เดือน ๑๐ จุลศักราช ๑๒๔๖

จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน

พระราชนิพนธ์

ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

(พ.ศ. ๒๔๒๗)

----------------------------

วัน ๕ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้เวลาบ่าย ๔ โมงเสด็จออกประทับดรอนิงรูม เจ้าพนักงานกรมวังกรมท่าและราชเอดเดอแกมป์ นำมิสเตอร์เลกกีกงสุลเดนมารคเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ด้วยมิสเตอร์เลกกีได้รับตราตั้งเป็นกงสุลเดนมารคแล้วยังไม่ได้เฝ้าเลยจึงเข้ามาเฝ้า ทรงพระราชปฏิสันถารโดยควรแล้วกราบถวายบังคมลาไป แล้วเจ้าพนักงานนำมิสเตอร์คอซัลเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้า ฯ ถวายซองหนังแท้มีอาร์มด้วยมิสเตอร์คอซัลไปยุโรปกลับมา ทรงพระราชปฏิสันถารถึงการที่ไปยุโรปและอื่น ๆ ประมาณครู่หนึ่ง กราบถวายบังคมลากลับไป

เสด็จมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วทรงปิดทองพระไตรปิฎก แล้วทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพจันพนักงานพระสมุด แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกขุนแผลงสะท้านข้าหลวง ว่าด้วยโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญตราพระราชสีห์ออกไปสืบความเรื่องนายร้อยจองกาซึ่งเดิมชื่อนายร้อยแสงสุริยากล่าวโทษพระยาวิเศษว่าชำระความผู้ร้ายลักกระบือได้แล้วไม่เร่งทุนทรัพย์ให้นั้น พระยาวิเศษว่าได้ให้ทุนทรัพย์ไปแล้ว มีใบยอมใบเสร็จเป็นสำคัญ และว่าเมื่อขุนแผลงออกมาถึงแสนแสบได้พบนายร้อยจองกา ได้บอกให้ออกไปฟังความจะได้สืบพะยานกันพร้อมทั้งโจทก์ทั้งจำเลย ร้อยจองกาไม่ยอมไป จะขอมาฟังความที่กรุงเทพ ฯ เป็นขัดข้องอยู่ด้วยท้องตรานั้น ว่าให้ชำระและสืบพร้อมโจทก์จำเลย จึงไม่อาจถามพระยาวิเศษและสืบพะยานได้ (โปรดให้ตอบให้ถามแต่พระยาวิเศษผู้เดียว และให้คัดใบยอมใบรับเงินที่ร้อยแสงสุริยาทำให้พระยาวิเศษนั้นส่งเข้ามา และให้บอกกรมท่าบอกกงสุลอังกฤษว่านายร้อยแสงสุริยาหรือร้อยจองกาไม่ไปฟังความ และเราจะจัดอย่างนี้)

พระนรินทร์อ่านบอกพระขยันสงครามปลัดเมืองนครเขื่อนขันธ์ ๒ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าได้พร้อมด้วยเสนาเก็บเงินค่านาจำนวนปีมะเส็งตรีศกได้ ๑๕๔ ชั่ง ๘ ตำลึง ๓ บาท ๑ สลึง ๑ เฟื้อง หักสิบลดพระราชทานเสนากรมการแล้วคงส่ง ๑๓๘ ชั่ง ๑๙ ตำลึง ๓ บาท ๓ สลึง ๑ เฟื้อง ได้ส่งมาแต่ก่อน ๒ ครั้ง ๑๒๐ ชั่ง ครั้งนี้อีก ๑๘ ชั่ง ๑๙ ตำลึง ๓ บาท ๓ บาท ๑ เฟื้อง ฉะบับหนึ่งว่าได้แต่งกรมการเก็บเงิน ค่านาจำนวนปีมะเมียจัตวาศก ได้ ๑๐๙ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๑ เฟื้อง หักสืบลดแล้วคงส่ง ๙๙ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๓ บาท ๓ สลึง เดิมได้ส่ง ๒ ครั้ง ๘๐ ชั่ง ครั้งนี้ส่งอีก ๑๘ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๓ บาท ๓ สลึง เป็นเสร็จสิ้นจำนวนนาทั้ง ๒ จำนวน

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับซิตติงรูมกรมหมื่นเทววงศ์เฝ้า เวลา ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

เวลายามเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลา ๔ ทุ่มเศษ

อนึ่งวันนี้ได้รับหนังสือพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ มีมาถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ว่าด้วยไปเมืองอิตาลี ได้เฝ้าสมเด็จพระเจ้าอุมเบิดที่เมืองโรม และทรงพระกรุณาปราโมทย์รับรองโดยแข็งแรง และได้ปรึกษาสัญญาสุราแล้วเสร็จเหมือนเมืองฝรั่งเศสทุกข้อ

วัน ๖ ๑๐ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระพุทธแล้วเสด็จขึ้นพระแท่น

พระนรินทร์อ่านบอก พระขยันสงครามปลัดเมืองนคร

เขื่อนขันธ์ฉะบับ ๑ ว่าหลวงศรีสิทธิเดชผู้ช่วยราชการป่วยถึงแก่กรรม ขอพระราชทานศิลาหน้าเพลิงไปเผาศพ

เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับหมอกาวันครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นภูธเรศกับกรมหมื่นศิริธัชเฝ้ารับสั่งเรื่องความพระวรรณกาลโกศลกล่าวโทษผู้รับฟ้องกับขุนศาลกรมพระนครบาล พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ กรมหมื่นเทววงศ์เฝ้ารับสั่งเรื่องกงสุลวิลันตาจะเข้ามาในวัง กรมท่าไม่ทันไปรับ นายประตูไม่เปิดประตู กงสุลโกรธกลับไป และรับสั่งเรื่องอื่นๆ จนเวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลายามพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๕ ทุ่มเศษ

อนึ่งเมื่อก่อนเสด็จไปประทับซิตติงรูมเมื่อออกขุนนางแล้วนั้น เสด็จออกประทับมุขเด็จพระที่นั่งจักรี กรมหมื่นประจักษ์นำขเด็ดในกรมทหารรักษาพระราชวังหัดท่ายิงปืนใหญ่ถวายตัว และนำปืนฮอศกิลที่สั่งใหม่ถวายตัวทอดพระเนตรด้วย

วัน ๗ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉอศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาพิพัฒน์อ่านบอกพระยาราชพงศานุรักษ์เมืองสมุทรสงคราม ๒ ฉะบับ ๆ ๑ รายงานน้ำฝนต้นข้าว พระอาทิตย์ยกมาอยู่ราษีเมถุนสิ้นราษี รองน้ำได้ ๗ นิ้ว ๑ ทสางค์ น้อยกว่าปีมะแม ๑ นิ้ว ๔ ทสางค์ ราษีกรกฎฝนตกรองน้ำได้ ๒ นิ้ว ๔ ทสางค์ มากกว่าปีมะแม ๑ นิ้ว ๘ ทสางค์ น้ำท่าน้อย ข้าวเสีย ๒ ส่วนได้ส่วน ๑ ฉะบับ ๑ ว่าจีนมอมาฟ้องว่าจีนสุนเข้ามาขะโมยหมากที่สวน จีนแดงออกไปพบจีนสุนไล่แทงเอาจีนแดง ๆ หนีมาบอกจีนน่วม ๆ ไปตามจับจีนสุน ๆ ฆ่าจีนน่วมตาย ขอให้เรียกมาพิจารณา ได้แต่งกรมการไปเอาตัวจีนสุน ๆ หนี ได้แต่มารดามาเป็นตัวจำนำ

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์เรื่องกงสุลวิลันดาโกรธนั้น กรมหมื่นเทววงศ์ทูลว่าได้ลงไปหาพูดจาไกล่เกลี่ยเรียบร้อยแล้ว เสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สายเฝ้ากราบถวายบังคมลาออกไป ตรวจเลขส่วยเมืองจันทบุรี เมืองตราด ซึ่งจะโปรดเกล้า ฯ ให้ยกมาเป็นทหารรักษาป้อมแหลมฟ้าผ่า และเรือกันโบดซึ่งจะสร้างสำหรับราชการงานพระนคร แล้วกรมหมื่นเทววงศ์เฝ้าอีก เวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น เวลาค่ำพระองค์สวัสดิ์เฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่มกลับออกมา

วัน ๑ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระศรีเสนาอ่านบอกพระยาพิไชยรณรงค์สงครามเมืองสระบุรี รายงานน้ำฝนต้นข้าว พระอาทิตย์ขึ้นราษีกรกฎสิ้นราษีฝนตกรองน้ำได้ ๖ นิ้ว ๔ ทสางค์ น้อยกว่าปีมะแม ๔ ทสางค์ น้ำท่ามากกว่าหน้าแล้งศอกเศษ ข้าวในนางามดีฉะบับ ๑ บอกหลวงยกกระบัตรผู้ว่าที่พระอร่ามรณชิตปลัดเมืองนครนายกรายงานน้ำฝนต้นข้าว พระอาทิตย์สถิตย์ในราษีกรกฎสิ้นราษี ฝนตกรองน้ำได้ ๘ นิ้ว ๑ ทสางค์ มากกว่าปีกลาย ๑ นิ้ว ๑ ทสางค์ มากกว่าปีกลาย ๑ นิ้ว ๑ ทสางค์ น้ำท่าน้อยกว่าปีกลายศอกเศษ ข้าวงามดี

พระนรินทร์นำพระภักดีดินแดนปลัด พระพรหมภักดียกกระบัตรเมืองราชบุรี กราบถวายบังคมลาไปรักษาราชการบ้านเมือง

พระยาพิพัฒน์โกษา นำพระยาพิพิธพิไสยสุนทรการกราบถวายบังคมลากลับไปเมือง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์ขจรเฝ้าถวายแผนที่ตึกหน้าวัดสัมพันธวงศ์ซึ่งจะทำสะพานเรือจอด พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ พระองค์ดิศเฝ้าถวายแผนที่โรงปืนตามริมกำแพงพระราชวังซึ่งจะซ่อมแซมใหม่ แล้วถวายความเห็นพระวิภาคภูวดล ว่าด้วยการที่จะรักษาเมืองพวนต่อไป และคิดจะขึ้นไปเซอรเวเสียให้เสร็จ กรมหมื่นเทววงศ์เฝ้ารับสั่งเรื่องการเมืองพวนและเรื่องจีนกับฝรั่งเศส และกรมหมื่นกราบทูลว่า พระยาอัษฎงค์บอกเตเลคราฟว่าฝรั่งเศสกับจีนขาดไมตรีกันแล้วยังแต่จะรบกัน รับสั่งอยู่จนย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น เวลายามพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่มเศษ

อนึ่งเมื่อยังไม่ได้เสด็จออกขุนนางนั้น หลวงวรนาฏนำจีนริ้วถวายแผนที่บ้าน ด้วยจะทรงซื้อและถวายพระศิลาขาวองค์ ๑ และผ้าม่วงและอะไร ๆ อีกเล็กน้อย แล้วจึงได้เสด็จออกขุนนาง

วัน ๒ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงภู่พนักงานพระสุธารส แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนางวันนี้ไม่มีบอกข้อราชการอะไร พระยามหาอมาตย์นำพระวิภาคภูวดลซึ่งกลับมาแต่ราชการเซอรเว เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับดรอนิงรูม พระองค์ดิศนำพระวิภาคภูวดลซึ่งกลับมาแต่ราชการเฝ้าอีก แล้วถวายแผนที่และรูปเมืองพวนและรูปท้าวเพี้ยเมืองพวนและรูปวัดในเมืองเวียงจันทน์และอื่น ๆ แล้วเสด็จประทับซิตติงรูม กรมหมื่นเทววงศ์เฝ้าจนเวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จขึ้นแล้วเสด็จพระพุทธนิเวศน์ทีเดียว

เมื่อเวลาเช้าเจ้าพนักงานเชิญพระอัฐิกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรไปสถิตย์ณพระที่นั่งพุทธนิเวศน์ เวลาเช้าโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปปฏิบัติพระสงฆ์ มีเจ้าพระวัดอรุณและพระวัดเทพศิรินทรรวม ๑๐ รูป รับพระราชทานฉันแล้วสดัปกรณ์ ๑๐๐ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จลงพระพุทธนิเวศน์ ทรงจุดเทียนนมัสการพระสงฆ์ ๑๐รูป สวดมนต์ๆ จบแล้วทรงทอดผ้าไตรสดัปกรณ์ ๑๐ องค์ แล้วพระอริยมุนีถวายเทศนากัณฑ์ ๑ จบลง ทรงทอดผ้าสดัปกรณ์ แล้วพระราชทานเงินพระบรมวงศานุวงศ์แล้วเสด็จขึ้น

เวลายามพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๕ ทุ่ม

วัน ๓ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระยาเทพาธิบดีเมืองพิจิตรขอที่เขตต์พระอุโบสถวัดลาดช้างผูกพัทธสีมา โดยยาว ๑๐ กว้าง ๙ วา ฉะบับ ๑ บอกพระยาพิสุทธิธรรมธาดาเมืองลพบุรีส่งเงินค่านาจำนวนปีมะแมเบญจศก ครั้งนี้ ๒๐๐ ชั่ง ยังเก็บไม่เสร็จ ถ้าเก็บได้จึงจะส่งอีก

พระยามหาอมาตย์ทูลว่าพระเจ้านครเชียงใหม่แต่งให้เจ้าราชภาคินัยคุมต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการจำนวนปีมะเมียจัตวาศกลงมาถึง จะโปรดเกล้า ฯ ให้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทวันใด โปรดเกล้าให้เฝ้าวัน ๖ ๑๐ ค่ำ เวลาบ่าย ๔ โมง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศประเดี๋ยวหนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระเทพผลูเฝ้าถวายเตเลคราฟเมืองสิงคโปร์ว่าฝรั่งเศสตีเมืองเกลุงของจีนได้แล้ว พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ กรมหมื่นภูธเรศเฝ้าทูลเรื่องพระเจดีย์วัดราชบพิธที่จะทำใหม่ พระยาภาสเฝ้าถวายหนังสือเรื่องคลองภาษีเจริญตื้นมากและเรื่องเจ้าภาษีเรือตั้งด่านเก็บภาษีข่มเหงราษฎรมาก โปรดให้สมเด็จกรมพระหามาชำระ แล้วกรมหมื่นเทววงศ์เฝ้ารับสั่งเรื่องจีนกับฝรั่งเศสและเรื่องกงสุลอังกฤษฟ้องว่า กรมการเมืองอ่างทองจับแขกสัปเยกต์ไปจำตรวน ขอให้ชำระปรับโทษ และรับสั่งเรื่องอื่น ๆ ต่อไป จนเวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

เวลาทุ่มเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่มเศษ

วัน ๔ ๑๐ ค่ำปีวอกฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกประทับซิตติงรูม สมเด็จกรมพระ กรมหมื่นเทววงศ์ พระองค์สวัสดิ์ พระยามหาอมาตย์ พระยาศรีสิงหเทพ เฝ้าพร้อมกันโปรดให้แก้ร่างศุภอักษรและตราพระราชสีห์เรื่องราชการเมืองฟวนและราชการเมืองหลวงพระบาง และเรื่องฮ่อข้าศึกมาตีปลายเขตต์แดน จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ แล้วพระพิเรนทรเทพเฝ้าโปรดเกล้าฯ ให้ขึ้นไปเมืองสวรรคโลกด้วยเรือกลไฟ ให้มีทหารไปด้วย ๒๔ คน ด้วยพระยาสวรรคโลกมีใบบอกลงมาว่า นายกุนเป็นเอเย่นต์ของมิส ดี บี สมิท สัปเยกต์ฮอลันดาขึ้นไปซื้อไม้แล้วเก็บเอาไม้ลอยน้ำของราษฎรไทยจีนไว้มาก เจ้าของไถ่ไม่ให้ได้มาฟ้องร้องหลายราย กรมการไปว่ากล่าวก็พูดจาขัดแขงไม่เชื่อฟัง มีสัปเยกต์ฝรั่งเศสสัปเยกต์ฮอลันดาฟ้องกล่าวโทษนายกุน ๆ ก็ขัดแข็งไม่มาว่าความ และกรมการจะเกาะราษฎรคนอื่นๆ ที่ต้องหาในความอื่น ๆ มาว่ากล่าวนายกุนก็ทำการขัดแข็ง พูดจาองอาจคุมราษฎรถือสาตราวุธมาขัดขวางกรมการต่าง ๆ จึงโปรดให้พระพิเรนทรขึ้นไปชำระให้ตลอดโดยเร็ว แล้วเสด็จมาห้องออกขุนนาง

เสด็จประทับทรงปิดทองพระและทรงปิดทองพระคุมภีร์อย่างเช่นเคยแล้วเสด็จขึ้นพระแท่น พระยาพิพัฒน์อ่านบอกพระยาสุนทรบุรีศรีพิไชยสงครามเมืองนครไชยศรี ๒ ฉะบับๆ หนึ่งว่า เสนากรมการเก็บเงินค่านาจำนวนปีมะแมเบญจศกได้ครั้งนี้ ๖๐ ชั่งยังเก็บไม่เสด็จ ได้ส่งเงิน ๖๐ ชั่งเข้ามา และว่าครั้งก่อนได้ส่งไว้ ๕๑ ชั่งครั้งหนึ่งแล้ว ฉะบับ ๑ จีนเย็นมาฟ้องลุแก่โทษว่ามีอ้ายผู้ร้ายเข้าปล้นกระบือไป ๖ กระบือ จีนเย็นยิงผู้ร้ายตายคนหนึ่งไม่รู้จักชื่อ กรมการยังสืบจับอยู่ถ้าได้ความจึงจะบอกมาครั้งหลัง

พระยามหาอมาตย์นำหลวงอนุชิตพิทักษ์ กราบถวายบังคมลาไปรักษาเมืองนครนายก ด้วยพระยานครนายกพระปลัดกรมการผู้ใหญ่ถูกอุทธรณ์ เป็นการทับถมมากมายนัก จะให้แก้ว่าต่างกันไม่ได้ จึงโปรดให้เอาตัวเข้ามาเสียให้หมด จึงต้องมีข้าหลวงออกไปรักษาเมือง เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลา ๕ ทุ่มกลับออกมา

วัน ๕ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมง ๒๖ นาฑี พระเจ้าลูกเธอประสูติเป็นพระบุตรี เจ้าจอมมารดาหญิงเนื่องเป็นพระสนมเอกนับเป็นเจ้าจอมมารดาที่ ๒๗ เมื่อเวลาประสูตินั้นเสด็จลงด้วย

เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จลงสมโภชเดือนพระเจ้าลูกเธอซึ่งประสูติ ณวัน ๓ ๙ ค่ำ พระราชทานพระนามว่า พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าชายสุริยงประยุรพันธุ์

วัน ๖ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตานภายใต้พระมหาเสวตรฉัตร ณท้องพระโรงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเสวกามาตย์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายทหารพลเรือน เฝ้าเบื้องบาทบงกชมาศโดยลำดับ โปรดเจ้า ฯ ให้เจ้าพนักงานกรมวังกรมมหาดไทยนำเจ้าราชภาคินัยเจ้านายท้าวพระยาเมืองนครเชียงใหม่ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระยาศรีสิงหเทพอ่านศุภอักษรพระเจ้าอินทวิไชยานนท์ เจ้านายเมืองนครเชียงใหม่ ว่าได้จัดต้นไม้ทองต้น ๑ สูง ๕ ศอก ๕ นิ้ว กองหนัก ๑๐ ตำลึง ต้นไม้เงินต้น ๑ สูง ๕ ศอก ๕ นิ้ว เงินหนัก ๑ ชั่งกับเครื่องราชบรรณาการจำนวนปี มะเมียจัตวาศก จัดให้เจ้าราชภาคินัย เจ้านายท้าวพระยาคุมลงมาทูลเกล้า ฯ ถวาย กับว่าได้มอบเครื่องยศเจ้าอุปราชลงมาส่งด้วย และว่าเจ้าราชภาคินัยจัดได้งาช้าง ๒ กิ่ง หมอนขวาน และขี้ผึ้ง ทูลเกล้าฯ ถวายด้วย

ทรงพระราชปฏิสันถารโดยควรแล้วเสด็จขึ้นข้างใน

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกพระทวารริมออฟฟิศเสด็จในออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่งเสด็จไปประทับห้องออกขุนนาง พระองค์สวัสดิ์เฝ้า ทรงหนังสือราชการแล้วกรมหมื่นเทววงศ์เฝ้าทูลด้วยเรื่องมิสเตอร์ซาโตกงสุลเยเนอราลอังกฤษ จะออกไปเมืองญี่ปุ่นและเรื่องอื่นๆ และทรงหนังสือราชการจนเวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๕ ทุ่มกลับออกมา

วัน ๗ ๑๐ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระยาวิชิตภักดีเมืองสวรรคโลกว่านายร้อยหะยีมาแจ้งความว่าคุมเงี้ยวพรรคพวกเข้ามาค้าขายพักอยู่ที่ศาลาวัด มีอ้ายผู้ร้ายเข้าไปลักดาบของนายร้อยเงี้ยวพวกนายร้อยเอาปืนยิงผู้ร้ายตายได้แต่งกรมการไปชัณสูตร (โปรดให้มีตราต่อว่า ๆ บอกไม่ถ้วนถี่)

พระนรินทรอ่านบอกหลวงทรงสุรเดชข้าหลวง พระวิชิตชาญณรงค์ เมืองปราณบุรี พระพิชัยชลสินธุ เมืองประจวบคีรีขันธ์ ว่าได้ชำระความมองโลกะกล่าวโทษอ้ายให้กับขุนศุภมาตราและพรรคพวกว่าฆ่ามองอินตะน้องมองโลกะตายนั้น อ้ายโห้ให้การว่า มีผู้ร้ายปล้นเอาโคไป ๕๐ โคเศษ หลานที่เลี้ยงมาบอกอ้ายโห้ ๆ จึงไปบอกกรมการแล้วพาราษฎรไปตามโค พบนายจันกับพวกต้อนโคของตัวไปจึงเข้าจับ พวกนายจันต่อสู้จะยิงนายโห้ ๆ จึงยิงคนนั้นล้มลง แล้วจับนายจันกับคนที่ลมได้จึงได้รู้ว่าคนนั้นเป็นตองซู ได้จับมาส่งกรมการ แต่พวกอีก ๒ คนนั้นหนีไป จึงได้จับนายจันกับมองอินตะมาส่งกรมการ มองอินตะตายในคืนนั้น และมองโลกะมาฟ้องต่อกรมการเมืองประจวบว่า อ้ายโห้กับขุนศุภมาตรายิงมองอินตะตาย ตระลาการเปรียบเทียบให้เสียค่าเผาผีให้ความเป็นแล้วกันทำยินยอมแล้ว จึงเอาพวกอ้ายโห้ที่ต้องหามาถามให้การสมคำอ้ายโห้ทั้งนั้น แต่ขุนศุภมาตรานั้นไม่รับและว่าไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ขุนแพ่งซึ่งเป็นผู้รักษาเมืองในเวลานั้นเป็นตระลาการก็ให้การสมอ้ายโห้ แต่นายจันที่ว่าเป็นผู้ร้ายนั้นเดิมก็ได้รับต่อตระลาการว่าเป็นผู้ร้ายจริง ครั้นแอามาถามคราวหลังกลับคำว่าต้องรับโดยข่มขี่และว่าไม่ใช้เลบและคำให้การด้วย

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นเทววงศ์เฝ้า และพระยาภาษเฝ้าถวายหนังสือพิมพ์ว่าด้วยเรื่องเมืองจีนกับฝรั่งเศส พระองค์จรเฝ้าเรื่องที่บ้านจีนที่จะทรงซื้อ พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วัน ๑ ๑๑ ๑๐ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพหลวงอนุรักษ์ภูเบศรคนเก่าแล้วขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกหลวงศรีสิทธิรักษา ผู้ช่วยผู้รักษาเมืองอ่างทองรายงานน้ำฝนต้นข้าว พระอาทิตย์ยกขึ้นสถิตย์ราษีกรกฎ สิ้นราษีฝนตกรองน้ำได้ ๓ นิ้ว น้อยกว่าปีมะแม ๖ ทสางค์ น้ำท่ามากกว่าราษีกรกฎปีมะแมศอกคืบสามนิ้ว

เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นข้างในทีเดียว ไม่ได้ประทับออฟฟิศ

เวลาเกือบทุ่มเสด็จลงสมโภชพระเจ้าลูกเธอ ซึ่งประสูติวัน ๕ ๑๐ ค่ำ

วัน ๒ ๑๒ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่น

พระนรินทรอ่านบอกพระยาสุรินทรฤาไชยเมืองเพ็ชรบุรีรายงานน้ำฝนต้นข้าว พระอาทิตย์ยกขึ้นราษีเมศ พฤษภ เมถุน กรกฎ น้ำมากกว่าปีกลาย

เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ พระองค์ดิศเฝ้าถวายหนังสือความเห็นว่าด้วยจะจัดแบบหนังสือเรียนและจัดสกูล กรมหมื่นเทววงศ์เฝ้าหน่อยหนึ่งเสด็จขึ้นเวลาย่ำค่ำเศษ

วัน ๓ ๑๓ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกหลวงพรหมบุรีปลัดรายงานน้ำฝนต้นข้าวพระอาทิตย์ยกขึ้นราษีกรกฎสิ้นราษี ฝนตกรองน้ำได้ ๔ นิ้ว ๑ ทสางค์ น้อยกว่าปีมะแม ๒ นิ้ว ๑ ทสางค์ น้ำท่ามากกว่าปีกลาย ๕ นิ้ว ราษฎรทำนาแล้ว ๔ ๕ ส่วน ยัง ๒ ๓ ส่วน

พระนรินทรอ่านบอกพระยารัตนโกษาว่าด้วยลงเรือเฮกคูบาไปจากกรุงเทพ ฯ วัน ๔ ๑๔ ๙ ค่ำ เรือไปพักที่เกาะสีชังคืน ๑ รุ่งเช้าเวลาเที่ยงไปจากสีชัง วัน ๒ ๑๐ ค่ำ ถึงสิงคโปร์ พระยาอัษฎงค์จัดเรือมารับไปพักที่ห้างพระยาอัษฎงค์ ๆ ว่าถ้ามีเรือเมล์ที่จะไปปีนังมาถึงเมื่อใดจะส่งไปปีนัง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง กรมหมื่นเทววงศ์ กัปตันลอฟตัสเฝ้าถวายแผนที่ตัวอย่างตำหนักข้างในที่จะทำ แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จมาประทับที่พระทวาร รับสั่งกับพระองค์ดิศเรื่องที่จะคิดจัดสกูลและเรื่องหนังสือแบบไล่ หนังสือต่าง ๆ ครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๕ ทุ่มเศษ

วัน ๔ ๑๔ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระพุทธและปิดทองพระคัมภีร์แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระนรินทรอ่านบอกพระอินทรเดช หลวงภูเบนทรสิงหนาทข้าหลวง ว่าด้วยโปรดเกล้า ฯ ให้ออกไปเปลี่ยนข้าหลวงเก่านั้น ได้หาตัวนายหรุ่นโจทก์และพระยาสุรินทรฤาไชย นายปิ๋ว ขุนรักษาราฎร์ จำเลย มาจะให้ว่าความกัน พระยาสุรินทรฤาไชย นายปิ๋ว ไว้ความให้ขุนรักษาราษฎร์ว่าต่าง นายหรุ่นร้องติดใจไม่ยอม เห็นว่าในท้องตราก็ไม่ได้ห้าม จึงให้ขุนรักษาราษฎร์ให้การ นายหรุ่นไม่ฟังความขัดบังคับถึงสามครั้ง จะเกาะตัวไว้ นายหรุ่นร้องทุเลาถวายฎีกาเป็นขัดข้องอยู่

เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ พระวิสูตรสาครดิฐเฝ้ารับสั่งด้วยเรื่องมิสเตอร์ยอชบุช บุตรพระวิสูตรที่ขึ้นไปราชการเซอรเวกับพระวิภาคซึ่งไปถึงแก่กรรมที่เมืองหลวงพระบาง และพระวิสูตรกราบถวายบังคมลาไปรักษาตัวยุโรป แล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ แล้วกรมหมื่นเทววงศ์เฝ้ารับสั่งเรื่องฝรั่งเศสกับจีน และเรื่องอื่น ๆ อีกไม่มีกำหนด เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มกรมหมื่นศิริธัช พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๕ ทุ่ม

เวลาคืนวันนี้พระนางเธอพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรีไม่ทรงสบาย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอตกไม่เป็นพระองค์ พระครรภ์ ๖ เดือนเศษ

อนึ่งเมื่อเวลาเสด็จออกขุนนางนั้น พระนรินทรนำหลวงสรเสนี เจ้ากรมอาสาจามเชิญตราพระคชสีห์ไปถึงพระยาเทพประชุน และพระยาตรังกานู ด้วยพระยาอัษฎงต์มีหนังสือบอกเข้ามาว่าเมืองปะหังเกิดกบฎ ได้ยินว่าพระยาตรังกานูจะเอากำลังไปช่วยบันดาราเมืองปะหัง ๑๐๐๐ จึงโปรดให้ห้ามเสีย

วัน ๕ ๑๕ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้าโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่เสด็จไปบำเพ็ญพระราชกุศลตักบาตรนำผึ้งตามสารทฤดูณพระพุทธรัตนสฐาน กรมหมื่นวชิรญาณ พระองค์เจ้า พระหม่อมเจ้า พระราชาคณะ พระครูถานาเปรียญ วัดบวรนิเวศน์รับพระราชทานฉัน แล้วทูลกระหม่อมชายทรงบาตรห้าฝึ้งของหลวงแล้วพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในตักบาตรน้ำผึ้ง พระสงฆ์ฉันแล้วถวายอนุโมทนาถวายพระพรลาไป

โปรดให้มีเทศนาว่าด้วยนิทานที่พระภูมีพระภาค ทรงอนุญาตให้ภิกษุรับยา ๕ อย่าง คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้าอ้อย เพื่อเป็นยารักษาโรคในสารทฤดู กัณฑ์ ๑ ด้วย เทศนาที่พระที่นั่งทรงธรรม

วันนี้ไม่ได้เสด็จออกทรงราชการ

วัน ๖ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระพุทธรูปและพระคัมภีร์ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีสิงหเทพอ่าน บอกพระยาเทพาธิบดีเมืองพิจิตร ว่าด้วยโปรดให้ขุนพิษณุแสนไปชำระความหลวงเมืองจีนบุน มีโจทก์จับเงินแดงได้ที่อ้ายคงอ้ายมี กรมการขังไว้ จึงให้นายนุดลงมาร้องกล่าวโทษนั้น ขุนพิษณุแสนได้เอาตัวอ้ายคงอ้ายมีผู้ใช้เงินแดงรับเป็นสัตย์ ซัดถึงอ้ายนุดครูทำเงิน ซัดอ้ายอี่มีชื่ออีก ๑๓ คน รับเป็นสัตย์ ๑๒ คน ไม่รับคน ๑ และว่ายังไม่ได้ตัวอีกหลายคน ส่งตัวหลวงเมืองโจทก์กับอ้ายนุดครูทำเงินกับพรรคพวกรวม ๑๔ คน และเงินเหรียญแดง ๓๔ บาท เงินบาทแดง ๑๐๕ บาท ซีกเซี่ยว ๑ สลึง พิมพ์ตราพระบรมรูปและเครื่องมือต่าง ๆ ลงมากรุงเทพ ฯ ด้วยแล้ว แล้วนำขุนพิษณุแสนข้าหลวงเฝ้าด้วย

โปรดเกล้าฯให้ลูกขุนปรึกษาโทษอ้ายผู้ร้ายทำเงินแดง เสด็จขึ้นประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการแล้วกรมหมื่นเทววงศ์เฝ้าครู่หนึ่งแล้วทรงเรื่องความมรดกจนเกือบย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่มเศษกลับออกมา

วัน ๗ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกหลวงยกกระบัตร ผู้ว่าที่พระอร่ามรณชิตปลัดเมืองนครนายก ส่งเงินค่านาจำนวนปีมะแมเบญจศก เก็บได้ครั้งนี้ ๓๐๐ ชั่ง ส่งเข้ามาครั้งหนึ่งก่อนยังเก็บไม่เสด็จ ฉะบับ ๑ บอกพระยาพิชัยรณรงค์เมืองสระบุรี ส่งเงินค่านาจำนวนปีมะแมเบญจศก ครั้งนี้เงิน ๒๐๐ ชั่ง ยังเก็บไม่เสด็จ

พระนรินทรอ่านบอกพระยาอนุรักษ์โยธา ว่าจีนบ้าบาเทียนหลาย กล่าวโทษจีนตันมาบุ๋นหลวงภักดีสมบัติว่า นำตระลาการทำแผนที่ที่นาของเขาว่าเป็นของตัวราย ๑ จีนเตียวจองร้องว่าจีนตันมาบุ๋นนำทำแผนที่เหมืองของหลวงอำนาจน้าจีนเตียวจอง ๑ จีนตัวขวนร้องว่า จีนตันมาบุ๋นนำทำแผนที่เหมืองของเขาว่าเป็นของจีนตันมาบุ๋น ๑ รวม ๓ ราย ได้ว่ากล่าวเปรียบเทียบจีนตันมาบุ๋นยอมคืนที่เหมืองที่นาให้เป็นแล้วกัน และยังชำระค้างไม่แล้วอีกสามเรื่อง ยังชำระไม่แล้วด้วยจีนตันมาบุ๋นต่อสู้อยู่ และอำแดงเกี่ยวฟ้องว่าจีนตันมาบุ๋นหลวงภักดีสมบัติ ว่านำทำแผนที่ในที่เหมืองของอำแดงเกียว จีนตันมาบุ๋นไม่ยอม ให้การแก้ว่าเป็นของตัวถ้าได้ชำระราย ๓ เรื่องแล้ว และรายความพระยาภูเก็ตแล้วเมื่อใด จึงจะฟ้องอำแดงเกียว เป็นการขัดข้องอยู่ดั่งนี้ จะโปรดเกล้า ฯ ประการใด (โปรดให้มีตราเร่งให้ชำระให้แล้ว)

พระยาพิพัฒน์อ่านบอกพระยานนทบุรี ว่ามะกล่อมฟ้องว่ามะออกวิวาทกับมะอ่อน เวลาค่ำวันนั้นมีคนฟันมะออกตาย ขอให้เรียกมะอ่อนมาพิจารณา ได้เรียกมะอ่อนมาถามให้การว่า มะออกเมาสุราเดินด่ามาหลังเรือนมะอ่อน แล้วได้ยินเสียงร้องจึงออกมาดู เห็นมะออกถูกฟันล้มอยู่ แลเห็นมะอุยถือดาบวิ่งไป มะอุยหนียังติดตามอยู่

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศประเดี๋ยวหนึ่ง เสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์ชุมพลเฝ้าถวายหนังสือกรมพิชิตฉะบับ ๑ พระราชโยธาเทพเฝ้า รับสั่งให้ทำของข้างในแล้วเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลา ๔ ทุ่มเศษกลับออกมา

เวลาพรุ่งนี้เริ่มการเป็นวันสวดมนต์ฉลองพระชนม์พรรษา

วัน ๑ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระพุทธรูปแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระนรินทรอ่านบอกพระยาพิทักษ์ทวยหาญเมืองปทุมธานี รายงานน้ำฝนต้นข้าว ราษีเมษ พฤษภ เมถุน กรกฎ ปีวอก น้ำฝนน้อยกว่าปีกลาย น้ำท่าก็น้อยกว่าปีกลาย ต้นข้าวงามบริบูรณ์

เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่ง จะเสด็จขึ้นรับสั่งกับพระนรินทรถึงสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช และเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ซึ่งกราบถวายบังคมลาไปเที่ยวนั้นเกินกำหนด ให้ไปปรึกษากับพระยาประภาให้จัดเรือไปตามแล้วเสด็จขึ้นข้างในทีเดียว

เวลาบ่ายเจ้าพนักงานจัดการตั้งเครื่องในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ตั้งบุษบกดอกไม้สดเหมือนบุษบกตั้งพระชันษาพระเจ้าแผ่นดินเมื่อวันถือน้ำพระพิพัฒนสัตยาในพระที่นั่งไพศาลทักษิณทุก ๆ ปีนั้น เชิญพระชัยและพระชันษาในแผ่นดินปรัตยุบันนี้ ตั้งในบุบบกนั้นมีเครื่องนมัสการและเครื่องตั้งรอบ และตั้งตู้เทียนข้างพระองค์ และมีเทียนพระมหามงคลเท่าพระชนม์พรรษาตั้งรอบบุษบบก มีม้าหมู่ตั้งพานทอง ๒ ชั้นรองพระพุทธรูป พระชันษาองค์ใหม่ตั้งต่างหากมีเครื่องตั้งด้วย

เวลายามหนึ่งเสด็จออกประทับพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร โปรดเกล้า ฯ ให้นิมนต์พระเจ้าไปนั่งที่ แล้วทรงประเคนผ้าไตรสลับแพร ย่ามเยียระบับ แต่หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร เจ้าพระ และถานาเปรียญอันดับวัดราชบพิธ ๓๒ รูป พระสงฆ์ออกไปครองผ้า ทรงจุดเทียนในที่ต่างๆแล้วเสด็จมาประทับตรัสกับสมเด็จกรมพระ พระสงฆ์ ครองผ้าแล้วเข้ามานั่งที่ เสด็จทรงจุดเทียนนมัสการเจ้าพระอรุณถวายศีลแล้ว พระสงฆ์ ๓๒ รูปสวดธรรมจักกัปวัตนสูตรและสัตปริตตามเช่นเคย สวดในวันฉลองพระพุทธรูปพระชันษาทุก ๆ ปีมา เวลา ๔ ทุ่มเศษสวดมนต์จบ

เสด็จมาประทับตรัสกับสมเด็จกรมพระเรื่องกรมหมื่นพิชิตขึ้นไปจัดราชการเมืองเชียงใหม่ และเรื่องอื่น ๆ แล้วทรงจุดเทียนชนวนพระราชทานให้พระเจ้าลูกเธอไป ทรงจุดดอกไม้เพลิงที่หน้าพระที่นั่งจักรี แล้วเสด็จขึ้น

วัน ๒ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๓ โมงเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร โปรดให้นิมนต์พระเข้าไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีลแล้วพระสงฆ์ถวายพรพระจบ เสด็จทรงประเคนพระสงฆ์ ๓๒ รูปรับพระราชทานฉัน เสด็จมาทรงจุดเทียนสังเวยที่โต๊ะสังเวยหน้าพระที่นั่งภัทรบิฐ พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว เสด็จทรงประเคนเครื่องบริกขารภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นอันมาก แล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาแล้วกลับไป เสด็จมาประทับตรัสกับเจ้านายประเดี๋ยวหนึ่งเสด็จขึ้นใน

วันนี้เวลาบ่าย ๓ โมง ๔๕ นาฑี เป็นเวลาบรรจบครบรอบดิถีพระบรมมหาประสูติมงคลสมัยในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชชกาลปรัตยุบันนี้ ตามดิถีจันทรมาศเต็มบริบูรณ์

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระครูพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชพระพุทธรูปพระชนม์พรรษา โดยทักษิณาวัตรถ้วนตติวารตามเช่นเคยมาทุกปี แต่ไม่ได้เสด็จออก

เวลาทุ่มเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งนิพัทธพงศ์ฐาวรวิจิตร สังฆการีนิมนต์สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์กับถานา ๔ รูปเข้าไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนนมัสการ ทรงธรรม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ขึ้นธรรมาสน์ถวายเทศนามงคลวิเสสกัณฑ์ ๑ เวลายามเศษเทศน์จบ เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรและสมณบริกขารเป็นเอนกภัณฑ์ และวัตถุจัตุปัจจัยเป็นมูลค่า ๑๐ ตำลึง พระสงฆ์ถวายอดิเรกถวายพระพรลา กรมขุนบดินทรเฝ้าถวายคำตัดสินเรื่องความกรมหมื่นราชศักดิ์กับมิสเตอร์อินเดนเบิกสัปเยกต์เยอรมัน รับสั่งว่าความยังตกขาดมาก ให้พร้อมด้วยกรมหมื่นศิริธัชแก้ไขรีบเร่งทำให้แล้วโดยเร็ว ทรงจุดเทียนชะนวนพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอให้เสด็จไปทรงจุดดอกไม้เพลิง แล้วเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๓ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระนรินทรอ่านบอกพระยาเทพประชุน ๒ ฉะบับๆหนึ่งว่า ได้หาตัวพระยายิริงกับผู้มีชื่อซึ่งกล่าวโทษเจ้าพระยาวิเชียรคีรี กรมการจะให้มาว่าความกับกรมการที่ยังอยู่ โจทก์จำเลยปราณีประนอมยอมเลิกแล้วแก่กัน และว่าเวลานี้เมืองสงขลาไข้ชุกชุมนัก บ่าวไพร่ที่ไปด้วยเจ็บเสีย ๒๕ คน ตาย ๒ คน และว่าสุ่นภรรยาพระยาเทพประชุนป่วยเป็นไข้ถึงแก่กรรมด้วย และว่าราษฎรในเมืองสงขลาป่วยถึงแก่ความตายด้วยโรคไข้จับ ๓๐๐ เศษ ฉะบับ ๑ ว่าได้รับตราพระคชสีห์ฉะบับ ๑ ส่งหัวหน้าจีนพ่อค้าเมืองตรังกานู ๓ คนกล่าวโทษพระยาตรังกานูศรีตะวันกรมการว่าปล่อยให้คนร้ายข่มเหงและฆ่าพวกจีนในเมืองตรังกานูตาย ไปฟ้องร้องก็ไม่ชำระ และว่าแขกคนใช้ของศรีตะวันกรมการเมืองตรังกานูไปรื้อป่าช้าฝังศพของพวกจีนเสียด้วยนั้น ได้แต่งให้พระยาสมบัติภิรมย์ไปชำระว่ากล่าวเมืองตรังกานูแล้ว

พระยาพิพัฒน์โกษาอ่านบอกพระยาวิชยาธิบดีเมืองจันทบุรี ๒ ฉะบับ ๆ ๑ รายงานน้ำฝนต้นข้าว พระอาทิตย์ยกขึ้นราศีเมษ ปีวอก ฉ๑๗ศก รองน้ำได้ ๑๒ นิ้ว ๙ ทสางค์ น้อยกว่าปีกลาย ๔ นิ้ว ๓ ทสางค์ ราษีพฤษภ ๑๖ นิ้ว ๓ ทสางค์ น้อยกว่าปีกลาย ๑๔ นิ้ว ๖ ทสางค์ ราษีเมถุน ๓ นิ้ว ๖ ทสางค์ น้อยกว่าปีกลาย ๑๘ นิ้ว ๗ ทสางค์ ราษีกรกฎ ๒ นิ้ว ๑ ทสางค์ น้อยกว่าปีกลาย ๒๓ นิ้ว ๑ ทสางค์ น้ำท่าพองาม ราษฎรทำนาแล้ว ๓ ส่วน ยังอีก ๒ ส่วน ฉะบับ ๑ ส่งอ้ายโพล้ง ผู้ร้ายฆ่าอำแดงนวมณเมืองแกลงเข้ามาด้วย

วันนี้สมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช เจ้าพระยาสุรวงศ์ซึ่งกราบถวายบังคมลาไปเที่ยวนั้นกลับมาถึง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงพระราชปฏิสันถารถึงการไปเที่ยวและทรงถามข่าวพระยาเทพประชุน แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับดรอนิงรูม มิสเตอร์แบดแมนเฝ้าลองฉลองพระองค์เยียระบับ แล้วเสด็จขึ้นข้างในทีเดียว

เวลายาม พระองค์ศรีเสาวภางค์เข้าไปเฝ้าข้างใน ทรงหนังสือราชการจนเวลา ๕ ทุ่มกลับออกมา

วัน ๔ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องดรอนิงรูม เจ้าพนักงานกรมวังกรมท่านำดอกเตอร์วิลเลียม ดีน เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลากลับไปประเทศอเมริกา ด้วยชราแล้วทรงพระราชปฏิสันถารโดยสมควร ด้วยหมอดีนนี้มาอยู่เมืองไทยนานแล้ว กราบถวายบังคมลากลับไป

เสด็จประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระนรินทรอ่านบอกพระยาเทพประชุนว่า โปรดเกล้าฯ ให้มีตราส่งคำปรึกษาลูกขุนและตัวนายเมืองโจทก์ หลวงวิเศษภักดีกับกรมการออกไปให้สืบพะยานทำทานบนนั้น นายเมืองโจทก์ไม่ติดใจสืบพะยานทำทานบนให้ไว้แล้ว บังคับให้นายเมืองรับเงินสินไหมไปแล้ว ความเป็นเลิกแล้วกันทั้ง๒ ฝ่าย โปรดเกล้า ฯ ให้มีตราให้หาพระยาเทพประชุน ข้าหลวงกลับเข้ามากรุงเทพฯแล้ว เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่งเสด็จไปประทับดรอนิงรูม แบดแมนเฝ้าลองฉลองพระองค์แล้วเสด็จขึ้นข้างใน

เวลา ๒ ทุ่มพระองค์เจ้าศรีเสาวกางค์เข้าเฝ้าข้างในทรงหนังสือราชการจนเวลา ๕ ทุ่มเศษกลับออกมา

วัน ๕ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนัง สือราชการอยู่จนเวลาเกือบ ๕ โมงเสด็จมาประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระและคัมภีร์พระธรรมแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระนรินทรอ่านบอกพระศิริธรรมบริรักษ์ปลัดเมืองนครศรีธรรมราช ๒ ฉะบับ ฉะบับหนึ่งส่งขี้ผึ้งอากรเมืองนครศรีธรรมราชจำนวนปีมะแมเบญจ๑๖ศก ขี้ผึ้งหนัก ๗ หาบให้กรมการคุมเข้ามาส่ง ฉะบับ ๑ ว่าพระครูการามอาพาธเป็นไข้จับแล้วกลายเป็นบิดถึงแก่มรณภาพ แล้วพระนรินทรนำพระยากาญจนดิฐบดีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระยาพิพัฒน์โกษาอ่านบอกพระยาสุนทรบุรีเมืองนครไชยศรี ๓ ฉะบับ ๆ ๑ ว่าแต่งกรมการพร้อมด้วยเสนาเดินรังวัดเก็บเงินค่านาได้ครั้งนี้ ๔๐ ชั่งให้เข้ามาส่งและว่าส่งแล้ว ๒ ครั้ง ๑๑๐ ชั่ง รวมกันครั้งนี้เป็น ๑๕๐ ชั่งยังไม่เสร็จ ฉะบับ ๑ ว่าจีนสีมาฟ้องว่ามีอ้ายผู้ร้าย ๒๐ คนเข้าปล้นกระบือของจีนศรีไป ได้แต่งกรมการออกสืบสวนติดตามอยู่ ฉะบับ ๑ ว่านายเขียนแจ้งความว่าได้พร้อมกันกับเพื่อน ๔ คนไปเลี้ยงกระบืออยู่ที่ทุ่ง มีอ้ายผู้ร้ายหลายคนเข้าปล้นแย่งกระบือไป ๑๒ กระบือ ติดตามไม่ทันและไม่รู้จักด้วย ได้แต่งกรมการออกติดตามสืบจับอยู่

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร พระเทพรจนาเป็นพระยาจินดารังสรร จางวางช่างสิบหมู่ ๑ ขุนจำนงรจนาเป็นหลวงไพรชนนฤมิตร เจ้ากรมช่างสะลัก ๑ หมื่นกนกลายวรรณเป็นขุนจำนงรจนา ปลัดกรมช่างสะลัก ๑ แล้วเสด็จขึ้นข้างในทีเดียว

เวลา ๒ ทุ่มพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๕ ทุ่ม

วัน ๖ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

วันนี้ไม่ได้เสด็จออกทรงราชการ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชเทวีและข้างในทั้งปวง เสด็จออกทางประตูแถลงราชกิจ เสด็จพระราชดำเนินออกไปประพาสสวนสราญรมย์ ซึ่งเป็นพระราชอุทยานที่สำราญพระราชหฤทัย จนเวลา ๒ ทุ่มเสด็จพระราชดำเนินกลับพระบรมมหาราชวัง

เวลายามพระองค์สวัสดิ์เข้าเฝ้าข้างในทรงหนังสือราชการจนเวลา ๔ ทุ่มเศษกลับออกมา ด้วยวันนี้สมเด็จกรมพระส่งหนังสือราชการมามาก

วัน ๗ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระพุทธรูปและพระคัมภีร์ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระนรินทรอ่านบอกพระยารัตนโกษาข้าหลวงว่าด้วยลงเรือเมล์ไปจากสิงคโปร์ วัน ๖ ๑๐ ค่ำ ได้ไปรับสินค้าที่มะละกาคืน ๑ ไปถึงเมืองปินังวัน ๒ ๑๒ ๑๐ ค่ำ หลวงทวีปสยามกิจกงสุลฝ่ายสยามและหลวงบริรักษ์โลหวิสัยผู้ช่วยเมืองระนอง ลงมารับที่เรือพาขึ้นไปพักอยู่ที่ห้างโกหงวนของพระยาระนอง และจัดสะเบียงอาหารเลี้ยงดูพอสมควร ถ้าได้ไปเมืองภูเก็ตเมื่อใดจะบอกเข้ามา

พระยาพิพัฒอ่านบอกพระอินทาาษาเมืองพนัสนิคม ว่าด้วยแต่งกรมการพร้อมด้วยเสนาเก็บเงินค่านาได้แล้วหักสิบลดพระราชทานเสนากรมการแล้ว คงส่งเป็นหลวง ๑๙๑ ชั่ง ๔ ตำลึง ๒ บาท ๓ สลึง ๑ เฟื้อง เสร็จสิ้นจำนวนแล้ว

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง กรมหมื่นเทวะวงษ์เฝ้าแล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูม มิสเตอแรมเซ เฝ้าลองฉลองพระองค์ที่ตัดใหม่แล้ว กรมหมื่นประจักษ์เฝ้าถวายหนังสือฉะบับ ๑ พระยาศรีสุนทรเฝ้าถวายบัญชีคนชราที่จะรับพระราชทานเงินและผ้าเท่าพระชนม์พรรษา ในสมัยเฉลิมพระชนม์พรรษาและโปรดเกล้า ฯ ให้คิดชื่อพระใหญ่ที่วัดเกษไชโย เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๔ ทุ่ม

วัน ๑ ๑๐ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้ว ทรงสับนาคเพลิงพระราชทานเพลิงศพเจ้าจอมทองหลอม แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระยาศรีอ่านบอกพระสุริยภักดี ๓ ฉะบับ ๆ ๑ ว่านายพันกล่าวโทษอ้ายต่วน ทาสพระยาอุไทยธานี ว่าเป็นผู้ร้ายลักกระบือ ได้หมายไปเอาตัว พระยาอุไทยธานี พระศรีสุนทรเทพปลัดขัดเสีย รายหนึ่งมีผู้กล่าวโทนอ้ายจันว่าเป็นผู้ร้าย ได้ให้กรมการและขุนหมื่นตำรวจ ไปเอาตัวนายจันหลบหนี เวลาค่ำมีอ้ายคนร้ายฟันขุนหมื่นตำรวจศีร์ษะแตกฉะบับ ๑ ว่าได้เร่งเงินค่าทุนทรัพย์ค่ากระบือจากผู้ร้ายใช้ให้โจทก์ได้ตัวผู้ร้าย ๑๔ คน ยังไม่ได้อีกมาก ฉะบับ ๑ จีนฮะฟ้องนายหลอว่า คบผู้ร้ายจะเอาตัวยังไม่ได้นายหลอหลบเสีย และว่าพระไชยบริรักษ์ผู้ช่วยเมืองไชยนาทได้เอาเงินมาเดินรายความนายหลอ และรายคนฟันขุนหมื่นตำรวจเลยและรับว่านายสินเป็นผู้ฟัน ได้เอาตัวคนมาเดินจำเร่งเอาตัวนายสินผู้ร้าย

แล้วพระยาศรีนำพระสุริยภักดีเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทและนำพระยาเทพาธิบดีเมืองพิจิตรเฝ้าถวายผ้าแดงเหนือ

พระนรินทรอ่านบอกพระยาอมรินทรฤาไชยเมืองราชบุรี ๒ ฉะบับ ๆ ๑ ว่ามีตราพระคชสีห์ให้ส่งผู้ร้ายฆ่ากันตาย ๒ เรื่องนั้นได้ส่งเข้ามาแล้ว ฉะบับ ๑ ว่านายปั้นฟ้องว่าอ้ายโตเป็นผู้ร้าออิงเมียซึ่งมาขายของในลำคลองบางนกแขวกตาย ได้ตัวอ้ายโตมาถามรับเป็นสัตย์ แต่ยังชำระไม่เสร็จสำนวน

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยานนทบุรีฉะบับ ๑ ว่าอำแดงถมยามาแจ้งความว่า เวลากลางคืนมีผู้ร้าย ๑๖ คนขึ้นปล้นเรือนอำแดงถมยา ตีฟันบิดามารดาน้องเขยน้องหญิงมีบาดแผล แต่จำหน้าผู้ร้ายไม่ได้ ได้แต่งกรมการออกสืบสวนถ้าได้ความจะบอกมาครั้งหลัง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ ครู่หนึ่งเสด็จไปประทับซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลาเกือบค่ำเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจนเวลา ๔ ทุ่มเศษกลับออกมา

วัน ๒ ๑๑ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง วันนี้ไม่มีราชการอะไรเสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับซิตติงรูม สมเด็จกรมหลวงภานุพันธุวงศ์เฝ้าถวายหนังสือแล้ว พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการจนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ

เสด็จออกประทับดรอนิงรูม กรมหมื่นเทววงศ์ เจ้าพนักงานกรมวัง และราชเอดเดอแกมป์ นำมิสเตอซาเตากงซุลเยเนอราลอังกฤษ ๑ มิสเตอเฟรซ์ล่าม ๑ เฝ้าไปรเวตกราบถวายบังคมลาไปเมืองญี่ปุ่นแล้วจะกลับมา ทรงพระราชปฏิสันถารโดยสมควร และรับสั่งเรื่องความอะไรเล็กน้อยแล้วถวายบังคมลาไป เสด็จขึ้นย่ำค่ำแล้ว

เวลา ๒ ทุ่มพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในจน ๕ ทุ่มกลับออกมา

วัน ๓ ๑๒ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาบ่ายไม่ได้เสด็จออกขุนนาง ว่าจะเสด็จออกวัดพระศรีรัตนศาสดารามทีเดียว เวลาค่ำฝนตกจะเสด็จพระราชดำเนินออกวัดพระศรีรัตนศาสดารามไม่ได้ โปรดให้สมเด็จกรมพระเสด็จมาจุดเทียน กรมพระปวเรศกรมหมื่นวชิรญาณเจ้าพระ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๓๘ รูป เจริญพระพุทธมนต์รทวาทัศปริต แล้วพราหมณ์อ่านดุษฎีตามเคยในวันสวดมนต์พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินทุกคราวมา และเมื่อก่อนสวดมนต์นั้นอาลักษณ์อ่านรัตนพิมพ์วงศ์ตำนานพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกฎด้วย

การที่พระสงฆ์สวดมนต์ในพระราชพิธีศรีสัจจปานการ ๓๘ รูปนั้น คือเท่ากับสยามรัชชกาลที่ล่วงมาแล้วตั้งแต่กรุงเทพทวาราวดี กรุงธนบุรี ตลอดถึงกรุงเทพรัตนโกสินทร์ด้วย

เวลายามเศษ พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในทรงหนังสือราชการจนเวลาสองยาม

วัน ๔ ๑๓ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เช้าวันนี้พระสงฆ์ ๓๘ รูปที่สวดมนต์เมื่อวานนี้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท แล้วเข้ามานั่งในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เวลาเที่ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เยียรบับขาว ทรงเครื่องราชอิสสริออศสายนพรัตนราชวราภรณ์ เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เสด็จทรงพระราชยานลงยาชาราวดีเสด็จไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดารามเสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีลแล้ว พระมหาราชครูพิธีอ่านคำแช่งน้ำภาษาพราหมณ์ และเชิญพระแสงศรีพรหมมาศ พระแสงศรประไลยวาศ พระแสงศรอัคนีวาศ ชุบในพระขันหยกเสร็จแล้ว พระยาศรีสุนทรอ่านคำประกาศแช่งน้ำภาษาสยามจบแล้ว พระครูสิทธิไชยรับพระแสงขรรค์ไชยศรี และพระแสงหอก พระแสงดาบเป็นอันมากจากกรมแสงเชิญมาชุบในหม้อน้ำพระสงฆ์สวดสัจจคาถา เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ฆ้องกลองชัยพินพาทย์พร้อมกัน ครั้นแล้วข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยขึ้นมาบนพระอุโบสถอ่านคำสาบานเสร็จแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายทหารพลเรือน รับพระราชทานน้ำพระพิพัฒน์สัตยาพร้อมกัน พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาถวายอติเรกถวายพระพรลากลับไป ครั้นข้าราชการรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเสร็จแล้ว เสด็จขึ้นทางในพระฉากเสด็จลงทางหลังพระอุโบสถ เสด็จตามพระระเบียงอ้อมไปออกทางเดิม เสด็จกลับมาประทับเกยหน้าทวารเทเวศรักษา ประทับพระที่นั่งอมรินทรทรงฉลองพระองค์ครุยแล้ว เสด็จประทับพระที่นั่งสนามจันทรทรงจุดเทียนสักการะ ถวายบังคมพระบรมอัฐิพระเจ้าอยู่หัวในรัชชกาลก่อนๆ แล้วเสด็จขึ้นเปลื้องเครื่องในพระที่นั่งอมรินทรเสด็จทางพระทวารเทวราชมเหศร ประทับพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒนสัตยา ณ ที่นั้น

พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายหน้าทั้งปวง เข้ามาถวายบังคมพระบรมอัฐิที่ริมพระที่นั่งสนามจันทรหน้าหอพระธาตมนเทียรพร้อมกัน เสร็จการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน

เวลาบ่ายพราหมณ์จะได้อ่านดุษฎีกล่อมกลองวินิจฉัยเภรีแล้ว ลูกขุนและขุนศาลทุกกระทรวงจะได้เวียนเทียนสมโภชกลองตามธรรมเนียม

เวลาบ่ายเจ้าพนักงานจัดการตั้งเครื่องราชพิธีสารท ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลาทุ่มครึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระวันรัตถวายศีลแล้ว พระยาศรีสุนทรอ่านประกาศพิธีสารทแล้ว พระราชาคณะพระครูถานาพระมหาดเล็ก ๔๔ รูป สวดสัตตปริต พอพระสงฆ์สวดก็เสด็จกลับขึ้นข้างใน

อนึ่งวันนี้ กรมพระราชวังกราบทูลมาว่า ๑๒ ๑๐ ค่ำ พระองค์เฉิดโฉมหายไปจนเวลา ๕ ทุ่มจึงกลับมา ได้เอาตัวมาถามให้การว่า เมื่อวัน ๑๑ ๑๐ ค่ำ เวลา ๔ ทุ่ม พระองค์เจ้าภาณุมาศมาคอยรับทางประตูพรหมพักตร ปีนกำแพงออกไปหาทางประตูพรหมพักตร พากันไปนอนอยู่บ้านคืน ๑ วัน ๑๒ ๑๐ ค่ำ เวลา ๒ ทุ่ม จึงพามาส่งปีนกำแพงกลับเข้ามาทางเดิม มีพระราชหัตถ์ตอบไปว่า เป็นการหมิ่นประมาทมาก ไม่เคยมีแบบอย่างเลย ครั้นจะทำโทษให้โด่งดังก็จะเสียพระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ให้เอามาถามเสียถ้ารับทั้ง ๒ คน ก็ให้จำตรวนเสียให้เข็ดหลาบ และให้ชำระเอาคนรู้เห็นเป็นใจ และคนเฝ้าประตูแล้วทำโทษเสีย ต่อไปให้ระวังรักษาให้แข็งแรงอย่าให้เป็นขึ้นได้อีก

วัน ๕ ๑๔ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๕ โมง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระวันรัตนถวายศีลแล้ว เสด็จมาทอดพระเนตรโถฟักเหลืองข้าวยาคู ทรงเลือกถวายพระราชาคณะผู้ใหญ่ ๆ โถฟักเหลืองวันนี้ของเจ้าพระยา พระยา และพระทำมาฉลองพระเดชพระคุณ โถเจ้าพยาสุรวงศ์เป็นข้าวพระ โถเจ้าพระยาพลเทพเป็นทรงประเคนถวายสมเด็จพระวันรัตน โถพระยาภาสถวายพระธรรมวโรดม โถพระยานรรัตนพระราชทานพระพรหมมุนี โถเจ้าพระยามหินทรพระราชทานพระเทพกระวี โถพระยาสมบัตยาธิบาลพระราชทานพระโพธิวงศ์ นอกนั้นก็ถวายองค์ละที่ทั่วพระสงฆ์ โถเหลือโปรดให้เอาไปถวายพระองค์เจ้าพระ หม่อมเจ้าพระเจ้าเณร และพระราชาคณะผู้ใหญ่บางพระองค์บ้าง พระสงฆ์ ๔๔ รูปถวายพระพรจบแล้ว เสด็จทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน ทรงปิดทองพระและพระคัมภีร์ พระมหาราชครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์ตามเคยในพระราชพิธีสารท พระสงฆ์ฉันแล้วโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงประเคนผ้าเหลือง พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา เสด็จมาประทับออกขุนนางมุขเหนือ พระยาศรีนำพระยาเกียรติกราบถวายบังคมลา คุมเครื่องศาสตราวุธกระสุนดินดำขึ้นไปส่งพระยาพิไชย ณ เมืองนครหลวงพระบางแล้วเสด็จขึ้นข้างใน

เวลาบ่ายโมง พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน ทรงหนังสือราชการจนเวลาบ่าย ๒ โมงเศษกลับออกมา

เวลา ๒ ทุ่ม โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จไปทรงจุดเทียนที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์พระราชาคณะพระครูถานาพระมหาดเล็ก ๓๕ รูปสวดทวาทัศปริต การที่ไม่เสด็จนั้นเพราะฝนตกเสด็จไม่ได้

พรุ่งนี้เริ่มการเฉลิมพระชนม์พรรษา

วัน ๖ ๑๕ ๑๐ ค่ำ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระพุทธโฆสาจารย์ถวายศึลแล้วเสด็จมาทอดพระเนตรโถฟักเหลืองวันนี้ของเจ้านายฝ่ายหน้าทำฉลองพระเดชพระคุณ ทรงปักฉลากพระราชทานพระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย โถกรมหลวงวรศักดาเป็นโถข้าวพระ โถสมเด็จกรมพระทรงประเคนถวายสมเด็จพระพุทธโฆสาจารย์ โถสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์พระราชทานพระพิมลธรรม โถกรมหมื่นประจักษ์พระราชทานพระเทพโมฬี โถพระองค์ดิศวรกุมารพระเทพมุนี โถพระองค์ปรีดา พระสุเมธาจารย์ โถพระองค์สวัสดิ์ พระธรรมภาณพิลาศ โถอื่นๆ ก็พระราชทานพระราชาคณะผู้น้อย พระครูถานาพระมหาดเล็กองค์ละที่ทั่วกัน พระสงฆ์ถวายพรพระจบ เสด็จทรงประเคนแล้ว พระสงฆ์ ๓๕ รูปรับพระราชทานฉัน เสด็จประทับทรงปิดทองพระพุทธรูปพระคุมภีร์แล้ว พระมหาราชครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์พิธีสารท พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทรงประเคนผ้าเหลือง พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา เสด็จมาประทับมุขเหนือ เจ้านายข้าราชการเฝ้า เสด็จพระทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

อนึ่งโถยาคูในปีนี้ทั้ง ๒ วันทำแข็งแรงดีกว่าทุกปี มีเครื่องอุปโภคบริโภคมาก ๆ แทบทุกโถ และทำใหญ่โตกว่าทุก ๆ ปีด้วย

เวลาทุ่มเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการกรมพระปวเรศถวายศีลแล้ว ขุนสุวรรณอ่านประกาศแล้ว กรมพระปวเรศกรมหมื่นวชิรญาณเจ้าพระ พระราชาคณะ พระครูถานาพระมหาดเล็ก รวม ๓๗ รูป สวดธรรมจักกัปปวัตนสูตรมหาสมัยสูตร เวลาเกือบยามสวดมนต์จบ เสด็จขึ้นพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์หม่อมเจ้าและข้างในที่จะรับกวนข้าวทิพย์ปายาส รวม ๑๖ คน แล้วคนที่จะกวนข้าวทิพย์ไปโรงพิธีหน้าดุสิตมหาปราสาท คือโรงที่ไว้พระราชยาน แล้วเสด็จไปประทับโรงพิธีนั้น ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังช์ลงในกะทะที่จะกวนข้าวทิพย์ปายาสและทรงเจิมพายทั้ง ๘ กะทะ โปรดให้พระเจ้าลูกยาเธอเทนมเนย แล้วท้าววิเศษเทเครื่องปายาสทั้งปวง เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ฆ้องไชยพิณพาทย์พร้อมกันผู้กวนลงมือกวน แล้วพระมหาราชครูพิธีรดน้ำสังข์ เสด็จพระราชดำเนินกลับประทับห้องเวตติงรูมพระที่นั่งจักรี จีนอูเฉียถวายของเครื่องไทยทานในการเฉลิมพระชนม์พรรษา เสด็จขึ้นเวลายามเศษ

อนึ่งวันนี้เป็นวันเริ่มการเฉลิมพระชนม์พรรษา ผู้ที่ต้องเกณฑ์ตกแต่งที่ต่าง ๆ ตั้งการวันนี้ เจ้าพนักงานจัดในพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เบื้องซ้ายพระที่นั่งอัฐทิศนั้นตั้งพระแท่นมณฑล ในพระแท่นมณฑลตั้งพระพุทธบุศยรัตนองค์น้อย พระชัยแผ่นดินปัตตยุบัน พระพุทธรูปพระชันยา พระสุพรรณบัฏ พระเต้าต่าง ๆ เป็นอันมาก นำออกตั้งเครื่องนมัสการเครื่อง ๕ เบื้องขวาพระที่นั่งอัฐทิศนั้นตั้งพระแท่นไม้ลายทอง มีม่านแพรแดงและดอกไม้สดวิจิตรสะอาด ในพระแท่นตั้งพระชัยรัชชกาลที่ ๔ และพระชัยเนาวโลห และพระนาคปรก และเทวรูปพระเสาร์รักษาพระชนม์พรรษา และพระยืนถวายเนตร เทวรูปพระอาทิตย์แซก พระที่นั่งอัฐทิศนั้นตั้งพระแสงและทานพระกร และครอบพระเกี้ยวเครื่องต้นซึ่งมีฉัตร์ ๒ ข้าง แล้วรายด้วยพุ่มดอกไม้และเทียนพระมหามงคลเท่าพระชนม์พรรษา หลังพระที่นั่งอัฐทิศนั้น ตั้งตู้เทียนข้างพระองค์ ๕ ตู้ อาสน์สงฆ์ตั้งตรงพระทวารในพระที่บรรทม คือพระที่นั่งอมรพิมาน หน้าอาสน์สงฆ์มีบัตรเทวดานพเคราะห์ ๙ บัตร พระที่นั่งภัทรบิฐตั้งพระมหาพิชัยมงกุฎและเครื่องราชกกุธภัณฑ์ราชูประโภคและโต๊ะ ๒ ข้างนั้นตั้งพานพระแสงต่าง ๆ เป็นอันมาก โต๊ะหน้ากระจกหลังพระที่นั่งภัทรบิฐนั้น ตั้งพระสยามเทวาธิราชและเทวรูปอื่น ๆ บ้าง

เวลาเกือบ ๔ ทุ่ม เสด็จออกประทับพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์เข้าไปนั่งที่ เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรย่ามโหมดเทศแด่พระอริยมุนีและพระครูถานาเปรียญวัดราชประดิษฐ์ รวม ๕ รูป พระสงฆ์ออกไปครองผ้า ทรงจุดเทียนพระมหามงคลและที่อื่นๆ พระสงฆ์ครองผ้าแล้วเข้ามานั่งที่ เสด็จทรงจุดเทียนนมัสการเครื่อง ๕ หน้าพระแท่นมณฑลและหน้าพระแท่นพระบรรทมแล้ว พระอริยมุนีถวายศีลแล้ว หลวงโลกทีปบูชาฤกษ์ บูชาเทวดา พระสงฆ์สวดมงคลสูตร รัตนสูตร แล้วโหรบูชาอีก บูชาพระอาทิตย์เป็นต้น พระสงฆ์สวดสะเดาะนวัคหายุศมธรรมคั่นกับโหรบูชาต่อไปเป็นลำดับเทวดานพเคราะห์ทั้ง ๙ องค์ แล้วสวดเมตตสูตรและอื่น ๆ เมื่อเวลาพระสงฆ์สวดมนต์ สมเด็จกรมพระเฝ้าแล้วเสด็จขึ้นเสวย จนเวลา ๘ ทุ่มเศษเสด็จออก กรมหมื่นเทววงศ์เฝ้า เวลา ๓ ยามเศษสวดมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลาไป เสด็จขึ้นเกือบ ๑๐ ทุ่ม

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ