ตอนที่ ๑๔ ขับนางอำพันมาลาออกจากเมือง

๏ พระโคบุตรสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ ได้ฟังอรรถเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
ด้วยลูกน้อยกลอยใจอยู่ในครรภ์ จะหุนหันเข่นฆ่าคงราคี
ประโลมลูบจูบน้องเสน่หา พ่อปรีชาว่าชอบนะโฉมศรี
แต่ใจหญิงแพศยาเป็นกาลี ไม่ควรที่จะเลี้ยงไว้เวียงไชย
จะลือชาว่าพี่นี้โฉดเขลา ช่างมัวเมารักเมียไม่เสียได้
ขอชีวาอย่าวิตกจะยกไว้ แต่ขับไล่เสียให้พ้นพระพารา ฯ
๏ ขุนทองฟังเห็นประทังประทานโทษ เต้นกระโดดขึ้นบนพระเพลาขวา
พลอยฉะอ้อนวอนทูลพระบิดา ลูกสมเพชเวทนาไม่รู้วาย
ถึงไม่เลี้ยงเคียงพักตร์เหมือนหนหลัง ให้อยู่วังตามประสานางโฉมฉาย
จะขับไปเดินดงก็คงตาย ประทานโทษโฉมฉายไว้เวียงไชย ฯ
๏ พระฟังคำทำเคืองมิให้ขอ เฝ้าสอพลอไปทุกสิ่งไม่นิ่งได้
ใครว่าไรว่าบ้างเป็นอย่างไร ยักออกไปเสียเจ้าไม่เข้าการ ฯ
๏ อรุณฟังเห็นยังไม่หยุดได้ ดูพระทัยสิ้นรักสมัครสมาน
จะทูลนักจักเคืองเรื่องรำคาญ เจ้ากราบกรานทูลลาออกมาพลัน ฯ
๏ สาลิกามาตามอรุณน้อย ให้เศร้าสร้อยสงสารแล้วโศกศัลย์
ครั้นถึงห้องท้องพระโรงเรืองสุวรรณ โฉมอำพันแลมาโศกาลัย
เข้าสวมสอดกอดน้องประคองนก น้ำตาตกไต่ถามตามสงสัย
พ่อขอโทษโปรดบ้างหรืออย่างไร พี่รอใจคอยฟังทั้งสองรา ฯ
๏ สาลิกากับอรุณกันแสงไห้ ฉันขอได้แต่ชีวังไม่สังขาร์
ให้ขับไปไกลนอกพระพารา สุดปัญญาที่จะทูลให้เคลื่อนคลาย
ถ้าไปได้จะไปส่งถึงนัคเรศ ก็เกรงเหตุตรงผิดน้องคิดหมาย
ใครจะเห็นความจริงทั้งหญิงชาย ได้รอดตายแล้วก้มหน้าไปตามบุญ ฯ
๏ เยาวมาลย์ฟังสารสลดจิต ดังหนึ่งพิษนาคีให้เฉียวฉุน
ชีวิตพี่นี้เห็นจะเป็นจุณ กอดอรุณร่ำไห้อยู่ไปมา
อันตัวพี่นี้ก็คงจะตักษัย พี่ขอบใจน้องรักเป็นหนักหนา
พระคุณเจ้าสุจริตดังบิดา พี่ชั่วช้าดูดื้อไม่ซื่อตรง
ผลกรรมจำจากบูรีศรี เอาซากผีไปไว้ไพรระหง
พ่อช่วยพาไปลาแม่โฉมยง เมื่อปลดปลงอย่าให้กรรมประจำกาย ฯ
๏ อรุณรับอัพภิวันท์แล้วผันพักตร์ แจ้งประจักษ์เพชฌฆาตสิ้นทั้งหลาย
เราขอโทษพี่นางไม่วางวาย ยังคงตายอยู่เถรอีชาวใน
เขาถึงกรรมตามบทพจนารถ เพชฌฆาตก้มกราบอยู่ไสว
เจ้าอรุณขุนทองนางทรามวัย พากันไปห้องสุวรรณพรรณราย ฯ
๏ เพชฌฆาตพาเถรกับทาสี ไปถึงที่แล้วล้างเสียโดยหมาย
ไม้รวกเสียบกายทะลวงเลือดทลาย ประจานกายขึ้นขาหยั่งริมทางคน ฯ
๏ โฉมอำพันครรไลให้เทวษ ชลเนตรหยดย้อยดังฝอยฝน
มาถึงปรางค์นางมณีนฤมล เจ้าขึ้นบนอัฒจันทร์เห็นกัลยา
สงสารนางวางวิ่งเข้ากอดบาท นุชนาฏร้องไห้โฮขอโทษา
ที่ได้ทำผิดพลั้งแต่หลังมา แม่อย่าผูกเวราให้ติดตัว
ลูกตายจากปลดเปลื้องไปเมืองผี เพราะกรรมมีดลจิตให้คิดชั่ว
ให้แม่เจ้าเศร้าหมองละอองมัว แม่ทูนหัวอย่าให้เป็นมีเวรไป
ชาตินี้ลูกอาภัพอัปลักษณ์ จะรู้จักคุณแม่ก็หาไม่
เมื่อลูกพลัดมาถึงพระเวียงไชย พระหน่อไทบิดาก็ปรานี
ฉันหลงเชื่อคนชั่วด้วยมัวจิต มิได้คิดถึงคุณแม่โฉมศรี
ไม่ควรคบเถรชราทำยายี แม่ต้องโพยโบยตีระกำกาย
สารพัดที่ชั่วในตัวลูก แม่อย่าผูกเวราไปสืบสาย
อนุญาตลูกยาจะลาตาย นางฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ
๏ โฉมยงทรงฟังสุนทรหวาน คิดสงสารกัลยาน้ำตาไหล
ที่แค้นเคืองเปลื้องปลดสลดใจ พลอยร่ำไรเล้าโลมนางโฉมยง
อุตส่าห์กลั้นกันแสงเสียเถิดน้อง พี่ไม่ปองผูกกรรมนวลหง
นิจจาเอ๋ยเคยอยู่สบายองค์ ฝูงอนงค์แซ่ซ้องประคองนาง
เวราใดจำให้ไกลนิเวศน์ โอ้สมเพชนวลน้องจะหมองหมาง
จะได้ใครไปเป็นเพื่อนในเถื่อนทาง สงสารนางโฉมยงเจ้าทรงครรภ์
แม้นรอดถึงพาราบิดาน้อง จะประคองแก้ไขไม่อาสัญ
นี่พารากรุงไกรก็ไกลกัน เจ้าโศกศัลย์สงสารนางเทวี
โอ้นิจจาครั้งนี้เจ้าพี่เอ๋ย กระไรเลยเบาใจไม่พอที่
แม้นช่วยได้พี่มิให้เจ้าจรลี เป็นสุดที่ใจจนพ้นกำลัง
อันความผิดมิได้คิดที่ตรงเจ้า เพราะกรรมเราย่อมสร้างแต่ปางหลัง
สงสารน้องจะลำบากไปจากวัง จะเซซังเปลี่ยวองค์ในพงพี
แม้นบุญปลอดคลอดบุตรในไพรเขียว จะแลเหลียวเห็นใครในไพรศรี
ใครจะช่วยมาก่อกองอัคคี ไม่เห็นมีใครแล้วนะแก้วตา ฯ
๏ นางอำพันอั้นอัดสะอื้นร่ำ อาลัยคำพี่ไม่ผูกซึ่งโทษา
กันแสงพลางนางกราบกับบาทา อนิจจาเจ้าประคุณของลูกรัก
ลูกทำชั่วมัวหมองให้ข้องขุ่น ลืมบุญคุณของพระองค์ผู้ทรงศักดิ์
ถึงฟ้าดินก็ไม่เท่ายังเบานัก แต่ลูกรักทำชั่วด้วยมัวเมา
แม้นอยู่ได้ลูกจะตายอยู่ใต้บาท ใจหมายมาดดังแม่บังเกิดเกล้า
แล้วกลิ้งเกลือกเสือกองค์นางนงเยาว์ โฉมเฉลานิ่งซบสลบลง ฯ
๏ นางมณีสาลิกาเจ้าอรุณ ก็วายวุ่นเอาสุคนธ์มาโสรจสรง
หอมระรื่นฟื้นกายนางโฉมยง กันแสงทรงโอบอุ้มเจ้าสาลิกา
จะจำไกลไปจากขุนทองแล้ว พระลูกแก้วอยู่เถิดอย่าโหยหา
นกขุนทองร้องไห้ฟายน้ำตา จนสุริยาเยื้องรถลงรอนรอน
นางมณีมีจิตคิดสงสาร โดยอ่อนหวานให้สติสายสมร
เออแม่น้องลองไปเฝ้าพระภูธร ทูลอ้อนวอนเพื่อจะโปรดแม่เทวี ฯ
๏ โฉมอำพันวันทาลงตรงพระบาท ยุรยาตรจากปรางค์ปราสาทศรี
ขึ้นปราสาทรัตนาพระสามี นางเทวีก้มกราบกับบาทา
ทูลกระหม่อมจอมโลกของเมียแก้ว เมียผิดแล้วจงประทานซึ่งโทษา
มิให้ขายแก่ฝ่ายพระบาทา ขอเป็นข้าแม่มณีที่วังใน
อันหนทางกลางป่าก็ไม่แจ้ง จะรู้แห่งจรดลไปหนไหน
พระลูกน้อยในครรภ์จะบรรลัย จงโปรดให้เป็นข้าอยู่ธานี ฯ
๏ พระฟังนางพลางคิดถึงความหลัง ให้แค้นคั่งขัดเคืองมเหสี
ออกไปเสียเถิดเจ้าอย่าเซ้าซี้ หญิงกาลีกูจะเลี้ยงมึงไว้ไย
จะเดินป่าว่าไม่รู้จักแห่งหน เสาะหาคนทำเล่ห์เสน่ห์ได้
จะเหาะหรือเดินทางก็ช่างใคร พระกริ้วเหล่าสาวใช้เป็นโกลี
เป็นไรเล่าอีเหล่านี้มึงนิ่งได้ ขับลงไปเสียให้พ้นคนบัดสี
แล้วขึ้นแท่นไสยาไม่พาที นางเทวีให้สลดระทดใจ
ฝูงกำนัลชวนกันเข้าวอนว่า เป็นเวราของแม่จะทำไฉน
จงกลืนกลั้นกันแสงแข็งพระทัย ประคององค์ทรามวัยลงจากปรางค์
ข้าหลวงทุกกระทรวงนางเฒ่าแก่ ร้องไห้แซ่เสียงก้องต่างหมองหมาง
ฟายน้ำตาตามส่งอนงค์นาง ลงจากปรางค์มาถึงทวารวัง ฯ
๏ โฉมอำพันมาลาน้ำตาไหล เห็นชาวในพระสนมมาคับคั่ง
ค่อยหยุดยืนขืนองค์ทรงประทัง เหลียวมาสั่งสาวสรรค์กำนัลใน
จงปกป้องครองกันเป็นผาสุก อย่ามีทุกข์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
เรามีกรรมจำลาเจ้าคลาไคล หักพระทัยออกจากทวารา
เทวษร่ำกำสรดกันแสงโศก แสนวิโยคเศร้าสร้อยละห้อยหา[๑]
ละห้อยหันผันพักตร์ดูปรางค์ปรา โอ้ปรางค์เปรียบปรางค์ฟ้าจะราคี
จะร้างไปไกลถิ่นที่เคยเล่น ไม่แลเห็นเช้าเย็นจะหมองศรี
จะหมองเศร้าเปล่าใจไกลบูรี ไกลบูรินทร์ธานีกลับพลัดพราย
กลับพลัดพรากจากเขนยเคยสถิต เคยบรรทมอยู่เป็นนิตย์จะเสื่อมหาย
จะแสนโหยโดยดิ้นสันโดษดาย สันโดษเดียวเปลี่ยวกายระกำใจ
ระกำจิตคิดขึ้นมาก็สาจิต ก็สาใจที่ไม่คิดจะทำไฉน
ฉะนั้นท่านจึ่งทำให้หนำใจ จะอยู่ไปเป็นกายก็อายคน
ครองชีพอยู่รู้ถึงไหนก็อายทั่ว เพราะว่าตัวต้องกำจัดมาเดินหน
จะครองชีพอยู่ไปก็อายคน นฤมลโศกซบสลบไป ฯ

[๑] ตั้งแต่คำประพันธ์ว่า “แสนวิโยคเสร้าสร้อยละห้อยหา” ถึง “ก็สาใจที่ไม่คิดจะทำไฉน” แต่งเป็นกลบทนาคบริพันธ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ