครั้นกลับชาติมา บวชในศาสนา
ชื่อว่านางสุนทรี  
๗๓๑ อันท้าวโกนดานยักษี กลับชาติมานี้
คือว่าพระการเถรา  
๗๓๒ อันว่ามณีกากอาชา ครั้นกลับชาติมา
คือพระยากัณฐัศว์เรืองศรี  
๗๓๓ อันนางแก้วเกศนี กลับชาติมานี้
คือสิริมหามายา  
๗๓๔ ท้าวพรหมหัตนาถา ครั้นกลับชาติมา
ท้าวสิริสุทโธทน์ภูวไนย  
๗๓๕ นางจีรัปภาทรามวัย กลับชาติมาได้
เป็นนางพิมพาภิกขุณี  
๗๓๖ พระสุธนูเรืองศรี กลับชาติมานี้
คือพระสัพพัญญุตญาณ  
๗๓๗ โปรดสัตว์ให้ข้ามสงสาร ลุล่วงนิพพาน
เมืองแก้วกระเษมสุขสวรรค์ ๚ะ  

๚ะ สุธนูนิทานํ อันว่านิทานพระสุธนู นิฏฺฐิตํ จบแต่เท่านี้แล ๚ะ



[๑] “โกนดัน” หรือ “โกดาน” หมายถึง “ฆันตารยักษ์” ที่กล่าวในปัญญาสชาดก

[๒] ปัญญาสชาดกว่า “พาราณสี”

[๓] ปัญญาสชาดกว่า นางม้าแก่

[๔] ปัญญาสชาดกว่า “จักษุทั้งสองของอัศวโปดกนั้น มีสัณฐานดังกุณฑลที่บุคคลทำด้วยแก้วมณี เพราะเหตุนั้นชนทั้งหลาย จึงเรียกชื่ออัศวโปดกลูกนางพาชีนั้นว่า มณีกักขิอัศวราช”

[๕] ในปัญญาสชาดกว่า เมื่อสุธนูกุมารมีพระชนม์ได้ ๑๖ ปี พระเจ้าพรหมทัตผู้เป็นพระบิดาก็สิ้นพระชนม์ ข้าราชการทั้งหลายจึงเตรียมการราชาภิเษกสุธนูกุมารจะให้เป็นกษัตริย์ต่อไป

[๖] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป น่าจะเป็น “พาเหาะไปยังพารา”

[๗] หมายถึงพระอิศวร ต่างกับในปัญญาสชาดกที่ว่า ฆันตารยักษได้รับพรจากท้าวเวสสุวรรณ

[๘] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๙] บทที่ ๖๖๕ - ๖๖๗ สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไปทั้งเนื้อความไม่ต่อเนื่อง เข้าใจว่าความตอนต่อจากนี้เอกสารต้นฉบับคงคัดลอกตกไป

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ