โสวัตกลอนสวด

นบนิ้วขึ้นเหนือเกล้า ต่างบุษบาอันบวร
ไหว้พระปฏิมากร อันสั่งสอนสัตว์ทั้งหลาย
ยอกรใส่เหนือเกล้า ทุกค่ำเช้าบว่างวาย
พระธรรมอันมากมาย สั่งสอนสัตว์พ้นสงสาร
ก้มเกล้าข้ากราบลง ไหว้พระสงฆ์ศีลาจาร
คุณแก้วสามประการ ยกใส่เกล้าในเกศา
ไหว้ครูผู้สั่งสอน ทุกทั่วท่านบคลาดคลา
บิดรแลมารดา คุณยิ่งกว่าคนทั้งหลาย
ข้าเจ้าจะขอผูก ถ้าผิดถูกในนิยาย
บทบาทถ้าคลาดคลาย พอพลั้งพลาดอย่าติเตียน
ตัวข้าใช่นักปราชญ์ เป็นเชื้อชาติคงแก่เรียน
ผิดชอบช่วยแต้มเขียน บำรุงไว้ตามบูราณ
ถ้าว่าหากผู้ใด เรียนขึ้นใจรู้ฉะฉาน
บทบาทคลาดช่วยวาน จงคิดอ่านตามทางธรรม์
บถูกอย่างว่านั้น แต่บูราณย่อมเสกสรร
พระเจ้าเทศนาธรรม์ บำรุงสัตว์ทั่วทั้งหลาย ๚ะ

สุรางคนางค์

  ไหว้หมู่พระสงฆ์
ใจจิตคิดปลง ฟังพระศาสดา
เมื่อหน่อพระญาณ สร้างสมภารมา
จึ่งกล่าวคาถา เบื้องต้นบนาน
  ๑๐ เอโกราชา
ยังมีพญา เรืองฤทธิโอฬาร
ประเสริฐล้ำเลิศ ใครจะเปรียบปาน
นามกรภูบาล พรหมทัตจักรี
  ๑๑ ท้าวเป็นเกษมสุด
ในเมืองพรหมกุฏ รัชชังการี
ท้าวครองไอศูรย์ สรรพสมบูรณ์มี
สุขทั่วธานี พึ่งบุญราชา
  ๑๒ โอมนะโม
มเหสิโน ยวดยิ่งเทวา
ตรัสทรงพระนาม ตามวงศ์กระษัตรา
ชื่อว่าสุมณฑา หยาดฟ้านางสวรรค์
  ๑๓ สุมณฑาเทวี
ยิ่งกว่านารี แจ่มศรีคือจันทร์
(รูปงามประเสริฐ พริ้งเพริศเฉิดฉัน
นักสนมกำนัล ห้อมล้อมเทวี)
  ๑๔ แสนสาวชาวแม่
นางเถ้านางแก่ นักเทศขันที
ล้ำเลิศเพริศเพรา ก้มเกล้าดุษฎี
เฝ้าพระมเหสี เป็นนิตย์ทุกวัน
  ๑๕ สมเด็จพรหมทัต
เสวยราชสมบัติ ตรึงษ์ตรัยไอศวรรย์
ฉ้ชั้นดุสิต นีฤมิตบทัน
เทพเจ้าไกรสวรรค์ พ่างเพี้ยงอับอาย
  ๑๖ เสนาเนืองนอง
ดาบเงินดาบทอง องครักษ์จักรนารายณ์
นาหมื่นนาพัน คำนัลเหลือหลาย
หัวหมื่นพันทนาย ก้มเกล้าถวายกร
  ๑๗ มีอัศวราช
หัตถีเดียรดาษ เชื้อชาติกุญชร
รถรัถคล้อยคลาด คลาดแคล้วอัสดร
จตุรงค์สลอน อเนกเหลือตรา
  ๑๘ เป็นเกียรติเป็นกรุง
เป็นสิ่งเป็นสุง ทั่วทั้งพารา
มีปรางค์ปราสาท ดาดด้วยมุกดา
ประดับมหา พิเชียรมากมี
  ๑๙ ยอดปรางค์ปราสาท
เนาวรัตน์แกมมาศ ล้วนด้วยมณี
เป็นแสงระยับ จับพระสูรย์ศรี
เมื่อแผลงรัศมี จากยุคุนธร
  ๒๐ ทุกกรุงทุกไกร
ส่งส่วยดอกไม้ ร้อยเอ็ดพระนคร
ฝาหรั่งพังคา พม่าเมงมอญ
จีนจามสลอน ก้มเกล้าดุษฎี
  ๒๑ สองกระษัตริย์เสวยสุข
ไม่มีความทุกข์ สุขเขษมเปรมปรีดิ์
สุมณฑาทรงลักษณ์ เป็นอรรคมเหสี
ร่วมรักภูมี ปิ่นเกล้าไอศวรรย์
  ๒๒ อยู่จำเนียรกาล
พระองค์เยาวมาลย์ ฝันเห็นอัศจรรย์
มีราชโอรส ปรากฏในครรภ์
เสด็จจากสวรรค์ โสภาคย์บวร
  ๒๓ ครั้นตรัสทรงครรภ์
ม้าต้วหนึ่งนั้น ทรงครรภ์อัสดร
ใต้ปรางค์ปราสาท เยาวราชบังอร
นางม้าบวร จรเล่นพงพี
  ๒๔ ครั้นถ้วนทศมาส
สิบเดือนบคลาด ประสูติพาชี
เผือกผู้ขาวผ่อง ย่องยกทรงศรี
ดุจดังสำลี ประเสริฐเลิศไกร ๚ะ

ฉบัง

๒๕ วันหนึ่งพอได้ยามไชย หน่อเจ้าภพไตร
ประสูติจากครรภ์พระมารดา  
๒๖ ปรากฏเท่าเถิงพรหมา อินทราเทวา
ก็ชื่นก็ชมสมสมัย  
๒๗ เขาพระเมรุราชหวั่นไหว ท่าวทบลงไป
สะเทือนก็อ่อนลงมา  
๒๘ ฝูงสัตว์ทั่วทั้งคงคา ผุดผาดไปมา
ก็ท่องก็เที่ยวมากมี  
๒๙ ครุฑราชพร่ำลืมนาคี กินรากินรี
ก็ลืมภียุทั้งปวง  
๓๐ ปรากฏทั้งขุนเขาหลวง นรเทศทั้งปวง
ก็ชื่นก็ชมนักหนา  
๓๑ ปฐพีอันใหญ่หนักหนา ป่วนปั่นไปมา
สะท้านสะเทือนหวั่นไหว  
๓๒ บิดาชื่นชมพระทัย ดำรัสตรัสไป
แก่โหรทั้งสี่มินาน  
๓๓ ทายทักลายลักษณ์กุมาร ควรครองศฤงคาร
เพื่อว่าจะสืบพระวงศ์  
๓๔ ชันษาอายุพระองค์ ถอยถดปลดปลง
ฤๅว่าจะม้วยฉิบหาย  
๓๕ บัดนั้นจึ่งโหรทั้งหลาย คิดควณแล้วทาย
ลายลักษณ์พระราชกุมาร  
๓๖ มีอุกมียกทุกประการ[๑] ควรครองศฤงคาร
เป็นเจ้าแก่หมู่เสนา  
๓๗ พระหัสเป็นมิตรซ้ายขวา เป็นจักรพรรตรา
พระราชจะมีศรีสวัสดิ์  
๓๘ จึ่งโหรผู้หนึ่งทูลขัด จะเป็นจักรพรรดิ
จะเป็นมิได้เพราะสตรี  
๓๙ จักมีพระอรรคมเหสี โฉมเฉิดนารี
เถิงสี่พระองค์บมินาน  
๔๐ บิดาได้ฟังก็ชื่นบาน ตรัสให้ประทาน
ทั้งเงินแลทองครามครัน  
๔๑ แก่โหรอันทายโจทย์กัน ผ้าผ่อนแพรพรรณ
หลายหลากก็มากนักหนา  
๔๒ จึ่งโหรทั้งสี่กราบลา คืนยังเคหา
ถิ่นฐานที่บ้านเรือนตน ๚ะ  

สุรางคนางค์

  ๔๓ จึ่งท้าวพรหมหัต
มีโองการตรัส ให้จัดกัลยา
เลือกเอาชาติเชื้อ เป็นเนื้อกระษัตรา
ให้เลี้ยงรักษา เจ้าฟ้าธานี
  ๔๔ นางนมทั้งหลาย
เข้ามาเรียงราย บังคมชมศรี
อุ้มองค์พระเจ้า ปิ่นเกล้าธรณี
เชิญพระพันปี เสวยสุขบ่คลา
  ๔๕ จึ่งเอาพานทอง
อันงามเรืองรอง มีศรโสภา
ภูษาปูลง บรรจงรจนา
เชิญเสด็จเจ้าฟ้า ไสยาเสวยนม[๒]
  ๔๖ พี่เลี้ยงเข้าเฝ้า
สลัดปัดเป่า ไม่มีไผ่ผง
ครั้นพระเสด็จฟื้น ตื่นขึ้นโดยจง
เชิญพระเสด็จสรง น้ำพระคงคา
  ๔๗ ป้อนน้ำตามเสวย
บ่ได้ละเลย วันละสามเวลา
บำเรอเชอภักดิ์ พิทักษ์รักษา
อยู่จำเนียรมา ได้สามราตรี
  ๔๘ สมเด็จพรหมทัต
มีโองการตรัส กำนัลสาวศรี
ตกแต่งถวายนาม ตามราชพิธี
เป็ดไก่บายศรี หลายหลากตระการ
  ๔๙ สาวใช้รับสั่ง
แต่งการทั่วทั้ง เสร็จแล้วบนาน
บายศรีเงินทอง เรืองรองชัชวาล
เครื่องบรรณาการ ปรากฏรจนา
  ๕๐ พระญาติพระวงศ์
พร้อมมูลทุกองค์ ห้อมล้อมซ้ายขวา
เพลาฤกษ์ดี ยกบายศรีมา
ดนตรีเสภา สมโภชกุมาร
  ๕๑ สมเด็จบิดา
ให้นามลูกยา มีพระโองการ
ตามวงศ์กระษัตริย์ โสวัตกุมาร
โพยภัยอย่าพาน สุขเขษมเปรมปรีดิ์
  ๕๒ พระญาติว่าชอบ
พระนามตามระบอบ อวยพรมากมี
สวัสดีมีไชย ยืนได้ร้อยปี
ข้าทูลบทศรี จักพึ่งสมภาร
  ๕๓ สมเด็จมารดา
อุ้มเอาลูกยา อวยพรกุมาร
สเดียดจ้งไร ทุกข์ภัยอย่าพาน
ฤทธีห้าวหาญ ล้ำเลิศธรณี
  ๕๔ จงมีเดชะ
เดโชตรบะ เรืองฤทธิ์พิทธี
จงผ่านพิภพ จบทั่วธรณี
ข้าทั้งสองศรี จักพึ่งสมภาร
  ๕๕ ครั้นสมโภชแล้ว
พยาบาลลูกแก้ว เป็นช้าหึงนาน
เจ้าพึ่งสอนพลอด ฉะฉอดตรัสขาน
ไพรเพราะเสียงหวาน รู้หลักเปรมปรีดิ์
  ๕๖ อยู่จำเนียรกาล
โสวัตกุมาร ได้สิบหกปี
นางนมพี่เลี้ยง รักเพียงแสนทวี
เสาวภาคย์เมาลี แจ่มศรีใครจะปาน
  ๕๗ สมเด็จบิดา
จึ่งให้มหา ไพรชนวิมาน
เนาวรัตน์แกมมาศ ประหลาดใครจะปาน
รุ่งเรืองชัชวาล คือพระสูริย์ฉาย
  ๕๘ แสงแก้วแกมทอง
รัศมีเรืองรอง เลื่อมเลื่อมพรายพราย
คือเทพดุสิต นีรมิตมาถวาย
รุ่งเรืองพรรณราย คือพระสูริยน
  ๕๙ จึ่งชวนโอรส
ฤทธาปรากฏ เชิญพระเสด็จดล
ครอบครองสถาน พิมานไพรชน
แสนสาวเลิศล้น นักเทศขันที
  ๖๐ พระเสด็จขึ้นวัง
ประโคมแตรสังข์ ดุจคือดนตรี
เสียงพิณพาทย์ฆ้อง กึกก้องธรณี
เอิกเกริกมะมี่ ทั่วทั้งพารา
  ๖๑ ถวายอัศวราช
หัตถีเดียรดาษ เสนีเสนา
กลิ้งกลดกางกัน บังแสงสูริยา
ตั้งเป็นฝ่ายหน้า แต่พระภูมี
  ๖๒ พระฝ่ายหน้าเจ้า
อตส่าห์ไปเฝ้า เป็นนิจราตรี
ครั้นเสด็จจากเฝ้า พระเจ้าจรลี
สรงน้ำนที มิได้คลาดคลา
  ๖๓ ชมพรรณดอกไม้
รวยรื่นชื่นใจ ไปด้วยบุษบา
ประพาสทุกวัน ชมพรรณฝูงปลา
ต่อใกล้เวลา จึ่งขึ้นไพรชน
  ๖๔ ยังมีนางฟ้า
เสด็จจากมหา พิมานอำพน
ดับด้วยศฤงคาร ช้านานเด็จดล
โกฏิหนึ่งนิฤมล อยู่ในไตรตรึงษ์
  ๖๕ อยู่จำเนียรกาล
สิ้นบุญนงคราญ จุติบหึง
ลินลาจากสถาน พิมานไตรตรึงษ์
บัดเดียวลุเถิง ที่ริมสระศรี
  ๖๖ มาเอาปฏิสนธิ์
ในดอกอุบล ใหญ่ใช่พอดี
แทบใกล้อาศรม สมมิศรฤๅษี
ช้านานหลายปี มิได้เห็นบาน
  ๖๗ วันหนึ่งดาบส
ท่านท้าวทรงพรต ไปลงสรงสนาน
เห็นบัวเลิศไกร ใหญ่พ้นประมาณ
มิได้เห็นบาน เหมือนหนึ่งทุกวัน
  ๖๘ แต่กูหมายไว้
สามขวบแล้วไซร้ เห็นเป็นอัศจรรย์
ดีร้ายจะมี สักสิ่งสักอัน
ในดอกบัวนั้น แม่นแท้แก่ใจ
  ๖๙ ครั้นรำพึงแล้ว
ดาบสใจแกล้ว โถมน้ำลงไป
เด็ดดอกบัวทอง เรืองรองสุกใส
คืนว่ายบัดใจ เถิงฝั่งคงคา
  ๗๐ ดาบสพิศดู
เห็นนารีอยู่ ในดอกบุษบา
ดาบสชื่นชม ภิรมย์หนักหนา
จึ่งอุ้มนางมา ยังอาศรมพลัน
  ๗๑ ค่อยเลี้ยงรักษา
นางสอนเจรจา ฉะฉอดทุกอัน
ซู้ซู้ซี้ซี้ ระรี่ชมกัน
ดาบสใจธรรม์ รักเพียงแสนทวี
  ๗๒ จึ่งให้พระนาม
ธิดาโฉมงาม ประทุมวดี
(งามยิ่งพริ้งเพริศ) เลิศล้ำนารี
สี่ทวีปไม่มี เหมือนอรทรามรัย
  ๗๓ ได้สิบห้าปี
กลิ่นอรเทวี กระอบอบไป
ดาบสไปป่า กลับมาแต่ไพร
เหนื่อยพักนักไสย ให้นั่งเหนือพระพาย
  ๗๔ กลิ่นองค์ธิดา
รวยรวยหอมมา พระค่อยใจสบาย
แต่น้อยคุ้มใหญ่ กลิ่นไม่รู้หาย
ด้วยพระอรกาย เสด็จในอุบล
  ๗๕ วันหนึ่งฤๅษี
เข้าในพงพี เก็บมูลผลาผล
ให้อรธิดา เฝ้าศาลาตน
เจ้าจึ่งจรดล เที่ยวเล่นในพนา
  ๗๖ นางเก็บดอกไม้
มณฑาไสว มะลิจำปา
กรองเป็นมาลัย หฤทัยเสนหา
ธิษฐานไปมา ปรารถนาคู่ครอง
  ๗๗ ถ้าว่าผู้ใด
เคยคู่ข้าไซร้ ให้มาลัยทอง
สอดกรเข้าไว้ โดยดังใจปอง
จรมาสมสอง ในบรรณศาลา
  ๗๘ ถ้ามิใช่คู่
มาลาอย่าอยู่ เข้าต้องเลยนา
ว่าแล้วนางขว้าง ลงกลางคงคา
มาลัยไคลคลา ลอยมาบนาน
  ๗๙ ลอยขึ้นเหนือน้ำ
ประเสริฐเลิศล้ำ บมีคลื่นฉาน
วันนั้นพอตรัส โสวัตกุมาร
เสด็จลงสรงสนาน ในกลางสาคร
  ๘๐ ดอกดวงมาลัย
ค่อยลอยเข้าไป ใกล้พระภูธร
สวมกรพระหัตถ์ รึงรัดพระกร
กลิ่นพึงขจร ทั่วทั้งกายา
  ๘๑ พระเห็นมาลัย
คลางแคลงพระทัย หลากใจนักหนา
ฤๅว่าเหตุการณ์ รำคาญจะมา
ตรัสถามโหรา ทั้งสี่บัดใจ
  ๘๒ ดูราโหรเฒ่า
อัศจรรย์ด้วยเรา ได้พวงมาลัย
จักเกิดเหตุการณ์ รำคาญเป็นไฉน
คลางแคลงแหนงใจ ยิ่งล้นคณนา
  ๘๓ จึ่งโหรทั้งหลาย
คิดควณแล้วทาย ตามฤกษ์บัญชา
แม้นเสด็จคลาไคล ไปทิศบูรพา
เกิดลาภอาตมา ยิ่งล้นพ้นประมาณ
  ๘๔ เสด็จจากบูรี
จักได้มเหสี เลิศไกรใครจะปาน
เถิงสี่พระองค์ ทรงโฉมเยาวมาลย์
แล้วกลับคืนสถาน ผ่านพระพารา
  ๘๕ พระฟังโหรทาย
ใจจิตคิดหมาย ภิรมย์หรรษา
ตรัสให้ประทาน แพรพรรณโหรา
จึ่งเสด็จไคลคลา มายังภูธร
  ๘๖ พระเสด็จคลาไคล
ยูรยาตรเข้าไป ใกล้พระบิดร
กราบถวายบังคม ประนมพระกร
สมเด็จบิดร โปรดเกล้าลูกรา ๚ะ

ยานี

๘๗ บัดนั้นจึงพระบาท ไทธิราชทูลบิดา
ลูกรักจักขอลา ประพาสเล่นในพงพี
๘๘ จงตรัสอนุญาต ข้าพระบาทจะบทศรี
จงได้โปรดปรานี แก่ลูกน้อยเถิดพระองค์
๘๙ บิดาจึงตรัสไป เหตุอันใดพ่อจำนง
สบราชจะประสงค์ สิ่งอันใดนะพันปี
๙๐ จงบอกให้พ่อทราบ เห็นยุ่งยาบกว่าทุกที
แต่ก่อนบห่อนมี ทูลดังนี้พ่อคิดฉงน
๙๑ โอรสจึงทูลเล่า ข้าพระเจ้าจักจรดล
ประสงค์ตรงนุสนธิ์ แต่พระอรรคชายา
๙๒ ลูกได้ดอกมาลัย โหรทายให้ดีนักหนา
ตามหาเจ้ามาลา จักคืนมายังภพไตร
๙๓ บิดาจึงตรัสเล่า ห้ามแก่เจ้าพ่ออย่าไป
หน่อท้าวแลหลานไท ทั่วทุกท้าวร้อยเอ็ดตน
๙๔ จักให้เอามาถวาย พระลูกชายอย่าร้อนรน
ถ้าพบสบชอบกล จักเสกให้เป็นมเหสี
๙๕ โอรสจึงทูลเล่า ข้าพระเจ้าไม่ไยดี
ร้อยเอ็ดพระบูรี ทราบอยู่แล้วในพระทัย
๙๖ ไม่สบดังจำนง ข้าพระองค์จะอยู่ไย
ขอลาราชาไป ถ้าได้แล้วจะคืนมา
๙๗ บิดาจึ่งขานตอบ ทูลบ่ชอบเหมือนวาจา
ท้าวไทกระษัตรา จะอยู่ไยในพงพี
๙๘ อยู่แต่ในไอศวรรย์ ด้วยกำนัลแลสาวศรี
ถ้าอยู่ในพงพี แต่ยักษีแลคนธรรพ์
๙๙ โอรสจึ่งทูลเล่า ข้าพระเจ้าทราบทุกอัน
เกลือกบุญเคยคู่กัน อัศจรรย์ด้วยมาลัย
๑๐๐ มีเหตุจึ่งเป็นผล ถูกมงคลจึงจักไป
มิพบสบพระทัย จักเที่ยวไปทุกสถาน[๓]
๑๐๑ บิดาจึ่งตรัสเล่า เห็นแต่เจ้าสืบวงศา
จักเสกพระลูกยา แทนวงศาสืบองค์ไป
๑๐๒ ไม่คิดเถิงสมบัติ เจ้าจะซัดเสียแก่ใคร
เจ้าจักหนีพ่อไป หฤทัยพ่อรำคาญ
๑๐๓ โอรสจึงทูลไป ตรัสจักให้ครองศฤงคาร
ฤทธีไม่เชี่ยวชาญ เกลือกทหารไม่ง้องอน
๑๐๔ พลางเที่ยวพลางแสวงหา ซึ่งฤทธาในดงดอน
ให้รู้ธนูศร สำเร็จแล้วจึ่งคืนสถาน
๑๐๕ บิดาจึ่งขานตอบ ทูลบ่ชอบแต่โบราณ
เรียนไว้ให้เชี่ยวชาญ เป็นจารีตแห่งท้าวไท
๑๐๖ ครั้นว่าจักห้ามนัก เกลือกลูกรักจักน้อยใจ
ถ้าพบสบพระท้ย อย่าช้านักกลับคืนสถาน
๑๐๗ โอรสจึงทูลเล่า ข้าพระเจ้าไม่อยู่นาน
เรียนได้ให้ฉับฉาน จึ่งคืนมายังภพไตร
๑๐๘ ถ้าช้าแต่สามปี ทูลบทศรีจักอยู่ไย
แสนสาวแลชาวใน ฝากปิ่นเกล้าเจ้าไอศวรรย์
๑๐๙ สมเด็จพระมารดา ฟังบัญชาไม่มีขวัญ
อุ้มเอาเจ้าใจธรรม์ แล้วรับขวัญพระลูกชาย
๑๑๐ เจ้าจะจากแม่ไป ไห้ร่ำไรตรอมใจตาย
พลัดพรากจากลูกชาย เพียงชีพม้วยด้วยอาลัย
๑๑๑ จักรู้ว่าดาบส ผู้ทรงพรตอยู่แห่งใด
อย่าอย่าเจ้าอย่าไป สิ่งสัตว์ร้ายใช่พอดี
๑๑๒ แรดช้างน้อยไปฤๅ ทั้งกระบืออันเขารี
ลิงค่างบ่างชะนี ในพงพีนี้เนืองนอง
๑๑๓ พระบาทคือสำลี เสด็จพงพีจะพุพอง
บ่มีเพื่อนเป็นสอง เกลือกพระทองจักมรณา
๑๑๔ เหตุการณ์ใครจะช่วย เจ้าจะม้วยในหิมวา
พระชนม์ทั้งสองรา จักม้วยด้วยพระจอมไตร
๑๑๕ โอรสจึ่งทูลขัด มารดาตรัสผิดวิสัย
แม้นอยู่แห่งใดใด สุดแต่บุญกับสมภาร
๑๑๖ แม้นอยู่แต่ไอศวรรย์ กรรมมาทันก็สิ้นปราณ
มิได้จะต้านทาน ไม่เถิงกาลมาหลีกหนี
๑๑๗ มารดาครั้นได้ฟัง จึ่งตรัสสั่งแก่สาวศรี
อย่าให้พระภูมี ไปประพาสแห่งใดใด
๑๑๘ อย่าให้ออกจากวัง เกลือกลับหลังจักซังไป
ถ้าเสด็จแห่งใดใด ตัดเกล้าให้ทั่วทุกคน
๑๑๙ พระมารดาจึ่งโกรธ ตรัสคาดโทษแก่รี้พล
กราบลามาไพรชน เป็นทุกข์ทนแสนทวี
๑๒๐ ครั้นว่าจักหนีไป เกลือกสาวใช้แลขันที
โทษทัณฑ์นั้นจะมี คิดเท่านี้จึ่งร้อนรน ๚ะ

สุรางคนางค์

  ๑๒๑ เสด็จขึ้นเกยมาศ
รำจวนครวญสวาดิ ทอดพระองค์ลง
กรก่ายพักตร์ไว้ ได้แต่มาลัยทรง
แนบชิดติดองค์ ทรงพระโศกา
  ๑๒๒ โอยโอยพระนงนุช
ย่อมดีที่สุด ทุกข์ทนยลหา
เห็นแต่มาลัย ไม่ได้เห็นหน้า
โอ้แก้วพี่อา อยู่ด้าวแดนใด
  ๑๒๓ เรียมยังไม่ทราบ
อรนุชทำบาป ให้จำร่ำไร
เจ้าเป็นหน่อท้าว ด้าวแดนเมืองใด
ถ้าทราบจักไป สมแก้วกระษัตรีย์
  ๑๒๔ แม้นได้ถวายสาร
สู่เอาเยาวมาลย์ ตามประเวณี
ถ้าบิดาขัด ตัดพระไมตรี
จักชุมเสนี รี้พลโยธา
  ๑๒๕ จักรบรุกราช
เอานุชสุดสวาดิ มาผาดพารา
เรียมทราบบแจ้ง แต่กันแสงหา
น่าคิดอนิจจา ปรานีตัวเรียม
  ๑๒๖ ทำไฉนจักเห็น
คิดแค้นแสนเข็ญ ใครเลยจะเทียม
เมื่อไรจะพบ สบในใจเรียม
พระทัยไหม้เกรียม เศร้าสร้อยน้อยใจ
  ๑๒๗ แม้นรู้เหาะเหิร
บินบนดำเนิน จักเหาะเหิรไป
อดสูอายนัก จักเป็นชายไย
จักเรืองฤทธิไกร ไม่เหมือนปรารถนา
  ๑๒๘ นางนามพี่เลี้ยง
ฟังพระสุรเสียง ตรัสทรงโศกา
ก้มเกล้ากราบลง ทรงกันแสงหา
ร่ำไรไปมา ดั่งนี้เพื่อใด
  ๑๒๙ ฤๅสบประสงค์
ไม่เหมือนจำนง เศร้าสร้อยน้อยใจ
กำสรดกำสรวล คร่ำครวญเพื่อใด
ดำรัสตรัสไป ในเนื้อคดี
  ๑๓๐ กำสรดบนแท่น
กลุ้มกลัดขัดแค้น แม้นม้วยเป็นผี
แรกพระเสด็จพ้น จากครรภ์พันปี
พระญาติภักดี พ้นที่คณนา
  ๑๓๑ ฤๅว่าสรงสนาน
ประหลาดต้องพาน ปิ่นเกล้าโลกา
จึงให้พระองค์ ทรงกันแสงหา
ฤๅเสียกิริยา กลัดกลุ้มคลุมใน
  ๑๓๒ พี่เลี้ยงจึงว่า
คือดั่งไฟฟ้า ไหม้ในพระทัย
บเบือนพระพักตร์ ตรัสทักปราศรัย
โลมเล้าเท่าใด ไม่จำนรรจา
  ๑๓๓ แต่กันแสงไห้
ชลเนตรหลั่งไหล คือดังธารา
แต่ร่ำกำสรด ปรากฏนักหนา
ก้องทั้งมหา พิมานไพรชน
  ๑๓๔ ฟังพี่เลี้ยงกล่าว
องค์สั่นระเทา เป็นโกลาหล
ฉวยชักพระขรรค์ ไล่ฟันทุกคน
แกว่งกวัดผาดโผน จักฆ่าให้ตาย
  ๑๓๕ มึงมาเซ้าซี้
พิไรพิรี้ เย้ายี้ธิบาย
แกล้งกล่าวว่าบ้า ว่าให้เราอาย
ฟันเสียให้ตาย ไว้มันทำไม
  ๑๓๖ พี่เลี้ยงวิ่งหนี
หน้าขาวคือผี ตระหนกตกใจ
ไปทูลแก่เจ้า ปิ่นเกล้าภพไตร
ชลเนตรลามไหล ร่ำไรทูลสาร
  ๑๓๗ ว่าพระโอรส
ฦๅชาปรากฏ จากเฝ้าภูบาล
ทรงกันแสงนัก เกลือกจักสิ้นปราณ
ทูลฉลองโองการ ท่านทรงโศกา
  ๑๓๘ สองกระษัตริย์ได้ฟัง
ชลเนตรไหลหลั่ง ดังท่อธารา
พระเสด็จเยื้องย่าง วิ่งวางลงมา
ทั้งพระมารดา ตระบัดคลาไคล
  ๑๓๙ แสนสาวพระสนม
แล่นตามระงม ตระหนกตกใจ
เสด็จขึ้นปราสาท ยูรยาตรเข้าไป
สนององค์ลงไว้ บ่ได้วายวาง
  ๑๔๐ ชูเกศลูกรัก
วางไว้บนตัก ตรัสรับขวัญพลาง
ยกกรลูบไล้ ไปทั่วสารพางค์
รำจวนครวญคราง เพื่อเพราะอันใด
  ๑๔๑ เจ้าอย่ากำสรด
กันแสงระทด เถิงสิ่งอันใด
สมราชประสงค์ มีโองการไป
จักถวายภูวไนย ไม่ให้หมองศรี
  ๑๔๒ ไอศวรรย์สมบัติ
แก้วเก้าเนาวรัตน์ จักอยู่แก่ใครมี
พ่อปองถวายเจ้า ปิ่นเกล้าธรณี
บทราบคดี จึงทรงโศกา
  ๑๔๓ ฤๅน้อยพระทัย
ชนนีมิให้ จรในหิมวา
ฤๅคุณไสยใคร เขาใช้ให้มา
ด้วยดอกมาลา จงมาต้องพาน
  ๑๔๔ ฤๅต้องผีโป่ง
ตกน้ำตายโหง ที่ในท่อธาร
ฤๅว่าอินทร์พรหม ยมยักษ์ต้องพาน
ตรัสให้บนบาน ทุกสิ่งทุกอัน
  ๑๔๕ แล้วแต่งบายศรี
เจ็ดชั้นมากมี ทำมิ่งสิ่งขวัญ
ตบแต่งเสียผี ทำบัตรพลีพลัน
เรียกมิ่งสิ่งขวัญ สมเด็จราชา
  ๑๔๖ ให้หาแม่มด
ฦๅชาปรากฏ เชื้อเชิญเทวา
ให้เพิดสักษี แก้ทัศกิริยา
ให้หาโหรา สะเดาะภูวไนย
  ๑๔๗ ร้อยแก้วร้อยทอง
เรียงรายก่ายกอง ทำขวัญจอมไตร
ยิ่งทำยิ่งร้าย ไม่คลายพระทัย
ยิ่งกันแสงไห้ พ่างเพียงจะวายชนม์
  ๑๔๘ ขึ้งโกรธแสร้งแกล้ง
พระเนตรเป็นแสง แดงคือสูริยน
ฉวยพระขรรค์ไล่ วางไปบัดดล
มาทำสาละวน ดังนี้เพื่อใด
  ๑๔๙ กระทืบพระบาท
ร้องด้วยสีหนาท น่าน้อยพระทัย
ทรงพระแสงง้าว วาววาวคือไฟ
เงือดเงื้อขึ้นไล่ สาวใช้ทั้งหลาย
  ๑๕๐ สองกระษัตริย์จึ่งมา
สวมกอดลูกยา ประทับกับกาย
ฟังคำแม่ว่า เจ้าอย่าวุ่นวาย
ชีพคนทั้งหลาย จะม้วยประลัย
  ๑๕๑ อย่าทรงพระโกรธ
มุ่งร้ายหมายโทษ แสนสาวชาวใน
พ่อมาปั่นป่วน รำจวนพระทัย
ทรงพระโกรธไย หน่อพระพันปี
  ๑๕๒ ขัดแข็งพระทัย
เหมือนบิดามิให้ ผ่านพระบูรี
จักให้ภูเบนทร์ มอบเวนเสนี
ไขในวจี ให้แม่รู้นา
  ๑๕๓ ฤๅพ่อพอใจ
หน่อท้าวองค์ใด อันผ่านพารา
ทุกกรุงทุกไกร จักให้เอามา
ถวายแก่เจ้าฟ้า เจ้าอย่าร้อนรน
  ๑๕๔ แสนสาวศฤงคาร
ชลเนตรคือธาร ถ้วนทุกตัวคน
สุรเสียงร้องไห้ เป็นโกลาหล
เอิกเกริกอลวน ก้องทั้งไอศวรรย์
  ๑๕๕ โสวัตกุมาร
จึ่งทูลฉลองสาร สองกระษัตริย์ด้วยพลัน
แม้นตรัสมิให้ จรในหิมวันต์
ลูกจะสิ้นอาสัญ จักม้วยชีวา
  ๑๕๖ ข้าอยู่มิได้
ขุ่นหมองพระทัย ยิ่งพ้นคณนา
จงตรัสอนุญาต ข้าบาทจะขอลา
จรไปไม่ช้า จะกลับมาภพไตร
  ๑๕๗ สมเด็จมารดา
เห็นพระลูกยา ขุ่นหมองพระทัย
แม้นจักขัดนัก เจ้าจักประลัย
ตามแต่พระทัย ลูกรักจักจร
  ๑๕๘ อุ้มพระโอรส
ครวญคร่ำกำสรด จูบสั่งบังอร
เขาทำคุณไสย มาลัยเขจร
มาต้องภูธร พระลูกโฉมตรู
  ๑๕๙ นางจึงตบแต่ง
บรรณาการแกล้ง ข้าวตากข้าวตู
แต่งพลางนางไห้ พระทัยเอ็นดู
สลบเป็นครู่ กับพระโรงทอง
  ๑๖๐ แสนสาวพระสนม
ร้องไห้ระงม น้ำตาฟูมฟอง
นางนมพี่เลี้ยง พ่างเพียงจะม้วยมรณ์
สิ้นชีพรอนรอน ร่ำรักภูวไนย
  ๑๖๑ โสวัตโลมเล้า
พระชนนีเจ้า กันแสงร่ำไร
ข้าพระกำสรด ระทดพระทัย
จรไปไม่ได้ ด้วยพระมารดา
  ๑๖๒ แสนสาวชาวใน
อย่าร่ำร้องไห้ เราจักขอลา
นักเทศขันที พี่เลี้ยงซ้ายขวา
ค่อยอยู่รักษา สมเด็จภูบาล
  ๑๖๓ สั่งแล้วภูธร
จึ่งทรงอาภรณ์ เนาวรัตน์ชัชวาล
ขอรับพระพร ภูธรโปรดปราน
ข้าพระยังสถาน ใส่เกล้าเกศี
  ๑๖๔ สองกระษัตริย์อวยพร
พ่อจงเขจร สุขเขษมเปรมปรีดิ์
เจ้าจงไปสบ พบพระฤๅษี
ร่ำเรียนพิทธี เรืองฤทธิไกร
  ๑๖๕ จงได้มเหสี
ล้ำเลิศนารี ลุดังพระทัย
ศัตรูมอดม้วย ด้วยเดชภูวไนย
ฤทธิ์รบภพไตร ข้าขันฑเสมา
  ๑๖๖ โอรสรับพร
ยอยกพระกร กราบกรานมารดา
ทักษิณสามรอบ แล้วนบนอบลา
จับพระบาทา ใส่เกล้าเกศี
  ๑๖๗ ลาแล้วยูรยาตร
แสนสาวเดียรดาษ ส่งเสด็จภูมี
ม้าต้นเข้าไป ใกล้ไท้ธิบดี
พระจักบทศรี ด้าวแดนเมืองใด
  ๑๖๘ ตรัสแก่พาชี
เราจักบทศรี ด้าวแดนพงไพร
แกล้งกล่าวเยาะเย้า เราฤๅเป็นไฉน
จึ่งมาถามไถ่ เพื่อใดเล่านา
  ๑๖๙ พาชีทูลฉลอง
ใจจิตคิดปอง จรด้วยราชา
ต้องราชประสงค์ กลางดงหิมวา
ตรัสแกล้งแถลงมา ให้ทราบคดี
  ๑๗๐ ตรัสจึงขานไป
บิดาเราให้ ครองกรุงธานี
พลางเที่ยวพลางแกล้ง แสวงในพงพี
ดาบสฤๅษี ร่ำเรียนวิชา
  ๑๗๑ ม้าต้นทูลไข
ข้าพระจรไป เที่ยวทุกพารา
พบพระดาบส ปรากฏนักหนา
ขอนำเจ้าฟ้า ดั้นดงพงพี
  ๑๗๒ พระฟังกัณฐัศว์
ภิรมย์โสมนัส ตรัสสั่งเสนี
เร่งเร็วจงไป ผูกไชยพาชี
ด้วยแก้วมณี พิจิตรรจนา
  ๑๗๓ อำมาตย์แล่นไป
ผูกพาชีไชย ให้ตามบัญชา
แกมแก้วหมอนทอง เรืองรองรจนา
จึ่งจูงเข้ามา ถวายท้าวภูวไนย
  ๑๗๔ สมเด็จภูมี
ขึ้นม้าพาชี ท้าวนี้เหาะไป
ทักษิณปรางค์มาศ ปราสาทภูวไนย
สามรอบจรไป ในเวหาหน
  ๑๗๕ ชาวเมืองทั้งหลาย
เอิกเกริกวุ่นวาย เป็นโกลาหล
แสนสาวชาวที่ เสนีรี้พล
เกิดในสากล ดั่งนี้เล่านา
  ๑๗๖ สมเด็จภูมี
ปลอบพระชนนี เจ้าอย่าโศกา
พระราชโอรส ปรากฏนักหนา
เหาะในเวหา เรืองฤทธิไกร
  ๑๗๗ ได้ฟังท้าวตรัส
คลายหายโทรมนัส ตรัสร้องขึ้นไป
พ่อไปอย่าช้า กลับมาเวียงไชย
จักไว้พระทัย ใจท่าพันปี
  ๑๗๘ ฟังเสียงมารดา
เบือนพระพักตร์มา ร้องสั่งชนนี
กราบกับหลังม้า ตรัสอย่าหมองศรี
จนแต่สามปี ลูกจักกลับมา
  ๑๗๙ ขอฝากรั้ววัง
พระสนมคับคั่ง แก่สองกระษัตรา
แสนสาวชาวที่ เสนีเสนา
ขอฝากบิดา มารดาเลิศไกร
  ๑๘๐ สั่งแล้วแคล้วคลาด
คิ้วต่อนรนาถ เหาะเข้าในไพร
พระสุรเสฏฐ์เสด็จคล้อย ละห้อยพระทัย
เถิงท้าวภูวไนย เถิงเมืองบุรี
  ๑๘๑ ปานนี้ผ่านเกล้า
จักตรอมผอมเศร้า ร้อนเร่าแสนทวี
นกหกกึกก้อง ร่ำร้องเสียงศรี
คือดังดนตรี ที่ในเวียงวัง
  ๑๘๒ ฟังเสียงนกร้อง
สนั่นมี่ก้อง ร่ำร้องเสียงสั่ง
ระรื่นชื่นใจ ไปด้วยดอกรัง
โรยร่วงทั่วทั้ง แผ่นพื้นพสุธา
  ๑๘๓ ชมพรรณดอกไม้
สำราญบานใจ ในอรัญราวป่า
ทั้งต้นนรีผล สักสนคนทา
งิ้วง้าวราวป่า นานาก่ายกอง
  ๑๘๔ เนื้อเบื่อกวางทราย
ฟั่นเฝือเหลือหลาย กระต่ายทรายทอง
นกหกปักษี หมูหมีเนืองนอง
ลดเลี้ยวเที่ยวท่อง ร่ำร้องก้องใน
  ๑๘๕ หลงชมฝูงสัตว์
พระพายเจ้าพัด ตรัสต้องพระทัย
ต้องแดดต้องลม ระงมกรมใจ
ร้อนเร่าพระทัย อยู่ในเวหา
  ๑๘๖ สมเด็จภูเบศ
ชำเลืองพระเนตร ไปทิศบูรพา
ร้อนรนบนนัก ตรัสจักแลหา
เห็นบรรณศาลา ชื่นชมพระทัย
  ๑๘๗ ตรัสถามพาชี
อาศรมยาวรี นี้เล่าของใคร
ยักษีผีเสื้อ ล่าเนื้อฤๅไฉน
ฤๅศาลาลัย ท่านไทฤๅษี
  ๑๘๘ บัดนั้นกัณฐัศว์
ทูลความตามอรรถ ให้ทราบคดี
อาศรมบพิตร สมมิศรฤๅษี
เรืองฤทธิ์พิทธี ใครจะเทียมทัน
  ๑๘๙ พระมีธิดา
ปรากฏรจนา เถิงไตรตรึงษ์สวรรค์
พระพักตร์นักแน่ง ตะละแกล้งกัน
กลิ่นคือบุษบัน ทั่วองค์มารศรี
  ๑๙๐ พระได้ฟังข่าว
ตรึกตรองน้องท้าว ตรัสถามพาชี
เป็นฤๅษีสิทธิ์ เรืองฤทธิ์พิทธี
ได้หน่อนารี นี้มาแต่ไหน
  ๑๙๑ น้องยังกินแหนง
อางขนางคลางแคลง ไม่แจ้งพระทัย
ฤๅว่าดาบส คิดคดเป็นไฉน
ลาพรตเมื่อไร จึงได้นีฤๅมล
  ๑๙๒ พาชีทูลเล่า
เนื้อนวลควรเจ้า แรกเอาปฏิสนธิ์
ในดอกบัวมาศ ประหลาดฝูงคน
ดาบสยินยล เลี้ยงดูนวลนาง
  ๑๙๓ ข้าพระเที่ยวมา
ร่อนเร่กินหญ้า บ่ได้วายว่าง
ซับซราบดาบส ฤๅษีกับนาง
ดีร้ายไม่พลาง ตรัสอย่าสงกา
  ๑๙๔ พระฟังพาชี
ชื่นชมยินดี มีพระบัญชา
ชักพาชีลง ตรงบรรณศาลา
ตรัสจำนรรจา สั่งม้าพาชี
  ๑๙๕ พี่ไปกินหญ้า
ทุกข์ภัยเถิงข้า พี่จงจรลี
พระสั่งม้าไว้ ท้าวไทบทศรี
คลาดจากพาชี ยังบรรณศาลา ๚ะ

ยานี

๑๙๖ บัดนั้นจึ่งนางนาฏ ค่อยยูรยาตรคลาดคลาไคล
เยื้องกรายค่อยชายไป เล่นแต่ใกล้บรรณศาลา
๑๙๗ นางทึ้งเอาเถาวัลลิ์ มาผูกพันเป็นชิงช้า
นางนาฏงามหยาดฟ้า เจ้าค่อยช้าค่อยโยนไป
๑๙๘ ขับร้องทำเพลงเล่น ลมพัดเย็นสบายใจ
ค่อยโยนค่อยถีบไป ระรื่นชื่นใจในไพรสณฑ์
๑๙๙ เกิดมาเป็นกำพร้า อยู่ในป่าไม่มีคน
แต่เนื้อในไพรสณฑ์ มาเป็นเพื่อนในพงพี
๒๐๐ คิดมาน่าอนิจจา ทั้งมารดาก็ไม่มี
เห็นหน้าแต่ฤๅษี ผู้ผ่านเกล้าเป็นบิดา
๒๐๑ ร่ำพลางนางครวญไป เถิงมาลัยอันไคลคลา
ร่ำพลางนางครวญหา คิดว่าใครจักจรดล
๒๐๒ โสวัตค่อยลับไพร ในพระทัยคิดฉงน
แฝงไปใกล้ชอบกล ตรัสจึ่งทักอรเทวี
๒๐๓ เจ้านี้เชื้อชาวไหน ใคร่ร่ำได้ขยันดี
อยู่ไยในพงพี มิถวายตัวเอาประทาน
๒๐๔ นางเหลียวเห็นพระจอมจักร อดสูนักใครจะปาน
ลุกแล่นมาในสถาน วิ่งเข้าไปในศาลา
๒๐๕ โสวัตเสด็จตามไป ผลักทวารไชยเห็นตรึงตรา
ร้องเรียกอรฉายา เชิญออกมาเจ้าอย่าอาย
๒๐๖ พี่จักเล่าให้ฟัง มีรับสั่งท่านกฎหมาย
แข็งขัดจะวุ่นวาย ใช่พี่ชายจะละตัว
๒๐๗ นางจึ่งร้องออกมา พระอย่าว่าน่าใคร่หัว
หลอกหลอนให้ใครกลัว ตัวใครรับพระโองการ
๒๐๘ เวรการของผู้ใด จงบอกไปให้แตกฉาน
อาจอุกทำรุกราน เห็นเข็ญใจไม่กลัวเกรง
๒๐๙ จึ่งตรัสร้องบอกไป ตัวเรียมไซร้รับสั่งเอง
ให้เก็บคนนักเลง พอมาพบนางพนิดา
๒๑๐ ฝ่ายเวรของนายฤๅ อันพิจิตรรจนา
เถียงอยู่ไยในศาลา ครั้นจะยื้อคร่าเจ้าจะอดสู
๒๑๑ นางจึ่งร้องออกไป การอะไรมาเกาะตู
หุยหน่าน่าอดสู เอาคราบงูมาหลอนใคร
๒๑๒ ข้าอยู่ใช่แว่นแคว้น เป็นด้าวแดนของท้าวไท
อ้างอวดกวดขันไป ซังมาไยกลางดงดอน
๒๑๓ ตัวเรียมนะอรไท ได้มาลัยอันบวร
ลอยมากลางสาคร รึงรัดเรียมทั่วทั้งองค์
๒๑๔ โหรทายว่าจะได้ เจ้ามาลัยมาสืบวงศ์
เรียมจรในไพรพง ลุเถิงบรรณศาลา
๒๑๕ นางจึงทรงพระสรวล ตรัสบควรน่าอนิจจา
ใครเป็นเจ้ามาลา อันตรัสว่าอย่าสงสัย
๒๑๖ มาลาใช่ของน้อง ตรัสนึกปองเจ้ามาลัย
ใช่ใครรู้จักใคร อดสูใจพระราชา
๒๑๗ เรียมได้เข้ามาผิด มิทันคิดขอสมา
รู้จักหน่อยหนึ่งรา จะขอดูหน้าเจ้ามาลัย
๒๑๘ มาลัยไม่มีเจ้า มาต้องเราเข้านี้ว่าไร
ตรัสพลางขว้างมาลัย ลงที่ในบรรณศาลา
๒๑๙ อรนุชเจ้าก็ว่าไป หยาบหยามใครเป็นนักหนา
พระทิ้งดอกมาลา รดน้ำหน้าน่าอดสู
๒๒๐ ทำน้องนี้มิได้ ทำมาลัยให้ใครดู
ไพรชนหากปิดอยู่ แม้นหาไม่ใคร่มรณา
๒๒๑ ดำรัสจึ่งตรัสไป นางอรไทอย่าโศกา
เรียมทำคิดจะหา เจ้ามาลาอันแสนงอน
๒๒๒ ทำเล่ห์ทำกลไป อยู่มิได้ให้ชะอ้อน
แยบคายใช่แสนงอน ใช่ของน้องอย่าโกรธา
๒๒๓ นางจึ่งทูลฉลองไป ของใครใครพระได้มา
ทำไยที่ในศาลา เห็นว่าชั่วฤๅเป็นไฉน
๒๒๔ มาลัยนี้ของน้อง ใจไม่ปองให้ท้าวไท
มาลาข้าลอยไป เพื่ออันใดเจ้าเอามา
๒๒๕ ดำรัสตรัสถามไป จริงฤๅไรของฉายา
พระชูดอกมาลา เจ้าเหลียวมาก่อนเป็นไร
๒๒๖ หัวทีมิรับเหตุ ปฏิเสธให้เท็จไป
แล้วกลับมารับไย เรียมไม่รู้ที่เจรจา
๒๒๗ นางจึ่งทูลฉลองเล่า ข้าพระเจ้ายังสงกา
ต่อชม้ายชายแลมา จึ่งรู้แท้แน่แก่ใจ
๒๒๘ ข้าพระจะขอถาม ทรงพระนามพระภูวไนย
หน่อท้าวด้าวแดนใด ตรัสบอกไปให้รู้รา
๒๒๙ เรียมนี้ชื่อโสวัต พรหมทัตเป็นบิดา
ฝ่ายนางสุมณฑา เป็นสมเด็จพระชนนี
๒๓๐ เสวยราชย์เมืองพรหมกุฏ เขษมสุขอยู่เปรมปรีดิ์
เรียมไร้มเหสี ผ่านพิภพด้วยเป็นสอง
๒๓๑ นางคิดแต่ในใจ ชาติก่อนไซร้เคยคู่ครอง
ขัดนักจักเศร้าหมอง พระจักสร้อยน้อยพระทัย
๒๓๒ พระองค์มาเหนื่อยพัก น้องจักได้สิ่งอันใด
ถวายแก่พระภูวไนย มีแต่ผลไม้แลพฤกษา
๒๓๓ ดำรัสตรัสไปเล่า สุดแต่เจ้าจะเมตตา
ทำคุณด้วยเรียมเถิดนา น้องอย่าสูญพระหฤทัย
๒๓๔ ไพรชนปิดตรึงตรา จักเข้ามานี่กลใด
เผยสักหน่อยจะเป็นไร แต่พอยื่นผลพฤกษา
๒๓๕ นางคิดพาซื่อใจ เผยทวารไชยตามบัญชา
จึ่งยื่นผลพฤกษา ออกมาให้พระภูธร
๒๓๖ เสวยแล้วพระอย่าอยู่ แม้นเอ็นดูเชิญเสด็จจร
กลับยังพระนคร อยู่บ่ได้ในศาลา
๒๓๗ ท้าวฉวยพระหัตถ์ได้ ผลักทวารไชยเข้าไปหา
เจ้าให้ผลพฤกษา แล้วขับเรียมเสียว่าไร
๒๓๘ ใช่ว่าผีปีศาจ ตายไส้ขาดมาแต่ไพร
เซ่นวักแล้วจักไป ม้วยประลัยไม่ไคลคลา
๒๓๙ นางฉวยกรสลัด ตรัสรึงรัดไว้ไยนา
จงทรงพระเมตตา วางข้าราพระภูวไนย
๒๔๐ เวลาพระบิดา จักลินลามาแต่ไพร
จักสร้อยน้อยพระทัย เห็นชอบใจฤๅพันปี
๒๔๑ ดำรัสตรัสไปเล่า บิดาเจ้าจักบทศรี
เห็นเรียมกับเทวี พระฤๅษีจะว่าไร
๒๔๒ พระนุชพอบังควร พ่อจะหวงเจ้าไว้ไย
ตรัสพลางทางปราศรัย เพ่งพิศโฉมพระฉายา ๚ะ

สุรางคนางค์

  ๒๔๓ สมเด็จภูเบศ
ชำเลืองพระเนตร พิศโฉมนางน้อง
ดวงพักตร์จะแจ่ม คือหนึ่งบัวทอง
นัยน์เนตรทั้งสอง ดุจทำขวัญตา[๔]
  ๒๔๔ พระองค์คือวาด
ไรฟันคือชาด รจนาเรืองรอง
สี่ทวีปเช่นนี้ บ่มีเถิงสอง
เนื้อนวลควรครอง ในจัณฑเสมา
  ๒๔๕ ฝ่ายพระอรไท
ชำเลืองเนตรไป พิศชมราชา
เพราเพริศเลิศนัก น่ารักพักตรา
พระกรรณเจ้าฟ้า คือสุวรรณมาลัย
  ๒๔๖ พระกรช้อยชด
คือดั่งคงกรด นารายณ์เลิศไกร
พระโอษฐ์จะแจ่ม ยิ้มแย้มประไพ
สุรเสียงภูวไนย ไพรเพราะมีศรี
  ๒๔๗ แมนตรัสโปรดเกล้า
เนื้อนวลควรเฝ้า ฝากพระไมตรี
เทวาในสวรรค์ ไม่ทันพันปี
บรางจะมี ติฉินนินทา
  ๒๔๘ สมเด็จภูวไนย
กล่าวเกลี้ยงปราศรัย ชักชวนเจรจา
ยอกรลูบไล้ ทั่วทั้งกายา
เบือนพระพักตรา เจ้าอย่าอาลัย
  ๒๔๙ เอาพักตร์แฝงฝา
ไม่จำนรรจา ดังนี้เพื่อใด
เรียมเสด็จไคลคลา จรมาเถิงใน
บ่ได้ปราศรัย เพื่อใดเล่านา
  ๒๕๐ นางจึ่งก้มเกล้า
ข้าพระพุทธิเจ้า ขอรับบัญชา
ครั้นว่าจักด่วน จะชวนเจรจา
บ่ควรแก่ข้า เพราะเป็นกระสัตรี
  ๒๕๑ จักตรัสสิ่งใด
สุดแต่พระทัย ปิ่นเกล้าธรณี
ข้าพระบุญน้อย จักพล่อยพาที
จารีตไม่มี ตรัสก่อนบัญชา
  ๒๕๒ จึ่งมีโองการ
เรียมมาในสถาน เพราะได้มาลา
พบองค์อรนุช ดุจดังปรารถนา
นุชเจ้าเมตตา เรียมบ้างฤๅไฉน
  ๒๕๓ เรียมจักขอเชิญ
พระนุชเจ้าดำเนิน ไปยังภพไตร
ครอบครองแดนด้าว แสนสาวชาวใน
สืบวงศ์ท้าวไท ในขัณฑเสมา
  ๒๕๔ นางจึ่งทูลเล่า
ตรัสนี้ใส่เกล้า ขอรับบัญชา
ข้าพระยากไร้ อยู่ในหิมวา
ตรัสทรงเมตตา ใส่เกล้าเกศี
  ๒๕๕ บ่เห็นคู่ควร
แสนสาวจักสรวล เยาะเย้ยมากมี
เสด็จไปในไพร ได้นางกระลี
ติฉินจะมี ข้าพระมากมาย
  ๒๕๖ ตรัสเอื้อนโองการ
ร้อยชั่งยังสถาน ผู้ใดจะหยาบคาย
ชีวิตผู้นั้น จักพลันฉิบหาย
ใครจักเหมือนอรกาย เสด็จในบัวทอง
  ๒๕๗ พระนุชเจ้าล้ำเลิศ
เทวามาเกิด จึ่งจักได้ครอง
เห็นแล้วบ่ได้ ดั่งใจเรียมปอง
ป่วยทีพี่ครอง ชีพไว้ไยมี
  ๒๕๘ นางทรงพระสรวล
ตรัสนี้มิควร เกรงกริ่งคดี
ข้าพระทราบสิ้น เล่ห์ลิ้นพันปี
ได้อื่นจักหน่ายหนี น้องเสียเมื่อภายหลัง
  ๒๕๙ ข้าจักอยู่เอกา
ญาติวงศ์พงศา ไม่มีกับวัง
เหนื่อยหน่ายคลายรัก ตรัสจักชิงชัง
เป็นหม้ายภายหลัง จักมีคนสรวล
  ๒๖๐ โองการตรัสตอบ
เสาวนีย์มิชอบ เรียมฤๅจักควร
ไม่ละเจ้าไว้ อรนุชทรามสงวน
ม้วยชีพจักควร ม้วยพระไมตรี
  ๒๖๑ ม้วยดินม้วยฟ้า
ม้วยพสุธา แจ่มจัดรัศมี
เรียมไม่จากเจ้า พระเยาวมารศรี
ร้อยปีไม่หนี จากแก้วเจียรไกล
  ๒๖๒ นางจึ่งทูลขัด
พระโองการตรัส ไพรเพราะพ้นใจ
กลัวเกลือกกลับกลอก หวานนอกขมใน
ยืดไปบ่ได้ เหมือนพระบัญชา
  ๒๖๓ ข้าพระยากไร้
ค่อยครองตัวไว้ คุ้มปานนี้นา
ฉุกเฉินพลาดพลั้ง ถ้าฟังบัญชา
ยืนไปเมื่อหน้า เป็นคนมิดี
  ๒๖๔ พระตอบนางทูล
เจ้านพคุณ อันหมดราคี
เรียมจึ่งจรจาก หวังจะฝากไมตรี
ควรฤๅจะหนี หน่ายน้องเล่านา
  ๒๖๕ เรียมไม่แกล้งกล่าว
คดีโน้มน้าว ท้าวน้องฉายา
ความจริงแห่งพี่ จึ่งมีบัญชา
บ่ได้มุสา กล่าวเกลี้ยงสังเสริญ
  ๒๖๖ นางจึ่งทูลไป
กลัวเกลือกพระทัย ละไว้สะเทิ้น
เกลือกมิใช่เชื้อ เหมือนพระมุ่งเมิล
พลาดพลั้งฉุกเฉิน อายคนทั้งหลาย
  ๒๖๗ ข้าพระสนเท่ห์
เกลือกแกล้งแสร้งเส เล่ห์กลธิบาย
รักกันแต่สอง บ่ต้องทำนาย
ถ้าเสียวรกาย ม้วยชีพจึ่งควร
  ๒๖๘ พระฟังพาที
ไพรเพราะมีศรี ตรัสทรงพระสรวล
อรนุชน้องท้าว กล่าวนี้มิควร
ไม่แกล้งแสร้งสรวล ชวนจำนรรจา
  ๒๖๙ ใช่ชายทุรยศ
วาจาถอยถด ตรัสความมุสา
เสียชีพพี่ไม่ ราถอยวาจา
ครั้นกล่าวมุสา ใช่ชายชาตรี
  ๒๗๐ นางฟังโองการ
ตรัสจักโปรดปราน ข้าพระยินดี
กลัวเกลือกเกรงนัก แต่นางอรรคมเหสี
องค์พระภูมี เสด็จในวังหลวง
  ๒๗๑ ครั้นทราบคดี
ได้ฟังดังนี้ ตรัสจักหึงหวง
อดสูดูร้าย วุ่นวายมิควร
แสนสาวจักสรวล เยาะเย้ยนักหนา
  ๒๗๒ ตรัสจึ่งยิ้มแย้ม
เอวบางช่างแต้ม ลิ้นลมเจรจา
แม้นว่าเรียมนี้ มีอรรคชายา
มิรางจะมา เถิงป่าพงพี
  ๒๗๓ เพื่อว่าเรียมไร้
จึงตั้งพระทัย ฝากพระไมตรี
จึ่งจะเชิญท้าวน้อง ไปครองบูรี
อื่นไหนไม่มี นุชเจ้าอย่าสงกา
  ๒๗๔ นางทูลจอมจักร
พระองค์ทรงศักดิ์ เลิศล้ำกระษัตรา
หิมวานต์ไม่ไร้ ผลไม้พฤกษา
สิงหราชในป่า ฤๅจะไร้ถ้ำทอง
  ๒๗๕ หน่อท้าวหลานไท
ส่งข่าวสารไป ถวายให้ครอบครอง
ยิ่งรำพึงคิด ผิดในใจปอง
แล้วอำพรางน้อง บ่เชื่อบัญชา
  ๒๗๖ มีโองการตรัส
หน่อนามกระษัตริย์ มีทุกพารา
สุดแต่สมภาร ณิธานปรารถนา
ล้ำเลิศล้นฟ้า เห็นแล้วก็หน่ายหนี
  ๒๗๗ คือดั่งพงไพร
พฤกษาป่าไม้ แต่ชั่วกับดี
จวงจันทน์กฤษณา เลือกป่าจะมี
คือนุชเจ้ามารศรี เกิดในอุบล
  ๒๗๘ นางสนองคำท้าว
หน่อกระษัตริย์ทุกด้าว หน่อท้าวเอ็ดตน
ไม่พบสบใจ พระทัยภูวดล
ข้าบาทยุบล บ่ควรคู่ครอง
  ๒๗๙ เข็ญใจไร้นัก
ไร้สิ้นไร้ศักดิ์ ญาติวงศ์ทั้งผอง
เห็นแต่ฤๅษี ไม่มีเงินทอง
จักบำรุงน้อง เครื่องยากทุกประการ
  ๒๘๐ ตรัสตอบมารศรี
เรียมไม่ยินดี ยศศักดิ์ศฤงคาร
ยศศักดิ์ยกไว้ เครื่องไม่ต้องการ
แสวงหาช้านาน ไม่พบที่สบใจ
  ๒๘๑ มาพบอรนุช
ยินดีที่สุด ควรครองภพไตร
ฤๅนุชน้องท้าว มิชอบพระทัย
จึ่งบิดเผลไป เพื่อใดเล่านา
  ๒๘๒ นางทูลฉลองเล่า
ตรัสได้คลึงเคล้า น้องทั่วกายา
สู้ตายจะตายด้วย กว่าจะม้วยชีวา
อย่าให้ใครมา ต้องน้องเป็นสอง
  ๒๘๓ ค่อยไปค่อยมา
ยับยั้งฟังข้า ย่อมจะได้ครอง
ให้ดาบสเจ้า เสกเราทั้งสอง
ใช่สุดแต่น้อง แล้วแต่ฤๅษี
  ๒๘๔ พระขานอรไท
เจ้าเกียดกันไว้ ตกไม่ปรานี
ยับยั้งไว้ท่า บิดาไยมี
ได้เถิงเพียงนี้ เอ็นดูเรียมรา
  ๒๘๕ ปลอบพลางทางเล่น
พระหัตถ์ตรัสเคล้น เล่นนมฉายา
พระจูบแก้มซ้าย ย้ายจูบแก้มขวา
อวยด้วยเรียมรา พระเยาวมารศรี
  ๒๘๖ นางจึ่งก้มเกล้า
ตัวข้าพระเจ้า ยังเป็นสาวศรี
น้องน้อยอดสู ไม่รู้คดี
ครั้งคราทีนี้ โปรดเกล้าน้องรา
  ๒๘๗ น้องกลัวยิ่งกลัว
องค์สั่นอยู่รัวรัว กลัวพระราชา
จับบาทพระเจ้า ใส่เกล้าเกศา
ใช่ว่าตัวข้า จะพ้นภูธร
  ๒๘๘ ตรัสยิ้มแย้มหัว
อรนุชจักกลัว เรียมไยนะบังอร
อื่นอื่นไม่รู้ จะมีครูสอน
สิ่งนี้นะบังอร สอนได้ฤๅไฉน
  ๒๘๙ คือน้ำกับเรือ
สนิทชิดเชื้อ หากรู้ดีไป
มีทั่วทั้งหลาย เกลียดอายเรียมไย
อัธยาอาศัย นุชได้เมตตา
  ๒๙๐ นางได้ฟังคำ
ตรัสจักทำกรรม ข้าแล้วแลนา
น้องไม่รู้ที คดีเดียงสา
ยับยั้งฟังข้า แต่ในราตรี
  ๒๙๑ ชมแต่รูปน้อง
สิ่งนั้นอย่าต้อง น้องเลยนะพันปี
เขินขวยพระทัย ไม่รู้คดี
ได้โปรดปรานี ผันผ่อนก่อนรา
  ๒๙๒ ตรัสจึงโลมเล้า
ได้สนอมกล่อมเจ้า โลมเล้าฉายา
คือนกกาน้ำ ครั้นดำได้ปลา
จำหักเงี่ยงงา กินเป็นอาหาร
  ๒๙๓ คือหนึ่งช้างสารกล้า
ซับมันเป็นบ้า สิ่งนั้นอย่าพาน
หูหางแกว่งกวัด ยนต์ชักบปาน
คือยอดเยาวมาลย์ กับเรียมนี้แลนา
  ๒๙๔ นางฟังคำท้าว
เล้าโลมโน้มน้าว ภิรมย์หรรษา
ครั้นจักขัดนัก ท้าวจักโกรธา
ตามแต่บัญชา ปิ่นเกล้าธรณี
  ๒๙๕ อย่าทรงพระโกรธ
มุ่งร้ายหมายโทษ แต่หลังอันมี
น้องได้แข็งขัด พ้อตัดพันปี
จำเดิมแต่นี้ ขอเป็นบริจา
  ๒๙๖ สมเด็จภูธร
ฟังอรบังอร ภิรมย์หรรษา
อุ้มองค์อรไท วางให้นิทรา
สมเด็จราชา ร่วมสนิทชิดกัน
  ๒๙๗ สองกระษัตริย์สมพาส
พิไรใจขาด ชมชิดหฤหรรษ์
ระรี้ภิรมย์ ชมอรแจ่มจันทร์
พิไรใฝ่ฝัน กระสันกามา
  ๒๙๘ เคล้าคลึงรึงรัด
ค่อยสอดพระหัตถ์ ไปรัดตรึงตรา
นอนแนบแอบนม ภิรมย์หรรษา
ปลื้มใจไปมา ซาบในพระทัย
  ๒๙๙ ยิ่งรู้ยิ่งยวน
นุชเจ้ายิ่งรำจวน กามกวนป่วนใจ
ระทดระทวย ดุจม้วยบรรลัย
ซับซาบอาบใจ อรนุชเจ้าเทวี
  ๓๐๐ ลุแล้วดังคิด
สองสำเร็จกิจ ยิ้มแย้มมีศรี
ตรัสจูบตรัสกอด ตรัสพลอดพาที
รังเกียจไม่มี ตรัสจำนรรจา
  ๓๐๑ บุญแล้วจึงพบ
กลิ่นกายอายอบ กระลบไปมา
ไม่รู้สิ้นสุด กลิ่นนุชเจ้าฉายา
จูบซ้ายย้ายขวา รับมิ่งสิ่งขวัญ[๕]
  ๓๐๒ ชะมดพิมเสน
กฤษณาราเชน เกสรพิกุล
หอมแล้วหายไป กลิ่นไม่เพิ่มพูน
กลิ่นนุชเจ้าไม่สูญ ยิ่งล้นคณนา
  ๓๐๓ กลิ่นฟุ้งกระลบ
กลิ่นกายอายอบ ไปทั่วกายา
ซับซาบอาบไป ในใจพี่ยา
ยิ่งกลิ่นบุษบา ในป่าหิมวันต์
  ๓๐๔ จักใกล้ราตรี
กลัวพระฤๅษี คลาไคลผายผัน
เรียมจักคลาไคล เร้นในหิมวันต์
พบอยู่ด้วยกัน โทษทัณฑ์จะมี
  ๓๐๕ ต่อค่ำจึ่งมา
นบนอบบิดา มาฝากไมตรี
เรียมไม่เสด็จไป ไกลนุชเจ้ามารศรี
จักอยู่แต่นี้ ที่ใกล้ศาลา
  ๓๐๖ นางจึ่งทูลฉลอง
เจ้าพรากจากน้อง แล้วมิกลับมา
ละวางขว้างไว้ จรไปพารา
ชีวิตแห่งข้า จักม้วยประลัย
  ๓๐๗ ข้าพระทุกข์นัก
ปิ่นเกล้าจอมจักร จากน้องกลใด
ชะอิ่งวิงวอน ทำอ้อนภูวไนย
กันแสงแกล้งไห้ พิไรโลมชาย
  ๓๐๘ พระจึ่งโลมเล้า
เรียมพรากจากเจ้า เหาะขึ้นผันผาย
แม้มิซื่อสัตย์ ตกจัตุราบาย
พี่ไม่หนีหน่าย ไกลอรทรามวัย
  ๓๐๙ กรกอดนงนุช
จูบสั่งที่สุด ไม่ใคร่จากไป
สั่งแล้วแคล้วคลา จากศาลาลัย
ไปอยู่ต้นไม้ ใกล้บรรณศาลา
  ๓๑๐ พระเสด็จไปแล้ว
คิ้วกรองน้องแก้ว ร้อนรนบ่นหา
หมั่นหมั่นไปเยี่ยม เฟี้ยมดูราชา
เห็นองค์เจ้าฟ้า ค่อยคลายสบายใจ
  ๓๑๑ พลางคอยฤๅษี
คอยทั้งภูมี กลัวจักหนีไป
พระสูริย์เสด็จคล้อย ละห้อยพระทัย
ตั้งจิตบ่ได้ อยู่ในศาลา ๚ะ

ฉบัง

๓๑๒ ยามเย็นค่ำลงรอนรอน พระดาบสจร
เข้ามาแต่ป่าด้วยพลัน  
๓๑๓ ได้ผลลูกไม้ครามครัน ชวนธิดาฉัน
ที่ในอาศรมบมินาน  
๓๑๔ บัดนั้นโสวัตกุมาร บทจรจากสถาน
ไปสู่อาศรมด้วยพลัน  
๓๑๕ เจ้าจึ่งก้มเกล้าอภิวันท์ ข้าพระจรจรัล
บุญแล้วมาพบท้าวไท  
๓๑๖ ดาบสเหลียวเห็นภูวไนย เหตุการณ์เป็นไฉน
เจ้าจึงมาเถิงศาลา  
๓๑๗ เจ้านี้มนุษย์ฤๅเทวา ฤๅหน่อกระษัตรา
พลัดพรากพิภพฤๅไฉน  
๓๑๘ โสวัตจึงตรัสขานไป ข้าพระอยู่ใน
เมืองพรหมกุฏพระนคร  
๓๑๙ พลางเที่ยวข้าพลางเขจร ร่ำเรียนธนูศร
ลุแล้วจักกลับคืนสถาน  
๓๒๐ ดาบสได้ฟังก็ชื่นบาน เชิญมาในสถาน
เสวยผลไม้พฤกษา  
๓๒๑ เจ้าอยู่ด้วยพ่อเถิดรา จักสอนราชา
ให้พระเจ้าเรียนศิลป์ไชย  
๓๒๒ โสวัตรู้แท้แก่ใจ ข้าพระไม่ไป
จักอยู่ด้วยไท้พันปี  
๓๒๓ สุดแต่จะโปรดปรานี ข้าพระยินดี
ยิ่งกว่าข้าพบพระบิดา  
๓๒๔ ฤๅษีรู้ซึ่งกิริยา ยิ้มแย้มไปมา
จึ่งว่าแก่พระจอมไตร  
๓๒๕ ทั้งนี้ย่อมจะไปไหน ค่อยมาค่อยไป
จะลุดังใจปรารถนา  
๓๒๖ เจ้าจึงค่อยอยู่รักษา ครั้นเช้าเข้าป่า
หาผลไม้มากมี  
๓๒๗ ไปหามาเลี้ยงฤๅษี ได้หลายราตรี
ฤๅษีก็อยู่ ณ ศาลา  
๓๒๘ ฤๅษีสั่งสอนราชา ให้เรียนคาถา
ทั้งมนตร์แลดลมากมี  
๓๒๙ ดาบสกองกูณฑ์อัคคี จึงชุบศรศรี
ให้แก่ภูมีบัดใจ  
๓๓๐ ท้าวชุบทั้งศรพระขรรค์ไชย ผุดขึ้นกลางไฟ
ประเสริฐก็เลิศโลกา  
๓๓๑ ดาบสรำพึงไปมา องค์อรธิดา
ควรด้วยสมเด็จพระภูมี  
๓๓๒ หนึ่งโสดกูเป็นฤๅษี จักปลูกเทวี
หวงไว้ดังนี้ก็มิควร  
๓๓๓ เทพามนุษย์จักสรวล ปลูกสร้างจักควร
แก่กูผู้เป็นสิทธา  
๓๓๔ ธรรมเนียมร่ำเรียนวิชา แม้นมีธิดา
จำยกให้แก่เขาเลี้ยงกัน  
๓๓๕ จึ่งถามสองเจ้าด้วยพลัน พ่อจะให้เลี้ยงกัน
ตามเจ้าจะคิดประการใด  
๓๓๖ โสวัตจึ่งตรัสสนองไป ข้าพระยากไร้
สุดแต่จักโปรดปรานี  
๓๓๗ นางจึ่งก้มเกล้าเกศี ผิดชอบทั้งนี้
สุดแท้แต่พระบิดา  
๓๓๘ ฤๅษีสดับคำสองรา จึ่งอ่านศาสตรา
เชิญเทวดามาให้พร  
๓๓๙ อมรินทร์อินทราจึ่งจร ฝูงเทพสลอน
มาช่วยสั่งสอนทั้งสองรา  
๓๔๐ บัดนั้นนางสุชาดา เอาอาภรณ์มา
ประดับประดาเจ้าเทวี  
๓๔๑ อินทราตบแต่งภูมี ด้วยอาภรณ์ศรี
ประดับก็รุ่งเรืองฉาย  
๓๔๒ พระพรหมชื่นชมจึ่งถวาย เฉิดฉันพรรณราย
มากองกันไว้บมินาน  
๓๔๓ ดาบสจึ่งนั่งเป็นประธาน สองกระษัตริย์มัสการ
ถวายธูปแลเทียนบูชา  
๓๔๔ พระอินทร์กุมกรฉายา กับองค์ราชา
กราบกับบาทาพระฤๅษี  
๓๔๕ ฝูงเทพประโคมดนตรี แตรสังข์สนั่นมี่
สมโภชพระเจ้าทั้งสองรา  
๓๔๖ ดาบสจึงจับมงคลมา ลงนำบช้า
ก็อวยพรพระภูมี  
๓๔๗ สองเจ้าอยู่ดีกินดี โพยภัยอย่ามี
แต่ในวันนี้ด้วยพลัน  
๓๔๘ จึ่งให้ธนูศิลป์พระขรรค์ อันเรืองฤทธิ์นั้น
จงศัตรูวินาศทั้งโลกา  
๓๔๙ พระอินทร์ให้พรทั้งสองรา ทั่วทั้งพรหมา
ให้พรราชามากมาย  
๓๕๐ สองกระษัตริย์จงสุขสบาย เกิดบุตรสืบไป
ประเสริฐก็เลิศแดนไตร  
๓๕๑ เสร็จแล้วเทวาก็คลาไคล กระบัดเดี๋ยวใจ
ก็ลุเถิงไตรตรึงษา  
๓๕๒ สององค์กราบลงกับบาทา ลุกนั่งสามครา
เข้าสู่ในห้องอาศรม  
๓๕๓ ครั้นค่ำเข้านอนบรรทม สองกระษัตริย์ภิรมย์
ก็สมดังความปรารถนา  
๓๕๔ ครั้นเช้าจึงเสด็จลินลา เก็บผลพฤกษา
มาเลี้ยงบิดาทุกวัน  
๓๕๕ ฤๅษีค่อยภาวนาธรรม์ จำเดิมแต่นั้น
พระเจ้าบ่เข้าพงไพร ๚ะ  

สุรางคนางค์

  ๓๕๖ สองกระษัตริย์ค่อยอยู่
ภิรมย์ชมคู่ ร่วมรู้ชมกัน
ได้สามเดือนปลาย ไม่คลายวายวัน
พระนุชเจ้าทรงครรภ์ เหนือพระธรณี
  ๓๕๗ ครั้นได้สิบเดือน
ม้าต้นทูลเตือน ขอเชิญภูมี
ตรัสไม่รำพึง คิดเถิงชนนี
จักนับราตรี ท่าพระทุกวัน
  ๓๕๘ เชิญพระเสด็จไป
ตรัสคิดสิ่งใด ได้แล้วทุกอัน
ไม่เสียทีมา เจ้าม้าจรจรัล
เถิงป่าหิมวันต์ ลุดั่งปรารถนา
  ๓๕๙ พระจึ่งขานตอบ
พี่ทูลนี้ชอบ ขอบใจนักนา
เมื่อเราพี่น้อง เสด็จจากมารดา
วันนั้นทูลลา ว่าแต่สามปี
  ๓๖๐ ได้มาพึงบุญ
จักอยู่แทนคุณ ดาบสฤๅษี
ครั้นว่าพลันหน่าย ใช่ชายชาตรี
ติฉินจะมี น้องน้อยนักหนา
  ๓๖๑ เมื่อนั้นมารศรี
ปลอบม้าพาชี พี่ได้เมตตา
เอ็นดูน้องน้อย ค่อยไปค่อยมา
ยับยั้งฟังข้า จึ่งไปด้วยกัน
  ๓๖๒ พระกรกำหญ้า
มาป้อนอาชา รับมิ่งสิ่งขวัญ
นางเมืองแม่ปรานี พาชีทุกอัน
แต่แรกผัวขวัญ เถิงศาลาลัย
  ๓๖๓ บัดนั้นอาชา
เที่ยวไปกินหญ้า ทั่วทั้งพงไพร
ค่ำจึ่งลินลา มาศาลาลัย
เช้าเช้าจึ่งไป กินทุกพารา
  ๓๖๔ วันหนึ่งพาชี
เหาะข้ามบูรี เมืองท้าวยักษา
ชื่อกรุงชนบท ปรากฏนักหนา
สมเด็จจิตรา ครองกรุงยักษี
  ๓๖๕ ท้าวจิตราราช
เสด็จเหนือเกยมาศ ผาดเห็นพาชี
อุกอาจหยาบหยาม เหาะข้ามบูรี
สมเด็จภูมี ทรงพระโกรธา
  ๓๖๖ จับได้กระบองเพชร
วิ่งวางระเห็จ เสด็จด้วยฤทธา
ไล่ตีม้าต้น ที่บนเวหา
บัดนั้นอาชา ต่อด้วยยักษี
  ๓๖๗ ท้าวโผนเข้ารัน
ม้าต้นหลบทัน รันผิดพาชี
ม้าต้นเข้าขบ ชกตบยักษี
ดีดด้วยฤทธี ปิ้มจะม้วยชีวา
  ๓๖๘ ร้องเรียกอสูร
เข้ามาพร้อมมูล ช่วยตีอาชา
ฉวยจับพวนได้ รัดไว้ตรึงตรา
ร้อยแข็งร้อยขา โบยตียิ่งมาร
  ๓๖๙ เอากรงเหล็กมา
ไล่ม้าอาชา ส่งให้ทหาร
ตะปูตรึงเข้า สี่เท้าบ่นาน
พาชีเชี่ยวชาญ ร่ำรักราชา
  ๓๗๐ โอยโอยปานนี้
เจ้าทั้งสองศรี จะนั่งคอยหา
จักบ่นหาพี่ พาชีไม่มา
ไม่รู้จักว่า พี่ทิ้งเจ้าเสีย
  ๓๗๑ ตัวตายไม่คิด
ชีพเลยสักนิด คิดแต่ผัวเมีย
สิ้นบุญพี่แล้ว น้องแก้วจักเสีย
ชีพทั้งผัวเมีย เพราะพากันเดิน
  ๓๗๒ แม้นว่าพี่ยัง
พระเสด็จขึ้นหลัง พี่จะพาเหาะเหิร
เอ็นดูแต่ก่อน บ่ห่อนจะต้องเดิน
ใครจะพาเหาะเหิร ขึ้นบนเวหา
  ๓๗๓ จักจรด้วยบาท
บ่เคยลินลาศ ในกลางหิมวา
บ่มีเกือกทอง รับรองบาทา
จักสิ้นชีวา บเถิงชนนี
  ๓๗๔ สมเด็จภูธร
ค่ำลงรอนรอน ไม่เห็นพาชี
สองกระษัตริย์ร่ำไร ไม่มีสมประดี
โอ้ยามปานนี้ มิมาเลยว่าไร
  ๓๗๕ สองกระษัตริย์ร่ำร้อง
พิไรอยู่ทั้งสอง ชลเนตรลามไหล
สิ้นบุญพี่ม้า น้องจะเห็นหน้าใคร
จรไปไม่ได้ เถิงพระมารดา
  ๓๗๖ กรกอดน้องไว้
ตีทรวงครวญไห้ ในบรรณศาลา
ม้าต้นตายแล้ว นะแก้วเจ้าพี่อา
ใครเลยจักพา เอาเราเหาะไป
  ๓๗๗ แม้นจักคืนเมือง
เห็นจักแค้นเคือง ลำบากยากใจ
นุชไม่เคยเดิน ดำเนินในไพร
จักม้วยประลัย เที่ยงแท้แลนา
  ๓๗๘ ครั้นวายโศกแล้ว
สูริยาสว่างแผ้ว สองกระษัตริย์คลาดคลา
ตระบัดเดียวดล เก็บผลพฤกษา
มาเลี้ยงบิดา อยู่ศาลาลัย
  ๓๗๙ เขลงคล้าหว้าพลอง
ขวิดขวาดตาดตอง มะต้องติดใจ
ตะโกปรูปราง หมากซางหมากไฟ
สองกระษัตริย์เก็บได้ อเนกเหลือตรา
  ๓๘๐ ขนุนขนัน
มะดูกลูกจัน น้อมค้อมลงมา
ทุเรียนมังคุด ละมุดสีดา
สองกระษัตริย์เก็บมา เลี้ยงท้าวฤๅษี
  ๓๘๑ ยังมีนายพราน
ล่าเนื้อในสถาน เห็นพระภูมี
ตามทรายมิได้ แค้นใจแสนทวี
มีนนี้ฝูงผี ต้อนเนื้อในใพร
  ๓๘๒ ดีร้ายผีป่า
ต้อนทรายชายมา พลัดพรากจากไพร
จักเอาปืนยา ฆ่าให้บรรลัย
จึ่งมองเข้าไป ใกล้สองกระษัตรา
  ๓๘๓ เห็นโฉมบริสุทธิ์
ฤๅว่ามนุษย์ ล้ำเลิศเทวา
ชะรอยกระษัตริย์ พลัดพรากเมืองมา
จักผลาญชีวา ผัวให้สิ้นปราณ
  ๓๘๔ จักเอาเมียไป
ถวายแก่ภูวไนย จักได้รางวัล
จึ่งขึ้นปืนยา สองตาเมียงมัน
ยิงไปผายผัน ต้องพระราชา
  ๓๘๕ สมเด็จภูมี
เรียกนางมเหสี ช่วยพี่ด้วยรา
เรียมจักมอดม้วย ด้วยพิษปืนยา
กลิ้งเกลือกไปมา โลหิตลามไหล
  ๓๘๖ จึ่งอรเทวี
เหลียวเห็นภูมี ตระหนกตกใจ
กรกอดภูเบศ ชลเนตรลามไหล
เหตุการณ์สิ่งใด เป็นดั่งนี้นา
  ๓๘๗ ไม่รู้ที่จะคิด
บ่มีความผิด สักกึ่งเกศา
ฤๅมันจักใคร่ ได้ข้าบริจา
ผลาญชีพเจ้าฟ้า ให้ม้วยฉิบหาย
  ๓๘๘ สิ้นบุญตรัสแล้ว
ชีพของเมียแก้ว ไม่คิดเสียดาย
ปืนยาพิษนัก ปักทรวงดวงใน
ให้ชีพข้าวาย ด้วยพระราชา
  ๓๘๙ นางแก้วมเหสี
เช็ดเลือดภูมี ทั่วทั้งกายา
ตรัสแปรพระพักตร์ มาสั่งเมียรา
สั่งข้าบริจา แล้วจึ่งวายปราณ
  ๓๙๐ สมเด็จจอมจักร
จึ่งแปรพระพักตร์ มาสั่งเยาวมาลย์
ฆ่าชีพเสียไย เกลือกไม่เข้าการ
เอ็นดูกุมาร อันอยู่ในครรภ์
  ๓๙๑ จึ่งเปลื้องภูษา
ธำมรงค์รจนา ให้อรแจ่มจันทร์
ถ้าโอรสรอด เสด็จคลอดจากครรภ์
อตส่าห์จรจรัล ให้เถิงมารดา
  ๓๙๒ ทูลว่าพี่ม้วย
ฝากหลานรักด้วย แก่พระอัยกา
ตรัสได้เอ็นดู พระทรงเมตตา
เลี้ยงพระนัดดา ไว้ครองไอยศวรรย์
  ๓๙๓ แม้นมิเชื่อไซร้
ธำรงค์เอาให้ ดูเป็นสำคัญ
เชิญดาบสไป ส่งให้เถิงพลัน
หวังจะฝากจอมขวัญ แก่พระบิดา
  ๓๙๔ นางฟังภูมี
น้ำเนตรไหลรี่ คือท่อธารา
สิ้นบุญตรัสแล้ว เมียแก้วนี้นา
จักจรพารา เพื่อใดนะพระเอย
  ๓๙๕ ครั้นเถิงศาลา
ข้าบาทบริจา มิคืนคงเลย
โอรสเกิดมา กำพร้ามิเคย
พ่อเจ้าเมียเอย จะอยู่เยียไร
  ๓๙๖ เมียจักเป็นหม้าย
อดสูดูร้าย คนจักไยไพ
แม้นว่าพระองค์ ปลงจิตเมื่อใด
จักกอดศพไว้ กว่าจะม้วยเป็นผี
  ๓๙๗ ยกบาททูนเกล้า
ฟายโลหิตเจ้า ขึ้นใส่เกศี
เจ้าสลบแน่ไป ไม่รู้สมประดี
จักปลงชีวี ตรัสแล้วแลนา
  ๓๙๘ พระฟังโฉมฉาย
ค่อยฟื้นวรกาย ชำเลืองเนตรมา
สำหรับกรรมแล้ว นะแก้วพี่อา
เจ้าอย่าโศกา ครวญคร่ำร่ำไร
  ๓๙๙ บุญเคยเลี้ยงกัน
ได้แต่เพียงนั้น จึ่งม้วยประลัย
จักโศกสร้อยเศร้า สักเท่าใดใด
เนตรเป็นเลือดไหล ไม่คืนวรกาย
  ๔๐๐ ค่อยอยู่จงดี
ในกาลบัดนี้ พี่จักวอดวาย
พิษปืนกลัดกลุ้ม คลุ้มทั่ววรกาย
ผัวจักฉิบหาย ชีพสู่เมืองสวรรค์
  ๔๐๑ สั่งแล้วมิช้า
นัยน์เนตรเจ้าฟ้า ใหลลงด้วยพลัน
ตรัสชีวงคต ปรากฏอัศจรรย์
ปัฐพีไหวหวั่น ทั่วทั้งพงพี
  ๔๐๒ นางนาฏบัดนั้น
เห็นพระสู่สวรรค์ สิ้นแล้วชีวี
กอดศพร่ำไร ในกลางธรณี
สองกรข้อนตี ทรวงแล้วร่ำไร
  ๔๐๓ โอยพระผ่านเกล้า
ละข้าพุทธิเจ้า เสียกลางพงไพร
ทุกวันเสด็จมา เพลาคลาไคล
ยังศาลาลัย ด้วยข้าบริจา
  ๔๐๔ วันนี้ข้าบาท
จักจรยูรยาตร องค์เดียวเอกา
คืนไปหาใคร ในบรรณศาลา
เพราะพระราชา อยู่ในหิมวันต์
  ๔๐๕ โอยพระทูลกระหม่อม
เมียรักทุกข์ตรอม เคยเฝ้าจอมขวัญ
พระละเมียไว้ เสด็จไปสู่สวรรค์
ข้าน้อยโศกศัลย์ สร้อยเศร้าโศกา
  ๔๐๖ แม้นตรัสสิ้นสุด
ในเมืองพรหมกุฏ บิดามารดา
จักแต่งโกศทอง เรืองรองรจนา
โคมทองชวาลา ถวายศพภูมี
  ๔๐๗ เพดานม่านดัด
ระย้าราชวัติ กางกั้นพันปี
ตรัสสิ้นพระชนม์ เหนือบนธรณี
เอาแต่ปัฐพี ต่างพระมณเฑียร
  ๔๐๘ พระเกศตรัสเกย
รากไม้ต่างเขนย กลางดงตระเคียน
ภูเขาสล้าง ล้อมต่างโคมเวียน
ต้นยางต่างเทียน ถวายศพภูวไนย
  ๔๐๙ จะไว้พระศพ
เสือสีห์พานพบ มันจักพาไป
เมียจักอุ้มเจ้า จรเข้าศาลาลัย
เชิญศพเจ้าไป ถวายพระฤๅษี
  ๔๑๐ แม้นเถิงศาลา
ถวายเพลิงเจ้าฟ้า ตัวข้ามารศรี
จึ่งจักวิ่งวาง เข้ากลางอัคคี
ต่อหน้าฤๅษี ม้วยด้วยราชา
  ๔๑๑ กำลังช้างสาร
ทรงคือเยาวมาลย์ เชิญพระศพมา
อุ้มศพผัวเจ้า ทูนเกล้าเกศา
แปรพระพักตร์มา ยังศาลาลัย
  ๔๑๒ บัดนั้นนายพราน
แลเห็นเยาวมาลย์ อุ้มศพผัวไป
ผุดลุกขึ้นวิ่ง เข้าชิงอรไท
ขว้างศพภูวไนย ลงเหนือธรณี
  ๔๑๓ นางจึ่งวิ่งไป
อุ้มศพจอมไตร ขึ้นทูลเกศี
ตระหนกตกใจ ยิ่งได้แสนทวี
ชะรอยมันนี้ ยิงพระราชา
  ๔๑๔ นางจึ่งถามไป
เหตุการณ์เพื่อใด ท่านจึ่งริษยา
จึงทำแก่ผี มิดีนักหนา
ไม่คิดอนิจจา เป็นคนฉกรรจ์
  ๔๑๕ พรานจึงบอกไป
จักเอาอรไท ไปถวายทรงธรรม์
จักสัญญาไว้ ใครอย่าลืมกัน
เกลือกเมื่อครานั้น เจ้าจักลืมพราน
  ๔๑๖ มาเราจักไป
กันแสงร่ำไร รักผัวสาธารณ์
เสียน้ำตาไป เกลือกไม่ต้องการ
แม้นไปด้วยพราน เจ้าจักได้ดี
  ๔๑๗ นางจึงตอบไป
กล่าวดังนี้ไย ใช่คนบัดศรี
ผัวม้วยประลัย บ่ได้ปรานี
เราไม่ไยดี ท่านอย่าเจรจา
  ๔๑๘ แม้จักใคร่ได้
เชิญท่านเข้าไป ขอแก่สิทธา
แม้นดาบสให้ ดังใจปรารถนา
ท่านจึ่งค่อยพา ตัวข้าจรลี
  ๔๑๙ พรานจึงยิ้มแย้มไป
พี่เหยียบเต่าไว้ กับกลางธรณี
จักเรียกหาหมา เข้ามาไยมี
อย่าว่าเซ้าซี้ มาเราจักไป
  ๔๒๐ กุมกรนางมา
ฝ่ายองค์ฉายา ต่อผลักต่อไส
นางฉวยสลัด พลัดมือพรานไพร
นางวิ่งหนีได้ เข้าไพรพฤกษา
  ๔๒๑ พรานแล่นตามไป
ฉวยได้อรไท โบยด้วยปืนยา
ถีบด้วยตีนซ้าย ป่ายด้วยตีนขวา
กลิ้งเกลือกไปมา เห็นน่าเอ็นดู
  ๔๒๒ กุมกรนางได้
พาอีจังไร มึงวิ่งหนีกู
โบยด้วยปืนยา เห็นน่าเอ็นดู
สลบลงเป็นครู่ กับพื้นพสุธา
  ๔๒๓ พรานแค้นขัดใจ
ถอดมีดเหน็บได้ สับศพราชา
นางลุกขึ้นรอด กอดบาทบาทา
ท่านได้เมตตา อย่าทำแก่ผี
  ๔๒๔ แม้นจักตบต่อย
สับให้ยับย่อย ทำข้ามารศรี
ไม่คิดว่ากรรม มาทำแก่ผี
ได้โปรดปรานี ข้าน้อยจะไป
  ๔๒๕ พรานยิ้มแย้มหัว
อีนี่รักผัว มันเป็นเหลือใจ
ธำมรงค์ภูษา พรานป่าเอาไป
กุมกรอรไท เข้าในพงพี
  ๔๒๖ นางเดินตามไป
สุรเสียงร้องไห้ คือดังชะนี
ช่วยลูกด้วยรา ดาบสฤๅษี
พรานพาลูกหนี ในดงพงไพร
  ๔๒๗ พรานมันตีด่า
ว่าแสนมารยา มึงบ่นเอาใคร
เดินพลางโบยพลาง นางเพียงจะบรรลัย
นางร่ำร้องไห้ เรียกผัวอยู่เบยเบย
  ๔๒๘ โอยพระโสวัต
เหตุไรจึ่งซัด มิช่วยเมียเลย
ต้องโบยต้องตี เมียนี้มิเคย
ทูนหัวเมียเอย ช่วยเมียด้วยรา
  ๔๒๙ เสือสีห์แรดช้าง
ได้ยินเสียงนาง ย่อมฟายน้ำตา
ฝูงนกร่ำไร ค่าไม้พฤกษา
เซ็งแซ่ไปมา ทั้งป่าพงพี
  ๔๓๐ แม้นช่วยเจ้าได้
เอ็นดูอรไท้ จักช่วยเทวี
เหตุไรพรานป่า มันมาโบยตี
คิดน่าปรานี พระอรทรามวัย
  ๔๓๑ นางค่อยลินลา
จรตามพรานมา เข้าในพงไพร
เดินพลางนางร่ำ น้ำพระเนตรหลั่งไหล
กรรมวิบากสิ่งไร แก่เมียแลนา
  ๔๓๒ ยามเย็นย่ำย่ำ
สูริยาตกต่ำ ค่ำแล้วนะพระเอย
เมียรักได้ยาก ลำบากมิเคย
ทูลกระหม่อมของเมียเอย เมียจะนอนแห่งใด ๚ะ

ยานี

๔๓๓ ครั้นค่ำลงบ่หึง พรานไปทึ้งเอาเถาวัลย์
ผูกกรอรแจ่มจันทร์ ไว้กับต้นไม้พฤกษา
๔๓๔ พรานจึงปีนขึ้นไป นอนปลายไม้ร้องลงมา
ตัวกูรู้คาถา เห็นเสือมามึงอย่ากลัว
๔๓๕ มนตร์กูกันไว้แล้ว คือกำแพงแก้วล้อมรอบตัว
ว่าพลางทางยิ้มหัว แล้วเคลิ้มหลับบัดเดี๋ยวใจ
๔๓๖ มีเทพทั้งคู่ อันสิงสู่อยู่พระไทร
นีรมิตองค์ลงไป เหมือนดาบสอันใจธรรม์
๔๓๗ เข้าแก้พระกรนาง เอาปรูปรางให้เสวยพลัน
ฝูงพาเทพสรรพ์ ให้บรรทมสำราญใจ
๔๓๘ นางคิดว่าบิดา กอดบาทาแล้วร่ำไร
เหนื่อยนักนางหลับไป นิมิตเถิงไทพระโฉมตรู
๔๓๙ ฝันว่าพระอาทิตย์ อันเรืองฤทธิ์น่าเอ็นดู
ปะเข้ากับราหู จับองค์ได้ขว้างลงมา
๔๔๐ ตกลงเถิงธรณี พระสูรย์ศรีคืนเวหา
ยังผีดาวดารา เสด็จวงล้อมท้าวสุกใส
๔๔๑ ตื่นขึ้นจักแก้ฝัน อรแจ่มจันทร์บ่เห็นใคร
รำพึงแต่ในใจ ชะรอยว่าเทพในดงดอน
๔๔๒ นิรมิตเป็นดังนี้ เกลือกฤๅษีมาอวยพร
ฤๅศพพระภูธร เป็นขึ้นแล้วกระมังนา
๔๔๓ ครั้นพระสูรย์แสงฉัน เทพผายผันจักคลาดคลา
ผูกกรอรฉายา ไว้ดังเก่าแล้วหายไป
๔๔๔ ครั้นเมื่อย่ำรุ่งเช้า จึงพรานเฒ่าจักคลาไคล
ลงจากต้นพระไทร พานางไปบ่ทันนาน
๔๔๕ บัดนั้นจึ่งนางนาฏ ค่อยยูรยาตรไปด้วยพราน
ชลเนตรคือท่อธาร คิดเถิงท้าวเพื่อนเข็ญใจ
๔๔๖ เอ็นดูแต่พระศพ เสือสีห์พบจักพาไป
ด้วยว่าไม่มีใคร เฝ้าพระศพมาละเสีย
๔๔๗ แม้นตรัสยังอยู่รา เห็นจะมาติดตามเมีย
มิรางละวางเสีย ให้พรานป่าพาเมียหนี
๔๔๘ เหลียวซ้ายเจ้าแลขวา คิดสัญญาว่าฤๅษี
จักมาตามเทวี บ่เห็นใครใจกระศัลย์
๔๔๙ นางคิดแต่ในใจ ตัวกูไซร้จะปลอบมัน
จรมาสิบห้าวัน บ่เห็นใครในพงพี
๔๕๐ นางชวนพรานเจรจา พี่เมตตาน้องได้ดี
พระคุณใส่เกศี น้องบ่ลืมคุ้มวันตาย
๔๕๑ พรานเฒ่าเหลียวมาว่า แรกพามาทำวุ่นวาย
แม้นมาด้วยง่ายดาย บ่รางพี่จะทำหยาบหยาม
๔๕๒ นางว่าข้าได้ผิด มิทันคิดอย่าถือความ
เจ้าลวงนางเดินตาม สัพยอกหยอกพรานไป
๔๕๓ พรานได้ฟังนางว่า แรกพามาโกรธคือไฟ
ได้คิดก็ติดใจ กล่าวแก่เราเป็นแยบคาย
๔๕๔ นางว่าพี่พรานเอย น้องบ่เคยอดข้าวสาย
แสบท้องน้องปางตาย หยุดอยู่พักก่อนเป็นไร
๔๕๕ พรานได้ยินนางว่า เดินเข้ามาร่มพระไทร
หยุดพักสำราญใจ ให้นางเสวยโภชนาหาร
๔๕๖ นางทำยิ้มหัวร่อ เบือนหน้าต่อยิ้มร่อพราน
ชวนกันกินอาหาร ทำให้พรานเชื่อใจไป
๔๕๗ ลมพัดมาเย็นเฉื่อย พรานมาเหนื่อยก็นอนไป
เคลิ้มหลับบัดเดี๋ยวใจ กับใต้ต้นไทรพฤกษา
๔๕๘ นางคิดแต่ในใจ มันนี้ไซร้ผลาญราชา
นางจับมีดพรานมา ฟันคอขาดบัดเดี๋ยวใจ
๔๕๙ พรานเฒ่าดิ้นระด่าว โลหิตเล่าออกลามไหล
บัดเดียวก็ขาดใจ อยู่กับต้นไม้ไทรพฤกษา
๔๖๐ ครั้นว่าพรานตายแล้ว อรน้องแก้วจักลินลา
ธำมรงค์แลภูษา ของท่านท้าวนางเอาไป
๔๖๑ นางคิดจักกลับมา ยังเจ้าฟ้าอันประลัย
บ่รู้แห่งหนไหน จำมิได้คืนมรคา
๔๖๒ เข้าป่านางออกดง อรนุชหลงซัดจรมา
ธำรงค์แลภูษา ทูนเกล้าพลางนางเดินไป
๔๖๓ เห็นนกเคล้าคลึงคู่ เคียงกันอยู่ร้องเสียงใส
โผพามาแต่ไกล เหมือนเราเคล้ากันทั้งสอง
๔๖๔ เห็นทรายเคล้าคลึงลัน เสือผัดพานเข้ามุ่งมอง
เหมือนพรานมันคิดปอง ยิงท่านท้าวให้มรณา
๔๖๕ นางเข้าดงสารภี หอมจำปีแลจำปา
รวยรวยหอมรสมา เหมือนกลิ่นท้าวผู้ผัวขวัญ
๔๖๖ นางเก็บลูกลำไย ทั้งหมากไฟแลอินจัน
เสวยพลางนางกระศัลย์ เชิญมาเสวยด้วยน้องรา[๖]
๔๖๗ นางไปเห็นสระสรง อรนุชลงสรงสระศรี
รากบัวฝักบัวมี เก็บมาเป็นโภชนา
๔๖๘ เสวยพลางนางร้องไห้ ชลเนตรไหลคือธารา
นางได้ดอกบัวมา ทูนเกศาเข้าในดง
๔๖๙ นางค่อยเสด็จคลาไคล อรทรามวัยเจ้าสลบลง
กลิ้งเกลือกในกลางดง องคเดียวเปลี่ยวหฤทัย
๔๗๐ บาทาเจ้าพุพอง ช้ำเป็นหนองเป็นเลือดไหล
นางทรุดอยู่กลางไพร นางร่ำไห้มิรู้วาย
๔๗๑ หนามคมมันยิ่งยอก บาทาปอกเจ็บปางตาย
จรมาห้าเดือนปลาย บ่สบพบใครเลยนา
๔๗๒ นางยกกรขึ้นไหว้ พฤกษ์ต้นไม้ห้วยเหวผา
อินทราแลพรหมา ช่วยให้ท้าวพ้นความตาย
๔๗๓ ข้าไหว้พระอาทิตย์ อันศักดิ์สิทธิ์รุ่งเรืองฉาย
อินศวรพระนารายณ์ ช่วยศพท้าวให้เป็นมา
๔๗๔ สิงสัตว์อยู่ในไพร เห็นอรไทคล่าวน้ำตา
แม้นเรารู้ภาษา จักนำไปเถิงเมืองคน
๔๗๕ ฝูงนกจับค่าไม้ ร่ำร้องไห้อยู่เสือกสน
แม้นรู้ภาษาคน จักช่วยนำเอานางไป
๔๗๖ สิงสัตว์ทุกทั่วทิศ คิดปรานีอรทรามวัย
ชักชวนกันตามไป ช่วยปกป้องอรฉายา
๔๗๗ นางเดินค่อยหยุดยั้ง เถิงริมฝั่งพระคงคา
นางชมพรรณฝูงปลา ชลเนตรไหลลงฟูมฟอง
๔๗๘ ฝูงปลาว่ายเป็นคู่ ทั้งราหูแลเพียนทอง
ฉลามเข้ามุ่งมอง เจ้าชมพลางคล่าวน้ำตา
๔๗๙ นางจรไปเหนื่อยนัก หยุดอยู่พักร่มพฤกษา
ใกล้ฝั่งพระคงคา ครวญเถิงท้าวผู้ผัวขวัญ ๚ะ

สุรางคนางค์

  ๔๘๐ ยังมีลูกค้า
ใช้ใบเรือมา มากลางนัที
ทอดสมอลงไว้ ชาวไพร่ยินดี
ชวนกันมะมี่ ไปหาอาหาร
  ๔๘๑ จึ่งลงสัดจอง
ตระบัดลอยล่อง เถิงฝั่งบมินาน
ต่างคนต่างไป ในไพรพฤกษา[๗]
แลเห็นฉายา ชมชื่นดีใจ
  ๔๘๒ นางเห็นพานิช
นุชเจ้ารำพึงคิด ในพระหฤทัย
ฝูงคนนี้นา มันมาแต่ไหน
จักทำกรรมให้ กูแล้วแลนา
  ๔๘๓ พานิชเข้าไปใกล้
ถามอรทรามวัย เจ้ามาแต่ไหนหนา
ไม่กลัวแรดช้าง ในกลางหิมวา
ซัดจรซอนมา องค์เดียวแต่ตัว
  ๔๘๔ นางจึ่งบอกไป
ข้าเจ้านี้ไซร้ พลัดพรากจากผัว
สำหรับกรรมแล้ว ความยากเถิงตัว
ข้าน้อยบกลัว ว่าจะวอดวาย
  ๔๘๕ พานิชว่าเล่า
ดีร้ายผัวเจ้า เถิงแก่ความตาย
จักอยู่เยียไร ในไพรนะโฉมฉาย
ไปด้วยพี่ชาย เจ้าจักได้ดี
  ๔๘๖ นางจึ่งว่าไป
กล่าวดังนี้ไซร้ เป็นคนบัดศรี
ข้าใช่คนชั่ว ลูกผัวข้ามี
ครั้นทำมิดี กรรมจะติดตัวไป
  ๔๘๗ พานิชจึงว่าเล่า
บาปกรรมร้อยเท่า จักกลัวอะไร
ยอกรอุ้มนาง วิ่งวางลงไป
สัดจองคลาไคล ยังพระนาวา
  ๔๘๘ นางร่ำร้องไห้
วิบากสิ่งใด แก่ตัวนักหนา
ครั้งหนึ่งนายพราน ผลาญชีพมรณา
ครั้งนี้กูมา เป็นคนบัดศรี
  ๔๘๙ ครั้นเถิงสำเภา
พานิชชวนเจ้า เข้าท้ายบาหลี
จะเคล้าเล้าโลม จึ่งโฉมมารศรี
จักฝากไมตรี แก่กันสองรา
  ๔๙๐ นางจึงโลมเล้า
เอ็นดูข้าเจ้า ค่อยไปค่อยมา
อุทรน้องรัก แก่นักแก่หนา
เมื่อคลอดลูกยา เราแล้วจะเลี้ยงกัน
  ๔๙๑ จึงนายสำเภา
ได้ฟังคำเจ้า วาทีทุกอัน
ไว้เนื้อเชื่อใจ กางใบขึ้นพลัน
เขจรผายผัน ไปกลางคงคา
  ๔๙๒ นางจึ่งว่าเล่า
ตัวข้าพระเจ้า อยู่กับบาทา
จักเล่าให้ฟัง ยังจะเมตตา
แม้นโปรดเกศา อย่าควรสูญใจ
  ๔๙๓ นายสะเภาจึ่งว่าเล่า
อรนุชน้องท้าว จักกล่าวสิ่งไร
สิ่งสินทั้งนี้ พี่จักยกให้
สุดแต่พระทัย ของเจ้าเถิดนา
  ๔๙๔ นางจึ่งว่าเล่า
ตัวข้าพระเจ้า พึ่งแรกจักมา
ใคร่เลี้ยงนักการ คนงานซ้ายขวา
เหล้าข้าวเนื้อปลา ให้สำราญใจ
  ๔๙๕ เจ้าสะเภาจึงว่า
ตามแต่ปัญญา ของอรทรามวัย
จักเลี้ยงทั้งหลาย ให้เขาสบายใจ
เหล้าข้าวเป็ดไก่ ของเราเหลือตรา
  ๔๙๖ นางจึ่งให้แต่ง
บรรดาการแกล้ง ทุกสิ่งนานา
ทอดสมอลงไว้ ให้ชาวเภตรา
กินซึ่งสุรา ถ้วนทุกตัวคน
  ๔๙๗ ชาวสะเภาทั้งหลาย
กินอยู่สบาย เป็นโกลาหล
เมามายล้มลุก ถ้วนทุกตัวคน
หลับไม่รู้ตน สิ้นทั้งเภตรา
  ๔๙๘ นางคิดในใจ
กูจักอยู่ไย ให้ทนเวทนา
ฆ่าไปให้ตาย ว่ายในคงคา
มิให้ชายมา ร่วมรักเถิงสอง
  ๔๙๙ นางเอาข้าวปลา
เงินทองเสื้อผ้า ใส่ลงสัดจอง
นางตัดลอยไป ดุจดังใจปอง
ตระบัดลอยล่อง ในกลางคงคา
  ๕๐๐ นางจึ่งธิษฐาน
เดชะสมภาร โสวัตราชา
ถ้าเสด็จปลอด รอดเป็นคืนมา
ขอให้ตัวข้า อย่าเป็นอันตราย
  ๕๐๑ ถ้าว่าพระองค์
ชีพบ่คืนคง มอดม้วยฉิบหาย
ระลอกซัดซ้ำ กลางน้ำจมตาย
สัดจองทำลาย ตายด้วยราชา
  ๕๐๒ ครั้นธิษฐานแล้ว
จึ่งอรน้องแก้ว ค่อยภาวนา
บ่มีคลื่นฉาน ในกลางคงคา
เดชะคาถา ดาบสฤๅษี
  ๕๐๓ ครั้นรุ่งขึ้นเช้า
จึงนายสะเภา ค่อยฟื้นสมประดี
รู้ว่านางน้อง ตัดสัดจองหนี
โทษกันมะมี่ อึงทั้งเภตรา
  ๕๐๔ เราเป็นผู้ชาย
ไม่รู้แยบคาย เท่าหญิงแพศยา
แม้นมันทำร้าย เราตายทั้งเภตรา
มันหากเมตตา แต่หนีเราไป
  ๕๐๕ ว่าแล้วมินาน
จึ่งเตือนคนงาน ถอนสมอบัดใจ
พระพายพัดมา นาวาแล่นไป
ตระบัดคลาไค ในกลางคงคา ๚ะ

ฉบัง

๕๐๖ บัดนั้นจึ่งพระฤๅษี จักใกล้ราตรี
ก็คอยทั้งสองกระษัตรา  
๕๐๗ ยามปานฉะนี้มิเห็นมา หลากด้วยสองรา
เป็นเหตุเป็นผลสิ่งใด  
๕๐๘ เห็นผิดเวลาจะคลาไคล ฤๅสัตว์ไนไพร
ผลาญชีพให้ม้วยมรณ์  
๕๐๙ ดาบสคิดแล้วเขจร เข้าในดงดอน
เพื่อแสวงหาสองกระษัตรา  
๕๑๐ จึงพบพระศพราชา เห็นทั้งปืนยา
ปักอยู่กับทรวงภูมี  
๕๑๑ บ่เห็นองค์อรเทวี ดาบสฤๅษี
ตระบัดก็เที่ยวไปมา  
๕๑๒ เห็นแต่รอยบาทบาทา เทียวไปเทียวมา
ครั้นแล้วก็เข้าในไพร  
๕๑๓ ดาบสคิดแต่ในใจ ดีร้ายพรานไพร
ผลาญชีพให้มรณา  
๕๑๔ จึ่งพรานมันพานางมา ร่องรอยบาทา
ทั้งสองก็ตามกันไป  
๕๑๕ ดาบสกอดศพภูวไนย ชลเนตรหลั่งไหล
บ่เอือนคือท่อธารา[๘]  
๕๑๖ เสียแรงพ่อเลี้ยงรักษา เป็นกรรมเวรา
สิ่งใดให้ม้วยมรณา  
๕๑๗ ดาบสอุ้มศพราชา มายังศาลา
อาศรมแห่งพระฤๅษี  
๕๑๘ จึ่งตั้งกุณฑพิทธี กองกูณฑ์อัคคี
ก็ชุบพระศพราชา  
๕๑๙ พระเพลิงชวยโชติไปมา เชิญศพราชา
ตระบัดก็เข้าในไฟ  
๕๒๐ พระเพลิงเผาศพภูวไนย ตระบัดเดี๋ยวใจ
ก็เป็นขึ้นในอัคคี  
๕๒๑ ยอโฉมดังเก่าแสนทวี เจรจาด้วยดี
ก้มเกล้าก็บังคมไท  
๕๒๒ ดาบสจึงถามภูวไนย เหตุการณ์เพื่อใด
พระองค์จึงม้วยเป็นผี  
๕๒๓ เจ้าเอาอรนุชเจ้าเทวี ผู้มเหสี
แห่งเจ้าไปไว้แห่งไร  
๕๒๔ โสวัตจึ่งทูลฉลองไข เพื่อเพราะพรานไพร
ผลาญชีพให้ม้วยมรณ์  
๕๒๕ พรานจึ่งพานางเขจร ข้าบาทม้วยมรณ์
บ่รู้ว่าไปแห่งใด  
๕๒๖ ดาบสได้ฟังก็ร่ำไร จักคิดเป็นไฉน
จะได้พระอรเทวี  
๕๒๗ ตายเป็นบ่รู้คดี มิตามเทวี
ละเสียมิควรเลยนา  
๕๒๘ โสวัตกราบกับบาทา แม้นม้วยชีวา
ข้าบาทมิละเจ้าทรามวัย  
๕๒๙ ลูกรักจักติดตามไป บ่พบอรไท
ข้าน้อยไม่กลับคืนมา  
๕๓๐ ดาบสว่าชอบนักหนา เชิญเข้าศาลา
จึ่งให้น้ำมันท้าวไท  
๕๓๑ น้ำมันขวดนี้เลิศไกร แม้นพบอรไท
สิ้นชีพในหิมวา  
๕๓๒ จึ่งเอาทาอรฉายา จักเป็นขึ้นมา
ประเสริฐกว่าเก่าแสนทวี  
๕๓๓ ดาบสอวยพรภูมี พ่อจักบทศรี
จงลุดั่งความปรารถนา  
๕๓๔ จงพบองค์อรฉายา สิงสัตว์ในป่า
จงลุอำนาจแก่ท้าวไท  
๕๓๕ ดาบสยกมือขึ้นชี้ไป จงเจ้าคลาไคล
ไปบุรพทิศอย่าคลา  
๕๓๖ จักพบอรนุชเจ้าฉายา เกิดลาภอาตมา
ประเสริฐล้ำเลิศสากล  
๕๓๗ โสวัตรับพรบัดดล กราบบาทจุมพล
กับกรมาใส่เกศี  
๕๓๘ พระองค์ค่อยอยู่จงดี ข้าบาทบทศรี
พบแล้วจักกลับคืนมา  
๕๓๙ ทักษิณสามรอบแล้วลา ฉุนคิดขึ้นมา
เข้าสู่ในห้องเทวี ๚ะ  

สุรางคนางค์

  ๕๔๐ พระเสด็จเข้าห้อง
คร่ำครวญเถิงน้อง ร่ำร้องพิศวง
ทนโศกบ่รอด ทอดพระองค์ลง
ชีพท้าวเพียงจะปลง ด้วยพระเยาวมารศรี
  ๕๔๑ ยังแต่ภูษา
สไบรจนา ปกนมเทวี
กรกอดเข้าไว้ ร่ำใช่พอดี
โอยโอยแก้วพี่ ปานฉะนี้เป็นไฉน
  ๕๔๒ หอมแต่กลิ่นน้อง
ขจรในห้อง เรียมร้อนหฤทัย
ปานนี้น้องรัก จักเป็นไฉน
บ่ควรจรไป ในป่าหิมวันต์
  ๕๔๓ โอยกรรมวิบาก
สิ่งใดจำจาก พลัดพรากจากกัน
น่าน้อยหฤทัย ใคร่ไปสู่สวรรค์
แม้นตายตายด้วยกัน จะอยู่ไยนา
  ๕๔๔ ความทุกข์สุดคิด
ดังจะสิ้นชีวิต จิตจากอาตมา
ชีพเรียมจักใคร่ ผลาญให้มรณา
คิดแต่ฉายา บ่รู้คดี
  ๕๔๕ ไห้พลางครวญพลาง
ตีทรวงผางผาง ร่ำรักเทวี
บ่พบอรไท จักให้เสือสีห์
ผลาญชีพของพี่ ตายในพงไพร
  ๕๔๖ แม้นติดตามทัน
ชีพพรานคนนั้น จักม้วยประลัย
แม้นถวายท้าว แดนด้าวเมืองใด
จักรุกรานไป ให้พบบุญเรือง
  ๕๔๗ เรียมจักต่อรบ
แผลงศรให้จบ กึกก้องนองเนือง
จักผลาญชีพให้ ประลัยทั้งเมือง
จักรับบุญเรือง ตระบัดไคลคลา
  ๕๔๘ กำสรดร่ำไร
สลบซบไป กับบรรณศาลา
ดาบสตัดใจ ร่ำไรนักนา
ชูเกศเจ้าฟ้า ใส่ตักฤๅษี
  ๕๔๙ เอาน้ำลูบพักตร์
พระอย่าโศกนัก เอ็นดูเทวี
สิ้นบุญภูวไนย จักเห็นใครมี
จักตามมารศรี เสด็จในดงดอน
  ๕๕๐ สมเด็จภูมี
ครั้นรู้สมประดี จึ่งทรงอาภรณ์
กราบบาทดาบส กำสรดจักจร
กรท้าวกุมศร พระขรรค์รจนา
  ๕๕๑ น้ำมันพิเศษ
สมเด็จภูเบศ ขอดชายภูษา
พระอย่าละห้อย ลูกน้อยจะขอลา
อย่าทรงโศกา เถิงอรทรามวัย
  ๕๕๒ ดาบสจึงสั่ง
พ่อค่อยหยุดยั้ง เสาะสางอรไท
เที่ยวทุกแห่งห้อง ทั่วท้องพงไพร
เกลือกอรทรามวัย หลงในดงดอน
  ๕๕๓ อินทรีพรหมยมยักษ์
เรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์ ขอฝากภูธร
นารายณ์อินศวร ชักชวนบังอร
สองกระษัตริย์เขจร พบในหิมวา
  ๕๕๔ สมเด็จภูมี
รับพรฤๅษี ตระบัดไคลคลา
เที่ยวทุกแห่งห้อง ทั่วท้องหิมวา
ห้วยธารเหวผา เถื่อนถ้ำใดใด
  ๕๕๕ เสาะสางหาเจ้า
ทุกห้วยเหวเขา บ่พบทรามวัย
ป่าดงพงชัฏ ลอดลัดตัดไป
เดินทางพลางไห้ ร่ำไรหากัน
  ๕๕๖ เห็นนกโนรี
ปากแดงแสงสี ร่ำร้องขานขัน
จิบจาบซังแซว ชมแล้วผายผัน
พระทัยกระศัลย์ คิดเถิงฉายา
  ๕๕๗ ชมวายุภักษ์
อินทรีน่ารัก คาบช้างสารมา
กระแตเต้นไต่ ค่าไม้พฤกษา
ดุจเราสองรา เข้าในพงพี
  ๕๕๘ ชมเบญจวรรณา
ไก่แก้วโกญจา ร่ำร้องเสียงศรี
เหมือนเรียมพรากเจ้า เข้าในพงพี
พรานป่าพาหนี ดุจพี่แลนา
  ๕๕๙ หอมดอกการะเกด
งอกงามพิเศษ เหมือนกลิ่นฉายา
มีทั้งสนสร้อย ห้อยย้อยลงมา
เหมือนชายภูษา พระอรทรามวัย
  ๕๖๐ พุดจีนพุดตาน
พิกุลหอมหวาน บุนนากเอาใจ
เหมือนหนึ่งนวลแก้ม ยิ้มแย้มปราศรัย
กี่เมื่อจะได้ พบเรียมแลนา
  ๕๖๑ ตระเคียนสูงส่ง
ประดู่ปรูปรง งอกง้อมค้อมมา
ดอกตกเกลื่อนกลาด เดียรดาษนักหนา
โอกรรมเวรา ของเราทั้งสอง
  ๕๖๒ พระเก็บหมากซาง
หมากดูกลูกปราง อเนกก่ายกอง
ขวิดขวาดค้อมมา เขลงคล้าหว้าพลอง
เคยเสวยด้วยน้อง ในบรรณศาลา
  ๕๖๓ ขนุนขนัน
ลูกอินลูกจัน อเนกเหลือตรา
ส้มแก้วส้มจุก ลูกสุกนานา
เราเคยเก็บมา สองเสวยสำราญ
  ๕๖๔ พระเก็บลำไย
เสวยพลางครวญไห้ ชลเนตรคือธาร
กล้วยกล้ายย่อมเคย เสวยเป็นโภชนาหาร
โอยอดสงสาร เสวยด้วยเรียมรา
  ๕๖๕ เสด็จเข้าป่ากว้าง
ชมแรดชมช้าง ม่ายเมียงเคียงมา
เสือสีห์หมีเม่น โตเต้นไปมา
ดุจเรียมเที่ยวหา ชลเนตรฟูมฟอง
  ๕๖๖ พระชมราชสีห์
ละมั่งตัวพี โตเต้นผันผยอง
ถึกทรายลำโอง เสือโคร่งมุ่งมอง
ดุจดังท้าวน้อง เข้าเฝ้าเรียมนา
  ๕๖๗ ชมนกยูงทอง
ลิงค่างโห่ร้อง กึกก้องโกลา
วิ่งชิงลูกไม้ เต้นไต่ไปมา
เหมือนเราสองรา มาเคล้าคลึงกัน
  ๕๖๘ เสด็จเถิงคงคา
ชมพรรณฝูงปลา ถี่ถ้วนนวลจันทร์
ราหูเพียนทอง ลอยล่องตามกัน
ชมแล้วรับขวัญ พระอรฉาย
  ๕๖๙ ชะวาดชะแวง
มังกรตัวแดง ไล่หมู่เหรา
ยี่สนฉลาม ไล่ตามกันมา
โอยกรรมเวรา ของเราชื่อไร
  ๕๗๐ น้ำไหลคลายคลาย
เพียนทองแถกว่าย ไซ้กินเถ้าไคล
ชมพรรณฝูงปลา ว่ายมาว่ายไป
ชลเนตรลามไหล แล้วสรงสนาน
  ๕๗๑ ห่อธารน้ำลึก
เย็นคืออำมฤก ชมพรรณบัวบาน
บัวเผื่อนบัวผัน กลิ่นนั้นหอมหวาน
กี่เมื่อจะพาน พบน้องของเรียม
  ๕๗๒ ชมดอกบัวทอง
ประดุจนมน้อง ตัดเต่งใครจะเทียม
ย่อมเคยบีดเล่น เคล้นยาใจเรียม
กลิ่นฟุ้งใครจะเทียม เพราะไกลน้องรา
  ๕๗๓ ชมสัตตบงกช
อันงามใสสด บัวขาวโสภา
ฝักรากปรากฏ รสนั้นโอชา
พระจึ่งเก็บมา เสวยต่างอาหาร
  ๕๗๔ เสวยพลางพลางไห้
เขจรเลียบไป ไต่ตามริมธาร
เห็นนางเงือกน้ำ เถิงกรรมสิ้นปราณ
เพื่อเพราะนายพราน ยิงให้วอดวาย
  ๕๗๕ เอนดูเงือกน้ำ
สำหรับเป็นกรรม มาม้วยฉิบหาย
พระจึ่งเอายา ทาทั่ววรกาย
เงือกน้ำอันตาย เป็นขึ้นทันใจ ๚ะ

โลมเงือก

  ๕๗๖ บัดนั้นนางเงือก
กราบลงกลิ้งเกลือก กับบาทภูวไนย
มีคุณครั้งนี้ จักมีสิ่งใด
แทนคุณท้าวไท ให้เป็นขึ้นมา
  ๕๗๗ พระยิ้มแย้มหัว
นุชบ่มีผัว จงได้เมตตา
อื่นอื่นจักให้ เรียมไม่ปรารถนา
แกล้งเขจรมา หวังจะฝากไมตรี
  ๕๗๘ นางเงือกก้มเกล้า
สุดแต่พระเจ้า จักโปรดปรานี
คุณบุญยิ่งนัก จักรักพันปี
ขัดใจไยมี ให้เคืองพระทัย
  ๕๗๙ พระฟังนางว่า
ยอกรอุ้มมา กอดแก้วกลอยใจ
พิศวาสด้วยนาง ที่กลางพงไพร
แสนสนิทพิสมัย ชวนจำนรรจา
  ๕๘๐ เจ้าเอ็นดูพี่
ทำคุณครั้งนี้ ให้ลุปรารถนา
ช่วยพี่ให้พ้น สาชลคงคา
ฟากฝั่งโพ้นมา เรียมจักข้ามไป
  ๕๘๑ นางเงือกจึ่งว่า
พระผู้ผ่านฟ้า จักข้ามไปไย
ยักษาทั้งหลาย นันร้ายคือไฟ
พานพบภูวไนย จักเป็นอาหาร
  ๕๘๒ เพียงว่าอาชา
เหาะข้ามเมืองมา จับเอาบ่มินาน
ใส่กรงเหล็กไว้ มอบให้ทหาร
โบยตียิ่งมาร ปิ้มจะม้วยประลัย
  ๕๘๓ สมเด็จภูมี
ฟังข่าวพาชี ชลเนตรคล่าวไหล
ม้าต้นของพี่ มาแต่ภพไตร
พลัดจากพี่ไป เป็นช้าหึงนาน
  ๕๘๔ พึ่งรู้วันนี้
ข่าวม้าพาชี เพราะยอดเยาวมาลย์
เจ้าพาพี่ไป ให้เถิงสถาน
แม้นม้วยสูญปราณ ขอพบอาชา
  ๕๘๕ นางเงือกทูลเล่า
จักขัดพระเจ้า ท้าวจักโกรธา
จึงแบกพระข้าม ไปตามคงคา
บัดเดียวบ่ช้า เถิงฝั่งสาคร
  ๕๘๖ ส่งพระเถิงฝั่ง
นางเงือกจึงสั่ง สมเด็จภูธร
พระจากน้องไป เมื่อไรจักจร
ให้สว่างอาวรณ์ ดังเก่าเล่านา
  ๕๘๗ พระจึ่งขานไป
ลุแล้วเมื่อไร จักกลับคืนมา
สั่งแล้วยูรยาตร คลาดจากคงคา
ตามเงือกบอกมา เข้าป่าพงพี
  ๕๘๘ เขจรลินลาศ
บัดนั้นพระบาท ลุเถิงสระศรี
แลเห็นพุ่มไม้ ร่มใช่พอดี
สมเด็จภูมี เข้าอยู่อาศัย
  ๕๘๙ เสียงมารยักษา
เจรจาไปมา บ่เห็นภูวไนย
เหนื่อยพักอยู่สบาย ค่อยคลายพระทัย
จักทำฉันใด จักพบพี่พาชี ๚ะ

ยานี

๕๙๐ บัดนั้นจึ่งนางนาฏ หน่อพระบาทเจ้าพารา
ล้ำเลิศยิ่งเทวา ชื่อศุภลักษณ์อรเทวี
๕๙๑ ตรัสสั่งแก่สาวใช้ เราจักไปเล่นสระศรี
สรงสนานในนัที พลางไปเล่นให้สำราญ
๕๙๒ สั่งแล้วจึ่งนางนาฏ ค่อยยูรยาตรขึ้นรถยาน
แสนสาวแลศฤงคาร ห้อมล้อมเจ้าอยู่ไสว
๕๙๓ ข้าสาวห้อมล้อมมา เถิงคงคาตระบัดใจ
นางจึงเสด็จลงไป สรงน้ำเล่นในสระศรี
๕๙๔ ข้าสาวเคยลงตาม นางโฉมงามในนัที
นางจึงชวนสาวศรี ว่ายน้ำเล่นไล่ไปมา
๕๙๕ นางจึงให้เข้าเร้น บ่ให้เห็นในคงคา
ลางนางวิ่งขึ้นมา เข้าเร้นอยู่ริมสระศรี
๕๙๖ นางหนึ่งวิ่งขึ้นไป เห็นท้าวไทโฉมเปรมปรีดิ์
จึ่งถามว่าภูมี เสด็จมาอยู่ที่นี่ไย
๕๙๗ พระห้ามว่าอย่าเกรง กรรมข้าเองนะอรไท
มาตามอาชาไนย ปะอรไทได้เมตตา
๕๙๘ นางจึ่งทูลไปเล่า พระองค์เจ้าอย่าเจรจา
ที่นี่เหล่ายักษา แม้นรู้แล้วจะเป็นผี
๕๙๙ พระจึ่งยิ้มแย้มหัว เรียมจักกลัวมันไยมี
กุมกรอรเทวี จูบกอดนางบ่ปราศรัย
๖๐๐ พระจึ่งชวนพิศวาส จงนุชนาฏอย่าตัดใจ
สองเจ้าจึงพิสมัย ร่วมรักกันทั้งสองรา
๖๐๑ พระจึ่งถามนางนาฏ มนุษย์ชาติฤๅยักษา
จริงฤๅท้าวจิตรา มีธิดางามมีศรี
๖๐๒ ตัวข้านี้พระบาท มนุษย์ชาติชื่อศรีวรดี
ศุภลักษณ์นางเทวี เป็นบุตรีท้าวยักษา
๖๐๓ พระจึ่งสั่งนางเล่า จงนุชเจ้าได้เมตตา
เมื่อค่ำจักไปหา คอยเรียมราเรียมจักไป
๖๐๔ นางกราบกับบาทา แม้นรักข้าอัธยาศัย
แม้นท้าวจักเข้าไป ค่อยประคิ่นดูจงดี
๖๐๕ น้องรักจักขอลา ครั้นว่าช้ากลัวยักษี
นางคลาดจากภูมี จึ่งคืนมาหาเพื่อนกัน
๖๐๖ บัดนั้นพระภูเบศ ทอดพระเนตรแลไปพลัน
เห็นโฉมอรแจ่มจันทร์ นางศุภลักษณ์อรฉายา
๖๐๗ ทรงโฉมงามดีดัก เป็นหน่อยักษ์ท้าวจิตรา
เมื่อค่ำจักไปหา แม้นประลัยไม่ถอยหนี
๖๐๘ เมื่อนั้นจึ่งนางแก้ว สรงสนานแล้วชวนสาวศรี
คืนเข้าพระบูรี กรุงชนบทพระนคร
๖๐๙ ครั้นเข้าเถิงวังนาง ค่อยเยื้องย่างบทจร
ขึ้นวังพระบังอร มณเฑียรมาศอันสุกใส
๖๑๐ ครั้นค่ำลงรอนรอน ทิพากรจักคลาไคล
พระองค์ทรงขรรค์ไชย เข้าสู่วังอรฉายา
๖๑๑ บัดนั้นจึงพระบาท ค่อยยูรยาตรตามมรคา
เสด็จเถิงวังฉายา เข้าบ่ได้ดังใจหมาย
๖๑๒ ไพชยนต์ปิดตรึงตรา มารรักษาเฝ้าเรียงราย
เดชะพระฦๅสาย ท้าวจึ่งอ่านพระคาถา
๖๑๓ ไพชยนต์ก็เคลื่อนคลาย มารทั้งหลายหลับนักหนา
พระเจ้าเสด็จลินลา ขึ้นไปบนปราสาทไชย
๖๑๔ ยืนอยู่นอกชาลา แกล้งแฝงฝามองเข้าไป
ค่อยดูอัธยาศัย นางสาวใช้ในเรือนหลวง
๖๑๕ แสนสาวพระกำนัล หลับทั่วกันสิ้นทั้งปวง
เหงาง่วงทั้งเรือนหลวง ไม่มีใครจำนรรจา
๖๑๖ ท้าวเรียกศรีวรดี เอ็นดูพี่รับด้วยรา
นัดแนะให้พี่มา อนิจจาเจ้าไปไหน
๖๑๗ ฤๅหนึ่งเจ้าลวงล่อ กระมังหนอแล้วหายไป
น่าน้อยพระหฤทัย ลวงเล่นได้ให้เรียมมา
๖๑๘ พระยืนตรงไพชยนต์ พระจุมพลค่อยเคาะฝา
หลับไปฤๅไรนา ได้สัญญาแล้วไปไหน
๖๑๙ บัดนั้นศรีวรดี ฟังภูมีเรียกเข้าไป
ฟื้นตื่นขึ้นบัดใจ เจ้ายูรยาตรนาดออกมา
๖๒๐ นางจึ่งเผยไพชยนต์ เจ้าจุมพลก็หรรษา
อยู่ไยแต่นอกฝา เชิญพระเจ้าเข้ามาใน
๖๒๑ น้องคิดว่ามิมา น้องคอยหาจนหลับไป
ขอเชิญดำเนินใน ที่ห้องน้องสักหน่อยรา
๖๒๒ พระฟังคำนุชนาฏ ท้าวยูรยาตรเดินเข้ามา
เถิงห้องอรฉายา สวมกอดแก้วแล้วรับขวัญ
๖๒๓ พระเจ้าจงพิศวาส ด้วยนุชนาฏค่อยชมกัน
จงเจ้าเล่าพี่พลัน พระโฉมตรูอยู่ห้องไหน
๖๒๔ นางจึงทูลฉลองสาร ปิ่นจักรพาฬจะทำไม
กินแหนงน้องแคลงใจ จงตรัสไปให้รู้รา
๖๒๕ พระเจ้าอย่าลวนลาม เกลือกเนื้อความจะฦๅชา
ข้าบาทบริจา จักพลอยม้วยด้วยพันปี
๖๒๖ พระเจ้ายิ้มแย้มหัว นุชเจ้าอย่ากลัวมารยักษี
แม้ม้วยด้วยเทวี แต่ตัวพี่ไม่เถิงนาง
๖๒๗ แม้นว่ามิแพร่งพราย ใช่ว่าชายเจ้าอย่าพราง
เจ้าพี่ชี้ห้องนาง จักลาเจ้าเข้าไปหา
๖๒๘ นางจึ่งก้มกราบไหว้ ชี้บอกไปแก่ราชา
ห้องนี้นะพี่อา พระอรนุชเจ้าบรรทม
๖๒๙ ท้าวจะเข้าไปหา อย่าหยาบช้ากลัวพระสนม
ยื้อชักผลักเชยชม นางน้องร้องจะเสียความ
๖๓๐ พระจึงขานอรไท สิ่งนั้นไซร้อย่าเกรงขาม
ตัวพี่ไม่หยาบหยาม นางโฉมงามอย่ากินใจ
๖๓๑ ร่ำแล้วพระลินลา จากฉายาเสด็จเข้าไป
เถิงที่บรรทมใน พระนั่งแนบอรฉายา
๖๓๒ ค่อยถดองค์เข้าชิด พิสมัยไม่วางตา
ค่อยเปลื้องพระภูษา อันปกนมนางมารศรี
๖๓๓ อรโฉมงามบริสุทธิ์ ยิ่งมนุษย์กระษัตรีย์
เสาวภาคยเมาลี ใสจะแจ่มคือเดือนฉาย
๖๓๔ เกษาเจ้าดำคลับ แสงระยับคือพรายพราย
พระเนตรคือตาทราย ดำระยับคือพลอยนิล
๖๓๕ คิ้วค้อมสุดหางตา คือรามาเจ้าก่งศิลป์
สองแก้มคือลูกอิน เรียมจูบซ้ายย้ายจูบขวา
๖๓๖ ถันนังเจ้าทั้งสอง คือบัวทองงามโสภา
บีบซ้ายย้ายบีบขวา อนิจจาไม่รู้ตัว
๖๓๗ กูจักลอบชมเชย มิชอบเลยตกว่ากลัว
ปลุกขึ้นให้รู้ตัว ให้รู้ว่าพี่มาหา
๖๓๘ คิดแล้วพระก็ปลุก นางนงนุชเจ้าพี่อา
ลุกขึ้นพี่มาหา อนิจจามาหลับใหล ๚ะ

สุรางคนางค์

  ๖๓๙ บัดนั้นนางนาฏ
ตื่นขึ้นจากอาสน์ ผาดเห็นภูวไนย
เหลือบเล็งเพ่งพิศ ยิ่งติดหัวใจ
เสด็จมาแต่ไหน หลากใจนักหนา
  ๖๔๐ วรโฉมที่สุด
จะว่ามนุษย์ ฤๅไท้เทวา
ฤๅว่าคนธรรพ์ สุบรรณครุฑา
แกล้งแปลงเพศมา ชมข้าฤๅไฉน
  ๖๔๑ ยิ่งคิดพิศวง
ระทวยงวยหลง ด้วยโฉมท้าวไท
เสด็จอยู่แว่นแคว้น ด้าวแดนเมืองใด
คิดในพระทัย ใคร่จำนรรจา
  ๖๔๒ นางจึ่งถามไป
หน่อท้าวองค์ใด อุกอาจนักหนา
ตรัสซึ่งพระนาม แต่ตามสัจจา
เพื่อใดจึ่งมา ในมณเฑียรสถาน
  ๖๔๓ พระฟังเสาวนีย์
ไพรเพราะมีศรี ตรัสมีโองการ
เรียมฤๅหนุ่มเหน้า หน่อเจ้าจักรพาฬ
พรหมทัตภูบาล ผ่านพระบูรี
  ๖๔๔ เรียมชื่อโสวัต
หน่อนามกระษัตริย์ ล้ำเลิศธาตรี
ระบือฦๅเลื่อง ทั่วเมืองบูรี
ว่าหน่อจักรี สมเด็จจิตรา
  ๖๔๕ ชื่อเจ้าศุภลักษณ์
ปรากฏยศศักดิ์ ยวดยิ่งเทวา
หวังจะฝากไมตรี พี่จึงเสด็จมา
สืบพระวงศา เดียวด้วยเทวี
  ๖๔๖ นางสนองคำไป
หุยน่าอายใจ เจรจาพาที
จะมาปนปอง ครอบครองยักษี
จารีตบ่มี ตรัสนี้เพื่อใด
  ๖๔๗ พระอย่ามุ่งหมาย
เจรจาแยบคาย น่าอายพระทัย
พลมารเขารู้ เอ็นดูจอมไตร
ชีพจักประลัย ขอเชิญยาตรา
  ๖๔๘ พระยิ้มแย้มหัว
เรียมฤๅจักกลัว พลมารยักษา
โกฏิแสนแม้นรู้ จักกรูกันมา
นุชเจ้าอย่าสงกา ว่าจักเป็นไร
  ๖๔๙ จงเจ้าเมตตา
เอ็นดูพี่รา อย่าตัดอาลัย
เรียมรักนงนุช สิ้นสุดหฤทัย
พี่จากภพไตร นุชเจ้าได้เอ็นดู
  ๖๕๐ นางฉลองภูวไนย
หากจักใคร่ได้ ไม่คิดอดสู
ใครรู้จักใคร จักให้เอ็นดู
พระอย่าจู่ลู่ อุกอาจนักนา
  ๖๕๑ ใครสั่งใครเสีย
ใครเป็นชู้เมีย นัดแนะให้มา
ข้าสาวเข้าเฝ้า ฤๅเราสัญญา
เซซังเข้ามา หุยน่าอายใจ
  ๖๕๒ พระจึ่งตรัสเล่า
เรียมไม่ว่าเจ้า นัดแนะออกไป
รู้ข่าวท้าวน้อง เรียมต้องติดใจ
กุศลจึ่งให้ พานพบสบกัน
  ๖๕๓ ลิ้นลมชาวใน
ซับชาบพระทัย เรียมแล้วทุกอัน
สิ่งหนึ่งสิ่งใด นุชเจ้าได้ผ่อนผัน
ว่ากล่าวทั้งนั้น แต่หฤทัย
  ๖๕๔ นางสนองคำท้าว
แกล้งกล่าวโน้มน้าว หน้ามลตายใจ
ลิ้นลมคมนัก จักล่อลวงใคร
ไว้ใจไม่ได้ เกลือกไม่ต้องการ
  ๖๕๕ อย่ามาเซ้าซี้
พิไรพิรี้ ที่นี้รำคาญ
เชิญพระเสด็จจาก มณเฑียรสถาน
ลดเลี้ยวเกี้ยวพาน น้องก็ไม่ขอฟัง
  ๖๕๖ พระขานน้องรัก
บุญน้อยถอยศักดิ์ เจ้าจักชิงชัง
รู้แล้วว่าคม ลิ้นลมชาววัง
อุกอาจพลาดพลั้ง ภายหลังจะรำคาญ
  ๖๕๗ นุชเจ้าได้เอ็นดู
จักจรไม่อยู่ จากมณเฑียรสถาน
แปรพระพักตร์มา ก่อนราเยาวมาลย์
เรียมจักแถลงสาร นุชเจ้าแล้วจะขอลา
  ๖๕๘ นางสนองภูมี
แยบคายชายดี หวังจะใคร่เจรจา
น้องนี้โฉดเขลา โง่เง่านักนา
บ่เชื่อบัญชา สักกึ่งเกศี
  ๖๕๙ พระอย่ามุ่งเมิล
ว่าจักฉุกเฉิน พลาดพลั้งไม่มี
กี่เมื่อจะได้ ว่าไยเสียที
หึยน่าบัดศรี อายต่างจุมพล
  ๖๖๐ พระขานนุชนาฏ
เรียมไม่เฉลียวฉลาด คนรู้เล่ห์กล
หยาบหยามวามวู่ จู่ลู่เถิงบน
พบแล้วจรดล ใครจักว่าดี
  ๖๖๑ แม้นมิสมคิด
ไม่กลัวความผิด สักกึ่งเกศี
พบแล้วเปล่าดาย ใช่ชายชาตรี
พระนุชเจ้ากับพี่ วันนี้แลนา
  ๖๖๒ นางจึงทูลตอบ
ตรัสนี้บ่ชอบ อย่าถวิลจินดา
ข้าเจ้าทราบสิ้น เล่ห์ลิ้นเจรจา
ปรานีนักหนา หุยน่าเปล่าดาย
  ๖๖๓ หมายมั่นปั้นมือ
ยังจะจริงจังฤๅ หนาแน่ะใคร่อาย
กี่วันจักได้ ดั่งใจท้าวหมาย
ว่าน่าใคร่อาย ต่างพระทรงธรรม์
  ๖๖๔ พระตอบเสาวนีย์
ลิ้นลมพอดี เจ้ามาเยาะหยัน
สบพบพานแก้ว บุญแล้วทุกอัน
มิได้เจ้าพลัน นุชเจ้าอย่าสงกา
  ๖๖๕ นุชเจ้าคิดสิ่งใด
ความเพียรเป็นใหญ่ ได้ดังจินดา
คือหนึ่งดังไม้ ลนไฟหลายครา
โน้มน้าวเข้ามา น่าจะมิเป็นไร
  ๖๖๖ นางจึ่งฉลองเล่า
ยักยื้อยักเหยา น่าน้อยหฤทัย
ถ้าใคร่ได้น้อง ครอบครองภพไตร
เชิญพระคืนไป ยังพระบูรี
  ๖๖๗ ขันหมากรากพลู
ตบแต่งมาสู่ น้องน้อยจงดี
ถ้าพระบิดร อวยพรพันปี
เห็นพระภูมี จักได้เสนหา
  ๖๖๘ พระจึ่งแถลงไข
ยากง่ายเป็นไฉน จักตบแต่งมา
เรียมอยู่แว่นแคว้น ด้าวแดนพารา
เกลือกพระบิดา มิโปรดปรานี
  ๖๖๙ ท้าวไม่รู้จัก
ว่ามียศศักดิ์ ว่าชั่วกับดี
เกลือกมิเมตตา แต่งมาเสียที
อายแก่มนตรี จตุรงคโยธา
  ๖๗๐ นางทูลสารไข
ยังมิทันได้ มาเถิงบิดา
กลัวว่าพันปี จักมิเมตตา
พระองค์แต่งมา บ้างแล้วกี่ที
  ๖๗๑ ทำเป็นเสปากเปล่า
แม้นซื่อต่อเรา ให้บิดาภูมี
ถ้าบิดาขัด ตัดพระไมตรี
จงเป็นท่วงที เมื่อไรบ้างรา
  ๖๗๒ พระสนองนุชเล่า
จู่ลู่สู่เจ้า มิชอบนักนา
เห็นจักฟุ้งเฟื่อง ทั้งเมืองพารา
ทราบเถิงบิดา พระอรมารศรี
  ๖๗๓ ท้าวรู้ระคาย
ว่าพี่ปองร้าย สมแก้วกระษัตรีย์
จักให้ระวัง ทั่วทั้งบูรี
กี่เมื่อตัวพี่ จักพบบุญเรือง
  ๖๗๔ นางสนองภูวไนย
หากบิดพริ้วไป แก้ไขเนืองเนือง
ทำเนียมขอสู่ ย่อมรู้ทั้งเมือง
มิให้ฦๅเลื่อง เพื่อเพราะสิ่งใด
  ๖๗๕ เมื่อมิสู่ถาม
พระผู้โฉมงาม จักคิดเป็นไฉน
จึ่งจักได้น้อง ครอบครองภพไตร
เอื้อนโองการไป ให้แจ้งคดี
  ๖๗๖ พระสนองคำนาง
เรียมได้ไม่พราง องค์อรเทวี
ถ้าพระนุชอวย ยอมด้วยไมตรี
จักพาเจ้าหนี ไปยังภพไตร
  ๖๗๗ จึ่งจักแต่งมา
นบนอบบิดา ขอโทษโพยภัย
ตามแต่จะโปรด สู่โทษท้าวไท
ท้าวน้องจงได้ ร่วมรักสมสมร
  ๖๗๘ นางจึงทูลตอบ
ตรัสนี้แต่ชอบ พระทัยภูธร
ห้าวหาญรานนัก มิมาง้องอน
จักฟังยั้งก่อน นะพระพันปี
  ๖๗๙ ไม่ให้สู่ถาม
จู่ลู่วู่วาม หวังจะพาน้องหนี
กี่เมื่อจะอวย ยอมด้วยพันปี
ยิ่งยวดกว่านี้ ยังไม่ติดตาม
  ๖๘๐ พระขานหมุ่มเหน้า
ผู้แก่ผู้เฒ่า จักมาสู่ถาม
เห็นไม่ผู้ดี จักมีเนื้อความ
หย่าร้างกลางสนาม เกลือกอายแก่คน
  ๖๘๑ แม้นสองแต่สอง
เกลียวกลมสมพอง รักกันกลางหน
ซื่อสัตย์ตัดมิ่ง ยวดยิ่งฝูงคน
รักกันกลางหน ตราบเท้าวันตาย
  ๖๘๒ นางฟังภูเบศ
ชำเลืองพระเนตร ยิ้มแย้มภิปราย
เถิงจักเป็นผล ไม่พ้นความอาย
อดสูดูร้าย ปากคนจะไยไพ
  ๖๘๓ เสียยศเสียศักดิ์
อดสูอายนัก จักตามชายไป
เทพามนุษย์ ขุนครุฑจะไยไพ
เหมือนทำกรรมให้ แก่พระราชา
  ๖๘๔ พระตอบมารศรี
นุชคิดดั่งนี้ เหมือนไม่เมตตา
บุญเจ้ากับพี่ มีแต่ก่อนมา
ถ้วนทุกภาษา นุชเจ้าอย่าอาลัย
  ๖๘๕ มีแต่บูราณ
นิทมนิทาน ย่อมทรามหฤทัย
ครั้นได้ร่วมรัก ฉกลักกันไป
ใครจักลือได้ ความสิ่งนี้นา
  ๖๘๖ นางสนองโองการ
ถ้าทำรำคาญ ทราบเถิงบิดา
จักทรงพระโกรธ ติโทษนักหนา
จักเป็นโกลา ทั่วทั้งภพไตร
  ๖๘๗ จักชุมพลมาร
อาจอุกรุกราน เข้ามาเวียงไชย
ถ้าท้าวได้น้อง จักต้องโพยภัย
ชีพจักประลัย เพราะพระอาญา
  ๖๘๘ พระยิ้มแย้มหัว
อรนุชเจ้าอย่ากลัว สมเด็จบิดา
โกฏิแสนแม้นไป บ่ได้เจ้ามา
นุชเจ้าอย่าสงกา ว่าจักเป็นไร
  ๖๘๙ อยู่ในนี้แล้ว
ปรางจะวางแก้ว ให้แก่ท้าวไท
สู้ตายจะตายด้วย กว่าจะม้วยประลัย
กี่เมื่อจะได้ นุชแก่ขุนมาร
  ๖๙๐ นางสนองภูมี
พระตรัสดังนี้ เห็นมิเป็นการ
เกิดศึกวุ่นวาย เกลือกจักรำคาญ
สองท้าวห้าวหาญ ฤทธิ์เสมอกันนา
  ๖๙๑ พระตอบโฉมยง
กิจการณรงค์ สุดแต่บุญญา
เรียมไม่ห้าวหาญ ปองผลาญบิดา
จงอวยด้วยข้า นุชเจ้าอย่าเกียดกัน
  ๖๙๒ ปลอบพลางถดเข้า
ยอกรกอดเจ้า แนบทรวงทรงธรรม์
จูบแก้มบีบนม ชมอรแจ่มจันทร์
รับมิ่งสิ่งขวัญ พระเยาวมารศรี
  ๖๙๓ ปลอบพลางโลมพลาง
จูบทั่วสารพางค์ เคล้าคลึงเทวี
พระหัตถ์ตรัสเคล้น เล่นนมมารศรี
นุชเจ้าเอ็นดูพี่ บัดนี้เถิดรา
  ๖๙๔ พระนุชอรไท
ต่อผลักต่อไส ขึ้งโกรธโกรธา
จักทำลามลวน มิควรนักนา
พระจงวางข้า อย่าทำลวนลาม
  ๖๙๕ จักมาลักลอบ
พระคิดเห็นชอบ ฤๅหนาโฉมงาม
ไม่รู้ว่าไฟ จักไหม้วู่วาม
อุกอาจหยาบหยาม แก่น้องมิกลัว
  ๖๙๖ พระสนองบังอร
ลิ้นลมหลอกหลอน ล่อลวงพ้นตัว
เจ้าเขียนเสือไว้ หวังจะให้วัวกลัว
น่าแนะใคร่หัว ด้วยอรโฉมฉาย
  ๖๙๗ เจ้าว่าจะร้อง
แม้เรียมจักต้อง กว่าจะม้วยวอดวาย
อยู่หลังคือใคร จักได้ความอาย
เรียมคิดมุ่งหมาย จักปิดควันไฟ
  ๖๙๘ จักให้ร้ายหมาย
เอิกเกริกวุ่นวาย ตามแต่พระทัย
ใช่เรียมจะละ พระอรทรามวัย
อัธยาอาศัย นุชเจ้าได้เมตตา
  ๖๙๙ นางฟังท้าวกล่าว
เล้าโลมโน้มน้าว รำพึงไปมา
น้องจักแข็งขัด ท้าวจักโกรธา
จักกล่าววาจา จงเป็นไมตรี
  ๗๐๐ แม้นจักใคร่ได้
ล้ำเลิศแดนไตร ดุจหนึ่งพันปี
คิดแล้วเบี่ยงบ่าย แยบคายกระสัตรี
ไม่ให้ภูมี รู้กลสายสมร
  ๗๐๑ เถิงรักเท่ารัก
มารยาตระหนัก จำให้วิงวอน
พระรู้กลนาง บ่วางบังอร
อุ้มพระสายสมร วางให้บรรทม ๚ะ

ฉบัง โลมกัน

๗๐๒ บัดนั้นสมเด็จพระภูมี เล้าโลมมารศรี
พระน้องอย่าได้อาลัย  
๗๐๓ ได้เถิงเพียงนี้อรไท เจ้าขัดแข็งไว้
ควรฤๅเจ้าไม่อดสู  
๗๐๔ หนักเบาน้องเจ้าคิดดู เคล้าคลึงกันอยู่
เถิงเพียงนี้แล้วคิดไฉน  
๗๐๕ นางได้ฟังคำภูวไนย ดาลเดือดคือไฟ
พระนุชจะใคร่เสนหา  
๗๐๖ รำจวนป่วนปั่นนักนา อ่อนโอนไปมา
มารยามิให้แพร่งพราย  
๗๐๗ พระเจ้าคลึงเคล้าโฉมฉาย จูบทั่ววรกาย
กระหวดก็รัดตรึงตรา  
๗๐๘ พระกรเกี้ยวเลี้ยวกันไปมา รัดรึงตรึงตา
เชื้อชิดสนิทพระหฤทัย  
๗๐๙ คิดถวิลเดือดดิ้นยลใน กามกวนยวนใจ
พระทัยทั้งสองเสนหา  
๗๑๐ ฝากฝังไมตรีกันสองรา พระทรวงพี่ยา
แอบแนบกับทรวงมารศรี  
๗๑๑ ลุแล้วดังคิดสองศรี สองกระษัตริย์ยินดี
ถ้อยทีถ้อยกล่าวปราศรัย  
๗๑๒ นางรู้รสรักภูวไนย รังเกียจเคียดใจ
ละลมละลายก็หายสูญ  
๗๑๓ นางถดเข้าชิดก็พิดทูล เสนหาเพิ่มพูน
เสวยกันแสงโสกา  
๗๑๔ น้องรักจักขอสมา ได้กล่าววาจา
ตัดพ้อแต่หลังอันมี  
๗๑๕ ทำเนียมจริตกระสัตรี แรกรู้คดี
จำกล่าวฉะนี้เดียดฉันท์  
๗๑๖ พระองค์จงโปรดเมียขวัญ อย่าถือโทษทัณฑ์
แก่ข้าผู้เป็นบริจา  
๗๑๗ โสวัตจึ่งตรัสฟังฉายา มีโองการมา
น้องท้าวผู้เป็นมเหสี  
๗๑๘ หนักเบาเจ้าเล่าคดี จริตกระสัตรี
เรียมนี้ไม่ถือแก่โฉมฉาย  
๗๑๙ ทำเนียมกระสัตรีทั้งหลาย จำกล่าวแยบคาย
ฉันนี้แต่บูราณมา  
๗๒๐ นางได้ฟังคำราชา ชื่นชมหรรษา
ก็ทูลปิ่นเกล้าสากล[๙]  
๗๒๑ พระองค์จงได้โปรดผม ข้าบาทบังคม
จะพึ่งพระโพธิสมภาร  
๗๒๒ น้องรักขอถวายศฤงคาร แก่ปิ่นจักรพาฬ
สิ่งใดอย่าได้อุเบกษา  
๗๒๓ พระฟังบังอรฉายา มีพระบัญชา
ตรัสแก่พระนางโฉมฉาย  
๗๒๔ สิ่งไรเรียมไม่ให้อาย แม้ม้วยฉิบหาย
บ่ได้จะแวะวางหนี  
๗๒๕ ตรัสแล้วชมแก้วกระษัตรีย์ ผูกพันไมตรี
ก็ตามคดีทั้งหลาย ๚ะ  

สุรางคนางค์

  ๗๒๖ สองกระษัตริย์เจรจา
แต่พลบค่ำมา เท่าเถิงไก่ขัน
บ่ได้บรรทม ภิรมย์ชมกัน
ไก่แก้วเร่งขัน ซั้นซั้นเสียงใส
  ๗๒๗ เสด็จเหนือแท่นทอง
รุ่งขึ้นรองรอง สององค์หลับใหล
นางตื้นฟื้นองค์ ทรวงทรงภูวไนย
พระกรท้าวไท กอดแนบบ่คลาย
  ๗๒๘ จึ่งอรเทวี
ยอกรภูมี จากอกโฉมฉาย
พระตื่นขึ้นได้ รัดไว้ไม่คลาย
ตรัสถามโฉมฉาย เจ้าจะไปไหน
  ๗๒๙ เห็นเรียมหลับแล้ว
เจ้าจักคลาดแคล้ว จากทรวงเรียมไป
พระนุชเจ้าจำนง ประสงค์สิ่งไร
เจ้าจักจรไป จากทรวงเรียมนา
  ๗๓๐ นางจึ่งก้มเกล้า
ข้าพระพุทธิเจ้า ขอรับอาญา
จะปลุกอยู่หัว เกรงกลัวนักนา
เพราะพระพี่ยา พึ่งเสด็จบรรทม
  ๗๓๑ น้องจักขอลา
พระผู้รุ่งฟ้า เหมือนได้โปรดผม
น้องจักยูรยาตร เกยมาศเกรียงกรม
แสนสาวพระสนม เคยเฝ้าอัตรา
  ๗๓๒ พระฟังเสาวนีย์
ยิ้มแย้มมีศรี ตรัสแก่ฉายา
จึ่งเชิญยูรยาตร เกยมาศรจนา
เหมือนแต่ก่อนมา อยู่ตามทำเนียม
  ๗๓๓ พระนุชจักไป
เรียมตรอมพระทัย อกร้อนใครจะเทียม
อย่าได้อยู่ช้า เหมือนเอ็นดูเรียม
ทรวงร้อนใครจะเทียม ดั่งเพลิงเผาผลาญ
  ๗๓๔ นางจึ่งก้มเกล้า
ข้าพระพุทธิเจ้า ไม่ไปอยู่นาน
ทูลแล้วบังคม เชยชมภูบาล
ลินลาจากสถาน ตระบัดคลาไคล
  ๗๓๕ ศุภลักษณ์นางนาฏ
เสด็จเหนือเกยมาศ ชำเลืองเนตรไป
มีพระเสาวนีย์ ไมตรีปราศรัย
แสนสาวชาวใน ถ้วนถี่ทุกประการ
  ๗๓๖ ตรัสพลางยิ้มแย้ม
พระพักตร์จะแจ่ม คือดังบัวบาน
นางเถ้านางแก่ ชาวแม่กราบกราน
พิศโฉมนงคราญ กราบทูลฉลอง
  ๗๓๗ ทุกวันแก้มเจ้า
จะแจ่มบ่เศร้า คือดั่งมะปรางทอง
วันนี้เหตุไร ดังข้านึกปอง
สองแก้มเศร้าหมอง ข้าเจ้าลานทรวง
  ๗๓๘ ทุกวันนมเจ้า
ทั้งสองเต่งเต้า คือดังบัวหลวง
วันนี้นมสะน้อย คล้อยจากพระทรวง
ใครมาล่อลวง ร่วมรักเสนหา
  ๗๓๙ หอมผิดกลิ่นเจ้า
ปรากฏรสเร้า ติดองค์ฉายา
ฦๅท้าวตรีเนตร แปรเพศลงมา
ร่วมรู้เสนหา ฉายาฤๅไหน
  ๗๔๐ ศุภลักษณ์ได้ฟัง
คิดในใจหลัง บ่ได้ปราศรัย
เสาวนีย์ตรัสถาม ถ้อยความอื่นไป
แล้วนางอรไท กล่าวเกลี้ยงกลฝัน
  ๗๔๑ วันนี้เห็นหลากตัวกู
ฝันว่าพบงู ในกลางหิมวันต์
เติบเท่าลำเสา รัดเราในฝัน
ระรัวตัวสั่น ฝันหลากนักนา
  ๗๔๒ ครั้นแล้วเราฝัน
เขจรผายผัน เล่นน้ำคงคา
จระเข้ตัวใหญ่ ว่ายไล่เรามา
พานพบขบข้า ปิ้มจะม้วยบรรลัย
  ๗๔๓ นางศรีวรดี
รู้กลเทวี ทำนายทายถวาย
จักตรัสได้คู่ ร่วมรู้พิสมัย
ล้ำเลิศแดนไตร ครองกรุงยักษา
  ๗๔๔ ขอให้แต่งเครื่อง
รจนารุ่งเรือง ถวายแก่เทวา
ประดับจงดี วันละสามเวลา
หวังจักบูชา พระเคราะห์นิฤๅมล
  ๗๔๕ พระเคราะห์เจ้าร้าย
ตรัสอย่าผันผาย ขึ้นเฝ้ายุบล
รักษาองค์ใว้ แต่ในไพรชน
สามเดือนจึ่งพ้น พระเคราะห์ฉายา
  ๗๔๖ ศุภลักษณ์เทวี
ทราบว่าศรีวรดี รู้กลฉายา
ท่านทูลนี้ชอบ ขอบใจนักนา
เร่งแต่งเครื่องมา ถวายเทพในสวรรค์
  ๗๔๗ ศรีวรดีก้มเกล้า
กราบลานุชเหน้า สั่งวิเสทพลัน
เกิดเหตุคืนนี้ นางเทวีฝัน
แต่งเครื่องจงพลัน จักถวายเทวา
  ๗๔๘ วิเสทตบแต่ง
บรรณาการแกล้ง เครื่องต้นรจนา
เสร็จแล้วรุ่งเรือง ยกเครื่องเข้ามา
ทูนเหนือเกศา ถวายอรทรามวัย
  ๗๔๙ ศุภลักษณ์บุญเรือง
เข้ารับเอาเครื่อง ย่างเยื้องเข้าไป
ถวายแก่พระเจ้า ปิ่นเกล้าภพไตร
เชื้อเชิญท้าวไท เสวยโภชนาหาร
  ๗๕๐ พระศรีโสวัต
มีโองการตรัส แก่ยอดเยาวมาลย์
เชิญเสวยด้วยพี่ บัดนี้อย่านาน
สองเสวยอาหาร ยิ้มแย้มไปมา
  ๗๕๑ เนื้อความทั้งนี้
แต่ศรีวรดี รู้กับฉายา
จึงเอาสาคร บวรรจนา
ใส่น้ำเข้ามา ให้ท้าวโสรจสรง
  ๗๕๒ ตักใส่ในห้อง
แทบใกล้เตียงทอง ครั้นแล้วเสด็จสรง
นางถวายเครื่องต้น รสคนธ์ให้ทรง
ปรนนิบัติพระองค์ เป็นนิตย์ทุกวัน
  ๗๕๓ สองกระษัตริย์ค่อยอยู่
ภิรมย์ชมคู่ ร่วมรู้สงสาร
ได้เจ็ดราตรี บ่มีรำคาญ
จึ่งพระภูบาล ผู้เป็นอนุชา
  ๗๕๔ นามชื่อจิตรี
น้องรักเทวี ศุภลักษณ์ธิดา
ท้าวไทคำนึง เถิงพระพี่ยา
เหตุใดมิมา เฝ้าท้าวหลายวัน
  ๗๕๕ ฤๅว่าประชวร
โรคามาจวน พระต้องโทษทัณฑ์
โอพระพี่เจ้า น้องเศร้าโศกศัลย์
จักจรไปพลัน เยือนพระพี่ยา
  ๗๕๖ คิดแล้วกุมาร
ทรงสร้อยสังวาล รุ่งเรืองรจนา
พระจึงเสด็จดล ด้วยพลโยธา
เถิงวังพี่ยา ดำเนินเข้าไป
  ๗๕๗ วันนั้นนางนาฏ
พอเสด็จเหนืออาสนิ์ เกยมาศประไพ
แลเห็นพระน้อง ร้องเชิญแต่ไกล
พ่อเจ้าไปไหน เชิญพระเสด็จมา
  ๗๕๘ เมื่อนั้นจิตรี
ฟังคำพระพี่ ปราศรัยเสนหา
พระจึงยูรยาตร เกยมาศรจนา
แล้วอนุชา ปังคมโฉมฉาย
  ๗๕๙ นางนึกในใจ
รู้เห็นเป็นไฉน จึงมามากมาย
ค่อยถดเข้าใกล้ ปราศรัยแก่น้องชาย
จูบทั่ววรกาย รับมิ่งสิ่งขวัญ
  ๗๖๐ จิตรีก้มเกล้า
เหตุไรพระเจ้า ขาดเฝ้าหลายวัน
คิดว่าประชวร รำจวนโศกศัลย์
น้องจึงผายผัน เยียนพระพี่ยา[๑๐]
  ๗๖๑ นางศรีศุภลักษณ์
ตรัสบอกน้องรัก ด้วยสารเสียงใส
พี่นิมิตฝัน อัศจรรย์เหลือใจ
ขึ้นเฝ้าไม่ได้ เคราะห์ร้ายหนักหนา
  ๗๖๒ จิตรีทูลตอบ
พระพี่ตรัสชอบ อย่าเพ่อลินลา
ที่ว่าเหตุการณ์ รำคาญนักนา
น้องจักขอลา ขึ้นเฝ้าภูมี
  ๗๖๓ นางสั่งโฉมงาม
ถ้าบิดาถาม ทูลตามคดี
อย่าให้เสด็จมา เลยนาเจ้าพี่
ประชวรเพียงนี้ จักเคืองพระทัย
  ๗๖๔ พระน้องได้ฟัง
รับคำพี่สั่ง บังคมลาไป
เถิงปรางค์ปราสาท ที่ราชบุตรไกร
เสด็จเหนือเกยไชย บังคมบิดา
  ๗๖๕ สมเด็จพระบาท
เห็นโอรสราช ตรัสถามลงมา
ประพาสแห่งใด สายไปหนักหนา
เห็นผิดเวลา กว่ามาทุกวัน[๑๑]
  ๗๖๖ กุมารก้มเกล้า
ข้าพระพุทธิเจ้า ไปเยียนเทวี
พระเคราะห์กวดขัน เพราะฝันไม่ดี
สามเดือนพระพี่ จึ่งจะพ้นโทษา
  ๗๖๗ บิดาได้ฟัง
ใจจิตคิดหวัง เถิงพระธิดา
พ่อจักเสด็จไป ให้เห็นแก่ตา
พระเคราะห์ธิดา เจ้าเป็นประการใด
  ๗๖๘ กุมารก้มเกล้า
ขอพระองค์เจ้า อย่าเพ่อเสด็จไป
ประชวรเพียงนี้ เห็นมิเป็นไร
จักเคืองพระทัย สมเด็จบิดา
  ๗๖๙ มีโองการตอบ
เจ้าทูลนี้ชอบ  

(ความในเอกสารเลขที่ ๖๐๓ หมดลงเพียงนี้)

(เริ่มเอกสารเลขที่ ๖๐๔)

สุรางคนางค์

  ๏ นางฟังวานร
เจ้ายอพระกร ข้อนทรวงครวญหา
ค่อยอยู่เถิดนะพี่ น้องนี้จะขอลา
ซบเกล้าเกศา ลงกับซากผี
  ๏ นางยอกรไหว้
พฤกษาต้นไม้ เจ้าไพรพนาลี
ขอฝากศพนาง ไว้กลางพงพี
ทั้งพระธรณี มีความเมตตา
  ๏ อินทร์พรหมยมไนย
ปู่เจ้าเขาใหญ่ เทพในเวหา
อันอยู่เถื่อนถ้ำ ธารน้ำไหลมา
จงช่วยรักษา กว่าจะพบภูมี
  ๏ ว่าแล้วอรไท
ครั้นลูกร้องไห้ อุ้มทูนเกศี
แม่มาฟื้นองค์ เจ้าจงปรานี
ให้พระพันปี เสวยนมก่อนรา
  ๏ เจ้าควรนิ่งได้
สลัดตัดใจ แม่ไม่เจรจา
กราบแล้วกราบเล่า ข้าเจ้าจะขอลา
ยกเอาบาทา มาทูนเกศี
  ๏ แล้วเอาสไบ
ปกองค์ลงไว้ ร่ำไห้แสนทวี
อุ้มลูกน้อยมา เหลียวหามารศรี
โอโอะพระพี่ มาตามน้องรา
  ๏ น้องเรียกเท่าไร
ควรมาเน่งได้ เจ้าไม่ระนำพา
นางดิ้นร้องไห้ มิใคร่จะไคลคลา
ตระโงนเรียกหา นางประทุมวดี
  ๏ เหลียวเห็นแต่ศพ
นางเมืองเจ้าสลบ ซบกับธรณี
ครั้นฟื้นองค์ได้ แข็งใจเจ้าเทวี
อุ้มพระมารศรี ซัดจรซอนไป[๑๒]
  ๏ อุ้มลูกร้องไห้
หนทางนางไป อุดรทิศา
ครั้นลูกอยากนม ปรารมภ์นักนา
ลูกเจ้าโศกา แม่มาร่ำไร
  ๏ โอพระผ่านเกล้า
ลูกน้อยของเจ้า อยากนมเหลือใจ
เจ้าสลัดน้องหนี นมมีเมื่อไร
เห็นจักจะประลัย เที่ยงแท้แลนา
  ๏ นางจึ่งธิษฐาน
ถ้าว่ากุมาร ลูกของราชา
สนิทชิดเชื้อ น้ำเนื้อเจ้าฟ้า
ขอน้ำนมข้า ไหลมาทันใจ
  ๏ ครั้นธิษฐานแล้ว
น้ำนมนางแก้ว คือธารน้ำไหล
ลูกน้อยเสวยนม เชยชมกันไป
ค่อยคลายหายไห้ เจ้าไม่ระโศกา
  ๏ อุ้มลูกซัดจร
เข้าดงพงดอน ขึ้นนอนพฤกษา
แล้วผูกเปลไกว กิ่งไม้สาขา
อุ้มพระลูกยา มากล่อมให้นอน[๑๓]
  ๏ แล้วเอาภูษา
สไบรจนา ผูกให้มั่นคง
แม่ลูกหลับใหล ค่าไม้สององค์
ชลเนตรไหลลง คือท่อธารา ๚ะ

ยานี

๏ ครั้นรุ่งขึ้นรางราง อุ้มลูกพลางนางโศกา
ปีนป่ายร่ายลงมา จากพฤกษาน่าสงสาร
๏ เดินพลางนางไห้ร่ำ สำหรับกรรมพระกุมาร
ยากไร้ใครจะปาน อดอาหารยากนักนา
๏ เสวยแต่ผลไม้ ด้นดั้นไปในหิมวา
ธารไหลใสนักหนา เจ้าเข้ามาอยู่อาศัย
๏ อุ้มลูกลงสรงน้ำ เจ้าครวญคร่ำน้ำตาไหล
ชำระหมดเหื่อไคล เห็นธารไหลใจจะขาดหาย
๏ โอโอะพระเจ้าพี่ ประทุมวดีมาวอดวาย
ลงน้ำเล่นสบาย เห็นปลาว่ายในชลธี
๏ หอมดอกสัตตบงกช น้องระทดเหมือนกลิ่นศรี
อุบลจงกลณี น้องหมองศรียิ่งนักนา
๏ บัวหลวงดังนมเจ้า คัดเต่งเต้างามโสภา
สัตตบุษผุดขึ้นมา ร้องไห้หาทุกราตรี
๏ บัวขาวดังดอกแก้ม เมื่อยิ้มแย้มงามมีศรี
บัวผันสดในชลธี งามมีศรีไม่ปุนปาน
๏ กระจับเถาหัววัว ทั้งรากบัวเป็นอาหาร
ดอกฝักนางหักราน ที่ชลธารท่าน้ำไหล
๏ อุ้มลูกเจ้าเดินมา เห็นฝูงปลามาว่ายไป
เดารายสายน้ำไหล นางร้องไห้เถิงฉายา
๏ หลดหลาดว่ายมาไป กุ้งกั้งไลทั้งเต่าปลา
จระเข้ทั้งเหรา เห็นฝูงปลาชลเนตรไหล
๏ สลุมพรแลงอนไถ เพียนทองไล่แถเข้ามา
รำพึงเถิงฉายา ศพพี่ยาจะเป็นฉันใด
๏ ครั้นกูจะอยู่ช้า เสือสีห์มาจะพาไป
คิดพลางนางคลาไคล อุ้มลูกได้ไปเอองค์
๏ นางจึ่งตั้งธิษฐาน บุญกุมารจะสืบวงศ์
เดินป่าอย่าได้หลง จงรอดพ้นพบผัวขวัญ
๏ ครั้นเจ้าธิษฐานแล้ว ค่อยผ่องแผ้วความโศกศัลย์
เจ้ามาป่าได้เจ็ดวัน คราทีนั้นเถิงสระศรี
๏ กูจักร้องเข้าไป เกลือกเขาไซร้คิดปรานี
อาศัยในสระศรี กว่ากูนี้จะพบราชา
๏ คิดพลางนางร้องไป ท่านข้าไหว้ได้เมตตา
ข้าพลัดซัดจรมา เอ็นดูข้าขออาศัย
๏ บัดนั้นจึ่งฉายา เทพธิดาโฉมไฉไล
เผยแกลแลออกไป เห็นอรไทริมสระศรี
๏ เอ้ยนางมาแต่ไหน ขออาศัยนะปรานี
เจ้าถามตามไมตรี ท่านมานี้ไปไหนมา[๑๔]
๏ นางจึ่งมาบอกเล่า ตัวข้าเจ้ามาแต่ไกล
เมตตาท่านอย่าสูญใจ ขออาศัยได้โปรดหัว
๏ ข้าน้อยมาตกยาก เพราะพลัดพรากมาจากผัว
บุกป่ามาแต่ตัว แม่อยู่หัวโปรดเกศา
๏ ฝ่ายว่าอรเทวี ฟังคดีร้องออกมา
ข้านี้จะเมตตา จักเข้ามาด้วยกลใด
๏ น้ำกรดล้อมวิมาน สิ่งใดพานย่อยยับไป
โจนลงองค์ประลัย จักข้ามได้ยากนักนา
๏ ศุภลักษณ์ฟังภิปราย คิดใจหายฟายน้ำตา
ท่านนี้มิกรุณา จะไปหาเจ้ากลใด
๏ นางจึ่งตั้งธิษฐาน บุญกุมารผ่านภพไตร
อินทราช่วยข้าไป ให้รอดพ้นจากน้ำกรด[๑๕]
๏ บัดเดียวสะพานแก้ว อันเลิศแล้วผุดขึ้นมา
นางเห็นเป็นอนิจจา อุ้มลูกยาเจ้าเข้าไป
๏ ครั้นเถิงพิมานแล้ว สะพานแก้วสูญบัดใจ
เยื้องย่างนางเข้าไป ลดองค์ใกล้ยอดเยาวมาลย์
๏ จึ่งนางเทพธิดา เห็นฉายาน่าสงสาร
เจ้าอุ้มพระกุมาร งามสะคราญน่าปรานี
๏ ส่วนเจ้าทรงครรภ์แก่ ลูกนี้แลไม่เถิงปี
มาไยในพงพี เล่าคดีแก่น้องรา
๏ ศุภลักษณ์บอกถ้วนถี่ เรื่องคดีอันมีมา
งูเห่ามันบีฑา พระพี่ข้าเถิงความตาย
๏ ยังอยู่แต่ลูกน้อย ข้าละห้อยอุ้มผันผาย
ผัวข้ามาพรัดพราย ถ้ามิตายจะพบกัน
๏ ได้ฟังคำนางว่า เทพธิดาก็โศกศัลย์
ว่าพลางนางรับขวัญ อยู่ด้วยกันอย่าร้อนใจ
๏ จะเอาเจ้าเป็นพี่ แต่วันนี้สืบสายไป
พบผัวเจ้าเมื่อไร เถิงจะไปตามปัญญา
๏ นางฟังคำภูมี[๑๖] แม่ยินดียิ่งนักนา
จงเจ้าเล่าพี่รา เป็นไรมาอยู่สระศรี
๏ จึ่งมีปราสาทเพชร ย่อมสำเร็จด้วยมณี
แสนสาวชาวนารี ย่อมดีดีมีครบครัน
๏ นางเทพธิดา ฟังวาจาก็ตรัสพลัน
ตัวข้ามาแต่สวรรค์ มีครบครันด้วยบุญญา
๏ จะเกิดในมนุษย์ มิบริสุทธิ์เห็นเวทนา
พู้นเกิดกำเนิดมา ทิพโอชาเป็นอาหาร
๏ แสนสาวชาวกำนัล หมื่นหกพันเป็นบริวาร
น้ำกรดล้อมวิมาน สิงสัตว์ผ่านก็บรรลัย
๏ ครั้นเจ้าเล่าความแล้ว อุ้มลูกแก้วชมบัดใจ
เอาน้ำมาลูบไล้ ชำระให้คลายอารมณ์
๏ เจ้าจึ่งเอาฟูกรอง เอาพานทองให้บรรทม
ผวามาเสวยนม เจ้าเชยชมทุกราตรี
๏ แสนสาวชาวกำนัล ชักชวนกันเลี้ยงภูมี
กินทิพย์ทุกราตรี เล่นมากมีที่วิมาน
๏ ศุภลักษณ์ฟังเทวี ทราบคดีทุกประการ
โฉมยงนางนงคราญ ค่อยสำราญบานพระทัย
๏ คิดเถิงพระเจ้าพี่ นางเทวีอันประลัย
กำสรดระทดใจ กอดลูกไห้ไม่วายวัน
๏ เป็นทุกข์เถิงผัวแก้ว ช้านานแล้วไม่พบกัน
ยิ่งโรคเจ้าโศกศัลย์ เห็นหน้ากันกับลูกชาย
๏ อยู่ด้วยเทพธิดา เจ้าเมตตาเลี้ยงสืบสาย
โพยภัยไม่ได้กราย เจ้าค่อยคลายวายเดือดร้อน
๏ ฝ่ายนางมีใจรัก เลี้ยงศุภลักษณ์พี่อุทร
ค่ำเข้าเจ้าหลับนอน ร่วมฟูกหมอนทั้งสองรา
๏ รุ่งเช้าอุ้มโอรส ชำระหมดมุลทินสา
กล่อมไกวให้นิทรา สาวศรีมาขับรำถวาย ๚ะ

ช้าลูกให้นอน

๏ บรรทมเถิดนาพระบาท โอรสราชอย่าปรารมภ์
ไห้ไยไม่บรรทม พ่อปรารมภ์เถิงสิ่งใด
๏ เอ็นดูพระเนื้อน้อย อย่าละห้อยน้อยพระทัย
เศร้าสร้อยคอยหาใคร เจ้าจึ่งไม่ได้นิทรา
๏ ปรานีเจ้าเนื้ออ่อน เจ้าจะอ้อนพระมารดา
พงศ์เผ่าเราแลนา ไม่มีราพระพันปี
๏ บรรทมเถิดนะเนื้อละเอียด อย่าขึ้งเคียดพระชนนี
ยายตาเจ้าไม่มี น่าปรานีเจ้านักนา
๏ โอโอะเจ้าเนื้อเย็น เห็นแต่เล่นไม่นิทรา
ทูลกระหม่อมแก่ข้าอา พระมารดามาปราศรัย
๏ โอโอะพระเนื้ออุ่น เจ้าพระคุณนี้นอนไป
ผ่านฟ้ามาประลัย เจ้าไม่ได้เห็นมารดา
๏ ทูลกระหม่อมแก่ข้าเอย อย่าสะอื้นเลยเถิงฉายา
ท้าวไปไม่เห็นมา เป็นกำพร้าทั้งบิดร
๏ บรรทมเถิดนะพ่อเจ้า ผู้ผ่านเกล้าอย่าวิงวอน
มารดาเจ้าม้วยมรณ์ พระบิดรจากแม่ไป
๏ ค่อยกล่อมแล้วช้านาน พระกุมารเจ้าหลับใหล
ครั้นฟื้นตื่นเมื่อไร ป้อนข้าวให้ทุกราตรี
๏ น้ำทิพย์มาสระสรง ชำระองค์หมดราคี
กินทิพย์ทุกราตรี เจ้าไม่มีซึ่งโรคา ๚ะ

สุรางคนางค์

  ๏ ยังมีพระบาท
ชื่อท้าวมัททราช ครองกรุงไพศาล
ฝูงเทพดลใจ จำให้บันดาล
จะใคร่ไปเล่นสถาน ล่าเนื้อในใพร
  ๏ คิดแล้วภูมี
สั่งมุขมนตรี เสนีบัดใจ
ให้เตรียมรี้พล สกลนอกใน
ขึ้นคชสารใหญ่ ท้าวไทลินลา
  ๏ แห่ห้อมอึงอัด
รี้พลเป็นขนัด ถัดนั้นออกมา
จีนจามลาวขอม เมงมอญละมา
ล่าเนื้อกลางป่า มาหลายราตรี
  ๏ ทางสามเดือนปลาย
เทวดาทั้งหลาย มาช่วยปรานี
หย่อนหยัดทางให้ ท้าวไทธิบดี
มาสามราตรี เถิงที่อรไท
  ๏ สมเด็จภูเบศ
เธอทอดพระเนตร เห็นอรทรามวัย
มนุษย์ฤๅยักษี ฤๅผีในไพร
นอนใต้ต้นไม้ หลากใจนักนา
  ๏ ฤๅว่าคนตาย
มหาดเล็กเด็กใช้ ผันผายเร็วรา
หญิงชายให้รู้ สูดูแลมา
เห็นแต่ภูษา กูหนามาหลากใจ
  ๏ มหาดเล็กได้ฟัง
วิ่งมาละล้าละลัง สรังเถิงอรไท
พิศดูถ้วนถี่ งามดีเหลือใจ
เหตุการณ์เป็นไฉน จึ่งมามรณา
  ๏ เห็นเขี้ยวงูเห่า
ที่รอยนิ้วเท้า เขาแล่นกลับมา
ทูลแก่พระบาท มัททราชราชา
นางม้วยมรณา ในป่าไพรสณฑ์
  ๏ เห็นรอยงูขบ
นางหากสลบ มิม้วยวายชนม์
รูปร่างประเสริฐ ล้ำเลิศสากล
ชะรอยเทพมน แต่สวรรค์ลงมา
  ๏ สมเด็จภูมี
ได้ฟังคดี ภิรมย์หรรษา
พระเสด็จจากช้าง เยื้องย่างเข้ามา
เถิงองค์ฉายา ท้าวมาแลดู
  ๏ พิศถ้วนพิศถี่
ดีร้ายตรงนี้ จะมีปล่องงู
ชะรอยลูกท้าว ด้าวแดนชมพู
เห็นเป็นเอ็นดู ตายอยู่เอกา
  ๏ ให้หาหมองู
เข้ามาพรั่งพรู สูเร่งเร็วรา
รางวัลจะให้ เถิงใจนักนา
ถ้ามิรอดมา จะฆ่าให้ตาย
  ๏ หมองูกรูเข้า
รอบองค์นงเยาว์ ปัดเป่าวุ่นไป
ฝนยากรอกเข้า นวลเจ้าค่อยคลาย
จึ่งตื่นฟื้นกาย ขึ้นมาบัดดล
  ๏ เหลือบหาศุภลักษณ์
กับพระลูกรัก ทั่วทุกแห่งหน
เห็นแสนเสนี มนตรีรี้พล
ไม่เห็นลูกตน สนเท่ห์พระทัย
  ๏ สมเด็จภูบาล
จึ่งมีโองการ ถามนางอรไท
ข้ามาแต่กี้ ไม่มีผู้ใด
เห็นแต่เจ้าไซร้ มาม้วยเป็นผี
  ๏ ข้าไปแลดู
จึ่งรู้ว่างู ขบเจ้าเทวี
ปัดเป่าเป็นครู่ จึ่งรู้สมปฤดี
มาในพงพี บัดนี้เพื่อใด
  ๏ นางจึ่งทูลเล่า
ข้าพระพุทธิเจ้า พลัดผัวมาไกล
คลอดพระลูกชาย งูร้ายจังไร
ขบข้าให้ตาย มอดม้วยวายชนม์
  ๏ ศุภลักษณ์เมียน้อย
กับลูกกระจ้อย หายทั้งสองคน
คุณบุญท่านช่วย มิม้วยวายชนม์
ขอลาจุมพล ค้นหาแลดู
  ๏ ท้าวห้ามอรไท
ฟังข้าอย่าไป ไม่สิ้นพิษงู
ท้าวสั่งเสนา ให้ค้นหาดู
ลูกนางโฉมตรู หลงอยู่แห่งใด
  ๏ เสนีรี้พล
ชวนกันเข้าด้น ....................
ไม่สบพบพาน บัดเดียวกลับไป
แล่นมาทูลไข อรไทกระษัตรีย์[๑๗]
  ๏ ฝ่ายนางเทวี
ได้ฟังคดี มิพบลูกยา
ตระหนกตกใจ แล่นไปค้นหา
มองทุกหย่อมหญ้า เรียกหาลูกตน
  ๏ เรียกศรีศุภลักษณ์
กับพระลูกรัก แม่ตายวายชนม์
ไห้พลางเรียกพลาง ที่กลางไพรสณฑ์
เที่ยวทุกตำบล เข้าค้นแลดู
  ๏ ศุภลักษณ์นางแก้ว
พี่นี้รอดแล้ว ไม่ตายด้วยงู
พาลูกไปไหน แม่ไม่เอ็นดู
ให้พี่เที่ยวอยู่ ไม่รู้แห่งหา
  ๏ เที่ยวพลางเรียกพลาง
ตีทรวงผางผาง นางฟายน้ำตา
ทอดองค์ครวญไห้ ตกใจนักนา
กลิ้งเกลือกไปมา กับพระธรณี
  ๏ โอพระลูกน้อย
แม่มาละห้อย เศร้าสร้อยแสนทวี
ฤๅหนึ่งลูกชาย มาตายเป็นผี
ฤๅหนึ่งเสือสีห์ พาแก้วแม่ไป
  ๏ โอศรีศุภลักษณ์
พาพระลูกรัก จักไปแห่งใด
ฤพบเสือสาง ที่กลางพงไพร
พานพบขบได้ ไปเป็นอาหาร
  ๏ แม้อุ้มท้องมา
ทุกข์พ้นล้นฟ้า เห็นน่าสงสาร
ครั้งหนึ่งปิ้มจะม้วย ตายด้วยนายพราน
เดชะสมภาร แม่มารอดตัว
  ๏ พบนายเภตรา
มันทำหยาบช้า ข้าจักเป็นผัว
ลงสัดจองหนี แม่นี้รอดตัว
คิดแต่อยู่หัว เมื่ออยู่ในครรภ์
  ๏ พบศรีศุภลักษณ์
ครั้นรู้สมัคร ได้เป็นเพื่อนกัน
ครั้นจึ่งน้องรอด คลอดเจ้าจากครรภ์
ค่อยคลายโศกศัลย์ เถิงพระบิดา
  ๏ แม่มาคิดเสียดาย
ลูกน้อยเป็นชาย โฉมเฉิดโสภา
แม่เชยชมเจ้า ทูนเกล้าเกศา
เป็นอนิจจา เจ้ามาหายไป
  ๏ ทุกข์เถิงผัวแก้ว
ครั้นคลอดลูกแล้ว ค่อยวายร่ำไร
พบศรีศุภลักษณ์ ซื่อนักเหลือใจ
มีกรรมจำให้ มาไกลจากกัน
  ๏ ไม่รู้ที่จะคิด
กลุ้มกลัดขัดจิต จะม้วยอาสัญ
นมเร่งคัดเต่ง เคร่งกว่าทุกวัน
พระลูกจอมขวัญ มิได้เสวย[๑๘]
  ๏ งูเห่าเจ้ากรรม
มันแกล้งแสร้งทำ จำพลัดมารศรี
ตีอกชกเกล้า พ่อเจ้าควรหนี
เป็นตายร้ายดี แม่มิรู้เลย
  ๏ ล้มแล้วลุกขึ้น
ร้องไห้สะอื้น เรียกหาทรามเชย
ศุภลักษณ์น้องข้า ไม่ระมาเห็นเลย
โอแก้วพี่เอย เจ้าไปแห่งใด
  ๏ ไห้ร่ำคร่ำครวญ
กำสรดกำสรวล รำจวนพระทัย
ตีอกชกเกล้า นวลเจ้าร่ำไร
โอโอะโหยไห้ ไม่ระพบลูกชาย
  ๏ เหลียวซ้ายย้ายขวา
ไม่ระมาเห็นหน้า แม่น่าใจหาย
ปิ้มใจจะขาด กลิ้งเกลือกเสือกตาย
เจ้าไม่ฟื้นกาย กลิ้งกับธรณี
  ๏ สมเด็จภูบาล
เห็นยอดเยาวมาลย์ ไม่รู้สมปฤดี
ชูเกศใส่ตัก ลูบพักตร์มารศรี
เจ้าทำฉันนี้ น่าที่จะวอดวาย
  ๏ ค่อยอยู่ค่อยไป
ถ้าสมภารให้ จะได้พบกัน
เจ้าอย่าร้องไห้ ร่ำไรโศกศัลย์
เชิญเจ้าผายผัน เข้าไปพารา
  ๏ นางค่อยฟื้นตัว
ฟังคำอยู่หัว ค่อยตอบบ่ช้า
เข้าไปไม่ได้ ที่ในพารา
ข้าน้อยขอลา เที่ยวหาลูกชาย
  ๏ ฟังข้าอย่าไป
ชีวิตเจ้าไซร้ จะม้วยฉิบหาย
เชิญเจ้าไปวัง ยังจะได้สบาย
จักเสกโฉมฉาย ให้เป็นมเหสี
  ๏ ตรัสนี้ใส่เกล้า
ข้าพระพุทธิเจ้า ลูกเต้าผัวมี
ครั้งหนึ่งพรานป่า มันพาข้าหนี
ข้าไม่ไยดี จึ่งซัดจรมา
  ๏ เถิงผัวมีอยู่
เป็นตายไม่รู้ สักกึ่งเกศา
ยิงยอมด้วยพี่ จักดีนักนา
อยู่เอื้อมมือข้า อย่าว่าไปเลย[๑๙]
  ๏ ตรัสคิดดังนี้
ข้าบาทบทศรี จักกลั้นใจตาย
เชิญเป็นบิดา สัญญาสืบไป
ทูลท้าวมากมาย ใส่เกล้าเกศี
  ๏ ท้าวฟังวาจา
เชิญเป็นธิดา ตามอรเทวี
ถ้าข้าคิดร้าย มุ่งหมายมิดี
ไฟอพิจี บัดนี้เผาผลาญ
  ๏ นางทูลตอบมา
ขอเป็นธิดา พึ่งโพธิสมภาร
ท้าวเป็นบิดา ตรัสมาโปรดปราน
ถ้าข้าสามานย์ ตกมหาอวิจี
  ๏ ได้ฟังธิดา
สมเด็จราชา ชื่นชมยินดี
ฟังพ่อเถิดนะเจ้า เชิญเข้าบูรี
อยู่ไปใช่ที่ จะพบลูกยา
  ๏ นางจึ่งทูลเล่า
ตามแต่พ่อเจ้า เสด็จเข้าพารา
เหลือบเห็นวานร วิงวอนถามหา
ยังเห็นลูกข้า บ้างฤๅเป็นไฉน
  ๏ นางศรีศุภลักษณ์
กับพระลูกรัก มาสูญหายไป
เป็นตายไม่รู้ เห็นอยู่แห่งใด
ฤๅสั่งเสียไว้ กลใดบ้างรา
  ๏ จึ่งท้าววานร
ฟังคำบังอร ร้องบอกลงมา
นางว่าเจ้าตาย นางฟายน้ำตา
สั่งว่าราชา มาให้ตามไป
  ๏ ไปแต่วันนี้
เมื่อรุ่งราตรี เทวีร่ำไร
เจ้าอุ้มลูกน้อย ละห้อยเดินไป
ทางไกลกว่าไกล เจ้าไม่ระตามทัน
  ๏ นางฟังวานร
บอกข่าวบังอร ร้อนโรคโศกศัลย์
ถ้าว่าโสวัต ตรัสตามมาทัน
ให้จงไปพลัน เถิงในพารา
  ๏ ว่าท้าวมัททราช
พาข้าพระบาท เข้าไปพารา
ถ้าศรีศุภลักษณ์ น้องรักตามมา
ให้ไปหาข้า เถิงพระบูรี
  ๏ พานรรับคำ
แม่อย่าไห้ร่ำ จักทูลภูมี
นางกับลูกยา จักมาผิดที
พึ่งไปวันนี้ มิใคร่จะไป
  ๏ ไปแล้วกลับมา
หลายครั้งหลายครา น้ำตาลามไหล
ครั้นลูกอยากนม ปรารมภ์พ้นใจ
กอดลูกเข้าไว้ ร้องไห้ไปพลาง
  ๏ นางได้ฟังข่าว
อกร้อนผะผ่าว รำจวนครวญคราง
ตีทรวงกำสรด ระทดเถิงนาง
ป่าดงพงกว้าง นางก็ไปแห่งใด
  ๏ เจ้ารักลำบาก
ตกไร้ได้ยาก จะเห็นหน้าใคร
เสือสีห์แรดช้าง ที่กลางพงไพร
จะเบียดเบียนให้ เจ้าไซร้มรณา
  ๏ แม่ลูกสองคน
ระเหระหน เป็นพ้นปัญญา
สุดรู้สุดฤทธิ์  
ฯลฯ  
(ฉบับขาด)  
  ๏ เห็นพิมานแก้ว
เรียงรายพรายแพร้ว แสงแก้วรจนา
ทำไฉนจักได้ นางไท้ธิดา
พี่ม้าอาชา จักคิดกลใด[๒๐]
  ๏ จึ่งม้าอาชาไนย
ทูลแก่จอมไตร โสวัตราชา
มาเราจะข้ามไป น้ำไหลไคลคลา
ให้เถิงมหา ปราสาททรามวัย
  ๏ จึ่งพระราชา
เสด็จเหนือหลังม้า อาชาพาไป
เธอข้ามน้ำกรด เถิงมณเฑียรใน
จึ่งพระจอมไตร ลงยังศาลา[๒๑]
  ๏ แลทุกแห่งหน
ไม่รู้ตำบล ที่ช่องพระดาน
จะทำฉันใด ไปเถิงพิมาน
มณเฑียรสถาน พิมานไพรชน[๒๒]
  ๏ เป็นฉงนจนใจ
เหลือบแลแปรไป ทวีปวิมาน
บเห็นผู้คน ที่จะได้ไถ่ถาม
ไม่รู้เนื้อความ คิดอ่านสืบไป
  ๏ เห็นเป็นพ้นตัว
น้องน้อยคิดกลัว เกลือกตัวจะบรรลัย
อยู่ไยนะพี่ม้า จะพากันไป
ที่ไหนจะได้ ไปไยให้ป่วยการ
  ๏ พาชีจึ่งว่า
ไปเปล่าเล่านา ฝ่ายพระญาคชสาร
เข้าไปให้รอด ชั้นยอดวิมาน
จะช่วยคิดอ่าน ท่านท้าวจงไป
  ๏ เคาะไพชยนต์แก้ว
ในประตูรู้แล้ว จะเบิกเผยผาย
อย่ามาเกรงกลัว พลัดตัวเข้าไป
จักกุมใครได้ อย่าไว้เลยนา
  ๏ อย่ามาหลงใหล
เข้าไปให้ได้ เถิงอรฉายา
เจรจาพาที จงดีนะพระอา
อย่าทำหยาบช้า ยื้อคร่ามิดี
  ๏ ค่อยพลอดค่อยไป
พอรู้น้ำใจ ให้เห็นท่วงที
ข้าสาวชาวฟ้า หยาบช้าไม่ดี
อ้อนวอนท่วงที จงมีเสนหา
  ๏ เขากล้าเขาคม
เห็นลิ้นเห็นลม คารมเจรจา
แก้ไขให้ดี ท่วงทีข้างหน้า
พอว่าจึ่งว่า อย่าให้เคืองใจ
  ๏ เถิงรักเท่ารัก
ลามลวนด่วนนัก จักเคืองพระทัย
วามวู่จู่คร่า เครื่องมาขัดใจ
ค่อยมาค่อยไป จักได้เสนหา
  ๏ เราว่าเราดี
เล่นชู้เพียงนี้ อย่ามีนินทา
ว่าไรให้รวย ตายด้วยวาจา
ยืดไปเบื้องหน้า จึ่งว่าเราดี
  ๏ คนจนผู้หญิง
อายเสียยับจริง แพ้หญิงบัดศรี
จำคำไห้ได้ เข้าไปจงดี
ช้านักเจ้าพี่ จะจวนเวลา
  ๏ ท้าวฟังพาชี
ชื่นชมยินดี จึ่งมีวาจา
เหตุการณ์จึ่งร้อง ช่วยน้องด้วยรา
สั่งพลางย่างมา จากม้ามโนมัย
  ๏ เที่ยวทุกศาลา
มองดูช่องฝา เวียนมาเวียนไป
เถิงยามเป่าสังข์ ดุจดังวังใน
จะเข้ากระไร จักได้นวลนาง ๚ะ

ยานี

๏ จึ่งเกล้าชาวกำนัล ชักชวนกันสีทนต์พลาง
เป่าปี่ดีดจับบ้าง มาขรมครื้นอยู่มากมี
๏ ลางนางตีโทนทับ ลางนางขับมโหรี
บ้างดีดกระจับปี่ เขนขานศรีเป่าปี่ไป
๏ ลางนางตีโหระทึก เสียงโครมครึกร้องก้องไป
แซ่เซ็งระเบ็งใน กล่อมนางไทเทพธิดา
๏ ลางนางบ้างรำฟ้อน เป็นกินนรร่อนเวหา
รำเองเพลงชวา บ้างรำร่าเป็นเพลงไทย
๏ เสียงแตรเซ็งแซ่เป่า ถ้วนยามเล่าประโคมไป
เถิงทุ่มกลุ้มกลองไชย แซ่เซ็งไปสั่วสระสรง
๏ นกหกบินเวหา ฟังเสภามาพิศวง
หยุดถาราปีกลง ให้งวยงงได้แสนทวี
๏ สัตว์สิงวิ่งในไพร ได้ยินไปให้ยินดี
เวียนอยู่รอบสระศรี มามากมีเงี่ยหูฟัง
๏ เหตุมามาเข้าเฝ้า ได้ยินเล่ามาเสริดสรัง
เป็นครู่อยู่คอยฟัง หยัดยื้อบังดังหลงใหล
๏ โสวัตได้ยินมา เพราะนักหนาจะขาดใจ
ปิ้มปานสลบไป อยู่ไม่ได้กับศาลา
๏ เข้าไปใกล้ไพชยนต์ ฟังเสียงคนเขาเจรจา
กอกกอกเคาะริมฝา เผยรับข้าด้วยเป็นไร
๏ บัดนั้นในประตู เผยออกดูนั่นเสียงใคร
เยี่ยมหน้ามาบัดใจ คือว่าใครฉันนี้นา
๏ มนุษย์ครุฑนาคี จะว่าผีฤๅเทวา
หลากใจว่าไรนา คร้ามขึ้นมาลับเข้าไป
๏ โสวัตตรัสวิ่งเข้า ครั้นเถิงเจ้าหับบานไชย
กอดนาฏสนัดใจ เจ้านิ่งไปอย่าเจรจา
๏ สมสุขเธอคลึงเคล้า เล้าโลมเจ้าผู้ฉายา
เจ้าบอกแก่พี่รา เทพธิดาอยู่ห้องไหน
๏ นางบอกแก่ภูมี ว่าเทวีอยู่ชั้นใน
เจ็ดชั้นอันตราไตร จึ่งจะได้เห็นฉายา
๏ หลังม่านมีทวาร ทั้งเจ็ดชั้นมั่นตรึงตรา
ท้าวเธอเสด็จยาตรา นางฉายาเจ้าอยู่ห้องใน
๏ ปราสาทอันโสภา แลมุกดาวิฑูรย์ใส
เก้าแก้วประดับไป รุ่งเรืองในทิพพิมาน
๏ พระฟังคำนางว่า ท้าวลินลายังสถาน
จรมาได้ช้านาน เข้าไปได้ดั่งจินดา
๏ พระเล้าโลมพิศวาส ด้วยนางนาฏอันรักษา
ทวารนั้นตรึงตรา พี่สุขเกษมเปรมปรีดี
๏ คลึงเคล้าเจ้าบ่วาง พิศพักตร์พลางจูบเกศี
ทุกชั้นทวารอันมี นารีนาฏอันรักษา
๏ เล้าโลมด้วยพิศวาส ด้วยน้องนาฏอรฉายา
คือทองมาทาบทา พระราชามาสมสอง
๏ แล้วจึ่งเสด็จยูรยาตร เถิงทวารมาศดังสมพอง
ท้าวลุดั่งใจปอง เคยสมสองด้วยมารศรี
๏ พิมานทั้งเจ็ดชั้น อันกางกั้นอรเทวี
พรายเพริศประเสริฐมี พรรณประภาคย์มีหลากหลาย
๏ มีหมู่นางนารี เป็นสาวศรีอันเพริศพราย
ทรงผ้าลายกิ่งไม้ นางโฉมฉายงามมีศรี
๏ เรียงรายพรายเพริศพรรณ โฉมนางนั้นงามมีศรี
ละอองเนื้อทองดี งามศรีแจ่มใครจะปาน
๏ ลางนางห่มสะพัก ทรงผ้าปักเป็นเครือวัลย์
โฉมเฉิดฉิมรำพัน นางองค์นั้นใครปานเลย
๏ ค่อมเค้าเฝ้าตีนม่าน มาทัดทานเป็นมากหลาย
ฉันนี้จะทำวุ่นวาย จึ่งจู่ลู่มาเถิงใน
๏ ว่าครุฑฤๅยักษา มนุษย์มาแต่แห่งใด
ดูหลากแก่หัวใจ แต่ก่อนไซร้บ่ห่อนเห็น
๏ ฤๅหนึ่งว่ายักษี ฤๅนาคีมาทำเข็ญ
แต่ก่อนบ่ห่อนเป็น ดังนี้แลกูหลากใจ
๏ ออกไปอย่าให้อยู่ พิศเพียรดูตูข้าไย
ตัวเจ้ามาแต่ไหน จึ่งมาทำให้วุ่นวาย
๏ เรียกเพื่อนมาหน้ารับ มาจะจับพระโฉมฉาย
ใครหนอมาทำวุ่นวาย ผิดชาวเรานะเพื่อนอา
๏ จักซัดลงน้ำกรด ให้สาหสทั่วกายา
ให้ม้วยสิ้นชีวา ชีวิตเจ้าจะเป็นไฉน
๏ โสวัตตรัสบ่ช้า เบือนดูหน้านะทรามวัย
เอาไว้เป็นเพื่อนไท ไปเมื่อหน้าจะแทนคุณ
๏ ข้าไซร้ไม่ได้รู้ จึ่งจูลู่มาเถิงปุน
จงเจ้ามามีคุณ แก่พี่เถิดนะมารศรี
๏ พี่ไซร้มาใกล้องค์ จะใคร่ได้อรเทวี
เป็นเพื่อนเรือนพาที เอ็นดูพี่อย่าวุ่นวาย
๏ จึ่งนางอรฉายา เทพธิดาผู้ฦๅสาย
อยู่ไหนนะโฉมฉาย จงบอกไห้เรารู้รา
๏ เรียมจักฝากไมตรี ด้วยมารศรีผู้โสภา
เจ้าบอกแก่พี่รา อย่าพรางช้านะทรามวัย
๏ เรียมไซร้ขอฝากรัก ด้วยนางนาฏผู้ทรามวัย
จงเจ้าเล่าพี่ไป พี่จักได้ร่วมรดี
๏ ด้วยนางผู้กลอยสวาดิ ข้านี้นาถกระษัตรีย์
เรียมจักมาร่วมมารศรี สมสมรด้วยฉายา
๏ นารีทั้งหลายกล่าว ทูลท่านท้าวด้วยวาจา
มาแต่แห่งใดนา มาถามหาพระเทวี
๏ ทังวลสิ่งอันใด จงบอกไปให้รู้คดี
เหตุการณ์อันใดมี จงวาทีให้รู้รา
๏ โสวัตจึ่งเฉลยไข ตอบทรามวัยด้วยวาจา
ตัวพี่นี้เสนหา ด้วยท่านท้าวผู้ทรามเชย
๏ จักมาร่วมทิพอาสน์ ด้วยนางนาฏเรียบเรียงเขนย
อยู่ด้วยนุชผู้ทรามเชย จึ่งมาได้ประสมศรี[๒๓]
๏ ลุลาดโดยจำนง ช่วยประสงค์มาปกครอง
น้องรักเจ้าปกป้อง ประสมสองด้วยมารศรี
๏ ศุภมาลย์จึ่งขานตอบ กล่าวบ่ชอบด้วยท่วงที
ดังฤๅพระเจ้าพี่ กล่าวดั่งนี้ก็ผิดไป[๒๔]
๏ มนุษย์แลเทวา มาร่วมอาสน์อิงอันเดียวกัน
ไม่มีแต่บูราณ ร่วมรักกันฉันนี้หนา[๒๕]
๏ โสวัตกล่าวบ่ช้า ดีอยู่นานางนงคราญ
กล่าวนี้ก็ผิดกัน แต่ก่อนเก่าเจ้าพี่อา
๏ เทวาแลมนุษย์ สุดแต่บุญได้สร้างมา
จะใคร่ร่วมเสนหา ประสมสู่เป็นคู่ครอง
๏ ประดุจท้าวอินทรา แกล้งลงมาประสมสอง
ด้วยนางสุชาดาปอง เถิงต่ำใต้บาดาลดล
๏ เทเวศร์แลอสุรี ประเวณีอันเดียวกล
จะกล่าวตามยุบล พี่นี้กล่าวตามนิยาย
๏ บ้านเมืองอรเทวี ชะตาศรีผู้ฦๅสาย
เกิดเป็นบุตรีหมาย แห่งท้าวไทอสุรา
๏ อยู่ต่ำใต้เมรุมาศ อันคลายคลาดอาสน์รจนา
ว่าได้ด้วยไตรตรา สิบหกโยชน์ประมาณมี
๏ ท้าวผู้เป็นบิดา ให้กัลยาผู้บุตรี
จักให้เป็นเสาวนีย์ ให้รองบาทท้าวอสูร
๏ ประดับประดาอาสน์ ด้วยทัมราชแก้วพยูร
นั่งเคียงเรียงอสูร ท้าวจึ่งทูลแด่ฉายา
๏ ให้รองมาลาแล้ว จึ่งนางแก้วเที่ยวไปมา
เมื่อนั้นพระอินทรา นีฤมิตเป็นยักษี
๏ นางอยู่ในอาสนะ เป็นตรบะอันมากมี
บัดนั้นนางมารศรี ครั้นได้เห็นก็หรรษา ๚ะ

สุรางคนางค์

  ๏ บัดนั้นพาชี
ฟังคำภูมี แสร้งแกล้งร้องมา
เหวยอีค่อมเค้า กุมเจ้าไยนา
พาอีแพศยา ไม่มาควรอาย
  ๏ แต่ล้วนสาวสาว
ไม่ดีมี่ฉาว มากลุ้มรุมชาย
มึงทำหน้าด้าน กูน่าอายใจ
อีค่อมแสนร้าย กุมชายไว้ไย
  ๏ เตี้ยค่อมพร้อมมา
ได้ยินม้าว่า มิช้าก็ร้องไป
เจ้ามึงอาจกล้า เข้ามาเถิงใน
กูจับกุมได้ ว่าไยเล่านา
  ๏ จักลักเอาของ
แก้วแหวนเงินทอง ฤๅไรอาชา
มึงมิมาเล่า ให้เจ้าเข้ามา
ด้านหน้าไม่ว่า อ้ายม้าจังไร
  ๏ พาชีโกรธา
อีค่อมปากกล้า มึงด่าว่าใคร
จักลักเอาของ เงินทองมึงไย
พระเจ้าเข้าไป มีที่ปรารถนา
  ๏ จักลักสิ่งนั้น
ของอรแจ่มจันทร์ นางเทพธิดา
ค่อมเค้าเล่าไซร้ ยกไว้อาชา
มึงควรกับม้า ปากกล้าจงดี
  ๏ นางค่อมร้องไป
มึงด่าว่าใคร อ้ายม้าบัดศรี
ชาติข้าขี้เค้า เจรจามิดี
ออกชื่อพาชี ดังนี้เพื่อใด
  ๏ มึงช่างร้องด่า
ไม่รู้จักม้า รูปร่างเป็นไฉน
จักลักสิ่งนั้น สิ่งอันใดใด
อ้ายโลนว่าไป ให้แจ้งก่อนรา
  ๏ พาชีจึ่งโกรธ
อีค่อมคนโหด ด่ากูไยนา
จักลักสิ่งนั้น มาให้อาชา
จะถูกตบม้า ปากกล้าจงดี
  ๏ กลุ้มกุมชายไว้
มึงมากนักไซร้ เถิงได้ไม่เสียที
จับกูไว้ด้วย จะช่วยภูมี
หญิงร้ายบัดศรี อย่างนี้มิเคยเห็น[๒๖]
  ๏ นางค่อมร้องไป
กริ้วโกรธคือไฟ หวั่นไหวอาตมา
มึงมาทำเข็ญ จะเป็นไรนา
กูนี้มิว่า มึงมาเคยใจ
  ๏ กุมชายไว้แล้ว
ร้องมาแจ้วแจ้ว มึงร้องด่าใคร
อวดตัวว่าดี มานี่เป็นไร
มึงร้องอยู่ไหน เหตุไรมิมา ๚ะ

ฯ พระธรรมโสวัตจบบริบูรณ์แต่เท่านี้แล ท่านบาพิมภพุทธิเขียนไปนั้นหามิได้แล้ว อาตมาภาพขอนิพพานปัจจโยโหตุ ฯ

[๑] น่าจะเป็น “มีอุจมียกทุกประการ”

[๒] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๓] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๔] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๕] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๖] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๗] สัมผัสไม่รับกับวรรคต้น

[๘] น่าจะเป็น “บ่เอือดคือท่อธารา”

[๙] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๑๐] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๑๑] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๑๒] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๑๓] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๑๔] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๑๕] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๑๖] ต้นฉบับเขียนว่า “ผูมีย” น่าจะเป็น “เทวี” มากกว่า

[๑๗] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๑๘] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๑๙] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๒๐] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๒๑] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๒๒] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๒๓] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๒๔] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๒๕] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

[๒๖] สัมผัสไม่ส่งกับบทต่อไป

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ