กายนครคำกลอน
จะแถลงแต่งกลอนอักษรสาร มโนน้อมแทนบุปผาสุมามาลย์ หัตถ์ประสานเหนือเศียรแทนเทียนทอง มนัสการรัตนังสิ้นทั้งสาม โดยมีความเลื่อมใสมิได้หมอง จะเปลี่ยนแปลงแต่งความตามทำนอง ให้ถูกต้องบทกลอนนครกาย ซึ่งแต่งเป็นเวียงวังเมืองสังขาร เรื่องโบราณร่ำชี้คดีขยาย เปรียบในร่างเราทุกสิ่งทั้งหญิงชาย เป็นนิยายให้คิดอนิจจัง มิใช่เรื่องชวนเพลินเจริญจิตต์ แต่ที่คิดปรับปรุงเพราะมุ่งหวัง เพื่อจะให้เรื่องนี้อยู่จีรัง ให้ผู้ฟังตรึกตรองในคลองธรรม อันเค้าเรื่องนั้นก็ดีอยู่ถี่ถ้วน แต่กลอนล้วนเต็มเข็ญไม่เป็นส่ำ จึงคิดเพิ่มเติมแต่งแปลงถ้อยคำ ให้แม่นยำถูกถ้วนกระบวนกาย ฯ
ดำเนินความตามเรื่องเมืองสังขาร เป็นนิทานอ่านปลงจำนงหมาย มีเมืองหนึ่งพึงตริอธิบาย นครกายเรื่องธรรม์รำพันพจน์ ว่ากว้างศอกยาววาทั้งหนาคืบ มีสืบๆ เป็นลำดับนับไม่หมด มีกำแพงสี่ชั้นเป็นหลั่นลด ที่หนึ่งจดตามระยะชื่อตะโจ ชั้นที่สองรองคือชื่อมังสัง เลือดหล่อหลั่งน้ำหนักตั้งอักโข ชั้นที่สามนามว่านะหาโร เป็นสายโซ่ร้อยทั่วรอบรั้ววัง ชั้นที่สี่อัฏฐินี้แน่นหนา กั้นพาราให้โตใหญ่ดังใจหวัง มีคูป้อมล้อมสี่ทิศติดประดัง ป้อมหนึ่งตั้งนามเกศาดังวาที ดูดำขลับระดับอย่างสนามหญ้า ชื่อโลมาป้อมสองถัดรองที่ ป้อมที่สามนามนะขาสง่าดี ป้อมที่สี่ทันตาหน้าสงคราม นครนี้มีประตูอยู่เก้าแห่ง จัดตั้งแต่งคนไว้ให้ไต่ถาม เฝ้าประตูดูระวังและนั่งยาม ตะเกียงตามไฟแดงทุกแห่งไป ประตูต้นรับขนของถวาย แต่เช้าสายสนธยาปัจจุสสมัย ขนานนามทวาราที่ว่าไว้ ประตูชัยมุขะทวารา ของถวายจ่ายให้ชาวในนั้น กินไม่ทันบูดเน่าเสียหนักหนา ขุนวาโยให้ร่นขนออกมา ทวาราที่สองซึ่งต้องทำ ชื่อประตูอุจจาระน่าโสโครก ถูกลมโกรกกลิ่นเหม็นไม่เป็นส่ำ ที่สามนามปัสสาวะขาประจำ คอยถ่ายน้ำไหลหลั่งดังลำธาร ยังอีกคู่ประตูที่สี่ห้า ขุนวาตานั่งยามตามสถาน รู้กลิ่นพร้อมหอมเหม็นเป็นราชการ นามขนานฆานะทวาโร ประตูที่หกเจ็ดเขตต์ระยะ ชื่อโสตะทวารบานเปิดโร่ รับความดีความชั่วตัวพาโล เกิดสุโขทุกขังประดังกัน ประตูที่แปดเก้าแสงวาวแวว ดังแว่นแก้วทั้งคู่ดูเฉิดฉัน ชื่อจักษุทวาราน่าอัศจรรย์ เป็นสำคัญทัศนาทั่วปราการ มีปราสาทห้าแห่งเป็นแหล่งหลัก หนึ่งชื่อจักษุปราสาทราชฐาน ประดับด้วยเนาวรัตน์ชัชวาลย์ สูงตระหง่านที่กษัตริย์เคยทัศนา มีสนมนางงามประจำที่ ล้วนผ่องศรีเฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา ตัวนายนามพธูชื่อรูปา คอยตรวจตราและระวังดังจำนง ที่สองชื่อโสตะคอยสดับ เป็นที่รับเสียงฟังดังประสงค์ นางสำหรับขับกล่อมห้อมล้อมองค์ พิณพาทย์วงมะโหรีปี่ชะวา สดับข่าวสารบอกนอกนิเวศน์ ทุกประเทศมากมายหลายภาษา ทั้งถ้อยความตามตำแหน่งแพ่งอาญา ร้องฎีกาถวายสัตย์ปฏิญญาณ นางแน่งน้อยหัวหน้ามียะโส นามสัทโทสุ้มเสียงสำเนียงหวาน ปราสาทสามนามฆานะงามตระการ แจ้งวิตถารหอมเหม็นเป็นสำคัญ เป็นที่สรงทรงเครื่องสุคันธรส หอมปรากฏยวดยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ มีนารีที่เฝ้าอยู่เหล่านั้น นางชื่อคันธานางสำอางนวล เหนือชิวหาปราสาทสี่ที่เสวย พระองค์เคยทรงพร้อมรสหอมหวน เครื่องคาวหวานยักย้ายหลายกระบวน ทรงรบกวนคนถวายไม่วายวัน เผ็ดขมขืนกลืนไม่ลงก็ทรงกริ้ว พระพักตร์นิ่วพิโรธเหล่านางสาวสรรค์ นางระสาโฉมฉายนายกำนัล กลัวต้องทัณฑ์เฝ้านั่งระวังระไว มีกายะปราสาทศรีเป็นที่ห้า ที่นิทราแท่นทองงามผ่องใส พร้อมอนงค์พนักงานการข้างใน หัวหน้าใหญ่คอยเตือนไม่เคลื่อนคลา นามผัสโสกรมวังตั้งกำกับ ที่สำหรับปรางค์มาศปราสาทห้า ปลัดกรมสมชื่อคือเวทนา คอยตรวจตราสารพันขยันนัก อันพระองค์ผู้ดำรงทศพิธ พระนามจิตตราชเรืองประเทืองศักดิ์ มีสองพระมเหสีเป็นที่รัก นามนงลักษณ์อวิชชาฝ่ายขวานาง องค์ฝ่ายซ้ายที่สองนั้นนามตัณหา ภัสดาพิสมัยมิได้หมาง สำเร็จกิจทั่วไปที่ในปราง ท้าวเธอวางพระทัยหลงปลงอารมณ์ ไม่เคยคลาดลุอำนาจนางทั้งสอง เฝ้าประคองเคียงชิดสนิทสนม ทูลอะไรได้สมหวังดังนิยม สองทรามชมกำเริบรุกขึ้นทุกที ทั้งส่วยสาอากรขนอนตลาด เที่ยวรุกราษฎร์คอยกักชักภาษี เห็นสิ่งของชาวประชาบรรดามี ให้ยินดีอยากได้ไปทั้งนั้น ทำอุบายร้ายดีปราณีนัก ให้เห็นรักร่วมจิตต์คิดขยัน ทำสนิทชิดชอบประกอบกัน ว่าแบ่งปันซื้อขอพูดล่อลวง อวิชชาตัณหามเหสี ได้ครองที่นางในเป็นใหญ่หลวง สาวสนมกรมวังสิ้นทั้งปวง ทุกกระทรวงเหนือใต้ในพารา คนขึ้นเฝ้าเอาของกองถวาย ออกเหลือหลายหลากๆมากนักหนา พระทรงฤทธิ์จิตตราชกษัตรา เชื่อวาจาสองนางไม่ห่างองค์ ทั้งพงศาพวกพ้องสองนางนาฏ คอยเฝ้าบาทยุให้พระทัยหลง แต่งตั้งที่ดีล้ำให้ดำรง นึกว่าตรงซื่อสัตย์ปัฏิญญาณ หลวงโทโสโกรธาคู่หน้านั้น ตัวสำคัญเป็นฝ่ายนายทหาร หลวงโลโภโมหะได้ประทาน เป็นทหารทั้งสี่ดีด้วยกัน ถ้าศึกเสือเหนือใต้ใครคุมเหง ไม่กลัวเกรงรอนราญชาญขยัน ทั้งโทโสโกรธากล้าฉกรรจ์ เรื่องแทงฟันชกต่อยไม่ถอยรา หลวงโลโภโมหะไม่ละนิ่ง สองนายวิ่งเก็บของเที่ยวมองหา ทั้งทองเงินของเข้าขนเอามา ถวายนางตัณหาทุกคราไป นางโฉมยงจัดแจงให้แต่งตั้ง มีขุนคลังดูแลกุญแจไข ชื่อขุนมัจฉริยังไม่ฟังใคร เบิกสิ่งใดยากแค้นแสนทวี พยาบาทวิหิงสาเสนาใหญ่ เจ้ากรมในราชวังทั้งกรุงศรี ถ้าเคืองขัดเข่นฆ่าเที่ยวราวี ถึงสิบปีก็ไม่หายคลายโกรธา ทหารเอกสององค์อนงค์นาฏ ล้วนสามารถต่างกายทั้งซ้ายขวา พระทรงฤทธิ์จิตตราชกษัตรา ตั้งเสนาบดีทั้งสี่นาย สำหรับดูบ้านเมืองจะเคืองเข็ญ วิบัติเป็นยับยุบบุบสลาย ขุนปฐวีมีสิบเก้าทั้งบ่าวนาย ดินกระจายร้าวรานประการใด คอยเพิ่มเติมเสริมที่ทรุดให้หยุดอยู่ ที่เป็นอู่ลุ่มลาดชลาไหล ก็สะสมถมเติมให้เต็มไป ระวังระไวป้อมคูประตูวัง ขุนอาโปสิบสองตรึกตรองชอบ ว่าที่รอบกรมท่าทั้งหน้าหลัง ดูวารีมากน้อยคอยระวัง หมั่นปิดบังมิให้ล้นขึ้นบนนา ถ้าน้ำน้อยถอยถดลดลงมาก ต้องลำบากวิดวักไว้หนักหนา ขุนเตโชทั้งสี่มีเดชา บังคับว่าข้างไฟทั้งไพร่นาย ทั้งสี่คนขนเชื้อเผื่อไว้เสร็จ กลัวมีเหตุไฟดับกลับศูนย์หาย เที่ยวตีฆ้องร้องป่าวเหล่าหญิงชาย ให้ขวยขวายเร่งระวังทั้งฟืนไฟ ขุนวาโยหกเหล่าเจ้าความคิด เตรียมเชือกชิดผันแปรคอยแก้ไข ลมพายุบุลั่นสนั่นไป ต้องไม้ไล่ล้มเอนระเนนนอน ทั้งปรางมาศราชวังบัลลังก์แก้ว ต้องลมแล้วทานไม่หยุดแทบหลุดถอน เอาเชือกรั้งเหย้าเรือนแก้เคลื่อนคลอน มิให้อ่อนระทวยช่วยประทัง ทั้งหอกลองป้อมคูประตูสม คราวเมื่อลมพัดมาต้องหน้าหลัง ต่างป่วนปั่นหันเหียนเจียนจะพัง เอาเชือกรั้งค่อยดำรงทรงกายา มีเสนีสามเหล่าเข้าเฝ้าพร้อม คอยห้อมล้อมจอมวังเมืองสังขาร์ เหล่าหนึ่งนั้นคนดีมีอัชฌา ยี่สิบห้าคนรวมร่วมใจกัน ไม่เข้าด้วยอวิชชาตัณหาสอง พวกหนึ่งรองมิใช่ชั่วตัวขยัน ครบสิบสี่นี้หยาบช้าใจอาธรรม์ ล้วนพงศ์พันธุ์ตัณหาอวิชชา คอยประจบจอมท้าวเจ้าสถาน ให้โปรดปรานผูกพันธ์นางตัณหา พวกหนึ่งนั้นอัญญสมานา ท่านกล่าวว่าโดยนามสิบสามคน เข้าประสพคบคล่องทั้งสองข้าง เป็นกองกลางคอยสังเกตดูเหตุผล เห็นบาปมากก็ไถลเข้าไปปน แม้นได้ยลบุญมีก็รี่ไป ท่านผู้ฟังอย่ากังขานะท่านเอ๋ย ใช่อื่นเลยเจตสิกเราพลิกไหว ห้าสิบสองกลอกกลับเกิดดับไป ย่อมไถลเชือนแชไม่แน่นอน ฯ
ฝ่ายในกรุงรุ่งเรืองเป็นเมืองใหญ่ พลไกรคั่งคับสลับสลอน ไพร่ผู้ดีมีสะพรั่งทั้งนคร ราษฎรดาษดื่นนับหมื่นพัน มีรูปร่างหลายอย่างทั้งเล็กใหญ่ ล้วนอาศัยอยู่เสร็จในเขตต์ขัณฑ์ นามกรกิมิชาติฉกาจฉกรรจ์ เป็นตัวกลั่นนายเหล่าเลยเข้าเดือน แต่พวกนี้มีจิตต์เป็นมิจฉา ทั้งปากกล้าทรชนทำป่นเปื้อน คบศัตรูเป็นมิตรจิตต์ฟั่นเฟือน เป็นครัวเรือนไส้ศึกฮึกทั้งนั้น ทราบถึงจอมจักรพงศ์ทรงกริ้วโกรธ ให้ลงโทษเนรเทศจากเขตต์ขัณฑ์ ที่เหลืออยู่รู้ประจบสงบพลัน พอประกันเวียงชัยมิให้โทรม มีหลวงชาติเป็นพระญาติวงศา ของชายาสองอนงค์ผู้ทรงโฉม เป็นปู่ย่าตาเฒ่าคอยเล้าโลม ไม่จู่โจมใจดีมีปรีชา อันเมืองนี้ที่จะร่างสร้างสำเร็จ ก็เพราะเหตุหลวงชาติฉลาดหา เดิมเป็นสมุทรกว้างสุดคณนา ทั้งคงคาเป็นคลื่นอยู่ครื้นครัน เหล่าฝูงสัตว์มัจฉาล้วนปลาร้าย เที่ยวแหวกว่ายวนเวียนอยู่เหียนหัน เห็นแต่น้ำกับฟ้าน่าอัศจรรย์ จะตั้งมั่นหันคว้างกลางนที ทั้งแดดลมระดมดื่นเป็นคลื่นซัด เกิดวิบัติศูนย์หายไม่เห็นผี เป็นหลายครั้งจึงได้ตั้งเป็นธานี ในวารีหลวงชาติฉลาดทำ กลางนทีเกาะจำเพาะเกิด กุศลเลิศช่วยชุบอุปถัมภ์ ค่อยสะสมถมเติมมาเสริมซ้ำ ได้ก่อกรรมบ้านเมืองเป็นเรื่องราว สมุทัยต่อไปในจตุสัจจ์ ต้องขอตัดยกไว้ไม่สืบสาว จะเทียบความตามโลกยังยืดยาว จะขอกล่าวเปรียบปานนิทานไป ฯ
มีหมู่โจรปัจจามิตรคอยคิดร้าย หกกองกายรอบสีมาพาราใหญ่ แต่หลวงชาติผู้ชำนาญต้านทานไว้ สงบได้เล็กน้อยแล้วค่อยยวน แต่แรกตั้งสังขารมานานช้า ยี่สิบห้าปีเต็มเกษมสรวล ทั่วภูมิ์พื้นชื่นฉ่ำเป็นน้ำนวล ประกอบถ้วนในสถานการสบาย ทั้งไพร่บ้านพลเมืองไม่เคืองเข็ญ ได้อยู่เย็นพร้อมพรั่งสิ้นทั้งหลาย เหมือนหมู่หนอนฟอนกินอยู่ในกาย ทั้งหญิงชายเกษมสุขทุกทิวา นครนี้มีฤดูอยู่ทั้งสาม คือมีนามสุขทุกข์อุเบกขา พระทรงฤทธิ์จิตตราชกษัตรา ทรงเสวยเวทนาชั่วตาปี เป็นสุขบ้างทุกข์บ้างและวางเฉย ตามคราวเคยเปลี่ยนฤดูคู่กรุงศรี อวิชชาตัณหาสองนารี พระสามีพิศวาสไม่ขาดวัน คอยยุยงส่งซ้ำแต่คำผิด หุ้มห่อจิตต์ทะยานไปใหญ่มหันต์ ในฝ่ายกุศลคุณเป็นบุญธรรม์ คอยเกียจกันเสียมิให้เข้าใกล้กราย คนไหนดีมีศรัทธาปัญญายิ่ง คอยค้อนติงไล่ขับให้ลับหาย ส่วนพงศ์พันธุ์พาลชนคนสิ้นอาย ทูลถวายความชอบให้ตอบแทน ท้าวจิตตราชลุอำนาจนางตัณหา อวิชชาสองศรีนี้เหลือแสน เฝ้าเคล้าเคลียทั้งคู่ไม่ดูแคลน ห่อนเคียดแค้นตามจิตต์เป็นนิรันดร์ เหล่าพวกพ้องสองนางไม่ห่างเฝ้า ยุให้เข้าแต่ข้างบาปหยาบมหันต์ ทะยานอยากอย่างยิ่งทุกสิ่งอัน นับร้อยพันทั่วพิภพไม่จบเลย ฯ
ฝ่ายสติโหราปรีชาหาญ ตรึกตรองการณ์ในบุรีมิเมินเฉย ดูฤกษ์บนรู้เหตุสังเกตเคย ไม่ช้าเลยศึกจะมาติดธานี ด้วยพระหลงอวิชชาตัณหาสอง ทั้งพวกพ้องจะมายุ่งเสียกรุงศรี หลงโลโภโมหาชั่วตาปี เฝ้าพาทียุแต่ให้มีภัยพาล เราจะนิ่งอยู่ฉะนี้ก็มิชอบ จำนบนอบทูลพระองค์ด้วยสงสาร แกรีบมาพระโรงคัลมิทันนาน ก้มกราบกรานทูลพลันโดยทันใด ขอเดชะฤกษ์อากาศประหลาดนัก ปรปักษ์จะมาแน่นหนาใหญ่ ขอพระองค์เตรียมสะเบียงกันเวียงชัย จึงจะได้รบรอต่อไพรี ฯ
จิตตราชฟังโหรามาทูลเหตุ พระทรงเดชร้อนพระทัยไม่ผ่องศรี จึงตรัสถามโหรพลันในทันที เมื่อฉะนี้จะป้องกันเป็นฉันใด ฯ
โหรเคารพนบทูลมูลกิจ ขอทรงฤทธิ์ผันแปรคอยแก้ไข จัดโยธาธรรมาวุธที่ว่องไว ตั้งอยู่ในศีลทานฝ่ายการบุญ ทรงสวดมนตร์ภาวนาเมตตาจิตต์ จงจำกิจคำพระพุทธเข้าอุดหนุน อย่าละเลิงหลงตามกามคุณ เพื่อเป็นทุนทรัพย์มั่นกันนคร อนึ่งพระองค์อย่าหลงตัณหานัก จะชวนชักให้เสียกรุงยุ่งกระฉ่อน ทั้งขุนนางพวกพ้องสองบังอร คอยแต่วอนให้คิดเดิรผิดทาง พวกเหล่านี้ถึงพะวงลุ่มหลงรัก แม้นศึกหนักเข้าจริงคงทิ้งขว้าง เหลือองค์เดียวเปลี่ยวกายจนวายวาง นิราสร้างจากจรนครกาย ฯ
จิตตราชพงศ์นรินทร์ผู้ปิ่นเกศ ทรงฟังเหตุโหรามาทูลถวาย ทรงรู้สึกนึกพรั่นพลันละอาย ค่อยเสื่อมคลายจากตัณหาอวิชชา ได้สติตริระบอบเห็นชอบล้ำ ทรงรับทำตามเหตุเทศนา พลางเอื้อนอรรถวัจนังสั่งเสนา ให้ตรวจตรานัคเรศร์เขตต์มณฑล ฯ
ขุนทิฏฐิมาโนเจ้าโวหาร กราบทูลสารเสนอความตามนุสนธิ์ ขอเดชะนรินทรอย่าร้อนรน จงถือตนถือตัวอย่ากลัวใคร ตามเยี่ยงอย่างกษัตริย์ใหญ่มิใช่น้อย อย่าทรงถอยหลังขยาดคิดหวาดไหว อย่างอนง้อขอยอมอดออมใคร กลัวอะไรไพรีมีเพียงนั้น ฯ
อวิชชาตัณหามาทูลฉลอง ว่าละอองบาทานราสรรค์ มีบุญญาผาสุกทุกคืนวัน สารพันจะประกอบชอบพระทัย เป็นกษัตริย์ขัตติยวงศ์อันทรงศักดิ์ แม้นเหมือนหลักโยกเขยื้อนยังเคลื่อนไหว ราษฏรก็จะย้อนนินทาไป อย่าเชื่ออ้ายโหราคนอาธรรม์ อันสติโหราปัญญาโฉด แกล้งยกโทษเติมเหตุแช่งเขตต์ขัณฑ์ ข้าศึกไหนจะอาจมาโรมรัน พระทรงธรรม์อย่าทรงหลงลมพาล ฯ
พระจิตตราชลุอำนาจนางตัณหา กลับโกรธเคืองพระทัยดังไฟผลาญ รับสั่งให้ไล่สติโหราจารย์ จากสถานอย่าให้ล้ำมากล้ำกลาย ฯ
พวกเสนาวงศ์ตัณหาพยาบาท ไล่พิฆาตโหรสติตีด้วยหวาย บ้างทุบถองเตะซ้ำช้ำทั้งกาย โหรกลัวตายรีบร้อนหนีซ่อนตน แต่นั้นมาเสนาที่ซื่อสัตย์ ไม่อาจขัดทูลสนองพร้อมนุสนธิ์ ด้วยเกรงผิดกริ้วกราดไม่อาจทน ต่างหลบตนหนีหน้าจากปราการ ฯ
จิตตราชหลงสวาทนางตัณหา ไม่ตรวจตราคอยระวังเมืองสังขาร อวิชชาพาเหลิงละเลิงลาน ไม่ตรองการณ์เขตต์ขัณฑ์จะอันตราย ปลงสวาทมาตุคามกามกิเลส ตั้งจิตต์เจตน์ในข้างทางฉิบหาย เพราะโมหะระคนสกนธ์กาย ไม่ละอายบาปกรรมยิ่งทำไป ทั้งคบคิดมิจฉาทิฏฐิหลง จนงมงงเห็นดีเป็นนิสสัย ที่สิ่งผิดคิดเห็นเป็นชอบไป เสพเมรัยและสุรานั้นว่าดี คบพวกพาลล้วนเลวเหลวเลอะเทอะ ทำสะเออะองอาจดังราชสีห์ ล้วนเป็นเหตุย่อยยับทั้งอัปรีย์ ด้วยถึงที่เสียเขตต์นครา ท่านผู้อ่านผู้ฟังเชิญตั้งจิตต์ ตริตรองคิดให้เห็นเป็นปัญญา อย่าอ่านเล่นเป็นข้อพอเพลินตา เพราะเหตุว่าบทกลอนนครกาย เป็นแต่เทียบเปรียบเรื่องเมืองสมมติ ใช่กำหนดเป็นจริงสิ่งทั้งหลาย ไม่ตรองความหลงตามเค้านิยาย ต้องคลาดหมายผลล้ำในธรรมา ฯ
ขอยกเปรียบเทียบความตามประสงค์ ยังมีองค์จรทศทิศา ดำรงเมืองเรืองฤทธิ์อิสสรา นามพระยามัจจุราชอำนาจครัน ครองนครมรณาพาราใหญ่ ไม่มีใครต่อเดชทุกเขตต์ขัณฑ์ ออกพระนามขามกลัวไปทั่วกัน จอมอาธรรม์เชี่ยวชาญการสงคราม เห็นเมืองใหญ่ย่อยยับจับประหาร ไม่ว่าขานซักไซร้หรือไต่ถาม ใช้ทหารราญรุกเข้าคุกคาม อย่าห้ามปรามผัดผ่อนไม่หย่อนใคร ถึงมีบุญวาสนาอาณาจักร ก็ไม่รักไม่ชอบอัธฌาศัย ถึงถวายเงินทองกองเท่าใด หรือกราบไหว้วอนว่าไม่ปราณี จะหานายประกันให้ก็ไม่เชื่อ คนกลัวเหลือหลบหลีกปลีกตัวหนี ถึงมีเวทย์เดชกล้าวิชชาดี จะต่อตีรบราญประการใด มัจจุราชมิได้หวาดพระทัยหวั่น เข้าบุกบั่นฉุดคร่าห์ไม่ปราศรัย ทั้งมนุษย์เดียรัจฉานประหารไป ไม่ละใครในโลกยมณฑล มีทหารชาญชัยในสนาม ใครยินนามเศียรพองสยองขน ชื่อชราพยาธิมีสองคน ฤทธิรณดังเพลิงอันเริงแรง ถึงเทวันชั้นอินทร์พรหมสยมยักษ์ ไม่รอพักตร์ล้วนหมดสยดแสยง ทั้งบรรพตปฐพีวารีแรง ทุกตำแหน่งอยู่เงื้อมหัตถ์มัจจุราช พงศ์นรินทร์ปิ่นสถานผู้ผ่านภพ เลิศลบลือฤทธิ์ทุกทิศา จะใคร่แผ่อาณาเขตต์เดชศักดา เที่ยวต่อแย้งยุทธนาทุกเวียงชัย เสด็จออกพระที่นั่งบัลลังก์อาสน์ พร้อมอำมาตย์หลายเหล่าเฝ้าไสว หลวงพยาธิชราร่วมพระทัย เสนาใหญ่ทั้งคู่เฝ้าอยู่เคียง เป็นทัพหน้าของพระยามัจจุราช สุดองอาจอาสาจนสิ้นเสียง ทุกหน้าที่ล้วนถนัดตัดสะเบียง กักลำเลียงปิดทางในกลางคัน พระภูมินทร์ปิ่นกษัตริย์มัจจุราช มีอำนาจฤทธิแรงทั้งแข็งขัน ออกขุนนางพลางตรัสประภาษพลัน จะโรมรันราญรอนนครกาย ท่านจงเร่งจัดพหลพลกำแหง ที่เรี่ยวแรงแข็งขันให้ผันผาย เข้าตีป้อมกำแพงแย่งทำลาย ทั้งเขื่อนค่ายโยกคลอนให้ถอนไป จับกษัตริย์มัดแขนให้แน่นหนา รุมฉุดคร่าห์ยื้อชักเร่งผลักไส นำออกนอกนครอย่านอนใจ แล้วปล่อยไปตามคติที่เขามา หรือกุศลผลกรรมที่ทำไว้ จะอย่างไรสุดแท้แต่วาสนา ถ้าแม้นไปตั้งเมืองเลื่องลือชา จึงค่อยยกโยธาตามราวี ฯ
หลวงชรากล้าศึกไม่นึกพรั่น บังคมคัลทูลท้าวเจ้ากรุงศรี ว่าข้าบาทอาสาฝ่าธุลี ไปเข้าตีสนิทเป็นมิตรกัน กับขุนปฐพีผู้มีศักดิ์ ได้พิทักษ์กายประเทศทั่วเขตต์ขัณฑ์ จะยุให้เล่นสนุกทุกคืนวัน มิให้หมั่นตรวจตรานครกาย ครั้นด่านป้อมล้อมรอบลงบอบช้ำ จึงค่อยซ้ำตีริบให้ฉิบหาย คงจะได้บุรีนี้ง่ายดาย ดังอุบายข้าทูลมูลคดี ฯ
ฝ่ายข้าหลวงพยาธิดำริชอบ แล้วนบนอบบังคมก้มเกศี ว่าหม่อมฉันขออาสาฝ่าธุลี ยกโยธีหนุนประชิดติดนคร จะขอขุนโรคายาตราด้วย พอได้ช่วยการศึกคิดฝึกสอน พร้อมทั้งขุนชรากล้าราญรอน คุมนิกรเก้าสิบหกทั้งตัวนาย ไปตั้งล้อมป้อมค่ายให้หลายชั้น แล้วโรมรันให้แตกแหลกสลาย คงจักได้พารานครกาย มาถวายบาทาฝ่าธุลี ฯ
หลวงมรณังบังคมทูลสนอง ว่าแม้นสองกองทัพกลับกรุงศรี จะอาสาพาพหลพลโยธี ไปต่อตีให้ยับอัปรา จะประหารผลาญชีพริบให้หมด ไม่ละลดเด็กผู้ใหญ่ไม่เลือกหน้า แล้วจับจิตตราชท้าวเจ้าพารา เข้ามาหาภูวไนยดังใจปอง ฯ
มัจจุราชองค์ท้าวเจ้าชีวิต ฟังความคิดแม่ทัพรับสนอง ถูกพระทัยตามที่ทรงตริตรอง จึงสั่งสองนายพลคนสำคัญ คือชราพยาธิเสนีใหญ่ เคยมีชัยการศึกไม่นึกพรั่น ให้รีบเร่งระดมพลคนฉกรรจ์ ไปโรมรันราญรอนนครกาย ฯ
หลวงชราพยาธิฤทธีหาญ รับโองการอภิวันทน์แล้วผันผาย ออกมาเกณฑ์พลไกรทั้งไพร่นาย มีกองหมายคอยสำรวจตรวจบัญชี เรียกกองหนุนมาระดมเข้าสมทบ ล้วนพลรบเคยศึกไม่นึกหนี มาถ้วนทั่วหัวเมืองเอกโทตรี รวมโยธีสองทัพพลนับพัน ให้ขุนตานขะโมยโดยวิสัย ถือธงชัยนำหน้ากล้าขยัน มีนายรองท้องมานชาญฉกรรจ์ พลขันธ์แต่งกายาสง่างาม ในกระบวนล้วนใส่เสื้อหนังสัตว์ ถือขวานกวัดแกว่งคะนองก้องสนาม มิใช่ชั่วตัวการชาญสงคราม ขนานนามโยธีริดสีดวง พันระไนไส้เลื่อนกลากเกลื้อนหิด นายต่อมพิษเข้ากำกับกองทัพหลวง ทั้งจุกเสียดหอบไอไข้ทั้งปวง ทุกกระทรวงแข็งแรงแต่งเต็มยศ ถือหน้าไม้ปืนผาทั้งหน้าหลัง ใส่เสื้อหนังพยัคฆางามปรากฏ ถือหลาวแหลนกักขฬะไม่ละลด ทรหดหนังเหนียวเปรียวทุกคน ให้ขุนวัณณะวิการสันดานร้าย เป็นตัวนายปีกขวาพาพหล ขุนขี้เรื้อนตัวรองเกณฑ์กองพล ให้แต่งตนต่างๆล้วนอย่างดี ใส่เสื้อหนังคชสารทะยานออก ถือดาพหอกอวดกันสนั่นมี่ ทั้งเสื้อหนังลิงค่างบ่างชะนี บนเกศีทุกหมู่เอางูพัน ขุนบาดทะยักษ์มากำกับทัพปีกซ้าย เสื้อหนังควายแต่งพหลพลขันธ์ และเสื้อหนังสิงห์โตพวกโรคัน ถือกั้นหยั่นคมพรายประกายวาว หลวงชราแต่งการดังใจหวัง ใส่เสื้อหนังวานรขนอ่อนขาว ใส่แว่นตามือขวาถือไม้เท้า ขนแคร่บ่าวหำมงกสะทกสะท้าน พยาธิทั้งหลังพลคั่งคับ เหลือจะนับโยธาล้วนกล้าหาญ ใส่เสื้อหนังโคกะทิงวิ่งทะยาน ถือพร้าขวานจอบเสียมหาญเหี้ยมฮึก พยาธินายทหารชาญกำแหง จึงตกแต่งเครื่องประดับสำหรับศึก ใส่เกราะหนังราชสีห์ดูพิลึก ทำคักคึกเหน็บกะบี่มีศักดา สถิตนั่งหลังอินทรีย์ปักษีใหญ่ คอยฤกษ์ชัยในทำนองตามกองหน้า นายกุฏฐังนั่งดูยามตามตำรา คอยเวลาได้ฤกษ์จะเลิกพล ฝ่ายขุนโรคาวุธสุดแรงร้าย จัดแจกจ่ายศัสจราโกลาหล พร้าจอบเสียมเตรียมทั่วทุกตัวคน จะขุดขนพังค่ายทำลายเมือง นายกำเดากองแหลนแสนฉลาด คอยสืบราชการข่าวฟังราวเรื่อง นายม็องคร่อกองซุ่มคุมยักเยื้อง นายหืดเครื่องสะเบียงหามมาตามกัน พอได้ฤกษ์ยาตรากองหน้าเคลื่อน เสียสะเทื้อนกึกก้องฆ้องกลองลั่น ยิงปืนเปรี้ยงเสียงกลบตลบควัน โห่สนั่นครั่นครึกพิลึกนัก ยกโยธารุดมาเหมือนวายุพัด แนวพนัสล้มระเนนอ่อนเอนหัก ทั้งสังขรคลอนเคลื่อนเขยื้อนยัก แทบว่าจักพังลงเป็นผลคลี สุธาไหวหวั่นสะท้านปานพินาศ ปักษาชาติหัสดินรีบบินหนี เหล่าค่างลิงสิงห์สัตว์ในปัฐพี ต่างวิ่วรี่ด้วยตระหนกตื่นตกใจ บึงบางบ่อท่อธารละหานหิน แห้งเหือดสิ้นวารีหามีไม่ ผักทอดยอดหงอดงันเพียงบรรลัย พฤกษ์น้อยใหญ่ใบหล่นผลพิการ หลวงชราทัศนาชมพนัส ล้วนวิบัติอนิจจังในสังขาร เป็นทุกขังอนัตตาทุกประการ แต่จิตต์พาลเห็นสนุกสุขสำรวล สั่งโยธีตีเขตต์ประเทศป่า ชาวประชาใหญ่น้อยละห้อยหวน ด้วยสุดรู้สู้มิได้ใจรัญจวน ต่างประมวญมอบกายาสามิภักดิ์ พลชรากำเริบรุมไล่คุมเหง เห็นใครเก่งยิ่งโจมเข้าโหมหัก ตีบ้านน้อยเมืองใหญ่ไล่คึกคัก คนกลัวนักหนีตะเพิ่นทิ้งเงินทอง พวกไพรีได้ทีเที่ยวค้นคว้า ขึ้นเคหาเก็บเอาทั้งเข้าของ ได้สะเบียงเลี้ยงไพร่ดังใจปอง ให้หยุดกองทัพตั้งรั้งรอไว้ ฯ
หลวงชราปรึกษาพยาธิ ว่าเราตริตรองความตามวิสัย ให้ท่านตั้งยั้งยับหยุดทัพชัย อยู่ที่ในแนวพนมนี้สมควร อันตัวเราจะเข้าในราชฐาน คิดทำการให้อิดโรยลงโหยหวน แม้นครชำรุดทรุดเซซวน ท่านจงด่วนเข้าประชิดติดธานี แล้วตีป้อมกำแพงแยงหอรบ จุดเพลิงคบต้อนพลปล้นกรุงศรี ส่วนเราจะพาวาตาตัวกล้าดี บังอินทรีย์ล่วงหน้าเข้านคร ฯ
หลวงพยาธิฟังสั่งนุสนธิ์ เห็นชอบกลเป็นต่อในข้อขอน จึงว่าข้าตั้งค่ายอยู่ชายคอน ท่านไปก่อนรีบรัดเร่งจัดแจง ฯ
หลวงชรารับวาจาแล้วผันผาย มาแต่งกายงามสง่าดูกล้าแข้ง เรียกทหารคนสนิทฤทธิแรง แล้วสำแดงเดชารีบมาพลัน ด้วยชำนาญอ่านมนตรล่องหนได้ มิให้ใครเห็นสกนธ์พลขันธ์ หมู่สิงหสัตว์ในพนัสพนาวัน ก็ไม่ทันแจ้งใจว่าภัยพาล อำนาจเดชเวทย์จังงังบังกายลับ เดิรกองทัพพักหนึ่งถึงสถาน จึงหยุดยั้งโยธาริมปราการ พวกชาวด่านมิได้นึกรู้สึกตัว หลวงชราพักโยธาอยู่ริมด่าน ดูเชิงชานนคเรศร์สังเกตทั่ว เห็นฝูงคนโฉดเขลาล้วนเมามัว ไม่เกรงกลัวปัจจามิตรติดพารา แล้วแฝงกายกำบังเที่ยวฟังข่าว ว่าไทท้าวเป็นสุขหรือทุกขา ทราบว่าหลงตัณหาอวิชชา สมจินดารื่นเริงบันเทิงใจ จึงจำแลงแปลงเป็นบุรุษหนึ่ง รูปนั้นพึ่งกลางคนเดิรวนไขว่ ทั้งสองมือถือถาดใส่ลูกไม้ เข้าบ้านใหญ่ถามข่าวเขาเหล่านั้น ว่าท่านขุนปฐพีอยู่ที่ไหน โปรดบอกให้มาประสพพบกับฉัน พอมีคนเข้าไปบอกออกมาพลัน ชรานั้นนอบนบประจบประแจง ยกถาดวางพลางรำพันว่าฉันนี้ ไม่มีที่พึ่งพักเป็นหลักแหล่ง จะขออยู่อาศัยให้ใช้แรง ช่วยจัดแจงแต่งธานีให้ดีงาม แต่พอเลี้ยงกายาข้าพเจ้า ทุกเย็นเช้าตามจะใช้มิได้ห้าม ฉันคนซื่อถือสัจจาพยายาม ไม่ทำความวายวุ่นให้ขุ่นเคือง ฯ
ขุนปฐพีดีใจเขาให้ของ สบทำนองโลภมุ่งพูดฟุ้งเฟื่อง รับให้อยู่ดูงานทำบ้านเมือง หวังให้เรืองรุ่งอร่ามงดงามตา ฯ
หลวงชราได้ช่องพร้องแถลง ว่ากำแพงเก่าชำรุดทรุดหนักหนา ทั้งป้อมคูดูวิบัติขัดนัยน์ตา ขอตรวจตราทำใหม่ให้มั่นคง ฯ
ขุนปฐพีฟังดูไม่รู้เท่า ว่าตัวเราเห็นงามตามประสงค์ ตามแต่เจ้าเห็นชอบประกอบลง เห็นตรงไหนขัดจัดให้ดี ฯ
หลวงชราหน้าเป็นเห็นสมจิตต์ ด้วยจะคิดทำลายเมืองอันเรืองศรี ลาออกเดิรเที่ยวดูรอบบูรี แล้วตรึกตรีจะจุดไฟให้เผาลน แต่เกรงขุนเตโชวาโยอยู่ เป็นคนรู้เร็วรวดตรวจถนน เข้าประจบด้วยอุบายฝากกายตน จะช่วยขนมูลขยะหาเชื้อเพลิง ขุนเตโชเห็นชอบตอบอนุญาต สมหมายมาดหลวงชราละเลิงเหลิง ขนมูลฝอยใส่ไฟใจบันเทิง กองริมเชิงกำแพงนอกล้นออกร้าว กำแพงตะโจนั้นต้องควันร้อน กะเทาะล่อนถึงตะจะเสมหะขาว หลวงชราอ่านมนตร์เรียกฝนพราว ทั้งลมว่าวพัดกรรโชกให้โยกคลอน ชาวเวียงชัยไม่สังเกตซึ่งเหตุผล สาละวนยะโสสโมสร ต่างคะนองทะนงตัวทั่วนคร ไม่อาทรคำนึงถึงไพรี ฯ
หลวงชราหรรษาด้วยสมหวัง ไม่หยุดยั้งจะผะจญให้ป่นปี้ เรียกพวกพลที่มาบรรดามี เข้าคลุกคลีพังป้อมล้อมปราการ รื้อกำแพงมังสังนั้นชั้นที่สอง หักเป็นช่องลอดตัวทั่วทหาร ป้อมเกศีด้านต้นเหลือทนทาน แต่ก่อนกาลดำระยับกลับขาวพลัน ต้องฝนแดดแผดเผาให้เร่าร้อน ลมพัดคลอนโยกเคลื่อนสะเทือนลั่น ฝ่ายพวกพลชราก็พากัน เข้าบุกบั่นขึ้นกำแพงจัดแจงรื้อ ประชาชนทั้งนั้นไม่ทันเห็น ศึกเขม้นแย่งทึ้งไม่อึงอื้อ ต่างคนหมายว่าพระพายพัดกะพือ เป็นเหลือมือจะระวังทั้งพารา เสียงครั่นครื้นคนตื่นตกใจวุ่น ชุลมุนคึกคักเป็นหนักหนา วิ่งล้มลุกคลุกคลานเซซานมา พื้นสุธาพ่างเพียงจะเอียงทรุด กำนัลนางชาววังสิ้นทั้งหลาย ต่างวุ่นวายหวาดหวั่นพรั่นที่สุด นางสัททาทูลองค์พระทรงพุทธ นครทรุดโทรมลั่นด้วยอันใด พงศ์กษัตริย์ตอบอรรถนางสาวน้อย ไม่แจ้งถ้อยว่านิเวศน์เหตุไฉน พลางลีลามาจักษุปราสาทชัย ภูวนัยทอดทัศนาการ ฤทธิ์ชราพาจักษุปราสาทนั้น เป็นหมอกควันมืดมัวทั่วสถาน ดวงมณีศรีจรัสชัชวาล ก็พิการวิบัติน่าอัศจรรย์ เรียกพระกล้องส่องยลทุกหนแห่ง เห็นกำแพงหักพังทั้งเขตต์ขัณฑ์ หวนละเหี่ยสุดเสียพระทัยครัน ไฉนนั่นวิปริตหลากจิตต์นัก ฤทัยหายแสนเสียดายราชฐาน พระยิ่งดาลแดดวงเพียงทรวงหัก เสโทไหลโทรมซาบลงอาบพักตร์ พระทรงศักดิ์แสนพิโรธโกรธขุนนาง ให้หาขุนปฐพีมาที่เฝ้า ว่าเออเราไว้ฤทัยให้ทุกอย่าง เหตุไรพังทั้งพาราผิดท่าทาง เสียแรงวางจิตต์จำนงปลงวิญญาณ์ ใจทมิฬนอนกินแต่เบี้ยหวัด สารพัตรไม่เอาใจใส่รักษา ไฉนทิ้งให้ย่อยยับอัปรา ให้การมาตามจริงอย่านิ่งความ ฯ
ขุนปฐพีวันทนาประหม่าจิตต์ จะทูลกิจตามจริงยิ่งเกรงขาม ด้วยตนคบหลวงชราพารวนลาม จึงครั่นคร้ามกลัวอาชญาฝ่าละออง คิดผันแปรแก้เคืองทูลเยื้องยัก กำแพงหักลงระทมเพราะลมต้อง ให้เกณฑ์พลคนนั่งประจะซอง ก็ปิดป้องไม่หยุดสุดกำลัง ฯ
ภูวไนยได้สดับขุนปฐพี ยิ่งทวีกริ้วกราดประภาษสั่ง มึงเร่งแต่งนครกายให้หายพัง มิระวังจะประหารผลาญชีวี ขุนสุธากราบก้มบังคมบาท รีบคลาคลาดออกมาตรวจหน้าที่ เห็นเยินยับคับใจใช่พอดี ปฐพีเคืองระคายนายชรา จะเรียกตัวซักไซ้ก็ไม่พบ ด้วยรู้หลบมีมนตร์ดลคาถา ไม่ประสพพบพานดาลวิญญาณ์ ขุนสุธาคิดอ่านการซ่อมแซม กำแพงตะโจนั้นต้องควันคล้ำ หายาน้ำตกแต่งปูนแป้งแต้ม ป้อมเกศาหักพังต่อตั้งแซม กระเหม่าแนมน้ำมันเชื้อทาเจือกัน หญ้าไม่ดำซ้ำขาวออกพราวพร้อย ยิ่งยับย่อยทั่วทั้งแดนแคว้นมหันต์ หลวงชรายิ่งชะล่าละเลิงครัน เข้าดึงดันในเสมานะหารู สายโซ่ใหญ่เหนี่ยวรั้งเสียทั้งหมด ดึงขอดขดย่อย่นไม่ทนสู้ ป้อมทันตาโยกพังหลุดพรั่งพรู นายประตูทูลสารพระผ่านภพ ทั้งขุนปฐพีร่ำซ้ำสนอง ว่าเหลือตรองแก้จริงทุกสิ่งจบ ไม่คงคืนมีแต่ทรุดสุดรับรบ ขอทรงภพทราบบาทฝ่าธุลี ฯ
จักรพงศ์ทรงฤทธิ์จิตตราช ฟังอำมาตย์ทูลสนองยิ่งหมองศรี คิดถึงคำโหรทายไว้เดิมที ว่าจะมีภัยประชิดติดนคร ก็ประจักษ์เหมือนคำทำนายไว้ แต่เราไม่จินตนาอนุสสร หลงเชื่อคำนางตัณหาสารวอน ทูลยอกย้อนยุให้ไล่โหรา ทรงเสียดายใช้นายวิริยะ เป็นธุระสืบแสวงทุกแห่งหา ได้ทั้งสองโหรเฒ่านั้นเข้ามา เฝ้าบาทาปิ่นเกล้าเจ้าธานี พระยาจิตต์ฤทธิรงค์ผู้ทรงเดช ทอดพระเนตรเห็นโหรทั้งสองยิ่งหมองศรี พลางเอื้อนรสพจนาโปรดปราณี ตรัสถามที่ลักษณะชาตาเมือง ป้อมกำแพงนอกในร้ายนักหนา จะเยียวยาไม่ฟังสิ้นทั้งเรื่อง ทั่วธานีวิบัติน่าขัดเคือง ทั้งชาวเมืองไม่มีสุขทุกข์ระทม ฯ
ฝ่ายโหราชื่อว่าสติล้ำ กับทั้งสัมปชัญญะคู่ประสม ฟังโองการพระผู้ผ่านบุรีรมย์ กราบบังคมดูคัมภีร์ชุลีทูล ขอเดชะฝ่าละอองธุลีบาท ภัยในราชบุรินทร์ไม่สิ้นศูนย์ หนึ่งแรกตั้งนครเล่าเป็นเค้ามูล ย่อมอาดูรมิได้สุขทุกคืนวัน ทัพที่สองชราปัจจามิตร มาตั้งติดนคเรศร์หักเขตต์ขัณฑ์ ไม่มีใครเห็นตัวทั่วทั้งนั้น เข้าบุกบั่นแย่งยื้อรื้อกำแพง ทัพที่สามสงครามในเดือนหน้า คือพยาธิประจญพลขันธ์แข็ง ที่สี่ทัพมรณายิ่งกล้าแรง ขอเชิญแต่งอาวุธไว้ยุทธนา กระหม่อมฉันตรองตริดำริทราบ จึงได้กราบทูลระบิลปิ่นเกศา ทั้งสี่ข้อความขำร่ำพรรณนา จงทราบฝ่าบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ ฯ
ฝ่ายขุนสัมปชัญญะแจ้งระบอบ จึงประกอบกราบทูลมูลกิจ ว่าจตุอปายาปัจจามิตร คอยประชิดชาติหน้าเมื่อลาไป คือนิรยะติรัจฉานะโยนิ และปิตติวิสยะแดนอาศัย กับทั้งอสุรกายร้ายเหลือใจ ล้วนเป็นภัยผลาญสุขให้ทุกข์ตรอม ข้าศึกสี่นี้แหละหนาฝ่าพระบาท มันร้ายกาจพาวางเดิรทางอ้อม รวมทั้งที่ขุนสติทูลประนอม นับเข้าพร้อมแปดข้อติดต่อกัน ขอปิ่นปักจักรพงศ์จงให้หา ขุนศรัทธาต้นหนคนขยัน ทั้งขุนปัญญาด้วยได้ช่วยกัน เร่งจัดสรรพ์สำเภาทรงอลงการ บรรทุกเครื่องอุปากาโรฬารึก ได้หนีศึกข้ามวัฏฏสงสาร ขอพระองค์ฟังข้าโหราจารย์ อย่านิ่งนานไว้พระทัยแก่ไพรี ฯ
จิตตราชภูวไนยเจ้าไตรจักร ฟังโหรชักใจให้สงบรีบหลบหนี ทรงลังเลพระทัยใช่พอดี พระภูมีอัดอั้นตันพระทรวง ฯ
เอกอำมาตย์มนตรียี่สิบห้า ล้วนปรีชาเห็นภัยอย่างใหญ่หลวง ทูลพระปิ่นนครังขึ้นทั้งปวง ว่าโหรล่วงรู้จริงสิ่งสัจจัง ขอพระองค์ทรงทำตามคำเถิด จงประเสริฐสมในพระทัยหวัง จงทรงยึดรัตนะปนสรณัง โดยพะลังเดชาห้าประการ คือสัทธาวิริยะและสติ สมาธิปัญญาล้วนกล้าหาญ พร้อมทั้งบุญญ์กิริยาเมตตาญาณ ข้ามกันดารหลีกลับทัพชรา ผลทานท่านอุปมาสะเบียงมาก แก้ลำบากเปลื้องทุกข์ให้สุขา ผลศีลเป็นเสาใบในเภตรา ภาวนาเป็นอาวุธยุทธยง เกล้ากระหม่อมพร้อมยี่สิบห้านั้น จะผายผันตามเสด็จดังประสงค์ ไม่หวาดหวั่นย่นย่อต่อณรงค์ ขอเชิญองค์ภูบาลเตรียมการจร ฯ
ลำดับนั้นทรงธรรมจิตตราช ฟังอำมาตย์พรั่นอุราสะท้อนถอน ทรงคล้อยตามถ้อยแถลงแห่งนิกร พระภูธรจึงบัณฑูรแก่ขุนคลัง ให้เบิกจ่ายราชทรัพย์ออกนับขน เตรียมกุศลปาไถยเหมือนใจหวัง ฝ่ายขุนมัจฉริยะกรมพระคลัง ฟังรับสั่งอาวรณ์ให้ร้อนใจ จึงทูลอวิชชาพระยาหญิง ให้ประวิงการรับสั่งเบิกคลังใหญ่ โดยอ้างว่าถ้ามิห้ามตามพระทัย ทรัพย์ที่ในคลังเราคงเบาบาง ฯ
ฝ่ายโฉมศรีอวิชชาตัณหานุช ได้ทราบสุดเคืองจิตต์คิดหมองหมาง ต่างรีบรัดไคลคลามาจากปราง เสด็จทางม่านทองท้องพระโรง ประสานเสียงทูลสนองต้องทำเนียบ ภิปรายเปรียบเลียบเคียงส่งเสียงโผง โหรมนตรีดีนักช่างชักโยง คลังจะโล่งแล้วทีนี้ไม่มีเกลือ อันธรรมดาสินทรัพย์สำหรับใช้ ยิ่งเก็บไว้เต็มที่ยิ่งดีเหลือ คราวขัดสนสิ่งไรได้หาเจือ หากหลงเชื่อเขาหลอกออกอุบาย คงถึงความย่อยยับอัปยศ ทรัพย์เสื่อมหมดเมืองล่มจมฉิบหาย ต้องยากจนทนทรมานกาย ซ้ำได้อายขายหน้าประชาชน อนึ่งเงินทองในท้องพระคลังหลวง สิ่งทั้งปวงสารพัตรไม่ขัดสน เพราะหม่อมฉันทั้งสองต้องดิ้นรน สู้อดทนแส่หาชั่วตาปี และทรัพย์ซึ่งเก็บไว้ไม่วิบัติ ก็เพราะมัจฉริยะเขาตระหนี่ มิใช่เพราะโหรเฒ่าเจ้าวาที ซึ่งอวดดีคอยประจบเฝ้ารบกวน ยุให้แต่ทำบุญอุดหนุนพระ ไม่เห็นจะมีจิตต์คิดสงวน คราวสิ้นทรัพย์อัปภาคหากแจจวน ก็จะชวนกันหลีกคิดปลีกตน อันภรรยาข้าเก่าสองเหล่านี้ ถึงชั่วดีแม้นวิบัติลงขัดสน ไม่ทอดทิ้งคงอยู่ยอมสู้จน ไม่เหมือนคนภายนอกดอกเพค่ะ ขอพระองค์ทรงเชื่อหม่อมฉันเถิด อย่าเพ่อเปิดสิ่งของกองสละ อย่าเชื่อคนจะจนพระทัยนะ จงทรงพระจินตนาโดยการุญ ฯ
ทรงสดับคำสนองทั้งสองนาฏ พระทัยหวาดทดท้อเพราะคำหนุน ซึ่งดำริตริหมายข้างฝ่ายบุญ กลับหมกมุ่นสงสัยในอารมณ์ ฯ
ฝ่ายเสนาวงศานางโฉมฉาย สิบสี่นายได้ท่าทูลประสม ฝ่ายละอองครองเมืองเรืองบรม จะเตรียมตรมพระทัยไปไยนัก ถึงธานีจะมีอรินทร์ราช พวกข้าบาทจะขอต้านออกหาญหัก อันมนตรีที่ว่าสามิภักดิ์ จะชวนชักเสื่อมพระยศทั้งหมดทรัพย์ ซึ่งโหรว่าศึกจะมานคเรศร์ พิเคราะห์เหตุเป็นโวหารการสับปลับ ไม่เห็นตัวเห็นตนคนนายทัพ นครยับเพราะหมู่ฤดูกาล แม้นไพรีดีกล้ามาให้เห็น ไม่ขอเว้นงดชีวังคงสังหาร อย่าทรงพระวิตกใต้บทมาลย์ ราชฐานคงไม่ถอยในร้อยปี ฯ
ได้ทรงฟังดังว่าจะพาเหาะ แสนเสนาะคำสนองยิ่งผ่องศรี ส่วนสองโหรที่ทำนายทายธานี เหมือนทวีคำแช่งมาแกล้งกัน แต่งยุบลจนพระทัยเราไหวหวาด ทั้งอำมาตย์พลอยเพิ่มเติมขยัน ถ้วนทั้งยี่สิบห้าคนบ่นรำพัน ต้นเหตุนั้นเพราะโหราพาวุ่นวาย สิบสี่เจ้าอย่าเอาอ้ายโหรไว้ จงขับไล่เสือกไสไปให้หาย เลี้ยงสนิทมันจะคิดเพทุบาย ให้วอดวายขายตนเพราะกลลวง ฯ
บาปธรรมสิบสี่เสนีใหญ่ ต่างเข้าไล่ฉุดคร่าห์ตาโหรหลวง แล้วผลักไสให้ออกนอกกระทรวง โหรทั้งปวงเลยลี้หลบหนีตน ฯ
ฝ่ายภูมินทร์นรินทร์จิตตราช ลุอำนาจอวิชชาพาฉงน ทั้งขุนมัจฉริยะมาปะปน ทูลให้วนห่วงของในท้องคลัง เห็นสังขารเข้าประเดี๋ยวเสียวหวาดไหว เกิดเลื่อมใสเข้าสักหน่อยแล้วถอยหลัง ละเลิงหลงปลงพระทัยอยู่ในวัง ไม่อินังถิ่นฐานการนคร ฯ
จะกล่าวถึงพยาธิที่ทัพหลัง ซึ่งหยุดยั้งตั้งค่ายชายสิงขร เป็นทัพหนุนหลวงชราบทจร ไม่นิ่งนอนคอยสดับรับข่าวคราว มีจาระบุรุษสุดฉลาด เที่ยวสืบราชการลับสดับข่าว ทราบประวัติข้อความตามเรื่องราว ว่าปวงชาวพารานครกาย ถูกชราครอบงำทำเสียป่น ประชาชนบอบช้ำระส่ำระสาย สมตามข้อที่ชราสัญญาไว้ จึงสั่งให้ถอนค่ายย้ายกองทัพ ให้กองหน้าขุนโรคาตัวกล้ากลั่น กับขุนสันนิบาตน้อยคอยกำกับ ตีบ้านเมืองรายทางอย่างยุบยับ แล้วเดิรทัพเข้าประชิดติดบุรี ให้ตั้งค่ายรายล้อมป้อมหอรบ เตรียมเพลิงคบเพื่อเข้าเผากรุงศรี ฝ่ายข้างขุนอหิวาต์จ่าโยธี ตรวจวิถีทางคะเณรอเวลา ฯ
ท่านแม่ทัพพยาธิผู้มีเดช เห็นขอบเขตต์นครกายทั้งซ้ายขวา ป้อมกำแพงหักพังลงบางตา เพราะชราตีประจัญสามชั้นแล้ว จึงสั่งขุนโรคาเร็วหนาเจ้า จงรีบเข้าเวียงชัยให้หลายแถว เพราะช่องทางเข้าได้ง่ายทุกแนว ไปถึงแล้วฟันฉะอย่าละเลย ขุนวัณณะวิการทหารมาก ให้ขุดรากกำแพงวังอย่านั่งเฉย เมื่อเข้าไปไม่ต้องร้องภิเปรย เดิรให้เฉยใครห้ามปรามอย่าฟัง ฯ
ฝ่ายขุนวัณณะวิการชาญฉกาจ อภิวาทน์คำนับแล้วรับสั่ง พร้อมทั้งขุนโรคาประดาประดัง เรียกพลพรั่งพรูตามมาหลามทาง เที่ยวเลียบรอบขอบเขตต์สังเกตทั่ว เห็นคนมัวหลับใหลไม่ขัดขวาง ทวารหนึ่งเปิดอยู่หยุดดูพลาง แสงสว่างคนยามนั่งตามไฟ จึงหยุดดูฝูงชนคนทั้งหลาย จะทักทายพูดจาว่าไฉน เห็นพวกเลขเข้าเดือนเกลื่อนเวียงชัย ทำถามไถ่ว่าท่านไปแห่งใดมา ฯ
ฝ่ายพวกนายกิมิชาติพยาธิ์ร้าย ฟังภิปรายหยุดอยู่แลดูหน้า นึกหมายมั่นสำคัญว่าโจรา ลอบเข้ามาปล้นบุรินทร์ก็ยินดี อยากประจบคบค้าคนกล้าหาญ เหลือเดนทานจะได้กินทุกถิ่นที่ จึงพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี ว่าเรานี้พวกตำรวจเดิรตรวจยาม ก็ท่านนี้มีธุระจะไปไหน จึงซักไซร้พวกเราเฝ้าไต่ถาม หรือหากินในราตรีมีเนื้อความ จงบอกตามจริงไปอย่าได้กลัว ฯ
ขุนโรคฟังนึกกระหยิ่มยิ้มในหน้า อ้ายชาติข้าทะนงใจมิใช่ชั่ว จำจะทอดสนิทมันให้พันพัว คงได้ตัวรู้แยบคายว่าร้ายดี แสร้งพูดจาว่านี่แน่เพื่อนรัก เราจนนักยากแค้นแสนบัดสี ล้วนบ้านนอกคอกนาที่มานี้ ไม่มีที่จะหากินทางถิ่นใด จึงเที่ยวมาหาผู้ที่มีความคิด หวังเป็นมิตรเที่ยงแท้ช่วยแก้ไข ท่านเห็นคนปัญญามีอยู่ที่ใด ช่วยบอกให้ข้าพเจ้าเถิดเอาบุญ ฯ
กิมิชาติดีใจเหมือนได้ช่อง กะซิบพร้องสอนว่าเจ้าอย่าวุ่น แม้นใครเป็นโจราคนทารุณ ก็สมบูรณ์ผาสุกรวยทุกวัน เจ้านครของเรานี้ตระหนี่ทรัพย์ เหลือจะนับในคลังตั้งมหันต์ จะนำไปให้ดูรู้ไว้พลัน ของสำคัญต้องการคิดอ่านเอา ถ้าเศษเลยเหลือหรอขอแบ่งไว้ ได้เลี้ยงไพร่ถ้วนหน้าของข้าเจ้า ขอสัตย์มิตรอย่าให้ผิดตกถึงเรา จะพาเข้าในเวียงชัยดังใจจง ฯ
ขุนโรคาว่าจริงหรือเพื่อนเอ๋ย อย่าแคลงเลยถึงสาหัสไม่ซัดส่ง ต่างให้สัตย์สำคัญเป็นมั่นคง แล้วมาตรงเข้าวังหลวงล่วงครรไล ขุนโรคามาถึงทวาเรศร์ จึงอ่านเวทย์เดาะบานทวารไข เดิรตะบึงเข้าถึงปราสาทชัย เห็นนางในนอนกลาดดาษดา ต่างเข้าเปลื้องเครื่องแต่งกายทั้งหลายนั้น แล้วมายังแท่นสุวรรณอันเลขา เห็นพระองค์ทรงฤทธิ์มัวนิทรา กัลยาสองนางอยู่ข้างองค์ สองนายเมียงเข้าเคียงพระทรงศร เปลื้องอาภรณ์พร้อมพรั่งดังประสงค์ แล้วทุบตีโบยรันปั่นพระองค์ เก็บเครื่องทรงเครื่องใช้ได้พอการ สิ่งใดเหลือก็เป็นเหยื่อกิมิชาติ ด้วยหมายมาตรเก็บเอามาแลกอาหาร ต่างลงจากไพชยนต์หนีลนลาน สองทหารลัดแลงเที่ยวแฝงกาย ขุนโรคาชาญฉกาจฉลาดหลอก กะซิบบอกกิมิชาติเหมือนมาดหมาย เราขอขุดกำแพงวังฝังของร้าย ด้วยเหลือกายจะเอาไปเห็นไม่พ้น ครั้นกิมิชาติตอบความว่าตามจิตต์ ตามแต่คิดข้าไซร้ไม่ขัดสน ต่างเข้าขุดปราการไม่ทานทน ทั้งรื้อร่นเรื่อยไปจนไหวคลอน ฯ
ฝ่ายองค์ท้าวจิตตราชหวาดผวา เจ็บกายาวิปริตดังพิษศร พระองค์ช้ำเจ็บแสบแทบม้วยมรณ์ ยกกายกรไม่ถนัดโอ้อัศจรรย์ เหลือบแลดูว่าศัตรูจะอยู่ไหน ก็มิได้เห็นกายเหมือนหมายมั่น เงี่ยพระโสตฟังสำเนียงเวียงวังพลัน เสียงไหวหวั่นสั่นระรัวไปทั่วทิศ เรียกสองราชเทวีเจ้าพี่เอ๋ย กะไรเลยงามสรรพหลับสนิท พี่ประชวรจวนลับดับชีวิต แม่มิ่งมิตรจงช่วยพี่ด้วยรา ทั้งสองนางต่างตระหนกในอกหมอง เข้าประคองเคียงกายทั้งซ้ายขวา เห็นพระองค์ทรงสะท้านทั้งกายา โอ้ผ่านฟ้ามาเป็นประการใด อยากเสวยสุราหรืออาเพี่ยน ในมนเทียรหาง่ายได้แก้ไข ทั้งกัญชาบรั่นน้องสรรพ์ไว้ หมูเป็ดไก่เครื่องแกล้มมีแกมพร้อม สารพัตรเปรี้ยวหวานตระการรส อย่าทรงอดให้อาดูรทูลกระหม่อม บุราณว่าผู้ใดใครอดออม จะซูบผอมเหมือนไม่รักใคร่องค์ ถ้าแม้นรักกายาแล้วอย่าอด ของมีรสเร่งปองต้องประสงค์ อยากสิ่งไหนเสวยนั่นเครื่องบรรจง น้องจำนงถวายตามไม่ห้ามเลย ฯ
พระฟังสองยอดสร้อยละห้อยหวน แสนประชวรในอินทรีย์เจ้าพี่เอ๋ย จะถูกต้องสิ่งใดไม่แจ้งเลย เครื่องเสวยก็เหลือเต็มเบื่อเบือน ฯ
สองอนงค์ฟังองค์พระภูวนาถ นึกประหลาดหลากใจใครจะเหมือน เรียกแพทย์หลวงเข้ามาแก้ก็แชเชือน ไม่คลายเคลื่อนโรคาพระสามี ให้ลงมดลงท้าวกล่าวมุสา สองชายาเอออือนับถือผี บ้างจัดแจงแต่งตั้งเครื่องพลี สังเวยที่เทวาตามอารมณ์ ทุกเช้าค่ำเฝ้าร่ำแต่บวงสรวง เป็ดไก่งวงสิ่งละคู่หัวหมูต้ม เรียกหมอนวดหมอยามาทุกกรม ให้ระดมรักษาพยาบาล บ้างก็ว่าพระวาตากำเริบเต้น อีกพระเส้นรึงรัดถึงอัติสาร ส่งโอสถบดร่ำประจำงาน พระอาการมิได้หายคลายประชวร พระจิตตราชสุริยวงศ์องค์กษัตริย์ โทมนัสดิ้นโดยลงโหยหวน บรรทมเหนือแท่นสุวรรณทรงรัญจวน จะดึกด่วนถ้วนสิบนาฬิกา จะสิ้นเคราะห์เพราะบุญหนุนสนอง ให้ผุดผ่องสร่างทุกข์ถึงสุขา พอเคลิ้มหลับระงับพระวิญญาณ์ นิมิตต์ว่ามีนักสิทธิ์ฤทธิรงค์ เหาะเข้ามาทางหน้าพระแกลนั้น กล่าวถามปัญหาสองต้องประสงค์ ข้อหนึ่งของยาวนั้นให้บั่นลง หนึ่งสั้นคงให้ต่ออย่าท้อการ ให้พระองค์ทรงคิดประดิษฐ์ต่อ ทั้งสองข้อปัญหาที่ว่าขาน จะได้แก่สิ่งใดหนาคิดอย่านาน สามวันวารคิดมิได้ภัยจะมี แม้นดำริตริตรองถูกต้องแล้ว จะผ่องแผ้วล้ำเลิศประเสริฐศรี บอกสำเร็จเสร็จความตามคดี พระภูมีคลาไคลจากไพชยนต์ พระจอมจิตต์ภูวไนยตื่นไสยาสน์ หลากประหลาดในนิมิตต์คิดฉงน จำสุบินแม่นยำตามยุบล คิดขัดสนจะได้ใครให้ทำนาย นึกถึงสองโหรเฒ่ายิ่งเศร้าซ้ำ คะนึงคำแน่จิตต์ไม่คิดหมาย เราหลงลิ้นยุบลพวกคนร้าย เลยสั่งให้ขับไล่เขาไปลับ เหลืออยู่แต่มนตรียี่สิบห้า เจ้าปัญญาแก้ร้อนพอผ่อนดับ ทรงนึกได้แข็งพระทัยลุกประทับ จะให้รับเสนาเข้ามาใน เกรงสองนางถางถากด้วยปากร้าย พระเบื่อหน่ายนางทั้งสองไม่ผ่องใส แกล้งสั่งให้สองนางจากปรางชัย ว่าจงไปเทียบเครื่องเรืองตระการ นางฟังความยามตรมอารมณ์หวน ทั้งสองด่วนจรจรัลตามบรรหาร พระจิตตราชทรงสว่างสร่างรำคาญ ด้วยนงคราญจรดลไปพ้นพักตร์ เรียกเสนายี่สิบห้าเข้ามาเฝ้า แล้วตรัสเล่าความประชวรที่ด่วนหนัก ยังมิหนำซ้ำนิมิตต์หลากจิตต์นัก ไม่ประจักษ์จนบัดนี้ว่าดีร้าย พลางเล่าความถามนิมิตต์คิดกังขา สองโหรานั้นก็ขับไปลับหาย จะได้ใครกล่าวคำช่วยทำนาย พอให้คลายสงสัยในกมล ฯ
ฝ่ายเสนีเหล่านั้นฟังบรรหาร กราบทูลสารทรงเดชตามเหตุผล ว่าต้องเคราะห์เพราะขุนนางสิบสี่คน แกล้งกล่าวกลยุตะบึงจึงเสียความ พระจอมพงศ์ทรงศักดิ์ดังหลักโลก ประชวรโรคเพราะอมิตรคิดหยาบหยาม ข้าศึกนอกมาประชิดคิดสงคราม เพราะเสี้ยนหนามศัตรูอยู่ภายใน อันศัตรูทั้งสองมองไม่เห็น จึงเกิดเข็ญวิปริตผิดวิสัย ซึ่งพระองค์ทรงนิมิตต์แม้นคิดไป ก็อยู่ในสิ่งที่มีมงคล อันพระสังฆราชผู้รู้วิเศษ ท่านทราบเหตุสารพัตรไม่ขัดสน นามพระธรรมมุนีมีเวทย์มนตร์ แจ้งเหตุผลจะมีดีและร้าย ขอเดชะพระองค์ดำรงภพ ทรงปรารภคำประมูลทูลถวาย นิมนต์สังฆราชามาธิบาย คงทำนายนิมิตต์สมอารมณ์ปอง ท่านชำนาญฌานกล้าปรีชาหาญ เป็นอาจารย์หม่อมฉันนั้นทั้งผอง จะดับพระโรคาฝ่าละออง อย่าหม่นหมองพระอุราฝ่าธุลี ฯ
ได้ทรงฟังดังอมฤตรด พระทรงยศสั่งสนองด้วยผ่องศรี ขุนศรัทธานิมนต์มาบัดเดี๋ยวนี้ จะแก้ที่ทุกข์ช้ำระกำทรวง ฯ
อำมาตย์รับวาทีชุลีหัตถ์ แล้วรีบรัดพร้อมพรั่งจากวังหลวง เดิรมิได้หยุดยั้งสิ้นทั้งปวง เลยลุล่วงมรรคาถึงอาราม นิมนต์พระสังฆราชให้คลาดแคล้ว ครองผ้าแล้วรีบครรไลมิได้ขาม พาเข้ายังปรางมาศนั่งอาสน์งาม แล้วกล่าวความถวายพรภูธรเธอ ฯ
กรุงกษัตริย์ทรงนมัสการกราบ ให้เอิบอาบฤดีไม่มีเสมอ เรียกเสนีปฏิบัติพัดบำเรอ แล้วท้าวเธอแจ้งความตามอาดูร ว่าเดิมทีธานีของโยมนั้น สารพันยับไปทั้งไอสูรย์ ครั้นเยียวยายิ่งวิบัติปฏิกูล โยมยิ่งพูนเพิ่มทุกข์ไม่สุขเลย เข้าไสยาสน์หวาดหลับอยู่กับที่ เหมือนถูกตีล้มทับกับเขนย คิดรักษายาหยูกไม่ถูกเลย ทั้งไม่เคยฝันเห็นก็เป็นไป นิมิตต์ว่าดาบสพระองค์หนึ่ง เข้ามาถึงแท่นรัตน์ตรัสปราศรัย ถามสองข้อปริศนาท่านว่าไว้ ข้อหนึ่งไซร้ยาวอยู่ให้ดูทอน ข้อหนึ่งนั้นให้ต่ออย่าท้อจิตต์ ให้ตรองคิดในสามวันจะผันผ่อน พระฤาษีสั่งเสร็จระเห็ดจร โยมเร่าร้อนกลุ้มจิตต์ตื่นนิทรา ไม่ทราบความตามทำนองจึงหมองศรี เหตุร้ายดีเป็นไปไฉนหนา หรือจะต้องโพยภัยในพารา จงโปรดข้าเชิญแสดงให้แจ้งพลัน ฯ
ท่านพระสังฆราชาสดับเหตุ รู้วิเศษตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ จึงถวายพรองค์พระทรงธรรม์ ว่าอย่าหวั่นพรั่นใจด้วยภัยพาล ด้วยกุศลพระองค์มีเป็นเป็นที่พึ่ง จึงทรงซึ่งนิมิตต์เห็นเป็นแก่นสาร อาตมาจะกล่าวธรรมล้ำโอฬาร ขอภูบาลทรงฟังตั้งอารมณ์ เชิญท้าวไทยธิบดินทร์ทรงศีลห้า แต่ปาณาแรกเริ่มเดิมประถม ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตคิดนิยม แล้วอบรมเมตตจิตต์ติดต่อไว้ อทินนาสิกขาสองต้องตามหลัก ห้ามฉ้อลักทรัพย์ที่เขามิให้ สิกขาสามห้ามเมียเขาอย่าเบาใจ พระอย่าได้ก่อเวรามิจฉาจาร สิกขาสี่ห้ามวจีมุสาวาท อย่าประมาทกล่าวเท็จเหตุโวหาร สิกขาห้าห้ามสุราเมรัยการ อย่าพ้องพานทำผิดกิจวินัย รวมเป็นเบญจศีลาสิกขาบท เชิญทรงยศจำให้มั่นอย่าหวั่นไหว เปรียบประดุจเกราะแก้วอันแววไว ผู้ใดใส่สวมทรงเป็นมงคล ถือเมตตาปราณีขันตีมั่น รบประจัญข้าศึกอกุศล ไล่ตัณหาอวิชชาทรชน อย่าให้วนเวียนอยู่ด้วยภูธร อนึ่งพระสรณคมน์บรมรัตน์ รูปจะจัดชี้แจงแสดงสอน ให้สว่างเป็นทางโลกอุดร ละนิวรณะธรรมสำรวมกาย ตามพระพุทธฎีกาโอฬาร์ล้ำ รักษาธรรมมั่นไว้อย่าให้สลาย ถือพระสรณะเลิศอันเพริศพราย รีบขวนขวายเป็นธุระอย่าระอา คุณพระรัตนตรัยเป็นใหญ่ยอด โปรดตลอดเขตต์แขวงทั่วแหล่งหล้า ถึงชีวาตม์จะขาดจากกายา จงยึดพระสรณาให้มั่นคง อนึ่งควรตรองใจไว้ในวิถี ตามวิธีอาจารย์ท่านประสงค์ อย่าให้เกิดฟุ้งซ่านการพะวง มโนปลงบากบั่นหมั่นพากเพียร ในทานศีลภาวนาสามประเภท ซึ่งเป็นเหตุให้จิตต์สถิตเสถียร อยู่ในหนทางตรงไม่วงเวียน พ้นเบียดเบียฬร้ายทั้งมวลซึ่งควรกลัว ด้วยใครมีคุณธรรมประจำจิตต์ ย่อมศักดิ์สิทธิ์เหมือนมงคลอยู่บนหัว แม้อันตรายความตายมาถึงตัว ก็ไม่กลัวภัยแพ้แก่มรณา ด้วยถือมั่นถึงชีวันจะปลดปลิด ก็ได้ปิดอบายไว้แน่นหนา ขอพระองค์ทรงเดชเกศประชา จงรีบหาสิ่งขจัดบำบัดภัย อนึ่งในข้อที่พระองค์ทรงนิมิตต์ จะเปลื้องปลิดชี้ให้หายสงสัย ที่ยาวนักให้บั่นข้อนั้นไซร้ คือทุกขสัจจ์มีนัยเป็นธรรมดา ชาติทุกข์ทุกข์นี้มีแต่ต้น ปฏิสนธิ์คัพโภทรอ่อนนักหนา เท่าขนจามจุรีที่กล่าวมา โลหิตาเป็นสายละลายไป ถึงเจ็ดครั้งตั้งมั่นเป็นปัญจกะ เกิดทุกขะเวทนาไม่ปราศรัย อุปมาหนอนเกิดกำเนิดใน บ่อคูถไซร้จะประมาณก็ปานกัน ทนเทวษเป็นเหตุด้วยคับแคบ นั่งในแบบผินหน้าเข้าหาสัน ของมารดาทรมาน์อยู่ในครรภ์ เกิดด้วยกันกับรกเป็นรากมา มือกอดอกงอเข่าดังเขามัด เหมือนรึงรัดใส่ถุงไถ้ให้แน่นหนา ถ้วนทศมาศพร้อมธาตุจึงยาตรา ออกจากครรภ์มารดาตามว่าไว้ เรียกเป็นเทวทูตเดิมเริ่มประถม ชี้ให้สมเห็นความตามวิสัย ถ้าใครปลงลงแท้แน่แก่ใจ ทุกข์นี้ไซร้ก็จะเห็นเป็นธรรมดา ทุกขักขันธ์เหมือนกันทั้งเราเขา เมื่อแรกเล่าไม่เข้าใจในภาษา จึงกลิ้งเกลือกเสือกไขว่อยู่ไปมา ทั้งกายาเปื้อนมูตรและคูถปม ครั้นอยากนมอยากน้ำก็ร่ำร้อง ถึงเจ็บท้องก็ไม่แจ้งแห่งนุสนธิ์ พูดมิออกบอกมิได้จำใจทน ต้องร้องให้ดิ้นรนกะวนกะวาย ทุกข์ที่สองรองมาชราร่าง ไม่เว้นว่างเดือนวันที่มั่นหมาย อายุเปลืองคร่ำคร่าห์ชรากาย เคยสบายครั้นแก่ก็แปรปรวน ทั้งตามืดหูหนักฟันหักหมด กายก็ขดกำลังน้อยถดถอยถ้วน เทวทูตที่สองมาปองกวน ว่าจะจวนถึงข้อมรณา ทุกข์ที่สามนามมรณทุกข์ เข้าถึงยุคร่างกายวายสังขาร์ ย่อมขึ้นพองหนองในไหลออกมา ทั้งแร้งกาหมู่หนอนเข้าฟอนกิน สำหรับจมถมสุธาน่าอนาถ เกิดเป็นอาตม์มาแล้วไม่แคล้วสิ้น ถึงมนุษย์เทวัญชั้นพรหมินทร์ คงจะสิ้นชีพทั่วทุกตัวคน ทุกข์ที่สี่นี้หรือคือโสกะ ย่อมปะทะอั้นอัดคิดขัดสน ปริเทวะเล่าซ้ำเข้าปน คือพร่ำบ่นโศกซ้ำเฝ้าคร่ำครวญ อันทุกข์เจ็บกายนี้เป็นที่หก ดังใครชกตีโบยไห้โหยหวน เหลือที่สัตว์จะทนได้หลายกระบวน เจ็ดจำนวนทุกขะโทมนัสส์ คอยเบียดเบียฬจิตต์ใจมิให้สุข ต้องทนทุกข์เศร้าหมองคิดข้องขัด อุปายาสคับแค้นแสนรึงรัด ให้กลุ้มกลัดในอารมณ์ไม่สมคิด อัปปิเยหิซ้ำประจำเก้า ประจวบเข้าอารมณ์ใดไม่ชอบจิตต์ กะทบกะทั่งดังว่าปัจจามิตร ให้แค้นจิตต์แค้นใจมิได้วาย ปิเยหิวิปโยคะทุกขะ สิเนหะแสนสวาทญาติสหาย มานิราสแรมร้างไปห่างกาย หรือล้มตายก็ตั้งหน้าโศกาลัย ทุกข์สิบเอ็ดเสร็จกิจยัมปิจฉัง ความทุกข์ตั้งเติมต่อเป็นข้อใหญ่ ปรารถนาในอารมณ์ไม่สมใจ ก็คลั่งไคล้จนวิตกหัวอกตรม ทุกขสัจจ์เบ็ดเสร็จสิบเอ็ดนี้ ดังรูปชี้แจงจริงทุกสิ่งสม ย่อมมีทุกรูปนามตามนิยม ถึงอินทร์พรหมไม่เว้นตัวทั่วโลกา ถวายความตามที่อริยสัจจ์ ที่สองถัดจะรำพันในตัณหา มัดผูกมัดรัดรึงคอยตรึงตรา ดลวิญญาณ์ให้ทะยานการโลกีย์ ท่านกล่าวตามนามว่าตัณหาสาม หนึ่งคือกามตัณหามาเสียดสี ในรูปเสียงกลิ่นรสปรากฏมี หลงยินดีอภิรมย์เฝ้าชมเชย พัสดุเงินทองของทั้งหลาย ต่างมุ่งหมายถือมั่นเจียวท่านเอ๋ย ทะยานอยากปรารถนาไม่ว่าเลย ร่ำภิเปรยไม่รู้สุดสมุททัย ทั้งภวตัณหาเล่าก็เฝ้าต่อ ให้เกิดก่อหนุนเนื่องสร้างเมืองใหม่ วิภวตัณหาคอยพาใจ ให้อยากไม่มีเป็นเห็นทะยาน อวิชชาพาใจให้ใหลหลง ต้องเวียนวงเที่ยวไปในสงสาร ไม่พ้นชาติชราพญามาร ต้องทนทานเจ็บป่วยและม้วยมรณ์ ส่วนนิโรธสัจจ์นี้เป็นที่สาม จะแจ้งความเชิญจำตามคำสอน จงทิ้งขว้างวางตัณหาอย่าอาวรณ์ และตัดรอนอวิชชาอย่าคิดรัก แม้ตัดตัวอวิชชาตัณหาแล้ว จะผ่องแผ้วล้ำเลิศประเสริฐศักดิ์ ได้ถึงที่พระนิพพานสำราญนัก ด้วยองค์มัคคสัจจ์อัษฎางคิก์ อันปริศนาว่าไว้สั้นให้ต่อ ได้ในข้อแปดองค์จงสืบสาง คือสัมมาทิฏฐิตริอย่าวาง เห็นชอบทางสัจจะสี่ประการ มีปรีชาแจ้งในพระไตรลักษณ์ ไม่พะวักพะวงหลงในสงสาร เห็นเป็นอนิจจังสิ้นทั่วดินดาล ซ้ำถึงกาลทุกขพิบัติอนัตตา สองสัมมาสังกัปปะพระท่านสอน ให้โอนอ่อนน้อมในไตรสิกขา ตรึกในอันละกามตามธรรมา วิหิงสาพยาบาทขาดเป็นจุล คิดแต่ที่จะเปลื้องตนให้พ้นทุกข์ เสวยสุขเนกขัมม์ตามเกื้อหนุน มิได้อิงอามิสติดกามคุณ จัดเป็นบุญญขันธ์อันโอฬาร องค์สัมมาวาจานี้เป็นที่สาม ไม่หยาบหยามกล่าวสุนทรล้วนอ่อนหวาน ละพูดปดเป็นกลเช่นคนพาล ไม่สามานย์ด่าทอต่อผู้ใด เลิกส่อเสียดเกลียดชังคนทั้งสิ้น คิดถวิลด้วยเมตตาอัชฌาสัย ทิ้งตลกคะนองลำพองใจ พูดแต่ในวจีสัจจ์บรรทัดตรง องค์สัมมากัมมันโตโดยโวหาร คือทำงานชอบไว้อย่าให้หลง อย่าฆ่าสัตว์ทุกชนิดให้ปลิดปลง ตั้งดำรงวิจิตรไว้ในเมตตา อทินนาอย่าลักซึ่งสิ่งของ และเว้นคลองทุจริตในมิจฉา เจริญพรตพรหมจรรย์จรัญญา คิดตรึกตราสุจริตในกิจกาย อนึ่งสัมมาอาชีวะท่านกะห้าม จะตั้งความเลี้ยงชีวาคิดค้าขาย อย่าโกงคดปดเล่ห์เพทุบาย อนึ่งอย่าขายสัตว์ที่มีชีวิต อันยาเบื่อและสุราทั้งอาวุธ ตัดให้หยุดอย่าปองขายของผิด ประพฤติชอบประกอบไว้ให้เป็นนิตย์ เลี้ยงชีวิตให้สวัสดิ์สัจจ์ธรรม์ องค์สัมมาวายาโมอันโสภาค คือเพียรมากเพิ่มผลกุศลขันธ์ เร่งละบาปบำเพ็ญบุญให้หนุนกัน ตัวบาปนั้นคือเสนีสิบสี่นาย คือโมหะคอยรุมให้ลุ่มหลง ยุให้งงไม่รู้จริงสิ่งทั้งหลาย และโทโสกริ้วโกรธพิโรธร้าย ทั้งตัวนายตระหนี่มัจฉริยัง มันยุยงให้พระองค์หลงห่วงทรัพย์ มิให้จับจ่ายได้เหมือนใจหวัง ทั้งสองนายถีนังและมิทธัง มักให้นั่งเคลิ้มเขลาห่วงหาวนอน อหิริดังตัวภัยไม่อายบาป ยุให้หยาบวายวุ่นขุ่นกระฉ่อน ทั้งอโนตตัปปะเล่าคอยเฝ้าวอน ให้ยอกย้อนทำบาปที่หยาบคาย อุทธัจจังกุกกุจจังสิ้นทั้งสอง มันคอยมองอกุศลวนใจหาย ให้ฟุ้งซ่านรำคาญใจไม่สบาย อีกตัวนายอิจฉานี้อาธรรม์ เจ้าโลภะคือโลภละโมบมาก ทะยานอยากได้จริงทุกสิ่งสรรพ์ ทิฏฐิชักให้เห็นผิดคิดดึงดัน มโนนั้นมิใช่ชั่วถือตัวตน เจ้าวิจิกิจฉาพาสงสัย ให้หลงใหลวุ่นวายฝ่ายอกุศล บาปธรรมสิบสี่นี้ทรชน อย่าปะปนคบค้าสมาคม ส่วนมิตรแท้อย่าหลบควรคบหา คือเสนาฝ่ายผลกุศลสม ยี่สิบห้ามีคุณาวโรดม สิ่งประถมยึดศรัธาให้กล้าใจ และปัญญาดีเลิศประเสริฐสุด จะวิมุตติ์ถึงสุขทุกข์กษัย เจริญสัมมัปปธานเจือจานไป บุญสิ่งใดไม่เคยสร้างจงร่างทำ กุศลใดเคยทำทำให้ยิ่ง จะเป็นสิ่งตามทำนุอุปถัมภ์ บาปสิ่งใดที่สถิตติดประจำ เร่งวิกขัมภน์ขับไล่ให้ไกลกาย องค์สัมมาสติดำริชอบ คิดประกอบธรรมขันธ์จิตต์มั่นหมาย อนุสสติสิบนั้นท่านบรรยาย จะถวายพระพรความตามบาลี คือพุทธะธัมมะสังฆะนั้น ยึดให้มั่นสามรัตน์จรัสศรี ทั้งสีลาจาคะเพิ่มทวี จะเป็นที่นำตนให้พ้นภัย เทวตามรณานุสสติ จงเร่งตริตรึกตรองให้ผ่องใส ทั้งกายคตานั้นหมั่นปลงใจ อนึ่งในอานาปาน์อุตส่าห์ทำ อุปสมาสติตรึกให้ลึกซึ้ง คือคิดถึงคุณนิพพานการเนกขัมม์ และสติปัฏฐานสี่นี้ยอดธรรม จะชักนำถึงนิพพานสำราญใจ องค์ที่แปดสัมมาสมาธิ คือจิตต์ตริตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ละนิวรณธรรมรำงับไป แอบแนบในจตุรูปฌาน อันดำรงองค์ห้าดังสาธก คือวิตกวิจารณสุขเกษมสานต์ ปีติเอกัคคตาห้าประการ เครื่องประหารคู่ปรับกับนิวรณ์ ทุติยฌานที่สองรองลำดับ องค์สามนับตามกะทู้อุทาหรณ์ ละวิตกวิจารณได้ไม่อาวรณ์ เหลือแต่ตอนปีติสุขเอกัคคตา ตติยฌานที่สามตามกำหนด ปีติหมดดวงจิตต์ติดสุขา และเอกัคคตาจิตต์ยังติดมา สุขุมกว่าปฐมทุติยฌาน องค์ที่สี่สุดจตุตถะ ละสุขะผ่องใสอย่างไพศาล กลับเป็นอุเบกขาปรีชาญาณ นับสองประการทั้งเอกัคคตา เป็นจิตต์ดิ่งนิ่งแน่และประณีต เกือบถึงขีดโลกุดรนอนสุขา ในฌานสี่ที่ชี้แจงแสดงมา ใครตั้งหน้าบำเพ็ญให้เป็นไป จะบำบัดอุปัทว์อันแรงร้าย ให้เหือดหายลุสุขทุกข์กษัย เป็นต้นทางถึงนิพพานสำราญใจ จงจำไว้ตามคำรูปรำพัน ฯ
จิตตราชจักรพงศ์องค์กษัตริย์ สดับอรรถปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ ทรงศรัทธาเลื่อมใสที่ในธรรม จึงจัดสรรเครื่องบูชาโอฬาฬาร ถวายไตรแพรกาสาวพัตร์ ของอื่นจัดเต็มที่บริกขาร ศิโรราบกราบก้มนมัสการ สร่างรำคาญโศกเศร้าเบาพระทัย แสนชื่นฉ่ำดังน้ำอมฤต มาพรมจิตต์ดับหมองให้ผ่องใส ประชวรหายคลายมัวสิ้นกลัวภัย ดุจได้ยาทิพย์หยิบชะโลม เกิดปีติเลื่อมใสพระทัยแผ้ว ดังได้แก้วชุบองค์ให้ทรงโฉม มีศรัทธาปราโมทย์มาโนชญ์โน้ม จึงว่าโยมสิ้นระแวงแคลงวิญญาณ์ จะจดจำคำพระสละบาป ไม่หยามหยาบอยากเป็นญาติพระศาสนา ทั้งศีลทานการกุศลผลเมตตา จะรักษามิให้หน่ายคลายอารมณ์ คิดหลีกลี้หนีพวกอกุศล ไม่ระคนปนปะให้สะสม สละห่วงบ่วงรึงที่ตรึงตรม จะนิยมสรณาดังวาที อนุสสรคำนึงถึงพระพุทธ ประเสริฐสุดทุกเวลาเป็นราศี และพระธรรมล้ำเลิศในโลกีย์ ทั้งอริยสงฆ์ผู้ทรงญาณ และตั้งจิตต์คิดในพระไตรลักษณ์ ให้ประจักษ์อนิจจังในสังขาร ทั้งทุกขังอนัตตาเป็นสาธารณ์ ไม่ทะยานคิดเห็นเป็นตัวตน เพื่อกำจัดตัดรักผลักตัณหา ที่ชักพาวนไปให้เสียผล ขอพระคุณกรุณาอย่าจรดล โปรดนิมนต์อยู่ด้วยกันทุกวันวาร หากลืมหลงได้เป็นเพื่อนเตือนสติ ให้ดำริข้ามห้วงบ่วงสงสาร เสร็จสุนทรอ่อนเกศนมัสการ นฤบาลเอื้อนยุบลสั่งมนตรี ว่าท่านทั้งยี่สิบห้าสามิภักดิ์ ช่วยนำชักเราให้หายทุกขี จงตั้งใจในกตเวที ให้เป็นศรีสุขสวัสดิ์กำจัดพาล ช่วยระวังระไวไว้ให้มั่น สองนางนั้นอย่าให้มาถึงหน้าฉาน ทั้งตัณหาอวิชชาคนสาธารณ์ ไล่รุกรานไปให้พ้นมณฑลเรา ขุนนางพวกอีกาลีสิบสี่นั้น อย่าให้มันมาได้ในที่เฝ้า ทั้งร้อยแปดพันห้าคอยฆ่าเรา อย่าให้เข้าอาศัยในนคร เจ้าเป็นพวกรักษาองค์จงอุตส่าห์ คอยตรวจตราอย่าพลั้งดังพระสอน อย่าคบค้าจงขจัดรีบตัดทอน เหมือนช่วยถอนหนามรกที่อกเรา ฯ
ฝ่ายมนตรียี่สิบห้าอุรารื่น ต่างชุ่มชื่นอารมณ์กราบก้มเกล้า รีบออกมาเกณฑ์ทำตามสำเนา ระวังเฝ้าล้อมวงมั่นคงดี ฯ
ส่วนพระองค์ทรงฤทธิ์จิตตราช พักตร์ผุดผาดหายหมองจิตต์ผ่องศรี ปรารภทานการสร้างพระบารมี สั่งเสนีจาคะเจ้ากระทรวง ว่าเรามอบอาชญาสิทธิ์ดังจิตต์หวัง ไปไล่มัจฉริยังขุนคลังหลวง แล้วขนเอาเงินทองของทั้งปวง แม้นใครล่วงว่าขานผลาญให้ยับ เราจะพาท่านไปให้ทั่วทิศ อย่าได้คิดเสียดายให้กลายกลับ เดชะบุญหนุนส่งคงไม่ลับ เครื่องสินทรัพย์จะให้ผลตามตนไป ฯ
ขุนจาคะสดับอภิวาท รีบคลาคลาดตรงมาหาช้าไม่ ไล่ขุนมัจฉริยังจากคลังใน พลางเข้าไขกุญแจพลันมิทันนาน ฯ
ฝ่ายขุนมัจฉริยังแค้นคั่งนัก โกรธฮึกฮักตอบโต้ด้วยโวหาร ไฉนเอ็งอาจอุกไล่รุกราน พนักงานคือเราเคยเฝ้ามา พระเทวีมเหสีสิ้นทั้งคู่ นับถือกูเป็นพระญาติวงศา วางพระทัยให้ระวังคลังนานา ไยเอ็งมาบุกรุกไล่คุกคาม กูก็ดีมีฝีมือเขาลือล่ำ รู้เก็บงำขวายขวนออกล้นหลาม เอ็งอย่าเสือกสู่รู้ทำวู่วาม จะเกิดความฉิบหายตายด้วยนา ฯ
ขุนจาคะโต้ตอบประกอบแก้ เอ็งถือแต่รับสั่งนางตัณหา กูรับสั่งจิตตราชกษัตรา มิดีกว่ามึงหรืออย่าถือตัว ที่กูถือคือพระแสงอาชญาสิทธิ์ ใครถือผิดแข็งขัดให้ตัดหัว จนไสคอก็ไม่ไปหรือไม่กลัว ไม่รักตัวรักคอก็ว่ามา ตวาดพลางง้างกุญแจแร่เก็บของ ทั้งเงินทองแก้วแหวนแสนมีค่า เอาออกกองเกลื่อนกลาดดาษดา เที่ยวค้นคว้าหาทั่วไม่กลัวใคร มัจฉริยังแค้นอุราหน้ากระหมวด แสนเจ็บปวดแทบว่าเลือดตาไหล จะดึงดื้อถือเคร่งก็เกรงภัย แสนอาลัยใจละเหี่ยสุดเสียดาย เห็นทรัพย์สินเครื่องสุวรรณหิรัญรัตน์ สารพัตรจะไกลน่าใจหาย เสียแรงเก็บแต่ปู่ย่าชั่วตายาย ต้องแจกจ่ายจากคลังเสียครั้งนี้ จะหวงไว้ใช้ของตัวก็กลัวผิด เป็นจนจิตต์ด้วยอาชญาจำล่าหนี มานะเถียงเสียงเกนพอเป็นที ได้ดูดีกันซีวะอย่าทะนง จะทูลสองนงลักษณ์อัคเรศร์ ให้ทราบเหตุเรื่องคลังดังประสงค์ เอ็งรักษาศีรษะไว้ให้มั่นคง คลังหมดลงแล้วจะต้องร้องขอทาน ฯ
ขุนโลโภนายรองเห็นของเกลื่อน วิ่งหน้าเฝื่อนมาช่วยเถียงเสียงฉาดฉาน ชะ ! เจ้าขุนบริจจาคอยากให้ทาน ไม่กลัวกาลเมื่อจะอดยามหมดม้วย อันในคราวจะหาของมาไว้ ไม่มีใครผูกจิตต์คิดจะช่วย หากเราขนเข้ามาใส่จึงได้รวย จะมาฉวยเอาไปข้าไม่ยอม ทั้งขุนมัจฉริยังเขาตั้งเก็บ สู้เหนียวเหน็บยากแค้นแสนถนอม บัดนี้เจ้าจะเอาไปเสียให้พร้อม ใครจะยอมให้นั่นขันสิ้นที ฯ
ขุนจาคะได้ฟังพลางตรองตริ ว่ามัจฉริย์ชาติชั่วตัวตระหนี่ ทั้งโลโภอยากได้ใช่คนดี จะพาทีตอบวาจาก็ช้าการ นึกพลางง่าเงื้อดาพวะวาบแสง ทำทีแผลงฤทธิไกรไล่ประหาร เจ้าขุนคลังสองคนวิ่งรนลาน ไม่ต่อต้านร้องด่าหนีคลาไคล มาทูลองค์อวิชชาตัณหาสมร ตามเรื่องร้อนย่อยยับต้องขับไล่ ขุนจาคะทำคุมเหงไม่เกรงใจ เข้าเปิดไขคลังทำตามจำนง ทั้งกล่าวอ้างแอบรับสั่งตั้งกะทู้ ตะคอกขู่ทุ่มเถียงจนเสียงหลง ว่าไม่เกรงนวลละอองทั้งสององค์ ซ้ำไล่ส่งข้านี้ต้องหนีมา ฯ
สองอนงค์ทรงฟังขุนคลังบอก ดังหนามยอกแทงกายทั้งซ้ายขวา วิ่งทะลึ่งตึงตังประดังมา ถึงชาลาปราสาทชัยดังใจปอง เห็นพวกรักษาองค์ล้อมวงไว้ จะขึ้นไปไม่ถนัดเขาขัดข้อง นางชี้นิ้วกริ้วโกรธพิโรธร้อง อย่าจองหองเกเรอ้ายเสนี มากางกั้นปั้นล่ำทำสู่รู้ บังคับกูผู้เป็นมเหสี มึงเป็นไพร่ตัวต่ำทำถือดี จะข่มขี่ฉันใดกูไม่เกรง พลางร้องทูลภัสดานราราช ว่าอำมาตย์มันรุมกันคุมเหง ตั้งกะทู้ขู่ตะคอกออกครื้นเครง มิได้เกรงอาชญาฝ่าละออง บ้างทะลึ่งอึงอื้อถือรับสั่ง ไล่ขุนคลังคนดีหนีทั้งสอง ขนเอาสิ้นทรัพย์สินและเงินทอง รื้อเอาของเกลื่อนกลาดทำอาจองค์ ทูลเท่าไรท้าวไทยจิตตราช ไม่ประภาษซ้ำให้ขับไล่ส่ง ปิดทวารดาลลั่นเสียมั่นคง ไม่พะวงคำสนองของนงคราญ ฯ
ฝ่ายพวกเหล่ายี่สิบห้าเสนามาตย์ ได้โอกาสพระองค์ดำรงสถาน ต่างขับสองอรทัยไล่รุกราน สองเยาวมาลย์หยาบช้าด่าว่าพลาง พวกเสนาว่าอุเหม่มเหสี มาเซ้าซี้อุธทัจจ์คอยขัดขวาง ขืนเข้ามาจะทุบถองทั้งสองนาง จะต้องครางออดๆไม่รอดตน จงรีบไปให้พ้นนางคนถ่อย อย่าตะบอยด่าว่าเป็นบ้าบ่น สองวางเถียงเสียงขรมเหมือนลมวน หมู่ขุนพลไล่ขว้างวิ่งวางไป ฯ
ฝ่ายจาคะเห็นใครไม่มาห้าม พยายามเก็บของล้วนผ่องใส เลือกสรรที่ดีล้นให้ขนไป ถวายไทธิบดินทร์นรินทร ฯ
จักรพงศ์ได้ทรงทอดพระเนตร ภูธเรศร์สุดแสนสโมสร ให้ร้องป่าวชาวพาราประชากร ราษฎรถ้วนหน้ามาทั้งนั้น ทรงทำทานจะประมาณนับมิได้ คนยากไร้ได้ดีมีมหันต์ เลี้ยงพระสงฆ์ทรงอุททิศเป็นนิจรันดร์ สารพันถวายของเนืองนองครบ แล้วแจกปันรางวัลหมู่อำมาตย์ ทั้งนักปราชญ์ผู้แสดงรู้แจ้งจบ ที่เป็นจิตต์มิจฉาไม่ค้าคบ ทรงปรารภแต่กำจัดพวกศัตรู ฯ
ฝ่ายขุนโหรสองศรีผู้วิเศษ ได้ทราบเหตุทรงศักดิ์ประจักษ์หู ยินดีด้วยภูวดลเป็นพ้นรู้ ต่างมาสู่ที่เฝ้าเจ้าพารา ฯ
กรุงกษัตริย์ทอดทัศนาเห็น ว่าเพื่อนเข็ญไม่ลับกลับมาหา ทรงต้อนรับปราศรัยอยู่ไปมา เรียกเสื้อผ้าเงินทองของประทาน ฯ
โหรประณตบทศรียินดีนัก แสนสมัครปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ หมั่นเข้าเฝ้าทรงฤทธิ์เป็นนิจจกาล ทุกวันวารเช้าเย็นไม่เว้นวาย คอยทูลเตือนให้พระองค์ทรงสิกขา สร้างวัดวาพร้อมพรั่งทั่วทั้งหลาย แล้วหลั่งทักษิโณทกยกภิปราย แจกจำหน่ายบุญญาทั่วธาตรี ฯ
ฝ่ายเทวัญอันรักษาเศวตฉัตร ทราบรหัสสรรเสริญเจริญศรี ชวนกันช่วยโมทนาบารมี ด้วยปราณีปิ่นกษัตริย์ขัตติยวงศ์ เข้าดลจิตต์หลวงชราพยาธิ ให้ดำริเห็นผลกุศลส่ง รอทัพไว้ยังไม่รณรงค์ เมตตาองค์ขัตติยาเจ้าธานี ฯ
เวลาหนึ่งเป็นวันพระเข้าพรรษา พระเถราฉันในวังนรังษี เคยรู้จักกับพระคุณธรรมมุนี ปัญญาดีสี่องค์พงศ์พระครู องค์หนึ่งนามสมถกัมมัฏฐาน แสนเชี่ยวชาญเรืองชัยใครไม่สู้ องค์หนึ่งนามวิปัสสนาเหมือนตราชู ตรัสรู้ธรรมะสารพัตร องค์หนึ่งนามขันตีมีอดกลั้น ไม่หวาดหวั่นพรั่นในภัยพิบัติ องค์หนึ่งนามตะปเดชชะมัด คอยนำสัตว์สู่สถานอันบวร ทั้งสี่องค์ปรีชาล้วนสามารถ ศิลปศาสตร์เรืองไชยดังไกรสร แม้นใครฝากกายาก็พาจร ให้หลุดถอนพ้นได้จากภัยยัน ฯ
พระสังฆราชแลพบประสพพักตร์ ยินดีนักดังได้ไปสวรรค์ กล่าวสุนทรธรรมสากัจฉากัน แล้วผินผันถวายพรสอนภูมินทร์ ให้นิมนต์สี่องค์ทรงสิกขา ต่อนาวาพาข้ามกระแสสินธุ์ ออกจากห้วงล่วงพ้นซึ่งมลทิน หมู่อรินทร์เข็ดขยาดไม่อาจตาม ซึ่งสองทัพที่มาติดประชิดอยู่ พอจะสู้รบไปมิได้ขาม แต่กองทัพมรณากล้าสงคราม เป็นทัพสามราวกับเสืออันเหลือร้าย ถึงใครมีฤทธีสักเพียงไหน สู้ไม่ได้ทั้งนั้นอย่ามั่นหมาย แม้นหนีสู่เมืองแก้วอันแพรวพราย อันตรายสงครามตามไม่ทัน หากมหาบพิตรคิดหลีกหนี เป็นความดีถูกทางอย่างมหันต์ รูปจะไปเป็นเพื่อนองค์พระทรงธรรม์ ไม่ทิ้งกันเลยบพิตรอย่าคิดแคลง ฯ
จักรพงศ์ทรงฟังพระสังฆราช อภิวาทน์รับคำร่ำแถลง ขอพระคุณสี่องค์จงจัดแจง นิมนต์แต่งนาวาข้ามสาคร ฯ
ทั้งสี่องค์พระอาจารย์ชาญสันทัด ฟังกษัตริย์สุดแสนสโมสร จึงเอื้อนโอษฐ์อธิบายถวายพร เชิญภูธรสดับธรรมคำวินัย พลางจับวาลวิชชนีอันวิเศษ ถวายเทศน์ทางแปลแก้สงสัย ซึ่งนาวาที่จะพาให้พ้นภัย ใช่อื่นไกลคือทศบารมี เอาวิริยะปรารภเริ่มกุศล เป็นกองพลห้อมล้อมให้พร้อมที่ สรณะศีลทานการยินดี เป็นท้องที่อับเฉาเข้าสะเบียง อนึ่งในชลธารกันดานสุด จัดบุรุษที่ชำนาญการหลีกเลี่ยง สติเป็นนายท้ายไม่เอนเอียง รู้บ่ายเบี่ยงเลี้ยวลัดตัดทางเรือ อันเมตตาสามารถคอยวาดคัด ท่านชี้ชัดเปรียบอย่างเหมือนหางเสือ กรุณาว่าสายสมอเจือ ในยามเมื่อลมหนักค่อยพักยั้ง มุทิตาอุเบกขามาตั้งต่อ เป็นกว้านฉ้อสายใบดังใจหวัง เอาพระไตรลักษณ์ล้ำทรงกำลัง ขึ้นต่อตั้งกลางสำเภาเป็นเสากะโดง เอาปัญญาหยั่งเห็นเป็นเข็มกล้อง ได้ดูส่องทะเลกว้างเห็นทางโล่ง กายคตาเป็นฝ่ายสายระโยง ที่ห้องโถงสมาธิดำริการณ์ เอาขุนนางยี่สิบห้าผู้สามารถ ไว้เคียงอาสน์เป็นฝ่ายนายทหาร เอาดวงจิตต์คิดชอบประกอบการ เป็นนายงานได้บังคับกำกับพล เหล่าพยุหยาตราโยธานั้น ทรงเลือกสรรแต่ประเสริฐเลิศพหล อันทมิฬหินชาติทรชน อย่าระคนคบไปในนาวา แม้นใครหวังความเจริญจะเดิรสาร ควรภูบาลปรารภจงคบหา ลงนาเวศร์ข้ามเขตต์ทางคงคา ได้ปรึกษาหารือตามซื่อตรง เอาทหารชาญสงครามสามสิบเจ็ด ตามเสด็จพร้อมพรั่งดั่งประสงค์ คือโพธิปักขิยธรรมโดยจำนง คอยแวดวงรักษาพระทรงฤทธิ์ จัดนาวาสำเร็จเสร็จประสงค์ แล้วอ่าองค์สรงสนานสำราญจิตต์ ทรงภูษางามวิไลคล้ายนิรมิต รักษากิจกรรมบถให้งดงาม เอาเวสารัชชญาณอันหาญกล้า สวมกายาเป็นเครื่องเรืองอร่าม แทนเครื่องราชกกุธภัณฑ์อันเรืองนาม ออกสนามครั้งนี้หมายมีชัย ให้พระสงฆ์ทั้งห้าโหราพร้อม แห่ห้อมล้อมจากปรางค์ทองอันผ่องใส ขึ้นทรงราชรถแก้วแล้วครรไล พลไกรล้นหลามตามจรัล เสด็จลงยังนาวาพระที่นั่ง ขึ้นบัลลังก์แล้วพระองค์ทรงพระขรรค์ ชื่อว่าปัญญาวุธสุดฉกรรจ์ ค่อยฟาดฟันสัตว์บาปที่หยาบคาย ด้วยพระหัตถ์ซ้ายขวาอันกล้าหาญ ให้พวกพาลพ่ายพินาศขาดเชื้อสาย อวิชชาตัณหาตัวพาตาย แม้นตะกายตามมาเร่งฆ่าฟัน ส่วนวงศาอวิชชาสิบสี่นี้ หากตามตีขับไล่ให้เหหัน ทั้งอุปกิเลสวงศ์ตัณหานั้น คอยเกียดกันอย่าให้เข้าใกล้องค์ อภิชฌาโกโธโทโสร้าย อีกตัวนายปมาทะพาให้หลง อุปนาหะแสนชั่วเป็นตัวยง คอยยุส่งกับมายาสาเถยยัง สารัมโภอิสสาปลาโส ทั้งมักโขมาโนคนโอหัง มัจฉริยะและอติมานัง รวมเข้าทั้งถัมภะมทะนี้ สิบหกคนมิใช่ชั่วล้วนตัวกล้า แม้นเข้ามาแล้วจงฟันบั่นเกศี อีกพันห้าบริวารนั้นยังมี เจ้าพวกนี้เหนี่ยวไว้มิให้จร แม้นพระองค์ยังหลงใหลในกิเลส จะข้ามเขตต์ไม่สมหวังดังอนุสสร คงไม่พ้นเงื้อมหัตถ์ดัสกร ไม่หยุดหย่อนเวียนว่ายเกิดตายไป ถ้าจะคิดเปลื้ององค์จากสงสาร ควรวิจารณผันแปรเร่งแก้ไข กรรมบถสิบทัศฝึกหัดไว้ ก็จะได้ถึงนิพพานสราญรมย์ อันนาวารูปจะพาข้ามสมุทร เป็นที่ยุดเหนี่ยวรั้งตั้งปฐม ให้ถึงโลกุตตะรังดังนิยม ไม่ล่มจมกลางมหาสาครัง นี่แหละเรียกว่ามหานาวาแก้ว พาคลาดแคล้วพ้นภัยได้ถึงฝั่ง ถึงปลาร้ายว่ายดื่นคลื่นประดัง ไม่กะทั่งกระเทือนลำเรือสำเภา อันเภตราพาณิชคิดไปค้า ต้องลมกล้าอับปางอย่างโฉดเขลา เรียกนาวาโลกีย์ไม่มีเบา มักเสียเค้าเชิญบพิตรพินิจดู ฯ
กรุงกษัตริย์สดับอรรถมธุรส น้อมประณตชมว่าเพราะเสนาะหู แล้วอ้อนวอนเถราสี่พระครู นิมนต์ผู้เป็นเจ้าด้วยได้ช่วยกัน โปรดจัดแจงรีบแต่งนาวาแก้ว อันผ่องแผ้วพรรณรายได้ผายผัน พวกเสนาข้าเฝ้าคนเก่านั้น จงเกณฑ์กันเป็นศิษย์องค์พระทรงญาณ จะได้ใช้ในหน้าที่อย่าหนีหลบ จัดให้ครบเร็วพลันตามบรรหาร เครื่องใช้สอยขุนจาคะจงประมาณ กะราชการจับจ่ายให้พอต่อนาวา ฯ
หมู่อำมาตย์บังคมด้วยสมหวัง ต่างรับสั่งใส่เกล้าจะเอาหน้า นายใหญ่นั้นชื่ออัญญะสมานา เห็นราชาชะนะไหนวิ่งไขว่ตาม ทราบว่าองค์ทรงฤทธิ์จิตตราช จะแคล้วคลาดหลีกพิบัติตัดเสี้ยนหนาม รีบไปทำกิจดังรับสั่งความ พยายามพันพัวตัวเป็นเกลียว ด้วยสี่องค์ทรงสิกขาปรีชาหาญ เป็นนายงานสามารถฉลาดเฉลียว ให้ทำเสร็จทุกสิ่งดีจริงเจียว รูปงามเพรียวเร็วรี่ดังนิรมิต ขุนนางยี่สิบห้านั้นก็สันทัด ต่างรีบรัดเกณฑ์พลคนสนิท แล้วบรรทุกสะเบียงกรังต่างชะนิด สำเร็จกิจทูลปิ่นนริทรรัตน์ ฯ
พระจอมจิตต์ฤทธิรงค์ทรงฟังสาร ดังได้ผ่านเมืองอินทร์ปิ่นสมบัติ สั่งจาคะคนขยันการสันทัด ให้แต่งจัดเครื่องอำไพไตรจีวร ทั้งอัฏฐะบริกขารประมาณหลาย น้อมถวายพระอาจารย์ชาญสมร ครั้นสั่งเสร็จเสด็จมาสรงสาคร หอมขจรสุคนธาร์กลิ่นมาลี ผลัดภูษาอ่าองค์แล้วทรงเครื่อง อร่ามเรืองเพียงจะคู่พระสุริยศรี ทรงเบญจกกุธภัณฑ์อันรูจี จรลียังฆานะปราสาทชัย ยุรยาตรอาจองค์ทรงพระแสง แล้วสำแดงเดชาสุธาไหว พระธรรมมุนีเสด็จหน้านำคลาไคล เสนาในแซ่ซร้องกลองประโคม ทั้งแตร์สังข์กังสดาลสะท้านสะทึก เสียงก้องกึกสรรเสริญเจริญโฉม พื้นสุธาลั่นพิลึกเสียงครึกโครม ดังจะโสมนัสส์ช่วยอำนวยชัย อมเรศร์เทเวศร์บนสรวงสวรรค์ ก็โปรยพรรณบุปผามาลาไสว ต่างองค์ซร้องสาธุการขนานไป อวยพรชัยให้ชะนะหมู่อรินทร์ เสด็จถึงซึ่งท่านาวาประทับ พระเถรรับจูงหัตถ์องค์พระทรงศีล ชาวประโคมขับขานประสานพิณ ธิบดินทร์สถิตท้ายสบายองค์ พร้อมสังฆราชาโหราราช ล้อมรอบอาสน์ทรงนามงามระหง ม้าล่อลั่นขันฉ้อชะลอตรง พระพายส่งเหมือนจะเตือนให้เคลื่อนคลา ยิงปืนเปรี้ยงเสียงทหารร้องขานโห่ ช่วยกันโล้เลื่อนกรากออกจากท่า ท้องสินธูดังจะรู้โมทนา ละลอกฉ่าฟูฟองไม่ต้องเรือ มัจฉาโลดโดดประสานขนานหน้า เหมือนชมบารมีเลิศประเสริฐเหลือ แล้วแฝงกายว่ายวางออกห่างเรือ กลัวหางเสือฟาดฟองมาต้องตน เมื่อเสด็จยาตราเวลานั้น อัศจรรย์ทั้งโลกาโกลาหล ฯ
ฝ่ายทั้งสองมเหสีนิรมล แจ้งยุบลภัสดาเสด็จจร ต่างงันงกตกประหม่าวิ่งตาขาว เจ็บทรวงร้าวถึงกะดูกเหมือนถูกศร เรียกสาวสรรค์เสนาพลากร เร่งรีบร้อนตามองค์พระทรงธรรม์ ครั้นถึงท่าเห็นนาวาอันผ่อนศรี พระภูมีสถิตท้ายพอผายผัน พร้อมพระสงฆ์จตุรงค์แน่นอนันต์ จิตต์อัดอั้นลงมิได้ในนาวา ชุลีกรวอนร่ำด้วยคำหวาน โอ้ภูบาลไยจึงร้างเสน่หา ไม่ผินพักตร์สั่งน้องทั้งสองรา อนิจจาตัดพระทัยได้จริงๆ อกเอ๋ยอยู่ดีๆก็มีโทษ ไม่ออกโอฏฐ์ให้ประจักษ์เลยสักสิ่ง ไม่สงสารสุนทรวอนประวิง จะทอดทิ้งให้น้องอยู่กับผู้ใด สิ้นโปรดน้องแล้วหรือหนาในครานี้ จึงคิดหนีตัดพระทัยไปเสียได้ ไม่เสียดายเวียงวังพระคลังใน หมดอาลัยถิ่นฐานหรือผ่านฟ้า ฯ
จักรพงศ์ทรงฟังนางทั้งสอง มาร่ำร้องเกลียดเหลือเบื่อนักหนา พระเสแสร้งสรวลสรรจำนรรจา เย้ยตัณหาอวิชชาสองนารี ว่าแน่เจ้าเยาวยอดวราโฉม งามประโลมล่อชายไม่หน่ายหนี เป็นผู้เหนี่ยวสัตว์ไว้ในโลกีย์ เรายินดีร่วมห้องสองนงคราญ ตั้งแต่อเนกชาติไม่คลาดข้าง เกิดก่อสร้างบ้านเมืองเรื่องสังขาร ร่วมสุขทุกข์เวทนากันมานาน ทนกันดารนครกายหลายแสนคราว เจ้าพาเราเวียนวงในสงสาร ทรมานทุกข์ระทมตรมโศกเศร้า อย่ามาหน่วงทวงทักชักยืดยาว เจ้ายังสาวอยู่เป็นสุขทุกข์อะไร เชิญทั้งสองครองธานีบุรีเอก แล้วอภิเษกสมสู่หาคู่ใหม่ อันตัวเราแสวงสุขหนีทุกข์ภัย สิ้นเยื่อใยกันแล้วเจ้าอย่าเฝ้ากวน ตัดเมียรักหักกิเลสเศษพันห้า อย่าตามมาสำออยละห้อยหวน แม้นมิฟังยังร่ำเฝ้าคร่ำครวญ เขาจะชวนกันสังหารผลาญชีวิต ฯ
ทั้งสองนางฟังองค์พระทรงศร ทั้งตัดรอนแหนมเหน็บให้เจ็บจิตต์ ต่างตีทรวงทรงกรรแสงสุดแรงฤทธิ์ จนโลหิตเนตรไหลนองนัยนา คิดเคืองขุ่นหมุนไปว่าพระสังฆราช ศีลมิขาดเสียเปล่าหรือเจ้าขา แกล้งทำให้ได้ทุกข์ทั้งพารา ช่างออกกล้าไม่กลัวผิดในกิจกรม คงไม่แคล้วนรกตกลำบาก เพราะบาปมากพรากคู่เคยสู่สม อย่าให้พบสบผู้หญิงสิ่งนิยม ให้ขาดชมเชยสวาททุกชาติไป แม้นมิส่งภัสดาข้ามาก่อน จะขอดค่อนแช่งด่าไม่ปราศรัย จะพรากสามีข้าพาไปไกล ไม่อายใจหรือคะท่านพระชี ฯ
ฝ่ายพระสังฆราชาฟังว่าขาน ดูดื้อด้านนางเกเรมเหสี น้อยหรือช่างถางถากฝีปากดี เฝ้าเซ้าซี้ทั้งสองคนบ่นวุ่นวาย มิตอบบ้างนางจะเคยเกินเลยหนัก จึงผินพักตร์ว่าไขดังใจหมาย อะไรนี้สีกาหน้าไม่อาย วิ่งตามชายมาทำเป็นสำออย พระสามีมิได้อาลัยเหลียว กลับโกรธเกรี้ยวแช่งด่าไม่ล่าถอย ซึ่งสาปซ้ำร่ำเร้าเฝ้าตะบอย ให้เราพลอยไร้ผู้หญิงสิ่งโลกีย์ ชะรอยเจ้าเห็นความตามโฉดเขลา ว่าตัวเราบวชอยู่ทนจนถึงนี้ ก็เพราะคิดผิดหมายไร้นารี โดยไม่มีหญิงสมัครรักกะมัง ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดถนัด ที่มาตัดพ้อคิดว่าผิดหวัง ความจริงเราจะบอกให้ไม่ปิดบัง ผู้หญิงยังมากนักที่รักเรา แต่เราไม่ใยดีมีจิตต์รัก เพราะประจักษ์เห็นโทษไม่โฉดเขลา ตัดสวาทขาดห่างลงบางเบา ไม่มัวเมาต่อให้เชิดมาเลิศลอย เพราะรู้เท่าเรื่องนี้ดีเสียแล้ว ถึงมาแผ้วพานพบต้องหลบถอย หญิงเช่นเจ้าถึงจะเฝ้าร่ำสำออย สักพันร้อยอาตมาไม่ค้าคบ เจ้าคิดชั่วมัวแต่การอกุศล ล่อฝูงชนให้งงหลงประจบ ท้าวเธอเห็นโทษาทรงปรารภ จึงคิดหลบหลีกแล้วไม่แผ้วพาน สองสีกาอย่าละเมอเพ้อพูดผิด องค์บพิตรเธอไม่หลงในสงสาร มาข่มขู่ผู้ทรงศีลาจาร ไม่เข้าการเลยจะซ้ำเป็นกรรมไป จงฟังธรรมรำงับดับโมโห ทั้งโทโสให้เสื่อมเกิดเลื่อมใส แม้นเชื่อจริงจะได้สุขเปลื้องทุกข์ภัย จะสอนให้ได้สว่างในทางธรรม์ อันสังขารสัตว์นี้ไม่มีสุข เพราะมีทุกข์เต็มเข็ญในเบญจขันธ์ ไม่เที่ยงแท้แก่ชราทั่วหน้ากัน หมดทั้งนั้นล้วนวิบัติอนัตตา ถึงใครจะเยียวยารักษาไว้ ก็คงไม่สมมาดปรารถนา รูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสส์อุบัติมา ล้วนชักพาให้ทะยานการโลกีย์ จงเห็นโทษถอยหลังบ้างเถิดเจ้า อย่ามัวเมานักเลยนะมเหสี รู้ประเสริฐก็จะเกิดเภตราดี ตามสามีไปสมอารมณ์คิด ฯ
สองทรามวัยได้ฟังพระสังฆราช ยิ่งเกรี้ยวกราดร้อนรุ่มให้กลุ้มจิตต์ จึงว่าท่านขรัวครูผู้เรืองวิทย์ สำแดงกิจเทศนายกกบาลี เมืองนรกตกหลุมใหญ่อยู่ไหนนั่น ช่วยพาฉันไปดูให้รู้ที่ เมืองสวรรค์อยู่ไหนนะคุณพระชี อย่าพาทีหลอกเปล่าๆรู้เท่าแล้ว นี่หรือภัสดาข้ามิน่าหลง เชื่อยุยงจึงได้ไปคล่องแคล่ว พลางกะโดดโลดร้องเนตรนองแนว เสียงแจ้วๆสั่งทหารให้ราญรอน ฯ
หลวงโทโสโกรธามิจฉานั้น โก่งเกาทัณฑ์พุ่งหอกออกสลอน เร่งระดมยิงโยธาพระภูธร กลับกระท้อนมาเป็นกองต้องพวกนาง โยธาองค์ทรงฤทธิ์พระจิตต์นั้น ยิงปืนลั่นตูมตึงเสียงผึงผาง ต้องทหารมเหสีชีวีวาง ทั้งสองนางพิโรธร้องเสียงก้องดัง ฯ
ฝ่ายภูเบศร์ทอดพระเนตรนางทั้งสอง มาดิ้นร้องร่ำไรอยู่ใกล้ฝั่ง จะห้ามปรามโดยดีเห็นมิฟัง เหลือกำลังจำต้องล้างให้วางวาย ดำริพรางทางขยับจับพระแสง ขึ้นสู่แล่งศรธิราชแล้วพาดสาย คือปัญญาฤทธิรอนขจรจาย ทรงมุ่งหมายแผลงไปต้องทั้งสองนาง ปักอนงค์ตรงอุระร้อยตลอด ทั้งสองทอดกายควํ่าคะมำผาง พลัดตกลงในนทีชีวีวาง ทั้งสองนางจมลงในคงคา ลูกศรชัยเลยไปผลาญชีวิต ขาดเด็ดปลิดชีพกิเลสเศษตัณหา มิได้เหลือเชื้อชาติญาติกา มรณาหมดเตียนเสี้ยนศัตรู ฯ
จะกล่าวฝ่ายหลวงพยาธิผู้อาจหาญ เห็นภูบาลทิ้งพาราไม่กล้าสู้ ชวนชรายกออกนอกประตู มาทูลผู้ปิ่นกษัตริย์มัจจุราช ว่าหม่อมฉันกับชราศักดาเดช ตีขอบเขตต์ได้สมมาดปรารถนา จิตตราชหนีตรงลงนาวา เชิญผ่านฟ้าเสด็จด่วนเห็นจวนทัน ฯ
พระฟังคำอำมาตย์มาทูลถวาย เห็นแยบคายสั่งพหลพลขันธ์ ให้รีบเร่งสงครามตามประจัญ จอมอาธรรม์แต่งองค์อลงการ เหน็บอาวุธทรงครุฑพระที่นั่ง พร้อมสะพรั่งพลนิกายฝ่ายทหาร ยกโยธาดังวายุพัดพาน ครุฑทะยานโผผินรีบบินจร ลัดนิ้วหนึ่งมาถึงที่ริมท่า จะโถมถาจับองค์พระทรงศร ทำลมคลื่นครื้นฉ่าฟูมสาคร ให้กระท้อนล่มเภตราพระทรงชัย ด้วยเดชะบารมีอภีนิหาร ดลบรรดาลมัจจุราชไม่อาจใกล้ นาวาทองล่องตามสายสมุททัย ไม่หวั่นไหวแล่นเรื่อยเฉื่อยสำราญ ฯ
มัจจุราชกราดกริ้วชี้นิ้วสั่ง ให้มรณังพยายามตามสังหาร ฝ่ายเจ้าขุนมรณังทั้งขุนกาฬ เผ่นทะยานจะระดมล่มนาวา แต่เอื้อมมือมิถึงดึงมิได้ ทำอย่างไรก็ไม่สมปรารถนา โยธีองค์ทรงชัยในเภตรา หัวเราะร่าอึงอื้อตบมือเย้ย ฯ
พระจอมจิตต์ฤทธิไกรมีชัยแล้ว ทรงผ่องแผ้วสรวลพลางทางเฉลย พระดำรัสประเทียบแกล้งเปรียบเปรย ว่าเหวยๆมัจจุราชกษัตรา จะจับเราคงไม่ได้อย่าหมายมั่น เปลือกเมืองนั้นเชิญเอาเปล่าเถิดหนา ทั้งศฤงคารบริวารมีนานา เราสิ้นอาลัยไม่เยื่อใยแล้ว แต่ชายาที่เคยรักยังหักจิตต์ ล้างชีวิตเสียด้วยพระแสงแก้ว บุญบังเกิดเภตรามาคลาดแคล้ว ข้ามพ้นแนวชาติชราพยาธิ อย่าตามมาเลยพระยามัจจุราช ไม่เหมือนมาดสมปองที่ตรองตริ เก็บแต่เปลือกเมืองไว้ใช้เถิดซิ อย่าร่ำริตามผลาญป่วยการพล อันเรากับโยธาพร้อมสะพรั่ง จะข้ามยังฝั่งแขวงแสวงผล ไม่คืนกายธานีที่ทุกข์ทน ได้ข้ามพ้นโอฆะแล้วอย่าแผ้วพาน พระตรัสพลางวางพระทัยในวิเวก เป็นอุเบกขามั่นโดยสัณฐาน มโนหน่วงดวงวิปัสสนาญาณ เห็นสังขารทั้งหลายโดยไตรลักษณ์ ไม่สะดุ้งย่นย่อต่อมัจจุราช ซึ่งอาฆาตพยายามตามหาญหัก ทรงนาวาแล่นรี่มิหยุดพัก จนล่วงหลักเขตต์พิบัติมัจจุภัย ฯ
ฝ่ายพระยามัจจุราชขยาดยั้ง สุดกำลังเข็ดขามตามไม่ไหว ฟังเธอเทียบเปรียบปลายอายฤทัย ภูวไนยจนจิตต์คิดระอา ทอดอาลัยในกษัตริย์พระองค์นี้ ด้วยเธอมีฤทธิรุทรอาวุธกล้า พระตริพลางทางดำรัสเรียกโยธา มารอราหยุดยั้งริมฝั่งชล แล้วบัญชาว่ากษัตริย์องค์นี้ไซร้ เห็นทุกข์ภัยได้ประจักษ์ตามมรรคผล สุดฤทธิ์เราที่จะตามประจญ อย่ากังวลห่วงใยปล่อยให้จร ธานีอื่นดื่นไปในใต้หล้า ทั่วขอบฟ้าจักรวาฬด่านสิงขร ล้วนมีอยู่ในสังสาระสาคร ค่อยราญรอนต่อไปให้ทั่วกัน ฯ
หมู่ทหารรับโองการพระทรงภพ ต่างสงบตามรับสั่งนรังสรรค์ ทั้งเกรงเดชจอมจิตต์สุดติดพัน หยุดขยั้นเข็ดขยาดไม่อาจตาม ฯ
ฝ่ายจักรพงศ์องค์พระจิตต์อดิศร ยกนิกรกับอาจารย์ชาญสนาม ได้มีชัยในณรงค์เสร็จสงคราม แล่นเรื่อยข้ามเขตต์มหาสาครัง ไม่มีภัยพ้องพานสำราญรื่น สงัดคลื่นเรียบรอบถึงขอบฝั่ง เสด็จขึ้นจากเภตรารตนัง เข้าสู่ยังเมืองแก้วอันแพรวพราย กล่าวคือถึงสถานนิพพานสุข บำราศทุกข์เสร็จสมอารมณ์หมาย ดับพ้นชาติชรากาลกันดารกาย ไม่เจ็บตายเกิดก่ออีกต่อไป เป็นที่สุดแห่งทุกข์สุขวิเศษ สิ้นกิเลสพร้อมอาสวักขัย ขันธวัฏฏ์ก็ตัดขาดพินาศไกล ล่วงครรไลถึงวิโมกข์โลกอุดร เป็นสถานสุขเกษมเปรมประณีต ยากจะขีดขั้นหาอุทาหรณ์ เปรียบได้แต่พอเป็นเค้าเข้ากับกลอน ตามปกรณ์ที่มาโดยอาคม จะขอคัดข้อคำมาทำเนียบ เพื่อเปรียบเทียบชี้เช่นพอเห็นสม แสดงไขให้ทราบสุขอุดม โดยนิยมอุปมาตามบาลี พระนิพพานท่านว่าประเสริฐสวรรค์ ดุจดวงจันทร์แจ่มฟ้ารุ่งราศี ส่องสว่างสร่างเข็ญเย็นฤดี เป็นถิ่นที่ของพระอริยชน และเปรียบดวงทิวากรถาวรเดช เผากิเลสอาสวะอกุศล อนึ่งในอรรถเปรียบปัฐพีดล เพราะมณฑลกว้างล้นพ้นประมาณ นัยหนึ่งพึงอุปมาละม้ายแม้น เหมือนดังแผ่นศิลาใหญ่อันไพศาล ไม่ไหวตามโลกธรรมแปดประการ แจ้งวิตถารคือลาภะอะลาโภ ท่านผู้ที่สำเร็จตัดเสร็จสิ้น ไม่ถวิลในยสะอยโส ทั้งนินทาปสังสาจิตต์พาโล ทิ้งสุโขทุกโขอันโอฬาร์ นัยหนึ่งเปรียบด้วยท่าสาคเรศร์ คือประเทศเกิดมณีอันมีค่า เป็นที่อยู่ท่านผู้มีปรีชา อนึ่งอุปมาโรงธรรมอันจำรูญ คือสภาสโมสรสันนิบาต ของผู้ขาดกิเลสสำเร็จศูนย์ สุขรุ่งเรืองพ้นเครื่องปฏิกูล พ้นเค้ามูลดินน้ำทั้งไฟลม ปราศจากร้อนเย็นของเหม็นหอม ประเสริฐพร้อมยอดยิ่งทุกสิ่งสม จึงเรียกว่าเอกันตบรม เป็นอุดมเหลือจะพรรณนา ฯ
มีปุจฉาว่าพระนครนี้ สิ่งใดที่เป็นกำแพงกั้นแหล่งหล้า ฝ่ายท่านผู้รู้อรรถวิสัชชนา กล่าวแก้ว่าศีลคุณหนุนปะทัง เป็นปราการกำแพงอันแข็งขัน คอยป้องกันแน่นหนาทั้งหน้าหลัง สมาชิกเป็นบริวารในบานบัง ปัญญาตั้งติดต่อดังหอรบ ส่วนสังวรณ์อินทรีย์มีต้นเค้า เป็นผู้เฝ้าทวารวังหวังสงบ มัชฌิมาทางตรงแปดองค์ครบ เลิศลบเปรียบที่วิถีทาง พระโพธิปักขิยธรรมสามสิบเจ็ด ท่านเปรียบเสร็จเรือนหลังทั้งยุ้งฉาง ภาวนาแก่นธรรมอันสำอาง เปรียบเสาปรางปราสาทชัยในเวียงวัง เอาพระสูตรพระวินัยพระปรมัตถ์ เป็นสันถัดราชอาสน์ลาดแต่งตั้ง พระทุกขังอนัตตาอนิจจัง เป็นบัลลังก์ห้องสถิตที่นิทรา ใช้พระวิมุตติญาณทัศนะ เป็นดวงประทีปงามอร่ามจ้า มโนปลงในองค์พระเมตตา อุปมาสระสรงองค์เทวินทร์ ชื่อสระโบกขรณีมีบุปผา พระกรุณาเปรียบปานธารกระสินธุ์ มุทิตาอุเบกขาเป็นอาจิณณ์ เปรียบพื้นดินเนินทรายอันพรายงาม พระอมตบุรีที่กล่าวแล้ว เป็นเมืองแก้วเลิศลบภพทั้งสาม เป็นที่สิงสถิตอยู่ผู้มีนาม ว่าผู้ข้ามโอฆาสิ้นอาลัย พระพุทธะและพระปัจเจกโพธิ์ หมายปราโมทย์เมืองนี้เป็นนิสสัย ทั้งพระพุทธสาวกดิลกไกร ล้วนพอใจต่อบุรีนิฤพาน ซึ่งเป็นที่แท้เที่ยงเลี่ยงจากโอฆ ดับเศร้าโศกข้ามห้วงบ่วงสงสาร ท่านผู้รู้ผู้ฟังทั้งผู้อ่าน จงเตรียมยานนาวาอันถาวร ตามที่ได้ชี้แจงแสดงไว้ ก็จะได้สมหวังดังอนุสสร มิต้องวกเวียนว่ายในสาคร หมดทุกข์ร้อนเกิดแก่แลเจ็บตาย ฯ
จะกล่าวถึงหลวงชราและพยาธิ ครั้นจิตตราชข้ามพ้นชลสาย สิ้นสามารถสุดรู้สิ้นอุบาย ไม่สมหมายยกทัพพวกกลับมา เข้าเฝ้าองค์พงศ์กษัตริย์มัจจุราช บังคมบาทพร้อมมูลทูลปรึกษา ว่าบัดนี้จิตตราชกษัตรา พ้นอาญาพวกเกล้าเหล่านิกร ทิ้งเมืองไว้หนีไปเสียไกลลิบ สมควรลิบสมบัติจัดเลิกถอน ขอเชิญองค์ภูมินทร์นรินทร เข้านครครอบงำตามพระทัย ฯ
มัจจุราชจอมทัพสดับอรรถ โสมนัสส์ปรีดาจะหาไหน ตรัสสั่งให้เคลื่อนพหลพลไกร เข้าพักในพาราพร้อมหน้ากัน โปรดให้ขุนมรณังเข้ารั้งอยู่ จัดแจงดูนคเรศร์ทั่วเขตต์ขัณฑ์ อันเมืองกายนครทั่วทั้งนั้น สารพันเราจะมอบให้ครอบครอง เปลือกเมืองเก่าเจ้าจำแนกเร่งแจกจ่าย เหล่าไพร่นายหน้าหลังทั่วทั้งผอง รื้อเมืองทำป่าช้าดังข้าปอง เก็บเข้าของแจกโยธีพวกรี้พล ฯ
มรณังบังคมก้มเกศา มาป่าวร้องโยธาโกลาหล ให้เปิดคลังพัสดุคู่มณฑล แล้วรื้อขนเข้าของตามต้องการ พลจำแลงแปลงกายกลายเป็นสัตว์ แย่งกินกัดของนานาเป็นอาหาร บ้างเป็นแร้งกาตะกรุมกลุ้มลนลาน วิ่งเพ่นพ่านจิกทึ้งอื้ออึงไป ทัพปีกซ้ายปีกขวาถลาเบียด เข้าแทรกเสียดมิใคร่ถึงต่างดึงไขว่ บ้างแปลงเป็นแมลงวันอันว่องไว บัดเดี๋ยวใจนครกายทำลายโครม กำแพงอัฏฐิดหลุดคลาดกลาดเกลื่อน ลงป่นเปื้อนเป็นดินดูสิ้นโฉม นครเซเป็นกเฬวะรากโทรม ข้าศึกโหมกันกลุ้มรุมราวี อันพวกเหล่ากิมิชาติฝูงราษฏร์นั้น คนอาธรรม์ทรชนม้วยป่นปี้ ฝ่ายองค์มัจจุราชาธิบดี ทรงเปรมปรีดิ์บันเทิงเริงพระทัย ได้เวียงวังสมดังปรารถนา สั่งชราผู้กำกับกองทัพใหญ่ ให้ตลบรบรุกบุกเวียงชัย นครไหนขวางหน้าอย่าละลด ฯ
หลวงชราน้อมคำนับรับสั่งสาร จัดทหารร่วมใจได้พร้อมหมด ได้ฤกษ์ยกโยธีมีพยส โดยกำหนดทำสงครามไปตามเคย ฯ
ฝ่ายพระองค์พงศ์กษัตริย์มัจจุราช เสร็จสมมาตรมีชัยไม่เชือนเฉย จึงเสด็จคืนวังเหมือนอย่างเคย พร้อมชะเลยแน่นอนันต์ยกครรไล ได้เมืองขึ้นมากมายหลายแสนเศษ ทุกประเทศไม่รอต้านต่อได้ เที่ยวต่อแย้งแผลงเดชารบราไป เข้าตีไหนชะนะนั่นขยันนัก ทั้งพยาธิชรายอดทหาร ล้วนเชี่ยวชาญจู่โจมไล่โหมหัก ยิ่งโปรดปรานยิ่งทะยานสามิภักดิ์ ทำคึกคักเข่นฆ่าเที่ยวราวี ทุกประเทศเขตต์ขัณฑ์สรรพสัตว์ ไม่จำกัดเข้าประจัญริบป่นปี้ ใครเคลิ้มเขลาเมามัวในโลกีย์ ยิ่งได้ทีรบซ้ำกระหน่ำไป ได้มากมายมาถวายภูวนาถ มัจจุราชยิ่งกำเริบเติบโตใหญ่ ทรงตั้งจิตต์คิดแต่จะชิงชัย ถึงแม้ใครจะพะนอจนพอการ โดยผูกมิตรไมตรีอารีรัก หรือสมัครหวังสนิทคิดสมาน จะอ่อนน้อมยอมตัวลงกลัวลาน หรือดื้อด้านถือดีมีเดชา ก็ไม่เว้นใครไว้ในสงสาร เที่ยวระรานร่ำไปไม่เลือกหน้า เพียงได้ยินออกนามขามระอา ทั่วโลกาเกลียดกลัวไปทั่วกัน ในยามว่างการรบสงบศึก ให้เกณฑ์ฝึกหมู่พหลพลขันธ์ มีกองร้อยคอยเหตุทุกเขตต์คัน คิดโรมรันล้างชีวิตเป็นนิจจกาล ฯ
ท่านผู้อ่านผู้ฟังหวังทราบชัด ในเชิงอรรถตามเรื่องเมืองสังขาร อย่าอ่านเล่นเป็นแต่แก้รำคาญ จงวิจารณให้เห็นตามเป็นจริง ด้วยวิสัยสามัญสรรพสัตว์ ซึ่งอุบัติมาเป็นกายทั้งชายหญิง ไม่ล่วงพ้นมรณอย่าประวิง เพราะเป็นสิ่งเกิดดับสำหรับกาย แม้นจะคิดหลีกหนีมิให้ม้วย จำต้องช่วยตนเองเร่งขวยขวาย หาสิ่งกันเกิดแก่แลเจ็บตาย โดยอุบายทางธรรมที่รำพัน คิดกำจัดตัดราคถากตัณหา อวิชชาชั่วโฉดโทษมหันต์ อันเป็นกิเลสมารชาญฉกรรจ์ ให้ศูนย์พันธุ์สิ้นเชื้อไม่เหลือเลย ทำตามอย่างพระจิตต์ฤทธิรุทร ซึ่งสมมุติเรื่องราวกล่าวเฉลย ก็จะพ้นทุกข์ภัยใจสเบย ได้เสวยสุขชื่นทุกคืนวัน แม้นจะยังไม่ถึงซึ่งเมืองแก้ว คงไม่แคล้วคลาดสถานพิมานสวรรค์ ถ้าบารมีเต็มรอบประกอบกัน ก็จะพลันถึงท่าพระนิพพาน ซึ่งเป็นแดนเอกอุดมบรมสุข ชราทุกข์พยาธิมิจองผลาญ ทั้งมัจจุราชาพระยามาร เลิกรอนราญเข็ดขยาดไม่อาจตาม ฯ
ท่านผู้หวังรู้ชัดตัดกังขา มีปุจฉาแทรกซ้ำเป็นคำถาม ว่าผู้ที่มีอุตส่าห์พยายาม หวังจะข้ามกันดารสถานไกล จะจรด้วยนาวาช้างม้ารถ หรือจะบทจรเท้ากล่าวไฉน หรือไปด้วยยวดยานประการใด จงแก้ไขให้หายคลายสงกา ฯ
ฝ่ายอาจารย์ผู้ชำนาญปรมัตถ์ ทราบในอรรถที่รำพันเป็นปัญหา จึงกล่าวแก้แปลชัดวิสัชชนา ว่าธรรมดาผู้จะใคร่ไปนิพพาน จะจรด้วยนาวายานุมาศ หรือลิลาศด้วยม้ารถคชสาร หรือจะไปทางอากาศยาน ทุกประการพาหนะในปฐพี จะพาจรห่อนได้เหมืองหมายมาด แต่ล้วนคลาดแคล้วทางห่างวิถี เพราะนิพพานอยู่ต่างหากจากโลกีย์ มิได้มีการคมนาคม และไม่มีที่ตั้งทั้งนิมิตต์ ซึ่งจะพิษเพียงเห็นเท่าเส้นผม เป็นธรรมว่างอย่างยิ่งสิ่งอุดม จะนิยมบัญญัติขัดทั้งนั้น อนึ่งจะชี้ว่าสถิตอยู่ทิศไหน เป็นวิสัยของพระอรหันต์ การชี้บอกของชนคนสามัญ เหมือนนอนฝันแล้วมาเล่าให้เขาฟัง เหตุฉะนี้พาหนะที่ว่าไว้ จึงไปไม่ได้สมอารมณ์หวัง นอกจากผู้ปฏิบัติปัจจัตตัง โดยเกลียดชังและระอาโลกามิส กลับพอใจในนิรามิสสุข ซึ่งมวลทุกข์โศกาลัยไม่นิสิต ใช้ปรีชาเพียรเพ่งเล็งพินิจ จนแจ้งจิตต์ทางตรงคือองค์มรรค เรียกมัชฌิมมรรคาอดิเรก เป็นทางเอกแปดระยะจงตระหนัก ถ้าจะเดิรอย่างงามเพียงสามพัก หยุดตามหลักศีลสมาธิปัญญา ถ้ารีบร้อนจรด้วยยานวิเศษ กำหนดเขตต์สองผลัดจัดรถา เรียกว่ายานสมถะวิปัสสนา ใช้ปรีชาขี่ขับกำกับไป หรือไปด้วยรถด่วนถ้วนเจ็ดผลัด โดยเร่งรัดรีบถ่ายไม่ไถล ตามลำดับรับช่วงล่วงครรไล ย่นทางไกลให้ใกล้ได้เหมือนกัน รถเจ็ดผลัดจัดนามตามสมมุติ คือวิสุทธิเจ็ดวิเศษสรรพ์ เป็นของกลางวางไว้ใช้ทั่วกัน ไม่มีชั้นอัตราค่าระวาง เมื่อใครมีปรีชาจะขับขี่ ก็เร็วรี่นำไปไม่ขัดขวาง แต่ฉะเพาะวิ่งได้ทางสายกลาง คืออัษฎางคิกะมรรคหลักมรรคา และต้องไปคนเดียวเปลี่ยวสันโดษ จะอุโฆษกันไปไม่ได้หนา ไม่เหมือนอย่างทางครรไลในโลกา จึงเรียกว่าทางเอกวิเวกใจ รถเหล่านี้ใช้สรีรยนตร์โยก วิ่งข้ามโอฆแอ่งกันดารผ่านไสล มีตนเป็นสารถีขี่ขับไป บังคับใจตนเองให้เคร่งครัด ไม่แวะเวียนวนออกนอกวิถี รีบเร็วรี่ลัดล่วงปวงวิบัติ เดิรตรงแนวทางกลางอย่างบรรทัด ที่กล่าวชัดชักอ้างแต่หลังมา ก็จะถึงเมืองแก้วอันแพรวเพริด ไม่ต้องเกิดแก่ตายในภายหน้า เพราะดับเหตุคือกิเลสอาสวา จึงเรียกว่าอมตมหานิพพาน ฯ
ท่านผู้รู้ผู้หวังตั้งสงบ เชิญปรารภตั้งจิตต์อัธิษฐาน เตรียมกุศลปาไถยให้พอการ แล้วขึ้นยานพาหนะอย่านอนใจ คือบำเพ็ญธรรมะปฏิบัติ ตามพระตรัสชี้แจงแสดงไข ไม่ถอยหลังตั้งจิตต์ติดต่อไป ก็จะได้่สมหวังดังวิจารณ ฯ
อันเรื่องราวกายนครสุนทรแถลง ซึ่งแสดงแต่ต้นจนอวสาน เทียบบุทคลขนานนามตามอาการ เป็นโวหารสมมติจดตามนึก อาจมีข้อสับสนจนผิดแผก เพราะเริ่มแรกแต่งกลอนพึ่งสอนฝึก ทั้งไม่รู้อรรถธรรมอันล้ำลึก แต่รู้สึกชอบข้างทางประพันธ์ ด้วยเห็นว่าอ่านง่ายได้ประโยชน์ สนานโสตรให้เปรมเกษมสันต์ และจะได่ง่ายกว่าคำสามัญ ทั้งจะกันลืมหลงตรงนิพนธ์ จึงลองแต่งแปลงคำตามที่ชอบ ปรุงประกอบตามหลักชักเหตุผล ใช่จะแกล้งแต่งเล่นให้เป็นกล เอาโลกปนธรรมะไม่ละอาย อนึ่งเนื้อความที่ประพันธ์เลือกสรรถ้อย แต่พอร้อยเรื่องไว้มิให้หาย ไม่ไพเราะเชิงกวีอธิบาย แต่งขยายย่นย่อพอสมควร เป็นอันสิ้นสมมุติขอยุตติ ครั้นจะริว่าไปให้ถี่ถ้วน ก็เป็นข้อซ้ำซากมากสำนวน กลับจะชวนเบื่อหูท่านผู้ฟัง เพียงเท่าที่มีอยู่ก็ดูเลอะ อ่านคงเจอะสับปลับกลับหน้าหลัง ซึ่งเป็นเครื่องเร้าใจให้ชิงชัง ที่เป็นดังนี้ใช่จะไม่รู้ แต่ก็สุดสามารถขาดวิสัย จะแก้ไขให้เพราะเสนาะหู เพราะกลัวถูกครหาว่านอกครู แกล้งลบหลู่นักประพันธ์ชั้นโบราณ โดยเหตุนี้ขอกวีปรีชาชาติ ผูฉลาดทางกลอนอักษรสาร จงยกโทษโปรดข้าอย่าระราญ แล้ววิจารณใคร่ครวญสำนวนกลอน เห็นข้อไหนพลาดผิดคิดประกอบ แก้ให้ชอบตามกะทู้อนุสสร แม้นเยิ่นเย้อจงกำจัดคิดตัดทอน ที่ขาดตอนเชิญต่อให้พอดี จะขอบใจใหญ่ยิ่งเท่าสิงขร ขออ้อนวอนเทวาทุกราศี ให้ช่วยอวยชัยวัฒน์สวัสดี แก่ท่านที่ช่วยทำตามรำพัน อนึ่งผู่อ่านฟังสิ้นทั้งหมด จงปรากฏสุขทุกสิ่งสรรพ์ ให้แคล้วคลาดศัตรูหมู่ภยันต์ แม้นหมายมั่นมุ่งจิตต์คิดสิ่งใด ขอให้สมปรารถนาอย่าผิดคาด ด้วยอำนาจตรัยรัตน์จรัสใส อนึ่งข้าขอแผ่ผลกุศลไป แก่สัตว์ในพิภพจบสากล ทั้งแสนโกฏิจักรวาฬสถานถิ่น สัตว์ทั้งสิ้นน้อยใหญ่จงได้ผล ทั่วไตรยางค์ชั้นล่างและชั้นบน ขอกุศลตามส่งดังจงใจ อนึ่งข้าผู้แต่งแสดงพจน์ ตามแบบบททางธรรมรำพันไข ขอประสพสุขล้ำอันอำไพ เกิดชาติใดขอให้ปะพระพุทธองค์ ขอให้มีปรีชาสารพัตร ทราบในอรรถธรรมะที่ประสงค์ ให้เลื่อมใสในธรรมและจำทรง ยึดทางตรงฝ่ายผิดคิดละวาง ขึ้นชื่อว่าความชั่วตัวทุจจริต ทั้งอมิตรภัยพิบัติซึ่งขัดขวาง จงหลีกลี้หนีหน้าอย่ากั้นกาง ให้เหิรห่างหายนะอย่าปะปน ขอให้มีเดชาปรากฏยิ่ง สบแต่สิ่งเป็นประโยชน์โสตถิผล อย่าถึงทับสิ่งอัปมงคล จนลุดลถึงนิพพานสำราญเอย ฯ