โคลงนิราศวัดรวก

ร่าย

๏ ศรีสฤทธิสมภพ นบทศนัชชุลี เหนือศีรุตมเพฐน์ ตั้งอุเทศพิสุทธิ์ โดยดุษฎีนิยม บังคมยุคลบท บงกชเรณูบาท บรมนาถโลกาจารย์ โอฬารลักษณเลิศ ประเสริฐสรรพคุณ สุนทรพิเศษ ธรรมุเทศปริยาย อธิบายอรรถพิถาร แนะนิพพานมรรคา พาผองชคัตสัตว์ จัดพิถีอันชอบ มอบให้ซึ่งความสุข ปลุกใจสัตว์ให้ตื่น รื่นกระมลสำราญ นมัสการอริยสงฆ์ อัษฎงคเพไนย ไกลราคอริมาร มีญาณยิ่งด้วยเพียร จิตเสถียรโดยตรง ธำรงศีลบริสุทธิ์ โดยพุทธพิธี มีมนินทรีย์ทรมาน สามสิ่งปานรัตนแว่น ส่องแผ่นภพให้แผ้ว แล้วด้วยคุณูดม ขอบังคมยุคลบาท ดิลกราชนฤบดินทร์ มหินทราธิคุณ สุนทโรดมมหันต์ จรรโลงภพพิสุทธิ์ ทรงคุณุตโมฬาร ถ้วนสถานทุกประเทศ ยินพระเดชเกรงสยอง จองมนะเคารพ นบถวายสุพรรณมาลย์ กรานศิรเกศน้อม ทั่วทุกหน้าพร้อม ห่อนค้างขวบปี หนึ่งนา ฯ

๏ กฤษฎางค์ชุลิตน้อม นอบกร
ถวายทศนัขบวร หว่างเกล้า
สามส่วนสถาพร พิริยภาพ เพ็ญแฮ
ควรอนุสร์ค่ำเช้า แช่มช้อยชื่นกระมล ฯ
๏ นบจอมมกุฎเกล้า โลกา จารย์เอย
สามภพพระคุณปรา กฏล้ำ
กินนรนาคมนุษย์ทา นพแทตย์
อากาศสัตว์สถลน้ำ นอบเกล้าสรรเสริญ ฯ
๏ นบธรรมแปดหมื่นทั้ง สี่พัน
คือพระปริยัติธรร โมทย์แท้
เสนาะโสตกล่อมใจสรร พสัตว์เสพย์ สุขฮา
แจ่มกระจ่างจิตแก้ เคลือบเคลิ้มกังขา ฯ
๏ คุณพระยิ่งแว่นแก้ว เถกิงตรี โลกเฮย
สว่างยิ่งแสงสหัสสี ส่องฟ้า
ขนสัตว์ค่ามโอฆีย์ คตฝั่ง เกษมแฮ
ตลบตลอดเลอหล้า เลิศล้ำเหลือแสดง ฯ
๏ นบอัษฎาริยแผ้ว พูนเสถียร
ศราพกพุทธพงศ์เพียร เพียบลํ้า
ดัดจิตผจงเจียร จากราค ร้อนแฮ
ผดุงพุทธศาสน์ค้ำ คัดขึ้นควรชม ฯ
๏ สามรัตนยิ่งรัตน์โพ้น พรรณนา
สามภพแผ้วอาภา ผ่องพื้น
ควรสัตว์จักคัณหา อนุสร์ แน่แฮ
พากย์ลึกยิ่งลึกตื้น ยิ่งตื้นตามประสงค์ ฯ
๏ น้อมบาทอิศวเรศไท้ ธรณินทร์
ดิลกอโยธย์โบรินทร์ รุ่งเร้า
จรรโลงภพปรถพิน สมภพ ยิ่งแฮ
ถวัลยราชร่มเกล้า ราษฎร์ล้วนทวยผอง ฯ
๏ เรืองพระเกียรดิรุ่งเร้า ดินบน
พระยศพระจบสกล เกริกพื้น
พระคุณพระแผ่ผล เผยสุข เกษมแฮ
พระเดชพระเฟื่องฟื้น ฟ่องฟุ้งฟูขจร ฯ
๏ พระคุณพระยิ่งลํ้า เลอสรรค์
ขจบขจรบรร เจิดหล้า
ควรส่ำราษฎรสรร เสริญเพิ่ม ยศแฮ
ขอพระชนม์พระคู่ฟ้า ยศฟุ้งเฟื่องฉเมนท์ ฯ
๏ พระเดชพระปกป้อง ปัดเข็ญ
ทุกประเทศสถิตเย็น ค่ำเช้า
พระคุณพระใหญ่เป็น ธิปัติโลก เฉลิมแฮ
แผ่สุขเสกเทริดเกล้า ราษฎร์สิ้นแสนเกษม ฯ
๏ มวลหมู่อมิตรม้วย มอดมรณ์
ทั่วส่ำด้าวดัสกร แก่นแกล้ว
สดับพระเดชเกรงสยอน สยบพักตร์ พ่ายแฮ
น้อมหิรัญมาศแก้ว เกศก้มกรถวาย ฯ
๏ ควรเทพแปดทิศซ้อง สรรเสริญ พระนา
อวยสวัสดิยศเพลิน เพลิดลํ้า
ข้อยขอสิริเจริญ จิรสุข เกษมแฮ
บำราศอริอย่ากลํ้า เกลือกใกล้เกลื่อนเข็ญ ฯ
๏ ชมพรทุกเทพท้าว เทวา ทั่วเฮย
จัตุรคุณโอฬา ริกไซร้
พำนักเกิดก่อกา ยายิ่ง ใหญ่แฮ
ขอจุ่งอวยสวัสดิ์ให้ ผ่องพ้นภัยกษัย ฯ
๏ ชัยชัยรัตนแผ้ว เพ็ญพูน เพิ่มแฮ
เดชเดชขัตติยาดูร ดับร้อน
คุณคุณยิ่งคุณปูน ใดเปรียบ เสมอฤๅ
สุขยิ่งสุขเพิ่มซ้อน สวัสดิ์พู้นพรรณนา ฯ
๏ ร่ำเริ่มพจนพร้อง พรขอ
ร่ำพระคุณฤๅพอ ผ่อนบ้าง
ร่ำทั่วทุกเทพยอ กรยก ไหว้แฮ
ร่ำโศกเริ่มเศร้าร้าง เริศไร้รัญจวน ฯ
๏ ร่ำปางจากถ้าวัด รวกขนาน นามนา
พิลาปสลดจิตปานฺ ป่วยปิ้ม
กำสรวลเสนาะสนั่นสาร สั่งเสน่ห์ นางแฮ
ทรวงเจ็บเพียงศรจิ้ม จ่อไส้เสียดสมอง ฯ
๏ อกเอยอกจากเมื้อ ใดกลับ เล่านา
ตั้งแต่จะเลยลับ ล่วงแล้ว
โออกจะนานนับ วันห่าง
สายเนตรสองเนตรแพร้ว พรั่งน้ำตาคลอ ฯ
๏ จำลาท่าอุทกโอ้ อาลัย ยิ่งนา
ท่าจะลับล่วงไกล กลับช้า
สงสารเพื่อนเรือใน แนวท่า จอดแฮ
ลาเพื่อนจำลาถ้า อุทกร้างแรมจร ฯ
๏ ผ่าวผ่าวดวงมนัสร้อน รมสกนธ์
กายจากจิตกังวล วาบว้า
โหกห่วงกระโหยหน หวนสวาดิ
ผิวเผือดสลดหน้า ซบเศร้ากำสรวล ฯ
๏ ท่าเอยเคยอาบโอ้ จักไกล
สินธุเยือกเย็นใส สะอาดลํ้า
แต่นี้จะอาบไหน อีกเล่า
พักตร์จะอาบแต่นํ้า เนตรเศร้าโทรมทรวง ฯ
๏ เล็งเพื่อนริมท่าท้อง ธารสินธุ์
ชลเนตรเรียมไหลริน ร่วงหน้า
ทบทอดฤทัยถวิล ถอนเทวษ วายฤๅ
รํ่าโศกเห็นจะช้า ไป่สิ้นทรวงกระสัน ฯ
๏ โอจวนสุริเยศเยื้อง ยาตรบด บ่ายแฮ
แสงอ่อนรังสีสลด เลื่อนฟ้า
ทรวงเรียมยิ่งรันทด ทุกข์ทอด ใจฮือ
ฉวยพัตราปิดหน้า ซับนํ้าเนตรพลาง ฯ
๏ จำใจจำเร่งให้ นายเกวียน เร็วแฮ
เทียมกระบือชำเนียน แนบขู้
ของบรรทุกเรือนเกวียน ดูเพียบ พูนแฮ
แต่ละนายล้วนผู้ ฉลาดใช้ชาญกระบือ ฯ
๏ นายเกวียนครั้นเสร็จแล้ว เตือนเรียม เร็วฮา
สดับศัพท์ฤดีเกรียม เทวษไห้
ป่วนปวดมโนเทียม วรรณโรค เจียวแม่
พลางจากนาเวศไคล้ คลาดถ้าถิ่นสินธุ์ท ฯ
๏ ลุเกวียนเรียมเร่งให้ เกวียนลี ลาศเฮย
ยลยุคล์กระบือพี ผ่องผู้
อวบอ้วนพลังมี มากยิ่ง
นายขับชำนาญรู้ รหัสใช้เชิงเกวียน ฯ
๏ เกวียนเอยเกวียนหนักด้วย ของบรร ทุกแฮ
เกวียนก็มีกงหัน หกกลิ้ง
ทรวงพี่หนักโศกศัลย์ สุดหนัก ยิ่งนอ
ยากจะผ่อนทุกข์ทิ้ง ทอดไว้ไหนดี ฯ
๏ ลุน่าวัดรวกแล้ว ลังเล จิตเฮย
ทรวงพี่สุดโลเล รักไร้
หลาวรวกสิบแสนเท แทงอก พี่ฮา
เจ็บไป่เท่าโศกไซร้ เสียดซ้ำทรวงเรียม ฯ
๏ น้อมถวายชุลิตนิ้ว นมัสการ
เคารพอาวาสสถาน ถิ่นนั้น
นึกคุณพระจอมญาณ ยอดภพ
ยอพระคุณพระกั้น คอยพ้นภัยกษัย ฯ
๏ ไพหารุโบสถล้อม กำแพง แก้วเฮย
แปดทิศสิมาแสดง เขตชี้
โอแต่โบสถ์ขันแขง เขื่อนรอบ บังแฮ
นุชพี่อยู่เรือนนี้ จักได้ใดบัง ฯ
๏ เดชกุศลแห่งข้า นมัสการ
โดยกระมลใสสานต์ สุทธพร้อม
ขอส่วนกุศลจาน เจือส่ง เกษมแฮ
ป้องนุชอยู่เรือนห้อม อย่าให้ภัยพาน ฯ
๏ เสร็จลาวัดรวกร้าง รีบจร
สู่เขตมรรคันดร ทุ่งกว้าง
ลิ่วลับสุดาสมร มามาก แล้วแม่
อกพี่โออ้างว้าง เทวษว้าเหวใจ ฯ
๏ ยลเพื่อนพาหนะพ้อง พูนเกษม
สนุกสนานปรีด์เปรม ปริ่มพริ้ม
เรียมนึกคะนึงเอม โอชรส รักแฮ
จิตวิโยคจำแย้ม พักตร์แก้กันเขิน ฯ
๏ โฉมเอยโฉมนุชเจ้า สายใจ พี่ฮา
เรียมนิราศรักไกล เนิ่นแล้ว
ปานนี้นุชเป็นโฉน ยังห่อน ทราบเฮย
ใครจะถนอมแนบแก้ว กกน้องนอนหนอ ฯ
๏ ออกลุทุ่งว้าง วังเวง ยิ่งเฮย
ลิบลิบตลอดเลง ลิ่วลิ้ว
นึกว่าเพี่อกรรมเพรง จำพราก มานา
จิตสะดุ้งริ่วริ้ว เร่งเร้ารนถวิล ฯ
๏ ลุทุ่งบงฝุ่นฟุ้ง ฟูปลิว
พายพัดกระพือทิว ย่าโย้
เสนาะสนั่นหวิวหวิว โสตแว่ว
ฟังยิ่งวังเวงโอ้ อกชํ้าชวนกระสัน ฯ
๏ ยลเกวียนเกวียนไกว่ล้อ แลหมุน กงเฮย
กลิ้งตลบหลุนหลุน ฟัดเฟ้น
สงสารกระบือซุน ศอหนัก แอกโอย
ทรวงพี่หนักโศกเน้น แน่นซ้อนสุดขยาย ฯ
๏ ยลทุ่งเห็นทุ่งแห้ง หาชล ยากฮา
ทุ่งแยกระแหงสกล กอกก้อน
ตฤณชาติเฉกลน เพลิงสลด สลึกแฮ
ทรวงพี่โอสุดร้อน ยิ่งร้อนแสงสูริย์ ฯ
๏ เรียมรีบจรเร่งเต้า ดาลกระสัน
ปางพี่จากฤๅทัน สั่งน้อง
คิดยิ่งคิดคะนึงขวัญ เนตรพี่
โฉมแม่เนาเรือนป้อง ป่านนี้เป็นไฉน ฯ
๏ เพรงไป่เคยจากเจ้า เสมอนา ทีเลย
อรวิบัตินี้คลา คลาดแก้ว
ขนิษฐ์นาฏอรยุพา เพ็ญพักตร์
ตั้งแต่จากนุชแล้ว พี่นี้ฤๅเสบย ฯ
๏ ครวญครวญจรลุลํ้า เลาทาง
ลุย่านศาลากลาง ทุ่งนั้น
นามสระประโคนปาง ก่อนชื่อ ชี้แฮ
ดูกระโซกระเซกั้น เก่าแล้วโกรงเกรง ฯ
๏ ศาลาเอยเก่าไร้ โรยรา
นุชพี่เอยร้างมา เนิ่นแล้ว
เวรเพรงพรากจำคลา คลาดสวาดิ
จิตไป่วายห่วงแก้ว เนตรน้องเนาหลัง ฯ
๏ ผองเพื่อนยุรยาตรย้าย ยลสนุก ยิ่งแฮ
อกพี่กรอมกรมทุกข์ ทับซ้ำ
ชลเนตรชโลมมุข หมองยิ่ง หมองนา
จิตเจ็บเจียนชีพกํ้า กึ่งม้วยมรณา ฯ
๏ บ่ายบทเบือนบาทเยื้อง ยาตรเทา
จำย่างยกเยาเยา ยาบย้าย
นึกนุชทุกลำเนา เนินพฤกษ์ ไพรแฮ
จิตป่วนปานคลั่งคล้าย เคลิบเคลิ้มจำคลา ฯ
๏ เรียมล่วงจรลิ่วลํ้า ลับนาง
โออกเราจำวาง นุชไว้
แต่เดียวอยู่เรือนลาง เห็นเหตุ เลยแม่
ทุกข์สุขเจ้าจักได้ เพื่อนน้องไหนหนอ ฯ
๏ ปานฉะนี้จักป่วยปิ้ม เป็นไฉน เล่านา
ฤๅจะเคร่าครวญใคร ปลอบบ้าง
โศกสุขจักกลใด ยังห่อน ทราบเอย
ตั้งแต่วันเรียมร้าง ไป่รู้วายตรอม ฯ
๏ ตรองตรึกนึกตรวจหน้า นุชใน ใจเอย
พักตร์แม่ผ่องจากไฝ ฟ่าแต้ม
ริมโอษฐ์นุชเพียงใบ กลีบกมุท มาศแฮ
ปรางเปล่งเป็นใยแย้ม ยั่วยิ้มยวนกระมล ฯ
๏ ตรมตรอมเกรียมจิตให้ โหยหิว
ทรวงพี่ป่วนปั่นหวิว วาบว้า
เหลือบหลังพบแต่ทิว ทุเมศ มากแฮ
อกพี่โอ้ห่างหน้า นุชแล้วไป่เห็น ฯ
๏ เรียมเซาซบพักตร์ก้ม จำจร
เหนื่อยร่างเหนื่อยราครอน รักไร้
กามก่อกอกอกชอน ชอกยิ่ง หนองนา
เจ็บโศกเสกเสมอใบ้ บอกแก้ความฝัน ฯ
๏ ปวงเพื่อนสะพรักพร้อม พรูเดิน
ยลสนุกสนานเพลิน เพลิดลํ้า
เรียมเดียวฤแดเขิน ขวยจิต
โศกไป่วายว่างน้ำ เนตรคล้อคลอสาย ฯ
๏ ยลทุ่งกลางทุ่งว้าง ไหวใจ
ลิบลิบระรำไร รกเรื้อ
ยลส่ำพิหคใน แนวทุ่ง
เขาคุ่มคับแคเจื้อ จาบร้องเริงเสียง ฯ
๏ ยางกรอกยางเจ่าจ้อง คอยหา เหยื่อแฮ
จับซุ่มเซิงพฤกษา ซอกซุ้ม
กระตั้วกระเต็นพา ระโดกกู่ คู่เฮย
ดุเหว่าติวิดลุ้ม เหยี่ยวไหล้บินหนี ฯ
๏ นกเอยอยู่ทุ่งกว้าง ยังมี เหยี่ยวแฮ
ปองลอบทำลายชี พิตได้
นุชพี่อยู่เอกี เจียวแม่
เกรงแต่ชู้จักใกล้ กล่อมน้องแนบถนอม ๆ
๏ ใจนุชฝากนุชไว้ กลางใจ ด้วยแม่
ดีชั่วฤๅเช่นไหน ย่อมรู้
ฤๅนุชจะเอาใจ จากพี่ เล่าแม่
สุดแต่บุญกรรมขู้ ซ่างแล้วคงตรง ฯ
๏ เรียมจรล่วงทุ่งแล้ว แลลับ เล่านา
จวนสุริยอัสดงดับ แด่นฟ้า
มืดเมฆชมัวอับ อากาศ
จวบลุบางโขมดอ้า อกโอ้อาดูร ฯ
๏ ลุบางโขมดมืดสิ้น แสงสูริย์
เกรงโขมดจักพายูร ยั่วเหล้น
เรียมตกประหม่าพูน เพิ่มเทวษ ยิ่งแฮ
จิตพี่ตึกตึกเต้น ผ่าวร้อนรนทรวง ฯ
๏ บางโขมดกลัวโขมดโอ้ จักหลอน หลอกฤๅ
โขมดช่วยพาเรียมจร จวบน้อง
พอทราบเหตุแห่งสมร สักน่อย เถิดนอ
นุชจะเนานิทรห้อง แห่งนั้นฤๅไฉน ฯ
๏ โขมดเอยฟังค่อยง้อ งอนวิง วอนแฮ
ฤๅม่าห์โขมดไป่สิง ทุ่งนี้
โขมดบอกโดยจริง อย่าหลอก เลยพ่อ
นุชพี่มาจุ่งชี้ ช่วยแจ้งความศัลย์ ฯ
๏ ว่าเรียมล่วงทุ่งล้ำ ลำเนา เนินแฮ
ทรวงพี่เพียบโศกเซา ซบเซ้า
รํ่ารักห่อนลืมเยาว์ ยอดเสน่ห์ เลยแม่
โขมดอย่าลืมเราเร้า ร่ำซ้ำสั่งสาร ฯ
๏ สั่งเสน่ห์โขมดแล้ว ลีลา
พร้อมพวกจรนต์จรา รีบเต้า
สู่ละแวกวิถีกา นนทุเรศ
พอสุริยอัสดงเก้า ล่วงฟ้าฟากโพยมฯ
๏ เล็งดวงสุริเยศแปล้ ปลาบสาย เนตรนา
ยิบยิบระย่อปลาย พฤกษ์พร้อย
เพียงพรรณทับทิมราย ราวป่า
งามเงื่อนแพรสีห้อย บ่าน้องเสนอโฉม ฯ
๏ รอนรอนจวนลับไม้ รำไร
เลื่อนลิ่วเหลี่ยมไศล ลับฟ้า
สุริยจากโลกไป ปาตกลับ คืนแฮ
เรียมนิราศนุชหน้า หนี่งน้องนานเห็น ฯ
๏ ค่ำฝูงวิหคเข้า คืนรัง
นิทรร่วมภิรมย์หวัง วาสขู้
เรียมบำราศนุชยัง นานกลับ คืนแม่
ฤๅห่อนจักได้รู้ ร่วมน้องวันไหน ฯ
๏ ฝูงนกแนบนิทรไม้ นานา
เขาคุ่มขาบกระสา แสกไสร้
ทิ้งทูดกระทากา ลิงแขก เต้าแฮ
บ้างจับบ้างจิกไซร้ ปีกซ้องเสยขน ฯ
๏ ดุเหว่ามยุเรศแก้ว โกญจา
ตีวิดตระเวนหา เหตุร้อง
กรอดกรอดระวังอา รญร้ำ ร้องแฮ
เสนาะสนั่นนกก้อง เกาะไม้รายวัง ฯ
๏ สิ้นแสงสุริเยศคลุ้ม ไพรชมัว มืดแฮ
มวลเมฆขมุกขมัว หมอกชอุ้ม
โพล้เพล้พลบเรียมกลัว ใจสั่น เสียวแฮ
เจริญพระพุทธมนต์กลุ้ม กล่าวเพ้อเพื่อนตน ฯ
๏ นางชะนีเหนี่ยวไม้ โหยครวญ ฯ
วิเวกวะหวิวหวน โหกไห้
เสียงเย็นวิโยคยวน เยือกจิต จริงแม่
ฟังละห้อยใจไคล้ นุชร้องวอนเรียม ฯ
๏ ชะนีไฉนรํ่าร้อง เรียกผัว
วอนสวาดิฤๅกลัว บอกบ้าง
ฤๅว่าพลัดอยู่ตัว เดียวแม่ กูเอย
ชะนีกับอกเรียมร้าง รักไคล้เช่นกัน ฯ
๏ ชะนีโหยอกพี่ไห้ หานาง
พิลาปสลดจิตหมาง ม่อยม้วย
จรบรรจวบลุกลาง ดงดึก แล้วแม่
เรียมไป่วายนึกสร้อย สวาดิน้องเนาหลัง ฯ
๏ ยามดึกเดือนเด่นฟ้า แฝงโพยม
นึกสมรแมกโฉม ฉากกั้น
เรียมลอบมาลักโลม เผดิมฤกษ์ รักแฮ
นุชประหม่าเรียมนั้น นึกแล้วฤๅลืม ฯ
๏ ดาวเดือนระดับพื้น นภา
โอภาสผ่องเพหา พร่างพร้อย
นึกวันฤกษ์ววาห์ เรียมร่วม สวาดิแฮ
โคมจุดตรูระย้าย้อย แต่งห้องแขวนหอ ฯ
๏ ปางนี้เรียมจักได้ ชมใด เล่านา
ยลแต่ดวงแขไข ขอบฟ้า
ชมดาวประดับใน อากาศ เทอญพ่อ
ชมแต่เดือนแทนหน้า หนุ่มน้องคราวจน ฯ
๏ ดูเดือนยามด่วนโอ้ อาทร
โฉมแม่พักตร์เพ็ญสมร มิ่งเจ้า
แม่จักนับเดือนทอน ทุกค่ำ คืนเฮย
ฤๅจะละลืมเศร้า สุขด้วยใครไฉน ฯ
๏ เรียมคิดทุกถิ่นเมื้อ มรรคา
จักสืบจักสื่อหา ข่าวน้อง
ด้วยเรียมทุราทา เรศเนิ่น แล้วแม่
ยังไป่ทราบเหตุซ้อง สักน้อยในสมร ฯ
๏ เรียมดลแดนถิ่นนี้ นามขยาย กล่าวแฮ
เรียกชื่อบ้านไร่ราย รกรื้อ
ศาลาบอกชื่อหมาย มารคระยะ ทางนา
ไร่จักหาของซื้อ สิ่งน้อยฤๅมี ฯ
๏ เรียมเลยไป่อาจเข้า ถามของ
เกรงว่าพวกไร่จอง จับไว้
เพราะว่ามืดจักมอง ทางยาก ยิ่งนา
เรียมรีบจากไร่ไคล้ คลาดด้วยโดยพลัน ฯ
๏ บ้านไร่ชาวไร่ร้าง แรมนาน
ยังแต่ซากไร่ขนาน ชื่อรู้
นุชพี่อยู่เรือนชาน หลังโดด เดียวแม่
ฤๅจะสมชู้ชู้ สละแล้วเรียมคืน ฯ
๏ ยิ่งนึกยิ่งแปลกนํ้า ใจจริง
สามสิบสองกลหญิง ยากแท้
หากว่าเช่นนี้จริง จักเจ็บ ยิ่งนา
ผิดก็กลกลแก้ ต่อด้วยกลนาง ฯ
๏ คิดจนจรล่วงลํ้า ลำเนา ทางเฮย
ยังไป่วายคะนึงเสา วณิตน้อง
ผิวยอดยุพเยาว์ เสน่ห์พี่ มาฮา
คงจะพาเรียมซ้อง สนุกด้วยดูไพรฯ
๏ อกเอยอนาถโอ้ เอกา กายเอย
เห็นแต่ไพรพฤกษา ซอกซุ้ม
แสงจันทร์กระจ่างอา กาศผ่อง แผ้วแฮ
เงากาศทงุ่มงุ้ม พี่ชะเง้อหานาง ฯ
๏ หมายสมรจักแมกไม้ มาคอย เรียมฤๅ
จิตหวาดผวาถอย ถดถ้า
พบแต่พฤกษ์ไพรดอย แดนชัฏ
เสียวสลดลดหน้า นิ่งแล้วเลยจร ฯ
๏ ลุศาลาใหม่ชี้ นามศัพท์ เสนอแฮ
ใหม่ชื่อศาลายับ โยกโย้
ระเบียงฝาฟากพื้นปรับ เปรียบปลวก กินฤๅ
ยังแต่ต้นเสาโอ้ ปักไว้วังเวง ฯ
๏ ศาลาเสาแก่นตั้ง ติดดิน
โอไป่ควรปลวกกิน กัดได้
นุชพี่จักควรถวิล หวังห่วง เสน่ห์นอ
เรียมก็ไกลใช่ใกล้ เกลือกชู้ชิงสงวน ฯ
๏ เป็นห่วงเหตุห่างห้อง นางนาน
ฤๅว่าชายลอบสมาน มั่งแล้ว
ใครเลยจักเอาภาร พิทักษ์เสน่ห์ เรานา
ใจพี่ฝากใจแก้ว เนตรไว้หว่างใจ ฯ
๏ บุญโทพิทักษ์เกื้อ กันมา
กอปรก่อเสนหา ร่วมห้อง
เผด็จไพรุบัติพา เหียรห่าง ยิ่งแฮ
ผดุงอนุชไว้ต้อง แต่ข้อยคู่ถนอม ฯ
๏ รํ่าพลางเร่งเพื่อนให้ รีบเดิน
ในพนัสผลูเถิน ถิ่นกว้าง
แจร่มแสงศศิเจริญ ราวป่า
อกพี่ว้าเหว่ว้าง เทวษเพี้ยงผุยผง ฯ
๏ อ้าอรอุ่นอกโอ้ เรียมมา
ลิบลับจักเหลือบหา แห่งบ้าน
พอสั่งเสน่ห์สารทา เรศอยู่ หลังแฮ
พบแต่หมู่ไม้ก้าน กิ่งต้นเต็มผลู ฯ
๏ มืดค่ำเรียมไป่รู้ ยลใด เล่านา
ถนัดแต่กอไผ่ไสว วาบว้า
ไผ่โยกยอดไผ่ไกว ลำเบียด ดังแฮ
ซอไผ่เพียงซอท้า เอกทุ้มทำนอง ฯ
๏ เรียมงงชะงักยั้ง ฟังศัพท์
นึกแม่สาวเสน่ห์ขับ กล่อมห้อง
วันวิวาห์เรียมรับ นุชร่วม หอแฮ
เรียมนิทรแนบน้อง สนิทเนื้อเหนือเตียง ฯ
๏ บงบัตรระเบียบไม้ รายทาง
ถนัดเมื่อศศิสาง ส่องพื้น
กิ่งก่ายระกะกาง กลดัด ดีเฮย
รุกขชาติไม้ชื้น พี่ซ้ำทรวงตรอม ฯ
๏ บรรลุบ่อโศกโอ้ อกกรม
แสนบ่อโศกฤๅสม โศกร้าง
บ่อเอยบ่อโศกระทม ทุกข์โศก ใดนา
วานบ่อบอกโศกบ้าง บ่อเศร้าโศกไฉน ฯ
๏ บ่อโศกนามย่านนี้ โศกนัก
บ่อโศกเสมอจัก ขาดน้ำ
เรียมบำราศรักหนัก อกโศก ยิ่งนา
ถนัดบ่อโศกโศกซ้ำ โศกซ้อนเสียดทรวง ฯ
๏ บ่อโศกต้นโศกครึ้ม ครึมเครือ
คลุมบ่อ บ ได้เหลือ ลับลี้
โศกบ่อโศกต้นเจือ เจ็บโศก เรียมฮา
สามโศกถนัดชี้ เช่นช้ำทรวงเรียม ฯ
๏ เห็นโศกใครโค่นต้น ตัดใบ
ฤๅว่าโศกใครไข ข่าวแจ้ง
เรียมนึกโศกกลางใจ ระลึกจาก เจ้านา
กลกับกิ่งโศกแห้ง หักค้างจำตาย ฯ
๏ เรียมโศกจากนุชแล้ว ฤๅพอ
ยังเพิ่มพบโศกกอ กิ่งร้าง
โศกตายติดแต่ตอ ตัดท่อน ทิ้งเฮย
ดุจพี่เด็ดโศกคว้าง คว่างไว้ไกลตา ฯ
๏ วังเวงสวาดิโอ้ อาทวา
นึกอนาถขนิษฐา ทอดไว้
จากอรแอบอกอา ดูรพี่ วายฤๅ
ระลึกระลวงลานให้ โหกเพี้ยงวายปราณ ฯ
๏ รีบจากบ่อโศกไคล้ คลาเดิน
นึกอกเรียมแรมเหิน ห่างน้อง
ขวัญเนตรแม่เคยเชิญ ชวนพี่ เพื่อนฮา
เคยประคองเข้าห้อง ทุกเมื้อยามนอน ฯ
๏ เรียมมาจรล่วงลํ้า ลำเนา เนินเฮย
เซียบสงัดหงิมเหงา เงียบพื้น
ทรวงพี่ยิ่งกำเดา ดาลเทวษ วายฤๅ
บงแต่ใบไม้ครื้น ครึ่มต้นเต็มไพร ฯ
๏ พอดลดงโอบโอ้ จวนดึก
เล็งละแวกวลีพฤกษ์ พรั่งต้น
ดามเฌอชัฏอธึก ทุมชาติ ชุมแฮ
เรียมตะลึงแลค้น คู่สร้างสาวสมร ฯ
๏ ดงโอบนามกล่าวอ้าง อธิบาย
นึกพี่เคยโอบสาย สวาดิเคล้า
นุชเคืองข่วนกายราย รอยเล็บ มีแม่
โกรธว่าพี่หยอกเย้า หยิกให้หนำใจ ฯ
๏ ยามแอบเคยโอบโอ้ อาลิงค์ โลมแฮ
กรปัดป้องกระบวนหญิง ยั่วชู้
รมย์รสร่วมรักจริง ใจนุช ชอบนา
เรียมนึกตระหนักรู้ รสน้องในใจ ฯ
๏ ใดเรียมเคยโอบน้อง เนาตัก
ผจงเสน่ห์นางผลัก พลิกแค้น
นึกยังอุ่นกรหนัก เพลาพี่ เจียวแม่
กลิ่นแม่ยังติดแม้น เมื่อครั้งวันสงวน ฯ
๏ กลางดงประดาษโอ้ อกเรา
เล็งลดาทอดเถา โอบไม้
สนมสนิทกลมเกลา เกลียวแน่น
กลกับเรียมร่วมใกล้ กล่อมอุ้มโอบนาง ฯ
๏ ดงโอบจักโอบอุ้ม แอบใคร เล่านา
ถนัดทุมาลย์หมู่ไสว ว่างว้าง
เสนาะจักรจั่นไพร เพรียกยอด ยางเอย
เสียงสนั่นดงกว้าง เพรียกก้องกลางไพร ฯ
๏ เรไรระเรื่อยร้อง รัญจวน จิตเอย
หริ่งหริ่งระรี่หวน แหบร้อง
ฟังจบกระมลยวน ยิ่งยิ่ง เสนาะนา
แซ่ศัพท์ลองไนก้อง กึกพื้นเพียบพนา ฯ
๏ สรรพสัตว์ศัพท์แซ่ซ้อง สำเนียง
จังหรีดกรีดเกริ่นเสียง ซอกซุ้ม
เรียมสดับหมอบเมียง มองแมก ไม้นา
นึกนุชแอบสุมทุ้ม ถนัดร้องเรียกเรียม ฯ
๏ กำเดาแดด่วนไคล้ คลาจร
แสนโศกคะนึงสมร แมกเนื้อ
เจ็บจิตยิ่งหนามชอน ไชอก เรียมเอย
เรียมแต่บำราศเรื้อ รักร้างฤๅเสบย ฯ
๏ โอ้สายสุนทรยอดสร้อย สงสาร พี่เอย
ทาเรศรัตนดวงมาลย์ มิ่งแม้น
อัปสรรูปฤๅปาน โฉมนุช หนึ่งนา
บำราศนุชเรียมแค้น คิดแล้วเคืองเวร ฯ
๏ รวยรสบุปผชาติชื้น ชายดง
มลุลีกาหลง เกดแก้ว
สายหยุดประยงค์ชง โคกลิ่น ตลบแฮ
ปีบป่ากล้วยเต่าแต้ว ดอกช้อยชูผกา ฯ
๏ กล้วยไม้อังกาบอ้อย อิพภ์ไพร
บุนนาคลำดวนไสว หว่างฟื้น
ส่งกลิ่นตลบใน แนวป่า
กลรสประทิ่นชื้น ชุบผ้าห่มสมร ฯ
๏ บุปผาเผยกลิ่นฟุ้ง ตามลม
เฉกรสสุคนธฉม ฉาบหน้า
ระลุงระลึกลาญตรม ตรอมเสน่ห์ นางเอย
กลกับกลิ่นสไบผ้า ร่ำน้องหอมระเหย ฯ
๏ ทองกวาวบานกลีบต้อง แสงเดือน
สีสดสะอาดเหมือน แสดผ้า
สบจักษุเสกเตือน ตึกพเนก นองแฮ
ลานตะลึงระลึกหน้า นุชแล้วขวัญหาย ฯ
๏ คิดนุชทุกย่านย้าย ยาตรทาง
ตลอดวิถีฤๅขนาง หน่ายน้อง
กรานเกริ่นกระโหยกลาง ดงโดด เดียวแม่
เคืองแต่เวรใดต้อง จากเจ้าจรฉงาย ฯ
๏ ดลศาลาชื่อเจ้า เณรนาม เสนอแฮ
เรียมคิดฉงนถาม เหตุพร้อง
เขากล่าวแสดงความ เพรงเล่า มาแม่
ว่าพยัคฆ์ตัวใหญ่จ้อง ขบคั้นกินเณร ฯ
๏ สงสารเณรชีพม้วย มรณา
แสนอนาถหนักหนา นึกบ้าง
เออเณรไป่ควรพาฬ์ พยัคฆ์ขบ เคี้ยวฤๅ
นึกว่ากรรมก่อนสร้าง สิ่งนี้หนอเณร ฯ
๏ เณรเอยเสือฆาตคั้น จำตาย
พ่ออย่าเสียใจหมาย ภาคหน้า
นึกปริตยาคกาย แก่พยัคฆ์ เทอญพ่อ
โอแต่ตัวของข้า ไป่รู้วันตาย ฯ
๏ ชลาเอยไป่คิดบ้าง เวรกรรม ไรฤๅ
ขบฆ่าคาบเณรสำ เหนียกรู้
ฤๅไป่ทราบจึ่งทำ ประทุษโทษ ท่านแฮ
ฤๅว่าเณรนั้นผู้ ประมาทแล้วจึ่งทำ ฯ
๏ แต่เณรศีลสิบป้อง ปกกาย
พาฬพยัคฆ์ยังหมาย ภักษ์ได้
นุชพี่อยู่เกรงชาย จักลอบ โลมแฮ
แม่จุ่งครองสัตย์ไว้ สวาดิถ้าเรียมถึง ฯ
๏ จากระยะย่านนั้น โดยพลัน
เสียวสุดกำดัดศัลย์ โศกช้ำ
นึกนุชทุกแนวมรร คาย่าง เจียวแม่
พักตร์พี่เปี่ยมเปียกนํ้า เนตรเยิ้มย้อยผลู ฯ
๏ พักตร์พี่เป็นคราบนํ้า เนตรกรัง
ลาญระลึกอาลัยหลัง พิลาปไห้
ห่วงสร้อยสุมาลย์บัง อรอยู่ เดียวแม่
เรียมไป่อาจจักไว้ จิตด้วยใครถนอม ฯ
๏ โอนุชจักเหน่อเนื้อ นิทรา
แม่จะเคร่าครวญหา โหกสะอื้น
คิดคิดยิ่งแค้นอา รมณ์เจ็บ ยิ่งแฮ
ยามดึกแม่จักฟื้น ฝ่านํ้าตาครวญ ฯ
๏ เรียมล่วงจรลิ่วแล้ว ลาญแด
นึกแม่พักตร์เพ็ญแข แข่งหน้า
เล็งตลอดผลูแล ระลวงเทวษ วายฤๅ
เห็นแต่ป่ากับฟ้า ฝ่ายน้องไป่เห็น ฯ
๏ ลุศาลาหนึ่งชี้ นามา
ขนานชื่อสิบบาทปรา กฏแจ้ง
ความเล่าคดีอา การเหตุ ต้นเฮย
หญิงหนุ่มผู้หนึ่งแย้ง ยั่วเถ้าชายพนัน ฯ
๏ เดิมมีต้นข่างข้า คบสุด สูงแฮ
หญิงหนุ่มว่าหากบุรุษ ร่างเถ้า
ขึ้นตลอดเสมอคุดร์ คบกิ่ง นั้นพ่อ
เราจักยอมยอบเข้า คู่ห้องแห่งสถาน ฯ
๏ ชายแก่หนึ่งนั่งนั้น ขานคำ
รับว่าเราจักทำ ตอบได้
ขึ้นเสร็จอย่าคืนสำ เนียงกล่าว นาแม่
หญิงปฏิญาณสัตย์ให้ แด่เถ้าชายชรา ฯ
๏ ชายแก่ปีนป่ายขึ้น ถึงคบ คางเฮย
แล้วเลื่อนลงดินปรบ หัตถ์ยิ้ม
หญิงสาวซ่อนตัวซบ พักตร์แอบ นิ่งแฮ
อายประหนึ่งจักปิ้ม แทรกพื้นภูมิสถาน ฯ
๏ เสียเงินสิบบาทให้ ชายชรา นั้นนา
ชื่อจึ่งปรากฏมา แต่นั้น
จริงเท็จสุดแต่วา จากล่าว เขาพ่อ
รอยว่าเหตุสิ่งซั้น สนัดนํ้าใจหญิง ฯ
๏ เรียมถามทราบเหตุแล้ว ฤๅรอ
เดินนึกนุชพี่หนอ เนิ่นแล้ว
ปานนี้แม่จักพอ วายเทวษ แล้วฤๅ
เรียมคิดทุกย่างแคล้ว ไป่รู้วายคะนึง ฯ
๏ เรียมมุ่งทุเมศไม้ มองหา
ทุกพุ่มเพิงพนา เวศค้น
อรอัครพนิดา ดวงสวาดิ เดียวแฮ
ถนัดแต่พฤกษาต้น เกลื่อนพื้นเพียบผลู ฯ
๏ มาลิศมะลิเลื้อย เครือวัลย์
กลิ่นตลบวนาสัณห์ ซาบฟุ้ง
รวยรสระรื่นรัญ จวนจิต
หวาดว่านุชเนาคุ้ง เขตนี้คอยเรียม ฯ
๏ หอมมะลิมาเลศสร้อย เสาวคนธ์
อวลอบขจรสถล ทั่วพื้น
ฉมกลิ่นบุปผากล กายกลิ่น นุชนา
ปรางแม่ประแป้งชื้น แชล่มหน้านวลผิว ฯ
๏ ปานฉะนี้แม่จักเศร้า ทรวงตรอม
ปรางประทิ่นเคยหอม หื่นห้อง
นับแต่จักมัวมอม หมองพักตร์ เผือดแม่
ฤๅจะห่อสไบป้อง ปิดหน้านอนศัลย์ ฯ
๏ ฉมกลิ่นการะเกดแก้ว กำจร
กลกลิ่นปรางสมร แม่นหน้า
ลำเจียกจรุงดอน ดงชัฏ ฉมแฮ
นึกกลิ่นสไบผ้า รํ่าน้องห่มหอม ฯ
๏ แพรอรอวลอบฟุ้ง ฟูอาย
ร่ำพัตราโฉมฉาย แช่มช้อย
ผจงกระแจะจันทน์ปราย ปรุงประ โปรยฤๅ
เรียมจากเจ้าจักห้อย บ่าให้ใครชม ฯ
๏ อกเอยเรียมจากเจ้า จำไกล
รอยว่าบาปเพรงไหน แน่สร้าง
ฤๅว่าเคราะห์ร้ายไร แรงดุ ยิ่งนาง
สนองเสน่ห์เนิ่นค้าง ค่ำเช้าช้ำทรวง ฯ
๏ แรมผลูทุเรศด้าว ดงดอน
จิตเจ็บเจียนคมศร เสียดเนื้อ
บำราศรักร้างจร ใจห่วง หลังฮา
หิวสวาดิอิ่มเอื้อ โศกซั้นทรวงหมอง ฯ
๏ นึกนุชทุกย่างเท้า ทางเดิน
บงฉมาไม้เหิน ห่างต้น
พยอมยางสลับเนิน แนวป่า
กลว่านุชเรียมพ้น เพื่อนชู้ชายปอง ฯ
๏ ลุนามดำแหน่งนั้น หนองคน ทีเฮย
เรียมผ่าวอุรารน รุ่มร้อน
เห็นหนองนึกแสวงชล ชุบอก เรียมฮา
ถนัดแต่สินธุข้อน ขุ่นแค้นกลางหนอง ฯ
๏ หนองขุ่นอุทกข้น ขาดแคลน
เรียมขุ่นกระมลแสน สุดชี้
สายชลขุ่นหนองแทน จิตพี่ ขุ่นแม่
น้ำจิตพี่ขุ่นนี้ ยิ่งน้ำกลางหนอง ฯ
๏ ชลเนตรเรียมรํ่าไห้ หากรอง ไว้ฤๅ
มากกว่านํ้าหนองสอง ส่วนได้
ชลเนตรประหนึ่งฟอง ชลพรรษ เสมอฤๅ
คลาดนุชกึ่งวันไคล้ คลาดเพี้ยง พ้นพรรษ์ ฯ
๏ ทุเรศบำราศสร้อย สงสาร สมรเอย
เรียมวิโยคจิตปาน ป่วยชํ้า
โอจะนับทิวานาน กลับสู่ สมแม่
ทรวงพี่โอจักกล้ำ เกลือกน้ำเนตรครวญ ฯ
๏ คิดแล้วยิ่งคิดลํ้า ลุนาง
โฉมแม่อยู่เดียวขนาง เนิ่นแล้ว
ฤๅเจ้าจักใจจาง จากพี่ แล้วแม่
ผิดคิดคอยเรียมแคล้ว คลาดน้องมานาน ฯ
๏ อกเอยอาภัพโอ้ อัปลักษณ์
บำราศกำลังรัก ร่วมน้อง
ยังไป่จากใจจัก ควรจาก แล้วฤๅ
นึกว่าเวรจำต้อง จากเจ้าจางใจ ฯ
๏ ป่านนี้ใครจักอุ้ม แอบนอน
เห็นแต่เพียงฟูกหมอน ม่านมุ้ง
ประตูช่วยขัดกลอน กล่อมนุช ด้วยนา
ถนอมกว่าเรียมจักคุ้ง ขวบเถ้าวันถึง ฯ
๏ เรียมตรอมกมเลศเพี้ยง ผอมผิว หนังเฮย
หวนโหกเสน่ห์หิว แหบไส้
หากว่าเลื่อนลมปลิว ปลอมเพศ ได้นอ
เรียมจักล่องลมไคล้ สู่ห้องแห่งสมร ฯ
๏ อายจิตคิดเปล่าโอ้ อกเย็น
เยือกพิโยคยามเข็ญ คับแค้น
เนื้อว่าเคราะห์คราวเป็น ปางเกิด กรรมนา
จากนุชน่อยหนึ่งแม้น สติม้วยมึนตน ฯ
๏ ลืมตนสติตั้ง เตือนใจ
กำสรดสุชลไหล หลั่งหน้า
กลืนอัสสุธาไร รันทด เทวษเอย
หวาดประหวั่นทรวงว้า เหว่ลํ้าลำเค็ญ ฯ
๏ โอโอเยาวลักษณ์สร้อย สงสาร พี่เฮย
เจ้าจักคอยเรียมขาน ข่าวถ้า
ห้องจะเยียบเย็นปาน ปูนป่า ชัฏแฮ
จะเสนาะแต่น้องอ้า โอษฐ์ร้องเรียกเรียม ฯ
๏ จักคอยทุกคํ่าเช้า เพรางาย
ยามเมื่อสิ้นสุริย์ฉาย ชืดฟ้า
กรแม่จักประคองชาย สไบเช็ด เนตรแฮ
แป้งจักลืมผัดหน้า เผือดเนื้อนวลฉวี ฯ
๏ ฝืนถวิลเทวษย้าย ยลพนา เวศเฮย
ตลอดพุ่มพนาหา แห่งค้น
แสวงแม่เอกอรทา เรศพี่
ถนัดแต่ลำไม้ต้น แต่น้องฤๅเห็น ฯ
๏ ลุทุ่งมรกตชี้ นามแดน ดงเฮย
เรียมนึกมรกตแหวน นุชก้อย
เคยใส่กรีดนิ้วแขน ขยับอ่อน ตรูแฮ
มรกตแสงนํ้าย้อย จับหน้านวลฉวี ฯ
๏ ปานนี้จักกรีดก้อย กรอใคร เล่านา
ฤๅจะแมกม่านไข ขัดเนื้อ
ผัดผิวผจงไร กันพักตร์
ทาประทิ่นธารเชื้อ ชุบนํ้าอบชโลม ฯ
๏ นึกโฉมวรรูปน้อง นงพาล พี่เอย
คิดเนตรจำสัณฐาน ถี่ถ้วน
เรียมตกตะลึงลาน ลืมหลับ เนตรแฮ
โฉมแม่โองามล้วน ระลึกแล้วลืมตน ฯ
๏ คิดโฉมอรแชล่มหน้า นวลติด ตาเฮย
ยามเมื่อเรียมร่วมสนิท แนบเน้น
นาสิกกลิ่นปรางชิด ฉมประทิ่น นางแฮ
โออกปานนี้เว้น ว่างว้างนานวัน ฯ
๏ ปานนี้ยุพเยศสร้อย สาวสนิท เรียมเอย
แม่จะเปลี่ยวเปลือยจิต จอดห้อง
จักหนาวเมื่อยามนิทร นวมห่ม หายฤๅ
ยามดึกเจ้าจักร้อง ร่ำไห้หาเรียม ฯ
๏ ใครเลยจักกกเนื้อ นางถนอม เล่านา
ดวงพักตร์จักผิดผอม เผือดเศร้า
นึกกลุ้มกลัดจิตตรอม ตรมเทวษ ยิ่งแฮ
เช้าค่ำคิดลุเจ้า ไป่รู้วันวาย ฯ
๏ คิดพลางเดินดุ่มย้าย ยาตรจร
ล่วงพนัสสิงขร เขตกว้าง
ลิ่วลับวนาดร ดงใหญ่ ยิ่งแฮ
เปลี่ยวอุระอ้างว้าง วิเวกว้าวังเวง ฯ
๏ ดลแดนเขาตกโอ้ อาดูร
ตกประหม่าเพียงสูญ สติม้วย
รอพรรคเพื่อนผลูยูร ยาตรหยุด พักแฮ
พลางตกตะลึงด้วย ระลึกน้องฤๅลืม ฯ
๏ ศาลเจ้าเขาตกตั้ง ริมไพร
ฤๅว่าเจ้าสิงไศล แหล่งนั้น
ศักดิ์สิทธิเกรียงไกร เกริกฤทธิ์ ยิ่งแฮ
ถ้วนทุกคนฦๅขรั้น คิดคร้ามครบสกนธ์ ฯ
๏ บัดเรียมชุลิตน้อม คำนบ
ถวายเครื่องสังเวยครบ สิ่งไหว้
บำบวงเทพเคารพ เรียมสุ จริตแฮ
เทียนธูปบุษป์เมี่ยงไม้ หมากพร้าวมินมางส์ ฯ
๏ อ้าเทพสถิตด้าว ดอยพนม นี้เฮย
เชิญรับบำบวงสม จิตข้า
เฉพาะพักตร์ภิรมย์บรม ดิเรกรส อร่อยแฮ
เชิญพิทักษ์ถ้วนหน้า ที่น้อมอัญชุลี ฯ
๏ อัญขยมชุลิตท้าว เทพา รักษ์แฮ
ขจัดแทตย์ทศริษยา พยศไร้
อีกพาฬมฤคในพนา เวศวัส นี้ฤๅ
ขจัดจุ่งไกลอย่าใกล้ เกลือกกลํ้าเกลื่อนสูญ ฯ
๏ ช่วยข้อยพิทักษ์ทั้ง ทวยผอง
มิตรญาติหญิงชายปอง ปกคุ้ม
อีกนุชหนึ่งข้าจอง จอดเสน่ห์ เล่านา
ขอเทพทุกสุมทุ้ม สถิตไม้มาระวัง ฯ
๏ นอบเจ้าเขาตกแล้ว ลาจร
รํ่าฝากสุดาสมร มิ่งแก้ว
กามแดเด็ดสวาดิรอน บำราศ รักนา
ทุกย่านระยะแคล้ว คลาดซ้องสั่งถวิล ฯ
๏ กลางดอยยามดึกโอ้ อกเรียม
สันโดษกำเดาเหนียม หนึ่งหน้า
เพลิงราครุ่มทรวงเกรียม กรอมเทวษ
เห็นแต่ป่ากับฟ้า ฝากเศร้าสู่สมร ฯ
๏ กำเดากำดัดซ้อง สุนทร เสนาะเฮย
สั่งเสน่ห์สิงขร เทพไท้
เชิญเสาวณิตเรียมวอน สวาดิสั่ง ด้วยฮา
รับสาสน์สังหรณ์ให้ เหตุน้องเนาหลัง ฯ
๏ กลางป่าเสียงโป่งกร้าว เกรียวไพร
เสียวเสนาะใจไหว วาบสิ้น
นางไม้ซุ่มเซิงไทร สูงเกริ่น เสียงแฮ
เรื่อยระริกรัวลิ้น เล่ห์ล้อหลอกหลอน ฯ
๏ ปีศาจครรชิตร้อง เริงคะนอง
แสยงสยดโรมสยอง เยือกสะท้าน
เสียวซาบเซ่นผมพอง เพียงสั่น กายเฮย
ล้วนแต่ดอยดงด้าน แด่นไม้มีผี ฯ
๏ โป่งกู่เสนาะก้อง โกลา
หวาดว่านุชกู่หา ร่ำไห้
โสตพี่เงียบสดับสา ราหยุด ยืนแฮ
เสนาะสนัดโสตไซร้ สุดเศร้าทรวงเสียว ฯ
๏ โป่งเอยวานโป่งบ้าง บอกความ น่อยนา
หากพธูโดยถาม ข่าวข้อย
ช่วยพร้องคดีงาม งอนอย่า พรางพ่อ
แนะยุบลเหตุถ้อย ถี่ชี้เชิญแถลง ฯ
๏ ว่าเรียมทุรัศลํ้า มรรคา
สารสั่งถวิลหา ห่อนเว้น
กำสรดสนั่นอา รญรํ่า รายฤๅ
ระลึกทุกหย่อมหญ้าเส้น สั่งสร้อยสารสมร ฯ
๏ กลางดงประดาษไร้ แรมนวล
กำดัดสวาดิทรามสงวน อยู่เหย้า
ป่วนปวดกระสันครวญ ครางคร่ำ
บำราศนิรารสเจ้า จิตเพี้ยงตรอมวาย ฯ
๏ ฉะนี้นุชจะเยือกเหย้า ยามนอน
ฤๅจะปัดบรรจฐรณ์ ทาบถ้า
นึกว่าพี่จักจร จวบเสน่ห์ ฤๅแม่
ฤๅจะยืนเยี่ยมหน้า ต่างห้องคอยเรียม ฯ
๏ ฤๅจะรุมกรรุ่มตั้ง ตีทรวง
กระศกกระสันหวง โหกเศร้า
ฤๅจะบ่งบงดวง เดือนต่าง พี่นา
ฤๅจะคอยทุกเช้า ค่ำแค้นลำเค็ญ ฯ
๏ เรียมสั่งเสน่ห์ไว้ กลางไพร
ทวยเทพลำเนาไศล แหล่งล้วน
บำบวงบุษปมาลัย ระลึกฝาก สมรแฮ
ขอเทพทุกถิ่นถ้วน พิทักษ์น้องเนาสถาน ฯ
๏ วอนฝากอัคเรศน้อง นางเดียว
เชิญเทพช่วยแลเหลียว เหลือบน้อย
ทรวงพี่สั่นเกรียวเกรียว กรอมเทวษ ยิ่งแฮ
เทพแทตย์เรียมสั่งถ้อย ทุกหน้าอย่าลืม ฯ
๏ สั่งแล้วจรลับเต้า ตามทาง
เลียบละเมาะเมินหมาง หมู่ไม้
เสนาะแต่ศัพท์สัตว์กลาง ราวป่า
แสนวิโยคยามไร้ รุ่มเร้าแรมจร ฯ
๏ ลิ่วลิ่วละล่งพื้น พนมดง
เล็งตลอดทางหลง หล่มแห้ง
ถนัดรอยอิพภ์กลางดง ดูดื่น ทางแฮ
ยลพิถีเถินแล้ง ระลึกแล้งทรวงตรอม ฯ
๏ เกรงโป่งปีศาจล้อ หลอกหลอน
แสยงพยัคฆ์เสขร ขบเคี้ยว
เกรงคชวรินทร ทางป่า เปลี่ยวแฮ
เกรงจักหลงทางเลี้ยว หลากล้ำเหลือกลัว ฯ
๏ หวั่นหวั่นสังเวชโอ้ อกเรา
ถนัดแต่แนวเนินเชา เพื่อนพ้อง
พร้อมพรรคผลูเทา ทางเถื่อน ทุเรศแฮ
ห่างพิมลพักตร์น้อง หนึ่งเพี้ยงมาเดียว ฯ
๏ ล่วงเนินพนัสนั้น มานาน
กำสรดกำสรวลสาร สั่งแส้
สุโนกเสนาะพนานต์ แนวพฤกษ์
หวนสวาดิสังเวชแท้ ทุกข์ท้อทนกรรม ฯ
๏ นึกโอกรรมก่อนได้ ดลสนอง เราฤๅ
บำราศรักเราสอง เสน่ห์ร้าง
โฉมนุชจุ่งจิตครอง สงวนร่าง เทอญแม่
เกลือกว่าบุญเราสร้าง มากแล้วคงสม ฯ
๏ ตริแล้วเรียมเร่งเร้ง ฤๅรอ
เดินดุ่มด่วนดาลศอ โศกแห้ง
ลุยังย่านสระยอ ระยะชื่อ ชี้แฮ
นามประเทศเยี่ยงแกล้ง กล่าวให้เรียมโหย ฯ
๏ สระยอใครยกตั้ง นามนาน แล้วฤๅ
ระลึกชื่อยอหวาน รสลิ้น
ใครชอบรสยอปาน ปนเล่ห์ หลงแฮ
อร่อยไป่รู้รสสิ้น ซากคุ้งขวบวาย ฯ
๏ ต้นยอยักอย่างใช้ ชอบขบวน
ดอกเด็ดดมสงวน ทัดเหล้น
ใบผลรากเปลือกควร คิดยัก ใช้แฮ
ยอต่อยออย่าเว้น วากไว้ระวังยอ ฯ
๏ ใครยอใครยกชื้น ชมยอ
เรียมนึกนุชพี่หนอ เนิ่นแล้ว
เกลือกใครเกลียดแกล้งยอ ยกย่อง ชายฤๅ
เห็นว่าโอจักแคล้ว คลาดเงื้อมมือเรียม ฯ
๏ สระยอนึกยั่นเพี้ยง ยอคำ คนเฮย
เกรงจะยอนุชถลำ ลุ่มลิ้น
สุดแล้วแต่บุญกรรม กอบซ่าง เทอญแม่
บาปส่งบุญสร้างสิ้น สิ่งนี้จำเป็น ฯ
๏ นึกนึกประเล่ห์เพี้ยง พูนกระสัน
โอว่าเวรใดทัน เทียบแท้
จึ่งทุเรศแรมขวัญ เนตรหนุ่ม น้อยนา
หากว่าชีพพี่แม้ ไป่ม้วยจักคืน ฯ
๏ เล็งสระเปี่ยมปริ่มล้น ตีรา
เฉกเนตรเรียมรํ่าหา โหกไห้
โทเนตรเนืองสุชลธา ราร่ำ รักแฮ
แสนสระน้ำฤๅได้ กึ่งนํ้าตาเรียม ฯ
๏ ถวิลจนจรล่วงแล้ว เลยมา
ลัดพุ่มพงพฤกษา ซอกพ้น
หลงละแวกมรรคา คมชัฏ ชื้อแฮ
ไป่คิดคืนหลังด้น สะดวกได้ดลทาง ฯ
๏ จวบลุยังสระนํ้า นามสาม เส้นเฮย
ลิบลิบชลาหลาม หลั่งไล้
ยาวเหยียดเยี่ยงสมนาม ขนานกล่าว เจียวแม่
เขื่อนขอบปักเขตไว้ หว่างเส้นสระศรี ฯ
๏ สาโรชวาเรศล้น เลอคัน ขอบเฮย
แสนส่วนชโลสรรพ์ สระนี้
ไป่กึ่งสุชลกัน แสงโศก เรียมแฮ
ถนัดเยี่ยงสระจักชี้ เช่นให้นุชเห็น ฯ
๏ เล็งสระระลึกสร้อย สระธาร
วันเมื่อร่วมวิวาห์สนาน ซัดนํ้า
เคยเคียงประคองพาน บุปผชาติ
ใส่คู่มงคลกํ้า กึ่งเกล้ากลางหอ ฯ
๏ คาบนี้เรียมปละเปลื้อง ปลิดใจ มาเอย
พักตร์แม่เพียงแขไข แข่งหน้า
ปานนี้จักเผือดใบ พักตร์แม่ มัวแม่
ฤๅจะผัดผิวถ้า ทุกเมื้อยามนอน ฯ
๏ เล็งนํ้ากลางสระเศร้า เสียใจ
ถวิลว่าสระสินธุ์ใส สะอาดล้ำ
เรียมอาบแอบนุชใน สระสนุก น้อยฤๅ
เบิกสะบัดสไบคํ้า คู่เต้าเต็มทรวง ฯ
๏ ระลึกละลานเล่ห์พลั้ง เผลอตน
เสื่อมสติตะลึงฉงน โงกเศร้า
ฝืนสติเตือนตน ยูรยาตร เหย่าแฮ
คิดทุกคืนค่ำเช้า ไป่เว้นวันตรอม ฯ
๏ จำใจจำยาตรเบื้อง บทจร
ทุกข์ทุรนทุรายถอน เทวษไห้
เจียนจิตขาดรอนรอน แรมร่าง เจียวแม่
โอเมื่อใดจักได้ สู่ห้องแห่งสมร ฯ
๏ อกเอยบรรลุท้าย พิกุล แล้วแฮ
ระลึกกลิ่นพิกุลฉุน ชื่นชื้น
ล่วงลุศิขรขุน ศีขเรศ แล้วแม่
ดลประตูป่าพื้น พนัสแผ้วผ่องกระมล ฯ
๏ ลุลานพุทธบาทโอ้ ยามสอง แล้วแม่
ชนสํ่านิกรผอง พวกไหว้
อึงเอ็ดสุรคะนอง เพลงเกริ่น เกรียวแฮ
แสงประทีปเทียนไต้ สว่างพื้นบริเวณ ฯ
๏ เรียมน้อมศิระตั้ง มนัส
ถวายชุลิตกระพุ่มหัตถ์ แช่มช้อย
พร้อมพาหนะทุรัศ จรดครู่ หนึ่งนา
ดึกสงัดนํ้าค้างย้อย หยัดหญ้าเย็นสยอง ฯ
๏ แล้วเลยลุย่านแคว้น นามขุน โขลนเฮย
พำนักผ่อนกระบือภุญช์ ภักษ์หญ้า
พร้อมพรรคคณะเพ็ญสุน ทเรศสุข เกษมแฮ
แจร่มศศิส่องฟ้า เฟื่องน้ำค้างพรม ฯ
๏ กรรหายโหกละห้อย โหยหา
ผองเพื่อนต่างนิทรา สนิทแล้ว
เรียมตื่นแต่เอกา กายเทวษ
ยลรัชนีกรแพร้ว พร่างจ้าแจร่มสี ฯ
๏ ดูดาวอาภัพเพี้ยง ทุรพล
ดกระดะดาษหน หบฟ้า
ชนชอบแต่เดือนดล ดวงหนึ่ง ไฉนนอ
นุชพี่เอยหนึ่งหน้า มากชู้ชายปอง ฯ
๏ บ่งบงจันทร์ใช่หน้า นวลจันทร์ พี่เฮย
จันทน์แม่บดเจิมขวัญ กลิ่นเกลี้ยง
รื่นจรุงรสสุคันธ์ ฆานชื่น ฉมแฮ
กลิ่นติดแต่วันเลี้ยง ร่วมน้องวันมา ฯ
๏ ยามดึกนํ้าค้างหยาด หยดโพยม
นึกเสน่ห์หนึ่งโฉม แช่มหน้า
ยามหนาวจักใครโลม เลียมสวาดิ เล่านา
หนาวจะห่มแต่ผ้า พ่วยมุ้งหมอนหนุน ฯ
๏ หนาวเหมุทกโอ้ อกอา ดูรเอย
ก่อนพี่นิทรขนิษฐา แนบเนื้อ
กายกกตระกองอา ลิงค์ลูบ โลมแฮ
อุ่นอุระยิ่งเชื้อ ถ่านร้อนแรงเพลิง ฯ
๏ ดึกเดือนกระดากด้าว ดับอา กาศเฮย
ดาวเลื่อนละเวหา ห่างคล้อย
เมฆกลุ้มกลบดารา รายกลีบ เกลื่อนแฮ
เวหาศหิโมย้อย เยือกหญ้าเย็นสยอง ฯ
๏ แจร่มประกายพรึกพร้อย พราวพราว
อากาศเปิดสีขาว ขอบฟ้า
โกกิละเกริ่นไพรกราว เกรียวศัพท์ เสนาะแฮ
สุริเยศจรเยี่ยมหล้า ส่องพื้นภาคโพยม ฯ
๏ แว่วโสตเสนาะก้อง โกกิลา
เรียมสดับสะดุ้งผวา หวาดพื้น
จวนรุ่งอรุณอา กาศแจร่ม เรืองแฮ
สุริยส่องสว่างพื้น ภพแจ้งเจิดฉมา ฯ
๏ เสร็จชำระมุขแผ้ว ภุญช์ภักษ์
พรรคเพื่อนพาหนะสะพรัก พรั่งหน้า
นึกแม่เอกอรอัคร ทาเรศ เรียมเอย
ยามเมื่อกินจักถ้า พี่เพี้ยงลืมกิน ฯ
๏ ยามกินหยิบโภชน์กลํ้า แกลกลืน
ยามนิทรเรียมฝืน ฝ่าเศร้า
ยามเดินพี่หยุดยืน ยกย่าง ยั้งแฮ
ยามนั่งพี่นั่งเฝ้า ฝ่านํ้าตาตรอม ฯ
๏ เสร็จภุญช์โภชนพร้อม เพรียงกัน
จวนสุริยสายสรรพ์ ส่องฟ้า
เรียมรีบสการอัญ ชลิตพุท ธบาทแฮ
เร็วเร่งฤๅได้ช้า เสร็จแล้วครรไล ฯ
๏ บัดดลมณฑปด้าน โดยจง
เรียมประคองอุทกสรง สู่ห้อง
น้อมศีรวรุตมงค์ มอบชีพ ถวายแฮ
อุทิศสการสิ่งซ้อง ซบเกล้าอัญชลี ฯ
๏ ธูปเทียนประทีปตั้ง บุษบา เพลิงเอย
จุดแจร่มชวลิตสา รณิศน้อม
เคารพพุทธวลัญชา บูชิต พระแฮ
มาเลศลาชุตม์พร้อม สะพรักถ้วนสิ่งสการ ฯ
๏ หยิบสุวรรณแผ่นป้อง ปานปิด
รอยบาทนฤบพิตร พุทธเจ้า
ดิเรกรจนรุจิต เจิดโลก
ศาสนนิกรซบเกล้า เกลือกไหว้วันทนา ฯ
๏ เล็งวลัญชบาทเบื้อง บทมาลย์
จอมดิลกโลกาจารย์ จรดนี้
ประเทิดทัศโนฬาร สามโลก เลื่องแฮ
ปรากฏวลัญชชี้ ชอบให้สัตว์เกษม ฯ
๏ ควรส่ำศาสนิกถ้วน ทวยผอง
มีประสาธน์จิตสนอง นอบเกล้า
เคารพพระคุณปอง เป็นที่ ระลึกนา
ฤๅขาดทุกวันเช้า ค่ำซ้องสรรเสริญ ฯ
๏ เล็งรอยพุทธบาทแล้ว อัญชลิต
ลายลักษณพิจิตร เจิดแจ้ง
พิพิธรูปอันสฤษดิ์ สมภพ เพ็ญแฮ
ทานพมนุษย์เทพแสร้ง สัตว์ถ้วนส่ำสกล ฯ
ยลรอยพุทธบาทด้วย นนทการ
อุทิศกระมลใสสานต์ ซบเกล้า
ชมรอยดิลกญาณ ยลยิ่ง งามแฮ
ไตรภพเฟื่องคุณเร้า รุ่งฟ้าดินชม ฯ
๏ เล็งมณฑปดิลกด้วย รจนา
จรัสแจร่มเวหา ยาบย้อย
เสมอรัตนวิมานอา กาศเทพ ถวายฤๅ
เพรี้ยมเพริศรัตนพร้อย พรั่งพริ้มพรายหาว ฯ
๏ สี่มุขมณฑปด้าว ดำกล
ประเทิดเถกิงหน ทั่วหล้า
ใครทฤษฎีมณ ฑปตก ตะลึงแฮ
ประเล่ห์ยลพิมานฟ้า ฟากพู้นภพสวรรค์ ฯ
๏ สร่างโศกสบสุขสิ้น สรรพางค์
ประเล่ห์เสวยสวรรยางค์ ยิ่งลํ้า
ชวนชื่นมโนปาง โศกเสื่อม ทุกข์แฮ
จิตประเทิงสุขซํ้า สร่างเศร้าสุดเกษม ฯ
๏ เรียมยลมาฬกเบื้อง มณฑป
พิจิตรประเจิดหาวหบ เห่อหล้า
โอฬารระเริงสบ ตาโลก เลื่องแฮ
ยอดเหยียดยาวหยั่งฟ้า ฟากพู้นภพสวรรค์ ฯ
๏ พรายพรายกระจกเรื้อง ระดับ
ฉายเฉิดกระจ่างจับ แจ่มแจ้ง
ต้องแสงสุริยยับยับ ยลบาด ตาแฮ
ดุจอมรแมนแสร้ง สฤษดิ์สร้างสรรค์ถวาย ฯ
๏ จิตประเทิงทัศนเอื้อ เอาทาร
ยลพระมณฑปสถาน ประเทิดลํ้า
เรียมตั้งนมัสการ กายจิต เคารพแฮ
โอษฐ์อุทิศกุศลซ้ำ ซบเกล้าพรรณนา ฯ
๏ เดชกุศลส่วนข้อย อัญชลี
รอยบาทพระชินศรี สฤษดิ์ไว้
เพื่อชนทฤษฎี แดระลึก ท่านนา
ควรขจัดภัยให้ ห่างร้อนรอนเข็ญ ฯ
๏ ขอกุศลบัดเบื้อง นมัสการ
พระพุทธบาทไพศาล ส่วนได้
แทนรัตนสุพรรณมาลย์ มาลิศ เลิศฤๅ
ถวายแด่ภูธเรศไท้ ธิราชเรื้องเรืองสยาม ฯ
๏ จุ่งช่วยบำราศไร้ เริงระงับ
ขจัดริปูปวงลับ หลีกแพ้
ให้เจริญพระชนม์นับ เนาหมื่น วรรษแฮ
เพิ่มพระเกียรดิยศแล้ เดชลํ้าเลิศขจร ฯ
๏ แผ่กุศลส่วนถ้วน ทุกทิศ
บนตลอดอกนิษฐ์ นับชั้น
เทพาสุราฤทธิ์ รับส่วน บุญฮา
เบื้องนรกโลกันต์บั้น แบ่งให้ถ้วนสกล ฯ
๏ ปลานนท์นาคราชเบื้อง บาดาล
สัตว์สถิตชลธาร ทั่วหน้า
จุ่งมีกระมลบาน เบิกรับ กุศลแฮ
ทวยสัตว์สถลอย่าช้า ช่วยซ้องสาธุการ ฯ
๏ มนุษย์อมนุษย์ถ้วน ทุกภาย
เทพแทตย์ทานพหลาย เหล่าอ้าง
ปีศาจยักษ์สุรกาย เปรตม่าห์ ก็ดี
จัตุบททวิบทบ้าง แบ่งถ้วนทวยผอง ฯ
๏ เสร็จกุศลเสี่ยงซ้อง สาทร
บุญบัติบอกแบ่งรอน รํ่าไห้
ไกวัลสัตวนิกร เกริกกล่าว ให้แฮ
ยังไป่เว้นตนไว้ ว่างแล้วฤๅมี ฯ
๏ บำบวงพุทธบาทแสร้ สารณีย์
หวังพระคุณชินศรี ใส่เกล้า
หวนเสน่หปรานี นึกนุช เจียวแม่
เรียมแบ่งกุศลเจ้า จุ่งซ้องสาทร ฯ
๏ ขอกุศลเสี่ยงตั้ง สัตยา ธิษฐานแฮ
จุ่งลุขนิษฐา ถั่นได้
โออนุชพนิดา ดวงสวาดิ พี่เฮย
เชิญรับบุญเรียมให้ เฉพาะน้องอย่านาน ฯ
๏ เรียมรํ่ารันทดเศร้า โศกา
กำสรดกำสรวลหา โหกสะอื้น
นึกน้องแต่เดียวอา ลัยยิ่ง เจียวแม่
ดวงทวัยเนตรชื้น ชุ่มหน้านองสินธุ์ ฯ
๏ ร่ำแบ่งบุญบัติพร้อง รำพัน
ลานนึกคะนึงขวัญ เนตรน้อย
ภพนี้นิราศกัน กรรมพราก แล้วแม่
ภพน่าขอร่วมร้อย ชั่งถ้วนทุกสถาน ฯ
๏ ภพนี้บำราศแก้ว กลอยแด
บรภพอย่าเหินแห ห่างน้อง
ขอร่วมทุกชาติแล โลมเสน่ห์ สนิทเอย
ขอคู่ทุกหอห้อง อย่ารู้แรมนาง ฯ
๏ หากสมรจักมอดเมื้อ มรณา
สูญสนิทสังขาร์ ขาดแล้ว
เอาชาติภพพงศ์ภา ษาอี่น ก็ดี
ทุกทุกชาติอย่าแคล้ว คลาดห้องห่างสมร ฯ
๏ มลายูยุโรปเชื้อ ชาวชวา ชวิงฤๅ
จีนตาดฮ่อสันดา ประเทศนั้น
โยนกตลุมภา ษาต่าง ก็ดี
มอญพม่าเขมรชั้น ชนิดเชื้อชาวญวน ฯ
๏ พราหมณ์ถ้วนสี่ชาติสิ้น สมพงศ์
เกลือกว่านุชเรียมหลง เกิดไซร้
บุญบัติอุบัติจง ดลเสน่ห์ ด้วยนา
เฉพาะผโอนอรได้ ระลึกรู้รักเรียม ฯ
๏ หากนุชอุบัติเกื้อ เกิดกาย ใดก็ดี
เรียมจักขอคู่สาย สวาดิน้อง
กว่าชนมชีพวาย ปราณปราศ เจียวแม่
ขอเสน่ห์สนิทต้อง แต่เจ้าใจเดียว ฯ
๏ หากนุชเนาทิพยห้อง หนพิมาน แมนฤๅ
รักพี่เสี่ยงบุญผสาน สบหน้า
เสนอเสน่ห์สนิทกาน ดาร่วม รสแม่
ตลอดสิบหกชั้นฟ้า อย่าแคล้วคลาดเรียม ฯ
๏ อธิษฐานุเทศสิ้น สามภพ เพ็ญแฮ
หวังแต่บุญนิธีสบ เสน่ห์รู้
หนแมนประเมินจบ พรหมโลก ตลอดแฮ
เบื้องตํ่าบาดาลรู้ ร่ำซ้องสบสมร ฯ
๏ สี่ทวีปเทวษก้อง กำสรวล
เสนาะเสน่ห์เรียมครวญ ครั่นไห้
ตวงเต็มแปดทิศควร ดับโศก เรียมแฮ
บำราศรสรักไร้ เสน่ห์สร้างแรมสงวน ฯ
๏ ตลอดทั่วทุกร่างรู้ รสรัก
ใช่แต่เรียมเดียวจัก กล่าวแกล้ง
สรรพสัตว์เทพแทตย์ยักษ์ มนุษย์ชาติ ใดก็ดี
ทานพนาคใช่แสร้ง ใส่ไคล้คลุมความ ฯ
๏ ยมอินทร์สะพรักพร้อม พรหเมนทร์
คนธรรพวิทยาธเรนทร์ ร่วมรู้
สมพาสพธูเจน จิตทั่ว กันแฮ
เว้นแต่ท่านที่ผู้ เกลศสิ้นฤๅแสวง ฯ
๏ รํ่ารักบำราศเจ้า จากจาง ใจเอย
อุโฆษคำนึงหมาง ม่ายชู้
จงจิตจ่อจรดนาง กำหนัดเสน่ห์ วายฤๅ
ลานลักษณะโลมขู้ คิดล้วนลมวอน ฯ
๏ รํ่าพจน์พิปลาปเพ้อ เพียงเพียร ถวิลฤๅ
ลอบเสน่ห์พาเหียร ห่อนได้
สมนุชเสน่ห์เจียร จรจาก ไฉนนา
ร่ำสั่งสุนทรไว้ เพื่อแจ้งจิตสมร ฯ
๏ เสร็จโคลงนิราศสร้อย สงสาร สมรแฮ
เสนาะสั่งเสน่ห์ขาน ข่าวน้อง
เชิญหมู่พิมลมาลย์ มาโนชญ์ นุชฤๅ
ช่วยรับสาส์นเรียมซ้อง สวาดิเศร้านุสนธ์ถวิล ฯ
๏ โคลงนิราศวัดรวกนี้ นามแสดง
ถฤกร่ำรังแถลง เลศไว้
ใช่จะอวดโอษฐ์แจง จัดเก่ง ไฉนฤๅ
เป็นแต่เอกโทได้ ดุจเค้าคำโคลง ฯ
๏ มวลกระวีหมู่เมธทั้ง ทวยหลาย
เชิญทัศนสารขยาย แยบนี้
เกินตัดตกธิบาย บทใส่ เทอญพ่อ
อย่าเพ่อแย้มมุขซี้ ซิกเซ้าสรวลสาร ฯ
๏ แถลงปางศักราชลํ้า พันทวี ร้อยแฮ
เศษสี่สิบเจ็ดปี บอกแจ้ง
ระกามิคศิรมาสมี เดือนฝ่าย แรมฮา
สองคํ่าพุธวารแกล้ง กล่าวสิ้นเสร็จสาร ฯ
๏ สองร้อยห้าสิบสิ้น สารถวิล
สั่งเทวษเพียงพิณ พาทย์แสร้
กล่อมโสตเสนาะอาจิณ จับจิต ยิ่งนา
เชิญอ่านสารเสน่ห์แก้ ทุกข์เมื้อคราวครวญ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ