ตะเลงพ่าย

ร่าย

ศรีสวัสดิเดชะ ชนะราชอรินทร์ ยินพระยศเกริกเกรียง เพียงพกแผ่นฟากฟ้า หล้าล่มเลื่องชัยเชวง เกรงพระเกียรติระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ลาญใจแกล้วบมิกล้า บค้าอาตม์ออกรงค์ บคงอาตม์ออกฤทธิ์ ท้าวทั่วทิศทั่วเทศ ไท้ทุกเขตทุกด้าว น้าวมกุฎมานบ น้อมพิภพมานอบ มอบบัวบาทวิบุล อดุลยานุภาพ ปราบดัสกรแกลนกลัว หัวหั่นหายกายกลาด ดาษเต็มท่งเต็มดอน พม่ามอญพ่ายหนี ศรีอโยธยารมเยศ พิเศษสุขบำเทิง สำเริงราชสถาน สำราญราชสถิต พิพิธโภคสมบัติ พิพัฒน์โภคสมบูรณ์ พูนพิภพดับเข็ญ เย็นพิภพดับยุค สนุกสบสีมา ส่ำเสนานอบเกล้า ส่ำสนมเฝ้าฝ่ายใน ส่ำพลไกรเกริกหาญ ส่ำพลสารสินธพ สบศาสตราศรเพลิง เถกิงพระเกียรติฟุ้งฟ้า ลือตรหลบแหล่งหล้า โลกล้วนสดุดี ฯ

โคลง ๔

บุญเจ้าจอมภพพื้น แผ่นสยาม
แสยงพระยศยินขาม ขาดแกล้ว
พระฤทธิ์ดั่งฤทธิ์ราม รอนราพณ์ แลฤๅ
ราญอริราชแผ้ว แผกแพ้ทุกภาย ฯ
ไพรินทรนาศเพี้ยง พลมาร
พระดั่งองค์อวตาร แต่กี้
แสนเศิกห่อนหาญราญ รอฤทธิ์ พระฤๅ
ดาลตระดกเดชลี้ ประลาตหล้าแหล่งสถาน ฯ
เสด็จเสวยศวรรเยศอ้าง ไอศูรย์ สรวงฤๅ
เย็นพระยศปูนเดือน เด่นฟ้า
เกษมสุขส่องสมบูรณ์ บานทวีป
สว่างทุกข์ทุกธเรศหล้า แหล่งล้วนสรรเสริญ ฯ

ร่าย

จักดำเนินในเบื้อง เรื่องราชพงศาวดาร บรรหารเหตุแผ่นภู ชูพระยศเจ้าหล้า อยู่คุงฟ้าคุงดิน เฉกเพลงพิณไพเราะ เสนาะโสตสำนาน เป็นศุภสารเสาวนิศ เสนอบัณฑิตทวยผอง เชิญช่วยตรองตริเติม เฉลิมพระเกียรติผ่านเผ้า เจ้าจักรพรรดิแผ่นสยาม สมญานามนฤเบศ นเรศวรนรินทร์ ปางบดินทร์บิตุราช พระบาทสู่สวรรคต จึ่งเอารสโทไท้ ธให้กอบการเมรุมาศ โดยขนาดบูรพ์ประเพณี สองกษัตรีย์ถวายเพลิง เถกิงการมหรสพ คำรบถ้วนสัตวาร เป็นมเหาฬารพันลึก อธึกทานอำนวย ทวยเนืองเนกบรรพชิต เป็นนิรามิษบรรณา ทูลบาทาสนองนบ พระศพราชบิตุรงค์ จึ่งพระองค์ชายเชษฐ์ นเรศวรสืบเสวยศวรรย์ ธปันพิภพสีมา แต่เอกาทศรุถ ดนุนุชน้อยนาถ เนาอุปราชสมบัติ เถลิงถวัลยรัตน์ราชัย ไอศูรย์สันตติวงศ์ สองธำรงราชประยูร พูนโภไคยในกรุง ผดุงภูแผ่นสยาม นามสุทัศน์เทพนคร บวรทวาราวดี ศรีอยุธเยศยง ดิลกอลงกตภพ นพรัตน์ราชธานี บูรีรมยสถาน องค์อวตารสึงสถิต สุเรนทรประสิทธิ์รังสรรค์ เป็นมหันตมเหาฬาร ด้วยศฤงคารมหิมา สองกษัตราบรรหาร แห่งเหตุการณ์อริราช ด้วยมวลมาตย์มนตรี ว่ากรุงศรียโศธร นครอินทรปรัสถ์ กุรุรัฐประเทศ กัมพุชเพศพิสัย ผิวผู้ใดเถลิงถวัลย์ มักโมหันธ์เห็นผิด ริทุจริตเรื่องพาล โดยสันดานแต่ประถม ครั้งบรมราชอัยกา ผ่านพสุธาถวัลยรัช ฝ่ายกรุงกษัตริย์กัมพุช ก่อประทุษหักหาญ ราญรบหัวเมืองเนื่อง เบื้องบูรพทิศไปถิ่น จึ่งพระปิ่นปฐพี ยาตรโยธีไปยุทธ์ เหยียบกัมพุชประเทศ ถึงปราชเยศแล้วเสร็จ ฝ่ายนักเสด็จผ่านเผ้า เจ้าละแวกถวายบุตร ธก็หย่ายุทธ์คืนกรุง ผดุงสองยอดเยาวยศ เป็นเอารสบุญธรรม์ ครั้นสวรรคาลัยไซร้ พระมหินทร์ได้สมบัติ เสียเศวตฉัตรหงสา ศรีอยุธยาพินาศ จึ่งบรมราชบิตุรงค์ ทรงสืบเสวยศวรรเยศ ฝ่ายประเทศกุรุรัฐ พูนพิบัติบีฑา นักพระสัตถามารบ โรมพิภพชิงฉัตร ตัดเกล้าเจ้าธรณินทร์ ได้แผ่นดินขอมเขต ฮึกเหิมเหตุอหังการ ยกพยุหหาญมาเยือน เตือนเรารบถึงถิ่น จึ่งพระปิ่นบิตุราช ยาตรแสนยาออกยุทธ์ เจ้ากัมพุชพักพล ตำบลวัดสามพิหาร พลเราราญขอมแขก แตกตายตากพสุธา เสียพระจัมปาเอารส ขาดคอคชคืนเมือง ทวยหาญเปลืองไป่หลาบ คอยข่าวทราบศึกมอญ ติดนครคราใด พลอยชิงชัยแทรกซ้ำ ค้ำเป็นศึกสองหน้า กวาดเอาข้าขอบขัณฑ์ ปันไปสู่ถิ่นตน กลับก่อกลสารสื่อ ส่งข่าวซื่อสมานมิตร คิดขอร่วมไมตรี ท้าวธไป่มีอาฆาต เพื่อบให้ขาดทางธรรม์ ผันผูกมิตรประนอม ยอมยินสัตย์ตัดศึก จนจารึกเสลา ปักสีมาหมายเขต ปันประเทศไทยขอม ไป่แปลกปลอมปะปน บราญรณรบร้า ตราบชั่วฟ้าดินดับ ครั้นมีทัพเชียงใหม่ ยกพยุหใหญ่มายุทธ์ จึ่งกัมพุชภูมินทร์ ยินข่าวศึกธใช้ ให้พระสุพรรณมาธิราช ผู้กนิษฐ์นาถนำพล มาช่วยรณปรปักษ์ ส่วนน้องนักพระสัตถา เฉาปรีชาเชิงปราชญ์ เฉกสิงคาลชาติโปดก เว้นวิตกวิจารณ์ เกิดอหังการทฤษฐิ ริชักเชษฐ์ชวนแช แปรประทุษดั่งก่อน ผ่อนเอาพลมาลาด กวาดนิกรประชา ข้าสีมาเมื้อเมือง ก่อเข็ญเคืองหลายคาบ จาบจ้วงหมิ่นถิ่นแคลน แสนสาหัสกลัดกลุ้ม คลุ้มกมลแค้นคั่ง ดั่งหนามเหน็บเจ็บช้ำ ย้ำยอกทรวงดวงแด แลบชื่นอื่นชม กรมเกรียมอกหมกไหม้ บร้างได้ใครบ่ง ปล่งใจเจ็บฤๅมี หลายปางปีคิดขวบ ประจวบจนจอมราช พระบาทไท้ทิวงคต ไป่ทันทดแทนตอบ ขอบแต่ขอมสักตั้ง ครั้งนี้ตูสองตน ผ่านสกลแผ่นหล้า ควรไปร้ารอนเข็ญ เห็นมือไทยที่แกล้ว แผ้วภพให้เป็นเผื่อน เกลื่อนภพให้เป็นพง คงแต่น้ำกับฟ้า คงแต่หญ้ากับดิน ยังอรินทร์รู้ฤทธิ์ อย่าคืนคิดเหิ่มหาญ ผลาญจงเสร็จเด็ดเกล้า เจ้ากัมพุชทุจริต เอาโลหิตล้างบาท แล้วธสั่งมาตย์มนตรี เตรียมโยธีสิบหมื่น ดื่นแสนยากลากลาด ดาษพลช้างพลม้า พอพิรุณแผ้วฟ้า จักผ้ายพลจร ฯ

ร่าย

ฝ่ายพระนครรามัญ ขัณฑ์เขตด้าวอัสดง หงสาวดีบุเรศ รั่วรู้เหตุบมิหึง แห่งเอิกอึงกิดาการ ฝ่ายพสุธารออกทิศ ว่าอดิศวรกษัตรา มหาธรรมราชนรินทร์ เจ้าปัฐพินผ่านทวีป ดับชนมชีพพิราลัย เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกิจจาตระหนัก จึ่งพระปิ่นปักธาษตรี บุรีรัตนหงสา ธก็บัญชาพิภาษ ด้วยมวลมาตยากร ว่านครรามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราช เยียววิวาทชิงฉัตร เพื่อกษัตริย์สองสู้ บร้างรู้เหตุผล ควรยาตรพลไปเยือน เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ แม้นไป่เรียบเป็นที โจมจู่ยีย่ำภพ เสนีนบนึกชอบ ระบอบเบื้องบรรหาร ธก็เอื้อนสารเสาวพจน์ แด่เอารสยศเยศ องค์อิศเรศอุปราช ให้ยกยาตราทัพ กับนครเชียงใหม่ เป็นพยุหใหญ่ห้าแสน ไปเหยียบแดนปราจิน บุตรท่านยินถ้อถ้อย ข้อยผู้ข้าบาทบงสุ์ โหรควรคงทำนาย ทายพระเคราะห์ถึงฆาต ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบัญชา เจ้าอยุธยามีบุตร ล้วนยงยุทธ์เชี่ยวชาญ หาญหักศึกบมิย่อ ต่อสู้ศึกบมิหยอน ไป่พักวอนว่าใช้ ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์สร่างเคราะห์ ธตรัสเยาะเยี่ยงขลาด องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวลพระพักตร์ผ่องเผือด เลือดสลดหมดคล้ำ ช้ำกมลหมองมัว กลัวพระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทูลลาไท้ลีลาศ ธก็ประกาศเกณฑ์พล บอกยุบลบมิหึง ถึงเชียงใหม่ตระบัด เร่งแจงจัดจตุรงค์ ลงมาสู่หงสา แล้วธให้หาเมืองออก บอกทุกแดนทุกด้าว บอกทุกท้าวทุกเทศ ทั่วทุกเขตทุกขอบ รอบสีมามณฑล ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง ต่างตกแต่งแสะสาร แสนยาหาญมหิมา คลาบรรลุเวียงราช แลสระพราศสระพรั่ง คั่งคับนับเหลือตรา ต่างภาษาต่างเพศ พิเศษสรรพแต่งตน ข้าศึกยลแสยงฤทธิ์ บพิตรธเทียบทัพหลวง โดยกระทรวงพยุหบาตร จักยาตราตรู่เช้า เสด็จคืนเข้านิเวศไท้ เกรียมอุระราชไหม้ หม่นเศร้าศรีสลาย อยู่นา ฯ

โคลง ๒

พระผาดผายสู่ห้อง หาอนุชนวลน้อง
หนุ่มหน้าพระสนม ฯ
ปวงประนมนบเกล้า งามเสงี่ยมเฟี้ยมเฝ้า
อยู่ถ้าทูลสนอง ฯ
กรตระกองกอดแก้ว เรียมจักร้างรศแคล้ว
คลาศเคล้าคลาสมร ฯ
๑๐จำใจจรจากสร้อย อยู่แม่อย่าละห้อย
ห่อนช้าคืนสม แม่แล ฯ

โคลง ๔

๑๑สาวสนมสนองนาถไท้ ทูลสาร
พระจักจรจากสถาน ถิ่นท้าว
เสด็จแดนทุรกันดาร ใดราช เสนอนา
ฤๅพระรานเสน่ห์ร้าว ด่วนร้างแรมไฉน ฯ
๑๒จำใจจำจากเจ้า จำจร
จำนิราศแรมสมร แม่ร้าง
เพราะเพื่อจักไปรอน อริราช แลแม่
จำทุกข์จำเทวษว้าง สวาทว้าหวั่นถวิล ฯ
๑๓ยินสารสมเด็จไท้ ภรรดา
ดาลสุชลธารา หยาดย้อย
เศียรซบแทบบาทา ทางเทวษ
ฤๅใคร่วายว่างสร้อย สร่างสิ้นกันแสง ฯ
๑๔ทูลแถลงแห่งบาปเบื้อง บูรพ์ไฉน
จึ่งบดินทร์เด็ดใจ จากห้อง
พระเสด็จแต่เดียวไกล แดนราช
ฤๅพระจักละน้อง อยู่ว้าวังขัง ฯ
๑๕กลางไพรใครเพื่อนท้าว นอนผลู
จักผทมเดียวดู แต่ไม้
พระเคยคณะพธู ทูลบาท
ฤๅพระจักตกไร้ นิราศร้างแรมสนม ฯ
๑๖กรมทุกข์เกรียมเทวษด้วย วนิดา
คิดใคร่ขัดบัญชา ท่านใช้
หากเกรงพระอาชญา บิตุราช
ร้อนระบมบ่มไหม้ สวาทเพี้ยงเพลิงสุม ฯ
๑๗ฝืนโศกปลอบนิ่มน้อง สนองนาง
อย่าพิลาปเยียวลาง ศึกหน้า
โศกนักจักหม่นหมาง หมองรูป
เรียมบ่ร้างรสช้า ด่วนร้อนคืนหลัง ฯ
๑๘ใช่เชิงชังแม่แล้ว จึ่งจร
ขัดพระเดชอดิศร ห่อนได้
จำเรียมนิราสมร เสมอชีพ
เชิญแม่ดับเทวษไห้ อยู่ถ้าคืนสม ฯ
๑๙บังคมบรมบาทไท้ แถลงพลาง
ขอใคร่โดยเสด็จทาง เถื่อนท้อง
เป็นเพื่อนบพิตรกลาง ไพรพฤกษ์ พระเอย
ห่างราชฤๅแรมห้อง อยู่ให้ใครถนอม ฯ
๒๐ไพรพนอมย่อมยากแท้ อย่าหวัง
เชิญเกษมเสวยวัง อยู่ถ้า
จักไปจักเป็นกัง วลพี่ นะแม่
เมือศึกนึกตั้งหน้า ติดน้องหน่วงหาญ ฯ
๒๑การยุทธ์สุดที่ห้าม แหนองค์
ครั้นจักโดยเสด็จดง ห่อนได้
อยู่หลังจักตั้งทรง แต่โศก แล้วนา
นอนจะเป็นนอนไข้ ข่าวท้าวคอยถาม ฯ
๒๒ทรามรักอย่าร้องร่ำ กำสรวล
อยู่แม่อย่าเสวยครวญ ละห้อย
บ่นานบ่หน่ายนวล แหนงเสน่ห์ นุชนา
เสร็จทัพกลับถนอมสร้อย อย่าเศร้าเสียศรี ฯ

ร่าย

๒๓เสร็จเสาวนีย์สั่งสนม เนืองบังคมคำราช พระบาทบทันนิทรา จวนเวลาล่วงสาง พื้นนภางค์เผือดดาว แสงเงินขาวขอบฟ้า แสงทองจ้าจับเมฆ รังสีเฉกฉายฉัน ไก่แก้วขันเจื้อยแจ้ว ดุเหว่าแหว้วเสียงใส จึ่งบรมไทธิราช ยุรยาตรยังที่สรง ชำระองค์บนาน ทรงสุคนธ์ธารกลิ่นตรลบ หอมอวลอบอายขจร ทรงบวรวิภูษิต สนับเพลาพิศพรายพร้อย ชายไหวย้อยยะยาบ ชายแครงทาบเครือวัลย์ รัตพัสตร์พรรณยรรยง ฉลองพระองค์เพริศแพร้ว มกรแก้วเกยูร ตาบไพฑูรย์เรืองจรัส สะอิ้งรัตนประพาล สอดสังวาลเฉวียงองค์ มกุฎทรงเทริดเกศ อย่างอิศเรศรามัญ สรรเป็นรูปอุรเคนทร์ เพญพะพานแผ่เศียร แสงวิเชียรช่อช่วง ธำมรงค์ร่วงรุ้งพราย รายนพรัตน์ชัชวาล เครื่องอลงการโอ่อ่า งามสง่าขัตติเยศ พระแสดงเดชผังผาย กุมแสงกรายกรนาด ยุรยาตรย่างไกรสร จากศีขรคูหา ลีลายังวังราช ไหว้บัวบาทบิตุรงค์ ขอลาองค์ท่านไท้ ไปเผด็จดัสกรให้ เหือดเสี้ยนศึกสยาม สิ้นนา ฯ

โคลง ๒

๒๔พระฟังความลูกท้าว ลาเสด็จศึกด้าว
ดั่งเบื้องบรรหาร ฯ

โคลง ๓

๒๕ภูบาลอื้นอำนวย อวยพระพรเลิศล้น
จงอยุธย์อย่าพ้น แห่งเงื้อมมือเทอญ พ่อนา ฯ

โคลง ๔

๒๖จงเจริญชัเยศด้วย เดชะ
ชาวอยุธย์อย่าพะ พ่อได้
จงแพ้พินาศพระ วิริยภาพ พ่อนา
ชนะแด่สองท่านไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ
๒๗สงครามความเศิกซึ้ง แสนกล
จงพ่ออย่ายินยล แต่ตื้น
อย่าลองคะนองตน ตามชอบ ทำนา
การศึกลึกเล่ห์พื้น ล่อเลี้ยวหลอกหลอน ฯ
๒๘จงแจ้งแห่งเหตุเบื้อง โบราณ
เป็นประโยชน์ยุทธการ กล่าวไว้
เอาใจทหารหาญ เริงรื่น อยู่นา
อย่าระคนปนใกล้ เกลือกกลั้วขลาดเขลา ฯ
๒๙หนึ่งรู้พยุหเศิกไส้ สบสถาน
เจนจิตวิทยาการ กาจแกล้ว
รู้เชิงพิชัยชาญ ชุมค่าย ควรนา
อาจจักรอนรณแผ้ว แผกแพ้พังหนี ฯ
๓๐หนึ่งรู้บำเหน็จให้ ขุนพล
อันสมรรถมือผจญ จืดเสี้ยน
อย่าหย่อนวิริยยล อย่างเกียจ
แปดประการกลเที้ยร ถ่องแท้ทางแถลง ฯ
๓๑จงจำคำพ่อไซร้ สั่งสอน
จงประสิทธิ์สมพร พ่อให้
จงเรืองพระฤทธิ์รอน อริราช
จงพ่อลุลาภได้ เผด็จด้าวแดนสยาม ฯ

ร่าย

๓๒เสร็จสั่งความโอวาท ไท้ธประสาทพระพร แด่ภูธรเอารส ธก็ประณตรับคำ อำลาท้าวลีลาศ ยุรยาตรยังเกยชัย เสนาในเตรียมทัพ สรรพพลห้าสิบหมื่น ขุนคชหื่นหาญแกล้ว ขับช้างแก้วพัทธกอ รอรับราชริมเกย ควาญเคยคัดท้ายเทียบ เสด็จย่างเหยียบหลังสาร ทรงคชาธารยรรยง อลงกตแก้วแกมกาญจน์ เครื่องพุดตานตกแต่ง แข่งสีทองทอเนตร ปักเศวตฉัตรฉานฉาย คลายคชบาทยาตรา คลี่พยุหคลาคลาดแคล้ว คล้ายคล้ายนายทแกล้ว ย่างเยื้องธงทอง แลนา ฯ

โคลง ๒

๓๓เสียงฆ้องกลองครั่นครื้น แตรสังข์ดังดั่งพื้น
แผ่นหล้าแหล่งไหว ฯ

โคลง ๔

๓๔ไอยราฤทธิเลิศล้ำ ลือดิน
ดูดั่งพาหนะอินทร์ เอี่ยมฟ้า
อาจค้ำคชอรินทร์ รอนชีพ
ชาญศึกฮึกหาญกล้า กลั่นแกล้วกลางสมร ฯ

ร่าย

๓๕หัสดาภรณ์พรรณราย พรายข่ายกรองทองแกม แนมพู่พราวดาวมาศ รัตคนคาดควรชม ซองหางสมสวมเทริด วลัยเลิศสอดพลุก สุกสุพรรณโอ่อ่า ขุนคอง่าขอคำ ควาญประจำเกี่ยวท้าย ขับคชย้ายเยื้องยาตร จตุลังคบาทสี่ตน ล้วนขุนพลสามรรถ พิศจรูญจรัสพรายแพร้ว มยุรฉัตรแก้วชุมสาย อภิรุมรายเรืองรอง กรรชิงทองเถือกเนตร บังพระสุริเยศยรรยง กลิ้งกลดทรงพันแสง บังแทรกแซงหว่างฉัตร จามรพัดรำพาย ธงชายปลายปลิวยะยาบ ทวนทองปราบยะยับ สรรพแสนยาดาดาษ สวมหมวกมาศเกราะกราย แห่ซ้ายหลายสระพร้อม แห่ขวาล้อมสระพรั่ง แห่หน้าคั่งเหลือนับ แห่หลังคับเหลือเนตร พลต่างเพศต่างพรรค์ พิศแน่นนันต์หลายแหล่ ดำเนินแห่เจ้าหล้า ดูดั่งพลเมืองฟ้า ฝ่ายด้าวแดนสรวง ฯ

ร่าย

๓๖ปวงคเชนทรพยุหบาตร ดาษดั้งกันแซงแทรก แปลกค่ายค้ำพังคา เมิลมหิมามาตงค์ อลงกตกาญจนาภรณ์ อลงกรณ์กเรนทรศักดิ์ ล้วนคชลักษณ์คชเลิศ ล้วนคชเพริศคชแพร้ว ล้วนคชแกล้วคชกล้า ล้วนคชบ้าบ่มมัน สรรพเครื่องคชศึก ดูอธึกเถือกเถกิง พลล้อมเชิงกุญชร สวมอาภรณ์แต่งแง่ แผ่อาตม์โอ่โอฬาร พิศเครื่องสารพิลาศ กูบดาวมาศจำลาย เขนทองพรายจำหลัก ปักแพนหางยูงยาบ ทวนทองปลาบปลิวธง ขุนศึกทรงหลังสาร มีหมอควาญขี่ขับ เสื้อสลับสีต่าง แลหลายอย่างหลายพรรณ สรรพคชหลากหลาย เหล่าคชพลายคชพัง คชจำบังบ้าศึก ล้วนพันลึกไกรเกรียง ร้องก้องเสียงพรรลาย เงยงาหงายย้ายยัก สองหูกวักไกวงวง แล่นทะลวงเลี้ยวลด ขุนคอกดของ้าง ควาญเกี่ยวข้างขับเดิน ถูกสะเทินบาทเบื้อง แคล้วแคล้วพลคชเยื้อง ย่างย้ายโดยขบวน แลนา ฯ

โคลง ๔

๓๗มากมวนเมิลหมู่ดั้ง ดาษดา
กันแทรกแซงซ้ายขวา พรั่งพร้อม
คชค้ำค่ายพังคา โดดแล่น
โจมจับขับขี่ห้อม แห่ท้าวจากสถาน ฯ

ร่าย

๓๘ส่ำแสะหาญห้าวฮึก ล้วนแสะศึกแสะทรง พงศ์สินธพพาชี สีแดงดำขำเขียว ลางกระเลียวหลายหลาก มากม้าผ่านม้าแซม แกมม้าขาวม้าฟ่าย ร่ายเรียงเคียงแข่งคู่ ครบเจ็ดหมู่เจ็ดพงศ์ อลงกตเครื่องม้า ตาบติดหน้าพรรณราย ผูกพู่พรายสายง่อง ถ่องสายถือดูเพรา สายเหาเนาหน่วงหลัง โกลนพนังยรรยง อานบรรจงบรรเจิด พานหน้าเพริศดาวราย พานท้ายพรายดาวเรียง เพียงม้าแมนม้าเมฆ พิศฉายเฉกอาภรณ์ ผูกแล่งศรแกว่งกวัด หางมยุรปัดปลิวปลาย นายม้าขี่ควบขับ ล้วนประดับตนต่าง ดูหลายอย่างหลายพวก สวมใส่หมวกโพกผ้า เสื้อสีจ้าจีบเฟื้อย ชายระเรื้อยอย่างเทศ พิเศษสรรพอ่าอาตม์ ถือทวนมาศฟ้อนฟาย ทายธนูเหนี่ยวน้าว เงื้อหอกห้าวเห็นสยอน ง่าง้าวงอนเห็นแสยง พลอัศวแรงเริงเรี่ยว เชี่ยวชาญชัยในรงค์ ตรงศึกสู้บมิย่อ ต่อสู้ศึกบ่มิย่น กล่นม้าร้อยม้าพัน เกลื่อนม้ากันม้ากง กลาดม้าธงม้าทวน เดินแซงขบวนพยุหบาตร ดูดื่นดาษภูวดล พิศแต่พลหมู่ม้า แห่บพิตรผ่านหล้า โลกเพี้ยงพิศวง ยิ่งนา ฯ

โคลง ๔

๓๙ดุรงค์เริงฤทธิ์ห้าว เห็จผยอง
หาญพยศลำพอง ผาดผ้าย
เผ่นผกหกเหินคะนอง ขนัดแน่น
ขนาบพยุหคชย้าย ย่างน้อยดำเนิน ฯ

ร่าย

๔๐เมิลหมู่พลบทจร สวมอาภรณ์ไพจิตร พิศหลายเพศหลายพวก ใส่เสื้อหมวกพันลึก สีหม่นหมึกม่วงเมฆ ชมพูเฉกฉาดแสง ขาวเขียวแดงดูดาษ ถือสรรพศาสตราวุธ เครื่องพิธยุทธ์ยรรยง พิศพลธงมากมวล พิศพลทวนมากหมู่ พลดาบคู่สามรรถ พลหอกซัดสามารถ ดาษพลโล่แลสระพรั่ง พลแหลนคั่งสระพร้อม พลดั้งด้อมดูสลอน พลกุมศรเนืองนันต์ พลกุมกุทัณฑ์เนืองนอง พลเขนทองเป็นหลั่น พลกั้นหยั่นเป็นเหล่า พลเสน่าเหลือหลาย พลกริชกรายเหลือหลาก มากพลแสงศรเพลิง ดูเถกิงเกริกฤทธิ์ ดุจอาจปลิดเดือนตะวัน สรรพพวกใจผลา พลคาบศิลายั่วยุทธ์ พลคาบชุดยั่วศึก พิลึกเหล่าทองปราย รายจ่ารงมนฑก นกคุ่มขานกยาง ลางปืนหลักหามแล่น แกว่นตามหมวดตามหมู่ ลากล้อคู่เข็นราง บางตระแบงบ่าแบก แจกกันขนลูกดิน หินปากนกตกแต่ง แบ่งบรรทุกหลังช้าง บ้างใส่ต่างใส่เกวียน สารวัดเวียนวิ่งตรวจ ม้าตำรวจควบไขว่ ไล่ต้อนทัพขับพล พากพหลพยุหบาตร หัวหน้ายาตรจากเวียง เสียงคชสารก้องกึก คะคึกเสียงแสะร้อง ซ้องเสียงโกลนเตือนพนัง ฟังดุจคลื่นในสมุทร อื้ออึงอุดไกรเกรียง เสียงอธึกเท้าพล พ่างภูวดลหวั่นไหว เสียงฆ้องชัยฆ้องกระแต แซ่เสียงแตรเสียงสังข์ ดังดนตรีปี่พาทย์ นฤนาทศัพท์สำเนียง เสียงกลองชนะโครมครึก เสียงพลฮึกเห่อึง เสียงปืนตึงเอาฤกษ์ กระเกริกลั่นแหล่งฟ้า พิศพลเจ้าจอมหล้า เลือกล้วนเหล่าหาญ แลนา ฯ

โคลง ๒

๔๑ถับถึงทวารกรุงแก้ว เดียรดาษพลคลาดแคล้ว
คล่ำคล้ายคลาขบวน ฯ

โคลง ๓

๔๒ด่วนเดินโดยโขลนทวาร พวกพลหาญแห่หน้า
ล้วนทแกล้วทกล้า กลาดกลุ้มเกลื่อนสถล มารคนา ฯ

โคลง ๔

๔๓เสด็จพ้นทวาเรศข้าม คูเวียง
หวั่นฤทัยท่านเพียง จักว้า
พระองค์ก็อ่อนเอียง เอนอาสน์
อกระรัวมัวหน้า สั่นส้านเสียวแสยง ฯ
๔๔ลางแสดงแห่งเหตุแพ้ ไพรี
กริ่งกมลฤๅดี เดือดร้อน
รันทดทุกข์ทวี หวั่นเทวษ
ถวิลบ่วายขุ่นข้อน อกอั้นขวัญหาย ฯ
๔๕หลายครามาสู่สู้ ศึกหลวง
ไปบ่ไหวหวั่นทรวง เช่นนี้
ยิ่งนึกยิ่งหนักดวง แดพรั่น อยู่นา
แหนงประหลาดแล้วกี้ ก่อนไซร้ไป่เคย ฯ
๔๖อกเอ๋ยเอะหลากโอ้ รอยลาง
ทั้งพระเคราะห์ขัดขวาง โทษแท้
จักไปประยุทธ์กลาง อริราช
เกรงแต่ศึกจักเเพ้ เพลี่ยงพลั้งในสนาม ฯ
๔๗ความฉงนหม่นพักตร์เศร้า ศรีหมาง
ร้อนอุระราชพาง จักไหม้
พระแปรพระปฤษฎางค์ ดูถิ่น
ดูพระมนเทียรไท้ ธเรศเพี้ยงพังสมร ฯ
๔๘จำจรจำจากอ้า อาดูร
ดูประสาทแสงสูรย์ ส่องแก้ว
เรืองรัตน์จรัสจรูญ รัตน์รุ่ง เรืองนา
เรืองมณีนพแพร้ว เพริศพร้อยพรายฉาย ฯ
๔๙เสียดายคฤหาสน์ห้อง หอทอง
ยามวิโยคยุทธ์ปอง ปราบเสี้ยน
จักคืนบ่คืนครอง ฤๅแน่ ไฉนนา
หนักหฤทัยท่านเที้ยร เทวษตื้นตันทรวง ฯ
๕๐ระลวงรำลึกน้อง เนาวัง
ถวิลบ่ลืมความหลัง สั่งเจ้า
ปานฉะนี้สมรยัง จักโศก อยู่นา
ใครช่วยปลอบเปลื้องเศร้า สวาทให้สร่างศัลย์ ฯ
๕๑จาบัลรันทดเพี้ยง พังดวง แดนา
บังบ่ให้ใครปวง รั่วรู้
พระโศกแต่ในทรวง ซ่อนเทวษ
ทำดั่งผ่องพักตร์ผู้ อื่นเอื้อมไป่ถึง ฯ

ร่าย

๕๒ไท้ธคำนึงนุชพลาง ทางระลุงลานถวิล ขุนคชินทร์ขับคช บทจรโดยทางเถื่อน เคลื่อนแสนยากลากลาด ดาษแดนท่งแดนนา ดาดงไม้ดงเขา โดยลำเนาแนวพนัส ชระเดียดดัษดำเนิน เมิลบ่หมายสิ้นสุด พลางธให้หยุดพักพล ทุกตำบลที่ประทับ ยับยั้งรั้งแรมร้อน แล้วเตือนต้อนพลเต้า แต่ยามเช้ายามเย็น บขับเข็นรีบรัด ผัดผ่อนใจผ่อนแรง เอาแต่แขงแต่กล้า เอาแต่ร่าแต่เริง เร่งบำเทิงทุกผู้ บร้างรู้เหือดหาญ บแหนงนานเนิ่นวัน อย่าทันเหนื่อยเลื่อยล้า ทั่วช้างม้าไพร่พล ก็เสด็จดลนที มีนามน้ำสะโตง เขาก็ตั้งโรงราชมาฬก ตกแต่งค่ายถวายไท ตรงเวียงชัยจิดตอง เกณฑ์ทุกกองตั้งค่าย บ่ายหน้าลงคงคา ดูมหิมาดาดาษ พระบาทเสด็จเรือนทัพ สรรพเสนาเนืองนันต์ เฝ้าคั่งคัลเคียมคม ถ้วนทุกกรมทุกหมู่ อยู่อธึกทั้งผอง ธก็ให้เกณฑ์กองลำเลียง ผ่อนเสบียงไปหน้า ล่วงถึงท่าดินแดง จัดแจงปลูกยุ้งฉาง วางระยะค่ายเข้า ทุกเหล้าแหล่งตำบล แล้วธเกณฑ์พลทัพนำ รีบไปทำมรรคา ให้พระยาจิดตอง เป็นนายกองไปก่อน ผ่อนทัพหน้าไปถัด จัดพระยาอภัยคามินี คุมโยธีเป็นขุน ส่วนทัพหนุนนั้นไสร้ ให้มางจาชโร เป็นโบชุกที่สอง ยกทัพรองไปตาม ที่สามถึงทัพหลวง ตามกระทรวงพยุหบาตร ให้พระมหาราชเชียงใหม่ เป็นกองใหญ่ยุกกระบัตร เดินทัพถัดที่สี่ ที่ห้าทัพหลังเต้า เจ้าเมืองละเคิ่งคุมพล พวกพหลต่างเกวียน เวียนขนข้าวส่งทัพ เครื่องศึกสรรพดินลูก แล้วธให้ผูกพ่วงแพ แปรพลข้ามคงคา คลาส่ำแสนเสนางค์ ร้อนแรมทางหลายวัน บรรลุเมืองเมาะตะมะ กะเกณฑ์ข้ามฟากฝั่ง กระทั่งเมาะลำเลิง บำเทิงใจไพร่พล ด่วนจรดลโดยดับ ถับถึงเมืองสมิ ธก็ตริให้จัดกัน สรรค์เป็นกองเสือป่า ฝ่าไปลอดสอดแนม แกมสามหอกเจ็ดหอก ออกแยกทัพจับคน เอายุบลข่าวสาร แห่งเหตุการณ์กรุงไทย ยกรีบไปตามใช้ ธก็ให้ตรวจพลผอง ส่งกองหน้าไปก่อน ผ่อนกองหนุนไปตาม ที่สามถึงทัพใหญ่ ทัพเชียงใหม่ยุกกระบัตร ถัดทัพหลังดำเนิน เดินพยุหไต่เต้า แห่บพิตรผ่านเผ้า ท่านท้าวเสด็จดล ดื่นนา ฯ

โคลง ๒

๕๓ยกพลผ่านด่านกว้าง เสียงสนั่นม้าช้าง
กึกก้องทางหลวง ฯ

โคลง ๓

๕๔ล่วงลุด่านเจดีย์ สามองค์มีแห่งหั้น
แดนต่อแดนกันนั้น เพื่อรู้ราวทาง ฯ
๕๕ขับพลวางเข้าแหล่ง แห่งอยุธเยศหล้า
แลธุลีฟุ้งฟ้า มืดคลุ้มมัวมล ยิ่งนา ฯ

โคลง ๔

๕๖เสด็จดลแดนราชเบื้อง บูรพา
พิศพนัสเนินผา ป่าไม้
รายเรียงรุกขผกา แกมลูก
แลตระการกลใกล้ หัตถ์เอื้อมเอาถึง ฯ
๕๗คำนึงนุชนาฏเนื้อ นวลสมร
แม้นแม่มาจักวอน พี่ชี้
จักบอกแก่บังอร ออกชื่อ เฌอนา
เรียมจักแนะนั่นนี้ โน่นโน้นเเนวพนม ฯ
๕๘ชวนชมคูหาศห้วย เหวธาร
ทั่วทุกหนแห่งละหาน หุบห้อง
ชมไพรพิศาลสถาน แถวเถื่อน
พลางพี่จักชวนน้อง ช่วยชี้ชมพลาง ฯ
๕๙ถวิลปางบำราศเจ้า จากเวียง
ยังเสนาะสำเนียง ละห้อย
ไพเราะมฤตเพียง ซึมซาบ ทรวงเอย
ไปบ่ลืมสารสร้อย แม่เศร้าสั่งเรียม ฯ
๖๐เกรียมใจจักโทษน้อง ฤๅควร
เพราะพี่ห้ามแหนนวล นุชไว้
มาเดียวอดูรครวญ คร่ำเนตร
แหนงว่าทุกข์ใครให้ โทษแท้เรียมทำ ฯ
๖๑ไป่โดยคำนุชไซร้ จึ่งกำ สรวลฤๅ
แม้ว่าโดยดั่งคำ แม่พร้อง
ปานฉะนี้จะเบิกบำ เทิงชื่น ชมนา
เพราะพี่มาด้วยน้อง จักชี้ชวนเกษม ฯ
๖๒เปรมใจใคร่กลับห้อง ไหรณ
รับสมรมายล ย่านไม้
เกรงราชกริ่งเกรงคน เขาค่อน ขอดนา
นึกบ่ลุเลยไท้ ธเรศร้อนรนทรวง ฯ
๖๓คิดปวงนาเรศรั้ง แรมวัง
ยามวิโยคเยาว์ยัง อยู่ห้อง
จักรุมอุระรัง รึงเทวษ
ถวิลบ่วายขุ่นข้อง คั่งแค้นใครโลม ฯ
๖๔คิดโฉมนงโพธผู้ เพ็ญศรี
เคยร่วมรมย์ฤๅดี ดับร้อน
ถนอมนุชแนบนาภี พูนเสน่ห์
นึกนิรารสข้อน อกไห้โหยถวิล ฯ
๖๕เคยยินเยาวเรศซั้น สารแสดง
ผสานดุริยดำแคง ขับร้อง
ยามร้างเสน่ห์แหนง เนาเถื่อน
สดับแต่เสียงสัตว์ก้อง พี่เพี้ยงขวัญหาย ฯ
๖๖เคยสายสมรแนบเนื้อ ถนอมองค์
ถวายสุคนธ์ธารสรง อยู่ซ้อง
ยามร้างคณะอนงค์ แหนงโศก
สรงแต่สายชลห้อง แห่งห้วยเหวธาร ฯ
๖๗เคยผทมฐานแก้วก่อง ทองแกม
เนืองอนุชนอนแนม แนบหน้า
ยามร้างสมรแรม ราวเถื่อน
ผทมอยู่เอ้องค์อ้า อกร้าวหนาวทรวง ฯ
๖๘ปวงแสนเสาวลักษณ์ล้วน เคียมเคย
คิดเมื่อยามเรียมเสวย แวดล้อม
ปางร้างนิราเสบย บอมเทวษ
เสวยบ่ยลเยาว์ห้อม อยู่ให้เห็นโฉม ฯ
๖๙เคยตระโบมบัวมาศแก้ว กับกร
เกี้ยวตระกองบังอร อุ่นเนื้อ
ปางร้างนิราสมร มาเทวษ
ถวิลบ่วายรสเกื้อ กอดเกี้ยวก่ายเขนย ฯ
๗๐หน่ายเชยหนักอกช้ำ ก่ำทรวง
ถนัดดั่งภูผาหลวง ทุ่มแท้
หนักหาบที่พลปวง ปลงพัก ได้นา
หนักเสน่ห์นึกแก้ เกี่ยงให้เบาไฉน ฯ
๗๑ไย่ไย่คชไต่เต้า ตามทาง
พลางคะนึงนุชพลาง ท่านไห้
แลไหนบ่ลืมนาง หน่ายเสน่ห์
นึกบ่วายสวาทไท้ ธิราชร้าวรานสมร ฯ

ร่าย

๗๒พระอาวรณ์หวั่นเทวษ ถึงอัคเรศแรมเวียง พลางเมิลเมียงไม้เขา โดยลำเนาแนวเถื่อน เคลื่อนแสนยาโจษจน ลุตำบลสังคล่า ป่าระหงดงดอน พิศศีขรรายเรียง เพียงสุดสายเมฆเมิล เนืองเนิ่นเนินแนวไศล สูงไสวว่ายฟ้า ชรอ่ำอ้าหาวหน เห็นถกลกุก่อง เชิงชั้นช่องปล่องเปลว เหวหุบห้วยตรวยโตรก ชะโงกชะง่อนเงื้อมง้ำ ถ้ำท่อธารธารา แสงเสลาหลากหลาย พรายพะแพร้วไพโรจน์ ช่วงช่อโชติฉายฉัน สีสุพรรณเลื่อมเหลือง เรืองโมรารายเรียบ ขาวปูนเปรียบเพชรรัตน์ แดงดั่งปัทมราช ดำประหลาดนิลกาฬ เขียวสีปานมรกต ขาบใสสดเสมอเมฆ ชมพูเฉกโกเมน เพญพรรณรายรุ้งร่วง ช่วงส่องแสงสุริยา ดุจดาราเรืองจรัส ประภัสสรโอภาส พิลาสล้ำลานเนตร พิศศีขเรศชรอุ่ม พุ่มพนัสยัดเยียด พฤกษาเสียดสีกิ่ง เสียงเสนาะยิ่งอย่างพิณ พระยลยินพิศวง ถวิลถึงองค์อัคเรศ ยามดุริเยศจำเรียง บรรสารเสียงถวายซอ พึงพอใจพอกรรณ ธก็จาบัลบมิเบื่อ เหงื่อเนตรตกอกช้ำ เหลือทุกข์เหลือที่กล้ำ เทวษไว้ไป่มี แม่เอย ฯ

โคลง ๔

๗๓อ้าศรีเสาวภาคย์เพี้ยง เพ็ญแข
เรียมแต่ร้างรสแห ห่างเคล้า
ฤๅลืมสมรแล อื่นชื่น ไปเลย
ถวิลทุกข์ยามเย็นเช้า ชอกช้ำก่ำทรวง ฯ
๗๔แม้วดวงกมลาศได้ มาดล
โดยสถานแถวสถล ที่นี้
จักชวนแม่ชมบน บรรพต โพ้นแฮ
พลางแม่ชมเรียมชี้ แม่ชี้เรียมชม ฯ
๗๕ชมพนมพนาเวศห้วย เหวหิน
ทุกเซาะซอกศีขริน ร่องน้ำ
จักชวนแม่สรงสินธุ์ แสนสนุก
สนานอุทกท่าถ้ำ เถื่อนท้องแถวธาร ฯ
๗๖ทุกสถานธาเรศแม้น แมนผจง ไว้ฤๅ
หวังจักไว้ให้สรง เซาะน้ำ
ปางร้างอรอนงค์ แหนงโศก
สรงบ่สร่างใจช้ำ เช่นน้ำสระสมร ฯ

ร่าย

๗๗พระภูธรถวิลนาง พลางรันทวยรันทด ขุนคอคชหมื่นควาญ ขับคชาธารจรดล ลุตำบลสามสบ ธก็ปรารภรำพึง ถึงพักตร์พาลพธู พลางพระดูดงเฌอ พิศพุ่มเสมอเหมือนฉัตร เป็นขนัดเนืองนันต์ หลายเหล่าพรรณพฤกษา มีนานาไม้แมก หมู่ตระแบกตระบาก มากกระเบากระเบียน ตะขบตะเคียนคูนแค สมอสมีแสมม่วงโมก ซากซึกโศกสนสัก รวกโรกรักรังรง ปริกปริงปรงปรางปรู ลำแพนลำพูลำพัน จิกแจงจันทน์พันจำ เกดระกำกอกกุ่ม กระทุ่มกระถินพิมาน เหล่าเสลาลานโลดเลียบ เพียบพื้นแผ่นแดนไพร หมู่มะไฟมะฝ่อ หมู่มะก่อมะกัก กระลำพักกระลำพอ ยูงยางยอกำยาน แต้วตูมตาลตาดต้อง ซ้องแมวโมงมูกมัน หาดเหียงหันกันเกรา สะเดาดูกเดื่อดก กะทกรกรกฟ้า มะข้ามะขามขานาง ย่างทรายไทรไข่เหน้า เปล้าประดู่ดูดาษ สนุ่นหนาดขนุนขนาน พวาหวานหวายหว้า สะบ้าสะบกเขลงขลาย ประคำควายประคำไก่ ไผ่เพกาตาเสือ มะเกลือมะกล่ำลำไย ไกรกรดกร่างช้างน้าว ขวิดขวาดขว้าวตะโกตะกู พลับพลวงพลูพลองสล้าง พลางบพิตรเจ้าช้าง ชื่นชี้ชมเดียว ฯ

๗๘พระเหลียวแลไม้ดอก ออกช่อแซมแนมผล ไขสุคนธ์เสาวรภย์ เลวงตรลบเเหล่งพนัส วายุพานพัดรำเพย ระเหยหอมฟุ้งเฟื่อง เปลื้องหฤทัยรำจวน เหล่าลำดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค ยี่สุ่นยี่โถโยทะกา พุดจีบลาลานเนตร เกดพิกุลแบ่งกลีบ ปีบจำปาจำปี มะลุลีประดู่ดง ปรูประยงค์ยมโดย โรยเรณูร่วงเร้า เย้ากมลชวนชื่น สุรภีรื่นรสคนธ์ บุนนาคปนปะแปม การะเกดแกมกรรณิการ์ มะลิวัลย์ลาหลายหลาก มากเมิลหมู่แมกไม้ ถวิลถึงองค์อ่อนไท้ ธิราชร้อนทรวงเสียว อยู่นา ฯ

โคลง ๔

๗๙มาเดียวเปลี่ยวอกอ้า อายสู
สถิตอยู่เอ้องค์ดู ละห้อย
พิศโพ้นพฤกษ์พบู บานเบิก ใจนา
พลางคะนึงนุชน้อย แน่งเนื้อนวลสงวน ฯ
๘๐พระครวญพระคร่ำไห้ โหยหา
พลางพระพิศพฤกษา กิ่งเกี้ยว
กลกรกนิษฐนา รีรัตน์ เรียมฤๅ
ยามตระกองเอวเอี้ยว โอบอ้อมองค์เรียม ฯ
๘๑เฌอปรางเปรียบนาฏน้อง นวลปราง
รักดั่งรักนุชพาง พี่ม้วย
ช้องนางเฉกช้องนาง คลายคลี่ ลงฤๅ
โศกพี่โศกสมด้วย ดั่งไม้นามมี ฯ
๘๒อบเชยอบชื่นชี้ เฌอสม ญาฤๅ
อบว่าอรอบรม รื่นเร้า
อบเชยพี่เชยชม กลิ่นอบ เฌอนา
อบดั่งอบองค์เจ้า จักให้เรียมเชย ฯ
๘๓ขานางนึกคู่คู้ ขาสมร
พลางพี่โอบเอวอร แอบเคล้า
กระทุ่มดั่งทุ่มกร ตีอก เรียมฤๅ
เกดว่าเกศนุชเกล้า กลิ่นกลั้วเสาวคนธ์ ฯ
๘๔เล็บมือนางนี้หนึ่ง นขา นางฤๅ
ต้องดั่งต้องบุษบา นิ่มน้อง
ชงโคคิดชงฆา นุชนาฏ เหมือนฤๅ
เรียมระเมียรเดื่อปล้อง ดั่งปล้องศอสมร ฯ
๘๕ซ่อนกลิ่นกลิ่นแก้วซ่อน นาสา เรียมฤๅ
ตาดว่าตาดพัสตรา หนุ่มเหน้า
สลาลิงเล่ห์ซองสลา นุชเทียบ ถวายฤๅ
สวาดดั่งเรียมสวาทเจ้า จากแล้วหลงครวญ ฯ
๘๖สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤๅ
เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไสร้
สละสละสมร เสมอชื่อ ไม้นา
นึกระกำนามไม้ แม่นแม้นทรวงเรียม ฯ
๘๗ไม้โรกเหมือนโรคเร้า รุมกาม
ไฟว่าไฟราคลาม ลวกร้อน
นางแย้มหนึ่งแย้มยาม เยาว์ยั่ว แย้มฤๅ
ตูมดั่งตูมตีข้อน อกอั้นกันแสง ฯ
๘๘สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หาย ห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย วางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ ฉันใด ฯ
๘๙สุกรมกรมสุขไซร้ ไป่มี
กรมแต่ทุกข์เทวษทวี ห่อนเว้น
นมสวรรค์นึกบัวศรี เสาวภาคย์ พี่เอย
ถวิลบเคยขาดเคล้น คลาดน้องใครถนอม ฯ
๙๐โกสุมชุมช่อช้อย อรชร
เผยผกาเกสร ยั่วแย้ม
รวยรื่นรสคนธ์ขจร จังหวัด ไพรนา
กลิ่นตระการกลแก้ม เกศแก้วกูสงวน ฯ

โคลง ๒

๙๑พระคราญถึงอ่อนท้าว หนักอุระราชร้าว
ที่ร้างแรมศรี ฯ
๙๒ใครปรานีหนึ่งบ้าง เชิญนุชมาแนบข้าง
ช่วยชี้ชวนชม พฤกษ์นา ฯ
๙๓ร้อนอารมณ์หม่นไหม้ คิดฉันใดจักได้
สบน้องนวลสมร แม่นา ฯ
๙๔เหลืออาวรณ์หวาดแว้ ทุกข์เผือเหลือทีแก้
เกี่ยงร้อนรำจวน ใจนา ฯ
๙๕กำสรวลสุดที่พร้อง เจ็บปิ้มปืนพิษต้อง
พ่างม้วยเมือมรณ์ แม่เอย ฯ

ร่าย

๙๖พระยอกรก่ายพักตร์ พลางชำลักชำเลือง เนืองนิกรพิหค อเนกนกนานา หมู่มยุราฟ้อนฟ่าย กระเรียนร่ายร้องร่ำ คล่ำคลิ้งโคลงคลอแคล ฝูงแกจับกิ่งแมก แขวกขวานเคาะขุดไม้ ไส้กระสาแซ้งแซว เค้าโมงแมวม่ายคู่ เค้ากู่กู่ก้องดง เป็ดน้ำลงเล่นน้ำ กาน้ำกล้ำกลืนปลา คับคาคาบคาร่อน กระแวนว่อนบินบน เปล้าปลิงปนกระลิงลาง กางเขนเขาโคกม้า สร้อยอีร้ารังนาน กระไนขานเสียงเร้า แขกเต้ากระเต็นกระตั้ว งั่วเงือกงั่งบังรอก กระจอกกระจิบกระจาบ พิราบร่ำคราญคราง ยางกระหรอดตอดต่อ แสกเสียงส่อสมชื่อ ออกเอี้ยงอื้ออึงไพร เหยี่ยวตระไกรตระกรุม กระลุมพูกระพ้อ กระทาถ้อทักเพื่อน เกลื่อนกระทุงท่องชล ดอกบัวปนปลอมแปลก อัญชันแทรกนางนวล ฝูงกากวนจิกรุ้ง เท้งทูดถุ้งเถียงถ้อย ต้อยติวิดหวาดฟ้า คล้าคลาเคล้าคู่คลอ พญาลออีลุ้ม ขุ้มคับแคเเลหลาก เหล่าจากพรากนกพริก อิกพระหิดค้อนหอย แอ่นลมลอยลมเลื่อน ไก่เถื่อนขันจะแจ้ว ดุเหว่าแหว้วเสียงหวาน สาลิกาขานจะจ้อ ไก่ฟ้าฟ้อหางเฟื้อย เจื้อยกระแสงสำเนียง เสียงระวังไพรพร้อง ร้องระวังไพรพนานต์ ภูบาลชี้ชมเดียว เสียวอุระร้อนเร้า พลางคำนึงหนุ่มเหน้า แน่งเนื้อนวลผจง ใจนา ฯ

โคลง ๔

๙๗พิศวงสังเวชโอ้ อกตู
ยามวิโยคเยาว์ดู ดั่งใบ้
บพานพักตร์พธู เทียมชีพ แลนา
เรียมจักแนะนกไม้ บอกน้องไหนนาง ฯ
๙๘นางนวลนึกนิ่มน้อง นวลปราง
จากพรากพรากจากนาง หนึ่งนั้น
พิราบพิลาปคราง ครวญแข่ง ข้าฤๅ
บัวว่าบัวนุชปั้น อกน้องเรียมถนอม ฯ
๙๙ไก่แก้วคิดคู่แก้ว กลอยใจ เรียมฤๅ
แสกยิ่งแสกหฤทัย พี่เศร้า
นกออกนึกออกไพร พลัดแม่ เหมือนฤๅ
ชมแขกเต้าคู่เต้า แขกน้องนานคืน ฯ
๑๐๐ชมพูพิศพ่างผ้า ชมพู แม่ฤๅ
นกขมิ้นเหลืองดู ดั่งเจ้า
สร้อยทองเทียบสร้อยพธู อ่าอาตม์
แอ่นว่าแอ่นองค์เคล้า พี่เคล้าคลึงสมร ฯ
๑๐๑รังนานนึกหนึ่งร้าง รังนาน
เท้งทูดทูตเท้งสาร สื่อน้อง
แขวกขวานคู่ขวานราญ รอนอก เรียมฤๅ
กวักดั่งกวักหัตถ์ร้อง เรียกเจ้าหาหาย ฯ
๑๐๒คับแคเคียงคู่ขุ้ม เขาขัน
เอี้ยงและออกอัญชัน แซ่ซ้อง
กระหรอดกระเรียนจรัล เรียงร่าย อยู่นา
กระจิบกระจาบจ้อง จับไม้เมิลเมียง ฯ
๑๐๓กระเต็นกระตั้วตื่น แตกคน
ยูงย่องยอดยูงยล โยกย้าย
นกเปล้านกปลีปน ปลอมแปลก กันนา
คล่ำคล่ำคลิ้งโคลงคล้าย คู่เคล้าคลอเคลีย ฯ
๑๐๔เนืองนกจับมิ่งไม้ เรียมยล
คุมคู่อยู่ทุกตน ต่างร้อง
ตูเดียวอดูรทน ทุกข์ทุ่ม ทรวงนา
ฤๅบ่มีเพื่อนพร้อง พี่เพี้ยง อดสู ฯ
๑๐๕สัตวาวานเห็จห้อง หาวโพยม
ยังอนุชเฉิดโฉม ฟ่องฟ้า
เชิญสมรแม่มาโลม ลาญเทวษ เรียมเอย
จงพี่พลันพบหน้า แม่หน้านวลเฉลิม ฯ
๑๐๖เบญจวรรณวานเร่งร้อน เร็วบิน ไปเฮย
แจ้งที่แสนสุดถวิล วากว้า
ยามกินบ่เป็นกิน กินโศก
นอนดั่งนอนป่าช้า ชอกช้ำทรวงสลาย ฯ
๑๐๗สาลิกาอย่าพลอดเพ้อ ลำพัง เลยนา
วานประเวศสู่วัง สักน้อย
จำทูลทุกข์แถลงยัง เยาวเรศ แม่ฤๅ
จงแม่รู้เรียมสร้อย สุดอ้างอาดูร ฯ
๑๐๘แขกเต้าเต้าแขกน้อง นงพะงา หนึ่งรา
บอกว่าเรียมโหยหา ละห้อย
เชิญนุชเร่งเร็วมา ระงับโศก พี่เอย
ขอพี่พบพักตร์น้อย หนึ่งให้สร่างศัลย์ ฯ
๑๐๙ไก่ฟ้าวานว่ายฟ้า หาวหน
หาสมรมายล เถื่อนท้อง
เชิญชมพนารญ เรียงรุ่น รุกข์แฮ
ชมพิหคเหินร้อง ร่ายไม้ไขเสียง ฯ
๑๑๐ห่อนเห็นสุโนกเอื้อ เอาภาร
เรียมเร่งลรรลุงลาน สวาทไหม้
รำลึกวิมลมาลย์ บัวมาศ กูเอย
มือลูบทรวงไล้ไล้ เทวษล้ำเหลือทน ฯ
๑๑๑พระโหยพระไห้ร่ำ รำจวน
พลางพระคำนึงนวล หนุ่มเหน้า
บ่เหือดบ่หายครวญ ครางคร่ำ อยู่แฮ
พระแต่โศกแต่เศร้า แต่สร้อยแสนทวี ฯ

ร่าย

๑๑๒นฤบดีดาลรันทด พลางกำสรดกำสรวล ครวญถึงองค์อ่อนไท้ พิศนกไม้ในมารค ดูหลายหลากหลายแหล่ ทวยหาญแห่เป็นขนัด เถือกธวัชปลายปลิว ทิวทวนถ่องท้องฟ้า พู่ระย้าระยับ สรรพพลแสะพลสาร แสนพลหาญพลห้อม ล้อมนฤเบศเสด็จดง พลางพระบงจัตุบาท กลาดมฤครายเรียง ก้มกินเกลียงกลืนกล้ำ ย้ำหญ้าเคี้ยวเหลียวดู ส่ำหมีหมูหมู่เหม้น กระต่ายเต้นตามทาง กวางกระทิงเถื่อนถึก ฮึกเหี้ยมหาญชาญเชี่ยว แล่นไล่เสี่ยวสู้กัน ชะมดฉมันหมู่ทราย ควายคณาคลาคล่ำ ส่ำโคเพลาะเหยาะเดิน ละมั่งเมิลม่ายเมียง เยียงผาโผนผกผงาด ระมาดเลาะเล็มหนาม ขลาคำรามรนร้อง ก้องกึกดงพงพนานต์ เหล่าสุวาณในนอก จิ้งจอกหอนซะซ้าว สารเหนี่ยวน้าวช้างบง กระจงแล่นกระเจิง ลิงละเลิงโลดเหล้น เต้นไต่ไม้ซะซ้อง ค่างร่ายร้องครอกคราง ลางกระรอกกระแต แลวะวู่จู่โจน บ่างเผ่นโผนโผผก ชะนีหกหัวห้อย ย้อยโยนไม้ไกวตน ส่ำสัตว์บนพฤกษา ต่างคณาเนืองนันต์ บรู้กี่พรรค์กี่เผ่า เหล่าจัตุบททวิบาท ดาษพนัสแนวเนิน พระบเพลินพิศชื่น ตื่นกมลหวั่นว้า ถวิลถึงนุชหนุ่มหน้า นิ่มเนื้อนวลจันทร์ แม่เอย ฯ

โคลง ๒

๑๑๓เจ็บจาบัลบ่มเศร้า ไปกี่ปางจักเต้า
แขกน้องคืนถนอม แม่นา ฯ
๑๑๔ตรอมกระอุอกช้ำ ปาดปิ้มฝีหัวขว้ำ
บ่งได้เยียไฉน นี้นา ฯ
๑๑๕ฉันใดจึงจิ่มเจ้า จักมาแอบแนบเคล้า
อยู่เคลี้ยคลึงโฉม ชื่นนา ฯ

โคลง ๔

๑๑๖พระโทรมนัสย์เศร้า แสนศัลย์
พลางพระขับพลขันธ์ เคลื่อนคล้อย
พระพิศอเนกนันต์ เนืองสัตว์ นั้นนา
ไปบ่เหือดละห้อย ห่างไห้หาศรี ฯ
๑๑๗โยธีลีลาศแคล้ว คลาทาง
ทุกทั่วสัตว์ตื่นตาง แตกเต้า
กาษรสุกรกวาง ทรายซุ่ม ซุ้มนา
ละมั่งระมาดผาดผังเข้า ป่าลี้หนีซอน ฯ
๑๑๘กุญชรชักพวกผ้าย แฝงพง
ถึกกระทิงวิ่งวง แหวกเร้น
ยองทองย่องยรรยง ฝีย่าง ย่องนา
กระต่ายกระแตเต้น ตื่นต้อนกันหนี ฯ
๑๑๙ภูมีเมิลแมกไม้ ใจหวน โหยแฮ
เห็นแต่ลิงค่างชวน ท่านแย้ม
ลูกกกอกแอบอวล เต้นไต่ ไม้นา
บ้างเก็บผลไพล่แก้ม กัดปล้อนปลิดพลาง ฯ
๑๒๐แลพลางทางเทวษไห้ หาศรี
ยามพระสุริยลี ลดฟ้า
พระสดับแต่เสียงผี เผือนพูด กันแฮ
ปั่นหฤทัยท่านว้า หวาดเพี้ยงจักรผัน ฯ
๑๒๑สายัณห์หวั่นสวาทไท้ ธเรศตรี ศวรแฮ
สดับแต่เสียงชะนี ร่ายร้อง
เหวยเหวยเรียกสวามี มรณาศ
นึกดั่งเสียงนุชพร้อง พร่ำไห้หาเรียม ฯ
๑๒๒พระเกรียมกมเลศด้วย ดวงสมร
ฤๅใคร่วายอาวรณ์ ว่างเศร้า
พระทุกข์พระทอดถอน ใจเทวษ ถวิลนา
ร้อนอุระราชเร้า ที่ร้างแรมขวัญ ฯ

โคลง ๒

๑๒๓พระจาบัลด้วยน้อง นึกปรานีนางห้อง
ห่างเคล้าจักตรอม ใจนา ฯ
๑๒๔เคยถนอมนุชแนบเนื้อ เจ็บนิรารสเกื้อ
เกี่ยงไหม้หมองทรวง เรียมนา ฯ
๑๒๕หนักดวงสมรพี่ร้าว คิดใคร่พบน้องท้าว
ห่อนพ้องพานขวัญ ใจนา ฯ

ร่าย

๑๒๖ไท้ธกระสันเสียวทรวง ดวงกมลหม่นหมาง พลางให้ด่วนเดินพล ลุตำบลไทรโยค พระดับโศกสั่งทัพ ยับยั้งตั้งค่ายคู โดยพยูห์สรรพเสร็จ บพิตรเสด็จเลออาสน์ พลับพลาราชเรือนศึก ตรึกตรองการโรมร้า ส่งทัพหน้าไปก่อน ผ่อนทัพหนุนไปถัด รัดไปยอไปยุทธ์ ชิงประทุษโรมโซรม โหมหักกาญจนบุรี ตีให้แตกเป็นฤกษ์ เขาก็เร่งเลิกทัพชัย ไปโดยบูรพทิศ ทัพหลวงติดยกตาม งามสง่าพลท้าว ล้วนทหารทห้าว หื่นเหี้ยมในสมร ยิ่งนา ฯ

โคลง ๔

๑๒๗พลมอญเมิลมืดท้อง รัถยา
อเนกนิกรอาชา ชาติช้าง
ทวนทองเถือกทอตา เปลือยปลาบ
เทียวธวัชแลสล้าง เฟื่องฟ้าปลิวปลาย ฯ

ร่าย

๑๒๘ฝ่ายนครกาญจน จัดขุนพลพวกด่าน ผ่านไปสืบเอาเหตุ ในขอบเขตรามัญ เขาก็พากันรีบรัด ลัดเล็ดลอดเลาะดง ตรงไปทางแม่กษัตริย์ จัดกันซุ่มเป็นกอง มองเอาเหตุเอาผล ยลนิกรรามัญ เดินแน่นนันต์นองเถื่อน เกลื่อนมาทั่วออกทิศ หวันก่อกิจดัสกร แก่พระนครตระหนัก เห็นฉัตรปักห้าชั้น กั้นบนเบื้องหลังสาร เขาก็ทราบการโดยขนาด ว่าอุปราชขุนทัพ เร็วรีบกลับมาบอก แดออกญาผ่านเผ้า เจ้านครกาญจนบุริน ยินยุบลข่าวศึก พิลึกลาญขวัญแหลก แสกกมลทะท้าว ร้าวอุระขุนเมือง เคืองใจราษฎร์ทุกผู้ รู้ตรลอดไพร่นาย เขาทั้งหลายตริกัน ขวัญเกี่ยงกินเผือนเผือด เลือดสลดหมดหน้า บเห็นถ้าต่อรบ รู้ว่าทบบมิทาน รู้ว่าราญบมิรอด คิดเททอดครัวแตก แหกหนีหน้าอย่าพะ เขาก็มละบ้านเมือง เปลืองเปล่าผู้หมู่ชน ชวนกันซนกันซุก บุกป่าดงป่าแดง แฝงเอาเหตุเอาผล ยลกระแหน่เศิกไสร้ เพื่อลงลักษณะให้ ส่งท้าวแถลงความ ท่านนา ฯ

โคลง ๔

๑๒๙ชาวสยามคร้ามเศิกสิ้น ทั้งผอง
นายและไพร่ไป่ปอง รบร้า
อพยพหลบหลีกมอง เอาเหตุ
ซุกซ่อนห่อนให้ข้า ศึกได้ไปเปน ฯ

ร่าย

๑๓๐ส่วนนเรนทรสมญา มหาอุปราชรามัญ ธก็ให้เร่งผันพลผ้าย ย้ายมาโดยทางเถื่อน ทัพหน้าเคลื่อนพลเดิน ลุลำกระเพินบมิหึง จึงพระยาจิตรตอง ให้พลกรองเวฬู ปูเป็นสะพานผ่านชล เร่งเดินพลข้ามฟาก มากนิกรคั่งคาม พวกชาวสยามเห็นตระหนัก จึ่งลงลักษณ์สารสื่อ ใส่ชื่อทั่วตัวขุน ถ้วนทุกมุลทุกนาย รายเรื่องราชริปู ยกหยูหเหยียบแดน แต่งขุนแผนเป็นทูต รูดเอาสารมาบอก แดออกญามหาด ทูลบัวบาทมหิบาล เขาก็รับสารขึ้นม้า รีบมาเร็วฤๅช้า บอกข้อเข็ญความ ท่านนา ฯ

โคลง ๒

๑๓๑กองทัพตามกันเต้า เสียงสนั่นลั่นเท้า
พ่างพื้นไพรพัง เพิกฤๅ ฯ

โคลง ๔

๑๓๒ดลยังเวียงด่านด้าว โดยมี
เมืองชื่อกาญจนบุรี ว่างว้าง
ผู้ใดบ่ออกตี ตอบต่อ ทัพนา
ยลแต่เหย้าเรือนร้าง อยู่ไร้ใครแรม ฯ
๑๓๓สอดแนมจักจับถ้อย ไถ่ความ
ฤๅบ่ได้ชาวสยาม สักผู้
จักสืบจักเสาะถาม เหตุห่อน รู้แฮ
รู้ว่าชาวเมืองรู้ เล่ห์แล้วหลีกหนี ฯ
๑๓๔ธก็กรีธาทัพเข้า เนาเมือง
ประทับอยู่แรมคืนเคือง สวาทไหม้
คำนึงนุชไป่เปลือง จิตท่าน ถวิลนา
เจ็บอุระราชไข้ ขุ่นแค้นคับทรวง ฯ
๑๓๕ระลวงรำลึกอ้า บังอร
ยลแต่แสงศศิธร ถ่องฟ้า
แสงจันทร์บ่ส่องสมร หมดเทวษ
ถวิลบ่ลืมนวลหน้า แม่แม้นนวลจันทร์ ฯ
๑๓๖คิดวันเรียมสั่งเจ้า จำจร มานา
เนืองพธูถวายกร นอบน้อม
นึกเชษฐ์เฉกจันทร ถ่องเมฆ แม้นฤๅ
พิศประกายรายล้อม เล่ห์เพี้ยงสาวสนม ฯ
๑๓๗เรียมกรมเกรียมเทวษไห้ โหยถวิล อรเอย
ฤๅใคร่จางใจจินต์ จืดเจ้า
ปางกินบ่เป็นกิน กินโศก
นอนบ่เป็นนอนเศร้า เสน่ห์ส้านเสียวสมร ฯ

โคลง ๓

๑๓๘พระอาวรณ์หวั่นทรวง หนักดวงกมลราชร้าว
คิดใคร่คืนครองด้าว กลับได้เยียไฉน นี้นา ฯ

ร่าย

๑๓๙หนักหฤทัยท่านพลาง ทางคำนึงนวลสมร จนจันทรคล้อยเคลื่อน ดาราเลื่อนลับเมฆ แสงสุพรรณเฉกฉานฉาย พรายหิรัญเรื่อราง พลางธให้เดินทวยหาญ ออกจากกาญจนบุรี กรีธาพลคลาดคล้าย ย้ายมาตามมรรคา คลาพยุห์พลางทางชม พนมพนัสแนวเนิน เทินแถวเถื่อนเขื่อนเขา พฤกษาเนาเนืองนันต์ ดูเฉิดฉันเฉกฉัตร ระบัดใบเขียวเหลือง เนืองผลแนมแกมดอก ออกเป็นพวงเป็นพู่ อยู่เปรมตาเปรมใจ ไหวอุระท่านสั่น หวั่นอุระท่านร้าว ถวิลถึงองค์อ่อนท้าว ที่ร้างฤๅคืน สมเลย ฯ

โคลง ๔

๑๔๐พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำ แกล่ครวญ
ขับคชบทจรจวน จักเพล้
บรรลุพนมทวน เถื่อนที่ นั้นนา
เหตุอนาถหนักเอ้ อาจให้ชนเห็น ฯ
๑๔๑เกิดเป็นหมอกมืดห้อง เวหา หนเฮย
ลมชื่อเวรัมภา พัดคลุ้ม
หวนหอบหักฉัตรา คชขาด ลงแฮ
แลธุลีกลัดกลุ้ม เกลื่อนเพี้ยงจักรผัน ฯ
๑๔๒พระพลันเห็นเหตุไซร้ เสียวดวง แดเอย
ถนัดดั่งภูผาหลวง ตกต้อง
กระหม่ากระเหม่นทรวง สั่นซีด พักตร์นา
หนักหฤทัยท่านร้อง เรียกให้โหรทาย ฯ
๑๔๓ทั้งหลายล้วนจบแจ้ง เจนไสย ศาสตร์แฮ
เห็นตระหนักแน่ใน เหตุห้าว
จักทูลบ่ทูลไท เกรงโทษ ท่านนา
เสนอแต่ดีกลบร้าว เกลื่อนร้ายกลายดี ฯ
๑๔๔เหตุนี้ผิวเช้าชั่ว ฉุกเข็ญ
เกิดเมื่อยามเย็นดี ดอกไท้
อย่าขุ่นอย่าลำเค็ญ ใจเจ็บ พระเอย
พระจักลุลาภได้ เผด็จเสี้ยนศึกสยาม ฯ
๑๔๕เวียงรามฤๅอาจต้าน ต่อมือ ท่านแฮ
พระจักชาญชัยลือ ล่มฟ้า
ทุกท้าวบท่าวถือ ตนต่อ พระเอย
โอนมกุฎก้มหน้า นอบน้อมถวายถวัลย์ ฯ
๑๔๖เหี้ยมนั้นจึ่งหากให้ ฉัตรหัก เห็นแฮ
เพราะเพื่ออุปราชยศักดิ์ เสื่อมไสร้
พระภูบดีจัก ผดุงยศ พระนา
เวนพิภพพระให้ หน่อท้าวเสวยศวรรย์ ฯ
๑๔๗ครั้นฟังบพิตรเพี้ยง ฟังหู หนึ่งนา
หูหนึ่งแหนงคำสู ซึ่งพร้อง
ไป่ไว้หฤทัยภู- ธรพรั่น อยู่นา
นึกเร่งกริ่งเกรงต้อง แต่แพ้ดัสกร ฯ
๑๔๘พระร้อนอุระเต้น ตื่นภัย
หวาดกมลไหวไหว วาบว้ำ
กันแสงเสนาะใน ทรวงซ่อน โศกนา
พลางพระกลืนเทวษกล้ำ กลัดกลุ้มรุมสมร ฯ
๑๔๙ภูธรพลางให้เร่ง พลจร มานา
แหนงกระลึงลางหลอน เล่ห์ร้าย
รันทดระทวยถอน ใจใหญ่ อยู่แฮ
พลางพระขับคชย้าย ย่างเยื้องเหย่าเดิน ฯ
๑๕๐สระเทินสระทกแท้ ไทถวิล อยู่เฮย
ฤๅใคร่คลายใจจินต์ จืดสร้อย
คำนึงนฤบดินทร์ บิตุเรศ พระแฮ
พระเร่งลานละห้อย เทวษไห้โหยหา ฯ
๑๕๑อ้าจอมจักรพรรดิผู้ เพ็ญยศ
แม้พระเสียเอารส แก่เสี้ยน
จักเจ็บอุระระทด ทุกข์ใหญ่ หลวงนา
ถนัดดั่งพาหาเหี้ยน หั่นกลิ้งไกลองค์ ฯ
๑๕๒ณรงค์นเรศวร์ด้าว ดัสกร
ใครจักอาจออกรอน รบสู้
เสียดายแผ่นดินมอญ พลันมอด ม้วยแฮ
เหตุบ่มีมือผู้ อื่นต้านทานเข็ญ ฯ
๑๕๓เอ็นดูภูธเรศเจ้า จอมถวัลย์
เปลี่ยวอุระราชรัน ทดแท้
พระชนม์ชราครัน ครองภพ พระเอย
เกรงบพิตรจักแพ้ เพลี่ยงพล้ำศึกสยาม ฯ
๑๕๔สงครามครานี้หนัก ใจเจ็บ ใจนา
เรียมเร่งแหนงหนาวเหน็บ อกโอ้
ลูกตายฤใครเก็บ ผีฝาก พระเอย
ผีจักเท้งที่โพล้ ที่เพล้ใครเผา ฯ
๑๕๕พระเนานัคเรศอ้า เอองค์
ฤๅบ่มีใครคง คู่ร้อน
จักริจักเริ่มรงค์ ฤๅลุ แล้วแฮ
พระจักขุ่นจักข้อน จักแค้นคับทรวง ฯ
๑๕๖พระคุณตวงเพียบพื้น ภูวดล
เต็มตรลอดแหล่งบน บ่อนใต้
พระเกิดพระก่อชนม์ ชุบชีพ มานา
เกรงบ่ทันลูกได้ กลับเต้าตอบสนอง ฯ

ร่าย

๑๕๗ไท้ธตรึกตรองตรอมเทวษ ถึงบิตุเรศแรมเวียง เพียงอกไหวใจขว้ำ คล้ำพระพักตร์มัวมล พลางเร่งพลด่วนเดิน ตามแถวเทินทางเถื่อน ทวยหาญเกลื่อนกลากลาด ดาษแดนท่งแดนนา ดามาโดยรัถเยศ ดลขอบเขตธานี ศรีสุพรรณพิศาล ธก็บรรหารให้ลาด กวาดเอาครัวเอาครอก ซอกไปจับทุกบ่อน แล้วธให้ผ่อนพลตั้ง ยั้งตำบลตะพังตรุ ลุแล้วแต่งค่ายเขื่อน เกลื่อนรั้วหนามรั้วขวาก มากค่ายขอบเป็นชั้น กั้นค่ายหลวงเป็นกง วงดุจดาวล้อมเดือน สระเทือนเสียงม้าช้าง เสียงพลเกริกไพรกว้าง กึกก้องใครยิน ย่านนา ฯ

ร่าย

๑๕๘เมื่อนั้นเจ้าธานินทร์ บุรินทรศักดิ์สีมา ทุกบุราราชอาณาเขต ประเทศนครสิงห์สรรค์ ศรีสุพรรณทุกพาย เขาก็ขยายครัวครอก ซอกไปซ่อนไปซุก บุกป่าแดงป่าดง แล้วก็ลงลักษณ์ข่าวสาร ส่งอาการเหตุห้าว มาบังคมทูลท้าวธิราช ผู้ผ่านถวัลย์ แลนา ฯ

โคลง ๔

๑๕๙ป่างนั้นนฤเบศเบื้อง บูรพา ภพแฮ
เฉลิมพิภพอโยธยา ยิ่งผู้
พระเดชดั่งรามรา ฆพเข่น เข็ญเฮย
ออกอเรนทร์รั่วรู้ เร่งร้าวราญสมร ฯ
๑๖๐ภูธรสถิตท้อง โรงธาร ท่านฤๅ
เถลิงภิมุขพิมาน มาศแต้ม
มนตรีชุลีกราน กราบแน่น เนืองนา
บัดบดีศวรแย้ม โอษฐ์เอื้อนปราศรัย ฯ
๑๖๑ไต่ถามถึงทุกข์ถ้อย ทวยชน
ต่างสนองเสนอกล แก่ท้าว
พระดัดคดีดล โดยเยี่ยง ยุกดิ์นา
เย็นอุระฤๅร้าว ราษฎร์ร้อนห่อนมี ฯ
๑๖๒นฤบดีดำรัสด้วย การยุทธ์
ซึ่งจักยอกัมพุช แผ่นโพ้น
พลบกยกเอาอุต ดมโชค ชัยนา
นับดฤษถีนี้โน้น แน่นั้นวันเมือ ฯ
๑๖๓พลเรือพลรบท้อง ทางชลา
เกณฑ์แต่พลพารา ปักษ์ใต้
ไปตีพุทไธธา นีมาศ เมืองเฮย
ตีป่าสักเสร็จให้ เร่งล้อมขอมหลวง ฯ
๑๖๔พระห่วงแต่ศึกเสี้ยน อัสดง
เกรงกระลับก่อรงค์ รั่วหล้า
คือใครจักคุมคง ควรคู่ เข็ญแฮ
อาจประกันกรุงถ้า ทัพข้อยคืนถึง ฯ
๑๖๕พระพึงพิเคราะห์ผู้ ภักดี ท่านนา
คือพระยาจักรี กาจแกล้ว
พระตรัสแด่มนตรี มอบมิ่ง เมืองเฮย
กูจักไกลกรุงแก้ว เกลือกช้าคลาคืน ฯ
๑๖๖เยียวพื้นภพแผ่นด้าว ตกไถง
ริพิบัติพูนภัย เพิ่มพ้อง
สูกันนครใจ ครอเคร่า กูเฮย
กูจักพลันคืนป้อง ปกหล้าแหล่งสยาม ฯ
๑๖๗สงครามพึ่งแผกแพ้ เสียที
แตกเมื่อต้นปีไป ห่อนช้า
บร้างกระลับมี มาขวบ นี้เลย
มีก็มีปีหน้า แน่แท้กูทาย ฯ
๑๖๘ทั้งหลายสดับถ้อยท่าน บรรหาร หนเฮย
ยังบ่เยื้อนสนองสาร ใส่เกล้า
บัดทูตนครกาญ จนถับ ถึงแฮ
พระยาอมาตย์นำเฝ้า บอกเบื้องเคืองเข็ญ ฯ

ร่าย

๑๖๙ไทธเห็นลักษณ์ข่าวสาร เอื้อนโองการให้อ่าน หว่านยุบลเบิกอรรถ บัดเขาอ่านเสนอไท ในลักษณะนั้นว่า ข้าพระพุทธเจ้าผู้รั้ง ทั้งกรมการทั่วตน ด้าวกาญจนบุรี ศรีสวัสดิบุเรศ ขอโอนเกศวันทนา แด่ออกญามหาด ขานข้อราชดัสกร ทูลภูธรผ่านถวัลย์ เพื่อรามัญผ้ายพล ดลประเวศสีมา ผู้เป็นนายกไสร้ คือหน่อไท้อุปราช ยาตรพยุหแสนยา ยลโยธาทวยหาญ ประมาณห้าสิบหมื่น ดูดาษดื่นแดนดง ตรงข้ามน้ำลำกระเพิน เดินโดยสะพานเรือกรัด ตัดเข้ากาญจนบุเรศ ข้าคุมเขตเหลือป้อง ขอสมเด็จพี่น้อง ท่านรู้ข่าวเข็ญ เทอญนา ฯ

โคลง ๒

๑๗๐พระเปรมปราโมทย์ไซร้ ซึ่งบดินทร์ดาลได้
สดับเบื้องบอกรงค์ ฯ
๑๗๑ธให้หาองค์น้องท้าว แถลงยุบลเหตุห้าว
ท่านแจ้งทุกอัน แลนา ฯ

ร่าย

๑๗๒แล้วธบรรหารตระบัด ว่าเราจัดจตุรงค์ จะไปยงยอยุทธ์ ยังกัมพุชพารา ศึกมอญมาชิงควัน กันบให้ไปออก บอกให้เต้าโดยตก ควรจักยกไปยุทธ์ เป็นมหุสสวมหันต์ ปันเอาชัยชิงชื่น แล้วธก็อื้นออกพจน์ พระราชกฎประกาศ แก่เมืองราชบุรี เกณฑ์โยธีห้าร้อย คะค้อยไปซุ่มซ่อน ดูศึกผ่อนพลเดิน ผ่านลำกระเพินโดยสะพาน เพ่งพลหาญเห็นเสร็จ ให้ระเห็ดเข้าหั่น บั่นเรือกขาดเป็นท่อน ค่อนพวนขาดเป็นทุ่น เถกิงกรานกรุ่นพลวกเผา อย่าให้เขาจับได้ เขากระทำดั่งไท้ ธิราชเอื้อนโองการ สั่งนา ฯ

โคลง ๔

๑๗๓นฤบาลสารเสร็จอ้าง ไป่ทัน หึงแฮ
ถับทูตทุกเขตขัณฑ์ ด่านด้าว
สิงห์สรรค์สุพรรณบรร ลุถิ่น ท่านนา
เขาเร่งนำเฝ้าท้าว ถั่งถ้อยแถลงทูล ฯ
๑๗๔บดีศูรสั่งให้อ่าน สารา
พระราชรับบัญชา ท่านไซร้
แถลงลักษณะทุกธา นีบอก มานา
เสนอยุบลข่าวใกล้ ศึกตั้งในแดน ฯ
๑๗๕บัดมอญแล่นม้าลาด เลยแขวง
วิเศษชัยชาญแสดง ข่าวซ้ำ
เขานำอักษรแถลง ถวายดับ นั้นนา
พระเร่งชื่นฤๅช้ำ ที่ข้อเข็ญความ ฯ
๑๗๖จอมสยามขามศึกไซร้ ไป่มี
บานกมลเปรมปรีดิ์ ปราบเสี้ยน
สองสุริยกษัตรีย์ ตรัสต่อ กันแฮ
หาเลศมลายศึกเหี้ยน หั่นห้าวหายคม ฯ
๑๗๗สมเด็จผายโอษฐ์อื้น ปรึกษา
แด่ภิมุขมาตยา ทั่วผู้
จักโรมอริรา มัญเมื่อ นี้แฮ
รับที่ถิ่นฤๅสู้ นอกไซร้ไหนควร ฯ
๑๗๘ทั้งมวลหมู่มาตย์ซ้อง สารพลัน
ทูลพระจอมจรรโลง เลื่องหล้า
แถลงลักษณะปางบรรพ์ มาเทียบ ถวายแฮ
แนะที่ควรเสด็จค้า เศิกไซร้ไกลกรุง ฯ

ร่าย

๑๗๙ข้ามุ่งเหตุเห็นผล ยลจิตเจ้าจอมศึก ห่อนห้าวฮึกหาญรงค์ ปลงใจฝ่อต่อไท้ ขัดท่านใช้ฤๅอาจ จึ่งต้องยาตรพลเยือน เตือนประยุทธ์ยั่วเข็ญ โดยจำเป็นจำใจ ห่อนหวังชัยเชิงชื่น ห่อนหวังหื่นหนศึก นึกแต่ขามนามราช ขลาดพระฤทธิ์ทุกตั้ง ครั้งคลาศึกรุมคัง ฝ่ายเรายังเป็นมิตร เขาเชิญบพิตรเสด็จดล ช่วยโรมรณทัพหนึ่ง ซึ่งพลทัพหงสา อุปราชาเป็นใหญ่ ฝ่ายเชียงใหม่ธใช้ ใหัพระสังขทัตถือพล มาช่วยรณเวียงรุม ชุมกันโรมเวียงคัง ทั้งสองเวียงอยู่เขา เราเข้าตั้งตีนพนม ศึกระดมหินทิ้ง ถูกมอญกลิ้งตายกลาด ลาวลงดาษดื่นด้าว โททัพท้าวท้อถอย ฝ่ายเราคอยดูที เห็นเขาตีบมิแตก ธจึ่งยกแยกพลยืน แย้งยิงปืนปรายเขา เอาข้าศึกซึ่งทิ้ง กลิ้งตกตายก่ายกัน มันบรอต่อติด เราประชิดชิงครัว จับได้ตัวขุนเมือง พลศึกเปลืองปลดชนม์ สองท้าวยลเยงราช ขยาดพระเดชเป็นประถม ครั้งหนึ่งบรมนฤบาล เจ้าจักรพาลหงสา กับพระมหาอุปราช ริอาฆาตปองร้าย ลวงเสด็จผ้ายสู่เมือง ขานข้อเคืองเป็นเลศ ว่าประเทศพุกาม ก่อสงครามแขงด้าว ขอเชิญท้าวช่วงรณ จึ่งเสด็จดลเดองแครง ส่งสารแสดงข่าวแขก แด่ซักแซกยอถ่าง เขาให้ตั้งห่างเมืองเขา เนาอาวาสแห่งหนึ่ง จึ่งเขาส่งข่าวไป ทูลแด่ไทหงสา ธก็ปรีดาดวงมาน เพื่อตริการสมหมาย จึ่งให้รายซุ่มทัพ คอยจู่จับโจมตี ตามวิถีแถวดง ตรงทางไปหงสา แล้วธบัญชาใช้ ให้พระยาเกียรติ์พระยาพระราม มาสื่อความไมตรี รับนฤบดีเสด็จคลา สองพระยากำกับ เขาจะเอาทัพซึ่งซุ่ม ออกกระทุ่มกระทบ รบกระหนาบชาวสยาม สองรับความแล้วคลา มาเจรจาแด่ไท้ ดั่งเขาใช้เป็นกล แล้วพาพลไปพัก สำนักในบริเวณ วัดมหาเถรคันฉ่อง ถ่องแถลงเลศแก่ชี เพื่อพระบารมีมหิบาล ดาลดลจิตจอมวัด กับคฤหัสถ์ขุนพล ทั้งสามตนพากัน มาเคียมคัลไขเลศ แด่นฤเบศโดยสัตย์ ครั้นธทราบรหัสบหึง จึงอื้นออกวรวากย์ เป็นฉินทภาคแผ่นไผท อุภัยภพเผด็จมิตร หวังก่อกิจรำบาญ สองพสุธารดั่งเพรง ไทยตะเลงเล่ห์ขอม ไป่แปลกปลอมปะปน ริเริ่มรณดุจกี้ แต่วันนี้จำเดิม จักต่อเติมประติยุทธ์ ชิงประทุษชิงแดน แล้วธสั่งแสนยากร กลับกวาดมอญเมือด้าว เอาโทท้าวขุนทัพ กับมหาเถรโดยเสด็จ เห็จข้ามน้ำสะโตง แต่งท่วยโถงท่าสู้ รู้ถึงไท้หงสา ธให้มหาอุปราช ยาตรพยุหตามติด หัวหน้าประชิดฝั่งชล อยู่คนละฟากคงคา อันมหิมาไพศาล ภูบาลเพ่งขุนพล ยลสุรกำมามาตย์ เสื้อสักหลาดสวมกาย หมายเท่าผลหมากพร้าว ขี่คชห้าวเห็นหาญ ประมาณเหมือนสุกร ธให้ซ้องศรโซรมสาด บอาจข้ามไปถึง จึงทรงแสงนกสับ แผลงขุนทัพต้องตาย ทวยตะเลงหลายแลหวาด องค์อุปราชแสยงฤทธิ์ คิดคะครั่นครั้งสอง ซึ่งเขาปองยุทธนา มาครานี้นึกแปลก เพื่อศึกแตกเดือนเชษฐ์ ไป่ทันเขตอำรุง ผดุงพลให้หื่นหาญ กลับริราญโรมราช เบื้องบุษยมาศมาดล ดูพิกลการเศิก รอยอื้อเอิกข่าวขจร ถึงนครเขาตระหนัก ว่าพระปิ่นปักภูวดล ดับพระชนม์สิ้นชีพ จึ่งเร็วรีบมาเยือน เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ ฝ่ายเราเทียบพลทัพ รับเวียงชัยใช่เชิง ไพรีเริงใจอาจ เชิญนฤนาถยาตรา จากนคราราชฐาน แต่งทัพหาญไปหัก ถ้าเห็นหนักเหลือทน จึ่งเสด็จดลดับห้าว มล้างชิพิตหน่อท้าว ธิราชด้าวอัสดง แลนา ฯ

โคลง ๔

๑๘๐โทไท้ทรงสดับถ้อย ทูลถวาย
ถูกหฤทัยท่านผาย โอษฐ์พร้อง
สูตริก็ตรงหมาย เหมือนตริ ตูนา
ตริบ่ต่างกันต้อง ต่อน้ำใจตู ฯ
๑๘๑ภูธรสั่งให้เทียบ โยธี ทัพแฮ
ห้าหมื่นหมายบัญชี เรียกได้
เกณฑ์เมืองจัตวาตรี ไตรตรวจ เอานา
ยี่สิบสามเมืองใต้ เตรียบตั้งต่อฉาน ฯ
๑๘๒บรรหารให้จัดผู้ อาจอง
เอาพระศรีไสนรงค์ ฤทธิ์ห้าว
เป็นจอมพยุหยง ไปยั่ว ยุทธ์แฮ
นำนิกรทัพท้าว ออกร้ารอนเข็ญ ฯ
๑๘๓พระเห็นจักเปลี่ยวข้าง ขุนพล
เยียวบ่มีเพื่อนผจญ จึ่งใช้
พระราชฤทธานนต์ หนึ่งช่วย กันนา
เป็นปลัดทัพให้ ศึกสู้ทั้งสอง ฯ
๑๘๔กองหน้านฤนาทตั้ง เสร็จสาร สั่งแฮ
เร็วเร่งห้ำหั่นหาญ หักกล้า
บ่แตกบ่ต้านทาน มันรอด ไซร้ฤๅ
กูจักออกโรมร้า ศึกร้ายภายหลัง ฯ
๑๘๕ทั้งสองรับถ้อยท่าน ทูลลา แลเฮย
ยกพยุหแสนยา ย่างย้าย
โดนแดนทุราธวา วายถิ่น
ถึงที่หนองสร่ายท้าย ทุ่งกว้างทางหลวง ฯ
๑๘๖ปวงทัพปลูกค่ายสร้าง กลางสมร
ภูมิพยุหไกรสร ศึกตั้ง
เสนาพลากร ต่างรื่น เริงแฮ
คอยจักยอยุทธ์ยั้ง อยู่ถ้าทางเขญ ฯ

ร่าย

๑๘๗กษณะนั้นนเรนทร์ไท้ ธให้โหรหามหุติฤกษ์ ซึ่งจะเบิกพยุหบาตรา จึ่งพระโหราผู้รู้โศลก หลวงญาณโยคโลกทีป รีบคำนวณทำนาย ถวายพยากรณ์แก่ไท้ ท้าวธได้จัตุรงคโชค อาจปราบโลกลาญรงค์ เชิญบาทบงสุ์เสด็จคลา จากอโยธยายามเช้า เข้ารวิวารมหันต์ วันสิบเอ็ดขึ้นค่ำ ย่ำรุ่งสองนาฬิกา เศษสังขยาห้าบาท ในบุษยมาสดฤษถี ศรีสวัสดีฤกษ์อุดม บรมนรินทร์ดาลสดับ ธให้ตรวจทัพเตรียมพล โดยชลมารคพยู่ห์ สู่ตำบลปากโมก ครั้นณวันโชควันยาม พยุหสงครามเขาตรวจ ทุกหมู่หมวดสรรพเสร็จ จึ่งสมเด็จภูวนาถ กับบรมราชอนุชา ธก็สรงธาราเสาวรภย์ ตรลบสุคนธกำจร ทรงบวรวิภูษา รัตพัสตราตรูเนตร ชายแครงเทศเถือกพร้อย ชายไหวห้อยเห็นเพรา พิศสนับเพลายรรยง ฉลองพระองค์แลเลิศ ทับทรวงเพริศพรายพริ้ง สะอิ้งรัตนไพฑูรย์ แก้วเกยูรสวมหัตถ์ แสงนพรัตน์มลังเมลือง เรืองธำมรงค์รุ้งร่วง ช่วงพรรเหาเก้าแก้ว แพร้วพรายนิ้วอัษฎางค์ พลางสองกษัตริย์สวมทรง อลงกตกาญจนมกุฎ แสงเพชรผุดพุ่งแพร้ว แก้วเก้ากอบแกมมาศ นาดกรกรายทายธนู ดูสองเจ้าจอมสยาม เฉกลักษมณ์รามรอนราพณ์ ปราบอเรนทร์ทุกด้าว พลางบพิตรโทท้าว ท่านเยื้องยังฉนวน น้ำนา ฯ

โคลง ๔

๑๘๘มหิศวรสองราชเจ้า จักรพาล
เถลิงสมุทรพิมาน มาศย้อม
เฉกไพชยนต์สถาน ทิพยอาสน์ อินทร์เอย
แก้วก่องทองเถือกพร้อม เพริศพร้อยพรายแสง ฯ
๑๘๙เสด็จแสดงยศยิ่งหล้า ลือไตร ภพแฮ
องค์อดิศวรไท พี่ท้าว
ทรงศรีสมรรถชัย ชาญชื่อ เรือนา
เถกิงพระเกียรติอะคร้าว โลกล้วนถวายกร ฯ
๑๙๐ภูธรวรนุชน้อง นฤบาล
เถลิงชโลทกยาน ย่องน้ำ
ไกรสรมุขพิมาน มีชื่อ เรือนา
เรืองมณีนพล้ำ เลิศแล้วหลากศรี ฯ
๑๙๑นาวีวรวิหคตั้ง ต่อฉาน ชื่อแฮ
ชัยสุพรรณหงส์พิมาน มาศแพร้ว
ทรงพระพิชัยชาญ ชัยชื่อ พระนา
เพราะพระชาญชเยศแผ้ว แผกพ้นภัยเข็ญ ฯ
๑๙๒เป็นมหาธวัชปักป้อง ปวงภัย โพ้นนา
นำนเรนทรไคล เคลื่อนคล้าย
กบี่ธุชโบกโบยใบ บังทัพ ท่านแฮ
ห้ามอมิตรหมู่ร้าย อย่าร้าโรมถึง ฯ
๑๙๓พึงพิศไพโรจน์ด้วย อภิรุม
บังแทรกสุริยสายชุม ฉัตรแพร้ว
กลิ้งกลดบดบังจุม พลผ่าน ภพนา
จามเรศรำเพยแผ้ว ผ่องพื้นแผ่นโพยม ฯ
๑๙๔ดาษโคมเวหาสห้อง หาวไสว
ประดับรัตนนาวาชัย เฉิดฟ้า
ทั้งสามศุภพิไล แลเลิศ แล้วแฮ
เพ็ญพระยศเจ้าหล้า โลกเพี้ยงพิศวง ฯ
๑๙๕ยรรยงพยุหบาตรเบื้อง เรือขุน
ทั่วทุกนายทุกมุล เตรียบตั้ง
มวลมาตย์ราชนิกุล เคียงคู่ กันแฮ
เถือกถกลกูบกั้ง พร่างแพร้วดาวเดือน ฯ
๑๙๖เกลื่อนกลาดดาษดั้งเรียบ เรือเขน
เรือพระครุฑภุชเคนทร์ เข่นแก้ว
เรือเศียรสัตว์เพียบเพญ ธารถิ่น
คุมคู่คอยเสด็จแคล้ว เคลื่อนคล้ายคลายขบวน ฯ
๑๙๗ครั้นควรพิชัยฤกษ์พร้อม เพรียงสมัย
โหรคระหึมฆ้องชัย กึกก้อง
พฤฒิพราหมณ์พรอกมนตร์ไสย สังข์เป่า ถวายนา
แตรตรลบเสียงซ้อง แซ่ซั้นบรรสาน ฯ
๑๙๘สำนานสนั่นอื้อ เอิกอรร ณพแฮ
โพนพาทย์เภรีรัน ครั่นครื้น
เสียงฆ้องแข่งขานกัน ตามหมวด หมู่นา
สระทกสระเทือนภูวพื้น แผ่นเพี้ยงหวั่นไหว ฯ
๑๙๙ไพลึกแหล่งหล้าลั่น ลือถึง สรวงฤๅ
เสียงอัคนีศรตึง ตื่นฟ้า
พลหาญฮึกโห่อึง เอิกโลก แล้วแฮ
ตระหนกทุกทวยธเรศหน้า เผือดแผ้วพังขวัญ ฯ

ร่าย

๒๐๐พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข้าโขลนทวาเรศ สงฆ์สวดชเยศพุทธมนต์ ปรายประชลเฉลิมทัพ ตามตำรับราชรณยุทธ์ โบกกบี่ธุชคลาพล ยลนาวาดาดาษ ดูสระพราศสระพรั่ง คั่งคับขอบคงคา แลมเหาฬาร์พันลึก อธึกท้องแถวธาร ถับถึงสถานปากโมก จึ่งพระจอมโลกลือเดช เสด็จเถลิงนิเวศวังทาง พลางธให้ตรวจเตรียมพล โดยสถลพยุหบาตร บอกพระราชกำหนด กฎแก่ขุนทัพขุนพล จักยกหพลยาตรา ในเวลาล่วงค่ำ ย่ำสิบเอ็ดสามบาท ครั้นเข้าราษตรีสมัย ภูวไนยตรัสตริการ ซึ่งจะรอนราญอริราช ด้วยภิมุขมาตยากร จนจันทรลับเลื่อน เคลื่อนเข้าตติยยาม เจ้าจอมสยามไสยาสน์ เหนือบรมอาสน์ก่องแก้ว คล้ายคล้ายสิบทุ่มแคล้ว ท่านเคลิ้มหลับฝัน ใฝ่นา ฯ

โคลง ๔

๒๐๑เทวัญแสดงเหตุให้ สังหร เห็นแฮ
เห็นกระแสสาคร หลั่งล้น
ไหลลบวนาดอน แดนตก ทิศนา
พระแต่เพ่งฤๅพ้น ที่น้ำนองสาย ฯ
๒๐๒พระกรายกรย่างเยื้อง จรลี
ลุยมหาวารี เรี่ยวกว้าง
พอพานพะกุมภีล์ หนึ่งใหญ่ ไสร้นา
โถมปะทะเจ้าช้าง จักเคี้ยวขบองค์ ฯ
๒๐๓พระทรงแสงดาบแก้ว กับกร
โจมประจัญฟันฟอน เฟื่องน้ำ
ต่างฤทธิ์ต่างรบรอน ราญชีพ กันแฮ
สระท้านทุกถิ่นท่าถ้ำ ท่งท้องชลธี ฯ
๒๐๔นฤบดีโถมถีบสู้ ศึกธาร
ฟอนฟาดสุงสุมาร มอดม้วย
สายสินธุ์ซึ่งนองพนานต์ หายเหือด แห้งแฮ
พระเร่งปรีดาด้วย เผด็จเสี้ยนเศิกกษัย ฯ
๒๐๕ทันใดดิลกเจ้า จอมถวัลย์
สร่างผทมถวิลฝัน ห่อนรู้
พระหาพระโหรพลัน พลางบอก ฝันนา
เร็วเร่งทายโดยกระทู้ ที่ถ้อยตูแถลง ฯ
๒๐๖พระโหรเห็นแจ้งจบ ในมูล ฝันแฮ
ถวายพยากรณ์ทูล แด่ไท้
สุบินบดินทร์สูร ฝันใฝ่ นั้นฤๅ
หากเทพสังหรให้ ธิราชรู้เป็นกล ฯ
๒๐๗นุสนธิ์ซึ่งน่านน้ำ นองพนา สณฑ์เฮย
หนปัจฉิมทิศา ท่วมไซร้
คือทัพอริรา- มัญหมู่ นี้นา
สมดั่งลักษณ์ฝันไท้ ธเรศนั้นอย่าแหนง ฯ
๒๐๘เหตุแสดงแห่งราชพ้อง ภัยชลา
ได้แก่อุปราชา เชษฐผู้
สงครามซึ่งเสด็จครา นี้ใหญ่ หลวงแฮ
แท้จักถึงยุทธ์สู้ ศึกช้างสองชน ฯ
๒๐๙ซึ่งผจญอริราชด้วย เดชะ
เพื่อพระเดโชชนะ ศึกน้ำ
คือองค์อมิตรพระ จักมอด ม้วยเฮย
เพราะพระหัตถ์หากห้ำ หั่นด้วยขอคม ฯ
๒๑๐เบื้องบรมขัตติย์ท่องท้อง แถวธาร
พระจักไล่ลุยลาญ เศิกไสร้
ริปูบ่รอราญ ฤทธิ์ราช เลยพ่อ
พระจักชาญชเยศได้ ดั่งท้าวใฝ่ฝัน ฯ

โคลง ๒

๒๑๑ครั้นบดินทร์ดาลได้ สดับพยากรณไท้
ธิราชแผ้วพูนเกษม ฯ
๒๑๒เปรมปรีดิ์ปราโมทย์แท้ เพราะพระโหรหากแก้
กล่าวต้องตามฝัน ฯ
๒๑๓พระพลันทรงเครื่องต้น งามประเสริฐเลิศล้น
แหล่งหล้าควรชม ชื่นนา ฯ
๒๑๔สมเด็จอนุชน้องแก้ว ทรงสุภาภรณ์แพร้ว
เพริศพร้อมเพราตา ยิ่งแฮ ฯ

ร่าย

๒๑๕สองขัตติยายุรยาตร ยังเกยราชหอทัพ ขุนคชขับช้างเทียบ ทวยหาญเพียบแผ่นภู ดูมหิมาดาดาษ สระพราศพร้อมโดยขบวน องค์อดิศวรสองกษัตริย์ คอยนฤขัตรพิชัย บัดเดี๋ยวไททฤษฎี พระศรีสารีริกบรมธาตุ ไขโอภาสโศภิต ช่วงชวลิตพ่างผล ส้มเกลี้ยงกลกุก่อง ฟ่องฟ้าฝ่ายทักษิณ ผินแวดวงตรงทัพ นับคำรบสามครา เป็นทักษิณาวรรตเวียน ว่ายฉวัดเฉวียนอัมพร ผ่านไปอุดรโดยด้าว พลางบพิตรโทท้าว ท่านตั้งสดุดี อยู่นา ฯ

โคลง ๔

๒๑๖พระมีปีติตื้น เต็มมาน
ประณตนัขสโมธาน เทิดเกล้า
พระทรงอธิษฐาน ขอเดช พระเอย
คุ้มแด่ข้าพระเจ้า จักสู้ศึกเข็ญ ฯ
๒๑๗เป็นศรีสวัสดิ์แด่ข้อย ขอชัย
ขอชนะไพรี ทั่วทั้ง
ขอเป็นธวัชไป ปักทัพ เฉลิมนา
ขอพระเป็นฉัตรกั้ง เกลื่อนร้อนผ่อนเกษม ฯ
๒๑๘พระเปรมปราโมทย์น้อม วันทนา
พลางพระทรงไอยรา ฤทธิ์แกล้ว
พระคเชนทร์ชื่อไชยา นุภาพ พ้นแฮ
อาจเข่นคชศึกแผ้ว แผกแพ้ทุกพาย ฯ
๒๑๙พลายปราบไตรจักรอ้าง เอิกฤทธิ์
อาจปราบคชทุกทิศ ทั่วไซร้
เอกาทศรถอิศ วรเสด็จ ทรงนา
นำคเชนทเรศไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ
๒๒๐งามเลิศคชลักษณ์ล้ำ แลลาน หลงแฮ
ครบเครื่องพระคชาธาร แต่งตั้ง
บรรยงก์พุดตานสถาน ทิพยอาสน์ เสมอฤๅ
เศวตฉัตรสวัสดิ์เกือบกั้ง ผ่องแผ้วอัมพร ฯ
๒๒๑คเชนทรทั้งคู่อ้าง ไอรา วัณฤๅ
มันตกติดกายา หยดท้อง
หูกวักแกว่งงวงงา เสยส่าย เศียรแฮ
หางก่งส่งเสียงก้อง เกริกหล้าแหล่งไหว ฯ
๒๒๒สองไทธิราชซั้น ทรงสาร ศึกเฮย
ดูดั่งองค์มัฆพาน ผ่านฟ้า
เถลิงสมิทธิคชาธาร ทิพยพ่าหน์ นั้นฤๅ
สู้อสูรศึกกล้า เสื่อมแกล้วกลัวหนี ฯ

ร่าย

๒๒๓จึ่งธชีพราหมณชาติ โหราราชประโรหิต โอมอ่านอิศวรเวท ถวายวรชเยศอย่างไสย ลั่นฆ้องชัยสามหึ่ง จึ่งเป่าสังข์สามหน ดนตรีแตรแซ่ซ้อง ก้องกาหลกลองศึก กลองชนะครึกโครมครื้น พ่างพกพื้นภูวดล ดูพหลพยุหบาตร ดาษพลแสะพลสาร แสนพลหาญพลห้อม พร้อมเครื่องพระอภิรุม ชุมธงชายธงฉาน ทวนทองลานเลื่อมเนตร พู่จามเรศปลิวปลาย แห่หน้าหลายเหล่าหลาก แห่หลังมากหมู่ล้อม ห้อมเบื้องซ้ายสระพรั่ง คั่งเบื้องขวาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำกี่แสน ดูดื่นแดนเดียรดาษ ธก็ให้ยาตรพยุหยุทธ บ่ายกบี่ธุชฝ่ายขวา โบกครุฑพาหน์ฝ่ายซ้าย เนาวพ่าห์ผ้ายหว่างธวัช เสมาธิปัตทักษิณ ฉัตรชัยผินอุดร แลสลอนกรรภิรมย์ แห่บรมนฤบาล ห้อมคชาธารธิราช จตุลังคบาทบริรักษ์ พิทักษ์เท้ากุญชร คลี่นิกรทัพเลื่อน เคลื่อนพลสารยาตรา คลาพลแสะผังผาย คลายพลตีนต่างเต้า เสียงสระเทื้อนฝีเท้า สระท้านแถวสถล ฯ

ร่าย

๒๒๔ธไคลพลคล่ำคล้าย แลนา ย้ายมาโดยรัถยา แลนา คลาทางบ้านสระแก้ว แลนา แคล้วทางบ้านสระเหล้า แลนา แล้วธเข้าที่เสวย แลนา ยั้งยังเกยประทับ แลนา เสร็จธกลับทรงสาร แลนา คลี่พลหาญด่วนเดิน แลนา ดำเนินในมรรคา แลนา สุริยประภาทรงกลด จนกำหนดบ่ายควาย ชายสามนาฬิกาเศษ ทัพถึงประเทศหนองสร่าย ซึ่งค่ายหน้าเขาตั้ง ธให้หยุดยั้งอยู่หลัง เอากำลังพลสรรพ เสด็จประทับเกยชัย ในฉายาไม้ประดู่ อยู่เหนือจอมปลวกหลวง ต้องกระทรวงครุฑนาม ตามชัยภูมิพยุหะ แล้วธให้กะเกณฑ์กัน ปันหน้าที่ตั้งค่าย ฝ่ายหน้าหลังซ้ายขวา ดูดาษดาทั้งมวล เป็นกระบวนปทุมพยูห์ ขุดคูพูนสนามเพลาะ เฉพาะทุกหน้าค่าย ฝ่ายนอกวางรั้วขวาก มากรั้วหนามเป็นชั้น ขั้นเป็นเขื่อนเป็นขอบ แต่งตามระบอบศึกเสร็จ บพิตรเสด็จพักพล คอยจักผจญศึกกล้า อยู่กระชั้นค่ายหน้า ซึ่งตั้งขัดพล อยู่นา ฯ

โคลง ๔

๒๒๕น่ายลพยุหทัพไท้ อยู่หัว สองแฮ
ชุมค่ายรายกลบัว กลีบซ้อน
แสนเศิกเพ่งพึงกลัว แกลนเดช ท่านนา
เถกิงพระเกียรติดั่งต้อน ศึกให้แตกหนี ฯ
๒๒๖โยธีเทียมด้วยพวก พลสรวง
ดูประดุจเต็มตวง ท่งกว้าง
กองหน้าและกองหลวง แลหลาก หลายแฮ
เสียงสนั่นม้าช้าง เฉกฟ้าดินไหว ฯ
๒๒๗พลไกรล้วนกลั่นแกล้ว กลางสมร
อาจจักหั่นหัวมอญ ขาดเกล้า
แสนยาพลากร ต่างหื่น หาญเฮย
คอยจักโรมจักเร้า จักร้าราญเขญ ฯ

ร่าย

๒๒๘ฝ่ายกองตระเวนรามัญ อันขุนศึกธใช้ ให้เอาม้ามาลาด คอยข่าวราชริปู ดูทัพชาวพระนคร จักออกรอนออกรบ จักออกทบออกทาน เอาอาการมาบอก แม้บออกต่อติด จักประชิดเมืองถึง จึงสมิงอะคร้านขุนกอง รองสมิงเป่อปลัดทัพ กับสมิงซายม่วน ทั้งสามด่วนเดินพล พวกพหลหมู่ม้า ห้าร้อยมามองความ ยลสยามยาตรทัพ อยู่ท่ารับรายค่าย ขอบหนองสร่ายเรียบพยูห์ ดูกองหน้ากองหลวง แลทั้งปวงทราบเสร็จ เร็วระเห็ดไปทูล แด่นเรศูรอุปราช ครั้นพระบาทได้สดับ ธก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ ยกมายุทธ์แย้งรงค์ แล้วพระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกองม้า ถ้าจักประมาณพลไกร สักเท่าใดดูตระหนัก ตรัสซ้ำซักเขาสนอง ว่าพลผองทั้งเสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น ดูดาษดื่นท่งกว้าง ครั้นเจ้าช้างทรงสดับ ธก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซึ่งสองกษัตริย์กล้า ออกมาถ้ารอรับ เป็นพยุหทัพใหญ่ยง คงเขาน้อยกว่าเรา มากกว่าเขาหลายส่วน จำเราด่วนจู่โจม โหมหักเอาแต่แรก ตีให้แยกย่นย่อย ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวียงโดยสะดวก แล้วธสั่งพวกขุนพล เทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่สามยามเสร็จ ตีสิบเอ็ดนาฬิกา จักยาตราทัพขันธ์ กันเอารุ่งไว้หน้า เร็วเร่งจัดอย่าช้า พรุ่งเช้าเราตี เทอญนา ฯ

โคลง ๔

๒๒๙เสนีรับถ้อยท่าน ทุกตน
ต่างเร่งตรวจเตรียมพล ทุกผู้
พลหาญหื่นหนรณ เริงร่าน อยู่แฮ
คอยจักขับเคี่ยวสู้ เข่นเสี้ยนศึกสยาม ฯ
๒๓๐ครั้นยามสิบเอ็ดแล้ว เวลา ลุเอย
องค์อัครอุปราชา หน่อไท้
โสรจสรงรสธารา รวยรื่น ฉมนา
เฉลิมวิเลปน์ลูบไล้ เฟื่องฟุ้งสาวคนธ์ ฯ
๒๓๑เสร็จพระทรงเครื่องต้น แต่งกาย ท่านนา
สวมสอดสนับเพลาพราย อะเคื้อ
ภูษิตพิจิตรลาย แลเลิศ แล้วแฮ
ทรงสุภาภรณ์เสื้อ เกราะแก้วก่องศรี ฯ
๒๓๒ภูมีเฉวียงมาศสร้อย สังวาล เวียนนา
ประดับมรกตกาญจน์ กอบแก้ว
พาหุรัดรัตนประพาล โอภาส พิศแฮ
ตาบเพชรเก็จมาศแพร้ว พร่างพร้อยพรายแสง ฯ
๒๓๓ชายแครงแซงช่อช้อย ไฉไล
แลพิลาสชายไหว เพริศพริ้ง
รัตพัสตร์พิพัทธ์ไพ ฑูรย์ถ่อง แสงฤๅ
จรูญจรัสรัตนสะอิ้ง เจ็ดแก้วก่องศรี ฯ
๒๓๔นาคีภุชแผ่เกล้า เกลือกเศียร
คลี่อาตมออกเวียน หัตถ์ไท้
นพรัตน์เรียบรายเฉวียน ฉวัดวิ่ง แสงนา
เถือกเถกิงกลไต้ ตากรุ้งเรืองโพยม ฯ
๒๓๕แสงโสมแสงแก้วส่อง สุริยฉาย
อร่ามรัตนกุณฑลพราย พร่างฟ้า
อุณหิสวิจิตรราย ปัทมราช แลฤๅ
เจ็ดอุรุคเรียบหน้า ผกเกล้าเกลื่อนหงอน ฯ
๒๓๖อาภรณ์พิพิธพร้อม เพราองค์ เอี่ยมเอย
มาศมุททิกท่านทรง สอดนิ้ว
เรียบรัตน์คู่ควรคง ขัดค่า เมืองฤๅ
เรืองมณีนพริ้ว ร่วงรุ้งรังสี ฯ
๒๓๗นฤบดีทรงเครื่องถ้วน ถมอา คมแฮ
ล้วนเลขยันต์คาถา ทั่วแท้
สบสรรพพิทยา คุณเวท
หวังจะเกียดกันแก้ เกี่ยงพ้นภัยเขญ ฯ
๒๓๘ภูเบนทร์บ่ายบาทขึ้น เกยหอ
ขี่คชชื่อพัทธกอ กาจกล้า
บ่เข็ดบ่ขามขอ เขาเงือด เงื้อแฮ
มันตกติดหลังหน้า เสือกเสื้องส่ายเสย ฯ
๒๓๙เคยศึกสู้ศึกไซร้ ไป่หนี ศึกแฮ
หาญสง่าไพรี แง่ง้ำ
เฉกช้างวัสวดี คิริเมขล์ แลเฮย
หกศอกคืบสูงซ้ำ เศษนิ้วเบญจางค์ ฯ
๒๔๐สรรพางค์พิลาสล้ำ อลง กรณ์เอย
ครบเครื่องคชาธารทรง เพริศแพร้ว
พรายแพนมยูรยง ยลยาบ อยู่นา
เศวตฉัตรพัดโบกแผ้ว ผ่องพื้นคัคนานต์ ฯ
๒๔๑โอฬารแลเลิศด้วย อภิรุม
บังแทรกสุริยสายชุม ฉัตรชั้น
เสียงฆ้องแข่งขานรุม ระดมแห่ ฮึกแฮ
โพนพาทย์เภรีซั้น แซ่ซ้องกาหล ฯ
๒๔๒ขุนพลประจำคชแกล้ว เถลิงกลาง
สมเญศสมิงนันทมาง กาจกล้า
กรกุมมยูรหาง แพนเทิด ทายเฮย
พร่างพร่างพรายพรายฟ้า อยู่เพี้ยงเหินหาว ฯ
๒๔๓ด้าวท้ายกเรนทเรศผู้ พนักงาน
เมืองมลวนเป็นควาญ ขี่คว้าง
กรายกรกระลึงธาร ขอเข่น
คอยขับคชง่าง้าง เงือดเงื้อหงายคม ฯ
๒๔๔สมเด็จหน่อนาถด้าว อัสดง
อังกุสภุชธำรง รูปง้าว
ครวัดครวีทรง แสดงเดช ท่านนา
เกริ่นพระเกียรติอะคร้าว ครั่นฟ้าดินไหว ฯ
๒๔๕ไพบูลย์จัตุบทเบื้อง จำนำ คชเฮย
นันทสูราชสังครำ บาทหน้า
บาทหลังฝ่ายเฉวียงสดำ ขุนคู่ หนึ่งแฮ
นามชีพพรายชีพพร้า พรั่งพร้อมแห่แหน ฯ
๒๔๖แสนยาพลามาตย์ทั้ง ทวยสถล
สารแสะส่ำผองพล ไต่เท้า
สามสิบหมื่นหมายตน สามสิบ ร้อยนา
เนืองนิกรควบเข้า แต่งตั้งในสนาม ฯ

ร่าย

๒๔๗ตามขนบพยุหบาตรา สรรพเสนานามมี เทียบโยธีเจ็ดแถว แนวละเจ็ดกองเป็นขนัด จัดเป็นสี่สิบเก้าทัพ ลำดับดูดาษดา ธให้พระยาจิดตอง พลหมื่นสองพันตน เป็นขุนพลทัพนำ ขี่ประจำคชคง นามมาตงค์ยุมาตาง มางนันทมิตรปีกขวา ขี่คชาปลอกหะละ กะพลให้สี่พัน ปีกซ้ายปันทวยทัพ นับเท่ากันไตรตรา มหานรธาเป็นขุน ขี่กุญชรเนียบพยู่ห์ ผู้ทัพแซงฝ่ายขวา โยธาพันห้าร้อย คะค้อยป้องริปู มางธนูลักขยา ขี่ไอยรามรัดคาน เป็นขุนหาญหัวทัพ แซงซ้ายนับหนึ่งขวา ผู้เป็นนายกไสร้ ให้มางธนูเดชะ ยกพยุหะออกยอ ขี่พลายกลอรายชวา แซงนอกขวาสร่ายกระโลด แซงซ้ายโสดสร่ายกระลาย ถือทนายสินธพ ครบคนละร้อยรายเรียง ขับขี่เคียงคู่แข่ง ทัพหน้าแต่งแจงจัด ดำเนินถัดทัพนำ ส่ำนิกรสกรรจ์ หมื่นห้าพันดาษดา ธให้พระยาอภัยคามินี คุมโยธีทวยหาญ ขี่สารสัพพางคุลาง เป็นกองกลางพลพฤนท์ สมิงอินทจักรปีกขวา โยธาห้าพันมี นาคีเข็มรัดชวา จัดเป็นพาหนะผาดผ้าย ปีกซ้ายสมิงพ่อเพชร เห็จขึ้นพรายรายผวน จำนวนพลเพียงกัน แซงซ้ายนันทสุระ ขี่สีหนาเคนทร์ เกณฑ์พลพันห้าร้อย แซงขวาน้อยไป่มี มวลพิรีย์เทียมทัด จัดเอาชัยสุระ ขี่สุริยะไอยรา เป็นพลาธิบดี แซงนอกมีแสะมาก สร่ายนาคเบื้องทักษิณ สร่ายอินทร์เบื้องอุดร ถือนิกรหมู่ม้า ร้อยห้าสิบเสมอกัน แล้วธให้สรรเกียกกาย ผู้เป็นนายเป็นโบ มางจาชโรพระพี่เลี้ยง เพี้ยงหฤทัยภูธร เถลิงกุญชรพัชเนียง หกศอกเพียงเศษคืบ สองนิ้วสืบสูงเติบ เอิบมันอาบหน้าหลัง โจมจำบังบ้าทัพ ประดับเครื่องพระคชาธเรศ ปักเศวตบวรฉัตร เฉกดั่งขัตติยพันลึก สมิงปราบศึกกลางสาร ควานสมิงมือเหล็ก เต็กเตือนของ่าง้าง ช้างดั้งกันดาษดา ครบเครื่องราชาปโภค พัดโบกฉัตรชุมสาย รายบังแทรกบังสูรย์ เรืองจำรูญจำรัส แล้วธแต่งกษัตริย์โสฬส ขุนขี่คชคุมพล ทำเป็นกลงำเงื่อน หวังศึกเลื่อนลานหลง ห่อนรู้องค์มหิบาล ล้วนคชาธารปักฉัตร อเนกขนัดเนืองนอง เป็นกองกองเหล่าเหล่า พลเท่าเท่าทุกทัพ สรรพส่ำสรรพศาสตรา ดาพยุหเรียงระยะ สมิงพัตบะขี่สาร รานนิกนางมีนาม สมิงพระรามเถลิงพลาย รายปลอกกระยอเริงร้าย อายพะบูลขี่คชินทร์ สมญานิลลาตอง อายกำกองขี่ช้าง อ้างนามนาคพินาย สามกรายขึ้นคชาชาติ หัษปีสาจสามรรถ สมิงมหาธัชธำรง มิ่งมาตงค์ตอมู ราชามนูเรืองฤทธิ์ ขี่พิจิตรหัสดิน สมิงนครอินทร์เลออาสน์ ดำรีราชสังครำ ขุนประจำพลายกระมัด สมิงสามผลัดออกนาม รอดสังรามขี่คอ ปองกะยอไอยรา สิริพรหมมาเกรียงไกร ขี่ช้างชัยมงคล สมิงนนทสุริยะ ขี่พลายสุระหยัดยืน อายกองปืนเถลิงสาร ประจัญมารเป็นอาสน์ สมิงโยคราชเริงรงค์ ขี่พันคงคชเลิศ สมิงพัตเบิดเข้มขัน ขี่พลายอนันตโยธา อายมนทยาเหินเห็จ พลายธนูเพชรพ่าหน์ พื้นกลั่นกล้าทารุณ ครบสิบหกขุนสิบหกคช ดำรงยศขัตติเยศ ถือขัตติยเพศพิมล เถือกถกลแลสล้าง หน้าช้างมางจาชโร่ ล้วนอ่าโอ่โอฬาร มีคชสารแซงแทรก ดั้งกันแยกยืนยัน ปันเป็นหมวดเป็นหมู่ อยู่บ่คละปะปน แล้วเทียบพลเสนัด ขนัดจ่ารงมณฑก นกคุ่มขานกยาง วางนกโพรงนกสับ ดับพลโล่พลดั้ง ทั้งพลดาบสองมือ คือละพวกละพัน พิศแน่นนันต์เนืองนอง จัดเป็นกองเป็นชั้น บั้นเบื้องหน้าโดยดับ แล้วธแต่งทัพปีกขวา ให้พระยาเมาะตะมะ กะนิกรครบหมื่น เมิลดาษดื่นพสุธา ขี่คชาจำกะยอ ปีกซ้ายพอพลเท่า เจ้าเมืองตะเกิงคุ้มคุม เถลิงละลุมแทงคช กำหนดกองแซงขวา เมืองตึกคลาถือทัพ นับทวยหาญทวยกล้า สองพันห้าร้อยมี ขี่หัสดีกำยาง แซงซ้ายวางดั้งขวา โยธาเทียบพยุหะ เมืองทละเป็นนาย ขี่คชรายเรียบนาง แซงนอกวางแสะเรียง สร่ายละเปียงเป็นขวา สร่ายพรหมมาเป็นซ้าย ย้ายดุรงค์แล่นลอง ทั้งโทกองเสมอม้า สองร้อยห้าสิบประมาณ ฝ่ายทวยหาญทัพหลวง ปวงพิริยโจษจน ห้าหมื่นพลคณนา ปีกขวาให้พระยาเกียรติ์ สองหมื่นเดียรดาษพฤนท์ ขี่คชินทร์ประกายมาศ ปีกซ้ายสระพราศพลเพรียง พึงพอเพียงไป่เพิ่ม พื้นหื่นเหิ่มสงคราม พระยาพระรามรณหาญ ขี่สารสิงหนารายณ์ ผายพหลป้องปก เป็นนายกโยธี เจ้าบุรีตองอู รั้งพยูห์แซงขวา แสนยาห้าพันนาย ขี่ตะมายไอยรินทร์ เจ้าธานินทร์มองมละ เถลิงมวะนาเคนทร์ เกณฑ์เป็นแซงซ้ายพล พวกพหลเทียบทัด ถัดแซงนอกเนืองนอง กองอาชาห้าร้อย สร่ายจรประสร้อยขวาทัพ แซงซ้ายนับเทียบทาน สร่ายโลกมานคุมพล หนหน้าพระคชาทรง ส่ำมาตงค์เนื่องขนัด จัดเป็นดั้งเป็นกัน สรรเป็นแซงเป็นแทรก แยกโดดแล่นโจมทัพ สรรพค่ายค้ำพังคา เมิลมหิมาทั้งมวล ส่ำทวยทวนทองเทิด เพริศพู่พรายพะพร้อย สี่ร้อยดูดำเกิง ทวยศรเพลิงโดยดับ ทายนกสับตระแบงแก้ว แล้วจ่ารงล้อลาก มากมณฑกนกยาง วางกุทัณฑ์กำซาบ สมิงสามปราบสามแหลก แยกเป็นกองซ้ายขวา ถือโยธาทวยปืน ยืนสระพราศสระพรั่ง ทวยโล่ดั้งดาบเขน เกณฑ์ขุนกลั่นขุนกล้า เลิกพร้าโลกนรินทร์ ธนูศิลป์อุบากอง สองฝ่ายควบคุมทัพ นับกองละห้าร้อยราย นายขี่คชทุกหมวด ผู้ไตรตรวจพิรีย์ อังวะมังศรีสมิงพัช สองขุนจัดแจงขบวน ประมวลพยุหกองหลวง ตามกระทรวงศึกสรรพ แล้วธแต่งทัพยุกกระบัตร จัดเป็นปีกเป็นแซง แวงในนอกโดยขนาด พระมหาราชเชียงใหม่ เป็นขุนใหญ่รั้งพฤนท์ ทรงคชินทร์ชมพูธัช วัดอินทรีย์สูงสืบ หกศอกคืบโดยมี เศษองคุลีหนึ่งนับ ซับมันติดหน้าหลัง บุกจำบังเบือบร หัสดาภรณ์โอฬาร เครื่องคชาธารผูกหมั้น กั้นเศวตฉัตรผ่องแผ้ว พระยาเชียงแก้วกลางสาร แสนหาญใจศึกไสร้ ให้เป็นควาญขี่ขับ สรรพส่ำสารโจษจัน ดั้งกันแทรกแซงสล้าย ปีกซ้ายพระยาเชียงราย ขี่รำชายกุญชร พระยานครลำปาง ขี่มาตางค์กุณฑล เป็นขุนพลปีกขวา ธให้พระยาเชียงของ ถือแซงกองทักษิณ ขี่นาคินทร์สวัสดี ให้ราชีเชียงแขง ถือทัพแซงซ้ายพล ขี่พลายมงคลชาตรี แซงโยธีอัศวะ สร่ายสุกะเป็นขวา คุมอาชายาตรย้าย แซงหนซ้ายสร่ายชัย ขับทวยหัยเหินเห็จ เสร็จแสนยาทั้งผอง เท่ากับกองเกียกกาย กองหลังรายเรียบพยู่ห์ ผู้เป็นจอมโยธี ฟ้าแสนหวีเถลิงยาน สารอุโบสถา ให้พระยาสิบอ ขี่เกียนกะยอนาเคนทร์ เกณฑ์เป็นปีกอุดร ขุนนครโมแน ขี่แขแมหัสดิน ปีกทักษิณศึกสู้ ผู้ผ่านเมืองโมเยียง เรียงเรียบพลแซงขวา ขี่ยาตรานาคี เจ้าธานียองยง สถิตมาตงค์เป็นอาสน์ แก้วไกลาศลือนาม ดำเนินวามแซงทัพ ถับแซงนอกเนื่องนอง ส่ำแสะสองฟากฝ่าย สร่ายตะมอดเบื้องขวา เบื้องอุตราสร่ายยักษ์ พรักพิริยอัสดร แสนยากรทั้งทัพ นับกองหน้าเทียบทัน แล้วสรรกองหนุนหลัง รั้งท่อนท้ายรายเรียบ เทียบพลเท่าทัพนำ ลำเครื่องพหลดาดาษ เมืองเขมราษฎร์เป็นขุน กุญชรแปรเป็นพ่าห์ จ่าปีกซ้ายพระยาพะยาว ถือทวยลาวเลอคช สมญายศสิงห์คำ ขุนจำนำปีกขวา คือพระยาพะยาก ขี่ขับนาคบุญเรือง เนืองทัพแซงซ้ายด้าน ให้พระยาน่านนำพิรีย์ เถลิงหัสดีราชา ทัพแซงขวาพระยาสวางค์ ขี่มาตางค์นาทศักดิ์ ภายนอกพรักพรั่งเพรียง เรียงดุรงค์ดาษระดะ สร่ายสิงหะซ้ายแซง แขวงขวาสร่ายละนะจาว ส่ำพลลาวมากมวล ส่ำพลยวนมากหมู่ พลต้องสู่เข้มแขง พลยางแดงเข้มเขี้ยว แสนพลเงี้ยวคลาคล่ำ ส่ำพลเขินคั่งคาม พลพุกามโจษจัน พลรามัญจันโจษ โดดเล่นเต้นตามคะนอง ลองครวีอาวุธ หวังยอยุทธ์ชิงชัย เพียบแผ่นไผททั้งมวล ขบวนสรรพเสนา ดากันเป็นเจ็ดทัพ สรรพพลสารส่ำสรรพ์ พันห้าร้อยเรียบราย หมายพลม้าสามพัน เรียงรันสองฝ่ายฟาก มากเมือบขอบท่งท้อง ซ้องแสนยาเทาเท้า เข้าประมวลถ้วนแสนสาม แสนเศิกขามทุกด้าว ดูทหารทห้าว เหิ่มเหี้ยมเสียมแสยง ยิ่งนา ฯ

โคลง ๔

๒๔๘เสด็จแสดงพิริยพ่าห์เพี้ยง ไพจิต ราเฮย
ปองปัจจามิตรแมน มุ่งฟ้า
อมราธิปสึงสถิต เมรุมิ่ง เมืองฤๅ
เสมออยุธเยศหล้า แหล่งไท้เถลิงถวัลย์ ฯ
๒๔๙ผี้ว์บ่นั้นคือเศิกสู้ สงคราม โพ้นฤๅ
ปางราพณ์โรมรอนราม เรื่องอ้าง
ทวยทัพเทียบในสนาม เสนอเดช นั้นนา
สนั่นแต่เสียงม้าช้าง เฉกฟ้าดินสลาย ฯ
๒๕๐พรายแสงศัสเตรศจ้า จับโพยม
ทิวธวัชปัดปานโคม ไขว่คว้าง
ทวนมาศดาษดวดโดม ดูเถือก แถวแฮ
หอกแห่แลสลับสล้าง โล่ดั้งดาบเขน ฯ
๒๕๑เพญพวกพยุหยุทธ์แย้ง แผลงผลง
มณฑกนกสับจรง ลากล้อ
ทวยธนูกุทัณฑ์ทรง กำซาบ ศรแฮ
หาญศึกฮึกห่อนท้อ ถดท้ายภายหลัง ฯ
๒๕๒คับคั่งสระพรั่งพรึบพร้อม พลพฤนท์
ดูชระเดียดดื่นดิน ท่งท้อง
เฉกชโลทกธาริน แถวถั่ง มาฤๅ
ปางเมื่อพรรษาซ้อง สุดไซร้ไป่มี ฯ
๒๕๓ธุลีฟุ้งเฟื่องห้อง เวหา หนแฮ
ชระอับสุริยอาภา เผือดแผ้ว
มลักแลเล่ห์สนธยา ยามย่ำ ลงฤๅ
คล่ำคล่ำคลาพลแคล้ว คลาดคล้ายคลายขบวน ฯ

โคลง ๒

๒๕๔ด่วนยาตรพยุหไต่เต้า จากตระพังตรุเหล้า
แหล่งอ้างออกนาม แลนา ฯ

โคลง ๓

๒๕๕งามนิกรแต่งตน ยลสง่าเศิกเสี้ยน
ใคร่เพ่งใคร่พิศเพี้ยน พ่างเพี้ยงพิศวง อยู่นา ฯ

ร่าย

๒๕๖ธงชัยโบกโบยใบ ลั่นฆ้องชัยกังวาน ขานฆ้องกระแตทุกทัพ รับตามหมวดตามกอง กลองชนะครั่นเครงครึก กึกก้องพาทย์อึงอล กาหลแตรแซ่สังข์ ประนังศัพท์เอิกอุด จุดจ่ารงเรียกฤกษ์ กระเกริกเสียงนฤนาท ยาตรพลคชคั่งคาม งามคชาภรณ์สรรพ หมอควาญขับขี่ประจำ สวมเสื้อดำหมวกหมึก พิลึกล้ำแลทมอ มือกุมของ้าวง้าง กลางช้างเทิดทวนทาย พรายพู่แพร้วระยับ พลคชประดับเครื่องเขน เพญแพนมยุรยรรยง เรียบจ่ารงหลังสาร โรมรำบาญลาญทัก หักริปูป่นชนม์ ขุนพลขี่คอคช บรรหารยศยงยิ่ง สิ่งสำอางอ่าอาตม์ เสื้อริ้วมาศเรื้อยชาย ปลายต้นกรทองทาบ โพกผ้าอาบอาคม หมวดศักดิ์สมเศียรเทริด เชิดร่มระบายรายระย้า พิศพลม้ามูนมอง สองตราบท่งแถวแซง แขวงขวาซ้ายรายเรียง เพียงม้าแมนม้าเมษฐ์ พิเศษสรรพเครื่องม้า ตาบติดหน้าพรรณราย อานจำลายแลเลิศ เพริศพู่พรายสายง่อง ถ่องสายถือดูเพรา สายเหาเนาหน่วงหลัง โกลนพนังโอฬาร พานท้ายรายดาวมาศ พานหน้าดาษดาวทอง พลอัศวผยองโผนผก ขุนแสะตกแต่งกาย เสื้อจีบชายฉายฉัน ชมพูพรรณแจ่มจ้า ผ้าโพกสลาสุกสี กรครวีแส้ฟาด ถือทวนมาศฟ้อนฟาย ลางเกาะสายศรน้าว ลางง่าง้าวงามงอน ลางโตมรกวัดแกว่ง ลางสะพายแล่งตาวตาง ลางกุทัณฑ์แผลงผลง ขับดุรงค์เริงร่าย ฝ่ายเถมินทวยเท้า เต้าเต็มท่งแถวสถล ต่างแต่งตนอะเคื้อ เสื้อดำแดงดูดาษ ชมพูฉาดขาบเขียว เหลืองเหลือบเหลียวหลายพวก หมวกต่างสีสวมเทริด เทิดธงอินทรธนู ดูพลดั้งคั่งคับ ดับพลโล่คั่งคาม งามพหลง่าง้าว ห้าวพหลหอกแห่ เสโลแหล่หลายสลอน โตมรมากหลากสล้าง ทวยเขนคว้างครวัด ทวยตาวกวัดครวี ส่ำพิรีย์สินาด ดาษดื่นเดินแจจัน แลละพรรค์ละพ้อง ซ้องซ้อนซับสับสน พลพิศสุดสายตา เสียงบาทาทวยหาญ เสียงบาทสารแสะสนั่น ลั่นสระทกสระท้าว พ่างพกภูว์แผ่นด้าว ล่มล้มถล่มทลาย แลนา ฯ

โคลง ๔

๒๕๗หลายหมู่มากมิ่งม้า มาตงค์
สระพรึบพหลดุรงค์ ร่านร้าย
ศัสตราวุธทวนธง เถือกถ่อง แถวนา
อเนกนิกรผาดผ้าย เพียบหล้าแหล่งสถาน ฯ

ร่าย

๒๕๘เบื้องนฤบาลบดินทร์ นรินทร์นเรศวรราช ปางเถลิงอาสน์เกยชัย ในฉายาไม้ประดู่ เร่งพยู่ห์ตั้งค่าย ฝ่ายหน้าหลังซ้ายขวา ดากันดูดาษเดียร พลางธระเมียรหมู่ม้า ฝ่ายข้าศึกรามัญ ผันผายชายท่งทิว ลิวแล่นกลับฉับเฉียว เหลียวลับเนตรตระบัด ธก็ดำรัสพิภาษ แด่มุขมาตยายง ซึ่งดุรงค์เร็วคลา รอยพระมหาอุปราช ให้มาลาดสืบทัพ กลับเอาเหตุไปแจ้ง จักยุทธ์แย้งใหญ่ยอ พรุกนี้พอฤๅแผก เร่งยกแยกโยธี ทัพพระยาศรีไสนรงค์ ผู้อาจองสามารถ กับพระราชฤทธานนต์ คู่ขุนพลเร่งผ้าย ย้ายแต่ยามราษตรี ตีสิบเอ็ดออกโรม โถมประทะทัพหน้า ข้าศึกดูกำลัง หักให้พังให้พ่าย ฝ่ายพยุหทัพหลวง แต่งตามกระทรวงโดยดับ สรรพแต่ย่ำรุ่งราง ส่ำเสนางค์ทุกนาย รายเรียบพหลพยุหบาตร ตามพระราชกำหนด แต่งตนหมดทุกหมู่ อยู่อธึกดาษดา ครั้นณเวลาอุษาโยค จึ่งพระจอมโลกจรรโลง เถลิงเกยโถงเทียบทัพ กับบรมราชอนุชา ตรวจแสนยาเพียบเพญ เบญจเสนางค์เนืองนอง ยี่สิบห้ากองกลากลาด ให้พระยาศรีราชเดโช โยธีถ้วนหมื่นหมาย ขี่พลายโจมไตรภพ ออกโรมรบหัวหน้า ขุนทกล้าปีกซ้าย ฝ่ายพลป้องกองกัน เกณฑ์ห้าพันไตรตรา พระยาพิชัยรณฤทธิ์ สถิตคชาธเรศ สมเญศจบไตรจักร กองปีกปักษ์ทักษิณ พฤนทาเท่าคณนา พระยาพิชิตรณรงค์ เถลิงมาตงค์ขี่ขับ จู่โจมทัพเป็นมุล ขุนนิกรแสะแซง แขวงขวาตั้งตามกระทรวง หลวงจบจักรพาล สินธพยานธำรง สุริยบรรยงก์สมญา ทวยอาชาร้อยเรียง แซงซ้ายเพียงพลรบ หลวงผ่านพิภพพรั่งพฤนท์ พาชินทร์หงสพิมาน จัดเป็นยานผกผยอง กองพหลเกียกกาย หมายหมื่นหมู่โยธา ให้พระยาเทพอรชุน เป็นขุนควบคุมทัพ ขี่คชจับโจมยุทธ์ ปีกซ้ายดุจกองหน้า ห้าพันพวกพลไกร พระยาพิชัยสงคราม ถือทัพตามกองเกณฑ์ นามคเชนทร์ผู้พ่าห์ ฝ่าพลแมนเมามัน ปีกขวาปันทวยทัด จัดพระยารามกำแหง เป็นขุนแขงรำบาญ ขี่สารแสนพลพ่าย ฝ่ายซ้ายแซงหมู่ม้า ร้อยห้าสิบมโนมัย หลวงพิชัยมนตรี ขี่พาชีอรุณรัศมิ์ ถือทวยอัศวนิกร พลอัสดรแซงขวา ผู้นายกพิรีย์ คือหลวงศรีอัศวเดช เหินหัยเรศปัทมราช สระพราศพฤนท์เพียงกัน แล้วให้สรรทัพหลวง ปางพลเสร็จเจ็ดหมื่น ดื่นพหลแหล่หลาย ปลายเชือกหน้าคชาธาร เกณฑ์กองหาญหักศึก ฮึกเหี้ยมหนรณโรม เอาขุนโจมจัตุรงค์ ขี่มาตงค์เป็นขุน นามพลายกุญชรชัย ถือพลไกรเขนทอง กองขวาห้าร้อยเรียง ซ้ายพลเพียงพอกัน สรรขุนทรงเดชะ เถลิงพาหนะเชี่ยวชัย ช้างชื่อไกรสรเดช เป็นเชษฐพฤนทาทัพ ถับทวยปี่กลองชนะ กะนิกรซ้ายขวา ห้าร้อยดาดูสล้าง สองตราบข้างแถวทาง วางเท่ากันเดียรดาษ ให้พระราชมานู นำพยูหดำเนิน เหินเหนืออาสน์ไอยรินทร์ นามหัสดินพิชัย ทวยท้ายไดดั้งถือ มือกระลึงโล่สล้าง คว้างครวีตาวตระแบง แขวงซ้ายขวาห้าร้อย ต้อยดำเนินเนื่องขนัด จัดหลวงเผด็จสงคราม ขี่คชนามบุญยิ่ง มิ่งมงกุฎมาตงค์ ตำรงหลวงรามพิชัย อุภัยขุนคุมทัพ ดับกองอาสาจาม ห้าร้อยตามกันเต้า ผู้เป็นเผ้าพลขันธ์ พระราชวังสันกลั่นแกล้ว ขี่คชแก้วมาเมือง เนืองญี่ปุ่นอาสา โยธาเท่าเพียบเพญ เกณฑ์พระเสนาภิมุข ถือพิริยรุกโรมรอน เถลิงกุญชรชื่อเลื่อง เฟื่องภพตรัยชัยชาญ ถับทวยหาญทะลวงฟัน ขันคู่ใจจอมภพ ครบร้อยสามสิบหกนาย ทายโล่สี่สิบสอง ทายเขนทองเทิดทัด ถัดทายตาวสองมือ คือห้าสิบสองนับ ดับหัวหมื่นพันทนาย หมายสี่หมู่พระตำรวจ ตรวจกันแต่งตนถ้วน ล้วนสะพายแล่งตาว ทวนทองยาวจำทาย ห้าร้อยรายเรียงขนัด แล้วธให้จัดไอยรา เจ้าพระยาไชยานุภาพ อาบมันติดเต็มตน ทรงพหลเหี้ยมหาญ ประมาณหกศอกคืบ สืบสูงสองนิ้วนับ ประดับเครื่องคชาธารเทิด เศวตฉัตรเชิดอัมพร กลางกุญชรฝ่ายเฝ้า เจ้ารามราฆพสถิต ทิศท้ายนายมหานุภาพ กราบเอางานควาญขับ สรรพแวงองค์รักษ์ราช จัตุลังคบาทบริบาล งานมหาเทพบูรณ์เฉวียง เฉียงขวาพระมหามนตรี เท้าหัสดีปฤษฎางค์ สองเสนางค์จำนำ สดำหลวงอินทรเทพ เสพหนซ้ายหลวงพิเรนทร์ เกณฑ์ประจำเชิงคช เผยอพระยศยรรยง ฝ่ายสารทรงนฤนาถ พระบาทเอกาทศรุถ อิศวรวิสุทธ์กษัตรา เจ้าพระยาปราบไตรจักร โจมปรปักษ์บกบาง สรรพางค์หกศอกคืบ สูงสืบซับมันเมา ผูกเครื่องเพราพรายเพริศ คชาธารเทิดธำรง เศวตฉัตรทรงเทริดฟ้า นายทกล้ากลางคช บัญญัติยศโดยศักดิ์ หมื่นภักดีศวรราช ควาญคชาชาติท้ายถือ คือขุนศรีคชคง องค์รักษ์สี่บาทสาร หลวงพรหมธิบาลหน้าซ้าย ท้ายขุนอินทรรักษา ขวาหน้าหลวงอินทรธิบาล ท้ายสารขุนพรหมสุรินทร์ ล้อมเชิงคชินทร์บริรักษ์ พรักเครื่องพระอภิรุม ชุมกรรภิรมย์เรียงเรียบ เพียบพิริยคชาชาญ สารโดดแล่นโจมทัพ ดับดั้งกันแทรกแซง แขวงค่ายค้ำพังคา แลมเหาฬาร์พันลึก อธึกทั้งโทขบวน มวลมหิมามาตงค์ อลงกตคชาภรณ์ เถือกทินกรเรืองระยับ ปีกขวาทัพเจ้าพระยา มหาเสนาเถลิงสาร มารประลัยเลิศลือ ถือพลหมื่นห้าพัน ปีกป้องกันซ้ายฝ่าย จ่ายจัตุรงค์เทียมเท่า ให้เจ้าพระยาจักรี เห็จหัสดีแสดงเดช สมเญศไฟภัทรกัลป์ สรรกองแซงแขวงขวา พระยาศรีสุริยพาหะ ถืออัศวพลพฤนท์ ขี่พาชินทร์พลาหก ยกพยุหหมู่ม้า สองร้อยห้าสิบผ้าย แซงซ้ายพระสินธพ ทวยพลรบดุรงค์ คงคู่ขวาคลาคลี่ ขี่ควบขับอาชา วิเวกเวหาเหินผยอง แล้วธจัดกองยุกกระบัตร โยธาทัดเกียกกาย ผู้เป็นนายทัพไสร้ ให้เจ้าพระยาพระคลัง เลอหลังกุญชรศักดิ์ จักรมหิมามีนาม พระราชสงครามปีกขวา ขี่ไอยราราชยาน พลายสังหารคชสีห์ ห้าพันมีหมู่พล หนปีกแขวงแวงวาม เอาพระรามรณภพ ครบเท่าเทียบโยธี ขี่พลายมณีจักรพรรดิ ถัดทัพแซงสองฟาก มากนิกายกองม้า ร้อยห้าสิบเสมอมี ขุนพิรียดุรงค์ เอาหลวงทรงพลราช อาชาชาติเป็นยาน อากาศพิมานสมญา อยู่หนขวาทัพแซง ขุนแวงซ้ายขนัดขนาบ เอาหลวงปราบพลแสน ขี่ม้าแมนยืนยัน นามอนันตสิงหาสน์ หนพยุหบาตรกองหลัง ผู้รั้งพฤนทโยธา คือพระยาท้ายน้ำ ค้ำคอยหนุนเนื่องพล ขี่พาหนเหี้ยมหาญ สารสวัสดิวิชัย เทียบพลไกรหมื่นมวล ปีกขวาขบวนกองขัน ห้าพันเทียบทัพชัย หลวงหฤทัยสถิตสาร ทรงภูบาลห้าวฮึก เป็นขุนศึกโรมรณ ปีกซ้ายพลเทียบทัด จัดหลวงอภัยสุรินทร์ เป็นพิริยพฤนทามาตย์ พารณราชนามกร สารภูธรเป็นพ่าห์ กล้าศึกสู่สงคราม แซงทัพวามไวแว่น แกว่นนิกรหมู่ม้า ร้าอเรนทร์เมือมรณ์ หลวงสุนทรสินธพ ถือทวยรบหัยรงค์ ขี่แสะทรงสมญา เมฆมาลาเลิศลักษณ์ แซงทัพทักษิณด้าว ห้าวหัยหาญชาญเชี่ยว รวดเร็วเรี่ยวเริงแรง ขุนผู้แขงควบยุทธ์ หลวงวิสุทธิอัสดร เถลิงบวรอาชา ชื่อเมฆาพิลาป พิศภาพผ่านพึงใจ มวลมโนมัยเท่าทัด สองฟากขนัดขนาบแนว แถวท่งท้องนองเนื่อง เฟื่องผงคลีคลุ้มฟ้า หล้าแหล่งลั่นกำธร ทวยกุญชรทุกทัพ นับแปดร้อยจ่ายแจง ส่ำแสะแซงครามครัน พันห้าร้อยเรียงเรียบ ทวยเท้าเทียบทั้งผอง สิบห้ากองดาษดื่น สิบแปดหมื่นมวลหมาย ทายส่ำสรรพาวุธ เครื่องพิธยุทธ์ยรรยง รายจ่ารงมณฑก นกคุ่มขนัดฉัตรชัย ไสวนกสับสลับสล้าง หามแล่นคว้างไขว่คระแวง ตระแบงแก้วเกลื่อนกลากลาด สระพราศพิริยพันลึก ศึกสยบสยอนห่อนใกล้ เถกิงนิกรทัพไท้ ธิราชเพี้ยงพลสรวง แลนา ฯ

โคลง ๔

๒๕๙ปวงพหลรณเรศห้าว หื่นหาญ ศึกแฮ
ดูดั่งพลมัฆพาน ผ่านฟ้า
ปางผายพยุหแผลงผลาญ อสุรเศิก เสมอฤๅ
โรมอเรนทรใต้หล้า กลอกเกล้าแกลนหนี ฯ
๒๖๐ฤๅตรีภพนาถเจ้า จักรา วุธเฮย
โหมสิบเศียรลงกา ก่นมล้าง
พลพระพ่างพลพา นรพร่ำ เพรงพ่อ
เผด็จอมิตรอาจอ้าง ออกเอื้อมเอาเสมอ ฯ
๒๖๑หลั่งเลอลีลาศเต้า เต็มพฤนท์
สระพรั่งพิริยหัสดิน ดื่นม้า
พลตีนตากธรณิน เนื่องเนิ่น แนวแฮ
เทียวธวัชปัดป่วนฟ้า ฟ่องเฟื้อยปลายปลิว ฯ
๒๖๒ทิวทวนทองถ่องท้อง อัมพร
แสนส่ำศัสดรดู อะเคื้อ
ดาบดั้งดาบสองกร เถกิงดาบ เขนแฮ
ดาบโล่โตมรเงื้อ ง่าง้าวขาวคม ฯ
๒๖๓ระดมรดาษเที้ยร เถมินเชิง
ชูสินาดดำเกิง กาจกล้า
น้าวนกยกชุดเพลิง ไกวกวัด อยู่แฮ
หามแล่นแว่นไวถ้า ออกเข้าคือภมร ฯ
๒๖๔ไฟศรสามรรถแม้น ธนูรา เมศฤๅ
ชัยฉัตรรัตนจินดา ชื่ออ้าง
จรงเรียบเทียบทางถลา ล้อลาก หลายแฮ
มณฑกนกคุ่มล้าง ลวกเสี้ยนเศิกกษัย ฯ
๒๖๕หัยคชบทบาทเบื้อง ทวยสถล
เพียงพกภูวดลแดน ท่งท้อง
ธุลีเลวงอน ธการก่อ เกิดแฮ
หนแห่งเวหาสห้อง กลัดกลุ้มเกลื่อนสูรย์ ฯ
๒๖๖มั่วมูลพลเพียบพื้น รัถยา
ขนัดนิกรโยธา เทียบไว้
เฉกกระแสสมุทรสา ครคลื่น คลาแฮ
คอยฤกษ์เบิกพยุหไท้ ธเรศแคล้วคลายขบวน ฯ

ร่าย

๒๖๗ส่วนพระยาศรีไสนรงค์ สองขุนคงควบทัพ กับพระราชฤทธานนต์ ทราบอนุสนธิสั่งไท้ ธให้ยาตรยกโยธี ออกโจมตีตัดศึก แต่ยามดึกเดินพล เร่งขวายขวนเตรียมทัพ สรรพห้าหมื่นโดยมี ตนพระยาศรีขี่คช ปรากฏชื่อมาตงค์ พลายสุรงคเดชะ เมืองสิงหะปีกขวา ออกญาสรรค์ปีกซ้าย เห็จคชผ้ายทุกมุล ขุนผู้คู่กำกับ เป็นทัพหลังพรั่งพฤนท์ ขี่คชินทรพาหะ นามชนะจำบัง รังปีกป้องกองขวา พระยาวิเศษชัยชาญ ขุนหาญปีกอุดร เจ้านครชัยนาท กองหน้าอาจโจมประจัญ ให้พระยาสุพรรณผ้ายพยู่ห์ ผู้ปีกซ้ายเมืองธน ทัพเมืองนนท์ปีกขวา ตรีเสนาเก้ากอง ลำลองเหล่าอาสา ส่ำศาสตราครบมือ ถือกระลับกระลอก หอกดาบปืนแสะสาร แสนยาหาญแน่นขนัด รัดเร่งเท้าเร่งเทา โดยลำเนาลำดับ ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเช้ายังสาย หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามัญ ประทันทัพพม่า ขับทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่เอาฤกษ์ เอิกอึงโห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกซัดคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน เงื้อดาบฟันฉะฉาด ง่าง้าวฟาดฉะฉับ ขับปีกซ้ายเข้าดา ขับปีกขวาเข้าแดก แยกกันออกโรมรัน ปันกันออกโรมรณ ทนสู้ศึกบ่มิลด อดสู้ศึกบ่มิลาด อาจต่ออาจเข้ารุก อุกต่ออุกเข้าร้า กล้าต่อกล้าชิงบั่น กลั่นต่อกลั่นชิงรอน ศรต่อศรยิงยืน ปืนต่อปืนยิงยัน กุทัณฑ์ต่างตอบโต้ โล่ต่อโล่ต่อตั้ง ดั้งต่อดั้งต่อติด เขนประชิดเขนสู้ ตาวคู่คู่ตาวต่อ หอกหันร่อหอกรับ ง้าวง่าจับง้าวประจัญ ทวนผัดผันทวนทบ รบอลวนอลเวง ต่างบเกรงบกลัว ตัวต่อตัวชิงมล้าง ช้างต่อช้างชิงชน คนต่อคนต่อรบ ของ้าวทบทะกัน ต่างฟันต่างป้องปัด วางเสนัดหลังสาร ขานเสียงคึกกึกก้อง ว่องต่อว่องชิงชัย ไวต่อไวชิงชนะ ม้าไทยพะม้ามอญ ต่างเข้ารอนเข้าโรม ทวนแทงโถมทวนทบ หอกเข้ารบรอหอก หลอกล่อไล่ไขว่แคว้ง แย้งธนูเหนี่ยวน้าว ห้าวต่อห้าวหักหาญ ชาญต่อชาญหักเชี่ยว เรี่ยวต่อเรี่ยวหักแรง แขงต่อแขงหักฤทธิ์ ต่างประชิดฟอนฟัน ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด ล้วนสามรรถมือทาน ผลาญกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต็มแหล่ง แบ่งกันตายลงครัน ปันกันตายลงมาก ตากเต็มท่งเต็มเถื่อน ตากเต็มเผื่อนเต็มพง ที่ยังคงบมิยู่ ที่ยังอยู่บมิหยอน ต่างต่อกรฮึกฮือ ต่างต่อมือฮึกฮัก หนักหนุนแน่นมาหนา ดาหนุนแน่นมาดาษ บรู้ขยาดย่อทัพ บรู้ขยับย่อศึก คะคึกเข้าต่อแกล้ว คะแคล้วเข้าต่อกล้า ต่างชิงฆ่าชิงหั่น ต่างชิงบั่นชิงฟัน ปันกันยิงกันแผลง ปันกันแทงกันพุ่ง ยอยุทธ์ยุ่งบมิแตก แยกยุทธ์แย้งบมิพัง ทวยหน้าหลังต้อนผ้าย ทวยขวาซ้ายต้อนพล เข้าผจญจู่โจม โหมหักหาญราญรบ ต่างท่าวทบระนับ ต่างท่าวทับระนาด บ้างตนขาดหัวหวิ้น บ้างขาดิ้นแขนเด็ด บอยากเข็ดอยากเกรง บอยากเยงอยากย่าน บัดมอญม่านมาหลาย รายกันโอบกันอ้อม ล้อมกระหนาบหน้าหลัง ไทยประนังน้อยแง่ แผ่ออกรบบมิรอด ถอดถอยท้อรอรับ มอญขยับยกตาม หลามเหลือล้นพลเต้า เสียงปืนตึงตื่นเร้า เร่งครื้นเครงครึก อยู่นา ฯ

โคลง ๒

๒๖๘พันลึกล่มลั่นฟ้า เฉกอสุนีผ่าหล้า
แหล่งเพี้ยงพกพัง แลนา ฯ
๒๖๙ดังตรลบโลกแล้ ฤๅบ่ร้างรู้แพ้
ชนะผู้ใดดาล ฉงนนา ฯ
๒๗๐สองฝ่ายหาญใช่ช้า คือสีหสู้สีหกล้า
ต่อแกล้วในกลาง สมรนา ฯ

โคลง ๔

๒๗๑ปางอุภัยภูเบศเบื้อง บูรพ์ถวัลย ราชย์แฮ
เรียบพิริยพลพรรค์ พรั่งพร้อม
เจียนจวบรวิวรรณ รางเรื่อ แลฤๅ
ทวยทิชากรน้อม นอบนิ้วเสนอทูล ฯ
๒๗๒เชิญไท้ยูรยาตรเต้า เตียงสนาน
ถวายมุทธาภิสิตธาร เพรียกพร้อง
ศิวเวทวิษณุบรรสาน สังข์โสรจ สรงแฮ
มหรทึกครึกเครงก้อง เกริกหล้าหวั่นไหว ฯ
๒๗๓ภูวไนยสวมเครื่องถ้วน อลง กรณ์เอย
สำหรับราชรณรงค์ เลิศแล้ว
สอดใส่สนับเพลาทรง ภูสิต แลนา
ฉลองพระองค์ตาดแพร้ว เพริศพร้อยพรายทอง ฯ
๒๗๔เรืองรองเจียระบาดช้อย ชายกระสัน
รัตพัสตร์รัตนสุวรรณ เวียดอ้อม
สังวาลวิวิธพรร โณภาส เฉวียงนา
ประดับมณีนพพร้อม พร่างรุ้งฉานฉาย ฯ
๒๗๕พรายแพร้วแก้วนิ้วท่าน ธำมรงค์
นพรัตน์รัตนควรคง คู่หล้า
มาลาลักษณะผจง กรวิก วาลแฮ
เสร็จเสด็จสู่เกยถ้า ฤกษ์ผ้ายพลหาญ ฯ
๒๗๖รวิวารวราวุธไท้ ธนูทรง
คือคู่ชัยยุทธยง เยี่ยงท้าว
ทวยแสนส่ำจัตุรงค์ เรียงเรียบ อยู่นา
อเนกพหลหื่นห้าว หั่นเสี้ยนศึกสลาย ฯ

ร่าย

๒๗๗ฝ่ายชีพ่อทวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์ เบิกโขลนทวารโดยกระทรวง ปวงละว้าเซ่นไก่ ไขว่สรวงพลีผีสาง พลางธส่งแสงอาชญา แต่หลวงมหาวิชัย ใจทระนงองอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม ตามตำรับไสยเพท บัดนฤเบศทรงสดับ เสียงปืนทัพแย้งยุทธ์ สุดอำเภอเลอโสต โปรดโองการธใช้ ให้หมื่นทิพเสนา เห็จอาชาเร็วรีบ ถีบไปสืบเอาการ เขารับสารขึ้นม้า ควบบช้าบหึง ถึงที่ทวยพลทัพ รับพลางถอยพลางล่า มอญพม่าตามติด ประชิดไล่อลวน ผจญรับอลหม่าน ผ่านท้องท่งท้องนา ดามาโดยแดนผลู ดูคะคลาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำสับสน เขาเอาตนหมื่นหนึ่ง ซึ่งเนาในกองทัพ กลับม้านำมาเฝ้า จึ่งพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสถามตัวหมื่นพล เยียใดกลจึ่งพ่าย เขาจำหน่ายเหตุสนอง ว่าเผือผองผาดผ้าย ท้ายดอนเผาธัญญา พอนาฬิกาหนึ่งนับ ประทะทัพดัสกร เข้าราญรอนรุมรุก คลุกคลีกันหนั่นหนา ปวงปัจจามิตรมาก หลากทุกคราทุกครั้ง ตั้งตนต่อบมิคง ตรงตนต่อบมิหยุด เหลือจักยุทธ์จึ่งลาด ครั้นพระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด ตรัสปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุเพโทบาย ถ้วนทุกนายทุกมุล ทั่วทุกขุนหมู่มาตย์ คาดความคิดทั้งมวล ควรยศใดใครเห็น จักเข่นเข็ญให้มอด จักขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห์ไหน วานเขือไขอย่าอำ เขาขานคำท่านถาม สงครามครานี้หนัก เชิญเสด็จพักพลหมั้น แต่งทัพซั้นไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา รามือลงก่อนไสร้ ไว้สักครั้งรั้งรอ พอได้ทีจึ่งยาตร ยกพยุหบาตรออกราญ เห็นควรการชัยชอบ ธก็ตรัสตอบมนตรี ตรองคดีดูแผก ฝ่ายเราแตกย่นยับ จักส่งทัพไปทาน พอพลอยฉานสองซ้ำ ค้ำบอยู่บหยุด ชอบถอยทรุดอย่ารั้ง ให้ศึกพลั้งเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ ยาตรตามติดผิดขบวน ควรเรายกออกโรม โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ ได้ด้วยง่ายด้วยงาม เขายินความยลชอบ นอบประณตแด่ไท้ ธให้หมื่นทิพเสนา กับหมื่นราชามาตย์ เหินหัยราชรีบร้อน ไปเตือนต้อนกองน่า เร็วเร่งล่าอย่ารั้ง ทวยพหลทั่วทั้ง ทราบข้อบรรหารท่านนา ฯ

โคลง ๒

๒๗๘บนานต่างตนผ้าย ไปบ่รอรั้งท้าย
ถี่เท้าผาดผัง มานา ฯ
๒๗๙ผันหลังแล่นแผ่ผ้าน บมีผู้อยู่ต้าน
ต่อสู้สักตน หนึ่งนา ฯ

โคลง ๓

๒๘๐พวกพลทัพรามัญ เห็นไทยผันหนีหน้า
ไปบ่หยุดยั้งช้า ตื่นต้อนแตกฉาน น่านนา ฯ
๒๘๑ไป่แจ้งการแห่งเล่ห์ เท่ห์กลไทยใช่น้อย
ต่างเร่งติดเร่งต้อย เร่งเต้าตีนตาม มานา ฯ
๒๘๒แลหลังหลามเหลือนับ บเป็นทัพเป็นขบวนแท้
ถวิลว่าพ่ายจริงแล้ ไล่ล้ำระส่ำระสาย ยิ่งนา ฯ
๒๘๓หมายละเลิงใจอาจ ประมาทประมาณหมิ่นหมั้น
เบาเร่งเบาเชิงชั้น ชื่นหน้ามาสรลม สรลอนนา ฯ

โคลง ๔

๒๘๔เบื้องบรมจักรพรรดิเกล้า กษัตรา
เถลิงพิภพทวารา เกริ่นแกล้ว
สถิตเกยรัตนราชา อาสน์โอ่ องค์เอย
คอยฤกษ์เบิกยุทธ์แผ้ว แผ่นพื้นหาวหน ฯ
๒๘๕บัดดลวลาหกชื้อ ชระอับ อยู่แฮ
แห่งทิศพายัพยล เยือกฟ้า
มลักแลกระลายกระลับ ลิวล่ง ไปเฮย
เผยผ่องภาณุเมศจ้า แจ่มแจ้งแสงฉาน ฯ
๒๘๖คัคนานต์นฤราสร้าง ราคิน
คือระเบียบรัตนอินทนิล ดาดไว้
บริสุทธิ์สร่างมลทิน ถ่องโทษ อยู่นา
นักษัตรสวัสดิเดชได้ โชคชี้ศุภผล ฯ

ร่าย

๒๘๗ดลมหามหุติวิชเยศ จึ่งทวิชเชษฐ์เนมิตก์ ผู้ชำนินิตยศาสตร์ไสย ลั่นฆ้องชัยเฉลิมฤกษ์ เบิกบรรดากจรลี อินทรเภรีคึกขาน บรรสานศัพท์แตรสังข์ ประนังโพนพาทย์ดุริยา จึ่งบรมนราธิเบศร เชษฐ์อดิศรนรินทร์ ธก็ทรงคชินทรเจษฎา เจ้าพระยาไชยานุภาพ ปราบอเรนทร์ลาญปาน บัดนฤบาลบพิตร กนิษฐราชาธิราช เสด็จเถลิงอาสน์ไอยรา เจ้าพระยาปราบไตรจักร เป็นอัครยานยรรยง อลงกตหัตถาภรณ์ อลงกรณ์ราชูปโภค โดยขัตติยโยคพิชัยยุทธ์ ราชกบี่ธุชทักษิณา พระครุฑพาหน์หนซ้าย ย้ายเนาวพ่าห์หว่างธวัช เสมาธิปัตเบื้องสดำ ฉัตรชัยประจำฝ่ายเฉวียง เรียงขนัดพระอภิรุม ชุมสายฉัตรจามร บังรวิวรบังแทรก แยกกันเดินคู่เคียง เรียงหนหน้าแหล่หลาย รายหนหลังแหล่หลาก ฟากหนซ้ายดาษดา ฝ่ายหนขวาดาษเดียร ระเมียรหมู่มาตงค์ อลงกตเครื่องสาร ล้วนโอฬารแลถกล พลคชดั้งดำเนิน เมิลหมอควาญขี่ขับ เสื้อหมวกสรรพสวมเทริด สีแดงเลิศสักหลาด ฉาดทอแสงทินกร ของ้าวงอนง่ารำ นายจำนำกลางสาร ทานทวนเทิดจำทวย พู่สลัดสลายฟูเฟื่อง พลคชเครื่องจำลอง ผูกเขนทองจำหลัก ปักแพนหางมายูร ทูนจ่ารงบรรทุก บุกจำบังพังพ่าย ฝ่ายขุนทัพขุนพล ตนและตนขี่คช สวมหมวกยศยรรยง ลางขลิบวงเวียดหัว ลางตัวใส่เสื้อสนอบ ขอบหักทองเถือกทาบ ลางเข้มขาบเสื้อสวม กรวมศอคล้องทองประคำ ขอประจำกรจับ สัปทนกั้งบังตะวัน กรรชิงทานโทเทียบ พลอัศวเรียบรายแซง ซ้ายขวาแขวงขนาบเนื่อง เครื่องครบอัสสาภรณ์ อลงกรณ์ติดตาบ พู่ผูกยาบยะยับ พานหน้าประดับดาวคำ พานท้ายประจำดาวมาศ ศีรษะคาดขลุมสวม นวมเบาะอานกุก่อง สายง่องคล้องสายเหา สายถือเพราผูกร้อย สองข้างห้อยโกลนพนัง ขุนขี่หลังอ่าอาตม์ กรองทองคาดโพกพัน เสื้อสุวรรณกรวมกาย ลายอัตลัดจรัสดวง ควงแส้ร่อนฟ้อนฟาด ชูสินาดนกน้าว ลางเงือดง้าวกลับกลอก ลางหันหอกกวัดกวาย ลางทวนทายแทงท่า ลางตาวง่าทีฟัน ลางกุทัณฑ์เกาะกร ลางกุมศรสายก่ง สองฟากท่งทิวเทิน แสนส่ำเถมินทวยเท้า เต้าปะปนพลสาร สวมอลงการเสื้อหมวก พวกละอย่างต่างกอง ลางสีทองบรรเทือง ลางเหล่าเหลืองพิลาศ ลางเหล่าฉาดชมพู ลางเหล่าดูแดงฉัน ลางเหล่าพรรณพื้นเมฆ ล่างเหล่าเฉกสุกสลา ลางเหล่าดาดำดื่น ลางเหล่าทะมื่นม่วงทมอ สระกอกันเพรียงพรู ดูพลโล่สะพรั่ง ดูพลดั้งสระพราศ ดาษพลดาบเพียบเพญ ดาษพลเขนเพียบภู พลธนูเนืองนันต์ พลกุทัณฑ์เนืองนับ ดับพลหอกหันห้าว ดับพลง้าวเงื้องาม หลามทวยทวนทองปลั่ง หลั่งทวยธวัชปัดปลิว ทิวทวยปืนดื่นเดิน เมิลคาบหินหาญยุทธ์ เมิลคาบชุดชาญศึก พันลึกเหล่าหามแล่น แกว่นล้อลากมากหมู่ อยู่อธึกไกรเกรียง เสียงส่ำสารร่านร้อง ซ้องเสียงแสะส่ำเทียน ก้องกงเกวียนปืนปั่น ลั่นเท้าพลต่างเต้า โหมโห่เร้าอึกอึง ตึงปืนฤกษ์เกริกแหล่ง ฆ้องขานแข่งสำเนียง เสียงกลองชนะนี่สนั่น หวั่นหวาดไหวใช่น้อย เทียมพสุธาดลคล้อย ค่นค้านฤๅคง อยู่นา ฯ

โคลง ๔

๒๘๘ยรรยงพยุหยาตรย้าย ยอขบวน ทัพนา
นองน่านสารแสะมวล มากผู้
สรรพาวุธธงทวน ทายเทิด เถลิงแฮ
ตนและตนอาจสู้ ศึกร้อยฤๅขาม ฯ

ร่าย

๒๘๙เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตากเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับประทะไพริน ส่วนหัสดินอุภัย เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหล เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์ลมพาน ส่ำแสะสารแสนยา ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทันโทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยแห่ห้อม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสด็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร ไล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่ายตน ปนปะไปไขว่คว้าง ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกประหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทงถีบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุทัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จักหน้า หนึ่งสิ้นแสงไถง แลนา ฯ

โคลง ๔

๒๙๐จึ่งไทเทเวศอ้าง สมมุติ
มิ่งมหิศวรมกุฎ เกศหล้า
เถลิงภพแผ่นอยุธ ยายิ่ง ยศแฮ
แสดงพระเดชฟุ้งฟ้า เฟื่องด้าวดินไหว ฯ
๒๙๑ภูวไนยผายโอษฐ์อื้น โชยงการ
แก่เทพทุกถิ่นสถาน ฉชั้น
โสฬสพรหมพิมาน กมลาสน์ แลนา
เชิญช่วยชุมโสตซั้น สดับถ้อยตูแถลง ฯ
๒๙๒ซึ่งแสร้งรังสฤษฏ์ให้ มาอุบัติ
ในประยูรเศวตฉัตร สืบเชื้อ
หวังผดุงบวรรัตน ตรัเยศ ยืนนา
ทำนุกพระศาสน์เกื้อ ก่อสร้างแสวงผล ฯ
๒๙๓กลใดไป่ช่วยแผ้ว นภา ดลฤๅ
ใสสรว่างธุมา มืดม้วย
มลักเล็งเหล่าพาธา ทวยเศิก สมรแฮ
เห็นตระหนักเนตรด้วย ดั่งนี้แหนงฉงาย ฯ
๒๙๔พอวายวรวากย์อ้าง โอษฐ์พระ
ดาลมหาวาตะ ตื่นฟ้า
ทรหึงทรหวลพะ พานพัด หาวแฮ
หอบธุมางค์จางจ้า จรัสด้าวแดนสมร ฯ
๒๙๕ภูธรเมิลอมิตรไท้ ธำรง สารแฮ
ครบสิบหกฉัตรทรง เทริดเกล้า
บ่จวนบ่จวบองค์ อุปราช แลฤๅ
พลางเร่งขับคชเต้า แต่ตั้งตาแสวง ฯ
๒๙๖โดยแขวงขวาทิศท้าว ทฤษฎี แลนา
บัดธเห็นขุนกรี หนึ่งไสร้
เถลิงฉัตรจัตุรพิรีย์ เรียงคั่ง ขูเฮย
หนแห่งฉายาไม้ ข่อยชี้เณอนาม ฯ
๒๙๗ปิ่นสยามยลแท้ท่าน คะเนนึก อยู่นา
ถวิลว่าขุนศึกสำ นักโน้น
ทวยทัพเทียบพันลึก แลหลาก หลายแฮ
ครบเครื่องอุปโภคโพ้น เพ่งเพี้ยนพิศวง ฯ

โคลง ๒

๒๙๘สองสุริยพงศ์ผ่านหล้า ขับคเชนทร์บ่ายหน้า
แขกเจ้าจอมตะเลง แลนา ฯ
๒๙๙ไป่เกรงประภาพเท่าเผ้า พักตร์ท่านผ่องฤๅเศร้า
สู้เสี้ยนไป่หนี หน้านา ฯ
๓๐๐ไพรีเร่งสาดซ้อง โซรมปืนไฟไป่ต้อง
ตื่นเต้าแตกฉาน ผ้านนา ฯ

โคลง ๔

๓๐๑นฤบาลบพิตรเผ้า ภูวนา ยกแฮ
ผายสิหนาทกถา ท่านพร้อง
ไพเราะราชสุภา ษิตสื่อ สารนา
เสนอบ่มีข้อข้อง ขุ่นแค้นคำไข ฯ
๓๐๒อ้าไทภูธเรศหล้า แหล่งตะเลง โลกฤๅ
เผยพระยศยินเยง ย่านแกล้ว
สิบทิศทั่วลือละเวง หวั่นเดช ท่านนา
ไป่เริ่มรอฤทธิ์แผ้ว เผือดกล้าแกลนหนี ฯ
๓๐๓พระพี่พระผู้ผ่าน ภพอุต ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด ร่มไม้
เชิญราชร่วมคชยุทธ์ เผยอเกียรติ ไว้แฮ
สืบกว่าสองเราไสร้ สุดสิ้นฤๅมี ฯ
๓๐๔หัสดีรณเรศอ้าง อวสาน นี้นา
นับอนาคตกาล ห่อนพ้อง
ขัตติยายุทธ์บรรหาร คชคู่ กันแฮ
คงแต่เผือพี่น้อง ตราบฟ้าดินกษัย ฯ
๓๐๕ไว้เป็นมหรสพซ้อง สุขศานติ์
สำหรับราชสำราญ เริ่มรั้ง
บำเทิงหฤทัยบาน ประติยุทธ์ นั้นนา
เสนอเนตรมนุษย์ตั้ง แต่หล้าเลอสรวง ฯ
๓๐๖ปวงไท้เทเวศทั้ง พรหมาน
เชิญประชุมในสถาน ที่นี้
ชมชื่นคชรำบาน ตูต่อ กันแฮ
ใครเชี่ยวใครชาญชี้ ชเยศอ้างอวยเฉลิม ฯ
๓๐๗หวังเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์
ยืนพระยศอยู่คง คู่หล้า
สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ
สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ ฯ
๓๐๘ดำเนินพจนพากย์พร้อง พรรณา
องค์อัครอุปราชา ท่านแจ้ง
กอบเกิดขัตติยมา นะนึก หาญเฮย
ขับคชเข้ายุทธ์แย้ง ด่วนด้วยโดยถวิล ฯ
๓๐๙หัษดินปิ่นธเรศไท้ โททรง
คือสมิทธิมาตงค์ หนึ่งอ้าง
หนึ่งคือคิริเมขล์มง คลอาสน์ มารเอย
เศียรส่ายหงายงาคว้าง ไขว่แคว้งแทงโถม ฯ
๓๑๐สองโจมสองจู่จ้วง บำรู
สองขัตติยสองขอชู เชิดด้ำ
กระลึงกระลอกดู ไวว่อง นักนา
ควาญขับคชแข่งค้ำ เข่นเขี้ยวในสนาม ฯ
๓๑๑งามสองสุริยราชล้ำ เลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตร ศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์ รบราพณ์ แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอ้าง อื่นไท้ไป่เทียม ฯ
๓๑๒ขุนเสียมสามรรถต้าน ขุนตะเลง
ขุนต่อขุนไป่เยง หย่อนห้าว
ยอหัตถ์เทิดลบองเลบง อังกุส ไกวแฮ
งามเร่งงามโทท้าว ท่านสู้ศึกสาร ฯ
๓๑๓คชยานขัตติเยศเบื้อง ออกถวัลย์
โถมประทะไป่ทัน เหยียบยั้ง
สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา
เสยส่ายท้ายทันต์ทั้ง คู่ค้ำคางเขิน ฯ
๓๑๔ดำเนินหนุนถนัดได้ เชิงชิด
หน่อนเรนทรทิศ ตกด้าว
เสด็จแสดงวราฤทธิ์ รำร่อน ขอแฮ
ฟอนฟาดแสงของ้าว อยู่เพี้ยงจักรผัน ฯ
๓๑๕เบื้องนั้นนฤนาถผู้ สยามินทร์
เบี่ยงพระมาลาผิน ห่อนพ้อง
ศัสตราวุธอรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย
เพราะพระหัตถ์หากป้อง ปัดด้วยขอทรง ฯ
๓๑๖บัดมงคลพ่าห์ไท้ ทวารัติ
แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด ตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย ฯ
๓๑๗พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน ในรณ
บัดราชฟาดแสงพล พ่ายฟ้อน
พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ
ถนัดพระอังสาข้อน ขาดด้าวโดยขวา ฯ
๓๑๘อุรารานร้าวแยก ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบ สังเวช
วายชิวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ ฯ
๓๑๙บั้นท้ายคชาธเรศท้าว ไทยไผท
ถึงพิราลัยลาญ ชีพมล้าง
เพราะเพื่อพิพิธไพ รีราช แลนา
โซรมสาดตราดปืนขว้าง ตอกต้องตนสลาย ฯ
๓๒๐ฝ่ายองค์อิศวรนาถน้อง นฤบาล
แสดงยศคชยุทธยาน ยาตรเต้า
มางจาชโรราญ ฤทธิ์ราช แลฤๅ
เร็วเร่งคเชนทรเข้า เข่นค้ำบำรู ฯ
๓๒๑บัดภูธเรศพ่าห์ได้ เชิงชน
ลงล่างง้างโททนต์ เทิดใต้
พัชเนียงเบี่ยงเบนตน เซซวด ไปแฮ
หัวปั่นหันข้างให้ เพลี่ยงพลั้งเสียที ฯ
๓๒๒ภูมีมือง่าง้าว ของอน
ฟันฟาดขาดคอบร บั่นเกล้า
อินทรีย์ซบกุญชร เมือชีพ แลเฮย
เผยพระเกียรติผ่านเผ้า พี่น้องสองไท ฯ
๓๒๓ทันใดกลางคชเจ้า จุลจักร
มลายชิพิตลาญทัก ท่าวซ้ำ
เหลือหลามเหล่าปรปักษ์ ปีนป่าย เอาเอย
ตรึงอกพกตกขว้ำ อยู่เบื้องบนสาร ฯ
๓๒๔พระราญอริราชด้วย เดโช
สี่ทาสสนองบาทโท ท่านท้าว
พระยศยิ่งภิยโย ผ่านแผ่ ภพนา
สองรอดโดยเสด็จด้าว ศึกสู้เสียสอง ฯ

ร่าย

๓๒๕จึ่งกองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้าขวาซ้าย ผ้ายมาทันธิบดินทร์ ขณะอรินทรพินาศ ขาดคอคชสองเสร็จ ต่างรีบระเห็ดเข้าโรม โหมหักหาญราญรุก บุกบั่นฟันแทงฆ่า พม่ามอญไทยใหญ่ ไล่มล้างลาวดาษดวน ไล่มล้างยวนดาษดื่น ตื่นกันแตกกันตาย หลายเหลือนับเนืองนอง กองก่ายกายรายหัว ตัวขาแขนเด็ดดาษ กลาดกลางท่งกลางเถื่อน เกลื่อนกลางดงกลางดอน แล่นซอกซอนซนซุก บุกทุกพายพ่ายแพ้ เพราะพระเดชท่านแท้ หากให้ขาดเข็ญ แลนา ฯ

โคลง ๒

๓๒๖เห็นประภาพเจ้าช้าง เชี่ยวกว่าเชี่ยวเหลืออ้าง
เอิกอื้ออัศจรรย์ ยิ่งนา ฯ
๓๒๗ขวัญหนีดีฝ่อพ้น พวกอเรนทร์ด่วนด้น
ดัดดั้นทางทวน ไปนา ฯ

ร่าย

๓๒๘ชวนกันผันกันผาย แลนา ชวนกันขจายขจัด แลนา ชวนกันกระพัดกระเพิ่น แลนา ชวนกันเกริ่นกันเกรียว แลนา บเหลียวหลังมาร้า แลนา บกลับหน้ามาราญ แลนา บอยู่ทานมือรบ แลนา บอยู่ทบมือรอน แลนา มรณ์ด้วยดาบเหลือหลาย แลนา ตายด้วยหอกเหลือหลาก แลนา มากปืนต้องอนันต์ แลนา ครันทวนถูกอเนก แลนา เฉกฟางฟอดทอดไฟ ฟูมไผทถั่งท้น พ้นคะเนคะแนน แกลนเดชไท้ทุกผู้ บมีใครรอสู้ แต่ตั้งตื่นหนี สิ้นนา ฯ

โคลง ๔

๓๒๙นฤบดีดำรัสให้ ขุนพล
ควบพยุหพหล ไล่มล้าง
เสร็จเสด็จสู่ตำบล ถิ่นทัพ ท่านนา
ปูนชอบกอบชื่อช้าง คู่ค้ำเข่นเข็ญ ฯ
๓๓๐เป็นศักดิ์สมด้วยเผด็จ ปัจจา มิตรเอย
นามชื่อปราบหงสา เรียกร้อง
คือยอดขัตติยพา หนเห็จ ศึกแฮ
เฉลิมพระเกียรติเกริกท้อง ธเรศรู้สบสถาน ฯ

ร่าย

๓๓๑ฝ่ายทวยหาญทุกทัพ กับขุนพลทุกนาย รายกันตามกันติด ประชิดทัพรามัญ ฟันแทงฆ่าริปู โดยแดนผลูเหลือแหล่ แต่ตระพังตรุค่ายตั้ง กระทั่งถึงกาญจนบุรี ผีกลากลาดพสุธาร ประมาณสองหมื่นเศษ จนสิ้นเขตภพท่าน ด่านเจดีย์สามองค์ คงจับเป็นก็หลาย ทั้งนายทัพและไพร่ ได้เมืองมล่วนผู้ควาญ สารทรงองค์อุปราช ได้คชขนาดใหญ่ล้วน หกศอกถ้วนสูงสกนธ์ สามร้อยตนไตรตรา อาชาสองพันปลาย หลายศาสตรานานาวุธ เครื่องพิธยุทธ์ยานยั่ว ทั่วทุกสิ่งส่ำสรรพ์ อนันต์อเนกเนืองนอง มาทูลละอองบาทท้าว ด้าวถิ่นทัพพลับพลา ทั่วมาตยาทุกผู้ แถลงที่ศึกไป่สู้ สร่างเสี้ยนเตียนตะเลง แลนา ฯ

โคลง ๔

๓๓๒ราชาชัเยศอื้น โองการ
รังสฤษฏ์พระสถูปสถาน ที่มล้าง
ขุนเข็ญคู่รำบาญ สวมศพ ไว้แฮ
หนตระพังตรุสร้าง สืบหล้าแหล่งเฉลิม ฯ

ร่าย

๓๓๓เสร็จเริ่มรณแล้วไสร้ ธให้เจ้าเมืองมล่วน ถ้วนทั้งคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์ องค์อุปราชเอารส ขาดคอคชลาญชีพ รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ แด่มหิบาลผู้เผ้า เจ้าแผ่นภพหงสา แล้วธให้คลาพยุหทัพ กลับคืนครองครอบเหล้า เถลิงอยุธยเย็นเกล้า ทั่วถ้วนทวยสยาม สิ้นนา ฯ

โคลง ๔

๓๓๔กรุงรามฤทธิ์เฟื่องฟ้า ฟูภพ
ตระบัดบพิตรปรารภ ชอบพ้น
เจ้ารามราฆพ คงคู่ เสด็จนา
ตำแหน่งกลางช้างต้น ต่อด้วยดัสกร ฯ
๓๓๕กุญชรวรพ่าห์ท้าย เถลิงงาน
องค์อนุชนฤบาล บั่นเสี้ยน
ขุนศรีคชคงชาญ ชัเยศ ยิ่งนา
สนองบาทยาตรยุทธ์เที้ยน เพื่อนไท้ในรณ ฯ
๓๓๖สองผจญอริราชด้วย โดยเสด็จ
คุณขอบตอบบำเหน็จ ท่านให้
ครบเครื่องอุปโภคเสร็จ ทุกสิ่ง สรรพแฮ
เงินและทองทาสใช้ อีกทั้งทวยเชลย ฯ
๓๓๗แล้วเผยพจนารถซั้น บรรหาร
ยกชอบกอบบำนาญ ที่ม้วย
นายมหานุภาพควาญ กลางคช หนึ่งนา
หมื่นภักดีศวรด้วย ศึกสู้เสียตน ฯ
๓๓๘บัดดลดำรัสให้ ปูนยศ
ทรัพย์สิ่งศรีสำรด ทั่วทั้ง
บุตรทารท่านแทนทด ความชอบ เขานา
สมที่ภักดีตั้ง ต่อเหง้าเผ่าเฉลิม ฯ

ร่าย

๓๓๙เพิ่มบำเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เชิญพระอัยการศึก ปรึกษาโทษขุนทัพ สรรพทั้งมวลหมู่มาตย์ ว่าอริราชริปู ยกพยูหเหยียบเขต ประเวศชานเวียงชัย พระบาทไทธทั้งสอง ปองพระศาสน์อำรุง ผดุงชุมชีทวิชาติ ทั่วทวยราษฎร์ประชา ไป่ระอาออกท้อ ข้อลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอุตสาหภาพ เสด็จปราบราชอรี ปวงมนตรีนายทัพ สรรพทุกตนทุกตัว กลัวอเรนทร์เหลือล้น พ้นยิ่งพระราชอาชญา ไป่ยาตราพลขันธ์ ทันเสด็จด้าวรณรงค์ มละสารทรงสองเต้า เข้าท่ามกลางปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชัเยศเสร็จสรรพ โทษขุนทัพทั้งมวล ควรประการใดไสร้ โดยระบอบแบบไว้ แต่เบื้องโบราณ รีตนา ฯ

โคลง ๔

๓๔๐โองการท่านสั่งให้ ปรึกษา
โทษทุกทวยมาตยา ทั่วผู้
ลูกขุนรับบัญชา เชิญกฎ ออกเอย
ค้นขนบจบเจนรู้ รีตตั้งแต่ปาง ฯ
๓๔๑วางบทปรากฏอ้าง อัยการ เศิกแฮ
พบราชกฤษฎีกาขาน โทษไว้
เกณฑ์ใครควบในงาน ยุทธยาตร พระนา
ไปบ่ทันเสด็จไสร้ สู่สู้ศึกผจญ ฯ
๓๔๒ตนนั้นอุกฤษฏ์แท้ โทษา
ถึงประหารชีวา วอดม้วย
จงเห็นประจักษ์ตา ตามโทษ เขาแฮ
ใครอย่าดูเยี่ยงด้วย ดั่งนี้แหนงตาย ฯ

โคลง ๒

๓๔๓ถวายพิพากษาซั้น ดำรัสโดยเหตุหั้น
แห่งเบื้องบันทึก โทษนา ฯ
๓๔๔คำนึงนึกบาปใกล้ วันบัณรสีไซร้
จวบเข้าควรงด หน่อยนา ฯ
๓๔๕กำหนดพรุกเพ็ญแท้ พันธนาไว้แล้
ตรุตรึ้งตรากขัง มั่นนา ฯ

โคลง ๓

๓๔๖ตั้งแต่ปาฏิบท ล่วงอุโบสถเสร็จแล้ว
เร่งสฤษฏ์โทษอย่าแคล้ว คลาดด้าวดำเนิน บทนา ฯ

ร่าย

๓๔๗ไป่เกินกาลท่านสั่ง กระทั่งแรมสิบห้าค่ำ ย่ำสองนาฬิกาปลาย ทำงนงายพอเสร็จ จึ่งสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้วแคล้วคลา กับราชาคณะสงฆ์ ยี่สิบห้าองค์สองแผนก แฉกงาสานสรล้าย ผ้ายลุยังวังราช พระบาทธให้นิมนต์ ดลเรือนรัตนมาฬก ตกแต่งอาสน์ลาดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต บพิตรกรกรรพุม ชุมบรรพชิตแช่มชื่น ขุนชีอื้นอวยพร ถามข่าวจรจอมภพ ซึ่งเสด็จรบพารณ จนอเรนทรพินาศ ขาดคอคชในรงค์ จึ่งพระองค์อิศเรศ บรรหารเหตุจำบัง จอมสงฆ์ฟังซั้นขาน พระราชสมภารมีชัย ใดทวยบาทมูลิกา ต้องอาชญายินแหนง ตรัสแสดงโดยดับ ว่านายทัพทั้งผอง เกณฑ์เข้ากองพยูห์ โยมสองตูต่อเข็ญ มันเห็นเศิกสระทก ตระดกดาลระรัว ยิ่งกว่ากลัวสวามิศ บเต้าติดตูต้อย มละแต่ข้อยสองคน เข้าโรมรณราวิศ ในอมิตรหมู่กลาง แสนเสนางค์เนืองบร จนราญรอนไอยเรศ ลุชัเยศมฤตยู จึ่งได้ดูหน้ามัน เพื่อมหันตบารเมศ เบื้องบุเรศบำรุง ผดุงเดชเผือพี่น้อง ผิบพ้องบุญบูรพ์ ไอศูรย์ศูนย์เสียมภพ ตรลบเลื่องขามนามตะเลง ลือละเวงธาษตรี เป็นธรณีหงสา เสื่อมกฤตยาสยามยศ สาหสหากมากมวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วยพระอัยการศึก จารึกชื่อชั่วฟ้า ไว้เป็นขนบภายหน้า อย่าให้ใครยล เยี่ยงนา ฯ

โคลง ๔

๓๔๘สมเด็จพนรัตเจ้า จอมชี
ฉลองพจน์ราชวาที ท่านไท้
ทวยทูลละอองธุลี บัวบาท พระนา
พื้นภักดีต่อใต้ บทเบื้องเรณู ฯ
๓๔๙ดูผิดไป่รักท้าว ไป่เกรง
แผกระบอบแต่เพรง ห่อนพ้อง
พระเดชหากแสดงเอง อำนาจ พระนา
เสนอทุกทวยธเรศก้อง เกียรติอ้างอัศจรรย์ ฯ
๓๕๐เฉกพระสรรเพชญผู้ ธรรมิศร
เถลิงอาสน์อปราชิต ภาคใต้
วรพฤกษโพธิโมลิศ เฉลิมโลก แลเฮย
เสวยวิมุตติลาภได้ เผด็จเสี้ยนเศิกสมร ฯ
๓๕๑ปางอมรมั่วหมื่นถ้วน จักรพาล
สถิตที่มณฑลสถาน แท่นหญ้า
สายัณห์หมู่แมนมาร มาแวด วงแฮ
หวังประยุทธโรมร้า รวดรื้อบัลลังก์ ฯ
๓๕๒ผิวทั้งทวยเทพซ้อง สบสวรรค์
ชนะแต่บาบีพรรค์ พรั่งพร้อม
ไป่เป็นมหัศจรรย์ เจริญเกียรติ พระนา
เพราะอมรหากห้อม หากให้ชัยเฉลิม ฯ
๓๕๓ดาลเพิ่มคุณยศไท้ ธรรมรา ชาแฮ
เผอิญมรุคณะธาดา พ่ายผ้าย
เสด็จเหนือรัตนพุทธา อาสน์เอก องค์เอย
ขจัดอมิตรหมู่ร้าย เร่งต้อนตนหนี ฯ
๓๕๔โยธีบารเมศถ้วน ดึงสา สิ้นแฮ
ขันเข่นมวลมารา อะคร้าว
ธรณินทรพนิดา ดาลน่าน น้ำเฮย
ถั่นท่วมทั่วธเรศด้าว หลั่งล้นเลอสถาน ฯ
๓๕๕สมภารสมโพธิพ้น พรรณนา
รังสฤษฏ์พระสมญา แพร่พร้อง
สรรเพชญพิชิตมา เรศเรียก นามฤๅ
สนั่นสำเนียงเกียรติก้อง เกริกหล้าแหล่งละเวง ฯ
๓๕๖ครื้นเครงนฤโฆษอื้อ อัศจรรย์
จบภวัครไกวัล ภพพ้น
เบื้องขวางเขตอนันต์ เนืองจักร พาลแฮ
หนต่ำดำดึ่งด้น ภาคพื้นอเวจี ฯ
๓๕๗พระตรีโลกนาถแผ้ว เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร พี่น้อง
เสด็จไร้พิริยะราญ อรินาศ ลงนา
เสนอพระยศยินก้อง เกียรติท้าวทุกพาย ฯ
๓๕๘ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้า โรมรอน
ชนะอมิตรมวลมอญ มั่วมล้าง
พระเดชบ่ดาลขจร เจริญฤทธิ์ พระนา
ไปทั่วธเรศออกอ้าง เอิกฟ้าดินไหว ฯ
๓๕๙อย่าไทโทมนัสน้อย หฤทยา
เพื่อพระราชกฤษฎา แต่กี้
ทุกทวยเทพคณา ชุมช่วย พระเอย
แสดงพระเดโชชี้ ชเยศไว้ในสนาม ฯ

โคลง ๒

๓๖๐สมดั่งความตูพร้อง ขอบพิตรอย่าข้อง
ขุ่นแค้นเคืองกมล ท่านนา ฯ
๓๖๑โดยยุบลถ่องแท้ ฤๅสนเท่ห์เล่ห์แล้
ถูกถ้อยแถลงการ นี้นา ฯ

ร่าย

๓๖๒ปางนฤบาลบดินทร์ ยินสมเด็จพระวันรัต จำแนกอรรถบรรยาย ถวายวิสัชนาสาร โดยพิสดารพรรณนา เสนอสมญายศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมา แห่งกฤษฎาภินิหาร ดาลมนัสชุ่มชื้น ตื้นเต็มปรีดิ์ปราโมทย์ โอษฐ์ออกอื้นสาธู ชูพระกรกรรพุม ชุมทศนัขเหนือผาก เพื่อยินมลากเลอมาน เจ้ากูขานคำขอบ ชอบทุกสิ่งจริงถ้อย ถวิลบ่แหนงหนึ่งน้อย แน่แท้ทางแถลง แลนา ฯ

โคลง ๔

๓๖๓แจ้งเหตุแห้งเหือดขึ้ง ในมนัส
จึ่งพระวันรัตวัด ป่าแก้ว
ถวายพรบวรศรีสวัสดิ์ สว่างโทษ ท่านนา
นฤทุกข์นฤภัยแผ้ว ผ่องพ้นอันตราย ฯ
๓๖๔ทั้งหลายทวยบาทเบื้อง บงกช
ควรโคตรโทษสาหส อะคร้าว
แต่ทูลธุลีบท สนองบาท มานา
เพรงพระอัยกาท้าว ตราบไท้พระเจ้าหลวง ฯ
๓๖๕ล่วงถึงบพิตรผู้ เถลิงถวัลย ราชย์ฤๅ
คือพุทธบรรษัทสรรพ์ สืบสร้าง
เชิญงดอดอวยทัณฑ์ ทวยโทษ นี้นา
เลยอย่าลาญชีพมล้าง หนึ่งครั้งขอเผือ ฯ
๓๖๖ไว้เพื่อผดุงเดชเจ้า จอมปราณ
ก่อเกิดราชรำบาญ ใหม่แม้
พูนเพิ่มพระสมภาร เพ็ญภพ พระนา
วายบ่หวังตนแก้ ชอบได้ไป่มี ฯ

ร่าย

๓๖๗นฤบดีดาลสดับอรรถ ซึ่งพระวันรัตภิปราย ถวายพระพรอายาจน์ โทษมวลมาตย์ทุกมุล เพื่อการุญบริรักษ์ ภักดีในบาทบงสุ์ จึ่งพระองค์อนุญาต พระราชทานโทษทั้งผอง โดยอันครองคงยศ บรรหารพจนพาที ซึ่งเจ้าชีขานขอ ข้อยยกยอโทษให้ แต่ชอบใช้ไปรอน เอานครตะนาวศรี บุรีทวายมริด ถ่ายหนผิดหาชอบ ขุนสงฆ์ตอบคำขาน ข้อโรมราญราวิศ ไป่เป็นกิจตูตาม ใช่เงื่อนงามบรรพชิต โดยบพิตรอัธยา เบื้องบัญชาเชิงใช้ ขอลาไท้ลีลาศ ยังอาวาสเวียงวัด ตระบัดท่านจรลี พาเพื่อนชีอะคร้าว คืนสู่ด้าวอาราม เจ้าจอมสยามเสาวนีย์ เนืองมนตรีพ้นโทษ โปรดให้เนาดำแหน่ง แห่งฐานันดรยศ พระราชกำหนดโดยดับ ทัพเจ้าพระยาพระคลัง รังพลห้าหมื่นเสร็จ เห็จไปโหมเวียงทวาย หมายเจ้าพระยาจักรี พรักพิรีย์เทียบทัด รัดไปโรมตะนาวศรี ตีมริดเวียงชัย จึ่งชไมมาตยา บังคัลลายาตรพยู่ห์ สู่แดนเศิกโดยปอง ปิ่นเสียมสองสุริยชาติ ตรัสพิภาษพจนา ซึ่งอุตรานคเรศ เขตสีมาเมืองออก เลิกครัวครอกมาหลาย หมายบ่หมดทั้งผอง ตริไตรตรองคราวศึก เสื่อมหาญฮึกแบ่งเบา จักโรมเราฤๅย่าน ฝีมือม่านมอญมวล ควรผดุงชนบท ปรากฏเกียรติยืนยง คงคู่กัลป์ประลัย เฉลิมแหล่งไผททั่วด้าว แสดงพระยศไทท้าว ธิราชไว้ไป่วาย นามนา ฯ

โคลง ๔

๓๖๘บัดผายพจน์พากย์เบื้อง บัณฑูร
เผยอยศพระยาชัยบูรณ์ แต่งตั้ง
นามเจ้าพระยาสูร สีหนาท เสนอนา
เถลิงพระพิษณุโลกรั้ง ราษฎร์ร้อนผ่อนเสบย ฯ
๓๖๙แล้วเผยสาวนิศตั้ง โดยปอง
รังสฤษฏ์พระเชียงทอง หนึ่งผู้
ธำรงนครครอง เขตราช แลฤๅ
เวียงวิชัยก่อกู้ ขอบแคว้นแดนสยาม ฯ
๓๗๐เสนอนามหลวงจ่าเจ้า นครินทร์
สวรรคโลกแหล่งธานินทร์ หนึ่งนั้น
ทำนุกแผ่นปัฐพิน ผดุงภพ พระนา
คุ้มเขตสีมาขั้น ด่านด้าวเหนือชล ฯ
๓๗๑บัดดลดำรัสให้ พระศรี
เสาวราชมาตยามี ชอบอ้าง
อำรุงประชาชี ชมชื่น จิตแฮ
หนสุโขไทยสร้าง สืบหล้าอย่าศูนย์ ฯ
๓๗๒บัณฑูรท่านสั่งซั้น สี่นาย
ลาบาทผาดผังผาย สู่เหย้า
รวมรวบราษฎรชาย หญิงใหญ่ น้อยนา
เนานครครอบเผ้า ไพร่ฟ้าพูนเกษม ฯ

ร่าย

๓๗๓เปรมกมลมวลเสียม เกรียมทุกข์โทษฤๅพาน อึงกิดาการเอิบเอิก เกริกพระเกียรติลือละเวง คึกขานเครงธรณี ทั่วธาษตรีอึกถคึง ถึงมลาประเทศ เขตโยนกมณฑล เจ้าภูวดลเชียงใหม่ เสียเศิกใหญ่คืนเวียง เพียงหฤทัยจะพก ตระดกพระเดโชพล ไป่เริ่มกลเกี่ยงราช ขลาดพระฤทธิ์มหิมา ตรัสตริหากระแหน่ แด่แสนท้าวลาวพระยา คราวนี้เราฤๅขวน กลกระลัมพรพินาศ เพื่อเบียนอาตม์เอาทุกข์ ควรหาสุขใส่สกนธ์ กอบภัพผลพูนภพ สบพิสัยลานนา เจ้าอยุธยายศโยค สู่สุรโลกพิราลัย หน่อดนัยนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรย์ สืบเสียมสันตติวงศ์ องค์อุปราชโปดก ดิลกภพแผ่นตะเลง ไป่ย่านเยงยศท้าว คลาพลด้าวแดนราช อาจอุกรุกรำบาญ ขานแข่งคู่คชยุทธ์ สุดเสียศอขอทรง ปลงปลดชนม์บนสาร ทัพไทยหาญฮึกฮึง ถึงเวียงทวายมริด ติดตะนาวคราวเข็ญ เห็นสู้เสียมฤๅรอด มอดมอญเมืองเปลืองเขต ประเทศรัฐสีมา หนหงสาเสื่อมศักดิ์ ปวงปรปักษ์ปวงสยาม สื่อสงครามสืบศึก เสมอมฤครอสีห์ เฉกสกุณีโหมกราน ลาญชีวาตม์ทุกครั้ง ตั้งตนต่อบ่มิคง ตรงตนต่อบ่มิคู่ คาบนี้ผู้เผ้าตะเลง เกรงพระฤทธิ์รันทด เพื่อเอารสเมือมรณ์ คู่ขวากรก่นขาด พระบาทสองสยาเมศ บรรหารเดชดาลขจร พ่างภาสกรแจ่มจรัส ในเมื่อมัชฌันติกกาล แขวงคัคนานต์นฤโทษ พลาหกโหดหาวหน ทิศาดลดาลแผ้ว แพร้วไพโรจน์รังสี ทวีพระเกียรติเกริกไกร ไหนนครหงสา คลาอำเภอเลอหัตถ์ ควรถวายฉัตรบำบวง ตังวายสรวงแสวงชอบ มอบพิภพลานนา ทูลบาทาไทธเรศ หวังพระเดชนฤบดี กั้งเกศีสุดเหง้า เท้าทั่วกัลป์ประลัย คุ้มผองภัยบรเบียน ร่มศกเศียรสร่างเข็ญ เห็นชอบชื่นชมชัว ถ้วนทุกตัวท้าวเพี้ย เกลี้ยกมลบันโดย เพื่อแผ้วโพยพันลึก แห่งเสียมศึกพันลาย หมายแม้นมณฑกชาติ พ้นอำนาจอุรคินทร์ ยินประศาสน์สาธู ชูนิ้วนบเหนือเผ้า เจ้ากูกู้กรุงคืน เชียงใหม่ฝืนฟูฟ้า คุ้งคู่หล้าฤๅลาญ ธก็ให้แต่งสารเสาวเลข เตี้ยตนเฉกช่วงบาท มอบตรีมาตย์ทูลแทน แสนหลวงแสนหนังสือ คือหนึ่งนันทพะยะ ล้วนสุรอากัป ฉับเฉียวเชี่ยวเชลงพจน์ ไพเราะรสอภิปราย คุมตังวายศุภสาร สมานสมรไมตรี มอบปัฐพีเดียวแดน แทนทางปรักทางมาศ สระพราศพิริยเถมิน เดินโดยด่านเวียงตาก ขานคำมลากคำงาม เขาก็แต่งตามรับทูต รูดนำข่าวบมิหึง ถึงวิเชียรปราการ ไขข้อสารเสาวภาพ ออกญาทราบทุกอัน สรรนาวารีบรับ กับกรมการหลายตน ขวนเชิญทูตเชิญสาร บรรณาการเนกนับ รับมาทางชลธี ถึงบุรีแล้วไสร้ ซักไซ้ทูตทั้งสาม ทราบเนื้อความตามกิจ ให้สถิตเรือนพัก สำนักทั่วไทยเถมิน เชิญสารสู่จวนกลาง พลางลอกลักษณ์สำเนา เอาลงบอกตระบัด จัดจ่าเมืองกับแพ่ง แต่งจำทูลสนเท่ห์ เล่ห์อมิตรมิตรปอง ทราบละอองบทเรศ เจ้าอยุธเยศสยามินทร์ คอยข่าวยินตราสีห์ โปรดคดีใดชอบ กอบยุบลบันโดย รีบเรือโพยเผ่นน้ำ จ้ำบจอดเจียรกาล บนานดลเวียงราช วางศาสน์เวรศาลา แจ้งออกญามหาด ทูลบัวบาทนฤบดินทร์ ยินในลักษณ์ปราโมทย์ โปรดให้ตอบสารา บรรทับตราไกรสร ส่งนครบันธาย หมายนำสารนำทูต รูดมาคุงกรุงหลวง โดยกระทรวงบูรพ์ฉบับ สองขุนรับตราคลา คืนนคราถับถึง บหึงให้ขุนเวียง เผดียงโดยศาสน์ท้าว ส่งทูตสู่แดนด้าว ถิ่นไท้แถลงสาร ท่านนา ฯ

โคลง ๔

๓๗๔บรรหารอ่านทราบไสร้ โดยปอง
ขุนนครผู้ครอง เขื่อนขั้น
แจงจัดยุกกระบัตรสนอง เสนอต่าง ตนนา
นำทูตทั้งสามซั้น สู่ไท้ถึงสถาน ฯ
๓๗๕กรมการอื่นอีกห้า หกหลาย
คุมศุภลักษณ์ตังวาย สิ่งถ้วน
แสดงโดยดัสกรถวาย ถวัลยราชย์ มาเอย
โผอนสบสีมาม้วน มอบท้าวหนาวบุญ ฯ
๓๗๖เนืองขุนคุมทูตทั้ง สารา
อีกเครื่องราชบรรณา เนกนั้น
เร็วรัดเร่งนาวา วางวิ่ง
ลุแหล่งทวาเรศซั้น สู่ห้างแขกหอ ฯ

ร่าย

๓๗๗ขานข้อทูตมาถึง พึงทราบลูกขุนใน กราบทูลไทยถวัลยราชย์ พระบาทธให้ตกแต่ง โดยดำแหน่งแสดงยศ กฎให้กะเกณฑ์กัน ทรงเครื่องสรรพายุทธ์ เสนากุฎเสื้อสวม นวมเกราะกรายพรายเพริศ เทริดเศียรใส่ทุกนาย รายกลาบาตเป็นชั้น กั้นเป็นหมู่เป็นกอง พลเขนทองทวนมาศ ดาษพลโล่พลดั้ง ทั้งพลดาบสองกร ส่ำพลศรเรียงรัน ส่ำพลกุทัณฑ์เรียงเรียบ เทียบพลหอกหาญห้าว เทียบพลง้าวเงื้องอน สรลอนเหล่าพลสินาด คาบชุดดาษธรณิน คาบหินดาธรณิศ พิศพหลหัยราช ยืนพยุหบาตรทิวแถว สองฟากแนวรัถยา ขุนอาชาโอ่อาตม์ สวมเสื้อมาศหมวกคำ ขี่ประจำดุรงค์ ทรงศาสตราพิธยุทธ์ ครวีอาวุธกวัดกวาย ส่ำแสะหลายเหล่าหลาก มากหมู่แดงดูถกล หมู่ขาวปนหมู่ฟ่าย ฝ่ายพรรค์เผ่าเหล่ากระเลียว ส่ำหมู่เขียวหมู่ปลัง ประนังเหล่าเหลืองแปม ปนผ่านแซมดำดาษ ครบเจ็ดชาติเจ็ดพงศ์ ทรงอัสสาภรณ์สรรพ ดับวางม้าโรงใน รายเรียงไสวยืนหยัด ดัดพิดานกั้งกาง สรรพสรรพางค์พิลาส แก้วแกมมาศยรรยง อัสสาลงกรณ์ประดับ ประทับเทียบคชาธเรศ ประเวศเกยชาลา ทรงหัสดาลังการ ควาญประจำขี่ท้าย ย้ายยอของ่าง้าง วางช้างดั้งเดียรดาษ สระพราศพร้อมพลายพัง หลังหมอควาญขี่ครบ ทรงเครื่องรบพรรณราย กลางคชทายทวนทอง สองฟากฝ่ายศาลา มวลมาตยาทุกหมู่ อยู่อธึกโจษจน หนหอขวาทวยทหาร หนซ้ายศาลพลเรือน เตือนกันอ่าอาตม์หมด เครื่องยศถมปรักมาศ โดยขนาดฐานาศักดิ์ สระพรักไพร่พรูตาม คานหามเปลคะคล่ำ ส่ำขุนตกแต่งกาย สองปักลายอะเคื้อ ขาวครุยเสื้อสวมตน ดูถกลดาดาษ ยาตรยังทิมดาบคด ปรากฏถ้วนเสนางค์ วางเจียดถมทองเทียบ เรียบมหาดไทยฝ่ายเฉวียง เรียงกลาโหมหนสดำ จำนำอยู่แจจัน หน้าบันชรสิงหาสน์ มุขเด็จอาสน์บรรยงก์ พระที่นั่งมงคลาภิเษก ดิเรกรัตน์มลังเมลือง เรืองสุพรรณโอภาส เทียรทิพยอาสน์อินทร์องค์ วงวิสูตรรูดสาย เครื่องสูงรายตั้งล้อม พร้อมเบญจราชกกุธภัณฑ์ สรรพสิริราชูปโภค โดยขัตติยโยคมหิมา ดาพลปี่กลองชนะ แตรสังข์ระดะดาษโดม คอยประโคมคึกขาน การออกแขกเคียมคัล ตรวจเตรียมกันเเต่งแง่ แต่อรุณพระฮาม เท่าถึงสามโมงเศษ จึ่งพระเกศกษัตรีย์ ทวาราวดีดิลก ปิ่นปกภพสีมา ธก็สรงธารารสสุคนธ์ ปนปรุงจารุจุรณเจิม เฉลิมวิเลปน์อวลอบ ตรลบฉมคนธกำจร บวรวิภูษณ์ธำรง ฉลองพระองค์ครุยมาศ กุมแสงนาดกรกราย ผายผังสู่สิงหาสน์ สระพราศพิริยอุภัย เสนาในเนืองเนก ดิเรกราชบริพาร ทวิชาจารย์เนมิตก์ ทวยบัณฑิตแพทยา ทวยโยธาทุกหมู่ อยู่อธึกทุกกรม ประนมทศนัขชูเชิด เทิดทศางคุลีบำบวง สามวารสรวงบทรัช เฉกนักษัตรราชา รอบดารารายเรียบ เพียบนภางค์ไพบูลย์ แจ่มจรัสจรูญสรัทกาล ขานนฤโฆษแตรสังข์ ประนังแซ่ศัพท์เภรี พ่างปัฐพีพังเพิก เอิกออกแขกทะท้าว แสดงพระยศอะคร้าว ครั่นฟ้าดินไหว แลนา ฯ

โคลง ๔

๓๗๘จึ่งไท้ถวัลยราชเจ้า จักรพาล
ผายพจน์ราชโยงการ สั่งซั้น
เบิกทูตเบิกศุภสาร สวัสดิ์สื่อ เสนอนา
เนืองเนกคำนัลนั้น นอบน้อมบทมูล ฯ
๓๗๙สามแขกขุนสี่ไสร้ พาคลา
ลุแหล่งพะลานชาลา ท่ามท้อง
สรวมชีพมหาดออกญา ทูลเบิก แลแฮ
ตรีคาบกราบซ้องซ้อง สบถ้วนยวนสยาม ฯ
๓๘๐ขุนนามนฤนาถตั้ง ตามนา ศักดิ์เอย
อาลักษณ์เลิศปัญญา ยิ่งผู้
ศรีภูริปรีชา เชลงอรรถ แลฤๅ
แถลงเล่ห์สนเท่ห์รู้ ราชไม้ตรีสมาน ฯ

ร่าย

๓๘๑ศุภสารสุนทรสวัสดิ์ พิพัทธศาสน์นุสนธิ์ ตนข้าเจ้าเชียงใหม่ ใหญ่กว่ายวนมวลเขต ประเทศโยนกนิคม โอนศิโรดมอภิวาทน์ แทบบวรบาทยมก ดิลกเจ้าสองเสียม เทียมแขไถงไพโรจน์ โชติชวลิตทิศทศ เผยอพระยศยินเยง ยิ่งครื้นเครงฟากฟ้า หล้าเกริ่นเกียรติทุกเหล้า ข้าพระพุทธเจ้าแต่ปาง บ่รางรอดอาชญา องค์อิศรานฤเบศ เขตแคว้นแขวงแหล่งตะเลง บ่เกรงพระเดชมหิมา จำใจคลาคลี่พยู่ห์ สู่เศิกก่อดัสกร แก่พระนครอโยธเยศ เหตุเข็ญเคืองเบื้องบาท เรื่องอุปราชรำบาญ ขอเขือทานนฤโทษ โปรดนฤภัยใจแผ้ว แคล้วอาฆาตขาดฟุน เพื่อพระการุญบารเมศ ข้าบทเรศเรณู ขอเอาภูธรประภาพ อาบอาตมห่มหัว ตัวไพร่ไทยใหญ่น้อย ข้อยสบสถานลานนา เฉกฉายาเฌอโพธิ ร่มศิโรตม์สรรพางค์ ปางนฤนาถยาตรพล ดลด้าวใดไปร้า ข้าขอโดยเสด็จราช งานพยุหบาตรจำบัง ท่าวกำลังเลวลาญ โดยสัตย์สารเสาวพจน์ ปรากฏชั่วแผ่นไผท คุ้งฟอดไฟฟอนกัลป์ ควบเขตขัณฑ์แด่ท้าว เป็นเดียวด้าวแดนดล เผือก็แต่งตนตรีมาตย์ จำทูลสาสน์สื่อถวาย เตรียบตังวายดำเนิน เจริญรสราชไมตรี เผด็จไพรีร่วมมิตร แด่บพิตรโทไท้ ขอเขือขาดเคียดไข้ ขุ่นข้อเข็ญความ เทอญนา ฯ

โคลง ๔

๓๘๒ปิ่นสยามรามฤทธิ์แม้น เสมอเดช ท่านฤๅ
ดาลสดับแสดงแห่งเหตุ เหือดห้าว
ริปูหมู่มลาเขต โผอนออก มานา
บานเบิกหฤทัยท้าว ธิราชได้โดยประสงค์ ฯ
๓๘๓จักรพงศ์ภูวนาถเผ้า พสุธาร
เผยพระราชปฏิสันถาร ถั่งถ้อย
บูรพ์ฉบับนับตรีวาร จารีต นั้นนา
ทักแขกแรกฤๅน้อย มากไซร้ไป่มี ฯ
๓๘๔ปางนี้เชียงใหม่ผู้ สวามิน
นฤโศกโรคราคิน ห่อนพ้อง
ผ่านภพแผ่นธรณิน นิตย์เยี่ยง ยุกดิ์ฤๅ
เกษมทุกทวยธเรศซ้อง สวัสดิแผ้วภัยกษัย ฯ
๓๘๕หนึ่งไสร้พิรุณร่วงฟ้า ฟูไพ ศรพณ์แฮ
โดยฤดูดาลไข น่านน้ำ
พูนพืชโภชนาใน นครเขต เขือฤๅ
อกราษฎร์ขาดเทวษช้ำ ชุ่มฟ้าฉ่าฝน ฯ
๓๘๖ไปดลภัเยศด้วย ดัสกร เกิดเฮย
รังเริ่มรณรงค์รอน รบเร้า
เวียงสูสุขสถาวร วายเศิก แลฤๅ
สบส่ำสีมาข้า ขอบแคว้นแคลนเข็ญ ฯ
๓๘๗เย็นจิตรไทไพร่พร้อม พราหมณ์ชี ชื่นฤๅ
ต่างแผ่ผลไมตรี ต่อตั้ง
บ่เบียดบ่เบียนบี ฑาโทษ กันแฮ
เลี้ยงชีพโดยสะดวกทั้ง ทั่วด้าวแดนไฉน ฯ
๓๘๘รับไท้ธราภพเบื้อง บริหาร ท่านฤๅ
ขุนชื่ออำมาตย์ขาน คาบนั้น
ถามทูตทูตแถลงการ เขากล่าว สนองนา
สิ่งโทษโหดเหตุหั้น สุขสิ้นถิ่นเกษม ฯ
๓๘๙พระเปรมปราโมทย์ให้ บำนาญ เนกเฮย
ตอบแต่งตังวายสาส์น ส่งเต้า
เขาลาคระไลสถาน ถวายราช เขานา
แขกราชขาดทุกข์เศร้า สวัสดิ์ได้ดั่งถวิล ฯ

ร่าย

๓๙๐ยินมลากเล่ห์บุทคล จรดลโดยรัถเยศ ทุเรศมรุกันดาร กาลมัชฌันติกสมัย คระโหยใจเจียนมรณ์ เพื่อภาสกรแผดเผา เบาแรงแห้งหู่แด แปรกรรหายหอบโตย โดยซ้ายขวาหน้าหลัง เล็งสระพังบมิพาน เล็งละหานบมิพ้อง ร้องหาเพื่อนบมิพบ ทบท่าวล้มทับทาง รอดบรางเลยชนม์ บัดเดียวดลดอกมลาย บนานนายหนึ่งซั้น ดั้นดงด่วนดำเนิน เดินแบกบอกตรอกธาร มานกมลโอบเอื้อ เพื่อการุณบุญขวน หลั่งหล่อชลหล่นบอก ตรอกต้องอกตกโอษฐ์ โสรจสรรพางค์ชุ่มชื่น หื่นคระหิวหายหอบ กอบกำลังฤๅลาญ ปานตนเจ้าโยนก ตระดกพระเดชอดุลย์ ได้ใบบุญปกเผ้า เศร้าเสื่อมหายวายกลัว กลับชมชัวชื่นหน้า ทุกถ้วนไทยไพร่ฟ้า พรั่งพร้อมหฤหรรษ์ สิ้นแล ฯ

โคลง ๔

๓๙๑ยรรยงยศทั่วท้อง ธาษตรี
สยาเมศมิ่งโมลี เลิศล้น
ทวาราวดีศรี อยุทธ์ยิ่ง ภพฤๅ
บุญบพิตรแผ่พ้น แผ่นหล้าเลอสรวง ฯ
๓๙๒พระคลวงเคลือบมาศแม้น มนเทียร ทิพย์เอย
สรรเพชญปราสาทเสถียร ถิ่นท้าว
คิมหันต์แห่งจำเนียร นิตย์ท่าน สถิตฤๅ
จรูญจรัสรัตน์อะคร้าว รั่วรุ้งเรืองไถง ฯ
๓๙๓อำไพรุคฤหาสน์ห้อง เหมันต์ ท่านแฮ
เรืองรพีพรรณจันทร์ จิ่มฟ้า
มังคลาภิเษกสวรรค์ สวัสดิ์สุข เสวยฤๅ
เรือนราชอาจอวดหล้า แหล่งเพี้ยงพิศวง ฯ
๓๙๔บรรยงก์ขัตติเยศอ้าง สุริยา มรินทร์เอย
ยามฤดูพรรษา เสพไท้
อร่ามรัตนอาภา ไพโรจน์ แลฤๅ
บุญแต่งแสดงยศให้ เหตุสร้างปางหลัง ฯ
๓๙๕คลังกาญจน์คลังแก้วเกิด เนืองนอง เนกนา
ทุกทั่วประชาชนผอง เผือดร้อน
อันเพ็ญภพมูนมอง เมืองมั่ง แลเฮย
เย็นราษฎร์ขาดขุ่นข้อน ค่ำเช้าเนาเกษม ฯ

๑ ทานํ (การทำทาน)

๓๙๖พระเปรมปฏิบัติเบื้อง ทศธรรม์ ถ้วนแฮ
ทานวัตรพัศดุสรรพ์ สิ่งให้
ทวยเถมินมั่วหมู่พันิ พกพวก แคลนนา
วันละวันตั้งไว้ หกห้างแห่งสถาน ฯ

๒ สีลํ (การรักษาศีล)

๓๙๗เถลิงการกุศลสืบสร้าง เบญจางค ศีลเฮย
เนืองนิวัทธฤๅวาง ว่างเว้น
บำเทิงหฤทัยทาง บุญเบื่อ บาปนา
แสวงสัคมัคโมขเร้น รอดรื้อสงสาร ฯ

๓ ปริจฺจาคํ (การบริจาคทรัพย์ทำบุญ)

๓๙๘สมภารพระก่อเกื้อ การก ธรรมแฮ
ชินศาสนุปถัมภก เพิ่มตั้ง
จตุราปัจเยศยก บริจาค ออกเอย
อวยแด่ชุมชีทั้ง ทั่วแคว้นแขวงสยาม ฯ

๔ อาชฺชวํ (ความซื่อตรง)

๓๙๙พระงามอุชุภาพพร้อม ไตรพิธ ทวารเฮย
กายกมลภาษิต ซื่อซ้อง
บำเพ็ญเพิ่มสุจริต เจริญสัตย์ สงวนนา
สิ่งคดปลดเปลื้องข้อง แต่ครั้งฤๅมี ฯ

๕ มทฺทวํ (ความอ่อนโยน)

๔๐๐ปรานีมาโนชน้อม มฤทู
ในนิกรชนชู ชุ่มเผ้า
พระเอื้อพระเอ็นดู โดยเที่ยง ธรรมนา
อดโทษโปรดเกศเกล้า ผิดพลั้งสั่งสอน ฯ

๖ ตปํ (ความประพฤติตบะ)

๔๐๑สังวรอุโบสถสร้าง ประดิทิน
มาสประมาณวารถวิล สี่ถ้วน
อัษฎางคิกวิริยิน ทรีย์สงัด กามเอย
มละอิสริยสุขล้วน โลกซ้องสรรเสริญ ฯ

๗ อกฺโกธํ (ความไม่โกรธ)

๔๐๒ทรงเจริญมิตรภาพเพี้ยง พรหมาน
ทิศทศจรดทุกสถาน แผ่แผ้ว
ชัคสัตว์เสพสำราญ รมย์ทั่ว กันนา
เย็นยิ่งจันทรกานต์แก้ว เกิดน้ำฉ่ำแสง ฯ

๘ อวิหึสญฺจ (ความไม่เบียดเบียน)

๔๐๓เสด็จแสดงยศเยือกหล้า แหล่งไผท
เพื่อพระกรุณาใน เขตข้า
บกอบบก่อภัย พิบัติเบียด เบียนเอย
บานทุกหน้าถ้วนหน้า นอบนิ้วถวายพร ฯ

๙ ขนฺติญฺจ (ความอดทน)

๔๐๔ถาวรอธิวาสน์ค้า ขันตี ธรรมฤๅ
ดำฤษณวิโรธราคี ขุ่นข้อน
เพ็ญผลพุทธบารมี วิมุติสุข แสวงนา
เนืองโลกโศกเสื่อมร้อน สิ่งร้ายฤๅพาน ฯ

๑๐ อวิโรธนํ (ความไม่ประพฤติผิด)

๔๐๕พระญาณยลเยี่ยงเบื้อง โบราณ รีตนา
ในนิติราชศาสตร์สาร สืบไว้
บแปรประพฤติพาล แผกฉบับ บูรพ์เฮย
โดยชอบกอบกิจไท้ ธเรศตั้งแต่ปาง ฯ
๔๐๖ไป่วางขัตติยวัตรเว้น สักอัน
ทั่วทศพิธราชธรรม์ ท่านสร้าง
สงเคราะห์จัตุราบรร ษัทสุข เสมอนา
สังคฤหพัสดุอ้าง สี่ไสร้สืบผล ฯ

๑ สสฺสเมธํ (การบูชาด้วยข้าวกล้า)

๔๐๗ใดชนแคลนกล้าคู่ โคไถ
ทรงประสาทเสมอใจ จ่ายถ้วน
ปางผลเพิ่มพูนใน นาราษฎร์ นั้นฤๅ
ส่วนสิบหยิบยกล้วน หนึ่งไว้ในฉาง ฯ

๒ ปุริสเมธํ (การบูชาบุรุษ)

๔๐๘เสนางค์เนืองเนกหน้า ในสนม
ทั่วทุกหมู่ทุกกรม แต่งตั้ง
ผจงแจกธนสารสม สิ่งชอบ เขาแฮ
หกมาสอาจอวยครั้ง ขวบสิ้นคราสอง ฯ

๓ สมฺมาปาสํ (บ่วงอันชอบ)

๔๐๙ใดปองพาณิชย์สร้าง สินศูนย์
เสนอลักษณ์เพื่อเอาธูร ท่านให้
ไตรพรรษเพิ่มทวีคูณ คืนส่ง สนองนา
ปวงราษฎร์ปราศทุกข์ไร้ สว่างร้อนผ่อนเกษม ฯ

๔ วาจาเปยฺยํ (วาจาเป็นที่รัก)

๔๑๐เอมโอชอมฤตอื้น โองการ ท่านฤๅ
ในอเนกคณะบริพาร ทุกหน้า
บหมิ่นประมาณฐาน พฤฒิภาพ เขาเฮย
ควรปู่คู่ลุงน้า หนึ่งนั้นบัณฑูร ฯ

๕ นิรคฺคลํ (การไม่มีลิ่มสลักคือไม่ต้องใส่กลอนประตูบ้าน)

๔๑๑ไพบูลย์สงเคราะห์ถ้วน ทวยชน
สังคฤหพัสดุผล เพิ่มพ้อง
บำเทิงธราดล โจรจืด แลแฮ
ทวารเย่าเปล่าลิ่มป้อง เปิดได้โดยถวิล ฯ

โคลง ๔

๔๑๒ประดิทินกรรมบถเบื้อง ทศางค์ สิ้นนา
สืบกุศลธรรมทาง ถ่องแท้
จักรพรรดิวัตรวิริยางค์ ยุกดิ์เยี่ยง แลฤๅ
ทวาทศพจนพากย์แก้ ก่อเกื้อเผื่อผล ฯ

๑ อนฺโตชนสฺมึ พลกายสฺมึ

(ทรงจักรวรรดิวัตรในชนภายใน และหมู่พลทหาร)

๔๑๓ชุมชนบริรักษ์ทั้ง หญิงชาย
ทั่วทุกนางทุกนาย ใฝ่เฝ้า
ทรงขจัดอุปัทวันตราย บำราศ ทุกข์นา
ใจใส่ไปค่ำเช้า ชื่นหน้าอ่าโฉม ฯ

๒ ขตฺติเยสุ (ในกษัตริย์ทั้งหลาย)

๔๑๔บรรโลมเลี้ยงโลกด้วย การุญ
ในขัตติยทุกขุน เขตด้าว
อำนวยรัตนวิบุล นาเนก แลเฮย
มีอาทิราชหัยห้าว เห็จเพี้ยงลมผัน ฯ

๓ อนุยนฺเตสุ (ในผู้ติดตามทั้งหลาย)

๔๑๕เนืองนันต์นราธิปผู้ เผ่าพงศ์
โดยเสด็จดำเนินคง คู่ไท้
พระเอื้อพระอวยมง คลยั่ว ยานแฮ
ดุรงค์รถคชพ่าหน์ให้ ห่อนเว้นเป็นเฉลิม ฯ

๔ พฺราหฺมณคหปติเกสุ (ในพราหมณ์และคหบดีทั้งหลาย)

๔๑๖เผดิมผดุงชีพ่อพร้อม พราหมณ์ผอง
พัสตร์โภชน์โหติกูณฑ์กอง กอบถ้วน
นายกเย่าปูนปอง ประโยชน์ครบ ครันเฮย
สบสิ่งสำรดล้วน เครื่องใช้ไป่เหลือ ฯ

๕ เนคมชานปเทสุ (ในชาวนิคมและชาวชนบททั้งหลาย)

๔๑๗ผจงเจือแจงแจกทั้ง ชนบท สิ้นนา
ในนอกนิคมคามหมด ขอบขั้น
ภิยโยพระยศทศ ทิศร่ม ร้อนฤๅ
เย็นเฉกพรหมฉัตรชั้น เชิดฟ้าฟูฉาย ฯ

๖ สมณพฺราหฺมเณสุ (ในสมณะและพราหมณ์ทั้งหลาย)

๔๑๘ทวยหลายลอยบาปร้าง รำงับ ราคฤๅ
บริสุทธิศีลสี่สรรพ สฤษฏ์รั้ง
สมณะหนึ่งนามนับ นามหนึ่ง พราหมณ์นา
นฤนาถอาจอวยทั้ง สิ่งถ้วนบริขาร ฯ

๗ มิคฺคปกฺขีสุ (ในเนื้อและนกทั้งหลาย)

๔๑๙อภัยทานท่านแต่งตั้ง ต่อสรรพ สัตว์เอย
มวลมฤคปักษีพรรค์ แผ่ก้าง
อย่าเริ่มอย่าริรัน ทำโทษ มันแฮ
ห้ามบ่ให้ใครมล้าง ล่วงพ้นชนม์กษัย ฯ

๘ อธมฺมการปฏิกฺเขโป (ห้ามการไม่เป็นธรรม)

๔๒๐หฤทัยอนุเคราะห์ถ้วน ทาสภู
บาปสร่างสร้างบุญขู เขตท้าว
เบญจาพิธไพรู โรยเริด ลงฤๅ
เพราะเพื่อพระนาถน้าว หน่วงโน้มในกุศล ฯ

๙ อธนานํ ธนุปทานํ

(การให้ทรัพย์แก่ผู้ไร้ทรัพย์ทั้งหลาย)

๔๒๑ชนใดใจขุ่นข้น ธนแคลน
ทรงจ่ายรายทรัพย์แสน สิ่งให้
อาวรณ์ห่อนหวงแหน หายิ่ง ยากแฮ
ชุบช่วยทวยธเรศไร้ เสื่อมร้อนรอนเข็ญ ฯ

๑๐ สมณพฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหาปุจฺฉนํ

(การเข้าไปหาสมณพราหมณ์แล้วถามปัญหา)

๔๒๒ปวงเป็นบาพรตพร้อม พรหมจรรย์
มานะมละสบสรรพ์ สิ่งเก้า
เสด็จสู่ศึกษาธรรม์ ถามโทษ คุณแฮ
เสร็จทราบบาปบุญเค้า ขาดข้อกังขา ฯ

๑๑ อธมฺมราคสฺส ปหานํ

(ละความกำหนัดในอธรรมคือล่วงประเวณี)

๔๒๓ภูวนายกนาถเกล้า กษัตรีย์
ขจัดจากอธรรมราคี เกลียดใกล้
ทุจริตราคฤดี โดยกล่าว ไว้นา
ทั่วอคมนิยฐานไท้ ธิราชร้างห่างขวน ฯ

๑๒. วิสมโลภสฺส ปหานํ

(การละความโลภอันไม่สม่ำเสมอเสีย)

๔๒๔ไป่ดลมหิจฉภาพเอื้อ เอาสาร ทรัพย์เฮย
แห่งบ่ให้เหตุพาล โอบอ้าง
โดยกิจกอบพลการ ปองประโยชน์ ตนนา
นามวิสมโลภมล้าง เล่ห์นั้นฤๅมี ฯ
๔๒๕พิธีทวาทศพร้อง พรรณนา นี้ฤๅ
จักรพรรดิวัตรจรรยา ชื่อชี้
เรืองรุ่งราชกฤษฎา ธิการเกียรติ เกริกแฮ
เจริญสวัสดิ์ขัตติเยศกี้ ก่อสร้างสืบแสวง ฯ

โคลง ๔

๔๒๖เสร็จแสดงพระยศเจ้า จอมอยุธ ยาเอย
องค์อดิศรสมมุติ เทพไท้
นเรศวรรัตนมกุฎ เกศกษัตริย์ สยามฤๅ
หวังอยู่คู่ธเรศไว้ ฟากฟ้าดินเฉลิม ฯ
๔๒๗รังเริ่มรจเรขอ้าง อรรถา แถลงเอย
เสมอทิพยมาลย์ผกา เก็บร้อย
ฉลองบทรัชนรา ธิปผ่าน ภพฤๅ
โดยบ่เชี่ยวเชลงถ้อย ถ่องแท้แลฉงาย ฯ
๔๒๘บรรยายกลกาพย์แสร้ง สมญา ไว้แฮ
สมลักษณ์เล่ห์เสาวนา เรื่องรู้
ตะเลงพ่ายเพื่อตะเลงปรา ชัเยศ พระเอย
เสนอฤทธิ์สองราชสู้ ศึกช้างกลางสมร ฯ
๔๒๙อวยพรคณะปราชญ์พร้อม พิจารณ์ เทอญพ่อ
ใดวิรุธบรรหาร เหตุด้วย
จงเฉลิมแหล่งพสุธาร เจริญรอด หึงแฮ
มลายโลกอย่ามลายม้วย อรรถอื้นอัญขยม ฯ
๔๓๐กรมหมื่นนุชิต เชื้อ กวีวร
ชิโนรส มิ่งมหิศร เสกให้
ศรีสุคต พจนสุนทร เถลิงลักษณ์ นี้นา
ขัตติยวงศ์ ผจงโอษฐ์ไว้ สืบหล้าอย่าศูนย์ ฯ
๔๓๑ไพบูลย์โดยบทเบื้อง โบราณ รีตฤๅ
รังสฤษฏ์พระหลานตู ต่อบ้าง
กปิษฐาขัตติยกุมาร สมมติ นามนา
หน่อบพิตรเจ้าช้าง เผือกผู้สามทรง ฯ
๔๓๒บรรจงเสาวเลขแล้ว หลายคุง ขวบฤๅ
ปางปิ่นธเรศอำรุง โลกเลี้ยง
ทำนุกเชตุพนผดุง เผดิมตึก เต็มเอย
อาวาสอาจเพ่งเพี้ยง แผ่นฟ้ามาเสมอ ฯ
๔๓๓อำเภอพิริยภาพพ้อง ปรีชา เชี่ยวแฮ
เสาะส่องสุขุมปัญญา กอบกู้
คามภีร์พากย์สุภา ษิตสืบ แสวงนา
สบสิ่งสรรพศัพท์รู้ รวบร้วมรวมเฉลย ฯ
๔๓๔มละเลยกิจอื่นเอื้อ เอาธูร เดียวพ่อ
สัมฤทธิ์มโนรถวิบูล บ่ร้าง
จงเป็นปัจเยศพูน ศราพก พระเอย
หนปักษ์ทักษิณสร้าง สฤษฏ์ได้ดั่งถวิล ฯ
๔๓๕แห่งปิ่นวิสุทธเทพไท้ ทศพล
อันอุบัติอนาคตดล อย่าแคล้ว
ปัญญาธิกญาณยล สี่สัจ แลฤๅ
มล้างเกลศลามกแผ้ว ผ่องเพี้ยงเพ็ญแข ฯ
๔๓๖แปรมุขเมือมุ่งห้อง นฤพาน
พ้นจัตุเภทกันดาร ดัดดั้น
เบญจาพิธมวลมาร มลายล่ง แลเฮย
เสวยวิมุตติลาภซั้น เสร็จซ้องประสงค์ ฯ
๔๓๗ผิววงว่ายวัฏเวิ้ง วารี โอฆฤๅ
บลุโลกุตรโมลี เลิศล้น
จงเจนจิตกวี วรวากย์ เฉลียวเอย
ตราบล่วงบ่วงภพพ้น เผด็จเสี้ยนเบียนสมร ฯ
๔๓๘จบกลอนเกลาพากย์อ้าง อภิปราย
เถลิงเกียรติราชบรรยาย ยศไท้
เฉกนพรัตน์ตังวาย วิจิตรแจก ไว้นา
เสนอหมู่เมธาให้ อ่านเอื้อนเตือนเกษม ฯ
๔๓๙จบ เสร็จเสาวพากย์ถ้อย วิตถาร แถลงนา
ลิลิต ราชพงศาวดาร แต่กี้
ตะเลง เหล่าดัสกรลาญ มลายชีพ ลงฤๅ
พ่าย พระเดชหลีกลี้ ประลาตต้อนแตกสยาม ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ