เสรีภาพสาวชาววัง

ในรั้วในวังนั้น สมัยโบราณนานมาแล้ว ผู้ปกครองมักพอใจจะให้บุตรธิดาของตนได้เข้าไปสิงสู่เพื่อลาภยศสักการะ และอภิสิทธิ์ต่าง ๆ อันจะพึงมีพึงได้ โดยเฉพาะในพระราชวังหลวงด้วยแล้ว ถ้าท่านผู้ใดมีบุตรสาวประพิมพ์ประพายต้องตาแล้วก็เท่ากับมีบันไดทองสำหรับการสร้างตัวด้วย ความปรารถนาดังกล่าวนี้มีมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จึงปรากฏว่าผู้หญิงชาววังเนืองแน่นไปหมด จนเกินอัตราที่พระเจ้าแผ่นดินจะจำหน้าได้ เรื่องการพระราชทานเสรีภาพให้แก่หญิงชาววังจึงได้เกิดขึ้นในรัชกาลนี้เอง

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีประกาศพระราชทานอนุญาตให้ข้าราชการฝ่ายในทูลลาออกนอกราชการได้ ลงวันเสาร์ เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีกุน เบญจศก ศักราช ๑๒๒๕ มีความว่า

...ขอทำคำประกาศแก่ข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายใน แลผู้รักษาเมือง กรมการหัวเมืองบางเมือง ผู้ใด ๆ บรรดาที่มีบุตรหญิงแลหลานแลญาติเป็นหญิงเด็กแลรุ่นแลสาว มาถวายตัวทำราชการอยู่ในพระบรมมหาราชวังนี้ทั้งปวง ให้ทราบความเป็นจริง บัดนี้ผู้หญิงที่มาถวายตัวทำราชการในพระบรมมหาราชวังนี้ตั้งแต่ปีกุน ตรีศก มาจนถึงปีกุน เบญจศกนี้ มากมายหลายคนขึ้น เหลือใช้เหลือสอยจนข้าพเจ้าจำหน้าก็ไม่ได้ จำชื่อก็ไม่ได้โดยมาก จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังมีผู้ถวายตัวมากขึ้นทุกปี จนเด็กอายุ ๕ ขวบ ๖ ขวบขึ้นไปก็ถวายตัว ที่เป็นที่อยู่ในวังยัดเยียดแน่นนันกันเหย้าเรือนไม่ใคร่จะพอ เมื่อผู้ใดมาถวายตัวอยู่ใหม่ ถ้าเป็นเด็กก็มีเบี้ยหวัด ๓ ตำลึง ๔ ตำลึง ๕ ตำลึง ๖ ตำลึง หรือ ๗ ตำลึงในปีแรก ตามยศของบิดา ปีต่อ ๆ มาเบี้ยหวัดก็ทวีมากขึ้นไปถึง ๘ ตำลึง ๑๐ ตำลึง ๑๒ ตำลึง ๑๕ ตำลึง ตามที่มีฝีมือเต้นรำแลเหตุอื่น ๆ ในที่โกนจุกแล้วเป็นสาวแล้ว เบี้ยหวัด ๑๐ ตำลึง ๑๒ ตำลึง ๑๕ ตำลึง เป็นอย่างน้อย อย่างเลวชั่ง ๑ ชั่ง ๕ ตำลึง ชั่ง ๑๐ ตำลึงเป็นพื้นทั่วไปโดยมาก ถ้าจะคิดเป็นเบี้ยหวัดของพวกถวายตัวใหม่มิใช่ค้างมาแต่แผ่นดินเก่า ที่แจกอยู่ในปีจอ จัตวาศก ปีกุน เบญจศกนี้ เงินกว่า ๕๐๐ ชั่งเศษแล้ว ก็ผู้ที่ข้าพเจ้าได้ใช้สอยอยู่นั้นก็น้อยตัว เพราะการงานมีก็มากยากที่จะจำหน้าจำชื่อได้ ใครใกล้เคียงคุ้นเคยกใช้ผู้นั้นไป ก็เมื่อต้องแจกเบี้ยหวัดแก่บุตรหลานท่านทั้งหลายทั้งปวงอยู่ทุกปี ดังนี้ ข้าพเจ้าก็ไม่เสียใจเสียดายเงินดอก นึกว่าเพิ่มเบี้ยหวัดให้ท่านทั้งหลายทั้งปวงที่มีความจงรักภักดี เป็นอันช่วยเลี้ยงบุตรเลี้ยงหลานท่าน เมื่อท่านไม่ให้บุตรหลานท่านเข้ามาอยู่ในวัง ท่านก็ต้องเสียเงินเป็นเครื่องเลี้ยงบุตรเลี้ยงหลาน เมื่อให้เข้ามาอยู่ในวังข้าพเจ้าก็ช่วยเข้าบ้างไม่ว่าไรดอก แต่เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าวิตกว่าผู้หญิงเป็นอันมากมาต้องกักต้องขังอยู่ยัดเยียดเบียดเสียดกัน ก็ไม่ต้องการเปลืองอายุผู้หญิงเหล่านั้นไป แลเป็นที่ให้คนที่ไม่รู้จักผิดชอบตื้นลึกหนาบางเห็นไปว่า ใจข้าพเจ้าละโมภโลภในสตรีมากหวงกันกักขังไว้ ความจริงไม่เป็นดังนั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้รัประมาณรู้เวลาว่าราชการ แลบำเพ็ญการกุศลสวดมนต์ภาวนา จะเพลิดเพลินไปด้วยสตรีไม่มีเวลาก็หามิได้ เมื่อท่านผู้ใดรังเกียจการในพระราชวัง ว่าจะให้บุตรหลานท่านเข้ามาทำราชการอยู่ข้างในวัง กลัวจะมีเหตุนั้น ๆ ซึ่งไม่เป็นที่ชอบใจท่านต่าง ๆ ดังท่านจะคิดเห็นไปนั้น ข้าพเจ้าก็เห็นด้วยทุกอย่าง ว่าควรที่จะรังเกียจอยู่แล้ว ถ้าท่านผู้ใดมีบุตรหลานเป็นหญิง จะไม่เข้ามาทำราชการในวังเพราะรังเกียจนั้น ๆ ข้าพเจ้าก็ไม่มีความน้อยใจเลย ที่ท่านผู้ที่ให้บุตรหลานเข้าทำราชการอยู่ในวัง ข้าพเจ้าเข้าใจว่าท่านทั้งหลายยอมบุตรหลานมาให้ข้าพเจ้าเลือกให้เป็นละครตัวเอกนางเอกแลการอื่น ๆ การที่ยอมให้ข้าพเจ้าเลือกเพียงเท่านั้น ก็เป็นบุญคุณของท่านทั้งหลายทั้งปวงมีอยู่แก่ข้าพเจ้ามากอยู่แล้ว ก็บัดนี้ข้าพเจ้าคิดจะเปลื้องความลำบากที่ผู้หญิงเป็นอันมาก มาต้องยัดเยียดเบียดเสียดกันอยู่เปลืองอายุไป แลมาต้องเป็นสูง ๆ ต่ำ ๆ ดำ ๆ ขาว ๆ ปะปนอยู่กับบุตรหลานของผู้ที่ท่านจะพึงคิดว่าต่ำศักดิ์กว่าตัวท่าน เป็นการรำคาญใจท่านอยู่ อนึ่งจะใคร่เปลื้องการสำคัญของคนบางจำพวก ซึ่งจะพึงคิดว่าข้าพเจ้ามีความละโมภโลภในสตรีหวงแหนไว้มากไม่ให้ใคร ข้าพเจ้าอยากจะใคร่ปลดปละสละเสียให้บางเบาไป จะหวงไว้แต่ที่มีบุตรชายบุตรหญิงด้วยข้าพเจ้า แลที่ไม่มีบุตรก็แต่ที่ข้าพเจ้าได้เลี้ยงให้มีเครื่องยศแลเบี้ยหวัด ตั้งแต่ ๒๐๐ บาทขึ้นไป นอกจากนั้น ข้าพเจ้าอยากจะใคร่ให้ได้ไปตามปรารถนา แลตามใจชอบของบิดามารดาหญิงพวกนั้น อนึ่งเจ้านายพี่น้องของข้าพเจ้าชิดห่างทั้งปวงต่าง ๆ ตลอดลงไปจนหม่อมเจ้าบางองค์ ได้มีคุณูปการะแก่ข้าพเจ้าอยู่ก็มีเป็นอันมาก ถึงในพวกมิใช่เจ้านาย คือเป็นขุนนางตั้งแต่เสนาบดีลงไป จนถึงบุตรหลานของท่านผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งเป็นมหาดเล็กอยู่ บางท่านบางนายก็เป็นญาติกับข้าพเจ้าก็มี ถึงไม่เป็นญาติ ข้าพเจ้ารักดังญาติก็มี คิดไปถ่ายหนึ่งข้าพเจ้าอยากว่าผู้หญิงที่เหลือใช้ของข้าพเจ้าแล้ว ทั้งเด็กทั้งใหญ่ ข้าพเจ้าอยากจะใคร่จัดให้สมควร คือจะยกให้ไปทำราชการในพระบวรราชวังบ้าง ให้ไปอยู่วังเจ้าต่างกรมแลเจ้ายังไม่ได้ตั้งกรมที่ได้ราชการบ้าง ยกไปให้อยู่กับขุนนางผู้ใหญ่ที่มีความชอบสมควรใช้สอยบ้าง แลจัดแจงแต่งให้อยู่ด้วยกับหม่อมเจ้าแลข้าราชการ ตลอดลงไปจนมหาดเล็กที่ได้ราชการบ้าง ท่านทั้งหลายทั้งปวงจะได้ช่วยกันเลี้ยง ท่านผู้ใดสัตย์ซื่อเชื่อถือใจจริงข้าพเจ้าในที่ว่ามานี้ ไม่กระดากหน้าตามตำราเก่า รับไปตามข้าพเจ้าให้ก็จะได้มีความยินดี การก็จะได้ปรากฏเป็นยศแก่ข้าพเจ้า ว่าบุญคุณเผื่อแผ่แก่ท่านทั้งหลายทั้งปวงไม่หวงสตรีไว้ ข้าพเจ้าจะทำดังนี้ด้วยอำนาจเป็นเจ้าแผ่นดินก็จะทำได้ แต่ถ้าทำดังนั้นก็จะเป็นที่ท่านทั้งหลายทั้งปวงผู้เป็นบิดามารดาแลญาติของหญิงเหล่านั้นจะคิดจะว่า ข้าพเจ้าสำคัญบุตรหลานแลญาติของท่าน ซึ่งท่านทั้งหลายสวามิภักดิ์มาถวายตัวนั้นเป็นดังเชลยตีทัพมาได้ ก็ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจะทำดังว่าก่อนไม่ได้ ข้าพเจ้าเกรงใจท่านผู้พามานัก ต้องหารือแก่ท่านทั้งหลายทั้งปวงก่อน ท่านทั้งปวงจงรู้ดังคำประกาศนี้เถิต

ท่านทั้งปวงก็ย่อมรู้อยู่แล้ว การในวังเป็นอย่างไร บัดนี้ข้าพเจ้าทำคำประกาศยอมมา บุตรหลานแลญาติของท่านผู้ใดที่เป็นหญิงสาวหญิงรุ่น ไม่ได้เบี้ยหวัดถึง ๒๐๐ บาท แลมิใช่ผู้ที่มีสารกรมขายตัวเป็นทาส หรือกู้เงินเป็นหนี้ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้ายอมคืนให้ตามใจบิดามารดา แลญาติที่พามาถวาย จงมารับกลับคืนไปให้มีผัวหรือจะถวายในเจ้านายใด ๆ หรือจะยกให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ตามแต่ใจของท่าน ข้าพเจ้าไม่ติเตียนน้อยใจอันใด ข้าพเจ้ายอมคืนให้โดยสะตวก แลจะไม่กระดากหน้าแก่ผู้ที่ได้ไปนั้นเลย

ตั้งแต่ปีกุน ตรีศก จนถึงปีกุน เบญจศกนี้ ผู้หญิงที่เป็นเมียข้าพเจ้าอยู่ก่อน ลาออกไปมีผัวอยู่ข้างนอกก็หลายคน ผัวของหญิงเหล่านั้นกับข้าพเจ้าก็ดีกันหมด ไม่ได้ขัดเคืองกระดากกระเดื่องกับใคร คนที่เป็นเมียข้าพเจ้าอยู่ก่อนบางคนมีผัวใหม่แล้วกลับมาหา ข้าพเจ้าก็พูดจาด้วยดีอยู่ การเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เมื่อประกาศแล้วดังนี้ ถ้าบิดามารดาแลญาติไม่สมัครรับไป จะให้หญิงเหล่านั้นทำราชการในวังนี้ต่อไป ก็จะต้องให้เป็นพนักงานทำการนั้น ๆ หรือเป็นทหารมโหรีแลอื่น ๆ ที่เบี้ยหวัดตามตำแหน่งพนักงานนั้น ชั่ง ๑ บ้าง ชั่ง ๕ ตำลึงบ้าง ชั่ง ๑๐ ตำลึงบ้าง ก็จะให้เสมอไปตามการหนักเบา เมื่อบอกออกเมื่อไรก็จะให้ออก แต่ที่เด็ก ๆ นั้นที่เป็นตัวละครสำคัญ ๆ คือพระเอกนางเอกขอไว้ก่อน พอได้เล่นรับแขกบ้านแขกเมืองไป หรือจะกลับไปไว้บ้านก็ได้ เมื่อมีงานละครหรือแห่แหนอันใด บอกขอแรงมาช่วยก็ได้ เพราะยังเป็นเด็กอยู่ไม่ควรจะมีเจ้าของ

แต่บุตรของพระยาบำเรอภักดิ์พวกหนึ่ง บุตรพระยาบุรุษยรัตน์พวกหนึ่ง เป็นบุตรบ่าวเดิมของข้าพเจ้า ได้เป็นเจ้าแผ่นดินก็ดี ไม่เป็นเจ้าแผ่นดินแต่ไม่บวชอยู่ก็ดี คนพวกนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่าบิดาของพวกนั้นคงให้อยู่กับข้าพเจ้าผู้เดียวไม่ให้ใคร เพราะฉะนั้น บัดนี้ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ใคร ใครอย่าจู่โจมล่วงเกินคิดอ่านอย่างไรเข้ามา

สตรีที่มีบุตรกับข้าพเจ้า ที่เบี้ยหวัดไม่ถึง ๒๐๐ บาทมีอยู่บ้าง แต่ถ้าบุตรยังอยู่ ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ใคร ที่เบี้ยหวัด ๒๐๐ ขึ้นไป บุตรมีก็ดี ไม่มีก็ดี ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่ควรที่ท่านผู้เป็นบิดามารดาแลญาติจะว่าข้าพเจ้าเลี้ยงไม่ดี ข้าพเจ้าจึงว่าดัดได้ว่าไม่ให้ใคร ก็ถ้าแม้นคนเหล่านั้นที่ไม่มีบุตร ข้าพเจ้าลดเบี้ยหวัดเสียไม่ถึง ๒๐๐ บาทเมื่อใด ท่านจงเข้าใจว่าเป็นอันคืนให้ท่านเมื่อนั้นเถิด ก็ในที่นอกจากคนที่ข้าพเจ้าว่ากันไว้ดังนี้แล้ว ใครชอบใจจะใคร่ได้ก็จงไปว่ากล่าวสู่ขอต่อบิดามารดาเขาเถิด ข้าพเจ้าไม่ว่า ผู้อ่านคำประกาศนี้พิจารณาความให้เข้าใจ อย่าพาโลคำประกาศจู่โจมมาเกี่ยวพานเบี้ยหวัด ๔๐๐ บาทเขา

เรื่องนี้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มชัดว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระทัยกว้างขวางและทรงทราบดีในเรื่องชีวิตคู่ จึงได้ทรงเปิดโอกาสให้แก่บรรดาข้าบาทบริจาริกาทั้งหลายจะได้เป็นไทแก่ตนเอง และสามารถเลือกทางในการครองเรือนชีวิตคู่ของตนเองในอนาคตด้วย

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ