วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ น

สงขลา

วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๔๖๗

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ขอประทานกราบทูลถวายรายงานการเที่ยวต่อคราวก่อน วันที่ ๑๙ เวลาบ่ายโมงถึงสิงคโปร์ วันแรกมาถึงนี้อยู่ข้างสนุก เวลาบ่าย ๒ โมงพากันขึ้นบกที่ท่ายอนสันเปีย โดยความเอื้อเฟื้อของเอเยนต์ห้างอีสตเอเซียติก ด้วยนายฆริสเตียนเสนสั่งออกมา เราปรึกษากันว่าไปเยี่ยมหญิงเล็ก-ประภาวสิต-ก่อนจะเปนดี จับรถแท็กซี บอกคนขับให้ไปที่ประทับกรมพระกำแพงเพชร เขาก็ไม่รู้จัก เอเยนต์ห้างอีสตเอเซียติกก็ไม่รู้จัก ถามโปลิศก็ไม่รู้จัก เรายักบอกให้ไปที่โรงงานทำไฟฟ้าในลไลต์ ด้วยหวังว่าที่นั่นเขาคงบอกได้ แต่ก็เคราะห์ร้ายทั้งเอเยนต์โปลิศและคนแท็กซีก็ไม่มีใครรู้จักอีกทั้งนั้น หญิงอามรู้มาว่าที่ประทับกรมพระกำแพงเพชรอยู่นำเบอ ๑๐ ถนนอะไรก็ติดจะเลือน เมื่อบอกเขาเขาก็ว่าถนนชื่อนั้นไม่มี ตาเอเยนต์แนะนำว่าให้ไปหากงสุลสยาม อันเปนทางที่ไม่พึงปรารถนาเราก็ไม่ไป เจ้าคนรถออกความเห็นว่าลางทีจะเปนถนนอันหนึ่ง ซึ่งมีเสียงคล้ายกับชื่อที่หญิงอามบอก แต่ในการพูดจาปรึกษากันอยู่นั้น ทำความดึงดูดเอาคนหย่อยกันเข้ามาล้อมฟัง ในที่สุดจะเปนสัก ๓๐ คนไปได้ เราเห็นทีไม่ดีจึงทำความตกลงกับคนขับรถแท็กซี ให้เขาพาไปที่เขาคาด ถ้าไม่ถูกกับที่เราหมายก็ให้เขาพากลับมาส่งท่า จึงพร้อมกันขึ้นรถไป เขาพาเข้าถนนโซม ๆ สายหนึ่งหยุดที่นำเบอ ๑๐ เปนตึกแถวโกโรโกโส ในห้องนั้นมีแต่แขกยาหยา ไม่มีท่าที่กรมพระกำแพงเพชรจะอยู่ได้ เราจึงสั่งให้กลับ แต่ตรงนี้จะต้องชมคนแท็กซีว่ามีปัญญาไว พาเรากลับมาแวะถามที่วัดพุทธคยา ซึ่งเรียกกันโดยสามัญว่าวัดเสือ พอเห็นวัดเข้าก็ใจมา เพราะได้เคยเห็นรูปฉายาลักษณ์และรู้ว่าเปนวัดไทย จึงลงจากรถเข้าไปในวัด คนที่นั้นเปนไทยต้อนรับเราอย่างปีติ ถามถึงเจ้าอธิการเขาบอกว่าจำวัด ถามถึงที่ประทับกรมพระกำแพงเพชร เขารู้จักจะให้คนนำไป เราเกรงใจเขาบอกเขาว่าไม่ต้อง ชี้แจงกับคนขับรถให้เข้าใจก็แล้วกัน เขาว่าเห็นจะเข้าใจไม่ได้ เขาก็นำไปจนได้จนถึง หญิงเล็กตกใจตื่นเต้นมาก วุ่นวายต้อนรับให้ส่งรถแท็กซีกลับ ให้รถของเธอพาลูก ๆ ไปเที่ยวร้านกลับมาก็เลี้ยงก๋วยเตี๋ยว อยู่จนเย็นเธอจึงให้รถของเธอมาส่งท่าเรือ

วันต่อไปหญิงเล็กต้อนรับเปนรับซารวิช มิได้มีอนาทรร้อนใจอะไรอีกเลย

วันที่ ๒๐ พอเช้าขึ้น แม่โตกับลูก ๆ ก็พากันขึ้นรถไปเที่ยวร้าน ดูซื้อของด้วยความรื่นเริง ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมง หญิงเล็กมาพาไปเที่ยวดูทางที่เขาถมข้ามช่องทะเล แต่ยะโฮไปสิงคโปร์ และเลยเที่ยวชมเมืองยะโฮด้วย กลับมาพาชมสวนหลวงสำหรับเมือง และเลียบขึ้นทางบนเขาชมวิวทะเล แล้วไปบ้านเธอ วันนี้เธอเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านเธอ จนเวลา ๒ ทุ่มครึ่ง เธอจึงให้รถมาส่งท่าลงเรือ ได้ความพอใจมาก ที่ได้ไปเห็นทางที่เขาถมใหม่ และได้เห็นเมืองยะโฮ ซึ่งยังไม่เคยไปเลยด้วย

วันที่ ๒๑ เวลาเช้าพากันไปวัดพุทธคยาบูชาพระ เพราะว่าไปวันก่อนไม่ได้บูชา พระอธิการวุฑฒิสารต้อนรับแขงแรง ช่างพูดพอใช้ ในเวลาที่ไปอยู่ที่วัดมีอ้ายก๊ายนำฝรั่งผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่งไปที่วัด ดูอะไรลวก ๆ แล้วก็ไป ไม่เห็นว่าจะได้อะไรไป

ออกจากวัดไปเที่ยวร้านขายของ ของขายไม่มีอะไรที่ผิดจากกรุงเทพฯ มากนัก เห็นเครื่องรักญี่ปุ่นนั้นแหละมีดีกว่าที่กรุงเทพฯ จึงได้เลือกซื้อเครื่องรักมีกะบะใบหนึ่ง ซึ่งตั้งใจจะส่งมาถวายเปนของฝาก เพราะเห็นว่าลายงามดีและเปนของแปลกจากที่เคยเห็นซึ่งเปนลายเขียน แต่นี่เปนลายแกะ เกล้ากระหม่อมกลับเรือก่อน ลูกยังเพลิดเพลินจึงปล่อยไว้ให้กลับทีหลัง

เวลาบ่าย ๕ โมง หญิงเล็กมารับไปดูสวนสัตว ก่อนไปเกล้ากระหม่อมนึกประมาท คิดว่าก็จะอย่างเดียวกับสวนสัตวของตาฝรั่งอะไรที่หาดใหญ่นั้น แต่ครั้นไปถึงสิผิดคาด ของเขาใหญ่โตมีสัตวมาก ทั้งที่กักขังก็ทำเปนของถาวรเรียบร้อย เสียดายไปเย็นเสียหน่อย ดูไม่ทั่ว มืดต้องกลับ หญิงเล็กเลยพาไปกินเจ๊กที่ร้านเจ๊ก แต่เกล้ากระหม่อมต้องขอตัวกลับเรือ เพราะกลัวจะตายเสียด้วยเรื่องกิน อยู่บ้านกินสองเวลาเท่านั้น มาเที่ยวถูกให้กินวันละสี่ห้าเวลา ท้องร้องทุกข์ จึงปล่อยแต่ลูกไว้ ให้รื่นเริงเลี้ยงกันตามประสาพี่ ๆ น้อง ๆ

วันที่ ๒๒ เวลาเช้า เรือวลัยไปเกาะบูกูม อันอยู่ใต้สิงคโปร์ไปหน่อย รับเอาน้ำมันเชื้อเพลิง แล้วกลับมาทอดที่เก่า เร่งบรรทุกสินค้าลง ส่วนแม่โตกับลูกพากันขึ้นไปเที่ยวร้านซื้อของสั่งเมือง พอเวลาบ่าย ๔ โมง เรือก็ออกแล่นกลับเข้ากรุงเทพฯ ดีออก การบรรทุกสินค้าที่สิงคโปร์ เขาทำกันแต่เวลากลางวัน กลางคืนเขาหยุด ได้นอนสบายไม่หนวกหู

การที่มาเที่ยวถึงสิงคโปร์ เดิมทีคิดว่าจะขัดข้องอะไรต่าง ๆ เพราะไม่มีหนังสือเดินทาง แต่ที่แท้เปล่าทั้งนั้น กับตันเอาใบอะไรอยากเรียกว่าใบเบิกด่าน มาให้หญิงอามตรอกรายชื่อพวกเราที่ไป ยากมากในส่วนตัวเกล้ากระหม่อม เพราะจะลงชื่อไปตรง ๆ ก็จะเอิกเกริก จะลงนามแฝงก็เปนขี้ปด คิดอยู่เปนนาน ตกลงลงชื่อไปเปน N. Chitrabongs ลูก ๆ ก็เขียนไปแบบเดียวกัน พอเรือถึงก็มีเจ้าพนักงานลงมาหากับตัน กับตันเอาใบเบิกด่านส่งให้ก็เปนแล้ว ต่อไปก็ไม่เห็นมีใครมาจู้จี้อะไร จะไปไหนก็ไปได้จะทำอะไรก็ทำได้.

วันที่ ๒๓ เวลาทุ่ม ๑ เรือเข้าจอดที่ตำบลเกรเตรับไถ่สินค้า ชื่อตำบลนี้ที่จดระยะทางถวายมาก่อนนั้นผิดไป เจ็บใจที่ไม่รู้ตำแหน่งแห่งที่นอกพระราชอาณาเขตต์ เมื่อไปถึงสิงคโปร์จึงหาแผนที่แหลมมลายูมาได้แผ่นหนึ่ง ตรวจดูแผนที่พบแม่น้ำลำที่ ๒ ในมณฑลตรังกานูนันแต่ชายแดนเบื้องใต้ขึ้นมา จดชื่อไว้ว่าสุไหงเกรเต (Kretay) และมีคนลงมาเดินสานเรือ ถามดูเขาก็บอกออกเสียงตรงกับที่อ่านได้ดังนั้น เมื่อไถ่สินค้าแล้วเรือก็ออกเดินต่อไป

วันที่ ๒๔ เวลาเที่ยง ถึงปากน้ำกลันตัน เรือจอดขนไถ่สินค้า เวลาบ่าย ๒ โมงครึ่งหยุดที่ตากใบ ย่ำค่ำหยุดที่บางนรา ๔ ทุ่มหยุดที่เตลุบิน ขนไถ่สินค้าทุกแห่งมา เวลา ๗ ทุ่มเรือออกเดินต่อไป ตามปกติเรือเคยหยุดนอนที่เตลุบิน แต่คราวนี้ไม่พัก เปนความเอื้อเฟื้อของกับตัน ทีจะให้ไปถึงสงขลาพรุ่งนี้เวลาเย็นแทนที่เคยถึงกลางคืน เพื่อช่วยให้เกล้ากระหม่อมขึ้นบกได้สดวก

วันที่ ๒๕ เวลาย่ำรุ่ง ถึงอ่าวปัตตานี เรือหยุดขนไถ่สินค้า จนเวลาเที่ยงเรือจึงออกเดินต่อไป การบรรทุกสินค้าที่เตลุบินและปัตตานีกินเวลามาก ด้วยมีสินค้าส่งลงมาบรรทุกมาก เปนมะพร้าวแห้งที่ตัดเปนชิ้นใส่กระสอบก็มีที่เปนลูกๆ ก็มี เรือเดินถึงอ่าวสงขลาเวลาบ่าย ๕ โมง ปลัดจังหวัดกับผู้บังคับการตำรวจเอาเรือยนต์ของเมืองลงมารับ เพราะรู้ข่าวจากกับตันโวตาเบียน ตัวกับตันก็ลงมาด้วย ปลัดจังหวัดบอกว่าข้าหลวงประจำจังหวัดไปราชการเสียกับรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรณเมืองไทร เราก็ขอบใจเขาพากันลงเรือที่เขาเอาไปรับมาขึ้นที่ท่าเมืองสงขลา แล้วพากันมาพักอยู่ที่ตำหนักหัวยางของสมเด็จหญิงน้อย ขี่รถมาตามทาง สังเกตว่าถนนซุดโซมลงมาก จบรายงานการเที่ยวเท่านี้

พูดถึงเมืองไทร นึกขึ้นมาได้ เขาลงข่าวในหนังสือพิมพ์ เรื่องเจ้าพระยาไทรทำการฉลองอายุ เขาออกชื่ออย่างแขกยืดยาว มีคำ “บรฮุม” อยู่ในนั้น ทำให้นึกถึงที่ฝังศพแขกที่สงขลา ซึ่งเรียกว่า “มรหุ่ม” จะเปนคำเดียวกันดอกกระมัง แปลว่ากะไรไม่ทราบ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ