๏ ขอประนมก้มประนตน้อมถวาย |
ทั่วเทเวศร์เขตเทวันทุกชั้นราย |
จงคุ้มกายภัยยันต์สิ่งอันมี |
อันแสดงแจ้งไว้ในนิราส |
นามเชื้อชาติปรีชาพระยาศรี |
ได้เปรื่องปราชญ์ราชกิจโดยวิธี |
ข้าธุลีจักรพรรดิ์กษัตรา |
ทรงพระการุญบุญเพิ่มเติมให้ยศ |
จงปรากฎฦๅทั่วทุกทิศา |
ด้วยพระเดชพระคุณกรุณา |
ทรงเมตตาให้ว่าที่เพ็ชร์พิไชย |
ทั้งฝ่ายเหนือเผื่อทั่วในอำนาจ |
จะประกาศราชกิจตามวิไสย |
มิได้ขัดทัดทานการสิ่งใด |
ก็พร้อมใจไปทั่วทุกตัวคน |
ฝ่ายผู้รั้งขุนนางต่างประเทศ |
อาณาเขตรั้วแขวงทุกแห่งหน |
มาเคารพนบน้อมสู้ยอมตน |
หามรรคผลสารพรรณกำนัลมือ |
ด้วยมาดหมายมุ่งมาสาพิภักดิ์ |
ตามสมัคโดยกิจจิตต์นับถือ |
ได้ปรากฎทั่วชนคนล่ำลือ |
ข่าวระบือชื่อดังทั้งนคร |
พวกลาวไทยได้พึ่งพระเดชด้วย |
มาส่งส่วยตามจ่ายรายไม้ขอน |
ทุกตำบลต่างเมืองเรืองขจร |
ได้ถาวรพร้อมพรั่งทั้งข้าไทย |
ทั้งหมู่ญาติที่มีจิตต์กิจขัดข้อง |
ได้รับรองเผื่อแผ่ช่วยแก้ไข |
จะมีทุกข์สิ่งสถานประการใด |
ก็มีใจป้องกันไม่ฉันทา |
ที่ยากจนได้แค้นแสนลำบาก |
ก็ช่วยยากให้พ้นทุกข์มีสุขา |
ได้บ่ายพักตร์หมายหนึ่งเข้าพึ่งพา |
เมตตาป้องกันอันตราย |
ทั้งข้าไทยพร้อมสิ้นถิ่นสถาน |
ได้สำราญพรั่งพรูอยู่ทั้งหลาย |
มีผู้มาสาพิภักดิ์เข้าฝากกาย |
ทั้งทนายหมื่นขุนออกปูนปอง |
เสมียนลาวชาวชะเลยเคยรับใช้ |
เด็กผู้ใหญ่แน่นยัดไม่ขัดข้อง |
ทั้งผู้หญิงผู้ชายอยู่ก่ายกอง |
คอยสนองรับบัญชาสารพรรณ |
จะมีกิจการระบอบในขอบเขต |
มาแจ้งเหตุเรียนสิ้นทุกสิ่งสรรพ์ |
คอยสดับเคารพอภิวันท์ |
ไม่เดียดฉันถ้วนหน้าทั้งข้าไทย |
ถึงระดูคราวปีมีเบี้ยหวัด |
ตามสังกัดกรมขุนหมื่นดื่นไสว |
เข้ามารับเงินตราถ้วนหน้าไป |
ทั้งหมู่ไพร่ได้ทั่วทุกตัวคน |
ทั้งหม่อมหม่อมพร้อมเพรียงที่เรียงทัด |
ได้เบี้ยหวัดตามที่มิขัดสน |
ที่โปรดมากเติมให้ได้ผ่อนปรน |
ทั้งผู้คนลาวไทยให้ใช้การ |
ไหนจะเติมสิ่งของเงินทองด้วย |
ไหนจะช่วยทุกข์สุขทุกสถาน |
เปนธุระระวังทั้งวงศ์วาร |
จะประมาณพระคุณเหลือปูนปอง |
จะกล่าวไปให้ป่วยการที่พระเดช |
แต่สังเกตสุดดีไม่มีสอง |
ทั้งเงินตรามากมูลอยู่กูนกอง |
ทั้งสิ่งของต่างต่างล้วนอย่างดี |
สารพรรณมาให้ทั้งใต้เหนือ |
ได้แผ่เผื่อเจือไปตามวิถี |
ทุกนครประเทศเขตบุรี |
ระดูปีฝากมอบของตอบแทน |
ทั้งลาวเวียงเชียงใหม่พวกแพร่น่าน |
เมืองหน้าด่านพุงขาวลาวเชียงแสน |
ได้นับถือพระเดชทั่วเขตแดน |
ทุกแว่นแคว้นเมืองขึ้นดื่นนคร |
ได้ไปมาพึ่งพักรักสนิท |
มีน้ำจิตต์น้อมมโนสโมสร |
ใจผูกพันเมตตาโดยถาวร |
แต่อวยพรไปทั่วทุกตัวคน |
ด้วยน้ำจิตต์ศรัทธาทานกล้าหาญ |
ทำกองการเพิ่มพูลอยู่ในกุศล |
ได้สร้างวัดอารามงามตำบล |
ประชาชนที่ไปได้วันทา |
มีพระปรางค์ฐานซุ้มอยู่มุมวัด |
ด้านสกัดหอไตรอยู่ซ้ายขวา |
มีเสาคู่หน้าวัดถัดกันมา |
บนเสาใส่รูปไอยราอัสดร |
ศาลาซ้ายขวาอยู่หน้าวัด |
ดูเคียงถัดอารามงามสลอน |
มีถนนอยู่หน้าท่าคนจร |
นามกรเรียกวัดอินทาราม |
ประกอบด้วยปัญญาศรัทธามาก |
บริจาคทรัพย์ไปไม่นึกขาม |
ไทยทานตามมีให้ชีพราหมณ์ |
ถวายตามน้ำใจได้ศรัทธา |
มีพระสงฆ์ทรงศีลมาบิณฑบาต |
ถวายไปไม่ขาดตามปราถนา |
ไตรจีวรที่ประสงค์จำนงมา |
ได้วันทาน้อมกายถวายทาน |
ได้ก่อสร้างอย่างยิ่งสิ่งกุศล |
เปนกังวลบุญญาโดยกล้าหาญ |
ด้วยจิตต์ตั้งรำพึงถึงกองกาล |
ไม่เกียจคร้านมีมานะไม่ละวาย |
แต่ก่อสร้างพระไตรปิฎกจบ |
ก็ถ้วนครบบริบูรณ์พูลถวาย |
ได้ฉลองสามราตรีมีมากมาย |
ทั้งหญิงชายโมทนาถ้วนหน้ากัน |
อุโบสถสิ้นเดือนเหมือนอย่างก่อน |
ทั้งผ้าผ่อนเงินตราทุกสิ่งสรรพ์ |
ได้แจกให้กระยาจกคนงกงัน |
คนแก่นั้นมากมายทั้งยายชี |
ประมาณคนชรากว่าสองร้อย |
มานั่งคอยรำพึงอยู่อึงมี่ |
ได้รับของไทยทานการยินดี |
อัญชลีงกงันชวนกันไป |
บ้างให้พรโมทนาสาธุด้วย |
ให้รื่นรวยเปรื่องปราชญ์อย่าหวาดไหว |
ผลทานตามส่งให้จงใจ |
ให้ท่านได้สมคิดพระนิพพาน |
ประชาชนนิยมชมเจ้าคุณ |
ท่านใจบุญศรัทธานั้นกล้าหาญ |
กระทำบุญทุกเดือนเหมือนก่อนกาล |
จนเนิ่นนานอุสาหะไม่ละเลย |
แต่ก่อนสร้างกุศลผลบุญ |
ได้เพิ่มพูลฤไทยไม่นิ่งเฉย |
เปนธุระกังวลด้วยตนเคย |
ไม่ละเลยตั้งจิตต์คิดศรัทธา |
ด้วยเดชะอานิสงส์ที่จงนี้ |
เพิ่มทวียศศักดิ์เปนนักหนา |
เปนมงคลพิพัฒน์สวัสดิ์มา |
มีบุญญาล้ำวงศ์องค์มนตรี |
ได้ถือศักดินานั้นห้าพัน |
พระทรงธรรม์โปรดนักให้ศักดิ์ศรี |
พระราชทานพานทองของอย่างดี |
ว่าสองที่มหาดไทยทั้งล้อมวัง |
พวกเจ้ากรมชาวป้อมล้อมสถาน |
มาหมอบคลานรับบัญชาทั้งหน้าหลัง |
จะมีกิจมากน้อยมาคอยฟัง |
อยู่พร้อมพรั่งทั้งพวกมหาดไทย |
ทั้งเจ้าเมืองกรมการด่านขนอน |
ถูกอุทธรณ์ลงมาอยู่ดูไสว |
เข้าฝากตัวกลัวอำนาจราชไภย |
การสิ่งใดทุกข์ร้อนช่วยผ่อนปรน |
จะมีราชการที่บ้านนอก |
หนังสือบอกแจ้งความตามเหตุผล |
ควรจะทูลให้ทราบบาทยุคล |
ฤๅกังวลไม่คัดพอตัดรอน |
ไม่ควรเคืองใต้เบื้องลอองบาท |
ว่าสำเร็จเด็ดขาดตามสั่งสอน |
ถ้าแม้นใครดื้อดึงถึงโทษกรณ์ |
ไม่ผันผ่อนสุดแท้แต่อาญา |
บังคมทูลเบื้องบาทเจ้าอยู่หัว |
ผู้ใดชั่วตัวผิดตามโทษา |
สุดแท้แต่พระองค์ทรงเมตตา |
ให้ทราบฝ่าลอองใต้ธุลี |
ด้วยฝ่ายเหนือขึ้นกรมมหาดไทย |
เอาใจใส่เมืองขึ้นในกรุงศรี |
ควรบังคับบัญชาฟังพาที |
ตามคดีที่ข้อราชการ |
ด้วยพระองค์ทรงโปรดให้ว่ากล่าว |
จะมีข่าวเหตุมาให้ว่าขาน |
ทั้งฝ่ายเหนือรู้ทั่วกลัวออกลาน |
มาหมอบคลานฝากตัวด้วยกลัวไภย |
ด้วยเดชะบุญญาบารมี |
จึงเปนที่พึ่งพาคนอาไศรย |
แต่มีจิตต์คิดรักทุกคนไป |
ยอมให้ใช้สุจริตไม่พลิกแพลง |
ทั้งต่อหน้าลับหลังสรรเสริญ |
ไม่ละเมินบ่าวไพร่ใจสอดแหนง |
เมตตาจิตต์ทั่วไปไม่ระแวง |
อย่าเคลือบแคลงหมายมาดอัชฌาไสย |
มีทุกข์สุขสิ่งใดเล่าเข้าพิงพะ |
ช่วยธุระสุดแท้จะแก้ไข |
ไม่เห็นกับสินบลคนผู้ใด |
ตามแต่ใจใครจะคิดถึงพระคุณ |
เพราะอย่างนี้แผ่ผลคนนับถือ |
โดยสัตย์ซื่อน้ำจิตต์คิดอุดหนุน |
เปนที่ตั้งเมตตาใจการุญ |
ผลบุญส่งนั้นเห็นทันตา |
ประกอบด้วยอิศริยยศ |
ก็ปรากฎฦๅทั่วทุกทิศา |
ทั้งแขกจีนเขมรไทยได้ไปมา |
เข้าวันทาอำนวยซึ่งอวยพร |
เคารพรับนับถือระบือเลื่อง |
ท่านปราชญ์เปรื่องชำนาญการอักษร |
จะมีตราไปประเทศเขตนคร |
ราชการเย็นร้อนไม่นอนใจ |
จงเร่งรัดจัดแจงตามท้องตรา |
ที่มีมาข้อเข็ญเปนไฉน |
กรมการรีบรัดจัดแจงไป |
กลัวไภยไม่ประมาทราชการ |
ด้วยอำนาจเกรงกลัวทุกรั้วแขวง |
ไม่ขืนแขงว่ากล่าวทำห้าวหาญ |
จงนอบน้อมยอมตัวกลัวออกลาน |
ทั้งชาวบ้านกำนันก็พรั่นพรึง |
ลางพวกยอมตัวเปนส่วยสา |
ส่งขี้ผึ้งนองาทุกสิ่งสรรพ์ |
ลางพวกส่งส่วยน้ำมันชัน |
พวกลาวนั้นพร้อมด้วยส่งส่วยทอง |
พวกเลขประมวญมาห้าพันเศษ |
ได้สังเกตส่งส่วยทั้งสิ่งของ |
เปนเงินตราข้าเกณฑ์ทุกหมวดกอง |
อยู่เนืองนองตามหมู่ระดูปี |
เทศกาลมาส่งลงมาพร้อม |
ดูรายรอมพร้อมเพียงอึงมี่ |
ทั้งเงินทองสารพรรณสิ่งอันดี |
ทุกคราวปีพร้อมพรักพนักงาร |
ทั้งกองลาวเมืองอุบลชนบท |
มาประนตหลายล้อมน้อมบรรหาร |
จัดสิ่งของกำนัลบรรณาการ |
มาสถานยกให้ดังใจปอง |
ด้วยมีจิตต์สมัคโดยรักใคร่ |
จึงมีใจรักจริงหาสิ่งของ |
ทั้งฝ่ายลาวพวกจ่ายตัวนายกอง |
ทั้งส่วยทองส่งเนื่องเมืองกระบิน |
พวกฝ่ายลาวตวันออกทั้งขอบเขต |
ทุกประเทศส่วนส่งลงมาสิ้น |
ทั้งพวกลาวกำภูเมืองสูรินทร์ |
ลาวเมืองอินท์เมืองพรหมระดมมา |
เข้านอบนบอภิวันท์น้อมคำนับ |
คอยสดับคดีตามยศถา |
ด้วยเกรงกลัวบารมีที่บุญญา |
ตามบรรดาลาวไทยขึ้นในกรม |
ฝ่ายขุนนางชาวป้อมพวกล้อมวัง |
ดูคับคั่งไพร่ผู้ดียังมีถม |
เข้าฝากตัวสมัครักอารมณ์ |
มาระดมกราบเท้าทุกเช้าเย็น |
มีทุกข์ไภยเบียดเบียนกราบเรียนท่าน |
ช่วยผ่อนผันปลดเปลื้องที่เคืองเข็ญ |
ท่านว่ากล่าวแก้ไขไม่ให้เปน |
เพราะได้เห็นพระคุณการุณัง |
จึงมีจิตต์สัจซื่อนับถือนัก |
มาพึ่งภักดิฝากกายโดยหมายหวัง |
ท่านเมตตาสัจจริงไม่ชิงชัง |
ผู้ใดตั้งสุจริตคิดการุญ |
ด้วยเดชะบารมีภินิหาร |
ประกอบการบริสุทธิ์ที่อุดหนูน |
ทั้งยศศักดิ์มากเติมได้เพิ่มพูล |
จงก่อกูลปัญญาปรีชาชาญ |
จะแต่งตั้งหนังสือสิ่งทั้งหลาย |
ขึ้นถวายทราบเบื้องตามเรื่องสาร |
ไม่ดำริห์สิ่งใดในเหตุการ |
จงโปรดปรานถ้อยคำที่น้ำนวล |
ได้ทรงฟังหนังสือฝีมือเขียน |
ไม่ติเตียนพระองค์ทรงพระสรวล |
ทราบพระไทยในราชการควร |
ช่างถี่ถ้วนถูกต้องตามท้องตรา |
ครั้งทัพไทยไปตีเมืองไซ่ง่อน |
ทัพนครกรุงไทยไปอาสา |
ทัพหลวงเจ้าพระยาบดินทร์เดชา |
เมื่อทัพล่าตั้งลงดงค์มีไชย |
เจ้าเมืองเว้ให้ทูตซึ่งนำสาส์น |
มาว่าขานคดีตามวิไสย |
รับสั่งให้พระยาศรีมีตราไป |
แก้ไขตามอย่างทางไมตรี |
พอแต่งเสร็จในราชอักษร |
ไม่ตัดรอนในราชสาส์นศรี |
อ่านถวายทรงฟังยังคดี |
ทรงโปรดปรานให้มีซึ่งรางวัล |
ทรงชมเชยถ้อยคำทำถวาย |
ช่างเพราะพรายกล่อมกลมเปนคมสัน |
ฟังจะแจ้งเห็นจริงทุกสิ่งอัน |
สารพรรณสรรค์เล่าสำเนาความ |
พอเสร็จสิ้นนำถวายเจ้าเมืองเว้ |
ฟังคเนแจ้งใจจึงไถ่ถาม |
สีปากใครออกชื่อระบือนาม |
ช่างแต่งตามเปนขอบไรชอบใจจริง |
แต่ว่าขานครั้งนี้ชั่งดีนัก |
จะเริ่มรักไมตรีเปนที่ยิ่ง |
ญวนไทยไปมาได้พักพิง |
ก็แจ้งความทุกสิ่งที่มีมา |
เจ้าเมืองเว้เวศนามตรัสถามชื่อ |
ผู้ใดแต่งหนังสือเพราะนักหนา |
ช่างว่ากล่าวต้องอารมณ์ชมปัญญา |
มียศถาเพียงใดในนคร |
ตรัสถามทูตทูตทูลไปถ้วนถี่ |
พระยาศรีผู้ชำนาญการอักษร |
ว่าฝ่ายเหนือทั่วสิ้นถิ่นฐานดร |
อยู่ถาวรอุดมสมยศศักดิ์ |
ฝ่ายทูตไทยทูลลากลับมาเมือง |
มาแจ้งเรื่องทูลองค์ทรงพระจักร |
มีรับสั่งไถ่ถามเนื้อความนัก |
จึงฟอกซักถี่ถ้วนประมวญความ |
ทูตทูลจะแจ้งแสดงเรื่อง |
ให้ทราบเบื้องพระไทยมิได้ขาม |
เมืองหลวงแจ้งเหตุเจ้าเวศนาม |
ซักถามผู้ใดแต่งแจ้งไมตรี |
ปากคำเพราะนักช่างหลักแหลม |
ช่างเติมแต้มพูดจาเปนราศี |
ขุนนางกรุงเมืองไทยปัญญาดี |
ไม่เสียทีตอบมาสารพรรณ |
พวกทูตไทยได้ทูลให้ทรงทราบ |
บังคมกราบแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
ด้วยสมเด็จพระองค์ผู้ทรงธรรม์ |
อภิวันท์นบนอบแล้วหมอบกาย |
มีพระกระแสบรมราช |
ตรัสประภาษชมชูอยู่ทั้งหลาย |
ถ้อยคำแสนรู้ดูแยบคาย |
แต่งถวายดูตรองต้องพระไทย |
จึงประทานเงินตราทั้งผ้าเสื้อ |
ได้มากเหลือทั้งปวงผ้าม่วงไหม |
สมปักปูมอย่างดีศรีอำไพ |
ประทานให้สมพักตร์ตามศักดินา |
ด้วยเดชะผลบุญเจ้าคุณทั่น |
ได้ถือมั่นสุจริตไม่อิจฉา |
ไพร่ผู้ดีทั้งเหล่าเจ้าพระยา |
ไม่ฉันทาส่อเสียดรังเกียจการ |
จะมีเหตุฉันใดในราชกิจ |
ระวังผิดคอยสดับรับบรรหาร |
ไม่ประมาทในราชกิจการ |
ควรสถานสิ่งใดตั้งใจตรอง |
จะมีความตามบอกนอกประเทศ |
ได้แจ้งเหตุเค้ามูลทูลฉลอง |
ควรจะมีตราตอบชอบทำนอง |
จะขัดข้องสิ่งไรมาก็ว่าไป |
เขตทั้งหลายฝ่ายเหนือขึ้นในกรม |
กราบบังคมทูลแจ้งแถลงไข |
จะมีตราว่าขานการสิ่งใด |
ให้ทราบใต้เบื้องบาทบทมาลย์ |
กราบทูลพระกรุณาสารพัด |
จะทรงตรัสไฉนได้ไถ่ถาม |
แล้วแต่องค์ทรงฟังจะสั่งความ |
ได้ทำตามพระกระแสแต่จะมี |
ในท้องตราว่ากล่าวตามข่าวบอก |
ทุกบ้านนอกขอบเขตขึ้นกรุงศรี |
ได้ฉลองลอองฝ่าธุลี |
ตามแต่ที่ข้อราชการเมือง |
ด้วยพระองค์ไว้วางต่างพระเนตร |
แม้นมีเหตุสิ่งใดในใต้เบื้อง |
ได้กราบทูลตามรู้อยู่เนืองเนือง |
จะมีเรื่องบอกบรรณยังศัลลา |
เมื่อครั้งเมืองเชียงใหม่ได้วิวาท |
เกิดอาฆาฏราชวงศ์กับพงศา |
กับแสนท้าวเคืองขุ่นวุ่นไปมา |
ด้วยโกรธาพี่น้องไม่ปรองกัน |
จึงมีหนังสือบอกมาแจ้งเรื่อง |
ตามเหตุเมืองเชียงใหม่ทุกสิ่งสรรพ์ |
พอทรงทราบใต้ฝ่าสารพรรณ |
พระทรงธรรม์เคืองขุ่นอยู่วุ่นวาย |
จึ่งรับสั่งให้หาพระยาศรี |
สั่งให้มีท้องตราว่าทั้งหลาย |
ให้แสนท้าวเมืองหน้าพระยานาย |
อย่าระคายเคืองกันเสียพันธุ์พงศ์ |
ถือรับสั่งออกมาแต่งตราใหม่ |
ด้วยแจ้งใจเนื้อความตามประสงค์ |
ในท้องตราห้ามปรามตามจำนง |
อย่าเสียวงศ์พงศาพระยาลาว |
ให้มีจิตต์รักกันตามฉันญาติ |
เกิดอาฆาฏจะล่ำลือความอื้อฉาว |
จะรู้ถึงรามัญเมืองตะนาว |
จะเปนคาวข้าศึกเติบกำเริบใจ |
สามัคคีพร้อมพรั่งทั้งพี่น้อง |
ได้ปกครองไพร่ฟ้าคนอาไศรย |
บำรุงเขตสถานบ้านเมืองไป |
เมืองเชียงใหม่อยู่เย็นเปนนิรันดร์ |
พอเสร็จสิ้นในตราที่ว่ากล่าว |
ตามเรื่องราวแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
ทราบพระไทยพระองค์ผู้ทรงธรรม์ |
สารพรรณดูคล่องต้องอารมณ์ |
ช่างแต่งดีฝีปากฉลาดเหลือ |
ว่าแผ่เผื่อเจือความพองามสม |
มีกระแสดำรัสตรัสเชยชม |
ว่ากล่อมกลมสมความตามท้องตรา |
พอแต่งเสร็จผู้ถือหนังสือไป |
เจ้าเชียงใหม่พวกราชวงศา |
ได้แสดงแจ้งความตามมีมา |
ก็วันทาเกศก้มประนมกร |
ฝ่ายแสนท้าวราชบุตรผู้บุตรหลาน |
ก็พร้อมการแจ้งใจในอักษร |
ไม่ขัดขืนเห็นด้วยอำนวยพร |
ที่เดือดร้อนผ่อนผันก็หันดี |
รู้กระจัดชัดแน่แต่ได้จำ |
แม้นปากคำเจ้าคุณพระยาศรี |
เปนมุลนายฝ่ายเราเล่าปรานี |
ก็ควรที่จะน้อมยอมพระคุณ |
ด้วยมีจิตต์รักใคร่ได้พึ่งภักดิ์ |
พระคุณหนักเหลือหลายไม่หายสุญ |
ได้ไปมาหาท่านนั้นการุญ |
มีบุญคุณอยู่ทั่วทุกตัวคน |
ทั้งบุตรหลานแสนท้าวเจ้าเชียงใหม่ |
ก็พร้อมใจเห็นด้วยอำนวยผล |
ไม่ขืนขัดเกรงกลัวทุกตัวคน |
พระคุณล้นเมตตาข้าลออง |
ก็รักใคร่ทั่วกันตามฉันญาติ์ |
พยาบาทเสื่อมหายเปนฝ่ายสอง |
ก็เรียบร้อยทุกหมู่อยู่ปรองดอง |
ตามพวกพ้องพงศ์พันธุ์ไม่ฉันทา |
จะมีกิจราชการสถานใด |
ก็พร้อมใจพร้อมจิตต์คิดปรึกษา |
ได้อยู่เย็นเปนสุขทุกวันมา |
ด้วยบุญญาคุ้มครองได้ป้องกัน |
เทศกาลใจปลงลงมาเฝ้า |
บังคมเกล้าตามประเทศทุกเขตขัณฑ์ |
ได้จัดของนานาสารพรรณ |
มาถวายทรงธรรม์บาทบงสุ์ |
เปนกรมขึ้นมหาดไทยในนิเวศน์ |
ขอแจ้งเหตุมีความตามประสงค์ |
พระยาศรีนำสนองฉลององค์ |
ตามแต่ทรงประภาษราชการ |
ทุกประเทศนิคมชนบท |
มาประนตน้อมสดับรับบรรหาร |
ผู้นำเฝ้าทูลแถลงแจ้งการงาร |
ควรสถานประมูลทูลลออง |
รับสั่งมอบพระยาศรีผู้มียศ |
ให้ปรากฎบังคับรับสนอง |
ได้ว่ากล่าวไตรตรวจทุกหมวดกอง |
แม้ผิดพลั้งจำจองตามอาญา |
แม้โทษผิดต้องถอดออกจากที่ |
ผู้ใดดีก็ต้องเพิ่มเติมยศถา |
ควรตั้งแต่งเปนผู้ใหญ่ไว้บัญชา |
ได้รักษาตามรอบขอบเขตแดน |
ทั้งฝ่ายเหนือเผื่อทั่วนิคมเขต |
แม้นมีเหตุว่าความตามแบบแผน |
แม้นพวกราษฎร์ร้องทุกข์ไม่ว่าแทน |
ได้คับแค้นขุ่นข้องต้องอุทธรณ์ |
ฝ่ายเจ้าเมืองกรมการทั้งผู้ดาษ |
พวกพิพาทตามคดีมีอักษร |
ด้วยราษฎร์มาร้องทุกข์ที่โทษกรณ์ |
ต้องมีตรากลับย้อนหาตัวมา |
จะเปนเหตุราชกิจที่ผิดพลั้ง |
ตามรับสั่งทรงโปรดโทษโทษา |
พวกราษฎร์ร้องขัดข้องต้องอาญา |
ตามบัญชาว่าสิ้นตัดสินความ |
จะเท็จจริงมีโทษโจทย์จำเลย |
ไม่นิ่งเฉยเลยละชำระถาม |
ผิดพลั้งสิ่งใดได้ทำตาม |
ไม่ให้เปนเสี้ยนหนามความแผ่นดิน |
จำเลยโจทย์โทษผิดผู้ใดแพ้ |
ก็สุดแท้เร่งรัดซึ่งตัดสิน |
ไม่เหนี่ยวหน่วงเคืองเข็ญเปนมลทิน |
ตามกระบิลความเสร็จสำเร็จกัน |
เพราะเช่นนี้คนกลัวทุกหมู่ราษฎร์ |
(ตรงนี้ความขาด)... |
... |
... |
... |
กางปีกเพลาเหมือนจะจรร่อนเวหา |
ช่างแต่งทำชมเพลินเจริญตา |
สองข้างฝาเหลี่ยมยกกระจกเงา |
หว่างชิดปิดบังตั้งเปนที่ |
ระยะดีที่ทางสองข้างเสา |
แลสอาดเพริศแพร้วดูแวววาว |
ปิดทองพราวสอดศรีฉวีวรรณ |
พิศไหนวิไลยที่ในเก๋ง |
จะแลเลงเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
มีโคมแขวนรายเรียงอยู่เคียงกัน |
ทุกช่องชั้นงามล้วนกระบวรจีน |
ทั้งพื้นชานน่าอยู่ดูสอาด |
ล้วนปูลาดหนาแน่นด้วยแผ่นหิน |
มีแท่นเตียงตั้งหน้าไม่ราคิน |
ช่างงามสิ้นอุดมสมขุนนาง |
เปนที่พักนั่งเล่นเปนผาสุก |
ไม่มีทุกข์สารพัดสิ่งขัดขวาง |
แต่ล้วนหม่อมรับใช้ในที่ทาง |
กุศลอย่างพรักพร้อมหม่อมผู้ดี |
จะแต่งตัวงามตาผ้านุ่งห่ม |
ดูสวยสมหลายอย่างต่างต่างศรี |
พวกสาวใช้ไปมาล้วนนารี |
ประจำที่นั่งยามอยู่ตามเคย |
ทั้งขุนหมื่นทนายฝ่ายข้างหน้า |
หมอบสดับรับบัญชาไม่นิ่งเฉย |
จะมีกิจธุระไม่ละเลย |
จะเรียกเวยใครวาก็มาทัน |
ที่สมัคฝากตัวเข้ารับใช้ |
หมอบคลานไปสาละวนคนขยัน |
ไม่มีใครส่อเสียดรังเกียจกัน |
ก็ดูหมั่นถ้วนหน้าทั้งข้าไทย |
พรั่งพร้อมโภคาวรายศ |
ก็ปรากฎเกรงพรั่นอยู่หวั่นไหว |
มากราบเท้าเช้าเย็นทุกวันไป |
ทั้งนอกในแน่นมาหน้าเก๋งทอง |
สมณชีบามาบิณฑบาต |
มิได้ขาดไทยทานการสิ่งของ |
เปนวัตถุสิ่งไรได้รับรอง |
ตามทำนองประสงค์ที่จงมา |
อุสาหะได้ทำนำถวาย |
ไม่เบื่อหน่ายหมายมาดสาสนา |
ได้ถือมั่นสันดานการศรัทธา |
ด้วยเมตตาจิตต์หวังยังนิพพาน |
ถึงผู้ดีขุนนางอย่างมียศ |
ก็ปรากฎมาสู่ยังสถาน |
จะประสงค์จงเจตนาการ |
ไม่ทัดทานสิ่งไรให้ตามมี |
จะเปนไม้ขอนสักฤๅหลักแพ |
ก็สุดแท้แต่กิจตามวิถี |
ต้องประสงค์จงให้เปนไมตรี |
ไพร่ผู้ดีไม่ว่าเลือกหน้าใคร |
ทุกข์สุขไปมาสาพิภักดิ์ |
ที่ชอบรักพึ่งพาอัชฌาไสย |
จะเปนกิจราชการสถานใด |
สมเคราะห์ไปให้ระงับพอดับเย็น |
ด้วยสมเด็จพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ |
ทรงโปรดนักตามกระแสคนแลเห็น |
ได้นับถือกลัวลานเพราะการเปน |
จะเคืองเข็ญสิ่งไรต้องไปมา |
ด้วยเดชะบาระมีเปนที่พึ่ง |
เห็นเปนหนึ่งปกครองป้องรักษา |
มียศศักดิ์บริบูรณ์พูลปัญญา |
ชาวประชาจึงล่ำฦๅระบือดัง |
พรักพร้อมโภคัยในสมบัติ |
ไม่ข้องขัดเคหฐานการปลูกฝัง |
จะตบแต่งมากมูลพูลกำลัง |
ก็พร้อมพรั่งบุญญาปรีชาชาญ |
จึงก่อสร้างเก๋งทองของสอาด |
ดูประหลาทงามแสนเปนแก่นสาร |
น่าชมชูอยู่ด้วยไม่ป่วยการ |
แสนสำราญน่าอยู่สมผู้ดี |
เรือนใหญ่โตยาวได้เก้าห้อง |
ริมเก๋งทองสูงสง่าเปนราศี |
ทั้งงามจริงยิ่งสมอุดมมี |
ข้างในที่เรือนใหญ่วิไลยงาม |
บนดาดฟ้าทาพื้นสีนวลขาว |
ดูแพรวพราวพิลึกน่านึกขาม |
เหลี่ยมสลักรายเคียงกันเรียงตาม |
ดูแวววามกระบวรล้วนสุวรรณ |
ช่องกระจกรูปหนูมือจีนเขียน |
ช่างจำเนียนงามแม้นแสนขยัน |
ดูเหมือนเปนเล่นตาน่าแจ่มจัน |
เปนช่องชั้นหลายอย่างกระจ่างตา |
จะแลไหนวิไลยสอาดเอี่ยม |
ช่างงามเทียมเฉิดฉายลายเลขา |
มีเตียงทองตั้งชิดที่นิทรา |
ที่นอกฝาม่านกันอยู่ชั้นกลาง |
มีประตูม่านไขวิไลยนัก |
ลายสลักดูไปไม่ขัดขวาง |
ช่างดูเหมาะงามดีในที่ทาง |
มีเหลี่ยมหว่างลายทองมองเปนเงา |
ที่พื้นลดฉากปิดงามมิดเมี้ยน |
ในฉากเขียนเปนเมืองเรื่องอิเหนา |
เมื่อประชวรครวญครางไม่สร่างเบา |
แต่โศกเศร้าถึงนุชบุษบา |
แสนฉลาดวาดเขียนจำเนียนไว้ |
หวังจะให้คนชมในเคหา |
มีตู้ห้องรายเรียงเคียงกันมา |
ลับแลตั้งบังตาหน้าประตู |
ฝากั้นประจันห้องอยู่สองชั้น |
พวกหม่อมนั้นนอนเคียงเรียงเปนหมู่ |
แต่ล้วนสาวโสภาน่าเอนดู |
สถิตอยู่สถานสำราญกาย |
พิเคราะห์ไหนให้เพลินเจริญจิตต์ |
ช่างสมคิดอย่างมาดที่คาดหมาย |
ช่างมีบุญนั้นหนอเหมือนหมอทาย |
ชนทั้งหลายชื่นชมภิรมย์ปอง |
ด้วยตั้งจิตต์คิดมาสาพิภักดิ์ |
โดยความรักสุดที่ไม่มีสอง |
ที่มีบุตรรุ่นสาวคราวคนอง |
ยกประคองกราบไหว้ให้เจ้าคุณ |
ด้วยจิตต์หวังตั้งมาเปนข้าท่าน |
แม้นทำดีรางวัลนั้นไม่สูญ |
คงเมตตาให้เติมที่เพิ่มพูล |
จงก่อกูลมั่งคั่งได้ตั้งตน |
ถ้าแม้นใช้ได้ราชการคล่อง |
ทั้งเงินทองให้นักเปนพักผล |
ทั้งบ่าวไพร่ใช้อยู่ทั้งผู้คน |
ดูเหลือล้นพรั่งพร้อมทุกหม่อมนาง |
ไม่มีใครเหนื่อยยากลำบากจิตต์ |
ก็สมคิดใจปองไม่หมองหมาง |
บำรุงกายให้สอาดสวาทปราง |
ไม่ขัดขวางคงสมภิรมย์เชย |
ที่หมั่นดีอุส่าห์หาความชอบ |
ย่อมประกอบรางวัลท่านไม่เฉย |
เปนสิ่งของกลางปีตามที่เคย |
ไม่ละเลยด้วยจิตต์คิดเมตตา |
จะเปนการสิ่งใดในสถาน |
ไม่เกียจคร้านแม่นมั่นนั้นนักหนา |
ก็เพิ่มให้ขึ้นมั่งทั้งเงินตรา |
ทั้งแพรผ้าสิ่งของที่ต้องใจ |
ทั้งบุตรหลานที่อยู่สู่สนิท |
เมตตาจิตต์ถ้วนหน้าอัชฌาไสย |
ไม่ลำเอียงเที่ยงธรรม์ทุกคนไป |
ที่เติบใหญ่หาคู่สู่ประคอง |
จึงแบ่งทรัพย์ตามที่ให้มีส่วน |
แม้นสมควรเห็นจริงให้สิ่งของ |
เปนเงินตราสิบชั่งดังใจปอง |
ยกสนองมอบให้ดังใจจง |
สารพัดจัดหาให้บุตรหลาน |
ที่ควรการชอบจิตต์คิดประสงค์ |
ให้มั่งมีทั่วกันอยู่มั่นคง |
ได้สืบวงศ์พงศ์พันธุ์ทุกชั้นมา |
ด้วยพระเดชล้ำดีเปนที่สุด |
ปรานีบุตรการุญรักเปนนักหนา |
จึงจัดส่วนแบ่งปันให้ทันตา |
การชราไม่ขาดประมาทกาย |
ด้วยถือมั่นคำพระทรงบัญญัติ |
เกิดเปนสัตว์ไม่เที่ยงเพียงจะหมาย |
จงรีบรัดจัดอยู่ดูแยบคาย |
ให้บุตรชายบุตรีที่สมควร |
จึงแบ่งให้ตามดีที่มียศ |
ศรีสมรสพร้อมพรั่งทั้งเรือกสวน |
ทั้งถิ่นฐานอยู่สุขทุกกระบวร |
จัดถี่ถ้วนมอบให้ไว้ทุกคน |
ด้วยพระเดชเหลือดีเปนที่ยิ่ง |
ให้ทุกสิ่งสารพัดไม่ขัดสน |
ได้บำรุงไปทั่วทุกตัวคน |
พระคุณล้นเนกนันต์พรรณา |
จะหาไหนได้เปรียบไม่เทียบเท่า |
ตายแล้วเกิดเล่าที่จะหา |
เห็นไม่เหมือนอย่างนี้มีบุญญา |
ขอเปนข้าเบื้องบาททุกชาติไป |
ด้วยประกอบชอบกิจน้ำจิตต์รัก |
ตามสมัคใจปองสนองไข |
พึ่งพระเดชเดชาเปนข้าไทย |
ด้วยมีใจตั้งมั่นในสันดาน |
ด้วยพระคุณแผ่เผื่อเหลือที่สุด |
บรรดาบุตรมีสุขเกษมสานต์ |
บ่าวไพร่พรั่งพรูอยู่สำราญ |
ประกอบการพิพัฒน์สวัสดี |
ด้วยเดชาปรากฎทุกประเทศ |
เรืองเดชยศถาทุกราศี |
เฟื่องฟุ้งกรุงเทพธานี |
ชาวบุรีชมชูไม่รู้วาย |
แต่สร้างสมทุกอย่างในทางมรรค |
ประเสริฐนักล้ำเหลือเปนเชื้อสาย |
การกุศลปรนนิบัติไม่เว้นวาย |
ชนทั้งหลายโมทนาถ้วนหน้ากัน |
ฝ่ายปัญญาดีนักชั่งหลักแหลม |
คิดเติมแต้มเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
ประกอบด้วยภินิหารการสำคัญ |
สารพันเด็จขาดราชการ |
จะคิดแต่งอักษรกลอนถวาย |
ฟังแยบคายฟูเฟื่องในเรื่องสาส์น |
แสนเสนาะถ้อยคำที่ชำนาญ |
ทรงโปรดปรานให้ชื่อระบือดัง |
ทั้งถิ่นฐานันดรก็ใหญ่กว้าง |
สมทุกอย่างแต่งถูกที่ปลูกฝัง |
แสนสอาดดูไปไม่รุงรัง |
คับคั่งตึกร้านทั้งบ้านเรือน |
จะก่อสร้างวางไว้วิไลยล้วน |
ตามกระบวรงามดีไม่มีเหมือน |
มีประตูหลายชั้นน่าฟั่นเฟือน |
แม้นใครเชือนเดิรงงมักหลงทาง |
จะดูไหนให้เพลินเจริญจิตต์ |
จะพินิจแลไปไม่ขัดขวาง |
สมยศศักดิ์สมควรการบ้านขุนนาง |
จะไว้วางสร้างสมน่าชมเชย |
เมื่อเวลาวาระจะมีเหตุ |
เกิดอาเภทโรคาหนาอกเอ๋ย |
มายายีร่างกายไม่สะเบย |
ไม่ควรเลยเวรกรรมชั่งทำมา |
แต่เกิดโรคนั้นด้วยให้ป่วยเจ็บ |
ให้เมื่อยเหน็บเจ็บกายทั้งซ้ายขวา |
ทุกข์โศกโรคไภยมาบีฑา |
โรคาก่อเกิดกำเริบกาย |
เมื่อวาระนั้นไซ้ครรไลล่วง |
ญาติทั้งปวงบ่าวไพร่น่าใจหาย |
โศกศัลย์มัวขุ่นอยู่วุ่นวาย |
แสนเสียดายพระคุณอยู่ปูนปอง |
ทั้งภรรยานารีที่มียศ |
โศกสลดทุกเหล่าให้เศร้าหมอง |
ทั้งบุตรหลานวงศาน้ำตานอง |
ขุ่นข้องไปทั่วทุกตัวคน |
ยังครวญหาว่าพระเดชนั้นเหลือล้ำ |
เคยอุปถัมภ์มีสุขทุกแห่งหน |
ได้เคืองเข็ญทุกข์ร้อนท่านผ่อนปรน |
ที่ยากจนได้มาเปนข้าไทย |
ต่างคนทุกข์อกวิตกนัก |
คนที่รักเศร้าหมองนั่งร้องไห้ |
บ้างมีจิตต์คิดนิยมชมน้ำใจ |
เคยได้พึ่งพาบารมี |
บ้างบ่นบ้างว่าน่าเสียดาย |
ทั้งหญิงชายแซ่ดังทั้งกรุงศรี |
ด้วยใจจิตต์คิดถึงท่านปรานี |
ท่านผู้ดีที่เมตานั่งปรารมภ์ |
ฝ่ายหม่อมหม่อมสาวนางต่างวิตก |
บ้างตีอกเต้นหรับอยู่ทับถม |
บ้างโศกศัลย์รัญจวนครวญระบม |
เฝ้าเกรียมกรมร่ำพลางทางอาวรณ์ |
ที่หม่อมรักสุจริตคิดเศร้าสร้อย |
ครวญละห้อยแทบวอดทอดถอน |
บ้างว่าสูญลับไปจะไกลจร |
จะทุกข์ร้อนผู้เดียวเปลี่ยวเอกา |
ที่รุ่นสาวงามดีทำวิตก |
แกล้งตีอกวิโยคทำโศกหา |
ที่จริงจิตต์ทุจริตทำมารยา |
แกล้งบ่นว่าพูดอึงจะพึ่งใคร |
ทำทุกข์ทุกข์ร้อนร้อนไปตามเพื่อน |
แกล้งทำเชือนร่ำหาน้ำตาไหล |
ที่เพื่อนสาวสมัครักกรอมใจ |
ก็ปราไสปฤกษาหาคู่ครอง |
บ้างว่าบุตรชายบุตรีไม่มีมั่ง |
ยี่สิบชั่งได้จริงทั้งสิ่งของ |
ได้เปนทุนหาคู่อยู่รับรอง |
บ้างเศร้าหมองถึงทรัพย์กลับรำคาญ |
บ้างทุกข์โศกขัดข้องใจไม่ได้มั่ง |
ร้องไห้คลั่งครวญมากทำปากหวาน |
ที่ทุกข์จริงเสือกสนอลมาน |
ประกอบการตั้งมั่นกตัญญู |
ที่มีใจบริสุทธิจริตรัก |
สลดนักร่ำไห้ไม่อดสู |
เสียงเซงแซ่คับคั่งอยู่พรั่งพรู |
บ้างไม่รู้วิ่งมาตกตลึง |
ไพร่ผู้ดีพงศ์พันธุ์ตามฉันญาติ์ |
อยู่เกลื่อนกลาดตกประหม่าหูตาขึง |
บ้างร้องไห้แซ่เสียงสำเนียงอึง |
นั่งรำพึงถึงท่านนั้นทุกคน |
ฝ่ายขุนนางผู้ดีมียศศักดิ์ |
มาพร้อมพรักแน่นอยู่ดูสับสน |
ทั้งเจ้านายไปมาสาละวน |
ทั้งเครื่องต้นโกษฐ์ทองของประทาน |
พวกสนมก้มคลานยกโกษฐ์ตั้ง |
พวกแตรสังข์กลองโยนประโคมขาน |
เสียงโศกีไปมาน่ารำคาญ |
แสนสงสารพระคุณพูลทวี |
บ้างโศกศัลย์รันทดสลดจิตต์ |
สุดคิดสุดวิโยคยิ่งโศกศรี |
บ้างครวญคร่ำร่ำว่าด้วยพาที |
โอครั้งนี้มีกรรมจำอาดูร |
จะผินหน้าพึ่งใครที่ไหนเล่า |
ไม่เหมือนเก่านับปีมีแต่สูญ |
จะหาใหม่ไหนมาใจการุญ |
ไม่เหมือนอย่างเจ้าคุณล่วงครรไล |
ด้วยจิตต์ท่านกรุณาสารพัด |
เมตตาสัตว์ปรานีเปนนิไสย |
ไมอาฆาฏจองเวรท่านผู้ใด |
ด้วยน้ำใจตั้งมั่นไม่ฉันทา |
จิตต์ตั้งมั่นหมายฝ่ายกุศล |
เปนกังวลไม่แหนงแสวงหา |
ตั้งแต่นี้มีแต่โหยจะโรยรา |
จะตั้งหน้านับปีไปทีเดียว |
เมื่อใดเล่าจะได้มาพบปะ |
จะเลยละเปนแน่ไม่แลเหลียว |
เปนกรรมเราทุกสิ่งจริงจริงเจียว |
จะอยู่เปลี่ยวเศร้าใจไม่วายวัน |
ต่างคนวิบัติจะพลัดพราก |
จะวิบากจากไปโดยผายผัน |
ต่างคนต่างวิบัติจะพลัดกัน |
จะโศกศัลย์เสื่อมสูญอาดูรดาย |
แสนสงสารบ้านช่องจะต้องร้าง |
ใครจะสร้างเพิ่มเจือเห็นเหลือหลาย |
แต่ชำรุดซุดหักอยู่มากมาย |
ไม่มีนายแต่งตกจะปกครอง |
จะวิบัติหักจมลงถมดิน |
จะสูญสิ้นหมดงามตามเจ้าของ |
ต่างคนตั้งจิตต์จะคิดจอง |
คอยแต่ปองถิ่นฐานเปนบ้านตน |
แต่มีข่าวเล่าฦๅระบือดัง |
จะเปนวังมากมายมาหลายหน |
จะวิตกวุ่นไปได้ร้อนรน |
เปนเหตุผลครั้งนี้มิสะเบย |
แต่เศร้าหมองรำพึงถึงสถาน |
จะพลัดบ้านวิตกนะอกเอ๋ย |
จะกำจัดพลัดเรือนที่เพื่อนเคย |
จะละเลยจากกันนั้นจากไกล |
บ้างคิดถึงพระเดชที่มีพระคุณ |
ท่านสิ้นบุญไม่มีที่อาไศรย |
เกิดวิบัติไปมาทั้งข้าไทย |
บ้างโจทย์ไปตามหมู่อยู่กระทรวง |
บ้างสมัคตามที่ไปตีกลอง |
ที่ไปร้องกล่าวโทษโจษไพร่หลวง |
ให้ขุ่นมัวทั่วกันอยู่ทั้งปวง |
ที่เปนห่วงภรรยาต้องลาจร |
ต่างคนปรึกษาน่าทุเรศ |
เกิดอาเภทเหตุไปให้สังหรณ์ |
บ้างเสียดายเคหาให้อาวรณ์ |
บ้างทุกข์ร้อนถึงคู่เคยอยู่กิน |
บรรดาหม่อมสาวนางต่างวิบัติ |
จากกำจัดพลัดพรายไม่บ่ายผิน |
ที่ห่วงบุตรอยู่มาเปนอาจิณ |
ที่ขาดสิ้นห่วงใยจากไกลกัน |
ที่รุ่นสาวเปนหม่อมงามพร้อมพริ้ง |
หาคู่วิ่งสู่สมภิรมย์ขวัญ |
อยู่เปรมปรีดิ์มีสุขทุกนิรันดร์ |
ที่หมายมั่นอารมณ์งามสมใจ |
ที่แค้นขัดคิดถึงกายแต่ภายหลัง |
จะยับยั้งไม่อาจจะหวาดไหว |
ต้องสู้ตรอมเตรียมตรมอารมณ์ใน |
จะอยู่ไปฤๅก็ขัดวิบัติเปน |
จะบ่ายพักตรหักจิตต์คิดถึงทรัพย์ |
ก็ย่อยยับคับแค้นยิ่งแสนเข็ญ |
พึ่งผัวใหม่ไปเล่าทั้งเช้าเย็น |
ก็แลเห็นเหลือขัดกลัดอุรา |
แม้นจะบอกออกปากก็ยากยิ่ง |
จะทำนิ่งสู้งดอดโทษา |
ก็เคืองเข็ญเห็นความไม่งามตา |
คิดขึ้นมาเล่าก็ช้ำระกำกาย |
หักขืนจิตต์เด็ดขาดไปจากคู่ |
จะอดสูกับเพื่อนเรือนทั้งหลาย |
ทั้งคิดทั้งแค้นแสนระคาย |
ต้องฟูมฟายน้ำเนตรสังเวชตน |
ที่กลับจิตต์คิดเล่าถึงเจ้าคุณ |
เพราะสิ้นบุญร่อนเร่ระเหระหน |
ให้คับแค้นลำบากได้ยากจน |
ต้องสู้ทนเวราตามมาทัน |
ที่ตั้งจิตต์รำพึงถึงพระเดช |
เคยปกเกศมีสุขทุกสิ่งสรรพ์ |
ได้บำรุงปรุงจิตต์คิดผูกพัน |
พระคุณนั้นแผ่เผื่อเหลือประมาณ |
จะสูญดับลับหายไปภายหน้า |
ขอเปนข้าร่วมสุขทุกสถาน |
อย่าได้มีเวรานั้นมาพาล |
ให้เหมือนการตั้งไว้ดังใจปอง |
ด้วยพระคุณนั้นดีไม่มีเปรียบ |
จะหาเทียบสุดที่ไม่มีสอง |
ขอกุศลส่งให้ได้ประคอง |
ตามสนองผลทานบันดาลดล |
ให้ท่านได้สำเร็จเสร็จดังกิจ |
เมตตาจิตต์นำชูโดยกุศล |
ได้ล่วงลับดับไปในเมืองบน |
กำจัดพ้นเวรจองอย่าปองมี |
ให้ท่านได้มรรคผลเปนต้นเหตุ |
จงเรืองเดชเมืองฟ้าทุกราศี |
ให้ได้ดาวดึงสาเปนธานี |
สถิตที่เคหะฐานวิมานแมน |
พร้อมนางสาวสวรรค์กัลยา |
มาแน่นหนาคั่งคับอยู่นับแสน |
ผลทานปรากฎตามทดแทน |
ที่เคืองแค้นขุ่นข้องอย่าต้องพาล |
ให้สมคำอำนวยด้วยกุศล |
โดยแผ่ผลให้ถึงซึ่งสถาน |
จะสถิตแห่งใดให้บันดาล |
เหมือนอย่างการตั้งจิตต์อุทิศไป |
เดชะบุญทั้งหลายแต่ภายหลัง |
มาพร้อมพรั่งนำทางสว่างไสว |
สถิตอยู่สวรรค์ที่ชั้นใด |
บุญไซร้ให้งามอยู่ตามเดิม |
ผลทานสร้างไว้ในมนุษย์ |
เปนที่สุดบารมีที่เฉลิม |
เปนยอดศีลรักษามาแต่เดิม |
ให้จุนเจิมมากมาอย่ารู้วาย |
ได้ก่อสร้างวัดวานั้นปรากฎ |
อนาคตเปนวิมานการทั้งหลาย |
จงสำเร็จเสร็จสมบรรยาย |
สำราญกายด้วยทิพโอชา |
ได้สร้างไว้พระไตรปิฎกจบ |
พอถ้วนครบพระธรรมคำคาถา |
จะได้ไปบำรุงปรุงปัญญา |
ไปเบื้องหน้าจะได้แจ้งแสดงธรรม |
จะนับชาติ์ต่อไปได้ตั้งจิตต์ |
จะตามติดตนอยู่คู่อุปถัมภ์ |
จะได้ตรัสรู้เปนครูจำ |
ได้แนะนำสัตว์ไปให้รู้ทาง |
ที่สร้างสมไว้ไปทุกชาติ์ |
ได้เปนปราชญ์พูดเพราะโดยเสาะสาง |
ได้สำแดงพระธรรมอยู่ท่ามกลาง |
ได้สว่างใจสัตว์วัจนัง |
จะได้รู้บาปบุญซึ่งคุณโทษ |
เมตตาโปรดพ้นอบายต่อภายหลัง |
ให้พ้นแดนกันดารการรุงรัง |
ด้วยจิตต์ตั้งตรงไปในเมืองบน |
น้ำจิตต์ท่านนั้นมาดพิฆาฏหมาย |
โดยขวนขวายเสาะสางทางกุศล |
เมื่อยังเปนมนุษย์บุถุชน |
เปนกังวลโน้มจิตต์คิดศรัทธา |
ด้วยเดชะอานิสงส์ที่ตรงนี้ |
เพิ่มทวีส่งไปได้รักษา |
ให้ท่านสมอย่างหวังดังสัจจา |
ทั้งบุญญาแต่เดิมส่งเติมไป |
สมที่นึกตรึกจิตต์คิดประสงค์ |
ได้เปนองค์ทรงนามตามวิไสย |
จงสำเร็จมรรคผลดลฤไทย |
ให้ท่านได้สถานวิมานลอย |
อิ่มทิพสวรรค์ชั้นดุสิต |
เนรมิตนองเนืองเครื่องใช้สอย |
บริวารแห่ห้อมเฝ้าล้อมคอย |
ทั้งใหญ่น้อยนารีมีครบครัน |
เครื่องประดับวิมานอันรุ่งโรจน์ |
มณีโชติมุกดามหาสวรรค์ |
ให้สว่างวาวแววดูแพรวพรัน |
ทุกช่องชั้นกามาดุษฎี |
ขอให้ได้ดังพรวอนอุทิศ |
โดยตั้งจิตต์เจตนาทุกราศี |
เหมือนอย่างคำสัจจาโดยวาจี |
สมดังที่อธิษฐานนิพพานเอย ฯ |