พระสี่เสาร์กลอนสวด
๑ ประนมนิ้วขึ้นเหนือเศียร | ต่างธูปเทียนชวาลา |
บูชาพระศาสดา | อันโปรดสัตว์ในสงสาร |
๒ ไหว้คุณพระสธรรม | อันฦกลํ้าพิสดาร |
พระเจ้าโปรดประทาน | ไว้สั่งสอนประชาชน |
๓ ข้าไหว้คุณหมู่สงฆ์ | เธอได้ทรงศีลทศพล |
ศึกษาได้มรรคผล | จะนำตนสู่นิพพาน |
๔ ข้าไหว้พระคุณครู | สอนให้รู้วิชาการ |
ไหว้เทพในสถาน | อันรักษาทั้งแดนไตร |
๕ ขอเดชพระบารมี | อยู่เกศีอย่ามีภัย |
ไหว้คุณท่านทั้งหลาย | ขอจงได้คุ้มโทษา |
๖ ไหว้ทั้งคุณบิตุเรศ | บังเกิดเกศเป็นกายมา |
ทั้งคุณพระมารดา | ลํ้าโลกาใครจักปาน |
๗ คุณแม่ยิ่งนักหนา | เลี้ยงรักษาพยาบาล |
พระคุณใครจะปาน | สั่งสอนลูกจนใหญ่มา |
๘ กล่าวนักจักเนิ่นนาน | เรื่องนิทานยาวนักหนา |
ว่านักเห็นจักช้า | คุณมารดาล้ำโลกัย ๚ะ |
สุรางคนางค์
๙ จะกล่าวตำนาน | |
นิยายบูราณ | แต่ก่อนล่วงไป |
เมื่อพระสรรเพชญ์ | สมเด็จจอมไตร |
สร้างสมภารได้ | นับสี่สังขยา |
๑๐ สมเด็จพระชินศรี | |
สร้างพระบารมี | แต่ก่อนโพ้นมา |
ชักเอาชาดก | ยกออกเทศนา |
พระองค์สร้างมา | ได้สี่อสงไขย |
๑๑ เอโกราชา | |
ยังมีพญา | องค์หนึ่งเลิศไกร |
ครอบครองพารา | ช้างม้าพลไพร่ |
นามชื่อเวียงไชย | อนันตนคร[๑] |
๑๒ ท้าวผู้เสวยราช | |
ทรงนามพระบาท | สุนทราชบวร[๒] |
ครอบครองไพร่ฟ้า | ประชาราษฎร |
เป็นที่สโมสร | แก่ฝูงประชา |
๑๓ มีพระมเหสี | |
นามกรเทวี | นพรัตน์กัลยา |
นวลนางมารศรี | เป็นที่เสนหา |
สมเด็จราชา | ร่วมรักสโมสร |
๑๔ นักสนมชาวรัง | |
สาวสาวสะพรั่ง | นั่งเฝ้าสลอน |
เหมือนดั่งดารา | ห้อมล้อมจันทร |
เห็นงามบวร | ดุจท้าวโกสีย์ |
๑๕ ทั้งสองกระษัตริย์ | |
เสวยราชสมบัติ | เป็นบรมเปรมปรีดิ์ |
อยู่ในธรรมิศ | บพิตรยินดี |
สมเด็จจักรี | อยู่ในทศธรรม |
๑๖ อยู่มาวันหนึ่ง | |
นพรัตน์เอวกลึง | ทรงโฉมแจ่มจันทร์ |
เสด็จไสยาสน์ | เหนืออาสน์สุวรรณ |
เมื่อนั้นจอมขวัญ | ทรงพระสุบิน |
๑๗ ในฝันนั้นว่า | |
พระบาทเบื้องขวา | เหยียบยอดศิขรินทร์ |
แห่งเขาพระสุเมรุ | อ่อนเอนไปสิ้น |
เทวาพระอินทร์ | ลินลาศหลีกหนี |
๑๘ ยังฝันอีกเล่า | |
พระบาทแห่งเจ้า | เบื้องซ้ายโฉมศรี |
เหยียบยอดสัตตภัณฑ์ | สะท้านธรณี |
เทพในราศี | หลีกหนีทุกสถาน |
๑๙ ยังฝันอีกเล่า | |
ว่าองค์พระเจ้า | เห็นงามตระการ |
พระองค์พินิจ | พิศดูบนาน |
เห็นมณฑาบาน | เด็ดเอาทันใจ |
๒๐ เด็ดดอกมณฑา | |
เชยชมไปมา | สำราญหฤทัย |
ฝันเท่านั้นแล้ว | นางแก้วทรามวัย |
ตื่นขึ้นทันใด | อัศจรรย์นักหนา |
๒๑ นพรัตน์นางแก้ว | |
ถึงเวลาแล้ว | ขึ้นเฝ้าราชา |
จึ่งเล่าความฝัน | อัศจรรย์มีมา |
แห่งนางฉายา | ถวายพระภูบาล |
๒๒ ตามฝันอรทัย | |
เล่าถวายท้าวให้ | ทราบสิ้นอวสาน |
ขอพระองค์เจ้า | ได้โปรดประทาน |
ให้โหราจารย์ | มาทำนายดู |
๒๓ เมื่อนั้นจักรี | |
สุนทราชภูมี | ได้ฟังโฉมตรู |
สนเท่ห์พระทัย | ท้าวใคร่จักรู้ |
พระน้องโฉมตรู | เจ้าฝันเป็นไฉน |
๒๔ มีพระโองการ | |
แก่ชาวพนักงาน | สาวใช้ชาวใน |
จงบอกขอเฝ้า | ว่าเราให้ไป |
หาโหรมาให้ | ทายฝันเทวี |
๒๕ บัดนั้นสาวใช้ | |
รับสั่งแล้วไป | มิได้รอรี |
ไปหาขอเฝ้า | บอกเล่าคดี |
ว่าพระภูมี | ให้หาโหรา |
๒๖ บัดนั้นขอเฝ้า | |
ได้ฟังคำเจ้า | สาวศรีบอกมา |
จึ่งชวนกันไป | สู่โรงโหรา |
ว่าพระราชา | ให้หาเข้าไป |
๒๗ บัดนั้นโหรเฒ่า | |
ได้ยินขอเฝ้า | ว่าเจ้าจอมไตร |
พระองค์ให้หา | ตัวข้าเร็วไว |
ช้าอยู่มิได้ | จึ่งไปด้วยพลัน |
๒๘ ครั้นถึงก้มเกล้า | |
บังคมพระเจ้า | ปิ่นเกล้าไอศวรรย์ |
สมเด็จจักรี | มีโองการพลัน |
ว่านางจอมขวัญ | ฝันร้ายฤๅดี |
๒๙ เมื่อนั้นทรงธรรม์ | |
จึ่งเล่าความฝัน | ของนางโฉมศรี |
แก่ขุนโหรเฒ่า | ตามเค้าคดี |
ว่านางเทวี | จะเป็นฉันใด |
๓๐ บัดนั้นโหรเฒ่า | |
ได้ฟังพระเจ้า | ปิ่นเกล้าภพไตร |
ดูในตำรา | เห็นดีเหลือใจ |
โฉมงามทรามวัย | จะมีบุตรา |
๓๑ ฝันนี้ปรากฏ | |
จะมีโอรส | ล้ำเลิศฦๅชา |
จะเป็นผู้ชาย | โฉมงามโสภา |
ใครเลยจะมา | เปรียบได้ถึงสอง |
๓๒ สมเด็จราชา | |
ฟังโหรทูลมา | ประทานสิ่งของ |
สินทรัพย์เสื้อผ้า | เงินตราเนืองนอง |
ช้างม้าทั้งผอง | ให้แก่โหรา |
๓๓ เมื่อนั้นเทวี | |
นพรัตน์โฉมศรี | เจ้าอรฉายา |
ท้าวน้องทรงครรภ์ | ถ้วนทศมาสา |
ประสูติลูกยา | เป็นชายบวร |
๓๔ ข้าสาวชาวแม่ | |
พิทักษ์อัดแอ | ห้อมล้อมสลอน |
เฝ้าอยู่รักษา | ผ่านฟ้าบวร |
สมเด็จภูธร | ให้ชื่อลูกยา |
๓๕ ชื่อพระสี่เสาร์ | |
โฉมเฉิดเพริศเพรา | เลิศล้ำโลกา |
อายุเจ้าได้ | สิบหกพระวษา |
สมเด็จบิดา | มอบเวนศฤงคาร |
๓๖ จึ่งอภิเษก | |
อนงค์องค์เอก | เป็นยอดเยาวมาลย์ |
นางหนึ่งมเหสี | อนันต์นงคราญ |
กับพระภูบาล | ครองราษฎร์ประชา |
๓๗ องค์พระสี่เสาร์ | |
ฤทธิเดชพระเจ้า | ล้ำเลิศโลกา |
มีอัศวราช | เชื้อชาติอาชา |
ฤทธีนักหนา | สรรพทั้งสองตัว |
๓๘ หนึ่งชื่อไตรจักร | |
ท้าวย่อมทรงนัก | เทวาย่อมกลัว |
สมเด็จท่านไท | เหาะไปได้ทั่ว |
ตรีโลกกลอกหัว | ฤทธิเดชราชา |
๓๙ ท้าวเธอเสด็จไป | |
บาดาลตํ่าใต้ | พิภพนาคา |
แล้วเสด็จเหาะหน | ไปบนเวหา |
กินอุทกธารา | อโนดาตนที |
๔๐ ตัวหนึ่งเล่านา | |
ชื่อมหาศักดา | ฤทธาแสนทวี |
พระทรงเหาะไป | ในไตรตรึงษ์ศรี |
ชมนางนารี | ฝูงเทพกัลยา |
๔๑ ท้าวผู้องอาจ | |
เชยชมนางนาฏ | แล้วกลับลงมา |
มีศักดิ์มียศ | ปรากฏฦๅชา |
เที่ยวทุกทิศา | ชมเล่นทุกเมือง |
๔๒ ฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ | |
ถวายดอกไม้ | เงินทองนองเนือง |
พระเกียรติยศ | ปรากฏรุ่งเรือง |
หมื่นสี่พันเมือง | กลัวเกรงนักหนา |
๔๓ ออกชื่อนามท้าว | |
ปวดเสียวเศียรเกล้า | ทุกท้าวพญา |
สี่ทวีปย่อท้อ | ไม่ต่อฤทธา |
เป็นปิ่นกระษัตรา | ทั่วทั้งปฐพี |
๔๔ คนธรรพคนธรรพ์ | |
นาคาสุบรรณ | กุมภัณฑ์ยักษี |
เกรงกลัวเดชา | ฤทธาภูมี |
ทุกกรุงธานี | ถึงปีเสด็จมา |
๔๕ เสด็จเหนืออาสน์ | |
ทุกกรุงเดียรดาษ | เข้าเฝ้าราชา |
มงกุฎกระทบกัน | ทุกวันอัตรา |
หัวเพชรมีค่า | ร่วงหล่นทุกองค์ |
๔๖ เฝ้าแล้วเสด็จไป | |
หัวเพชรนั้นไซร้ | ที่ร่วงตกลง |
นายโรงกวาดได้ | เก็บไว้โดยจง |
ดั่งดาวเยียรยง | วันละเจ็ดพันทะนาน |
๔๗ ไม่เป็นของหลวง | |
นายโรงตักตวง | ออกขายทุกวัน |
สมเด็จสี่เสาร์ | อยู่ในทศธรรม์ |
ให้ทานอนันต์ | แก่ราษฎร์ประชา |
๔๘ สวดมนตร์ไหว้พระ | |
ยิ่งเป็นตบะ | จำศีลภาวนา |
เธอสร้างสมภาร | ปณิธานปรารถนา |
เป็นพระศาสดา | ในอนาคตกาล |
๔๙ วันหนึ่งบรรทม | |
เหนือแท่นภิรมย์ | เป็นสุขสำราญ |
ท้าวเสวยสุบิน | สุดสิ้นในสถาน |
เมื่อราตรีกาล | ตื่นขึ้นพิศวง |
๕๐ ในฝันนั้นว่า | |
ปรางค์แก้วรจนา | ยอดหักพับลง |
เล็งดูทุกวัน | ยอดนั้นยังคง |
ไพบูลย์สูรย์ทรง | วิจิตรรจนา |
๕๑ ท้าวตรึกความฝัน | |
เห็นเป็นอัศจรรย์ | พรั่นในวิญญาณ์ |
เร่งคิดสงสัย | พระทัยราชา |
สี่เสาร์ฤทธิ์กล้า | เร่งมาพิศวง |
๕๒ เหตุอันหนึ่งนั้น | |
เสโททรงธรรม์ | ไหลออกโซมองค์ |
สมเด็จจอมไตร | ท้าวไทพิศวง |
เหตุหนึ่งพระองค์ | ดูหลากนักหนา |
๕๓ ว่ากายนั้นสั่น | |
หฤหัยไหวหวั่น | สั่นคือตีปลา |
เหตุอันหนึ่งนั้น | ทรงธรรม์ราชา |
เศร้าหมองโรยรา | เป็นน่าบัดศรี |
๕๔ โองการให้หา | |
โหรเฒ่าเข้ามา | มิช้าทันที |
จึ่งเล่าความฝัน | อัศจรรย์อันมี |
ตามเค้าคดี | ที่เธอฝันมา |
๕๕ วันนั้นโหรเฒ่า | |
ได้ฟังปิ่นเกล้า | ดูในตำรา |
ทูลแก่ท้าวไท | เคราะห์ร้ายนักหนา |
พระเสาร์จะมา | ทับลัคน์ทรงธรรรม์ |
๕๖ ยังเจ็ดราตรี | |
พระเสาร์จรลี | จะทับลัคน์พลัน |
ถึงสองปีกึ่ง | จึ่งคลายโทษทัณฑ์ |
พระนิมิตฝัน | อัศจรรย์นักหนา |
๕๗ สามโมงสี่บาท | |
เสาร์จะลินลาศ | มาทับลัคนา |
จะเกิดโกลี | มีแก่ราชา |
พระเคราะห์ตัวกล้า | มาให้เกิดเข็ญ |
๕๘ เสาร์จะทับลัคน์ | |
พระเคราะห์ร้ายนัก | จักได้ยากเย็น |
ศุกร์ทับภูมินทร์ | จะเกิดความเข็ญ |
อังคารสุเรนทร์ | ทับจันทร์บ่คลา |
๕๙ พระเสาร์จะทับลัคน์ | |
พระศุกร์ทรงศักดิ์ | แทรกเข้ามิช้า |
ดูในอินทภาษ | แล้วดูทักษา |
พระศุกร์ตัวกล้า | เข้าอยู่ภูมินทร์ |
๖๐ พระเคราะห์ร้ายนัก | |
พระองค์ทรงศักดิ์ | อย่าได้ดูหมิ่น |
จงบูชาเคราะห์ | พระเสาร์สุรินทร์ |
อย่าหลู่ดูหมิ่น | ว่าพระมีบุญ |
๖๑ จงรับพระเสาร์ | |
ต่อนานไปเล่า | เธอจะให้คุณ |
อย่าถือมานะ | ว่ากูมีบุญ |
จงฟังดั่งทูล | เถิดพระทรงธรรม์ |
๖๒ จะให้พลัดพราก | |
พระองค์จะจาก | ราชัยไอศวรรย์ |
จะได้ความยาก | ปิ้มจักชีวัน |
ต่อผ่ายหลังนั้น | จึ่งจะได้ดี |
๖๓ เมื่อนั้นภูวไนย | |
กริ้วโกรธคือไฟ | แก่โหรมากมี |
เอาเท็จมาทาย | กล่าวร้ายบัดศรี |
ให้กูชุลี | พระเสาร์ด้วยรา |
๖๔ เทียมถึงตรึงษ์ตรัย | |
กูขึ้นไปได้ | ด้วยอิทธิฤทธา |
ไปถึงสวรรค์ | ดุสิตยามา |
หมู่เทพเทวา | ย่อมกลัวทุกองค์ |
๖๕ สี่ทวีปเที่ยวจบ | |
ต่ำใต้ไตรภพ | นาคาภุชงค์ |
ถ้าเห็นกูไป | ทรงกายไม่ตรง |
พระเสาร์ตัวยง | จะทำอะไรกู |
๖๖ พระถือมานะ | |
ว่ามีเดชะ | กว่าชาวชมพู |
เทพในตรึงษ์ตรัย | ก็ย่อมกลัวกู |
โหรเฒ่าสู่รู้ | ให้กูบูชา |
๖๗ กูกับพระเสาร์ | |
จะรบกันเล่า | ไม่กลัวเลยนา |
รบด้วยทหาร | แต่ล้วนตัวกล้า |
พระเสาร์เข้ามา | จะม้วยบรรลัย |
๖๘ โหรเฒ่าอาจารย์ | |
ทูลทัดภูบาล | สมเด็จจอมไตร |
พระองค์จงโปรด | กริ้วโกรธไปไย |
พระเสาร์นั้นไซร้ | ใช่จะมาให้เห็น |
๖๙ มิใช่เป็นตัว | |
พระองค์ไม่กลัว | จะให้กะเกณฑ์ |
ทหารอาสา | ใครเลยจะเห็น |
พระเสาร์สุเรนทร์ | เป็นเงาเข้ามา |
๗๐ ยังอีกเจ็ดวัน | |
พระเคราะห์กวดขัน | ร้ายกาจนักหนา |
พระองค์จะจาก | พลัดพรากพารา |
ขอพระผ่านฟ้า | เร่งระวังพระองค์ |
๗๑ สมเด็จราชา | |
ได้ฟังโหรว่า | ฤทธายิ่งยง |
ให้หาเสนา | เข้ามาโดยจง |
เชี่ยวชาญณรงค์ | สิบหมู่อาสา |
๗๒ ให้จัดทหาร | |
อยู่เฝ้าพระทวาร | แห่งละพันโดยตรา |
เร่งรัดจัดกัน | ขยันนักหนา |
แล้วให้เข้ามา | เฝ้าปราสาทไชย |
๗๓ ปราสาทชั้นบน | |
ให้ได้ร้อยคน | เคยประจญศึกใหญ่ |
ชั้นสองสองร้อย | ให้คอยจงได้ |
ชั้นสามเล่าไซร้ | สามร้อยโดยหมาย |
๗๔ ชั้นสี่สี่ร้อย | |
ชั้นห้าไม่น้อย | ห้าร้อยเพริศพราย |
ชั้นหกหกร้อย | คอยตามบาดหมาย |
สมเด็จฦๅสาย | ให้เฝ้าทุกชั้น |
๗๕ ชั้นเจ็ดลงมา | |
เจ็ดร้อยโดยตรา | รักษาทรงธรรม์ |
ตีนปรางค์ปราสาท | อำมาตย์ตัวขยัน |
สำหรับป้องกัน | รอบทั้งปรางค์ปรา ๚ะ |
ยานี
๗๖ ครั้นถ้วนถึงเจ็ดวัน | พระเสาร์นั้นเสด็จมา |
พอครบเหมือนโหรว่า | พระราชาทุรนทุราย |
๗๗ นั่งนอนห่อนเป็นสุข | ผลุดนั่งลุกระส่ำระสาย |
รับพระขรรค์อยู่วุ่นวาย | เข้าฟาดฟันคนทั้งปวง |
๗๘ ฝ่ายว่าคนทั้งหลาย | วิ่งวุ่นวายทั้งวังหลวง |
เสนาทุกกระทรวง | ก็เจ็บยากลำบากใจ |
๗๙ คนร้อยอยู่ชั้นบน | ต้านจุมพลบ่หวาดไหว |
ถัดมาสองร้อยไซร้ | ชวนกันไปห้ามราชา |
๘๐ สมเด็จเจ้าจอมไตร | ให้คลั่งไปในวิญญาณ์ |
ไล่ฟันหมู่เสนา | พระราชาบ่ปราศรัย |
๘๑ ทหารอยู่สองชั้น | ด้านทรงธรรม์บ่หวาดไหว |
เขาละอำเภอใจ | พระภูวไนยเสด็จหนี |
๘๒ ทรงเครื่องทั้งห้าแล้ว | จึ่งพระแก้วเสด็จจรลี |
มาขึ้นทรงพาชี | พระภูมีก็เหาะไป |
๘๓ ฝ่ายว่าพระมเหสี | เห็นภูมีจากเวียงไชย |
นางนาฏเจ้าร่ำไร | ถึงท้าวไทผู้ผัวขวัญ |
๘๔ โอ้พระฤทธิไกร | กรรมสิ่งใดมาตามทัน |
จำจากพรากพลัดกัน | เมียโศกศัลย์ไม่รู้วาย |
๘๕ เหตุด้วยเพราะพระฝัน | โหรทูลพลันว่าเคราะห์ร้าย |
พระไม่เชื่อโหรทาย | จึ่งพลัดพรากไปจากเมือง |
๘๖ แต่นี้ไปเมื่อหน้า | กินน้ำตาน่าแค้นเคือง |
ท้าวไทไปจากเมือง | พระบุญเรืองจะเป็นไฉน |
๘๗ ใครเลยจะปกเกล้า | ข้าพระเจ้านี้สืบไป |
ผ่านฟ้ามาตัดใจ | ละเมียไว้ไม่เอ็นดู |
๘๘ ละทั้งนางสาวสรร | นางกำนัลอยู่พรั่งพรู |
ค่ำเช้าเคยชมชู | สู้ละเสียหนีเมียไป |
๘๙ สี่พันหมื่นบูรี | รู้คดีจะชิงชัย |
ฤทธิ์เดชใครผู้ใด | เหมือนท้าวไทก็ไม่มี |
๙๐ โอ้กรรมกรรมสิ่งใด | มาซัดให้เป็นดั่งนี้ |
จำให้ปิ่นธรณี | มาพลัดพรากจากเวียงไชย |
๙๑ รํ่าพลางนางเทวี | มีเสาวนีย์รับสั่งไป |
แก่หมู่เสนาใน | ให้ชุมพลตามพระองค์ |
๙๒ บัดนั้นชาวมนตรี | รับเสาวนีย์นางโฉมยง |
ไปชุมจัตุรงค์ | ติดตามองค์พระราชา |
๙๓ แล้วแต่งสารตราไป | ถึงกรุงไกรทุกพารา |
ว่าท้าวเสียกิริยา | เธอหนีมาจากธานี |
๙๔ ถ้าว่าผู้ใดพบ | ได้ประสบพระภูมี |
จงตอบซึ่งสารศรี | บอกคดีให้แจ้งมา |
๙๕ ส่วนหมู่เสนาใน | ชุมพลไปตามราชา |
เที่ยวเสาะทุกพารา | ไม่พานพบพระภูมี |
๙๖ เว้นแต่เมืองกินนุวัต | พากันลัดไม่จรลี |
เพราะกรรมของจักรี | จึ่งดลใจหมู่เสนา |
๙๗ ปรึกษากันถ้วนถี่ | ว่าเมืองนี้น้อยนักหนา |
ไปเที่ยวหาราชา | ถ้าไม่พบจะเสียที |
๙๘ คิดแล้วจึ่งเสนา | กลับโยธามาบูรี |
กราบทูลแก่เทวี | ว่าไม่พบพระทรงธรรม์ |
๙๙ สมเด็จนางเทวี | ฟังเสนีเร่งโศกศัลย์ |
ร่ำรักพระทรงธรรม์ | กับสาวสรรกำนัลใน |
๑๐๐ โอ้พระยอดเสน่ห์น้อง | เคยประคองอุ่นอกใจ |
ยามเมื่อชมสาวใช้ | เมียมิได้อุเบกษา |
๑๐๑ โอ้โอ๋พระยอดรัก | ผู้ทรงศักดิ์เคยเสด็จมา |
ชมน้องห้องไสยา | พระราชาสำราญใจ |
๑๐๒ เคยจูบพระเคยกอด | พระกรสอดกระหวัดไว้ |
เคยชมภิรมย์ใน | ควรฤๅไปจากพารา |
๑๐๓ ว่านักจักยืดยาว | จะกล้บกล่าวถึงเจ้าฟ้า |
พล้ดพรากจากพารา | มากับม้ามโนนัย |
๑๐๔ สี่เสาร์พระราชา | เสาร์เข้ามานับลัคน์ไท |
เสด็จขึ้นอาชาไนย | เหาะเหิรไปจากพารา |
๑๐๕ ไปได้หลายวันแล้ว | องค์พระแก้วอดโภชนา |
ทรุดองค์ทรงโศกา | กับหลังม้ามโนนัย |
๑๐๖ คิดถึงมเหสี | เนตรภูมีดั่งเลือดไหล |
คิดจะคืนพระเวียงไชย | ไปไม่ได้จนปัญญา |
๑๐๗ ด้วยกรรมของท้าวไท | ได้ทำไว้แต่หลังมา |
คลั่งไคล้ในวิญญาณ์ | พระยอดฟ้าโศกาลัย |
๑๐๘ ฝ่ายว่าม้าพาชี | พาภูมีเธอคลาไคล |
มาถึงแดนกรุงไกร | กินนุวัตพระนคร |
๑๐๙ เหาะไปในเวหา | ด้วยฤทธาอัสดร |
เป็นกรรมของภูธร | ม้าเหาะไม่ได้แล้วนา |
๑๑๐ หลงอยู่กลางพงพี | จูงพาชีค่อยเดินมา |
เป็นกรรมของราชา | ถือมานะว่ามีบุญ |
๑๑๑ ลำบากพ้นกำลัง | เพราะไม่ฟังคำโหรทูล |
ทีนี้เห็นจะสูญ | ไม่ได้กลับพระพารา |
๑๑๒ ร่ำพลางทางบทจร | จูงอัสดรค่อยเดินมา |
ลุถึงกลางทุ่งนา | พระราชาค่อยเดินไป ๚ะ |
ฉบัง
๑๑๓ กล่าวถึงชาวนานั้นไซร้ | ครั้นเช้าออกไป |
ขับนกกินข้าวในนา | |
๑๑๔ มีสุนัขตัวหนึ่งเดินมา | ที่กลางท้องนา |
ก็คาบกระบายมันไป | |
๑๑๕ วันนั้นเป็นเคราะห์ท้าวไท | มงกุฎกลายไป |
ก็เป็นกระบายทันที | |
๑๑๖ ชาวนามันเห็นภูมี | ร้องด่าทันที |
อ้ายนี่มาลักกระบายกู | |
๑๑๗ พาอายขี้ร้ายไม่อดสู | มาลักเอาของกู |
เอาครอบไว้บนเกศา | |
๑๑๘ เมื่อนั้นสี่เสาร์ราชา | ได้ฟังชาวนา |
ตอบว่ามงกุฎของกู | |
๑๑๙ ชาวนาว่าไม่อดสู | มึงช่างลวงกู |
มงกุฎมึงได้ไหนมา | |
๑๒๐ ว่าแล้ววิ่งไปมิช้า | ตีพระราชา |
ก็ล้มลงเหนือปฐพี | |
๑๒๑ มันซ้ำถองเอาหลายที | สมเด็จจักรี |
ภูมีเจ้าแทบปางตาย | |
๑๒๒ โลหิตไหลอาบทั้งกาย | สงสารฦๅสาย |
แทบตายไม่เป็นสมประดี | |
๑๒๓ มันจึ่งว่ากับภูมี | อย่าอยู่ที่นี่ |
จงไปให้พ้นเถิดรา | |
๑๒๔ ว่าแล้วมันเอากระบายมา | จึ่งพระราชา |
อุตส่าห์ดำรงทรงกาย | |
๑๒๕ จงค่อยจูงม้าผันผาย | เจ็บป่วยมากมาย |
ทรงกายมิใคร่ได้เลย | |
๑๒๖ คิดถึงอรนุชทรามเชย | กรรมของกูเอย |
ไม่เคยมาเป็นเช่นนี้ | |
๑๒๗ สงสารแต่พระภูมี | จึ่งค่อยจรลี |
ถึงนาแห่งหนึ่งโดยหมาย ๚ะ |
ยานี
๑๒๘ ส่วนว่าอ้ายชาวนา | บ่นำพาจะมากราย |
นานนานออกมาชาย | วันหนึ่งไปดูนาตน |
๑๒๙ ขโมยลักเกี่ยวข้าว | ของอ้ายเฒ่าไปหลายหน |
วันนั้นพอจุมพล | จูงม้ามาที่นามัน |
๑๓๐ มันแบกหอกออกไป | มันคอยไล่ขโมยนั้น |
แลเห็นพระทรงธรรม์ | สำคัญว่าขโมยมา |
๑๓๑ เป็นกรรมของท้าวไท | พระขรรค์ไชยมีฤทธา |
กลับกลายมิทันช้า | กลับเป็นเคียวบัดเดี๋ยวใจ |
๑๓๒ อ้ายเฒ่าเห็นราชา | ถือเคียวมาวิ่งเข้าไป |
ตีโบยพระทรงชัย | พระภูวไนยไม่รู้ตัว |
๑๓๓ คนชั่วมันตบตี | พระภูมีให้มืดมัว |
สงสารไม่รู้ตัว | มันชกต่อยไม่ปรานี |
๑๓๔ ท้าวเธอล้มลงไป | ซ้ำตีไทใช่พอดี |
พระถามตามคดี | ว่าภูมีผิดอันใด |
๑๓๕ อ้ายเฒ่าฟังเธอว่า | มันตีด่าไม่ปราศรัย |
เอาม้ามาเลี้ยงไว้ | แล้วลักเกี่ยวข้าวของกู |
๑๓๖ พระองค์จึ่งเถียงไป | เคียวเมื่อไรพระขรรค์กู |
ว่าแล้วชูขึ้นดู | พระขรรค์งอเป็นเคียวไป |
๑๓๗ อ้ายเฒ่าวิ่งเข้ามา | ความโกรธาดังหนึ่งไฟ |
มันชิงเอาเคียวไว้ | นี่ฤๅใช่พระขรรค์มึง |
๑๓๘ พระองค์เห็นพระขรรค์ | ผู้ทรงธรรม์เร่งรำพึง |
นี่แท้กรรมมาถึง | จึ่งมาเป็นเช่นนี้นา |
๑๓๙ เจ้านาอ้ายจงไร | ขับท้าวโทมิได้ช้า |
ไปไปให้พ้นนา | ถ้าอยู่ช้าจะแทงเสีย |
๑๔๐ สงสารพระสี่เสาร์ | ลุกขึ้นเล่าเดินปลกเปลี้ย |
น้ำเนตรไหลเรี่ยเรี่ย | เช็ดเลือดเสียจูงม้าไป |
๑๔๑ สงสารพระผ่านฟ้า | ยังแต่ม้าอาชาไนย |
เจ็บปวดยิ่งยวดใจ | โลหิตไหลโซมทั้งองค์ |
๑๔๒ จะเดินมิใคร่ได้ | ทรงองค์ไว้มิใคร่ตรง |
สงสารแต่พระองค์ | ค่อยดำรงจูงม้ามา |
๑๔๓ ถึงนาแห่งหนึ่งเล่า | พระองค์เจ้าค่อยไคลคลา |
ฝ่ายว่าเจ้าของนา | ผูกโคไว้ไปเกี่ยวข้าว |
๑๔๔ วันนั้นมันเป็นสัด | มันสะบัดเชือกขาดเล่า |
วิ่งวางย่างเหยาะเหย่า | หนีไปเข้าฝูงตัวเมีย |
๑๔๕ วันนั้นพระภูวไนย | จูงม้าไปเดินปลกเปลี้ย |
น้ำเนตรเธอไหลเรี่ย | พอถึงนาเจ้าวัวพลัน |
๑๔๖ เป็นกรรมของพระองค์ | ม้าเคยทรงอยู่ทุกวัน |
กลับกลายเป็นวัวพลัน | พระองค์นั้นไม่รู้ตัว |
๑๔๗ ฝ่ายว่าอ้ายเจ้านา | เหลียวแลมาไม่เห็นวัว |
ขัดใจมิใช่ชั่ว | เหตุด้วยวัวนั้นหนีไป |
๑๔๘ มันเห็นพระทรงธรรม์ | เดินผายผันมาไวไว |
สำคัญว่าลักไป | ชวนกันไล่พระทรงธรรม์ |
๑๔๙ ว่าเหวยอ้ายคนชั่ว | มาลักวัวกูกลางวัน |
อาจใจใครจะทัน | ว่าแล้วมันรุมกันตี |
๑๕๐ ท้าวล้มลงด้วยพลัน | ร้องเถียงมันไปทันที |
จูงม้ามาดีดี | พาโลตีว่าลักวัว |
๑๕๑ เห็นว่ากูผู้เดียว | ตีเล่นเจียวไม่เกรงกลัว |
ม้ากูสิว่าวัว | รุมกันตีเล่นตามใจ |
๑๕๒ เจ้าโคมันจึ่งว่า | อ้ายมุสาช่างเถียงได้ |
นี่ฤๅม้ามึงไซร้ | อ้ายโกหกช่างเจรจา |
๑๕๓ สมเด็จพระจักรี | เห็นพาชีเป็นโคนา |
โอ้โอ๋อนิจจา | ม้าเป็นวัวน่าใจหาย |
๑๕๔ ด้วยกรรมพระทรงธรรม์ | สิ่งสารพันจะกลับกลาย |
มงกุฎเป็นกระบาย | พระขรรค์กลายเป็นเคียวไป |
๑๕๕ เป็นเวรมาถึงตัว | ม้าเป็นวัวน่าน้อยใจ |
ทีนั้นพระจอมไตร | จึ่งอ้อนวอนแก่เจ้าวัว |
๑๕๖ ว่าท่านอย่าโบยตี | ข้าเจ้านี้ขอโทษตัว |
เราผิดเพราะลักวัว | ท่านจงอดโทษเถิดรา |
๑๕๗ ถ้าว่าลักอีกเล่า | จงทำเราให้นักหนา |
ฆ่าเสียให้มรณา | ฟังเราว่าจงปรานี |
๑๕๘ ฝ่ายว่าเจ้าโคนั้น | ฟังทรงธรรม์กล่าวคดี |
จึ่งว่าแต่หัวที | ว่าดังนี้จะเป็นไร |
๑๕๙ เอ็งเถียงเอาต่อหน้า | วัวว่าม้าข้าขัดใจ |
ทีนี้งดโทษไว้ | ลักอีกไซร้ไม่ละกัน |
๑๖๐ ว่าแล้วจูงวัวไป | ขับท้าวไทเสียด้วยพลัน |
เอ็งนี้ใจฉกรรจ์ | แต่กลางวันยังลักเรา ๚ะ |
เยสันตา
๑๖๑ เมื่อนั้นจึ่งพระจอมไตร | เจ็บปวดเหลือใจ |
ท้าวไทแทบม้วยมรณา | |
๑๖๒ เดินเช็ดชลเนตรราชา | ค่อยทรงกายา |
เดินมาก็พอสายัณห์ | |
๑๖๓ แลเห็นเรือนยายตาพลัน | สมเด็จทรงธรรม์ |
หมายมั่นจะขออาศัย | |
๑๖๔ เดินมาถึงเข้าบัดใจ | จึ่งร้องขึ้นไป |
ขอข้าอาศัยด้วยเถิดรา | |
๑๖๕ ยายแก่แกร้องลงมา | แต่วันนั้นนา |
เหตุไรไม่มาอาศัย | |
๑๖๖ ตาเฒ่าจึ่งร้องว่าไป | เขาจะมาอาศัย |
ตามใจเขาเถิดหนายาย | |
๑๖๗ เมื่อนั้นสมเด็จฦๅสาย | อาศัยตายาย |
เจ็บปวดแทบจะวายชนม์ | |
๑๖๘ ทีนั้นก็องค์จุมพล | ปัวแหวนของตน |
ก็กลายเป็นเล็ดถวงา | |
๑๖๙ วันนั้นสองเฒ่ายายตา | คิดกันไปมา |
ว่าเราจะปลูกผักขาย | |
๑๗๐ เต้าแตงแฟงฟักผักไห่ | ถั่วงาหาไว้ |
แตงโมแตงไทยมากมี | |
๑๗๑ ถ้าขายได้เงินก็ดี | หลายหลากมากมี |
กูนี้จะมีเมียอย่างเขา | |
๑๗๒ งานการสิ่งใดพอทำเนา | กูจะได้เมียสาวสาว |
ได้คลึงได้เคล้าสบายใจ | |
๑๗๓ ยายเฒ่าเกาก้นบ่นไป | น้ำตาก็จะไหล |
ตาว่าร้องไห้กูจะทิ้งเสีย | |
๑๗๔ น้ำตาจะไหลลามเลีย | เห็นก็กอดเมีย |
อีเฒ่าจะเสียน้ำใจ | |
๑๗๕ ยายเฒ่าได้ฟังก็ว่าไป | อ้ายแก่จังไร |
โอหังว่าไปไม่อาย | |
๑๗๖ ยังไม่ทันเห็นต้นปลาย | อ้ายเฒ่าขี้ร้าย |
พูดจาจองหองเหลือใจ | |
๑๗๗ ยังไม่ทันเห็นน้ำที่ไหน | ตัดกระบอกคอนไป |
อ้ายเฒ่าจังไรเหนื่อยเปล่า | |
๑๗๘ ยังไม่เห็นกระรอกเลยอ้ายเฒ่า | ก่งหน้าไม้เดา |
ออกว่าจะเอากระรอกกิน | |
๑๗๙ ตาเอ้ยอย่าคิดทมิฬ | คนเขาได้ยิน |
เขาจะหัวเราะเยาะหยัน | |
๑๘๐ เขาจะว่าอ้ายแก่งกงัน | พูดจากวดขัน |
ตัวสั่นจะหาเมียสาว | |
๑๘๑ เขาจะโห่เล่นฉาวฉาว | จองหองมีเมียสาว |
อ้ายเฒ่าอย่าคิดเลยหนา | |
๑๘๒ สองเฒ่าเถียงกันไปมา | จนพระสุริยา |
เพลาใกล้รุ่งราตรี | |
๑๘๓ ค้นหาลูกผักด้วยดี | ถั่วงาอันมี |
ในถุงไถ้ของอาตมา | |
๑๘๔ ไม่พบสักสิ่งเลยนา | ลูกผักถั่วงา |
บันดาลให้หายสูญไป | |
๑๘๕ หัวเพชรหัวแหวนของท้าวไท | กลับกลายเป็นไป |
เป็นเล็ดถั่วงาด้วยพลัน | |
๑๘๖ เป็นกรรมขององค์ทรงธรรม์ | ยายเฒ่าว่าพลัน |
อ้ายนั้นฤๅมันลักไป | |
๑๘๗ ตาเฒ่าไปค้นดูทันใจ | ในองค์ภูวไนย |
ก็พบเล็ดถั่วแลงา | |
๑๘๘ ตาแกกริ้วโกรธนักหนา | กุมเอาราชา |
คร่ามาโบยตีแทบตาย | |
๑๘๙ ที่นั้นสองเฒ่าตายาย | ตีพระฦๅสาย |
เอาไถ้นั้นไว้แล้วขับเสีย | |
๑๙๐ พระองค์ไปจากเฒ่าผัวเมีย | ตะแกขับเสีย |
พระองค์เจ้าทรงโศกา ๚ะ |
สุรางคนางค์ พิลาป
๑๙๑ โอ้อกกูเอย | |
ที่ไหนเล่าเลย | จะมีชีวา |
จะได้สิ่งใด | เป็นเพื่อนอาตมา |
ที่นี้เห็นว่า | จะม้วยบรรลัย |
๑๙๒ กรรมมาตามมัน | |
มงกุฎพระขรรค์ | ก็กลับกลายไป |
หัวแหวนจินดา | กับอาชาไนย |
กลับกลายไปได้ | สมเพชเวทนา |
๑๙๓ สงสารผ่านเกล้า | |
ทรงโศกสร้อยเศร้า | คิดถึงอาตมา |
ทั้งนี้เพราะกรรม | ทำไว้นักหนา |
จึ่งตามติดมา | ล้างผลาญทันที |
๑๙๔ โอ้อกกูอา | |
เห็นเป็นเวทนา | ดูน่าบัดศรี |
จะไปแห่งไร | เขาไม่ปรานี |
มีแต่ชกตี | ยับทั้งกายา |
๑๙๕ ความเจ็บเหลือใจ | |
บ่ายหน้าหาใคร | ไม่มีเมตตา |
อาหารสิ่งใด | ก็ไม่ได้มา |
ไหนเลยชีวา | จะรอดเป็นตัว |
๑๙๖ แต่ก่อนไรมา | |
ทุกท้าวพญา | ย่อมมาเกรงกลัว |
มาครานี้แล | แต่อ้ายเลี้ยงวัว |
มันไม่เกรงกลัว | ทุบถองแทบตาย |
๑๙๗ พระทรงโศกา | |
สะอื้นไปมา | น้ำตาบ่วาย |
ทรงพระกำสรด | ระทดพระกาย |
องค์พระฦๅสาย | เจ้าค่อยบทจร |
๑๙๘ ทรงพระกันแสง | |
หิวโหยโรยแรง | แทบจะม้วยมรณ์ |
ครั้นว่าเหนื่อยหนัก | หยุดพักเสียก่อน |
แล้วค่อยบทจร | ตามทางคลาไคร |
๑๙๙ ถึงวัดแห่งหนึ่ง | |
พอเข้ามาถึง | อารามทันใด |
เข้าเขตกุฎี | พระชีผู้ใหญ่ |
สมเด็จจอมไตร | ล้มลงทันที |
๒๐๐ แล้วร้องขึ้นไป | |
พระคุณข้าไหว้ | ได้โปรดเกศี |
ดีฉันคนยาก | อดอยากแสนทวี |
คุณจงปรานี | ให้ทานบ้างรา |
๒๐๑ สูปังจังหัน | |
ที่อันเหลือฉัน | ตามท่านเมตตา |
เหมือนให้ชีวิต | ดีฉันเถิดรา |
จนแล้วจึ่งมา | ขอทานเจ้าคุณ |
๒๐๒ ยังมีเณรน้อย | |
รูปโฉมแช่มช้อย | เป็นเณรใจบุญ |
ได้ยินเสียงร้อง | มองตามใต้ถุน |
ไม่เห็นแล้วหมุน | วิ่งออกไปดู |
๒๐๓ แลเห็นภูมี | |
วิ่งไปทันที | บอกแก่พระครู |
กับสงฆ์ทั้งนั้น | ชวนกันมาดู |
เห็นพระโฉมตรู | เลือดย้อยลามไหล |
๒๐๔ พระสงฆ์จึ่งถาม | |
แก่พระโฉมงาม | ว่ามาแต่ไหน |
สมเด็จสี่เสาร์ | จึ่งเล่าความไป |
ต้นปลายเล่าให้ | พระสงฆ์เจ้าฟัง |
๒๐๕ เจ้าสามเณรน้อย | |
มีใจละห้อย | เป็นพ้นกำลัง |
อาหารมากมี | กัปปีย์สูปัง |
เณรน้อยร้อยชั่ง | เจ้านำเอามา |
๒๐๖ ให้แก่ภูบาล | |
เธอเสวยสำราญ | ภูบาลหรรษา |
ด้วยความอดอยาก | เป็นหลายวันมา |
เณรน้อยนั้นหนา | ปรนนิบัติภูวไนย |
๒๐๗ ต้มน้ำให้อาบ | |
เลือดแห้งเป็นคราบ | ติดตัวท้าวไท |
เจ้าค่อยขัดสี | เช็ดล้างทั่วไป |
สมเด็จภูวไนย | ค่อยสำราญองค์ |
๒๐๘ ชาติก่อนนั้นเล่า | |
พระสี่เสาร์เจ้า | มีคุณแก่สงฆ์ |
ครั้นมาชาตินี้ | ยินดีทุกองค์ |
อยู่ด้วยพระสงฆ์ | ช้านานหลายวัน |
๒๐๙ คิดจะใคร่บวช | |
จะออกผนวช | เป็นสงฆ์ทรงธรรม์ |
จึ่งคลานเข้าไป | หาสมภารนั้น |
กราบลงด้วยพลัน | จึ่งมีวาจา |
๒๑๐ ข้าแต่พระครู | |
เหมือนได้เอ็นดู | แก่โยมเถิดรา |
ข้าเจ้าจะใคร่ | บวชในศาสนา |
คุณจงเมตตา | แก่ข้าสืบไป |
๒๑๑ เมื่อนั้นพระครู | |
ได้ฟังโฉมตรู | ดีเนื้อดีใจ |
จึ่งจัดแจงผ้า | ให้แก่จอมไตร |
เอากรักมาให้ | ต้มขึ้นด้วยพลัน |
๒๑๒ ครั้นต้มกรักไว้ | |
สมเด็จภูวไนย | ลินลาผายผัน |
ซักผ้าจีวร | แล้วขึ้นมาพลัน |
เมื่อกรรมมาทัน | แก่พระจอมไตร |
๒๑๓ ยังมีนายโค | |
คนหนึ่งใหญ่โต | ตามโคหายไป |
มาเห็นราชา | สูมาอยู่ไหน |
แลเห็นแต่ไกล | มันจึ่งเข้ามา |
๒๑๔ มันเห็นซึ่งกรัก | |
เป็นเนื้อประจักษ์ | น้ำกรักนั้นหนา |
เป็นเลือดวัวแดง | แม่นแท้แก่ตา |
แลดูผืนผ้า | เห็นเป็นหนังวัว |
๒๑๕ อันสายรัตคด | |
เป็นไส้พุงหมด | หน้าตามืดมัว |
มันจึ่งเข้าไป | ไม่ให้รู้ตัว |
อ้ายนี่ลักวัว | กูมาฆ่าพลัน |
๒๑๖ อ้ายเฒ่าสาหส | |
ตีด้วยไม้ตะพด | ถูกพระทรงธรรม์ |
ล้มลงกลางดิน | ดิ้นอยู่ยันยัน |
เธอร้องไปพลัน | กูผิดสิ่งไร |
๒๑๗ มันตีอกเล่า | |
สงสารพระเจ้า | ปิ้มจักตักษัย |
พระองค์จึ่งว่า | แก่อ้ายจังไร |
กูต้มกรักไซร้ | เหตุไรตีกู |
๒๑๘ พระสงฆ์ทั้งหลาย | |
ได้ยินวุ่นวาย | จึ่งออกไปดู |
เห็นเขาผูกคอ | ประสกนั้นอยู่ |
ไปบอกพระครู | ตามเหตุมีมา |
๒๑๙ พระสงฆ์จึ่งถาม | |
มันบอกออกความ | แก่สงฆ์มิช้า |
อ้ายโจรคนนี้ | ลักเอาวัวมา |
ฆ่าให้มรณา | กินเล่นสำราญ |
๒๒๐ พระครูผู้เฒ่า | |
จึ่งบอกไปเล่า | แก่นายโคบาล |
ประสกนี้นา | ดูน่าสงสาร |
ทลิทกขอทาน | เข็ญใจนักหนา |
๒๒๑ เราให้ต้มกรัก | |
จะย้อมจะซัก | ผ้าไตรดอกนา |
ประสกนี้เล่า | อยู่ด้วยเรามา |
เป็นคนศรัทธา | ไม่ไต้ฆ่าวัว |
๒๒๒ เจ้าโคจึ่งว่า | |
พระสงฆ์ถ้วนหน้า | ไม่มาเกรงกลัว |
สมคบโจรไว้ | ให้ไปลักวัว |
ได้แล้วชมชัว | มาสู่กันกิน |
๒๒๓ พระสงฆ์จึ่งว่า | |
อ้ายคนหยาบช้า | กูอยู่แก่ศีล |
มึงว่าหยาบช้า | ว่าชวนกันกิน |
มึงอย่าดูหมิ่น | แก่กูเลยนา |
๒๒๔ เจ้าโคว่าเล่า | |
นิมนต์ผู้เป็นเจ้า | ดูเอาเถิดรา |
กรักฤๅว่าเนื้อ | น่าเบื่อนักหนา |
ฤๅข้าเท็จว่า | ของเป็นสำคัญ |
๒๒๕ ฝ่ายเจ้าเณรน้อย | |
มีใจละห้อย | ด้วยพระทรงธรรม์ |
ว่าแก่เจ้าวัว | ข้าขอประกัน |
แก้เชือกออกพลัน | จากคอราชา |
๒๒๖ ชวนกันไปดู | |
แลเห็นจริงอยู่ | เหมือนเจ้าวัวว่า |
คิดน่าอัศจรรย์ | เห็นหลากนักหนา |
เจ้าโคจึ่งว่า | ให้ขับเสียพลัน |
๒๒๗ พระผู้เป็นเจ้า | |
แขวงมันรู้เข้า | จะต้องโทษทัณฑ์ |
จะมีความผิด | จงคิดผ่อนผัน |
ฟังคำบอกพลัน | ขับเสียเถิดรา |
๒๒๘ ว่าแล้วเท่านั้น | |
มันเก็บเอาพลัน | เนื้อหนังบ่ช้า |
มันขนเอาไป | จากในวัดวา |
ไปสู่เคหา | เหย้าเรือนของมัน ๚ะ |
ยานี
๒๒๙ สงสารพระผ่านเกล้า | ทุกข์สร้อยเศร้ายิ่งโศกศัลย์ |
จึ่งเจ้าเณรน้อยนั้น | พลอยจาบัลย์ด้วยภูมี |
๒๓๐ ตักน้ำมาล้างให้ | รักท้าวไทอย่างแสนทวี |
ล้างเลือดพระพันปี | แสนโศกีเจ็บนักหนา |
๒๓๑ เจ้าเณรแลพระสงฆ์ | สมเพชองค์พระราชา |
ข้าวน้ำโภชนา | ทั้งหยูกยาให้กินพลัน |
๒๓๒ เจ้าเณรพยาบาล | ค่อยสำราญอยู่หลายวัน |
สมภารผู้เฒ่านั้น | ว่าไปพลันแก่ราชา |
๒๓๓ ประสกอย่าได้อยู่ | แขวงมันรู้มันจะมา |
เขาจะว่าหยาบช้า | มันจะมาเอาตัวไป |
๒๓๔ เรานี้คิดเอนดู | ถ้ามันรู้ไม่พ้นภัย |
สงสารแต่จอมไตร | จำต้องไปจากวัดวา |
๒๓๕ พิศดูเณรน้อยเล่า | น้ำเนตรเจ้าอาบพักตรา |
อุ้มขึ้นทูนเกศา | มีคุณข้าเป็นเหลือใจ |
๒๓๖ ถ้าข้าไม่มรณา | จะกลับมาให้จงได้ |
เจ้าเณรสั่งท้าวไท | เมื่อหน้าไปท่านจงมา |
๒๓๗ ท้าวฟังเจ้าเณรสั่ง | น้ำเนตรหลั่งอาบพักตรา |
ท้าวเธอจึ่งลินลา | เข้าไปหาสงฆ์ทั้งหลาย |
๒๓๘ กราบลาสงฆ์ทั้งนั้น | เมื่อทรงธรรม์จักผันผาย |
เสด็จเข้ามาโดยหมาย | จึ่งถวายนมัสการ |
๒๓๙ อาปุจฉิขอกราบลา | สุขิตาอยู่สำราญ |
สมเด็จพระภูบาล | ออกจากวัดแล้วเดินไป |
๒๔๐ สงสารพระสี่เสาร์ | กำสรดเศร้าน้ำเนตรไหล |
รันทดในพระทัย | อนาถในไห้โศกศัลย์ |
๒๔๑ เดินพลางทางร่ำไร | ค่อยครรไลในแนวอรัญ |
ใกล้ถึงเมืองหนึ่งนั้น | พระจรจรัลเข้าพารา |
๒๔๒ สงสารพระบุญเรือง | ความแค้นเคืองเป็นนักหนา |
มีผ้าผืนเดียวมา | น่าเวทนาพระภูวไนย |
๒๔๓ ชายหนึ่งพันพระองค์ | ชายหนึ่งทรงคลุมเศียรไว้ |
ค่อยเดินดำเนินไป | ถึงที่ท้ายตะแลงแกง |
๒๔๔ เห็นยาจกเที่ยวขอทาน | พระภูบาลทรงกันแสง |
ถึงที่ตะแลงแกง | ทรงกันแสงแล้วนิ่งอยู่ |
๒๔๕ คิดทำเช่นเขาบ้าง | ผิดท่าทางน่าอดสู |
ผ้าคลุมพระเศียรอยู่ | พระโฉมตรูอยู่เอกา |
๒๔๖ กล่าวถึงท้าวกินนุวัต | ผ่านสมบัติในพารา |
กินนุวัตเรืองโอฬาร์ | พลช้างม้าก็มากมี |
๒๔๗ สุทธิโฉมนรลักษณ์ | เป็นองค์อัครมเหสี |
สุทัตต์นางเทวี | เป็นธิดาพระภูธร |
๒๔๘ ทรงโฉมงามผุดผาด | เทียมธรรมชาติเทพอัปสร |
บิดาพระมารดร | รักบังอรดังนัยนา |
๒๔๙ พี่เลี้ยงนางกำนัล | หมื่นหกพันล้อมซ้ายขวา |
สำหรับพระลูกยา | ในมหาปราสาทไชย |
๒๕๐ สมเด็จพระบิตุเรศ | คะนึงเหตุคิดสงสัย |
หาโหรเข้ามาใน | ให้ทายทักดวงชะตา |
๒๕๑ ราศีแลนรลักษณ์ | ให้ประจักษ์ในสารา |
ว่าองค์พระธิดา | จักดีร้ายเป็นฉันใด |
๒๕๒ โหรเฒ่ากราบภูบาล | จับกระดานคูณหารไป |
นับวันเดือนปีใส่ | เสร็จถวายทูลราชา |
๒๕๓ อันว่าพระบุตรื | ชะตาปีเดือนวันว่า |
หัวทีมิสุขา | ทุกข์แล้วมาจึ่งจะดี |
๒๕๔ โทษแล้วกลับให้คุณ | จะมีบุญนะภูมี |
สมภารพระจักรี | ขอพันปีทราบบาทา |
๒๕๕ พระฟังโหรทูลไข | น้ำพระทัยให้กังขา |
ควรฤๅดังนี้นา | เห็นจะว่าได้ความอาย |
๒๕๖ จึ่งตรัสถามอีกเล่า | ว่าคู่เจ้าผู้โฉมฉาย |
ทั้งสี่จงเร่งทาย | อยู่ใกล้ไกลไฉนนา |
๒๕๗ ผู้ดีฤๅเข็ญใจ | ฤๅหน่อไทกระษัตรา |
ฤๅว่าคนต่ำช้า | จะไปมานั้นอย่างไร |
๒๕๘ อยู่ปรางค์อย่างอินทรา | ที่จะมานั้นกลใด |
โหรนั้นอั้นอกใจ | ทูลไม่ได้กลัวอาญา |
๒๕๙ จึงตรัสแก่โหรใหญ่ | ท่านจงทายตามตำรา |
เราไซร้ไม่โกรธา | ดวงชะตามาเป็นเอง |
๒๖๐ โหรเฒ่าดูทักษา | จันทกลาก็แลเล็ง |
คู่นั้นรักกันเอง | ไม่กลัวเกรงพระทรงธรรม์ |
๒๖๑ ว่าคู่ของนางแก้ว | มาถึงแล้วโดยสำคัญ |
เป็นคนยากเข็ญครัน | เที่ยวขอทานจึ่งได้กิน |
๒๖๒ เป็นคนต่างประเทศ | ทูลภูเบศรจนสุดสิ้น |
สมเด็จพระภูมินทร์ | ทราบสารสิ้นโทรมนัสา |
๒๖๓ เสียแรงกูเลี้ยงไว้ | หมายจะให้ครองพารา |
ควรฤๅทั้งนี้นา | เห็นผิดท่าขับเสียพลัน |
๒๖๔ ถ้าอยู่จะอายหน้า | แก่ไพร่ฟ้าสิ้นทั้งนั้น |
ไปเสียจากไอศวรรย์ | สู่หิมวันต์ไกลพารา |
๒๖๕ สุทธินางเทวี | ผู้ชนนีเจ้าฉายา |
จึ่งทูลท้าวภรรดา | พระผ่านฟ้าขับเสียไย |
๒๖๖ ทั้งนี้ย่อมวาสนา | ดวงชะตาของสายใจ |
สมเด็จพระจอมไตร | ให้โกรธายิ่งแสนทวี ๚ะ |
พิลาป
๒๖๗ สุทธิฉายา | |
ผู้เป็นมารดา | นางแก้วโฉมศรี |
ได้ฟังภูธร | เดือดร้อนแสนทวี |
โศกเศร้าโศกี | พ่างเพียงบรรลัย |
๒๖๘ โอ้พระลูกแก้ว | |
กรรมของเจ้าแล้ว | จักทำฉันใด |
พระทองเนื้อเกลี้ยง | แม่เลี้ยงเจ้าไว้ |
หวังว่าจะได้ | พึ่งบุญสมภาร |
๒๖๙ โอ้แก้วแม่เอย | |
โฉมงามทรามเชย | ใครเลยจักปาน |
แม่เสียดายเจ้า | โฉมลำเพาพาล |
รูปทรงนงคราญ | เทียมเทพอัปสร |
๒๗๐ สมเด็จมารดา | |
ร่ำรักลูกยา | เพี้ยงจะม้วยมรณ์ |
ควรฤๅบิดา | ช่างมาตัดรอน |
สงสารบังอร | จะไปกลใด |
๒๗๑ ป่ารกหนามหนา | |
เจ้าแม่กำพร้า | ลำบากยากใจ |
เจ้าเคยสำอาง | อยู่ปรางค์สุกใส |
ที่นี้กลอยใจ | จะไปไพรสาณฑ์ |
๒๗๒ รูปทรงอย่างเขียน | |
นิ้วดั่งลำเทียน | วาดเขียนบ่ปาน |
เอวองค์ทรงสวัสดิ์ | กำดัดนงพาล |
ปลูกปลื้มสงสาร | ด้วยความเสนหา |
๒๗๓ พระเกศพระกรรณ | |
พระจุไรเจ้านั้น | งามยิ่งเลขา |
ชายใดเพ่งพิศ | ต้องติดนัยนา |
ตรมตรอมอุรา | ไม่วายตาดู |
๒๗๔ แม่ลูกสองรา | |
ทรงโศกโศกา | ชลนาพร่างพรู |
สงสารโฉมฉาย | น่าอายอดสู |
เจ้าเคยเสด็จอยู่ | ปรางค์แก้วรจนา |
๒๗๕ ถ้านางไปชม | |
สวนแก้วอุดม | ทรงสีวิกา |
แสนสาวสนม | ห้อมล้อมซ้ายขวา |
ทีนี้จะมา | เดินป่าองค์เดียว |
๒๗๖ เจ้าจะเดินไป | |
คนเดียวเปลี่ยวใจ | ใครเลยจะเหลียว |
แม่สงสารเจ้า | เปลี่ยวเปล่าผู้เดียว |
ใจแม่ให้เสียว | เห็นจักวายชนม์ |
๒๗๗ ร่ำนักจักช้า | |
จึ่งโฉมมารดา | คิดได้บัดดล |
นางทูลปิ่นเกล้า | ท่านท้าวจุมพล |
ให้ทราบนุสนธิ์ | ได้โปรดก่อนรา |
๒๗๘ อย่าขับไปไกล | |
ลูกรักสายใจ | เห็นเป็นเวทนา |
ให้อยู่แต่ใกล้ | นอกกรุงพารา |
ตามแต่บุญญา | ของนางเทวี |
๒๗๙ ท้าวมีโองการ | |
แก่ยอดเยาวมาลย์ | ผู้เป็นมเหสี |
จะให้ลูกอยู่ | นอกกรุงบุรี |
สุดแต่เทวี | จะมีเมตตา |
๒๘๐ พี่ตรัสออกไป | |
คืนคำไม่ได้ | เขาจักนินทา |
ว่าเป็นกระษัตริย์ | ได้ตรัสออกมา |
ไม่ยืนวาจา | กลับมากลับไป |
๒๘๑ สมเด็จนางพญา | |
ค่อยคลายโศกา | มาบอกทรามวัย |
แล้วมีเสาวนีย์ | สั่งขอเฝ้าไป |
ปลูกตำหนักให้ | ที่นอกพารา |
๒๘๒ ครั้นแล้วเทวี | |
จัดของมากมี | ให้แก่ลูกยา |
เงินทองของดี | เพชรนิลจินดา |
เป็นท้าวพญา | ยากจนเมื่อไร |
๒๘๓ สุทัตต์ฉายา | |
กราบบาทมารดา | ชลนาหลั่งไหล |
กับนางสาวสรร | ห้อมล้อมคลาไคล |
ถึงตำหนักใหญ่ | ดั่งใจจินดา |
๒๘๔ ครั้นแล้วมินาน | |
นางจึ่งคิดอ่าน | ให้ตั้งศาลา |
เจ้าจึ่งให้ทาน | อาหารนานา |
ทั้งเหล้าแช่ยา | จัดมาตั้งไว้ |
๒๘๕ ยาจกทั้งหลาย | |
ชวนกันมากมาย | รับทานอรไท |
เหล้าแช่แก้กล่อน | เผ็ดร้อนเหลือใจ |
แก้ทั้งหืดไอ | แก้ได้ทุกประการ |
๒๘๖ นางนาฏเทวี | |
น้ำจิตยินดี | บำเพ็ญศีลทาน |
ให้แก่ยาจก | ทลิทาการ |
เดชะผลทาน | ของนางเทวี |
๒๘๗ เมื่อจะได้พบ | |
แรกจะประสบ | องค์พระจักรี |
เธอเห็นเขานั้น | ชวนกันจรลี |
รับทานเทวี | พลอยไปด้วยกัน |
๒๘๘ ยกจกทั้งหลาย | |
ชวนกันถวาย | บังคมแจ่มจันทร์ |
ครั้นรับทานแล้ว | ชวนกันผายผัน |
สมเด็จทรงธรรม์ | บ่ไหว้เทวี |
๒๘๙ สุทัตต์กัลยา | |
เห็นหลากนักหนา | ยาจกคนนี้ |
เร็วเร็วสาวใช้ | เร่งไปดูที |
ยาจกคนนี้ | นี่มาแต่ไหน |
๒๙๐ มันยืนคลุมหัว | |
มันไม่เกรงกลัว | มายืนอยู่ได้ |
สาวศรีรับสั่ง | บังคมแล้วไป |
ถึงองค์ท้าวไท | สมเด็จจักรี |
๒๙๑ สาวศรีตกใจ | |
นั่งลงก้มไหว้ | ไถ่ถามตามที |
แก่องค์จุมพล | ยุบลอันมี |
เหมือนคำเทวี | เจ้าตรัสสั่งไป |
๒๙๒ เมื่อนั้นพระบาท | |
สี่เสาร์ธิราช | พระจึ่งเฉลยไข |
เศียรพี่นะน้อง | กลัวต้องสุริย์ใส |
จึ่งต้องคลุมไว้ | กลัวร้อนเจ้าพี่อา |
๒๙๓ ดูราสาวน้อย | |
ตัวพี่นี้พลอย | ตามเขาเข้ามา |
เมืองพี่อยู่ไกล | ยากไร้ระอา |
น่าอายขายหน้า | ขอทานท่านกิน |
๒๙๔ ฤๅท่านไม่ให้ | |
จะลาท่านไป | ขออื่นดังจินต์ |
เจ้าจงไปทูล | แก่พระยุพิน |
ฤๅจะให้ทานกิน | ตามแต่เมตตา |
๒๙๕ สาวศรีกลับไป | |
ทูลนางทรามวัย | เหมือนท้าวสั่งมา |
ข้าเจ้าเข้าไป | ได้พิจารณา |
รูปลักษณ์พักตรา | เห็นงามตระการ |
๒๙๖ เจรจาวาที | |
ไพรเพราะมีศรี | กล่าวเกลี้ยงเสียงหวาน |
แม้วได้เป็นคู่ | ร่วมรู้เยาวมาลย์ |
คือแก้วสูริย์กานต์ | แกมทองรจนา |
๒๙๗ สุทัตต์เทวี | |
ได้ฟังสาวศรี | ยินดีนักหนา |
กะแร่มแกมอาย | ยิ้มละไมไปมา |
แล้วนางจินตนา | ถึงคำโหรทาย |
๒๙๘ แล้วตรึกนึกไป | |
ฤๅชายนี้ไซร้ | ไม่มีความอาย |
ฤๅว่านักเลง | โฉงเฉงใจหาย |
เล่นเบี้ยเมียขาย | แล้วไพล่หนีมา |
๒๙๙ ฤๅเข้าบ่อนสั่ว | |
พนันวิ่งรัว | ไม่ชั่วเลยนา |
ฤๅเล่นปลากัด | ขุดวัดขุดวา |
คบเถรเณรบา | เล่นเก่งไม่เบา |
๓๐๐ ฤๅเล่นต่อแต้ม | |
พะกะริตเข้าแกม | เสียแล้วซบเซา |
ทับให้ถึงแรด | ถึงแปดถึงเก้า |
เป็นเจ้ามือพกเปล่า | ขี้ฉ้อสิ้นที |
๓๐๑ ฤๅนักเลงดวด | |
ว่าตัวยิ่งยวด | อวดว่าเดินดี |
ฤๅเล่นหยิบเบี้ย | เสียแล้วลอบหนี |
ฤๅว่าเด็ดปลี | หนีเขากระมังนา |
๓๐๒ ฤๅเล่นกำตัด | |
ว่ากูสันทัด | รัดเบี้ยออกมา |
เล่นจนฉิบหาย | อับอายนักหนา |
นักเลงปะขา | ดูน่าบัดศรี |
๓๐๓ ฤๅเล่นอีโปง | |
อวดโวโอ่โถง | ว่าสองสามสี่ |
แทงลงที่สอง | มันไปข้างสี่ |
มันกินสิ้นที | ต้องขายลูกเมีย |
๓๐๔ ถ้าเป็นเช่นนี้ | |
เห็นน่าบัดศรี | ดูเป็นคนเสีย |
เล่นโปเล่นไพ่ | แล้วขายลูกเมีย |
ทิ้งขว้างร้างเสีย | แล้วหลบหลีกหนี |
๓๐๕ เมื่อนั้นนางแก้ว | |
รำพึงคิดแล้ว | ว่าแก่สาวศรี |
จะคิดเป็นไฉน | จักได้รู้คดี |
จึ่งนางทาสี | ว่าแก่ฉายา |
๓๐๖ เชิญแม่ลงไป | |
ดูเล่นเป็นไร | ให้เห็นแก่ตา |
กระหม่อมฉันนี้ | เห็นดีนักหนา |
จึ่งนางกัลยา | ว่าไปทันที |
๓๐๗ ดูราสาวใช้ | |
จะให้ข้าไป | ดูชายคนนี้ |
ใจข้าขวยเขิน | สะเทิ้นสิ้นที |
ทำไฉนนะพี่ | จะรู้กิริยา |
๓๐๘ พี่เลี้ยงคนหนึ่ง | |
รูปร่างอย่างกลึง | ขี้หึงนักหนา |
ทรวดทรงสำอาง | เคยเล่นหางตา |
ครั้นถึงออกมา | ที่ริมประตูดิน |
๓๐๙ คอยท่าขอเฝ้า | |
ปดโป่โวเปล่า | ด้วยจิตคิดถวิล |
ขอเฝ้าอ้าปาก | ยื่นหมากให้กิน |
ที่ริมประตูดิน | จะทำอะไรกัน |
๓๑๐ พี่เลี้ยงคนนี้ | |
ฉลาดสิ้นที | จึ่งทูลแจ่มจันทร์ |
อันการจํ้าจี้ | พี่ไม่กลัวมัน |
จะทำตัวสั่น | ขวยเขินไปไย |
๓๑๑ สมเด็จเทวี | |
ได้ฟังสาวศรี | เร่งคิดพิสมัย |
ให้แต่งสำรับ | พร้อมสรรพฉับไว |
สมเด็จอรไท | แต่งตัวด้วยดี |
๓๑๒ ครั้นแล้วนางนาฏ | |
เจ้าค่อยยูรยาตร | กับเหล่าสาวศรี |
ไปสู่โรงทาน | ด้วยพลันทันที |
จึ่งนางทาสี | ให้สำรับพลัน |
๓๑๓ สมเด็จจอมจักร | |
เห็นประหลาดนัก | มีทุกสิ่งอัน |
ถามเหล่าสาวศรี | ที่มาทั้งนั้น |
ว่านางจอมขวัญ | ให้ข้าฤๅไฉน |
๓๑๔ ทาสีบอกเล่า | |
ว่าแม่ ณ หัวเจ้า | ถวายแด่จอมไตร |
เป็นบุพเพสันนิวาส | แต่ชาติก่อนไกล |
สองกระษัตริย์นั้นได้ | เคยคู่ครองกัน |
๓๑๕ เจ้าจะให้พี่ | |
เสวยโภชนานี้ | ทุกสิ่งครบครัน |
ยังเสวยไม่ได้ | บอกไปด้วยพลัน |
จงทูลจอมขวัญ | ว่าไม่สบาย |
๓๑๖ ถ้าว่าทำทาน | |
ให้เป็นแก่นสาร | ขอนางโฉมฉาย |
เอาข้าอาบน้ำ | ชำระวรกาย |
บอกแก่โฉมฉาย | ให้รู้คดี |
๓๑๗ ทาสีกลับไป | |
ทูลนางทรามวัย | ตามสั่งภูมี |
นางแต่งภูษา | คนธาอันดี |
ใช้นางทาสี | ไปถวายพระองค์ |
๓๑๘ สมเด็จราชา | |
สระสรงคงคา | แล้วทาเครื่องทรง |
แล้วจึ่งเสวย | เครื่องสุวรรณบรรจง |
สมเด็จพระองค์ | เสวยตามประเพณี |
๓๑๙ เสวยแล้วมิช้า | |
จึ่งนางทาสา | ยกมาด้วยดี |
จึ่งเอาของหวาน | ใส่พานมากมี |
กับทั้งพระศรี | ถวายแก่พระองค์ |
๓๒๐ นางดูกิริยา | |
เห็นพระราชา | เป็นกระษัตริย์มั่นคง |
สุจหนี่ยี่ภู่ | ธูปเทียนบรรจง |
ถวายแก่พระองค์ | ที่ในโรงทาน ๚ะ |
ยานี
๓๒๑ เมื่อนั้นนางกระษัตริย์ | เจ้าสุทัตต์ยอดสงสาร |
พระทัยให้รำคาญ | ด้วยสงสารเป็นกำลัง |
๓๒๒ อายุสิบห้าปี | นางเทวีมีจิตหวัง |
เสนหาพะว้าพะวัง | กรรมแต่หลังตามยายี |
๓๒๓ ชำเลืองพระเนตรมา | ดูราชาด้วยยินดี |
ส่วนว่าพระจักรี | เห็นเทวีเจ้าแลมา |
๓๒๔ สององค์ทรงกำหนัด | คิดประหวัดเสนหา |
เพราะว่าตาต่อตา | เกิดสัญญาความยินดี |
๓๒๕ แล้วกลับมาตำหนัก | นางน้องรักให้หมองศรี |
กามกวนมายวนยี | นางเทวีเศร้าพระทัย |
๓๒๖ เมื่อนั้นจึ่งโฉมศรี | มีเสาวนีย์ตรัสสั่งไป |
ดูรานางสาวใช้ | จงลงไปหาภูบาล |
๓๒๗ ไปเชิญท้าวเธอมา | ว่าตัวข้าจะทำทาน |
ไปเชิญพระภูบาล | ขึ้นมาบนตำหนักพลัน |
๓๒๘ บัดนั้นนางทาสี | รับเสาวนีย์เจ้าจอมขวัญ |
ลินลามาด้วยพลัน | บอกทรงธรรม์มิได้นาน |
๓๒๙ ข้าแต่พระจอมจักร | องค์นงลักษณ์จักให้ทาน |
ขอเชิญพระภูบาล | สู่สถานตำหนักใน |
๓๓๐ พระฟังนางสาวศรี | จึ่งภูมีคิดสงสัย |
แล้วท้าวตรัสสั่งไป | แก่สาวใช้ที่ลงมา |
๓๓๑ ว่าข้าคนเข็ญใจ | ขอทานได้เลี้ยงตัวข้า |
ควรฤๅนางฉายา | ให้ไปหาเห็นผิดที |
๓๓๒ ท้าวทำเป็นมารยา | แกล้งตรัสมาแก่สาวศรี |
ไปทูลนางเทวี | ว่าเรานี้กลัวนักหนา |
๓๓๓ จะให้อยู่ก็อยู่ | มิเอ็นดูก็จะลา |
ท้าวว่าเป็นมารยา | ทำทีท่าเป็นแยบคาย |
๓๓๔ สาวศรีจึ่งกลับไป | ทูลอรไทนางโฉมฉาย |
เหมือนคำพระฦๅสาย | นางโฉมฉายนึกรำคาญ |
๓๓๕ เกรงว่าพระภูมี | จะจรลีจากสถาน |
กามกวนป่วนแดดาล | ด้วยสงสารมากวนใจ |
๓๓๖ จึ่งว่าแก่ทาสี | ฉันใดดีพี่สาวใช้ |
จงเร่งคิดเร็วไว | ช่วยแก้ไขด้วยน้องรา |
๓๓๗ บัดนั้นนางสาวใช้ | จึ่งทูลไปมิได้ช้า |
ขอเชิญนางกัลยา | ยาตราดูด้วยท่วงที |
๓๓๘ ถ้าแม่จักใคร่ได้ | อย่าเร่งใจมักไม่ดี |
หน่อยเจ้าได้เปรมปรีดิ์ | ลืมข้านี้กระมังนา |
๓๓๙ ฤๅแม่จะแบ่งให้ | ข้าเจ้าได้สักครั้งขา |
ฤๅไรเจ้าฉายา | อย่าโกรธานะทรามวัย |
๓๔๐ สุทัตต์นางเทวี | ฟังสาวศรียิ้มละไม |
จึ่งองค์ทรงคลาไคล | ลงไปสู่พระภูมี |
๓๔๑ ครั้นถึงเจ้าบังคม | หัตถ์ประนมอัญชุลี |
ละอายแฝงสาวศรี | ดูท่วงทีแห่งราชา |
๓๔๒ สมเด็จปิ่นกระษัตริย์ | เห็นสุทัตต์เจ้าลงมา |
รู้กลนางกัลยา | ฝ่ายราชาได้ท่วงที |
๓๔๓ จึ่งตรัสแก่ฉายา | พี่โมทนาด้วยโฉมศรี |
พระทัยของเจ้าดี | ให้ทานพี่ยิ่งนักหนา |
๓๔๔ จะให้พี่ขึ้นไป | ตำหนักในเจ้าฉายา |
ไม่ควรแก่ตัวข้า | ถ้าน้องมาพี่ดีใจ |
๓๔๕ ว่าแล้วพระภูเบศร | ทอดพระเนตรดูทรามวัย |
เจ้าชม้อยช้อยเนตรไป | ดูอรไทสบนัยนา |
๓๔๖ พระองคขยับไป | ถดเข้าใกล้นางฉายา |
ยกพระกรเบื้องขวา | ฉวยหัตถานางเทวี |
๓๔๗ สมเด็จนางกระษัตริย์ | เจ้าสะบัดกรภูมี |
จึ่งมีพระเสาวนีย์ | แก่ภูมีเป็นมารยา |
๓๔๘ ดูดู๋มาบังอาจ | ไม่เกรงราชอาญา |
ควรฤๅคุมเหงข้า | หยอกต่อหน้านางทาสี |
๓๔๙ นางทำเป็นมารยา | ธรรมดากระสัตรี |
ตัดพ้อต่อภูมี | ประเวณีทุกตัวคน |
๓๕๐ พระฟังนางทรามรัก | จึ่งทรงศักดิ์ทราบนุสนธิ์ |
แจ้งว่านฤมล | เจ้าทำกลเป็นมารยา |
๓๕๑ พระตรัสแก่เทวี | สไบนี้งามนักหนา |
ขอชมสักหน่อยรา | ได้ไหมจ๋าว่ากระไร |
๓๕๒ นางตอบพระภูมี | ถ้อยเทวีดำรัสไข |
ดูดู๋ช่างว่าได้ | บังอาจใจใครจะเหมือน |
๓๕๓ นางแกล้งทำโกรธให้ | โฉมอรไทเบี่ยงบ่ายเบือน |
แกล้งกล่าวคำแชเชือน | ใครจะเหมือนนางมารยา |
๓๕๔ น้องรักน้องจึ่งให้ | ควรทำได้เป็นหยาบช้า |
รับทานแล้วมิสา | ซํ้าจะมาเล่นตัวเรา |
๓๕๕ ตัดพ้อเป็นมารยา | ช้อยนัยนาค้อนพระเจ้า |
คุมเหงไม่เกรงเรา | เห็นว่าเจ้าเป็นผู้ชาย |
๓๕๖ แต่ปากหากพ้อตัด | จิตกำหนัดระส่ำระสาย |
คิดครุ่นอยู่วุ่นวาย | ไม่สบายในวิญญาณ์ |
๓๕๗ สมเด็จพระภูมี | ฟังเสาวนีย์ยอดธิดา |
พระรู้จึ่งมารยา | ทำโกรธาแล้วตรัสไป |
๓๕๘ ดูก่อนนางน้องแก้ว | เป็นบุญแล้วส่งมาให้ |
เห็นว่าถ้าจะได้ | ควรฤๅใจไม่กรุณา |
๓๕๙ ถ้ารักก็จะอยู่ | มิเอ็นดูจะขอลา |
อย่าว่าเป็นหยาบช้า | ให้อายหน้านางสาวศรี |
๓๖๐ ฝ่ายว่านางกระษัตริย์ | ได้ฟังตรัสพระภูมี |
พระทัยเจ้าหมองศรี | กลัวจักรีจะจากไป |
๓๖๑ เดือดดิ้นในวิญญาณ์ | ตอบราชาไปทันใด |
ข้าแต่พระจอมไตร | ส่วนท้าวไทสิกลัวอาย |
๓๖๒ พระองค์มาหยอกน้อง | เล่นคล่องคล่องเห็นว่าง่าย |
ว่าบ้างสิกลัวอาย | หยอกสบายเล่นข้างเดียว |
๓๖๓ ถ้าว่ารักน้องจริง | พระยอดมิ่งผู้ทรามเปลี่ยว |
หยอกเล่นแต่ข้างเดียว | เห็นควรเจียวพระพันปี |
๓๖๔ พระองค์รู้มารยา | เจ้าฉายามารศรี |
จึ่งองค์พระภูมี | หยอกเทวีเล่นสำราญ |
๓๖๕ ฉวยฉุดยุดกรไว้ | ในพระทัยให้เบิกบาน |
ส่วนเจ้าเยาวมาลย์ | กรปัองปัดพระหัตถ์ไท |
๓๖๖ ทำได้ให้บัดศรี | พระภูมีมีปราศรัย |
ทำได้ไม่อายใจ | หยอกน้องได้ที่นี่นา |
๓๖๗ ทรงศักดิ์รักน้องแลัว | ขอพระแก้วจงไคลคลา |
ขอเชิญเถิดราชา | ขึ้นตำหนักพระพันปี |
๓๖๘ สมเด็จพระจอมจักร | ฟังน้องรักก็ยินดี |
จึ่งชวนนางเทวี | ค่อยจรลีตามกันมา |
๓๖๙ ครันถึงตำหนักแลัว | นางน้องแก้วก็ปรีดา |
จัดแจงแต่งภูษา | อันรจนาให้ท้าวทรง |
๓๗๐ น้ำกุหลาบอาบอบอ่อน | ให้ภูธรเธอโสรจสรง |
ทีนั้นสองโฉมยง | ชำระองค์ด้วยปรีดา ๚ะ |
สุรางคนางค์
๓๗๑ สุทัตต์เทวี | |
ทูลถามภูมี | ด้วยความเสนหา |
ข้าแต่พระองค์ | จงทรงกรุณา |
นามกรเจ้าฟ้า | ว่ากระไรภูมี |
๓๗๒ พระองค์ทรงไชย | |
อยู่พาราใด | จึ่งมาถึงนี่ |
เป็นเหตุอันใด | จึ่งได้จรลี |
ขอพระพันปี | จงบอกเถิดรา |
๓๗๓ เมื่อนั้นทรงเดช | |
ได้ฟังเยาวเรศ | โฉมงามถามมา |
พี่ผ่านไอศวรรย์ | อนันตพารา |
รุ่งเรืองเลื่องหล้า | ยศศักดิ์นามกร |
๓๗๔ บอกแก่นวลเจ้า | |
พี่ชื่อสี่เสาร์ | นะพระบังอร |
เสาร์เข้าทับลัคน์ | จึ่งได้บทจร |
จากพระนคร | มาถึงเทวี |
๓๗๕ พี่ขอถามเจ้า | |
ทองคำลำเพา | ผู้เฉิดโฉมศรี |
เหตุฉันใดหนอ | เจ้าจึ่งจรลี |
มาอยู่ที่นี่ | นอกพระเวียงไชย |
๓๗๖ นางกราบทูลเล่า | |
เดิมข้าพระเจ้า | โหราทูลไข |
ว่าชะตาชั่ว | ได้ผัวเข็ญใจ |
บิดาข้าไซร้ | ทรงพระโกรธา |
๓๗๗ จะขับข้าเจ้า | |
ให้ออกไปเล่า | สู่ไพรหิมวา |
ชนนีขอไว้ | อยู่นอกพารา |
พบพระยอดฟ้า | เหมือนโหรทูลไข |
๓๗๘ พระฟังเสาวนีย์ | |
ไพรเราะมีศรี | ชมชื่นรื่นใจ |
สมเด็จพระบาท | ประภาษปราศรัย |
บุญแล้วจึ่งได้ | พบกันสองรา |
๓๗๙ ถ้าพ้นเคราะห์แล้ว | |
พี่จะพาน้องแก้ว | ไปสู่พารา |
พี่จะอภิเษก | เป็นเอกชายา |
ครอบครองนครา | เป็นมเหสี |
๓๘๐ นางนาฏทูลสนอง | |
สุดแต่จะโปรดน้อง | พระทองพันปี |
ตามแต่บัญชา | ของพระภูมี |
ตัวข้ามารศรี | จะพึ่งท้าวไท |
๓๘๑ พระฟังเสาวนีย์ | |
ไพรเราะมีศรี | ภูมีถามไป |
ตัวพี่นี้เล่า | เป็นคนเข็ญใจ |
ผิดวงศ์พงศ์ไป | จงได้เมตตา |
๓๘๒ นางทูลท้าวไท | |
ตัวน้องนี้ไซร้ | เห็นองค์ราชา |
หฤทัยยินดี | ให้มีเสนหา |
เห็นเป็นวาสนา | จึ่งมาพบกัน |
๓๘๓ น้องดูประจักษ์ | |
เห็นองค์ทรงศักดิ์ | นรลักษณ์ทรงธรรม์ |
เห็นว่าพระทอง | ครอบครองไอศวรรย์ |
เหตุมีสักอัน | จึ่งพลัดเมืองมา |
๓๘๔ พระฟังเทวี | |
กล่าวพจน์วาที | ยิ่งมีเสนหา |
โลมลูบจูบชม | เนื้อนมกัลยา |
ปลุกปลื้มกามา | ปั่นป่วนยวนใจ |
๓๘๕ สองสมชมชื่น | |
พระทัยระรื่น | เต็มตื้นพิสมัย |
สัมผัสรัดนาง | จนสางแสงใส |
เสด็จจากห้องใน | สู่แท่นรจนา |
๓๘๖ น้ำบ้วนพระโอษฐ์ | |
สีพระทันต์นั้นโสด | นางจึ่งแต่งมา |
ถวายแก่พระองค์ | เธอสรงพักตรา |
แล้วสั่งทาสา | ยกเครื่องมาพลัน |
๓๘๗ สาวศรีแต่งเครื่อง | |
รจนารองเรือง | ถวายแก่แจ่มจันทร์ |
มันควักมันค้อน | แสนงอนตามกัน |
ทีนี้จอมขวัญ | สำราญพระทัย |
๓๘๘ ทาสีคิดกัน | |
จะนิ่งไว้นั้น | เห็นไม่พ้นภัย |
เราจำไปเฝ้า | ปิ่นเกล้าภพไตร |
ทูลแก่ท้าวไท | ให้ทราบคดี |
๓๘๙ คิดแล้วลอบมา | |
ถึงวังมิช้า | ทูลพระมเหสี |
พระลูกได้คู่ | สมสู่เทวี |
แต่งการคืนนี้ | จงทราบพระทัย |
๓๙๐ ชายนั้นขอทาน | |
รูปร่างสะคราญ | เจ้าพึงพอใจ |
แอบลงไปหา | รับมาไว้ใน |
ห้ามนางอรไท | ไม่ฟังเลยนา ๚ะ |
ฉบัง
๓๙๑ บัดนั้นสมเด็จมารดา | ได้ฟังทาสา |
ธิดาเจ้ามีคู่ครอง | |
๓๙๒ หฤทัยเจ้าให้หม่นหมอง | รักลูกโดยปอง |
เหตุใดเป็นเช่นนี้นา | |
๓๙๓ เวรกรรมใดทำก่อนมา | อับอายขายหน้า |
แก่ฝูงไพร่ฟ้าทั้งปวง | |
๓๙๔ ร่ำรักธิดาในเรือนหลวง | คับแค้นแน่นทรวง |
พิลาปก็ไห้ร่ำไร | |
๓๙๕ เมื่อนั้นกินนุวัตท้าวไท | ทราบว่าทรามวัย |
สุทัตต์เจ้าได้สามี | |
๓๙๖ โกรธาดั่งว่าอัคคี | พระเนตรภูมี |
ดาลแดงดั่งแสงสุริย์ฉัน | |
๓๙๗ กระทืบบาทสิงหนาทผาดผัน | ชั่วช้าอาธรรม์ |
สามานย์ต่ำศักดิ์บัดศรี | |
๓๙๘ แล้วจึ่งคิดได้ด้วยดี | เพราะชะตาราศี |
ตามทีของมันเถิดรา | |
๓๙๙ โองการตรัสถามลงมา | ชายผู้นั้นนา |
เดิมทีมันมาแต่ไหน | |
๔๐๐ สูงต่ำรูปร่างอย่างไร | รุ่นราวคราวใคร |
ทูลไปให้รู้คดี | |
๔๐๑ สาวใช้กราบทูลถ้วนถี่ | ว่าหน่อจักรี |
ทรงศรีดั่งแก้วแกมทอง | |
๔๐๒ โฉมเฉิดเห็นงามลำยอง | โฉมเจ้าทั้งสอง |
ดั่งเทพจำลองสรรค์มา | |
๔๐๓ แต่ยังไม่ทราบเกศา | ว่าอยู่พารา |
เมืองใดนะพระทรงธรรม์ | |
๔๐๔ โองการตรัสไปด้วยพลัน | มันย่อมรักกัน |
เอามาเพ็ดทูลมุสา | |
๔๐๕ ชอบแต่แหวะปากมันนา | มะพร้าวห้าวเข้าคา |
ให้สามันรู้กันดี | |
๔๐๖ ทาสีตกใจลุกหนี | กลับมาทันที |
ก็ทูลแก่นางจอมขวัญ | |
๔๐๗ ว่าพระปิ่นเกล้าไอศวรรย์ | กริ้วโกรธสากรรจ์ |
ตัวข้าเข้าไปฟังดู | |
๔๐๘ สมเด็จนวลนางโฉมตรู | ด่าว่าสู่รู้ |
ใครใช้ให้เจ้าเข้าไป | |
๔๐๙ เป็นว่าไม่เกรงท้าวไท | เพราะรักจอมไตร |
พระทัยนิยมยินดี | |
๔๑๐ แต่ค่ำจนรุ่งราตรี | กลางวันสองศรี |
เวียนชมมิว่างเสนหา | |
๔๑๑ มิได้เกรงพระบิดา | อยู่ช้านานมา |
ฉายาเจ้าก็ทรงครรภ์ | |
๔๑๒ ถ้วนทศมาสด้วยพลัน | ประสูติบุตรนั้น |
เป็นชายเห็นงามโสภา | |
๔๑๓ โฉมเฉิดลํ้าเลิศโลกา | เหมือนพระอัยกา |
ปิ่นเกล้าเป็นเจ้าภูวดล | |
๔๑๔ ทาสีไปทูลนุสนธิ์ | ว่านางนฤมล |
ประสูติพระราชนัดดา | |
๔๑๕ รูปร่างอย่างยิ่งเทวา | โฉมเฉิดเลิศฟ้า |
เป็นชายดูงามเฉิดฉาย | |
๔๑๖ กินนุวัตตรัสแจ้งภิปราย | โกรธาค่อยคลาย |
ก็สั่งแก่หมู่เสนา | |
๔๑๗ เร่งแต่งราชรถอาชา | รับพระนัดดา |
เข้ามาบัดนี้จงพลัน | |
๔๑๘ เสนารับสั่งผายผัน | ครั้นถึงแจ่มจันทร์ |
ก็ทูลด้วยพลันทันที | |
๔๑๙ ท้าวให้นัดดาภูมี | ไปยังบูรี |
อย่าช้าบัดนี้ขมีขมัน | |
๔๒๐ เมื่อนั้นนวลนางจอมขวัญ | ตอบเสนาพลัน |
ทรงธรรม์ไม่ขายบาทา | |
๔๒๑ เสนารับราชนัดดา | ขึ้นรถไคลคลา |
ช้างม้าโยธาล้อมไป | |
๔๒๒ ครั้นว่าไปถึงวังใน | จึ่งอุ้มเข้าไป |
ถวายท้าวไทอัยกา | |
๔๒๓ กินนุวัตเธอรักนักหนา | เชยชมนัดดา |
ตรัสแก่ชายามารศรี | |
๔๒๔ หลานเรารูปงามโสภี | จึงพระเทวี |
สองศรีเจ้าชมนัดดา | |
๔๒๕ ประทานขันสาครรจนา | สำหรับนัดดา |
จะได้อาบได้สรงวารี | |
๔๒๖ ทั้งพระสนมมากมี | สาวสาวส่งศรี |
ให้เลี้ยงนัดดาท้าวไท | |
๔๒๗ แล้วสั่งพี่เลี้ยงนางใน | เอ็งทั้งนี้ไซร้ |
ไปคอยเอาผิดโดยพลัน | |
๔๒๘ ถ้าได้ความผิดสักอัน | จะฆ่าผัวมัน |
ว่าแล้วทรงธรรม์ตรัสไป | |
๔๒๙ ให้เชิญนัดดายาใจ | พี่เลี้ยงนั้นไซร้ |
ก็เชิญไปสู่แจ่มจันทร์ | |
๔๓๐ ทูลว่าบิตุรงค์ทรงธรรม์ | ประทานรางวัล |
แหวนทองเสื้อผ้ามากมี | |
๔๓๑ บัดนั้นสุทัตต์เทวี | ฟังนางสาวศรี |
ยินดีพระทัยนักหนา | |
๔๓๒ อุ้มเอาลูกรักมิช้า | เสวยนมแม่รา |
ผ่านฟ้าผู้ยอดพิสมัย | |
๔๓๓ แล้วสั่งสาวศรีทันใด | อาบน้ำลูบไล้ |
สาวใช้ให้เจ้าบรรทม ๚ะ |
ยานี ช้าลูกหลวง
๔๓๔ นอนไปเถิดพี่จะกล่อม | งามละม่อมพระเอวกลม |
เห่ช้าอย่าปรารมภ์ | พระทรามชมนอนสำราญ |
๔๓๕ ช้าช้าจะแกว่งไกว | พระสายใจยอดสงสาร |
บรรทมให้สำราญ | ยอดสงสารของพี่เอย |
๔๓๖ นอนเถิดพี่จะช้า | พระยอดฟ้าผู้ทรามเชย |
รูปทองผุดผ่องเผย | ผ่านฟ้าเอยจงบรรทม |
๔๓๗ นอนเถิดพระยอดสร้อย | อย่าละห้อยน้อยอารมณ์ |
ขอเชิญเจ้าบรรทม | พระเอวกลมอย่าร่ำไร ฯ |
๔๓๘ ครั้นว่าเจ้าบรรทมแล้ว | นางใจแกล้วมันออกไป |
คอยดูแยบภูวไนย | จะเอาผิดพระราชา |
๔๓๙ มันทำเป็นแยบคาย | ล่อท้าวไทด้วยมารยา |
สมเด็จพระผ่านฟ้า | เธอรู้แจ้งประจักษ์ใจ |
๔๔๐ คอยมาไม่ได้ผิด | มันจึ่งคิดกันสืบไป |
ด่ามี่อีหัวใหญ่ | ไสหัวมันลงไปเสีย |
๔๔๑ มึงนี่ดีแต่กิน | กินจนสิ้นไม่เสียเบี้ย |
มันด่าเป็นคนเสีย | ว่าหยาบช้าเป็นสามานย์ |
๔๔๒ พระฟังทาสีด่า | เนตรราชาคือท่อธาร |
สงสารพระภูบาล | ให้รำคาญในพระทัย |
๔๔๓ นิจจาว่าตัวกู | กูจะอยู่ไปกลใด |
ควรฤๅอีสาวใช้ | ด่าเปรียบได้มันนักหนา |
๔๔๔ สุทัตต์นางเทวี | เห็นภูมีผิดกิริยา |
ก้มเกล้าเจ้าเข้ามา | ทูลถามท้าวปิ่นจอมเมือง |
๔๔๕ ใครว่าสิ่งอันใด | ฤๅท้าวไทคิดขุ่นเคือง |
โกรธาข้าบุญเรือง | ฤๅแค้นเคืองข้าสิ่งใด |
๔๔๖ พระขานตอบเทวี | พระพี่นี้โกรธเจ้าไย |
ย่อมมีที่น้อยใจ | คิดแค้นไปก็นิ่งเสีย |
๔๔๗ ฟังคนมันดูถูก | เพราะรักลูกเอ็นดูเมีย |
ด่าเปรียบเป็นคนเสีย | เจ็บใจนักพี่ขอลา |
๔๔๘ อยู่เถิดนางน้องแก้ว | สิ้นบุญแล้วแก้วพี่อา |
ค่อยเลี้ยงพระลูกยา | ไม่มรณาจะแทนคุณ |
๔๔๙ ถ้าพี่ถึงเมืองแล้ว | จะรับแก้วผู้ใจบุญ |
ครอบครองปิ่นไอศูรย์ | เจ้ามีคุณแก่พี่ยา |
๔๕๐ นางฟังพระภูเบศร | ชลเนตรนองพักตรา |
กอดบาทพระภัสดา | นางฉายาไห้ร่ำไร |
๔๕๑ พระองค์จะไปแล้ว | ท้าวน้องแก้วจะอยู่ไย |
ยาพิษจะกินให้ | ชีพบรรลัยไปเมืองผี |
๔๕๒ กันแสงสลบไป | นางทรามวัยสิ้นสมประดี |
เมื่อนั้นพระภูมี | เห็นเทวีทรงโศกา |
๔๕๓ ช้อนเกศขึ้นใส่ตัก | เจ้ายอดรักของพี่อา |
รักพี่ยิ่งนักหนา | อนิจจามาบรรลัย |
๔๕๔ เอาน้ำกุหลาบมา | สรงพักตรานางอรไท |
ค่อยฟื้นขึ้นมาได้ | นางทรามวัยทรงโศกา |
๔๕๕ สงสารพระสี่เสาร์ | แสนโศกเศร้าในวิญญาณ์ |
จึ่งอุ้มพระลูกยา | พระราชาให้โศกศัลย์ |
๔๕๖ เมื่อนั้นนางฉายา | กราบบาทาพระทรงธรรม์ |
ไม่เอ็นดูดีฉัน | เห็นแก่ลูกท้าวเถิดรา |
๔๕๗ พระฟังนางน้องแก้ว | กันแสงแล้วมีบัญชา |
นางตรัสแก่ลูกยา | พ่อหนีหน้ามิอาลัย |
๔๕๘ ครั้นว่าจะไปแล้ว | คิดถึงแก้วผู้สายใจ |
ครั้นว่าพ่อจะไป | ให้อาลัยด้วยลูกยา |
๔๕๙ ถ้าว่าอยู่เมืองเรา | มันนี้เล่าจะมรณา |
จึ่งว่าพระลูกยา | สั่งไว้แล้วไห้ร่ำไร |
๔๖๐ สงสารสองกระษัตริย์ | โทรมนัสกันแสงไห้ |
รักกันเป็นพ้นใจ | ไปไม่ได้เพราะเสนหา |
๔๖๑ ฝ่ายว่านางสาวใช้ | คิดกันใหม่ด้วยริษยา |
อุ้มองค์พระยอดฟ้า | ไปวางไว้ในกลางดิน |
๔๖๒ เมื่อนั้นพระสี่เสาร์ | แลเห็นเจ้าพระยุพิน |
นอนอยู่เหนือแผ่นดิน | พระภูมินทร์อุ้มเอามา |
๔๖๓ อุ้มลงขันสาคร | พระภูธรสรงลูกยา |
ฝ่ายว่ากุมารา | ตีน้ำเล่นในสาคร |
๔๖๔ น้ำนั้นมันกระเด็น | ซ่านเซ็นถูกพระบิดร |
สาวใช้อีแสนงอน | มันไปทูลแก่ท้าวไท |
๔๖๕ ชายนั้นทะนงศักดิ์ | อุ้มหลานรักของจอมไตร |
อาบน้ำสำราญใจ | ในสาครชองพระองค์ |
๔๖๖ สมเด็จพระภูมี | ฟังทาสีทูลมั่นคง |
เนตรแดงคือสุริยง | ท้าวเธอทรงพระโกรธา |
๔๖๗ ตรัสสั่งพระยมราช | ให้เพชฌฆาตไปผูกมา |
โซ่ตรวนแลขื่อคา | สูเร่งจำห้าประการ |
๔๖๘ แล้วเอาใส่ตรุไว้ | อ้ายจังไรคนสาธารณ์ |
ยมราชรับโองการ | จำภูบาลตามรับสั่ง |
๔๖๙ สงสารนางเทวี | มารศรีน้ำเนตรหลั่ง |
เวรใดแต่หนหลัง | จึ่งมาเป็นดั่งนี้นา |
๔๗๐ ฉวยอุ้มพระลูกแก้ว | ขวางอกแล้ววิ่งตามมา |
ปิ่นเกล้าเจ้าเมียอา | พระจะเป็นประการใด |
๔๗๑ เห็นเขาเอาพระองค์ | จำมั่นคงใส่ตรุใน |
นวลนางวางเข้าไป | กราบทูลไทผู้มารดา |
๔๗๒ พระองค์จงโปรดปราน | แก่พระหลานด้วยเถิดรา |
วางทับพระบาทา | ขอมารดาจงปรานี |
๔๗๓ ขอโทษซึ่งผัวข้า | พระมารดาโปรดเกศี |
สมเด็จชนนี | อุ้มโฉมศรีพระนัดดา |
๔๗๔ เชยชมพระหลานแล้ว | ว่าลูกแก้วของแม่อา |
เจ้าอุ้มเอาลูกยา | ไปเฝ้าท้าวปิ่นภพไตร |
๔๗๕ นางรับเอาลูกแก้ว | ขวางอกแล้ววิ่งขึ้นไป |
เอาลูกวางลงไว้ | เหนือพระบาทพระภูมี |
๔๗๖ ก้มเกล้าเจ้ากราบทูล | นเรนทร์สูรโปรดเกศี |
ผัวข้าผิดไม่มี | พระพันปีลงอาญา |
๔๗๗ สมเด็จท้าวกินนุวัต | ยื่นพระหัตถ์อุ้มนัดดา |
ยกขึ้นทูนเกศา | ยอดรักตาน่ายินดี |
๔๗๘ แลเห็นพระธิดา | ไม่ดูหน้าเบือนพักตร์หนี |
นางทูลสักร้อยที | เธอนิ่งได้ไม่เจรจา ๚ะ |
พิลาป
๔๗๙ สุทัตต์ทูลเล่า | |
โปรดข้าพุทธิเจ้า | เถิดพระบิดา |
มันทูลยุบล | ฟังคนริษยา |
ไม่พิจารณา | โกรธาแสนทวี |
๔๘๐ บ่ได้ไถ่ถาม | |
ให้แจ้งเนื้อความ | นะพระพันปี |
ถ้าว่าเห็นผิด | ไม่คิดชีวี |
นี่ผิดไม่มี | ไยมิเมตตา |
๔๘๑ ฤๅพระพันปี | |
เห็นแต่มั่งมี | สมบัติยศถา |
ไม่คิดบาปกรรม | จะเป็นเวรา |
มาทำผัวข้า | เห็นน่าบัดศรี |
๔๘๒ เอ็นดูผัวข้า | |
ไม่มีโทษา | เลยนะพันปี |
ควรฤๅทำได้ | ไม่โปรดเกศี |
อยู่ไปไยมี | จะตายตามไป |
๔๘๓ แม้นผัวตายแล้ว | |
กับพระลูกแก้ว | จะได้ความอาย |
ไม่เห็นแก่ข้า | เห็นแก่หลานชาย |
ขอพระฦๅสาย | โปรดเกล้าลูกยา |
๔๘๔ จะโปรดมิโปรด | |
ตรัสให้รู้โทษ | บ่จำนรรจา |
อย่าอุ้มลูกเต้า | ข้าพระเจ้าเลยนา |
ส่งยื่นคืนมา | เถิดพระพันปี |
๔๘๕ พ่อชั่วแม่ชั่ว | |
ใช่เนื้อใช่ตัว | ชมเชยเสียที |
ลูกวอนขอโทษ | ไม่โปรดเกศี |
วันนี้น่าที่ | จะตายด้วยกัน |
๔๘๖ สุทธิมารดา | |
เห็นนางอยู่ช้า | เสด็จมาด้วยพลัน |
เห็นลูกร้องไห้ | ฤทัยกระศัลย์ |
บังคมทรงธรรม์ | ชลเนตรบ่วาย |
๔๘๗ เห็นลูกโศกา | |
วิ่งวางลงมา | อกคว่ำขวัญหาย |
เพราะด้วยรักผัว | กลัวว่าจะตาย |
นางจึ่งทูลขยาย | คดีเนื้อความ |
๔๘๘ ขอพระภูมี | |
ทรงธรรม์พันปี | ฟังข้าเจ้าห้าม |
เอ็นดูนัดดา | อย่าได้วู่วาม |
พระองค์ทรงนาม | จงโปรดปรานี |
๔๘๙ ข้าแต่ผ่านฟ้า | |
ตามแต่วาสนา | ชะตาราศี |
มักชั่วได้ชั่ว | ว่าไปไยมี |
มักดีได้ดี | ตามบุญของมัน |
๔๙๐ พระภูวจักรี | |
คติย่อมมี | มาแต่ก่อนนั้น |
ผิดทีหนึ่งด่า | สองคราสอนมัน |
สามคราขับผัน | จากกรุงภพไตร |
๔๙๑ พึ่งผิดที่นี้ | |
จะฆ่าจะตี | โทษควรฤๅไฉน |
ชังแต่ผัวมัน | ลูกเราเล่าไซร้ |
สลัดสลัดมิได้ | เห็นแก่นัดดา |
๔๙๒ กำพร้าแต่น้อย | |
เจ้าไม่รู้ถ้อย | คดีเดียงสา |
ชังแม่รักลูก | ไม่ถูกตำรา |
จงทรงเมตตา | ข้าทั้งสามองค์ |
๔๙๓ กินนุวัตราชา | |
ฟังนางทูลมา | คลายความโกรธลง |
เจ้ามาอุปมา | เห็นจริงมั่นคง |
เห็นแก่โฉมยง | นัดดาทรงธรรม์ |
๔๙๔ เจ้ามาขอโทษ | |
ไม่มีความโกรธ | เพราะหลานจอมขวัญ |
เจ้าเห็นว่าดี | ฤๅอรแจ่มจันทร์ |
มันไม่เกรงกัน | คบคนจังไร |
๔๙๕ ถ้าว่าคบหา | |
ลูกท้าวหลานพญา | มันมิคบไย |
มาทำขายหน้า | ดีฤๅฉันใด |
คบอ้ายจังไร | มันคนขอทาน |
๔๙๖ กูคิดอยู่หนิด | |
หาไม่ชีวิต | จักม้วยวายปราณ |
เห็นแก่นัดดา | เจ้ายอดสงสาร |
ว่าแล้วภูบาล | ตรัสไปด้วยพลัน |
๔๙๗ ดูราชาววัง | |
เอ็งออกไปสั่ง | พระยายมนั่น |
ให้เอานักโทษ | ผัวนางจอมขวัญ |
เข้ามาด้วยพลัน | บัดนี้เร็วไว |
๔๙๘ ชาววังออกมา | |
บอกยมราชา | พาไปทันใจ |
ถึงท้องพระโรง | สมเด็จท้าวไท |
สิสี่เสาร์ไม่ | ไหว้ท่านพ่อตา |
๔๙๙ ท้าวกินนุวัต | |
แลเห็นกระษัตริย์ | ทำอหังการ์ |
เธอโกรธฮึดฮือ | คือดังไฟฟ้า |
จองหองนักหนา | มึงมาแต่ไหน |
๕๐๐ จึ่งพระสี่เสาร์ | |
ทูลแก่ปิ่นเกล้า | เจ้าผ่านภพไตร |
ตัวข้านักโทษ | ไม่ไว้พระทัย |
ถึงว่าจะไหว้ | ไม่พ้นความตาย |
๕๐๑ ท้าวไทธิบดี | |
ผู้ผ่านธรณี | ตรัสอย่ามุ่งหมาย |
เลยว่าจะโปรด | มีโทษถึงตาย |
ก้มเกล้าถวาย | บังคมภูมี |
๕๐๒ นักโทษทั้งหลาย | |
ที่โทษถึงตาย | ไม่ควรสดุดี |
ยอกรประนม | บังคมจักรี |
บ่เป็นศักดิ์ศรี | แก่เจ้าสากล |
๕๐๓ ควรแต่เสนา | |
มนตรีไพร่ฟ้า | ท้าวพญาสามนต์ |
เมืองขึ้นอีกเล่า | ของเจ้าจุมพล |
บังคมภูวดล | จึ่งจะเป็นศักดิ์ศรี |
๕๐๔ ข้านี้ถือตัว | |
บ่ไหว้อยู่หัว | ท้าวไทธิบดี |
ถึงว่าจะไหว้ | บ่เป็นศักดิ์ศรี |
แก่พระภูมี | ผู้ผ่านพารา |
๕๐๕ กินนุวัตได้ยิน | |
คำพระภูมินทร์ | รำพึงจินดา |
นักโทษคนนี้ | คิดดีนักหนา |
ถ้อยคำเจรจา | หลากคนทั้งหลาย |
๕๐๖ แล้วพิจารณา | |
นรลักษณ์พักตรา | ศรีสรรพ์พรรณราย |
ผิดรูปยาจก | ทลิทกทั้งหลาย |
ดูเห็นเฉิดฉาย | ใช่คนขอทาน |
๕๐๗ โฉมงามมีศรี | |
สุทัตต์เทวี | จึ่งร่วมสงสาร |
นางรักสุดสวาดิ | ใครเลยจะปาน |
ชะรอยสมภาร | สร้างมาด้วยกัน |
๕๐๘ กินนุวัตราชา | |
ตรัสถามลงมา | บัดเดี๋ยวด้วยพลัน |
ดูรานักโทษ | คนโฉดฉกรรจ์ |
หลักนีติธรรม์ | ถ้อยคำเจรจา |
๕๐๙ ดังฤๅบังอาจ | |
ไม่มีมารยาท | ทำอหังการ์ |
ลงร่วมสาคร | ของพระนัดดา |
ควรแล้วฤๅมา | ทำชอบฤๅไฉน |
๕๑๐ บัดนั้นพระบาท | |
สี่เสาร์ธิราช | จึ่งทูลสนองไข |
ข้าไม่อาจอง | ลงสรงร่วมใน |
สาครท้าวไท | หลานพระ ณ หัว |
๕๑๑ ทุกวันเวลา | |
ข้าเจ้าย่อมมา | ยำเยงเกรงกลัว |
เดินเหินระวัง | ลุกนั่งยอบตัว |
หลานพระ ณ หัว | ทูนเกล้าเกศา |
๕๑๒ ถ้าว่าจะจูบ | |
เชยชมโลมลูบ | แต่เอวลงมา |
จนถึงพระบาท | ของพระราชนัดดา |
ไม่จูบเกศา | กลัวพระภูมี |
๕๑๓ ข้าทูลภูวไนย | |
วันหนึ่งนั้นไซร้ | พี่เลี้ยงไม่มี |
พระราชนัดดา | ของพระพันปี |
นั่งเล่นธุลี | กลิ้งเกลือกไปมา |
๕๑๔ นางนมพี่เลี้ยง | |
ของพระเนื้อเกลี้ยง | เขาไม่นำพา |
ไม่ให้เสวยนม | นะพระราชา |
ข้าอุ้มเจ้ามา | วางในสาคร |
๕๑๕ หลานพระคะนอง | |
ตีน้ำเป็นฟอง | นะพระภูธร |
เจ้าตีน้ำเล่น | ในขันสาคร |
ทาสีแสนงอน | มันคอยริษยา |
๕๑๖ เจ้าตีน้ำเล่น | |
น้ำนั้นกระเด็น | ต้องกายแห่งข้า |
ทาสีมันเห็น | จึ่งทูลราชา |
ความจริงของข้า | นะพระทรงธรรม์ |
๕๑๗ ข้าทูลเนื้อแท้ | |
จริงเท่านี้แล | ข้าไม่เสกสรร |
มิได้อาบน้ำ | ร่วมพระหลานขวัญ |
ไม่จริงดั่งนั้น | รับพระอาญา |
๕๑๘ สุทัตต์เทวี | |
อุ้มลูกมารศรี | กันแสงโศกา |
นั่งแนบแอบผัว | ไม่กลัวอาญา |
คอยฟังบิดา | จะตรัสฉันใด |
๕๑๙ กินนุวัตราชา | |
ฟังพระผ่านฟ้า | เจ้ามาทูลไข |
เธอหายคลายโกรธ | ไม่เอาโทษไท |
ให้หาสาวใช้ | ขึ้นมาด้วยพลัน |
๕๒๐ โองการท่านไท | |
ให้ตำรวจใน | เฆี่ยนสาวใช้นั้น |
ฝ่ายตำรวจใหญ่ | ผูกคอไปพลัน |
ทาสาตัวสั่น | ร้องไห้ฟูมฟาย |
๕๒๑ วิ่งเข้ากอดบาท | |
ทูลพระเยาวราช | สุทัตต์โฉมฉาย |
ขอรับทัณฑ์โทษ | โปรดอย่าให้ตาย |
ข้าผิดมากมาย | ได้โปรดเกศี |
๕๒๒ สุทัตต์จึ่งว่า | |
เมื่อเอ็งทำข้า | ไม่คิดร้ายดี |
ด่าเปรียบเทียบกัน | กูรู้ถ้วนถี่ |
เห็นว่ากูนี้ | ตกยากเข็ญใจ |
๕๒๓ ทาสีก้มเกล้า | |
ผิดแล้วแม่เจ้า | จงงดโทษภัย |
แม่ได้เมตตา | อย่าได้กินใจ |
มิโปรดลูกไว้ | จะม้วยเป็นผี |
๕๒๔ นางคิดอนิจจา | |
จึ่งทูลบิดา | บาปกรรมจะมี |
แก่ผัวลูกยา | พระอย่าฆ่าตี |
จงโปรดเกดี | ลูกกลัวเวรา |
๕๒๕ กินนุวัตตรัสไป | |
ตามแต่อรไท | เถิดนะลูกอา |
แล้วจึ่งให้ปล่อย | ไม่ลงอาญา |
ทาสีกราบลา | ออกมาด้วยพลัน |
๕๒๖ แล้วตรัสถามไป | |
เจ้ามาแต่ไหน | ไม่รู้สำคัญ |
ผู้ดีเข็ญใจ | จงบอกไปพลัน |
ตัวของท่านนั้น | อยู่บ้านเมืองใด |
๕๒๗ ชาวในชาวนอก | |
ชั่วดีจงบอก | ให้ทราบพระทัย |
เอ็งมาทำชู้ | กูนี้อายใจ |
โทษถึงบรรลัย | รอดด้วยธิดา |
๕๒๘ สมเด็จสี่เสาร์ | |
ได้ฟังคำท้าว | ผู้เป็นพ่อตา |
ท้าวคิดละห้อย | น้อยใจนักหนา |
กันแสงโศกา | ดำรัสด้วยพลัน |
๕๒๙ เราเป็นพญา | |
ครอบครองพารา | นครอนันต์ |
เราได้เป็นใหญ่ | ผ่านไอศวรรย์ |
นามกรเรานั้น | สี่เสาร์ราชา |
๕๓๐ ครองราชสมบัติ | |
กรรมให้กำจัด | พลัดบ้านเมืองมา |
ซุกซอนนอนดง | หลงในพนา |
ลุถึงพารา | ผ่านฟ้าธานี ๚ะ |
ฉบัง
๕๓๑ ท้าวกินนุวัตภูมี | ได้สดับคดี |
กลัวฤทธิ์พระเจ้าขวัญหาย | |
๕๓๒ ถอยลงจากแท่นทองพราย | ก้มเกล้าถวาย |
กลัวซึ่งความตายบังคมไท | |
๕๓๓ ขอพระโปรดเกล้าข้าเจ้าไว้ | จงงดโทษภัย |
พระภูวไนยโปรดเกศา | |
๕๓๔ พระสี่เสาร์จึ่งมีวาจา | ไม่ถือโทษา |
แก่พระราชาอย่าตกใจ | |
๕๓๕ เป็นกรรมเราเองโทษใคร | ท้าวอย่ากินใจ |
กรรมแต่ก่อนให้มาตามสนอง | |
๕๓๖ท้าวกิณุวัตถามโดยปอง | ดังฤๅพระทอง |
จึ่งจากมณเฑียรเพื่อใด | |
๕๓๗ พระสี่เสาร์จึ่งแจ้งแถลงไข | เหตุด้วยเคราะห์ไซร้ |
เสาร์เข้าทับลัคน์ราศี | |
๕๓๘ โหรให้ทำบัตรบวงพลี | เมื่อจะเกิดโกลี |
เรานี้มิฟังโหรา | |
๕๓๙ เราจึ่งพลัดจากเมืองมา | องค์เดียวกับม้า |
ถึงกลางมรคาก็อัศจรรย์ | |
๕๔๐ มงกุฎกลายเป็นกระบายพลัน | ศาตราพระขรรค์ |
โง้งเป็นเคียวพลันม้าเป็นวัว | |
๕๔๑ เขาชิงเอาม้าไม่เกรงกลัว | เมื่อกรรมถึงตัว |
มันว่าลักวัวของมันมา | |
๕๔๒ ท่านท้าวกินนุวัตราชา | พระองค์ให้หา |
เครื่องทรงเธอมาถวายไท | |
๕๔๓ เชิญขึ้นแท่นทองผ่องใส | สุทัตต์อรไท |
ถวายจอมไตรอีกทั้งพารา | |
๕๔๔ ท้าวตรัสสั่งว่าอย่าช้า | สูเร่งไปจัดหา |
หาเครื่องบรรดาของจุมพล | |
๕๔๕ อำมาตย์กราบลาไปบัดดล | จรสู่นิคมชน |
ค่อยซับทราบเสาะแสวงหา | |
๕๔๖ เมื่อสิ้นพระเคราะห์ราชา | พระเสาร์ไคลคลา |
ผ่านฟ้าเจ้าหายทุกข์ทน ๚ะ |
สุรางคนางค์
๕๔๗ เคราะห์สิ้นเจ็ดวัน | |
สิ่งของทั้งนั้น | อยู่ทุกตำบล |
กลายกลับอย่างเก่า | ของเจ้าสากล |
วัวเป็นม้าต้น | พิจิตรรจนา |
๕๔๘ เคียวเป็นพระขรรค์ | |
กระบายกลายพลัน | มงกุฎบ่ช้า |
หนังโคกลับกลาย | เป็นผ้ากาสา |
เล็ดถั่วเล็ดงา | เป็นเพชรธำมรงค์ |
๕๔๙ ผู้คนทั้งนั้น | |
เห็นเป็นอัศจรรย์ | ดูหลากพิศวง |
แม้นเราเอาไว้ | เห็นโทษมั่นคง |
เอาถวายพระองค์ | กินนุวัตราชา |
๕๕๐ ปากคนฦๅเล่า | |
พระสี่เสาร์เจ้า | เป็นผัวกัลยา |
ที่ท้าวคนนั้น | เป็นโทษนักหนา |
ฝูงคนทั้งห้า | ทำผิดคิดฉงน |
๕๕๑ คิดแล้วใจหาย | |
ทั้งห้ากลัวตาย | พร้อมกันทุกคน |
เอามงกุฎพระขรรค์ | ของพระจุมพล |
ทั้งพญาม้าต้น | อีกทั้งภูษา |
๕๕๒ กับเพชรธำมรงค์ | |
โดยใจจำนง | เดินตามกันมา |
ไปถวายปิ่นเกล้า | เจ้ากรุงนัครา |
ถึงกลางมรคา | พออำมาตย์ไป |
๕๕๓ เขาเห็นประหลาด | |
หมู่มุขอำมาตย์ | คร่าเอาทันใด |
ของหลวงทั้งนี้ | มึงพาไปไหน |
เขาจึ่งบอกไป | จะถวายราชา |
๕๕๔ อำมาตย์ไม่ฟัง | |
ผูกมือไพล่หลัง | ทุบถองจูงมา |
ถึงวังภูเบศร | ทูลเหตุมิช้า |
ถวายคนทั้งห้า | แก่ปิ่นภพไตร |
๕๕๕ สมเด็จสี่เสาร์ | |
ตรัสลงมาเล่า | ผูกคอเขาไย |
เป็นกรรมของข้า | จะมาโทษใคร |
พระไม่จองภัย | แก่ราษฎร์ประชา |
๕๕๖ ตรัสให้รางวัล | |
เงินทองแพรพรรณ | มากมายเหลือตรา |
ปล่อยคนทั้งนั้น | ชวนกันออกมา |
คืนสู่เคหา | อยู่สุขสำราญ |
๕๕๗ สมเด็จสี่เสาร์ | |
เห็นเครื่องพระเจ้า | น้ำเนตรคือธาร |
มงกุฎพระขรรค์ | ทั้งเครื่องสังวาล |
ภูษาภูบาล | เศร้าหมองโรยรา |
๕๕๘ อีกทั้งธำมรงค์ | |
รัศมีศรีทรง | อย่างยิ่งสูริยา |
กลายกลับอับเฉา | หมองเศร้านักหนา |
พระขรรค์คมกล้า | มาเป็นสนิมไป |
๕๕๙ กรกอดเครื่องทรง | |
แนบกับทรวงองค์ | ชลเนตรลามไหล |
เมื่อกรรมมาทัน | อัศจรรย์พรัดพราย |
เมื่อบุญจะให้ | ย่อมได้คืนมา |
๕๖๐ ยังแต่มเหสี | |
อนันต์เทวี | ไม่เห็นกัลยา |
ทำไฉนจะพบ | เจ้าแก้วแววตา |
ป่านฉะนี้ฉายา | ครวญคร่ำร่ำไร |
๕๖๑ ไม่รูดีร้าย | |
ว่าพี่เป็นตาย | ทุกข์สุขเป็นไฉน |
เจ้าจะโศกา | ชลนาหลั่งไหล |
ครวญคร่ำร่ำไห้ | ทุกแห่งแสวงหา |
๕๖๒ มิพบพักตร์พี่ | |
เคราะห์กรรมยายี | บังหูบังตา |
ไม่ควรที่เป็น | ดังนี้เลยนา |
โอ้ว่าอนิจจา | ช่างน่าสงสาร |
๕๖๓ ท้าวกำสรดนัก | |
บุญเห็นประจักษ์ | ด้วยโพธิสมภาร |
บัดเดี๋ยวเครื่องทรง | ก็งามชัชวาล |
สมเด็จภูบาล | ยินดีพระทัย |
๕๖๔ ท้าวทรงภูษา | |
อาภรณ์รจนา | สะอิ้งสุกใส |
ธำมรงค์มงกุฎ | งามสุดเลิศไกร |
ท้าวเสด็จลงไป | สู่ม้าอาชา |
๕๖๕ เห็นพญาม้าแก้ว | |
ผอมผ่ายไปแล้ว | กันแสงโศกา |
กรรมเวรสิ่งไร | กลายเป็นโคนา |
มันใช้นักหนา | จนผ่ายผอมไป |
๕๖๖ ลูบหลังลูบหน้า | |
พระกรกำหญ้า | ป้อนม้ามโนมัย |
มาระหกระเหิน | ดำเนินในไพร |
ยังเหาะเหิรได้ | ฤๅพี่พาชี |
๕๖๗ ค่อยปลอบค่อยว่า | |
บัดเดี๋ยวพญาม้า | ดูงามมีศรี |
มิได้ผอมผ่าย | ใหญ่หลวงพ่วงพี |
พระปิ่นธรณี | ชื่นชมนักหนา |
๕๖๘ เผ่นขึ้นม้าแก้ว | |
จับบังเหียนแล้ว | เผ่นขึ้นเวหา |
ทักษิณโดยรอบ | ขอบขัณฑเสมา |
ฝูงราษฎร์ประชา | ตระหนกตกใจ |
๕๖๙ เกิดมาไม่เคย | |
เห็นอย่างนี้เลย | เหาะเหิรครรไล |
ผัวนางเทวี | มีบุญเหลือใจ |
หัวปีต้องภัย | เป็นคนทลิทการ |
๕๗๐ ม้าร้องก้องกึก | |
ระโรมโครมครึก | สนั่นห้องจักรวาฬ |
ลางหมู่ตกใจ | เสือกสนลนลาน |
บ้างวิ่งเข้าบ้าน | บ้างซุกซอนไป |
๕๗๑ บางวิ่งปะทะกัน | |
ล้มลุกไม่ทัน | คลานเข้าเตาไฟ |
บ้างกอดไหเหล้า | ตักดื่มเข้าไป |
วิ่งซานหวั่นไหว | ทั้งพื้นแผ่นดิน |
๕๗๒ ราษฎรทั้งหลาย | |
เอิกเกริกวุ่นวาย | กลัวฤทธิ์ภูมินทร์ |
หมู่มุขมนตรี | สาวศรีได้ยิน |
สลบไปสิ้น | ทั้งวังพระองค์ |
๕๗๓ กินนุวัตราชา | |
พลัดตกลงมา | จากแท่นทองทรง |
ทรงกันแสงไห้ | ชีพไม่คืนคง |
เห็นจะปลดปลง | ครั้งนี้แล้วนา |
๕๗๔ ท้าวยอพระหัตถ์ | |
บังคมสุทัตต์ | เอ็นดูพ่อรา |
ช่วยห้ามเธอเสีย | อย่าแผลงฤทธา |
พิภพจะมา | โทรมทรุดลงไป |
๕๗๕ นางฟังบิดา | |
ห้ามว่าอย่าอย่า | ไหว้ข้าว่าไร |
ท้าวคนอัปรีย์ | ฤทธีที่ไหน |
จะกลัวทำไม | แก่คนขอทาน |
๕๗๖ กลัวไยเล่านา | |
อับอายขายหน้า | บิดาทุกประการ |
ผูกคอลงไป | สั่งให้ทหาร |
ฟันเสียอย่านาน | ลับหูลับตา |
๕๗๗ สมเด็จกินนุวัต | |
ฟังลูกสาวตรัส | เนตรคือธารา |
ลุกแล้วล้มลง | ไม่ทรงกายา |
กลิ้งเกลือกไปมา | กับพระโรงทอง |
๕๗๘ อ้าปากหายใจ | |
ออกไม่ใคร่ได้ | น้ำลายฟูมฟอง |
ระด่าวท่าวดิ้น | ตาปลิ้นตาพอง |
เหงื่อไคลไหลนอง | โซมองค์ราชา |
๕๗๙ สุทัตต์เห็นหลาก | |
ท้าวทนลำบาก | กลัวเป็นเวรา |
ยอกรขึ้นไหว้ | ทูลไทราชา |
โปรดเกล้าข้ารา | กับทั้งบิดร |
๕๘๐ ถ้าจะอยู่ช้า | |
บิตุเรศของข้า | จะมาม้วยมรณ์ |
ขอเชิญพระองค์ | ลงจากอัมพร |
พระราชบิดร | กลัวอิทธิฤทธา |
๕๘๑ พระฟังน้องรัก | |
จะขัดแข็งนัก | เอ็นดูกัลยา |
เวียนได้เจ็ดรอบ | ขอบขัณฑเสมา |
จึ่งชักอาชา | ลงยืนเกยไชย |
๕๘๒ ลงจากม้าแล้ว | |
แกว่งพระขรรค์แก้ว | จึ่งเสด็จเข้าไป |
กินนุวัตใจกล้า | ฤทธาเป็นไฉน |
ดูถูกเราได้ | ดูน่าบัดศรี |
๕๘๓ ให้ท้าวแผลงฤทธิ์ | |
สุดสิ้นชีวิต | เราไม่ถอยหนี |
ท้าวว่าท้าวกล้า | เราว่าเราดี |
มาแผลงฤทธี | สงครามกันไป |
๕๘๔ ทำเราสิ้นที | |
ไม่คิดชีวี | แทบเลือดตาไหล |
จงมารบกัน | จะกลัวทำไม |
ทดแทนให้ได้ | สาใจจังฑาล |
๕๘๕ เชิญท้าวกินนุวัต | |
จะจับเศียรตัด | เต็มทั้งจักรวาฬ |
สูงเทียมพรหมโลก | เราจักสังหาร |
ไม่กลัวเกรงท่าน | สักกึ่งเกศา |
๕๘๖ ไม่รู้ว่าไฟ | |
เอาสุมหัวไว้ | ร้อนนักท่านอา |
ตรัสพลางทางเย้ย | เฉยอยู่ไยนา |
นางนี้เมียข้า | ธิดาของใคร |
๕๘๗ กินนุวัตใหลหลง | |
ปิ้มจักปลดปลง | ชีวิตตักษัย |
อ่อนโอนเกศเกล้า | กับเท้าภูวไนย |
ผิดแล้วท้าวไท | ขอรับอาญา |
๕๘๘ ขอถวายสมบัติ | |
แก้วเก้าเนาวรัตน์ | สิ้นทั้งพารา |
ขอทานชีวิต | อย่าให้มรณา |
เห็นแก่ฉายา | สุทัตต์ทรามวัย |
๕๘๙ พระยอดโลกา | |
ได้ฟังพ่อตา | ยิ้มแย้มแจ่มใส |
เธอทรงพระสรวล | ไม่ควรว่าไป |
เราเป็นอะไร | กลัวไยเล่านา |
๕๙๐ ตรัสแล้วภูมี | |
สั่งแก่มนตรี | ปลูกโรงอาชา |
ตะพุ่นทั้งหลาย | มากมายนักหนา |
สำหรับเกี่ยวหญ้า | มาไว้พยาบาล |
๕๙๑ สี่เสาร์ทรงธรรม์ | |
ครองภพไอศวรรย์ | เป็นสุขสำราญ |
กับนางกระษัตริย์ | สุทัตต์นงคราญ |
สมเด็จภูบาล | เป็นสุขเหลือตรา |
๕๙๒ วันหนึ่งภูเบศร | |
ตรัสสั่งวิเสท | แต่งเครื่องเข้ามา |
เราจะทำบุญ | ให้มากนักหนา |
สงฆ์ทั้งวัดวา | กับเณรน้อยนั้น |
๕๙๓ อำมาตย์จึ่งไป | |
นิมนต์เจ้าไท | เณรน้อยด้วยพลัน |
สั่งให้นิมนต์ | สิ้นทั้งวัดนั้น |
อำมาตย์ไปพลัน | นิมนต์ทันที |
๕๙๔ พระสงฆ์ทั้งหลาย | |
ชวนกันผันผาย | สู่วังภูมี |
กับเณรน้อยด้วย | เข้ามาในที่ |
วังพระภูมี | นั่งแท่นรจนา |
๕๙๕ สงฆ์องค์หนึ่งนั้น | |
เห็นพระทรงธรรม์ | จำแน่นักหนา |
สะกิดบอกกัน | กระซิบเจรจา |
เธอองค์นี้นา | ที่อาศัยเรา |
๕๙๖ เพื่อนกันจึ่งว่า | |
เธอนี้เป็นพญา | อย่าว่าเปล่าเปล่า |
ฝ่ายว่าสมภาร | ถวายพรไปเล่า |
ว่าบพิตรเจ้า | มีบุญนักหนา |
๕๙๗ บพิตรฤๅใช่ | |
ที่มาอาศัย | วัดของอาตมา |
เณรน้อยนั่นเล่า | ท้าวรักนักหนา |
รูปขอสมา | อย่าถือพระทัย |
๕๙๘ สมเด็จสี่เสาร์ | |
กราบลงกับเท้า | แล้วจึ่งแถลงไข |
แต่โยมนี้แท้ | จำแน่เหลือใจ |
คิดถึงเจ้าไท | จึ่งนิมนต์มา |
๕๙๙ เรียกเณรน้อยเล่า | |
มานี้พ่อเจ้า | กลัวโยมไยนา |
อุ้มขึ้นใส่ตัก | จูบพักตร์ไปมา |
พ่อมีคุณข้า | ยิ่งล้นพ้นตัว |
๖๐๐ เณรน้อยสามารถ | |
เจ้ากูฉลาด | เห็นท้าวชมชัว |
ทูลแก่ราชา | เป็นพญาข้ากล้ว |
บ้านนอกขอกรั้ว | ไม่เคยเข้าวัง |
๖๐๑ เผ่าพงศ์วงศา | |
ชาวดงชาวป่า | ยากพ้นกำลัง |
ร้อยแขวงมูลนาย | จำหน่ายหลายครั้ง |
ไม่เคยเข้าวัง | ขอได้โปรดปราน |
๖๐๒ พระสี่เสาร์ราช | |
เธอจึ่งประภาษ | ตรัสแก่สมภาร |
โยมรักเณรน้อย | นึกละห้อยสงสาร |
พระคุณโปรดปราน | ให้โยมเถิดรา |
๖๐๓ สมภารถวายพร | |
สุดแต่ภูธร | จะทรงเมตตา |
รูปนี้ถวาย | แก่ไทราชา |
ตามแต่บุญญา | เณรกับภูมี |
๖๐๔ พระสงฆ์ถวาย | |
สี่เสาร์ฦๅสาย | ยอกรชุลี |
ชาววังทั้งหลาย | ยกเครื่องมากมี |
มหาดเล็กชาวที่ | ยกสำรับพลัน |
๖๐๕ ถวายแก่พระสงฆ์ | |
ครบสิ้นทุกองค์ | บรรจงให้ฉัน |
ของคาวของหวาน | ตระการครบครัน |
ฉันแล้วด้วยพลัน | จึ่งถวายพระพร |
๖๐๖ สงฆ์ออกจากวัง | |
ลางองค์เหลียวหลัง | สั่งเณรบังอร |
เจ้าเณรมีบุญ | อย่าสูญเราก่อน |
ว่าแล้วบทจร | ไปวัดทันใด |
๖๐๗ เจ้าเณรน้อยนั้น | |
สมเด็จทรงธรรม์ | รักร่วมฤทัย |
เลี้ยงเป็นลูกหลวง | ทั้งปวงน้อมไหว้ |
บุญได้ดั่งใจ | ประเสริฐนักหนา |
๖๐๘ อารามนั้นไซร้ | |
ให้บูรณะใหม่ | วิจิตรรจนา |
วาดเขียนปิดทอง | ทุกช่องชั้นฝา |
เห็นงามนักหนา | กว่าวัดทั้งหลาย |
๖๐๙ แล้วทำเขายนต์ | |
เป็นเล่ห์เป็นกล | ล้ำเลิศเฉิดฉาย |
ชื่อบูรณาราม | งามกว่าทั้งหลาย |
วิหารพรอยพราย | ระเบียงเฉิดฉัน |
๖๑๐ ตลาดขนอน | |
ส่วยสาอากร | ชั้นวัดครบครัน |
ราชยานคานหาม | ถวายพระครูนั้น |
จึ่งตั้งขึ้นพลัน | เป็นสังฆราชา |
๖๑๑ แล้วแต่งทำขวัญ | |
เจ้าเณรน้อยนั้น | กับพระลูกยา |
เป็นพี่น้องกัน | วันนี้ลูกอา |
ถวายนามเจ้าฟ้า | สุทัตศรีกุมาร |
๖๑๒ ลูกหลวงนี้ไซร้ | |
ตรัสผลัดชื่อใหม่ | เรวัตชายชาญ |
ใหญ่มารูปทรง | พระองค์สะคราญ |
เฝ้าชิดภูบาล | เป็นสุขสบาย |
๖๑๓ อยู่มาช้านาน | |
พระทัยภูบาล | ระส่ำระสาย |
คิดถึงไอศวรรย์ | กำนัลทั้งหลาย |
รี้พลมากมาย | ทั้งพระมเหสี |
๖๑๔ กูมาช้านาน | |
ปานนี้นงคราญ | จะร้อนฤๅดี |
เจ้าจะทุกข์ใจ | ร่ำไรแสนทวี |
คิดแล้วภูมี | กันแสงโศกา |
๖๑๕ ครั้นจะบอกเล่า | |
เอ็นดูแก่เจ้า | นางอรฉายา |
รู้ว่าเมียมี | จะโทรมนัสา |
อย่าเลยจะมา | แต่งสารตราไป |
๖๑๖ คิดเห็นชอบแล้ว | |
เสด็จเหนือแท่นแก้ว | จึ่งพระภูวไนย |
ตรัสแก่เสนา | แต่งสารตราไป |
บัดนี้จงไว | ถึงอนันตนคร |
๖๑๗ เสนาแต่งสาร | |
ตามราชโองการ | แล้วลาภูธร |
ยกพลมนตรี | หัตถีอัสดร |
สามเดือนบทจร | บรรลุนครา |
๖๑๘ เอาสารตราให้ | |
เสนาผู้ใหญ่ | ตามไท้บัญชา |
เสนาอ่านถวาย | องค์อัครชายา |
ว่าพระเจ้าฟ้า | ผู้ปิ่นธรณี |
๖๑๙ รู้ว่าปิ่นกระษัตริย์ | |
อยู่เมืองกินนุวัต | แต่จากบูรี |
พระสนมชาววัง | กับทั้งมเหสี |
ชื่นชมยินดี | ทั่วทั้งพารา |
๖๒๐ สมเด็จเทวี | |
มีพระเสาวนีย์ | สั่งแก่เสนา |
จัดพลเร็วไว | ไปเชิญราชา |
เร็วเร็วอย่าช้า | เตรียมพลออกไป |
๖๒๑ เสนาจัดพล | |
อัดแอแจจน | ช้างม้ารถไชย |
พลทั้งสี่หมู่ | ดูงามไสว |
เสร็จแล้วบัดใจ | ทูลลาเทวี |
๖๒๒ ยกพลคลาเคลื่อน | |
หนทางสามเดือน | แต่ราชธานี |
กองหน้าไปถึง | ซึ่งแดนบูรี |
กองหลังเสนี | พึ่งจะยาตรา |
๖๒๓ จึ่งมุขมนตรี | |
จัดพลเสนี | นอกขัณฑเสมา |
แต่ล้วนผู้ใหญ่ | เข้าในพารา |
ถึงวังราชา | กราบไหว้ถวายกร ๚ะ |
ฉบัง
๖๒๔ เสนาเข้ามาสลอน | บังคมภูธร |
กราบทูลบงกชบทยุคล | |
๖๒๕ ข้าบาทค้นทุกตำบล | เที่ยวหาจุมพล |
ไปจบทั่วทุกทิศา | |
๖๒๖ เมืองนี้มิได้สงกา | เห็นน้อยนักหนา |
คิดว่าพระองค์จะมาไฉน | |
๖๒๗ ตั้งแต่สมเด็จจอมไตร | เสด็จจากวังใน |
พลไพร่ไป่มีสุขเลย | |
๖๒๘ โศกเศร้าร้อนเร่าบ่เสบย | ปิ่นเกล้าเราเอย |
ไม่เคยจะจากจรไกล | |
๖๒๙ ภูมีสี่เสาร์เฉลยไข | ตรัสตอบขอบใจ |
แก่หมู่อำมาตย์มนตรี | |
๖๓๐ เวราตามมายายี | พลัดจากบูรี |
เรานี้ได้ยากนักหนา | |
๖๓๑ เราอดอาหารโภชนา | เป็นกรรมทำมา |
เวรานั้นตามมาทัน | |
๖๓๒ เสนาก้มเกล้าอภิวันท์ | ขอเชิญทรงธรรม์ |
พระองค์จงคืนพารา | |
๖๓๓ กลับไปครอบครองประชา | โปรดฝูงไพร่ฟ้า |
อาณานิกรสุขสบาย | |
๖๓๔ สมเด็จปิ่นเกล้าฦๅสาย | บอกคนทั้งหลาย |
จักควรจักคืนสู่สถาน | |
๖๓๕ พระเจ้าเข้าไปมินาน | บอกซึ่งอาการ |
แก่ท้าวกินนุวัตบัดใจ | |
๖๓๖ เรานี้ขอลาท้าวไท | คืนยังกรุงไกร |
อนันตราชบูรี | |
๖๓๗ กินนุวัตตรัสถามคดี | จัดแจงสาวศรี |
สนมกำนัลทั้งหลาย | |
๖๓๘ รูปร่างสำอางพริ้งพราย | งามเลิศเฉิดฉาย |
ทั้งเจ้าขรัวยายมากมี | |
๖๓๙ สิบสองกำนัลขันที | ไปด้วยเทวี |
ภูมีประทานแก่ธิดา | |
๖๔๐ แล้วท้าวจัดพลโยธา | ม้ารถคชา |
ทั้งสีวิกายานทอง | |
๖๔๑ ไพร่พลมนตรีเนืองนอง | แตรสังข์ฆ้องกลอง |
สำหรับกระษัตริย์ยาตรา | |
๖๔๒ เสร็จแล้วทูลแก่ราชา | บัดนี้โยธา |
สำเร็จเสร็จพร้อมมูลมี | |
๖๔๓ เมื่อนั้นสี่เสาร์ธิบดี | บอกแก่เทวี |
พรุ่งนี้พี่จักยาตรา | |
๖๔๔ ผัวรักจักจรพารา | ไปด้วยพี่ยา |
ฤๅว่าไม่ไปเทวี | |
๖๔๕ นางนาฏกราบบาทบทศรี | จะขอจรลี |
ไปด้วยพระองค์ทรงธรรม์ | |
๖๔๖ สองกระษัตริย์ตรัสปรึกษากัน | จักไปอภิวันท์ |
ทรงธรรม์บิตุเรศมารดา | |
๖๔๗ ตรัสแล้วสองทรงสีวิกา | เสด็จลินลา |
มาเฝ้าท่านท้าวสองศรี ๚ะ |
สุรางคนางค์
๖๔๘ สุทัตต์กัลยา | |
น้อมเกล้าเกศา | กราบลาชนนี |
พระจงเป็นสุข | ภัยทุกข์อย่ามี |
ลูกจักจรลี | พรุ่งนี้แลนา |
๖๔๙ พระคุณโปรดเกล้า | |
มิช้านักเล่า | ลูกจักกลับมา |
เคยขึ้นมาเฝ้า | ค่ำเช้าอัตรา |
เคยจำนรรจา | แต่นี้จะไกล |
๖๕๐ ทั้งราชนัดดา | |
โปรดเกล้าเกศา | ขอลาเอาไป |
ชมเสียยังแล้ว | หลานแก้วจะไกล |
อย่าตรอมพระทัย | ท้าวทั้งสองรา |
๖๕๑ ยื่นพระโอรส | |
งอนงามปรากฏ | ให้แก่มารดา |
แต่นี้จะไกล | อัยกีอัยกา |
ชมแล้วจะลา | ปิ่นเกล้าไอศววรย์ |
๖๕๒ สมเด็จพระยาย | |
อุ้มพระหลานชาย | รับมิ่งสิ่งขวัญ |
ความยายรักเจ้า | ใครจักเทียมทัน |
สมบัติเนืองนันต์ | ปองให้นัดดา |
๖๕๓ ชมแล้วชมเล่า | |
ยกขึ้นทูนเกล้า | แล้วทรงโศกา |
แต่นี้จักไกล | พระราชนัดดา |
อัยกีอัยกา | จะเศร้าโศกศัลย์ |
๖๕๔ ตรัสแล้วสั่งเล่า | |
แก่พระสี่เสาร์ | ขอฝากจอมขวัญ |
พี่เลี้ยงนางนม | สาวสนมกำนัล |
ให้เลี้ยงจอมขวัญ | พระราชนัดดา |
๖๕๕ ฝ่ายนางสุทัตต์ | |
ผิดร้ายให้ตรัส | เห็นแก่ลูกยา |
ผิดชอบหนักเบา | ขอท้าวเมตตา |
อย่ามีอาชญา | ฆ่าให้บรรลัย |
๖๕๖ พระสี่เสาร์ราช | |
รับคำภูวนาถ | อย่าร้อนพระทัย |
อันพระบุตรี | ไม่มีโพยภัย |
ผิดพลั้งสิ่งใด | อย่าได้ฉันทา |
๖๕๗ อันองค์นงนุช | |
มีคุณที่สุด | เท่าเทียมภูผา |
แทนคุณอรไท | เหมือนได้สัญญา |
แม้นถึงพารา | จะแทนเทวี |
๖๕๘ ข้าจะอภิเษก | |
ตั้งให้เป็นเอก | ยิ่งปวงนารี |
มิให้อับอาย | อย่าได้หมองศรี |
ยืดไปพันปี | จะเห็นสัจจา |
๖๕๙ ท้าวจงเป็นสุข | |
อย่ามีความทุกข์ | ถึงพระนัดดา |
ถ้าไม่บรรลัย | เติบใหญ่ผ่ายหน้า |
แทนคุณอัยกา | อัยกีสืบไป |
๖๖๐ สุทธิฉายา | |
ฟังคำเขยว่า | ดีเนื้อดีใจ |
ลูบหลังลูกแก้ว | กอดแล้วร่ำไห้ |
แต่นี้จะไกล | จากอกมารดา |
๖๖๑ แม่จะสอนแก้ว | |
ถ้าถึงวังแล้ว | จงมีอัชฌา |
ลูกเมียพระสนม | เจ้าอย่าริษยา |
ฟังคำแม่ว่า | ประคิ่นจงดี |
๖๖๒ เจ้ารักษาตัว | |
อย่าได้ให้ผัว | หม่นหมองราคี |
เอาใจรอบคอบ | ประกอบจงดี |
สิ่งอันใดมี | พิทักษ์รักษา |
๖๖๓ ทรัพย์อยู่ในคลัง | |
ลับหน้าต่อหลัง | อย่าเอาออกมา |
ถึงน้อยเหมือนมาก | ปากคนลูกอา |
สิ่งใดปรารถนา | ทูลท้าวจงดี |
๖๖๔ แม่อย่าหึงหวง | |
ยุ่งหยาบจาบจ้วง | หึงหวงไม่ดี |
ท้าวจักไปชม | นักสนมสาวศรี |
หึงสายายี | ไม่ดีนะลูกอา |
๖๖๕ ลูกเมียท้าวมี | |
นบนอบให้ดี | อย่าอหังการ์ |
เมียน้อยเมียหลวง | อย่าล่วงเจรจา |
หนักเบาอย่าว่า | อดออมจงดี |
๖๖๖ อย่าเล่นสนุก | |
สกาหมากรุก | อีกทั้งมโหรี |
อย่าเล่นต่อแต้ม | ใช่การผู้ดี |
นักเล่นเช่นนี้ | เห็นจะเสียความ |
๖๖๗ ถ้าว่าใครผิด | |
พระองค์ทรงฤทธิ์ | ท้าวจะไถ่ถาม |
ค่อยทูลขยาย | อย่าให้วู่วาม |
เจ้าอย่าลุกลาม | โทษคนทั้งหลาย |
๖๖๘ ทำได้ดั่งนี้ | |
กำนัลขันที | จะรักมากมาย |
แม้จะพลั้งพลาด | มิอาจอันตราย |
เพราะเขาทั้งหลาย | เมตตากรุณา |
๖๖๙ ท้าวจะประทาน | |
แสนสาวศฤงคาร | ตามพระอัชฌา |
แม่อย่าทูลขัด | ทานทัดบัญชา |
ลาภเขาลูกอย่า | ไม่ควรมิดี |
๖๗๐ ถ้าท้าวไปชม | |
นวลนางพระสนม | ภิรมย์สาวศรี |
ค่อยเลี่ยงเบี่ยงบ่าย | แยบคายจงดี |
อย่าให้ภูมี | ขัดเคืองพระทัย |
๖๗๑ อย่ามุ่งหมายคิด | |
เมื่อท้าวสนิท | จักหมองน้ำใจ |
อย่าเคียดเดียดฉันท์ | อย่างนั้นมิได้ |
ทูลแก่ท้าวไท | จึ่งควรนะลูกอา |
๖๗๒ เมื่อยามราตรี | |
อย่าห่างสามี | ใจจงจินตนา |
ชายมักเดียดฉันท์ | สิ่งนั้นแลนา |
ฟังคำแม่ว่า | จะเป็นศักดิ์ศรี |
๖๗๓ หญิงมีมารยาท | |
ผัวรักพิศวาส | ชื่นชมยินดี |
อย่าสะบัดสะบิ้ง | ถุ้งทิ้งถ้อยสี |
เจรจาพาที | จงมีอัชฌา |
๖๗๔ สอนแล้วสอนเล่า | |
โลมลูบจูบเกล้า | เจ้าปลื้มอุรา |
มิใคร่ให้ไป | ไกลจากมารดา |
เกรงกลัวอาญา | ผู้เป็นสามี |
๖๗๕ นางให้อนุญาต | |
สุทัตต์กราบบาท | รับพรชนนี |
ใส่เกล้าเกศา | ชลนาเทวี |
นองเนตรมารศรี | กับบาทมารดา |
๖๗๖ ถ้อยคำแม่เจ้า | |
ลูกรับใส่เกล้า | ตราบม้วยมรณา |
นางบังคมบาท | พระราชบิดา |
ลูกรักจักลา | ปิ่นเกล้าภพไตร |
๖๗๗ สมเด็จบิดา | |
ฟังลูกทูลลา | น้ำตาหลั่งไหล |
เจ้ารักษาตัว | อย่าให้มีภัย |
สนมชาวใน | ครองใจจงดี |
๖๗๘ กินนุวัตราชา | |
ก้มเกล้าเจ้าฟ้า | ฝากนางเทวี |
หนักเบาสิ่งไร | โทษภัยอย่ามี |
เอ็นดูมารศรี | อย่ามีอาญา |
๖๗๙ สมเด็จพระเจ้า | |
สี่เสาร์ผ่านเกล้า | ได้ฟังพ่อตา |
ข้าเจ้าทรพล | เป็นคนทลิทา |
จักเลี้ยงธิดา | ของท้าวอย่างไร |
๖๘๐ อาศัยร้านตลาด | |
ขอทานเป็นทาส | ตามความเข็ญใจ |
ท้าวกลัวขายหน้า | โกรธาคือไฟ |
สั่งเขาเอาไป | ทำโทษแทบตาย |
๖๘๑ นี่ได้ชนนี | |
กับนางเทวี | หาไม่ฉิบหาย |
รอดอยู่ครั้งนี้ | พันปีอับอาย |
จะฝากโฉมฉาย | ใครจะตามใจ |
๖๘๒ เป็นท้าวเป็นพญา | |
เหมือนท้าวเล่ารา | งามหน้าท้าวไท |
ข้าคนทลิทา | จะว่าไปไย |
ฝากนางอรไท | ไม่ควรนะท่านอา |
๖๘๓ สมเด็จกินนุวัต | |
ฟังลูกเขยตรัส | ประชดวาจา |
อกคว่ำขวัญหาย | ฟูมฟายน้ำตา |
กลัวพระอาญา | พ่างว่าจะบรรลัย |
๖๘๔ ข้าพระเจ้าผิด | |
ขอองค์ทรงฤทธิ์ | อย่าคุมโทษภัย |
ไม่เห็นแก่ข้า | เห็นแก่อรไท |
อีกทั้งกลอยใจ | พระราชนัดดา |
๖๘๕ สมเด็จสี่เสาร์ | |
ฟังพ่อตาเจ้า | ยิ้มแย้มไปมา |
เราไม่ถือโกรธ | คุมโทษราชา |
เรานี้นึกว่า | ให้ท้าวแจ้งใจ |
๖๘๖ ค่อยอยู่เถิดหนา | |
เรารักขอลา | ไปสู่เวียงไชย |
พระเสด็จจากวัง | นำนางอรไท |
โองการตรัสไป | เรวัตลูกยา |
๖๘๗ เร่งคุมพลไป | |
กองหน้าทัพใหญ่ | ไปก่อนบิดา |
ป้องกันชนนี | จงดีนะลูกอา |
ทั้งพระน้องยา | อย่าให้อันตราย |
๖๘๘ ถ้าถึงกลางไพร | |
จงค่อยคลายใจ | ชมไพรสบาย |
ตามแต่หฤทัย | อย่าได้ระคาย |
พ่อนี้มุ่งหมาย | อนันตบูรี |
๖๘๙ เรวัตกุมาร | |
รับพระโองการ | บังคมบทศรี |
สองกระษัตริย์ทรงยศ | ขึ้นรถจรลี |
เรวัตโฉมศรี | ขี่ช้างนำไป |
๖๙๐ ได้ฤกษ์เวลา | |
ยกพลไคลคลา | ออกจากกรุงไกร |
เสนาแห่ห้อม | แวดล้อมกันไป |
สะท้านหวั่นไหว | สนั่นถึงเวหา |
๖๙๑ พวกพลแออัด | |
จากเมืองกินนุวัต | ไปตามมรคา |
ระโรมโครมครึก | ก้องกึกโกลา |
เสียงพลโยธา | สนั่นธรณี |
๖๙๒ โครมครึกกึกก้อง | |
เสียงปี่ฆ้องกลอง | แตรสังข์มากมี |
เสียงพลโห่ร้อง | ลั่นท้องพงพี |
ทางเป็นผงคลี | มืดกลุ้มเป็นควัน |
๖๙๓ พลถือธงไชย | |
แห่หน้าไสว | คือดั่งแกล้งสรร |
ห่มเสื้อสักหลาด | องอาจใครจะทัน |
ถือปืนยืนยัน | หน้าช้างวางมา |
๖๙๔ หน้าไม้เกาทัณฑ์ | |
ทวนทองเป็นหลั่น | ดูงามโสภา |
ห่มเสื้อลายเขียว | ประเปรียวนักหนา |
หัตถีอาชา | หน้าหลังคั่งไป |
๖๙๕ พวกพลช้างแซง | |
ห่มเสื้อลายแดง | ดูงามเหลือใจ |
ช้างดั้งช้างกัน | สรรพ์กุญชรไชย |
ธงเทียวไสว | จามรทานตะวัน |
๖๙๖ ครั้นค่ำสนธยา | |
หยุดนั่งพลับพลา | ให้พระจอมขวัญ |
ครั้นรุ่งอโณทัย | ยกไปด้วยพลัน |
ข้ามเขาอารัญ | ห้วยเหวคงคา |
๖๙๗ สี่เสาร์พระบาท | |
ขึ้นพาชีชาติ | เหาะขึ้นเวหา |
เร็วกว่าลมพัด | ตระบัดเหาะมา |
ด้วยอิทธิศักดา | ถึงมหานที |
๖๙๘ ชักม้าลงมา | |
ถึงฝั่งคงคา | ลงจากพาชี |
ชำระพระเกศ | ริมฝั่งสระศรี |
สรงอาบพาชี | ปล่อยตามอัชฌา |
๖๙๙ มงกุฎพระขรรค์ | |
เครื่องทรงทรงธรรม์ | ท้าวเปลื้องออกมา |
พระทรงชำระ | ในสระธารา |
อโนดาตคงคา | ศักดิ์สิทธิ์มีศรี |
๗๐๐ ท้าวเก็บผลไม้ | |
ริมฝั่งนั้นได้ | หลายหลากมากมี |
ชมไม้ชมนก | ผันผกจรลี |
คำนึงเทวี | แก้วพี่ไม่มา |
๗๐๑ สมเด็จจอมไตร | |
เลือกเก็บผลไม้ | ห่อชายภูษา |
ฝากลูกทั้งสอง | กับน้องฉายา |
เสด็จขึ้นอาชา | ผ่านฟ้าเหาะไป |
๗๐๒ แลเห็นกองทัพ | |
ชักพาชีกลับ | ลงมาบัดใจ |
ขึ้นบนรถแก้ว | แล้วยื่นผลไม้ |
ให้แก่อรไท | พระยอดชีวี |
๗๐๓ โองการประภาษ | |
พี่ไปอโนดาต | แสนสนุกเปรมปรีดิ์ |
พี่คิดถึงเจ้า | ลำเพามารศรี |
จึ่งชวนเทวี | เสวยผลพฤกษา |
๗๐๔ เข้าดงพงไพร | |
ชมดวงดอกไม้ | อเนกนานา |
สาวหยุดพุดตาน | แก้วกรรณิการ์ |
พุดซ้อนพุดลา | กระดังงาสารภี |
๗๐๕ มะลิซ้อนหงอนไก่ | |
มะลิวัลย์พันไม้ | ยี่สุ่นสอดสี |
พิกุลบุนนาก | หอมหลากมากมี |
ดอกดกงามดี | กลีบแซมแนมใบ |
๗๐๖ เสด็จเข้าดงหลวง | |
ชมไม้ทั้งปวง | เห็นงามไสว |
สักสูงยูงยาง | ขานางกร่างไกร |
ลำดวนยวนใจ | พยอมหอมมา |
๗๐๗ ชมพรรณไม้แล้ว | |
สมเด็จพระแก้ว | ชมหมู่ปักษา |
นกยางจับเจ่า | แขกเต้าสาลิกา |
แก้วโทนโกญจา | สัตวาโนรี |
๗๐๘ นกเขานกคุ่ม | |
กระทาอีลุ้ม | ตะกรุมอินทรี |
กระสากระสัง | นางนวลมีศรี |
พระหัตถ์ตรัสชี้ | บอกแก่กัลยา |
๗๐๙ โนรีร่ำร้อง | |
ดุจหนึ่งเสียงน้อง | เมื่อจำนรรจา |
พระทองตรัสชม | ภิรมย์หรรษา |
สัพยอกกัลยา | ชี้ชมพนมวัน |
๗๑๐ ชมนกวายุภักษ์ | |
การเวกน่ารัก | เห็นแล้วรับขวัญ |
ชมแล้วชมเล่า | ปิ่นเกล้าไอศวรรย์ |
ชวนอรแจ่มจันทร์ | เก็บผลพฤกษา |
๗๑๑ สมเด็จภูวไนย | |
กรีดเล็บเก็บไป | ผลไม้นานา |
ทุเรียนมังคุด | ละมุดสีดา |
มะดูกลูกหว้า | พะวาอินจัน |
๗๑๒ ทับทิมลิ้นจี่ | |
ลูกเงาะเหมาะดี | สีแดงเฉิดฉัน |
ส้มแก้วส้มจุก | ดิบสุกครามครัน |
เก็บแล้วทรงธรรม์ | ให้สองทรามวัย |
๗๑๓ เสด็จมาช้านาน | |
ถึงริมชลธาร | จึ่งพักพลไกร |
ให้หยุดโยธา | ช้างม้าข้าไท |
ตั้งพลับพลาไชย | ที่ริมคงคา |
๗๑๔ ชวนพระมเหสี | |
กำนัลขันที | เรวัตลูกยา |
แวดล้อมทรงธรรม์ | ทั้งสองกระษัตรา |
ลงจากพลับพลา | มาสรงสนาน |
๗๑๕ น้ำใสไหลริน | |
เย็นฉ่ำชลสินธุ์ | ชมบุษบาบาน |
ชมสัตตบงกช | เห็นงามตระการ |
แสนสนุกสำราญ | ลงเล่นคงคา |
๗๑๖ ชมดอกบัวแดง | |
เห็นงามเป็นแสง | น่ารักนักหนา |
ชวนกันเก็บไป | เด็ดดอกบุษบา |
ต่างพรรณนานา | น่าชมยินดี |
๗๑๗ ชมดอกบัวขาว | |
หมู่นางสาวสาว | ชิงกันวิ่งหนี |
ชมดอกจงกล | นิลุบลสดสี |
ฝักออกดอกมี | เก็บได้เอามา |
๗๑๘ พระสรงเสร็จแล้ว | |
ชวนนางน้องแก้ว | เข้าในพลับพลา |
ภิรมย์สมสวาดิ | ด้วยราชกัญญา |
สองสมเสนหา | ปรีดิ์เปรมพระทัย |
๗๑๙ ครั้นรุ่งสุริยา | |
ยกพลโยธา | โห่ร้องก้องไพร |
แตรสังข์ฆ้องกลอง | กึกก้องป่าใหญ่ |
สามเดือนล่วงไป | ลุถึงพารา |
๗๒๐ สมเด็จพระแก้ว | |
มาถึงเมืองแล้ว | พระค่อยไคลคลา |
กับนางกระษัตริย์ | สุทัตต์กัลยา |
ชาวเมืองถ้วนหน้า | ดีเนื้อดีใจ |
๗๒๑ ก้มเกล้าอภิวันท์ | |
ถวายบังคมคัล | สมเด็จจอมไตร |
ชาวบ้านร้านตลาด | เกลื่อนกลาดกันไป |
แห่ห้อมล้อมไท | กึกก้องโกลา |
๗๒๒ ท้าวเสด็จถึงวัง | |
ประโคมแตรสังข์ | อึงคะนึงนักหนา |
ลงจากรถทอง | ชวนน้องกัลยา |
กับลูกเสนหา | เข้าสู่ปรางค์ใน ๚ะ |
ยานี
๗๒๓ อนันต์นางเทวี | มเหสีพระจอมไตร |
เห็นท้าวเสด็จใน | เจ้าชื่นใจเป็นนักหนา |
๗๒๔ นางน้องน้อมเศียรเกล้า | บังคมเจ้าปิ่นโลกา |
กำนัลทั้งซ้ายขวา | ก้มกราบเกล้าเข้าพัดวี |
๗๒๕ ขรัวยายนางเถ้าแก่ | ทั้งชาวแม่แลขันที |
อึงคะนึงทั้งปรางค์ศรี | น้อมเศียรเกล้าเฝ้าราชา |
๗๒๖ อนันต์นางเทวี | ทูลคดีแต่หลังมา |
แต่ท้าวจากพารา | ข้าโศกศัลย์ทุกวันวาร |
๗๒๗ ท้าวไปไม่มีสุข | ได้ความทุกข์แทบวายปราณ |
ห่วงหาอาลัยลาญ | ดาลรันทดกำสรดศัลย์ |
๗๒๘ ตั้งแต่กันแสงร่ำ | ทุกเช้าค่ำบ่วายวัน |
แสนสาวชาวกำนัล | หวนโหยไห้ฟายน้ำตา |
๗๒๙ พระจากซึ่งไอศูรย์ | ทุกข์อาดูรเพียงมรณา |
คิดถึงองค์ราชา | พระผ่านฟ้าจากราชัย |
๗๓๐ ท้าวตอบนางเทวี | จากแก้วพี่ผู้สายใจ |
ลำบากยากกระไร | พระเล่าไปแต่หลังมา |
๗๓๑ เจ้าเรวัตกุมาร | คุณใครปานนะน้องอา |
พี่ขอเจ้าไทมา | เลี้ยงดั่งบุตรในอุทร |
๗๓๒ นางนี้มีคุณนัก | จึ่งผัวรักไม่ม้วยมรณ์ |
เลี้ยงพี่ไม่อนาทร | พี่จึ่งพาเอาเจ้ามา |
๗๓๓ สุทัตต์จงก้มเกล้า | นางโฉมเฉลาคือชายา |
อย่ามีความฉันทา | ว่าพี่น้องร่วมอุทร |
๗๓๔ สุทัตต์นุชนาฏ | ฟังพระบาทไม่แง่งอน |
บังคมประนมกร | กราบอนันต์เจ้าเทวี |
๗๓๕ ทูนเกล้าแม่ไม่เห็น | ท้าวยากเย็นเขาโบยตี |
ขอทานชาวบูรี | ยากสิ้นทียิ่งทลิทา |
๗๓๖ ข้าบาทเอ็นดูไท | รับมาไว้ตำหนักข้า |
บิดาข้าโกรธา | ลงโทษาแทบถึงตาย |
๗๓๗ ข้าน้อยขอโทษไว้ | ชีพท้าวไทไม่วอดวาย |
พอเคราะห์ท้าวเคลื่อนคลาย | จึ่งส่งสารถึงกัลยา |
๗๓๘ เมื่อนั้นนางมเหสี | ฟังคดีถี่ถ้วนมา |
โฉมยงทรงโศกา | กรรมของท้าวนะทูนหัว |
๗๓๙ พี่นี้มีใจรัก | แก่เจ้านักเป็นพ้นตัว |
แก้วพี่มีคุณผัว | อย่าคิดตัวเป็นอื่นไกล |
๗๔๐ กอดจูบลูบหน้าหลัง | ไม่ชิงชังอย่าร้อนใจ |
สมบัติทั้งนี้ไซร้ | จะแบ่งปันกันรักษา |
๗๔๑ แล้วนางจึ่งประทาน | สาวศฤงคารมากเหลือตรา |
เครื่องทองอันรจนา | สะอิ้งตาบสร้อยสังวาล |
๗๔๒ พี่เลี้ยงแลนางนม | เลี้ยงทรามชมพระกุมาร |
นางแต่งบรรณาการ | ให้เรวัตลูกบุญธรรม |
๗๔๓ สมเด็จพระสี่เสาร์ | ฟังสองเจ้ากล่าวถ้อยคำ |
รักกันเป็นยุติธรรม | อย่าได้คิดอุเบกษา |
๗๔๔ ท้าวแบ่งซึ่งสมบัติ | ให้สุทัตต์กึ่งพารา |
ตั้งเป็นฝ่ายซ้ายขวา | กับอนันต์นางเทวี |
๗๔๕ พระเสด็จร่วมไสยาสน์ | กับนางนาฏมเหสี |
อยู่มาช้าหลายปี | โฉมอนันต์ทรงครรภา |
๗๔๖ ครั้นถ้วนทศมาส | ประสูติราชธิดา |
เสาวภาคย์ยิ่งจันทรา | รูปโสภาใครจะปาน |
๗๔๗ ให้ชื่อศรีสุวรรณ | เลี้ยงแจ่มจันทร์มาช้านาน |
โรคภัยไม่มีพาน | ค่อยจำเริญวัยใหญ่มา |
๗๔๘ กินนุวัตพระภูบาล | อยู่ช้านานแก่ชรา |
ประชวรซึ่งโรคา | ทุกข์เวทนาในพระทัย |
๗๔๙ ส่งสารรับสั่งหา | พระธิดาผู้สายใจ |
บิดาจักบรรลัย | ห่วงแต่เจ้ากับนัดดา |
๗๕๐ นางรู้ในสารศรี | ทูลภูมีปิ่นโลกา |
จึ่งยกพลโยธา | หมายใจมาเฝ้าบิดร |
๗๕๑ ครั้นถึงจึ่งนางนาฏ | กราบกับบาทพระภูธร |
นัดดาประนมกร | เห็นอัยกามาหนักไป |
๗๕๒ กินนุวัตท้าวทัศนา | เห็นนัดดาค่อยแข็งใจ |
ฟื้นองค์ขึ้นแว่นไว | จูบหลานแก้วแล้วรับขวัญ |
๗๕๓ เจ้าไปแต่วัยเยาว์ | จนเป็นบ่าวจึ่งพบกัน |
น้อยใจไม่ถึงวัน | จะอาสัญสูญชีวา |
๗๕๔ ตานี้ไม่รอดแล้ว | พระหลานแก้วอยู่เถิดหนา |
สมบัติทั้งพารา | ตาให้เจ้าครองสืบไป |
๗๕๕ ขอฝากแต่พระยาย | กว่าจะวายชีพบรรลัย |
สั่งแล้วบรรทมไป | ท้าวก็ถึงซึ่งมรณา |
๗๕๖ สุทัตต์นางเทวี | กับชนนีทรงโศกา |
กำนัลทั้งซ้ายขวา | ร้องไห้ร่ำทั้งปรางค์ใน |
๗๕๗ ลางนางร่ำคร่ำครวญ | ทรวงกำสรวลโศกาลัย |
วังเวงทั้งเวียงไชย | ทุกข์ทบท่าวเศร้านักหนา |
๗๕๘ สมเด็จพระสี่เสาร์ | ท้าวจึ่งมีโองการมา |
ให้แต่งเครื่องบรรณา | สำหรับศพเจ้าธรณี |
๗๕๙ ประดับพระศพไว้ | ในเวียงไชยรุ่งเรืองศรี |
โกศทองอันงามดี | ทั้งโคมแก้วชวาลา |
๗๖๐ ให้แต่งเมรุมาศ | อันโอภาสงามพอตา |
ฉัตรธงอันรจนา | ทั้งพลับพลาเสร็จสมปอง |
๗๖๑ ยกศพใส่ราชรถ | งามปรากฏเข้าเมรุทอง |
แตรสังข์ทั้งฆ้องกลอง | เครื่องฉลองศพท้าวไท |
๗๖๒ นอนศพสามราตรี | พระภูมีจึ่งตรัสไป |
ให้จุดเพลิงบัดใจ | ลุกรุ่งโรจน์โชตนา |
๗๖๓ ดับเพลิงเก็บธาตุท้าว | แล้วเชิญเข้าในปรางค์ปรา |
บำเพ็ญทานนักหนา | สิ้นทั้งวัดบูรณาราม |
๗๖๔ จึ่งพระนางสุทธี | คิดคดีเห็นงดงาม |
บวชตัวเป็นชีพราหมณ์ | ส่งบุญให้ถึงภัสดา |
๗๖๕ ครั้นเสร็จการนั้นเล่า | พระสี่เสาร์มีบัญชา |
สุทัตต์ศรีผู้ลูกยา | ชำเลืองตาดูท้าวไท |
๗๖๖ เมืองนี้สิน้อยนัก | พระลูกรักครองกระไร |
เมืองเราคือกรุงไกร | พ่อจะให้เจ้าครองสถาน |
๗๖๗ สุทัตศรีอัญชลี | ก้มเกศีรับอาการ |
ควรเรวัตกุมาร | ให้ครอบครองพระเวียงไชย |
๗๖๘ ให้ครองซึ่งสมบัติ | แทนกินนุวัตสืบวงศ์ไป |
เพราะเจ้าผู้สายใจ | มีคุณแท้แก่บิดา |
๗๖๙ บิตุเรศฟังลูกไข | ชอบพระทัยยิ่งนักหนา |
เจ้านี้มีปัญญา | ทูลเหมือนจิตพ่อคิดหมาย |
๗๗๐ จึงสั่งหมู่เสนา | แต่งบรรณาการทั้งหลาย |
อภิเษกบุตรฦๅสาย | ครองแว่นแคว้นแทนเจ้าตา |
๗๗๑ นางสุวรรณมาลี | เป็นสาวศรีงามโสภา |
เสกให้ครองพารา | เป็นชายาครองคู่ขวัญ |
๗๗๒ อภิเษกกับกุมาร | ครองศฤงคารแลกำนัล |
ขวัญข้าวเจ้าเลี้ยงกัน | กับเรวัตพระลูกยา |
๗๗๓ ครั้นได้ฤกษ์พิธี | เสกสองศรีครองพารา |
สมบัติทั้งปรางค์ปรา | พระสนมกำนัลใน |
๗๗๔ สององค์จงอยู่ดี | อย่าได้มีความทุกข์ภัย |
ครองภพลบเลิศไกร | จงตั้งใจให้เป็นธรรม |
๗๗๕ ปกครองต้องด้วยอรรถ | อยู่ในสัตย์ไม่คืนคำ |
วัดวาเราได้ทำ | บำรุงไว้นะลูกอา |
๗๗๖ เรวัตพระกุมาร | รับโองการใส่เกศา |
สิ่งใดไท้โปรดมา | ข้าจักตามคำภูมี |
๗๗๗ พระคุณเป็นล้นฟ้า | โปรดเกศาข้าเจ้านี้ |
ร้อยชาติไม่หน่ายหนี | พระคุณมีล้ำภพไตร |
๗๗๘ สมเด็จพระสี่เสาร์ | ได้ฟังเจ้าแถลงไข |
ว่าพ่อขอลาไป | ทั้งสองไทจงอยู่ดี |
๗๗๙ ท้าวว่าแก่สุทัตต์ | ไปอำลาพระชนนี |
รุ่งเช้าจักจรลี | ยกโยธีไปพารา |
๗๘๐ สุทัตต์รับโองการ | ไปกราบกรานพระมารดา |
ลูกรักจักขอลา | ตามราชาคืนกรุงไกร |
๗๘๑ ท้าวอย่ามีโรคา | เบียนบีฑาพ้นโพยภัย |
หนักเบาส่งข่าวไป | ถึงลูกรักจักมาหา |
๗๘๒ พระแม่ฟังอรไท | ชลเนตรไหลคือธารา |
กอดจูบพระธิดา | ทั้งพระหลานของพันปี |
๗๘๓ ทั้งคู่เจ้าจะไป | ตามพระทัยไปจงดี |
เมตตามาเผาผี | ตัวแม่นี้นะลูกอา |
๗๘๔ นางฟังพระชนนี | ซบเกศีกับบาทา |
พระแม่อย่าโศกา | ใช่ลูกยาละเมื่อไร |
๗๘๕ ลูกรักจักขอลา | จวนเวลาจะคลาไคล |
ขอลามารดาไป | สู่เมืองท้าวผู้สวามี |
๗๘๖ ครั้นถึงเวลาเช้า | พระปิ่นเกล้ายกโยธี |
พร้อมด้วยนางเทวี | สุทัตต์ศรีผู้ลูกยา |
๗๘๗ จึ่งเรวัตกุมาร | ยกพลหาญส่งราชา |
ไปถึงกลางมรคา | แล้วกลับมาสู่บูรี |
๗๘๘ เจ้าครองไอศวรรย์ | กับสุวรรณมาลี |
โพยภัยบ่ได้มี | กระเษมสุขทุกเวลา |
๗๘๙ อันวัดบูรณาราม | แต่งให้งามตามบัญชา |
มีผู้อยู่รักษา | บ่ให้เคืองแก่พระชี |
๗๙๐ บิดาแลมารดา | ทั้งวงศาบรรดามี |
ทั้งหลายพลอยได้ดี | เพราะเณรน้อยครองพารา ๚ะ |
สุรางคนางค์
๗๙๑ พระสี่เสาร์เจ้า | |
ยกพลไต่เต้า | เข้าในหิมวา |
บัดลุถึงใน | กรุงไกรบ่ช้า |
เสด็จเข้าพารา | กับนางมเหสี |
๗๙๒ ทั้งสามกระษัตริย์ | |
เสวยราชสมบัติ | เป็นสุขเปรมปรีดิ์ |
องค์ภูวไนย | จะไปพนาลี |
ท้าวทรงพาชี | ไปเล่นคงคา |
๗๙๓ เที่ยวเล่นดังเก่า | |
แล้วพระปิ่นเกล้า | เที่ยวทุกพารา |
สวรรค์มนุษย์ | ที่สุดนาคา |
ฝูงเทพเทวา | กลัวบุญฦๅสาย |
๗๙๔ เอ่ยออกพระนาม | |
ทั้งปวงเข็ดขาม | โปรดเกล้าถวาย |
ทุกภพกรุงราช | บ่อาจคิดร้าย |
ดอกไม้ถวาย | กลัวบุญนักหนา |
๗๙๕ พระโพธิสัตว์ | |
เสวยราชสมบัติ | สุขเขษมเปรมปรา |
พระเกียรติพระยศ | ปรากฏทั่วหล้า |
ฝูงราษฎร์ประชา | อิ่มเอมเกษมศรี |
๗๙๖ สมเด็จภูบาล | |
ท้าวบำเพ็ญทาน | เพิ่มพูนบารมี |
ให้ตั้งฉ้ทาน | ศาลาเปรมปรีดิ์ |
รอบทั้งบูรี | ให้ทานอัตรา |
๗๙๗ ให้ทานทุกวัน | |
ยาจกหฤหรรษ์ | ชีพราหมณ์พฤฒา |
ผ้าผ่อนเงินทอง | สิ่งของนานา |
ฝูงราษฎร์ประชา | ปรีดาภิรมย์ |
๗๙๘ ทั้งอัครชายา | |
พระทัยศรัทธา | สองราชื่นชม |
จำศีลให้ทาน | นิจกาลนิยม |
ไพร่ฟ้าชื่นชม | มเหสีภูธร |
๗๙๙ ท้าวผู้มียศ | |
พระองค์ให้ลด | ส่วยสาอากร |
เรือกสวนไร่นา | ตลาดขนอน |
สมเด็จภูธร | โปรดฝูงประชา |
๘๐๐ ลดสิ้นทุกอัน | |
นอกในเวียงนั้น | อำมาตย์เสนา |
จิตใจใฝ่ธรรม | ตามคำศาสนา |
คนต้องโทษา | ทุกเหล่าปล่อยไป |
๘๐๑ ท้าวครองศฤงคาร | |
อยู่มาช้านาน | เห็นทุกข์เห็นภัย |
ท้าวเห็นอนิจจัง | สังเวชพระทัย |
ครั้นสิ้นชีพไป | กลัวภัยจตุรา |
๘๐๒ จะเสกลูกรัก | |
แทนองค์ทรงศักดิ์ | ให้ครองไพร่ฟ้า |
จัดแจงแต่งการ | สถานรจนา |
สำหรับราชา | ภิเษกทรามวัย |
๘๐๓ กองแก้วกองทอง | |
อภิเษกทั้งสอง | แตรสังข์เสียงใส |
สองกระษัตริย์เจ้านั่ง | บัลลังก์ฉัตรไชย |
เวนกรุงภพไตร | ให้เจ้าสองรา |
๘๐๔ เวียนเทียนมณี | |
วนรอบบายศรี | แต่ซ้ายมาขวา |
จำเริญสวัสดี | อย่ามีโรคา |
สืบวงศ์พงศา | ตราบเท่านฤพาน |
๘๐๕ อภิเษกเสร็จแล้ว | |
สามกระษัตริย์ผ่องแผ้ว | จำเริญชนมาน |
พระชีสุทธี | รู้คดีข่าวสาร |
หลานครองศฤงคาร | ชื่นชมยินดี |
๘๐๖ เรวัตราชา | |
ปรนนิบัติรักษา | สุทธิพระชี |
ตราบกาลนานมา | มรณาเป็นผี |
ทำศพพระชี | ฦๅทั่วภพไตร |
๘๐๗ สุทัตศรีกระษัตริย์ | |
ทั้งนางสุทัตต์ | ยกพวกพลไกร |
ปลงศพพระยาย | กระจายฦๅไป |
เสร็จแล้วครรไล | ยังพระพารา |
๘๐๘ สมเด็จสี่เสาร์ | |
อยู่มาช้าเล่า | แก่เฒ่าชรา |
ม้วยชีพบรรลัย | เกิดในดุสิดา |
เสวยทิพย์นานา | วิมานสุกใส |
๘๐๙ อนันต์เทวี | |
รํ่ารักภูมี | กลิ้งเกลือกเสือกไป |
ทั้งนางสุทัตต์ | เพียงจักขาดใจ |
แสนสาวชาวใน | ร่ำไรไปมา |
๘๑๐ สุรเสียงร้องไห้ | |
อื้ออึงคะนึงไป | ที่ในปรางค์ปรา |
ระบือฦๅเลื่อง | ไพร่เมืองโกลา |
ร่ำรักราชา | ทั่วทั้งภพไตร |
๘๑๑ สุทัตศรีลูกยา | |
ศรีสุวรรณธิดา | แต่งโกศอำไพ |
รจนาแก้วทอง | เรืองรองสุกใส |
สำหรับจักได้ | ใส่ศพราชา |
๘๑๒ กลิ้งกลดชุมสาย | |
ระย้าทองราย | รอบโรงโสภา |
ระย้าแก้วกรอง | เพชรนิลจินดา |
ประดับศพเจ้าฟ้า | ผู้ผ่านโอศวรรย์ |
๘๑๓ เมรุแก้วเมรุทอง | |
เห็นงามเรืองรอง | เป็นช่องเป็นชั้น |
แสงแก้วส่องสว่าง | ดุจดังแสงจันทร์ |
ราชวัติฉัตรกั้น | ย่อมแก้วรจนา |
๘๑๔ แล้วส่งสารไป | |
แปดหมื่นกรุงไกร | ให้เร่งเข้ามา |
ทั้งท้าวเรวัต | ตรัสรู้สารตรา |
ยกพวกพลมา | ยังกรุงภพไตร |
๘๑๕ ท้าวพญาทั้งนั้น | |
มาถึงพร้อมกัน | ต่างองค์เข้าไป |
สำเนียงโกลา | ช้างม้ารถไชย |
อยู่นอกเวียงไชย | อึกทึกนักหนา |
๘๑๖ เรวัตภูบาล | |
เข้าไปกราบกราน | ศพพระบิดา |
พระคุณอยู่เกล้า | ข้าพระเจ้านักหนา |
ชุบเลี้ยงลูกมา | ได้ครองภพไตร |
๘๑๗ มิทันแทนคุณ | |
พระมาสิ้นบุญ | ลูกจะเห็นใคร |
ดั่งร่มโพแก้ว | ล้มแล้วลับไป |
จะพึ่งผู้ใด | คุ้มเกล้าเกศา |
๘๑๘ ท้าวคือโพทอง | |
ที่อาศัยผอง | สัตว์ทั่วโลกา |
ล้มแล้วบ่ฟื้น | ไม่คืนกลับมา |
ฝูงราษฎร์ประชา | เศร้าโศกหมองศรี |
๘๑๙ ท้าวคือเมรุมาศ | |
เห็นน่าอนาถ | ล้มกับธรณี |
ทรงกันแสงไห้ | ร่ำไรมากมี |
ครั้นรู้สมประดี | กล่าวเกลี้ยงวาจา |
๘๒๐ ประนมก้มเกศ | |
บังคมบทเรศ | สมเด็จน้องยา |
สุวรรณมาลี | มเหสีเชษฐา |
น้อมเกล้าเกศา | หน่อเจ้าภพไตร |
๘๒๑ สุทัตศรีราชา | |
ห้ามพระเชษฐา | บังคมน้องไย |
ตัวข้าเป็นน้อง | ทั้งสองท้าวไท |
ควรฤๅจักไหว้ | ข้าไซร้อนุชา |
๘๒๒ เรวัตภูบาล | |
ตอบพจน์โองการ | ทูลสนองวัจนา |
ข้าบาทใช่เชื้อ | หน่อเนื้อกระษัตรา |
ควรแก่ตัวข้า | ก้มเกล้าดุษฎี |
๘๒๓ สมบัติทั้งนี้นา | |
ของพระเจ้าตา | มอบให้พันปี |
พระยังประทานให้ | คุณใส่เกศี |
ตรัสเรียกว่าพี่ | เพราะแก่ชันษา |
๘๒๔ ควรองค์พระเจ้า | |
เป็นปิ่นปกเกล้า | แปดหมื่นพารา |
แทนองค์ทรงศักดิ์ | เป็นอัครราชา |
พี่นี้จึ่งมา | ก้มเกล้าเกศี |
๘๒๕ ขอเชิญพระบาท | |
เสด็จเหนือเกยมาศ | แปดหมื่นบูรี |
ผู้เจ้าจักรพาฬ | กิจการอันมี |
ถวายเครื่องเรืองศรี | กับราชธิดา |
๘๒๖ สมเด็จสุทัตศรี | |
ชื่นชมยินดี | ด้วยคำเชษฐา |
เสด็จเหนือเกยมาศ | สิงหนาทตรัสมา |
แปดหมื่นพารา | เร่งพลทำการ |
๘๒๗ จึ่งแต่งเมรุมาศ | |
เอานพคุณดาด | แกมแก้วชัชวาล |
ช่อชั้นนภศูล | ไพฑูรย์สูริย์กานต์ |
รุ่งเรืองโอฬาร | แสงแก้วมุกดา |
๘๒๘ ฉัตรเงินทองนาก | |
ฉัตรแก้วแววหลาก | ปักริมเมรุมหา |
ราชวัติฉัตรธง | เบญจรงค์เรียงมา |
รูปสัตว์นานา | ต่างต่างกันไป |
๘๒๙ โรงโขนโรงหนัง | |
โรงเทพทองตั้ง | ระทาดอกไม้ |
โรงหุ่นโรงละคร | ทั้งมอญทั้งไทย |
ทวายรำปรบไก่ | ตะไลจังหัน |
๘๓๐ มีต้นกรรมพฤกษ์ | |
หลายต้นพิฦก | มีจบครบครัน |
ศาลาฉ้ทาน | ตระการเรียงรัน |
ผ้าเหลืองอนันต์ | เต็มตั้งพลับพลา |
๘๓๑ แต่งแล้วบ่นาน | |
สำเร็จเสร็จการ | ตามมีบัญชา |
เชิญสองพระบาท | ยุรยาตรลีลา |
ขึ้นรถรจนา | วิเชียรอำไพ |
๘๓๒ แตรสังข์ฆ้องกลอง | |
สนั่นมี่ก้อง | อึกทึกกันไป |
พิณพาทย์มโหรี | ดีดสีจับไม้ |
กลองชนะกลองไชย | แห่แหนแน่นมา |
๘๓๓ โห่ร้องก้องกึก | |
เลื่อนลั่นครั่นครึก | กึกก้องโกลา |
รูปสัตว์ปรากฏ | หน้ารถราชา |
อำมาตย์เสนา | ล้อมพระศพไป |
๘๓๔ ครั้นถึงเมรุทอง | |
เวียนตามทำนอง | สามรอบเมรุไชย |
เชิญพระศพท้าว | ปิ่นเกล้าภพไตร |
วางศพท้าวไท | บนแท่นรจนา |
๘๓๕ โขนหนังระบำ | |
คนเล่นเต้นรำ | ต่างต่างภาษา |
หุ่นจีนหุ่นไทย | ลาวมอญพม่า |
เขมรละว้า | ฝาหรั่งแขกไทร |
๘๓๖ นอนศพภูมี | |
ไว้เจ็ดราตรี | สนั่นหวั่นไหว |
บังสุกุลชักผ้า | รู้ว่าเท่าไร |
สังข์แตรแซ่ไป | ไม่เว้นเวลา |
๘๓๗ จุดพลุประทัด | |
ผู้คนแออัด | ดูเล่นเฮฮา |
จุดกรวดจังหัน | กวดขันทุกท่า |
ไฟพะเนียงเสียงซ่า | นกบินครามครัน |
๘๓๘ ถ้วนเจ็ดราตรี | |
ถวายเพลิงภูมี | กฤษณาจวงจันทน์ |
พระเพลิงเผาศพ | ตรลบเป็นควัน |
เสียงนางกำนัล | ไห้อึงคะนึงไป |
๘๓๙ แล้วเอาน้ำอบ | |
หอมฟุ้งตรลบ | ดับเพลิงทันใด |
เก็บธาตุท้าวโสตถิ์ | ใส่โกศทองใน |
ประดับฉัตรไชย | เชิญเข้าพารา |
๘๔๐ รับขึ้นปรางค์มาศ | |
พระสงฆ์เดียรดาษ | สวดมาติกา |
นิมนต์พระฉัน | ทุกวันอัตรา |
แล้วให้ก่อมหา | เจดีย์เลิศไกร |
๘๔๑ ประจุพระธาตุ | |
แต่งฉลองพระบาท | เสร็จแล้วแว่นไว |
มเหสีสองรา | ศรัทธาเหลือใจ |
โกนเกล้าเจ้าไป | บวชเป็นนางชี |
๘๔๒ ชาวแม่กำนัล | |
พลอยบวชด้วยกัน | อเนกมากมี |
ทุกท้าวพญา | ทูลลาพันปี |
แล้วเสด็จจรลี | กลับไปพารา |
๘๔๓ ก้มเกล้ากราบกราน | |
ลาพระภูบาล | ด้วยใจหรรษา |
ลาทั้งพระชี | มเหสีธิดา |
แล้วยกโยธา | คืนสู่กรุงไกร |
๘๔๔ สมเด็จสุทัตศรี | |
กับนางเทวี | ศรีสุวรรณอรไท |
ครองราชสมบัติ | พิพัฒน์โภคัย |
ในเศวตฉัตรไชย | แทนพระบิดา |
๘๔๕ สืบลูกสืบหลาน | |
ครอบครองศฤงคาร | ต่อเนื่องกันมา |
พระชีสุทัตต์ | ตรัสม้วยมรณา |
อนันต์กัลยา | สิ้นชีพสู่สวรรค์ |
๘๔๖ ปลงศพกัลยา | |
เหมือนดั่งกล่าวมา | แต่หลังอย่างนั้น |
สองนางไปสู่ | ดุสิดาไกวัล |
ร่วมวิมานกัน | กับองค์ราชา |
๘๔๗ สุทัตศรีเจ้า | |
ครั้นว่าแก่เฒ่า | พระม้วยมรณา |
ทั้งท้าวเรวัต | ตรัสดับสังขาร์ |
ไปสู่เมืองฟ้า | ประสบพบกัน |
๘๔๘ หน่อพระศาสดา | |
สร้างสมภารมา | อเนกอนันต์ |
ถ้วนสี่อสงไชย | กำไรแสนมหากัลป์ |
พระแจ้งรสธรรม | เป็นพระชินสีห์ |
๘๔๙ เทศนาโปรดสัตว์ | |
ตามธรรมปรมัตถ์ | อเนกมากมี |
ทศชาติชาดก | ยกเป็นบาลี |
เหมือนหน่อชินสีห์ | สร้างสมภารมา |
๘๕๐ พระศาสดาจารย์ | |
นำเอานิพพาน | มาตรัสเทศนา |
โปรดสัตว์ทั่วโลก | จากโอฆโลกา |
ทรงประมวลมา | ชาดกด้วยพลัน ๚ะ |
ยานี
๘๕๑ สมเด็จท้าวกินนุวัต | ใจสาหัสร้ายฉกรรจ์ |
กลับชาติมาเกิดนั้น | คือเทวทัตมหาเถร |
๘๕๒ ฝ่ายว่าชนทั้งห้า | อันตีด่าเป็นกรรมเวร |
ร่วมกับเทวทัตเถร | ตกมหาอเวจี |
๘๕๓ สุทธิผู้แม่ยาย | นางโฉมฉายใจปรานี |
กลับชาติมาครานี้ | คือว่านางวิสาขา |
๘๕๔ อนันต์นางเทวี | มเหสีองค์ราชา |
ลำดับกลับชาติมา | ได้เป็นนางภิกขุณี |
๘๕๕ ฝ่ายว่านางสุทัตต์ | เคยคู่ตรัสสร้างบารมี |
กลับชาติมาได้ดี | คือสมเด็จพระพิมพา |
๘๕๖ ฝ่ายว่าสุทัตศรี | บุตรภูมีปิ่นโลกา |
ครั้นว่ากลับชาติมา | คือว่าองค์พระราหุล |
๘๕๗ ฝ่ายว่าพระเรวัต | บุตรเลี้ยงตรัสผู้มีคุณ |
กลับชาติมาเพิ่มพูน | คืออนุรุทมหาเถร |
๘๕๘ ส่วนว่าม้ากัณฐัศว์ | เป็นเพื่อนตรัสในปริเวณ |
คือพระอานนท์เถร | เมื่อลำดับกลับชาติมา |
๘๕๙ กระษัตริย์ผู้มาช่วย | ทั้งแปดหมื่นพระพารา |
ครั้นว่ากลับชาติมา | คือสาวกพระมุนี |
๘๖๐ ฝูงคนทุกกรุงไกร | อันมีใจมายินดี |
กลับชาติมามากมี | คือบริษัททั้งนี้นา |
๘๖๑ สมเด็จองค์พระบาท | สี่เสาร์ราชจอมราชา |
สร้างโพธิญาณมา | เธอได้ตรัสเป็นพระชินสีห์ |
๘๖๒ คือองค์สัพพัญญู | อันตรัสรู้ธรรมทั้งนี้ |
โปรดสัตว์ทั่วโลกีย์ | ทั้งมนุษย์แลอินทร์พรหม |
๘๖๓ ให้พ้นจากทุกขา | เปรมปรีดาอภิรมย์ |
เสวยสุขอุดม | ศิวโมกขนฤพาน |
๘๖๔ ผู้อ่านแลผู้ฟัง | อารมณ์ตั้งต่อศรัทธา |
เป็นธรรมเทศนา | ปลงวิญญาณ์เกิดมรรคผล ๚ะ |