ตอนที่ ๑๒ พระอรุณมาเมืองปราการบรรพต จับเสน่ห์เถรกระอำ

๏ นกขุนทองป้องปีกคำรบรับ บินขยับจับช่องพระแกลใหญ่
พอลับเนตรสาวสรรค์กำนัลใน ก็บินไปโดยลำพังกำลังแรง
ออกลอยลมชมดงอยู่ร่มรื่น ในภาคพื้นแดดอับพยับแสง
หมายเมืองพาราณสีไม่มีแคลง กำลังแรงร่อนไปในไพรวัน ฯ
๏ พระสุริยงลงลับเหลี่ยมสิงขร พระจันทรเทวบุตรก็ผุดผัน
ขึ้นลอยรถหมดเมฆวิเวกครัน สว่างวันหิมวาพนาลัย
สงัดเสียงสิงสัตว์กำดัดดึก ขุนทองนึกเอกาลงอาศัย
นอนสุมทุมพุ่มพงพนมไพร ครั้นรุ่งจรรีบไปในเมฆา
ครั้นแดดร้อนผ่อนพักหาอาหาร อิ่มสำราญบินรีบถีบถลา
ประมาณทางค้างคืนสองทิวา ถึงพาราณสีบูรีพลัน
ลงจับแกลแลเห็นอรุณน้อย กระโดดลอยลงที่ตักเกษมสันต์
สำรวลป้องปีกประนมบังคมคัล นกว่าฉันรำลึกถึงเป็นพ้นใจ ฯ
๏ เจ้าอรุณฟังพลอดแล้วกอดจูบ ประโลมลูบสาลิกาแล้วปราศรัย
เห็นสารสวมคอนกพระตกใจ หนังสืออะไรเจ้าสาลิกาทอง ฯ
๏ สาลิกาว่าสารของเจ้าแม่ ในกระแสเศร้าใจอาลัยหมอง
สั่งให้ลูกรีบมาหาพระน้อง แต่ความอื่นขุนทองไม่แจ้งการ ฯ
๏ ปางอรุณสุริยวงศ์ทรงสดับ พระหัตถ์จับคลี่กระดาษราชสาร
เป็นความขำล้ำรสในพจมาน ให้นิ่งอ่านนะพระน้องของสำคัญ
ในสารศรีว่าพี่นางไม่สร่างโศก แสนวิโยคเพียงชีวาจะอาสัญ
ด้วยพระองค์หลงรักนางอำพัน เธอมาดมั่นโมโหพาโลตี
นางอำพันฝ่ายน้อยพลอยสำทับ พี่อายกับหญิงชายชาวกรุงศรี
เพราะเถรเฒ่าเจ้าเล่ห์เสน่ห์ดี มันทำให้ภูมีนั้นคลั่งไป
พี่สืบดูรู้แจ้งไม่แคลงจิต ไม่มีใครจะคิดช่วยแก้ไข
อนุชาเร่งร้อนอย่านอนใจ ก็สิ้นในสารศรีที่มีมา ฯ
๏ พระอรุณรู้แจ้งแกล้งทำเฉย ตรัสภิเปรยกับด้วยเจ้าปักษา
สั่งขุนทองให้อยู่ห้องที่ไสยา จะไปเฝ้าพระบิดาในราตรี
ครั้นถึงจึ่งบังคมอยู่เคียงอาสน์ ถวายราชสารทองของโฉมศรี
พระพี่กับเชษฐาเป็นราคี ให้ลูกรีบจรลีไปพารา ฯ
๏ พรหมทัตฟังอรรถโอรสราช พระหวั่นหวาดวาบจิตคิดกังขา
แล้วคลี่สารอ่านแจ้งในกิจจา พระตรึกตราพลางตรัสกับโอรส
เจ้าพ่อเอ๋ยใครเลยในแหล่งหล้า ใครจะว่าตัวชั่วไม่มีหมด
พระโคบุตรสุริยวงศ์ผู้ทรงยศ ก็ปรากฏเลิศลบในภพไตร
นางมณีพี่เจ้าก็อภิเษก ให้เป็นเอกอัคเรศเธอรักใคร่
ถ้าแม้นดีจะไม่คิดก็ผิดไป เป็นจนใจที่จะแจ้งแห่งความจริง
ในเรื่องราวแต่บูราณว่าการหึง หน่อยตามตรึงตรอมใจฤทัยหญิง
จะยุ่งหยาบจาบจ้วงด้วยช่วงชิง จะดีจริงหรือจะมีราคีมา
จริงดังคำเขาว่าทำเสน่ห์แท้ ก็เห็นแน่จะชังนางเหมือนอย่างว่า
เจ้าเป็นน้องร่วมท้องทั้งสองรา พระผ่านฟ้าเธอจะหมางระคางแคลง
เจ้าจะไปพ่อนี้ให้ระแวงผิด ครั้นว่าคิดลึกนักจะมักแหนง
กำลังวุ่นถ้าหุนระแวงแคลง จะเกิดแหนงหน่ายรักกันหนักไป ฯ
๏ อรุณฟังบังคมพระบิตุเรศ ซึ่งโปรดเกศตรัสความตามวิสัย
แต่ลูกนี้จิตนึกคิดตรึกไป ถ้าเหมือนในสารศรีของพี่ยา
ถูกเสน่ห์เล่ห์ลมให้หลงรัก จะเสียศักดิ์เสื่อมเดชพระเชษฐา
ไปเห็นแน่จะได้แก้พระจักรา ให้มนตราคลายองค์พระทรงฤทธิ์
ทั้งพี่นางอยู่ระหว่างในเวรโทษ แม้นทราบโสตเที่ยงแท้แน่ว่าผิด
ทูลให้ล้างเสียให้ตายวายชีวิต จะปกปิดคลุมงำไว้ทำไม
ถึงพี่นางจะระคางพระทรงฤทธิ์ ก็รักสนิทเหมือนพี่น้องร่วมท้องไส้
เกิดยุ่งยิ่งกันอย่างนี้ถ้ามิไป ดูเหมือนใจไม่รักพระจักรา ฯ
๏ พรหมทัตฟังอรรถพระโอรส เห็นหมดจดสมความตามปรึกษา
คิดชอบชั้นเชิงดีอันปรีชา ตามปัญญาดวงจิตจงคิดความ
อรุณรับกราบลามาสู่อาสน์ ไม่ไสยาสน์ตรึกความจนยามสาม
ซึ่งบิตุรงค์ว่าพระองค์จะแคลงความ จะผ่อนตามมิให้มีราคีพาน
จะชวนสี่อสุรารักษาสระ ไปเฝ้าพระภูวนาถถึงราชฐาน
แม้นเธอหมางจะได้อ้างเป็นพยาน ดำริการเสร็จสรรพก็กลับพลัน
ครั้นรุ่งแสงแจ้งจบพิภพพื้น พระพลิกฟื้นปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ชำระองค์สรงสนานสำราญครัน กระแจะจันทน์รื่นรสสุคนธา
พระทรงเครื่องเรืองงามอร่ามฉาย ดูแพรวพรายจำรัสพระเวหา
พระกุมแก้วแล้วชวนสาลิกา ไปทูลลาบิตุเรศพระชนนี ฯ
๏ สองพระองค์ทรงสอนอวยพรสวัสดิ์ จงกำจัดโพยภัยในวิถี
พระรับพรอภิวันท์อัญชลี แล้วจรลีอุ้มสาลิกามา
เหาะทะยานผ่านรีบดั้นกลีบเมฆ ดูวิเวกมาในห้องพระเวหา
ลอยละลิ่วปลิวไปในเมฆา พระพายพาพัดส่งให้ตรงไป
รอนรอนอ่อนแสงนรังสี มาถึงที่ยักษาอยู่อาศัย
พระเหาะตรงลงริมคงคาลัย พระหน่อไทร้องเรียกอสุรี
สุรเสียงก้องกังวานสะท้านลั่น สี่กุมภัณฑ์อยู่ไหมในสระศรี
ฝ่ายว่าสี่อสุราในวารี เสียงใครนี่เรียกเราในสาคร
สี่กุมภัณฑ์หันคว้าตะบองเพชร ต่างระเห็จผุดขึ้นดูอยู่สลอน
เห็นพระอนุชาสถาพร สโมสรยินดีทั้งสี่คน
ขึ้นบนฝั่งนั่งใกล้ปราศรัยถาม พ่อโฉมงามมาไยในไพรสณฑ์
ทูลกระหม่อมจอมภพจบสากล เสด็จด้นแดนใดจึงไม่มา ฯ
๏ อรุณฟังแจ้งเรื่องแต่เบื้องก่อน เมื่อพระจรไปจากท้าวยักษา
ไปได้นางกลับมาสร้างพระพารา ภิเษกสองกัลยาเป็นคู่ครอง
อันนามเมืองของพระองค์ผู้ทรงยศ ชื่อปราการบรรพตไม่มีสอง
บัดนี้ข่าวว่าท้าวไม่ปรองดอง ใช้ขุนทองนั้นให้ถือหนังสือมา
เป็นความลับคับขันกระชั้นชิด เราตั้งจิตจะไปเฝ้าพระเชษฐา
รำลึกถึงสี่นายเราหมายมา หวังจะชวนอสุราไปด้วยกัน ฯ
๏ ทั้งสี่มารทูลตอบว่าขอบจิต ข้าก็คิดมุ่งหมายจะผายผัน
มานึกน้อยใจตัวเหมือนชั่วครัน พระทรงธรรม์กลับมาก็ช้านาน
ไม่รู้เลยจริงจริงเป็นความสัตย์ ด้วยสงัดอยู่ในกระแสสาร
จะไปเฝ้าเจ้าฟ้าเมืองปราการ แล้วขุนมารเก็บของในคงคา
เที่ยวเลือกหักฝักบัวเท่ากงเกวียน กระจับสดเท่าเศียรมหิงสา
ทั้งสี่ตนเก็บคนละแบกมา อรุณพาชวนเหาะขึ้นเมฆี
หมายปราการบรรพตกำหนดเนตร ข้ามประเทศป่าไม้คิรีศรี
อสุราอรุณสกุณี จรลีลอยฟ้ามาไรไร
ครั้นอัสดงลงลับพระเวหน นภาดลมัวหมองไม่ผ่องใส
ลมก็พัดริ้วริ้วตามทิวไม้ ก็แกว่งไกวกระโชกลั่นอยู่ครั่นครื้น
วิเวกแว่วแจ้วเสียงชะนีน้อย โหยละห้อยร่ายไม้ไห้สะอื้น
เสือคะนองมองเนื้อขยับยืน นภาพื้นสว่างแสงพระจันทร
อรุณน้อยลอยแลดูเดือนหงาย ดารารายรอบแขแลสลอน
ดูวาวแววสีสว่างกลางดงดอน จับสิงขรแสงขาวดูวาววง
จะใกล้รุ่งฟุ้งกลิ่นบุปผาเผย หอมระเหยอบไปในไพรระหง
กระเหว่าร้องก้องเสียงในพุ่มพง ทั้งไก่ดงขันดังก้องกังวาน
พระสุริย์ศรีส่องสว่างกระจ่างหมด ถึงปราการบรรพตเกษมศานต์
อรุณเหาะนำหน้าพญามาร ลงพระลานหน้าท้องพระโรงไชย
สาลิกาลาพ่อเจ้าเข้าวังหลวง ทุกกระทรวงเสนามาไสว
แลเห็นสี่กุมภัณฑ์หวั่นฤทัย แต่อุ่นใจด้วยพระอนุชา
บ้างดูฝักบุษบงเท่ากงเกวียน กระจับโตเท่าเศียรมหิงสา
ทั้งเวียงวังสังเสริญพระเดชา จนเวลาแสงสายขึ้นพรายพรรณ
พระโคบุตรสุริยวงศ์ก็ทรงเครื่อง อร่ามเรืองพร้อมเหล่าพวกสาวสรรค์
ยุรยาตรจากปราสาทนางอำพัน จรจรัลออกพระโรงพรรณราย
พร้อมตำแหน่งเสนาพฤฒามาตย์ เดียรดาษดุษฎีพระโฉมฉาย
อสุรากับอรุณก็น้อมกาย ต่างถวายอภิวันท์เป็นหลั่นมา ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยวงศ์ทรงสวัสดิ์ โองการตรัสเรียกอรุณเสน่หา
ที่พระน้องมิได้ต้องพระมนตรา พระเรียกหานั่งแท่นอันเดียวกัน
ราพณ์รายต่างถวายกระจับสด ทั้งฝักสัตบงกชอันเฉิดฉัน
พระเบือนพักตร์ปราศรัยสี่กุมภัณฑ์ เราจากกันจะประมาณก็นานมา
อันเวียงไชยไกลกันถึงกลางเถื่อน มาเยี่ยมเยือนขอบใจแลัวยักษา
ทั้งสี่นายยังสบายในกายา หรือโรคาแผ้วพานประการใด ฯ
๏ อสุรินทร์ยินดีแล้วก้มกราบ ศิโรราบกราบทูลสนองไข
ในแดนดงพงพีไม่มีภัย สำราญใจอยู่ในที่นทีธาร
รำลึกถึงบาทบงสุ์ผู้ทรงเดช ไม่แจ้งเหตุว่าเสด็จมาราชฐาน
พระอนุชาไปบอกจึ่งแจ้งการ แสนสำราญรีบมาชมบังคมคัล ฯ
๏ พระตรัสตอบขอบใจในขุนยักษ์ แล้วผันพักตร์สั่งเหล่านางสาวสรรค์
ให้แต่งเครื่องพร้อมเพรียงเลี้ยงกุมภัณฑ์ แล้วทรงธรรม์ชวนเชิญพระอนุชา
เข้าสู่วังพรั่งพร้อมสนมนาฏ ขึ้นปราสาทนางอำพันด้วยหรรษา
นางโฉมยงเห็นองค์อรุณมา ตกประหม่าแข็งขึงตะลึงไป
ด้วยตัวร้ายหมายว่าอรุณรู้ จะจับกุมท่านครูเป็นไฉน
ซังตายทักถามว่ามาเมื่อไร พระหน่อไทอภิวันท์จำนรรจา
น้องนึกถึงซึ่งองค์พระพี่เจ้า จึ่งมาเฝ้าทรงเดชพระเชษฐา
พระโคบุตรชื่นชมภิรมยา เข้าแนบองค์อนุชาแล้วเล่าความ
นางมณีพี่ถนอมให้เป็นใหญ่ ไม่รู้ไว้ตัวเลยทำหยาบหยาม
วันหนึ่งพี่มาหาพะงางาม มาติดตามหวงหึงให้อึงอาย
จนพี่ว่าแล้วยังไม่ฟังห้าม จะขืนตามเข้าไปตีนางโฉมฉาย
แล้วว่าพี่นี้ดูใช่ผู้ชาย มางมงายลุ่มหลงงวยงงไป
ถูกเสน่ห์เล่ห์ลมลำเลิกแซ่ ครั้นสอบซักจะเอาแน่ก็ไม่ได้
มิทำบ้างก็จะตั้งแต่กวนใจ พี่จับได้ไม้เรียวรี่ไล่ตีรัน
เขาโกรธามิได้มาให้เห็นพักตร์ พระน้องรักเจ้าไม่รู้จะโศกศัลย์
ด้วยขอบเขตกรุงไกรอยู่ไกลกัน จึงไม่ทันจะไปทูลพระบิดา ฯ
๏ อรุณฟังบังคมบรมนาถ ถึงชีวาตม์ก็ถวายพระเชษฐา
อย่าว่าแต่เพียงตีพระพี่ยา แม้นผิดแล้วถึงจะฆ่าควรบรรลัย
น้องจะลาไปหาพระพี่นาง จะระคางเคืองเข็ญเป็นไฉน
ทูลพลางทางลุกขึ้นคลาไคล เสด็จไปปรางค์ทองของพี่ยา
ตรงขึ้นอัฒจันทร์สุวรรณมาศ กำนัลนาฏแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า
นางโฉมยงทรงเห็นอนุชา ก็โศกากอดน้องประคองกาย
สะอึกสะอื้นฝืนคิดถึงความหลัง ให้แค้นคั่งข้อนทรวงนางโฉมฉาย
พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย บรรยายเล่าความกับอนุชา
พี่รอใจไว้ท่าพระน้องแก้ว เป็นบุญแล้วที่เจ้ารีบมาเห็นหน้า
พี่ต้องโพยโบยรันเช่นริ้วปลา ทั้งกายาย่อยยับระยำไป
อันความเจ็บนั้นก็เบาบรรเทาหาย แต่ความอายปิ้มว่าเลือดตาไหล
เรื่องสาราที่ให้สาลิกาไป พี่จนใจเหมือนอย่างกระจกเงา
นางอำพันนั้นใช้อีทาสา รีบไปหาหมอเณรเป็นเถรเฒ่า
ทำพระองค์หลงรักจนมัวเมา จะให้เจ้าไปจับอ้ายคนดี ฯ
๏ พระอนุชาสุริยวงศ์ทรงสดับ เคารพรับทูลสนองนางโฉมศรี
แม้นจริงเหมือนวาจาดังพาที เป็นไรมีที่จะจับไม่ยากใจ ฯ
๏ นางมณีฟังน้องสนองสาร พี่แจ้งการมั่นคงไม่สงสัย
มันแต่งของส่งกันทุกวันไป จะต้องให้คนดูรู้สำคัญ
แล้วนางสั่งคนสนิทชิดใช้สอย ลอบไปคอยดูคนกระเดียดขัน
ถ้าจับได้เราจะให้รางวัลครัน นางกำนัลชื่นชมบังคมลา
ถึงเฉลียงเมียงชม้อยคอยชะแง้ สองตาแลคอยข้างนางทาสา
จะกล่าวฝ่ายนางอำพันกัลยา พระอนุชาลาลุกไปจากปรางค์
ด้วยตัวนั้นเหมือนวัวสันหลังขาด ให้ขยาดกลัวกานึกอางขนาง
พยักเรียกสาวใช้ร่วมใจนาง เข้าในปรางค์บอกความตามกิจจา
วันนี้น้องฝ่ายขวาเจ้ามาเฝ้า พระผ่านเกล้าเธอยังรักอยู่หนักหนา
ไปบอกเถรทำให้ต้องพระน้องยา ไปพูดจากันเถิดเจ้าเล่าให้ฟัง ฯ
๏ นางทาสีอัญชลีทูลเฉลย อย่ากลัวเลยครูเฒ่าท่านทำขลัง
แล้วเข้าห้องจัดของละล้าละลัง กระจกตั้งขี้ผึ้งติดตะบิดตะบอย
จนขนเม่นเน้นหนังเข้าดังนับ เลือดซิบซับก็ไม่ว่าอุตส่าห์สอย
จนปีกแปล้แลเปิดดูเลิศลอย นุ่งหิ่งห้อยห่มต่วนสีนวลเพลาะ
ยุรยาตรนาดกรดูอ้อนแอ้น ส่ายซัดแขนกระเดียดขันขยันเหมาะ
นางกำนัลแลพบประสบเคราะห์ วิ่งหัวเราะมาทูลนางแจ่มจันทร์
บัดนี้อีสาวใช้มันไปวัด มันเดินดัดจริตกระเดียดขัน
เจ้าอรุณทรงพระสรวลชวนกำนัล อภิวันท์พี่นางจากปรางค์ทอง
แลเห็นกายฝ่ายนางสาวใช้ชี้ อีห่มสีนวลนั้นถือขันของ
เจ้าอรุณจำได้ดังใจปอง ตรงไปท้องพระโรงเรียกขุนมารมา
เดินพลางทางเล่าเนื้อความลับ ช่วยกันจับคนกระทำพระเชษฐา
ท่านจงแปลงเป็นแมงวัน[๑]ให้เร็วรา สะกดตามอีทาสาคนนั้นไป
ฟังมันพูดกิตติศัพท์กับเถรเฒ่า อันตัวเราจะไปก็ไม่ได้
พนาสูรฟังสารสำราญใจ ฤทธิไกรกลับแปลงเป็นแมงวัน
บินวู่จู่ไปจับที่ปลายผม อีทาสาเดินงมกระเดียดขัน
เจ้าอรุณโฉมงามสามกุมภัณฑ์ ก็พากันตามแลไปแต่ไกล
นางทาสีถึงกุฎีบันไดเถร พอจวนเพลลงนั่งพับเพียบไหว้
เถรพยักทักถามเนื้อความไป วันนี้ไซร้ห่มสีนวลมากวนกัน
ตัวรูปนี้เหมือนมดอดน้ำอ้อย ต่อดึกหน่อยนอนเพ้อละเมอฝัน
แต่นอนตรึกเพลงยาวมาเก้าวัน ยังไม่ทันจะจบเล่าพอเจ้ามา
นางสาวใช้ทำงอนอ่อนชม้าย แก่จะตายแล้วไม่หย่อนยังข้อนว่า
ไม่คิดถึงอนิจจังสังขารา ยังจะว่าเรื่องราวเพลงยาวเพราะ ฯ
๏ เถรกระอำตอบว่าสีกาแม่ ถึงตัวแก่ใจยังกำลังเหมาะ
นึกนึกว่าจะสึกออกซัดเพลาะ กลัวจะเดาะตามติดเสียอีกนาง
นางสาวใช้ยิ้มละไมอยู่ในหน้า เถรชราเอาใจมิให้หมาง
พี่เมตตาว่าหยอกเล่นดอกนาง นี่ขัดขวางอยู่ในวังหรืออย่างไร ฯ
๏ นางทาสีอัญชลีแล้วเล่าเรื่อง แม่ขวัญเมืองให้มาแจ้งแถลงไข
พระอนุชามาเฝ้าองค์ท้าวไท พระทรงศักดิ์รักใคร่ยังไม่คลาย
เขาร่วมห้องน้องพี่เป็นที่รัก จะทูลองค์ทรงศักดิ์ให้เสื่อมหาย
จงโปรดด้วยช่วยเพิ่มเติมน้องชาย พอให้คลายเบาใจพระทัยนาง ฯ
๏ เถรหัวเราะว่าออเจ้าเท่านั้นหรือ มิได้ครือเคืองข้องทำหมองหมาง
เวลาค่ำจึ่งจะทำไม่อำพราง จะให้ล้างเสียให้ได้เป็นไรมี
ตัวเจ้ากับกัลยาเป็นผาสุก นายสนุกบ่าวคะนองทั้งสองศรี
ให้เถรแก่แดดิ้นอยู่กุฎี อเวจีไม่ต้องผลักเพราะรักกัน ฯ
๏ แมงวันยักษ์ฟังประจักษ์ก็แจ้งเรื่อง ให้แค้นเคืองเฉียวฉุนคิดหุนหัน
ปากกระเดาะเหาะโลดกระโดดพลัน เรียกกุมภัณฑ์พ่ออรุณจงหนุนมา
ฤทธิแรงแปลงรูปเป็นยักษ์ร้าย ข้างมือซ้ายจับจิกอีทาสา
ขวากระหวัดรัดเถรด้วยฤทธา อสุราอรุณหนุนถึงพลัน
เสียงสนั่นครั่นครื้นพื้นฤทธิ์ยักษ์ กุฎีหักโครมครืนเถรยืนหัน
เสียงอ่างโอ่งโฉ่งฉ่างโผงผางลั่น เถรขยันภาวนามหามนต์
เป็นนาคินทร์ปลิ้นปลูดกระลูดเลื้อย ดูยาวเฟื้อยขู่ฟ้อดังเสียงฝน
สองตาแดงดังแสงพระสุริยน กายพิกลโตดำเท่าลำตาล
ราพณ์ร้ายรูปกลายเป็นครุฑราช เผ่นผงาดฤทธิแรงกำแหงหาญ
เข้าจิกจับสัประยุทธ์ฉุดทะยาน ครุฑประหารนาคม้วยด้วยฤทธา
เถรก็หายกลายรูปเป็นหนูหริ่ง กระโดดวิ่งเข้าโพรงไม้ในพฤกษา
ครุฑก็หายกลายเห็นเป็นวิฬาร์ เข้าไล่คว้าจับหนูอยู่ในโพรง
ขบขยาบ[๒]จับพลาดฟาดสะบัด ตาเถรพลัดไปเป็นลิงวิ่งโขยง
แหกตาหลอกกลอกคางทำหางโก่ง แล่นโขย่งโลดกายขึ้นปลายยาง
ยักษ์เป็นงูเลื้อยไล่ตลอดยอด กระหวัดกอดลิงคะมำลงต้ำผาง
เสียงศอกอุบทุบอึกร้องโอยคราง ลิงก็หายกลายร่างเป็นเถรชรา
ยักษ์กระหวัดรัดแขนเป็นครุฑอัด เอาเชือกรัดโยงติดกับทาสา
แต่หัวผีที่กุฎีดาษดา กับตำราคุณไสยน้ำมันพราย
อรุณน้อยสั่งให้ร้อยเอาหัวผี ผูกคอเถรกับทาสีมาถวาย
ทั้งตำราผ้าห่อผูกคอตะพาย ให้นำไปขุดรูปปั้นที่ฝังมา
เถรกระอำเดินตามนางทาสี สาวใช้แบกคัมภีร์เดินไปหน้า
เอาเชือกผูกคอล่ามตามกันมา จนถึงหน้าพระโรงรัตน์ชัชวาล
พวกข้าเฝ้าเหล่าเสนามาพร้อมพรั่ง บ้างก็ชังบ้างก็คิดจิตสงสาร
องค์อรุณอสุราพญามาร ข้าราชการแวดล้อมอยู่พร้อมมูล ฯ
๏ ปางพระองค์ทรงโลกเฉลิมภพ ขจรจบปัถพินบดินทร์สูร
สถิตเหนือแท่นสุวรรณอันจำรูญ ก็ไพบูลย์ด้วยสุรางค์นางเรียงราย
เสด็จทรงสรงสนานสำราญจิต ทรงภูษิตเครื่องต้นวิมลฉาย
ร่มแสงสุริยาเวลาบ่าย พระผันผายเสด็จยังพระโรงทอง
ประโคมวังดังวิเวกปี่ไฉน กำนัลในเชิญเครื่องเนื่องสนอง
พระประทับยับยั้งบัลลังก์ทอง ดูทำนองผุดผาดสะอาดงาม
อสุราอรุณเข้าเคียงอาสน์ อภิวาทจอมภพเคารพสาม
พร้อมด้วยหมู่เสนาพฤฒาพราหมณ์ สง่างามหมอบเรียงเคียงกันไป
เจ้าอรุณทูลเหตุพระเชษฐา เถรชราทำเสน่ห์น้องจับได้
พามาเฝ้าพระองค์ผู้ทรงชัย ทั้งขุดได้รูปปั้นสำคัญมา ฯ
๏ พระโคบุตรสุริยวงศ์ก็สงสัย มันอยู่ไหนเล่าพระน้องเสน่หา
เจ้าอรุณสั่งยักษ์ให้พามา อีทาสาเมียงหมอบหอบคัมภีร์
ทั้งรูปรอยเถรถือมาตามหลัง ดูรุงรังพันพัวล้วนหัวผี
พระเห็นเถรกับทาสนางเทวี ไม่สมประดีอ้นอั้นตันพระทัย
พระตรัสถามตำแหน่งด้วยแคลงจิต มึงคบคิดกันทำจริงหรือไฉน
เถรชราฟังถามให้คร้ามใจ ก็ทูลไปทุกสิ่งตามจริงมา
ขอพระองค์ทรงยศทศทิศ ข้าทำผิดโทษควรถึงซึ่งสังขาร์
ด้วยโฉมยงองค์อำพันกัลยา ใช้ทาสานารีคนนี้ไป
ว่าพระองค์รักนางฝ่ายข้างขวา ไปบนข้าทำพระองค์ให้หลงใหล
ด้วยอยากได้ลาภพาลสันดานใจ มิโปรดไว้ชีวาฆ่าก็ตาย ฯ

[๑] แมงวัน = แมลงวัน

[๒] น่าจะเป็น “ขยับ”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ