วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ น

หาดใหญ่ สงขลา

วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๔๗๘

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๘ แม่เต่าเชิญเข้าไปให้ พร้อมทั้งซองบุหรี่ที่ทรงพระเมตตาโปรดประทานเข้าไป ได้รับประทานแล้ว รู้สึกในพระเดชพระคุณอย่างยิ่ง

ซองบุหรี่นั้นชอบใจเกินกว่าที่หวังพระไทยไปเสียอีก แรกแก้ห่อออกดูคิดว่าทำด้วยซันลูลอย แต่เมื่อเปิดดูข้างใน เห็นปรากฏเปนทำด้วยไม้จริง ๆ แต่เมื่อกลับพิจารณาดูภายนอก เห็นเปนทาสีปลอมเปนไม้ ทำให้ความดีซุดไปเสีย ความคิดจึงเกิดขึ้นว่า ถ้าขูดสีทิ้งเสีย ขัดเงาให้ปรากฏเนื้อไม้จริง ๆ จะประเสริฐเลิศล้ำ และถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก รื้อกรอบกำมะลอเดิมทิ้งเสียทำกรอบเงินประกอบใหม่ และติดตราเข้า อาจให้เปนของกำนัลใครก็ได้ เพราะฉะนั้นขอประทานโทษที่จะรบกวนฝ่าพระบาท ได้ทรงพระเมตตาโปรดจัดซื้อส่งเข้าไปประทานอีกสัก ๔ ใบ เพื่อลองทำดู จะเปนพระเดชพระคุณล้นเกล้า

ของญี่ปุ่นที่ทำขายราคาถูกนั้นประหลาดหนักหนา จะทูลถวายตัวอย่างเทียบถ้วยแก้วอย่างกินน้ำ ฝรั่งทำมาขายโหลละ ๓ บาท ญี่ปุ่นทำมาขายแข่งขันโหลละ ๙๐ สตางค์ ทำได้อย่างไรไม่เข้าใจเลย เนื้อแก้วก็ต่ำกว่ากันแต่เพียงเล็กน้อย กรมพระกำแพงเพชรตรัสอธิบายว่า ของญี่ปุ่นขายในเมืองญี่ปุ่นราคาแพงกว่าที่ขายในตลาดต่างประเทศ ยอมขายขาดทุนเพื่อเอาชนะต่างประเทศ ฟังดูก็ชอบกล แต่ไม่สามารถเชื่อลงไปได้ เพราะลดราคาต่ำกว่ากันตั้ง ๕๐๐ เปอเซนต์ เปนทางที่จะล้มละลายมากกว่าเปนทางที่จะชนะโลก

พระภิกษุวุฑฒิสารนั้น เปนองค์ที่สร้างวัดพุทธคยานั้นเอง เธอบอกเหมือนว่าเดิมอยู่วัดชนะสงคราม แล้วไปเที่ยวเมืองมอญ เมืองพม่า เมืองอินเดียและลังกา แล้วมาสร้างวัดที่เมืองสิงคโปร์ ที่ซึ่งสร้างวัดนั้นเธอเช่าจากรัฐบาลสร้างเปนวัดขึ้น ภายหลังห้างขายยาตราเสือซื้อที่ซึ่งได้สร้างวัดไปจากรัฐบาล แล้วมาไล่เธอให้ออกจากวัด เธอไม่ยอมออก เมื่อจะซื้อก็ไม่บอกให้เธอทราบ ต้องเปนความต่อสู้กันในศาล คดียังค้างอยู่จนทุกวันนี้ การใส่โทษว่าเธอชั่วร้ายต่าง ๆ นั้น เธอว่าเปนอุบายของนายห้างตราเสือทั้งสิ้น ประสงค์จะกำจัดให้เธอหลุดพ้นไปเสียจากวัด เพื่อจะให้ได้ที่เปนสิทธิโดยไม่มีการขัดขวาง เธอดูแคลนพระมิตรกรรมกงซุลสยามคนก่อนเท่ากับที่กงซุลดูแคลนเธอ สงสัยว่าพระมิตรกรรมรับสินบนห้างขายยาตราเสือ แต่งคนเข้ากับตำรวจรัฐบาลช่วยกันจับเธอใส่กุญแจมือ ลักพาไปเพื่อนีรเทศส่งเข้ากรุงเทพฯ แต่ครั้นไปพักที่กวาลาลุมปูร์ เธอจึงร้องต่อรัฐบาลที่นั้น เขาทำการไต่สวนเห็นเธอไม่มีผิดเขาก็ปลดปล่อยเธอกลับ ข้อความทั้งนี้มิใช่ว่าเธอกล่าวโทษกงซุลขึ้นเอง เปนด้วยเกล้ากระหม่อมซักถามเธอขึ้น ด้วยได้ทราบข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าพระไทยถูกลักพา จึงสอบดูว่าจะเปนท่านองค์นี้หรือมิใช่ ตามคำที่เธอเล่าก็ตรงกับที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวโดยมาก ในเรื่องเงินทองถ้าหากว่าเธอขี้ฉ้อเอาไปเปนประโยชน์ส่วนตัวเสียมากคงจะสร้างวัดขึ้นใหญ่โตถึงเท่านั้นไม่ได้ เกล้ากระหม่อมกลับเห็นไปว่าเธอมีอภินิหารมากเสียอีก แม้อยู่ในเมืองต่างประเทศซึ่งไม่ใช่เปนเมืองที่ถือพุทธศาสนาเปนหลัก เธอก็ยังอุตส่าห์หาเงินมาสร้างวัดได้ใหญ่โตถึงเพียงนั้น

เรื่องแต่งประวัติธรรมยุตินิกายที่กราบทูลมานั้น ก็ด้วยปรารถนาที่จะให้ทรงระวังพระองค์ เมื่อได้ทรงระวังแล้วเรื่องนั้นก็เปนอันระงับด้วยความพอใจ

เรื่องชื่อเมืองชื่อตำบลนั้น เปนสิ่งที่ยุ่งเหยิงนัก ชื่อเดียวซ้ำกันหลายแห่งก็มี เช่นเมืองกลังที่อังกฤษถามมาก็ใกล้กับเมืองกรังของเรา (ซึ่งเราเขียนตรังน่าจะหลง) แล้วยังข้ามฟากไปคล้ายกับเมืองแกลงอีกด้วย เปนชื่อที่แปลไม่ออกด้วยกันทั้งนั้น อย่างไรก็ดีไม่ใช่เมืองกลางแน่ เมืองสงขลาก็ซ้ำกับสังขลบุรี เคยได้ยินสมเด็จชายทรงวินิจฉัยชื่อเมืองสงขลาว่าแย่งชื่อกันกับเมืองสิงคโปร์ ไทยเรียกสงขลา แขกเรียกเสงคะละ ฝรั่งเรียกสิงโครา ตัว ป ตกไปตัวเดียว ที่แท้คือ สิงหปุระ

จะยึดเอาว่าเมืองใดตำบลใด เคยอยู่ในปกครองภาษาใด ย่อมจะมีชื่อเปนภาษานั้นก็ไม่ได้ เช่นสทิงพระ เปนคำเขมรแท้ ๆ ทั้งสองคำ (เขมรอ่านออกเสียงว่าสตึงเปริยะ) สทิง ว่าลำน้ำหรือลำคลอง พระก็ว่าพระคือพระธาตุ ควรหรือคำเขมรก็ข้ามมาอยู่สงขลาได้ แต่ที่จริงคำมลายูโดนกันกับคำเขมรก็มีมาก เช่น หมู่บ้าน มลายูเรียกกำปง เขมรก็เรียกกำปง (แต่เขียนกำพง) คำมลายูว่า อนะ เช่นอนะวิยดา ก็ตรงกับคำเขมรว่าอนัก เช่น อนักองค์วัดถา แต่ตัว อ ที่นำนั้นเขาไม่อ่าน เราเขียนจึงตัดทิ้งเสีย ภาษาไทยกับภาษาเขมรที่เหมือนกันก็มีมาก เช่น โคม เขมรก็เขียนโคม แต่อ่านว่าโกม กำแพง เขมรก็เขียนกำแพง แต่อ่านว่า กำแปง ชื่อตำบลแม้จะเปนชื่อไทยก็ดี แต่เปนภาษาไทยครั้งบรมสมกัลป์ ถึงจะคงอยู่โดยตรงเราเดี๋ยวนี้ไม่เข้าใจกันก็มี หรือที่เรียกตามสำเนียงอันเสียงเพี้ยนกันก็มี เช่นทางโคราชเรียกบึงว่าบุ่ง เรียกเนินว่าโนน เปนต้น ที่สามารถจะเดาได้ก็มี เดาไม่ออกก็มี เปนเรื่องที่ยากยิ่งนัก

ได้เขียนหนังสือกราบทูลมาแล้ว ว่าได้ย้ายออกมาอยู่หาดใหญ่ เพราะพระเสนหามนตรี คุณหญิงเหิม และแม่เกสร ชักชวนให้มาอยู่ ด้วยความตั้งใจจะรับรอง ยกตึกที่เคยอยู่ก่อนนั้นให้อยู่ เจ้าของตกแต่งหรูหราขึ้นอีกมาก สิ่งที่แต่ก่อนยังไม่สมบูรณ เช่น ห้องน้ำเปนต้น บัดนี้ได้ตั้งร้านม้าถังน้ำ มีสูบขึ้นถังตั้งชักโคลก มีก๊อกไขน้ำลงอ่างอาบเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ปลูกสร้างครัวถาวรขึ้นใหม่ด้วย ยังลานบ้านก็งามกว่าก่อน ตกแต่งเรียบร้อยขึ้นอีก ทั้งต้นไม้ก็เจริญขึ้น ทำให้ชุ่มชื่นในใจมาก พอเหยียบเข้าบ้านก็รู้สึกเหมือนหนึ่งบ้านของตน อันจากไปเสียนานแล้วได้กลับมาถึงบ้านอีก ทั้งผู้ที่เคยอุปัฏฐากก็อยู่พร้อมหน้า จนกระทั่งแมวดำก็ยังอยู่ แต่มันไม่มารบกวนเหมือนคราวก่อน เพราะมันมีลูกขึ้นสองตัว มันมัวพะวงเลี้ยงลูกมันเสีย เย็น ๆ ออกเที่ยวเดินเล่นตามเคยรู้สึกว่าตลาดปสานเจริญขึ้นกว่าแต่ก่อน สิ่งปลูกสร้างปลูกใหม่ขึ้นก็มาก นายษณัยเดอเจ้าของสวนสัตวก็ไปปลูกบ้านขึ้นอยู่ใหม่ไปทางโรงฆ่าสุกร ได้ย้ายเอาสรรพสัตวไปไว้ที่นั้น แต่เอาไปยังไม่หมด และที่เอาไปแล้วก็ยังจัดไม่เรียบร้อย อากาศดีกว่าในสงขลาหลายเท่า เวลากลางวันพอสบาย ตกกลางคืนถึงหนาว มีใจรำลึกถึงฝ่าพระบาทกับทั้งหลาน ๆ เปนกำลัง เพราะเคยอยู่ด้วยกันขลุกขลักแล้วมาขาดไปเสีย

เกล้ากระหม่อมได้ส่งหนังสือพิมพ์ ซึ่งเขากล่าวถึงประวัติพระยาเสนาภิมุขซึ่งเปนญี่ปุ่นมาถวายทอดพระเนตร เห็นผิดกับข้อความที่มีในพระราชพงศาวดาร (๒ เล่ม) มาก เขาไปเอาความมาแต่ไหน หวังว่าจะตรัสพยากรณ์ให้ทราบเกล้าได้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ