เพลงยาวความเก่า
๏ ได้เห็นพี่มีจิตต์คิดสงสาร | |
จะมีผัวก็พินาศขาดสำราญ | สู้ทรมานสกนธกายมาหลายปี |
อุส่าห์เลี้ยงลูกน้อยกลอยจิตต์ | ฉันคิดคิดสังเวชสมเพชพี่ |
ยังกำดัดจะกำหนัดในสามี | ไม่ควรที่ภัศดาพิราลัย |
ถ้าแก่เฒ่าเล่าเถิดไม่เฉิดโฉม | นี่ยังประโลมล่อจิตต์ให้พิสมัย |
สิ่งงามงามพร้อมลม่อมลไม | ยังชวนใจชาวชายให้หมายชม |
แต่ใจน้องเจียวยังปองเสนหา | ขาดทิวามิวายที่หมายสม |
จะนึกไปไหนพี่จะนิยม | หักอารมณ์น้องรักจะหักเปน |
อันพี่นางน้องหวังเหมือนยังญาติ์ | จึงเอื้อมอาจพจนามาให้เห็น |
เพราะหวังใจไว้กับพี่เปนที่เร้น | จงได้เอนดูด้วยช่วยปิดงำ |
ถึงพิโรธโกรธขึ้งอย่าอึงอื้อ | เสียแรงถือไว้เปนที่อุปถัมถ์ |
เปนสองหูรู้เรื่องเคืองระกำ | จะแสนช้ำชั่วกาลปาไป |
ถ้ามาดแม้นหยิกตีเสียดีกว่า | จะอุส่าห์ทบเล็บหาเจ็บไม่ |
จะนิ่งนั่งให้พี่ทำให้หนำใจ | กว่าจะได้เห็นรักประจักษ์ทรวง |
อันลิขิตน้องพิศวาสพี่ | โดยยินดีในใจนั้นใหญ่หลวง |
มิใช่จะยกยอมาล่อลวง | สงสารทรวงอนุชาที่อาวรณ์ |
ถึงมิรักพี่จงไว้แต่ในจิตต์ | อย่าควรคิดหมิ่นหมางระคางสมร |
จงปรองดองเหมือนหนึ่งน้องร่วมอุทร | อย่าตัดรอนเสนหาได้ปราณี |
จะได้เปนรั้วกั้นกันอันตราย | ถึงดีร้ายหมายเหมือนเช่นเพื่อนพี่ |
ธรรมดาเป็นหม้ายไร้สามี | ยากที่จะให้พ้นคนนินทา |
ถึงจะดีไม่มีคาวคงร้าวฉาน | เพราะปากพาลสารวอนจะค่อนว่า |
ใครจะล่วงลอดรู้ในอุรา | จะตั้งหน้าคอยรับแต่อัประมาน |
ใช่จะแกล้งแต่งลมมาสมทบ | เกลื่อนกลบลิ้นล่อแต่พอหวาน |
อย่าคิดลึกนึกเฉลียวว่าเกี้ยวพาน | เพราะสงสารว่าอยู่เดียวจะเปลี่ยวใจ |
เห็นพี่นี้เอกาทวาอยู่ | ไม่มีคู่เชยชิดพิสมัย |
จึงบังอาจล่วงลอดทอดอาไลย | หมายจะไม่จืดจางหมางอารมณ์ |
อันสารสวาทมาดหมายในลายลักษณ์ | พอประจักษ์สุจริตที่คิดสม |
จงปรองดองอย่าให้ต้องทุกข์รทม | จะภิรมย์รับขวัญทุกวันเอย ฯ |
ฯ ๒๘ คำ ฯ
๏ แสนอาไลยให้ระลึกนึกความหลัง | |
ได้เห็นกันวันเมื่อออกจากวัง | เปนที่สุดเห็นสั่งวังเวงใจ |
นิจจาเอ๋ยเคยเล่นเคยเห็นหน้า | เคยพูดจาตามประสาเคยรักใคร่ |
เคยร่วมสุขทุกข์ร้อนมาแต่ไร | พิสมัยกันมิได้มีหมองมล |
ทั้งแสนรักแสนเสียดายไม่วายเว้น | จะใคร่พบเห็นพักตรกันสักหน |
ยากที่จะไปมาเข้าตาจน | เฝ้าแต่ทนทุกขาตั้งตาคอย |
จะใช้เพื่อนสนิทพักตรไปสักคน | ก็ขัดสนด้วยไม่มีใครใช้สอย |
จะฟังข่าวเยี่ยมเยือนก็เลื่อนลอย | เหมือนเลือดตานี้จะย้อยคอยเห็นพักตร์ |
จนลือข่าวฉาวมาว่าราชหงส์ | ย่อมเสียทรวดเสียทรงปีกหางหัก |
บ้างติดบ่วงห่วงแร้วรึงรังรัก | บ้างตกปลักติดแปลงไม่ปลอดภัย |
ประเวณีธรรมชาติดังราชหงส์ | จะบินลงชลาที่ท่าไหน |
จะเปนโบกขรณีนทีใด | อย่าสงสัยว่าจะไม่มีใครนิยม |
ถึงเปนดวงดอกฟ้าสุมาลัย | อย่าสงสัยว่าจะไร้ผู้ปองสม |
เหมือนเชื้อฝอยใกล้ไฟทั้งใกล้ลม | คิดปรารมภ์เสียดายพักตรจักราคี |
เฝ้าวิตกแต่ถึงกันวันไม่เว้น | กลัวจะเปนเช่นเขาว่าน่าบัดสี |
จะรักบึงจะไม่รักโบกขรณี | ก็เสียทีที่เปนราชหงส์ทอง |
เปนสัตรีถึงจะมีผู้บริรักษ์ | สงวนพักตรจะให้สิ้นมลทินหมอง |
ย่อมมีคู่ร่วมสมภิรมย์ครอง | จึงจะป้องกันได้ที่ภัยพาล |
อันแต่จะอยู่เดียวเปลี่ยวเปล่าข้าง | อ้างว้างเอกองค์เพื่อนสงสาร |
มักได้ความเคืองแค้นแสนอัประมาน | เหมือนวงศ์วารพี่น้องจะป้องกัน |
ไม่มีคู่ถ้าจะอยู่แต่ลำพัง | จงคืนหลังยังนิเวศน์เขตขัณฑ์ |
อันจะทำหนีเร้นอยู่เช่นนั้น | มิวันหนึ่งก็วันหนึ่งอย่าพึงคิด |
แม่เหมือนเพ็ชรเจ็ดกรัดแต่เรือนไร้ | ถ้ารักไม่มีเรือนเหมือนคิดผิด |
แต่พลอยหุงไม่รุ่งเร้าเชาวลิต | เขายังติดเรือนทองรองสีรับ |
ควรจะหาเรือนยาราชาวดี | ฝังมณีรายริมทับทิมประดับ |
ให้แสงฉายพรายแพรวดูแวววับ | จึงสมกับเพ็ชรมณีที่เรือนรุ้ง |
มิใช่เช่นพลอยขายทวายทำ | ถึงเนื้อน้ำจะหยดย้อยก็พลอยหุง |
แม่ยังกำดัดงามทรามผดุง | คิดหมายมุ่งใคร่ฝังเรือนรังแตน |
ถ้ามิรักก็อย่าชังคิดรังเกียจ | อย่าคุมเคียดไว้ในหน้าว่าแคะแค่น |
ประสารักอยู่ไม่สุขให้ทุกข์แทน | อย่าเคียดแค้นนะจงให้อภัยเอย ฯ |
ฯ ๓๐ คำ ฯ
๏ แสนทุกข์สุดทุกข์ครั้งนี้เอ๋ย | |
ไม่ห่างหายความเทวษสักวันเลย | หรือมาเปรยแปรได้ไม่อาไลย |
ไม่เล็งหลังเลยเมื่อครั้งจะเริ่มรัก | ก็ประจักษ์อยู่ในจิตต์แล้วคิดไฉน |
เพราะจำจิตต์ดอกจึงจำบำราศไกล | เปนไรไม่คืนคิดเมื่อคราวครอง |
นิจจามิตรช่างมาคิดสละได้ | หรือหน่ายใจด้วยว่าขาดอาลัยสนอง |
อันความรักก็ประจักษ์ว่าใจปอง | ควรหรือน้องแกล้งมาหน่ายฤทัยกัน |
เมื่อแรกรักเหมือนจะรักไม่จากได้ | นี่เพราะไกลหรือจึงเร่เสน่ห์หัน |
เสียดายจิตต์ฉุกคิดไม่เว้นวัน | มีแต่ผันหน้าตรึกไม่ตริตรอม |
ไฉนใจจึงใจไม่คิดบ้าง | หรือใจจางว่าไม่ควรประคองถนอม |
เห็นต่ำศักดิ์กลัวพักตรจะพลอยมอม | อย่าออมความเลยนะเจ้าไม่เข้าการ |
ถึงจินตราเมื่อแค้นแสนสุดโศก | เพราะวิโยคอิเหนาปองเปนสองสมาน |
ถ้ากระนั้นเล่าก็ควรจะพลันราน | นี่ทรมานอยู่ไม่เว้นสักวันครวญ |
ก็ตั้งจิตต์อยู่เปนนิจพิศวาส | แต่หมายมาดมั่นปองประคองสงวน |
เมื่อสุจริตมิได้คิดจะห่างนวล | หรือมาควรเด็ดรักนี้เวรใด |
ชรอยในปางก่อนได้ยุหญิง | ให้จำทิ้งกันทั้งจิตต์พิสมัย |
อกุศลผลนั้นมาถึงใจ | ให้จำไกลแล้วทั้งมิตรมาคิดรอน |
โอ้แต่นี้จะนานไม่มีชื่น | ทิวาคืนแต่จะทอดฤทัยถอน |
จึงสอนใจว่าใจเอ๋ยอย่าอาวรณ์ | จงผันผ่อนผันพักตรอย่านำพา |
แม้นฟังคำแล้วอย่าร่ำรำพันรัก | จงเจียมศักดิเถิดที่น้อยวาสนา |
ถ้าหมายมั่นเห็นจะพลันชีวาลา | ดูหรูว่าก็ยิ่งให้ฤทัยคนึง |
เมื่อเขาชื่นได้อื่นไม่คืนหลัง | ใจนี่ยังเฝ้าตรึกรำลึกถึง |
แสนรักแสนหนักอาลัยตลึง | แสนรำพึงเพิ่มเพทนานาน |
อันมณโฑสโมสรด้วยทศพักตร์ | แล้วรานรักกลับมาร่วมภิรมย์สมาน |
กับพาลีลืมละสละมาร | แล้วก็รานรสรักจากพานรินทร์ |
กลับมาชื่นรื่นเริงในเชิงยักษ์ | ก็ลืมรักกากาจเจ้าขีดขิน |
พี่ใคร่ใจเหมือนหนึ่งใจยุพาพิน | มิรู้สิ้นสิ่งสวาทไม่ขาดเลย |
ก็เห็นผิดจริตเร่มณโฑรัก | ขอประจักษ์จงช่วยชี้คดีเฉลย |
ครั้นใคร่ใจเล่าก็ใช่ที่ใจเคย | หรือใจเปรยเพราะว่าชื่นด้วยสมใจ |
ก็ใช่เชิงที่จะเหลิงละเลิงเล่น | ก็ใช่เช่นเชิงชมนิยมไฉน |
หรือมาดหมายจะให้หน่ายเสน่ห์ไกล | ก็บอกหน่อยเถิดอย่าให้ฤทัยตรอม |
อันอกพี่นี้ก็เทียบคิรีทับ | ตั้งแต่นี้ไหนจะกลับได้คืนถนอม |
แต่แสนทุกข์สุดทุกข์จะอดออม | จนทรงผอมผิวเผือดไม่มีงาม |
อันทุกข์ทั้งตรีภพจบสกล | ก็ไม่เท่าที่พี่ทนสวาทหวาม |
ไม่ว่างวายความเทวษสักกึ่งยาม | ดังศรรามซํ้าทรวงสักแสนที |
ถึงต้องศิลป์ทรงองค์นารายน์วราฤทธิ์ | ไม่เจ็บจิตต์เท่าเจ้าเจื่อนอารมณ์หนี |
แสนทุพลทนเทวษไม่วายทวี | ดั่งมณีชอกช้ำเหลี่ยมรทม |
แต่พูดเล่นเปนประหนึ่งจะไม่รู้ | ครั้นนิ่งดูฟังไปก็เห็นสม |
เราขามมิตรหวังจิตต์ไว้คอยชม | ยิ่งรทมทรวงร้าวอุรภา |
เห็นสุดคิดสุดฤทธิ์ด้วยสุดรัก | สุดนักที่จะเสี่ยงวาสนา |
สุดร้อนสุดนิวรณ์เจตนา | ดังแผ่นผาทุ่มทิ้งลงกลางชล |
จงเชิญตรองหนะนะเจ้าให้สมพักตร | ให้สมศักดิเถิดที่ศักดิมาปฏิสนธิ์ |
จงสมจิตต์สมคิดอย่าห่างสกนธ์ | ตามนิพนธ์ที่พี่อวยอำนวยพร |
จงเกษมเปรมสวาทอย่าขาดชื่น | ทุกวันคืนอย่าให้คลายภิรมย์สมร |
เราลารักกว่าจะสิ้นม้วยดินดอน | จนอัมพรสูญดวงพระสุริยัน |
สิ้นสุเมรุบรรพตานภากาศ | แต่สักชาติอย่าได้ร่วมภิรมย์ขวัญ |
จนหลาบสาปสิ้นชีวาวัน | อันปัจจุบันที่ได้พลาดประมาทมา |
จงอภัยอย่าให้มีเวรีสนอง | วจีจองด้วยมหันตโทษา |
ได้พลั้งพลาดประมาทกายและวาจา | ขอสมาเถิดอย่ามีเวรีราน |
เราจงจิตต์อนุญาตประสาทให้ | อโหสิกันไปจนอวสาน |
จนล่วงภพสบสร้อยศาสดาญาณ | จงบันดาลอย่าได้ร่วมภิรมย์ เอย ฯ |
ฯ ๕๐ คำ ฯ
๏ ผลกรรมช้ำใจกระไรหนอ | |
ทุกข์รทมกรมอุราน้ำตาคลอ | มีผู้ยอโทษเท็จกระทำความ |
ไม่พอที่เลยมามีปัจจามิตร | ฤษยาบิดเบียนเปนเสี้ยนหนาม |
ร้อนใจสุดใจดังไฟลาม | ยามใดมิได้วายคลายกระวน |
ไหนจะร้อนด้วยบำราศรสรัก | อกจะหักเสียสักวันละพันหน |
ไหนจะร้อนด้วยร้ายเข้าป้ายปน | เหลือจะทนเหลือทุกข์ทวีตรอม |
แสนระกำช้ำอกวิตกถึง | คนึงในกลัวจะไกลกลิ่นถนอม |
รสข้าวขมขื่นดังกลืนกระดอม | ยามนอนมิได้น้อมนอนสบาย |
จนผิดเผือดไผ่ผอมด้วยตรอมตราก | คิดจะจากกันไปแล้วใจหาย |
ในจิตต์เจ็บดังหนึ่งเหน็บหนามรคาย | เพียงจะวายชีวิตม้วยด้วยสุดแรง |
อาเภทเมื่อเหตุจะอุบัต | สารพัดเปนลางหลากแสลง |
แมลงมุมทุ่มทรวงดั่งแสดง | สกุณแสร้งแสกร้องสยองเย็น |
กากระพอกบอกกล่าวเปนข่าวหลาก | ไก่กระต๊ากเที่ยงคืนเหมือนตื่นเข็ญ |
ปลวกบ่อนที่นอนเยินพเอิญเปน | ฝันเห็นวิปลาศประหลาทใจ |
ความวิตกเหมือนอกจะแตกแยก | เมื่อแรกเหตุยังไม่เห็นว่าเปนไฉน |
จะเกิดก่อกลียุคทุกขภัย | ประการใดดั่งนี้โอ้อัศจรรย์ |
จะได้แก่ตัวตนหรือคนรัก | มิตรสมัคร่วมร้อนเคยผ่อนผัน |
ญาติประยูรสกูลเก่าเผ่าพันธุ์ | ยิ่งคิดก็ยิ่งพรั่นใจรวัง |
รักษากายมาเปนหลายทิวาวาร | จึงเกิดการณ์เรื่องร้ายเมื่อภายหลัง |
เปนความชั่วติดตัวอยู่รึงรัง | คนประนังเอาหน้าเสนอความ |
ธิบดินทร์ภัศดาก็พาซื่อ | ชั่งเชื่อถือถ้อยเท็จไม่ไต่ถาม |
โกรธกระเจิงใจพลุ่งดั่งเพลิงลาม | จะไหม้สามแผ่นภพเปนผงคลี |
อุปมาดั่งมหาอุรคราช | เอาไม้ฟาดขนดหางบ่ร้างหนี |
เร่งพิโรธโกรธกมลว่าคนตี | ผูกไพรีโรมรุกจะรอนราญ |
แผ่พะพานพ่นพิษทำฤทธิรุทร์ | อุตลุดเลื้อยไล่ด้วยใจหาญ |
เขม้นหมายจะให้ตายตอดประจาน | ด้วยเขี้ยวแก้วพิษกาฬกาจฉกรรจ์ |
ถ้าเปนอื่นสักหมื่นไม่มีแค้น | นี่สิแสนสุดถนอมเปนจอมขวัญ |
รู้ว่ารักเจ้ามาหักข่มเหงกัน | อันชาติมันนี้กะไรไม่เกรงกู |
ความพิโรธแรงรุทร์ไม่หยุดยั้ง | เพราะเชื่อฟังคำฟ้องทั้งสองหู |
ไม่หยั่งญาณลงวิจารณ์คดีดู | ให้รู้แท้แน่ก่อนจึงผ่อนปรน |
น่าสงสารเมื่อกาลจะวิโยค | เห็นสุดโศกเสวยทุกข์ด้วยฉุกฉงน |
อยู่หลัดหลัดหรือมาตัดจากสกนธ์ | เหมือนมัจจุราชฤทธิรณมารอนใจ |
กลุ้มกลัดขัดสวาทเพราะบาดอก | แสนวิตกเต็มเดือดเลือดตาไหล |
อุระเพียงพุพองเปนหนองใน | จะขาดใจเสียด้วยจากใจอารี |
ถึงพระรามสุริยวงศทรงศักดิ์ | ทศพักตรลักสีดาพาหนี |
พรหมทัตกษัตราเจ้าธานี | สุบรรณลักกากีไปจากวัง |
อิเหนาหน่อนฤเบศร์เกศกษัตริย์ | พระพายพัดบุษบาไปกาหลัง |
สุธนไทปรากฎพระยศยัง | มโนห์ราร้างรังบุรีคืน |
อมรินท์ปิ่นดาวดึงสา | สุจิตราตรอมตายก็วายชื่น |
ทั้งห้าองค์ทรงทุกข์ทุกวันคืน | ดั่งปืนพิษติดต้องรกำทรวง |
ใจรกำลำบากเพราะจากรัก | ไม่หาญหักเสนหาอารมณ์หวง |
ทุกข์ด้วยรักย่อมประจักษ์คนทั้งปวง | ก็ไม่ตวงเท่าทุกข์ที่คราวครวญ |
อันแสนทุกข์แสนทนโทมนัส | ยิ่งกว่าห้ากษัตริย์สักแสนส่วน |
แต่เรียมร้างก็ให้หมางใจประมวล | ประชวรช้ำคำเศร้าแต่เคร่าครอ |
อันโรครักเหลือแรงจะรักษา | ยามนุษย์นี้เห็นสุดฝีมือหมอ |
ถ้ายาทิพย์ถึงมิหยิบมาหยอดฅอ | แต่พอรอกลิ่นชื่นอารมณ์ชวย |
ก็จะค่อยทุเลาบันเทาโรค | ทั้งทุกข์โศกระส่ำระสายจะหายด้วย |
ที่พวกผู้พยาบาลพานจะรวย | จำอำนวยบำเหน็จบำนาญเนือง |
ครั้นเมื่อพยายามไปตามตัว | ให้ร้อนทั่วเส้นหญ้าจนฟ้าเหลือง |
พระสมุทร์เปนบ้าปลาตายเปลือง | ดังแผ่นดินจะกระเดื่องด้วยความเมีย |
รเด่นตามบุษบาว่าแสนยาก | นี่ลำบากกว่าแสนประดาเสีย |
ฝีพายอ่อนนอนรอาจนบ่าเพลีย | ต้องเสียเบี้ยค่าไพลไม่ขาดวัน |
ฝ่ายเจ้าตัวผู้ต้องอธิกรณ์ | นเร่งร้อนใจเจียนจะอาสัญ |
ฉวยขัดขืนจะมิคืนมาดีกัน | สิโทษทัณฑ์ข้าที่ตัวจะติดจม |
ต้องบลบาลศาลทั่วเทพารักษ์ | ให้ช่วยชักมิตรสมานมาสู่สม |
พิศวาสอย่าให้ขาดสมาคม | เคยนิยมอย่างไรอย่าโรยรา |
จนตราบสิ้นดินเดือนตวันดับ | ถึงม้วยกัปอย่าให้ม้วยเสนหา |
อย่าข่มขืนขุ่นหมองทั้งสองรา | เหมือนเมตตาคนโทษที่ทรมาน |
เพราะพาซื่อถือสัตย์เปนปรกติ | ไม่รู้เลยว่าอริจะจงผลาญ |
สกดรอยคอยดักจะหักราน | ให้ร้าวฉานแตกช้ำระยำตาย |
โอ้สัญญาว่ามิตรไม่คิดแหนง | ไม่รู้ก็แว้งวางคมให้คมหงาย |
อันความจริงพิงพึ่งเปนเพื่อนกาย | หาไม่ตายติดปลักอยู่กลางแปลง |
จะอาศรัยธาราพลาหก | ก็ไม่ตกจนดินแยกแตกระแหง |
เวทนามัจฉาน้อยก็ถอยแรง | จนเกล็ดแห้งหอบหิ้วกระหายชล |
แต่กระเดือกเสือกแห้งอยู่แด่วแด่ว | ไม่มีแววลงมาเลยนะห่าฝน |
มีน้ำหลากมากป่ามาคราวจน | ดอกจึ่งพ้นผ่อนทุกข์ทุเลาเบา |
อาภัพแสนเวทนาน้ำตาตก | ดั่งกลิ้งครกระหกระเหินขึ้นเนินเขา |
คุณหายกลายเปนโทษกลับโกรธเอา | ไม่แล้วเล่าข่าวหลังว่าชังจริง |
เพราะชัณษามาสถิตที่นั่งราม | จึ่งเกิดความขุ่นเคืองด้วยเรื่องหญิง |
ก็ต้องตำราเก่าท่านกล่าวจริง | จะอ้างอิงอันใดมิได้เลย |
สู้เสี่ยงศีลเอาว่าสุดแต่ความสัตย์ | เมื่อวิบัติก็วิบากแล้วอกเอ๋ย |
จะเห็นคุณแล้วว่าคุ้นกับคนเคย | นี่เสบยบานหน้ากระนี้เจียว |
เมื่อปางกลับมาได้รับประทานสุข | เหมือนเททุกข์ไปสักเท่าภูเขาเขียว |
เอารักสมานเปนน้ำมันชันยาเยียว | ที่รูเรี้ยวรั่วร้าวให้หายรอย |
ขนของลงท้องบรรทุกเทียบ | จนเพียบแคมเจียวเพียงจะเอียงด้อย |
ถ้าย่านางคงสมัคไม่ผลักพลอย | ถึงขนลงอิกสักร้อยไม่ร้อนใจ |
คิดหรือหนึ่งจะใคร่อึงให้คนสรวล | ซึ่งทบทวนทอดสนิทพิสมัย |
ข่าวรบือก็จะอื้อกันไยไพ | ให้สาใจสิที่ใจประจานคำ |
พวกอริฤษยาพยาบาท | เขม้นมาดคอยคั้นเอาคำขำ |
เราขุ่นหมองแต่ไม่จองเวราจำ | เปนอโหสิกรรมกันเถิดรา |
แต่นี้ไปใจเอ๋ยจงเจียมจน | อย่าคบคนที่ไม่ควรจะคบหา |
ถึงสุจริตก็จะติดเปนฉันทา | เปนท่าคนเขาจะว่าได้อัประมาน |
มาพ้องผิดด้วยมิตรมีพยศ | ได้อัประยศคำคนเขาว่าขาน |
บรรดาชั่วอยู่ที่ตัวทุกประการ | เพราะประมาทไม่ประมาณว่ามลทิน |
วิสาสะจงสละให้ขาดเด็ด | ถ้าไม่เข็ดจะเปนข้อเขาติฉิน |
สงวนตนอย่ารคนด้วยราคิน | จงผินหน้าหาชอบประกอบกาย |
จะกรวดน้ำคว่ำขันอย่าพลันพบ | ไม่ขอคบคนผิดเปนมิตรสหาย |
แต่ชั้นชื่ออย่าให้รู้ถึงหูรคาย | ใครคิดร้ายจงร้อนอารมณ์เอง |
รักใครขอให้เขารักตอบตน | อย่ามีคนฤษยามาข่มเหง |
ถึงมีอำนาจให้ขยาดด้วยยำเกรง | จงครื้นเครงไปด้วยยศปรากฎครัน |
จะทำคุณกับผู้ใดอย่าให้สูญ | อย่าอาดูรรังเกียจความเดียดฉัน |
เหมือนเช่นนี้ขออย่ามีจงขาดกัน | จนดับขันธ์เข้าสู่นิพพานเอย ฯ |
ฯ ๙๒ คำ ฯ
๏ โฉมสุคนธ์ปนคันธเกสร | |
ตระหลบกลิ่นดินฟ้าก็อาวรณ์ | ข่าวขจรสรรเสริญเจริญชม |
ประกอบสิริโสภัณเปนขวัญพักตร์ | งามศรีงามศักดิประเสริฐสม |
ประกอบงามอยู่ทั้งสามสิบสองคม | แต่ลอบชมขวัญน้องประคองมา |
แสนสวาทมิได้ขาดนาฑีถวิล | ฤดีดิ้นโสมนัสประวัติหา |
แล้วเกรงเกินสันนิวาสอาตมา | จึงเจียมตาเจียมตนด้วยจนใจ |
เมื่อพบพักตรจะใคร่ทักถนอมถาม | ก็เกรงความพิศวาสไม่อาจไข |
ครั้นเห็นโฉมก็ประโลมอาลัยใจ | ครั้นกลับไปได้ทุกข์ทวีความ |
แสนร้อนนอนคิดพิศวง | จะตามส่งเล่าก็พรั่นขยั้นขาม |
ทั้งเกรงใจที่ผู้ใหญ่พยายาม | ผู้มาตามเขาจะเคืองสิเครื่องชัง |
ต้องนิ่งร้อนประหนึ่งศรเข้าเสียบติด | แต่เจ็บจิตต์ขุกคิดพะวงหวัง |
สุดเสน่ห์สุดน้ำช้ำด้วยกำบัง | สุดจะสั่งแสนยากลำบากกาย |
สุดจะขัดสุดจะขอแล้วรอคิด | แต่ป่วยปิดมาก็นานประมาณหมาย |
สุดจะเพียรที่จะเวียนมาแวดชาย | ได้แต่ก่ายหน้านึกคนึงครวญ |
ทั้งเช้าเย็นเหมือนจะยลวิมลพักตร์ | ด้วยเริศร้างแรมรักสุดสงวน |
จนซูบผอมผิดสีไม่มีนวล | ก่นแต่ครวญจิตต์ร้อนอุราราน |
พี่ก็บลคนจรจนอ่อนจิตต์ | ที่ไหนสนิทก็อุส่าห์เสาะสมาน |
ก็ไม่สมอารมณ์กรมประมาณ | ดั่งเพลิงกาลกองใหญ่ไว้ใกล้กาย |
ก็ไม่ร้อนแรงมากเหมือนราคเสน่ห์ | จนทอดเทเทวษราคไม่อยากหาย |
เหลืออารมณ์ที่จะข่มเอาความสบาย | ดั่งจะตายไปทุกทุ่มทวีตรอม |
แสนกระสันกลัดกลั้นเพียงสลบ | คิดปรารภจะไม่ทันถึงวันถนอม |
ขอกุศลผลหลังประทังออม | อย่าให้จอมชีพค้างเสียกลางคัน |
นี่สุดทนแล้วจึงทำสำเนาลักษณ์ | มาแจ้งสุจริตรักจำเริญขวัญ |
ขอดำริห์ตริคำที่รำพรรณ | แล้วอย่าบั่นบากหน้านิราราน |
เหมือนดับร้อนผ่อนเข็ญให้เย็นอก | ช่วยหยิบยกอย่าให้ม้วยไมตรีสมาน |
ถึงมิรับแต่รงับที่ทรมาน | พอให้บานหน้านับว่านวลมี |
จะคิดคุณสนองเสน่ห์นุช | กว่าจะสุดใจรัญจวนควรพักตรพี่ |
ไม่ล่อเล่นเช่นชายหลายลิ้นมี | จะชั้นชี้สุจริตจิรังกาล |
สรรพสิ่งนอกใจแลในอก | จะหยิบยกมาให้น้องประคองสมาน |
จนม้วยดินสิ้นฟ้าชีวาวาร | อย่าแคลงการมิได้รักนั้นโรยงาม |
ขอน้องครองยังบัลลังก์รัตน | พี่จงจัดรับนางให้วางสนาม |
มอบองค์น้อมไปด้วยใจงาม | ถึงมิตามแต่ว่าตอบก็ขอบใจ |
แม้นมิการุญเรียมที่เจียมพักตร | จะพลิกผลักก็อย่าขัดอัชฌาสัย |
แต่งสารแล้วอย่าวานหลายคนไป | เอ็นดูใจอย่าทำสเทินเอย ฯ |
ฯ ๓๔ คำ ฯ
๏ ฟังกำหนดแน่ใจให้ไปสถาน | |
ความยินดีนั้นไม่มีที่เปรียบปาน | ดั่งได้ผ่านสมบัติพระอมรินทร์ |
ประกอบแก้ววชิรามณฑาทิพย์ | ที่แลลิบก็ได้ชมสมถวิล |
ดั่งน้อมฟ้าลงมายังธรณินทร์ | พี่ยิ้มยินดีท่าเวลาควร |
ก็รีบย่างตามทางสถลมาร์ด | มุ่งสวาทหมายน้องประคองสงวน |
พอถึงถิ่นก็ได้ยินสำเนียงนวล | ประหนึ่งชวนให้พี่ยั้งอยู่ฟังความ |
จึงสอดเสียงไปด้วยแสนโสมนัส | พอกระจัดใจเจ้าว่าเหล่าหนาม |
หวังให้แจ้งขวัญตาว่ามาตาม | พี่จึงข้ามร่องคั่นไปบันได |
พอเห็นพักตรแต่ที่ทักนั้นผิดเสียง | จึงเดิรเลี่ยงมาแล้วว่าใครไฉน |
มายืนรอท้องหมางระคางใจ | ดั่งอาลัยนี้จะค่นด้วยคนเคียง |
สุดแค้นแสนรักนั้นหนักถวิล | ไปหยุดยืนก็ได้ยินสำเนียงเสียง |
พอได้เหตุก็สังเกตตามสำเนียง | เห็นเทียนเคียงพักตรน้องที่ช่องแกล |
งามยืนแต่ละอย่างกับนางเขียน | เมื่อแสงเทียนส่องหน้าก็น้องแข |
ดั่งสายสวาทนี้จะขาดออกกลางแด | พี่รับแต่ขวัญใส่ไว้ในทรวง |
เจ้าบอกความแนะนามผู้นำนัด | ว่าไปขัดค้างขังไว้วังหลวง |
ความร้อนใจประหนึ่งไฟสักแสนดวง | แล้วผิดมุ่งก็เหมือนลวงให้หลงคอย |
จึงหยุดนั่งร้านริมทวาเรศ | ทุกข์เทวษทอดถอนฤทัยถอย |
ทั้งนัดดาเล่าก็เย้ยเฉลยพลอย | ยิ่งซ้ำน้อยหน้านักแต่หักทน |
ต้องนิ่งแค้นก็เพราะแสนเสน่ห์เหนอ | แต่นึกเก้ออยู่ที่นั่นสักพันหน |
แทบเชษฐาเจ้าจะมาประจวบจน | นี่หักหลีกดอกจึงพ้นไม่พบพาน |
ไปยืนแขวนแหงนคอยน้อยหรือน้อง | เขม้นมองเสนหายิ่งพาหาญ |
แสนแค้นดังใครเชือดให้เลือดจาน | ดูอาการเหมือนไม่รู้ว่ารักแรง |
ไปยืนเมียงอยู่จนเสียงคนสงัด | ก็โสมนัสกุมเสาพอเงาแฝง |
เห็นว่าปลอดแล้วจึงลอดกายตะแคง | เพราะไม่แหนงแน่นักที่ตรงนอน |
จึงยกเท้าก้าวย่างประจงเคาะ | หวังให้เหมาะหมายจงที่ตรงหมอน |
เห็นนิ่งแหนงหรือจะแกล้งให้เวียนวอน | พอคนจรจวบเจียนประจักษ์นาม |
พี่จึงถอยคล้อยพักตรหนักเสน่ห์ | จนเดิรเซก้าวล้มลงจมหนาม |
ยังสู้ยืนฝืนพักตรเพราะรักงาม | ไม่เกรงความกริ่งผู้จะดูแคลน |
จึงอุบายใช้ชายหนึ่งไขสือ | เขาก็ดื้อออกไปฟังแต่นั่งแหงน |
ดั่งไพรีตีถล่มเข้าจมแดน | เข้ารวบรุมกลุ้มแน่นก็สุดกลัว |
ต้องนิ่งนั่งตั้งหน้าตาชแง้ | จนดวงแขเข้าเมฆมัวสลัว |
เขามาบอกให้เขม้นไม่เห็นตัว | พี่ยิ่งมัวมืดสวาทเพียงขาดใจ |
สุดคิดเพราะว่าผิดสนองนัด | เสียประวัติทั้งระแวงแสลงไหว |
ต้องง้างจิตต์จากมาด้วยอาไลย | ถึงกายไกลก็พะวงอยู่ตรงนวล |
แม้นสมถวิลถึงจะสิ้นเสียชีวิต | ก็ไม่คิดอาลัยเท่าไกลสงวน |
เมื่อหมายสุขหรือมาทุกข์รทมทวน | นี่มิกรรมหรือมากวนให้การกลาย |
แต่สู้หิ้วเสนหาประสารัก | จนผิวเผือดผอมพักตรที่สดหาย |
ทั้งกรำฝนทนยากลำบากกาย | ไหนจะอายพักตรเพื่อนที่เพียงกัน |
ไหนจะยืนขืนนั่งระวังสวาท | ใจจะขาดมิได้เปรเสน่ห์หัน |
จะคงคำให้เหมือนงาเอราวรรณ | พอเจ้าสั้นพี่ก็สุดเสียแรงกรอม |
แต่เดิรครวญป่วนใจจนใกล้รุ่ง | เสียดายมุ่งหมายมือที่ถือถนอม |
คิดใคร่คืนหลังง้อไปขอจอม | เกลือกมิยอมยกหน้าก็ท่าอาย |
ยิ่งคิดอั้นอกโอ้อาลัยเหลือ | คนึงเนื้อหอมใจยังไม่หาย |
พี่เดิรดึ่งไปจนถึงจำหล่อราย | เขาปิดตายมิให้เดิรด้วยเกินยาม |
ก็ยึดราวก้าวโผนพอโจนพ้น | จึงปะคนที่เขาเกณฑ์ตระเวนถาม |
ไม่ตอบสนองเขามามองตระหนักนาม | ครั้นแน่เนตรเขาก็ขามด้วยเคยกลัว |
แล้วก็จากกันจรไปนอนเทวษ | คนึงเหตุดูก็ขันน่ากลั้นหัว |
อนาถนักรักมิตรไม่คิดกลัว | แทบเอาชั่วออกไปฉีกนี่หลีกทัน |
ยังเห็นบ้างหรือไม่ที่ใจสนิท | หรือจะคิดไปข้างคู่ตุนาหงัน |
ถึงมาดจริงก็จะชิงกันกลางคัน | มิกระนั้นก็อิเหนาเมื่อเผาเวียง |
ผิดก็แปลงทรงใหม่ใส่จริต | ให้รูปผิดแล้วจะเยื้อนให้เหมือนเสียง |
ถึงไร้รถก็จะเพียรเอาเกวียนเคียง | จนสุดรู้มิให้เรียงกับจรกา |
อันโทษผิดที่ไปปิดไว้ในถ้ำ | นั้นโทษทำของอสัญแดหวา |
ให้แสนยากพยายามตามบุษบา | จนได้มาประดิพัทธด้วยสัจจัง |
อันเรียมรักก็เหมือนเรื่องอิเหนาสนอง | จะแต่งลิ้นโลมลองนั้นอย่าหวัง |
ร่วมถวิลกว่าจะสิ้นสุดชีวัง | ไม่เริศรั้งรักร้างให้นางกรอม |
ไม่ล่อเล่นเช่นชู้ตกูรัก | มอบสมัคมิให้เมินมาเชิญถนอม |
ขอมอบหน้ามอบนวลชวนประนอม | มอบใจให้เปนจอมคณานาง |
เจ้าดั่งแก้วแววนัยนาเสน่ห์ | ไม่ล่อเล่ห์ลวงน้องอย่าหมองหมาง |
สรรพสิ่งอนุญาตสวาทวาง | ทรากศพไว้ให้นางช่วยเผาเอย ฯ |
ฯ ๖๐ คำ ฯ
๏ จะก่งฅอหัวร่อให้ฅอแหบ | |
เสียแรงเกี้ยวชู้เล่นไม่เห็นแยบ | ถึงจะแสบฅอช้ำก็ทำเนา |
เปนน่าอายกับชายทิศทักษิณ | เขาไม่กินเดนใครก็ได้เปล่า |
สงสารแต่สหายนายถึกเรา | ใช่จะโง่เงื่องเหงาเมื่อไรมี |
ถึงที่ทำรำเล่นก็เปนพระ | รู้จังหวะไว้หน้ามีราศี |
ทั้งสมบูรณ์สารพัดสมบัติมี | จะดีดสีตีเป่าก็เข้าการ |
มาเสียรู้เพราะไม่พลันให้ทันปาก | เหมือนปลาอยากฮุบหาแต่อาหาร |
ไม่เลือกเหยื่อย่อมกินจนดินดาล | เพราะอดนานเอาแต่หนักนาภีพลาง |
จะโทษใครเล่าเมื่อไม่ดำริห์รู้ | จึงเสียชู้เสียเชิงละเลิงขวาง |
ได้เกิดล่อแต่ทเลาะก็เพราะนาง | เปนต้นทางเขาจะว่านินทานาน |
ข้างผู้ได้ดูกริ่มกระหยิ่มเยาะ | ว่าเมียเหมาะมิได้มีใครถึงท่าน |
เสนอหน้านั่งยิ้มกันริมตะพาน | ข้าดูอาการพลอยแค้นแทนเธอ |
ได้พลั้งผิดแล้วจงคิดแก้ตัวใหม่ | จะสืบไปครั้งนี้ให้ดีเหนอ |
อย่าให้พลอยหน้าพลวกถึงพวกเกลอ | อย่าเลินเล่อเลยจงหาวิชาการ |
ที่ประสิทธิมนตรามหาเวท | เรียกกิเลสแล่นปรึงมาถึงบ้าน |
เขาชมชื่อลือชามาช้านาน | ว่านายรื่นกับเด็กวานที่ปลายนา |
ประกอบแป้งกระแจะจันทน์น้ำมันเสน่ห์ | เชิญคเนตามปราถนาหา |
ไปเร่งเพียรเรียนคิดข้างวิทยา | มาแก้หน้าเสียให้หายอาย เอย ฯ |
ฯ ๒๘ คำ ฯ
๏ พอสบเนตรศรเนตรอนงค์สมร | |
ที่เยื้องแผลงดังพระแสงพระสี่กร | เมื่อทรงศรหน่วงน้าวประหารมาร |
อำนาจศิลป์ดินฟ้าชลาลั่น | ไม่เท่าวันที่พี่ต้องศรสมาน |
ตลอดจิตต์พิษสุดจะเปรียบปาน | ก็หมายลาญชีพม้วยด้วยศรทรง |
พึ่งรู้รสศรแสลงมาแทงจิตต์ | เห็นสุดพิษร้อนรึกตลึงหลง |
จะนอนนั่งมิได้ตั้งสติตรง | เหลือดำรงที่จะรับจะรองกาย |
ถึงพระน้องต้องโมกขศักดิยักษ์ | ได้พิเภกบริรักษ์จึงเร็วหาย |
วายุบุตรเก็บยามาทาคลาย | นั่นนารายน์เกิดกอบด้วยกันมา |
อันต้องศรเนตรปักสลักจิตต์ | เห็นสุดพิษสุดแพทย์จะรักษา |
ล้วนแต่สั่นเศียรปัดสลัดยา | ไม่มีหน้าบอกเบื้องพยาบาล |
จะไปพึ่งแพทย์ยักษ์ให้รักษา | ใครจะช่วยเก็บยาให้เหมือนท่าน |
แต่จะทนเทวษช้ำระกำนาน | ก็นับวารจะนิราชีวาจร |
ประการไรที่จะไม่ทิวงคต | เมื่อไรได้โอสถเจ้าของศร |
มิรับเยื้อนก็แต่เลื่อนพอลงกร | ให้ถาวรชีวังประทังคลาย |
อันคุณยานั้นจะว่าไปไยเล่า | เหลือลำเนาที่จะแทนสนองหาย |
ขอคำนับชีวีวจีกาย | ทั้งสามสายสวาทไว้ไม่วายคนึง |
ถึงสีดาจวบตาพระทรงจักร | ที่สองรักเสียบรักไม่ร้อนถึง |
จะเปรียบเศร้าก็ไม่เท่าที่ตรึกคนึง | ดังหนามตรึงอกแน่นนัยเนตรพราย |
ชะชะเจ็บรักนี้หนักเหลือ | ทุกเส้นเนื้อนึกไปก็ใจหาย |
แต่เพียงตาต่อตายังวุ่นวาย | ถ้าแม้นกายต่อกายจะเพียงไร |
แต่ปะตาว่ารักก็เหลือรัก | ถ้ารู้รสแล้วจะหนักสักเพียงไหน |
อันตาดูรู้รสก็แต่ไกล | ยังสุดใจที่จะตั้งสติตรง |
เหมือนมยุรหมายมุ่งเมขลา | ส่วนเมฆามิได้เยื้อนแต่ยูงหลง |
ดั่งกระต่ายหมายจันทร์ทุกวันจง | หรือจะลงมาได้ก็ใช่ที |
เจ้าดั่งดวงดาราในอากาศ | ที่โอภาสอยู่ในจักรราศี |
ครั้นอสุรินทร์จวบทันพระจันทรี | แต่คุลีเงาทับก็อับนวล |
เหมือนพฤกษาทรงผลวิมลรส | โดยกำหนดครั้นไม่มีเจ้าของสงวน |
ทิชากรสัญจรมาจวบจวน | ย่อมชักชวนพวกพากันมากิน |
ดั่งผกาเทศกาลบานระบัด | พระพายพัดเกสรขจรกลิ่น |
แล้วด้วงหนอนบ่อนหล่นลงปนดิน | แต่ราคินนั้นจะติดตามกัน |
ถึงสัตรีมีสิริจำเริญสวาท | แม้ว่าขาดคู่ครองประคองขวัญ |
ย่อมระทมกรมทุกข์อยู่ครามครัน | เปนนิรันดรทั่วประเพณี |
ถึงจะไม่การุญว่าบุญน้อย | ดั่งหิ่งห้อยหรือจะแข่งพระสุริย์ศรี |
แต่อยู่เดียวนั้นเห็นเปลี่ยวฤทัยทวี | ก็ดูเหมือนมณีไร้เรือนรอง |
ถึงจะรุ้งแวววามก็งามเปล่า | ทั้งจะเยาว์ค่าขายเสียดายของ |
ถ้าบำรุงเรือนรับประดับทอง | จะงามล่องลอยฟ้าลงมาดิน |
ถึงจะไม่เชื่อคำว่าต่ำศักดิ์ | ดำริห์รักดูให้ควรแล้วหวนถวิล |
ให้งามสอาดมาศสถานแลมลทิน | ฟ้าดินจะชมตริดำริห์เตือน |
เชิญสมรรับสมานในการเสน่ห์ | ที่ปล้ำเทอกคิดอย่าอิดเอื้อน |
ดำริห์รักแล้วอย่าชักเปนเชิงเชือน | จงรับยิ้มรับเยื้อนสักคำเอย ฯ |
ฯ ๔๐ คำ ฯ
๏ โฉมสุมาลัยทิพยเกสร | |
เจ้างามวันเมื่อไปดูเรือคู่คอน | กับนิกรกัลยานาริน |
ดูสงบเสงี่ยมงามทรามสวาท | ดังนางในเทวราชภิรมย์ถวิล |
ที่สรรค์ไว้ในปรางมาศมณิน | แกล้งลอยลินลาศละสุเมรุลง |
มาล่องเล่นชลธินกระสินธุ์สนาน | ให้พี่ลานใจแลตลึงหลง |
งามละม่อมน้อมนั่งดำรงองค์ | ทรงสิริวิลาศลักษณ์วิลัยวรรณ |
ยิ่งเลียมลอบลักยลวิมลพักตร์ | เพียงจะเอื้อนโอษฐ์ทักภิรมย์ขวัญ |
ไม่อิ่มใจเลยจนใกล้จะสายัณห์ | จนเจ้าครรไลยล่วงออกลอยลำ |
อันบรรดานาวาเรือคู่แข่ง | ก็พายแซงแซกเสียดเบียดกันสำ |
เกรงจะเห็นเงื่อนงามที่ความงำ | จึงต้องจำใจรักหักใจจร |
จึงรีบมาจอดท่าอยู่หน้าบ้าน | แสนรำคาญขุ่นคิดด้วยคอยสมร |
เมื่อยลพักตรเพียงจะเยื้อนเอื้อนโอษฐ์วอน | ให้หยุดผ่อนพักสักนาฑี |
ก็มิอาจเอื้อมออกได้นอกหน้า | กลัวจะพาพักตรน้องนั้นหมองศรี |
ครั้นสุดวอนแล้วก็ว่ากับนาวี | ว่าจงมีย่านางระวัง |
จงจำแวะไว้นะนี่แน่ท่า | จะได้มาคลองนี้อิกทีหลัง |
นาวาแวะถึงใครว่าก็อย่าฟัง | จะตั้งบายศรีเส้นสุราราย |
พอนาเวศเจ้าประเวศพ้นถิ่นสถิต | อกพี่ค่อนค่อนคิดไม่รู้หาย |
ปิ่มจะสิ้นสมปฤดีทุกทีพาย | จนเรือคล้ายคล้อยคล้อยลอยลับตา |
จะตามไปได้แต่จิตต์พิศวาส | กับจะรักอยู่ไม่ขาดถวิลหา |
ยังจะเห็นหรือที่เช่นพี่ทรมา | อนิจจาครั้งนี้นี่สุดทน |
ครั้นสิ้นชื่นแล้วจะคืนเคหาวาส | ใจจะขาดเสียไม่รู้กี่ร้อยหน |
แต่ถอนใจอยู่มิใคร่จะจรดล | ขนแต่รักกับร้อนมานอนคนึง |
จะลืมสิ้นสิ่งเสบยที่เคยชื่น | ไม่คิดอื่นเลยแต่ตรึกระลึกถึง |
ดั่งสายรักร้อยรอบอารมณ์รึง | สุดจะดึงเด็ดเปลื้องไปจากไกล |
พี่มุ่งมั่นมาแต่วันได้เห็นสมร | แต่ทนรักทนร้อนมิใคร่ไหว |
จะผินพักตรไปสำนักตำแหน่งใด | มิเหมือนหมายก็จะได้แต่อัประมาน |
ก็รู้อยู่ว่าเจ้าผู้วิมลพักตร์ | บิตุเรศบริรักษ์ให้ร่วมสมาน |
ได้มอบมิ่งสิ่งแสนศฤงคาร | สมานมีคู่ครองประคองควร |
ยังกำลังที่จะเพลินเจริญเสน่ห์ | ไหนจะเหห่างรักภิรมย์สงวน |
ถึงที่คิดนี้ก็คิดเหมือนไม่ควร | แต่ส่วนรักนี่แลเหลือที่เรียมปราม |
ก็หวั่นใจอยู่มิใคร่จะวางจิตต์ | เพราะเหมือนมิตรเสี้ยมเสี้ยนไปเปลี่ยนหนาม |
แม้นปราณีก็จะมีสง่างาม | ฉวยตัดความกรุณาก็ท่าตาย |
จนผิวพักตรเผือดผอมเพราะตรอมตรึก | กลัวแต่นึกจะไม่สมอารมณ์หมาย |
แม้นมีช่องเหมือนหนึ่งชี้ในทีชาย | ไม่คิดกายเลยจะลอบไปโลมนวล |
หัดถ์จะรองเรณูสุมามาศ | ถนอมนาฎนิ่มน้องแนมสงวน |
เกลือกกลั้วยั่วเย้ายียวน | ไม่หวนหาอื่นแอบแนบประคอง |
ถึงพานพบหน้าปัจจามิตร | ผิดก็ม้วนม้วยชีพลงเปนสอง |
เปนไฉนสุดแต่ไม่ขอป่วยปอง | อันครองรักนี่และเหลือที่เรียมทน |
เมื่อไม่มีช่องชื่นจะฝืนทุกข์ | มีแต่รักกับจะฉุกเฉาฉงน |
คเนแน่อยู่ถ่ายจะวายชนม์ | เห็นไม่พ้นมือมัจจุราชรอน |
จะนิ่งไว้ก็คงในบรรลัยชีพ | จึงรี่รีบมาให้รู้อารมณ์สมร |
แกล้งถอดจิตต์ออกระคนลงปนกลอน | สุร่ายร้อนเรื่องรักในอักขรา |
ทุกคำควรเลือกล้วนสิริสวัสดิ์ | ประจงหัดถ์ลงระบายลายเลขา |
พี่ขอมอบสิ่งสนิทประสิทธิมา | ขอฝากหน้าแนบหน้าประคองนวล |
ขอฝากรักรักร่วมอารมณ์สมร | ขอฝากกรมาตระกองประคองสงวน |
ขอฝากโอษฐมาชอ้อนให้วอนครวญ | จงรับรักเถิดอย่ารวนอารมณ์รอน |
จงรับคำรับน้ำเสน่ห์สนิท | มิมากคิดแต่สักส่วนเชี่ยวอักษร |
พอสบายคลายเศร้าทุเลาร้อน | ที่พี่ค่อนอกช้ำทุกย่ำยาม |
โอ้เจ้าดวงมณฑาสุมามาศ | แม่อย่าหวาดใจหวั่นขยั้นขาม |
ที่เรียมว่าล้วนสัจจาใจงาม | แต่ล้วนความประดิพัทธภักดีดี |
เชิญแม่มั่นคำสมานในการโศก | ดั่งฝนโบกขรพัสนัทีศรี |
แต่นึกอาบก็ให้ทราบซึ่งอินทรีย์ | แม้นปราณีเหมือนหนึ่งน้ำที่โซมกาย |
ให้เย็นทราบอยู่แต่ทรงกับดวงจิตต์ | จะป้องปิดมิให้รั่วร้าวสลาย |
เมื่อไรหมดราคินที่ยินร้าย | คงชีพชายนี่จะไว้แต่ในนาง |
จะร่วมรักร่วมร้อนอารมณ์ด้วย | ร่วมม้วยไมตรีไม่มีหมาง |
จะครองกันไปจนวันชีวาวาง | ไม่ริร้างร่วมรักนารีใด |
ถึงเคยเปนมาเช่นแต่หลังหลัง | นั้นไม่ตั้งใจจงลงตรงไหน |
แต่พอดับกระสันประกันใจ | ถึงมีไว้ก็ไม่ไว้ตำแหน่งเอย ฯ |
ฯ ๕๘ คำ ฯ
๏ ทรามรักพี่รักสุดเสนหา | |
ชรอยกรรมทำไว้แต่ไรมา | ผลเวรานั้นจึงมาตามทัน |
จึงให้พลัดกำจัดกันทั้งนี้ | แม้นบุญเรายังมีมิอาสัญ |
เราทั้งสองจะมิได้ครองกัน | เพราะเวราตามทันเราสองรา |
จงตั้งใจอยู่ในสัตย์สุจริต | อุทิศธรรมเอาภายภาคหน้า |
เสียแต่กายใจอย่าคลายกรุณา | เกลือกว่าวาสนาของเรายัง |
เดชะความสัตย์สุจริต | ได้บูชิตบุบผชาติไว้แต่หลัง |
จะช่วยได้มิให้กรรมกำบัง | แม่จงฝังสวาทไว้ที่ในทรวง |
ขอให้ยิ่งอยู่ในสิ่งสุจริตสัตย์ | เปนบันทัดดุจดั่งพระเมรุหลวง |
จงจำคำที่พี่ร่ำไว้ทั้งปวง | เหมือนสีดาดวงสมรกับรามา |
ตกไปอยู่ในเอื้อมเงื้อมมือยักษ์ | ยังไม่คลายรักครวญรัญจวนหา |
ครององค์ไว้ตรงต่อพระจักรา | ครั้นสิ้นกรรมทำมาได้พบกัน |
ได้คืนร่วมเสาวคนธรสทิพย์ | ตริบสร้อยบุบผชาติในสรวงสวรรค์ |
สองกษัตริย์เมื่อพลัดพรากกัน | แต่บุญท่านมีมิเปนอันตราย |
อันอกเราสองคนทุพลนัก | ครองแต่รักไว้ให้คงจำนงหมาย |
อย่าตรอมจิตต์คิดเสียดายกาย | ไหนจะตายถมพื้นปัถพี |
เอาแต่ชีวิตไว้ได้เห็นกัน | เปนข้าท่านไปเถิดอย่าหมองศรี |
ถึงตัวไกลก็ใจไปภักดี | มีแต่ตีทรวงกรอมทุกวันครวญ |
แต่จากมานี้คร่าคร่ำทุกข์ | แต่ขุกคิดเสียดายไม่หายหวน |
ถึงตัวไกลก็เอาใจระวังนวล | มีแต่ครวญฟังข่าวทุกวันวาร |
ถ้าข่าวร้ายแล้วเฝ้าฟายแต่ชลเนตร | ทนเทวษโศกสุดที่สงสาร |
ดั่งตายวันละร้อยหนซึ่งทรมาน | เห็นอกท่านแต่จะจากยิ่งยากไป |
อันอกใครครั้งนี้ไม่มีเหมือน | เขามีเพื่อนก็หาพลัดกันไม่ |
ถึงพระรามจากนางสีดาไป | ครั้นศึกเสร็จท่านก็ได้สมคืน |
อันอกพี่นี้ดั่งจะแตกคราก | แสนลำบากยากใจด้วยไกลชื่น |
ขวัญหายอยู่ไม่วายทุกวันคืน | ครั้นได้ข่าวชื่นน้องก็หมองทรวง |
ใจฝ่อท้อทอดฤทัยถอน | อาวรณ์ยังไม่วายกระหายห่วง |
เจ็บขัดถนัดทุกข์ระทมทรวง | เสียดายดวงสมรช้ำระกำตา |
ปางพระศรีอนิรุทธพุทธพงศ์ | เธอจากองค์แน่งน้อยนางอุษา |
ก็ไม่เร้าถวิลจินตนา | เหมือนอกข้าทสลายไม่วายตรอม |
เหมือนอิเหนาเสาวภาคกับบุษบา | นั่นเทวาก็พาคืนถนอม |
ท่านพลัดกันก็พลันได้วายกรอม | ยังงอมอยู่อกพี่ที่รักนาง |
จนทุ่มทุกข์ทุกทุ่มนาฑีถวิล | พร่ำแต่กินน้ำตาไม่รู้ห่าง |
ด้วยเทวามิพาสมนาง | จนทรวงบางเปนกระจกแล้วอกเอย |
มาดแม้นชีวีนี้อาสัญ | ไหนจะเห็นใจกันนะอกเอ๋ย |
ต่างคนต่างอยู่ไม่รู้เลย | อกเอ๋ยแสนยากลำบากมา |
ไหนจะทุกข์ทรมานด้วยนานเห็น | ไหนจะเอนดูเศร้าจะโหยหา |
ไหนจะทุกข์ที่ทุกข์ความหลังมา | ไหนจะโศกที่อาวรณ์ใจ |
ไหนจะจงใจทำราชกิจ | ถ้าขุกคิดปิ้มเลือดตาไหล |
อันอย่างนี้ขออย่ามีแก่อกใคร | แม้นบรรลัยเสียดีกว่ายังเปน |
ทำไมกับชีวิตนิดเท่านี้ | เมื่อคราวสุขไม่มีมีแต่เคืองเข็ญ |
ครุ่นแต่ทุกข์ไปทุกเช้าเย็น | ช่างทุกข์เล่นอยู่ไม่เว้นทิวาวัน |
หน้าชื่นอกกรมระทมยับ | ลับคนแล้วก็ตั้งแต่โศกศัลย์ |
เราทั้งสองแลจะเห็นน้ำใจกัน | มีแต่รันทดทุกข์ทุกวันครวญ |
เอนดูด้วยช่วยทำให้น่ารัก | อย่าเมียงพักตรทำชม้อยชม้ายสรวล |
จะเอนกายลงเล่าก็เฝ้าครวญ | ถึงเนื้อนวลของพี่ไม่ขาดคิด |
เมื่อไรจะได้เหมือนมาด | เมื่อไรจะได้พาดพิงสนิท |
เมื่อไรเล่าจะได้มาเปนมิตร | เมื่อไรจะได้ชิดชมเชย |
เมื่อไรหนอจะได้อระพอกอดเกี้ยว | สุดาเดียวดวงนี้เจ้าพี่เอ๋ย |
เมื่อไรจะได้สมดั่งอารมณ์เลย | เมื่อไรกรพี่จะเกยขึ้นถึงกาย |
โอ้อกของพี่มาบำราศ | ด้วยสายแสนสุดสวาทพี่มาดหมาย |
โอ้เจ้าผู้เจริญอารมณ์ชาย | เจ้าแหนงหน่ายพี่แล้วหรือฉันใด |
โอ้เจ้าผู้เฉลาเฉลิมจิตต์ | จงชิดชวนพี่บ้างอย่าห่างใคร่ |
โอ้เจ้านัยนุชสุดอาลัย | ไว้ใจพี่ไว้ซึ่งพาที |
พี่ไม่ล่อพอแต่โดยได้ | พี่มิให้เจ้ามัวหมองศรี |
พี่ไม่เริศร้างประเวณี | พี่ไม่ลวงให้พี่เปนเท็จ |
พี่ไม่เล่นดั่งเช่นชายชู้ | พี่ไม่ลวงให้ผู้อื่นเข็ด |
พี่ไม่เกี้ยวเปนกลกละเม็ด | พี่ไม่เด็ดเสียได้เหมือนทุกคน |
เจ้าพี่เอ๋ยอย่าให้พี่เสียแรง | ที่พี่แต่งศุภลักษณ์อักษรสน |
อย่าให้เสียที่พี่ว่านางนฤมล | อย่าให้เสียที่พี่ทนทรมานมา |
อย่าให้เสียที่พี่วานวอนมิตร | อย่าให้เสียที่พี่คิดปราถนา |
อย่าให้เสียที่พี่อุส่าห์มา | อย่าให้เสียที่พี่อาทรใจ |
อย่าให้เสียที่พี่พร่ำปลอบ | อย่าให้เสียที่พี่ลอบพิสมัย |
ตัวพี่อยู่ใกล้เสมือนไกล | สุดใจที่จะได้มาทันที |
สุดอกที่จะยกออกว่า | สุดปัญญาที่จะแจ้งในสารศรี |
สุดคิดด้วยเจ้าบิดไม่พาที | แต่ได้เห็นก็เปนดีใจเชย |
อักขราที่พี่ให้มาทั้งนี้ | เจ้าระวังจงดีนะน้องเอ๋ย |
อย่านอกน้องสองสวาทนี้ไปเลย | ที่ไม่เคยเจ้าอย่าไว้ใจ |
ที่เคยแสดงจึงแถลงกล่าวเล่น | ถ้าเคลือบเคล้นจะเปนที่สงสัย |
จงอวยอำจำเจนไว้ในใจ | กว่าจะได้ช่องชอบระบอบเอย ฯ |
ฯ ๓๖ คำ ฯ