เรื่องโดยสานเรือเมล์ไปยุโรป

พระนิพนธ์

พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ

๏ เรือไฟที่ไปมาค้าขายในระหว่างยุโรป กับทางตวันออกนี้ มีมากนับด้วยร้อย แต่มิได้เรียกว่าเรือเมล์ทั่วไป เรือเมล์นั้นเฉภาะแต่เรือที่ได้ทำสัญญากับรัฐบาลรับเหมาเดินไปรสนีย์ โดยกำหนดว่าจะรับส่งไปรสนีย์เมืองนั้นให้ถึงเมืองโน้น ในเท่านั้นวัน ฝ่ายรัฐบาลยอมให้ค่าเดินไปรสนีย์ตามสัญญาเช่นนี้ เปนเงินปีละเท่านั้น ๆ

เรือเมล์เหล่านี้ผิดกับเรือค้าขายตามปรกติ ที่จำต้องรีบไปมาให้ทันกำหนดที่ได้สัญญาไว้กับรัฐบาล ถึงจะได้สินค้าแลคนโดยสานมากฤๅน้อยเท่าใด ถึงกำหนดก็ต้องออก จะรั้งรอเบียดแว้งหาผลประโยชน์อื่นเปนใหญ่เหมือนกับเรือค้าขายไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ผู้มีกิจธุระจะต้องไปมาโดยรีบร้อนจึงมักชอบโดยสานเรือเมล์ ถึงจะเสียค่าเดินทางแรงขึ้นกว่าไปเรืออื่น ก็ได้ถึงโดยกำหนดแน่นอนพอทนได้ ใช่แต่เท่านั้น ว่าที่จริงแท้การที่โดยสานไปในเรือเมล์ยังได้ความผาศุกดีกว่าไปเรืออื่น ๆ ด้วย เพราะเรือเมล์ถึงจะได้ค่าจ้างเดินไปรสนีย์ของรัฐบาล ก็แต่พอทุ่นค่าใช้สอย เจ้าของเรือยังต้องคิดหาประโยชน์ทางอื่นอุดหนุนอิก จึงจะพอเปนกำไร เพราะเหตุนี้เปนการจำเปนที่เขาจะต้องเอาใจใส่ให้ความศุขสบายแก่ผู้โดยสานให้ดีกว่าเรืออื่น ๆ จะได้มีผู้คนไปมาในเรือของเขาให้มาก แลสินค้าอันใด ซึ่งควรจะรับได้ทันเวลา เขาก็รับบรรทุกเหมือนกับเรืออื่นด้วยอิกชั้น ๑

เรือเมล์ที่ข้าพเจ้าได้เคยโดยสาน แลจะเรียบเรียงพรรณาไปในท้องเรื่องอันนี้ เปนเรือกอมปนีอังกฤษชื่อว่ากอมปนีปะนินสุลาแอนด์ออเลียลตัล ฤๅเรียกตามชื่อที่เขามักเรียกกันโดยสังเขปตัวอักษรว่า กอมปนี ปี แอนด์ โอ กอมปนีนี้อยู่ในกอมปนี ๑ ที่รับเหมาเดินไปรสนีย์ในระหว่างยุโรปกับตวันออก รัฐบาลอังกฤษให้ค่าจ้างประมาณปีละสามหมื่นชั่ง มีจำนวนเรือไฟในกอมปนี ปี แอนด์ โอ นี้เบ็ดเสร็จกว่า ๕๐ ลำ ขนาดตั้งแต่ ๖๐๐๐ ตันเศษลงมาจน ๒๐๐๐ ตันเศษ ฝี้จักรเดินในระหว่างแต่ชั่วโมงละ ๑๒ นอด จน ๑๖ นอด ตามต้องการ คีอ ถ้าคลื่นลมจัดก็ต้องเดินรีบแรงไม่ให้ช้า ถ้าเปนคราวสงบก็เดินแต่พอประมาณ หมายให้ไปรสนีย์ถึงได้ก่อนกำหนดเพียงวัน ๑ ฤๅ ๒ วันเปนประมาณ

ผู้จะโดยสานเรือเมล์กอมปนี ปี แอนด์ โอ ไปยุโรป ต้องไปจากกรุงเทพ ฯ ด้วยเรืออื่น ไปพักรออยู่ที่เมืองสิงคโปร์จนถึงกำหนดวันเรือเมล์มาจากเมืองจีน เขาพักอยู่ที่สิงคโปร์วัน ๑ แล้ว จึ่งจะได้ลงเรือนั้นต่อไป แลการที่จะโดยสานเรือเมล์ไปจากสิงคโปร์นั้น

เริ่มต้นผู้โดยสานต้องไปที่ห้างเอเยนต์ คือ ผู้จัดการของกอมปนีเรือเมล์นั้นซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ วางเงินสดซื้อตั๋วสำคัญซึ่งจะโดยสาน จะไปถึงไหนเขาก็คิดราคาตามกำหด ตั๋วที่ซื้อนั้นเลือกได้เปน ๒ อย่าง จะซื้อแต่ขาไปคือไม่กลับฤๅกลับด้วยเรือกอมปนีอื่นก็ได้อย่าง ๑ ฤๅจะซื้อตั๋วขากลับด้วยก็ได้ ถ้าซื้อตั๋วขากลับด้วยเขาลดราคาให้ แต่ต้องกลับภายใน ๖ เดือนฤๅ ๙ เดือน ตามแต่จะสัญญากัน เมื่อซื้อตัวได้แล้วเขาก็ให้ตั๋วสำหรับปิดหีบเสื้อผ้าสำหรับตัวมาด้วย ตั๋วสำหรับปิดหีบนี้ชนิดหนึ่งปีดบอกว่าจะไปตั้งแต่นั่นถึงที่นั่น คือตั้งแต่สิงคโปร์ถึงเมืองบรินดีซิซึ่งเปนท่าขึ้นเปนต้น หีบผ้าผ่อนของผู้โดยสานต้องปิดตั๋วชนิดนี้ทุกหีบ เว้นแต่ของเล็กน้อยซึ่งตัวจะหิ้วหอบไปเอง ตั๋วอึกชนิดหนึ่งเปน ๒ อย่าง ปิดตามชนิดหีบซึ่งเจ้าของพอใจจะเอาไปอย่างไร คือชนิดหนึ่งปิดหีบบอกว่าจะต้องการไว้ในห้องที่ตัวอยู่ เช่นหีบเครื่องแต่งตัวแลหีบเสื้อผ้าพอใช้ ๔ วัน ๕ วันเปนต้น ชนิดหนึ่งปิดหีบซึ่งไว้ในห้องต่างหาก แต่จะต้องการใช้ในกลางทางบ้างเช่นหีบเสื้อผ้าไว้ผลัดเปลี่ยนกับของซึ่งจัดไว้ในห้องเปนต้น หีบซึ่งไม่ได้ปิดตั๋ว ๒ ชนิดซึ่งว่ามาแล้วต้องลงในระวางเรือ เขาให้เมื่อขึ้นบกทีเดียว การที่ต้องแบ่งหีบเปนอย่าง ๆ ดังนี้จำเปน เพราะห้องที่อยู่เล็ก ถ้าเอาเข้าไว้ในห้องหมดก็ไม่มีที่พอจะนั่งจะเดินได้สบาย

อนึ่งบรรดาหีบปัดทั้งปวง ถ้าไปกลางทางจะหายหกตกหล่นประการใด จะเอาใช้กับเจ้าของเรือไม่ได้ ต่อเสียเงินให้เขาอินชุรันส์อิกเล็กน้อย เขาจึ่งจะเปนประกันให้ แต่ที่จริงถึงจะไม่อินชุรันส์ก็ไม่ใคร่มีหายหกตกหล่นอะไร

ผู้ซึ่งจะโดยสานต้องตระเตรียมสิ่งของซึ่งจะพาไปด้วยให้เปนหมวดหมู่ แลมีตามสิ่งที่ควรต้องการใช้ในเรือให้ถูกต้องจึ่งจะมีความสบาย ในชั้นต้นต้องจัดสิ่งของซึ่งจะต้องการใช้ ในห้องที่อยู่ ของต้องการในนี้คือ หีบเครื่องแต่งตัวมีหวีแลแปรงเปนต้น คือหีบเครื่องครบหีบหนึ่ง หีบย่อม ๆ สำหรับเครื่องนุ่งห่มหีบหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มซึ่งควรจะมี คือ เสื้อกางเกงฤๅสร่งสำหรับนุ่งนอนสัก ๓ สำรับ เสื้อยี่ปุ่นยาวสำหรับสวมเวลาไปแลมาจากห้องอาบน้ำตัวหนึ่ง เสื้อยืดแลเสื้อเชิดไม่ต่ำกว่าอย่างละ ๖ ตัว เชิดแพรฤๅเชิดสักหลาดอิกสัก ๒ ตัว เสื้อกางเกงสักหลาด ๓ สำรับ สีดำสำหรับสวมเวลากินเข้าเป็นสำรับหนึ่ง เสื้อเปิดฅอบาง ๆ สำหรับใช้เวลาร้อนสัก ๒ ตัว ผ้าเช็ดหน้าเล็ก ๆ ถุงเท้าแลฅอเสื้อผ้าผูกฅอตามควร รองเท้าหนังคู่หนึ่ง ผ้าคู่หนึ่ง สลิบเป้อคู่หนึ่งก็พอ หมวกแขงร่มฤๅไม้เท้าสำหรับขึ้นบกมีเปนธรรมดา แต่ไม่มีเวลาใช้ในเรือ ใช้แต่หมวกอ่อน ๆ ทำด้วยสักหลาด ถ้าจะว่าด้วยของซึ่งจำเปนต้องการ จะจัดไว้ในห้องสำหรับใช้ก็เท่านี้ ยังอิกอย่างหนึ่งก็คือเงินที่เปนหัวใจของการทั้งปวง กับหนังสือที่จะอ่านเล่น ของนอกจากนี้เปนต้นว่าที่นอน ผ้าห่มนอน ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตัว เขาจัดไว้ให้ในห้องเรือบริบูรณ์

ของที่จะต้องใช้นอกห้องก็คือหีบผ้าซึ่งปิดตั๋ว บอกว่าจะต้องการกลางทาง หีบนี้ไว้เสื้อผ้าเช่นเสื้อเชิดเปนต้น สำหรับผลัดเปลี่ยนส่วนซึ่งจัดไว้ในห้องจะเปื้อนไป ยังต้องมีเก้าอี้ยาว เช่นเก้าอี้หวายทำ/**/ที่สิงคโปร์ตัวหนึ่ง ผูกก๊าดฤๅเขียนชื่อเราติดไว้ เก้าอี้นี้ตั้งไว้บนดาดฟ้า สำหรับจะได้นั่งฤๅนอนเล่นตามสบายใจ ของนอกจากนี้ก็เปนอันส่งลงระวางได้

ที่วานี้อย่างจำเปนแท้ ยังต้องผ่อนผันหันหานิไสยแลความชอบใจผู้โดยสานได้เปนธรรมดา อนึ่งถ้าหากผู้โดยสานรู้ภาษาอังกฤษก็ควรจะมีหนังสืออังกฤษไปอ่านด้วยอิก หนังสือซึ่งจะเปนประโยชน์ในเวลาไปในเรือเมล์มี ๒ เล่ม คือเรียกว่า ปี แอนด์ โอ ปอคเกตบุกเล่ม ๑ เปนหนังสือเล่มเล็ก ๆ บอกการกอมปนีที่เดินเรือ แลพรรณาบอกที่ต่าง ๆ ในระยะทางที่จะไป มีทั้งที่ว่างสำหรับจดรายทางไว้ด้วย อิกเล่ม ๑ เปนของกอมปนีเขาให้ ไม่ต้องซื้อ คือหนังสือแนะนำของกอมปนีบอกข้อบังคับสำหรับผู้โดยสาน ชี้แจงทั้งราคาโดยสานแลระยะทาง ทั้งกำหนดวันซึ่งจะถึงที่นั่นที่นี่ด้วย

เมื่อตระเตรียมการเสร็จแล้ว ถึงกำหนดวันเรือจะออกก็พาเข้าของไปลงเรือ ส่งตั๋วให้นายเรือรู้เห็นเปนสำคัญ หีบผ้าสิ่งของซึ่งปิดตั๋วไออย่างไร เขาก็จัดไปไว้ตามที่

ผู้โดยสาน ๆ ได้เปน ๓ ชั้น คือ ชั้นที่ ๓ เปนอย่างเลวราคาถูก อยู่แต่บนดาดฟ้าตอนหัวเรือ ต้องมีเสื่อสาดของตัวมาปูนอนเอง ที่นอนก็แล้วแต่จะนอนลงไปได้ตรงไหน บนหลังหีบหลังปัดไม่ว่า อาหารก็เปนอย่างลูกเรือ คนโดยสานชั้นนี้มักจะมีแต่พวกจีนแลพวกแขก ซึ่งไปมาตามเมืองในตวันออก ไม่ไปถึงยุโรป ชั้นที่ ๒ นั้น เปนอย่างกลาง มีห้องหับอยู่ แลได้อาหารกินคล้ายกับที่ ๑ ผิดกันกับที่ ๑ ที่ห้องย่อมกว่า กับผู้ที่โดยสานชั้นที่ ๒ อยู่ได้แต่ในตอนสำหรับชั้นที่ ๒ จะไปปะปนกับผู้โดยสานชั้นที่ ๑ ไม่ได้ ส่วนผู้โดยสานชั้นที่ ๑ นั้นย่อมได้รับความสบาย เปนอย่างดีที่จะพึงได้ในเรือนั้นทุกประการ จะไปดูไปเที่ยวตามที่ของผู้โดยสานชั้นที่ ๒ ที่ ๓ ก็ไปได้

เรือเมล์กอมปนี ปี แอนด์ โอ ที่เปนเรือเก่า ห้องผู้โดยสานชั้นที่ ๑ อยู่ตอนท้าย ชั้นที่ ๒ อยู่ตอนข้างหัว แต่เรือที่ต่อใหม่ ๆ จัดห้องที่ ๑ ไว้ตอนค่อนข้างหัว ชั้นที่ ๒ ไว้ตอนท้าย เพราะเวลาคลื่นพัดตอนท้ายไม่สบายเหมือนตอนน่า จะอธิบายลักษณเรือทั้งอย่างเก่าอย่างใหม่ก็จะยืดยาวเหลือเกิน จะอธิบายแต่เรืออย่างต่อใหม่อย่างเดียว เรือเมล์อย่างใหม่นี้ที่ลำใหญ่ ๆ มักจะเปนเรือเนวัลริเสิฟ คือเรือกองหนุนเกี่ยวในการกรมทหารเรือของอังกฤษด้วย คือรัฐบาลอังกฤษเห็นว่าเรือเมล์ต่อใหม่ ๆ เหล่านี้โตใหญ่เดินก็เร็ว ถ้าหากจะเกิดการรบพุ่งกับชาติใดในยุโรป ถ้าชาตินั้น ในขณะตระเตรียมลงทุนซื้อเรือเมล์เหล่านี้ไปใช้เช่นเรือลาดตระเวน ฤๅเรือบรรทุกทหาร ก็จะเปนกำลังประทุษร้ายอังกฤษเอง เพราะเรือเหล่านี้เปนเรือของพ่อค้า ไม่มีกฎหมายอันใดจะห้ามไม่ให้เขาซื้อขายตามชอบใจของเขา รัฐบาลเห็นอย่างนี้ เมื่อกอมปนีใดต่อเรือขนาดใหญ่อย่างดีขึ้น จึงคิดอ่านทำสัญญากับเจ้าของเรือ ข้างรัฐบาลยอมให้เงินประจำลำ ลำหนึ่งปีละราว ๓๐๐ ชั่ง ซ่างเจ้าของเรือต้องทำดาดฟ้าไว้หนาสำหรับวางปืนใหญ่ได้ลำละ ๖ กระบอก แลต้องมีเครื่องต่าง ๆ คือไฟฟ้าแลกว้านสำหรับยกปืนเปนต้นไว้สำหรับลำ อนึ่งต้องให้กอมปนีจ้างนายทหารซึ่งได้เคยอยู่ ถ้าได้ฝึกหัดเข้าใจการเรืยรบในกรมทหารเรือ เปนกับตันแลต้นหนด้วย พลเรือก็ต้องให้จ้างคนทหารเรือด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ทั้งลำทีเดียว ถ้าในเวลาปรกติ รัฐบาลยอมให้เรือนั้นเดินเมล์แลในการค้าขายตามความประสงค์ของเจ้าของ ถ้าหากจะเกิดการรบพุ่งรัฐบาลจะต้องการเรือเมื่อใด เจ้าของก็ต้องส่งเรือไปรับปืนแลพลรบลงเปนเรือลาดตระเวนฤๅเรือบรรทุกทหาร ตามแต่รัฐบาลจะเห็นควร แต่เมื่อเช่นนี้รัฐบาลจะยอมคิดค่าบรรทุกให้อิกตามสมควร

เรืออย่างดี ๆ ในกอมปนี ปี แอนด์ โอ รับสัญญาเปนเรือ เนวัลริเสีฟ เช่นนี้ทุกลำ ลำขนาดใหญ่ ๖๒๐๐ ตันเศษ ๔ เสา ๒ ปล่อง ดาดฟ้า ๔ ชั้น ตอนหัวเรือชั้นล่างชั้นกลางบรรทุกของ ชั้นที่สามเปนห้องกระลาสีแลห้องต้นหน ที่ ๓ ที่ ๔ ชั้นบนเปนที่เครื่องกว้านสมอ ตอนกลางชั้นล่างบรรทุกของ ชั้นกลางเปนห้องผู้โดยสานชั้นที่ ๑ ชั้นที่ต่อขึ้นมาเปนห้องเลี้ยงอาหารผู้โดยสานชั้นที่ ๑ แลเปนห้องครัว ห้องพวกนายกล ชั้นบนทำเปนห้องนั่งล่น แลห้องเครื่องดนตรีสำหรับผู้โดยสานชั้นที่ ๑ เป็นห้องกับตันแลห้องต้นหนที่ ๑ ที่ ๒ แลห้องสำหรับสูบบุหรี่ด้วย ดาดฟ้าข้างนอกสำหรับเดินเหินนั่งเล่นวิ่งเล่นก็ได้ ตอนท้ายสำหรับผู้โดยสานชั้นที่ ๒ มีทำนองเดียวกับชั้นที่ ๑ เปนแต่เลวกว่าแลยัดเยียดกว่า

เครื่องจักรไกในเรือจะอย่างไร ข้าพเจ้าไม่ได้เปนอินเยอเนียไม่รับอธิบายได้เลอียด แต่ใหญ่โตมาก นอกจากเครื่องจักรที่สำหรับพาให้เรือเดิน ยังมีเครื่องบริวารอิกหลายเครื่อง คือเครื่องไฟฟ้า/*๘*/ซึ่งจุดใช้ในเรือตลอดรุ่ง เครื่องน้ำแขงสำหรับทำห้องบรรทุกอาหารให้เย็น เครื่องนี้สูบดูดอากาศร้อนในห้องหนึ่งออกหมด ห้องนั้นเปนห้องที่ไว้เนื้อสัตวแลผักผลไม้ซึ่งเปนอาหาร ไม่ต้องบรรทุกสัตวเปนมาฆ่ากินกลางทางเลย เมื่อเรือจะออกเขาซื้อผักปลาเนื้อสัตว แลผลไม้ ตลอดจนนมโค บรรจุเข้าไว้ในห้องนี้แล้ว เปิดจักรให้สูบอากาศร้อนออกให้หมด ของนั้นก็ไม่เน่าเปื่อย มีเนื้อสัตวแลผักผลไม้สดกินได้ตลอดทาง ถ้าจะต้องการน้ำแขงก็เอาน้ำใส่ถังสังกะสีไปตั้งไว้ในห้องนั้นสักหน่อยก็แขงเอง ข้าพเจ้าได้เข้าไปดูในห้องเย็นนี้ ลองจับปลาที่เขาแขวนไว้ แขงเหมือนทำด้วยยางอินเดียรับเบอ ดูพิกลแท้ๆ เครื่องจักรนอกจากนี้ ยังมีเครื่องอัดน้ำสำหรับใช้เปนแรงหมุนกว้านต่าง ๆ ตลอดลำ ดูกระบวนเครื่องจักรไกในเรือใหญ่ ๆ เช่นนี้ ถึงไม่ใช่อินเยอเนียก็น่าพิศวงมาก

ข้างฝ่ายการบังคับบัญชาในเรือ สังเกตดูเขาจัดกันเปน ๓ กระทรวงขึ้นอยู่ในกับตันทั้งสิ้น คือกระทรวงทหาร พวกต้นหนพลเรือทั้งหลายขึ้นอยู่ในต้นหนที่ ๑ กระทรวงพลเรือน คนครัวคนใช้แลการกินอยู่ตลอดจนเงินทอง อยู่ในเปอเซอผู้รักษาทรัพย์ กระทรวงกล พวกอินเยอเนีย ช่างไฟแลการไกกลทั้งปวง อยู่ในต้นกลใหญ่ ยังมีหมอสำหรับเรือคน ๑ สำหรับรักษาไข้เจ็บคนในลำเรือทั่วไป ถึงเราผู้โดยสานจะเจ็บไข้เขาก็รักษาให้ตามน่าที่ ไม่คิดเอาขวัญเข้า แต่เราก็ต้องสมนาคุณเขาบ้างตามประสามีแก่ใจเปนธรรมดา แต่ค่ายานั้นดูเหมือนเขาเรียก แต่อย่างไรจำหาได้แน่ไม่

เวลาเมื่อเราไปลงเรือ ถ้าเปนผู้มีบันดาศักดิ กับตันก็ลงมาคอยรับที่บันได บางทีเขามักหาคนให้พามาให้พบปะคุ้นเคยกับเราเสียก่อนก็มี เวลาเราขึ้นเรือเขาจัดพวกต้นหนแลคนใช้ตามแต่จะพอหาได้มายืนเข้าแถวคอยรับให้เปนเกียรติยศ แล้วกับตันกับเปอเซอพาเราไปสมมตห้องที่อยู่ให้ตามควร แลชักธงช้างขึ้นไว้ยอดเสากระโดงท้ายฤๅเสาที่สามตามเรือใหญ่แลเล็ก เปนการแสดงว่ามีไทยที่มีบันดาศักดิไปในเรือนั้น กว่าเราจะขึ้นบกจึ่งเปนเลิกกัน แต่ที่จริงการที่ชักธงในเรือเมล์นี้ไม่ว่าธงอะไร ชักอยู่แต่เท่าที่ตาคนที่อื่นจะแลเห็นเท่านั้น ถ้าออกถึงกลางทเลแล้ว เขาเอาลงพับเก็บเสียหมดไม่ชักไว้ให้ธงเก่า ต่อไปเห็นเรือแพฤๅจะใกล้ฝั่งจึ่งเอะอะชักกันใหม่

ผู้เปนกับตันเรือเมล์น่าที่จะต้องใช้คุณวุฒิหลายอย่าง นอกจากความรู้ในการเดินเรือ เรือเมล์ใหญ่ ๆ ที่เกี่ยวกับกรมทหารเรือได้อธิบายมาแล้วนี้ ในข้อสัญญารัฐบาลก็บังคับว่ากับตันจะต้องมีความรู้ดังได้สอบซ้อมเสมอนายร้อยเอกในกรมทหารเรือด้วยประการ ๑ นอกจากนี้กับตันยังต้องมีคุณสมบัติอย่างอื่น ที่สำคัญนั้นก็คือ อัธยาไศรยที่จะรู้จักผ่อนผันในการด้วยคุมสมาคมคนโดยสาน อันเปนคนต่างชาติต่างวิไสย ซึ่งมารวบรวมไปในลำเรืออันเดียวกัน สังเกตดูกับตันมักจะวางอัฐยาไศรย อย่างที่เรียกกันว่าเปนคนใจนักเลง เอาอกเอาใจคนโดยสานมาก เปนธุระที่จะทักทายปรายโปรยแก่ผู้โดยสาน ไม่ว่าหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ ใครจะเล่นจะหัวสนุกสนานอันใดก็เล่นด้วย แต่กระนั้นก็มิได้ละวางพากภูมในธุระที่จะบังคับบัญชาการเรือ ฤๅเหลาะแหละให้คนโดยสานถือวิสาสะเข้าไปลวนลามได้ในตำแหน่งนั้น คงอยู่ในวางอัธยาไศรยให้คนโดยสานรักแลยำเกรงทั้งสองอย่าง ว่าที่แท้ก็ควรจะเปนเช่นนั้น เพราะเวลาเรือแล่นไปในกลางทเล กับตันเขารับผิดชอบเหมือนเปนเจ้าเมือง การจะเรียบร้อยแลจะตลอดรอดไปได้ถึงฝั่งก็เพราะเขาเปนใหญ่ สังเกตความรู้สึกของคนโดยสานก็มักเปนเช่นนี้ ดูมีความเคารพยำเกรงกับตันอยู่ทั่วๆ กัน ไม่มีผู้ใดหมิ่นประมาท

จะต้องพรรณาห้องที่อยู่ในเรือเมล์สักหน่อย ห้องเหล่านี้อยู่ริมเรือทั้ง ๒ ข้าง กลางลำเปิดเปนห้องโถงสำหรับนั่ง ห้องคนโดยสานห้องหนึ่งมีน่าต่างช่องกระจกเจาะข้างเรือช่อง ๑ บ้าง ๒ ช่องบ้าง พอได้แสงสว่างแลได้ลม ถ้าลมมาข้างหัวฤๅข้างท้ายเรือมีเครื่องทำเหมือนกระบอกผ่าสอง ยื่นออกไปดักลมให้เข้าในห้อง แต่ถ้าลมพัดแรงมาด้านข้างเรือถ่ายเดียวก็ไม่เปนประโยชน์ เพราะข้างด้านลมมาคงเปนด้านคลื่นตีต้องปิดช่องกระจก อิกด้านหนึ่งก็ไม่มีลมเปนธรรมดา แต่ถ้าว่ากระบวนตัดลมทางอื่นยังไม่มีอิกทางบนก็ลงได้ แลผ่าไม้ด้านในก็ทำเปนเกล็ดลมเข้าได้ ถ้าอากาศในทเลไม่ร้อนจัด สักว่าพอมีลมพัดแล้วในห้องก็ไม่ใคร่ร้อน เว้นไว้แต่ห้องชนิดหนึ่ง ซึ่งทำซ้อนไว้ข้างใน ไม่มีน่าต่างแลทางลมพอ อยู่ข้างจะร้อน แต่ถึงจะอย่างไร ๆ ถ้าผู้โดยสานเช่นผู้มีบันดาศักดิ เขาก็มักเลือกห้องดีๆ ให้ บางทีถ้าคนไม่แน่น เขาก็ให้ถึง ๒ ห้อง ให้เลือกอยู่ให้ถูกลมตามชอบใจ ในห้อง ๑ จัดไว้สำหรับอยู่ได้ ๓ คน แต่ชั้นที่ ๒ ต้องอยู่ ๓ คน ๔ คน มีเตียงนอนติดคล้ายกับหิ้งติดฝาซ้อนกัน คนนอนเตียงข้างบนต้องมีบันไดฤๅเก้าอี้ต่อเท้า ฤๅรู้จักห้อยโหนจึงขึ้นเตียงได้ ส่วนคนนอนเตียงล่างจะลุกขึ้นนั่งต้องระวัง หาไมหัวก็โดนเตียงบนถึงโนได้ อิกเตียงหนึ่งอยู่คนละฟากห้องกับเตียงต่ำ ใช้เปนเก้านั่งเล่นได้ ถ้าคนโดยสานไม่เยียดยัดอยู่เพียงห้องละ ๒ คน จะใช้เตียงต่ำทั้ง ๒ เตียง ๆ บนก็พับเสียได้ ต่อแน่นหนาอยู่ยัดเยียดกันห้องละ ๓ คน จึงต้องใช้เต็ม ๓ เตียง เตียงนอนเหล่านี้พื้นถักลวดสปริงในตัว มีที่นอนหมอนแลผ้าห่มให้เสร็จ ไม่ต้องใช้ของเรา ที่นอนพื้นสปริงนี้ เวลาคลื่นมีช่วยโยนผ้อนจังหวะคลื่นดูสบายดี แต่บางคนว่าชักให้เมาคลื่นจัดขึ้น ถึงต้องเอาที่นอนลงปูนอนกับพื้นก็มี อนึ่งเตียงนอนนี้มีพนักข้าง ๆ กันตก เมื่อเรือนแคลงคลื่นพนักนี้มีประโยชน์จริง ๆ เวลาเรือแคลงจัด ๆ จะนอนให้หลับต้องถึงหาผ้าห่มมาจีมตัว เหมือนกับเขาเอาของบรรจุหีบ หาไม่กลิ้งโดนข้างโน้นข้างนี้ยากที่จะหลับได้ ถ้าไม่มีคลื่นก็พับพนักลงเสีย เครื่องใช้ในห้องยังมีเครื่องล้างหน้าสำหรับผู้โดยสานคนละที่ เมื่อกล่าวถึงที่ล้างหน้าจะต้องอธิบายวิธีล้างหน้าอย่างฝรั่งด้วย ของเขาล้างหน้าแท้ เพราะต้องล้างหน้าก่อนแล้วจึงบ้วนปาก ทำไมจึงต้องทำดังนี้ เพราะไม่มีกระโถน ต้องใช้ชามล้างหน้านั้นเองเปนกระโถน แต่อย่านึกว่าจะสกปรก ซ่าบู่มีถมไปไม่เปนไร ถึงผ้าเช็ดหน้าเช็ดตัวก็มีให้เสร็จ นอกจากเครื่องล้างหน้ายังมีตู้สำหรับไว้อะไรต่ออะไรอิกคนละ ๒ ตู้ย่อม ๆ แลขอสำหรับแขวนเสื้อแขวนหมวก พอต้องการไว้หมวกแลเสื้อผ้าซึ่งใช้เสมอ ๆ ไม่จำเช่นต้องหยิบของขึ้นลงจากหีบบ่อย ๆ อนึ่งในห้องที่อย่กลางคืนจุดไฟฟ้าทุกห้อง บางลำจุดแต่เพียง ๕ ทุ่มครึ่ง บางลำที่อย่างใหม่จุดตลอดรุ่ง โคมอย่างนี้มีไก เราจะดับจะจุดเมื่อใดก็ได้ อนึ่งบรรดาห้องมีสต๊วตฝรั่งคนใช้สำหรับประจำปฎิบัติตามเราจะต้องการ ถ้าผู้หญิงก็บ่าวผู้หญิง ผู้ชายก็บ่าวผู้ชาย บ่าวสำหรับเรือเหล่านี้รับใช้สอยดีมาก ถ้ารู้ภาษากัน ถึงเราจะเอาบ่าวไปใช้ก็สู้มันไม่ได้ แต่เราจำเปนจะต้องโปรยปรายให้ค่าบำรุงน้ำใจมันบ้าง ทั้งข้อบังคับสำหรับเรือมีว่า ถ้าเจ้าของเรือรู้ว่าบ่าวคนใดรับรางวัลจะไล่เสียทันทีดังนี้ก็ไม่เปนไร เพราะเราให้กันเงียบ ๆ ถึงรู้ก็ไม่มิไครจับมือถือแขน ว่าที่แท้ก็ควรจะให้เพราะการปฏิบัติไม่มีกำหนดอันใดให้ปฏิบัติดีฤๅไม่ดี ถ้าเราอยากจะให้เขาปฎิบัติดีเราก็ต้องให้เขาชอบใจ เปนธรรมดาโลกดังนี้ การพรรณามาอยู่ข้างจะยืดยาว คราวนี้จะเดินเรื่องต่อไป เมื่อขณะแรกเราไปลงเรืออยู่ข้างจะชุลมุนโกลาหลมิใช่น้อย เพราะผู้โดยสานมากด้วยกัน เขาบ้างเราบ้าง ทั้งพวกไปส่งไปเสียกลุ้มกันใหญ่ จนจวนเรือออกจึงค่อยปรกติลง เมื่อกล่าวถึงผู้โดยสานร่วมเรือไปด้วยกันดูขันอยู่น่อยหนึ่ง ที่คนต่างชาติต่างภาษาไม่เคยพบเคยปะกัน เหมือนกันแต่ชั่วที่เปนมนุษย์ ต่างต้องไปร่วมเรือร่วมทุกข์ร่วมศุขกันไปหลาย ๆ วัน สังเกตกิริยาอาการมนุษย์จำพวกนี้ ถ้าจะเปรียบให้คล้ายคลึง เรือเหมือนกับกรงนกใหญ่ ๆ ชนิดกรงดิน ลองจับนกกระจอกปล่อยเข้าไปสัก ๑๐ ตัว แล้วจับนกกระจาบปล่อยเข้าไปสัก ๖ ตัว แล้วหานกสีชมพู นกแดงอิฐ นกคิริบูน ปล่อยเข้าไปอย่างละ ๔ ตัว ๕ ตัว แต่แรกนกเหล่านั้น จะบินวุ่นวายปะปนกันเกรียวกราวโกลาหลไปพักใหญ่ทั้งกรง ช้าเข้าน่อยหนึ่ง พวกนกอย่างใดก็ไปจับไปกินกับพวกของตัว ต่างชำเลืองแลดูพวกนกอื่นซึ่งร่วมกรงกัน ครั้นค่ำลงต่างพวกต่างขึ้นคอนนอนร่วมเรียงกันเปนแถว ไม่กี่วันก็คุ้นเคยกันเข้าจนที่สุดถึงต่างพวกก็ช่วยไซ้ขนให้กันแลกันได้ ใครเคยเล่นเลี้ยงนกในกรงดินคงจะเข้าใจ ที่ข้าพเจ้าอุประมานี้ฉันใดก็ดี คนต่าง ๆ ซึ่งโดยสานร่วมเรือไปด้วยกันก็เช่นนั้น แรกลงเรือเปนเวลาชุลมุนกันใหญ่ พอเรือออกต่างพวกต่างก็รวบรวมกันเปนกลุ่ม ๆ ช่วยกันชำเลืองแลดูรูปร่างท่าทางพวกอื่น เขาดูเรา ๆ ดูเขา กระซิบกระซาบบุ้ยใบ้บอกให้เพื่อนกันดู พอข้ามวันไปค่อยรู้จักกันแลกัน พูดจาสนทนาคุ้นเคยกันเข้าทุกที จนกระทั่งเปนเพื่อนฝูงเล่นเฮฮาไปด้วยกัน พอเรือถึงท่าก็พอเกิดความอาไลยที่จะจากกันแลกันได้ มิได้ผิดกับฝูงนกต่าง ๆ ที่จับมาขังไว้ ให้ร่วมกรงดินนั้นเลย ฯ

๏ การกินการอยู่ในเรือเมล์อย่างไร จะต้องอธิบายจับตั้งต้นไปแต่เช้าจึ่งจะเข้าใจได้ดี

เวลาเช้าเราจะตื่นเวลาใดก็ได้ แต่คงอยู่ในเวลา ๒ โมงเช้า เราจะชอบใจตื่นเวลาไรเราบอกบ่าวไว้ ถึงเวลานั้นบ่าวก็เข้ามาเคาะประตูปลุกให้เราตื่นแล้ว เอากาแฟถ้วยหนึ่งกับขนมปังสองสามชิ้นมาตั้งไว้ในห้อง ถ้าเราจะต้องการน้ำร้อนเจือน้ำล้างหน้า บอกไว้ก็ได้เหมือนกัน อนึ่งตามประเพณีเรือ ถ้าเราตื่นก่อน ๒ โมงเช้า ภายในเวลานั้นจะสวมแต่เสื้อนอนกางเกงนอนขึ้นไปเดินเหินเล่นบนดาดฟ้าก็ได้ ถ้า ๒ โมงเช้าแล้วต้องแต่งตัว เพราะผู้หญิงเขาขึ้นมา จะให้เขาเห็นเราแต่งตัวรุ่มร่ามตามสบายไม่ควร แต่ถ้าเขาจะขึ้นมาก่อน ๒ โมงเช้า ถึงเห็นก็ไม่เปนไร เราไม่ต้องวิ่งหนี เพราะเขาอยากขึ้นมาดูมิวเซียมเล่นเอง เมื่อตื่นนอนแล้ว ล้างหน้าบ้วนปากกินกาแฟ ถ้ามีหนวดเคราจะต้องโกนจะโกนเองก็ได้ ฤๅจะไปจ้างช่างโกนให้ก็ได้ เพราะในเรือมีห้องช่างกัลบกห้องหนึ่งต่างหาก มีเครื่องตัดผมสระหัวโกนหนวดได้พร้อม ยังแถมขายเครื่องนำอบน้ำหอมอะไรต่ออะไรเปนห้างกลาย ๆ ด้วยอิก ถ้าหากจะอาบน้ำก็ฉวยผ้าเช็ดตัวเดินไปห้องอาบน้ำ น้ำที่อาบเปนน้ำเค็ม จะเลือกอาบน้ำร้อนฤๅน้ำเย็นก็ได้ มีน้ำจืดให้ล้างตัวด้วยสักถังสังกะสี ๑ ที่อาบน้ำมีทั้งอ่างแลบัว อาบได้ตามชอบใจ มีพนักงานเปนธุระให้ทุกอย่าง แต่ต้องโปรยปรายให้บ้างเปนธรรมดา ห้องอาบน้ำมีข้อบังคับ ๒ ข้อ ข้อ ๑ ไม่ให้อาบเกิน ๑๐ มินิต เพราะจะคั่งกัน ข้อ ๒ อาบแล้วต้องเปิดน้ำในอ่างซึ่งอาบแล้วออกเสียให้หมด อายน้ำแล้วต้องแต่งตัวสวมเชิดสวมกางเกงแลเสื้อชั้นนอก จะใช้เสื้อเปิดฅอฤๅปิดฅอก็ได้ การที่แต่งตัวทุก ๆ วันในเรือเมล์ที่จริงเราจะแต่งอย่างไร แม้ที่สุดจะแต่งตามเพศบ้านเมืองของเราก็ได้ ที่ว่านิ้ตามที่มักแต่งกันเปนปรกติ แต่งแล้วพอเวลา ๒ โมงครึ่ง พนักงานเป่าแตรครั้งที่ ๑ บอกเตรียมให้กินเข้าเช้า เรือบางลำก็ใช้ระฆังแทนแตรฤๅแตรแทนระฆังอะไรตามชอบใจเขา เราแต่งตัวแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้นบน พบพวกเพื่อนโดยสานที่รู้จักคุ้นเคยกัน ก็จับมือ “คูดมอนิง” กัน ที่จวน ๆ จะรู้จักกันก็มักใช้แต่พยักพเยิด แสดงไมตรีจิตรต่อกันแลกันตามควร ถึงเวลา ๓ โมงเช้าเป่าแตรครั้งที่ ๒ ลงไปนั่งโต๊ะกินเข้าเช้าพร้อมกัน โต๊ะกินเข้าตัวย่อม ๆ หลายโต๊ะ นั่งจุแต่ ๘ คนขึ้นไปหา ๒๐ คน ถ้าเรือแล่นในเมืองร้อนมีพัดชัก ถ้าเข้าเขตรเมืองหนาวก็ปลดพัดเก็บเสีย กับตันต้นหนแลต้นกลกับผู้โดยสานชั้นที่ ๑ กินอยู่ด้วยกันในห้องนี้ อาหารกินเวลาเช้ามีขนมปังสด ขนมปังปิ้ง แลยาคู ฝรั่งเรียกว่าปอริดช กินกับน้ำตาลแลนมโคเป็นต้น ตามแต่จะเลือกกิน กับเข้ามีปลาแลเนื้อสามสี่สิ่ง ของหวานมีทั้งขนมแลลูกไม้ เครื่องแกล้มมีเนยแขงเนยอ่อน เครี่องดื่มจะกินน้ำชาฤๅกาแฟก็เลือกได้ ว่าโดยที่จริงอาหารอยู่ข้างดี ไทย ๆ เราใครจะชอบกินเข้า คิดอ่านโปรยปรายกับบ่าวแลกุ๊กก็กินเข้าได้ทุกเวลา โดยที่สุดจะเมาคลื่นฤๅหิวโหยกลางคืน ถ้าไม่เกิน ๕ ทุ่มให้ต้มเข้าให้กินก็ได้ คนเลี้ยงประจำสำหรับโต้ะพวกนี้ อยู่ในเราต้องโปรยปรายบ้างเหมือนกัน เมื่อว่าถึงคนเลี้ยงเปนการต้องศึกษามีอยู่ข้อ ๑ คนเลี้ยงในบ้านเราเรียกว่าบ๋อย แปลว่าเด็ก ที่สิงคโปร์ฤๅลังกาแม้ตลอดจนอินเดียก็เรียกว่าบ๋อย แต่ในเรือเมล์อังกฤษต้องเรียกอย่างใช้ในเมืองอังกฤษว่า เวเตอ แปลว่าผู้ปฏิบัติ ไม่ทันสังเกตไปเรียกติดปากว่าบ๋อย เขาว่ามันไม่ใคร่ชอบ จะจริงเท็จอย่างไรไม่ทราบเลย เวลากินเข้าแล้วไม่จำเปนจะต้องรอกัน ใครอิ่มก่อนก็ลุกไปก่อนก็ได้ทุกเวลากินอาหาร ถ้าเปนผู้ชอบสูบบุหรี่ก็ต้องไปสูบบนดาดฟ้าฤๅที่ห้องสูบบุหรี่ข้างท้ายเรือ เพราะในห้องดาดฟ้าชั้นล่างห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ทุกชั้น การที่ห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ในห้องเรือจะเปนเพราะจะไม่ให้มีเหตุให้เกิดไฟไหม้ก็ได้อย่าง ๑ อิกอย่าง ๑ กลิ่นอายเหม็น เขาเกรงจะทำให้เดือดร้อนแก่ผู้ไม่ชอบสูบคือผู้หญิงเปนต้น นามว่าผู้หญิงดูเปนกาฬกิณีกับบุหรี่เสียจริงๆ ในเรือลำที่ข้าพเจ้าได้ไป ห้องเล่นดนตรีซึ่งเปนห้องผู้หญิงชอบประชุมกันเปนธรรมดานั้น อยู่ที่ดาดฟ้าชั้นบน แลดาดฟ้าชั้นบนนั้นเปนที่สูบบุหรี่ได้ ถึงต้องมีประกาศปิดไว้ตรงท้ายห้องดนตรีแห่ง ๑ หัวห้องดนตรีแห่ง ๑ ห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ตรงนั้น คือถ้าเดินเล่นบนดาดฟ้าถึงตรงห้องนั้นต้องเลิกสูบบุหรี่ ต่อเดินไปอิกห้าหกก้าวพ้นห้องนั้นจึ่งจะสูบได้อิก แต่ไม่ใคร่เห็นใครอ่านประกาศนี้ออก เพราะเห็นเขาเดินสูบบุหรี่ตลอดไปโดยชุกชุม ใช่แต่เท่านั้น ซ้ำจุดบุหรี่ในห้องนั้นก็มี แต่ข้าพเจ้าเอง ลองตั้งใจระวังได้เพียงถึงห้องตรงนั้นคงจะไม่ดูด ฤๅไม่ทำให้อัคคีกำเริบที่บุหรี่ แต่ที่จะให้เคร่งครัดถึงกับจะทิ้งก้นบุหรี่ แลจุดตัวใหม่เมื่อพ้นห้องทุกๆ คราวที่เดินผ่านไปมา ก็เห็นเปนเหลือกำล้ง ที่ว่านามผู้หญิงเปนกาฬกิณีแก่บุหรี่นั้น เปนแต่โดยนามจริงแท้ เพราะพวกผู้หญิงที่โดยสานไม่เห็นใครรังเกียจที่พวกผู้ชายสูบบุหรี่เลย การสูบบุหรี่นั้น ว่าที่จริงถ้าในห้องในเรือเห็นควรห้าม ข้าพเจ้าเคยไปในเรือซึ่งไม่ห้ามอยู่ห้องใต้ดาดฟ้า ลองสูบบุหรี่กระดาษดูตัวเดียว ก็เหม็นกลิ่นตระหลบไปทั้งห้องหลายชั่วโมงจึ่งหาย เพราะห้องเรือลมไม่ใคร่จะเข้าได้เสมอ ๚

๏ เวลากินเข้าเช้าแล้ว ต่างคนต่างก็ขึ้นเดินเหินเล่นหัวบนดาดฟ้าตามสบายใจ เวลา ๕ โมงเช้า กับตัน เปอเซอ เที่ยวตรวจห้องครั้ง ๑ ถ้าใครไม่พอใจการอะไร ก็อุทธรณ์แก่กับตันได้ในเวลานั้น เวลาเที่ยง พวกต้นหนเขาวัดแดด แต่ที่จริงเขาจะวัดเวลาไหนอิกบ้างก็ไม่ทราบ เพราะไม่ใช่ธุระของผู้โดยสาน ที่รู้ทั่วกันนั้นเวลาเที่ยง เพราะวัดแล้วเขาขีดเส้นลงในแผนที่ให้ผู้โดยสานรู้ว่าเรืออยู่ตรงไหนในเวลานั้น แผนที่นี้ คือแผนที่โลกฟากตวันออก เข้ากรอบติดไว้ในห้องประชุม สำหรับผู้โดยสานเรือออกจากเมืองไหนวัน ๆ ถึงไหน เวลาเที่ยงเขาก็ขีดเส้นตรงไปตามทางที่เรือแล่นหยุดไว้ตรงที่เรือถึง รุ่งขึ้นก็ขีดต่อไปดังนั้นทุกวัน เราดูแผนที่ก็รู้ได้ว่ามาได้เพียงไหน ยังอยู่อิกแค่ไหนจะถึง เปนการบอกศักราชอยู่ในตัวดีมาก ใช่แต่เท่านั้น ยังมีตารางในกระจกเล็กอิกแผ่นหนึ่งบอกเลอียดออกไป ว่าเวลาเที่ยงวันนั้นเรือถึงแลติดยูตเท่าไร ลองติลยูตเท่าไร แล่นมาได้ใน ๒๔ ชั่วโมงกี่ไมล์ ปรอทร้อนหนาวเท่าไร ปรอทอากาศเท่าไร เวลาใดจะเห็นตลิ่งหิ้งเหวตรงไหน เขาก็เขียนบอกไว้ทุก ๆ วัน ผู้โดยสานรู้สึกเหมือนกับเปนเครื่องปลอบน้ำใจ แลเปนหนังสือพิมพ์ข่าวอยู่ทุกวัน ถึงเวลาเที่ยงแล้วเปนตอมกระจก ๒ แผ่นนี้แน่นทุกวัน บางคนก็ดูพอรู้พอสบายใจ บางคนก็คัดลอกตารางลงสมุดปอคเกตบุก บางทีก็ถึงพนันกันว่ารุ่งขึ้นเรือจะเดินได้กี่ไมล์ก็มี การเล่นพนันเรือเดินนี้ ถ้าเล่นกันหลาย ๆ คนเปนการสนุกครึกครื้นมาก คือตั้งต้นใครเปนผู้นัดพนัน เขาเที่ยวถามตามพวกคนโดยสานว่า ใครจะเล่นบ้าง ๆ ได้ตัวคนมากน้อยเท่าใด เปนต้นว่า ๑๐ คน เขาก็กะตามตารางเลข ที่เรือเคยเดินได้ในวัน ๑ เปนต้นว่าเรือเคยเดินในวันที่ล่วง ๆ มาแล้ว วันละ ๓๖๐ ไมล์บ้าง ๓๖๗ ไมล์บ้าง ๓๗๐ ไมล์บ้าง ดังนี้ เขาทำฉลากผิดกันฉลากละไมล์ ตั้งแต่ ๓๖๐ ไมล์ ขึ้นไปจน ๓๗๐ ไมล์ แล้วให้ผู้เล่นจับ ผู้เล่นต้องลงเงินคนละประมาณ ๔ บาท รวมกันไว้ พรุ่งนี้เรือเดินได้ตรงกับฉลากของใครคนนั้นก็ได้เงินทั้งกอง ว่าโดยเค้าของการพนันเท่านี้ แต่ยังมีสนุกสนานนอกออกไปที่การเลหลังฉลาก คือ ถ้าใครไม่พอใจฉลากที่ตัวจับได้จะเอาออกโฆษนาการขายเลหลังเสียก็ได้ แล้วแต่พวกที่เปนนักเลงจัด ๆ เขาจะซื้อ บางทีก็ขาดทุน บางทีก็เลหลังได้กำไรถึงสองเท่าสามเท่าราคาเดิม เจ้าพวกเหล่านั้นเขาเอาไปฉิบหายได้เสียอิกชั้นหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจวนจะวัดแดดในวันพนัน เปนการเอะอะสนุกสนานกันใหญ่ เสมอนักเลงซึ่งคอยดูหวยออก จ้อกแจ้กทั้งผู้ชายผู้หญิง ฉลากใครถูกก็ช่วยกันจับไม้จับมือคอนแครชุเล็ตกันพักใหญ่ พวกที่หวยกินก็พลอยเฮฮาไม่เสียอกเสียใจอันใด ๚

๏ เวลาเที่ยงครึ่งเป่าแตรครั้งที่ ๑ บ่ายโมงเป่าแตรครั้งที่ ๒ กินเข้ากลางวัน อาหารที่กินกลางวันมีเนื้อต่าง ๆ ขนมแลผลไม้ ไอสครีมฤๅผลไม้แช่นำแขงด้วยทุกวัน อาหารมากสิ่งกว่าเวลาเช้า เวลาบ่าย ๔ โมงไม่เป่าแตรแต่เปนรู้สัญญากัน เปนเวลากินน้ำชา มีน้ำชาอย่างฝรั่ง คืออย่างกาแฟ แต่หากชงด้วยใบชา แลมีขนมหวานขนมปังหวานข้างทั้งในห้องกินเข้า กินกันเปนกลุ่ม ๆ ตามพวกตามพ้อง ไม่ต้องเปนระเบียบเรียบร้อยดังกินอาหารเวลาอื่น ในพวกใดที่มีผู้หญิงเปนผู้โดยสาน ผู้หญิงก็เปนธุระกระทำพิธีที่ผู้อำนวยการเลี้ยง เพราะการเลี้ยงน้ำชาเหมือนกับปอกมะปรางริ้ว ยากที่โดยลำพังผู้ชายจะทำให้เรียบร้อยเจริญความสโมสรสำราญได้ ผู้ชายคนใดที่กระทำความคุ้นเคยให้กว้างขวางในผู้โดยสานด้วยกัน ถึงจะเปนโสดไปแต่ตัว ก็คงจะได้รับเชื้อเชิญไปกินน้ำชาที่บ่อนนั้นบ้างบ่อนนี้บ้างไม่ขาดวัน ที่รักความสันโดษแท้ไปนั่งรินกินเองก็อิ่มเหมือนกัน เพราะฉนั้นถึงเวลากินน้ำชาที่ไปกินได้กินเอาก็มี ที่ไปกินเปนการสโมสรก็มี ตามชอบใจ ไม่ช้าก็เปนเลิกกันทุกวัน

ถึงเวลาย่ำค่ำแตรเป่าครั้งที่ ๑ ให้เตรียมกินเข้าเย็น การกินเข้าเย็นต้องการตระเตรียมมาก เพราะว่าโดยสมควรแล้ว ควรจะต้องแต่งเครื่องอิฟนิงเดรสทั่วกันหมด แต่การที่จะแต่งอิฟนิงเดรสในทเลทุก ๆ วันเปนการลำบากมิใช่เล่น เพราะร้อนแลอะไร ๆ ต่าง ๆ บางคนที่หนุ่มฤๅเคร่งครัดก็มักแต่งอิฟนิงเดรสฤๅแยกเกตขาว ซึ่งเปนเครื่องอิฟนิงเดรสในเมืองร้อน บางคนที่สุภาพพอประมาณก็แต่งสวมเพียงเสื้อสีดำ ๆ ที่ทนเฉย ๆ เอาก็มีบ้างแต่น้อย ข้างผู้หญิงก็เหมือนกัน ตามฉันเครื่องแต่งตัวของผู้หญิง ถ้าจะรวมความเวลากินอาหารเย็นอยู่ในจะต้องแต่งตัวใหม่ทั่วกันทุกคน เวลาย่ำค่ำครึ่งเป่าแตรครั้งที่ ๒ ไปนั่งโต๊ะพร้อมกัน วิธีเลี้ยงอาหารเย็นในเรือเมล์อังกฤษนี้ ลำบากประดักประเดิด แลช้ากว่าเลี้ยงอาหารเวลาอื่น ๆ มาก ต้องมีสต๊วดใหญ่เปนผู้อำนวยการด้วยระฆังสัญญาเปนจังหวะไป แต่แรกคนเข้านั่งโต๊ะผู้เลี้ยงยืนเรียงหลังเก้าอี้ พอสต๊วดเคาะระฆังเก๋ง ! แปลว่า “กับเข้าพร้อมละ” พวกผู้เลี้ยงก็เดินเปนแถว ออกไปรับจานมาตั้งให้กิน ๆ แล้วยกจานไป แล้วยืนคอยอิกจนกินอิ่มกันหมดสิ่ง ๑ สต๊วตเห็นว่าพร้อมไม่พลาดพลั้งเปนแน่แล้วจึ่งเคาะอิก เก๋ง ! เดินออกไปพามาตั้งอิกจาน ๑ ดังนี้เปนรายสิ่งไปจนหมด ไม่ต่ำกว่าชั่วโมงกับเกือบครึ่ง จึงดินเนอแล้วทุกวัน ถ้าติดจะออกเมา ๆ คลื่นอยู่ด้วยละเปนเท่านั้นเสียเอง แต่น่าดูท่านสต๊วดผู้อำนวยการมาก ดูจะอำนวยได้โดยยากทีเดียว จะพรรณาท่าทางก็จะยืดยาวเต็มที ขอยุติแต่ว่ากว่าดินเนอจะแล้ว ก็เห็นท่านสต๊วดใหญ่จะแทบหอบทุกครั้ง ดินเนอแล้วพากันขึ้นไปบนดาดฟ้า เล่นหัวฤๅพูดจาสนทนากันตามเคย กว่าจะหาวนอนเวลาใดก็ไปนอน แต่มีกำหนด ๔ ทุ่มครึ่งเปนประมาณว่าผู้หญิงต้องไปนอนหมด พ้น ๔ ทุ่มครึ่งไปถึงเราจะแต่งเครื่องนอนขึ้นมา โดยผู้หญิงคนใดยังไม่เข้าห้องนอน จะเที่ยวเละเทะอยู่บนดาดฟ้า จะว่าเรายุ่มย่ามขึ้นไปไม่ไว้หน้าเลดีก็ไม่ได้ ถ้าในห้องร้อนนัก เราจะใคร่นอนบนดาดฟ้า บอกบ่าว ๆ ก็จัดที่หลับที่นอนขึ้นไปปูให้เสร็จ แต่การนอนบนดาดฟ้าอยู่ข้างเดือดร้อนที่เวลาตี ๑๑ ครึ่งเขาเปนล้างเรือ เราต้องวิ่งงัวเงียลงไปห้องทุกวัน เพราะเขาจะให้ดาดฟ้าแห้งก่อนเวลา ๒ โมงเช้า ที่เปนเวลาจะได้แต่งตัวเรียบร้อยขึ้นไปพร้อมกันทั้งผู้หญิงผู้ชาย การที่เปนไปในเรือเมล์เปนสังเขปอย่างนี้ทุกวัน

ท่านผู้อ่านบางทีจะอยากทราบว่า ในระหว่างเวลากินเวลานอน ผู้โดยสานทำเวลาให้เปลืองไปด้วยอาการความปฏิบัติอย่างไร ในข้อนี้ข้าพเจ้าได้สังเกตดูเห็นมีอยู่ ๗ อย่าง คือสนทนากันอย่าง ๑ เปนธรรมดาไม่ต้องอธิบาย เล่นขับร้องแลพิณพาทย์อย่าง ๑ เล่นการเล่นอย่าง ๑ อ่านหนังสืออย่าง ๑ ดื่มอย่าง ๑ นอนอย่าง ๑ นั่งอย่าง ๑ จะต้องอธิบายทุก ๆ อย่างพอสังเขป จึ่งจะเข้าใจฝอยได้ดี

การดนตรีโดยปรกติ มีห้องดนตรีตั้งหีบเพลงอย่างดีไว้ในนั้นหีบ ๑ พวกผู้หญิงผู้ชายที่โดยสานมักจะเล่นเปนเวลา เช่นกลางวันฤๅเวลากินเข้าแล้วมักจะมีผู้ดีด บางทีก็มีผู้ร้องประสานเสียงหีบเพลง บางทีคลื่นลมสงบจะเต้นรำกันในห้องนั้นก็ได้ เล่นในกระบวนเหล่านี้แทบทุกวัน เราชอบฟังก็ไปนั่งฟัง บางคืนดินเนอแล้ว ประชุมร้องคอนเสิดกันเล่นในห้องประชุมบ้าง ฤๅเดือนหงาย ๆ คลื่นลมสงบชอบมาพากล ก็ยกหีบเพลงอาไหล่ออกตั้งที่ดาดฟ้า เล่นเต้นรำฤๅร้องเพลงคอนเสิดกันเปนการใหญ่สนุกสนาน พวกผู้โดยสานชันที่ ๒ ก็มีอิกส่วนหนึ่งคล้ายเช่นนี้ เขาก็เล่นกันตามประสาเขาเหมือนกัน บางทีก็ถึงดาดธงเทียวเชิญพวกชั้นที่ ๑ ไปดู บางทีพวกชั้นที่ ๑ แลพวกออฟิเซอตั้งแต่กับตันลงไป ก็ไปช่วยเขาเล่นแลร้อง เปนการสนุกสนานด้วยกันทั้งลำ

การเล่นต่าง ๆ นั้นแล่นกันแต่เวลาเช้าจนตลอดค่ำ ตามแต่ใครจะชอบใจเล่นอะไร มีไพ่แลหมากรุก หมากดราฟ ตั้งไว้ให้ ยังมีคริกเก็ต แลเล่นโยนห่วงเชือกลงถัง คือเอาถัง ๒ ใบมาตั้งตรงกัน มีห่วงเชือก ๖ ห่วง ผลัดกันโยนให้ลงถัง ใครโยนลงได้ ๒๑ ครั้งก่อนชนะ ห่วงนี้เล่นได้อิกอย่าง ๑ เรียกว่า ควอยด์ คือเอาดินสีพองเขียนบนดาดฟ้าเปนวง ๒ ชั้น ใครโยนห่วงของตัวเข้าในวงเล็ก แลทอยห่วงของผู้อื่นซึ่งอยู่ในวงออกไปเสียได้มากแต้มกว่ากันเปนชนะอิกอย่าง ๑ กระดานตีตารางเปนแต้ม ๆ มีแผ่นตะกั่วกลม ๆ โยนให้ได้แต้มแต่หนึ่งสองขึ้นไปจนหมดแล้ว ให้ได้แต้มถอยหลังลงมาให้ทำได้ครบก่อนเปนชนะ การเล่นเหล่านี้ เล่นกันทุกวันก็พอแก้รำคานได้ บางทีเวลาสบเหมาะพวกโดยสานเขาจัดเปนกอมมิตตี นัดการเล่นสนุกสนานกันบนดาดฟ้า มีวิ่งแข่งกันบ้าง เดินแข่งกันบ้าง ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ครึกครื้นเฮฮากันเปนการใหญ่ ชั้นที่ ๒ เขาก็มีเล่นเหมือนกัน เขาว่าบางคราวมีผู้โดยสานมาก ๆ ถึงเล่นลครเทียเตอกันก็มี

การอ่านหนังสือนั้น ในเรือมีห้องสมุดสำหรับเรือด้วย ใครจะยืมอ่านก็ได้ เมื่อเรือถึงท่าจะต้องให้เงินช่วยบำรุงห้องสมุดนั้นบ้างเล็กน้อย ราว ๖ สลึงเท่านั้น ยังเมื่อถึงท่าแห่งใด เปอเซอเขาได้หนังสือพิมพ์ข่าวต่าง ๆ ซึ่งเปนของสำหรับเรือ เขาก็มาแจกจ่ายให้อ่านทุกคราว ในเครื่องอ่านจัดเอาเปนบริบูรณ์ได้

เครื่องดื่มนั้นเขามีห้องบาร์เปิดในระหว่างเวลาเลิกเลี้ยง ใครจะซื้อน้ำกลั่นฤๅสุราอะไรกินก็ได้ บุหรี่ก็มีขายให้ที่ร้านนี้

ถ้าใครไม่ชอบใจจะเล่นอะไร ๆ จะเข้าห้องนอนเสียก็ได้ แต่การที่นอนในห้องลำบากอยู่อย่าง ๑ เพราะแต่งตัวอยู่เหมือนม้าเข้าเครื่องรถ จะนอนทั้งเครื่องก็ไม่มีความศุข จะเปลื้องเครื่อง ถ้าอยากจะออกจากห้องขึ้นมาเมื่อใดก็เปนการใหญ่มิใช่เล่น สู้นั่งหลับไม่ได้ การนั่งหลับดูเปนการจำเปนเสียจริง ๆ ผู้โดยสานที่เขาชำนาญการเดินทาง กินอาหารแล้วจนเดินไปเดินมาครู่หนึ่งลงนั่งเก้าอี้บนดาดฟ้า เซาไปเซามาครู่เดียวก็หลับหน้าเฉย ประเดี๋ยวตื่น ประเดี๋ยวหลับไปใหม่ ทำกันได้อย่างนี้ ทั้งกลางวันกลางคืน ออกเสียกาย ถ้ารู้เช่นนี้จะหัดนังหลับให้เปนไปเสียจากบ้านก็จะไม่น้อยหน้าเขา เมื่อเห็นเขานั่งหลับกันในเรือ ออกคิดถึงเพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่ง เมื่อออกไปเห็นจะไม่แพ้เปรียบฝรั่ง

เมื่อพรรณาให้เห็นเช่นนี้ ก็จะเข้าใจได้ว่าความศุขอย่างใดซึ่งควรจะเปนได้ ฤๅควรที่พวกเจ้าของเรือเขาจะให้ได้ เขาก็จัดให้ทุกอย่าง ควรจะเห็นว่าเปนความศุขสบายอย่างยิ่งได้

ก็แต่เจ้าประคุณคลื่นนั้น ท่านเปนเจ้าบุญนายกรรมอันใหญ่ เวลาท่านกรุณาถึงจะข้ามทเลใหญ่โตปานใดก็เรียบราบ ไม่ผิดอันใดกับในแม่น้ำ ถ้าท่านมาเมื่อใด ท่านก็ชักภาษีความศุขเหล่านั้นไปเสียสักร้อยละ ๕๐ กว่า ช้าก่อน, เมื่อกล่าวถึงคลื่นบางทีท่านผู้อ่านบางคนจะใคร่รู้ว่า ถ้าผู้โดยสานเปนคนมักเมาคลื่นจะทำอย่างไร ข้าพเจ้าขอตอบอย่างย่อว่า ถ้าใครเมาคลื่นก็เปนปาปะมุติทุกอย่าง เว้นไว้แต่จะแต่งตัวรุ่มร่ามขึ้นมาใช่เวลาไม่ได้เท่านั้น นอกจากนั้นจะกินที่ไหน จะกินอะไร บอกบ่าวก็จัดให้ทั้งสิ้น ถ้าว่าโดยการประจำโดยสังเขปก็เท่านี้

ยังส่วนการจรมีอยู่อิกหลายอย่าง ถ้าไม่พรรณาด้วยก็จะยังขาดค้าง การจรมีในวันอาทิตย์ครั้ง ๑ วันจันทร์ครั้ง ๑ กับเมืองจวนจะถึงท่าอีกครั้ง ๑ วันอาทิตย์เปนวันตรวจพลเรือ แลเปนวันบำเพ็ญการกุศลเวลา ๔ โมงครึ่งตีระฆังเรียกพลเรือขึ้นมาตรวจตั้งแต่กับตันต้นหนพลเรือ แลพนักงานทั้งปวงที่ไม่ติดน่าที่ ต้องแต่งตัวด้วยเครื่องยศอย่างสอาดมายืนเรียงแถวบนดาดฟ้าทั้ง ๒ ข้าง กับตันกับต้นหนที่ ๑ แลหมอกับเปอเซอเดินตรวจน่าแถวตลอดแล้วจึงเลิกกัน การตรวจอย่างนี้มีทุกวันอาทิตย์ เพื่อจะตรวจการไข้เจ็บอย่าง ๑ จะตรวจให้พลเรือรู้รักษาตัวแลเครื่องแต่งตัวสอาดอย่าง ๑ ดูเปนประเพณีดีมาก สังเกตดูตั้งแต่คนทำครัวแลช่างไฟขึ้นมา มันแต่งตัวสอาดจนแปลกตา ถ้าไม่มีตรวจเช่นนี้ เจ้าพวกเหล่านั้นก็เห็นจะเปื้อนไม่มีเวลาว่าง

คราวนี้ถึงการทำบุญ เวลา ๕ โมงเช้าตีระฆังอย่างวัด นัดประชุมกันสวดมนต์ในห้องกินเข้า ถ้าไม่มีพระฝรั่งโดยสาน กับตันว่าที่พระเทศน์ธรรมเสร็จในตัว มีหีบเพลงลม ผู้หญิงมักจะช่วยดีด ใครจะศรัทธาไปสวดมนต์ไม่เลือกหน้าเลือกชั้น บรรดาผู้ที่ไปในเรือลำนั้นก็เข้าไปสวดมนต์ในห้องนั้นได้ทั้งสิ้น ไม่ศรัทธาฤๅศรัทธาเพียงจะภาวนาก็ไม่ต้องไป สังเกตดูที่ไปกับไม่ไปพอกึ่งกัน นอกจากการสวดมนต์ ยังมีการทำทาน คือพวกโรงเลี้ยงลูกกำพร้าของกระลาสีเรือแตกบ้าง โรงเลี้ยงกระลาสีที่แก่ชรายากจนบ้าง ฝากหีบเรี่ยรายไปติดไว้ในเรือ ใครศรัทธาจะทำทานเท่าไรเมื่อใด ก็ทิ้งอัฐทิ้งเงินลงไปในหีบนั้น ถึงวันอาทิตย์เขาเปิดหีบเก็บเงินครั้ง ๑ ได้เท่าใดก็จดจำนวนปิดบอกไว้ การทำบุญนอกจากนี้ยังมีแปลกอิกอย่าง ๑ คือผู้โดยสานบางคนเปนสัปรุษถือว่าตัวชำนาญในการเทศนา บางทีรับอาสาไปแสดงธรรมแก่พวกชั้นที่ ๒ ในเวลากลางคืนราวสัก ๒ ทุ่ม ด้วยถือว่าคนชั้นที่ ๒ กิเลศยังหนา ก็อุส่าห์มีผู้ฟังอยู่บ้าง

วันจันทว์เปนวันฝึกหัดการดับไฟ แลซ้อม “ทัก” ทำท่าเหมือนเรือแตก เพราะตามธรรมเนียมเรือมีกระดานป้ายติดไว้กะราย ชื่อว่า ถ้าเรือแตก ออฟ้เซอคนนั้นต้องลงเรือโบตลำนั้น พลเรือคนนั้นต้องลงตีกระเชียงเรือลำนั้น แลเรือเหล่านั้นมีเครื่องสำหรับใช้ คือเข็มทิศ แลถังน้ำจืดเปนต้น เตรียมพร้อมอยู่เสมอทุกลำ การที่หัดดับไฟก็ทำนองเดียวกัน เวลาให้สัญญาผู้มีน่าที่จะควรทำอย่างไร ก็ไปประจำที่ ๆ จะทำการอย่างนั้น เครื่องมือเครื่องใช้ทั้งปวงก็ตรวจตราให้เรียบร้อยทั้งสิ้น ย่อมเปนประเพณีดีโดยธรรมดา เมื่อถึงวันจวนเรือจะถึงท่า บางทีมีการเลี้ยงใหญ่ ให้ศีลให้พรแสดงความอาไลยต่อกันแลกัน แลขอบอกขอบใจนายเรือตามควร แลมีพวกนายห้างซึ่งจะรับสิ่งของ ๆ ผู้โดยสาน ปิดประกาศไว้ในห้องเรือ นายห้างเหล่านี้เขาว่ากันกับเจ้าของเรือ ฝากประกาศเตรียมไว้ในเรือเสมอ เพราะผู้โดยสานที่อยากขึ้นบกโดยเร็ว ที่จะได้ไปรถไฟถึงลอนดอนก่อนไปด้วยเรือ จะพาหีบปิดไปทางบกหมด เสียโสหุ้ยเปลืองเงินมาก จึงพาไปแต่สิ่งของพอใช้สักสองสามวัน ของนอกจากนั้นฝากไปกับเรือ พวกนายห้างเหล่านี้รับจ้างรับสิ่งของเหล่านั้นไปส่งบ้านอิกชั้น ๑ สิ่งของซึ่งผู้โดยสานจะฝากไปกับเรือ จะให้ห้างไหนส่งก็ต้องรับตารางของห้างนั้นมาเขียนบอกรายสิ่งของ แลของซึ่งต้องพิกัดภาษี ต้องส่งทั้งกุญแจหีบมอบไปให้เขาด้วย เมื่อเรือถึงท่าเมืองลอนดอน นายห้างเหล่านั้นเขาก็เปนธุระให้เจ้าพนักงานภาษีตรวจตราเสร็จ ไม่ต้องเปนธุระร้อนใจอันใดกับเจ้าของ ห้างเหล่านี้ยังทำธุระให้ได้อิกหลายอย่าง คือ เปนแบงก์รับฝากเงินให้ ฤๅส่งหนังสือให้ผู้โดยสาน เพราะเขามีเอเยนต์อยู่ทุก ๆ ท่า

การที่รู้เห็นเปนไปในเรือ ก็ดูเหมือนจะเท่านี้ พอเรือถึงท่าก็เปนชุลมุนอลหม่านกันอิกครั้ง ๑ ค่าที่จะขึ้นบก มีที่จะต้องกล่าวอิกอย่าง ๑ ก็ที่เรื่องบุหรี่ ถ้าผู้ใดไม่ได้ไปเปนราชการ ที่มีเบิกล่องข้ามภาษีได้แล้วต้องระวังให้มาก เพราะตามเมืองเช่นบรินดีซีฤๅมาเสลเขาเรียกภาษีบุหรี่แรงจัด ถ้าหากว่าคนขึ้นบรินดีซี มีบุหรี่ไปมากเกิน ๘ มวน จะต้องเสียภาษีที่บรินดีซีครั้ง ๑ เมื่อเข้าแดนฝรั่งเศสจะต้องเสียอิกครั้ง ๑ เข้าแดนอังกฤษเสียอิกครั้ง ๑ สู้ส่งไปทางเรือเสียอังกฤษครั้งเดียวไม่ได้

อิกอย่าง ๑ ราคาของซื้อในเรือ เขาคิดด้วยราคาเงินอังกฤษทั้งสิ้น แต่ว่าในตอนแต่สิงคโปร์ถึงลังกา ใช้เงินเหวียญเขาก็รับ ถึงเงินรูเปียก็ใช้ได้ แต่ใช้ได้แต่เพียงเอเดน พ้นเอเดนมาแล้วเขาไม่รับเหมือนกัน ประกาศบอกเรื่องเหล่านี้ ทั้งประกาศอะไรต่ออะไรอื่นๆ อิก ถ้าอ่านหนังสืออังกฤษออกก็ไม่ต้องวิตก เพราะจะมีอะไรเขาเขียนปิดไว้ที่ห้อง บอกล่วงน่าก่อนเสมอ ๆ

เรื่องนี้เรียบเรียงอยู่ข้างจะยืดยาว แต่จะกล่าวให้สั้นกว่านี้ก็จะไม่พอแก่ความเข้าใจ ถึงเท่านี้ดูเหมือนจะยังขาดตกบกพร่องอยู่บ้าง

หนังสือเรื่องโดยสานเรือเมล์ไปยุโรป ได้เรียบเรียงขึ้นไว้แต่รัตนโกสินทร ศก ๑๑๐ ได้พิมพ์ครั้ง ๑ แล้ว กาลก็ล่วงมาหลายปี ข้อความที่พรรณามาปานนี้ เขาจะได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงไปประการใดบ้างก็หาทราบไม่ ข้าพเจ้าขออธิบายเพิ่มเติมตามความลงในที่นี้อิกสักหน่อยหนึ่งว่า การที่ไปทางไกลเช่นไปยุโรป ถึงจะได้ความสนุกศุขสำราญปานใดในระหว่างทาง ในเวลานั้นความยินดีรื่นเริงบรรเทิงใจดูเหมือนจะรู้สึกแต่เปนขณะจิตรชั่วเวลาหนึ่ง ๆ เพราะเหตุกังวลต่าง ๆ กล่าวคือความวิตกในราชการ ฤๅกิจธุระของตนที่จะพึงต้องทำในการที่ไปนั้น ที่สุดจนความมาดหมายที่จะไปที่นั่นให้ได้ในเวลานั้น ฤๅจะต้องนัดแนะพูดจากับผู้โน้นผู้นี้ให้เปนที่เรียบร้อย ยังข้อสำคัญ คือความที่ห่วงหลัง เปนเครื่องรำคานคอยเข้าแซกแซงอยู่มิได้เว้นแต่ละวัน ถ้าจะเปรียบความในข้อนี้ก็เหมือนกับนักเลงดนตรีซึ่งขับลำทำเพลง ย่อมมีทั้งเวลาสนุกสนานแลเวลาเหนื่อยหอบกระแอมไอปะปนกันไป ต่อเสร็จการเที่ยวเตร่ได้กลับมาถึงบ้านแล้วราว ๗ วัน ที่ว่าราว ๗ วันนั้นเพราะเมื่อแรกมาถึงเปนเวลาชุลมุนปิติยินดีอย่างสู้ส้า ทั้งจะต้องไปมาหาคนโน้นคนนี้ขวักไขว่ จะเอาเปนสติอารมณ์มิได้ ต้องราว ๗ วันพอมีเวลาว่างได้นั่งลงนึกว่า “ตัวเรานี้หนอ เกิดมาปะโชคเพราะพระมหากรุณา (ฤๅเพราะอะไร ๆ อันเปนเหตุให้ได้ไป) ได้ไปถึงที่นั้น ๆ ได้พบปะรู้เห็นสิ่งนั้นการนั้น ได้สำเร็จกิจธุระรอดพ้นภยันตรายกลับมาได้เห็นหน้าบุตรภรรยาญาติมิตร แลบ้านเกิดเมืองนอนของตนแล้ว” ดังนี้ จึงจะได้เกิดความปิติโสมนัศอันผ่องแผ้ว นับว่าเปนความสนุกศุขสำราญแท้ที่จะพึงได้ในการเดินทางแต่นั้นไป

เมื่อว่าถึงความสนุกสนาน เคยได้ยินเขาพูดกันมาแต่ก่อนว่า ประเทศยุโรปนั้นสนุกสนานเปรียบเหมือนกับเมืองสวรรค์ แต่เพื่อนที่รักของข้าพเจ้าคน ๑ ซึ่งได้เคยไปร่วมทุกข์ร่วมศุขมาด้วยกันกล่าวต่อความข้อนี้ไปว่า “ไปยุโรป เหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์จริง แต่มิใช่ไปขึ้นสวรรค์ที่ยุโรป มาขึ้นสวรรค์เมื่อกลับมาถึงบ้านเดิมนี้เอง” ความที่เขาว่าเช่นนี้ ดูก็น่าจะเปนความจริง สมด้วยคำโบราณกล่าวว่า “ที่เคยอยู่ อู่เคยนอน” ของใครก็ย่อมจะเปนที่รักซึมซาบอยู่แก่ใจผู้นั้น ยิ่งกว่าที่จะยอมยินดีพลัดพรากไปนิยมสิ่งอื่นอยู่เปนนิรันดรได้ ๚

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ