ลิลิตเพชรมงกุฎ

ร่าย ศรีสวัสดิ์ปรีดารมย์ ประนมนิ้วประณต ทศนัขประชุม ต่างโกสุมภ์สุนทเรศ โอนวรเกศอภิวาท สยมภูวนาถโมลิศ องค์จักรกฤษณ์กัมเลศ ภาณุเมศศศิธร ปิ่นอมรจักรพาฬ เทเวศพนัสสถานอารักษ์ อีกอัครราชาธิปัตย์ ถวัลยราชกษัตริย์พิเศษ จรรโลงเกศกรุงทวารา ศรีอยุธยายศโยค ขอนฤโศกทุกข์ภัย นฤจัญไรบำราศ จากวรอาตมวิมล ข้อยข้าจะนิพนธ์ลิลิต โดยตำนานนิตย์บูรำ ในปักระณำเวตาล แนะนิทานเป็นประถม องค์ศรีวิกรมเสลราช ปางภูวนาถเสด็จไคล ลุศิวาลัยล่วงโอฆ ละจุธาโลกสงสาร โดยโชยงการกำหนด ผู้มียศก็ทรง สำอางองค์โอภาส ด้วยเบญจราชกกุธภัณฑ์ เสด็จยังวันหิมเวศ สู่ประเทศพันฦก สฤงสุบาลพฤกษ์ไพรสาณฑ์ ซึ่งเวตาลพำนักนี้ โจนจับยักษีวิทเยศ โดยฤทธิเดชศักดา หวังเป็นพาหนะภูธร เสด็จจรสู่ศิวาสถาน ซึ่งเวตาลกล่าวปริศนา พรรณนาโดยนิยม ทายศรีวิกรมเสลราช จงภูวนาถฟังปัญหา แม้วิสัชนาบมิได้ ให้เศียรไท้ทำลาย ถ้าฦๅสายแสดงเสร็จ จักนำเสด็จดลศรีโลก อสุรกล่าวโศลกคาถา เป็นปุจฉาวาที แห่งพุฒศรีตรีผ่านเผ้า เรื่องเพชรมงกุฎเจ้า เลิศล้ำตำนาน ฯ

ร่าย ปางก่อนกาลยังมี เจ้าธเรศตรีกษัตริย์ นามท้าวรัตน์นฤเบศร์ ครองนัคเรศศรีบุรี มีมเหสีเลิศนิลักษณ์ ชื่อประภาพักตร์เพ็ญพาน โฉมแลลานเลอสวาท ปิ่นเยาวราชกัลยางค์ หกพันนางพระสนม ไอศวรรย์สมศฤงคาร กอบพลหาญกลั่นกล้า กอบพลม้าเมือบเมือง กอบพลเรืองราชรถ กอบพลคชคั่งคาม ปรปักษ์ขามเคียมคัล ถวายสุวรรณมาลาศ โดยบุรพาศน์ประเพณี ท้าวธมีเอารส นามปรากฏเพชรมงกุฏ เป็นที่สุดเสนหา แห่งพระชนกามารดร ภูธรตั้งมนตรี ชื่อพุฒศรีพี่เลี้ยง บริรักษ์ราชบุตรเพี้ยง เนตรท้าวภักดี ฯ

 

โคลง ๔ พุฒศรีพี่เลี้ยงราช เอารส
รักร่วมชีวงคต ลูกท้าว
ถนอมสอนวราพจน์ วรวากย์
ฤๅห่อนห่างเสด็จก้าว หนึ่งนั้นไป่มี ฯ

ร่าย เมื่อนั้นศรีสุริยวงศ์ องค์พระเพชรมงกุฎ โฉมเฉิดสุดโสภณ เจริญชนม์สิบหกปี ทรงลักษณะศรีสุนทเรศ บวรเกศเส้นสลวย พิศจุไรรวยเรียบร้อย ขนงช้อยชดปลาย วิลาศผายผ่องนวล เนตร์น่ายวนยิ่งศร ขนงเนตรงามงอนงามพริ้ม นาสาปิ้มอังกุศ กรรณกลีบบุษบงบาง ปรางยิ่งปรางทองเปรียบ ริมโอษฐ์เรียบไรทนต์ ทันต์ดำกลแมลงภู่ โอษฐ์แดงดูดุจแย้ม หนุแสล้มเพราพร้อง ศอทรงปล้องกลกลึง อังสาขึงบั้นองค์รัด กระทวยธวัชกลงวง คชินทรจ้วงจับลม สรรพางค์กลมอ้อนแอ้น ยุรยาตร์แม้นเหมือนหงส์ หญิงแลหลงลืมนอน กล่าวกลกลอนขับอ้าง ชมโฉมหน่อกษัตริย์สร้าง รูปท้าวใดเทียม พ่อนา ฯ

โคลง ๔ พระเอี่ยมโอภาสพื้น ภูวดล
ดุจอินทร์จากอำพน สู่หล้า
ฤๅสุริยดำกล จากรถ มาฤๅ
ฤๅว่าจันทร์แจ่มฟ้า จากฟ้ามาดิน ฯ
๏ ควรเป็นปิ่นโลกล้ำ เลิศกษัตริย์
สมสุรางค์นิกรอัด แอบเฝ้า
เฉลิมกามพธูสวัสดิ์ สังวาส แลพ่อ
แม้ว่านางใดเคล้า คลาดแล้วเมือมรณ์ ฯ
๏ ฝูงนิกรนารีกล้า ชมโฉม
หวังกษัตริย์ฤๅดีโลม ลูกท้าว
จบทวยราษฎรโสม- นัสเสน่ห์ พระนา
หญิงบ่งราชลืมย้าว หวั่นว้าสวามี ฯ
โคลง ๒ ทั่วบูรีขับร้อง ชมโฉมเยาวราชพร้อง
เพรียกพร้องเยินยอ ฯ  

ร่าย เมื่อนั้นหน่อนฤเบศ ใคร่ประเวศวนาสณฑ์ ชมพรรณผลมิ่งไม้ ประพาสไล่คณยอง โดยสมพองมนสา ธก็ลีลาสู่ปราสาท พระบิตุราชมาตุรงค์ กระพุมบงกชกร ชุลีธรทูลบาท ลาสองราชเล่นไพร ชมไศลไล่มฤคิน รุ่งรัษตินจะกลับ จับมฤคมาถวายไท้ จงบาทอนุญาตให้ ลูกน้อยพเนจร ฯ

โคลง ๔ ภูธรฟังลูกท้าว อำลา
สองเสน่ห์ในบุตรา ยิ่งล้น
จักทัดก็ออมอา- ดูรเทวษ ใช่พ่อ
โอพ่อประพฤติพ้น ผ่อนให้โดยใจ ฯ
๏ เจ้าไปประพาสแล้ว จรลี มานา
จากพ่อวันหนึ่งดุจปี หนึ่งไซร้
หนึ่งพนัสพนาศรี ข้อทุเรศ
ส่วนปิศาจขานไข้ พ่อไข้ใจตาง ฯ
๏ ตรัสพลางสั่งพี่เลี้ยง เอารส
ถนอมอรพระเยาวยศ ยอดฟ้า
สูเตือนสู่ชนบท เวียงราช
อย่าหลงเล่นละเลิงช้า ขุกไข้ภัยพาล ฯ
๏ ภูบาลตรัสเร่งให้ เตรียมพล
จัตุรงค์พยุหโจษจล แกล้วกล้า
เสนาเร่งมุขมน- ตรีตรวจ เตรียมแฮ
มาทันทูลเจ้าหล้า เสด็จพร้อมพลากร ฯ

ร่าย หน่อบดีศรสดับสาร บานกมลมนัส โอนศรีสวัสดิ์อภิวาท ลาสองราชเสด็จดล ยังไพชยนต์บรรยงก์ เสร็จสระสรงสำอาง สุคนธ์วรางกำจร สนับเพลางอนงามเฉิด ภูสิตเลิศลายพราย ชายแครงชายไหววาบ ผ้าทิพย์ทาบเถือกทอง แก้วกุก่องแกมกาญจน์ สร้อยสังวาลวิไลเลิศ ทับทรวงเพริศเพชรพราย ธำมรงค์รายพาหุรัด มงกุฎจรัสจรูญเรือง แสงมลังมเลืองทอตา เหน็บขรรคาวุธไกร กรายกรไวลีลาศ ดุจสีหราชยรรยง ทรงราชรถบุษบก เทียมอัศวผกเผ่นทะยาน แก้วแกมกาญจน์เรืองรัถ งอนงามฉัตรธงชัย พิศอำไพรุ่งโรจน์ ระยับโชติสุริยง ดุจรถทรงทินกร จากอำพรฟากฟ้า มาเฉลิมโลกแหล่งหล้า เลิศล้ำสากล ฯ

โคลง ๔ พิศพลโอภาสเพี้ยง อนิรุธ
กรีจัตุรงคราวุธ แกว่นกล้า
ประภาสพนมศีขรสุด โสภาคย์
อริราชขยาดปร้า กลอกเกล้ากลัวตาย ฯ

ร่าย เคลื่อนขยายพยุหบาตร จากเวียงราชแรมวัง โห่ประนังสำเนียง เสียงสนั่นเนียรนาท ลั่นฆ้องคาดประโคมกลอง โบกธงทองเอาชัย กรีพลไกรคับคั่ง หมู่คชดั้งคู่แสดง หมู่คชแซงแทรกสลอน งางามงอนทองรัตน์ หมู่กัณฐัศว์เลิศลบ เชื้อสินธพสรรพสม เครื่องอุดมดาวมาศ เบาะอานสะอาดเอี่ยมเอก พู่รจเรขพริ้งพราย กัลเม็ดสายถือถนัด พานหน้ารัดพานหลัง รัดอกบังเหียนเทศ ดูวิเศษผกผงาด นายเผ่นผาดขับขยัน กุมเกาทัณฑ์ทวนทอง ขับโดยลบองบาทย่าง พ่านจะเห็จเหินทะยาน ร่านเริงหาญเหี้ยมห้าว ฝีเท้าเทียมม้าแมน สู้ศึกแสนบมิขาม เข้าสงครามบมิย่อ ไล่ลุยต่อด้วยเดช เคยไชเยศหลายท่า ฝ่าชำนิในณรงค์ กับรถทรงอ่องเอี่ยม เทียมแสะสินธพทะยาน สารถีชาญขับขยัน ก่งธนูยันดูหาญ กงกำกาญจน์ปรัดแปรก งอนสลอนแยกอานเสลา ดุมวงเพลาใบบัง รัตน์บัลลังก์เลิศลาย บุษบกพรายเพดาน ดารากาญจโนภาส จัตุรมุรมาศเลื่อมเหลือง ช่อฟ้าเรืองบราลี พาสุกรีสะดุ้งเด่น ดูดังเผ่นไพบูลย์ นภศูลสวมพรหมพักตร์ คิตรศักสัทการ แสงประสานสูริยง ดุจรถทรงทินกร เขจรจากเหลี่ยมไศล ฝ่ายพลไกรงามแง่ เคียงคู่แห่เป็นขนัด ธงชัยฉัตรดาดาษ พร้อมเครื่องราชสำหรับ สองข้างสรรพรถแซง รถดั้งแข่งรถกัน เสียงสนั่นนฤนาท ฆ้องกลองกาจกาหล เพียงภูวดลดาลทรุด พลอึงอุดยุทธยง ล่วงแถวท่งเถื่อนกว้าง ยลมิ่งไม้สล้าง แหล่งพื้นพนสณฑ์ ฯ

โคลง ๔ เสด็จดลพนเวศเวิ้ง เลวงไพร
ชมช่อพฤกษาไสว ยื่นย้อย
หอมหวนหื่นฤๅทัย จอมราช
ดอกดกตูมบานห้อย กิ่งก้านสาขา
๏ กรรณิการ์การะเกดแก้ว กาหลง
พุทธชาติลำดวนดง ดกค้อม
จำปาปีบประยงค์ หอมกลิ่น มานา
ยี่สุ่นบุนนากน้อม กิ่งสร้อยกุสุมาลย์ ฯ
๏ นางแย้มบานแบ่งแย้ม เกสร
เสียวกระสันโอษฐ์อร อ่อนยิ้ม
ปาริกชาติอรชร เมินมุ่ง
ดูดั่งโอษฐ์นุชพริ้ม เมื่อพร้องทูลเสนอ ฯ
๏ เล็บนางเสมอนัขน้อง นงพะงา
รักดั่งเรียมรักคลา คลาดร้าง
นมนางดั่งยุคลา ถันนาฏ
กามกระหายไห้ช้าง หวั่นว้าคะนึงสมร ฯ

ร่าย ภูธรเสด็จมุ่งเมิน เพลินหฤทัยจอมราช ชมรุกขชาติรายเรียง กับพี่เลี้ยงพุฒศรี อีกมนตรีเสนา ชมวิหคาหลายหลาก จับไม้มากรังเรียง บ้างคลอเคียงคู่เคล้า เค้าโมงจับโมงหมาย รังนานรายจับรัง ระวังไพรร่อนระวังไพร แอ่นลมไล่ลมหวน นางนวลจับขานาง กะลุมภูครางจับครวญ กระจาบจวนจับพุงจาบ คับคาคาบคาบิน ยางโผผินจับยาง ยูงฟ้อนหางจับยูง ฝูงแก้วจับแก้วป่า กวักกวากวักเรียกคู่ กาลิงสู่สลาลิง กาจับกิ่งกาหลง เบญจวรรณวงจับวัลย์ กระสาสันสู่กระสัง อัญชันจับชิงชัน คับแคผันจับแค เปล้าแปรจับเปล้าใหญ่ ไผ่จับไผ่เพรียกพร้อง วิหคห้องหิมเวศ มีหลายเพศภาษา สุดจะคณนานกไม้ กล่าวแต่พอจำได้ เรื่องรู้กลกลอน ฯ

ร่าย ภูธรเสด็จประพาส หมู่จัตุบาทนานา นำนิกรคลาไต่เต้า ออกจากเหล่าแหล่งตน กลาดพนสณฑ์คล้อเคียง เลี้ยวเล็มเกลียงกลางแปลง บ้างเริงแรงโผนผยอง กาสรลองลับเขา ระมั่งเมาเมียงคู่ หมีเม่นหมูปนแปม ลูกน้อยแนมแนบข้าง ช้างน้าวบงช้างแซม ลูกน้อยแกมแล่นลองเชิง โคถึกเถลิงกวางทราย เลียงผาผายเผ่นผา ขลาฟุบแฝงคอยโค แรดร้ายโมห์เคี้ยวหนาม ต่ายเต้นตามหมู่หมาย สัตว์หลากหลายเหลือตรา ต่างคณาเหลือไกร ชมมฤคในป่ากว้าง เพลินหฤทัยเจ้าช้าง ชื่นแท้โดยจง ฯ

โคลง ๔ ปางเพชรมงกุฎไท้ ทอดตา
ยลมฤคหนึ่งอาภา เผือกผู้
สีสังข์เศวตมุกดา งามแง่
หมู่มฤคร้ายรอบรู้ ยศเบื้องบริวาร ฯ
๏ ภูบาลพิศติดต้อง นัยนา
เกิดกำหนัดเสน่หา ใคร่ได้
มฤคราชรูปโสภา ยงยิ่ง
ถวายแด่สองท้าวไท้ ธิราชเรื้องธรณี ฯ
๏ ตริเสร็จสีหนาทอื้น โองการ
ตรัสสั่งขุนทวยหาญ เร่งล้อม
มฤคอย่าให้ลาญ ชีวาตม์
แม้ออกด้านใครอ้อม โทษแท้ถึงตาย ฯ

ร่าย ฝ่ายนิกรมาตยา รับบัญชาจอมราช กฎประกาศทุกหมวด ตรวจตราทั่วทุกหมู่ ไพร่พริบจู่จับการ วิ่งลนลานแล่นข่าย บ่วงแร้วรายรอบเสร็จ ส่วนสมเด็จภูวนา ยืนรถาตรัสคคี บรีรักษ์หน้าที่ไท้ ขุนพลใช้สารวัต เกณฑ์รถรัถม้ามิ่ง ขับคชวิ่งแวดล้อม ห้อมค่ายแค่บ่วงวัง ดาประดังทุกหน้า ตบตะขาบเร้าม้า ล่อเร้าอลเวง ฯ

โคลง ๔ เพลงมฤคครั่นคร้าม คนหลาย
เวียนวงวงมาดหมาย ช่องช้า
เห็นตรงรถฦๅสาย เหินห่าง
จึงเผ่นโผนออกหน้า ที่ท้าวเสด็จดง ฯ
โคลง ๒ ฝ่ายพงศ์ภพแผ่นหล้า ยลมฤคเผือกผ่องอ้า
อาจผ้ายผันหน  
๏ เศร้าสมประดีดาลสร้อย ทรงธนูขรรค์คล้อย
คลาดขึ้นมโนมัย ฯ  
๏ ขับไล่มฤครีบค้น กับพี่เลี้ยงเดียวด้น
ป่าต้นโดยไท  
๏ กวางเห็นไกลล่อเหล้น ฉุกจักใกล้รีบเร้น
ป่าลี้ลับตน ฯ  

ร่าย ฝ่ายพวกพลพยุหบาตร เมื่อยุพราชโดยมฤค นิกรครึกคั่งคาม ตามเสด็จไทธิเบศร์ ในพนาเวศดงดาน เลี้ยวลัดผ่านไพรพฤกษ์ โดยรอยมฤคศวรราช บัดพลคลาดเสด็จผาย ห่อนเห็นหายรอยม้า รอยมฤคาขาดสูญ มนตรีพูนทุกข์เทวษ ชุมใคร่เหตุอัศจรรย์ แล้วเกณฑ์กันค้นหา ในพนาเนินเขา ทุกลำเนาถ้ำธาร ห้วยละหานหาจบ บมิพบไทธิราช หมู่มุขมาตย์แหล่หลาย คลายนิกรคืนเขต สู่นัคเรศวังสถาน ถวายกฤษดาญชวเลศ ทูลแเถลงเหตุนุสนธิ์ โดยยุบลบรรยาย คลายคลี่ต้นจนเสร็จ ซึ่งสมเด็จลูกไท้ กับพี่เลี้ยงเจ้าหายไส้ ชีพข้าควรถวาย ฯ

โคลง ๔ ฝ่ายสองธิราชได้ สดับสาร
เพียงชีพทำลายลาญ เทวษว้า
ดุจพระยามัจจุราชราญ รอนชีพ สองนา
เวรบาปกรรมใดอ้า อาจมล้างทันสนอง ฯ
๏ สองทรงกำสรดเศร้า กำสรวล
กรกระทุ่มทรวงครวญ ร่ำร้อง
โศกศัลย์ร่ำรัญจวน นัยน์ชุ่ม ชลแฮ
เจ็บดังปืนปักต้อง อกท้าวทรมาน ฯ
๏ บาปเพรงกาลก่อไว้ เวียนผลาญ
จึงวิบัติบันดาล ดั่งนี้
แสนทุกข์ทุ่มอกปาน เมรุทับ ทรวงนา
ถึงกำหนดกรรมกี้ เสน่ห์นั้นฤๅแคลน ฯ
๏ แสนทุกข์แสนเทวษร้อน รุมทรวง
อกกระอุแดดวง ดั่งไหม้
โศกซบพักตร์ละลวง- ทุกข์ยิ่ง ทุกข์นา
เพราะพระเนื้อหน่อไท้ พ่อร้างแรมจร ฯ
๏ โอ้อรกำพร้าพ่อ เดียวจง
หวังพ่อเฉลิมดำรง แผ่นหล้า
สองหวังฝากชีวง คตแต่ พ่อนา
ควรฤหนีไปช้า ศพนี้ใครเผา ฯ
๏ สองเศร้าสองละห้อย หิวโหย
โศกสุดกำลังโรย ร่ำร้อง
รันทรวงสะอื้นโอย อัดเทวษ
สองราชสลบยังห้อง ห่อนได้สมประดี ฯ

ร่าย ฝ่ายสาวศรีพระสนม เห็นสองบรมกษัตริย์ โทมนัสนิ่งสลบ ซบไสยาสน์ยังแท่น ฝูงนางแล่นอลวน เอาสุคนธารส อีกโอสถโทรมองค์ ฝูงอนงค์นวดฟั้น คั้นพระบาทสองไท้ สองราชฟื้นองค์ได้ ค่อยได้สมประดี ฯ

โคลง ๒ พระภูมีคิดได้ แม้จะรื้อร่ำไห้
ห่อนรู้อาการ  
๏ ลูกจะลาญชีพแล้ว ฤๅพ่อหลงอยู่แก้ว
พ่อนี้ไป่วาย  
๏ ฦๅสายดำรัสสั่ง มนตรีตรวจพลพรั่ง
พร้อมถ้าเสด็จจร ฯ  

ร่าย ภูบดิศรมหิษี มอบบุรีเวียงราช ไว้อำมาตย์บริรักษ์ เสด็จขึ้นอัครคเชนทร คลี่นิกรดาษดา โดยรัถยารัญเวศ ทางเยาวเรศโอรส พระกำหนดแนวตรง บงพระเนตรเสาะหา เห็นพฤกษาช่อช้อย แล้วรอยหักกิ่งห้อย ละห้อยหวนหา ฯ

โคลง ๔ มาดลแดนที่ไหล้ มฤคิน
อำมาตย์ทูลนรินทร์ เรื่องล้อม
พระภูบดีถวิล ใจเทวษ ถึงนา
เร่งรีบพหลด้อม ติดเต้าตามรอย ฯ
๏ คลายคล้อยสูญที่เท้า พาชี
เลือนลบรอยมฤคี แห่งนั้น
หาทั่วถิ่นคีรี หิมเวศ
บพบพระลูกอั้น อกไห้โหยหา ฯ
๏ โอฤๅอารักษ์ถ้ำ เถื่อนเขา
เห็นรับรักพระเยาว์ ยอดแก้ว
เทพาพาซ่อนเนา หนแห่ง ใดนา
ช่วยช่วยชี้พบแล้ว แต่งตั้งสรวงถวาย ฯ
๏ ฤๅลูกวายชีพด้วย สุบรรณ
ฉวบฉาบผาดผยองผัน สู่งิ้ว
ฤๅวาสุกรีจรัล พบพระ ลูกนา
รวบรัดกระหวัดหิ้ว แล่นเลื้อยบาดาล ฯ
๏ ฤๅว่าพระยาสารเสื้อง ซึมมัน
เห็นแล่นไล่แทงทัน ลูกแก้ว
ฤๅกาสรใจฉกรรจ์ ขวิดเสี่ยว เสียฤๅ
แม้ว่าสูญชีพแล้ว ศพนั้นฤๅสูญ ฯ
๏ สองอาดูรเทวษไห้ โหยหา
อสุชลนองนัยนา เนตรย้อย
ปือพลเสาะแสวงหา หิมเวศ
บพบราชบุตรคล้อย เคลื่อนรี้พลจร ฯ
๏ ภูธรธิราชตั้ง เสนา
กับหมู่พลอัศวรา เชื่องใช้
แวดตระเวนมรรคา เขตขอบ
จวบพระเยาวยอดจึงให้ เลิกเข้าคืนสถาน ฯ
โคลง ๒ พระบรรหารสั่งถ้อย เสร็จแล้วคลี่พลคล้อย
ป่าไม้มาเมือง  
๏ ดลบุรีเรืองร่ำไห้ หาพระโอรสไท้
ธิราชเจ้าฤๅวาย ฯ  

ร่าย ฝ่ายพระหน่อสุริย์กษัตริย์ ทรงกัณฐัศว์ลีลา พี่เลี้ยงราชยุดหาง จรในกลางหิมเวศ โดยเศวตมฤคา ล่วงทิวารัตตี พลัดมนตรีไพร่พล ว้ากมลหมองหลาย แลหาหายรอยมฤค พระนิ่งนึกโอหลง ชักม้าวงเวียนกลับ หาทางทัพบพบ แล่นตระหลบหลายท่า หลงเข้าป่าตรอมเตริน พนมเนินร่มระหง พื้นประยงค์ยูงยาง คัดค้าวคางแคเคียง หิงหายเหียงมะหาด ตองตูมตาดเตงแต้ว กอกกักแก้วเกดกุ่ม รักโรครุมรกรัก สีเสียดสักโศกสน บ้างทรงผลผลิดอก ออกกระพุ่มเกสร หอมขจรจรุงจิต ภูมีพิศพิสมัย ชักมโนมัยมาพลาง ไต่ตามทางดงดาน ผ่านเข้าช่องเขาเขียว เหลียวตลสูงจรล้ำ ยอดชง้ำเงื้อมเมฆ วิเวกดุจอัสสกรรณ เป็นช่องชันซอกผา เลื่อมศิลาแลพราย ดังสีระบายลอออ่อน เงื้อมชะง่อนงอกหน่อ ย้อยเป็นช่อยื่นยาน มีแถวธารไหลหลั่ง โจนกระทั่งพะผา เสียงชลาพิลึกลั่น ครืนเครงครั่นโครมครึก ลมพัดคึกหวนเขา พฤกษาเสลาสล้าง เสียงลิงค่างบ่างชะนี ผีโป่งกู่ก้องเนิน กระทิงเตรินเตริกมัน ยามสายัณห์ยอแสง พระเสียวแสยงเสียงสัตว์ ฤทัยธวัชอาดูร พี่เลี้ยงทูลอย่ากลัว ชักชวนหวัวหายเศร้า จรไต่เต้าพนาลี ฉราตรีเตริ่นมา ล่วงวนาทิวทุ่ง มุ่งเมินมาเหมือนหมาย รอยเทพทรายเผือกผู้ แกล้งจะชักเชยชู้ ชื่นชู้ปรีดา ฯ

โคลง ๒ เห็นมรคาแห่งหั้น ภูมีพี่เลี้ยงนั้น
รีบร้อนจรลี  
๏ ไปกรรณธานีแท้ บนานผ่านสถลแข้
เขตแคว้นบูรี ฯ  
โคลง ๔ ยังมีชายหนึ่งเต้า เมียตาม
สองสมผัวเมียงาม แช่มช้อย
จักจรสู่ปจันตคาม เคียมญาติ
เพราะพึ่งร่วมรสข้อย ย่างเยื้องงามขบวน ฯ
๏ พระยลยวนนุชพริ้ม เพราคม
เสียวสวาทหวังอารมณ์ ร่วมไซร้
พี่เอยช่วยนิยม เยี่ยมแม่ หญิงแฮ
วานพี่ลักกลให้ เสน่ห์แท้คราวเข็ญ ฯ
๏ พระเอยยามยากกลั้น กระหาย
เสพย์สิ่งใดอย่าหมาย อิ่มท้อง
รสใดจะหลงหลาย ดุจรส ราคนา
พ่ออย่าหลงเลสต้อง วุ่นว้ายภายหลัง ฯ

ร่าย พี่เลี้ยงยังภูวนาถ ให้เอนอาตม์แอบกาย ในร่มฉายรุกข์ชัฏ ภูษาดัดเวียนวง บเห็นองค์ภูวเรศ จึงแปรเพศรูปา เป็นทวิชาชาวเวียง จูงม้าเมียงแทบทาง ผูกม้าพลางแล้วคอย เห็นบ่าวน้อยมาแค่ ทำวิ่งแร่รับขวัญ สรรมธุรสเอมอ่อน ว่าดูกรสองท่าน เป็นบุญผ่านมาพะ ปางขณะใจจน เราสองคนกับภรรยา จากคฤหาห่างญาติ จักลีลาศเมือเมือง บัดนี้เคืองครรภา แห่งภริยาเราหยุด นางเจ็บสุดเสียดท้อง ตูจะต้องบรรหารตึง หนึ่งใช่การเราชาย ขอจงนายอนุกูล เฉกประยูรอย่าหมาง วานน้องนางแส้แท้ ช่วยข่มอุทรแม่ รอดไซร้ผลหลาย ฯ

โคลง ๔ ชายผัวหลงเลสชู้ ชายวาน
กล่าวแก่เมียรักสาร ซื่อแท้
จงนุชช่วยเอาภาร ธุระทุกข์ พราหมณ์นา
เป็นประเวณีแล้ เทวษนั้นแสนทวี ฯ
๏ นารีรับพจน์แล้ว ลีลา
บยลกลทวิชา ซ่อนไท้
นางถึงที่ภูษา วงราช
ลอดม่านเห็นองค์ไท้ ดั่งนั้นตระลึง ฯ
๏ เสียงร้องอึงว่าโอ้ โอยชาย
พี่เลี้ยงรับคำขยาย ตอบถ้อย
เป็นหญิงก็สืบสาย ชายยิ่ง ดีแม่
แน่งนิ่งเถิดช่วยน้อย หนึ่งให้เป็นบุญ ฯ
๏ พระหมุนฉวยยุดแก้ว กันยา
กรประคองกานดา แนบเนื้อ
จุมพิตประโลมสา- ทรเสน่ห์
รีบร้อนรสเร่าเกื้อ ที่ร้างแรมมา
๏ ราชาชมชื่นชู้ นางจร
นางภิรมย์รสภูธร ผ่องแผ้ว
พระหลงเลสสายสมร ยามเมื่อ แคลนนา
จึ่งประทานแหวนแก้ว ค่าแท้ควรเมือง ฯ
๏ บุญเรืองยิ้มแล้วรับ ธำมรงค์
ประณตแทบบาทบงสุ์ ท่านไท้
ลาลอดออกจากวง ภูสิต
มาสู่ผัวนางไหว้ ยั่วยิ้มพรายขนาง ฯ

ร่าย ผัวนางพานางคลาด พี่เลี้ยงราชมาสู่ ถึงภูธรแล้วถาม พระบอกความหนหลัง พี่เลี้ยงฟังลูบอก ไยพระยกธำมรงค์ สำหรับองค์อิศรราช ไปประสาทเสียกาม ข้อยจะตามคืนควร สรวลพลางพี่เลี้ยงแล่น ทันทำแค้นสาวน้อย แหวนติดก้อยแม่มา ขอเถิดราอย่าหมาง นางยื่นพลางหยิกยิ้ม ชายเนตรพริ้มเพรารับ พี่เลี้ยงกลับสู่ราช ฝ่ายภูวนาถทรงพาชี พุฒศรีเคียงจรจรัล ดั้นโดยมรรคาบหึง ถึงศาลาสำนัก ขึ้นนั่งพักผ่อนหิว ลมพัดฉิวเย็นเฉื่อย พี่เลี้ยงเหนื่อยนอนสนิท บพิตรนั่งระวังม้า ศาลานั้นใกล้ท่า สระแก้วกษัตรีย์ ฯ

โคลง ๔ สระศรีสมเด็จเจ้า กรุงกรรณ์
ผดุงแต่งสนุกพรรณ มิ่งไม้
สำหรับธิดาจรจรัล รมเยศ
ถึงเจ็ดวันหน่อไท้ เล่นน้ำสำราญ ฯ
๏ ดลวารตระบัดเจ้า จอมเมือง
ประทุมวดีบุญเรือง ลูกท้าว
สาวสุรางค์นางเนือง นับหมื่น
แห่ห้อมล้อมนาถเจ้า แม่เพี้ยงอัปสร ฯ
๏ จรลาบิตุเรศแล้ว บทมาลย์
ทรงสีวิกากาญจน์ ก่องแก้ว
สาวสนมบริพาร แหนแห่
ถับถึงสระสวนแผ้ว ผ่องน้ำใจเกษม ฯ

ร่าย นางปรีดิ์เปรมประดิพัทธ์ เสด็จจากรัตนวอทอง สาวสนมนองเนืองนันต์ จรจรัลจากอาสน์ ลงในชาตชโลธร กับนิกรนาเรศ ชมโกเมศโกมุท อุบลบุษบัวบาน ตระการกลิ่นเกสร หมู่ภมรร่อนคลึงเคล้า เอารสเรณูเร้า ร่อนร้องระงมชล ฯ

โคลง ๔ ยลมัจฉส่ำคล้า ในชโล
เทพาพาเทโพ คลาดเคล้า
หมู่ช่อนชวนชะโด โดดโลด หนีนา
คางเบือนเบือนหน้าเข้า ฝั่งพ้นไพรยวน ฯ
๏ นวลจันทร์จันทเมษม้า แมวเลีย
เนื้ออ่อนนกเขาเคลีย สู่ค้าว
กริมกรายถวายเพลี้ย นาเนก
ทองพลุกอุกอ้ายอ้าว ดุกด้องแดงตาม ฯ
๏ หมูพราหมณ์ว่ายพริบพร้อม หาพรหม
ช้างเหยียบช้างเหยียบจม แล่นเลี้ยว
หลาดหลาดสลิดสลอนสลม เลียบฝั่ง
อ้ายบ้าหาไอ้เบี้ยว บอกให้หาแส ฯ
๏ กระแหทองท่องท้อ ชลธาร
ทงเหงเห่งเห้งหาญ ปากกล้า
แชวงแว่งแว้งพาล ผิดเพื่อน
ราหูหู่หู้หน้า เพศเพี้ยงอสุรินทร์ ฯ
๏ พระเทพินพาพวกพ้อง บริพาร
เวียนว่ายในชลธาร ท่องเหล้น
แสนสนุกสำราญ ฤๅอิ่ม ใจนา
ร้องลำนำรำเต้น สุขเร้นสำราญ ฯ
๏ ภูบาลบพิตรค้อย โฉมสมร
งามเงื่อนเฉกอัปสร สู่หล้า
ดวงพักตรดังจันทร เพ็ญภาคย์ กูเอย
โฉมแม่งามพี่ว้า จิตดิ้นแดยัน ฯ
๏ เกาทัณฑ์ค้อมดุจค้อม ขนงสมร
ขนเนตรงอนดุจงอน รถไท้
สองเนตร์สองเสมอศร เสียวจิต พี่แม่
ปรางเปล่งเห็นเรียมให้ นึกเน้นปรางนวล ฯ
๏ โอษฐสรวลเสียวว่าแย้ม ยวนรับ
ศอดั่งศอหงส์ขยับ ปีกหร้อน
ถันนายุคลาคับ ทรวงเต่ง เต้าแม่
สรรพสรรพางค์อ่อนอ้อน นิ่มเนื้อนวลผจง ฯ
๏ พระบงโฉมนุชพริ้ม ลืมพรับ
พอเนตร์นางแลจับ เนตร์ไท้
สองเสียวสวาทรับ พักตร์ต่อ กันนา
นางเหลือบแลเห็นให้ เสน่ห์ท้าวแสนทวี ฯ

ร่าย ศรีสุดาสุดสวาท ไทธิราชกษัตรา หวังกรีฑารมเยศ เด็ดโกเมศกุสุมา ทำปริศนาแนะให้ แกว่งดอกไม้เหนือเศียร เวียนเจ็ดรอบเสร็จสรรพ์ เอาบุษบันบรรทับ กับอุระเชยชิด แล้วจุมพิตบุปผา ทัดกรรณาแห่งนาง ชำเลืองหางเนตร์ค้อน สะท้อนฤทัยถวิล แล้วเทพินลีลาศ ขึ้นสู่ราชวอทอง สาวสนมนองแห่ห้อม ด้อมเสด็จโดยขบวน นางรัญจวนจ่อท้าว อกผผ่าวเพียงพอง แหวกม่านมองเหลียวหลัง จนถึงวังเวียงราช สู่ปราสาทหม่นเศร้า เพราะเสน่ห์กลุ้มรุมเร้า เร่งร้อนภายใน ฯ

โคลง ๒ ครั้นนางไคลคลาดแคล้ว พระปลุกพี่เลี้ยงแก้ว
เล่าสิ้นเสร็จความ  
๏ พี่เอยนางงามแท้ น้องใคร่ได้นางแล้
เสน่ห์นั้นสุดหวัง ฯ  

ร่าย พี่เลี้ยงฟังภูวนาถ ยอกรอภิวาทบังคม อย่าปรารมภ์เลยณพ่อ นางก็ส่อปริศนา เห็นเสนหาแห่งไท้ ช้าพลันได้โดยกล ซึ่งยุบลปัญหา เด็ดบุปผาเวียนเศียร บอกมนเทียรแห่งหั้น ว่าเจ็ดชั้นปราสาท ซึ่งบุปผชาติทัดกรรณ บอกสำคัญนามเมือง ชื่อกรรณเรืองบุรี ซึ่งเทพีย้ำบุปผา แนะมารดาบิตุรงค์ พระองค์ชื่อทันตราช ซึ่งบุปผชาติจุมพิต นางใคร่ชิดชมไท อันดอกไม้บรรทับ กับอุราแนบเนื้อ คือใคร่ร่วมรสเกื้อ กับท้าวเสวยรมย์ ฯ

โคลง ๒ พระนิยมคำพี่เลี้ยง ดังได้นุชเนื้อเกลี้ยง
แนบเคล้าคลึงเชย ฯ  
๏ พี่เอยฉันใดได้ วานพี่ช่วยชักให้
ร่วมน้องดุจปอง ฯ  
๏ ว่าพระทองอย่าเศร้า เชิญพระแปรองค์เจ้า
เช่นเชื้อพราหมณา ฯ  

ร่าย ราชากับพุฒศรี แปลงอินทรีย์เป็นพราหมณ์ จูงม้าตามกันเต้า เข้าถึงสวนนารี ซึ่งยายศรีคนธา อยู่รักษาสวนสร้อย เคยเก็บดอกไม้ร้อย ส่งชั้นเจ็ดวัน ฯ

๏ ครั้นสายัณห์สุริเยศ องค์นฤเบศรพุฒศรี ผูกพาชีชายสวน จรจวบจวนคฤหา ยายคนธาเห็นถาม สองเจ้าพราหมณ์มาไย ยามสุริใสคลาคล้อย พระตอบถ้อยเถ้าถาม ตูเป็นพราหมณ์พาเณช จากประเวศนัครา พอเวลาอัสดง เกรงเกลือกหลงทางเทา ข้าขอเนาสำนักนี้ ยายอย่ามีใจหมาง เถ้าหัวพลางทวนถ้อย แต่ตูข้อยสองมา หน้าใช่หน้าพาณิช กิจใช่กิจเผ่าพราหมณ์ จักพาความสู่หย้าว ทราบถึงท้าวเกรงทัณฑ์ เพราะสวนขวัญพระธิดา ประทุมาลูกไท้ อยู่บได้จงจร สองเจ้าวอนยายเถ้า ขออยู่เช้าจักคลา ทองเงินตราปันยาย เถ้ายิ้มพรายปองทรัพย์ หลานอยู่กับยายไชร้ สองช่วยปิดอย่าให้ เรื่องรู้เป็นความ ฯ

โคลง ๔ ดลสามวันจึ่งเถ้า คนธา
หวังกรองบุษปมาลา เรียบร้อย
จักถวายแก่ชายา ยุพราช
เพราะกำหนดเวรข้อย คลาดแคล้วหลายวัน ฯ
๏ ภูบาลเข้าใกล้กล่าว วาที
หลานจักกรองมาลี ช่วยเถ้า
ยายฟังก็ยินดี ใจชื่น ชมแฮ
เชิญช่วยยายเถิดเจ้า บ่าวน้อยรักยาย ฯ
๏ ฦๅสายร้อยเกี่ยวก้าน กลเม็ด
กรองกรุฉลุกรเม็ด ช่อช้อย
เสาวภาคย์หลากหลายเขบ็จ ขบวนยิ่ง
งามกว่ายายเถ้าร้อย แต่กี้ก่อนมา ฯ
๏ ยายคนธาเสร็จแล้ว จรลี
ใส่พานทูนเกศี สู่เจ้า
นางยลพวงมาลี พิศวาส
รู้ว่าท้าวช่วยเถ้า แต่งให้ยายมา ฯ
๏ ชายาถามแก่เถ้า ทาสี
ใครช่วยกรองมาลี ดั่งนี้
ยายทูลโดยคดี ขอโปรด
หลานข้าบาทช่วยชี้ เรียบร้อยมาลา ฯ
๏ นางด่าเถ้าเฉกใบ้ มืดมน
มีหลานเหตุใดซน ซ่อนไว้
นางทำอุบายกล เป็นโกรธ
เอาแป้งลายทาให้ ทั่วทั้งกายยาย ฯ

ร่าย นางอธิบายขับเถ้า ยายลาเจ้าไคลคลาด จากปราสาทสู่สวน เถ้าคร่ำครวญคำไข อ้าปางใดบโกรธ บัดนี้โทษเพราะพราหมณ์ ความสำนักทารุณ บมีคุณโทษให้ สองอย่าได้อยู่ช้า นานไปพาโทษตาย พระฟังยายหวั่นจิต บพิตรถามพุฒศรี พี่เลี้ยงปรีชาฉลาด ทูลแด่ราชอย่าเศร้า ซึ่งนาฏเจ้าโกรธยาย เป็นเลศหลายบอกแจ้ง แป้งทายายใช่ชั่ว ขั้วเป็นกลปริศนา ซึ่งแป้งทาทั่วตน บอกยุบลเดือนสว่าง จักกระจ่างแจ้งกาย อย่าพึ่งผายก่อนเจ้า ต่อพระจันทร์แรมเข้า มืดแล้วเสด็จจร ฯ

โคลง ๔ ภูธรยินพี่เลี้ยง แสดงสาร
มีมโนเบิกบาน ใช่น้อย
พระกล่าวพจนสายสาร สุนทเรศ
ว่ายายอย่าละห้อย โศกเศร้าหมองหมาย ฯ
๏ พระเชิญยายอาบน้ำ สำราญ
มาเสพย์โภชนาหาร อย่าเศร้า
แต่นี้จักดรธาน โทษเคราะห์ แลนา
ถึงกำหนดยายแล้ว โทษแคล้วโทษา ฯ
๏ วุฑฒาฟังพจนถ้อย ปราศรัย
ยิ้มตอบคำหวานไข ต่อเจ้า
สองพราหมณ์คือสองไน ยเนตร์รัก ยายนา
ความปิดอย่ารอช้า โทษนั้นยายกลัว ฯ
๏ ยายชมชัวชื่นได้ รางวัล
เงินทองมากครามครัน ท่านให้
อยู่ประมาณสามวัน พฤฒิเพศ
คิดคะนึงถึงไท้ นาฏเจ้าประทุมมา ฯ
๏ พฤฒาเก็บดอกไม้ ทั้งผอง
ภูเบศรช่วยยายกรอง ดอกไม้
วนเวศกระเหน็จสอง สมสู่ กันนา
ธำมรงค์สอดใส่ไส้ หว่างสร้อยสนกรอง ฯ
๏ พระทองกรองเสร็จแล้ว บนาน
ยายรับจรใส่พาน สู่เจ้า
ถึงวังพระเยาวมาลย์ แลเหลือบ เห็นแล
รับสุคนธารสเร้า เสน่ห์นั้นนางเห็น ฯ
๏ เป็นประโลมกาเมศแก้ว สองสม
ยกพวงมาลัยชม แนบไว้
เห็นราชธำมรงค์สม แสนสวาท
รู้ว่าองค์ท่านไท้ ชาติเชื้อขัตติยา ฯ
๏ กานดายุพาภาคย์เนื้อ นฤมล
ตริดำริยลกล เลศแจ้ง
ว่าพระองค์จรดล นุประเทศ
หามหิษีแกล้ง สบต้องหฤทัย ฯ
๏ ทรามวัยใจล่วงรู้ มารยา
ทำซึ่งกลปริศนา แนะให้
องคุลีตรีวรา ทาชาด
แล้วตีแก้มยายไว้ แจ่มจ้าแดงฉัน ฯ
๏ สำคัญตรีวารแล้ว โดยตรา
ถึงซึ่งรัชวารา โดยแท้
ทำกลดุจโกรธา พฤฒิเพศ
ด่าประมาทเถ้าแข้ อยู่ช้านานมา ฯ
๏ แซ่งด่ายายว่าเถ้า บัดสี
ไปอยู่นานนานลี สู่เจ้า
แกล้งกล่าวกลวาที ยายโหด
ครั้นตีแก้มยายเถ้า ด่าแล้วขับไป ฯ
๏ ยายก็ไคลคลาดแคล้ว จากวัง
เยียหน้าตาเสริดสัง สู่หย้าว
บ่นว่าสองมายัง คฤหาสน์ เรานา
ยายคนธาโกรธก้าว เกี่ยงร้ายน้ำใจ ฯ
๏ ภูวไนยสนองตอบถ้อย คนธา
ว่าหมู่ชนชนา ทาสไท้
ยังต้องซึ่งอาญา เนืองนัก
เป็นประเวณีได้ เดือดร้อนธรรมดา ฯ
๏ เคราะห์หาสารราพร้าย ทับจันทร์
ทับลักษณ์จองโทษทัณฑ์ ใส่ให้
เมื่อผลโชคดีผัน เป็นลาภ
ยายอย่านอนใจได้ โทษแล้วเกิดผล ฯ
๏ ยายคนธาพร่ำพร้อง ตอบคำ
ปางก่อนฤๅห่อนทำ ดั่งนี้
เยียนางย่อมเกรงยำ ยายอยู่ ไซร้นา
เทียมแต่สองมาชี้ โทษไว้สองครา ฯ

ร่าย ราชาสนองคำเถ้า ยายอย่าเศร้าศรีหมอง หลานรักปองทำขวัญ พระเก็บพรรณบุปผา กรองมาลาเรียบร้อย ห้อยกรรณาให้ยาย ทำขวัญหายนฤโหด บำบัดโทษทารุณ จงเกิดสุนทรลาภ คาบนี้มิเป็นใด ยายดีใจครามครัน พระทำขวัญเสร็จแล้ว แผ้วหฤทัยจอมราช พระบาทถามพุฒศรี โดยคดีปัญหามูล พี่เลี้ยงทูลภูวนาถ ซึ่งเอาชาดทายาย บอกอุบายเป็นอรรถ ว่าคอยรัชเวลา พระยุพายังภาร ในตรีวารเงือดงด อย่าเพ่อบทวลัญชา ในปริศนาดั่งนี้ พระฟังพี่เลี้ยงชี้ ช่องให้สุขสาร ฯ

โคลง ๔ หลายวารยายเถ้าคิด คะนึงใน
จักใคร่กรองมาลัย ส่งสร้อย
พระนั่งใกล้ปราศรัย ยายรัก ยายเอย
หลานจักช่วยกรองร้อย ดอกไม้แทนยาย ฯ
๏ ฦๅสายกรองรูปท้าว นิทรา
หนึ่งเป็นรูปชายา แนบเคล้า
สององค์แนบอุรา รมเยศ
กรองเสร็จยื่นยายเถ้า รับแล้วครรไล ฯ

ร่าย ยายจรไปบัดดล ขึ้นสู่มนเทียรรัตน์ โอนเศียรดัดกรไหว้ ถวายดอกไม้พวงงาม พระนงรามยิ้มรับ จับมาลัยแลเห็น เป็นรูปท้าวสังวาส ยิ่งพิศวาสพิศวง ยกบุษบงบรรทับ กับอุระตระลึง นางคำนึงนิวรณ์ ว่าศศิธรกาฬปักษ์ ควรเชิญอัครภูวเรศ สู่นิเวศน์สังวาส ยังปราสาทเสวยรมย์ ในประถมราตรีกาล ตริแล้วดาลดุจโกรธ ด่าเถ้าโหดหินชาติ ไยยุรยาตรใกล้ค่ำ จวนจะย่ำสุริยน ผิดสองหนบหลาบ คาบนี้จักทวีโทษ ให้สาโหดสาหัส เห็นวิบัติกายแก่ แต่จะทำพอกาย นางละลายหมึกทา เถ้าดำกาทนเทวษ แสร้งทำเลสกลหลาย จึงเอายายใส่แสรก ชักเชือกแยกหย่อนลี้ โดยช่องสีหบัญชร ถึงดินดอนเถ้าเดิน เมินมุ่งมาดตามผลู บ่นพร่ำพรูสู่เหย้า น้ำตาเคล้าคลอตา ตีอุราร่ำไห้ สองพราหมณ์ไซร้สำนักนี้ เอาอัปรีย์สู่เหย้า สองอย่าเนาจงผาย พระฟังยายแล้วถาม ความใดบอกอย่าอำ เถ้าตอบคำเกี่ยงโกรธ ตูต้องโทษพันฦก นางเอาหมึกทามอม บได้ด้อมโดยทาง นางเอาตูใส่แสรก แยกสายเชือกโยงลง ตรงที่บัญชรชัย ตูหว่าใจว่าม้วย เพราะท่านมาอยู่ด้วย ดังนี้เกิดความ ฯ

โคลง ๔ ทรงนามจึงตอบถ้อย คนธา
ยายอย่าด่วนโกรธา เดือดร้อน
ภายค่ำจะลาคลา ไปอื่น
ยายอย่าโทมนัสข้อน ขับข้าเสียใจ ฯ
๏ ภูวไนยผินพักตร์พร้อง กลถาม
พี่เลี้ยงกราบทูลความ เลสไซร้
เอาหมึกม่อทาลาม ยายแก่ นั้นนา
นางบอกเดือนดับให้ ท่านท้าวเสด็จไป ฯ
๏ อันนางใส่แสรกห้อย ทาสี
โดยช่องบัญชรลี แห่งหั้น
คือเชิญให้ภูมี ลีลาศ ไปนา
ตรงซึ่งหย่อนแสรกนั้น ค่ำนี้เวลา ฯ

ร่าย ราชาฟังพุฒศรี พระเปรมปรีดิ์ปราโมช กมลโชติชื่นช้อย ครั้นสุริยคล้อยเมรุมาศ อับอากาศมัวมนท์ เจ้าจุมพลเสด็จสรง สำอางองค์เอี่ยมเอก พักตร์ผ่องเฉกเดือนฉาย ภูสิตลายล้วนเพริศ สนับเพลาเฉิดลายช้อย ชายไหวห้อยไกวกวัด รัดองค์รัตนแกมกาญจน์ สร้อยสังวาลสนสาย ทับทรวงพรายพลอยเพชร แสงตรัดเตร็จส่องฟ้า มงกุฎค่าควรเมือง ธำมรงค์เรืองวาวแวบ ขัดขรรค์แนบเนียนองค์ ดำเนินหงส์ยุรยาตร พี่เลี้ยงราชด้อมท้าว ออกจากด้าวแดนสวน เดินโดยด่วนรัถเยศ เข้าทวาเรศบูริน ดูดุจอินทร์สู่ด้าว บเห็นอินทร์เห็นท้าว เลิศล้ำเสมอกัน ฯ

โคลง ๔ บัวจันทร์วรนาฏเจ้า ประทุมา
ครั้นสุริยาเย็นเวลา ค่ำคล้อย
สระสรงทรงภูษา ภรณ์เลิศ
ทับทรวงสังวาลสร้อย ทุกนิ้วธำมรงค์ ฯ
๏ คับองค์ประดับแก้ว แกมกล
กรรเจียกจรวิมล เฉิดช้อย
ผูกแสรกห้อยเชือกยนต์ ตามช่อง แกลนา
แล้วบ่ายพักตร์มุ่งคล้อย ที่ท้าวจรลี ฯ
๏ โสภีเสาวภาคย์แก้ว โกมล
ทรงพระจินตนาตน จรท้าว
ว่าร้อยสุภาผล ภูวเรศ
จักเสด็จประเวศด้าว เกือบใกล้รัถยา ฯ
๏ ฝ่ายราชโอรสเจ้า กรุงไกร
พระเสด็จยุรยาตรไคล คลาดเต้า
กับด้วยพี่เลี้ยงใน รัถเยศ
สู่ราชนิเวศน์เจ้า นาฏน้องประทุมา ฯ
๏ ราชายุดแสรกหมั้น กับกาย
สายสะเทือนจอมสาย สมรรู้
ชักสายดุจโคมพราย แพรวเพริศ
พี่เลี้ยงกลับจรคู้ รีบเต้าเดิมสถาน ฯ
๏ ภูบาลโดยแสรกขึ้น บัญชร
ค่อยลีลาบทจร สู่ห้อง
เสด็จเหนือแท่นปัจฐรณ์ รจเรข
ปราศรยไทท้าวน้อง โอษฐอ้อนอภิปราย ฯ
๏ ดูราสายสวาทเจ้า เสมอจิต
เรียมแต่รำพึงคิด อยู่ช้า
เนิ่นนานปานชีพิต จากร่าง เรียมแฮ
มาสมอิทธิเห็นหน้า ทุกข์นั้นบรรเทา ฯ
๏ อ้าแม่เฉลาพักตร์เพี้ยง เพ็ญจันทร์
ร้อยหมู่เทพสวรรค์ เสกสร้อง
จึงจำให้เรียมจรัล จรทุเรศ มานา
จนปราสาทสู่ห้อง เที่ยงแท้ผลนำ ฯ
๏ พระลำเพาภาคย์เนื้อ นฤมล
เรียมฝากไมตรีจน จวบม้วย
นุชอย่าระแวงวล หวั่นหวาด พี่นา
จักร่วมรสรักด้วย อย่าร้างแรมขวัญ ฯ
๏ นางอัญชลิตแล้ว กราบทูล
ซึ่งพระอุตส่าห์ยูร ยาตร์เต้า
บเอื้อราชไอศูรย์ มาสู่ น้องนา
แม้ดุจพระโปรดเกล้า ดั่งนี้ร้อยผล ฯ
๏ กุศลปางก่อนสร้าง สืบสาย
เคยเป็นมิ่งมิตรหลาย ชาติแล้ว
บุญนั้นห่อนบังวาย สังวาส กันนา
ขอถวายชีพน้องแก้ว อยู่ใต้บทมาลย์ ฯ
๏ ภูบาลบพิตรพร้อง พาที
กับอนงค์เปรมปรีดิ์ ถ่องถ้อย
นางเชิญพระเสด็จลี- ลาสู่ สรงนา
สุคนธกลิ่นใช่น้อย เฟื่องฟุ้งจรุงใจ ฯ
๏ พระเสด็จไคลสู่ห้อง บรรทม
ถึงอาสน์บรรจฐรณ์สม ม่านแพร้ว
พรวนเงินพรวนคำสม สายสูตร
ยี่ภู่ทองรองเตียงแก้ว เพริศแพร้วเพดาน ฯ
๏ โอฬารสารเสนาะพร้อง พาที
สองเกษมเปรมปรีดิ์ ผ่องแผ้ว
รวยรื่นรสฤดี ปราโมทย์
พระตระกองกายแก้ว แนบเนื้อแนมนม ฯ
๏ ชมพักตร์จุมพิตเน้น นวลปราง
เอนแอบอุรานาง แนบไท้
สองร่วมภิรมย์ปาง ประดิพัทธ กันแฮ
ดุจลดารัดไม้ เมื่อเมื้อราตรี ฯ
๏ พยุพยับเมฆครื้น ครวญหาญ
วิรุณร่วงโรยรินฉาน ครึกครื้น
เวหาฮึกมืดมัวปาน เดือนดับ
บงกชแบผกาชื้น กลิ่นหรื้นรัญจวน ฯ

ร่าย พระภูธรธิราช สุขสมพาสพระยุพา มโหฬาดิเรก เป็นเอกโอชา สองเสน่หาสโมสร ในปัจฐรณ์ทิพรัตน์ โดยกำหนดนิยม แรกเริ่มสมสังวาส ห่อนเคลื่อนคลาดคลารส โดยกำหนดพระคำนึง ถึงพี่เลี้ยงพุฒศรี พระมุขีกมลเศร้า จึงนาฏเจ้าประทุมา นางวันทาทูลถาม พระทรงงามไยหมอง ท้าวสนองคำนาฏ เรียมนิราศพี่เลี้ยง เพียงแต่จากหลายวัน เรียมบรู้สำคัญกลใด จักนฤภัยนฤทุกข์ ขุกมีเข็ญบรู้ เรียมคะนึงถึงพี่เลี้ยงผู้ ร่วมรู้จักกันมา แก้ปัญหาเนื้อเกลี้ยง เพราะปรีชาพี่เลี้ยง จึงได้สมศรี ฯ

โคลง ๔ เทวีฟังพจน์ท้าว แถลงไข
นางคะนึงด้วยไว แม่นแท้
พี่เลี้ยงพระภูวไนย เปรมปราชญ์
ครั้นไว้นานจะแก้ ท่านท้าวจักจร ฯ
๏ พระภูธรนิราศแล้ว เสียที
จำประหารชีวี พี่เลี้ยง
ให้คลายเสื่อมวายปรี- ชาเลส นั้นนา
จึงประจักษ์อยู่เพี้ยง ชีพม้วยสมเรา ฯ

ร่าย พระยุพเยาว์คิดได้ ไหว้แล้วทูลภูธร ซึ่งอนุสรคำนึง ถึงพี่เลี้ยงเสนหา โดยธรรมดาประเพณี พลัดบุรีร่วมยาก ด้วยลำบากบุกป่า พามาถึงพระนิเวศน์ เพราะกลเลสพุฒศรี จึงภูมีได้ปกเกล้า ส่วนพระเจ้าเสด็จไป น้องมีใจจงรัก จะแต่งภักษ์เอมโอช ภาชนโสดถวายไท้ ภาชน์หนึ่งให้พุฒศรี โดยภักดีพระบาท ทูลแล้วนาฏตบแต่ง แบ่งเครื่องภาชน์เป็นสอง ใส่พานทองเทียบท้าว พานหนึ่งเล่าล้วนยาพิษ เสพย์ม้วยมิดชีวัง นางกระซิบสั่งสาวใช้ พานหนึ่งให้พุฒศรี แล้วเทวีทูลท้าว เชิญเสด็จด้าวสู่สวน พระฟังนวลกล่าวเนียน เสด็จเจียนจากห้อง ละพระน้องรีบมา ครรไลคลายาตร์เต้า ถึงสวนสระเรือนเถ้า กล่าวเกลี้ยงสารศรี ฯ

โคลง ๔ มนตรีพี่เลี้ยงซั้น ทูลถาม
ใดจึ่งพระโฉมงาม จากห้อง
ละนุชน้องฤดีทราม สังวาส
มาเพื่อใดพระน้อง พี่นี้กินแหนง ฯ

ร่าย พระแสดงโดยกิจ ข้อยครวญคิดถึงพี่ จากไปสี่วันวาร ปานนิราศมาสา จี่งลีลาละน้อง ไว้แห่งห้องเอองค์ หนึ่งอนงค์เสน่หา ในเชษฐาสวาท นางแต่งภาชน์กระยาหาร ล้วนตระการโอชา ให้พี่ยาโดยควร พี่เลี้ยงสรวลภูวไนย ตอบด้วยไวกลเลส ไยภูเบศรออกอรรถ ซึ่งรหัสหนหลัง ให้นุชหวังชีวาตม์ แห่งข้าบาทวายปราณ ซึ่งนางประทานโภชนา ใช่โอชาล้วนพิษ เสพย์ม้วยมิดนิจผล พระฟังกลตอบสาร อันอาหารนางแต่ง แห่งเดียวแบ่งเป็นสอง ปองประทานสุจริต ใช่กลั้วพิษพาธา เป็นสัตยาเยาวมาลย์ พี่เลี้ยงขานกลหั้น ปั้นอาหารตระบัด จึงแสร้งซัดให้สวา สุนัขาเสพย์โภชน์ ยาพิษโสดสามาญ สุนัขลาญชีพิต ทาสีคิดยลกลพิฆาต รับเอาภาชน์พาจร เข้านครเคียมนาง พลางกระซิบท้าวทูล โดยเดิมมูลมีมา จนสวาวายปราณ พระนงพาลครั้นยล มีกมลหมองหมาย พี่เลี้ยงหลายเล่ห์แท้ เห็นจะตอบโทษแก้ กลให้เกิดเข็ญ ฯ

โคลง ๔ โอ้จะเป็นราศร้าง มนเทียร
พลัดพรากวงศาเจียน จากข้าง
มนตรีจักบีเบียน บำราศ แลนา
จากบุรีปรางค์ร้าง เสน่ห์ท้าวเอกา ฯ
๏ ชายาดำริเล่ห์แล้ว พิศวง
ว้าหวั่นกมลลง เงื่องเศร้า
รันทดระอวยองค์ อัดเทวษ
ทุ่มทอดสกนธ์เร้า ร่ำไห้อาดูร ฯ
๏ ฝ่ายบดินบทร์สูรธิราชเจ้า กรุงกษัตริย์
ยลสุนัขวิบัติ มอดม้วย
พระจึงบัญชาตรัส แก่พี่ เลี้ยงนา
เราบควรเสพย์ด้วย ชั่วช้าสามาญ ฯ
๏ ปางก่อนไป่ล่วงรู้ หินชาติ์
รักร่วมชีวาตมา ร่วมไร้
ดังฤๅมาใส่ยา พิษโภชน์ นั้นแฮ
เราควรละนางไว้ พี่น้องจักจร ฯ

ร่าย พี่เลี้ยงวอนพาที พระภูมีอย่าหมาง หาไหนนางดังนี้ ปรีชาชีกวีชาติ ซึ่งนุชนาฏมุ่งหมาย หวังทำลายข้าบาท เพราะวรนาฏนิยม ในบรมราชเสนหา กลัวพี่ยาพาจาก บำราศราครสรัก จึงคิดหักประหาร หวังพี่ลาญพระหลง พิศวงอยู่วอน แห่งสายสมรเหมือนหมาย ใช่ทำลายล้างรัก พระจงหนักหน่วงคิด นางสุจริตดอก ณ พ่อ เอาดีต่อตามเลส เชิญประเวศสู่เวียง ดำรงเลี้ยงร่วมนุช ดุจเดิมสังวาส แม้นาฏนิทราสนิท พระเปลื้องปลิดเอาอาภรณ์ แล้วภูธรเอานขา หยิกอุรานางนั้นให้ ช้ำสามแห่งไซร้ แล้วเสด็จจรไกล ฯ

โคลง ๔ ภูวไนยเห็นชอบแล้ว ลีลา
ในเมื่อพระสุริยา ค่ำคล้อย
สมนุชร่วมรักกา- เมศรส นั้นแฮ
ครั้นนางหลับเปลื้องสร้อย สะอิ้งกุณฑล ฯ
๏ ภูวดลหยิกนุชช้ำ อุรา
เผอิญนางนิทรา ไป่รู้
พระเอาเครื่องอาภา มาสู่ สวนนา
บอกแก่พี่เลี้ยงผู้ เชี่ยวรู้ชาญกล ฯ
๏ มนตรีฟังเสร็จถ้อย ภูธร
แปรเป็นดาบสจร สู่ด้าว
แดนป่าเข้าซอกซอน เดินเที่ยว
แสร้งสำรวมกิจแก้ว ดั่งพรตพรหมจรรย์ ฯ
๏ ครั้นรวิวรรุ่งแผ้ว คัคณานต์
พี่เลี้ยงจึงเอาอาการ เครื่องสร้อย
กุณฑลอีกสังวาล วรเลศ
เด็ดเถาลัดาร้อย ส่งให้พระองค์ ฯ
๏ จงร้องแลกเครื่องร้าน วัจนา
คือราชมาศงา อีกกล้วย
ราชาหิ้วเอาอา- ภรณ์สู่ เวียงแฮ
ร้องแลกวาณิชด้วย เสียงนั้นขวัญหาย ฯ

ร่าย ฝูงหญิงชายพิศวง ยลเครื่องทรงสะอิ้งสร้อย ผูกเชือกห้อยหิ้วร้อง พ้องกังวานวอนถาม เจ้าหนุ่มงามเงื่อนแง่ เครื่องได้แต่ใด ณ พ่อ ของควรห่อฤๅมาหิ้ว พระบอกพลิ้วคำคด ของดาบสอาจารย์ บรู้การสิ่งใด ตูนี้ไซร้ศิษย์โสด ให้มาประโยชน์แลกของ ปองบูชายัญเวท หุดาเพทพิธี ใครปรานีแลกให้ จักนฤภัยนฤทุกข์ สุขจะมีเป็นแหล่หลาย หญิงชายฟังแล้วสรวล เจ้าบ่าวนวลโฉมเฉลา ไยจึงเบาแบกบ้า อ้าเอาเครื่องของแสลง หิ้วฟัดแข้งแร่ขาย นรชนทั้งหลายกลัว พระยิ้มหัวหิ้วครรไล เร่ร้องไปโดยรัถเยศ ทั่วนิเวศน์เวียงราช พบอำมาตย์หนึ่งหั้น เห็นรีบซั้นซักถาม ชายใดทรามทรงเซรื่อง เครื่องนี้ใดได้มา ของราชาใช่ราษฎร์ อำมาตย์กุมกรภูบาล ถึงพระลานท้าวทูล ฝ่ายบดินทร์สูรกรุงกษัตริย์ ยลเครื่องรัตนกุณฑลธาร สะอิ้งสร้อยสังวาล ของเยาวมาลย์ลูกรัก ท้าวประจักษ์ใจหาย ฝ่ายพระราชบัญชา ว่าดูรามาณพน้อย เครื่องสะอิ้งสร้อยกุณฑล ตนได้แต่ใดไซร้ ฤๅว่ามีผู้ให้ บอกแจ้งกิจจา ฯ

โคลง ๔ ราชาจึงตอบถ้อย คำหวาน
ข้าเป็นศิษย์อาจารย์ ท่านใช้
แลกเครื่องวันทนการ ยัญเวท
ของซึ่งผู้ใดให้ ผู้นั้นถามดู ฯ
๏ ท่านอยู่ภาเวศกล้า เล็งชาญ
ป่าช้าภูตพรายพาล ย่อมแคล้ว
วรวาศกัลยสถาน นุประสิทธิ์
เป็นพระดาบสแผ้ว ผ่องพ้นสุทธศีล ฯ
๏ ภูมินทร์ธิราชเจ้า ธานี
มานพระบัณฑูรมี สั่งถ้อย
อำมาตย์สูจงลี ลิลาศ ไปนา
เชิญพระดาบสคล้อย คลาดเข้ามาวัง ฯ
๏ มนตรีรับสั่งแล้ว ลีลา
โยมนำหน้าดลพระดา- บสไท้
ราชินใช้ข้ามา อาราธ นานา
พระผู้เป็นเจ้าได้ รับเต้าบทจร ฯ
๏ ดาบสสรวลตอบถ้อย อมัจจา
โยมติดตามไคลคลา คลาดคล้อย
สู่ราชนิเวศรา กรุงกษัตริย์
สำรวมพรตด้วยข้อย เธอแล้แต่ดิน ฯ
๏ ทรงศีลสมาธิด้วย มัธยัสถ์
ดูดุจเธอสันทัด พรตไซร้
นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์ รุจิเรข
ปราศรัยไชยลาภถ้อย กล่าวเกลี้ยงคำหวาน ฯ

ร่าย พระผู้ผ่านธรณี มีสุนทรบัญชา ว่าดูราดาบส ผู้ทรงพรตจรรยา ยังสุขานุสุข ฤๅโรครุกรุมเข็ญ เป็นวิบัติกลใด หนึ่งสัตว์ในพนา บบีฑาเบียนถึง หนึ่งผลาเผือกมัน พอแสวงฉันฤๅไฉน ดาบสไขมฤษา ว่าดูรามหาราช อาตมทรงพรหมจรรย์ ในอรัญ ณ ประเทศ ไป่มีเภทพาลใจ ด้วยนฤภัยนฤทุกข์ เกษมสุขเสพย์ญาณ ผลผลาหารห่อนขัด ในพนัสนั้นนา ด้วยเดชาสามัถได้ เป็นสุขแผ่ผลให้ ดั่งนั้นอาจิณ ฯ

โคลง ๔ นรินทรธิเบศเจ้า นัครา
ถามดาบสมารยา เพิ่มซ้ำ
ว่าสร้อยกุณฑลมา- ลัยเลิศ นี้พ่อ
ได้แต่ใครเครื่องล้ำ แลกกล้วยบูชา ฯ
๏ มฤษาดาบสพร้อง คำไข
คืออาตมจงกรมใน ป่าช้า
ราตรีสำรวมใจ ภาเวศ อยู่นา
ยักษินีหนึ่งกล้า แวดเข้ามากิน ฯ
๏ ฉีกชิ้นพฤฒิภาคย์ให้ เป็นสอง
ดูดกินโลหิตหนอง น่องน้ำ
อาศพไส้พุงพอง สังเวช
กัดกินสิ้นเนื้อย้ำ แยกเขี้ยวยิงฟัน ฯ
๏ มันยลอาตมเที่ยวแท้ จงกรม
แล่นมาดุจลม เยาะเย้า
หลอกภัยสยายผม เงื้อมโงก อยู่แฮ
เติบโตสูงเสมอพร้าว แลบลิ้นกลอกตา ฯ
๏ มาดุจคาบเคี้ยว กายี
อาตมแทงด้วยตรี ถูกช้ำ
ล้มลงเหนือปัฐพี ลำบาก
เราเงือดเงื้อหวังซ้ำ จักให้วายปราณ ฯ
๏ ภูตพาลล้มด่าวดิ้น แดยัน
กราบบาทขอชีวัน เคี่ยมไหว้
จึงเปลื้องเครื่องให้กัน ชีพิต
เราจึงคิดเงือดไว้ บ่ได้วายชนม์ ฯ
๏ อนุสนธิ์ดังนี้เพราะ เมตตา
หวังแลกเครื่องวัจนา ส่งให้
ส่วนบุญแก่ยักษา พาลเพศ
ไปชาติหน้าจงได้ จากพ้นยักษินี ฯ
๏ ราตรีอรุณรุ่งแผ้ว โลกา
เราให้โยมเอามา แลกล้ำ
เจตนเครื่องบูชา ยัญเวท
หวังแผ่กุศลค้ำ ส่งให้ภูตพราย ฯ
๏ ฦๅสายจงให้เครื่อง โหมกูณฑ์
โดยพระทัยปองปูน แลกไว้
จงเอาเครื่องอันสูน- ทรภาพ
เป็นสิทธิ์แก่ท่านไท้ ที่ท้าวปรารถนา ฯ
๏ ราชาฟังกมลเศร้า ทุกขา
เพราะดาบสมารยา คดคู้
จึงให้เครื่องบูชา กูณฑ์เวท
แกฤษีที่ผู้ รู้ถ้อยถวายพร ฯ
๏ อ้าภูธรซึ่งท้าว บูชา
จงเลี้ยงบุตรนัดดา สืบเหง้า
เจริญอายุสมา ยืนโยชน์
ซึ่งพระทัยอย่าเศร้า ผ่าวพื้นภูวดล ฯ
๏ เธออวยพรสวัสดิ์แล้ว ลีลา
ลาสมเด็จราชา ท่านท้าว
เป็นสองกับศิษย์สา- ทรร่วม ใจแฮ
จากนิเวศน์สู่ด้าว ที่ดั้งเดิมสถาน ฯ

ร่าย ฝ่ายภูผ่านธรณิศ ครั้นนักสิทธ์คล้อยคลาด มีพระราชกมลหมอง สุชลนองเนตรย้อย แสนโศกสร้อยสหัสสา ท้าวให้หาลูกแก้ว มาใกล้แล้วแสวงองค์ บเห็นทรงอาภรณ์ กุณฑลจรกรรเจียก หนึ่งสำเหนียกลูกรัก พระพักตร์ผ่องเพียงจันทร์ บัดนี้พรรณมัวหมอง ดุจหงส์ทองตกเปือก เกลือกลั้วระคนดำ หนึ่งอุระช้ำโลหิต สมนักสิทธ์แสดงสาร เห็นอาการวิปลาส ไทธิราชอาดูร พูนเทวษหวั่นว้า โอ้อกอ้าเวรหลัง มีบุตรหวังดำรงภพมณฑล ฤๅวิกลเป็นกระสือ ให้คนลือเลื่องหล้า ไว้อายหน้านรชน บมีผลเป็นภัพ ท้าวตริสรรพบัญชา ว่าดูราลูกพาล เกิดเป็นกาฬกิณีเรา บควรเนาในนิเวศน์ จงทุเรศนัครำ ไปโดยกรรมมาก่อนสร้าง แม้บจรจักล้าง ชีพให้วายชนม์ ฯ

โคลง ๔ นฤมลฟังท่านท้าว บิตุรา
นางเร่งแสนโศกา หม่นไหม้
เนตรนองสุชลธา- เรศร่ำ อยู่แฮ
โอ้อ้าแต่นี้ได้ ทุกข์นั้นเป็นมูล ฯ
๏ จักทูลแต่ชอบด้วย สัตยา
กลัวซึ่งภัยโทษา สืบเค้า
จักถึงผุ้สวา- มีภาคย์ นั้นนา
สาวใช้ชัดเชื้อเจ้า ร่ำร้องอื้ออึง ฯ
โคลง ๒ พิลาลัยพิศวง มีสำเนียงในองค์
นาฏเจ้าประทุมา ฯ  
โคลง ๔ ชนาประชาราษฎร์ทั่ว แดนเมือง
กล่าวว่าลูกบุญเรือง หน่อท้าว
เป็นกาฬกิณีเคือง ใจราช
จักขับจรจากเจ้า ค่ำเช้านี้ฤๅ ฯ
๏ ศัพท์ฦๅศัพท์เล่าล้วน อึงคะนึง
ทั่วนครขานถึง ไม่เว้น
พลบค่ำชวนกันพึง พิศเพ่ง ทัศนา
ดูกระสือราเหล้น ชาติเชื้อขัตติยา ฯ
๏ เยาวราชชีพเจ้า ฟังยิน
กับพี่เลี้ยงวรจินต์ นาฏพร้อง
จึงจับเอาซึ่งสิน- ธพชาติ นั้นนา
ผูกเครื่องทรงท่าน้อง ทิศด้านทวารผี ฯ
๏ พุฒศรีตบแต่งไว้ ครบครัน
หม้อใส่สุพรรณถัน ไฟจ้า
กลคิดปิดป้องกัน หลายเลส
นั่งอยู่นอกประตูถ้า นาฏน้องจรลี ฯ
๏ ครั้นศรีสุริเยศเข้า อัสดง
ตกต่ำเมรุลง ค่ำคล้อย
ประทุมวดีทรง พิลาป
ชาวแม่นางนักสนมสร้อย โศกเศร้าแสนทวี ฯ
๏ ราตรีจึงท่านไท้ บิดา
สั่งแก่อำมาตยา ทาสท้าว
สูเร่งขับประทุมา นิราศ
จากพระมนเทียรหย้าว อย่าช้าเร็วรี ฯ
๏ มนตรีรับสั่งท้าว โองการ
ไปสู่เยาวมาลย์ ลูกไท้
ตามมีราโชงการ ตรัสสั่ง
นางสดับสารมนตรีให้ ร่ำรักนางสนม ฯ
๏ ทรามชมจรจากห้อง ชายา
ไปลาพระชนิกา ปิ่นเกล้า
แล้วมาบังคมลา พระบิตุราช
ทูลพระชนกเจ้า ช่วยเอื้อปรานี ฯ

ร่าย พระชนนีครั้นฟัง เร่งโศกังโศกสร้อย ชลเนตรย้อยฟูมฟอง นางตระกองลูกรัก ขึ้นใส่ตักแสนศัลย์ โอ้พระขวัญเมืองมิ่งแม่ กรรมใดแต่ก่อนสร้าง มาตามล้างกุศล ผลลูกแก้วจักจาก พรากอกแม่อกเมือง จึงบุญเรืองวิปริต เป็นสถุลจิตเศษยักษ์ เสียแรงรักแม่ถนอม หวังเป็นจอมจรัสโลก วงศ์พระยศโยคสืบญาติ ฤๅมาหินชาติชั่วช้า สุดท่าแม่จะวอน เห็นบดิศรบให้ ไทเธอหมองอัปยศ ชาวชนบทต่างประเทศ จำประเวศจากวัง โดยเวรหลังลูกแก้ว นางกอดธิดาแล้ว สะอื้นจาบัลย์ ฯ

โคลง ๔ จอมขวัญกราบแม่แล้ว ลีลา
ไปกับมาตยา รีบร้อน
ชาวแม่พระสนมนาริ์ จอมนาฏ
ส่งถึงทวารข้อน อกโอ้ปราศรัย ฯ
๏ จงไปเถิดพี่เลี้ยง นางนม
เชิญสถิตมนเทียรชม ชื่นหน้า
จงจำเริญสุขรมย์ ยืนโยชน์
ครองชอบรวดรักสถ้า อยู่เย็นฟังสาร ฯ
๏ สดับสารปานพยุร้าย รันทำ
พัดพานใบอ้อลำ นาศค้อม
พระสนมครั้นสดับคำ วรนาฏ
ล้มวินาศโนมน้อม ดุจไม้ลมพาน ฯ
๏ วัจนสารรจเรขพร้อง วาจัง
พระนุชจินตนาหวัง ห่อนท้าว
ป่านนี้ร้อยราชัง ธิราช
ท่าอยู่นอกทวารด้าว ดั่งนี้โดยหมาย ฯ
๏ นางผายลีลาศหล้วง ทวารา
ข้างรุกขมรรคา ซึ่งไว้
นายทวารหับบานตรา รีบลั่น เขื่อนแฮ
ออกนอกปราการได้ จึ่งท้าวทฤษฎี ฯ
๏ ภูมีรับนาฏน้อง ประทุมา
หน่วงพระหัตถ์ชายา เผ่นขึ้น
สู่หลังอัศวรา ลีลาศ
พุฒศรีดีใจดิ้น เปิดหม้อแกงไฟ ฯ
๏ แล้วโรยใส่มาศให้ เป็นแสง
เปลววาบเขียวขาวแดง เที่ยงแท้
แล้วปิดฝาหม้อแกง เดินมืด ไปนา
เป่าเพลิงซัดมาศแก้ วาบย้อยเนืองเนือง ฯ
๏ ชาวเมืองเลื่องเล่าล้วน ชวนกัน
ขึ้นบนปราการผัน เพ่งแท้
เห็นแสงสุพรรณถัน เรืองเรื่อ ไปนา
บอกแก่กันโน่นแน้ พิศแล้วแสยงขน ฯ
๏ เหวยชาวนครทั่วทั้ง หญิงชาย
ดูกระสือน้ำลาย ยืดย้อย
เดินเที่ยวกินเขียดสบาย ทางทุ่ง
วาบวู่สูพลันได้ ติดเต้าตามทาง ฯ

ร่าย เมื่อนั้นพระภูมินทร์ กับยุพินเผ่าพังงา ทรงอาชาชาญชัย พี่เลี้ยงไคลโดยท้าว ลุล่วงเข้าแดนพนม พระชี้ชมวิหคา จับพฤกษารายเรียง หงส์จับเหียงอยู่หินห่าง ยูงต่ายยางสุดยอด กต้อพลอดกิ่งพลับ จิงโจ้จับจิกแจง ไก่ฟ้าแฝงพุ่มแฟบ รังนานแนบขานาง ฝูงนกลางจับเลียบ เค้าโมงเซียบซองแมว ฝูงนกแก้วจับเกด มุโนเรศจับรัง ขุนแผนพังจับฝาก ดอกบัวบากหารัง กกรุมตรังบ้างบินร่อน ดุเหว่าว่อนกินหว้า คณาคลาจับคลาย ขมิ้นหมายกทุ่มหมู่ นกเค้าคูคาบแค ซังแซวแซ่จับซาก จากกพรากไต่พฤกษ์ หัวขวานตึกเจาะขวิด ต้อยตีวิดวิ่งดิน กากินโกผลดอก พระชี้บอกนิ่มน้อง ในพนสณฑ์ตำบลท้อง ป่าหล้าฤๅถึง ฯ

โคลง ๔ บหึงถึงทุ่งแก้ว ชายดง
ชมหมู่คิรียง ยิ่งแท้
พิศพรรณอำนวยวงศ์ ไอยเรศ
ร้องประแปร้นแล่นแส้ เซียดซ้องชมกัน ฯ
๏ บ้างเหมือนรณเผือกผู้ เจษฎา
บ้างเป็นศรีนิลา เล็บล้วน
บ้างศรีอัศวรา รจเรข
ครบพรรณสรรพงามถ้วน เพริศพร้อมพึงชม ฯ

ร่าย ป่างบรมไทธิเบศร จรทุเรศอารัญ รอยเทพดั้นโดยสถาน ผ่านพนัสเตรินตรง ลุล่วงดงแดนกรุง ชีพสุงสำนัก พนาพักคอยเหตุ กับนฤเบศรเสด็จคลา ขึ้นพลับพลาเหนืออาสน์ หมู่อำมาตย์เคียมคัล ทูลรำพันความพราก ประถมจากจนปลาย ปิ่มทำลายลาญชีพ ทั่วทวีปมณฑล พระบอกยุบลบัญชา แก่เสนาสิ้นเสร็จ เสนาระเห็จขึ้นมา ขับควบร้าเร็วจร ถึงนครทูลท้าว พระลูกเจ้าเสด็จมา ได้ยุพาโสภี กับพุฒศรีมิ่งม้า บัดนี้พระเสด็จถ้า พระไท้ภูบาล ฯ

โคลง ๒ พระฟังสารเสร็จสิ้น ปานราชหฤทัยดิ้น
ด่วนให้เตรียมพล ฯ  
๏ มนตรีรับสั่งไท้ มาจัดตรวจพลได้
พรั่งพร้อมทวยหาญ ฯ  

ร่าย พระผู้ผ่านภพตรี กับมหิษีประภาพักตร์ ขึ้นคชศักดิ์ปฤษฎางค์ บทบาทย่างหลังแน่ ทวยหาญแห่อึงมา ถึงพลับพลาลูกแก้ว นั่งใกล้แล้วรับขวัญ จอมไอศวรรย์ของแม่ แม่ตั้งแต่ไห้ร่ำ ทุกเช้าค่ำคืนวัน แม่สำคัญมั่นหมาย ว่าเจ้าวายชีวง อยู่ในดงดูอนาถ ฉันใดนาถรอดมา ได้ยุพาเพ็ญพักตร์ ประยูรศักดิ์นามใด พระเล่าไขความยาก ซึ่งลำบากบุกชัฏ จนนิวัติพระนิเวศน์ เพื่อกลเลสพี่เลี้ยง จึงได้นุชเนื้อเกลี้ยง หน่อท้าวมาสม ฯ

โคลง ๔ บรมบิตุเรศท้าว มารดา
กอดพระโอรสา แนบไว้
แล้วโอบอุ้มชายา เยาวเรศ
จูบพระศรีสะใภ้ กำพร้าพลัดเมือง ฯ
๏ ลูกเอยพระเวศท้าว สองกษัตริย์
ดังทุกข์ดับโทมนัส ผ่องแผ้ว
เปรมปรีดิ์ศรีศุภสวัสดิ์ พิศวาส
แล้วชวนพระลูกแก้ว เสด็จเข้านัครา ฯ
๏ ราชาธิเบศรเนื้อ ศุภลักษณ์
ทรงโฉมประไพพักตร์ เพริศแพร้ว
เครื่องทองจำลองอัค วรเลิศ
สี่กษัตริย์เสร็จแคล้ว คลาดเข้ามนเทียร ฯ
๏ พระเกียรติกิตติศัพท์ซร้อง ลือขจร
ทุกทั่วขอบเขตนคร นอบไหว้
สรรเสริญเยินยศสมร จอมราช
ว่าพระลูกท้าวได้ นุชเนื้อสุขุมา ฯ

ร่าย ฝ่ายราชาธิกนาถ มานพระราชบัญชา แก่โหราสฤษดิศาสตร์ จะเษกราชเอารส จงกำหนดฤกษ์วาร โหราจารย์รู้เลส โอนศิโรเพศควรคูณ ทูลถวายฤกษ์ธิราช โดยวารมาสดิถี ได้ศุภศรีไชเยศ กฎหมายเหตุทุกกรม ตั้งตยาคมคงครบ มหรสพสมโภช อึงอุโฆษกึกก้อง ฝูงประชาชนซร้อง เกลื่อนกลุ้มแลงาน ฯ

โคลง ๔ การเล่นโขนหุ่นตั้ง กลางสนาม
ละครมอญรำงาม เรื่อยร้อง
ระเบงระบำจาม จีนเล่น งิ้วแฮ
มงครุ่มผาลาซร้อง เสียดไม้แจจรร ฯ
๏ คลีพนันพันวิ่งม้า แทงทวน
ช้างชนคนปล้ำญวน โลดเต้น
โล่ดั้งกระบี่สวน เซ็งแซ่
ลอดบ่วงห่วงลอดเล้น วิ่งว้าเวหน ฯ
๏ แสยงขนยลเหยียบไม้ รำแพน
หกหัวหอกตั้งแปลน เสียดข้าง
ช้างไล่ม้ารำแพน ผัดล่อ
จีนกลเล่นอวดอ้าง ชักไส้กลางสนาม ฯ
๏ ครั้นยามศุภสวัสดิ์ได้ เวลา
พร้อมพระญาติวงศา ท่านไท้
พระหลวงหมู่มาตยา นาเนก
พราหมณ์ปโรหิตให้ กล่าวแจ้งมงคล ฯ
๏ โดยกลเทพพร้อม อวยชัย
ทวิชชื่อศรีวดาลสมัย หมู่นั้น
โยคีพิริยไตร วิธเวท
โอมอ่านอาคมซั้น แซ่ซร้องถวายพร ฯ
๏ ภูธรบิตุเรศท้าว ดำรง
จูงพระหัตถ์ยุพยง หน่อไท้
พระชนนีจูงอนงค์ อัคเรศ
ขึ้นนั่งกองแก้วให้ เษกสร้อยเสวยรมย์ ฯ
๏ บรมสุรชาติเชื้อ ขัตติยา
เสด็จเหนือรัตนวรา ก่องแก้ว
รัตนสุวรรณา เรืองโรจน์
ทรงเบญจกกุธภัณฑ์แล้ว เลิศล้ำเห็นแสดง ฯ
๏ สุริยแสงพรุณกั้น กันองค์
โหรดาพฤฒาทรง เษกให้
เบญจพฤฒาทรง พระเวท
น้ำสังข์ทักษิณชัยไล้ เลิศล้ำมงคล ฯ
๏ ศุภผลกลแว่นแก้ว วงเวียน
เวียนประทักษิณเฉวียน รอบแล้ว
โบกโบยธุมาเทียน เจิมพักตร์ พระนา
พระญาติวงศาแผ้ว ผ่องถ้อยถวายชัย ฯ
๏ ชัยเยาวเรศเรื้อง ธรณี
ชัยสิทธิฤทธี ทั่วหล้า
ชัยสุขสวัสดิ์ศรี สุนทรลาภ
ชัยเยศเดชเฟื่องฟ้า ไพร่ฟ้าสุขรมย์ ฯ
๏ สยมพรภิเษกแล้ว ชนกา
แต่งเป็นศุภสารา เพราะพร้อง
ไปยังกรรณบุรีธา- นีราช
บอกเป็นมิ่งมิตรพร้อง สืบสร้างไมตรี ฯ
๏ สารศรีเสาวภาคย์ล้วน พรรณบัตร
เลขากาญจโนรัตน์ บอกแจ้ง
ว่าพระโอรสาสวัสดิ์ เยาวราช
ชื่อเพชรมงกุฎแกล้ง สอดรู้มาถึง ฯ
๏ คำนึงในนาฏน้อง ประทุมา
ได้สบซึ่งปรารถนา ลูกท้าว
รับองค์พระธิดา ยุพเรศ
สู่นครเดิมด้าว ดั่งนี้เป็นศรี ฯ
๏ เปรมปรีดิ์เสน่ห์เนื้อ ขัตติยา
แจ้งซึ่งวงศวรา เลิศแท้
เราให้อภิเษกสา- ทรภาพ
เสวยพิภพอยู่แล้ แผ่นหล้าแทนสนอง ฯ
๏ ครองไอศุริเยศแล้ว เกษมสุข
จงท่านอย่ามีทุกข์ หม่นไหม้
จำเริญพระทัยสุข ยืนโยชน์
เพราะพิภพสองได้ ร่วมไม้ตรีกัน ฯ
๏ เป็นสุพรรณแผ่นพื้น เดียวดี
ศรีสวัสดิ์สมบูรณ์ปรี- ดิพร้อม
สองรวมร่วมไมตรี ตราบสุด โลกนา
ขอพระผู้เป็นใหญ่น้อม มนะให้สมประสงค์ ฯ

ร่าย ภูมีนทรทันตราช ครั้นพระบาทสดับสาร ลานสุชลนองเนตร ท้าวเทวษว้าวุ่น กมลมุ่นมึนไหม้ เพราะเพื่อไทหลงเลส บรู้เพศมายา ขับพระธิดาดวงสวาท ให้นิราศแรมเมือง อับศรีเรืองหย่อนยศ ท้าวกำสรดสาหัส ให้กลุ้มกลัดอัสวาส พระบาทสวรรคต ปลดเปลื้องชีพมอดม้วย เพราะมิรู้เท่าด้วย เลสเชื้อชายชาญ ฯ

โคลง ๔ เวตาลชักเล่าท้าว ศรีวิกรม
เชิญสมเด็จบรม กล่าวชี้
จักพาสู่พระสยม ภูวนาถ
คือว่าท้าวองค์นี้ ซึ่งม้วยนฤสัญ ฯ
๏ บาปนั้นจักได้แก่ ใครไฉน
ฤๅจักได้แก่ทรามวัย ลูกไท้
ฤๅได้แก่ภูวไนย จอมราช นั้นฤๅ
ฤๅพี่เลี้ยงอันให้ พรากท้าววงศา ฯ
๏ ราชาธิเบศรท้าว ศรีตรี
แก้โดยวัจนวาที เพราะพร้อง
อันซึ่งท้าวนฤชี วายชีพ
กลั้นใจตายนั้นต้อง โทษได้แก่ตน ฯ
๏ โดยผลกลเลสแล้ว ชอบทาย
เวตาลกล่าวบรรยาย อ่านแก้
ชอบตามยุบลหมาย ในเวท
เวตาลชักอื่นแล้ เล่าท้าวสืบไป ฯ

ร่าย โดยในเวทโวหาร เวตาลนำนิบาต โดยฉลาดว่าปุจฉา เป็นบัญหามธุรส สามสิบสามบทนิทาน ทายภูบาลทศศรีตรี บรมราชีธิกราช ขี่อสูรทาสสู่สิวถาน อันมโหฬารดิเรก วรวิเวกมงคล วิมลมลาประภาชิต มหิตธิมหันตคุณ วิบุลยอะดุลยา มหาภิรมย์อุดมสถาน พิมานแมนสรวงสวรรค์ ธภิวันทายาท บรมนาถสยมภู ผู้เป็นครูแก่นรา เทวคณานราฤทธิ์ ฤๅษีสิทธิวิทยาธี มกรคณามหาโยคี ชีพราหมณเพศ เวทครูหมู่อวตาร อันเป็นประธานทามโลก กันดารโอฆสิวสมัย พระภูวไนยท่านท้าว เสวยพิภพจบด้าว เลิศล้ำจบสถาน ฯ

โคลง ๔ จบเสร็จเพชรมงกุฎต้น ตำนาน
ซึ่งอสุรเวตาล เล่าท้าว
ศรีวิกรมแสดงสาร เสร็จเลิศ นั้นนา
ยักษ์พาพระเสด็จด้าว ฟากฟ้าเสวยสวรรค์ ฯ
กาพย์ยานี ๑๑ นิพันธ์สรรพลิลิต โดยในมิตรจิตทูลถวาย
ไว้กระวีประชาชาย หลายเล่ห์ที่ชี้ชาญกลอน ฯ
โคลง ๔ หลวงสรวิชิตเชื้อ สัประรุษ
แต่งพระเพชรมงกุฎ แก่นไท้
ถวายแก่ราชบุตร อิศเรศ
โดยนิยมซึ่งได้ เรื่องรู้โบราณ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ