บทละคร
บทร้อง
๏ จำจี้มะเขือเปราะ กะเทาะหน้าแว่น พายเรือแอ่นๆ กะทั่งต้นกุ่ม ได้ผัวหนุ่มๆ ดีเนื้อดีใจ ขอด้ายขอไหม เย็บผ้ายายชี เขาโห่กาลี เขาตีโมงครุ่ม ขยุ้มหน้ากลอง สายบัวใบทอง อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด ได้แป้งไหนผัด ได้กระจกไหนส่อง เยี่ยมๆ มองๆ เจ้าขนมทองเอยฯ
๏ ผัดเจ้าล่อ ข้าวเหนียวสองห่อ ไม่พอกันกิน ฯ
๏ ไล่ให้ทัน ให้มันสองหัว ให้ผัวสองคน ฯ
๏ ดอกเอ๋ยดอกุ่ม ได้ผัวหนุ่มๆ เจ้าก็ชุ่มจิตต์เอย ฯ
๏ ดอกเอ๋ยเจ้าดอกสร้อย สีนวลน้อย ฯ น่าเอ็นดู ฯ
๏ อมขยุกขยุย ไม้ไผ่ตายขุย มันนกลงหัว ใครไม่เอากูเป็นผัว ฉิบหายๆ ฯ
๏ แม่หว้ายแม่วี แม่ปวดท้องขี้ กระโจนลงน้ำ ฯ
๏ มาละเหวยมาละวา แก้เอาผ้า นมยานโตงเตง ตะละลาๆ ฯ
รวม ๗ บท
บทขยาย
๏ เมื่อนั้น |
โฉมเจ้าจ้ำจี้นาถา |
อยู่เดียวเปลี่ยวใจทำไร่นา |
เพาะมะเขือแตงกวาเวลาจน |
ให้วิบัติขัดเข็ญเป็นคราวเคราะห์ |
มะเขือที่เคยเปราะไม่เป็นผล |
เกิดเป็นหนอนบ่อนเน่าเข้าปะปน |
กลับพิกลมากะเทาะน่าแว่นไป |
นางละห้อยน้อยจิตต์คิดแค้น |
ลงเรือพายแอ่นเที่ยวไถล |
อยากจะหาผัวหนุ่มให้กลุ้มใจ |
พายไปโดยจิตต์คิดคนึง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ โล้
๏ โดนพุ่มกุ่มน้ำเข้าตำเฮือก |
หัวเรือเสือกเข้าตลิ่งนิ่งบึ้ง |
ที่ต้นกุ่มหนุ่มป๋อมากรออึง |
นางตะลึงขวยเขินสะเทิ้นอาย |
ล้วนแต่พวกจิงโจ้กับเท้งเต้ง |
โย่งเย่งยุ่มย่ามอยู่หลามหลาย |
นางมิได้ชอบจิตต์คิดระคาย |
ก็ย่างกรายขึ้นไปนั่งฝั่งนที ฯ |
ฯ ๔ คำฯ เสมอ
๏ บัดนั้น |
ฝูงเด็กเป็นหมู่อยู่อึงมี่ |
ต่างเล่นสนุกคลุกคลี |
เห็นนางจ้ำจี้มานั่งเซา |
นางนี้ท่วงทีจะเป็นบ้า |
ทางท่าง่วงโงกโศกเศร้า |
จะล้อหลอกหยอกเล่นเช่นบอเบา |
พวกเราพรักพร้อมเข้าล้อมรำ |
บ้างตบมือเลี้ยวลัดผัดเจ้าล่อ |
ข้าวเหนียวสองห่อไม่พอหม่ำ |
บ้างเลียนล้อล่อหลอกออกท่าทำ |
ล้วนฝูงเด็กคลาคลํ่าชุลมุน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ กราวรำ
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้แค้นจิตต์คิดฉุน |
ฉวยไม้ไล่ตีอยู่เป็นจุณ |
วิ่งวุ่นก้าวก่ายกระจายไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น |
ฝูงเด็กหนีพลางทางปราไศรย |
ไล่ข้าให้ทันอย่าพรั่นใจ |
ทั้งเผือกมันจะให้เอาไปกิน |
ลางคนร้องว่าแม่อย่ากลัว |
จะให้ผัวสองคนมีทรัพย์สิน |
นางแค้นวาจาน้ำตาริน |
ผันผินหยุดยั้งนั่งโศกี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ แล้วเหลียวแลแปรพักตร์ดูซ้ายขวา |
เห็นหลวงยายเดินมาน่าบัดสี |
ดูผ้าผ่อนขาดวิ่นสิ้นดี |
สงสารยายชีรำคาญตา |
ร่างกายแก่คร่ำทำงกเงิ่น |
ด่วนเดินสับส่ายคล้ายๆ บ้า |
สาวศรีมีจิตต์คิดศรัทธา |
ขอด้ายไหมเด็กมาเย็บผ้าชี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เด็กเล็กล้อมกลุ้มรุมโห่ |
ว่าชีบ้าผ้าโหว่ไม่เป็นอี้ |
ต้องอาบัติสังฆาปาจิตตี |
บ้างโห่ว่ากาลีหลวงชีโลน |
ต่างคนหัวเราะเยาะเล่น |
บ้างตบมือเต้นเผ่นโผน |
ต่างตีโมงครุ่มรุมตะโพน |
ที่โลนเข้าขยุ้มกุ่มหน้ากลอง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
โฉมนางนารีไม่มีสอง |
เลื่องลือชื่อนางสายบัวทอง |
ก็เยื้องย่องเดินมายังท่าชล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เด็กหมู่อยู่หลามก็ถามไป |
จะอาบน้ำท่าไหนเที่ยวเดินด้น |
นางแกล้งหลอกเล่นเป็นกล |
จะอาบชลลงท่าที่หน้าวัด |
เด็กตามถามล้อต่อแย้ง |
จะเอาแป้งที่ไหนได้ไปผัด |
เอากระจกไหนส่องมองชัด |
ของวัดเครื่องใช้ก็ไม่มี |
นางสะเทิ้นเดินกรายอายเหนียม |
ทำเยี่ยมๆ มองๆ จะย่องหนี |
พอเห็นเรือเจ้าขนมสมยินดี |
ออกวาทีเรียกร้องขนมทองเอย |
นางก็ลงโดยสารไปบ้านด้วย |
ร้องขายพายช่วยทำหน้าเฉย |
ลอยล่องตามคลองชลาเลย |
ขนมทองแม่เฮ้ยอร่อยใจ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ โล้
๏ เมื่อนั้น |
นวลนางจ้ำจี้ศรีใส |
ครั้นฝูงเด็กหลวงชีลับลี้ไป |
อรไทยเยื้องย่างมาฝั่งชล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงนั่งในพุ่มไม้ |
อยากจะได้ผัวหนุ่มที่กุ่มต้น |
เห็นเท้งเต้งเรือลอยปล่อยวน |
เทพดลมากระทั่งฝั่งนที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
เจ้าพระยาจิงโจ้โตกว่าหมี |
เห็นนางรูปรวยสวยดี |
ทำทีนั่งซุ่มในพุ่มไม้ |
ให้มีจิตต์คิดรักนักหนา |
ดูหน้ายิ้มย่องผ่องใส |
ควรจะเป็นคู่ครองต้องใจ |
คิดจะใคร่และเลี้ยวเกี้ยวพา |
จึงมีวาจาปราไศรย |
พี่มีใจเอ็นดูแม่หนูจ๋า |
มาอยู่ไยคนเดียวเปลี่ยวเอกา |
เชิญลงมากินหมากให้ปากแดง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้ฟังกิจแล้วคิดแหนง |
เห็นรูปร่างผิดคนพิกลแปลง |
พูดจาน่าแคลงหลากใจ |
จึงว่าข้านี้เป็นมนุษย์ |
ผิดเพศพิรุธจะรักใคร่ |
ท่านเอ็นดูพลูหมากไม่อยากไป |
ไม่พอใจปากแดงอย่าแกล้งกวน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จิงโจ้ฟังถ้อยละห้อยหวล |
ยิ่งแรงรักพักตร์กริ่มยิ้มยวล |
จึ่งกล่าวกลอนเป็นกระบวนชวนชิด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ส่งดอก
๏ ดอกเอ๋ยดอกกุ่ม |
ได้ผัวหนุ่มๆ ก็ชุ่มจิตต์ |
พี่เป็นเทวดาวราฤทธิ์ |
นฤมิตกายาลงมาชม ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ดอกเอ๋ยดอกสร้อย |
สีนวลน้อยๆ ก็พอสม |
อย่าระคางห่างเหินเชิญภิรมย์ |
สมบัติพี่มีถมในนที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฟังเอ๋ยฟังคำ |
เฉื่อยฉํ่าเพราะฉิวเหมือนนิ้วจี้ |
ว่าผัวหนุ่มกลุ้มใจไม่ใยดี |
ไม่เคยเห็นเช่นนี้ข้ารำคาญ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย เมื่อนั้น |
จิงโจ้ฟังคำซํ้าสงสาร |
จะต้องเสกมนตราวิชาการ |
ก็โอมอ่านตามบทกำหนดตัว |
มือประณมว่าโอมขยุกขยุย |
ไม่ไผ่ตายขุยมันลงหัว |
ขอพระเดชเวสสุกรรม์มาพันพัว |
ใครไม่เอากูเป็นผัวฉิบหายเอง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระรัว
๏ พอขาดคำซ้ำปาด้วยชานหมาก |
โดนปากนางเปาะช่างเหมาะเหมง |
นางสยองต้องมนต์คนเสงเคร็ง |
แล้วแลเล็งสพพักตร์ก็รักกัน |
แต่มารยาทำผวาว่าหวีดว้าย |
เจ็บอุทรจะขยายวาโยลั่น |
จะหาที่ลี้ลับก็ยากครัน |
จึงอุบายผ่อนผันจะโจนชล |
ทำเป็นทีร้องเล่นเช่นทารก |
ประณมมือเหนืออกสยองขน |
ขึ้นยืนยั้งตั้งท่าสัปดน |
ทำเล่ห์กลกาลีทีตลุง |
จึ่งร้องว่าแม่ไหว้ใส่แม่วี |
แม่ปวดท้องเต็มทีก็โจนผลุง |
ดำลงไปในน้ำทำฟุ้ง |
ดูไพรพลุ่งผลุดผลอยลอยวน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ รัว
๏ ครั้นเต็มกลั้นพลันโผล่โผหนี |
มันวนลามตามรี่ไม่เป็นผล |
เล่นกาลีรี่ลอยออกรอบตน |
นางจ้ำจี้สัปดนเสียงคนฮา |
พวกชาวเรือชาวแพแลเห็น |
ว่าช่างเล่นสัปดนเหมือนคนบ้า |
มันไม่อายชายหญิงในนาวา |
ต่างเฮฮาเย้ยเยาะหัวเราะอึง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น |
จิงโจ้ตกจิตต์คึดไม่ถึง |
หมายว่านางตกน้ำลงต้ำตึง |
โดดทลึ่งไปรับกลับขึ้นเรือ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
พวกจิงโจ้เท้งเต้งล้วนเก่งเหลือ |
เห็นหน้านางจืดจ้อนเหมือนหย่อนเกลือ |
ผิดผิวเนื้อแก้ผ้าเห็นนมยาน |
ต่างคนเต้นโลดกระโดดล้อ |
บ้างตบมือล่ออยู่ฉาดฉาน |
ว่ามาละเหวยมาละวาน่ารำคาญ |
แก้ผ้านมยานโตงเตงตะลา |
ต่างคนเยาะเล่นอยู่เช่นนี้ |
เหมือนแบบบทบาลีทารกว่า |
คำพระพิศณุกรรม์สรรมา |
จึงจดจำตำรามากล่าวกลอน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงเร็ว
บทร้อง
๏ คนเอ๋ยคนทรง รูปร่างบรรจง เขามาตกแต่งไว้ หน้าเจ้าขาว เหมือนดังลาวปอกไข่ ช่างงามกะไร เทวาสรรเอย ฯ
๏ ดอกไม้ห้อยหู สีชมพูห้อยบ่า คนทรงเขามา นั่งคอยถ้าช้าแล้ว พระทูลกระหม่อมฉัน เอย ฯ
๏ ขอเชิญเสด็จเอย |
ใช่ไม่เคยอยู่เมื่อไร |
พ่อมาด้วยเรือก็กลัวช้า |
พ่อมาด้วยม้ามโนไมย |
มาแล้วอย่าแวะอย่าเวียน |
อย่าให้เปลืองเทียนเปลืองไต้ |
มาแล้วก็จะหนีน้องไป |
ใครเลยจะรู้ว่าเสด็จมา เอย ฯ |
๏ เชิญเอยเชิญลง |
เชิญพระองค์สี่ทิศ |
องค์ไหนศักดิ์สิทธิ์ |
นฤมิตลงมา |
เข้าสู่น้องข้า |
เจ้าตาดำ เอย ฯ |
๏ เชิญเอยเชิญลง |
เชิญพ่อบุญคง |
มาลงโรง เอย ฯ |
|
๏ ต้อยตริดติดต้อย |
เอาตัวไปห้อย |
ที่โสนคางคก |
กินยาว่าจะให้ลูกตก |
เจ้าโสนคางคก |
อกแตกตาย เอย ฯ |
๏ กะเกยเลยละ |
กุ้งกะมุกไม้ ฯ |
๏ กะเกยลำภู ใครมาแลดู เอากูออกก่อน สาวศรีพี่น้อง ตะต้องตังเม เลเพหัวหอม กระท่อมติงเปรียะ ฯ
๏ ตารอดปอดแฉ่ง ผัวนางแมงดา ฯ
๏ หมูบหมีบคีบชน มนไหม้ไห้หา เลขผาหัวแดง กินแตงโมดิบ ฯ
๏ ปักกะทารา หมาน้อยคาบกะลา สักกะผลุงตุ้งเหม่ง ฯ
รวม ๑๑ บท
บทขยาย
๏ เมื่อนั้น |
จิงโจ้โกรธาพาสมร |
จูงนางพลางไล่ตลุมบอน |
ตีต้อนบ่าวไพร่อยู่ไปมา |
จึงว่าเหม่ไฉนอ้ายเหล่านี้ |
มาฮาโห่มเหษีเล่นหวา |
มึงมิได้เกรงจิตต์คิดอาญา |
อ้ายคนใดร้องตะลาจะจับตัว ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น |
เท้งเต้งขนพองสยองหัว |
ต่างรู้ว่าผิดคิดกลัว |
หลบลี้หนีตัวไม่อื้ออึง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
ขุนชะเลหายพิโรธไม่โกรธขึ้ง |
ก็จูงนางคลาไคลใจคนึง |
อย่าดื้อดึงเยื้องย่องเข้าห้องใน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ นั่งแนบแอบกายสายสมร |
วิงวอนมิ่งมิตรพิศมัย |
พี่รักเจ้าเท่าเทียมหฤทัย |
จะเลี้ยงเจ้าเป็นใหญ่กัลยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้อายจิตต์ประดิษฐ์ว่า |
อย่าพิไรใส่สรรพรรณา |
ฉันไม่เชื่อวาจาที่พาที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ คำโลมชาตรี
๏ น้องเอ๋ยน้องแก้ว |
บุญแล้วพบกันอย่าหันหนี |
จะดึงดื้อถือใจไม่ใยดี |
วันนี้ตายราบไม่หยาบคาย |
เป็นไรเป็นไปไม่ฟังเจ้า |
เวลานี้ที่เมานะโฉมฉาย |
เข้าประคองต้องหัตถ์สัมผัสกาย |
หลงสะเบยเลยสบายฤทัยบาน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้ยอดอนงค์สงสาร |
แสนภิรมย์ชมเชิงละเลิงลาน |
นงค์คราญสุขสมภิรมย์ใน |
อยู่แสนสำราญนานมา |
แต่บุตรีบุตรานั้นหามีไม่ |
ขุนชะเลน้อยจิตต์ผิดใจ |
คิดจะใคร่บ่วงบนหาคนทรง |
ก็กวักเรียกสาวใช้มาในที่ |
จึงมีวาจาโดยประสงค์ |
เจ้าเร่งไปหาตาเฮียกง |
ให้จัดแจงคนทรงมาบัดนี้ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
สาวใช้ประณตบทศรี |
รับคำอำลาไม่ช้าที |
ออกมายังที่กลางนาวา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
๏ มาลงศาลเจ้าลำเจียก |
ร้องเรียกเฮียกงส่งภาษา |
แปลเป็นคำไทยท่านใช้มา |
ให้หาคนทรงไปลงโรง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น |
เฮียกงก๋งเถ้าคุยโผง |
อั้วลื้อขื่อไล้นัยน์ตาโพลง |
เห็นชาวในใจโปร่งน้ำลายพรู |
จึ่งว่ามาเจี๊ยะเหลาเฮี๊ยะก่อน |
อั้วเป็นนายอากรกระเป๋าอู๋ |
แล้วจึ่งตอบไปได้เอ็นดู |
ราชการก็รู้อยู่ด้วยกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
สาวใช้เคืองขุ่นหุนหัน |
อย่าลดเลี้ยวเกี้ยวพาให้ช้าครัน |
ข้าเกลียดขี้ฟันนายอากร |
จงรีบจัดแจงแต่งไว้ |
จะอยู่ช้าไม่ได้ข้าลาก่อน |
แม้นทรงไทยใส่ทับร้องรับกลอน |
สั่งแล้วบทจรกลับไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงจึงก้มประณมกร |
ทูลไทยภูธรเป็นใหญ่ |
จัดไว้ได้สิ้นทั้งจีนไทย |
ภูวไนยจงทราบพระบาทา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
เจ้าพระยาจิงโจ้โอ่อ่า |
จัดแจงแต่งตนลนลานมา |
ชวนสุดาไปศาลเทวัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งนั่งที่เก้าอี้ |
พร้อมหมู่เสนีย์สาวสรรค์ |
จึ่งให้คนทรงมาลงพลัน |
ให้พร้อมกันโทนทับคอยรับตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
นางมตมารยาหน้าผี |
จึงจัดธูปเทียนพานมาลี |
พนมมือถือดีแล้วหลับตา |
พวกลูกคู่โทนทับก็รับร้อง |
ตามทำนองแบบบทกำหนดว่า |
แม่คู่คนเคยก็เอ่ยมา |
เป็นบทกลอนวอนว่าทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ คนเอ๋ยคนทรง |
รูปร่างบรรจงเขาแต่งไว้ |
หน้าขาวเหมือนหนึ่งลาวปอกไข่ |
งามกะไรเทพสรรกลั่นมา |
ดอกไม้มาร้อยห้อยหู |
ซัดสีชมพูขึ้นห้อยบ่า |
คนทรงมานั่งคอยถ้ารา |
ช้าแล้วพระทูลกระหม่อมเอย |
แล้วว่าเชิญเอ่ยเชิญลง |
เชิญพระองค์สี่ทิศที่คิดเฉลย |
องค์ไหนศักดิ์สิทธิ์นิมิตต์เลย |
ลงมาเชยน้องข้าเจ้าตาดำ |
ยังแถมขอเชิญเสด็จเอย |
ใช่ไม่เคยเมื่อไรพระไทยป้ำ |
มาแล้วอย่าแวะอย่าเวียนซ้ำ |
อย่าทำให้เปลืองไต้แลไฟเทียน |
มาเรือช้าก็มาม้ามโนไมย |
แล้วหนีน้องไปทำหันเหียน |
ใครจะรู้ว่าเสด็จมาเยี่ยมเยียน |
ทำถือเทียนสั่นรัวตัวโอน |
ยังไม่ทรงสนิทจิตรหลง |
ขอเชิญพ่อบุญคงศีร์ษะโกร๋น |
จงมาลงโรงข้าแล้วท้าโทน |
ทำโยกโยนโย้ตัวหัวโคลง ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย ก็เร่งร้องเร็วรี่ให้ถี่เข้า |
มิใช่เจ้าใช่นายผีตายโหง |
นางมตเท็จมารยาหน้าโกง |
ทำโคลงกลอกหน้าตาปรือ |
ต่างหมอบกราบราบถามตามสงไสย |
ท่านเสด็จมาแต่ไหนฤๅกระสือ |
จะเสวยหมูหนามน้ำจัณฑ์ฤๅ |
ลูกช้างจะไปซื้อมาบวงบน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น |
นางมตวางเรื่อยเปื่อยป่น |
แม้นจะให้ศักดิ์สิทธิ์ติดกำนล |
จะบวงบนสิ่งใดไม่ได้การ |
ข้านี้คือผีตาเมืองเหี้ย |
ที่พลัดตกต้นผักเบี้ยกำแพงฐาน |
ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์ระบือออกชื่อนาน |
เราเป็นผีโบราณชาญไชย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ขุนชะเลเชื่อทรงไม่สงไสย |
จึ่งว่าท่านตาเมืองเรืองไชย |
จงเมตตาข้าให้มีบุตรา |
ด้วยนางจ้ำจี้เป็นที่สุด |
ไม่มีบุตรสืบสายไปภายน่า |
ท่านจงปราณีมีเมตตา |
จะถวายมาลาละครยก ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
เจ้าเมืองตัวดีผีโกหก |
ทำโคลงหันเหียนเวียนวก |
มือกอดอกแหงนหน้าหลับตาปรือ |
ผเอิญทายพอเหมาะฉะเพาะถูก |
ว่าท่านอยากมีลูกผู้ชายหรือ |
จะได้ชมสมคำที่ลํ่าฤๅ |
แม้นนับถือต้องกำนลบนตัวงอ |
ละครยกโรงละไพไม่เป็นผล |
จะแก้บนก็เอาเหรียญติดเทียนล่อ |
คิดสิ่งใดจะได้สมอารมณ์พอ |
จะต่อบุตรวงศ์อย่าสงกา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น |
เจ้าพระยาจิงโจ้โมหา |
เชื่อถือซื่อใจในวาจา |
ก็รับว่าให้กำนลบนปัจจัย |
พอผีออกพลบคํ่าสำราญรื่น |
ก็กลับคืนเข้าห้องค่อยผ่องใส |
จูงกรจ้ำจี้ด้วยดีใจ |
สู่ที่ห้องในกับชายา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ นั่งแนบแอบนางพลางพิไร |
เราจะได้สมมาตรปรารถนา |
เสียแรงได้บวงบนสนทนา |
จะถวายเงินตราเจ้าตาเมือง |
ว่าจะได้บุตราอย่าร้อนจิตต์ |
ขอพี่ต้องลองนิดเถิดเนื้อเหลือง |
จะสร้างสัตว์ปัฏิสนธิ์ให้ชนเนือง |
จึงรุ่งเรืองศาสนาตถาคต ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้ปัดกรค้อนขยด |
นี่อะไรใคร่อ้างสร้างพรต |
ไม่ศรัทธาอย่ามาจดจะเจ็บองค์ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ น้องเอยน้องแก้วพี่ |
บาลีกล่าวไว้อย่าไหลหลง |
แม้นผู้ใดไม่สร้างสืบสุริยวงศ์ |
ไม่พบองค์เมตไตรยไปนรก |
เป็นคนกำม์หนาชะตาหมัน |
จะศูนย์สั้นพวกพรรคอักกะฎก |
พระศรีธาตุยังไม่ตัดสลัดยก |
ท่านยังอุปถัมภกไว้แทนองค์ |
ก็นี่เราเป็นมนุษย์บุถุชน |
จะไว้ตนไม่สร้างทางนิสงส์ |
เห็นจะต้องสู่อะบายบ่ายตรง |
เชิญเจ้าลงแต่ผู้เดียวให้เปลี่ยวใจ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ทรงเอ๋ยทรงสัตย์ |
อย่าเพ่อตัดเมียรักผลักไส |
น้องนี้กลัวนรกตกลงไป |
ภูวไนยอย่าพิโรธโกรธเมีย |
ฉะเพาะสร้างอย่างไรมิได้ว่า |
จงเมตตาอย่าผลักให้ดักเดี้ย |
น้องกลัวไฟลามมาตามเลีย |
จะทำเยียอย่างไรได้ปราณี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ แค้นเอยแค้นจิตต์ |
เมื่อกี้ขัดดัดจริตสบัดหนี |
ยมบาลท่านคงเห็นดอกเช่นนี้ |
ถึงไฟลามตามจี้ก็ช่างใคร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ทูลเอยทูลหัว |
ทีหลังไม่เล่นตัวผลักไส |
อย่าให้ถึงยมบาลรำคาญใจ |
อรไทยซบพักตร์ลงโศกี ฯ |
ฯ โอด ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ขุนชะเลเจ้ากระบวนสรวลศรี |
สมจิตรคิดหมายอุบายดี |
ประโลมปลอบชอบทียียวน |
นิ่งเสียเถิดน้องอย่าร้องไห้ |
พี่มิได้ทิ้งขว้างคิดห่างหวน |
เวลานี้ดึกชัดสงัดจวน |
ก็ชื่นชวนม่อยพับหลับไป ฯ |
ฯ ตระ ฯ
๏ ขุนชะเลนอนสนิทนิมิตต์ฝัน |
เลยละเมอเพ้อพรั่นหวั่นไหว |
นางจ้ำจี้ตื่นกระหนกตกใจ |
อรไทยปลุกสั่นขึ้นทันที ฯ |
ฯ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จิงโจ้ตกจิตรคิดว่าผี |
ครั้นรู้สึกนึกได้ใจดี |
จึ่งว่าพี่ฝันเพ้อละเมอไป |
ก็เล่าความตามสุบินจนสิ้นเรื่อง |
พอแสงทองรองเรืองประเทืองไข |
ต่างชำระพักตร์ผ่องละอองใย |
สำราญใจตรองตรึกนึกยินดี |
จิงโจ้สงไสยในเรื่องฝัน |
เหหันคิดหวนชวนจ้ำจี้ |
ออกมาหน้าเก๋งแก้วมณี |
นวลนางจ้ำจี้ก็ตามมา ฯ |
ฯ เสมอ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งนั่งบนเก้าอี้ |
พร้อมหมู่เสนีย์อยู่ถ้วนหน้า |
จึ่งว่าใครเป็นครูรู้ตำรา |
จงมาทำนายทายสุบิน ฯ |
ฯ เจรจา ฯ
๏ บัดนั้น |
ตารอดปอดแฉ่งผู้แจ้งสิ้น |
เป็นผัวนางแมงดายุพาพิน |
ชาววารินนับถือออกชื่อครู |
จึงน้อมกายขอทายทำนายฝัน |
เคยสำคัญพูดฉลาดไม่บาดหู |
เวลานี้ฤกษ์ยามงามพอดู |
เชิญท่านผู้ฤทธิแรงจงแจ้งความฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ขุนชะเลฟังตารอดปอดแฉ่งถาม |
เล่าสุบินสิ้นข้อให้พองาม |
กล่าวไปตามเรื่องวิกลแต่ต้นมี |
ว่าคืนนี้ใกล้แจ้งจวนไก่ขัน |
หลับสนิทนิมิตต์ฝันวิเศษศรี |
ว่าเสียงปี่ต้อยตะริดติดตอยดี |
แล้วเรานี้เสียใจให้ขัดเคือง |
ด้วยไม่มีบุตรามาสืบสาย |
ยิ่งน้อยจิตต์คิดอายจะลือเลื่อง |
ไม่อยากอยู่อดสูแก่ชาวเมือง |
คิดแค้นเคืองจะผูกศอมรณา |
ก็วิ่งไปที่ต้นโสนน้อย |
เอาเชือกผูกตัวห้อยกิ่งพฤกษา |
หวังจะให้บรรไลยไม่คืนมา |
บันดาลเทวดามาช่วยทัน |
ยังมีคางคกกายสิทธิ์ |
สำแดงฤทธิ์เต้นหยอยมาลอยหัน |
แล้วร้องว่าจะให้ยาสำคัญ |
ใครกินพลันลูกตกดกทุกคน |
ท่านอย่าเพ่อตายทำลายชีพ |
จงเร่งรีบกลับไปจะได้ผล |
จงเอายานี้ไปไว้แก้จน |
ว่าแล้วทำกลอกแตกตาย |
เราได้ยาคลาไคลไปสักครู่ |
พอพบอ้ายตุ๊ดตู่ปลาดหลาย |
มันอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ลาย |
พอเห็นคนเดินกรายก็ออกมา |
มันพูดได้เหมือนคนพิกลหลาก |
ร้องเรียกให้กินหมากปากแดงจ้า |
เราก็แวะเข้าไปได้เจรจา |
มันอวดว่าจะทำนายซึ่งร้ายดี |
ว่าท่านนี้อยากมีบุตรา |
จะนับยามสามตาให้ถ้วนถี่ |
เราเข้าใจในทางข้างโหรี |
แล้วนับนิ้วพลิ้วจี้จับยาม |
ว่ากะเกยเลยละกุ้งกะไล่ |
ถึงมุกไม้แล้วจึ่งว่าท่านอย่าขาม |
จะได้บุตรชายชาติฉลาดงาม |
เราก็ถามต่อไปเมื่อไรมื |
มันจึ่งจับนับไล่ไปเป็นคู่ |
ว่ากะเกยลำภูทำจดจี้ |
แล้วใครมาแลดูตามคัมภีร์ |
กูนี้ออกก่อนเป็นกลอนไป |
กินข้าวกับเกลือเหลือให้น้อง |
อีกตะต้องตังเมเลเพไล่ |
หัวหอมกระท่อมติงเปรียะไป |
แล้วบอกให้เดือนนี้จะมีครรภ์ |
เราได้ฟังตุ๊ดตู่ผู้วิเศษ |
ก็ดีใจได้สังเกตจำมั่น |
พอพวยพุ่งรุ่งแจ้งแสงหิรัญ |
ก็ตื่นพลันเท่านี้พี่ช่วยทาย ฯ |
ฯ ๒๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น |
โหรรอดปอดแฉ่งแจ้งขยาย |
จึ่งคูณเลขนับยามตามอุบาย |
คำก็คล้ายเด็กเล่นเป็นตำรา |
ว่าหมุบหมิบคีบชนหม่นไหม้ |
ให้หาใส่ซ้ำเสกว่าเลขผา |
หัวแดงกินแตงโมดิบมา |
แล้วทายว่าฝันนี้ดีสุดใจ |
ซึ่งคางคกเทวดามาบอกเหตุ |
สมจิตต์เจตนานึกทุกสิ่งได้ |
เพราะจะมีบุตราเหมือนว่าไว้ |
จะเรืองอิทธิ์ฤทธิไกรไชยโย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ขุนชะเลฟังทายไม่หายโง่ |
ว่าเมื่อใดจะได้ลาโภ |
จะมีทุกข์สุขโขประการใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
ตารอดปอดแฉ่งสำแดงไข |
แล้วนับยามสามตาว่าไป |
จำได้แต่เล็กเป็นเด็กซน |
นับยักว่าปักทารา |
หมาน้อยคาบกะลาไปทั้งขน |
แล้วต่อว่าสักกะผลุงด้งเหม่งวน |
ทั้งลาภเหมาะเคราะห์ปนจะเป็นไภย |
จึ่งน้อมกายทายว่ามหาลาภ |
แต่เคราะห์คาบร้ายแปมมาแกมใส่ |
แม้นมีบุตรสมจิตรที่คิดไว้ |
ข้างน่าไปท่านจะม้วยด้วยบุตรา |
ขอท่านจงระวังสังเกตไว้ |
ของแสลงสิ่งใดย่อมพิษกล้า |
ด้วยข้าวเหนียวน้ำผึ้งก็เป็นยา |
เสวยอย่าแทรกกระสายนมควายเลย |
เพราะเหตุเพศท่านเป็นจิงโจ้ |
ผึ้งกับควายไภยโยอย่าเสวย |
ทั้งข้าวเหนียวก็เป็นคู่สัตรูเคย |
เวรอาฆาฏชาติเลยที่ล่วงมา |
เพราะเทพตุ๊ดตู่ผู้อาเพด |
จึ่งแจ้งเหตุในนิมิตต์ปฤษณา |
สำแดงเรียกกินหมากปากแดงทา |
จะพรรณาให้เลอียดขี้เกียจแปล |
อยากจะใคร่แจ้งความถามตุ๊ดตู่ |
ด้วยท่านรู้เข้าใจทั้งไขแก้ |
ข้าพเจ้าต่ำต้อยรู้น้อยแท้ |
ทำนายแต่ตามฉะบับบังคับมา ฯ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ รัว
บทร้อง
๏ ลูกสาวใครเอย ลูกสาวชาวเหนือ ทาขมิ้นเป็นเนื้อ ทำอะไรก็ไม่เป็น หุงข้าวตะละหม้อ สิ้นฟืนเป็นเกวียนเข็ญ ทำอะไรก็ไม่เป็น อีหน้าทะเล้นไม่มีอาย ฯ
๏ ลูกสาวใครเอย ลูกสาวชาวใต้ มีท้องต้องไส้ สากะใจอุแม่นา ฯ
๏ วันเอ๋ยวันนี้ พี่จะไปคล้องช้าง ข้ามทุ่งเหวบาง ข้ามเขามะโนรมย์ ข้ามเขินเนินไสล ข้ามไม้ไพรพนม ปากพี่ก็ร้องชม มือก็ไขว่ชะลอมพลาง มือข้างโน้นจะไขว่ถี่ มือข้างนี้จะไขว่ห่าง เก็บได้ใส่หลังช้าง มาฝากเอวบางอุแม่นา ฯ
๏ ผัดพ่อผัด ช้างงาลัด แทงคนไม่เข้า ฯ
๏ ช้างๆ ช้างตัดเต่าร้าง ช้างกินใบไผ่ วัวกินหญ้า ม้ากินสลัดใด เจ้าสังศิลป์ไชย ทาขมิ้นเหลืองอ่อน บุหรี่บ้าหรั่น นางจันตะละแมะ นางสั้นหน้าแกะ โจ๋งจ๊ะกะโจ๋งถิ่ง ฯ
๏ เจ้าเนื้อละเอียดเอย ช้างเข้าพะเนียด แม่มิให้เจ้าไปดู ช้างนั้นตกน้ำมัน มันก็คลั่งเป็นบ้าอยู่ แม่มิให้เจ้าไปดู บุญชูเจ้าคนเดียว เอย ฯ
รวม ๖ บท
บทขยาย
๏ เมื่อนั้น |
เจ้าพระยาจิงโจ้โมหา |
หลงเชื่อโหรรอดทายเจรจา |
ทั้งปรีดาทุกข์ถมกรมทวี |
พอเจ้าขนมทองมาร้องขาย |
กับนางสายบัวทองผ่องศรี |
พอเห็นให้มีจิตต์คิดยินดี |
จึ่งถามนางจ้ำจี้ว่าลูกใคร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
นวลนางจำจี้ศรีใส |
ด้วยจิตต์คิดหึงตะบึงไป |
จึ่งว่าให้แสนชั่วตัวกาลี |
อีคนนี้ลูกสาวเขาชาวเหนือ |
ทาขมิ้นเป็นเนื้อน่าบัดสี |
ทำอะไรก็ไม่เป็นไม่เห็นดี |
จะหุงข้าวแต่ละทีสิ้นฟืนเกวียน |
จะให้ทำสิ่งใดก็ไม่เป็น |
อีชาติข้าหน้าทะเล้นเหมือนแกล้งเขียน |
ไม่มีอายขายขามสิ้นความเพียร |
อย่าวนเวียนถามไถ่ไม่อยากยิน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
นางสายบัวสดับก็กลับผิน |
สะบิ้งสะบัดขัดแค้นนางแสนลิ้น |
มาหยาบช้าว่าสิ้นทุกสิ่งไป |
นางคนท้ายจึ่งถามไปตามเลย |
ว่าลูกสาวใครเหวยข้าหมั่นไส้ |
นางสายบัวตอบความตามบทไป |
ว่าลูกสาวชาวใต้ตามชายมา |
แม้นมีท้องต้องไส้ไม่รู้ |
เพราะมากชู้หนุ่มๆ ที่กุ่มท่า |
ท้องโตไม่รู้ตัวมัวหลับตา |
ก็สะสาใจมันเท่านั้นเอง ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้แสนโกรธกระโดดเหยง |
น้อยหรือว่าได้ไม่ยำเกรง |
พวกเท้งเต้งจับมาจะฆ่าตี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
เท้งเต้งฟังคำนางจ้ำจี้ |
ต่างลงเรือเล็กไล่ไปคลุกคลี |
ขุนชะเลให้ทีมิให้ทัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ บัดนั้น |
นางสายบัวตกใจไหวหวั่น |
รีบจ้ำหนีไปมิให้ทัน |
พวกเท้งเต้งเหหันกลับมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
จ้ำจี้แค้นจิตต์ด้วยอิจฉา |
เห็นสามีให้ทีแก่เสนา |
นางข่วนค้อนค่อนว่าสาระพัน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น |
เท้งเต้งกองตระเวรเจนกำปั่น |
ได้ข่าวคชเผือกพลายหมายสำคัญ |
มาก้มเกล้าอภิวันทน์บอกข่าวพลายฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น |
จิงโจ้ชื่นชมสมหมาย |
หูไวใจเร็วทั้งวุ่นวาย |
จึ่งสั่งเสนานายให้เตรียมพล |
เราจะไปโพนช้างในกลางป่า |
อย่าได้ช้าเร็วรัดจัดพหล |
โขลนทวารควาญหมอที่รู้มนต์ |
ให้เตรียมพลพร้อมไว้ในบัดนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
เท้งเต้งกราบลามาเร็วรี่ |
ไปกลางนาวาไม่ช้าที |
ขวาซ้ายนายมีเป็นกองๆ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ จึงหมายจ่ายแจกกันทั่ว |
ให้จัดแจงเตรียมตัวสิ้นทั้งผอง |
ครบเสร็จเร็วไวดังใจปอง |
ก็รีบกลับมาสนองขุนชะเล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จิงโจ้ดีใจไม่หวนเห |
สมอารมณ์สมมาตรคาดคะเน |
จะจับสารตัวเอ้เศวตพลาย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จึ่งว่าวันเอ๋ยวันนี้ |
พี่จะไปคล้องช้างอย่าหมางหมาย |
ต้องข้ามทุ่งเหวบางทางสบาย |
ดำรงกายข้ามเขามโนรมย์ |
ข้ามทั้งโขดเขินเนินไสล |
ข้ามดัดลัดไม้ระรื่นร่ม |
ต้องบุกป่าฝ่าไม้ไพรพนม |
ปากพี่ชมมือจะไขว่ชะลอมพลาง |
เจ้าทายว่ามือไหนจะไขว่ถี่ |
หรือมือนี้พี่ไซร้จะไขว่ห่าง |
แล้วจะเก็บผลไม้ใส่หลังช้าง |
ฝากเอวบางจ้ำจี้พี่เดียวเอย ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้ฟังว่าหน้าเฉย |
ยังเคืองแค้นแน่นใจไม่สะเบย |
เชิญไปเชยชมป่าให้สาใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จิงโจ้ปลอบนางอย่าหมางไหม้ |
พี่จะรีบลีลาศประพาสไพร |
อรไทยจงอยู่ช่วยดูการ |
สั่งพลางจัดแจงแต่งตน |
แปรงขนสร้อยคาดดูอาจหาญ |
แพรระบายสายรัดสะเอวพาน |
ปลอกสังวาลย์สวมศอละออตา |
แต่งเสร็จยุรยาตรผาดผาย |
ขี่จิงโจ้ตัวนายกำลังกล้า |
เร่งให้เคลื่อนคลาดยาตรา |
ไปข้ามทุ่งเหวป่ามโนรมย์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงเหวบางทางรก |
เร่งยกโยธาเข้าป่าร่ม |
พ่มพุ่งดงไม้ไพรพนม |
ก็ข้ามเขามโนรมย์ชมเพลิน |
หินชะโงกโกรกตรอกงอกงุ้ม |
เป็นติ่งตุ่มตั้งแง่แลเขิน |
ดั่งคนแกล้งแต่งปั้นเป็นชั้นเนิน |
รีบด่วนเดินข้ามตัดลัดไพร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ ชมดง
๏ เห็นพิหคนกสลับจับพฤกษา |
เอนกนับคณนามิใคร่ได้ |
บ้างจับคูคู่เคียงเรียงพิไร |
เลียบไม้โผผินแล้วบินจร |
มะกลํ่าเกลือเหลือดีสีอร่าม |
บู้หรี่พระรามแลกระเช้าสีดาสลอน |
แม้นจ้ำจี้เจ้ามาในดงดอน |
จะวิงวอนให้พี่สอยมาร้อยพวง |
จึ่งจักไม้มาไขว่ชะลอมใส่ |
จะเก็บไปฝากน้องประคองหวง |
มือไขว่ห่างไขว่ถี่มีคนท้วง |
ไม่เคยไขว่ใจห่วงถึงนวลนาง |
เก็บมะกลํ่าตาหนูกับบู้หรี่ |
กระเช้าสีดาได้ไม่หมองหมาง |
อุตส่าห์เก็บเหน็บไว้ใส่หลังช้าง |
ฝากเอวบางขนิษฐาข้าคนเดียว |
เห็นสัตว์จัตุบาทประหลาดร้าย |
ทั้งเสือสีห์หมีควายฤทัยเสียว |
เร่งให้เคลื่อนพหลพลเกรียว |
ท่องเที่ยวแสวงหาคชาธาร ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงกลางพงดงใหญ่ |
เห็นหมู่คชขวักไขว่ในไพรสาณฑ์ |
สั่งให้ตังพลับพลาอย่านาน |
จะตักโพนคชสารในที่นี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
เสนาพร้อมกันขมันขมี |
เกณฑ์ไพร่ตัดไม้ในพงพี |
คลุกคลีชวนกันให้ทันการ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ ทั้งจิงโจ้เท้งเต้งเร่งรัด |
บ้างตัดไม้หลักปักกันสาร |
ทำที่ทับพลับพลาไม่ช้านาน |
ก็เสร็จการตั้งมั่นในทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ที่ชำนาญชาญป่ากล้าหาญ |
ก็ขี่สารต้อนโขลงโยงมามี่ |
เลือกคัดจัดไว้ให้พอดี |
คอยฟังธิบดีจะสั่งมา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ขุนชะเลชัยชาญชำนาญกล้า |
ยุรยาตรขึ้นประทับพลับพลา |
คอยดูคชากลางแปลง ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น |
เสนาฝ่ายสารชาญกำแหง |
ให้ขับพวกคชสารร้ายแรง |
แทรกแซงเข้าคล้องจ้องคันจาม ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น |
หมอสารชาญไชยมิได้ขาม |
ขับพลายรายแทรกเข้าแหวกตาม |
เลือกดูผู้งามก็คล้องพลัน |
ควาญค่อยถอยขยับกลับคช |
เชือกบาศปลดปล่อยทิ้งให้วิ่งหัน |
บ้างคอยรับจับหลักชักเชือกพัน |
พวกพลายกันแซงแก้เข้ารับงา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
โขลงเถื่อนคชสารพล่านนักหนา |
ชุลมุนวุ่นวายเป็นโกลา |
นางแปลกแทรกหน้าคอยระวัง |
ยัดเยียดเบียดร้องคนองวิ่ง |
ที่ลูกน้อยพลอยกลิ้งหกล้มปั๋ง |
ดิ้นตลุบแม่ทุบเสียงดังปัง |
ลูกขึ้นได้เซซังเข้ากินนม |
บ้างวิ่งแหวกแตกโขลงตะโพงร้อง |
ทำคนองอาละวาดเลืยงขรม |
ไล่แทงคนดูบ้างตรูล้ม |
ทั้งหญิงชายวิ่งกลมพันละวัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ อ้ายที่สัปดนคนกล้า |
เข้าล้อล่อหน้าทำแข็งขัน |
ว่าผัดๆ ช้างงาลัดไม่กลัวมัน |
ไล่ไม่ทันแทงเรามิเข้าเลย |
พลายกำลังคลั่งใจไล่ตะเพิด |
เลยตะเลิดมืดหน้าลงงาเสย |
เที่ยวรุกรานบ้านป่าเสียงวาเวย |
ว่าช้างๆ มาละเหวยระวังตัว |
เห็นคนตัดเต่าร้างอยู่กลางป่า |
ไล่ลงงาแทงผิดหวิด ฯ หัว |
พบกอไผ่เขียวเคี้ยวกินนัว |
ริมฝูงวัวกินหญ้าที่นาปรัง |
มีม้าแดงแฝงตนต้นกฐิน |
เข้าแอบกินสลัดใดไม่เหลียวหลัง |
เจ้าพลายตรงงาม้ามรณัง |
แล้วเลยคลั่งเข้าป่าพนาลี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ มาจะกล่าวบทไป |
คือเจ้าสังข์ศิลป์ไชยเรืองศรี |
ขณะนั้นยังเที่ยวหลงในพงพี |
จะไปหาฤๅษีพอพบพลาย |
ก็พลอยวิ่งเริดเตลิดไป |
เห็นพ้นไภยตรึกตรองเที่ยวมองหมาย |
อยากจะหาคู่ครองประคองกาย |
ค่อยเยื้องกรายหน้านวลกระบวนดี |
รูปทรงผิวผัดประภัสสร |
ทาขมิ้นเหลืองอ่อนละออศรี |
เยื้องย่างมาถึงห้างนางนารี |
ขายบู้หรี่บ้าหรั่นพรรณนา |
เห็นสองสตรีพี่น้อง |
นั่งชะม้ายขายของลอองหน้า |
ให้คิดรักทักถามตามราคา |
เจ้าแก้วตาขายบู้หรี่กี่ตัวเฟื้อง ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น |
นางสั้นหน้าแกะเนื้อเหลือง |
ว่าบู้หรี่นี้แปลกขายแขกเมือง |
ฉุนที่สุดจุดไม่เปลืองสองตัวไพ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
เจ้าสังข์ต่อสามตามวิไสย |
ถ้าดีแท้เป็นจำนำกันร่ำไป |
แต่บ้าหรั่นนั้นเท่าไรแม่หนูเล็ก ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
นางจันตะละแมะพึ่งรุ่นเด็ก |
ว่าบ้าหรั่นตราองุ่นฉุนกว่าเจ๊ก |
ขวดละเหรียญอย่างเล็กเมาขมำ |
เจ้าสังข์คนดื้อซื้อบ้าหรั่น |
ไขไม่ทันต่อยขวดเทดวดคว่ำ |
ดื่มอดหมดเมากลอกเกล้ารำ |
ร้องโจ๋งถํ้าโจ๋งถิ่งเหมือนลิงโลน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ กราวรำ
๏ บัดนั้น |
ฝูงเด็กทั้งหลายหมายว่าโขน |
พากันมาดูเขารำโทน |
บ้างก็เต้นโลดโผนเสียงเฮฮา |
ที่ลูกเล็กเด็กน้อยก็พลอยแต้ |
บ้างรบแม่อยากจะไปร้องไห้จ้า |
แม่ปลอบห้ามปรามตามตำรา |
เหมือนบทว่าเจ้าเนื้อละเอียดเอยฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เวลานี้ช้างเล่าเข้าพะเนียด |
บ้างแตกโขลงวิ่งเสียดลงงาเสย |
แม่มิให้เจ้าไปดูเขาเลย |
ช้างมันเคยตกน้ำมันเป็นบ้าใจ |
เจ้าบุญชูอยู่เรือนเป็นเพื่อนแม่ |
อย่าพลอยแต้ตามเขานั้นไม่ได้ |
คำมารดากล่อมบุตรนี้สุดใจ |
กำหนดไว้เพียงเท่านี้ที่มีมา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
บทร้อง
๏ โพนเพนเอย กะเด็นสายนาค น้ำท่วมฟาก กระจายดอกพริก อีแม่ระริก อีแม่ระรวย ตัดตองกล้วย มารองบายศรี รัศมีตี ฆ้องน่าวง อ้ายคงเป่าปี่ กระดี่ชะมด อ้ายคดตีแฉ่ง ค้างคาวปากแหว่ง อุ้มลูกมาดู สะดุดขี้หมู สะดุดขี้หมา หกล้มปากแตก สะดุดหญ้าแพรก แตกเสียทำเนา พี่เพรานกกระจอก ผักบุ้งหญ้างอก ทองหลางใบมน ชนก้นยายมอญ ปิดประตูใส่กลอน นอนเสียกลางวัน ไก่ขันเอ๊กเอ๊ก ฯ
๏ ตั้งไข่ล้ม มาต้มไข่กิน ไข่ตกดิน ใครอย่ากินไข่เน้อ ฯ
๏ ไกวแขนเสีย จะด่วนไป ลูกร้องไห้ ด่วนไปด่วนมา ฯ
๏ ตบมือแปะๆ ว่าจะได้กินปลา ไปถึงศาลา ก็จะให้กินนม ฯ
๏ แม่ใครมา น้ำตาใครไหล ได้เบี้ยสองไพ ติดก้นแม่มา ฯ
๏ จันทร์เจ้าเอย ขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า ขอช้างขอม้า ให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้ ให้น้องข้านั่ง ขอยายชัง เลี้ยงน้องข้าที ขอยายมี เลี้ยงน้องข้าเถิด ขอยายเกิด เลี้ยงตัวข้าเอง ฯ
๏ อายตุ๊กแกเอย ตัวมันลายพร้อยๆ งูเขียวตัวน้อย ห้อยหัวลงมา คนนอนไม่หลับ มากินตับเสียเถิดวาฯ
๏ เจ้าเนื้อนุ่มเอย อุ้มเจ้านักจะเคยมือ วางเจ้าลงเสียบ้างเถิดฤๅ บุญลือเจ้าคนเดียวเอย ฯ
๏ เจ้าเนื้อลมุนเอย เนื้อเจ้าอุ่นเหมือนสำลี แม่มิให้ผูใดต้อง เนื้อเจ้าจะหมองศรี ทองดีเจ้าคนเดียว เอย ฯ
๏ เจ้าทรามสวาดิเอย ใจแม่จะขาดลงรอนๆ ใจแม่จะขาดเด็ด ลงวันละเจ็ดท่อน ขวัญอ่อนเจ้าคนเดียว เอย ฯ
๏ เจ้าเนื้อเย็นเอย แม่มิให้เจ้าไป เล่นที่หาดทราย ครั้นว่าน้ำขึ้นมา มันจะพาเจ้าลอยหาย แสนเสียดายเจ้าคนเดียว เอย ฯ
รวม ๑๑ บท
บทขยาย
๏ เมื่อนั้น |
นวลนางจำจี้เสนหา |
ตั้งแต่สามีไปจับคชา |
กัลยาครรภ์แก่ได้แปดเดือน |
เจ็บปวดยวดยิ่งอุทรนัก |
นางนงลักษณ์ระทวยทอดจะคลอดเคลื่อน |
ครวญครางพลางพิไรใจเฟือน |
อารมณ์เหมือนจะวินาศขาดใจ |
พอฤกษ์ดีปัจจุไสมยจะใกล้แจ้ง |
กำเริบแรงกรรมชวาตก็หวาดไหว |
นางก็คลอดบุตรามาไว |
อรไทยครวญครางพลางโศกี ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น |
ขุนชะเลหวนจิตต์คิดหมองศรี |
แต่แรมป่าช้านานประมาณปี |
คิดถึงมเหษีที่อาไลย |
จึ่งสั่งให้เตรียมทัพกลับสถาน |
พร้อมอำมาตย์ราชการน้อยใหญ่ |
ได้สมหวังดังประสงค์จำนงค์ใจ |
ก็รีบเร่งพลไกรไปทันที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ข้ามทุ่งมุ่งตัดลัดป่า |
ได้สิบห้าวันไปในไพรสี |
ครั้นมาถึงท่าวารี |
ก็จรลีลงไปในนาวา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ นั่งบนเตียงเคียงมิตรพิศพักตร์ |
ประหลาดนักบุตรใครไฉนหนา |
เจ้าเนื้อเจ้าหนังช่างเจรจา |
เป็นชายโสภาน่าเอ็นดู |
เจ้าเอามาอุ้มไว้ทำไม |
ใครให้บอกพี่เห็นดีอยู่ |
จะเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญชู |
มานี่เถิดหนูอย่าโศกา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้แกล้งปดประชดว่า |
บุตรนี้ไม่มีบิดา |
ลอยมาตามจอกระลอกชล |
ตัวท่านแสนสุขสนุกใจ |
ชมไพรพฤกษีนารีผล |
ข้าอยู่เดียวเปลี่ยวเปล่าเฝ้าทุกข์ทน |
แต่ร่ำบ่นคอยหาก็กว่าปี |
นี่บุตรกำพร้าหน้าเหมือนใคร |
ดูให้แน่ชัดอย่าบัดสี |
ผู้ใดเป็นบิดาอย่าราคี |
คงจะมีแม้นหมายคล้ายกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ขุนชะเลนิ่งพิศคิดอั้น |
รูปร่างพักตร์คิ้วผิวพรรณ |
เหมือนเราทั้งนั้นก็ลูกกู |
อุหวาคิดว่าเป็นบุตรใคร |
นี่เจ้าออกเมื่อไรแม่เจ้าหนู |
เมื่อพี่ไปท้องไส้ไม่ทันรู้ |
คิดดูนึกได้ไม่สงกา |
พี่เที่ยวเผลอเพลินเกินไป |
อรไทยอย่าถือโทษา |
เนื้อนุ่มขออุ้มสักหน่อยรา |
ให้บิดาชื่นชมสมฤไทย |
เย้าหยอกหลอกล้ออ้อแอ้ |
ทำมือแต่ๆ อยู่ขวักไขว่ |
ยินดีปรีเปรมเกษมใจ |
มิได้กินแหนงแคลงวิญญา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ จึ่งเรียกเสนาเข้ามาสั่ง |
เราจะตั้งนามบุตรเสนหา |
จะทำขวัญลูกน้อยกลอยตา |
จงจัดหาบายศรีที่อย่างดี |
นางแม่ระริกแม่ระรวย |
สำหรับตัดตองกล้วยรองบายศรี |
ทั้งโหรพราหมณ์ตามอย่างต่างๆ มี |
จัดเครื่องพิธีให้พร้อมพลัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
เสนาอัญชุลีขมีขมัน |
รับบรรหารคลานถอยจรจรัล |
มากลางกำปั่นทันที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เรียกบ่าวชาวที่มีตำแหน่ง |
ให้เร่งรัดจัดแจงแต่งบายศรี |
เครื่องสมโภชทำขวัญอันมี |
พร้อมกันคลุกคลีได้ดังใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
เจ้าโพนเพนพราหมณ์เฒ่าผู้ใหญ่ |
เห็นฤกษ์ไม่ดีจะมีไภย |
นานไปจะขจัดพลัดกัน |
จึ่งมาประณมก้มเกศ |
ทูลเหตุห้ามฤกษ์ให้เลิกขวัญ |
บุตรท่านคนนี้กาลีครัน |
ทูลแล้วอภิวันท์หมอบกราน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จิงโจ้โกรธากล้าหาญ |
เหม่อ้ายอุบาทว์ชาติมาร |
มาทัดทานลางร้ายใส่ลูกกู |
กะทืบเท้าลุกโลดโดดเต้น |
ถีบถูกโพนเพนกระเด็นหวู |
กำลังขัดใจดังไฟวู |
โจมจู่ใส่จ้ำกระหน่ำไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ บัดนั้น |
โพนเพนพลาดตกหกไถล |
ลงน้ำดำรี่หนีไภย |
ก็ลอยไปตามสายนาคา |
น้ำขึ้นท่วมฟากหลากหลาย |
ดอกพริกลอยกระจายเป็นหนักหนา |
จิงโจ้หายโกรธก็โดดมา |
ให้เสนาทำขวัญในวันนี้ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น |
นางแม่ระริกช่างบายศรี |
กับนางแม่ระรวยช่วยคลุกคลี |
ไปตัดตองกล้วยตะนีมาบัดใจ |
เย็บจีบเป็นกลีบเจ็ดชั้น |
แล้วพันด้วยตองมารองใส่ |
บายศรีซ้ายขวาอันอำไพ |
เสร็จแล้วตั้งไว้ที่มณฑล ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
จิงโจ้ผู้เจนเป็นต้น |
กับนางจ้ำจี้นฤมล |
อุ้มบุตรเข้ามณฑลทันใด ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น |
โหราให้ลั่นฆ้องใหญ่ |
สังข์แตรแซ่เซ็งระเบ็งไป |
พิณพาทย์วงใหญ่ประโคมตี |
ตาหมื่นรัศมีฝีมือคล่อง |
เข้าตีฆ้องน่าวงอ้ายคงปี่ |
เป่าตะริดติดตอยละห้อยดี |
นิ้วกระดี่วนจังหวะเป็นชะมด |
อ้ายคดคนมือหยาบตีฉาบแฉ่ง |
เสียงผางแผ่งลือชาปรากฏ |
เห็นค้างคาวปากแหว่งน่าแข้งคด |
อุ้มบุตรเลี้ยวลดบินมาดู |
พาลูกเวียนวนเที่ยวซนเซอะ |
สะดุดเลอะกอหญ้ามูลหมาหมู |
ซ้ำสะดุดหญ้าแพรกแตกเลือดพรู |
ปากคอคู่เจ็บชํ้าก็ทำเนา ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ พี่เพราจับนกกระจอกมาหลอกเจ๊ก |
แกล้งเบียดเด็กเข้ามาดูทำขวัญเขา |
บ้างเด็ดผักบุ้งงอกซอกตะเภา |
แล้วเด็ดเอาทองหลางใบมนมา |
เห็นยายมอญดูเพลินเดินวน |
มันชนก้นแกเล่นเหมือนเช่นบ้า |
แกขัดใจไพล่เข้าห้องท้องเภตรา |
ปิดบานทวาราใส่กลอนนอน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ประหลาดใจไก่ขันกลางวันเวก |
เสียงเอ๊กๆ ให้ฤกษ์สโมสร |
ให้จุดเทียนเวียนโบกทุมาจร |
ประโคมร่อนเสียงโห่เป็นโกลา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เวียนเทียน
๏ ครั้นครบเจ็ดรอบระบอบเวียน |
ก็ดับเทียนเจิมพักตร์ด้วยคาถา |
อย่างเวทเพศพราหมณ์ตามมีมา |
อวยพรกุมาราขนานนาม |
ให้ชื่อขุนทองผ่องพักตร์ |
สมศักดิ์ทุกประเทศเขตต์ขาม |
จะสืบวงศ์คงข้อต่อความ |
เห็นงามพร้อมจิตต์ที่คิดการ |
ขุนชะเลเห็นนาระเกอ่อน |
จึ่งหยิบมายอกรอธิษฐาน |
แม้นบุตรเราจะได้ครองสนองนาน |
ได้ว่าการแทนเราเจ้าชะเล |
ขอให้มะพร้าวอ่อนนี้ |
ปลูกเป็นผลดกดีประหลาดเล่ห์ |
เมื่อเจ้าได้คู่ควรไม่รวนเร |
นาระเกต้นดกเป็นผลมี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ
๏ ครั้นสิ้นเสร็จคำอธิษฐาน |
สั่งให้พนักงานไปปลูกที่ |
อุ้มบุตรนำนุชจรลี |
เข้าที่ห้องในไสยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น |
จิงโจ้ปรีเปรมเกษมสา |
แสนภิรมย์ชมนุชบุตรา |
แล้วเรียกพี่เลี้ยงมารับไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
พี่เลี้ยงซ้ายขวาอัชฌาไสย |
ก้มเกล้าเข้าประคองโลมใจ |
คำนับรับไปให้นิทรา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ขุนทองขัดใจร้องไห้จ้า |
ยิ่งปลอบไม่ชอบในอุรา |
ร่ำไรโศกาดิ้นรน ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้ร้อนรุ่มทุกขุมขน |
เดือนหงายอยากจะใคร่จรดล |
ไปบนยิ่งท่าศาลามี |
จึ่งว่าดีฉันจะครรไล |
ขึ้นไปสักครู่จงอยู่นี่ |
ร้อนรุ่มกลุ้มนักดั่งอัคคี |
ว่าแล้วจรลีเดินไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ สีนวล
๏ เมื่อนั้น |
ขุนชะเลฟังบุตรไม่หยุดไห้ |
เห็นเมียเดินช้าระอาใจ |
เมื่อไรจะได้กลับมา |
จึ่งมีวาจาว่าไป |
ให้แกว่งแขนเสียขนิษฐา |
อย่าทำกระบวนด่วนไคลคลา |
บุตราร้องไห้ไม่ด่วนเดิน |
ทรามสงวนจงด่วนกลับมา |
สงสารลูกยาอย่าห่างเหิน |
นิ่งเสียเถิดหนอพ่อจำเริญ |
หยอกเอินหลอกล่อให้พอใจ |
ตบมือแปะๆ ได้กินปลา |
ฤๅจะไปศาลาอย่าร้องไห้ |
จะได้กินนมสมฤไทย |
สั่งให้พี่เลี้ยงเคียงประคอง ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
พี่เลี้ยงอุ้มรับจับต้อง |
นิ่งเสียเถิดหนาอย่าร้อง |
ประคองชันคอล้อไป |
ว่าตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน |
ไข่ใดตกดินต้องกินไข่ |
ชันคออ้อแอ้ทำแชไป |
ข้าวปลาหาไว้ส่งให้กิน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
ขุนทองชื่นชมสมถวิล |
เห็นปลาคว้าป้ายเข้าหลายชิ้น |
เลือกกินปลาเปล่าเจ้ามารยา ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น |
พี่เลี้ยงแกล้งรำทำท่า |
ช่างฉลาดเลือกกินแต่ชิ้นปลา |
ก็หัวเราะเยาะว่าหยอกเย้า |
ทำท่าแล้วว่าเฉิบๆ |
กินข้าวไม่เปิบกินปลาเปล่าๆ |
แม้นแม่เขามาจะว่าเอา |
จะทำตาขาวเล่าเจ้ามารยา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
นวลนางจ้ำจี้เสนหา |
ได้อัฐสองไพในศาลา |
ก็ขอดผ้าเหน็บชายกระเบนไว้ |
คิดถึงลูกยาเวลาดึก |
ทั้งนึกถึงผัวจะสงไส |
เจ้าจึ่งรีบกลับมาฉับไว |
ก็คลาไคลเดินมาไม่ช้าที ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงนาวามาในห้อง |
เสียงลูกร้องไม่หยุดสุดบัดสี |
หวนคิดเมตตาปราณี |
จรลีเดินเข้ามาหาลูกชาย ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น |
พี่เลี้ยงว่าสมอารมณ์หมาย |
เออแม่ใครมาอย่าวุ่นวาย |
น้ำตาใครไหลพรายจะหายพลัน |
พรุ่งนี้พี่จะซื้อขนมให้ |
ได้อัฐสองไพเป็นแม่นมั่น |
พี่ดูยามตามบทไม่ปดกัน |
อัฐสี่อันติดก้นมารดามา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น |
จ้ำจี้ตกจิตต์คิดกังขา |
ไฉนเจ้าจึ่งรู้ดูตำรา |
ฤๅใครว่าบอกเจ้าจึ่งเข้าใจ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น |
พี่เลี้ยงตอบว่าอย่าสงไส |
ยามข้าแม่นหมายข้างภายใน |
ว่าพลางร่ำไรเข้าประคอง |
ขวัญอ่อนอย่าอ้อนโศกเศร้า |
มาไปชมจันทร์เจ้าอย่ามัวหมอง |
อุ้มแอบแนบไว้พอวายร้อง |
ก็เยื้องย่องออกมาหน้าเก๋งกลาง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งนั่งชมเดือน |
ยิ้มเยื้อนหยอกยั่วอย่ามัวหมาง |
รัศมีสีจันทร์บนนภพางค์ |
แจ่มกระจ่างสุกส่องร้องขอไป ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ว่าจันทร์เจ้าขอข้าวขอแกง |
ขอแหวนทองแดงผูกมือให้ |
ขอคชาม้าขี่ที่พอใจ |
ขอเก้าอี้ตั้งไว้ให้น้องยา |
กับขอยายชังระวังเลี้ยง |
ขอยายเกิดมาเคียงขนิษฐา |
ขอยายมีพี่เลี้ยงอาตมา |
จบตำราพลางปลอบให้ชอบใจ |
แล้วว่าบุญเหลือเนื้อนุ่ม |
พี่อุ้มเจ้านักมักร้องไห้ |
เพราะเจ้าเคยมือก็ดื้อไป |
วางไว้เถิดฤๅบุญลือเดียว |
เวลานี้ก็ดึกเป็นนักหนา |
ไปนิทราเถิดหนอพ่อทรามเปลี่ยว |
ว่าพลางทางอุ้มพาเลี้ยว |
อย่าเที่ยวเลยน้องไปห้องนอน ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น |
ขุนทองร้องไห้ไม่หยุดหย่อน |
ดึกดื่นเที่ยงคืนเฝ้าวิงวอน |
พี่เลี้ยงหลอกหลอนจะให้กลัว |
ว่าตุ๊กแกตัวลายอยู่พร้อยๆ |
งูเขียวตัวน้อยก็ห้อยหัว |
คนนอนไม่หลับจงจับตัว |
ลงมาทางจั่วกินตับคน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ พัดชา
๏ ประคองใส่ในเปลเห่กล่อม |
คอยถนอมแกว่งไกวพิไรด้น |
เนื้อละมุนอุ่นเหมือนสำลีปน |
มิให้คนใดต้องจะหมองนวล |
อย่าหมองศรีทองของพี่เอ๋ย |
ทรามสวาดิไม่เคยละห้อยหวล |
ใจจะขาดรอน ๆ เฝ้าวอนครวญ |
จะเด็ดด้วนเจ็ดท่อนขวัญอ่อนเอย ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ลิ้นลา เจ้าทรามสงวนนวลน้อง |
สงวนเจ้าไว้ในห้องขุนทองเอ๋ย |
พี่มิให้คบเพื่อนจากเรือนเลย |
จะชื่นเชยอุ่นทรวงดั่งดวงใจ |
เนื้อเย็นอย่าไปเล่นที่หาดทราย |
น้ำจะพาเจ้าหายไปลอยไหล |
เสียงร่อนกลอนกล่อมถนอมไกว |
ขุนทองเจ้าหลับไปในอู่ทอง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ