๏ ตรีภพครบสรรพแล้ว ปรารถนา ทั่วเอย
มีจิตต์แลวิญญาณ์ อยากได้
สรรพล้วนสิ่งโอชา ปัญจกาม คุณเอย
จุติปฏิสนธิ์ส่งให้ นั่นนั้นบุญกรรม ๚ะ

๏ สาธุข้าพระพุทธเจ้า น้อมเศียรเกล้าบทมาลย์ หัตถประสานเหนือเกศ บังคมเดชเดชา พระพุทธาธรรมสงฆ์ จบปางองค์อิศวร ภัควนวนเอกอุมา พรหมธาดานราฤทธิ์ ฤๅษีสิทธ์ครูบา จบเทวาเคราะห์เกล้า จอมขัตติยเจ้าองค์ห้า พระบาทาปกเกศ คุณปิตุเรศมารดา อุปัชฌาย์คู่สวดพระ ทัศนขะต่างธูปเทียน นิ้วเหนือเศียรศิโรตม์ โดยปราโมทย์คำนับ ขอเก็บสรรพนิทาน บูราณใหม่ต่อติด ที่ใดผิดแปลงใส่ พอฟังได้เรื่องราว บูราณกล่าวผุขาดความ จบสิ้นความสิ้นปัญญา ขอให้ข้าสุขสวัสดิ์ อย่าพึงมีวิบัติ ศรีสวัสดิ์แก่ข้าเทอญ ด้วยขาดถ้อยควรทำ

๒๘ ปางหลังยังมี  
ผัวเมียเศรษฐี มั่งมีเงินทอง
นับร้อยพารา สองราครอบครอง
วัวควายสิ่งของ ล้อเกวียนนาวา
๏ ผัวหัศวิไสย  
สุนทราอรทัย คู่สร้างปางมา
กรรมนำวิบัติ สารพัตรโรยรา
ย่อยยับโภคา กรุ้งกริ่งหยิ่งใจ
๏ เสียมากได้น้อย  
ทุกสิ่งทดถอย ลืมจนหล่นไป
เวรามาทัน เคี่ยวกันร่ำไร
กองกรรมนำให้ กุสลาธัมมา
๏ บุตรชายสามคน  
อาทิตย์เป็นต้น ที่สองจันทรา
ที่สามราหู เด็กอยู่นักหนา
กับญาติกา ทาสาหลายคน
๏ ค้าขายเลี้ยงกัน  
หลายปีเดือนวัน ไม่เกิดมรรคผล
ปรึกษาปรองดอง พี่น้องเพื่อนจน
จะเที่ยวเสือกสน ทำไร่นากิน
๏ รวมทรัพย์สิ่งของ เงินทองทั้งสิ้น
เครื่องมือทำกิน บรรทุกใส่เกวียน
๏ ข้าวปลูกลูกผัก  
เต้าแตงแฟงฟัก แมงลักผักเสี้ยน
เครื่องอัญญมณี ของนี้เพื่อนเพียร
เก็บบรรทุกเกวียน เพื่อนจนขนลง
๏ บ้านเรือนปรึกษา  
อยู่ใกล้วัดวา ศรัทธาถวายสงฆ์
ขอได้วิมาน ศฤงคารยิ่งยง
ผัวเมียสองจง สบคู่อยู่ครอง
๏ ถวายพระเสร็จแล้ว  
อารมณ์ผ่องแผ้ว กลับไปคุ้มของ
ขับเกวียนรีบไป เขาใหญ่ทั้งสอง
ที่กลางเป็นท้อง ทุ่งทำไร่นา
๏ เกริ่นกรอกซอกเขา  
ร่มรื่นด้วยเงา เขาไม้สีดา
น้ำพุไหลริน เซาะหินลงมา
สู่ธารธารา สระล้นด้นดิน
๏ น้ำใสสะอาด  
มัจฉาต่างชาติ ล้ำเหลือเบื่อกิน
ภักษาต่างพรรณ บุษบันเบิกกลิ่น
ภุมราร้องบิน กินรสเรณู
๏ แมลงผึ้งคลึงชาติ  
ทำรังเกลื่อนกลาด กิ่งไม้ประดู่
เกิดพันธุ์เป็นพืช ยืนยืดเป็นหมู่
หัวน้ำฉ่ำชู รสย่อมหอมหวาน
๏ ฝ่ายหัศวิไสย  
ชัยภูมิสมใจ ได้ที่ถิ่นฐาน
ควรทำเรือนอยู่ สระคูรอบบ้าน
ไร่นาอาหาร น้ำฉ่ำทำไป
๏ พวกเราที่มา  
ลับขวานแลพร้า อย่าช้าเร็วไว
ตัดเสาเกลางาม เลือกตามชอบใจ
ตามป่าหาไป ไม้ไผ่ตัดมา
๏ เกี่ยวแฝกตัดหวาย  
ให้มากให้หลาย กรองมุงหลังคา
พร้อมจิตต์ใจกัน สารพันหามา
ปลูกซึ่งเคหา ล้อมรั้วกันภัย
๏ เสร็จแล้วทำนา  
ปีละสองครา เลิกนาทำไร่
ได้ผลแจกจ่าย แลกขายกันไป
สุขสำราญใจ อยู่ในหิมวา
๏ ปางหัศวิไสย  
ตั้งจิตต์ตั้งใจ จำศีลภาวนา
ครั้นอยู่มานาน กอปการชรา
มัจจุราชตามมา นอนหลับดับไป
๏ บุตรทั้งสุนทรา  
ญาติทาสา โศการ่ำไร
ถึงความตกยาก ลำบากก่อนไกล
จนมาอยู่ไพร ค่อยได้สำราญ
๏ พ่อสิ้นตักษัย  
ทิ้งเมียลูกไว้ ให้ได้รำคาญ
ครั้นส่างโศกา ปรึกษากิจการ
เลื่อยไม้กระดาน ต่อหีบบัดใจ
๏ ผ้าขาวพุดดอก  
ปิดหีบชั้นนอก ศพหัศวิไสย
ตั้งเชิงตะกอน ฟื้นรอนไต้ใส่
เพลิงจุดบรรลัย เห็นในปัจจุบัน
๏ เสร็จฌาปนกิจ  
ปรึกษากันคิด ทำบุญเจ็ดวัน
ข้าวสารถั่วงา เนื้อปลาเผือกมัน
ทำของพระฉัน เภสัชเพลา
๏ นิมนต์พระสวดฉัน  
พี่น้องชวนกัน จรจรัลเที่ยวหา
ปะพระโคจร ศิงขรเชิงผา
นั่งภาวนา รักษาธุดงค์
๏ เข้าไปกราบเท้า  
เชิญพระเป็นเจ้า ไปฉันเก้าองค์
เรือนแม่สุนทรา ภัสดาปลดปลง
จะทำบุญส่ง ให้พ้นจัตุรา
๏ ฝ่ายพระผู้เฒ่า  
ไปสินะเจ้า แต่ตัวอาตมา
ยังอีกแปดองค์ เจ้าจงไปหา
ท่านเที่ยวภาวนา รักษาอารมณ์
๏ กราบลาคลาไคล  
ยักแยกกันไป หาพระประสม
พบพระเนินเขา เดินเข้าจงกรม
กราบว่าข้าผม ขออาราธนา
๏ เก้าองค์ไปฉัน  
บังสุกุลนั้น อัฐิบิดา
วันพระพรุ่งนี้ เชิญที่เคหา
ขบฉันกระยา แล้วรับไทยทาน
๏ ไปซิประสก  
แกอย่าวิตก เข้าถึงสถาน
พี่น้องสามรา ไหว้ลากลับบ้าน
เตรียมของไทยทาน คาวหวานนานา
๏ ครั้นรุ่งขึ้นเช้า  
พระสงฆ์ทั้งเก้า ครองซึ่งกาสา
ห่มคลุมอุ้มบาตร ยุรยาตรเร็วมา
ถึงบ้านสุนทรา ราธนาเรือนพลัน
๏ นั่งเป็นอันดับ  
ประเคนพระรับ เภสัชแล้วฉัน
ให้ศีลสมาทาน ทั้งบ้านพร้อมกัน
พระสวดมนต์พลัน พากันผันผ่อน
๏ มาเทียบสำรับ  
คาวหวานเสร็จสรรพ พระยังถวายพร
อาทิตย์จันทรา สองเราผันผ่อน
เข้าไปที่นอน สุนทรมารดา
๏ หาขันใส่ข้าว  
ตักบาตรพระเจ้า เลื่อมใสศรัทธา
พี่ได้ขันทอง พานรองรจนา
ฝ่ายน้องจันทรา ขันเงินถาดรอง
๏ เอาใส่โภชนา  
นิธานปรารถนา หลายชาติมาดปอง
พี่เป็นสุริยา ทิวาสุกส่อง
จันทราผู้น้อง . สุกส่องราตรี
๏ จบเหนือศีรษะ  
ข้าวใส่บาตรพระ คาวหวานมากมี
ราหูสุดท้อง ร่ำร้องโศกี
น้อยหน้าสองพี่ เอาดีแต่ตัว
๏ ของท่านบิดา  
ไม่แบ่งปันมา สามราให้ทั่ว
เราเป็นผู้น้อย จ้อยร่อยต้องกลัว
โกรธบ่นค้นครัว ได้กระทายมา
๏ หยิบมาใส่ข้าว  
ยกขึ้นจบเกล้า ตั้งจิตต์เจตนา
ดับแล้วเกิดใหม่ ตัวใหญ่มหิมา
เรืองเดชเดชา พิมานเมืองสวรรค์
๏ รัศมีมืดมิด  
อาจจะบังปิด อาทิตย์ดวงจันทร์
เกิดก่อนเป็นพี่ ฤทธีแข็งขัน
เทพทั้งหลายนั้น เกรงกลัวฤทธี
๏ จันทราอาทิตย์  
ให้กายจิริด อย่ามาราวี
ร่วมครรภ์สุนทรา มารดาเดี๋ยวนี้
ข้าลูกหัวปี อย่ามีเกรงใคร
๏ สิ้นความพิษฐาน  
ยกกระทายคลาน ใส่บาตรทั่วไป
แล้วหมอบคอยเติม เพิ่มพระฉันได้
พระฉันร่ำไป เสื่อมใสศรัทธา
๏ พระฉันเสร็จแล้ว  
สุนทราผ่องแผ้ว สั่งบุตรสามรา
๏ อัฐิพ่อใส่  
โกศแก้วตั้งไว้ เรือนในเชิญมา
ราหูวู่วิ่ง เชิญชิงพี่ยา
อุ้มโกศบิดา ตั้งหน้าสงฆ์พลัน
๏ พระมาติกา  
จบแล้วหยิบผ้า อนิจจาพร้อมกัน
แล้วรับไทยทาน บริกขารครามครัน
หยิบแย่งพัลวัน ชิงกันประเคน
๏ แม่ว่าด่าขู่ ราหูถกเขมร
พี่ชกหกคะเมน พระเถรห้ามปราม
๏ พี่ดื้อน้องดึง  
เถียงกันอื้ออึง พี่น้องทั้งสาม
สุนทราว่าเล่า พ่อเจ้าสั่งความ
อุตส่าห์พยายาม อดออมถนอมกัน
๏ พ่อเคยเป็นสุข  
แม่อยู่รับทุกข์ โกรธขึ้งดึงดัน
จะอยู่เลี้ยงเจ้า แก่เฒ่าทุกวัน
แม่สิ้นอาสัญญ์ ฆ่ากันตามใจ
๏ สมภารยถา  
อันดับรับมา ว่าสัพพีไป
ต่างคนกรวดน้ำ บุญทำส่งให้
พ่อหัศวิไสย สู่สวรรค์ชั้นบน
๏ เสร็จแล้วพระลา  
ลงจากเคหา เข้าป่าไพรสณฑ์
สุนทรามารดา สอนว่าทุกคน
ทำนาหาผล สะเบียงเลี้ยงกัน
๏ อยู่เนิ่นนานมา  
แก่เฒ่าชรา สุนทราอาสัญญ์
จิตต์จับศีลทาน พิษฐานพร้อมกัน
ไปภพสบสวรรค์ ฉ้อชั้นกามา
๏ ร่วมทิพพิมาน  
อยู่สุขสำราญ จำศีลภาวนา
เทพหัศวิไสย ตั้งใจเจตนา
เป็นพสุธา นำหน้าโพธิญาณ
๏ อัปสรสุนทรา  
เป็นพระคงคา กว่าได้นิพพาน
พอสิ้นอันตรากัปป์ โลกยับเพลิงผลาญ
มนุษย์สัตว์เดรฉาน ไม้เขาเท่าธุลี
๑๑ เทวินทรอินทร์พรหม ระงมไออัคคี
แปลงองค์เป็นผงคลี เยียดยัดขึ้นอัดชั้นพรหม
๏ ครั้นสิ้นเชื้อเพลิงก็ดับ ร้อนระงับด้วยพือลม
ละอองเท่าธุลีปะทม วายุพัดกระพือเวียน
๏ แน่นกลุ้มประชุมชิด แน่นสนิทเท่ากงเกวียน
พระพายพัดระหัดเหียน ค่อยพอกเพิ่มติดเติมไป
๏ หากจะเกิดภพจักรวาล ลมบันดาลตามนิสสัย
พัดเพิ่มเฉลิมไป มณฑลใหญ่ยี่สิบวา
๏ กิระเทพหัศวิไสย ทั้งอรทัยสุนทรา
ยินนิยมสมจินดา จุติเกิดขึ้นพร้อมกัน
๏ ปฏิสนธิ์ธุลีเท่า คงคาเคล้าเป็นพืชพรรณ
พระพายพัดละอองอัน ผนึกแน่นเป็นแผ่นดิน
๏ วาโยแลปัถวี เป็นธรณีด้วยวาริน
ตรีธาตุเพิ่มให้ภิญ โญโยชนโดยหมาย
๏ จึงเกิดอิศวรอุมา พระธาดาพระนารายณ์
ประกอบสร้างสรรพ์ทั้งหลาย ทั่วตรีภพจบสากล
๏ ถอดจุฬาออกจากเกศ ธรรมเวทประสิทธิ์มนต์
ปักกลางสุธาดล ประสาทเป็นพระเมรุธร
๏ พลันกว้างยาวแลสูงใหญ่ มีเยาไม้สลับสลอน
ทั้งธารท่าแลสาคร ชลาเปี่ยมสมุทรไท
๏ ทั้งภักษาธัญญาหาร ทุกประการประกอบไป
ดินน้ำทั้งลมไฟ บันดาลไว้ทุกสิ่งอัน
๏ สัณฐานภพใบละหุ่ง เป็นแวงวุ้งดังแกล้งสรรค์
มีอ่าวเกาะจำเพาะพรรณ ประพืชพื้นพระปัถพี
๏ ทั้งกว้างใหญ่แลหนาแน่น ได้สองแสนสี่หมื่นมี
โยชน์วัดพระธรณี ประจักษ์แจ้งเป็นมาตรา
๏ เกิดฝนตกลงห่าใหญ่ กระเซ็นไปทั่วโลกา
สงบฝนพระพายพา ไอสุธากระพือจร
๏ หอมตระลบอบสวรรค์ ทั้งฉ้อชั้นกามาวจร
ทั่วทุกเทพนางอัปสร ก็ชื่นกลิ่นถวิลชม
๏ วายุเพิ่มกระพือพัด ตลอดลัดถึงชั้นพรหม
ทราบนาสิกยิ่งสูดดม กำเริบรสยิ่งเจตนา
๑๖ เจ็ดพรหมนิยมรสโอชา แปลงเป็นกัลยา
ลงสู่สุธาเจ็ดองค์  
๏ ถึงดินกินตามประสงค์ อิ่มอยากลุ่มหลง
ชอบรสบวายใฝ่ฝัน  
๏ ฝ่ายเทพนางฟ้าพากัน จุติจากสวรรค์
เข้าครรภ์เจ็ดนางปางหมาย  
๏ เนิ่นมาบุตราทั้งหลาย พร้อมเบ็ญจร่างกาย
ทวดึงสเนาวทวาร  
๏ กอปจัตุธาตุภินิหาร ดิ้นรนดนดาน
นงคราญก็คลอดบุตรา  
๏ เป็นมนุษย์บุรุษเอกา หญิงหกกัลยา
เป็นพรรณพืชสืบพงศ์  
๏ เจริญวัยใหญ่ยิ่งทุกองค์ สืบสุริยวงศ์
บุตรหลานเหลนเหลือหลาย  
๏ จะกล่าวหลังยังบวาย ยังมีนิยาย
ให้ติดให้ต่อข้อความ  
๏ อาทิตย์จันทร์ราหูทั้งสาม ญาติบยินนาม
หกคนเป็นเก้าเข้ากัน  
๏ เพอิญขึ้งเคียดเดียดฉันท์ มุ่งร้ายหมายขวัญ
ชอบกันย่อมถนอมใจ  
๏ ราหูไม่อยู่กับใคร เข้าดงพงไพร
เสียใจจนถึงมรณา  
๏ ปฏิสนธิ์เป็นโขมดมายา สมจรผีป่า
บุตราก็เกิดหลายคน  
๏ อาทิตย์ม้วยมิดปฏิสนธิ์ ริษยาพาตน
ติกะเป็นราชสีห์สาม  
๏ เอาพรรณพยัคฆ์สี่นาม เกิดบุตรต้องตาม
ผู้เมียตามชาติตระกูล  
๏ จันทร์จุติปฏิสนธิ์ตามยูร มนุษย์สกูล
สตรีด้วยมีริษยา  
๏ หกญาติหนึ่งเป็นมหิงสา สองเป็นคชา
สามเป็นอาจาริย์มุนี  
๏ สี่เป็นพระโคคาวี ห้าเป็นเสือสีห์
หกเป็นวาสุกรีกล่าวมา  
๏ ปฏิสนธิ์ตามนางสุนทรา พร้อมบุตรญาติกา
เกิดร่วมสุธาวารี  
๏ ชลัมพุชะอุปปาติกะเกิดมี สำหรับปัถพี
บารมีผู้สร้างโลกา  
๏ ปางอิศวรอุมา พระพรหมธาดา
นารายณ์อันร่วมฤดี  
๏ ทราบพรหมยมเพศสตรี เสวยง้วนปัถพี
เกิดมีซึ่งบุตรนัดดา  
๏ หนึ่งสัตว์ปฏิสนธิ์นานา สำหรับสุธา
ธัญญาภักษาผลามี  
๏ ปรึกษาพร้อมกันทันที โลกสุขสวัสดี
ปัถพีจะเนิ่นนานไป  
๏ ควรเราจะจัดแจงให้ เป็นวันคืนไว้
โมงทุ่มยามนาฬิกา  
๏ ปีเดือนวันนามนานา นามสัตว์เทวา
รักษาพระเคราะห์เก้าองค์  
๏ สิบสองราศีวางกง กลีบจักรเวียนวง
ดาวยี่สิบเจ็ดหมู่หมาย  
๏ เดินเสมอคืนวันผันผาย เดือนปีมากมาย
ศกศักราชมาตรา  
๏ จัดไว้ให้เป็นตำรา ปราชญ์ผู้ปรีชา
ได้จำเป็นหลักจักรวาล  
๏ สี่องค์จึ่งทรงบันดาล เกิดสัตว์เดรฉาน
สิบสองนักษัตรจัดสรรค์  
๏ ที่หนึ่งคือหนูสามพรรณ รูปคล้ายคลึงกัน
นามปีชวดต้นปี  
๏ ที่สองคือว่าคาวี สองสกูลมี
นามปีฉลูคู่วัว  
๏ ที่สามพยัคฆ์พึงกลัว ปีขาลนามตัว
สกุลสามอย่างต่างหลาย  
๏ ที่สี่กระต่ายมุ่งฉาย เทียมจันทร์เดือนหงาย
ให้นามปีเถาะเจาะจง  
๏ ที่ห้าพระยาภุชงค์ เจ็ดเศียรหนึ่งองค์
นามปีมะโรงสุกรี  
๏ ที่หกงูเล็กพิษมี เขี้ยวแก้วฤทธี
นามปีมะเส็งเก่งพิษ  
๏ ที่เจ็ดอัสดรเรืองฤทธิ์ สี่ชาติประสิทธิ์
นามปีมะเมียมิ่งมง  
๏ ที่แปดเกิดแพะพันธุ์พงศ์ ต้นตำแยดง
นามปีมะแมแผ่ผล  
๏ ที่เก้าวานรฤทธิรณ ปีวอกนามตน
ลิงฤทธิแรงคำแหงหาญ  
๏ ที่สิบไก่แก้วนพการ คืนวันขันขาน
จำยามนามปีระกา  
๏ ที่สิบเอ็ดสุนักขา หกชาติต่ำช้า
นามหมาปีจอทรพล  
๏ ที่สิบสองสุกรแผ่ผล สองพรรณเท่าตน
ปีกุนคือหมูมากมัน  
๏ สิบสองนักษัตรจัดสรรค์ เป็นสัตว์สำคัญ
ให้นามเรียกตามภาษา  
๏ เดือนคี่ยี่สิบเก้าทิวา เดือนคู่นั้นนา
สามสิบทิวาราตรี  
๏ สองหกสิบสองคุลี ประสมเป็นปี
นั้นมีฤดูสามครา  
๏ วันคืนแบ่งปันเวลา โมงทุ่มนาฬิกา
สิ่งละสิบสองต้องกัน  
๏ หนึ่งรถพิมานเทวัญ ทั้งเก้าสร้างสรรค์
เทวัญไม่มีรักษา  
๏ จำเราจะชุบเทวา ให้อยู่รักษา
รถาพิมานเนินสวรรค์  
๏ ตระเวนเวียนรอบขอบคัน เก้าองค์ด้วยกัน
ช่องชั้นพระเมรุภูผา  
๏ ปางนั้นพระจอมโลกา สั่งจิตรเทวา
จัดหาที่ทำพิธี  
๏ แล้วให้สั่งพระธรณี ทั้งพระวารี
พวกที่มีความปรารถนา  
๏ คือใครเร่งให้จัดมา จะชุบเทวา
รักษาพระเคราะห์เก้าองค์  
๏ เทพใดจะให้ฤทธิรงค์ สมกำลังลง
เก้าองค์ร้อยสิบเจ็ดหมาย  
๏ จิตรบาทรับราชผันผาย เชิญรับสั่งหมาย
ยังพสุธาวารี  
๏ ทราบความตามรับสั่งมี บุญใครถึงที่
ให้จรลีตามเจตนา  
๏ อำนาจศีลทานปรารถนา มนุษย์สัตว์นานา
ไปท่าริมโรงพิธี  
๑๒ เสาวกำพนักงาน ฟังโองการสั่งคดี
บังคมลาฝ่าธุลี เหาะหาที่ตั้งพลับพลา
๏ แลเห็นเขายุคุนธร ชะเงื้อมง่อนงามนักหนา
มณฑลใหญ่ได้อัตรา สูงเยี่ยมฟ้าร่มรื่นดี
๏ นฤมิตที่ประทับ พลับพลาสรรพโรงพิธี
ราชวัติฉัตรธงศรี งามขจีศรีหลายพรรณ
๏ ขวาลาระย้าแก้ว งามพรายแพร้วอย่างสวรรค์
พวงบุปผามาลีวัลลิ์ ต่างต่างพรรณหอมขจร
๏ เสร็จการซึ่งนฤมิต สำแดงฤทธิ์หาไกรสร
กระบือโคแลกุญชร นางอัปสรแลมุนี
๏ พระยาพาละพยัคฆ์ สิทธิศักดิ์โขมดผี
ทั้งพระยาวาสุกรี ชุมนุมที่เชิงภูผา
๑๖ ล้อมไว้ด้วยข่ายวิทยา มิให้ไปมา
เรียกหาให้ได้โดยจง  
๏ พร้อมสรรพกลับขึ้นเฝ้าองค์ จอมไกลาสทรง
ดำรงพิภพจบสวรรค์  
๏ บังคมทูลองค์ทรงธรรม์ เครื่องพิธีนั้น
จัดสรรค์สำเร็จรจนา  
๏ ขอเชิญลีลาศยาตรา ยังที่พลับพลา
ทราบฝ่าละอองธุลี  
๏ ปางอิศวรภัควดี พรหมนารายณ์ฤทธี
ทั้งสี่จรจรัลผันผาย  
๏ พรหเมศวร์เทเวศร์ทั้งหลาย เชิญเครื่องสูงถวาย
ตามเสด็จระเห็จเหาะมา  
๏ ยังที่ประทับพลับพลา คอยฟังบัญชา
เรียกหาประสิทธิ์กิจการ  
๏ สี่องค์ทรงอธิษฐาน กุศลศีลทาน
ก่อนการได้สร้างสมมา  
๏ จึ่งได้สร้างไตรโลกา สวรรค์ชั้นฟ้า
เทวาทั้งสิ้นอินทร์พรหม  
๏ เกิดมนุษย์สัตว์สุขสม ไฟน้ำดินลม
อุดมทั่วภพจักรวาล  
๏ ยังแต่เทวศร์เนาวการ รักษาพิมาน
ประจำทิวาราตรี  
๏ ขอน้ำอำมฤตสิทธิ์ดี อำนาจพิธี
ทั้งนี้พระเวทมนตรา  
๏ พร้อมเสร็จเสด็จไคลคลา ยังโรงรัตนา
บัญชาสั่งท้าวหัสดี  
๏ ไปเลือกสิงหราชสีห์ หกตัวที่ดี
มาเข้าพิธีตามวัน  
๏ หัสดีชุลีลาพลัน ยังที่สัตว์นั้น
เลือกสรรค์งามตามประสงค์  
๏ สุวกำผู้นำส่ง ถวายทั้งสี่องค์
เธอทรงพระเวทโองการ  
๏ หกสัตว์กายแหลกแตกฉาน เป็นธุลีการ
ประสานประสมกลมดี  
๏ ห่อผ้าเสาวพัตรแดงศรี พรมน้ำพิธี
สามทีก็เป็นเทวา  
๏ กายแดงแสงจับนัยน์ตา ทรงเครื่องรจนา
มหามงกุฎกุณฑล  
ให้นามอาทิตย์ฤทธิรณ เชิญพักอยู่บน
เบ็ญจาที่หนึ่งพึงคลา  
๏ สั่งให้เลือกสรรค์กัลยา สิบห้าโสภา
พร้อมหน้ากันโรงพิธี  
๏ สุวกำนำกัลยาณี ถวายอัญชุลี
ดุษฎีมั่วสุมชุมกัน  
๏ ปางพระสี่องค์ทรงธรรม์ อ่านมนต์จักรผัน
นางนั้นก็เป็นผงคลี  
๏ ระคนปนสมด้วยดี ผ้าทิพย์นวลศรี
ห่อหุ้มเป็นกลุ่มเดียวองค์  
๏ ทั้งสี่เทวฤทธิ์ทรง ประน้ำทิพย์ลง
เป็นองค์เทเวศร์โสภา  
ให้นามชื่อพระจันทรา ให้พักเบ็ญจา
ที่สองให้ต้องตามวัน  
๏ สั่งท้าวหัสดีจัดสรรค์ อัฏฐะมหิงส์อัน
เร็วพลันจัดหามาถวาย  
๏ หัสดีภิวันท์ผันผาย นำกระบือถวาย
ยังที่สถิตพิธี  
๏ ทอดเนตรกระบือด้วยดี ร่ายเวททั้งสี่
อัคคีลุกวับจับกาย  
๏ หิงสากายาศูนย์หาย เป็นเท่าเรี่ยราย
เกลื่อนกลายประคนปนกัน  
๏ ห่อผ้าทิพย์สีม่วงมัน สี่องค์ทรงธรรม์
โอมอ่านพระเวทมนตรา  
๏ ประพรมน้ำชุบสามครา เกิดเป็นเทวา
สีหว้าอันสุกสดศรี  
๏ ทรงเครื่องรุ่งเรืองขจี ถวายอัญชุลี
ทั้งสี่องค์พระจอมจักรวาล  
จอมไตรให้นามอังคาร ไปพักฟังการ
เบ็ญจาที่สามตามวัน  
๏ สั่งสุวกำเลือกสรรค์ สิบเจ็ดคชพันธุ์
มาพลันยังโรงพิธี  
๏ เลือกสรรค์ฉัททันต์อันดี เชื้อวงศ์พงพี
นุภาพเรี่ยวแรงแหงหาญ  
๏ ครบทั้งสิบเจ็ดคชสาร ถวายองค์ทรงญาณ
โองการพระเวทศักดา  
๏ ลมกรดพัดต้องกายา สิบเจ็ดคชา
นั้นแหลกละเอียดอณู  
๏ ห่อผ้าสีแดงงามตรู น้ำทิพย์พรมพรู
อณูเป็นองค์เทพา  
ทรงเครื่องรุ่งเรืองกายา สีแก้วโมรา
นามว่าพระพุธพุตโฒ  
๏ งามองค์สิทธิไชโย อยู่เบ็ญจาโต
ที่สี่นั้นดีพอควร  
๏ หัสดีชุลีอิศวร นำพุธโดยควร
สถิตเบ็ญจาอาศัย  
๏ แล้วนำฤๅษีชีไพร เฝ้าพระจอมไตร
นับได้สิบเก้าพระองค์  
๏ ทรงฤทธิ์สิทธิหลั่งชลลง กายสิทธิ์มิคง
เป็นผงสิบเก้าเท่ากอง  
๏ ผ้าทิพย์สีเหลืองเรืองรอง ห่อเท่าศพกอง
มั่วสุมประสมกลมกัน  
๏ พรมน้ำอำมฤตลงพลัน เป็นองค์เทวัญ
ทรงเครื่องรุ่งเรืองรจนา  
สีเหลืองธรรมชาติบุษรา ที่ห้าเบ็ญจา
นามว่าพฤหัสบดีชีโว  
๏ สุวกำนำศุภโค หน้าแด่นใบโพ
ยี่สิบเอ็ดเสร็จประสงค์  
๏ ถึงโรงพิธีโดยจง กราบทั้งสี่องค์
เธอทรงยินดีปรีดา  
๏ ร่ายเวทวิเศษศักดา เป่าต้องกายา
คาวีวินาศพาดกัน  
๏ พรมน้ำกรดบรรไลยกัลป์ กายคาวีนั้น
ก็กลายเป็นหนองฟองฟู  
๏ บัดใจกลายเป็นอณู ผ้าทิพย์ชมพู
ห่อหุ้มเป็นกลุ่มเดียวกัน  
๏ วารีพิธีสาปสรรพ์ รดเสกเป่าพลัน
ห่อนั้นก็เป็นเทวา  
ทรงเครื่องรุ่งเรืองนัยนา สุดแสงโมรา
นามว่าพระศุกรสุกสี  
๏ สุวกำนำจรลี ไปพักยังที่
เบ็ญจาที่หกโดยตรง  
๏ แล้วนำพยัคฆ์ยิ่งยง สิบตัวประสงค์
ถวายพระองค์ทรงญาณ  
๏ พร้อมเสร็จเสร็จภินิหาร เพ่งเนตรสนาพาล
พยัคฆ์เป็นผงคลี  
๏ ผ้าทิพย์สีเขียวแก่สี ห่อผงธุลี
คลุกคลีระคนปนกัน  
๏ สวดมนต์ประน้ำทิพย์อัน รดลงเร็วพลัน
ห่อนั้นก็เป็นเทพา  
ทรงเครื่องรุ่งเรืองรจนา เขียวทั้งกายา
นามว่าพระเสาร์เลารี  
๏ ให้พักเบญจาอันดี ที่เจ็ดนั้นมี
หัสดีก็พาผายผัน  
๏ แล้วสุวกำเลือกสรรค์ หัวโขมดอัน
ที่ร้ายรองสิบสองหัว  
๏ แกล้วกล้าสั่งมาไม่กลัว ครบสิบสองหัว
ถวายสี่องค์ทรงธรรม์  
๏ อ่านเวทวิเศษสรรพสรรพ์ ระคนปนกัน
ห่อนั้นผ้าดำดำสี  
๏ ประน้ำอมฤตพิธี เป็นเทวสุรี
มีกายสูงล่ำดำนิล  
ประทานนามว่าอสุรินทร์ ราหูเทวินทร์
ที่แปดพระเคราะห์เจาะจง  
๏ สุวกำนำนาคาส่ง ครบเก้าภุชงค์
สี่องค์ยินดีปรีดา  
๏ ทรงเวทรำพายคาถา รวบเอานาคา
ม้วนรอบประสมกลมกัน  
๏ ห่อผ้าสีทองพรายพรรณ ชุบน้ำทิพย์พลัน
ห่อนั้นเป็นองค์เทวา  
สีทองผุดผ่องโสภา เสร็จหลังพระยา
นาคาเศียรปรกปกบน  
๏ เสร็จชุบเนาวเทพทิพมนต์ จักรวาลมงคล
เป็นหลักพิภพนภา  
๏ ทรงทำนายแปดทิวา บุรุษกัลยา
ออกจากครรภ์มารดร  
๏ กุศลผลกรรมนำจร หากเทพสังหรณ์
บอกเหตุประจักษ์ลักขณา  
๏ หนึ่งคลอดวันสุริยา จิตต์มักศรัทธา
ทำบุญให้ทานการดี  
๏ พระยาเมตตาปราณี ให้สุขสวัสดี
ทั้งยศแลทรัพย์นับหลาย  
๏ ถือสัตย์ปฏิญาณเจ้านาย กับเพื่อนมิตรสหาย
ผู้ตายไม่เสียสัจจา  
๏ จิตต์มักโกรธขึ้งหึงสา มักกลัวภรรยา
ขายค้าขาดทุนศูนย์ไป  
๏ แม้ว่าจะทำคุณกับใคร เสียเปล่าไม่ได้
จะได้แต่ความอัปรา  
๏ แม้นคลอดถูกวันจันทรา ร่างกายโสภา
ทั้งหญิงทั้งขายหลายขวัญ  
๏ ยังเยาว์หัวเน่าเปื่อยครัน ใตขึ้นหายพลัน
มีจนฝูงคนเมตตา  
๏ อยู่ไหนมิได้อยู่ช้า มักโกรธโกรธา
สามวันเจ็ดวันพลันหาย  
๏ มิได้อาฆาตมาดหมาย ทำอันตราย
ด้วยกายจิตต์ไม่คิดพาล  
๏ ตกฟากเมื่อวันอังคาร เป็นวันกล้าหาญ
สันดานว่องไวปัญญา  
๏ สองสีมีแผลพักตรา ช่างพูดเจรจา
พระยามักชอบฤๅทัย  
๏ ดีมากชั่วน้อยด้วยใจ โมโหดับได้
สติระลึกตรึกตรอง  
๏ อำนาจองอาจคะนอง เชื่อล่ำลำพอง
แกล้วกล้าอาสาศึกดี  
๏ บุญทำกรรมสร้างทวี ตกยากสามที
ได้ดีภายหลังยั่งยืน  
๏ ศัตรูไม่มาฝ่าฝืน ชังนักมักคืน
กลับเป็นมิตรสนิทดี  
๏ วันพุธบุรุษสตรี รูปร่างราศี
มักมีสติปัญญา  
๏ เป็นสงฆ์มั่นคงสิกขา อาภัพโภคา
ได้มาเก็บไว้มั่นคง  
๏ หญิงชายร่างกายโอ่องค์ มากชู้คู่ปลง
ประสงค์ยิ่งกว่ากามา  
๏ วันพุธบ่ายค่ำสนธยา อุปราคา
ราหูเข้าอยู่สู่สม  
๏ ราตรีตกที่มัธยม ตกไหนไม่จม
คนชมเมตตาปราณี  
๏ บริวารคนพาลไม่ดี ทาสาทาสี
เบียดเบียฬทุกอย่างล้างผลาญ  
๏ เบื้องสูงมักแตกสรรพการ บาดแผลไฝปาน
ทั้งหลังทั้งหน้าท่างาม  
๏ พฤหัสบดีหญิงชายตาม โหรปราชญ์ชีพราหมณ์
รูปงามสติตริตรอง  
๏ ทำบุญให้ทานทั้งผอง ทรัพย์สินเงินทอง
ตามของหาได้ให้ทาน  
๏ สัจจังมักชังคนพาล พูดไม่หักหาญ
กลัวพาลจะเบียฬบีฑา  
๏ อดออมถนอมวาจา แผ่ซึ่งเมตตา
ขายค้ามักมีกำไร  
๏ บุตรแลนัดดาข้าใช้ ทำไม่ชอบใจ
มักบ่นด่าว่าพร่ำพรู  
๏ เรียนวิชาการชาญรู้ มักได้เป็นครู
ได้คู่มักหลงงงงวย  
๏ พี่น้องเป็นของฉาบฉวย ทุกข์ร้อนไม่ช่วย
ถ้าดีจึงมีเมตตา  
๏ จากครรภ์วันศุกรตำรา จิตต์ดีนักหนา
เที่ยวหาสนุกซุกชน  
๏ หาได้ใช้ไม่คิดจน จริตลุกลน
มรรคผลไม่หาทำบุญ  
๏ คบเพื่อนฟั่นเฟือนขาดทุน ญาติมากค้ำจุน
บุญคุณไม่รู้ลู่ลาม  
๏ ปากเปราะออเซาะรักงาม มากกิเลสกาม
ใครห้ามไม่ฟังชังชิง  
๏ ตกไร้ได้ยากเพราะหญิง เจรจากลอกกลิ้ง
ถ้าหญิงมักดีมีทรัพย์  
๏ บริวารชั่วถ่อยย่อยยับ มักหลอกกลอกกลับ
พาทรัพย์ละลายหายศูนย์  
๏ คลอดเมื่อวันเสาร์เค้ามูล ทรัพย์สินบริบูรณ์
แต่บริวารประมาณหมาย  
๏ ทำสวนนาไร่ได้หลาย ทรมานร่างกาย
ขวนขวายทำมาหากิน  
๏ โมโหปากร้ายทมิฬ คนไม่ติฉิน
ยินดีด้วยมีเมตตา  
๏ ทำบุญให้ทานอุตส่าห์ แต่บุตรภรรยา
มักด่ามักเคียดเกียจการ  
๏ เป็นความมักแพ้ด้วยหาญ โมโหล้างผลาญ
สันดานพยัคฆ์หักเป็น  
๏ ครั้นแก่หญิงชายร้ายเข็ญ ทุกข์ไข้ไม่เว้น
หนีเร้นไม่พ้นเวรา  
๏ จะดีด้วยที่พึ่งพา ทำการอาสา
ทายว่าจะปลอดรอดตัว  
๏ กองกรรมมักนำใจชั่ว หญิงอยากมีผัว
ชายชั่วเพราะอยากภรรยา  
๏ ทำนายชายหญิงเกิดมา คลอดวันเวลา
ทั้งเจ็ดพระเคราะห์เจาะจง  
๏ ตามแต่บุญกรรมนำส่ง สกูลยูรพงศ์
สันดานสัตว์เป็นอัตรา  
๏ โองการสั่งพรหมธาดา หัสดีมหา
พรหมประเสริฐเลิศไกร  
๏ จงนำนพเทพเสด็จไป วิมานรถชัย
นามใครให้ตามชาตา  
๏ แบ่งปันวันคืนเวลา ทุ่มโมงนาฬิกา
นาฑีสี่บาทมาดหมาย  
๏ นาฑีสี่บาทบรรยาย คืนวันผันผาย
หนสิบนาฑีตรีวาร  
๏ ดาวฤกษ์ยี่สิบเจ็ดฐาน เวียนรอบจักรวาล
สิบสองราศีเป็นตรา  
๏ สององค์รับโองการลา พานพเทวา
รถาพิมานสถานหมาย  
๏ ที่หนึ่งพระสุริยาฉาย รถราชผาดผาย
ทั้งสี่ทวีปสว่างตา  
๏ ที่สองบุษบกจันทรา ดวงแก้วมุกดา
ราตรีนั้นสีสุกงาม  
๏ วิมานอังคารที่สาม ทับทิมอร่าม
แดงงามจำรัสรัศมี  
๏ พระพุธดวงดุจศุลี วิมานมณี
ดั้นเมฆลิบลับเมฆา  
๏ ที่ห้าพฤหัสบดีครูบา วิมานบุษรา
ดาราขาวเหลืองเรืองรอง  
๏ วิมานพระศุกรสีทอง ธรรมราชเรืองรอง
โชติช่วงยิ่งกว่าดวงดารา  
๏ วิมานพระเสาร์โสภา สีเขียวแมงดา
คือมรกตสดสี  
๏ ที่แปดราหูสุรี วิมานดำสี
คือนิลรัตน์วัตถา  
๏ วิมานพระเกตุดารา ฐานดอกบุษบา
แสงกล้าดังเพลิงเริงพราย  
๏ เกิดยุคขุกเข็ญอันตราย มนุษย์สัตว์ทั้งหลาย
สำแดงดวงเด่นเห็นงาม  
๏ สองสามราตรีสีทราม โรยร่วงไปตาม
เมฆหมอกกลบลับดับหาย  
๏ ธุมเกตุบอกเหตุมั่นหมาย ชีวิตร่างกาย
จะถึงซึ่งอนัตตา  
๏ ปางนั้นพระพรหมธาดา หัสดีมหา
ศรัทธาบเสื่อมเลื่อมใส  
๏ ดำริตริจบภพไตร ตำนานท่านไว้
สำหรับตรีภพโลกา  
๏ ไตรเพทเวทมนต์คาถา สรรพ์สิ่งวิชา
ตำราลงลักษณ์อักษร  
๑๑ จะเรียนเป็นโหรโหรา รู้ดารากำลังจร
สุริย์ฉันท์วันเกิดก่อน สามทางจรหกเดือนคลา
๏ สิ้นสาสน์แล้วกลับหลัง เป็นปีทั้งไปแลมา
สิบสองเดือนไม่เคลื่อนคลา คูณหารหาวันสงกรานต์
๏ ธิกมาสเติมเดือนขาด วันยังคลาดเติมธิกวาร
ผันผ่อนทอนตามการ อย่าโมหารค่อยตรึกตรา
๏ พระจันทร์จรนั้นเล่า ตัดฤกษ์เข้าออกไปมา
คิดเสร็จเจ็ดทิวา ลัดฤกษ์พาหาวันเพ็ง
๏ ขึ้นค่ำหนึ่งถึงสิบห้า ดวงจันทรากลมปลั่งเปล่ง
โชติช่วงจันทร์เมื่อวันเพ็ง ศุลีเล็งแก้วมุกดา
๏ ราหูเดินต่ำใต้ ถอยหลังไปบังจันทรา
ลางครั้งบังสุริยา ด้วยเวราผูกเวรกัน
๏ เทพทั้งสองส่องพิภพ คุณเหลอลบสุธาสวรรค์
ราหูปิดอาทิตย์จันทร์ องค์เธอนั้นใหญ่มหิมา
๏ ใครเห็นตกใจนัก สุรินทร์ยักษ์กินสุริยา
ราตรีกินจันทรา เหลือปัญญาจะช่วยกัน
๏ บ้างตีเกราะเคาะระฆัง ปืนปึงปังตีฆ้องขัน
ภาวนาสารพัน เสกเลขยันต์กันราคา
๏ อาบน้ำพราหมณ์ทำพิธี โอสถมีบ้างกินยา
หมายหายโรคอาตมา อุปราคายาขลังดี
๏ บ้างทำบุญแลให้ทาน ปลาข้าวสารหมากบุหรี่
ที่ยากไร้ให้ตามที ที่มั่งมีผ้าเงินตรา
๏ ทำบุญแทนคุณคืนวัน อาทิตย์จันทร์เทพทั้งสอง
ปลอดเปลื้องภัยดังใจปอง คงคืนส่องทั่วจักรวาล
๏ บุญเรื่องนี้โหรชีพราหมณ์ หาฤกษ์ยามได้รับทาน
ขัตติยามหาศาล ตรองทราบการเป็นมงคล
๏ ดาวพระเคราะห์ทั้งนั้นเล่า เดินออกเข้าอยู่สับสน
บ้างพักบ้างเสิกบ้างมล กับสุริยนไม่ต้องกัน
๏ เรียนรู้ดูสุริย์ยาตร ทางอากาศดาวผายผัน
สิบสองศีที่จักรนั้น กลางคืนวันเดินอัตรา
๏ เขาพระเมรุเป็นเสาจักร ดาวฤกษ์หลักจักรา
ยี่สิบเจ็ดเดินเวียนฟ้า ข้ายไปขวาชั่วกัปป์กัลป์
๏ ฝ่ายพวกพราหมณ์ทำพิธี วันเดือนปีถือสัตย์ธรรม์
กินถั่วงาข้าวเผือกมัน ภักษาพรรณอ้อยพร้าวตาล

ร่าย ผลาหารรสต่าง ๆ เค็มเกลือด่างอย่างโบราณ มหาศาลฉันเนืองนิตย์ มีชีวิตท่านห้ามหมด ตั้งใจอดกินแลฆ่า ทั้งกายาคาวกลิ่นรส ดังกำหนดพวกชีพราหมณ์ ให้ต้องตามบาลี เวทวิธีมนต์คาถา เชิญเทพมาตั้งพิธี ทุกเดือนปีสิบสองครั้ง ศีลสัจจังตั้งเป็นนิตย์ ถืออุกฤษฎ์ทางไสยศาสตร์ รู้คณะชาติแห่งมนุษย์ ดีบริสุทธิ์ชั่วสามานย์ สัตว์เดรฉานอันมีคุณ รู้จักบุญคุณแลบาป ไม่กล่าวหยาบออกวาจา แผ่เมตตาไปทุกทั่ว รักษาตัวครบดังนี้ ตั้งเป็นที่ชีพ่อพราหมณ์ หนึ่งออกนามพราหม์หมอเฒ่า รู้เสกเป่ามนต์โองการ เทวะสถานชาญแจ้งจบ ข้าวกำกลบเกลื่อนท่าทาง บังตาข้างป่าพงไพร ควาญหมอให้รู้บาศขอ ขี่ช้างต่อเรียนภาษา รู้ลักขณาสกูลคช ดีร้ายหมดทั้งกายา มนต์แฝกคากวาดอุบาทว์ คงคาสาดสระสนาน แจ้งจบการพลีคช จึงปรากฏนามหมอเฒ่า เสน่ห์ปู่เจ้าถ้ำเหวผา ทุ่งโป่งป่าท่าทางจร สังเวยพรบอกไปมา ตามตำราพระพรหเมศวร์ อันวิเศษสิทธิชัย

๑๖ ป่างเมื่อพระพรหมธาดา หัสดีพรหมมหา
คุณายิ่งล้ำสร้างสรรพ์  
๏ จารึกอักษรสรรพพรรณ พละเวทมนต์อัน
โองการนิบาตมาดหมาย  
๏ ค้นคว้าหาเหตุบรรยาย ไตรเพททั้งหลาย
สำหรับตรีภพจักรวาล  
๏ สอบสวนตกแต้มตามการ ตัดเพิ่มเติมสาร
เทียบทานค่อยนึกตรึกตรา  
๏ จำลองลานทองรจนา สรรพ์สิ่งวิชา
ตำรานี้จบครบครัน  
๏ จะถวายอิศวรทรงธรรม์ จำแนกแจกปัน
ทั้งสี่ทวีปโลกา  
๏ ปางองค์พระจอมจักรวา- สอิศวรอุมา
นารายณ์อันร่วมฤๅดี  
๏ สำเร็จเสร็จการพิธี ชุบเทพศุลี
ทั้งสี่ทวีปสว่างตา  
๏ พระเคราะห์เก้าองค์เทวา สำหรับโลกา
สิ้นลับจึงดับศูนย์ไป  
๏ กลับสถานพิมานเมืองไก- ลาสณมไห
มหิทธิแมนแดนสวรรค์  
๏ โภไคยไอศูรย์อนันต์ พรหมเทพธรธรรม์
ครุฑนาคสุรฤทธิ์วิทยา  
๏ พร้อมนางอัปสรกัลยา บำรุงบาทบริจา
คุณาพิภพจบสกล  
๏ หนึ่งองค์นารายณ์ฤทธิรณ กลับทมสินธุชล
บัลลังก์นาคินถิ่นสถาน  
๏ ปางองค์ปางทรงสำราญ ทุกเทพบปาน
ศฤงคารล้วนทิพบรรจง  
๏ สุรินทร์ทราบวิญญาทรง คิดใคร่ใจปลง
ว่าองค์สูงใหญ่ใครบทัน  
๏ แต่ฤทธิ์สิทธิน้อยครามครัน บเหมือนทรงธรรม์
อิศวรเจ้าภาพนภา  
๏ คิดใคร่ปลุกกายกายา ให้เรืองเดชา
ดั่งองค์พระอินทร์อิศวร  
๏ คิดแล้วตรองร่ำคร่ำครวญ ว่าพระอิศวร
ประสิทธิ์ด้วยฤทธิอันใด  
๏ อวยพรประเสริฐเลิศไกร สาปยับเยินไป
ชุบให้ก็เป็นขึ้นมา  
๏ อ่างแก้วใส่พระคงคา อยู่ท้ายปรางค์ปรา
เทวารักษากวดขัน  
๏ ชะรอยน้ำนั้นสำคัญ จะมีคุณอัน
ประเสริฐประสิทธิ์ฤทธี  
๏ จำจะเลียบเลียมดูที กินอาบวารี
เห็นว่าจะดีมีคุณ  
๏ ลองเพียรพยายามตามบุญ กุศลค้ำจุน
เผื่อบุญจะสมจินดา  
๏ คิดแล้วเหาะรีบไคลคลา บังปิดเมฆา
สุริยามืดมิดมัวมล  
๏ เทวานางฟ้าอลวน บแจ้งแสงผล
มืดมนเหาะปะทะกัน  
๏ หวีดหวาดบอาจผายผัน ใดหนออัศจรรย์
ทุกวันแต่ก่อนห่อนเป็น  
๏ เหตุนี้กลียุคเย็ญ เบิกเนตรบเห็น
ดูเป็นโลกันต์ฉันใด  
๏ ราหูสุรินทร์ยินใจ เหาะตรงลงไป
อ่างน้ำสุรามฤตฤทธี  
๏ บริโภคโสกสรงวารี สมถวิลยินดี
ก็มีมโนโมหาร  
๏ ปางอิศวรเนาสถาน ปรางค์รัตนพิมาน
เห็นดำมืดทั่วมัวไป  
๏ ไม่ทราบเหตุผลกลใด ข้างหน้าข้างใน
บ้างเรียกบ้างร้องก้องกลัว  
๏ แลไปมิได้เห็นตัว ดำมืดมัวซัว
ไปทั่วพิภพนภา  
๏ ทรงฌานญาณทราบวิญญา ราหูจู่มา
สำแดงฤทธาฮึกหาญ  
๏ บังสุริยนอนธการ ใจเป็นโจรพาล
อยากมีอำนาจอาจองค์  
๏ ลักเอาน้ำทิพย์กินสรง กำเริบทะนง
ว่าฤทธิไกรใครจะปาน  
๏ ทรงจับจักรประลัยกาล ขว้างไปสังหาร
ราหูก็ขาดกลางกาย  
๏ สลบซบเศียรเจียนวาย น้ำทิพย์ติดกาย
แผลหายไม่เจ็บเหน็บชา  
๏ สองท่อนซ้อนกันกายา สุรินทรา-
หูฟื้นได้สมประดี  
๏ ทำผิดคิดกลัวจักรี เหาะรีบจรลี
ยังสถานพิมานอาศัย  
๏ ซ่อนตัวกลัวพระจอมไตร บแถลงแจ้งใคร
ตั้งใจจำศีลภาวนา  
๏ ฝ่ายเขาไกลาสนัครา สีแสงแจ้งตา
ทั้งแก้วมณีสีฉัน  
๏ เทวานางฟ้าพากัน สรรเสริญจักรอัน
ตัดบั่นสุรินทร์สิ้นหาย  
๏ ต่างจับระบำรำถวาย สุขเกษมเปรมปราย
ดนตรีคีตขานสานเสียง  
๏ เอ่ยหวนครวญคร่ำสำเนียง ให้โหยโรยเรียง
เสียงเพลงสวรรค์ดั้นดง  
๏ พัดชามยุราร่อนลง หักเหียนเวียนวง
ย่อองค์รำฟ้อนร่อนรา  
๏ ถวายเสียงถวายพรลา เหาะตั้งพักตรา
ยังทิพยวิมานปานหมาย  
๏ สวรรค์ทุกชั้นสุขสบาย อิศวรนารายณ์
อุดมพระธาดาพรหม  
๏ สามภพจบโลกนิยม เทวินทร์อินทร์พรหม
บังคมบาทเบื้องบทมาลย์  
๏ ปางนั้นพระยากรการ ภพใต้บาดาล
เกิดพร้อมกับพระปัถพี  
๏ โอษฐ์อมดวงแก้วมณี สุกแสงอัคคี
จรลีแก้ววางกลางเศียร  
๏ รุ่งโรจน์โชติช่วงดวงเทียน แสงไกลหมายเจียน
พันโยชน์จึงสุดสิ้นแสง  
๏ เรืองฤทธิ์ประสิทธิ์สำแดง ต่างเพศพรรณแปลง
เหาะเหิรเดินดั้นเมฆา  
๏ แปลงเพศเป็นองค์เทวา สมสุขเสน่หา
กัลยามังกรสรสวรรค์  
๏ เนิ่นมากัลยาทรงครรภ์ ประสูตบุตรพลัน
นางนั้นชื่อนางเมขลา  
๏ อรองค์ทรงโฉมโสภา ทรงเบ็ญจกัลยา
ฉวีมาลีอัญชัน  
๏ บิดามารดารับขวัญ เสนหาอานันต์
เทียบทันกับดวงชีวา  
๏ ครั้นจำเริญวัยชายา กลิ่นหอมมณฑา
เทวาทั้งหลายหมายปอง  
๏ ท้าวมังกรอัปสรสอง ฤๅดีปรองดอง
บุตรของเรางามทรามชม  
๏ จะถวายอิศวรยินยม สุขสมาคม
ภิรมชอบรสกามา  
๏ ว่าแล้วพาแก้วกัลยา ทั้งสามยาตรา
ยังหน้าพิมานเมศวร  
๏ ก้มเกล้านบท้าวโดยควร ปางพระเมศวร
สำรวลเรียกหาพาที  
๏ ไต่ถามตามทุกข์สุขมี พาพระบุตรี
มานี่ด้วยเพื่ออันใด  
๏ ท้าวมังกรการทูลไท เจ้าจอมภพไตร
ด้วยใจจงรักภักดี  
๏ เกิดสวรรค์ชั้นฟ้าปัถพี พึ่งฝ่าธุลี
มานี้ด้วยมีกตัญญู  
๏ มณีบุตรีงามตรู ถวายกับพระผู้
ทรงสร้างพิภพจักรวาล  
๏ ขอพรสองข้าสำราญ สุขเสมอนิพพาน
สิ้นภัทรกัปป์ดับศูนย์  
๏ ปางอิศวรยินคำทูล ทรงอนุกูล
พรประสิทธิ์ดังคิดหมาย  
๏ สององค์จงสุขอย่าวาย สิ้นดับกัปป์หาย
ดังปัจจโยมโหฬาร  
๏ แล้วรับดวงแก้วฤทธิการ เมขลายุพาล
สถานข้างที่ปรีดา  
๏ ท้าวมังกรการกัลยา สองถวายบังคมลา
ไปทิพย์พิมานนิพพานพรหม  
๏ ปางอิศวรเธอยินชม มณีภิรม
ทั้งนางเมขลายาใจ  
๏ สบสวรรค์เนิ่นวันนานไป อัปสรเทพไทย
ต่างนึกแล้วนิ่งกริ่งเกรง  
๏ ตรองตริดิษรองค์เอง เหมือนคนละเวง
ร้องเพลงขับร่ำรำพา  
๏ ตัวเราเจ้าจอมโลกา คู่สร้างอุมา
จะสมจะสู่อยู่นาน  
๏ จึงทรงนฤมิตพิมาน ทองแก้วไพรการ
ประทานกับนางเมขลา  
๏ สั่งให้เฝ้าเป็นเวลา วันเวรขึ้นมา
ขัดสีมณีดีงาม  
๏ เมขลาวันทาทูลถาม โปรดให้เวรยาม
ทรงความนี้เพื่ออันใด  
๏ องค์เธอตรัสแปรแก้ไข อันองค์อรทัย
ใช่นางสนมนานา  
๏ เป็นรององคอุมา เดิมสามกัลยา
เจ้ามาเป็นที่สี่นาง  
๏ วิมานทองแก้วยอดปรางค์ ที่สี่พลางพลาง
เป็นนางสวรรค์ชั้นดี  
๏ เมขลาทูลลาจรลี สู่ปรางค์มณี
เป็นที่ภิญโญรโหฐาน  
๏ เวรยามเฝ้าตามโปรดปราน เป็นสุขสำราญ
ภูบาลเมตตาปราณี  
๏ ฝ่ายพระอุมาภควดี ไม่เบียดเสียดสี
เปรมปรีดิ์เป็นสุขสำราญ  
๏ ธรรมเนียมพิภพจักรวาล จตุธาตุบันดาล
มนุษย์เทวัญพรรณมี  
๏ คงคาวายุพัดปัถพี พิรุณอัคคี
ทั้งสี่ให้สัตว์ปฏิสนธิ์  
๏ ปางปาติกะเป็นตน เกิดที่ชุมชน
มีจิตต์วิญญาสารพัน  
๏ ยักษ์หนึ่งชื่อเหมหิรัญ ฤทธิแรงแข็งขัน
กุมภัณฑ์จะม้วนสุธา  
๏ อิศวรประสาทนารายณ์ สังหารชีวา
สุรามอดม้วยวายชนม์  
๏ จุติปฏิสนธิ์เบื้องบน ก้อนเมฆลมฝน
เป็นตนยักษากล้าหาญ  
๏ นามรามสูรขุนมาร เสียงก้องจักรวาล
ฮึกหาญคะนองลองฤทธิ์  
๏ พิรุณโปรยปรายรายทิศ ศูนย์ไปเป็นนิจ
เพื่อนฝนด้วยปฏิสนธิ์มา  
๏ พิมานปานเมฆเมฆา แสงสีนานา
วายุวาเป็นอาหาร  
๏ สองมือถืออาวุธขวาน คู่สร้างล้างผลาญ
กับเมขลานารี  
๏ เที่ยวสวรรค์กลับดั้นปัถพี ถ้ำเขาคิรี
จรลีมาพบราหู  
๏ ต่างคนต่างเห็นเอ็นดู ไต่ถามนามตู
ยอมเป็นเพื่อนมิตรสนิทกัน  
๏ ต่างคนต่างลาจรจรัล ยังพิมานอัน
เป็นสุขอยู่ทุกทิวา  
๏ จะกล่าวกลับเรื่องเมขลา สุขเกษมเปรมปรา
สถานพิมานเมืองสวรรค์  
๏ ปางเวรเวรุมาทัน ดลจิตต์กระสัน
นิยมบสมจินดา  
๏ เข้าเวรยามวันเพลา เฝ้าบาทมุลิกา
รักษาดวงแก้วมณี  
๏ อีกสักกี่วันกีปี เว้นว่างจะมี
ทำนี้ผู้เดียวเคี่ยวเข็ญ  
๏ อิดระอาใจไม่เว้น เวรกรรมทำเข็ญ
จะเพียรทำอยู่คู่ใคร  
๏ สามวันตามเสด็จจอมไตร อุมาอรทัย
เสด็จไปอ่างแก้วมณี  
๏ สององค์สรงเสวยวารี ทิพสุขสวัสดี
เรานี้เปล่าไปใช่การ  
๏ โสกาน้อยหน้าเยาวมาลย์ ขุ่นแค้นรำคาญ
ปานสิ้นชีวาอาสัญญ์  
๏ บิตุเรศมารดรจรจรัล นิพพานพรหมอัน
ที่สุดสวรรค์ชั้นบน  
๏ ตามไปใช่ที่เคยตน เที่ยวเร่เหหน
หาสุขหายทุกข์กรมใจ  
๏ ตรึกพลันวันเวรอรทัย ตามเคยขึ้นไป
ชำระมณีสีฉัน  
๏ เวลาอิศวรประทมวัน แท่นแก้วแพรวพรรณ
ระงับจิตต์นิทรารมณ์  
๏ เมขลาจินดาได้สม กุมแก้วบังคม
ชื่นชมกลับยังพิมาน  
๏ ถึงแล้ววางแก้วนมัสการ ตั้งอธิษฐาน
คุณบิตุเรศมารดร  
๏ แต่งข้าหมายว่าถาวร กลับได้เดือดร้อน
ขอพรประสิทธิ์จินดา  
๏ นึกใดได้ดังปรารถนา เรืองฤทธิ์เดชา
ใครหาอย่าสบพบกาย  
๏ หนึ่งเทพอาวุธทั้งหลาย คลาดแคล้วร่างกาย
ศูนย์หายอย่างข้องต้องพาน  
๏ ชายใดอย่าได้แผ้วพาน ชั่วกาลาวสาน
เหมือนปานชาตินี้มีกรรม  
๏ อธิษฐานศีลทานเคยทำ ระงับดับกรรม
ที่คิดนิยมสมหมาย  
๏ บังเนตรเทเวศร์ทั้งหลาย กุมแก้วผันผาย
ไปอ่างน้ำสุรามฤต  
๏ กินสรงคงคาประสิทธิ์ กำแหงแรงฤทธิ์
อุกฤษฎ์พระเวทมนตรา  
๏ เสร็จแล้วกุมแก้วจรคลา เหาะดั้นเมฆา
เทวานางฟ้าบเห็น  
๏ โยนแก้วแล้วรับวับเป็น แสงอัคคีเห็น
แปลงปลาบวาบวับจับตา  
๏ ดั้นด้นชนฝนเวหา สาครคงคา
ภูผาธารถ้ำรำจร  
๏ ชมป่าหิมวันต์ทันดร แสนสุขสโมสร
บังอรเกษมเปรมใจ  
๏ มิได้ซ่อนตัวกลัวภัย เตร็ดเตริ่นเนินไศล
สิ้นทุกข์ได้สุขสำราญ  
๏ ปางอิศวรทัศนาการ ไม่เห็นเยาวมาลย์
นวลนางเมขลายาไจ  
๏ มณีบนที่หายไป คู่องค์อรทัย
สาวใช้รีบไปหามา  
๏ เฝ้าที่จรลีเที่ยวหา ทุกห้องปรางค์ปรา
มิได้พบองค์นงคราญ  
๏ เทวานางฟ้าทุกวิมาน อินทร์พรหมยมกาล
ขุนมารครุฑาวาสุกรี  
๏ พากันค้นหาเทวี เจ็ดชั้นบมี
ที่สุดสวรรค์ชั้นบน  
๏ ซอนซอกเข้าหมอกออกฝน ผลัดเปลี่ยนเวียนวน
เที่ยวค้นไม่ยลจนใจ  
๏ ล่องลงสุธาหาไป ตรอกเตริ่นเนินไศล
ทั้งสระแลบ่อท่อธาร  
๏ สาครทันดรดงดาน ป่าไม้หิมพานต์
ภูเขาแลถ้ำอำไพ  
๏ เห็นแต่แสงวาบแววไว คว้าจับดับไป
จนใจสุดสิ้นวิญญา  
๏ สิ้นคิดสุดฤทธิ์เที่ยวหา พร้อมกันปรึกษา
เฝ้าทูลกิจจาโดยจง  
๏ พร้อมกันขึ้นเฝ้าบาทบงสุ์ พระผู้ดำรง
พิภพจบจักรวาล  
๏ เสด็จเหนือแท่นแก้วลงการ โรงรัตนพิมาน
โองการตรัสถามเทวา  
๏ พร้อมหน้าหาแก้วกัลยา ได้เรื่องราวมา
ชายาไปอยู่แห่งใด  
๏ ต่างท้าวทั่วเทพทูลไท เจ็ดสวรรค์ขั้นใต้
หาไปไม่พบสบนาง  
๏ เห็นแสงดุจเพลิงเริงราง ยิ่งตามยิ่งห่าง
แล้วดับแล้วกลับสว่างหลัง  
๏ แวบวาบปลาบแปลบทั่วทั้ง สิบทิศดุจดัง
พะเนียงเพลิงอันเริงแรง  
๏ พากันล้อมจับลับแสง ล้อเลียนเปลี่ยนแปลง
หลอนเล่นให้เห็นฤทธี  
๏ อิศวรทรงทราบคดี สำแดงฤทธี
ทั้งนี้ด้วยเหตุอันใด  
๏ ทรงญานญาณทราบพระทัย เมขลายาใจ
จะได้คู่สร้างล้างผลาญ  
๏ เกิดแล้วรามสูรขุนมาร คู่เคี่ยวนงคราญ
นานสิ้นพิภพโลกา  
๏ พระองค์ยังทรงกรุณา ทราบเวรเมขลา
บเอื้อนออกอรรถตรัสใคร  
๏ ปางพระราหูสุรไกร กราบทูลท้าวไท
ข้าขออาสาฝาธุลี  
๏ จะให้รามสูรอสุรี ตามดวงมณี
สตรีเมขลาพาไป  
๏ ได้แล้วดวงแก้วอรทัย จะถวายจอมไตร
ผิดไว้จงโปรดปราณี  
๏ อิศวรยินสวนสุรี พระทัยเปรมปรีดิ์
ราหูทำผิดคิดกลัว  
๏ จะทำราชการแก้ตัว โทษทัณฑ์พันพัว
ให้หมดมลทินสิ้นหาย  
๏ เมตตาไม่ว่าให้อาย กับเทพทั้งหลาย
ขวนขวายหาของสนองคุณ  
๏ ติดตามนางงามตามบุญ กุศลค้ำจุน
เผื่อบุญจะพบชายา  
๏ ได้แล้วดวงแก้วส่งมา แต่นางเมขลา
ศฤงคารพิมานสรรพสรรพ์  
๏ ใครได้ให้เป็นรางวัล มีความชอบครัน
ผู้นั้นใครไม่เสมอสอง  
๏ ควรคู่อยู่พิมานทอง เร่งคิดตรึกตรอง
อย่าช้าจับมาเร็วพลัน  
๏ ราหูนิยมคมคัล ทูลลาจรจรัล
เหาะดั้นด้นตามรามสูร  
๏ พบแล้วบอกเล่าเค้ามูล ข้าอนุกูล
รับมาให้ได้รางวัล  
๏ รามสูรทราบโสตกระสัน เสนหานางนั้น
เหมือนขวัญมาสู่กายา  
๏ โสมนัสยินดีปรีดา โอแก้วนัยนา
เมขลาจะอยู่แห่งใด  
๏ ตัวเราอยู่เดียวเปลี่ยวใจ ครั้งนี้จะได้
อรทัยเป็นคู่ชูชม  
๏ สหายอย่าได้ปรารมภ์ จับให้ได้สม
นิยมท่านอาสามา  
๏ หญิงเดียวท่องเที่ยวเมฆา ไม่พ้นหัตถา
ถ้าช้าในสามราตรี  
๏ ราหูฟังยินวาที ประมาทสตรี
นางนี้ฤทธากล้าหาญ  
๏ เป็นบุตรท้าวมังกรการ ถือแก้วแสงฉาน
เยาวมาลย์นั้นยอดสตรี  
๏ สรงน้ำอมฤตสิทธิ์ดี ศูนย์กายเทวี
สุรีจะทำฉันใด  
๏ รามสูรว่ายวานฤทธิไกร เราจะขว้างไป
ผูกมัดรัดหัตถ์กายนาง  
๏ เชิญท่านกลับไปคอยพลาง เราจับได้นาง
วันค่ำท่านนำทูลถวาย  
๏ สุรินทร์ยินคำสหาย ลาพลันผันผาย
สถานพิมานภูผา  
๏ เหนือรัตนบัลลังก์ศิลา คอยสหายพา
นางเมขลาไปทูลถวาย  
๏ ปางรามสูรคำนึงหมาย รับคำสหาย
แต่งกายสำหรับกายา  
๏ กุมขวานสองหัตถ์ซ้ายขวา เหาะดั้นเมฆา
ค้นหาเมขลานารี  
๏ ยลแสงแกว่งแก้วสว่างสี เหาะตามเทวี
พบเมขลายาใจ  
๏ เกือบใกล้แล้วไกลห่างไป วับแวมไวไว
ตามไปแลลับกลับหลัง  
๏ รามสูรไขว่คว้าพะว้าพะวัง ร้องโกนเสียงดัง
ขาววังคนนี้หนีมา  
๏ เราเป็นกองตระเวนเวหา ใครไปใครมา
ต้องหยุดบอกเล่าเข้าใจ  
๏ แก้วของอิศวรหายไป ใครเหาะไวไว
หยุดให้สำรวจตรวจตรา  
๏ แม้นขืนดื้อไปไม่มา ขวานเรานี้นา
ขว้างถูกกายาวายปราณ  
๏ ไม่มีไมตรีสงสาร ตัดรักหักหาญ
ขุนมารไม่ไว้ชีวี  
๏ คืนแก้วถวายโดยดี ความผิดเทวี
เราทูลยขอโทษโปรดปราน  
๏ แล้วจะขอองค์นงคราญ คู่ทำราชการ
เยาวมาลย์ไม่ม้วยวายชนม์  
๏ เมขลาฟังสูรกล่าวกล สรวลเยาะเหาะด้น
เมฆลับขยับมณี  
๏ แปลบปลาบวาบตาสุรี ขว้างขวานสุนี
ปัถพีกัมปนาทหวาดไหว  
๏ เมขลาเล็งญาณชาญชัย ทราบดวงหฤทัย
มีในสันดานเดิมมา  
๏ แจ้งแล้วร้องเหวยยักษา กำเนิดอสุรา
ชาวป่าถือขวานรานดง  
๏ ได้ทำที่พักแห่งสงฆ์ บุญส่งชีพปลง
ปฏิสนธิ์เป็นองค์ยักษา  
๏ นามเหมหิรัญสุรา กินสัตว์นานา
อหังการ์คะนองลองฤทธิ์  
๏ จะม้วนปัฏพีสี่ทิศ องค์พระจักษกฤษณ์
สังหารชีวิตมรณา  
๏ ปฏิสนธิ์ด้วยฝนเมฆา นามรามสุรา
ศัสตราคือขวานรานฟิน  
๏ ไม่ควรอาสาฝ่าฝืน เราใช่ไม้ฟืน
ยังขืนขว้างเปรี้ยงเสียงดัง  
๏ เชิญไปทำไร่ดงรัง เห็นจะสมหวัง
จับเราทำไมใช่การ  
๏ เราลุโสดามรรคญาณ ขาดกิเลสมาร
คนพาลเราไม่ไยดี  
๏ รามสูรฟังนางวาที เลิกชาติสุรี
ยักษีกริ้วโกรธโกรธา  
๏ ขว้างขวานสังหารเมขลา ไม่ต้องชายา
ยักษาขว้างร่ำคำรน  
๏ แก้วสว่างขวานขว้างกลางหน พะยับพยุฝน
ระคนทำนุกคลุกคลี  
๏ พิรุณโปรยโรยปัถพี ฤดูเดือนปี
ทั้งสี่ทวีปจักรวาล  
๏ มากน้อยหยดย้อยตามกาล จตุธาตุบันดาล
กุศลกรรม์สัตว์อุบัติเป็น  
๏ ที่อุดมสมสุขใจเย็น น้อยยุคขุกเข็ญ
เพราะพาลวิบัติสัตว์กรรม  
๏ พฤกษาธัญญานาทำ สุดแต่ฝนนำ
แฉะฉ่ำชุ่มชื่นพื้นดิน  
๏ จุติปฏิสนธิ์ปัถพิน พุทธไสยใครยิน
ขอบไหนก็ไปตามกาล  
๏ ตัดเฉลิมเติมคำบุราณ เป็นเรื่องนิทาน
ตำนานสิ้นจบบริบูรณ์  
๏ ปางอิศวรองค์อุมา พระพรหมธาดา
นารายณ์อันร่วมฤทัย  
๏ สี่องค์ทรงภพไตร สุธาสวรรค์ชั้นใด
ขาดไปเพิ่มให้บริบูรณ์  
๏ เทพใดแจ้งใจกราบทูล จะเฉลิมเพิ่มพูน
ตำนูญบอกข้อต่อกัน  
๏ ทรงเทพทุกปางนางสวรรค์ ทูลต่างอย่างกัน
ตามรู้ตามเห็นเป็นดี  
๏ แต่นางอากาศจารี ขาดเวรเทวี
คุลีซึ่งรสโอชา  
๏ ลืมไปมิได้ขึ้นมา ถวายทิพย์โอชา
นิทราประมาทขาดวัน  
๏ ให้หานางมาเร็วพลัน ตัดมวยด้วยขรรค์
สาปสรรให้อมอัคคี  
๏ อยู่กลางอากาศปัถพี พ่นลูกอัคคี
คือกาลุบาทว์ประสาทสรรพ์  
๏ แปดครั้งพ่นทั้งคืนวัน แปดทิศทั่วกัน
แสดงซึ่งเหตุอันตราย  
๏ ตกไหนได้ความฉิบหาย มนุษย์สัตว์ตาย
เรือนโรงแลต้นพฤกษา  
๏ สาปสรรนางนั้นทรมา ม้วยดินสิ้นฟ้า
จึงไปพ้นทุกข์สุขสวรรค์  
๏ เมาฬีแบ่งสีซ้อนปัน ให้ทรงสาปสรร
เป็นอัศวราชสี่ตระกูล  
๏ ใช้เป็นอาสนตามมูล ภัทรกัปป์ดับศูนย์
สิบชาติเป็นอาสน์อาชา  
๏ ส่วนหนึ่งอิศวรจินตนา วสาหกสองอา-
ชาผู้เมียอย่าเสียพงศ์  
๏ ที่สองภัควตีดาลทรง นามสินธพผจง
อยู่วารินเป็นถิ่นสถาน  
๏ คู่สามวลาหกทรมาน ฝั่งเกาะลำธาร
จึงให้พบประสพสม  
๏ เมียผู้สองอยู่สมาคม สมชาตินิยม
ด้วยฤทธิแรงคำแหงหาญ  
๏ สุดสิ้นวารินถิ่นสถาน พ้นทุกข์ทรมาน
บุญแลกรรมจงนำไป  
๏ ส่วนสามนารายณ์ฤทธิไกร ชุบอาชาไนย
สองม้าเมียผู้คู่กัน  
๏ สืบพงศ์เผ่าพวกพืชพันธุ์ เป็นอาสนอัน
มนุษย์เทวาอาศัย  
๏ กว่าสิ้นดินน้ำลมไฟ สิ้นสาปภูวไนย
ตามใจแต่ม้าอาชา  
๏ ส่วนสี่พระพรหมธาดา สาปเส้นเกศา
ให้เป็นสองม้าอัสดร  
๏ เมียผู้เที่ยวอยู่สิงขร เหาะบนอัมพร
เป็นอาสน์ผู้เรืองฤทธิไกร  
๏ ศูนย์สิ้นเขาเขินเนินไศล พฤกษาป่าไม้
จึ่งให้พ้นสาปหลาบจำ  
๏ จงไปตามบาปบุญทำ สิ่งใดแรงนำ
บุญกรรมก็ตามปรารถนา  
๏ อิศวรสั่งจิตรเทวา นำแปดอาชา
ไปดงประทุมฉัททันต์  
๏ สระโบกขรณีใหญ่ครัน น้ำลึกใสอัน
บริสุทธิ์ยิ่งมุจลินท์  
๏ ฤๅษีสี่องค์ทรงศิล ธัญญวาริน
ของฉันพระสิทธฤๅษี  
๏ องค์หนึ่งนามอักขมุขี ทรงอิทธิฤทธี
เหาะเหิรเดินดั้นเมฆา  
๏ จงนำอัศวราชจรคลา มอบพระสิทธา
รักษากว่าดับกัปป์กัลป์  
๏ ปางจิตรเทเวศร์คมคัล นำอัศวผายผัน
ดงฉัททันต์พระฤๅษี  
๏ ครั้งถึงซึ่งคันธกุฎี วันทามุนี
สำแดงคดีโดยจง  
๏ ตามรับสั่งอิศวรทรง มอบม้าสี่พงศ์
กับองค์พระสิทธฤๅษี  
๏ ให้ใช้ฝึกหัดทวนคลี น้อยใหญ่เร็วดี
ฤทธีกล้าหาญการณรงค์  
๏ สืบลูกหลานเหล่าเผ่าพงศ์ สี่ชาติให้คง
สำหรับพิภพจักรวาล  
๏ ทั้งสี่มุนีทราบสาร คมบาทบทมาลย์
ประทานซึ่งมิ่งมังคลา  
๏ พระคุณครอบเกล้าอาตมา จะเลี้ยงรักษา
อาชาให้มากบริบูรณ์  
๏ จิตรบทรับพจน์สั่งทูล เสนอสนองตามมูล
สิทธอภิวาทบาทบงสุ์  
๏ สิ้นคดีชุลีลาลง จอมภพสี่องค์
กลับยังสถานพิมานหมาย  
๏ ปางองค์ปางทรงสุขสบาย บำรุงโลกหลาย
ต่างหมายประโยชน์โพธิญาณ  
๏ ศูนย์ดับลับไปนิพพาน ปัจจโยโอฬาร
สำราญอย่างยิ่งจริงจริงเอย  
๑๖ ปางสุรมุลาขินี เกิดด้วยอัคคี
สุรีฤทธิแรงแข็งขัน  
๏ อำนาจพระเพลิงสร้างสรรค์ เนตรโสตโอฐอัน
กายนั้นคือธาตุอัคคี  
๏ อาหารเที่ยวผลาญชีวี ครุฑานาคี
มนุษย์แลสัตว์นานา  
๏ พ่นไฟไปถูกกายา สัตว์ม้วยมรณา
สุรากินเป็นอาหาร  
๏ เนตรดุจไฟประลัยกาล โสตสองขุนมาร
ปานเพลิงพะเนียงเสียงฟู  
๏ พบใครห่อนได้เอ็นดู ไฟอ้อมล้อมวู
กินเล่นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  
๏ จะหนีลี้ไปไม่ทัน กลัวงกอกสั่น
คืนวันไม่รู้จู่มา  
๏ ฝ่ายฤๅษีสิทธ์วิทยา กลัวม้วยมรณา
ลงสู่สระบ่อท่อธาร  
๏ ดำผุดมุดมอนซ่อนมาร อดอยากอาหาร
ฉันแต่รากเง่าทุมา  
๏ เทเวศร์ทราบเหตุยักษา เหาะยังสิทธา
ปรึกษากันทูลบาทบงสุ์  
๏ ฤๅสิทธ์พร้อมจิตต์ใจปลง ขึ้นเฝ้าพระองค์
ผู้ทรงพิภพจักรวาล  
๏ กราบทูลมูลเหตุสุรการ พ่นเพลิงสังหาร
มนุษย์สัตว์ตายหลายพัน  
๏ ราตรีตาสีสว่างครัน หนีไม่พ้นมัน
สัตว์นั้นถึงกรรมจำใจ  
๏ มนุษย์ฤๅษีชีไพร ซ่อนตัวกลัวภัย
ลงสู่สระน้ำลำธาร  
๏ อดนอนอดกินอาหาร ได้ทุกข์ทรมาน
พระองค์จงทรงเมตตา  
๏ ปางอินทร์ยินคำสิทธา ทรงญาณปัญญา
ก็ทราบสันดานสุรี  
๏ สุรกลปฏิสนธิ์อัคคี นามมุลาขินี
เวรีกินสัตว์สัตวกรรม  
๏ จุลาจลพวกอกุศลนำ สิ้นบาปกรรมทำ
ก็ศูนย์หายละลายไป  
๏ ฤๅษีชาวดงพงไพร หากกลัวเกรงภัย
ไม่รู้สุรินทร์จะสิ้นศูนย์  
๏ ตรัสว่าสิทธามาทูล จะเสด็จนุกูล
ผลาญยักษ์ให้ยับอัปรา  
๏ ปาฏิหาริย์ด้วยฌานเดชา ถึงสุรมุลา-
ขินีร้ายแรงแผลงฤทธิ์  
๏ พ่นเป็นอัคคีสี่ทิศ ล้อมองค์บพิตร
เป็นไฟไหม้กลุ้มหุ้มองค์  
๏ อิศวรสำแดงฤทธิรงค์ ย่างพระบาทลง
เหยียบบ่ามุลาขินี  
๏ เผยทวารอำมฤตวารี ดับซึ่งอัคคี
ยักษีก็ม้วยวายปราณ  
๏ ทืบบาทบนบ่าสุรการ จมลงบาดาล
ประทานชื่อกรุงพาลี  
๏ สาปให้เฝ้าพื้นปัถพี เป็นพรรณภูตผี
อย่ามีอำนาจเดชา  
๏ ใครทำตึกเรือนเคหา สร้างสวนไร่นา
นคราปราสาทมนเทียร  
๏ กุฏีโบสถ์พิหารการเปรียญ ดอกไม้ธูปเทียน
กาบกล้วยทำบัตรมุมตรี  
๏ ผักซ่าปลายำตามมี เส้นกรุงพาลี
สวัสดีอยู่สุขสำราญ  
๏ สาปให้สุรได้ทรมาน สิ้นภพจักรวาล
ภูตมารไปตามอัธยา  
๏ ติดต่อขะลอเรื่องบุรา ปางหลังว่ามา
จะเท็จหรือจริงกริ่งเกรง  
๏ ฟังดูคู่ดูละเวง ขับร่ำทำเพลง
นักเลงสุรากล้าใจ  
๏ ดูฟังปลงอนิจจังไป พิศวงหลงใหล
กลับใจคิดถึงอาตมา  
๏ ทวดึงสะอนัตตา พยาธิชรา
อนัตตาแม่นแท้แน่ใจ  
๏ อนึ่งถ้าสัมผัสสิ่งใด พิจารณาไป
ให้เห็นสงสารนิพพาน  
๏ สิ่งใดไม่เป็นแก่นสาร เห็นแต่โพธิญาณ
นิพพานค่อยใกล้ไปเอย  
สิ้นแสดงนิตยเหรื้อง สุริยงค์
จันทรราหูจิตต์ปลง ยาตรเก้า
เป็นพระเคราะห์เนาวองค์ สมปรารถ- นาพ่อ
เวียนพิภพสี่เต้า เคียดน้อยนานกัลป์ ๚ะ
รามสูรโสตทราบเหรื้อง เมขลา
นามนุชสุดเสนหา อยากได้
ฤทธิแรงแข่งอาสา จับนาง แก้วเอย
นางหลอกล่อสุรไหล้ ภพม้วยจึ่งศูนย์ ๚ะ
สูรเมขลาเกิดด้วย น้ำลม
พัดกระทบประทม กึกก้อง
เกิดไฟประกายลม แวบแปลบ ตานา
ปลาบเปรี้ยง เสียงร่ำร้อง เกิดด้วยลมฝน ๚ะ
อสุรหนึ่งเกิดด้วยธาตุ อัคคี
นามมุลาขินี ฤทธิกล้า
อาหารผลาญชีวี ทุกเมื่อ
สิทธฤๅษีหนีหล้า มุดน้ำดำดิน ๚ะ
เทเวศร์ทราบเหตุแล้ว ปรึกษา
ชุมพระสิทธ์พร้อมดา- บสเฝ้า
ทูลอิศวรเรื่องมุลา ทรงทราบ
เป็นกรุงพาลีเท้า ภพม้วย มันศูนย์ ๚ะ
อากาศจารีขาดเฝ้า เวรวัน
โทษตัดมวยด้วยขรรค์ ขาดหวิ้น
ตัวก็ถูกสาปสรร พ่นอุ- บาทว์นา
คืนละแปดทิศสิ้น สุดหล้าฟ้าดิน ๚ะ
สาปมวยเป็นมิ่งม้า สี่สกุล
สืบชาติพงศ์ประยูร ชั่วหล้า
ภัทรกัปป์ดับภพสูญ สาปสิ้น
นางจะคืนคงฟ้า อยู่ได้โดยบุญ ๚ะ
เสร็จพระอิศวรสร้าง สาปสรร
พระภัควดีบรร- เจิดหล้า
นารายณ์ฤทธิ์ศรขรรค์ ปราบยุค เข็ญเอย
พรหมธาดาแต่งฟ้า สาปให้คืนวัน ๚ะ
จตุรธาตุเกิดสรรพ์ทั้ง ผลผลา
ทั้งกระยาภักษา หญ้าไม้
มนุษย์สัตว์เทพา ชีพต่าง ต่างเอย
บุญพระสร้างภพให้ โลกนี้บริบูณ์ ๚ะ
๑๐ ห้าพระองค์พุทธสร้าง โพธิญาณ
สำเร็จสู่นิพพาน สี่แล้ว
ตรัสหลังพระศรีอาริย์ ครบห้า องค์เอย
มงคลจักรวาลแผ้ว ธาตุล้างโลกศูนย์ ๚ะ
๑๑ เครื่องประดับสรรพนั้น สงสาร สัตว์เอย
สุขแลทุกข์ทรมาน เที่ยงแท้
วิญญาแลวิญญาณ อวิญ ก็ดี
เกิดดับกลับเกิดแหน้ ทุกหล้าเลยสรวง ๚ะ
๏ บาปธรรมสิบสี่นั้น นำจิตต์
สกิทาคาปลิด ปลดทิ้ง
สัตย์ธรรมนำใจคิด กอปเพียร เพิ่มนา
ดุจเดินลวดลูกกลิ้ง เสร็จด้วยหัดปรือ ๚ะ
๑๓ คชาวายุภักษ์เจ้า คลังแสดง
สิ้นสมุดสุดแถลง กล่าวถ้อย
ผูกใส่ตั้งใจแจง เกรียกกราง กรองนา
ได้ระเบียบเรียบร้อย เรื่องนั้นบริบูรณ์ ๚ะ

จบ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ