๑๐๘

ครั้นถึงวันกำหนดยกทัพอองเจี๋ยนก็ยกไป เจ๋งอ๋องก็ไปส่งอองเจี๋ยนที่ป่าเสียง อองเจี๋ยนก็รินสุรามาถวายเจ๋งอ๋องแล้วทูลว่า ให้พระองค์เสวยสุราจอกนี้ แล้วข้าพเจ้าจะทูลความให้ทราบ เจ๋งอ๋องก็รับสุรามาเสวยสิ้น จึงว่าท่านจะว่าประการใดก็ว่าไปเถิด อองเจี๋ยนจึงหยิบเอาหนังสือที่เขียนไว้นั้นมาถวายเจ๋งอ๋องแล้วทูลว่า ที่ส่วยและที่นาซึ่งมีอยู่ในหนังสือนั้นมากน้อยเท่าใด ถ้าข้าพเจ้ายกทัพไปแล้วพระองค์ได้ทรงเมตตาแก่ข้าพเจ้า ขอพระราชทานที่ส่วยและที่นาที่ข้าพเจ้าเลือกไว้นั้นให้แก่บุตรภรรยาข้าพเจ้าซึ่งอยู่นี้ให้สิ้น เจ๋งอ๋องได้ฟังอองเจี๋ยนและเห็นในหนังสือดังนั้นจึงตรัสว่า ถ้าท่านไปมีชัยชนะมาแล้วบ้านเมืองเราก็จะเป็นสุข เรากับท่านก็จะได้ดีด้วยกัน เหตุใดท่านมาวิตกกลัวบุตรภรรยาจะจนยากเล่า

อองเจี๋ยนจึงทูลว่าซึ่งพระองค์ชุบเลี้ยงข้าพเจ้าทั้งนี้พระคุณหาที่สุดมิได้ และตัวข้าพเจ้าก็ชราลงแล้วอุปมาเหมือนเทียนสู้ลมหารู้ว่าจะดับเมื่อใดไม่ ถ้าพระองค์ทรงพระเมตตาจะพระราชทานของทั้งนี้ให้แก่บุตรภรรยาข้าพเจ้าให้ทันตาเห็น ถึงข้าพเจ้าจะหาบุญไม่ บุตรภรรยาจะได้เป็นสุขสืบไป เจ๋งอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ทรงพระสรวล จึงตรัสว่าท่านอย่าวิตกเลยเราจะให้ตามหนังสือท่านทุกประการ อองเจี๋ยนก็ลาเจ๋งอ๋องยกทัพไป ครั้นไปถึงด่านหํ้าก๊กจึงมีหนังสือบอกมาถึงเจ๋งอ๋องขอสวนดอกไม้ให้บุตรภรรยาอีกหลายตำบล

เมาบู๊เห็นอองเจี๋ยนทำดังนั้น จึงว่าซึ่งท่านขอที่นาและที่สวนดอกไม้ให้แก่บุตรภรรยาท่านดังนี้ ข้าพเจ้าเห็นมากนักดูหาควรไม่ อองเจี๋ยนจึงกระซิบบอกกับเมาบู๊ว่า เจ๋งอ๋องเป็นคนองอาจแล้วนํ้าใจมักคิดสงสัยทั้งปวง ครั้งนี้มอบทหารให้แก่เราถึงหกสิบหมื่นเหมือนยกเมืองให้แก่เราจึงแกล้งว่ากล่าวขอที่ไร่นาเรือกสวน ทั้งนี้หวังจะมิให้เจ๋งอ๋องมีความสงสัยในเรา เมาบู๊ได้ฟังดังนั้นจึงว่า ซึ่งท่านเป็นผู้ใหญ่เห็นความลึกซึ้งดังนี้ข้าพเจ้าก็คิดหาเห็นไม่ ต่อท่านว่าจึงเห็นด้วย ซึ่งท่านจะเป็นแม่ทัพไปครั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นจะมีชัยชนะเป็นแท้ อองเจี๋ยนก็เร่งเดินทัพเข้าไปจนถึงแดนเมืองฌ้อ

ฝ่ายฮังเอียนซึ่งเป็นแม่ทัพ ยกออกมาตีทัพหลีสิ้นแตกไปครั้งนั้นยังหาเลิกทัพกลับเข้าเมืองไป ฮังเอียนยังจัดแจงบ้านเมืองอยู่ที่เพงอื้อ ครั้นรู้ข่าวว่าอองเจี๋ยนยกทัพมาฮังเอียนก็จัดแจงทหารไปรับอยู่ที่ต๋งกัง ครั้นเห็นกองทัพเมืองจิ๋นยกมามาก จึงบอกหนังสือเข้าไปถึงเจ้าเมืองฌ้อให้จัดทหารยกเพิ่มเติมออกมาอีก ฝ่ายฌ้ออ๋องครั้นแจ้งดังนั้นก็ให้จัดทหารอีกยี่สิบหมื่น ให้เกงขีเป็นนายกองทัพออกมาบรรจบด้วยฮังเอียน

ฝ่ายอองเจี๋ยนรู้ว่ากองทัพเมืองฌ้อมาตั้งรับอยู่ที่ต๋งกังดังนั้น อองเจี๋ยนก็ตั้งทัพอยู่ ณ เขาเทียนตง แต่ค่ายซึ่งตั้งรายกันอยู่นั้นประมาณทางถึงร้อยยี่สิบห้าเส้น แล้วอองเจี๋ยนก็สั่งทหารทั้งปวงรักษาหน้าที่อยู่แต่ในค่ายมิให้ออกรบ ฝ่ายฮังเอียนแต่งให้ทหารออกมาชวนรบทุกเวลา อองเจี๋ยนก็มิได้ให้ทหารออกรบนิ่งอยู่แต่ในค่าย ฮังเอียนเห็นดังนั้นก็ประมาทอองเจี๋ยนว่าอองเจี๋ยนเป็นคนชราที่ไหนจะมาสู้รบกับเรา กลัวเราอยู่แล้วจึงมิได้ออกมารบ ครั้งนั้นอองเจี๋ยนก็ให้ฆ่าโคและกระบือแต่งโต๊ะและสุราเลี้ยงทหารทุกเวลา อองเจี๋ยนก็กินด้วยทหารทั้งปวง ทหารทั้งปวงก็รักใคร่ในอองเจี๋ยนนัก จึงมาว่าจะขออาสาออกไปรบด้วยฮังเอียนให้มีชัยชนะจงได้

อองเจี๋ยนได้ฟังทหารว่าก็ห้ามเสียมิให้ผู้ใดออกรบ แต่ทำดังนั้นอยู่ถึงห้าเดือนเศษ ทหารทั้งปวงไม่มีการงานสิ่งใดจึงชวนกันเอาศิลาหนักสิบสองชั่งมาแขวนขึ้นแล้วผลัดกันเข้าโยนศิลาเล่นให้ได้ไกลออกไปสามร้อยศอก ถ้าผู้ใดโยนได้ดังนี้ผู้นั้นจึงชนะ ทหารบางพวกเอาไม้ซุงหกศอกมาปักลงไว้แล้วให้โจนข้าม ถ้าผู้ใดโจนไปพ้นผู้นั้นเป็นชนะ แต่ทหารเล่นซ้อมหัดกันดังนี้หวังจะให้แรงอยู่ อองเจี๋ยนจึงให้ทหารมาลอบดูว่าผู้ใดได้ชนะเท่าใด ทำไม่ได้เท่าใด แล้วให้ตรวจตราว่ากล่าวแก่ทหารทั้งปวง เป็นแต่ให้รักษาตัวไว้ให้มั่นคง ที่จะออกรบพุ่งนั้นมิได้ว่ากล่าวตักเตือนกันเลย แล้วห้ามทหารทั้งปวงมิให้ไปเที่ยวกระทำยํ่ายีแก่ผู้คนในเมืองฌ้อ ถ้าจับได้ทหารในเมืองฌ้อมาอองเจี๋ยนก็ให้เลี้ยงดูโดยดีแล้วก็ปล่อยตัวไปเสีย แต่อองเจี๋ยนไปตั้งทัพอยู่ถึงปีเศษหาได้รบพุ่งกันไม่

ฝ่ายฮังเอียนเห็นดังนั้นจึงว่ากับทหารทั้งปวงว่า ซึ่งอองเจี๋ยนยกมาครั้งนี้เราเห็นว่าเมืองจิ๋นรู้ว่าเรายังหากลับเข้าเมืองไม่ กลัวเราจะไปตีจึงให้อองเจี๋ยนมาตั้งขัดทัพรักษาไว้ อองเจี๋ยนจึงทำการดังนี้ ทหารทั้งปวงครั้นได้ฟังฮังเอียนว่าดังนั้นก็วางใจว่าอองเจี๋ยนหามาตีเมืองฌ้อไม่ ต่างคนก็ละเลยหน้าด่านของตัวเสียมิได้ระวังรักษาให้มั่นคงเหมือนแต่ก่อน อยู่วันหนึ่งอองเจี๋ยนจึงจัดแจงโต๊ะและสุรามาเลี้ยงทหารให้สนุกสบาย แล้วอองเจี๋ยนจึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่าวันนี้เราจะชวนกันเข้าตีทัพฮังเอียนให้แตกจงได้ ทหารทั้งปวงได้ยินดังนั้นก็มีใจกำเริบที่จะออกตีทัพก็รับคำอองเจี๋ยนทุกคน อองเจี๋ยนจึงเลือกเอาทหารที่มีฝีมือและกำลังนั้นได้สองหมื่นไว้เป็นแม่ทัพหน้าทัพหนึ่ง แล้วยกทหารออกเป็นหลายกองสำหรับจะได้ระดมตีถ้ากองทัพฮังเอียนเสียที ให้ทหารเข้าตีตรวจตรารักษาเอาที่แดนทั้งปวงไว้ให้มั่นคง ครั้นจัดแจงทหารแล้วอองเจี๋ยนก็ยกออกจากค่าย สั่งให้ทหารกองทัพหน้าเข้าตีค่ายฮังเอียนแต่ตีสิบเอ็ด

ฝ่ายฮังเอียนไม่ทันรู้ตัวก็ละล้าละลังลนลานไปจัดได้ทหารแล้วก็ออกมารบ ทหารฝ่ายเมืองฌ้อไม่ทันรู้ตัวหาพร้อมมูลกันไม่ทานกำลังทหารเมืองจิ๋นมิได้ คุดเต๋งนายทหารตายในที่รบ ฮังเอียนกับเกงขีก็พาทหารซึ่งเหลือตายมาตั้งพักอยู่ ณ ที่ยงอันเสียง อองเจี๋ยนกับทหารไล่ติดตามไป ฮังเอียนต้านทานมิได้ก็แตกถอยไปแล้วฮังเอียนจึงว่ากับเกงขีว่า ทัพอองเจี๋ยนครั้งนี้มีกำลังเป็นอันมาก ท่านจงพาทหารถอยกลับเข้าไปในเมืองแจ้งความกับฌ้ออ๋อง ให้จัดแจงทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ เราจะถอยทัพไป ณ หัวเมืองห้วยเสียง ไปเอาทหารยกมาตีกระหนาบหลังอองเจี๋ยนอีก เกงขีรับคำแล้วก็พาทหารเข้าไปในเมือง ฮังเอียนก็ไปเมืองห้วยเสียง

ฝ่ายอองเจี๋ยนครั้นได้ที่ยงอันเสียงแล้ว ก็ยกทหารตีล่วงเข้าไปได้ที่ไซหลินอีก อองเจี๋ยนจึงแบ่งทหารออกครึ่งหนึ่ง เป็นแม่กองตั้งรักษาอยู่ ณ ที่งักชู แล้วสั่งให้เมาบู๊ทำหนังสือเกลี้ยกล่อมผู้คนในหัวเมืองโอหนำว่า ถ้าผู้ใดยอมขึ้นออกหาเสียโดยดีก็จะชุบเลี้ยง ถ้าไม่ยอมจะสู้รบ เราก็ตีจับตัวได้จะให้ประหารชีวิตเสีย เมาบู๊ก็คุมทหารไปตั้งอยู่ ณ ที่งักซู แล้วกระทำตามอองเจี๋ยนสั่งทุกประการ

ฝ่ายอองเจี๋ยนก็บอกหนังสือให้คนถือไปยังเจ๋งอ๋อง บอกข้อราชการซึ่งได้รบพุ่งกันนั้นให้เจ๋งอ๋องแจ้งทุกประการ แล้วอองเจี๋ยนก็ยกทหารเข้าทางห้วยหนำ ตีล่วงเข้าไปถึงชานเมืองฌ้อแล้วให้ตั้งค่ายล้อมเมืองไว้ ฝ่ายเกงขีครั้นเข้าไปถึงเมืองก็เอาเนื้อความไปแจ้งแก่ฌ้ออ๋องทุกประการ ฌ้ออ๋องได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงสั่งให้เกงขีจัดทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ให้มั่นคง

ฝ่ายอ๋องเจี๋ยนก็ให้ทหารล้อมเมืองเข้าไว้เป็นสามารถ หาเห็นผู้ใดที่จะออกมารบพุ่งด้วยกองทัพไม่ อองเจี๋ยนก็ให้ทหารตีจะทลายกำแพงเข้าไป ฝ่ายเกงขีซึ่งอยู่ในเมืองนั้นเห็นไพร่พลทหารอิดโรยลงหาเป็นใจรบพุ่งไม่ เกงขีเห็นว่าจะรักษาหน้าที่เชิงเทินเมืองไว้มิได้ก็เชือดคอตายอยู่บนเชิงเทิน ไพร่พลทหารเห็นเกงขีตายดังนั้นก็ตกใจทิ้งหน้าที่เสียต่างคนต่างก็วุ่นวายแตกตื่นไป กองทัพอองเจี๋ยนก็ทลายประตูเข้าไปได้ในเมือง อองเจี๋ยนก็ให้ทหารจับขุนนางทั้งปวงและฌ้ออ๋องเจ้าเมืองได้ก็แต่งให้คนคุมส่งไปเมืองจิ๋น

ฝ่ายเจ๋งอ๋องรู้ในหนังสืออองเจี๋ยนว่ามีชัยชนะตีล่วงเข้าไปได้ดังนั้นก็จัดทหารยกทัพมาหวังจะให้กิตติศัพท์เลื่องลือไป หัวเมืองทั้งปวงจะได้เกรงกลัวว่ากองทัพหลวงยกมา ครั้นเจ๋งอ๋องมาถึงตำบลห้วยเค้า พบฌ้ออ๋องเจ้าเมืองฌ้อซึ่งอองเจี๋ยนส่งมา เจ๋งอ๋องดีพระทัยนักจึงให้เอาตัวฮูซูเจ้าเมืองฌ้อเข้าไปด่าว่าเป็นอันมาก แล้วว่าฮูซูลอบฆ่าเจ้าเมืองฌ้อเก่าเสีย ฮูซูป็นคนหยาบช้าหามีกตัญญูไม่ จะเลี้ยงไว้มิได้ให้ถอดลงเป็นไพร่เสีย แล้วเจ๋งอ๋องเข้าไปตั้งอยู่ ณ ที่งักซู เมาบู๊ก็ออกมารับเสด็จเจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องจึงให้หาอองเจี๋ยนมา ณ ที่งักซู

ฝ่ายอองเจี๋ยนครั้นรู้ดังนั้นก็จัดแจงทหารอยู่รักษาเมือง อองเจี๋ยนก็ออกมาเฝ้าเจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องก็สั่งให้อองเจี๋ยนกับเมาบู๊ไปปราบปรามหัวเมืองโอหนำ กับเมืองเตงเสียง ในแดนเมืองฌ้อทั้งนั้นให้ราบคาบ ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงซึ่งขึ้นกับเมืองฌ้อนั้น ครั้นรู้ว่าเมืองฌ้อเสียก็ระส่ำระสายสะดุ้งสะเทือนยิ่งนัก ยอมเข้าหาอองเจี๋ยนเป็นอันมาก ที่พากันหนีไปก็มีบ้าง

ฝ่ายฮังเอียนซึ่งแตกไปนั้น ครั้นจัดแจงทหารในเมืองห้วยเสียงได้สองหมื่นห้าพันแล้ว ก็ยกมาถึงเมืองซือเสีย พบเสียงเพงกุ๋นน้องชายเจ้าเมืองฌ้อหนีออกมาจากเมือง เสียงเพงกุ๋นจึงบอกแก่ฮังเอียนว่าบัดนี้เมืองฌ้อเสียแล้ว ฌ้ออ๋องนั้นกองทัพก็จับเอาไปได้ จะเป็นตายประการใดก็มิได้รู้ แต่ตัวเรานี้หนีออกมาจากเมืองได้ ตัวท่านคุมทหารมานี้จะคิดประการใด ฮังเอียนครั้นได้แจ้งดังนั้นก็ตกใจ จึงตอบว่าข้าพเจ้าไปจัดแจงเอาทหาร ณ หัวเมืองห้วยเสียงมาจะช่วยรบพุ่งจะมิให้เมืองฌ้อเสียข้าพเจ้าก็มามิทัน บัดนี้เมืองฌ้อก็เสียแล้ว และที่เมืองหงอเมืองอวดหัวเมืองขึ้นของเรา ที่แดนนั้นก็กว้างใหญ่ แล้วมีแม่น้ำใหญ่กั้นหน้าพอจะเป็นที่พึ่งได้ ข้าพเจ้ากับท่านมาเราจะไป ณ ที่เมืองหงอ เมืองอวดคิดอ่านตั้งตัวขึ้นใหม่ให้จงได้ เสียงเพงกุ๋นได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย เสียงเพงกุ๋นกับฮังเอียนก็คุมทหารข้ามแม่นํ้าไป ณ เมืองหงอ แล้วก็ไปพักรี้พลอยู่ ณ ที่ลันหลิน เข้าอยู่ในที่กำแพงเมืองเก่า แล้วก็ตรวจตราให้ทหารรักษาหน้าที่ไว้คอยรับกองทัพเมืองจิ๋น

ฝ่ายอองเจี๋ยนครั้นไปปราบหัวเมืองทั้งปวงราบคาบแล้วก็มาเฝ้าเจ๋งอ๋อง ณ ที่งักซู เจ๋งอ๋องก็สรรเสริญยกความชอบอองเจี๋ยนเป็นอันมาก แล้วตรัสแก่อองเจี๋ยนว่า บัดนี้เสียงเพงกุ๋นกับฮังเอียนคุมทหารหนีไปตั้งอยู่ ณ ที่เมืองหงอ เมืองอวด ท่านจะคิดประการใด อองเจี๋ยนจึงทูลว่า อันเมืองฌ้อเป็นเมืองใหญ่มีที่แดนเป็นอันมาก บัดนี้เราก็ตีได้ไว้สิ้นแล้ว ซึ่งเสียงเพงกุ๋นกับฮังเอียนหนีไปอยู่ ณ เมืองหงอนั้น ก็เหมือนตั้วอ๋องเกียหนีไปจากเมืองเตียวไปตั้งอยู่ ณ เมืองตั้ว จะทรงพระวิตกไปทำไม ถ้ากองทัพเราถึงเมืองเมื่อใดก็คงจะได้เมื่อนั้น เจ๋งอ๋องจึงว่า ท่านก็แก่ชราแล้วแต่สติปัญญาและฝีมือยังกล้าแข็งอยู่เหมือนเมื่อหนุ่ม จึงสั่งให้อองเจี๋ยนยกกองทัพไปปราบเสียงเพงกุ๋นกับฮังเอียนซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองหงอนั้นให้ราบคาบเสียให้จงได้ เจ๋งอ๋องสั่งแล้วก็กลับมาเมืองจิ๋น

ฝ่ายอองเจี๋ยนสั่งให้เมาบู๊เป็นแม่กองตั้งต่อเรือรบอยู่ ณ เกาะ เมาบู๊ครั้นได้เรือรบแล้ว อองเจี๋ยนก็คุมทหารลงเรือยกทัพไปเมืองหงอและทหารฮังเอียนมาตั้งรักษาอยู่ปากนํ้านั้น อองเจี๋ยนก็ตีแตกไปสิ้น อองเจี๋ยนก็ขึ้นจากเรือยกทัพบกไปแล้วแบ่งทหารให้ตั้งรักษาอยู่ ณ เขาอึงสัวต้นทางนั้นกองหนึ่ง อองเจี๋ยนก็ยกทัพไปทางจูฮองตีล่วงเข้าไปตั้งค่ายล้อมที่ลันหลินไว้ทั้งสี่ทิศ แล้วก็แต่งทหารให้ไปตั้งกองสกัดทางอยู่ ณ เขาฮูเจียว เขากุ๋นสัว เขาเก๋งหนำเป็นหลายกอง หวังจะกั้นทางมิให้กองทัพเมืองอวดมาช่วยได้

ฝ่ายฮังเอียนเห็นกองทัพอองเจี๋ยนมาตั้งล้อมดังนั้น ก็คุมทหารออกมารบด้วยอองเจี๋ยน อองเจี๋ยนก็จัดทหารที่มีฝีมือแบ่งออกเป็นสองกองแต่ล้วนถืออาวุธสั้น อองเจี๋ยนก็ให้เมาบู๊คุมทหารทั้งสองกองตีกระหนาบทัพฮังเอียน ตะลุมบอนฟันแทงกันเป็นสามารถ เมาบู๊จับได้ทหารฮังเอียนที่มีฝีมือได้เป็นคนหนึ่ง เมาบู๊ฆ่าเสียคนหนึ่ง ฮังเอียนเสียทีทหารล้มตายลงเป็นอันมาก ก็ถอยทัพกลับเข้าเมืองให้ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ให้มั่นคง ฝ่ายอองเจี๋ยนก็ให้ปลูกร่างร้านขึ้นให้สูงพ้นกำแพงกับวิหลั่นกันตัว แล้วให้ทหารเอาเกาทัณฑ์ยิงคนซึ่งรักษาหน้าที่อยู่บนเชิงเทิน ฝ่ายฮังเอียนเห็นดังนั้นก็ให้ทหารเอาไฟและดอกไม้เพลิงใส่ลูกเกาทัณฑ์ยิงออกมาถูกร่างร้านๆ ก็ไหม้ขึ้น ทหารอองเจี๋ยนอยู่มิได้ก็กลับลงมาสิ้น

ฝ่ายเมาบู๊เห็นดังนั้นจึงว่ากับอองเจี๋ยนว่า อันฮังเอียนนี้เหมือนปลาอยู่ในหนองหาพ้นมือเราไม่แล้ว ครั้นเพลาคํ่าเมาบู๊จึงสั่งให้ทหารทั้งปวงไปขุดดินมาถมทุกหน้าที่รอบเมืองให้สูงขึ้นไปพ้นกำแพง ครั้นรุ่งขึ้นเมาบู๊ก็ให้ทหารขึ้นบนเชิงเทินเอาเกาทัณฑ์ระดมยิงเข้าไปในเมือง ทหารต้องเกาทัณฑ์ล้มตายเจ็บป่วยเป็นอันมาก

ฝ่ายเสียงเพงกุ๋นออกมาตรวจหน้าที่ก็ถูกเกาทัณฑ์ล้มลง ทหารทั้งปวงเข้าพยุงเอาเสียงเพงกุ๋นไป ณ เก๋ง ครั้นเพลาเที่ยงคืนเสียงเพงกุ๋นก็ตาย ฮังเอียนก็ร้องไห้รักเสียงเพงกุ๋นว่าเราอุตส่าห์พาเสียงเพงกุ๋นมาตั้งอยู่ในที่นี้ จะให้สืบตระกูลในเมืองฌ้อต่อไป บัดนี้เสียงเพงกุ๋นก็ตายสิ้นเชื้อเมืองฌ้อแล้วเราได้ผู้ใดเป็นหลักเป็นชะโลงต่อไปนั้นหามีไม่แล้วเราจะอยู่ไปไยเล่า ฮังเอียนเงยหน้าขึ้นบนอากาศแล้วโดดโลดขึ้นไปสามครั้ง ฮังเอียนก็เอากระบี่เชือดคอตาย

ฝ่ายทหารไพร่พลในเมืองก็แตกตื่นวุ่นวายขึ้นทิ้งหน้าที่เชิงเทินเสีย ฝ่ายทหารอองเจี๋ยนครั้นเห็นผู้คนระส่ำระสายดังนั้น ก็ให้ปีนกำแพงเข้าไปในเมืองได้ก็เปิดประตูรับกัน กองทัพก็กรูเข้าในเมืองได้ อองเจี๋ยนก็ปราบปรามไพร่บ้านพลเมืองให้ราบคาบแล้วพักอยู่เจ็ดวันก็ยกทัพไปเมืองอวด ครั้นไปถึงตำบลเขาเซียะสัว แปลเป็นไทยว่าเขาตะกั่ว อองเจี๋ยนจึงให้หยุดทัพลงในที่นั้นให้ไพร่พลทหารหุงข้าวกิน และทหารไพร่พลทั้งปวงต่างคนต่างหุงข้าวปลาอาหาร จึงขุดหลุมลงจะตั้งหม้อข้าว ทหารผู้หนึ่งขุดหลุมลงไปได้ฉลากศิลาอันหนึ่งจารึกอักษรไว้สิบสองตัว คนผู้ได้นั้นก็เอาฉลากมาให้อองเจี๋ยน อองเจี๋ยนจึงอ่านดูในอักษรนั้นว่า ที่ตำบลนี้ถ้ามีตะกั่วขึ้นเมื่อใด บ้านเมืองก็จะเป็นจลาจลรบพุ่งกัน ถ้าที่นี่หาตะกั่วมิได้บ้านเมืองก็จะเป็นสุข อองเจี๋ยนเห็นดังนั้นจึงถามคนซึ่งเป็นผู้ใหญ่ว่าผู้ใดรู้เห็นประการใดในที่นี้บ้าง ยังมีผู้หนึ่งรู้เรื่องราวมาแต่ก่อนจึงบอกแก่อองเจี๋ยนว่า เขาอันนี้อยู่ใกล้เขาอึงสัวข้างทิศตะวันออก เมื่อครั้งพระเจ้าเปงอ๋องยกมาตั้งเมืองอยู่ ณ ลกอิบฝ่ายตะวันออก แต่นั้นมาเขาอันนี้มีตะกั่วขึ้น จึงเรียกเขาเซียะสัว บ้านเมืองก็เป็นศึกต่อมา และคนทั้งปวงจึงเอาตะกั่วอันนี้ไปใช้สอยอยู่มิได้ขาด และทุกวันนี้ตะกั่วในเขาอันนี้เบาบางน้อยไปแล้ว ฉลากอันนี้ผู้ใดจะทำก็มิได้รู้ อองเจี๋ยนได้ฟังดังนั้นแล้วจึงว่า ฉลากอันนี้ผุดขึ้นมาสำแดงได้เห็นว่าบ้านเมืองเราจะเป็นสุขอยู่แล้วและท่านแต่ก่อนรู้เหตุผล จึงทำฉลากอันนี้ไว้ปรารถนาจะให้เราท่านทุกคนวันนี้รู้ บัดนี้เขาอันนี้ตะกั่วก็น้อยไปแล้ว เราจะให้ชื่อเสียใหม่ให้เรียกว่าที่บ่อเซียะกุ่ยไม่มีตะกั่ว ก็เรียกสืบกันมาจนทุกวันนี้ ครั้นไพร่พลหุงข้าวกินอาหารเสร็จแล้วอองเจี๋ยนก็เดินทัพมาถึงเมืองโกโส ทหารซึ่งอยู่รักษาเมืองนั้นก็ยอมถวายเมืองขึ้นกับเมืองจิ๋น

อองเจี๋ยนจัดแจงเมืองโกโสเสร็จแล้วก็ยกทัพข้ามแม่น้ำเจียดกั๋งไปเข้าแดนเมืองอวด และเมืองอวดนี้ตั้งแต่เจ้าเมืองหาบุญไม่ เมืองอวดก็ขึ้นกับเมืองฌ้อ และญาติพี่น้องเจ้าเมืองอวดซึ่งเหลือตายนั้นก็กระจัดกระจายไปอยู่ ณ ที่เที่ยงงักและเขาเทียนไถ่เป็นหลายแห่งหลายตำบล ครั้นรู้ข่าวว่าทัพอองเจี๋ยนยกไปครั้งนั้น ต่างคนก็เอาแผนที่บ้านและที่อยู่มาให้อองเจี๋ยน ยอมเป็นข้าเจ๋งอ๋องสิ้นทั้งนั้น อองเจี๋ยนก็เอาแผนที่หัวเมืองทั้งปวงและบอกข้อราชการซึ่งได้กระทำนั้นมายังเจ๋งอ๋องทุกประการ อองเจี๋ยนก็ปราบปรามอาณาประชาราษฎร์ในที่อือเจียงแดนหัวเมืองอวดให้ราบคาบเป็นปรกติดีแล้วให้แบ่งเมืองอวดออกเป็นสองที่ ให้เรียกเกี่ยวกังกุ๋นที่หนึ่ง ให้เรียกว่ากวยกีกุ๋นอีกที่หนึ่ง ครั้งนั้นเจ๋งอ๋องได้ราชสมบัติในเมืองจิ๋นยี่สิบสี่ปีจึงได้เมืองฌ้อ

ฝ่ายอองเจี๋ยนครั้นปราบปรามหัวเมืองเสร็จแล้วก็ยกทัพกลับเมืองจิ๋น อองเจี๋ยนเข้ามาเฝ้าเจ๋งอ๋อง เจ๋งอ๋องสรรเสริญยกความชอบอองเจี๋ยนเป็นอันมาก พระราชทานทองคำสองหมื่นตำลึงให้แก่อองเจี๋ยน อองเจี๋ยนจึงทูลว่าข้าพเจ้าเป็นคนแก่ชราแล้วจะถวายบังคมลาไปอยู่ ณ ที่พื้นเอี๋ยง เจ๋งอ๋องก็ยอมให้อองเจี๋ยนไปอยู่ ณ ที่พื้นเอี๋ยง เจ๋งอ๋องจึงสั่งอองพุ้นว่าเอี๋ยนอ๋องฮีเจ้าเมืองเอี๋ยนหนีกองทัพเราไปอยู่ ณ ที่เลียวต๋งนั้น ไพร่พลทหารยังมีมากอยู่ จะละไว้ช้าไปจะตั้งตัวขึ้นได้จะทำยาก ท่านจงคุมทหารไปจับเอาตัวเอี๋ยนอ๋องฮีเสียให้จงได้ ปราบปรามที่เลียวต๋งเสียให้ราบคาบอย่าให้มีเสี้ยนหนามต่อไป แล้วท่านจึงเลื่อนกองทัพไปเมืองตั้วจับเอาตัวตั้วอ๋องเกียเสียให้ได้ด้วย แผ่นดินเราจึงจะเป็นสุขสืบไป อองพุ้นรับสั่งแล้วออกมาจัดแจงทหารได้พร้อมแล้ว ก็ยกไป ณ ที่เลียวต๋งข้ามแม่น้ำอาเล็กกังไป แล้วก็ให้ทหารเข้าล้อมที่เพงเอียนซึ่งเอี๋ยนอ๋องฮีอยู่นั้น ฝ่ายไพร่พลเอี๋ยนอ๋องฮีเป็นคนบอบช้ำอิดโรยสู้รบกองทัพมิได้ก็แตกหนีไป ทหารอองพุ้นก็จับตัวเอี๋ยนอ๋องฮีได้ อองพุ้นก็ให้เอาตัวเอี๋ยนอ๋องฮีกับบุตรภรรยาส่งไปเมืองจิ๋น เจ๋งอ๋องก็ให้ถอดเอี๋ยนอ๋องฮีลงเป็นไพร่ เอาตัวไว้ใช้ในเมืองจิ๋น

ฝ่ายอองพุ้นครั้นปราบปรามที่เลียวต๋งเสร็จแล้วจึงยกกองทัพไปเมืองตั้ว ครั้นถึงจึงให้ทหารเข้าล้อมเมืองตั้วไว้ ครั้งนั้นตั้วอ๋องเกียครั้นรู้ข่าวว่าทัพยกมาล้อมก็จัดแจงทหารมารบด้วยอองพุ้นครั้งหนึ่ง ทหารรี้พลน้อยตัวสู้กองทัพมิได้แตกหนีเข้าเมือง ตั้วอ๋องเกียเห็นว่าจะสู้รบมิได้ก็พาบุตรภรรยาหนีออกจากเมือง ว่าจะไปเมืองเห่งหนา ไปยังมิทันอองพุ้นตามไปจับตัวได้ที่เมียวหยีจึง อองพุ้นจึงให้คนคุมเอาตัวตั้วอ๋องเกียส่งไปเมืองจิ๋น แล้วอองพุ้นก็บอกข้อราชการมายังเจ๋งอ๋องทุกประการ ครั้นมาถึงกลางทางตั้วอ๋องเกียก็ฆ่าตัวตายเสีย ฝ่ายอองพุ้นได้เมืองตั้วและหัวเมืองทั้งปวงในแขวงจังหวัดเป็นอันมาก ครั้งนั้นเจ๋งอ๋องได้ราชการในเมืองจิ๋นยี่สิบห้าปี

ฝ่ายผู้ถือหนังสือซึ่งคุมตัวตั้วอ๋องเกียมานั้น ครั้นมาถึงเมืองจิ๋นก็เข้าเฝ้าเอาหนังสืออองพุ้นเข้าถวายเจ๋งอ๋องแล้วทูลข้อความแต่หลังทุกประการ เจ๋งอ๋องครั้นรู้ในหนังสืออองพุ้นดังนั้นก็มีความยินดีนัก จึงมีหนังสือตอบไปถึงอองพุ้นฉบับหนึ่งว่า ซึ่งอองพุ้นเป็นแม่ทัพยกมาครั้งนี้ก็ตีเมืองเอี๋ยน เมืองตั้วได้ กับทั้งตัวเจ้าเมืองมาให้แก่เรานั้น ความชอบอองพุ้นเป็นอันมาก จะเปรียบความชอบอองเจี๋ยนผู้บิดาก็จะไม่มากไม่น้อยกว่ากันสักเท่าใด อันครั้งนี้เมืองเจ๋ยังตั้งมั่นอยู่และอองพุ้นนี้อุปมาเหมือนคนยังขาดมืออยู่ข้างหนึ่ง ถ้าอองพุ้นไปตีเอาเมืองเจ๋ได้เสียครั้งนี้แล้ว ก็เหมือนคนมีมือมีเท้าบริบูรณ์พร้อมจะทำสิ่งใดก็จะสำเร็จ ให้อองพุ้นเลื่อนทัพไปตีเอาเมืองเจ๋เสียให้ได้ อันความชอบของอองพุ้นกับอองเจี๋ยนผู้บิดาก็จะไม่มีผู้ใดเสมอ ครั้นทำหนังสือเสร็จแล้วเจ๋งอ๋องก็ใช้ให้คนผู้ถือหนังสือกลับไปยังอองพุ้น

อองพุ้นแจ้งในหนังสือดังนั้นแล้ว ก็ยกทัพออกจากเขาเอี๋ยนสัวไปเมืองเจ๋ ครั้งนั้นเจ๋อ๋องเกี๋ยนซึ่งเป็นเจ้าเมืองเจ๋ ฟังคำเห้าเส้งมิได้ให้กองทัพไปช่วยเมืองหัน เมืองงุย ถ้าเจ๋งอ๋องให้กองทัพไปตีเมืองใดได้ เจ๋อ๋องเกี๋ยนก็จัดของให้ขุนนางไปคำนับชมบุญเจ๋งอ๋องทุกครั้ง เจ๋งอ๋องก็ให้ทองคำขุนนางผู้ไปคำนับให้เป็นสินบนทุกคน ขุนนางผู้ซึ่งไปเมืองจิ๋นนั้นก็มาบอกกับเจ๋อ๋องเกี๋ยนว่า เจ๋งอ๋องเป็นคนดีมีใจรักใคร่นับถือในท่านยิ่งนัก มิได้ให้กองทัพมาตีเมืองเราแล้ว ท่านอย่าได้วิตกเลย

เจ๋อ๋องเกี๋ยนได้ฟังขุนนางซึ่งมาว่ากล่าวดังนั้นก็เชื่อถือว่าเจ๋งอ๋องรักใคร่สนิทโดยแท้ ก็มิได้จัดแจงตระเตรียมบ้านเมืองและซ้อมหัดทหารเลย ครั้นเมื่อเจ๋งอ๋องให้กองทัพไปตีเมืองหัน เมืองฌ้อ เมืองเตียว เมืองเอี๋ยน เมืองงุยได้แล้ว ก็รื้อแย่งบ้านเมืองเสียมิให้ตั้งอยู่ได้จนสิ้นดังนั้น เจ๋อ๋องเกี๋ยนก็คิดสะดุ้งใจขึ้นมา จึงปรึกษาด้วยเห้าเส้งและขุนนางทั้งปวงก็ให้ทหารไปตั้งรักษาอยู่ฝ่ายทิศตะวันตกปลายแดนเมืองเจ๋

ฝ่ายอองพุ้นก็ยกทัพล่วงเข้ามาถึงแดนเมืองเจ๋ ตีเอาที่เงาเคียและที่จีหนำได้แล้วยกเข้ามาทางและเพียชายเมืองเจ๋ ทหารซึ่งออกมาตั้งรับนั้นก็แตกถอยเข้ามาเมือง และเจ๋อ๋องเกี๋ยนคนนี้ได้เป็นเจ้าเมืองมาสี่สิบปีแล้วหามีทัพศึกไม่ ทหารก็มิได้ซ้อมหัดละเลยราชการเสีย และกองทัพเมืองจิ๋นยกมาครั้งนี้รี้พลทหารประมาณสี่สิบหมื่น มีฝีมือกล้าแข็งเคยชนะศึกสงครามก็มีเป็นอันมาก กองทัพซึ่งยกมาอุปมาเหมือนหนึ่งกลิ้งเอาภูเขามา หามีผู้ใดที่จะต้านทานไว้ได้ไม่ ไพร่บ้านพลเมืองเจ๋ก็กลัวฝีมือทหารในกองทัพยิ่งนัก ต่างคนก็คิดจะหนีเอาตัวรอด และเห้าเส้งซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเมืองเจ๋นั้น ก็หารู้ที่จะคิดอ่านรับรองประการใดไม่ ก็อ้อนวอนว่ากับเจ๋อ๋องเกี๋ยนให้ออกไปคำนับอองพุ้นยอมถวายเมืองให้ขึ้นเสียกับเจ๋งอ๋องเถิด

เจ๋อ๋องเกี๋ยนก็จนใจฟังคำเห้าเส้ง ก็จัดสิ่งของได้พร้อมแล้วเจ๋อ๋องเกี๋ยนกับขุนนางก็เปิดประตูเมืองออกไปหาอองพุ้น ณ กองทัพ อองพุ้นก็รับสิ่งของทั้งปวงไว้ และอองพุ้นเป็นแม่ทัพยกมาจากเมืองตั้วตีเข้ามาจนได้เมืองเจ๋แล้ว ประมาณได้หกสิบวันจึงได้เมืองเจ๋ ครั้นเข้าเมืองได้แล้วก็ทำหนังสือบอกข้อราชการไปยังเจ๋งอ๋องทุกประการ เจ๋งอ๋องครั้นทราบดังนั้นก็มีความยินดีนัก จึงแกล้งให้คนไปบอกกับอองพุ้นว่า เจ๋อ๋องเกี๋ยนเชื่อถ้อยคำเห้าเส้ง คิดการจะมากระทำร้ายแก่เรา หากว่าบุญเรามากจึงสู้ทหารของเรามิได้ บัดนี้กลับยอมมาถวายเมืองให้กับเรา โทษเจ๋อ๋องเกี๋ยนกับเห้าเส้งเท่ากัน จะว่าโดยอย่างธรรมเนียมก็ต้องประหารชีวิตเสียให้สิ้น แต่เราคิดเอ็นดูว่าเจ๋อ๋องเกี๋ยนคนนี้ได้มาคำนับขึ้นอยู่ในเมืองเราแต่พระราชบิดาเรามาจนอายุเราได้สี่สิบปีเศษแล้ว เราจะยกโทษเจ๋อ๋องเกี๋ยนเสียมิให้ตาย ให้ยกครอบครัวไปอยู่กังเสีย ให้จ่ายข้าวเปลือกให้แต่วันละถัง แต่เห้าเส้งนั้นให้อองพุ้นประหารชีวิตเสียอย่าให้คนดูเยี่ยงอย่าง ข้าหลวงผู้รับสั่งก็เอาความมาสั่งแก่อองพุ้นทุกประการ

ฝ่ายอองพุ้นครั้นแจ้งดังนั้นก็เอาตัวเห้าเส้งไปประหารชีวิตเสียแล้วให้คนคุมเอาตัวเจ๋อ๋องเกี๋ยนกับครอบครัวไปอยู่ที่กังเสียเชิงเขาไถหั้ง อยู่เรือนมุงด้วยแฝก เอาต้นอ้อแขมมาทำเป็นฝาเรือนที่อยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ และครอบครัวเจ๋อ๋องเกี๋ยนซึ่งยังเหลือตายอยู่นั้น ประมาณสามร้อยเศษอยู่ด้วยเจ๋อ๋องเกี๋ยน และข้าวซึ่งจ่ายให้วันละถังนั้นลางวันมาจ่ายให้ลางวันก็มิได้ให้ พากันอดอยากยิ่งนัก และบุตรเจ๋อ๋องเกี๋ยนคนหนึ่งนั้นเป็นทารกอยู่กินอาหารไม่อิ่ม ครั้นเวลาคํ่ากลางคืนก็ร้องไห้อ้อนวอนจะกินอาหาร เจ๋อ๋องเกี๋ยนเห็นบุตรร้องไห้ดังนั้นก็คิดรำคาญใจลุกออกมาข้างนอกเรือนได้ยินแต่เสียงลมพัดต้องใบไทร เจ๋อ๋องเกี๋ยนก็คิดขึ้นมาถึงเมืองว่าแต่ก่อนเมื่อเราอยู่ในบ้านเมืองเป็นสุขอยู่นั้น จะนึกสิ่งใดก็ได้สมความปรารถนา ครั้งนี้เราตกไร้ได้ยากมาในที่อันนี้ได้ความลำบากอดอยากยิ่งนักเพราะเราฟังคำเห้าเส้ง เจ๋อ๋องเกี๋ยนคิดดังนั้นก็เสียใจแล้วร้องไห้ ขณะนั้นคนใช้คนหนึ่งอยู่ที่นั่น เห็นเจ๋อ๋องเกี๋ยนร้องไห้ดังนั้น คนใช้จึงว่าในที่นี้แต่ล้วนต้นไทร อยากอาหารแสบท้องขึ้นมาจะกินไม่มี ท่านมาอยู่ทั้งนี้ใครให้มาอยู่เล่า เพราะท่านฟังคำคนชั่วจึงได้เป็นดังนี้จะโทษผู้ใดก็มิได้ เจ๋อ๋องเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็คิดสลดใจยิ่งนัก อยู่มาประมาณห้าวันหกวัน เจ๋อ๋องเกี๋ยนมีอันเป็นขึ้นมาก็ตาย และครอบครัวทั้งนั้นต่างคนต่างก็หนีไป

ขณะนั้นเจ๋งอ๋องครองเมืองจิ๋นได้ยี่สิบหกปี หกเมืองใหญ่มาเป็นเมืองออก บรรดาหัวเมืองทั้งแผ่นดินก็อ่อนน้อมยกเป็นเมืองขึ้น บ้านเมืองอาณาประชาราษฎร์ก็เป็นสุข โดยบรรยายเรื่องราวเลียดก๊กนี้ก็บริบูรณ์แลฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ