๏
๏ นโม อันว่ากฤษฎาญชวลิตวา มม แห่งข้าผู้ภักดี อตฺถุ ขอจงมีเนืองนิตย์ ตสฺส นาถสฺส แก่บพิตรอิศวรารัตน์ อันสรณัศแห่งตรีโลก อันข้ามโอฆอมรนิกรนรสบสัตว์ ภควโต ผู้ธรงศีลศรีสวัสดิ์ ชยัสดุมงคล สุวิมลวิบุลย์ อดุลยาวิเศษ อรหโต ผู้ตัดเกลศเป็นสมุจเฉทปหาน ผลาญกำสงสารให้หัก เผด็จกงจักรสังสารให้ทำลาย ญาณาสินา ด้วยมารคญาณหมายอันอุดม์ ดุจเพ็ชราวุธฟันฟาด ดุจอสนีบาตผาดผลาญ จำราญให้ขาดดายเด็จ สมฺมาสมฺพุทธสฺส พระสรรเพ็ชญ์ก็ตรัส ดำรัสไญยธรรมแท้ถ่อง โดยทำนองพุทธกิจ มิได้วิปริตนิจผล ดำกลเป็นแก่นสาร โดยอาการอันควร ถ้วนทั้งมวลทุกประการ สมุปฺปจิตสมฺภารนิพฺพตฺตสยมฺภูญาเณน ด้วยสยัมภูญาณอันเลิศ บังเกิดแต่โพธิสมภารวิสุทธิ์ อันพระพุทธได้ส่ำสม แต่บรมนายกาจารย์ เนืองนานได้สี่อสงไขย กำไรยิ่งแสนมหากัลป์ ทุกอันสรรพ์ได้บำเพ็ญ ถึงเบ็ญจมหาบริจาค อันยากที่ผู้จะทำได้ เธอก็ให้ด้วยง่าย จับจ่ายทรัพย์ด้วยงาม บเข็ดขามความประดาษ
โคลง๏ นโมนมัสตั้ง | บังคม |
อภิวันท์สรรเพ็ชญ์สม | โพธิ์พ้น |
ธรงคุณอดุลย์บรม | พิรภาพ |
อนุมานญาณยศล้น | เลิศด้วยพุทธคุณ ฯ |
จบนโม
๏ สุรนรมหิณิยํ | พุทฺธเสฏฺฐํ นมิตฺวา |
สุคตปภวธมฺมํ | สาธุสํฆญฺจ นตฺวา |
สกลชนปสาทํ | มาลยํ นาม วตฺถุํ |
ปรมนยวิจิตฺตํ | สมาสา อารพฺภิสฺสนฺติ ฯ |
๏ ขอถวายนมัสประนม เรณูบรมบทรัตน์ ด้วยทัศนขสโมธาน อลงการอภิวาท บรมนารถบพิตร วิชิตมารภิมต อลงกฏวิสุทธ์ พระจอมมกุฎมหัศจรรย์ อมรนรสรรพ์สูรพรหม บังคมบทบรรเจิด ประเสริฐสวัสดิ์มหิศโร โลเกษเชษฐไตรพิธ โมลิศจุธามณี ศรีสรรเพ็ชญดาญาณ สุคตปภวธมฺมํ อันว่านมัสการสุเบญจางค์ ด้วยอุตมางคศิโรเพศ โอนวรเกษวิสุทธ์ นบพระนวโลกุดรธรรม คืออำมฤดาโมทย์ หลั่งจากโอษฐ์ทิพยรศ พระศรีสุคตสมโพธิ์ คัมภีโรชสุขุมอรรถ อันนำสัตว์จากสงสารโลก สู่บทโมกข์เขษมศุข นฤทุกข์แท้บมีเทวษ นฤเภทแท้บมีไภย ไกลอริราชศัตรู อันกล่าวคือหมู่อกุศล ประทุษฐกลทุรยศ สํฆญฺจ นตฺวา ข้าขอประนตบงกชมาลย์ แห่งพระอัษฎารยาวิเศษ อันนฤเกลศผัดแผ้ว นฤราคแร้วราคี ข้าก็สดุดีพุทโธรส สงฆสมมตสามรรถ ธรงพระจัตุปาริวิสุทธ์ อุดมทฤษฏิเพท เป็นเกษตรเขตรกุศล อันนรชนชื่นบาน ถวายซึ่งทานทักษิณา ให้ลุอิจฉาสัมฤทธิ์ ประสิทธิสมบัติไตรพิธ ประนิตด้วยวรทาน อันอุตมานยิ่งไซร้ คิดสิ่งใดจุ่งได้ เสร็จซึ่งนฤพาน ฯ
สพฺพสุภมตฺถุ อันว่าสรรพสวัสดิ์ แห่งพระรัตนไตรย จงมีในเศียรข้า จงศรัทธาทุกเมื่อ ด้วยเพื่อข้ากระทำมัสการ โอนโมลีธารเทรอดเกษ ต่อพระเดชพระไตรรัตน์ ด้วยสักกัจจเคารพ นบอภิวันท์อคร้าว ข้าจะขอกล่าวตามพระบาลี ในคัมภีร์พระมาลัย ตามอัชฌาศรัยอัตโนมัต ให้โสมนัสศรัทธา แก่นรนราสรพสัตว์ วิจิตรอรรถโดยไสมย อันจำเริญในมนัส ขอสรรพสวัสดิ์จงมี แก่ข้านี้ไซร้ ฯ
โคลง๏ จบเสร็จอภิวาทไหว้ | วันทา |
พระรัตนไตรยา | ยิ่งไซร้ |
จักแถลงแห่งเถรา | ภิรภาพ |
พระมาลัยเทพไว้ | อ่านอ้างเป็นผล ฯ |
๏ อตีเต กิร ติรตนปติฏฺฐานภูเต ลงกาทีปสงฺขาเต ตามฺพปณฺณิยทีเป
๏ กษณนั้นดั่งจะฦๅเลื่อง แต่บั้นเบื้องกาลไกล พระรัตนไตรยประดิษฐา ในลังกาทีปดามพ์ โรหนคามบริเวณ ปากโฏ มาลยเทวตฺเถโร นามมีพระมหาเถรหนึ่งไซร้ ธอาไศรยแห่งหั้น ในบ้านนั้นส้องเสพ มาลัยเทพนามา มีศรัทธาประสิทธิ์ ท่านธรงฤทธิ์ประเสริฐ ปรีชาเลิศสามรรถ สุขุมอรรถสัจจา สิ้นราคาทิกิเลศ ศีลวิเศษสันโดษ ปองประโยชน์จะโปรดสัตว์ ธรงอรหัตต์อดุล ธรคุณคัมภีรัตน์
พระเถราฟังสาร รับพจมานทุกอัน ธเหาะหรรษ์ด้วยฤทธิรุด เถโร อาานฺตวา ธคืนยังมนุษย์สถาน นำอาการพิบัติ มีแก่สัตว์นรกานต์ โดยวิตถารธแถลง กล่าวสำแดงแก่ชน ทั่วสากลมาฟัง เธอบอกตามสั่งฝูงญาติ ให้ชนชาติเร่งทำ กุศลกรรมบหึง อุทิศถึงพงศ์พันธุ์ จงฉับพลันอย่าช้า เขาจะพ้นทุกขาดูรดล
ครั้นฝูงชนยินพระศาสน์ ว่าฝูงญาติทุกข์พิบัติ ก็โทมนัสร่ำไร ได้ฟังไภยในนรก ก็ตื่นตระหนกประพรั่น อภิวันท์พระตรัยสรณา ทำทานาทิกุศล บำเพ็ญผลบุญญา แล้วพงศาจึ่งอุททิศ กุศลอิฏฐ์ส่งให้ ขอจงได้แก่พงศ์พันธุ์ พ้นจากสรรพทุกขา ด้วยเดชาเราแผ่ผล กุศลทักษิโณทก ครั้นตกเมธนีธาร
๏ อเถกทิวสํ ปางพระมาลัยบพิตร ผู้ธรงฤทธิวิริยา การุณํกาแก่โลก จะให้พ้นโอฆนฤทุกข์ จะอวยศุขนรา อยู่มาวันหนึ่งนั้น ปุพฺพณฺหสมเย เมื่อพรายพรรณพระสุริย์ เรืองอรุณอร่าม สมัยยามยูรยาตร อุฏฺฐายาสนา เสด็จจากอาสนวิจิตร เสร็จชำระกิจพระองค์ ปตฺตจีวรมาทาย ครองสะบงธรงจีวร พระหัตถ์ธรบาตรเสร็จ
๏ ตสฺมึ คาเม เอโก ทลิทฺทกปุริโส ในตระบัดเบื้องบน ในบ้านนั้นมีบุรุษ หนึ่งประดาษสุดแสนสา เลี้ยงมารดานิจวาร ตสฺมึ กาเล อยู่ในกาลนั้นเล่า ชายไต่เต้าตามสถล ไปสู่ชลชำระ ลงในสระชโลธาร เห็นอุบลบานไพจิตร เด็ดดวงพิศชมชู แปดดอกดูเดินพลาง โดยหนทางทอดตา เห็นพระมาลัยลาศ หัตถ์ธร
๏ เถโร อฏฺฐ นิลุปฺปลปุปฺผานิ คเหตฺวา ส่วนพระมาลัยนารถ รับอุบลชาติชายทลิท แล้วบพิตรกล่าวคาถา ยํ ยํ ลูขํ ปณีตํ วา อนุโมทนาโดยไนย อันว่าผลใดท่านอวย หฤไทยสวยสาภิรมย์ ก็จะนิยมสุขัง อันยิ่งยังสกลสมิชฌ์ ให้สัมฤทธิ์ปรารถนา โดยอิจฉาทุกประการ ด้วยผลทานอันท่านให้นี้ไซร้ ฯ
๏ เถโร อนุโมทนํ กตฺวา ครั้นเสร็จสารพระคาถา เธอก็จินตนาโดยกล ว่าดอกอุบลอัษฏา เราจะบูชาที่ใดโสด พระมหาโพธิ์ฤๅเจดีย์ พระบาทคีรีฤๅที่นิพพาน ฤๅที่วรญาณสุคต สำแดงรศพระธรรมจักร ฤๅในที่อรรคถานา เธอนิสิทาทั้งเจ็ด ท่านคิดเสร็จบชอบใจ ลำฦก
๏ สกฺโก เทวราชา ปางนั้นท้าวมัฆพาน นำบริวารคับคั่ง สู่บัลลังก์รัตนรูจี พระจุลามณีทาฒธาตุ ทักขิณานารถสรรเพ็ชญ์ อินทร์เสด็จบูชิต วิวิธทิพยมาลา วิเลปนาคันธาษ แล้วเสด็จอาสน์พิเศษ จึ่งทอดพระเนตร์นัยนา เห็นพระมาลัยเสด็จ จึ่งปิ่นเพ็ชรปาณี เสด็จจรลีสู่สำนัก ก็โอนวรอรรคมกุฎ วันทนาดุษฎีนารถ แล้วเสด็จอาสน์ที่ควร เทวปริสา ส่วนเทวัญบรรพสัช ถวายนมัสบูชา ทักษิณสาธุชุลี พระเจดีย์แล้วเสร็จสรรพ ชวนกันกลับมาคัล พระอรหันต์อันอุดม์ บริสุทธคุณศีลา ก็ประดับดารายรอบ น้อมนบนอบอยู่ไสว ในที่นั้นดาษแล ฯ
๏ เทวจฺฉรา อันว่าสาวสุรสุรางค์ ถวายปัญจางคประดิษฐ์ พระโมลิศมุนินทร์ ทักษิณเสร็จนมัสการ แล้วก็มากรานกราบเกล้า ล้อมพระมาลัยเจ้า เฝ้าเฟี้ยมอภิวันท์ ฯ
๏ สกฺโก เทวราชา สมเด็จวัชรินทรราช จึ่งพจนาตถ์มฤธู ว่าข้าผู้เป็นเจ้า เธอเสด็จเนาสถานใด จึ่งดลในที่นี้ ขอบพิตรพระชี้ แก่ข้าขอฟัง ฯ
๏ เถโร ดูราราชมัฆพาน อันว่าสถานแห่งอาตม์ ในมนุษย์ชาติสิงสถาน เราจะนมัสการพระเจดีย์ (จึ่งมานี้โดยจินต์ ดูกรสุรินทรโกสีย์)
๏ เถโร พระเถราจึ่งกล่าว ดูราท้าวเทวราช อันอมรมาตย์เทวัน ทำกุศลสรรพบำเพ็ญ แต่ยังเป็นมนุษยชน จึ่งมาถกลเทวฐาน บัดนี้กาลดั่งฤๅ มาปองปือทำกุศล ขวายขวนทุกเทพโสด จักประโยชน์อันใด ด้วยผลไฉนฝ่ายหน้า ฯ
๏ ภนฺเต เทวราชาก็บัณฑูร ว่าอมรสูรสรพสรรพ์ มาชวนกันก่อเกื้อ กุศลเพื่อปรารถนา ในภพหน้าสืบสกนธ์ ให้ได้ชั้นบนยิ่งขึ้น กว่าเก่าพื้นชั้นนี้ อินทร์จึ่งชี้กุศล เทพลางตนบำเพ็ญ เมื่อยังเป็นมนุสสา ทำกุศลาน้อยนัก ครั้นดลอรรคเทวฐาน อยู่มินานม้วยมุด ผลบุญสุดสิ้นไป ขออุปไมยถวายบพิตร ยังมีทลิทหนึ่งเล่า มีแต่เข้าเปลือกปิด ทนานหนึ่งนิดเดียวไซร้ มิได้ไถหว่านพืชน์ ให้ยาวยืดสืบสร้าง บัดเปลื้องปลางเปล่าหมด ชายรันทดทวยถวิล มิทำกสินวานิชไซร้ ทรัพย์อันใดจะสืบส้อง สุดแต่จะพร่องพร่ำสิ้น ดุจเทวินทร์บุญน้อย สุดสิ้นสร้อยเศร้าโศก ด้วยวิโยคสุขา มีอุประมาดั่งชายนั้น ภนฺเต พหุธนํ ข้าแต่อรหันต์ผ่านเผ้า
เถโร ปสีทิตฺวา ปุน สกฺกํ ปุจฺฉิ พระมาลัยเฉลยถามเล่า ดูกรเจ้าไตรตรึงส์ เทพอึงคนึงมาคัล อภิวันทโมลี พระเจดีย์อลังการ องค์พระศรีอาริย์เมตไตรย เป็นไฉนบเห็นคลา ยังจะมาฤๅไท้ ท้าวสหัสไนยสนองนารถ อันพระบาทเมตไตรย ย่อมเคยไคลจรมา พระเถราจึ่งกล่าว ท่านท้าวเสด็จเมื่อใด อินทร์ขานไขโอวาท บรมนารถเสด็จจรัล แปดค่ำบัณรัศมี วันสิบสี่อุโบสถ ไทธรงยศเธอลีลา มาวันทาพระเจดีย์ เถโร สกฺเกน พระเถรมีพจนพลัน บัดนี้วันอุโบสถ อัฏฐ์กำหนดแน่ไซร้ (น่า) จะเสด็จในวันนี้ โกสีย์รับวัจนา ภันเตสาธุด้วยพลัน พระอรหันต์กับสหัสไนย นั่งปราศรัยสารา มีเทพดาผู้ไกร จรคัลไลยจะนมัสการ ด้วยบริการถ้วนร้อย เถโร ทิสฺวา พระเถรชม้อยเห็นมา ถามอินทราทันใด พระเมตไตรยแลฤๅมา สุรินทราว่ามิใช่ พระมาไลยว่าดั่งฤๅ เทพนี้คือผู้ใด ท้าวสหัสไนยแสดงพจน์ บปรากฎโดยนาม พระเถรถามบุพพกรรม ว่าเทพทำกุศลไฉน ตรีเนตร์ไขตอบคดี ว่าเทพนี้อยู่มนุษย์ ประดาษสุดทลิททา เที่ยวเกี่ยวหญ้านิรันดร์ ขายเลี้ยงชีวันอาตมา ให้ทานกาบหึงส์ ข้าวก้อนหนึ่งเท่านั้น ม้วยดลสวรรค์เสวยสวัสดิ์ มีบริสัชร้อยองค์ ด้วยผลส่งสืบสรรค์ ตทนนฺตเร อันดับนั้นเทวา บริวารมาถึงพัน รัศมีวรรโณฬาร ช่วงชัชวาลย์ทิศา จึ่งพระมาลัยถาม อินทร์ว่านามเมตไตรย
อปโร เทวปุตฺโต ปางนั้นมีเทพอื่น บริวารหมื่นหนึ่งมา จะวันทาพระเจดีย์ พระเถรมีประสาสน์ ถามเทวราชดุจก่อน ยินแล้วย้อนถามผล ว่ากุศล (อัน) ใดอมรทำ อินทร์จึ่งนำสารมา เมื่อเทพาอยู่มนุษย์ ให้โภชนยุดพอพึง สามเณรหนึ่งศีลสรรพ เธอก็รับทานไส้ บุญส่งให้เป็นเทพ สมบัติเสพบริวาร ปุถุชนปานดั่งนี้ สุดแต่มีศีลา ให้โภชาเป็นทาน ได้บริวารถ้วนหมื่น โฉมฉันชื่นเฉิดฉาย เทพถึงถวายมนัส มาลารัตน์ธูปเทียน ทักษิณเวียนสามรอบ ไหว้นบนอบโมลี รัตนเจดีย์ไพจิตร นั่งอยู่ทิศทักษิณ โดยอาจิณที่นั้นแล ฯ
อปเร วีสติสหสฺเส ลำดับกันเทเวศร์ หนึ่งวิเศษจรจัล บังคมคัลสถูปรัตน์ รังษีชัชวาลย์ชื่น เทพสองหมื่นบรรพสัช มาลัยทัศนาเล่า ถามกลเก่าบนาน ใช่พระศรีอาริย์แล้วถาม ถึงนามกรรมแต่บรรพ์ เทวราชชั้นกล่าวสาร ถึงก่อนกาลเทวบุตร เป็นมนุษย์ชนชาย เธอได้ถวายบิณฑบาต สงฆ์อายาจน์โทนเที่ยว ทัพพีเดียวดั่งนั้น ได้เสวยสวรรค์เทวฐาน มีบริวารสองหมื่น แม้นบุคคลอื่นอันอวย ทานสละสลวยแก่สงฆ์ ให้ทานจงปูนกัน จะได้ผลนั้นเสมอสมาน บริวารมานเพียงนั้น สองหมื่นมั่นพรรณราย เทวาฉายรัศมี ถึงเจดีย์ก็บูชา สุคนธามาลย์มาศ ถวายอภิวาทเวียนวาร นิสีทิสถานอุดร ก็ประนมกรสถิตอยู่แล ฯ
ตทา เอโก ตึสสหสฺสปริวาโร มีเทวินทร์หนึ่งโสด รัศมีโชติโฉมสรรพ สามหมื่นประดับบริวาร มานมัสการสถูปา จึ่งพระมาลัยถาม เอยียวว่านามเมตไตรย วัชรินทร์ไฉนใช่ท้าว
เอโก จตฺตาฬีสสหสฺสปริวาโร เทพบุตรหนึ่งจรคลา สี่หมื่นมาบริวาร วันทนาการโมลี พระทฤษฎีปุจฉา ดูกรเทพาอดิศร เมตไตรยจรเธอว่าใช่ พระเถรไซร้ถามกรรม สหัสสนัยนำแสดงเหตุ ว่าเทเวศร์นี้ไซร้ เมื่ออยู่ในอนุราธ บุรีนารถประไพ ช่างหูกไหมทอผ้า เผากเฬวราก์ผู้อนาถ ถวายบิณฑบาตจีวร ปัจฐรณ์เสนาสน์ทาน แก่สงฆญาณยิ่งพัน อุททิศผลส่งไป แด่ผู้กษัยสุดสกนธ์ เดชะกุศลอันกระทำ เที่ยงแท้นำศุไข สมบัติในบรโลก เทพอุทโยคมาถึง เกศธาตุจึ่งบูชา ทิพคันธามาลัย วันทเวียนไหว้ตรีวาร นมัสการกระทำ เสร็จสรรพ นั่งลำดับแดนควร โดยขบวนนั้นก็อยู่แล ฯ
เอโก ปญฺญาสสหสฺสปริวาโร มีเทวินทร์เอกองค์ บริวารวงรายรื่น ห้าหมื่นสรรพาภรณ์ ยูรยาตรจรจรัลจรา สมเด็จมาลัยบพิตร ถามโมลิตไตรตรึงส์ พระศรีอาริย์จึ่งเสด็จมา สหัสไนยาเธอว่าใช่ เธอเลียงไล่ผลบูญ อินทร์บัณฑูรโดยนาม เทพสถิตดามพ์บรรณใน นุชอภัยทุษฐนารถ นามดิศราชศรัทธา ปสันนาพุทธรัตน์ ธรงธรรมัสสังฆา เคารพสาธุนิจัง ปัญจศีลังคอัตรา อัฎฐศีลาอุโบสถ ทานปรากฎทั่วทวีป บรวบรีบตระหนี่หน่าย ทรัพย์จับจ่ายจำแนก ยาจกแจกนิจกาล ด้วยกุศลมานมากมาย บริวารหลายคับคั่ง ครั้นถึงยังเจดีย์ฐาน ถวายกฤษดาญบังคม เคียมประนมนอบนบ ทักษิณครบสามวง ถวายบุษบงแปดทิศ ทีปบูชิตสุคนธาร นั่งดับสฐานควรราช ในเสนาสน์ที่นั้น สถิตแล ฯ
เอโก สฏฺฐิสหสฺสปริวาเรหิ ปางนั้นเทพสุนทร มีอมรหกหมื่น เรียบรอบรื่นบรรพสัช มายังรัตนเจดีย์ มาลัยมีปุจฉา เมตไตรยมากมังธว่าใช่ พระถามไถ่กุศลัง วิสัชนังอินทร์กล่าว เทพนี้ท้าวอภัยทุษฐ์ เป็นจอมมกุฎในลังกา เป็นทานาธิปไตย รัตนไตรอุปถัมภก เธอยอยกพระศาสนา คารวตาพระตรัยรัตน์ ด้วยสักกัจศรัทธา โพธิรุกขาก็บำรุง พระสถูปผดุงผดานิตย์ มารดรบิตุอุปถัมภ์ อาวาศกรรมกุฎาคาร จัตุปัจจัยทานนิตยภัตร ถวายสังฆัสดิลก พรรณิพพกก็พึ่งพา สรรพยาจกนาเนก ทานอดิเรกรวดเมื่อ บบ่ายเบื่อบุญบาล ทั้งผลทานก็ประสัฏฐ์ ทั้งศีลวัตรก็ประเสริฐ จึ่งบังเกิดสวรรคา บริวาราเป็นขนัด แสนสมบัติเหลือขนาด เทพยูรยาตรมานบ เคารพกราบพระสถูป ถวายเทียนธูปทิปคันธ์ สุมณฑ์สวรรค์สักการ ทักษิณารไตรตราว เรียบมาลาแปดทิศ เบ็ญจางคประดิษฐ์สรรพเสร็จ เทพเสด็จที่สม โดยดับนิยมนั้นแล ฯ
ตทา เอโก สตฺตติสหสฺสปริวาโร กาลนั้นเทวหนึ่งเล่า เธอไต่เต้ามาวันทา เจ็ดหมื่นจราบริวาร อลังการโสภาส มาลัยนารถถามอินทร์ เธอคิดถวิลดุจก่อน ปิ่นอมรกล่าวดุจเก่า เธอแถลงเล่ากรรมฤๅ อินทร์ว่าคือเทเวนทร์ เป็นสามเณรน้อยนัก สงวนศีลรักษ์นิจกาล แล้วอภิบาลอุปัชฌาย์ อาจาริยานอบนบ เคียมเคารพนิรันดร์ นั่งนวดฟั้นเฟี้ยมเฝ้า กวาดผงเผ่าผัดแผ้ว เสนาสนแล้วตักน้ำ ธูปเทียนดำขัดใส น้ำมันใส่ไส้วาง
เอโก อสีติสหสฺเสหิ ดับนั้นเทวราช องค์หนึ่งลาศลีลา มาบูชาสถูปนบ แปดหมื่นครบบริวาร พระพจมานถามนารถ เมตไตรยราชฤๅท้าว พันเนตร์กล่าวว่าอื่น มาลัยคนถามเหตุ มกุฎเกศสุรนารถ ว่าเทวราชนี้ไซร้ อุบัติในทลิททา เห็นสมณาอายาจน์ เที่ยวบิณฑบาตโดยสกล เอาโภชนตนแต่งถวาย เอาภาชน์ผายตามตรอก ตักเตือนบอกบ้านอื่น ร้องเครงครื้นป่าวชน ท่านขวายขวนตามได้ ใส่บาตร์ไท้ถวายทาน ชนชาวบ้านปรีดา ถือโภชามามาก บางไฝ่ฝากทลิทชาย ได้โภชน์หลายเหลือแหล่ เพื่อนเผื่อแผ่ผลทั่ว บทำแต่ตัวเตือนท่าน กุศลปานฉะนี้ไซร้ จึ่งอุบัติในวิมาน มีศฤงฆารสมบัติ เทพยถึงรัตนถูปา ถวายบูชาเพยียมาศ จุลคันธาศทิพย์รศ แล้วก็ประณตทักษิณ สถูปอินทนิลมณี แล้วนิสีทนาโดยดับ สถิตกับเสนาสน์นั้นแล ฯ
เอโก นวุติสหสฺสปริวาโร เทพหนึ่งมีฤทธา บริวารารอบระรื่น เก้าหมื่นพรึบพรั่งพร้อม ระแวดล้อมมาวันทา พระทัศนาถามประสงค์ รู้ว่าใช่องค์พระศรีอาริย์ ถามมัฆวาฬด้วยกรรมก่อน จรรโลงอมรกล่าวสาร ว่าเทพานผู้ไกร เมื่ออยู่ในลังกา เห็นถูปาบรรจุธาตุ บรมบาทศาสดา มีศรัทธาสาภิรมย์ กรประณมวันทนา ดอกกรรณิกามาถวาย เรี่ยโรยรายนิรันดร์โสด อุททิศศิโรตม์เป็นประทุมมา อุททิศนัยนาทั้งสอง ต่างประทีปทองโสภา อุททิศวาจาสาธุสาสน์ ต่างประทุมาศเทียนไชย อุทิศหฤทัยกระมล ต่างสุคนธบูชา แก่พุทธาธรรมัส สังฆารัตนนิจกาล ด้วยผลทานมโน ให้สุขโอฬารา ในสวรรคานี้ไซร้ ส่วนเทพไกรครั้นดล รัตนวิมลเจดีย์ ก็นมัศาศิโรเพศ โอนมกุฎเกศกราบถวาย สุคันธรศร่ายปรายมาลย์ ทักษิณสฐานแล้วไซร้ นั่งนบไนเหนืออาสน์ เวสาวาศนั้นแล ฯ
ปุน อญฺญตโร สตสหสฺเสหิ มีเทพองค์หนึ่งเล่า เป็นปิ่นเกล้าบรรพสัช อื้ออึงอัดแห่แหน สุรสุราแสนสรับสรรพ์ มาอภิวันท์บรมเกศ พระทอดเนตรทฤษฎี ถามโกสีย์ว่าศรีอารย์ เกล้าอมรขานว่าผิด เธอว่าฤทธิกุศลไฉน อธิปไตยดึงสา ว่าเทพบุตตาองค์นี้ เมื่ออยู่บุรีอนุราธ ทุกข์ประดาษเลี้ยงกาย เกี่ยวหญ้าขายชอบธรรม รักษาปัญจศีลา ไตรสรณานิจกาล จึ่งจรสถานชโลธา เลียบตามติรารีบรวด เห็นหาดกรวดกล้ากลาด ทรายขาวดาษพรายพรรณ ดั่งแสงหิรัญหลั่งหล่อ ก็กอบกวาดก่อโกยกอง ประมวลปองเป็นเจดีย์ เสร็จเปรมปรีดิ์ก็มนัศ ดั่งไพฑูรย์รัตนประภา ประภัศราประพราย ชวลิตชายช่วงโชติ แสงสว่างโสดสุรเพลิง เร่งบรรเทิงหรรษา เก็บมาลามาเรียบราย ชมชื่นชายเกษมสันต์ นบอภิวันท์ปราโมทย์ โอนศิโรตม์ภิรมย์ ทานพอสมทลิททา ถวายสังฆาฉลองฉลาด ประดิพัทธอาตม์ทำได้ นมัสไตรทวารา ด้วยวาจามโนนิตย์ เสริมสุจริตบริบูรณ์ ด้วยกุศลพูนเพิ่มให้ บริวารได้เป็นแสน เป็นเจ้าแมนมร ครั้นเทพไปถึงองค์ เจดีย์จงนมัสการ แปดสฐานทักษิณ บูษมนิลบูชา คันธโอฬาร์ก็สักการ นั่งในฐานอันควร ลำดับขบวนนั้นแล ฯ
ตทา เมตฺเตยฺยโพธิสตฺโต ปน โกฏิสตสหสฺเสหิ ปางนั้นจอมโมลิต สันดุสิตฤทธิไกร องค์เมตไตรบรมนารถ เสด็จยุรบาตยาตรา ด้วยหมู่คณาอมรแมน สาวสุรแสนโกฏิไกร ดูสว่างไสวกลดกลิ้ง พัชนีพริ้งพรายพรรณ บังสูรสรรพ์ชุมสาย จามรรายจามรี วาลวิชนีแกว่งกวัด มยุรฉัตรเบญจรงค์ราย ทั้งธวัชปลายปลิวปลาบ หางยูงยยาบระรืบ เทพพร้อมพรืบพลพรืนท์ ฆ้องกลองครืนนฤโฆษ เสียงเสนาะโสตรคเครง ดุริยางค์ละเวงแฉ่งฉิ่ง คีตดีดดิ่งบัณเฑาะว์ โพนพาทย์เพราะพิณเพลง เทพบรรเลงระบำบรรพ์ หระทึกมหันต์มหึมา แซ่ซ้องส้าเสียงฮือ อิดอึงอื้อแออัด ตามขนบขนัดขวาซ้าย ฝูงสุรฉายโฉมเฉิด อาภรณ์เพริศพรายพร้อย สายสอิ้งสร้อยสังวาลย์ พรรณประพาฬประภัศร แสงฉวีวรวิโรจน์ อาภรณ์โชติเรืองรุ่ง ดาษเต็มมุ่งเมิลแมน ห้อมแห่แหนบรรฦๅ อมรธรถือมาลย์มาศ ประทุมชาติกุสุมรัตน์ ธูปเทียนทัดประทีปทอง อุบลกรองโกเมศ สุมนทเศวตสัตบัน บุษมาศหิรัญรัตนา เทวัจฉราถือถวาย เถือกยั่งย้ายอเนกแล ฯ
ตทา อริยเมตฺเตยฺโย โกฏีหิ ปริวาริโต ปุรโต จ สตํกญฺญา ปจฺฉโต อจฺฉราสตํ ทกฺขินโต สตํกญฺญา วามโต จ อจฺฉราสตํ เตสํ มชฺเฌ จ เมตฺเตยฺโย ตารามชฺเฌว จนฺทิมา พระผู้อุทโยคยศยง พระองค์เสด็จท่ามกลาง สาวสุรางค์รอบล้อม สะพรั่งพร้อมพรายวิโรจน์ ได้แสนโกฏิ์เทวา แห่เบื้องหน้ารอบรื่น ได้สองหมื่นห้าพันโกฏิ์ ขวาซ้ายโสดเสมอกัน เบื้องหลังนั้นดุจหน้า ประมวลมาทั้งสี่ทิศ จงวินิจโดยพิศดาร เป็นบริวารแสนโกฏิ์ พรรณรายโชติรังรอง แถวเถือกถ่องทั่วสกล แสงขาวปนเพ็ชร์พราย สีแดงฉายดังดวงสูริย์ สีแสดจรูญดังแดดแจ้ง สีเขียวแข่งมรกต เทพสีขนดสี่พรรณ เหลื่อมหลากกันสี่หมู่ ขวาซ้ายอยู่หน้าหลัง แสงสีรังเรืองสว่าง พระเสด็จกลางบริวาร ดั่งจันทรธารทรงกลด อันเมฆหมดหลีกเลื่อน โฉมเฉกเงื่อนงามฉัน อมรสรรดั่งดารา รอบบรมาประเสริฐ รพีพรรณเลิศประสัฏฐ์ อาภรณ์รัตนประพราย ศิริวิลาศฉายประเพริศ เครื่องประดับเลิศประจง รัตนาภรณ์ทรงประจิตต์ แสงวิวิธไวยเวก โฉมฉันเฉกโสภา ดุจสุริยาได้หมื่นดวง ชัชวาลย์ช่วงด้วยศริรา อาภรณาเรืองรับ ประกอบกับรัศมี แห่งสุรศรีสาวสวรรค์ มีบรมธรรม์เป็นประธาน รังษีวิตถารได้หมื่นโยชน์ ดับแสงโชติสุริยงค์ ทั้งรังษีองค์ทรงเครื่อง เร่งรุ่งเรืองพิรัญชิต ฉายฉัพพิธรังสรรค์ ดั่งรวิวรรณจันทรโกฏิ์ รุจิโรจน์แสงรุ่งเร้า ทุกทั่วเท่าหกห้องฟ้า แหล่งหล้าสรรเสริญโสม สรวบรวบโฉมทุกเทพ ประมวลเสพสวมองค์ อดิเรกจงจิตรใฝ่ เตือนตาให้เล็งแล ทุกชั้นเทพพ่ายแพ้ กราบเกล้าอภิวันท์ ฯ
เถโร อาห พระมาลัยทัศนา เล็งอลังการ์โพธิสัตว์ เห็นเป็นมหัศอัศจรรย์ จึ่งถามวชิรัญบันฦๅ นั่นฤๅคือพระเมตไตรย ท้าวอมเรศไขคำรับ พระศรีอาริย์สรรพบริวาร พระเถรแถลงสารสืบไป ดูกรสหัสไนยนรนารถ อันอมรดาษมาหน้า พระเมตไตรยาลังการ ทั้งเครื่องธารเครื่องทรง ทั้งแสงองค์อาภรณัง ล้วนขาวดั่งเพ็ชรัตน์ เรืองบรัศรังษี กุศลอันมีกลใด จึ่งวิไชยสุรารักษ์ นำเอาลักษณกุศลา มาพรรณนาถวายนารถ อันสุรราชสาวสวรรค์ แต่เบื้องบรรพ์บำเพ็ญ กุศลเป็นประณิตยิ่ง ทานทุกสิ่งขาวตระดาษ ผ้าพรรณอาสน์อาหาร เครื่องคันธารมาลาศ สรรพสะอาดขาวสิ้น เป็นทุกทินบูชา พุทธรัตนาธรรเมศ สังฆนาเขตต์บุญญา เบ็ญจศีลาอาจิณ อุโบสถภิญโญภาพ ด้วยบุญลาภเนืองนำ เป็นอุปถัมภ์เทพไซร้ จึ่งสำเร็จให้ดั่งเห็นนี้ ฯ
เถโร อาห พระเถรชี้ถามเล่า ดูกรเจ้าดึงษ์สวรรค์ เทพสบสรรพ์เบื้องขวา แห่งพระมหาบุรุษราช สีเหลืองดาษดุจทอง ทั้งสร้อยส้องสังวาลย์วรรณ ศริราพรรณพรายเพริศ วัตถาเทริดทรงธาร สุคันธมาลย์เหลืองหลาก ทุกสิ่งภาคพิมพ์เดียว กุศลเอี้ยวไฉนทำ สุรินทรนำบุญกล่าว นางสุรสาวศรีสวัสดิ์ บำเพ็ญวัตรกุศลมี พึงพะสีเหลืองลาศ ถวายผ้าภาษปัจฐรณ์ สุคันธรโภชา บุษบาล้วนเหลือง บูชาเนื่องนิจกาล รัตนตรัยญาณนิรันดร ศีลสังวรเบ็ญจอรรถ เหตุปรนนิบัติดั่งนี้ จี่งรังษีแสงแสด เหลืองดั่งแดดพรายพราย เลื่อมเลื่อมฉายรัศมี ประดับพระตรีภูวนารถ เหลืองดั่งมาศอนันต์ เถโร อาห มาลัยผันถามอินทร์ ว่าเทพฉินโฉมเฉิด เบื้องซ้ายประเสริฐสีแดง ดั่งสุรแสงทอตา วรรณศิราเรืองรัตน์ ภักตร์เฉกผัดบรัศพริ้ง สร้อยสนิมสอิ้งสนองสนอบ ทรงวไลยรอบวรกร พัตราภรณ์พรายรัตน์ สุคันธัศมาเลศ สรรพวิเศษสีแดง ดั่งแสงสุริยโอภาศ ประดับดาษแห่แหน บุญแห่งแมนเป็นไฉน จอมอมรไตรตอบสาร อันอมรมาลย์สาวศรี กุศลมีบำเพ็ญไว้ ถวายมาไลยแดงฉัน จันทน์แดงคันธวิรัต ผ้าพรรณปัจฐรณ์ลาด สุปเพียญชาติโภชา ล้วนรัตตาแดงดาษ บูชานารถชินรัตน์ ธรรมสังฆัสเกษตรบุญ อุโบสถมูลสดับธรรม์ นางสุรางค์สรรพก่อเกื้อ เหตุฉะนี้เพื่อบุญผล จึ่งดำกลรังษี มีรัศมีดั่งสุริยงค์ ควรประดับองค์โพธิสัตว์ เป็นที่มนัสทัศนาการ เป็นมโหฬารดิเรกนั้น เถโร อาห พระมาลัยชั้นปุจฉา ปิ่นอมราฤทธิไกร สาวสวรรค์ไสวเบื้องหลัง เรียบสพรั่งพรายพร้อม หฤหรรษ์ห้อมแห่แหน เขียวขำแม้นมรกต คันธรศมาลย์รัตน์ อาภรณ์พัสตร์นิลพรรณ มงกุฎกรรฐาภรณ์ ประวิชบวรวิไลยรัตน์ สังวาลย์วัดเวียรสมร เกยูรธรสอิ้งมาศ กองเชิงบาทยุคลงค์ เครื่องบระไพองค์ประภัศร รังษีวรวิลาวรรณ นิลาชัญประพรายแสง เขียวขำแข่งนิลปัทม์ โฉมจันทรบรัศเพ็ญพาล ทำกุศลปานใดก่อน ปิ่นเกล้าอมรแมนมิ่ง แสดงสารสิ่งสบสรรพ์ ว่าสุราวรรณวรนาฎ บำเพ็ญชาติก่อนกล ผ้าพรรณผลผลาหาร สุคันธมาลย์วิเลศ ล้วนนิเวศเขียวขำ แกล้งวิจิตรจำนงนิตย์ เป็นบูชิตพระพุทธรัตน์ ทรงธรรมัถบวรา องค์สังฆาธิวิสิฏฐ์ เบ็ญจศีลนิจอุโบสถ กรประณตชินราช บประมาทการกุศล ด้วยทำผลนี้ไซร้ จึ่งสรรพได้สมบัติ ล้วนนิรัตนประไพ พูนสำหรับประดับไท้ ปิ่นเกล้าสูรพรหม ฯ
เถโร ตํ สุตฺวา ตาสํ ปุญฺญกมฺมํ ปสํสนฺโต พระมาลัยพิศเพี้ยน เมิลระเมียรโพธิสัตว์ ถามจอมทัศบรินทร์ ว่าพระปิ่นภูวนารถ ทรงมหันตราชยโส เกียรติตะโบหริรักษ์ ศรีประภูศักดิศฤงฆาร เดชโอฬารดิเรก สวัสดิ์ภิเศกอภิสิญจน์ สฤษดิวรินทราทิตย์ ดลดุสิตสุรโลก ด้วยบุพปโยคยิ่งยล เธอคฤดลผลดั่งฤๅ จึ่งบันฦๅฤทธิรงค์ มีจิตรจงจะใคร่รู้ จึ่งท้าวผู้วชิราวุธ กล่าวสารสุทธิ์ตอบถ้อย ปัญญาข้าน้อยยิ่งนัก จะขอชักอุปรไมยถวาย ดุจกระต่ายเล็กสุด จะหยั่งสมุทรคัมภีรา ดั่งบุรุษตามืดมนธ์ จะลงจากบนบรรพตา มีอุปรมาดุจนั้นไซร้ ข้าจะแถลงได้แต่สังเขป บารมีเทพจอมมงกุฎ ข้าจะกล่าวพุทธบารเมศ มีประเภทสามสถาน คือปัญญาธิการเป็นต้น ศรัทธาธิกลมัชฌิมา วิริยธิกาครบสาม อันองค์พระนามเมตไตรย เธอนับได้ในวิริยาธึก สมภารพลึกนี้สามารถ เธอประณามนมัสไตรการ คือมโนทวารวาจัน ทั้งกายันก็ประดิษฐ์ พร้อมสุจริตทุกประการ ทั้งสามทวารเสร็จสรรพ อักขนิฐกัลปนับนาน แล้วประทานปัญจบริจาค อันกระทำยากทั้งห้า ผิจะคณนาโดยภาค คือทรัพย์บริจาคเธอสละสลวย พิริยอวยบเอื้อเฟื้อ บุตรทานเชื่อปลงปลิด มางษโลหิตบอาทระ ถึงชีวิตพระก็เสลขสลัด บข้องขัดมัจฉริยา ถ้วนปัญจมหาบริจาค แล้วจะแบ่งภาคโดยอรรถ เป็นพระทัศบารมิตา คือทานาเป็นอาทิ แล้วศีลสมาธิสังวร บรรพชากรวิเนศกรม ญาณอุดมอันอเนก ศรัทธาเสลขวิริยัง อดใจตั้งขันตี สัจจวาทีอธิษฐาน เมตตาญาณเป็นยิ่ง อุเบกขาสิ่งสิบทัศ จึ่งจำแนกจัดเป็นสาม ทัศบารมีคามเกือบกอง ทัศอุปบารมีนองนับ ทัศบรมัตถ์สรรพถ้วน สามสิบทั้งมวลมูลมาก อันพระองค์หากให้บริบวรณ์ โดยสมควรด้วยวิริยา หวังบรมาภิสมโภชน์ พุทธปวิโรจน์ประเสริฐ บังเกิดสัพพัญญุตัญญาณ อันประมาณพระคุณบสิ้น ใช่วิสัยอินทร์จะพรรณนา เป็นอดูลยาวิเศษ กล่าวแต่เอกเทศตามได้ บอาจว่าให้สิ้นสุด แห่งอังกูรพุทธคุณา เป็นอัปปริมานานันต์ สมภารอันวิสุทธ สมโพธิอุดม์วิสรร จะนับกัปกัลป์ยากไซร์ ฤๅอาจพรรณนาได้ ยากแท้สัจจา ฯ
ตโย หิ โพธิสตฺตา อันโพธิสัตว์สามอย่าง พระองค์เสด็จสร้างสมโพธิ์ สมภารโสดสมบูรณ์ อันพุทธางกูรปัญญาธึก บารมพลึกฤๅไกร ได้สี่อสงไขยแสนกัลป์ ครบครันโดยกำหนด ก็ปรากฏบริบูรณ์ สมภารพูนไพโรจน์ ก็ถึงแก่โพธิสัพพัญญู นี้คือพระผู้ปัญญายิ่ง โดยแท้จริงเธอกล่าวแล ฯ
เอโก สทฺธาธิโก พระโพธิสัตว์องหนึ่งไซร้ เธอนับในศรัทธาเลิศ บารมีประเสริฐโดยใน แปดอสงไขยแสนกัลป บำเพ็ญสรรพเสร็จถ้วน ปรากฏควรถึงสฐาน แห่งสมโพธิญาณโอฬาร์ฤก นี้ศรัทธาธึกโดยนาม สำเร็จตามประเวณี พระชินศรีนั้นแล ฯ
เมตฺเตยฺโย โพธิสตฺโต อันองค์พระเมตไตรยบพิตร บารมีฤทธิพลัง ชื่อวิริยังธึกธาร พระสมภารเธอสร้างไว้ สิบหกอสงไขยโดยนับ อีกแสนกัลปบริบูรณ์ บารมีพูนสรรพเสร็จ พระองค์เสด็จอุบัติ ในดุสิตสวัสดิเรืองโรจน์ เก้าสิบหกโกฏิ์หกล้านปี ครั้นพระบารมีสำเร็จ ไทเธอเสด็จลงมา ในพสุธามนุษยโลก พระผู้อุทโยคสร้างสุจริต เสร็จพุทธกิจก็ได้ตรัส แก่สรรพัชรดาญาณ อันอุตมานหมู่พระคุณ เป็นอดุลยล้ำเลิศ อันบังเกิดแก่โพธิสมภาร อาจนับประมาณไม่ถ้วน สิ้นทั้งมวลทุกอัน ข้าผู้มันทปัญญา อาจพรรณนามิจบ ให้ถ้วนครบมิได้ ดุจข้าอุประไมยหนหลัง พระองค์จงฟังแต่เพียงนี้ รู้ตามบารมีข้าพระองค์นี้แล ฯ
เมตฺเตยฺโย โพธิสตฺโต ในเมื่อพระอรหันต์ กล่าววาจันพจโน กับท้าวสักโกเทวราช อยู่ในอาสน์ที่นั้น ในเบื้องบั้นพระโพธิสัตว์ กับเทวสวัสดิบริวาร คมนาการเสด็จถึง ยังดาวดึงสเจดีย์ พระจุลามณีรัตนา ก็วันทิตวากราบกราน ประทักษิณวารสามรอบ ระบอบเบ็ญจางคประดิษฐ์ โอนพระโมลิตศรีสวัสดิ์ ถ้วนในอรรถทิศา แล้วก็บูชาสุมาลาศ สุคันธาษโปรยปราย เรียบมาลย์ถวายทุกสถาน แล้วให้ผสานดุริยางค์ คีตเบ็ญจางค์จำเรียง ถวายสุรเสียงบูชา ในพระจุลามณีนิล เสด็จยังปราจิณทิศา เธอนิสีทนายังสฐาน จึ่งถวายนมัสการพระมาลัย ประพฤติปราศรัยสารา พระองค์เสด็จมาแต่ใด พระมาลัยมีพจนาดถ์ ดูกรมหาราชบพิตร อาตมสถิตมนุษา มาวันทาพระเจดีย์ อันชื่อจุลามณีนี้แล ฯ
ภนฺเต ชมฺพูทีเป มนุสฺสา กึ วตฺตมานา พระเมตไตรยพจนา ข้าแต่พระมหาเถรเจ้า ชมพูทวีปเหล่ามนุษา ประพฤติการาเป็นไฉน พระมาลัยตอบสาร ในมนุษย์ฐานแหล่งไหล้ มีวิสัยต่างพรรค์ วานิชกรรม์เลี้ยงชีวิต บ้างเป็นทลิทสบสรรพ์ ลางบ้างมหันตโภคา บ้างมีศุขาเพิ่มพูน บ้างอาดูรด้วยทุกข์ บ้างมีรูปมุขลาวรรณ บ้างมีพันธุ์หินชาติ บ้างอายุอาตม์ยืนนาน บ้างถึงกาลปฐมวัย สมิธา อปฺปกา โหนฺติ ที่มีโภไคยนั้นน้อย ชนทรัพย์ถ่อยมีหลาย ที่สุขสบายบางเบา มีทุกขเล่ามากมาย โฉมเฉิดฉายน้อยนัก วรรณทรลักษณ์มีมาก อายุยืนยากจักเห็น อายุถอยเป็นเนืองนันต์ ฝ่ายมนุษยพรรณน้อยชนม์ เดียรฉานกล่นเกลื่อนตา อันฝูงชนาทั้งหลาย ซื้อขายทำไร่นา เลี้ยงชีวายากพ้น โพธิสตฺโต เถรสฺส วจนํ สุตฺวา พระกล่าวกลตอบสาร ชาวมนุษย์สฐานแหล่งหล้า บำเพ็ญบุญญาฤๅไฉน ฤๅจิตต์ใฝ่ในอกุศลา จึ่งพระมหาเถรกล่าว อันว่ามนุษย์ชาวชมพู ทำกุศลดูน้อยนัก ฝ่ายบาปมักบำเพ็ญ อกุศลเป็นนั่นหนา พระไตรยาเธอกล่าว ว่าชาวชมพูทวีปไซร้ ทำกศลไฉนเธอแถลง พระมาลัยแสดงสารกล่าว อันมนุษย์ชาวชมพู ทำต่างหมู่ต่างพรรค์ บ้างทำทานนั้นเนืองนอง บ้างคนครองศีลไซร้ บ้างคนให้ทำทาน ทำอุโบสถสฐานสถูป บ้างทำพุทธรูปปฏิมาณ บ้างทำพระวิหาร พระชินราช บ้างทำอาวาสเนืองใน สงฆ์อาศัยพระวัสสา บ้างกระทำจีวราเป็นกฐิน บ้างคนถวายบิณฑบาตภัตร บ้างถวายเภสัชผู้อาพาธ บ้างปลูกรุกขชาติมหาโพธิ์ เจดีย์โสดสวมธาตุ อารามอาสน์แลจงกรม บริกขารสมณทาน ถวายอาหารนิตยภัตร บ้างทำกุศลทัศกรรมบถ บ้างก็ทรงพรตจริยา บ้างรักษาบิดร ไวยาวัจกรณ์ประดิพัทธ์ บ้างปรนนิบัติมารดา อุปถัมภกาบริบาล บ้างส่งสการฝูงญาติ อันชีวิตนาสตักไษย ทำกุศลให้ส่งส่วน ผู้ทั้งมวลมรณา บ้างบูชาพระไตรรัตน์ ด้วยกระกัดศรัทธา บ้างบรรพชากุลบุตร ลูกรักสุดเสน่หา บ้างเลี้ยงบุตาบุญธรรม์ แล้วให้บรรพชากร บ้างคนจรบูชา พระปฏิมานิจกาล บ้างทำสะพานและศาลา บ้างทำจัณฑามระ บ้างขุดสระขุดบ่อ บ้างขนก่อถนนทาง บ้างปลูกสร้างกุฏิสงฆ์ โรงจันหันส่งเนืองนิตย์ อันกุศลสิทธิดั่งนี้ ชาวมนุษย์มีศรัทธา ตามยถาพลังตน ด้วยกมลจิตต์ศรัทธา แต่โดยอัชฌาศรัยนั้น โดยเราพรรณนาถวาย ตามอภิปรายนี้แล ฯ
ภนฺเต ชมฺพูทีปมนุสฺสา พระเมตไตรยพจนาดถ์ แต่วรบาทมาไลย ชาวมนุษย์ในแหล่งหล้า ทำบุญญาเป็นประมาณ แล้วเขานิธานปรารถนา ดั่งฤๅข้าขอแจ้ง พระมาลัยแถลงตอบสาร ชาวมนุษยฐานทั้งหลาย ทำบุญหมายมากมวล แล้วอุททิศส่วนกุศลส่ง ถึงพระองค์ทุกเมื่อ เขาคิดเพื่อจะขอพบ ใคร่ประสพเมื่อสำเร็จ จะตรัสสรรเพ็ชรดาญาณ หวังจะข้ามสงสารสัตตา เขาปรารถนาเป็นนิตย์ ใคร่พบบพิตรครั้งนั้น เขาว่าเดชอันกุศลา คือผลทานาศีลสาร แม้นจะสังสรณาการตราบใด ขออย่าไปนรกานต์ จงพบพระศรีอาริย์เมตไตรย เมื่อเธอจะได้อุบัติ ในโลกตรัสเป็นพระ ขออาตมจงพบ ให้ได้ประสพพระบาทา เขาปรารถนาทุกตน เมื่อบำเพ็ญกุศลเสร็จการ ทั่วทั้งสฐานแหล่งหล้า เขารำพึงคนึงถ้า ท่านท้าวทุกคน ฯ
โพธิสตฺโต ชมฺพูทีปมนุสฺสานํ พระเมตไตรยฟังสาร เธอเบิกบานหฤทัย โสมนัสส์ใสศรัทธา ภิรมยาปราโมทย์ ด้วยมนุษย์โสดสร้างกุศล ท้าวธกล่าวกลสารสั่ง พระมายังมนุษา เมื่อเธอจะคลานิวัตร ยังชมพูทิปัถคืนคง ขอพระองค์จงนำสาร ข้าบรรหารกล่าวแถลง เธอจงแจ้งแก่เวไนย แม้นผู้ใดจะใคร่พบ จงเคารพตามโอวาท ให้ทำมหาชาติเนืองนันต์ เครื่องสิ่งละพันจงบูชา ให้จบในทิวาวันนั้น ตั้งประทีปพันบูชา ดอกปทุมาถ้วนพัน บัวเผื่อนผันอินทนิลา ดอกมณฑาโดยจง เทียนแลธงฉัตรา เครื่องบูชาทั้งนี้ จงถ้วนถี่สิ่งละพัน คนทลิทนั้นตามสม โดยนิยมจะบูชา พระคาถาถ้วนพัน ให้สดับธรรม์เคารพ จนจวบจบอุทาหรณ์ พระเวสสันดรนฤบาล ปัจฉิมกาลสมโพธิ์ สมภารโสดอันอุดม เป็นที่สุดสมในชาตินั้น บูชาพระธรรม์จงครบ จึ่งจะได้ประสพองค์ข้า เมื่อจะลงมาอุบัติ จะได้ดำรัสโพธิญาณ อันโอฬารอลังกา อันฝูงมนุสสาเหล่านั้น เขาจึ่งจะทันศาสนา ฉะเพาะภักตราวิมลพรรณ ก็จะได้ถึงอรหันต์ธรรมวิเศษ โดยประเภทกุศลา อันเขาส่ำสมมานั้นแล ฯ
อิติ วตฺวา ปน ปาปมนุสฺสานํ พระเมตไตรยวรนารถ จึ่งมีราชบรรหาร แสดงสืบสารอนุสนธิ์ ว่าฝูงชนทั้งหลาย ทำบาบหมายมากมั่น อันจะมิทันศาสนา กระทำปัญจานันตริก คือทำลายภิกษุนีนารถ ด้วยสังวาศวิบัติ ยุสังฆัสให้ผิดแผก วิวาทแตกร้าวราน มหาโพธิ์วิหารหักโค่น กิ่งก้านต้นตามตัด ให้สถูปวิบัติชำรุด ปฏิมาทรุดโทรมทลาย ผู้ทำร้ายโพธิสัตว์ เป็นสาหัสมรณา ทั้งสังฆากพิฆาฎ ให้มรนาศวายชนม์ ผู้บทำกุศลตระหนี่ทรัพย์ ผู้หลงหลับด้วยประมาท ฝูงชนชาติเช่นนั้น บมิอาจทันข้าพระองค์ เมื่อจะดำรงดำรัส จะมาตรัสในภพไตร พระมาลัยครั้นฟัง ซึ่งบัณหังมธุรศ สาธุพจนตอบสาร ดูรวรญาณบรมนารถ เมื่อใดราชจะลีลา สู่มนุสสาชมพู จะตรัสสัพพัญญูตัญญาณ พระเมตไตรยท่านเฉลยพลัน ข้าแต่อรหันต์วรนารถ เมื่อใดพระศาสนบรม สมเด็จโคดมจอมภพ ถึงถ้วนครบห้าพัน ก็อันตรธานพินาศ อันว่าโลกธาตุทั้งหลาย จักระส่ำระสายอาเกียรณ์ อกุศลจะเบียนทวยชน อันว่ากุศลจะพินาศ ถอยชนชาติลำดับกัน อันมนุษย์สรรพทั้งหลาย ความอายสุดสาปสูญ ก็เกิดอาดูรสังวาศ ด้วยประยูรญาติพงศา กับมารดาบุตรี น้องสาวศรีเหลนหลาน ดุจสิงฆารสุกรา ดุจสุนักขาแลแพะพันธุ์ ด้วยสำคัญวิปลาศ บมิอายอาจอุกบาป ดุจเดียรฉานหยาบกะสัน ด้วยกามฉันท์เดือดร้อน อกุศลต้อนเตือนแต่ง อายุแห่งสัตว์น้อย เดิมนับร้อยถอยถด ลำดับลดหลั่นลง ร้อยขวบคงสิบปี ห้าขวบมีฆราวาศ ใจร้ายกาจโกลี กัลปนั้นมีนามกร ชื่อสัตถันดรพึงมี มิคสัญญีนามกัลป์ ชนอัญมัญสังวาศ บรู้จักญาติพงศ์พันธุ์ เบียดเบียนกันเกี่ยงโทษ กรูกริ้วโกรธเกรียงไกร บ้างถือไม้ไล่ยุทธ ถืออาวุธวางวิ่ง ฟันฟาดกลิ้งเกลื่อนกลาด ตายเดียรดาษดาลเดือด ลุยลาญเลือดลามไหล ดุจน้ำในนองสมุทร ย่อมญาติบุตรธิดา ทั้งภรรยาสามี เกิดไพรีพิโรธ เกลื่อนกลุ้มโกรธแก่กัน ฟาดฟอนฟันม้วยมุด ตายสิ้นสุดพวกพาล ผู้มีปัญญาณครั้นเห็น เกิดขุกเข็ญกลียุค ได้ความทุกข์เดือดร้อน ซนซุกซ่อนเสริดสัง สู่ป่าผังผายจร เงื้อมสิงขรณ์ซ่อนกาย อยู่เดียวดายบให้เห็น ค่อยบำเพ็ญสมณธรรม์ เหลือกว่านั้นม้วยมุด ตายสิ้นสุดนับอนันต์ ครั้นเจ็ดวันล่วงไป ผู้อยู่ในถ้ำผา ก็ออกมาจากที่อยู่ จึ่งเล็งดูซึ่งกัน อันเหลือทัณฑ์มรณาศ นั่งยังอาสน์มั่วสุม ชักชวนชุมวาจัน ปราศรัยกันเสน่หา อยู่สัมคาสังวาศ ล้วนนรชาติใจกุศล ชวนกันกล่นทำบุญ ศีลเพิ่มพุนฤๅขาด ปาณาติบาตห่อนทำ ทั้งโจรกรรมพาธา กาเมสุมิจฉาบเสพสร้อง มุสาครองสัจจา ทั้งสุราบดูดกิน เป็นประติทินบมิขาด เปสุญวาทบส่อเสียด อดใจเคียดผรุสวาท บองอาจสำผัปปลา ทั้งเวราบตรองตริ มิจฉาทิฏฐิบได้ถือ คบมิตรซื่อสัจจ์ตรง บได้หลงประมาทผิด คร่ำครวญคิดฝ่ายกุศล แล้วแผ่ผลบุญญา ทั่วนรกาสรวงสวรรค์ มณฑลอนันตจักรวาฬ อันว่าชนมานแห่งมนุษย์ สิบปีสุดสาปสูญ พัญเอิญพูนเพิ่มขึ้น ยี่สิบยืนยาวไป ทารกในเบื้องหน้า เร่งวัฒนาลำดับ สามสิบสรรพสืบไป กุศลไซร้เร่งพูนเพิ่ม อายุเติมมากมี ถึงร้อยปีจึ่งสุดสกนธ์ อนุกฺกเมน ทฺวิวสฺสสตายุกา ฝูงมนุษยชนทั้งหลาย เร่งขวนขวายทำกุศลา บุตรทาริกาสืบไป ชนวุฒิวัยยืดยืน ร้อยพันหมื่นถึงแสน ล่วงเข้าแคว้นอสงไขย กำหนดในชนมา ฝูงสัตตาจึ่งประมาท บเห็นชราพาธ์มรณา หลงสุขสาพิลาศ อายุชาติอสงไขย ก็ถอยไปโดยลำดับ กลกลายกลับดุจต้น ชนน้อยจนแปดหมื่น สัตว์ครั้นยืนเพียงนั้น ห่าฝนสวรรค์ไหลหลั่ง กึ่งเดือนครั้งหนึ่งตก เซงซู่ซกเที่ยงคืน เย็นพ่างพื้นปัถพี แผ่นธรณีมีรส ปรากฏทวีปชมพู บริบูรณ์หมู่พฤกษาชาติ วัลย์ลดาดาษดวงดอก ต้นลำงอกยอกแทง ช่อชรัดแซรงชุมซรุก ลูกห่ามสุกเหลืองหล่น กิ่งก้านกลค้อมคด ใบคือมรกตเขียวแข่ง ผลกลแกล้งติดแต้ม ดอกแยบแย้มเกษร เรณูภมรชมทราบ อึงอรอาบเอารส ใบอ่อนระทดระทวยบัตร ลำสล้างชรดัดลัดพุ่ง เพียงเมฆมุ่งเมินสูง ยานย่างยูงยอมใหญ่ ลมลาศไล้เลื่องฦๅ เสียงอึงฮือหวนหืน กึกก้องครื้นครึ้มไพร เซงซ่าไสวลมลัด กิ่งกวาดกวัดแกว่งไกว บุษปบานใบโบกโบย เรณูโรยร่วงราย กลิ่นกระจายดาษดิน หอมหวลกลิ่นคันธาร รวยรื่นบานตระหลบ ดุจแกล้งอบปัถพี บุษมาลีดาษดาย หญ้าแพรกพรายเพริศพร้อย ดุจศอสร้อยยูงยง สูงสี่องคุลีกาล เรียบเสมอสมานอรชร แผ่นพสุธรราบเรียบ หน้ากลองเปรียบปูนปาน แผ่นดินดาลบลุ่มล่อน หลักตอดอนห่อนเห็น ดุจปราบเป็นปรากฏ คามนิคมสมากิณฺโณ อันว่าชนบทนิคม เป็นอุดมเนืองนอง บ้านถิ่นถ้องแถวถนน ล้วนฝูงชนคับคั่ง เรือนติดตั้งเต็มไป แม้นมาตรไก่โผผิน บตกดินพอถึงที่ ฝ่ายราชธานีกรุงไกร เนืองนองในพสุธรา ไอยวรรยาเพียบพูน ทรัพย์บริบูรณ์มั่งคั่ง เติมเต็มคลังเงินทอง ผ้าพรรณนองเนืองเนก สุริยาภิเศกสมบัติ ล้วนสัตรัตน์โอฬาร เรียบบริวารพรั่งพร้อม พรึบห้อมล้อมทุกประเทศ แคว้นขอบเขตต์เกษมสุข ถ้วนทั่วทุกท้าวไท ห่อนมีภัยแพงโภชน์ สาลีโสดเพิ่มพูน ชนบริบูรณ์อาหาร ทั้งพัสถานโภคา มัจฉมังสาปรากฎ เสพมธุรสนิจกาล สัตว์บันดาลครั้งนั้น มีใจฉันท์ชื่นชม สาภิรมย์ร่วมรัก ดุจพวกพรรคพงศา ส่วนภรรยาสามี อยู่สามัคคีบริวาศ บได้กาจโกรธกัน เสพกามฉันทสุขสานต์ ห่อนมีการกสิกรรม วานิชบทำนิจกาล รู้แต่เกษมสานต์ภิรมย์ ฝูงสัตว์อุดมสุชา ทั้งบุรุษาแลสตรี เปรมปรีดีโอฬารึก เสพกรรมพฤกษ์เลี้ยงกาย บได้ขวนขวายกิจการ แต่สำราญบำรุงกาย ผ้าพรรณพรายทิพยเพริศ อาภรณ์เลิศประดับองค์ รูปยรรยงเยาวมาลย์ อับสรปานปูนเปรียบ สมบัติเทียบชาวสวรรค์ ส่วนว่าพรรคสตรี บเสพสามีเป็นสอง ฝ่ายบุรษครองหญิงเดียว ห่อนโทนเที่ยวแสวงหา เพิ่มภรรยาสองคน ห่อนล่วงกลกามอื่น ลอบชมชื่นเมียชาย เมียเดียวดายจนนาศ รักพิศวาสเสน่หัง อัญมัญญังทั้งสอง ครอบครองกันทุกเมื่อแล ฯ
ยทา ขตฺติยามจฺจาเสนามตฺตาทโย ปญจสีลานิ รกฺขนฺติ ส่วนกษัตราธิราช ทั้งหมู่อำมาตย์เสนา อีกไพร่ฟ้าทั้งหลาย ฝูงหญิงชายทุกพรรค์ ก็ชวนกันรักษา ปัญจศีลานิรันดร์ บมีไภยันต์ลงโทษ บได้พิโรธอาฆาต อพยาบาทเวรา ทุกมนุสสาสัตว์ชาติ ทั้งจัตุบาททวิบท บประทษฐ์อดใจกัน มีแต่ความฉันท์เมตตา คือฝูงกาแลนกเค้า รักคลึงเคล้าคลอเคียง แมวเมิลเมียงรักหนู พังพรงูหฤหรรษ์ เสือใจฉันท์ชมเนื้อ สีหราชเชื่อเชยทราย สัตว์ทั้งหลายต่างพรรค์ กะสันด้วยเสน่ห์สนิท เกิดมิตรจิตรใสสุด ฝ่ายฝูงมนุษย์หรรษา ภิรมยานิจกาล ชวนกันผสานดุริยางค์ โพนเพลงพลางพิณพาทย์ ฆ้องกลองฆาฏครื้นเครง คีตบรรเลงเพลงไฉน ปีแก้วไวเสียงแว่ว ดีดดึงแจ้วดนตรี ทุกราตรีทิวัน ระเบงบรรพรำร่อน โคลงกาพย์กลอนทำนุก เล่นเป็นสุขนิรันดร์ ดุจชาวสวรรค์เสวยสวัสดิ์ ฟังเสียงศัพท์เกษมหู พิศเพี้ยนดูขวัญเนตร บริโภควิเศษมธุรศ ทั้งขันทศกรโอช อีกธัญโภชนสาลี ตกปัถพีเมล็ดเดียว งอกขึ้นเขียวชอ่ำ แตกพันลำหลายหน่อ เนื่องเป็นกอถึงพัน ต้นหนึ่งนั้นพันรวง ได้เมล็ดดวงธัญญัน สองทะนานพันพูนเพ็ญ เมล็ดเดียวเป็นมากมาย นับเกวียนหลายครามครัน ถึงสองพันสองร้อย สี่สิบสร้อยปลายเกวียน สิบหกเสวียนประมาณ สิบหกทะนานสิ้นเสร็จ มีอวเภทพัญเอิญ ขึ้นเองเจริญยิ่งหวาน แล้วเป็นสานละล่อน แปลนเปลือกปล้อนล่อนเองมา มีพรรณนาสาลีไซร้
ยทา ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสา จ ส่วนอธิบดีกษัตรา บได้พาธาวิวาท ช่วงชิงราชสมบัติ แก่กรุงกษัตริย์เสมอกัน เป็นมิตรสันถว์ไมตรี ราชบุรีพระนคร เที่ยวสัญจรสู่หา ส่งบรรณาถึงกัน มีใจฉันท์ทุกกษัตริย์ บทำวิบัติอาณาราษฎร์ รับราชบาทว์ธนทรัพย์ โคมหิงษ์กับช้างม้า ทาสทาสาทุกสิ่ง ห่อนช่วงชิงชนสรรพ์ ย่อมเผื่อผันแผ่ให้ ด้วยสาธุใจปดิพัทธ ส่วนภารัทวาชเพศ แลสูทเวชกระเษตรา บได้ชิงนาชิงบ้าน ที่ถิ่นฐานเรือกสวน ร้านเรือนจวนจบสฐาน ห่อนรุกรานราวี ทุกถิ่นที่ทวยราษฎร์ โจรร้ายกาจสาธารณ์ บมีมารพานตา สัตว์พาลาองอาจ พาลมฤคราชทั้งหลาย ทฤคชาติหมายงูเงี้ยว บได้เที่ยวพาธา แก่มนุษาทั้งสิ้น ไรเลือดริ้นยุงร่าน ห่อนมีกาลปางนั้น ส่วนคนธรรพ์คันธัพพา ทั้งยักษาอมนุษย์ บได้ผรุสเบียนชน ด้วยฝูงคนเป็นธรรม์ พร้อมกันทั่วธราธาร บมีคนพาลทฤษฐิ บได้อุตริอกุศล เลี้ยงสกนธ์โดยธรรม มีวิริยันแลปัญญา ทั้งวิชาศิลปศาสตร์ บมีโรคพยาธิ์บีฑา ทั้งกายาบวิกล ฝูงทวยชนทั่วเท้า บเป็นค่อมเค้าง่อยเปลี้ย จักษุเสียหนวกใบ้ อุกขิดใจเป็นบ้า บมีแก่ชนาครั้งนั้น ล้วนเกษมสันต์ทุกเมื่อ ด้วยเพื่อเขาทำบุญ จึ่งอุดหนุนส่งให้ สมบัติเพียงเทพไท้ ห้องฟ้าสรวงสวรรค์ ฯ
ตทา ภนฺเต ทสสหสฺสจกฺกวาฬวาสีน ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า คนทั่วท้าวพสุธาร
เอวญฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต ยถาหํ ภนฺเต วทามิ จึ่งสมเด็จพระเมตไตรย ครั้นแสดงไขมธุรศ อัมฤตย์พจนกถา แต่พระมาลัยเสร็จ แล้วเธอก็เสด็จนมัสการ กระทำสโมธานทัศนักข์ ประณมหัตถลักษณ์ประชุม ดุจดั่งกุสุมสัตรัตน์ เหนือมกุฎสวัสดิภิเศก อันอดิเรกวิโรจน์ ผลึกโชติชัชวาลย์ ก็โอนกฤษฎาญวลิตวา เหนือสุรัตมาสุเบ็ญจางค์
ยถาปิ สี โห ปวโร มิคานํ ดุจไกรสรสีหราช บริวารชาติมฤคินทร์ ดุจนฤบดินทร์ศรเดช มีกษัตริย์เกษตรบริพาร ดุจมัฆวาฬวรอินทร์ สุรสุรินทรเดียรดาษ ดุจเมรุมาศวราชี สัตภัณฑคีรีวรรณเวียน ดุจสมุทรเกษียรสาคร มกุฎชโลธรอัมฤตย์ ดุจกัลปพฤกษ์เพริศพราย มีรุกขรายเรียงรัน ดุจกมุทสุพรรณเรืองรัตน์ รายกุสุมพัตรโกมาศ ดุจจักรพรรดิราชปรากฎ กษัตริย์ประณตชวลี ดุจอัคนีศีขรินทร์ รุ่งเรืองรวินวิโรจน์ รังษีโชติชัชวาลย์ เป็นประธานอัคนิรุท คือบรมมงกุฎเมตไตรย มีอุประมานุประไมยหลายหลาก อมรแมนมากเมิลเมือบ คลาคล่ำเคลือบคลื่นเคลื่อน ดั่งระลอกเลื่อนครรลัยแลง ยลสยดแสยงสยองเศียร กระเกริกเกียรติ์ไกรเกรียง คฤนโฆษเสียงครั่นครื้น ฟากฟ้าฟื้นฟุ้งเฟื่อง ลั่นฦๅเลื่องแหล่งหล้า สุรส้องสาธุเสียงสาธุ์ ดุจสุริโยภาสพันดวง พระเสด็จล่วงไตรตรึงส์ บัดดลถึงดุสิตสวรรค์ พระเถลิงถวัลย์ทิพยมาศ วิมานราชเจษฎา เสวยสวัสดิ์ในฟากฟ้า เพียบพ้นสุขรมย์ ฯ
ตสฺมึ ขเณเยว เถโร ปรมปาฏิโมกฺขสํวโร ในขณะเมื่อพระบรมเมตไตรย เสด็จคลาไคลนิวัตร ยังดุสิตสวัสดิพิมาน เบื้องบั้นกาลปางนั้น อันพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ อันวิจิตรศีลสังวร เป็นอโนมาภรณ์ประดับ สำหรับพระองค์ศรีสวัสดิ์ คืออรหัตปฏิสัมภิทา ทั้งศีลปาฏิโมกขัง วิสุทธสังวเรนทรีย์ ปาริสุทธชีวสัมมา ศีลปัจจยาสันนิสิต ปาริสุทธินิจฉตา ธรศีลาวิสุทธะ ประดับหมู่คณะคุณัง สรวมศริรังอลงกต เธอก็น้อมประณตทศนักข์ สโมธานอัคศิโรตมางค์ นมัสเบ็ญจางคประดิษฐ์ ทั้งแปดทิศประทักษิณ จุลามณิลรัตนารถ อำลาราชวัชรินทร์ อันเป็นปิ่นอมรเสร็จ พระองค์ก็เสด็จเหาะหรรษ์ จากดาวดึงส์สวรรค์จรมา โดยอัมพราพโยมมารค ศิริโสภาควิลาศ ดุจสุริโยภาสวิลัย พระองค์สุทธิใสเลื่อมประภัศร์ เหตุพระองค์กำจัดซึ่งตัณหา นฤราคทารุณโรธ นฤเกลศโทษทฤษฐิ เธอตรองตริตัณหัน กิเลศอันพันธนา ดุจดั่งเครือลดาวัลย์รัด เกี้ยวรุกขกระหวัดซรัดซุ้ม รัดรวบรุมรึงรา คือชาติมรณา คือชาติมรณาชราพยาธิ์ เธอตัดให้ขาดดายเด็ด ด้วยดาบเพ็ชร์วชิรรัตน์ กล่าวคือพระอรหัตมรรคญาณ เธอก็ผาดผลาญผุยผง เกลศฤๅหลงหลอได้ เธอก็ทรงตรัยวิชาฤทธิ์ คือมโนมยิทธิวิชา คือบรจิตตาและอิทธิ บริสุทธิ์ศรีวิมาลา เธอก็เสด็จด้วยฤทธาดุจหงส์ อุประมาพระองค์หลากหลาย อันว่าบรมกายแห่งพระองค์ ดุจตัวหงส์อลงกา อันจตุตถฌาณทั้งสี่ คือปีกปักษีโอภาส อันจตุอิทธิบาทปรากฏ คือทวิบทสุวรรณหงส์ อันยรรยงค์ประสิทธิ์ ประดับด้วยฤทธิ์พระศัทธรรม์ เธอก็จรจากสวรรค์ดาวดึงส์ บัดดลก็ถึงชมพูธิก เธอก็เสด็จจาริกบิณฑบาต ในคามมารควิถี ราชธานีน้อยใหญ่ เสด็จวิลัยอิริยาบถ ก็ปรากฎทั่วพระนคร ดั่งสาวกมุนิวรแต่ก่อนกาล เป็นอโนมาประมาณโอภาศ เธอก็ลีลาศลิลัย ทั่วทุกแห่งแหล่งไหล้ พ่างพื้นธรณี ฯ
โส ปิณฺฑปาตปติกฺกนฺโต เมตฺเตยฺยสฺส ปวุตฺตึ สมเด็จพระมาลัยวิสุทธิ์ จึ่งนำประวุติข่าวสาร แห่งพระศรีอาริย์เมตไตรย มาแถลงไขมฤธู แก่ชาวชมพูทวีปนั้น ทุกสิ่งพรรณอาการ ชนฟังสารโสมนัสส ยกยอหัตถ์วันทา โสมนัสสาทุกชน ชวนกันทำผลบุญญา มีทานาเป็นอาทิ สิ้นชนม ชาติอาสัญ อุบัติสวรรค์เสวยรมย์ ตามกุศลนิยมส่งให้ พูนอาตมเป็นเทพไท้ ทิพแท้สมบูรณ์ ฯ
โส ทลิทฺทกปุริโส อันว่าชายทุรพล ได้ถวายอุบลพระอรหันต์ แปดดอกอันวิจิตต์ ครั้นสิ้นชีวิตมรณา จากมนุษาดลสวรรค์ ดาวดึงส์อันไพโรจน์ กระหนกวิมานโชติชัชวาลย์ แล้วด้วยอุบลบานไพจิตต์ ห้าประการวิวิธโสภา มีนางอัจฉราบริวาร ถ้วนพันผสานดนตรี ปัญจางคศรีสังคีต โดยจารีตบำเรอ สุขอำเภอนิจกาล เสวยพัศสฐานคั่งคาม มีพระนามโดยกล ชื่ออุบลเทวินทร์ หอมสุคันธกลิ่นบุษบง ทั้งโอษฐองค์สารพางค์ เมื่อยกย่างวรบาท อุบลชาติรับรอง ทุกบทฉลองเฉลิมพรรณ วันหนึ่งเธอจรัลจรคลา ยังนคราวชิรัญ ใกล้เวชยันตปราสาท สหัสสนัยนารถเพิ่งเห็น เทวบุตรเป็นอัศจรรย์ ประดับบุษบันคันธา อินทร์หรรษาฤทธิเยนทร์ จึ่งถามเทเวนทร์ด้วยพลัน ว่ากุศลอันบำเพ็ญ กาลก่อนเป็นฉันใด จึ่งนิยมให้บุษบง เทพทูลองค์อมเรศ เล่าเดิมเหตุแถลงถวาย ข้าเป็นชายประดาษ วันหนึ่งยาตรสู่สระ หวังชำระสกนธ์ จึ่งเห็นอุบลโอฬาร แปดดอกบานพรรณราย ข้าเก็บถวายพระอรหันต์ ด้วยบุญญันเพิ่มผล จึ่งได้อุบลเป็นลาภ ขอพระองค์จงทราบ ถี่ถ้อยทูลถวาย ฯ
สกฺกสฺส วจนํ สุตฺวา สมเด็จวัชรินทร์ราช ฟังพจนาตถ์เทวบุตร จึ่งใสสุทธกระมล เสด็จยังนนท์สระศรี โบกขรณีนฤมล จึ่งเก็บอุบลบุบผา มาบูชาพระเจดีย์ จุลามณีเกศธาตุ แล้วก็เสด็จลีลาศคืนสฐาน ยังทิพยวิมานเจษฎา ส่วนเทวาอุบลราช อยู่จนอาตม์อายุไขย ก็ไปตามยถากุศลัง อันทำมาแต่หลังนั้นไซร้ ทำสิ่งใดนิยมให้ ดุจนั้นฤๅคลา ฯ
มาลยวตฺถํ นิฏฺฐิตํ อันพรรณนาตามพระบาฬี ในคัมภีร์พระมาลัย ตามกระแสในปัญญา มนสิการะข้าอันกล่าว ก็จบเรื่องราวเท่านี้ แม้นบถ้วนถี่เหลือขาด ในบทบาทเพียญชนะ ตัวอักขระอักษร แลบทกลอนขัดเขิน ขออัญเชิญเมธา ปราชญ์ปรีชาช่วยแซม อย่าติแต้มเติมแต่ง ถ้วนทุกแห่งจงสรรพ ไว้สำหรับพระศาสนา เดชะข้าพระองค์ กราบบทบงก์นมัส พระตรัยรัตน์คุณคาม ข้าประณามด้วยกาย มโนถวายวจีทวาร เสร็จกล่าวนิทานพระมาลัย จำนงนัยด้วยจิตต์ จำนงนิจด้วยเพียร จำหนับเขียนลิขิต จำนองลิลิตกลกลอน ประดิษฐ์อักษรระเรียบ ประดับระเบียบอักขระ ประดาเพียญชนะบขัด ประสงค์ซึ่งอรรถตามฉะบับ ประสานศัพท์บให้ผิด ประเสริฐในนิติโดยบรรพ์ ประเสริฐรศธรรม์อมฤตย์ ประกอบประพฤติพจนา ประดิษฐ์สาราสัมฤทธิ์ ประสิทธิ์วิจิตต์บริบูรณ์ เดชะกุศลมูลนี้ไซร้ จงพบพระเมตไตรยวรนารถ อย่าแคล้วคลาศบาทบท จงเกิดในบงกชบริสุทธิ์ จงเป็นบุรุษโดยอิทธิ์ ได้เอหิสิทธิบรรพชา ฉะเพาะภักตราวิมลพรรณ แห่งบรมธรรม์พระเมตไตรย ได้ธรรมพิสมัยเสร็จอรรถ จงทรงอรหัตต์สำเร็จ แล้วจงเสด็จนฤพาน เมื่ออวสานต์นั้นไซร้ ประนิธานี้จงได้ ดุจน้ำใจปอง ฯ
๏ จบเสร็จสำเร็จเหรื้อง | ในนิติ์ |
พระมาลัยบพิตร | ผ่านเผ้า |
เสด็จดาวดึงสาฤทธิ์ | เรืองโรจน์ |
นำข่าวกล่าวยศเจ้า | ปิ่นเกล้าจอมอาริย์ ฯ |
๏ สรรเสริญเยินยศหยิ้ง | เมตไตรย |
ธรอิทธิ์ฤทธิเกรียงไกร | เกริกหล้า |
ทรงคุณการุณใน | นรชาติ |
โองการสารสั่งข้า | ใคร่ให้ทันองค์ ฯ |
๏ จอมจักรจักใคร่คุ้ม | ครองสัตว์ |
ส่งสารสารสั่งอรรถ | ถี่ถ้อง |
ทรงธรรมธรรมเตือนตัด | ตัวบาป |
สิ้นกรรมการมจักข้อง | ข่ายเปลื้องพบองค์ ฯ |
๏ เดชะข้ากล่าวแกล้ง | ศุภสาร |
เดชะแถลงนิทาน | เทียบไว้ |
เดชะเพียรเจียรกาล | จนเสร็จ |
เดชะบุญแต่งให้ | พบไท้ทรงธรรม ฯ |
๏ เมื่อเสร็จศักราชได้ | สองพัน |
สองร้อยแปดสิบสรรค์ | เศษเหล้า |
สิบเบ็ดเดือนหกวัน | พฤหัศ |
เดือนห้าแรมเจ็ดเข้า | เขตต์ข้างปีมะเมีย ฯ |
----------------------------
-
๑. บางฉะบับว่า บเข็ดขามปลดเปลื้องได้. ↩
-
๒. มาลยํ นาม วตฺถุกํ. ↩
-
๓. บางฉะบับเป็น ตามฺพปณฺณิทีเป - ตามฺพปณฺยทีเป. ↩
-
๔. คัมภีร์รัตถ์. ↩
-
๕. เมทนี ↩
-
๖. บางฉะบับเป็น กรกัติ – กฤกัติ ↩
-
๗. บางฉะบับว่า “พระกรธรงบาตร” ↩
-
๘. บางฉะบับเป็น – ธรง. ↩
-
๙. รำฦก ? ↩
-
๑๐. บางฉะบับว่า “จึ่งมานี้นะเทเวศร์ ขอถามเหตุท้าวโกสีย์”. ↩
-
๑๑. บางฉะบับเป็น - ผ่านเกล้า ↩
-
๑๒. กสิกรรม ↩
-
๑๓. บางฉะบับว่า นี่ฤๅนามเมตไตรย. ↩
-
๑๔. บางฉะบับว่า “วัชรินทร์ไขใช่ท้าว” ↩
-
๑๕. ชลารสบันจง ถวายสงฆ์โสมนัสสา. ↩
-
๑๖. น้ำมันใส่ใสสว่าง. ↩
-
๑๗. เหน็ด. ↩
-
๑๘. นี้พรรณนาสาลไซร้ ↩
-
๑๙. ครั้นทั่วท้าวพสุธาร. ↩
-
๒๐. เหนือศิรุตมาสุเบ็ญจางค์. ↩