ตอนที่ ๒ ราชปุโรหิตชิงบัลลังก์เมืองพาราณสี นางมณีสาครและพระอรุณไปพบยักษ์ ๔ ตน

๏ จะกล่าวถึงขัตติยวงศ์พงศ์กระษัตริย์ พรหมทัตธิบดินทร์ปิ่นสนม
ครองพาราณสีบูรีรมย์ มีเมืองขึ้นมาบังคมไม่ขาดปี
มีเอกองค์ทรงนามประทุมทัศ เสวยราชสมบัติเกษมศรี
มีพระราชธิดาล้ำนารี ชื่อมณีสาครฉะอ้อนองค์
มีพระราชกุมารเสน่หา อนุชาน้องถัดนวลหง
ชื่ออรุณกุมารชาญณรงค์ ทั้งสององค์ลูกเจ้ายังเยาว์ครัน
พระพี่ยาชันษาได้สิบทัศ กุมารถัดเจ็ดขวบเกษมสันต์
บิตุรงค์ทรงรักดังชีวัน สารพันมิได้ขัดเคืองระคาย
ครั้นอยู่มาตาพราหมณ์ประโรหิต ครองโลภจิตนึกเจตนาหมาย
เฒ่าชรามีบุตรบุรุษชาย เมียนั้นตายจากอกไปหลายปี
คิดการศึกนึกจะเป็นกระษัตริย์ ผ่านสมบัติบ้านเมืองให้เรืองศรี
ทั้งลูกจะครองนุชพระบุตรี ได้แทนที่พรหมทัตกระษัตรา
จึงมั่วสุมซุ่มคนไว้คับคั่ง ได้พร้อมพรั่งหลายพันก็หรรษา
ธนูง้าวหลาวโล่แลปืนยา เครื่องศาสตราครบถ้วนแลทวนแทง
ถึงวันดีเตรียมทัพเวลาดึก อึกทึกฮึกหาญชาญกำแหง
เอาปืนใหญ่ยิงประดังพังกำแพง จุดคบแดงให้ประดังเข้าวังใน
จับกระษัตริย์ตัดเศียรสิ้นชีวิต ทวารปิดมิให้คนลอบหนีได้
จับพวกเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน มาคุมไว้กลางชาลาหน้าพระลาน
แสนสังเวชนางในใจจะขาด ร้องกรีดกราดแซ่เสียงสำเนียงขาน
ผ้านุ่งห่มลุ่ยหลุดกระเซอซาน บ้างคลำคลานออกมาทุกหน้านาง ฯ
๏ สงสารองค์อัคเรศเกศกระษัตริย์ สองพระหัตถ์ข้อนทรวงเข้าผางผาง
เขาไล่จับสับสนอยู่บนปรางค์ นุชนางอุ้มสองกุมารา
แล้ววิ่งวงลงจากปราสาททิพ ค่อยกระซิบสั่งสองโอรสา
อย่าร้องดังฟังแม่นะแก้วตา แล้วก็พาลูกเลี้ยวเที่ยวเวียนวง
ชำเลืองดูที่ทวารบานก็ปิด ดังชีวิตนางจะม้วยเป็นผุยผง
เห็นไม้พุ่มอุ้มลูกเข้าแอบองค์ กระซิบทรงเศร้ากำสรดระทดใจ
สายสมรสอนสั่งพระลูกแก้ว พอรุ่งแล้วถ้าเขาจับแม่ไปได้
ทั้งพี่น้องสองราอย่าอาลัย พากันไปเถิดนะลูกอย่าอยู่เลย
ตามกุศลผลบุญของลูกแก้ว แม่นี้ไม่อยู่แล้วหนาลูกเอ๋ย
พากันไปอย่าอาลัยถึงแม่เลย แล้วทรามเชยกอดลูกเข้าโศกี
สามพระองค์ทรงโศกกันแสงไห้ จนอุทัยจวนรุ่งจำรัสศรี
นางชาววังวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี[๑] พระชนนีกอดลูกเข้าร่ำไร
เอาทรายฝุ่นมุนมอมพระลูกรัก ให้ผิวพักตร์มัวหมองไม่ผ่องใส
รุ่งแล้วสองแก้วตาจงคลาไคล เขาจับได้ก็จะม้วยด้วยชนนี
แล้วผันแปรมิได้แลดูลูกรัก นางตั้งพักตร์วิ่งวางขึ้นปรางค์ศรี
เข้าสวมสอดกอดศพพระสามี นางเทวีกลั้นใจบรรลัยลาญ
น่าสงสารสองกุมารมาลับแม่ สุดชะแง้แล้วโศกาน่าสงสาร
กลั้นสะอื้นขืนใจอาลัยลาน สองกุมารเดินเรียงมาเคียงกัน
นางมณีสาครจูงกรน้อง สงสารสองบุตรีไม่มีขวัญ
เห็นผู้คนปนปลอมไปพร้อมกัน ใครไม่ทันแจ้งจิตว่าธิดา
พ้นทวารบ้านเมืองชำเลืองเหลียว ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเศร้าสร้อยละห้อยหา
เจ้ารีบรัดตัดเนินดำเนินมา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด
กันแสงพลางเหลียวพลางดูปรางค์รัตน์ หน่อกระษัตริย์สองราน้ำตาไหล
ทุกเทวาช่วยรักษาทั้งสองไป ดลพระทัยให้เข้าป่าพนาวัน ฯ
๏ ประโรหิตสมคิดขึ้นปรางค์มาศ สิงหนาทตั้งปึ่งทำขึงขัน
ท้าวพระยาหาตัวมาพร้อมกัน ใครแข็งขันสั่งซ้ำให้จำจอง
ที่ยินยอมพร้อมใจให้สมบัติ เอาความสัตย์อย่าให้หมายเป็นฝ่ายสอง
แล้วแต่งตั้งที่ขุนนางตามทำนอง ทั้งพวกพ้องพร้อมจิตก็คิดการ
ให้ค้นหาธิดากรุงกระษัตริย์ จบจังหวัดพระนิเวศน์เขตสถาน
มิได้พบพี่น้องสองกุมาร ตาพราหมณ์พาลจับยามตามตำรา
ก็รู้ว่าไม่อยู่ในนิเวศน์ สุดสังเกตที่จะเสาะแสวงหา
ก็นิ่งไว้ในใจไม่เจรจา สั่งให้หาช่างสุวรรณมาทันใด
ทำโกศทองรองศพสองกระษัตริย์ ประจงจัดไว้ปรางค์ทองอันผ่องใส
เที่ยวเลือกชมนางสนมกำนัลใน สำราญใจพ่อลูกทุกคืนวัน ฯ
๏ แสนสงสารพระกุมารสองสมร ลับนครเข้าป่าพนาสัณฑ์
กันแสงส่งสุรเสียงมาเคียงกัน ได้สามวันเดินไพรไปไกลวัง
อดเสวยเนยนมยิ่งตรมอก แสนวิตกคิดคะนึงถึงความหลัง
สงสารสองทรงศักดิ์ในนัครัง บรรลัยแล้วหรือยังไม่รู้เลย
เมื่อครั้งบุญทูลกระหม่อมยังครองภพ เธอเวียนรบ[๒]ตักเตือนให้สรงเสวย
ยามวิบากจากสบายไม่วายเลย ที่การเคยผาสุกมาทุกข์ทน
เพราะสิ้นบุญทูลกระหม่อมจึงตรอมจิต เอาชีวิตออกไว้อยู่ไพรสณฑ์
เอาเสือสางกวางเถื่อนเป็นเพื่อนตน ทั้งผู้คนเงียบสงัดล้วนสัตว์พาล
พระพี่น้องสององค์ทรงกันแสง จนสุดแรงที่จะไปในไพรสาณฑ์
สิ้นกำลังล้มลงในดงดาล สองกุมารนิ่งซบสลบลง ฯ
๏ เทพไททุกวิมานบันดาลเงียบ เย็นยะเยียบทุกหย่อมหญ้าป่าระหง
ทุกก้านกอช่อไม้ในไพรพง สงสารองค์อรุณราชเพียงขาดใจ
ลมรำพายชายพัดมารื่นรื่น ทั้งสองฟื้นสมประดีขึ้นโหยไห้
พระพี่ชวนอนุชาลีลาไป โศกาลัยเลียบเดินเนินคีรินทร์
บรรลุถึงสระหนึ่งน้ำสะอาด เดียรดาษด้วยอุบลชลสินธุ์
ทั้งฝักดอกจอกกระจับในวาริน ระรื่นกลิ่นเกสรขจรจาย
ทั้งสององค์ลงนั่งกำลังหอบ พระกรกอบดื่มกินกระสินธุ์สาย
แล้วชวนน้องลงในสระชำระกาย เที่ยวแหวกว่ายเลือกหักฝักอุบล
พี่แหวกจอกปอกเสวยกระจับสด น้องว่ารสโอชาผลาผล
จะกล่าวถึงยักษ์ร้ายในสายชล ทั้งสี่ตนฤทธิไกรดังไฟกาฬ
พระเวสสุวัณสาปสรรให้เฝ้าสระ ด้วยโมหะฤทธิ์แรงกำแหงหาญ
ได้ยินเสียงพี่น้องสองกุมาร ลงลอยเล่นชลธารสะเทื้อนไป
แสนพิโรธโดดทะลึ่งเสียงอึงอัด ไล่สกัดเรียกกันอยู่หวั่นไหว
แสนสงสารสุดสวาทเพียงขาดใจ เห็นยักษ์ไล่ติดพันกระชั้นมา
สองพี่น้องร้องหวีดกราดกรีดเสียง ชีวิตเพียงจะพินาศด้วยยักษา
เจ้าแหวกว่ายเวียนวงในคงคา อสุรากั้นกางไว้กลางชล ฯ

[๑] สิงคลี แปลว่า วุ่นวาย, พัลวัน

[๒] เวียนรบ แปลว่า บอกซ้ำหลายครั้ง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ