กาพย์วนประเวศน์

๏ เต จัต์ตาโร ขัต์ติยา อันว่าพระบรมกษัตรทั้งสี่ศรีสุริยวงษ์ เมื่อเสด็จบทจรประสงค์สู่เขาคิริยวงกฏ มิได้แจ้งทางที่กำหนดดำเนินไพร ด้วยความเข็ญใจก็จำเปน ปติปเถ ทอดพระเนตรเห็นมหาชน อันเดินทวนทางถนนนั้นมา ก็ตรัสถามถึงมรคาเขาคันธมาทน์ ว่าดูกรฝูงญาติเราทั้งหลายเหล่าประชาชน ยังรู้แห่งตำบลบรรพตวงกฏคิรีมีอยู่ที่แห่งใด ใกล้ฤๅไกลประการนี้ จงช่วยชี้ให้เราไป ฝูงประชาชนชวนกันร้องไห้กราบทูล ว่าข้าแต่พระบรมนารถนเรนทร์สูรผู้ทรงศักดิ เปนที่พึ่งพำนักนิ์ทุกฝูงสัตว์ กรรมแต่ก่อนไฉนจึงพลัดพระเวียงวังนิเวศน์ พระพุทธเจ้าข้าหนทางนี้ยังทุเรศไกลกว่าไกลนัก ขอพระจอมจักรจงแจ้งพระญาณ ฝ่ายสมเด็จพระจอมจักรพาฬเพสสันดร ก็พาพระมัทรีศรีสมรกับสองราชดรุณเรศเสด็จประเวศยังห้องวนาวาศ สองข้างทางสถลมาศล้วนหมู่ไม้ ผลธาริโน ทรงพวงพลดอกใบรบัดบาน บ้างสุกงอมหอมหวานวิเศษ สองดรุณเรศน้อยๆ ได้ทัศนา พระพี่น้องปราถนาจะใคร่ได้ ก็ทรงพระกรรแสงไห้วิงวอน ด้วยอำนาจพระผู้จะเปนครูสอนสัตวโลกย์ เหล่าพฤกษผลไม่มีอาโภควิญญา ก็ขยายแย้มยอดระย้าประหนึ่งยินยอม ดุจโสมนัศโน้มน้อมหน่วงลงมา ถึงพระหัดถ์สัมผัสสาศุขสบาย โอจินิต๎วา บพิตรก็ทรงเลือกผลสอสวายหว้าหวาน อันสุกแก่ตระการนานา พระราชทานให้พระโอรสาทั้งสอง เสวยศุขสำราญ ส่วนสมเด็จพระยอดเยาวมาลย์มัทรี ได้ทอดพระเนตรเห็นเปนยินดีดาลอัศจรรย์ พระโลมชาติชูชันทุกเส้นพระเกษา ให้เสียวแสยงพระโลมามิเคยพบ นางก็มีมโนนบน้อมนมัสการ ออกพระโอษฐอวยเกษมสานต์สรรเสริญส้องสาธุ์ อัจ์เฉรํ วต ควรแล้วที่อาตมพิศวง ด้วยอดุลยเดชพระผู้ทรงศีลศรัทธา สยเมโวนตา แต่ก่อนก็บ่ห่อนเห็น ไม้อันหาวิญญามิได้มาเปนปานประหนึ่งมีวิญญา มาหน่วงโน้มน้อมลงมาถึงพระหัดถ์ ด้วยกำลังมีศีลสัจบารมี แห่งสมเด็จพระมิ่งโมฬีจุฬาโลก อันจะล่วงลุจากโอฆสงสาร นางส้องสาธุการดังนี้ ทางแต่เมืองเชตอุดรไปถึงเขาสุวรรณคิรีด่านบรรพต มีกำหนดนับได้ห้าโยชน์ ตโต แต่นั้นไปโสดถึงสถานนทีธาร โกนติมารา ระยะโยชน์คณนาได้ห้าเล่า ตโต แต่นั้นไปถึงเขาอัญชนะคิรี ก็มีวิถีถึงห้าโยชน์ ตโต แต่นั้นโสดสืบไป จนถึงบ้านพราหมณวิไสยสมญา นาฬิทัณฑกะ ถ้วนห้าระยะโยชนประมาณ ตโต แต่นั้นไปถึงนครพิศาลสมญามาตุละนคราธานี นับวิถีทางถึงสิบโยชน์ สิริระยะทางแต่ต้นโสดสุดอวสาน กำหนดมารคประมาณได้สามสิบโยชน์โดยตรา เทพยดาก็เอนดูดรุณราชทั้งคู่ขัติยวงษ์ สํขิปึสุ ก็ย่อมรคาเข้าให้คงคมนาการ เสด็จวันเดียวก็ดลถึงสถานทางทุเรศ เข้าถึงขอบเขตมาตุละนคร แต่เวลาเช้าจนสายัณห์เย็นลงรอนรอนก็เสด็จถึง ด้วยเทพยเจ้าคิดคำนึงกรุณาในหน่อนริศราราชวงษ์ เหตุฉนั้นพระพุทธองค์ก็ตรัสเทศนาในจริยาปิฎก เปนเนื้อความสาธกเหมือนเนื้อความหลัง นั้นแล ๚

๏ ตมัต์ถํ ฯ ล ฯ สุโรทกัน์ติ ๆ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสิกขา เมื่อสี่กษัตรลีลาล่วงลัดถึงบุรีรัตนภารามาตุละมหาบุรีเอก อันหกหมื่นกษัตรภิเศกเสวยราชย์บริบูรณ์มั่งคั่งด้วยหมู่อำมาตย์มัจฉมังษา สรรพนานัคครศนานาสุราบาน เปนที่เกษมสำราญประชาราษฎร์ สมเด็จพระบรมนารถหน่อมุนี มิได้เสด็จดำเนินเข้าในบุรีราชฐาน ก็เสด็จประทับแทบทวารนครศาลา ส่วนสมเด็จพระสุดาอดุลยรัตนมัทรี มุญ์จิต๎วา ก็เข้าชำระเท่าธุลีลอองอันติดต้องพระบาทพระราชสามี สัม์พาหิต๎วา พระมัทรีก็นวดในพระชงฆชาณุบาทบรมราชภัสดา นางพระยาก็ยุรยาตรออกไป ยับยั้งยืนอยู่ใกล้ใบบานแทบทวารศาลา ด้วยพระดำริห์ว่าจะยังพระญาติให้แจ้งว่าพระบรมนารถราชสามี มาถึงบุรีมาตุละนคร อิต์ถิโย ฝ่ายฝูงหญิงอันสัญจรไปมานอกในเมือง ตํ ทิส๎วา เมื่อเห็นพระมัทรีศรีรัตนเรืองราชกัญญา ปริกรึสุ ก็ชวนกันก้มเกษาถวายอภิวาทพิศวง ก็วงแวดเปนวงกงก้มเกล้า ก็ทูลว่าพระแม่อยู่หัวเจ้าองค์นี้นี่มิองค์นางมัทรีแลฤๅ อันมีลักษณเลิศฦๅในแหล่งหล้า เปนอัศจรรย์ใจแก่ฝูงข้าคิดรำพึง สุขุมาลี เมื่อแม่สิปั้นปึ่งเปนนางกษัตรสุขุมชาติ ใช่เชิงแม่จะลีลาศลำนองนี้ ในอดีตกาลแต่กี้ก่อนมา ปริยายิต๎วา พระแม่จะเสด็จลีลาศ ย่อมทรงสีวิกากาญจนแก้วแกมมาศม่านวง บางคาบแลครั้งก็ทรงเครื่องราชรถอันรุ่งเรืองด้วยนพรัตน์ มีศรีสุดาลูกตระกูลกษัตรเปนศฤงฆาร ย่อมแวดวงเปนบริวารตามมา เปนเลิศล้ำโอฬาระศักดิศรี ส๎วาช์ช มัท์ที ครั้งนี้นี่เปนไฉน ข้าทั้งสิ้นนี้สงไสยสุดคิด พระอาการนี้ผิดเห็นเพทนา มาเดินด้วยพระบาทาเท้าเปล่า ดูก็เปลี่ยวประหลาดสร้อยเศร้าศรี ดีร้ายสักสิงจะมีเปนมั่นคง อรัญ์เญ พระแม่เจ้าจึงเดินดงมาในแดนกันดารได้ ฝูงข้านี้คิดอัศจรรย์ใจจริงๆ ไม่แจ้งเกล้า ขอพระแม่เจ้าจงแจ้งคดี เมื่อฝูงประชาชนชาวบุรีมาตุละนคร เห็นพระเวสสันดรสองตรุณโอรส สี่กษัตรเสียพระยศหย่อนศักดา เสด็จโดยอนาถาทุพลภาพ จึงเข้าไปกรานกราบทูลคดี แก่กษัตรทั้งหกหมื่นอันมีณเมืองมาตุละนคร เมื่อท้าวธทราบสารว่าพระเวสสันดรเสด็จมา โดยอนาถาทุกข์ยาก พระยาเจตราชอันมากทั้งหกหมื่น ก็มีกมลม่อยโศกสอื้นเปนอาไลย ปริเทวัน์ตา ตกตลึงกรรแสงไห้ชวนกันมา สัน์ติกํ สู่สำนักนิ์พระบรมนรานริศร สมเด็จพระเวสสันดร นั้นแล ๚

๏ ตมัต์ถํ ฯ ล ฯ มํ ทิส์สัน์ติ ฯ ภิก์ขเว ดูกรกัลยาณสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิ์ เมื่อพระยาเจตราชทั้งหกหมื่นหมู่กษัตร ตํ ทิส๎วา ได้ทอดพระเนตรพระหน่อรัตนเรืองโลกย์ โรทมานา ก็ชวนกันกรรแสงโศกสังเวชใจ จึ่งทูลปฏิสัณฐารปราไสฉนี้ เทวข้าแต่พระหน่อนฤบดีดวงกษัตร กุสลํ พระองค์ยังทรงศรีสวัสดินิราศโรค ทั้งทุกข์ไภยบ่พานโศกสกลกาย ทั้งพระบิตุเรศอันตรายยังไร้นิราศ ฤๅเบียดเบียนพระบาทบ้างประการใด ทั้งชาวสีพีไพร่ยังพร้อมมูล ไม่มีการที่จะอาทูลกันดารดอกฤๅพระเจ้าข้า โก เต พลํ เปนอัศจรรย์ใจด้วยพระยอดฟ้าแต่ก่อนกาล ย่อมมีทวยทหารแห่แหนเปนอเนกขนัดแน่นนานา ย่อมทรงราชรถอลังการ์ประดับแก้วกอปรด้วยธงไชยฉัตรเปนท่องแถวเถือกอร่าม เรืองด้วยศักดิสง่างามแง่งอน บัดนี้พวกพลนิกรการเกียรติยศ มาสาบสูญม้วยหมดไม่มีใคร พระอาการดูดังเข็ญใจประจวบจนพระองค์เอาพวกพลประทับทิ้งไว้ที่ใด จึ่งเสด็จด้วยประดาษเข็ญใจดั่งนี้ จงตรัสเล่าคดีแก่ข้าไป ในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ กุสลัญ์เจ ฯ ล ฯ ม๎หเสติ ฯ สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ตรัสได้ฟังสาร ก็ทรงตอบปฏิสัณฐารแถลงไป ว่าดูกรพระสหายผู้ร่วมใจทั้งหกหมื่น ความที่ทานถามทั้งนั้นก็พื้นพิพัฒน์ผล เปนมิ่งมงคลค่อยสำราญ แต่เรานี้ให้พระยาคชสารศรีเสวตร กุญ์ชรํ อันเปนเชษฐกุญชร เปนธงไชยชาวพระนครสีพี อีสาทันตํ มีงาอันงอนงามดีดุจดั่งงอนราชรถ สัพ์พยุท์ธานํ อันองอาจออมอดใจอารุธ ทั้งว่องไวในยงยุทธโยธา มีกัมพลพัตราคชาภรณ์พาดเหนือหลัง ปภิน์นํ อันซับมันมีกำลัง สัตฺตุมัท์ทนํ ทั้งรวดเร็วในณรงค์ เปนข้างทรงศัตรูนาศ ราชวาหึ เปนบรมราชอาศน์คชาธาร สหัต์ถิปํ กับทั้งหมอควาญตะพุ่นหญ้า ทั้งแก้วเก้าไม่มีค่าของวิIศษนับด้วยแสน เปนค่าควรด้วยแมนเมืองกว้าง เรายกให้เปนทานทางพระโพธิญาณ แก่พราหมณาจารย์อันมาขอข้อนี้ จึ่งพวกพลสีพีภูลพิโรธ ทั้งกรุงไกรเขากริ้วโกรธกระทำบัพพาชนิยกรรมไปวงกฏ บวชเปนดาบศบรรพชา พระสหายเจ้าจงเมตตาบอกตำแหน่ง ในสำนักนิแห่งห้องหิมเวศวงกฏ ให้เราได้บวชเปนดาบศฤๅษี ในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ ส๎วาคตัน์เต ฯ ล ฯ อาคโตสิ ฯ สมเด็จพระเจ้าเจตราชชาติสุริยวงษ์ ครั้งได้ทรงทราบสาร ก็ตอบสนองพจมานปราโมทย์ ขอบพิตรจงโปรดปรานี แม้นถึงประชาชาวสีพีพาลพิโรธ ราษฎรชาวกรุงจะกริ้วโกรธพระไกรกษัตร ให้เสด็จจรจากสมบัติบุรี บรรลุถึงธานีข้าพระองค์ ส๎วาคตัน์เต เสด็จมานี้สบประสงค์สุนทรภาพ เปนบุญลาภลํ้าเลิศ ขอพระองค์ผู้ประเสริฐทรงพระกรุณา อิส์สโร เปนแขกมาเหมือนปิ่นเกล้า แก่ข้าพระพุทธเจ้าเจตราช จะขอน้อมอยู่ในอำนาจอาณาจักร จอมจรรโลงโลกย์แผ่นพิทักษ์ในธานี แสนสมบัติทั้งมวญมีในมาตุละนคร ข้าทั้งสิ้นสโมสรพร้อมกัน มอบถวายพระองค์ผู้ทรงธรรม์ธิบดี เชิญเสวยสุทธสาลีอันเลิศรศ ทั้งมัจฉมังษาสดสรรพรศาหาร สากํ ภึสํ เง่ากมุทสดรศหวานอันโอชา ทั้งผึ้งเผือกผลผลาหลายพรรณ จงเสวยศุขมไหสวรรย์สโมสร ในเมืองมาตุละนครนี้เถิด ๚

๏ ปฏิค์คหิตํ ฯ ล ฯ เสม๎หเสติ ฯ สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ก็ตอบพระวาจา แก่จอมเจตราชวงษาสืบไป ว่าดูกรพระสหายผู้ร่วมใจจอมจักร อันนี้ก็แจ้งเห็นจริงจะบำรุงรักษ์บำเรอเรา สิ่งซึ่งพระสหายเจ้าจะบูชา เราขอรับโดยภิรมยหรรษามิให้เสียธรรม์ ขอเวนถวายท้าวทุกสิ่งสรรพ์คืนคงอย่าเคืองพระไทย ด้วยโทษทัณฑ์ราชไภยยังไม่พ้นตัวติดมา มีมโนภิรมย์ปราถนาในผนวช เปนดาบศบวชบรรพชา ท่านจงกอปรด้วยกรุณาแนะนำนิเทศ ทางหิมเวศวงกฏบรรพตคิรี ในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ สมเด็จกรุงกษัตรธิเบศร์เจตราช ก็ทูลสนองพจนาดถ์นำไป ว่าข้าแต่บรมไกรกษัตรา ข้าพระองค์ขออาราธนาพระบาทไว้ ให้เสวยศุขสำราญพระไทยที่นี้ก่อน ข้าพระองค์จะไปขออธิกรณโทษทุกสิ่งสรรพ์ แก่สมเด็จพระทรงธรรม์ธิบดี ในนครสีพีพิไชยเชตอุดร นิช์ฌาเปตุํ จะถวายภิวาทวิงวอนให้ไว้โทษ เห็นทีท้าวเธอจะทอนโกรธไม่กริ้วกราดกรุณา ลัท์ธปัจ์จยา เมื่อโปรดปรานประทานแล้ว ข้าพเจ้าทั้งปวงนี้จะผ่องแผ้วภูลภิรมย์ปรีดา จะกลับอาราธนานำเสด็จพระราชดำเนิน ตํ ปริวาเรต๎วา จะชวนกันอัญเชิญพระชินวงษ์ จะแวดล้อมตามส่งเสด็จไป ให้เปนปิ่นพิไชยเฉลิมเกล้า แก่ประชาชนเหมือนเก่าประการฉนี้ ขอเชิญเสด็จยั้งฟังท่วงทีท่าก่อน ได้โปรดเกล้าชาวมาตุละนครในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ มา โว รุจิต์ถ ฯ ล ฯ มม การณาติ ฯ สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ได้สดับสารแล้วก็ตรองตรัสตอบคดี ว่าขอบคุณพระสหายมาปรานีนี้เนื้อกรุณา คมนํ หนึ่งที่จะไปขอโทษให้สิ้นเสร็จ อย่าพอพระไทยท้าวที่จะเสด็จดั่งนั้นเลย ใช่เชิงที่จะคงคืนขึ้นได้เสวยศุไขสวรรย์ เพราะเราถูกโทษทัณฑ์นิรเทศ ทั้งนี้ด้วยเหตุเราให้ทาน พระยาคชสารเสวตรรัตน์ พลัค์คา ทุกผู้คนเขาเคืองขัดแค้นใจ ทั้งเสนาผู้น้อยใหญ่พร้อมกัน อิส์สโร ใช่ว่าท้าวเธอผู้ทรงธรรม์บิตุเรศ จะเปนสิทธิวิเศษพิพากษา ในพระไอยการกฤษฎีกาเมื่อไรมี ถึงท้าวเธอจะกลับโปรดให้ครองศรีสุริยไอสวรรย์ ในพวกพลทั้งนั้นก็จะน้อยใจ จะจองเวรพระภูวไนยให้เนียรเทศ ท้าวเธอให้จากนิเวศน์เวียงวัง ทั้งเวราก็จะรึงรังแก่เราผู้เดียว ด้วยชาวกรุงเขาโกรธเกรี้ยวกระทำโทษ ที่ท้าวเธอกลับโปรดปรานี ในเราผู้เดียวนี้ไม่เนียรโทษ จะซ้ำเสียเปนหลายโสดสองสิ่ง ท้าวทั้งปวงยังเห็นจริงด้วยฤๅไฉน ประการนี้อย่าพอพระไทยที่ท้าวเธอกรุณา ถ้ามีเมตตาก็ให้ต้องธรรม ได้โปรดช่วยแนะนำให้เราไป ณห้องหิมวาไลยบรรพตคิรี ในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ สเจ เอส ฯ ล ฯ มนุส์สาสิตุน์ติ ฯ สมเด็จกรุงกษัตรวิเศษเจตราช ก็ทูลสนองพจนาดถ์วาที ว่าข้าแต่พระมิ่งมุนีหน่อกษัตร สเจ เอสา ถ้าพระองค์มิได้โปรดประวัติหวังพระไทยที่จะกลับเสวยมไหสุริยสมบัติ ข้าก็มิให้เคืองขัดพระอัชฌาไศรย อิจ์เจว รัช์ชํ ได้โปรดเกล้าที่จะไปไกลข้าพระมาท ขอบพิตรจงรับอาราธนาน้อม ในข้าพระองค์สพรั่งพร้อมพรรณา ขอพระหน่อนริศราจงเสวยราชย์ ในเมืองมาตุละนคร ปริวาริโต ข้าพระองค์ทั้งสิ้นจะสโมสรด้วยเศียรเกล้า เปนวงษบริวารของพระเจ้าจอมจักรพรรดิพงษ์ผู้ผ่านฟ้า อิท์ธํ ผิตํ พระนครประชาชาวชนบทนี้ สรรพสิ่งจะมีมั่งคั่ง ทุกตำแหน่งนิเวศน์เวียงวังวิเศษสรรพ อนุสาสิตุํ ขอพระองค์ภิรมย์รับอาราธนา เพื่อจะเปนปิ่นปกเกษแก่สกลประชาช่วยสั่งสอน ในเมืองมาตุละนครธานีในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ นเม ฉัน์โท ฯ ล ฯ เสม๎หเสติ ฯ สมเด็จพระบรมกษัตรธิบดีศรีเวสสันดร จึ่งประภาษพจนสุนทรแถลงไข เจตปุต์ตา ดูกรพระสหายผู้ร่วมใจเจตราชบพิตรทั้งปวงตรัสประภาษทั้งนี้ ในมโนน้อมปรานีนี่นักหนา แต่ในอนาคตภาคน่านั้นยังไม่เห็น ความจลาจลจะเกิดเปนปัจจัยไป สุณาถ เม ท่านจงตั้งโสตรสดับไว้จะว่าให้ฟัง อตุฏ์ฐา ชาวสีพีราฐสิคลุ้มคลั่งเคลือบแคลง ชวนกันกินแหนงนึกร้ายว่าเราทำอันตรายราชฐาน ว่าให้ปัจจัยนาคเปนทานทำลายเมือง จึงเกิดเข็ญแค้นเคืองขั่บนำ เปนบัพพาชนิยกรรมพิกัดโทษ อภิเสจยุํ บพิตรทั้งปวงโสดจะเศกเรา เขาจะว่าคุมเข็ญค่อนมาเข้าด้วยคนผิด อสัม์โมทนียํ ต่างตนต่างจะถืออิทธิฤทธิ์รบรอน จะฟันฟาดเปนไฟฟอนทั้งสองข้าง ต่างตนจะตีกันตายเต็มไป สัม์ปหาโร จะรบพุ่งกันใหญ่เปนโกลา โฆรํ เปนพิฦกโกลากำเริบร้อน มม การณา เปนเหตุเราผู้ชื่อว่าเวสสันดรผู้เดียวนี้ วิค์คโห อันความมิได้สามัคคีข้อวิวาท เม น รุจ์จติ เราก็นับว่าปราชญ์มีปรีชา ไม่ชอบใจเจตนาจำนงเลย พระสหายทั้งปวงเอยอย่าน้อยพระไทย ยํ ทิน์นํ พระประสงค์สิ่งใดเอนดูเรา จะให้สั่งสอนสูที่เจ้าเจตราช ในประภูศักดิอำนาจอาณาจักร ก็เห็นจริงแจ้งอยู่ว่ารักบำรุงเรา ขอบคุณพระสหายเจ้าจงจำเริญ น เม ฉัน์โท แต่เรานี้ไม่รักเร่งพเอิญละอายบาป หนึ่งตัวก็ยังไม่เสธสุภาพพ้นไภย จำจะเซซังไปให้สิ้นกรรม ในเกณฑ์พิกัดท่านขับนำตำแหน่งโทษ พระสหายทั้งปวงโปรดได้ปรานี ชวนกันช่วยชี้ช่องมรรคา อันจะไปสู่มหาหิมเวศวงกฏ จะได้บวชเปนดาบศบำเพ็ญธรรม์ จะได้บุญโกฏฐาศด้วยกันในครั้งนี้ ท่านจงช่วยชี้ให้เราไป ในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ มห สัต์โต สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ เอวัญ์จ ปน วัต๎วา เธอตอบตรัสพาที มิได้ยินดีด้วยราชสมบัติ อันบรมกษัตรเจตราช ตรัสประภาษวิงวอน เห็นไม่ยินหย่อนที่จะหยั่งลง ท้าวเธอให้แต่งเครื่องภิเศกสรงสนาน นานัคครศอาหารอันเอมโอช สรรพเครื่องสักการสมโภชพิจิตรบรรจง ถวายให้ทรงทุกสิ่งพลัน เปนมหันตมโหฬารลาภลํ้าเลิศ พระมหาสัตว์ผู้ประเสริฐมิได้เสด็จเข้าไปในภายในพระนครบุรี ท้าวเธอสั่งให้ชาวที่ประดับประดา ณภายในศาลาลาดปูด้วยพระยี่ภู่พัตราภรณ์ พื้นสุพรรณบรรจฐรณ์แท่นทองที่บรรธม สอดสายวิสูตรสมวงวัง ฉากฉายตั้งต่างๆ ตั่งเตียง ประทีปรัตนรายเรียงรุ่งโรจน์ราชอลังการ์ อารัก์ขํ ท้าวเธอให้ตั้งพลับพลารอบเปนรั้ววังวงแวดล้อม สพรั่งพร้อมไพร่นาย มิให้พระมุนีหน่อกษัตรเปนอันตรายอันใดได้ ทั้งหกหมื่นก็ตั้งพระไทยพิทักษ์ พระองค์เองออกบริรักษ์ในราตรีตรวจตรา สมเด็จพระโพธิสัตว์ก็เสด็จอยู่ในศาลาสิ้นราตรี จนพระสุริยศรีส่องสว่างณะเวหา ท้าวเธอสระสรงองคาพยพ ด้วยกละออมนํ้าอบอันโอฬาร์ ภุญ์ชิต๎วา จึ่งทรงเสวยพระกระยาหาร นานัคครศอันตระการเสร็จแล้ว ก็แวดล้อมด้วยท้าวพระยาเปนทิวแถวอุฏฐาการ จากพระทวารวรศาลา ทั้งหกหมื่นกษัตราก็พาไป ในที่สุดมรรคาได้สิบห้าโยชน์ มีมโนภิรมยปราโมทย์เปนหมวดหมู่ ประทับสถิตย์อยู่แทบประตูป่า อาจิก์ขัน์โต เมื่อจะบอกยุบลตำบลทางไปเบื้องน่า ก็กล่าวด้วยพระคาถาฉนี้ ๚

๏ ตัค์ฆัน์เต ฯ ล ฯ เจตา อันว่าสมเด็จกรุงกษัตรวิเศษเจตราชทั้งหกหมื่น โรทัน์ตา ทรงพระกรรแสงสอื้นเปนอาไลย พิลาปแล้วก็ทูลไทธิบดี ตัค์ฆัน์เต พระพุทธเจ้าข้า จงตั้งวิถีพระโสตรสดับสาร ทางที่พระราชสมภารจะเสด็จไป ราชิสิ ท้าวพระยาทั้งหลายใดดุจดั่งพระองค์นี้ จำทรงผนวชเปนฤๅษีสร้างพรตพรหมจรรย์ สมาหิตา มีสมาธิมั่นไม่เข็ดขาม อาหุตัค์คิ ประพฤติพรตพฤฒิพราหมณ์พรหมหุดดิหุดีกูณฑ์กองวิสุทธิบูชาชุบโหมละโบมสิวภัศมบรัศชฎาธาร ทรงซึ่งศิววรสังวาลไหว้ไฟ อยู่ในประเทศที่ใดก็ดี กุสลา ข้าผู้จะชี้ฉลาดเลศในนิเทศเถื่อนทาง ท้าวเธอก็ยกทศางคุลีชี้ชั้นชง่อนเขาคิริยศิงขรคันธมาทน์ ว่าข้าแต่พระจอมราชเรืองพระยศ เอส เสโล โน่นนั้นชื่อสุคันธบรรพตภูผา พื้นศิลาแลงลายแลละเลื่อมเหลืองหลายสีสลับแสง บ้างเขียวขำดำแดงระดับดาษ ชื่อว่าเขาคันธมาทนวิมล มีแต่หมู่ไม้สุคนธขอนดอกรตคา ทั้งกอโกฏกฤษณาอนันต์ แน่นขนัดไปด้วยจวงจันทน์ขจรตระหลบ กลิ่นนั้นหอมหวนอวลอบเปนอัตรา พระองค์จงสร้างพระอาศรมศาลาที่นั้น บพิตรบำเพ็ญสมณธรรม์สถิตย์สำราญ สห ปุต์เตหิ กับสองราชกุมารมิ่งมเหษี อิโต นับแต่ที่นี้จะถึงเขาคันธมาทน์ โดยประมาณขาดคำนวณนับ ยังระยะที่ประทับถึงสิบห้าโยชน์ บพิตรจงเสด็จสันโดษเดินโดยอุดร บ่ายพระภักตร์ผันผ่อนต่อตั้ง เวปุล์ลํ นาม ปัพ์พตํ จะได้ทอดพระเนตรเขาแก้วอันปรากฎ ชื่อวิบุลยบรรพตภูผา นานาทิชคณากิณ์ณํ อันดาษดาด้วยตรุณรุกขชาติ เปนฉัตรชั้นที่พนมมาศหมู่ไม้ สีตัจ์ฉายํ ย่อมเย็นชะชื้อชิดไปเปนบรมศุขสำราญ จากที่นั้นไปจะได้เห็นธารแถวนที ชื่อเกตุมดีดุดั้น แทรกศิลาหลั่นไหลหลั่ง เปนธารท่อทดถั่งธารา คัม์ภีรํ เปนซอกซึ้งศิลาฦกลํ้า น้ำนั้นเย็นใสไหลฉ่ำชะฉ่าเชี่ยว ตระหลบโลดลดเลี้ยวชลาลั่น เสียงคระครึกครั่นโครมครื้น สุปติต์ถํ ทั้งท่าก็ราบรื่นร่มสบาย มัจ์ฉอากิณ์ณํ อาเกียรณ์ไปด้วยปลาสร้อยสวายว่ายเล่น เหล่ามัจฉาชาติอยู่เย็นย่อมอาไศรย ณ๎หาต๎วา ขอเชิญพระองค์สรงสบายพระไทยทั้งสี่กษัตร จึ่งเสด็จพระราชดำเนินในแนวพนัศพนมไม้ นิโค๎รธํ จึ่งจะทอดพระเนตรเห็นซึ่งต้นไทรทรงผล อันสุกงอมกับต้นหอมหวานวิเศษทรงซึ่งสาขา สิขเร ชาตํ อันงอกงามในเงื้อมศิลาแลสพุ่ม เขียวชอื้ออุ่มอัมพร สีตัจ์ฉายํ มีร่มเย็นมิได้ร้อนระรื่นใจ เสด็จแต่นั้นไปภายน่า จะได้ทอดพระเนตรนาฬิกบรรพต อันอาเกียรณ์ปรากฎด้วยสกุณคณา นกหกหงษ์มยุราร่ำร้องบ้างเร่ร่อน กึปุริสายุต์ตํ จะได้ชมฝูงกินรนวลนาง ดำเนินเยื้องยักย่างเยียรยง กระหยับปีกตีวงเวียนร่อน จะร้องระเรื่อยรํ่ารำฟ้อนแฝงคู่ ควรจะทอดพระเนตรดูเปนพิศวง จงเสด็จบทจรเดินดงโดยอุดรเบื้องบุรพทิศา เสด็จมิได้ช้าเท่าใดมี จะได้ทอดพระเนตรสระศรีสมญา มุจลิน์โท ชื่อมงคลมหามุจลินท์ สัญ์ฉัน์โน อันกอปรด้วยกลิ่นกมลชาติ ระดับด้วยดอกดาดาษ ระดะไปเปนระนาว เบญจอุบลบัวขาวสุคันธชาติควรจะเชยชม โส วนํ ป่านั้นอุดมดูดั่งเมฆ มีภิรมย์ใจไหววิเวกวังวัง หริตสัท์ทลํ แลละเลื่อมดังว่าลาด ด้วยเสื่อสาดสีเขียวขจิตรขจี ดั่งสร้อยสีขนฅอนางนกยูง ด้วยหญ้าแพรกสั้นมิได้สูงเสมอกัน ขอพระทรงธรรม์ธิบดี จงองอาจดั่งราชสีห์โกรสร วนสัณ์ฑํ เมื่อเสด็จเข้าดงดอนแดนกันดาร ดั่งราชสีห์แสวงหาอาหารอย่าได้หดหู่ จะได้ทอดพระเนตรแลดูตรุณรุกขชาติ อันทรงผลผกามาศมาลา นานาวัณ์ณา พหู ทิชา จะได้เชยชมทิชากรกระเหว่าวิเวกร้องระวังไพร วิน์ทุส์สรา อันมีเสียงใสสำเนียงเสนาะ ได้ทรงฟังก็จะไพเราะวังเวง จะเพลิดเพลินดั่งฟังพิลาปสวรรค์ ฝูงสกุณสกุณีสีสันเปนแสดแสง เปนสีขาวขาบแดงดำยะยับ เปนสีเหลืองเลื่อมสลับสายเมฆ เปนหมู่ประเจกวิจิตรรจนา อุตุสํปุป์ผิเต ทุเม บ้างโจนจับจิกพฤกษาไซ้ปีกหางหกห้อยหัว เห็นแต่ตัวบ้างบินหนี จับต้นนี้ปีนไปต้นโน้น บ้างก็โผโผนผันร้องเสียงซะซ้องเซงแซ่ น่าฟังเสียงสกุณาจอแจเจรจา จะทรงสนุกในธารท่านทีไหลล้นออกมาแต่ในซอกศิลา โปก์ขรณึ หนึ่งจะได้ทอดพระเนตรไปเบื้องน่านั้นสระศรี ชื่อว่าโบกขรณีสี่เหลี่ยมเปี่ยมไปด้วยน้ำใสสอาด มีประทุมมัจฉาชาติควรจะชื่นชม อุดมด้วยรุกขชาติมีกุ่มเกษเปนอาทิแออัด เรียงรายดังราชวัตรวงรอบในคันขอบโบกขรณี อัป์ปฏิตัน์ทิยํ มิได้มีมลทินโทษ น้ำนั้นหวานเอมโอชอร่อยรสโอชา ฟุ้งไปด้วยกลิ่นกมลมาลาประทุเมศ เปนหมู่ๆ วิเศษสัตบงก์ ทั้งอุบลสัตบันแลลินจงวิจิตรตา พระองค์จงสร้างอาศรมศาลาลงที่นั้น ในทิศบูรพ์อุดรแห่งขอบคันโบกขรณี จงสร้างพรตพิธีทางพรหมวิหาร ด้วยพระสัม์มัปปธานอย่าท้อระทด อัป์ปมัต์ตา อย่าลืมพระสติตั้งกำหนดให้แน่นอน สี่กษัตรจงสโมสรแสวงหามูลผลามาเลี้ยงกัน ในฐานที่นั่นนั้นเถิด ๚

๏ เอวํ เจตราชาโน สมเด็จพระเจ้าเจตราช ทั้งหกหมื่นมหากษัตรา ชวนกันถวายพรรณานิเทศหิมเวศวงกฏ ในแนวพนัศกำหนดสิบห้าโยชน์ ให้ทราบพระโสตรสดับแล้ว ก็ส่งเสด็จพระเกษแก้วกษัตรา จิน์เตต๎วา ชวนกันทรงพระดำริห์ถึงอันตราย กลัวว่าหมู่ปัจจามิตรจะทำร้ายพระเวสสันดร จึ่งให้หาเจตบุตรอันศึกษ์สอนศิลปสาตร พ๎ยัต์ตํ อันฉลาดผู้หนึ่งมา จึ่งตรัสสั่งว่าท่านจงรักษาสถิตย์อยู่ประตูป่า คอยผู้คนอันจะไปมากระทำอันตราย พระเจ้าเจตราชทั้งหลายตั้งพิทักษาเสร็จแล้ว ก็เสด็จเข้ายังกรุงแก้วศุขสโมสร ในมาตุละนครนั้นแล ๚

๏ สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ผู้แสวงอรรถจรรยา เมื่อเสด็จบทจรลิลาลีลาศ ด้วยพระราชบุตรมเหษี ก็เสด็จถึงคันธมาทน์คิรีระโหฐาน เธอเสด็จยับยั้งสำราญระงับร้อน สิ้นทิวากรวันวาร สมเด็จพระภูบาลก็บ่ายบทบาทผันพระภักตร์ภาคเอาทิศอุดร เสด็จไปตามบาทวิบุลสิงขรเขาใหญ่ ก็เสด็จบรรลุถึงตำแหน่งในนทีเกตุมดีแดนดง นิสีทิต๎วา ก็เสด็จทรงนิสัชนาในริมฝั่งคงคาค่อยสบายพระไทย นายเจตบุตรพรานไพรพเนจรใจภักดี ถวายเนื้อย่างอันมีรศโอชา เธอชวนสามกษัตราเสวยแล้ว ก็พระราชทานปิ่นแก้วกาญจนมีค่า แก่เจตบุตรพรานป่าเปนรางวีล จึงเสด็จสรงสนานที่นั้นน่อยหนึ่งแต่พอพึงระงับร้อน ก็เสด็จบทจรจากที่นั้นดำเนินมา เสด็จนิสีทนานั่งในร่มพระไทรใกล้สิงขรข้างเขาข้างหนึ่ง เสวยผลไทรสำราญหวานดังรศผึ้งแล้วก็เสด็จไป จึงถึงนาฬิกไศลขุนเขาแล้วก็ลุถึงมุจลินทสระศรี เธอเสด็จไปโดยรีริมฝั่งชลาไลย บรรลุถึงมุมมุจลินท์ข้างหนึ่งไซ้นั้นศิลา ฝ่ายทิศาข้างบูรพเฉียงอุดร ก็เสด็จบทจรตามมรคาอันน้อย แต่พอจุบทจรรอยผู้เดียวเดินได้ เสด็จแต่นั้นไปเปนราวป่า จึ่งถึงท่าธารน้ำไหล มาแต่ในซอกศิลา ล่วงแต่นั้นไปเบื้องน่า ก็เสด็จถึงสระอุบลบัวอันบึงนั้นนามโบกขรณี ตัส๎มึ ขเณ ขณะนั้นก็ร้อนอาศน์โกสีย์สหัสเนตร พิจารณาก็แจ้งเหตุแห่งพระบรมโพธิสัตว์จะทรงบรรพชา สมเด็จอินทราก็ตรัสสั่งพระวิศณุกรรม ให้กระทำอาศรมบท ณท้องเขาคิริยวงกฏบัดนี้ พระวิศณุกรรมก็รับสั่งใส่เศียรศรีเสด็จมา นิรมิตรพระบรรณศาลาทั้งสองสมที่จงกรมภาวนา แสร้งสรรวิจิตรบุบผาพรรณหมู่ไม้อันมีผลผลิดอกออกใบอรชร ทั้งกล้วยกล้ายเธอแกล้งสโมสรสิทธิไว้ ทั้งเครี่องบริขารของบูชาไฟฝ่ายบรรพชิต แล้วจึงลงเลขลิขิตเขียนไว้ ว่าผู้ใดใดจะบรรพชา จงเอาเครื่องบริขารนานาทั้งนี้ทรง แล้วก็จงจิตรจำนงในเทวฤทธิ์ ให้สิงสัตว์อันมีพิศม์พาฬพยัคฆหยาบคาย ทั้งเค้ากู่สกุณสัตว์เสียงร้ายร้องพิโรธ อันอุโฆษขนพองพิฦกพึงกลัว ให้ไกลจากพระเจ้าอยู่หัวเวสสันดร แล้วก็ไปยังอัมพรพิมานสวรรค์ ในดาวดึงษ์นั้นแล ๚

๏ สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ทอดพระเนตรเห็นหนทางน้อยถนัดนึกในพระไทย ว่าฐานที่นี้ไซ้จะเปนที่ศุขสบายแก่สมณะทั้งหลายจะพึงมี จึงยังพระมัทรีศรีสุริโยรส ให้ยั้งประทับแทบทวารอาศรมบท พระบรมบาทเสด็จลีลาศเข้าสู่อาศรมศาลา ก็ทรงอ่านอักษรซึ่งตราตรึงไว้ ก็แจ้งพระไทยว่าท้าวเทวินทร์ แสร้งทรงประสาทสิ้นสมณะบริขาร เพื่อจะให้เรานี้ก่อการพุทธการกบารมี เธอทรงโสมนัศยินดีเสด็จเข้าไปภายในบรรณศาลา อปเนต๎วา ก็ปลงเปลื้องพระแสงศรธนูคู่พระขรรค์ไชยออกวางไว้เสร็จแล้ว พระภักตร์เธอผ่องแผ้วผูกพระโพธิญาณ ก็เปลื้องพระภูษาสารที่ทรงมา นิวาเสต๎วา ก็ทรงทิพภูษาคากรองไกรแสงศรีวิเศษ อชินจัม์มํ จึ่งทรงพาฬพยัคฆจัมมาภรณ์เพศพรันพราย หนังเสือลายละเลื่อมประภัศรเหนือพระอังษา พัน์ธิต๎วา ผูกชฎามณฑลดูวิมลประภัศร กัต์ตรทัณ์ฑํ จึงทรงท้าวธารพระกรก็เสด็จจรจากพระบรรณศาลา ก็ตรัสเปล่งอุทานวาจาว่า อโห สุขํ บรรพชาคุณนี้ประเสริฐเลิศลํ้าศุข ปราศจากทุกข์แท้จริง ยิ่งด้วยเสลขวิเวกวาสี เธอทรงโสมนัศยินดีด้วยบรรพชา จังกมิต๎วา แล้วก็เสด็จจงกรมไปมา มีลีลาวิลาศปราศจากโทษ ดุจดังพระปัจเจกโพธิลีลา แล้วก็เสด็จมายังสำนักนิ์พระมเหษี ส่วนสมเด็จพระมัทรีได้ทัศนา สัญ์ชานิต๎วา แจ้งประจักษ์แล้วว่าพระเกษแก้วกษัตราทรงบรรพชาฉนี้ ปติต๎วา พระมัทรีก็กราบลงเหนือบทบงสุ์เบื้องพระบาทพระราชสามี พระมัทรีก็ทรงพระกรรแสงโศกา แล้วก็เข้ายังพระบรรณศาลาแห่งพระองค์ก็ทรงพรตพิธี เอาเพศเปนนางดาบศนีนางนักพรต แล้วจึงบวชสองกุมารเปนดาบศเมื่อภายหลัง กษัตรทั้งสี่ก็เสด็จอยู่ในพนมวังวงกฏบรรพตคิรี ส่วนสมเด็จพระมัทรีก็ขอพร ว่าข้าแต่พระองค์ผู้เปนเอกอดิศรเศียรเกล้า จำเดิมแต่นี้ข้าพระพุทธเจ้าขอปฏิญาณ จะเที่ยวแสวงหาผลาหารมาถวายพระองค์ ได้ทรงพระกรุณาช่วยบำรุงรักษาสองพระลูกท้าวเธอภายหลัง อรัญ์ญํ นางก็ทรงแสรกคานเข้าไพรสณฑ์ แสวงหาผลาผลมาเลี้ยงกษัตรทั้งสามตนแต่นั้นมา ส่วนสมเด็จพระภัสดาอดิศร ก็ขอพรนางมัทรี ว่าดูกรเจ้าผู้มีศรีศีลวัตร เปนเชื้อกษัตรศักดิศรี นามชื่อว่าสัตรีนี้นะนาง ย่อมเปนท่าทางมลทินโทษแก่บรรพชิตโสดสำหรับมา แม้นมาตรผิดเพลาแล้วน้องแก้วจงแจ้งการ จงรู้ประมาณเจ้าอย่ามา เมื่อผิดวัตรเวลาที่จะปรนนิบัติ ส่วนนางกษัตรีก็รับปฏิญาณ ด้วยเดชะเมตตาพรหมวิหารแห่งพระโพธิสัตว์ บรรดาแดนดงพนัศในสามโยชน์ สรรพสิงสัตว์อันร้ายมิได้พิโรธราวี มีเมตรไมตรีแก่กัน ส่วนนางก็ถวายน้ำใช้ฉันชำระพระทนต์ทุกวันมา เพลาเช้าชำระกวาดพระอาศรมศาลาแล้วเสร็จ ก็พาพระลูกทั้งสองเสด็จมามอบถวายพระสามี พระมัทรีก็ทรงแสรกขอคาน กระเช้าสานเสียมน้อย ก็ค่อยคมนาการเข้ายังห้องหิมพานต์แสวงผล เพลาเย็นก็จรดลถึงศาลา วางกระเช้าผลผลาลงแล้ว สระสรงพระลูกแก้วทั้งสองสนาน จัต์ตาโร ขัต์ติยา แล้วพระบรมกษัตรมหาศาลทั้งสี่พระองค์ ก็เสด็จสโมสรทรงนิสีทนา ในพระทวารศาลาเลือกฟั้น ชวนกันฉันผลผลาหาร แล้วสมเด็จพระมิ่งมาศเยาวมาลย์มัทรี ก็พาพระลูกทั้งสองศรีไปสู่บรรณศาลาแห่งพระองค์ เต จัต์ตาโร ขัต์ติยา พระบรมกษัตรทั้งสี่เธอทรงโสมนัศา ในบวรบรรพชากิจกายวิเวก เปนวิสุทธิสัลเลขเลี้ยงกัน ในห้องหิมวันตวงกฏ สัต์ต โน มาเส จำเนียรนานนับกำหนดในเจ็ดเดือน เอาป่ามาเปนเรือนนิราศไร้ วสึสุ ก็เสด็จสำราญพระไทยทรมานมา อิมินา นิยาเมน โดยพรรณามานี้แล ๚

๏ วนปเวสนกัณ์ฑํนิฏ์ฐิตํ ประดับด้วยพระคาถา ๕๗ พระคาถา ๚

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ