เพลงยาวถวายโอวาท
๏ ควรมิควรจวนจะพรากจากสถาน | |
จึงเขียนความตามใจอาลัยลาน | ขอประทานโทษาอย่าราคี |
ด้วยขอบคุณทูลกระหม่อมถนอมรัก | เหมือนผัดพักตร์ผิวหน้าเป็นราศี |
เสด็จมาปราศรัยถึงในกุฎี | ดังวารีรดซาบอาบละออง |
ทั้งการุญสุนทราคารวะ | ถวายพระวรองค์จำนงสนอง |
ขอพึ่งบุญมุลิกาฝ่าละออง | พระหน่อสองสุริย์วงศ์ทรงศักดา |
ด้วยเดี๋ยวนี้มิได้รองละอองบาท | จะนิราศแรมไปไพรพฤกษา |
ต่อถึงพระวะษาอื่นจักคืนมา | พระยอดฟ้าสององค์จงเจริญ |
อย่ารู้โรคโศกเศร้าเหมือนเขาอื่น | พระยศยืนยอดมนุษย์สุดสรรเสริญ |
มธุรสชดช้อยให้พลอยเพลิน | จะต้องเหินห่างเหทุกเวลา |
ไหนจะคิดพิศวงถึงองค์ใหญ่ | ทั้งอาลัยองค์น้อยละห้อยหา |
มิเจียมตัวกลัวพระราชอาชญา | จะใส่บ่าแบกวางข้างละองค์ |
พาเที่ยวชมยมนามหาสมุทร | เมืองมนุษย์นกไม้ไพรระหง |
ต่อรอนรอนอ่อนอับพยับลง | จึงจะส่งเสด็จให้เข้าในวัง |
แต่ครั้งนี้วิบากจากพระบาท | ใจจะขาดคิดหมายไม่วายหวัง |
มิสูญลับดับจิตชีวิตยัง | จะเวียนบังคมบาทไม่ขาดปี |
แม้นไปทัพจับศึกก็นึกมาด | จะรองบาทบงกชบทศรี |
สู้อาสากว่าจะตายวายชีวี | ด้วยภักดีได้จริงทุกสิ่งอัน |
ขอฉลองสองพระองค์ดำรงรักษ์ | ช่วยฉุดชักชุบย้อมกระหม่อมฉัน |
ให้ยืนเหมือนเดือนดวงพระสุริยัน | เป็นคืนวันเที่ยงธรรมไม่ลำเอียง ฯ |
๏ นิจจาเอ๋ยเคยรองละอองบาท | โปรดประภาษไพเราะเสนาะเสียง |
แสนละม่อมน้อมพระองค์ดำรงเรียง | ดังเดือนเคียงแข่งคู่กับสุริยา |
จงอยู่ดีศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล | ให้พระชนม์ยั่งยืนหมื่นพรรษา |
ได้สืบวงศ์พงศ์มกุฎอยุธยา | บำรุงราษฎร์ศาสนาถึงห้าพัน |
เหมือนสององค์ทรงนามพระรามลักษณ์ | เป็นปิ่นปักปกเกศทุกเขตขัณฑ์ |
ประจามิตรคิดร้ายวายชีวัน | เสวยชั้นฉัตรเฉลิมเป็นเจิมจอม |
จะไปจากฝากสมเด็จพระเชษฐา | จงรักพระอนุชาอุตส่าห์ถนอม |
พระองค์น้อยคอยประณตนิ่งอดออม | ทูลกระหม่อมครอบครองกันสององค์ |
อุตส่าห์เรียนเขียนอ่านบุราณราช | ไสยศาสตร์สงครามตามประสงค์ |
ลำดับศักดิ์จักรพรรดิขัตติวงศ์ | อุตส่าห์ทรงจดจำให้ชำนาญ |
ด้วยพระองค์ทรงสยมบรมนาถ | บังคับราชการสิ้นทุกถิ่นฐาน |
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ | มนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน |
อนึ่งให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง | โคลงเพชรพวงผิดชอบทรงสอบสวน |
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควร | ทราบให้ถ้วนถี่ไว้จะได้ทูล |
ทั้งพุทธไสยไตรดาทวายุค | ให้ทราบทุกที่ถวิลบดินทร์สูรย์ |
พระยศศักดิ์จักเฉลิมให้เพิ่มพูน | ได้พึ่งทูลกระหม่อมของฉันสององค์ |
แม้นออกวังตั้งใจจะไปอยู่ | สำหรับปูเสื่อสาดคอยกวาดผง |
ขอพึ่งบุญพูนสวัสดิ์เหมือนฉัตรธง | ได้ดำรงร่มเกล้าทั้งเช้าเย็น |
แต่ยามนี้มีกรรมจะจำจาก | ด้วยแสนยากยังไม่มีที่จะเห็น |
เพราะพระเจ้าเยาว์นักต้องรักเร้น | จึงจำเป็นจำพรากจำจากไป |
ขอพระองค์จงเอ็นดูอย่ารู้ร้าง | ให้เหมือนอย่างเมรุมาศไม่หวาดไหว |
อย่าหลงลิ้นหินชาติขาดอาลัย | น้ำพระทัยทูลเกล้าจงยาวยืน |
ถึงร้อยปีมิได้มาก็อย่าแปลก | ให้เหมือนแรกเริ่มตรัสไม่ขัดขืน |
เช่นงางอกออกไปมิได้คืน | จึงจักยืนยืดยาวดังกล่าวคำ |
ของพระองค์ทรงยศเหมือนคชบาท | อย่าให้พลาดพลั้งเท้าก้าวถลำ |
ระมัดโอษฐ์โปรดให้พระทัยจำ | จะเลิศล้ำลอยฟ้าสุราลัย ฯ |
๏ หนึ่งนักปราชญ์ราชครูซึ่งรู้หลัก | อย่าถือศักดิ์สนทนาอัชฌาสัย |
อุตส่าห์ถามตามประสงค์จำนงใน | จึงจักได้รู้รอบประกอบการ |
หนึ่งบรรดาข้าไทที่ใจซื่อ | จงนับถือถ่อมศักดิ์สมัครสมาน |
หนึ่งคนมนตร์ขลังช่างชำนาญ | แม้พบพานผูกไว้เป็นไมตรี |
เขาทำชอบปลอบให้น้ำใจชื่น | จึงเริงรื่นรักแรงไม่แหนงหนี |
ปรารถนาสารพัดในปัถพี | เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง |
คำบุราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง | เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์ |
จงทราบไว้ใต้ละอองทั้งสององค์ | อุตส่าห์ทรงสืบสร้างทางไมตรี |
แต่คนร้ายหลายลิ้นย่อมปลิ้นปลอก | เลี้ยงมันหลอกหลอนเล่นเหมือนเช่นผี |
อย่าพานพบคบค้าเป็นราคี | เหมือนพาลีหลายหน้าระอาอาย |
อันคนดีมีศีลสัตย์สันทัดเที่ยง | ช่วยชุบเลี้ยงชูเชิดให้เฉิดฉาย |
เอาไว้ใช้ใกล้ชิดไม่คิดร้าย | เขารักตายด้วยได้ด้วยใจตรง |
อันโซ่ตรวนพรวนพันมันไม่อยู่ | คงหนีสู้ซ่อนมุ่นในฝุ่นผง |
แม้นผูกใจไว้ด้วยปากไม่จากองค์ | อุตส่าห์ทรงทราบแบบที่แยบคาย |
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก | แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย |
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย | เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ |
จะรักชังทั้งสิ้นเพราะลิ้นพลอด | เป็นอย่างยอดแล้วพระองค์อย่าสงสัย |
อันช่างปากยากที่จะมีใคร | เขาชอบใช้ช่างมือออกอื้ออึง |
จงโอบอ้อมถ่อมถดพระยศศักดิ์ | ถ้าสูงนักแล้วก็เขาเข้าไม่ถึง |
ครั้นต่ำนักมักจะผิดคิดรำพึง | พอก้ำกึ่งกลางนั้นขยันนัก ฯ |
๏ อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ | ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก |
สงวนคมสมนึกในฮึกฮัก | จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย |
จับให้มั่นคั้นหมายให้วายวอด | ช่วยให้รอดรักให้ชิดพิสมัย |
ตัดให้ขาดปรารถนาหาสิ่งใด | เพียรจงได้ดังประสงค์ที่ตรงตี |
ธรรมดาว่ากษัตริย์อัติเรก | เป็นองค์เอกอำนาจดังราชสีห์ |
เสียงสังหารผลาญสัตว์ในปัถพี | เหตุเพราะมีลมปากนั้นมากนัก |
เหมือนหน่อเนื้อเชื้อวงศ์ที่องอาจ | ย่อมเปรื่องปราชญ์ปรากฏเพราะยศศักดิ์ |
ผู้ใหญ่น้อยพลอยมาสามิภักดิ์ | ได้พร้อมพรักทั้งปัญญาบารมี |
ถ้าคร้านเกียจเกียรติยศก็ถดถอย | ข้าไทพลอยแพลงพลิกออกหลีกหนี |
ต้องเศร้าสร้อยน้อยหน้าทั้งตาปี | ทูลดังนี้กลัวจะเป็นเหมือนเช่นนั้น |
ด้วยไหนไหนก็ได้มาสามิภักดิ์ | หมายจะรักพระไปกว่าจะอาสัญ |
จึงทูลความตามจริงทุกสิ่งอัน | ล้วนสำคัญขออย่าให้ผู้ใดดู ฯ |
๏ พระผ่านเกล้าเจ้าฟ้าบรรดาศักดิ์ | แม้นไม่รักษายศจะอดสู |
ซึ่งยศศักดิ์จักประกอบจำรอบรู้ | ได้เชิดชูช่วยเฉลิมให้เพิ่มพูน |
อันเผ่าพงศ์วงศาสุรารักษ์ | สามิภักดิ์พึ่งปิ่นบดินทร์สูรย์ |
ที่สิ่งไรไม่ทราบได้กราบทูล | จึงเพิ่มพูนภาคหน้าปรีชาชาญ |
ประเพณีที่บำรุงกรุงกษัตริย์ | ปฏิพัทธิ์ผ่อนผันตามบรรหาร |
ต่างพระทัยนัยน์เนตรสังเกตการ | ตามบุราณเรื่องราชานุวัติ |
จงพากเพียรเรียนไว้จะได้ทราบ | ทั้งกลอนกาพย์การกลปรนนิบัติ |
หนึ่งแข็งอ่อนผ่อนผันให้สันทัด | ตามกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงดิน |
อนึ่งแยบยลกลความสงครามศึก | ย่อมเหลือลึกล้ำมหาชลาสินธุ์ |
เร่งฝึกฝนกลการผลาญไพริน | ให้รู้สิ้นรู้ให้มั่นกันนินทา |
อันข้าไทได้พึ่งเขาจึงรัก | แม้นถอยศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา |
เขาหน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา | แต่วิชาช่วยกายจนวายปราณ ฯ |
๏ ซึ่งเปรียบปรายหมายเหมือนเตือนพระบาท | ให้เปรื่องปราชญ์ปรีชาศักดาหาญ |
แม้นหากว่าฝ่าละอองไม่ต้องการ | โปรดประทานโทษกรณ์ที่สอนเกิน |
ด้วยรักใคร่ได้มาเป็นข้าบาท | จะบำราศแรมร้างไปห่างเหิน |
เป็นห่วงหลังหวังใจให้เจริญ | ใช่จะเชิญชวนชั่วให้มัวมอม |
พระมีคุณอุ่นอกเมื่อตกยาก | ถึงตัวจากแต่จิตสนิทสนอม |
จะจำไปไพรพนมด้วยตรมตรอม | ทูลกระหม่อมเหมือนหนึ่งแก้วแววนัยนา |
พระองค์น้อยเนตรซ้ายไม่หมายร้าง | พระองค์กลางอยู่เกศเหมือนเนตรขวา |
ความรักใคร่ไม่ลืมปลื้มวิญญาณ์ | ได้พึ่งพาพบเห็นค่อยเย็นทรวง |
สามิภักดิ์รักใคร่จะไปเฝ้า | พระทูลเกล้าก็ยังอยู่ที่วังหลวง |
จะสั่งใครไปเล่าเขาก็ลวง | ต้องนิ่งง่วงเหงาอกตกตะลึง |
ครั้นหาของต้องประสงค์ส่งถวาย | ก็สูญหายเสียมิได้เข้าไปถึง |
ทุกค่ำเช้าเศร้าจิตคิดรำพึง | ด้วยลึกซึ้งสุดจิตจะติดตาม |
จะร่ำลักษณ์อักษรเป็นกลอนกาพย์ | ทูลให้ทราบสิ้นเสร็จก็เข็ดขาม |
กตัญญูสู้อุตส่าห์พยายาม | ไม่ลืมความรักใคร่อาลัยลาน |
ถึงลับหลังยังช่วยอวยสวัสดิ์ | ให้สมบูรณ์พูนสมบัติพัสถาน |
คอยถามข่าวชาววังฟังอาการ | ได้ทราบสารว่าเป็นสุขทุกพระองค์ |
พลอยยินดีปรีดาประสายาก | เหมือนกาฝากฝ่าพระบาทดังราชหงส์ |
ไม่หายรักมักรำลึกนึกจำนง | ไม่เห็นองค์เห็นแต่ฟ้าก็อาวรณ์ |
จึงพากเพียรเขียนความตามสุภาพ | หวังให้ทราบเรื่องลักษณ์ในอักษร |
จะได้วางข้างพระแท่นแทนสุนทร | ที่จากจรแต่ใจอาลัยลาน |
ซึ่งทูลเตือนเหมือนจะชูให้รู้รอบ | ขอความชอบตราบกัลปาวสาน |
อย่าฟังพ้องสองโสตจงโปรดปราน | ด้วยลมพาลพานพัดอยู่อัตรา |
จงสอดส่องตรองตรึกให้ลึกซึ้ง | เป็นที่พึ่งผ่อนผันให้หรรษา |
ถึงแม้นมาตรขาดเด็ดไม่เมตตา | กรุณาแต่หนังสืออย่าถือความ ฯ |
๏ อนึ่งคำนำถวายหมายว่าชอบ | แม้นทรงสอบเสียวทราบว่าหยาบหยาม |
อย่าเฉียวฉุนหุนหวนว่าลวนลาม | เห็นแต่ความรักโปรดซึ่งโทษกรณ์ |
แม้นเห็นจริงสิ่งสวัสดิ์อย่าผัดเพี้ยน | เร่งร่ำเรียนตามคำที่พร่ำสอน |
ดูดินฟ้าหน้าหนาวฤๅคราวร้อน | เร่งผันผ่อนพากเพียรเรียนวิชา |
ซึ่งประโยชน์โพธิญาณเป็นการเนิ่น | พอจำเริญรู้ธรรมคำคาถา |
ถือที่ข้ออรหัตวิปัสสนา | เป็นวิชาฝ่ายพุทธนี้สุดดี |
ข้างฝ่ายไสยไตรเพทวิเศษนัก | ให้ยศศักดิ์สูงสง่าเป็นราศี |
สืบตระกูลพูนสวัสดิ์ในปัถพี | ได้เป็นที่พึ่งพาเหล่าข้าไท ฯ |
๏ ซึ่งทูลความตามซื่ออย่าถือโทษ | ถ้ากริ้วโกรธตรัสถามตามสงสัย |
ด้วยวันออกนอกพรรษาขอลาไป | เหลืออาลัยทูลกระหม่อมให้ตรอมทรวง |
เคยฉันของสองพระองค์ส่งถวาย | มิได้วายเว้นหน้าท่านข้าหลวง |
จะแลลับดับเหมือนดังเดือนดวง | ที่แลล่วงลับฟ้าสุธาธาร |
ถึงมาเฝ้าเล่าที่ไหนจะได้เห็น | ด้วยว่าเป็นขอบเขตนิเวศน์สถาน |
จะตั้งแต่แลลับอัประมาณ | เห็นเนิ่นนานนึกน่าน้ำตากระเด็น |
ต่อโสกันต์วันพระองค์ทรงสิกขา | จะได้มานอบนบได้พบเห็น |
ให้ใช้สอยคอยเฝ้าทุกเช้าเย็น | มิให้เต้นโลดคะนองทั้งสององค์ |
ด้วยเหตุว่าฝ่าพระบาทได้ขาดเสร็จ | โดยสมเด็จ[๑]ประทานตามความประสงค์ |
ทูลกระหม่อมยอมในพระทัยปลง | ถวายองค์อนุญาตเป็นขาดคำ |
ในวันนั้นวันอังคารพยานอยู่ | ปีฉลูเอกศกแรมหกค่ำ[๒] |
ขอละอองสองพระองค์จงทรงจำ | อย่าเชื่อคำคนอื่นไม่ยืนยาว |
อย่างหม่อมฉันอันที่ดีแลชั่ว | ถึงลับตัวก็แต่ชื่อเขาลือฉาว |
เป็นอาลักษณ์นักเลงทำเพลงยาว | เขมรลาวลือเลื่องถึงเมืองนคร |
แผ่นดินหลังครั้งพระโกศก็โปรดเกศ | ฝากพระเชษฐา[๓]นั้นให้ฉันสอน |
สิ้นแผ่นดินสิ้นบุญของสุนทร | ฟ้าอาภรณ์แปลกพักตร์อาลักษณ์เดิม |
หากสมเด็จเมตตาว่าข้าเก่า | ประทานเจ้าครอกฟ้าบูชาเฉลิม |
ไม่ลืมคุณทูลกระหม่อมเหมือนจอมเจิม | จะขอเพิ่มพูนพระยศให้งดงาม |
เผื่อข้าไทไม่มีถึงที่ขัด | กับหนูพัดหนูตาบ[๔]จะหาบหาม |
สองพระองค์จงอุตส่าห์พยายาม | ประพฤติตามแต่พระบาทมาตุรงค์ |
รักพระยศอตส่าห์รักษาสัตย์ | พูนสวัสดิ์สังวาสตามราชหงส์ |
เห็นห้วยหนองคลองน้อยอย่าลอยลง | จะเสียทรงสีทองละอองนวล |
สกุลกาสาธารณ์ถึงพานพบ | อย่าควรคบคิดรักศักดิ์สงวน |
เหมือนชายโฉดโหดไร้ที่ไม่ควร | อย่าชักชวนชิดใช้ให้ใกล้องค์ |
อันนักปราชญ์ราชครูเหมือนคูหา | เป็นที่อาศัยสกุลประยูรหงส์ |
จงสิงสู่อยู่แต่ห้องทองประจง | กว่าจะทรงปีกกล้าถาทะยาน |
ขึ้นร่อนเร่เวหนให้คนเห็น | ว่าชาติเช่นหงสาศักดาหาญ |
ได้ปรากฏยศยงตามวงศ์วาน | พระทรงสารศรีเศวตเกศกุญชร |
ควรมิควรส่วนผลาอานิสงส์ | ซึ่งรูปทรงสังวรรัตน์ประภัสสร |
ให้สี่องค์ทรงมหาสถาวร[๕] | ถวายพรพันวษาขอลาเอย ฯ |
[๑] คือเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ซึ่งเป็นพระมารดา
[๒] ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๗๒ ในรัชกาลที่ ๓
[๓] คือ เจ้าฟ้าอาภรณ์
[๔] บุตรสุนทรภู่ทั้ง ๒ คน
[๕] สี่องค์ คือ เจ้าฟ้ากุลฑล ๑ เจ้าฟ้าอาภรณ์ ๑ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์ ๑ เจ้าฟ้าปิ๋ว ๑