วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ดร

บ้านซินนะมอน ฮอลล์, ปีนัง.

วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๖

ทูล สมเด็จกรมพระนริศรฯ

รถเมล์จะมาถึงต่อกันอาทิตย์พรุ่งนี้เย็น และไปรษณีย์เขาเคยส่งลายพระหัดถ์ของท่านถึงหม่อมฉันในวันจันทรเช้า จดหมายฉะบับนี้เขียนในเวลาว่างเมื่อวันเสารที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ จึงล้วนเปนเรื่องทูลเสนอ เพื่อให้ทันส่งเมล์วันจันทร

คิดวันดูหม่อมฉันมาอยู่ปีนังจนบัดนี้ได้ ๓ เดือนกับ ๒ วัน ดูก็ยังสบายไม่รู้สึกเบื่อ และยังไม่นึกอยากจะกลับไปกรุงเทพฯ หรือแม้แต่จะไปอยู่ที่หัวหิน ด้วยรู้สึกว่าจะไม่มีความสงบสงัดเหมือนอยู่ปีนัง ซึ่งการกินอยู่และวัตรปฏิบัติก็ลงรอยเรียบร้อย แม้จนมีหอสมุดสำหรับหาหนังสืออ่านและมีที่ตีกอล์ฟ ด้วยสโมสรที่เขาเชิญเปนสมาชิกกิตติมศักดิ์ ไม่ขาดแคลนอันใด ตัดไม่ได้แต่ความคิดถึงญาติและมิตรอย่างเดียวเท่านั้น จึงตกลงใจว่าถ้าสบายอย่างนี้ก็จะอยู่ปีนังต่อไป จนเบื่อเมื่อใดหรือพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับเมื่อใดจึงจะกลับไป

เมื่อชายดิศศานุวัติทูลลาท่านมาเยี่ยมหม่อมฉัน เธอทูลลามีกำหนดว่าจะมา ๑๕ วัน ครั้นไปขอหนังสือเดินทางที่กระทรวงการต่างประเทศ เขากำหนดอายุหนังสือเดินทางให้เพียง ๑๕ วัน อ้างว่าเพราะทูลลามาเท่านั้น แต่เรียกค่าธรรมเนียมถึง ๒๒ บาท ตกลงเปนต้องเสียค่าหนังสือเดินทางกว่าวันละบาท คนอื่นที่เขามีไหวพริบเขาไม่กำหนดวันลงในหนังสือทูลลา ยกตัวอย่างดังเช่นกรมหลวงสิงห์ได้หนังสือเดินทางมามีอายุถึง ๒ ปี แต่ตัวหม่อมฉันเองเมื่อเข้าไปป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลในเดือนมิถุนายน หายแล้วกราบถวายบังคมลามาเปลี่ยนอากาศทางสิงคโปร์ ก็ได้หนังสือเดินทางมีกำหนดปีหนึ่งซึ่งยังใช้อยู่ทุกวันนี้ เพราะการมันลักลั่นดังทูลมานี้ หม่อมฉันจึงสั่งถึงลูกเต้าว่าถ้าใครจะลงมาเยี่ยมหม่อมฉันให้ทูลลาว่าจะมาเมื่อใดขอให้มาได้อย่าให้ทูลกำหนดวัน แล้วให้ขอหนังสือเดินทางให้มีอายุนาน ๆ ตั้งปีหนึ่งหรือสองปี ไม่มาก็แล้วไป มาเมื่อไรก็ให้มาได้ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเปนรายเที่ยว เรื่องการทูลลาออกต่างประเทศนี้ หม่อมฉันได้ยินว่าเจ้าวรรณไวทยากรเขาเคยกราบทูลพระเจ้าอยู่หัว ว่าตามหลักรัฐธรรมนูญหาจำต้องทูลลาเหมือนแต่ก่อนไม่ ความที่ว่าเช่นนั้น อาจจะเปนได้สำหรับผู้อื่น แต่สำหรับราชตระกูลต้องถือพระราชนิยมเปนกฎหมาย หม่อมฉันจึงสั่งกำชับลูกเต้าว่าให้รักษาราชประเพณีไว้ตามเดิม

หนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์มาคราวหลังนี้ มีรูปการเผาศพนายทหารที่ท้องสนามหลวง ได้เห็นพระรูปท่านทรงเครื่องแบบทหารอย่างใหม่ หม่อมฉันก็เข้าใจเหตุการณ์ได้ดี เปนแต่ลูกคนหนึ่งเขาว่า พระแสงดาบเห็นจะถ่วงพระองค์หนักมาก อีกคนหนึ่งว่าไม่เปนไร ด้วยมีราชองครักษ์เคียงคอยพยุงพระองค์เมื่อลงบรรไดทั้งสองข้าง หม่อมฉันเพิ่งได้เห็นรูปที่เผาศพนั้นเปนครั้งแรก เกิดนึกเปนปัญหาในทางโบราณคดีว่าจะเรียกชื่ออย่างไร ตามคำที่ใช้กันเปนสามัญ ถ้ามียอดเขาเรียกว่าเมรุ ถ้าไม่มียอดเขาเรียกว่าโรงธึม ถ้าหลังคาตัดเรียกว่าปะรำ เมื่อหม่อมฉันปลงศพหม่อมเฉื่อย พระยาราชสงคราม (กร) รับช่วยสร้างที่เผาที่สุสานหลวงวัดเทพสิรินทร หม่อมฉันบอกแกว่าให้ทำเพียงเปนปะรำอย่าให้ทำเมรุ แกก็รับจะทำให้ตามประสงค์ แกไปทำตอนล่างเหมือนเมรุหมดทุกอย่าง เว้นแต่ตรงที่ทำยอด แกทำเปนหลังคาตัด บางทีท่านจะยังทรงจำได้ แต่ในหนังสือบัตร์หมายและบอกกล่าวครั้งนั้น หม่อมฉันให้เรียกว่าปรำ

พระองค์หญิงประเวศเสด็จมาถึงปีนังเมื่อวันที่ ๒๒ ว่ามารถไฟจากหนองแก ลงเรือที่เกาะหลักมาขึ้นสงขลา แล้วทรงรถยนต์ต่อมาถึงปีนัง ไปอยู่ด้วยกันกับกรมหลวงสิงห์ แต่ตำหนักกรมหลวงสิงห์เล็ก ดูเหมือนจะเช่าเรือนใหม่ที่ใกล้ๆ กัน เป็นที่ประทับอีกแห่งหนึ่งต่างหาก

ขอช่วยบอกคุณโตด้วยว่าเมื่อสองสามวันมานี้ ได้กินปลาแห้งของเธออีกครั้งหนึ่ง อร่อยจนคิดถึงอีก มาสังเกตเห็นชอบกลอย่างหนึ่ง ด้วยเรื่องภาษาในเมืองปีนังนี้ใช้ภาษามลายูเปนภาษาพื้นเมือง แต่แรกหม่อมฉันนึกวิตกว่าคนที่มาด้วย โดยฉะเพาะพวกผู้หญิง ทำครัวพูดได้แต่ภาษาไทย ไปตลาดยี่สานจะทำอย่างไร แต่วิตกเปล่าทั้งนั้น เดี๋ยวนี้ไปไหนไปได้ ซื้อหาอะไรก็ได้ ถามว่าทำอย่างไร บอกว่าใช้ใบ้บ้าง พูดพุ้ยไปไทยบ้าง มลายูบ้าง ก็สำเร็จประโยชน์ไม่ขัดข้องอย่างหนึ่งอย่างใด

ที่ปีนังมีของแปลกสำหรับดูอย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่กรุงเทพฯหรือหัวหินจะเห็นไม่ได้ คือเรือกำปั่นต่าง ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้มีเรือรบอังกฤษรวมทั้งเรือสำหรับใส่เครื่องบิน ซึ่งหม่อมฉันยังไม่เคยเห็นด้วยเบ็ดเสร็จถึง ๕ ลำ วันนี้เรือเอมเปรส ออฟ บริเตน ขนาด ๔๐,๐๐๐ ตัน พาคนเที่ยวรอบโลกเข้ามาถึงอีกลำ ๑ เปนเรือโตใหญ่กว่าบรรดามีทางตะวันออกนี้ หม่อมฉันจึงขออนุญาตเขาลงไปดู มันใหญ่โตจริง ๆ มีดาดฟ้าถึง ๖ ชั้นต้องขึ้นลิฟและมีสระสำหรับคนโดยสารว่ายน้ำเล่นอยู่ในท้องเรือ เราแปลกหน้า เขาต้องให้คนพาเที่ยวดู หาไม่ก็หลง คนที่มาในเรือ พนักงาน ๖๐๐ คน คนโดยสาร ๔๐๐ เขาบอกอธิบายว่าถ้าไประยะทางไกล ๆ เช่นข้ามมหาสมุทร์แอตแลนติก เขารับคนโดยสารได้ถึง ๑,๕๐๐ คน แต่พาคนเที่ยวรอบโลกเช่นเขามาเที่ยวนี้นานวัน รับคนโดยสารมากจะไม่มีความสุข เขาจึงกำหนดรับแต่เพียง ๔๐๐ คน เมื่อผ่านคลองสุเอสต้องห้ามเรืออื่นหมด เพราะโตเกินกว่าจะหลีกเรือในคลอง ต้องเสียค่าธรรมเนียมคลองถึง ๖,๐๐๐ ปอนด์ ดูพนักงานเรือก็แปลกดีมีทั้งเด็กผู้ใหญ่ แม้จนคนเตี้ยก็จ้างมาเปนบ๋อย เห็นจะให้เปนเครื่องขบขันของคนโดยสาร แต่เมื่อมาคิดใคร่ครวญดูก็ไม่ออกอยากไปในเรือใหญ่โตเช่นนี้ ดูมันไม่เปนเรือเปนแพ อุปมาเหมือนกับหมาตัวใหญ่ เช่น หมาเดน มันไม่น่าเอ็นดูเหมือนหมาขนาดย่อม แต่หญิงพูนชอบว่าน่าไป หม่อมฉันบอกว่าสำหรับหญิงพูนนั้นเรือขนาดไหนก็เหมือนกันหมด เพราะไปลำไหนก็ต้องการเพียงเตียงนอนเท่านั้น หวังใจว่าจะทรงเปนสุขสบายดีอยู่

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

  1. ๑. พระยาราชสงคราม (กร หงสกุล)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ