อุเทนคำฉันท์

๑๔ เบญจางค์วรางคอภิวาท ยภิวันทกรรพุม
ด้วยกายวจีจิตประชุม อภิมัตย์นมัสการ
๏ โลเกศวสุนธรสยม ภุวรุตมาจารย์
เสด็จเถลิงสิหาสน์วิมุติมาร- วิชิตฉัตรไชย
๏ โปรดปวงประชาสุรคณา กินรนาคเวนไตย
แจงธรรมจักรวัติวิไนย ก็ลุโลกศิวารมย์
๏ หนึ่งข้าถวายกรประณาม นวโลกกุดรพรหม
ตรวจไตรปิฎกธรรมอุดม พุทธภาษิตสุขุม
๏ ส่องสัตว์สกลกมลมันท์ เบญจขันธเคลิ้มคลุม
ปราศโทษมลายมลประชุม จตุรโอฆกันดาร
๏ ไหว้อัคสาวกบวร อุดรทักษิณาสถาน
เอตทัคคอสีติอารย์ อาทิอัญโกณฑัญ
๏ นายกคณาสมมุติสงฆ์ วิสุทธิสาธุพรหมจรรย์
จตุปาริสุทธิศิลบรร พชิตกิจสังวร
๏ บังคมบรมอุศภพา หนสุราคณิศร
ปางตรีบุรำอสุรมรณ์ นยนาถบรรหาร
๏ ถวายกรบวรจตุรภุช ชำนิครุฑพญายาน
นิทรนาคกระสินธุ์ขษิรธาร อัจฉเรศสองสม
๏ สี่มุขมเหศักขมหา สุธาวาสไกรกรม
เหิรเหมพาหนอุดม สฤษดิโลกยสบสรรพ์
๏ ไหว้วัชราวุธวิไชย ธรไอยราวัณ
สองสรวงอำเภอบพิตรบัญ ญัติเทวโองการ
๏ บังคมบรมจักรจุฑ ทวาราวดีสถาน
เดชดั่งพระกฤษณวตาร วรองคลงเปน
๏ สาสนูปถัมภกตระศักดิ์ อาณาจักรกำจายเข็ญ
พราหมณ์ชีประชาชนก็เย็น ธนสรรพสมบูรณ์
๏ เกิดแก้วกรินทรอำนวย ชำนิจักรพรรดิพูล
เฉลิมภพพาหนอดูลย์ ผดุงเดชสมเด็จแสดง
๏ ท้าวเทศถวายสุวรรณมา ลยบรรณาอเนกแขวง
ราชร้ายดำริห์อรินทรแรง พเอิญออกพระสมภาร
๏ เพ็ญโภคคือไพสพสมบัติ สารพัดจะไพศาล
กรุงเทพมหานครปาน สุทัศนะเทวไอศูรย์
ไหว้บุพจาริยคุณา อุปการคุณมูล
ป้อนหม่ามขิรามรสนุกูล นุเคราะห์เท่าเจริญมา
๏ นบอุปัชฌาย์คุณนุสาสน์ คุรุราชเมธา
ศึกษานุสนธิอักขรา กลกาพย์ประกอบกลอน
๏ เริ่มเรื่องอุเทนทวนิทาน อดิตกาลเริ่มสอน
ขอเปนสวัสดิ์สิริบวร นิรุปัทวันตกาล ฯ
๑๖ ดำเนิรโดยในดำนาน จอมจุลจักรพาฬ
ปรันตปะธิบดี
๏ เสวยไปศุริยราชธานี แก้วโกสามพี
พิศาลพิเศษโสภิณ
๏ โสภาคยอำไพไชยสินธุ์ ใสสุทธชลธิน
ดั่งชาติสระใสสรง
๏ นานาบุษบาเบญจงค์ เสียงมธุภมรลง
คือคีตบำเรอสระสนาน
๏ ปรากฎจรัลเทินปราการ คือเขาจักรพาฬ
สง่าจะงำธรณี
๏ เทริดซุ้มทวารารูจี โดรณาไพที
ประดับด้วยเทียวเถือกถกล
๏ คันทึกเทียบทุกทางถนน ไปมาผู้คน
บรู้พิกัตอัดแอ
๏ พระลานเลี่ยนทิพยพลานแล พรักพิริยโจษแจ
ชำนิชำนัลนนทรี
๏ ลองทายขลุบชิงช่วงคลี อาวุธคระวี
ละตัวประลองยุทธแยง
๏ ลองคชบำรูรณแรง ผัดพานกลางแปลง
ลองรถระแทะแกะเกวียน
๏ บัติพลรณรงค์คงเรียน ฉะบัดตัดเศียร
อรินทรด้วยดีดใดเดียว
๏ ส่ำสารชาญชนะประเปรียว ข่าวเข็ญมาเคียว
ก็ร่านคำรณเรียกมัน
๏ พลไหยหาญศึกคึกคัน แล่นล้ำลมพลัน
ดั่งแสงอสนีสาดสาย
๏ พระกฤษฎาเดชพันราย อริราชกลัวกลาย
ระยั่งระย่อหยอนแสยง
๏ พระมนทิรารัตน์เรืองแสง เฉลิมโลกยสำแดง
ดำเริงในภูวนัถไตร
๏ นพศูลพรหมพักตรฉัตรไชย แก้วกาญจนาไมย
ประกอบประกิจประติภา
๏ รายรูปกินรคณา สุรนาคอสุรา
แลครุฑอัดอำพน
๏ ช่อฟ้าเทิดทองหาวหน ลำยองย่องยนต์
ด้วยนาคเจ็ดเศียรสลอน
๏ เสาทองฝาทองบัญชร รายรัตนากร
ประดับประดาจารนำ
๏ พริ้งพรายทวยทองคำทำ นองนาฎระบำ
ขบวรระเบ็งแบบบน
๏ ดาวทองรองรัตนพิมล พิดานดำกล
ระย้าระยับแสงผสาน
๏ กั้นเศวตฉัตรรัตโนภาร ยรรยงก์พระสถาน
พิมานบันทมบรรจฐรณ์
๏ ประดับราชอาสน์ลังกร เครื่องราชาภรณ์
ประโภคพิพิธพัฬเหา
๏ ประดับอับสรโฉมเฉลา เลือกลักษณลำเภา
จำนำบำเรอรอบการ
๏ เนืองนาฎนัจจันตนักงาร ฟ้อนขับบันสาน
สังคีตสงคมรมยา
๏ ปรากฎพระยศวรา เจียรจักรมันธา
ตุราชธำรงธริษตรี
๏ พระยอดเยาวราชเทพี เพี้ยงภควดี
อุมาอมรแมนสรรค์
๏ พระโฉมเฉลิมหล้าลาวัณย์ อย่าชายชมขวัญ
สุดาก็ดาลใหลหลง
๏ พระแสนเสน่ห์สนิธจำนง ในอัครเอกองค์
สุรางคราชกัญญา
๏ บันเทิงรสทิพยสุธา ดุจดั่งภุมรา
จำเนียรสโรชเรณู
๏ ฟั่นเฝือเกื้อกามชมชู รสทิพย์มฤทู
สำเริงฤทธิใสสานต์
๏ สมเด็จพระอนุชนงพาล ทรงครรภ์บันดาล
พระภาคย์ประภาลาวัณย์
๏ ท้าวให้ท้าวนางกำนัล บริรักษ์พระครรภ์
พรนางระไวไตรตรา
๏ จวบจวนถ้วนทศมาศา ฤๅรู้เวลา
บันจวบบันจบตกเข็ญ ฯ
๑๑ ดลบุษยามาศ บุบผชาติชุกเปน
น้ำค้างยะหยาดเย็น พระพรำพรมสุมามาลย์
๏ แสงทองประเทืองภพ นรคปธราธาร
จากอาสน์อลังการ วรภูษนาภรณ์
๏ ชวนเอกอนงค์นาฏ สุรางค์ราชอับสร
ยังหน้าพระลานจร ประพาสพรรณมาไลย
๏ ไม้ดอกและไม้ดัด ก็ผลิผลัดระบัดใบ
ดอกผลถกลใน บริเวณวิวิธวรรณ
๏ แบ่งบานตระการช่อ ระกะกอระคนคันธ์
มาโนชประหนึ่งนัน ทวะนานต์สำราญรมย์
๏ สารภีระดูดวง รสร่วงชะชวยฉม
สายหยุดขจรลม จรุงรื่นรำเพยพาน
๏ กรรณิกาผกาแก้ว พิกุลเกษสุมนทาน
เสาวรสตระบอกบาน รสคนธ์อำไพพวง
๏ ชาตบุษพุทธชาติ ชะมุนาดกระแจงจวง
สุกกรมลำดวนดวง ประยงคุ์กลิ่นกำจรจรง
๏ เด็ดดอกจำปาปลิด ที่ใบติดดำเนิรทรง
ดมพลางประทานองค์ อัคเรศนงค์ราม
๏ หยอกเย้ากำนัลนาง สุรางค์ราชมาตาม
จวบเนตรพงางาม ก็สทกสเทินเมิน
๏ เสสรวลสำรวลตรัส ก็จูงหัตถ์พระนางเดิร
ยังเกยกนกเตริน ประสงค์แสงพระสุริยัน
๏ เชิญชวนประทมเทียม ประเลาะเลียมวิมลมัณ
ฑาทิพย์ตระการกัล- กระสันต์เกษมสมร
๏ โฉมฉายฉม้ายเมียง ประอายเอียงประอรงอน
อภิวันทกรรกร ชำเลืองเนตรยรรยง
๏ ฉุดชิงกัมพลพัสตร วรกษัตริยคลุมองค์
ทูลขอพระธำมรงค์ ประดิษฐในพระนิ้วนาง
๏ สองท้าวเสวยสวัส ดิดำรัสสำรวลพลาง
แสนสาวสุรางค์ตาง บริรักษรอบราย
๏ ปางเวรวิบัติเหตุ ยุพเรศจะพลัดพราย
เพลินพลั้งลำพังกาย สุขเกษมสององค์ ฯ
๑๖ ปางนั้นมีหัสดินทร์ดง สกุณาหนึ่งทรง
พหลมหันต์กายา
๏ โฉบเฉี่ยวโคคชอัศวา ได้ด้วยสหัสา
เปนภักษภุญชอาจิณ
๏ วันนั้นวิหคหัสดินทร์ บินถาบถาถวิล
ประโยชนเหยื่ออย่างเคย
๏ เห็นจอมขัตติยาสองเสวย สุขรมย์บนเกย
กัมพลพัสตรคลุมองค์
๏ เหมาะหมายแต่ไกลใจจง มางสะประสงค์
ก็โฉบด้วยพลพันลือ
๏ เสียงปีกปักษากระพือ ครึกครึนเครงคือ
วายุประไลยลมกาล
๏ ไม้ไหล้แหลกหักบมิทาน สัตว์สิงวิ่งซาน
ระนาทสุธากำธร
๏ นานามนุษยนิกร ย่านไภยาหยอน
ก็แล่นชระเหลียกหลีกตน
๏ สมเด็จอดิศรสากล เซงศัพทอึงอล
ประเมิลประหม่าสมประดี
๏ ภิตไภยมจุราชรอนชี วิตเลยลืมศรี
สวาทประลาตเลวองค์
๏ ปรานีพระอนุชนงค์ยง ครรภาเพียบทรง
พระตนบทันครรไลย
๏ ปักษาโฉบองค์อ่อนไท ได้ด้วยบัดใจ
ก็โผอัมพรบินบน
๏ นานาฏนิกรทุกตน บันดาซอนซน
ขยาดอำนาจมฤตยู
๏ ครั้นนกไปแลมาดู พระพาลพธู
ทั่วทั้งจังหวัดวังใน
๏ บมิพ้องพนิดาดวงใจ ต่างโศกาไลย
ก็ค้นทุกแหล่งหลายหา
๏ เหลือคิดเหลือค้นคณนา ตระหม่าอาชญา
ผู้เจ้าก็เข้าเทียบทูล
๏ ข้าแต่อดิศรไอศูรย์ พระอรพอูล
ประลาตลี้หลีกไภย
๏ ผู้ข้าฝ่าเฝ้าอ่อนไท หาหนแห่งใน
พิมานประเมิลเปนดาย
๏ โทษข้าครานี้มีหลาย ปรับตายเปนตาย
บพิตรโปรดปรานี
๏ จักหาแห่งหนใดดี จักพบพระศรี
สุรางคมกุฎกำนัล
๏ ทูลพลาปทางเศร้าโศกศัลย์ ตีทรวงรำพรรณ
พิลาปพิไรไห้โหย
๏ ฟังสารดาลดิ้นแดโดย พักตราราโรย
พิการพิกลหม่นหมอง
๏ ให้เร่งหาทุกคลวงคลอง มนเทียรปรางค์ทอง
ปรัสว์พระโรงน่าหลัง
๏ พระตำหนักฉนวนน้ำจวนคลัง นอกในราชวัง
บพบพระนุชสุดสมร
๏ ตระหนักแน่สกุณาพาจร พระอัคเอกอร
ประจากทั้งเปนเปนไป
๏ แรงรักเสียดสลักทรวงใน เทียมดวงหฤไทย
จะขาดกระจัดจำราย
๏ ไป่อาจอสาสะระบาย องค์อ่อนระทาย
วิสัญญิภาพก็ดล
๏ ครุวณาดังดวงโกมล ต้องแสงสุริยน
ระย่อในกาลมัชฌันติก์
๏ อันเตบุริกากำนัล ว่ายทรวงโศกศัลย์
เสนาะในราชเรือนทอง
๏ บ้างเข้าเอางารประคอง สุหร่ายโรยลออง
สุคันธรังรสฉม
๏ รำเพยพัชพานเอาลม ได้พระอารมณ์
แลโศกบสร่างกำศรวญ
๏ เอนองค์กับอาสน์อักอวน กาศกามกองกวน
ตระกัดกระวนหนหา
๏ ละเลยเสวยสรงไสยา เยาวราชยุพา
ละเลียมละเล้าเฝ้าแหน
๏ ละองค์โอ่อ้างนางแมน ฤๅแลแปรแสน
กำเสาะกำศรวญครวญคนึง
๏ พระกรก่ายพักตรรำพึง รำพรรณทรรทึง
ระทดระทึกตรึกตรอม ฯ
๑๙ อ้าโอ้อัคยุพาสุดารัตนจอม
เคยเรียมถนอมออม อนงค์
๏ ร่วมสุขทุกข์บร้างจะห่างพระอรองค์
ฤๅเวรนุจรจง ประจาก
๏ เจ็บจิตต์จัณฑวิหคแลฉกกนิฐพราก
จักตามก็ตามยาก จะบิน
๏ แม้มาทราชริปูและอยู่ณธรณิน
สู้ตายจะไพริน ฤอิด
๏ รักเจ้าใครและจะเห็นก็เปนดุจบคิด
น้อยใจเพราะไร้ฤทธิ์ จะตาม
๏ เสียดายยอดยุพราชวิลาสดิลกกาม
หกสวรรคสรรคงาม ฤปูน
๏ ฉวีวรรณพรรณพักตรลำนักศศิวิบูลย์
เกศแก้วจำรูญนิล มณี
๏ คิ้วค้อมก่งกลคันกุทัณฑ์ทฤษดี
ชายเนตรละทีโลก ละลาญ
๏ กรรณานงนุชกลอุบลวิบุลยบาน
นาสาอังกุสกาญจน์ พิมล
๏ งามโอษฐอรดุจแย้มและแก้มปรัศคนธ์
แสงทันตระหยับยล พระพราย
๏ คางคือสีหและสอคือคอหงสละวาย
อังสาผะผึ่งผาย พิลาส
๏ ทรวงเทียมแท่นพระผทมภิรมย์รัตนอาสน์
ถันเทียมประทุมมาศ ยุคัล
๏ กรกลงวงพระคเชนทร์สุเรนทรฤทัน
นิ้วน้อยนขาวรรณ วิเชียร
๏ นาภีศรีสมรเรียมก็เทียมทิพยเฉนียน
โรมรุ่นละเมียรเจียร จรลึง
๏ งามเอวอรยุพาลตระการตระกลกลึง
คล้ายคลึงลันโทลวัล ลดา
๏ กล้วยทองเทียมอุรุชงฆ์คือชงฆ์สิหลิลา
เยื้องอย่างละคราแล ลำเภา
๏ นางในไตรภพเทียบฤเปรียบลักษณเฉลา
แก้วกัลยาเยา พดี
๏ เรียมได้นุชลำเพ็ญและเปนพระมหิษี
ศรีสวัสดิ์กษัตรีย์ สุรางค์
๏ ได้สมนาฎนฤมลกุศลบุรพปาง
ใดบาปใดหนอนาง นิราส
๏ เจ้าตายยังก็บเห็นและเปนทุกขอนาถ
ใจเจียรจะขาดคิด บวาย
๏ ปรานีองค์ปิยบุตรก็สุดสมรหมาย
โอ้อกจะหญิงชาย ฤยล
๏ เสียแรงเปนขัตติยาและมาทุกขวิกล
มิยากจะอยู่ทน เทวษ
๏ ครวญพลางนองชลนานรากรธิเบศร์
อากัปอาเภท พิกาล ฯ
๑๑ ฝ่ายฝูงคณานาฎ ยุพราชบริพาร
เห็นจอมจุฑาธาร ธิปะปิ่นกษัตรีย์
๏ ทรงโศกพิโยคยอด เยาวราชเทพี
ลืมสมประดีดี ปริเทวนานาน
๏ เนาในพิมานทอง ทิพห้องประสาทสถาน
องค์เดียวอดุรดาล บมิส่างมิสรงเสวย
๏ เคยออกพระโรงรัตน์ กิจวัตก็ขาดเคย
สิ่งสรรพลืมเลย พระสนมนิกรสมร
๏ นอกในนิเวศน์เว้น บมิเปนสถาวร
นานาประชากร ก็สงบสงัดเหงา
๏ ท้าวนางอนงค์สนิธ ก็บอกกิจกันเบาเบา
จอมจักราเรา ดุจนี้มิเปนงาร
๏ แรงโศกบเสื่อมศัลย์ ผิวอันตรายกาล
ไพร่ฟ้าสุธาธาร ก็จะเกิดจลาจล
๏ อย่าเราจะเข้าทูล ธุระราษฎร์ร้อนรน
แท้ท้าวจะกังวล อนุกูลประชากร
๏ ยินชอบระบอบบรรพ์ ก็ชวนกันลิลาจร
ขึ้นเฝ้าบดีศร- คในพิมานสถาน
๏ เห็นไท้ธไสยาสน์ อนาถอาสนเลวลาญ
ต่างคนก็รุมราน อุรร่ำรำพรรณทูล
๏ อ้าจอมมกุฎกษัตริย์ วิยฉัตรวิเชียรจรูญ
เฉลิมภพสมบูรณ์ สุขเกษมธเรษตรี
๏ นาเขตประเทศราช ก็วินาสพระบารมี
บรรณามาภักดี วรบาทบงสุ์บวง
๏ สมณาประชาราษฎร์ ทวิชาติทั้งปวง
เสวยสุขเสมอสรวง เพราะพระเดชปกปอง
๏ ครั้งนี้ก็มีแต่ อดูรแดกำเดาดอง
เพื่อฝ่าธุลีลออง ทุกขแสนรทมทวี
๏ พระทรงพระปรีชา อธิการะบารมี
นักปราชญ์ประเพณี ประตยักษ์พระสันดาน
๏ ซึ่งทรงกำสรดเศร้า ทุกค่ำเช้าคำนึงนาน
ใช่ที่พระเยาวมาลย์ ธจะคืนนครคง
๏ แรงทุกขโทมนัส- พิบัติเบียฬองค์
เกลือกทรงประชวรลง ก็จะเกิดรำคาญเคือง
๏ ควรดับรำงับโศก- วิโยคจงเปลือง
สงสารทุกบ้านเมือง อนุกิจติดตาม
๏ เผื่อบรรพบุญญา ปถัมภาพยายาม
จักข่าวพงางาม วณิภาคยโดยเดา ฯ
๑๖ ทรงสดับสารสนมนงเยาว์ เทียบทูลทางเบา
ราณราชนิติสิตการ
๏ ต้องราชหฤไทยใสสานต์ หวลหายคลายดาล
สติวิกาลกังวล
๏ เสด็จจากอาสน์อ่อนอำพล ดำรงพระตน
มาโสรจมาสรงสาคร
๏ ฤๅทรงคันธาอาภรณ์ แขงขืนใจจร
ไปยังพระโรงรัตนา
๏ พร้อมพระสนมนาฎบริจา ออกหมู่มุลิกา
ดำรัสด้วยการบ้านเมือง
๏ กลายกล่าวราวเรื่องแค้นเคือง จากนางพลางเนือง
อัสสุสอื้นอาไลย
๏ ชุมชาวโหรารู้ไตร เพทางคพิไสย
พิเศษทั้งยามพยากรณ์
๏ สกุณาพาพระนางจร ไปจักม้วยมรณ์
ฤๅยังจะเปนฉันใด
๏ ขษณนั้นประภาณจันทร์ไว ปรีชาชาญใน
ดำหรับคำนวณคำนูณ
๏ ได้ด้วยพิสดารหารคูณ แจ้งจบแล้วทูล
สมเด็จนราธาตรี
๏ ภูมเสาร์ตกกาลกิณี จรจักรราศี
สถิตถึงลักษณ์นัครา
๏ พระนางถึงฆาฏชนมา พระเคราะห์ราชา
ตกภูมพิบากยากเย็น
๏ ของรักจักจากจำเปน เพื่อกรรมทำเข็ญ
บวายวิโยคโศกศัลย์
๏ หากองค์โอรสในครรภ์ อดูลเดชบรร
หารเหตุเบื้องบุญญา
๏ บำบัดไภยพาลมารดา ไป่วายชนมา
ลำบากแต่ต้นล้นหลาย
๏ เกมาะมีสิทธาเที่ยงทาย วิริยภาพแก่กาย
นุกูลเกื้ออุปการ
๏ ชมัยขัตติยายังสถาน พระหารนานต์
ทเรศบใคร่ไคลคลา
๏ เท่าถึงทวาทศพรรษา เอารสราชา
นุภาพพ้นพึงแสยง
๏ จักมาด้วยพระฤทธิแรง ดาลเดชสำแดง
สนองพระองค์คงคืน
๏ เปนความสัจจังยั่งยืน ขอพระเจ้าฝืน
พระไทยรำลึกตรึกตรา
๏ โดยในโลกธรรมธรรมดา อกุศลกุศลา
สงสารสำหรับกัปกัลป์
๏ พระองค์ดำรงทศธรรม์ โลกากรถวัลย์
เปนองคเอกัตมา
๏ สงเคราะห์นรราษฎร์มุลิกา จงทรงกรุณา
บันเทาซึ่งโศกาวรณ์
๏ รำงับดับทุกข์ราษฎร ข้าบาทกรรมกร
ผู้รองลอองบทมาลย์
๏ พระฟังปโรหิตาจารย์ ทูลถวายเทียบทาน
ยุบลอันควรมวญมูล
๏ ทรงดุษณีภาพบัณฑูร เสด็จย่างยาตรยูร
ยังมนทิรรัตนบวร
๏ เข้าที่บันทมบรรจฐรณ์ อับสรสาวสลอน
สลักแสลงแบ่งกาม
๏ หวลจิตต์คิดคนึงนงราม เสียวเสียดทรวงทราม
ดั่งเสี้ยนอันเสียบส่งแผล
๏ รำงับอารมณ์ข่มแด อักอวนปรวนแปร
จระเคลิ้มจระเคล้นเห็นโฉม
๏ พระเยาวยุพามาโลม ลาเพสู่โสม-
นัสดำรัสเรียกขวัญ
๏ บางคาบสำรวลสรวลสันต์ บางคาบจาบัลย์
ระทดระทวนหวลโหย
๏ ดุจบัวเด็จน้ำช้ำโรย อาดูรเดียวโดย
จระลึงจระไลใหลหลง ฯ
๑๔ ปางองค์พธูทิพยุพาล สุขุมาลวิมลมง
กุฎเหล่าสุรางค์คณอนงค์ นคเรศกุสามพี
๏ พ้องไภยมหันต์วิหคทา รุณทุษฐพาลี
ลาล่วงทิฆัมพรพิถี ทรทางโพยมบน
๏ แลลับสมเด็จนฤบดิน ทรปิ่นประชาชน
ขวัญหายฟะฟายอสุสกนธ์ กัมปนาทอนาถใน
๏ แลซ้ายบยลมิตรคณา จะแลขวาก็เปล่าใจ
ฤๅรู้จะพักสำนักนิใด และจะพ้นอำเภอมรณ์
๏ องค์เดียวก็เปลี่ยวจิตสลด และสยดสยบสมร
เนาเน่งในนขสกุณทร มนะคิดคำนึงองค์
๏ อ้าเวรวิบากวิบัติใด อนุพันธมาปลง
หลัดหลัดก็ตัดชนมทิวง คตเดียวประดาษดาย
๏ ปรานีปิโยรสดนัย อุทรแม่จะหญิงชาย
ฤๅรางจะรู้ก็จะมลาย ชนมชีพเมื้อมรณ์
๏ แม้แม่ปราลยชีวิต บมิคิดจะอาวรณ์
คิดแต่พระสายสมรอร ปิยบุตรในครรภ์
๏ เจ้าแม่บรางจะนฤไภย จะพินาสในวัน
นี้แท้บใครนุกูลกรร อุปการไป่มี
๏ อ้าองค์บรมภรรดา ธิบดินทรโมลี
แลลับพระเนตรทฤษดี สกุณชาติโฉบมา
๏ แท้ท้าวจะโทมนะพิลาป นยอาบพุธารา
ด้วยความเสน่ห์นิตยปรา รภข้าธุลีถนอม
๏ เคยรองฉลองบทบำเรอ บริรักษ์ลอองออม
อกเอ๋ยบเคยจะนิรจอม จักรจากทั้งเปนเปน
๏ ข้าน้อยจักวายชนมชีวาตม์ วรบาทจะห่างเห็น
วังเคยเสวยสุขจะเย็น ยะเยียบอย่างสุสาสาน
๏ เคยฟังบำเรอสุรสุรางค์ ก็จะร้างจะแรมราญ
เสียงไห้จะปานสาลวนาน ตระดูระดมลม
๏ ใครเลยจะดับปริวิตก ปริเทวเกรียมกรม
ดั่งข้าพระบาทบทบรม- นรินทรฤๅมี
๏ แต่นี้ก็นับจะนิระบาท วรราชกษัตรีย์
ขอลานรานฤบดี อวสานวันวาย
๏ เบื้องโทษปางบุรพทำ มนะกรรมวจีกาย
ขุ่นเคืองณเบื้องบทระคาย ขมะโทษเวรเวียน
๏ หนึ่งข้าจำนงจิตสวา มิปวาสจำเนียรเพียร
ภักดีคงอับสรเสถียร อมรเทพภรรดา
๏ จงเทพในศิขรเขต หิมเวศวะนาอา
รักษ์อันมเหศักขคณา จตุโลกยบาลชาญ
๏ อินทร์พรหมบรมพิษณุมาน์ สุรศักดิสังหาร
เฉลิมตรีพิภพอุปการ ทศทิศสรวมพร
๏ เชิญรับประณามประนิตข้า บริจาริกากร
พ้นไภยอำเภอมจุรรอน ชนมชีพรอดปาง
๏ รุกขาสุราสุรคใน ศิขเรศธารทาง
ทิพโสตสดับนุสรนาง ปริเทวนาการ
๏ ไป่อาจจะทนทุกขระทด ทุมนัสสงสาร
ยื่นเยี่ยมพิมานรุกขทยาน ก็ตรลึงลลาญทรวง
๏ ปักษาคณาสัตวใน วนพฤกษป่าปวง
แลนางก็ต่างทุกขรลวง บมิกลั้นกำศรวญศัลย์
๏ จับรังประนังมุขชะแง้ ตรลึงแลจระหง่องงัน
ลืมภักษ์ผลาผลจำนัน ก็ซะเซียบยะเยียบเย็น ฯ
๒๘ วิหคหัสดินทร์
โฉบเฉี่ยวยุพินทร์ ยุพาพาลเพ็ญ
มาถึงมหา นิโครธอันเปน
คอนเคยบมิเว้น ภักษสัตว์อาจิณ
๏ วางบนค่าคบ
พฤกษาปรารภ เพื่อจะจิกกิน
ฝ่ายองค์นงค์เหน้า พระเยาวยุพินทร์
ตรหนักกายิน กำหนดสัญญา
๏ เลิกกำพลพัสตร
ประหารพระหัตถ์ คำรบสามครา
เปล่งพระสุรเสียง สำเนียงโกลา
ด้วยเดชเทวา พิทักษ์ทรามไวย
๏ ทั้งบุญวโร
รสราชภิญโญ ในครรภ์อรไทย
จะเจนปกรณ์ กุญชรพิไชย
เปนปิ่นภพไตร แก้วโกสามพี
๏ มหันตวิหค
พัญเอิญตื่นตก ตระหม่าสมประดี
ดังอสนีบาต สาดซ้ำแสนที
ความกลัวชีวี พินาสขาดปราณ
๏ วางนางลลน
ผละจากมณฑล พระไทรบนาน
ตัวสั่นระรัว ดั่งกลัวพระกาล
บินหนีลนลาน ประลาศหลีกไกล
๏ ฝ่ายครรภเทวี
แก้วโกสามพี ประจากพาลไภย
ดำรงพระตน อยู่บนต้นไทร
องค์เดียวเปลี่ยวใน วเนเอกา
๏ ไป่รู้หนแห่ง
สำนักหลักแหล่ง ใกล้ไกลไคลคลา
บเห็นผู้คน เดิรหนไปมา
ล้วนห้วยเหวผา ชำเราะเซาะธาร
๏ ยิ่งแลยิ่งเปลี่ยว
สันโดษแดเดียว อรอาดูรดาล
รอนรอนสุริยน สนธยากาล
วิเวกวนานต์ บมีเพื่อนสอง
๏ ลิงค่างบ่างชนี
ส่งเสียงเรื่อยรี่ เย็นเยือกขนพอง
เสือสัตว์จัตุบาท สีหราชคนอง
ลองเชิงเริงร้อง จับสัตว์กุมกิน
๏ กาษรตัวโตรษ
ขุดคัดเขาโขด ตะเพิ่นพังพินท์
แรดร้ายกินหนาม เลือดทรามลงดิน
ไกลใกล้ได้กลิ่น แล่นไล่คลุกคลี
๏ สารเติบตกมัน
เชื่องซึมครึมครั่น หวงกริณี
โกญจนาทกาจก้อง ทั้งท้องพงพี
พังพลายพ่ายหนี ประลาตกลัวไกล
๏ รอนรอนสุริยง
วางแสงอัสดงค์ ลับเหลี่ยมเมรุไกร
โขมดมายา โป่งป่าผีไพร
กู่ก้องร้องไห้ ห้อยโหนโยนตัว
๏ หลอนหลอกกลอกตา
โลดเต้นเป็นน่า พิลึกพึงกลัว
องค์สั่นขวัญหนี บมีกับตัว
ยิ่งค่ำยิ่งมัว มืดมลอนธการ
๏ เพื่อเวลากรรม
อดีตมาอำ นวยผลภิบาล
บันดาลมาดล ให้ทนทรมาน
อดักอดาล กำเดาอาดูร
๏ เมฆมืดหมอกมัว
พรุณโรยรั่ว หลั่งหล้านานูน
เมขลาล่อแก้ว แพรวแพรวจำรูญ
อสุรารามสูร คว่างขวานคำรณ
๏ พระอรยุพิน
ไป่เคยได้ยิน เสียงศัพท์พิกล
องค์สั่นระท้าน ระทดทั้งตน
สุดกำลังทน สมประดีดาล
๏ นางร่ำกำสรด
พิลาปลาลด สรณสรวงบวงบาล
เทวาในสวรรค์ ฉชั้นวิมาน
อารักษ์รักษ์สถาน ภูผาอารัญ
๏ ขอบุญพำนัก
พระยอดเยาวลักษณ์ ลูกน้อยข้าอัน
กปณาอาทร จักจรจากครรภ์
เปลื้องปลอดไภยัน ตรายราคี
๏ โอ้กรรมทำไฉน
ได้ทุกข์ฉุกใจ ยากแค้นแสนทวี
พ้นไภยไม่ม้วย ด้วยนกหัสดี
เวทนาครานี้ อนาถในไพร
๏ ว้าเว้เอองค์
ประยูรสุริย์วงศ์ พระสนมกรมใน
ประชวรครรภ์คราง อ้างว้างหฤทัย
บเหลียวเห็นใคร พอเพื่อนเปนสอง
๏ เคยสุขุมาล
ในคฤหาสถาน ทิพยรัตนเรือนทอง
นาเนกอนงค์ คณาเนืองนอง
เอางารประคอง เฝ้าฝ่ายซ้ายขวา
๏ ยามสรงยามเสวย
นางในใช้เคย รวังเวลา
ยามร้อนนอนนั่ง บัลลังก์รัตนา
อยู่งารรำพา รำเพยพัชนี
๏ ฝูงนาฎนักงาร
นัจจันตบันสาน บันสมดนตรี
บันเทิงบันทม ภิรมยฤดี
ดั่งเทพนารี อินทร์อับสรสวรรค์
๏ เสียดายมนเทียร
พิมานจันทร์เจียร ทิพเวชยันต์
จะไกลจะกลับ จะลับนับวัน
โภไคไอศวรรย์ จะสูญเสียดาย
๏ โอ้องค์ทรงเดช
เคยข้าบทเรศ รองบาทบคลาย
พระแสนถนอมน้อง บข้องระคาย
ลอองอวลอาย ธุลีลมพาน
๏ ครั้งนี้ตกเข็ญ
ลำบากยากเย็น เจียรจักถึงกาล
ขอบุญโปรดด้วย มาช่วยพยาบาล
พระยอดเยาวมาลย์ ลูกน้อยในครรภ์
๏ นางร่ำกรรแสง
กำศรวญครวญแครง พิไรจาบัลย์
จวนปจุสสมัย อุไทยแสงพรรณ
ผเลียงหลั่งอัน ล้นแล้งบนาน
๏ มหุดีศรีสวัสดิ์
พระสุริยไตรตรัส ส่องแสงชัชวาลย์
สมภพหน่อนาถ พระราชกุมาร
บริสุทธศรีปาน อุไรรังรอง
๏ พระยอดเยาวลักษณ์
ช้อนองค์ลูกรัก แอบองค์ประคอง
พิศภาคย์ประไพ วิไลยลำยอง
สมมุตินามสนอง อุเทนกุมาร
๏ ถอดธำมรงค์รัตน์
อันจอมกษัตริย์ ทรงเปลี่ยนประทาน
ผูกข้อพระกร อวยพรพิศาล
ค่อนทรวงประปราณ ร่ำไห้โศกา
๏ โอ้พ่อทูลเกล้า
เสียทีที่เจ้า อุบัติอาตมา
ทรงโฉมสมบูรณ์ ประยูรขัตติยา
อาภัพอัพลา ล้ำโลกทั้งหลาย
๏ เกิดในเศวตฉัตร
ฤๅมาวิบัติ วิบากพลัดพราย
จากวังลังเล อยู่เอกากาย
ประสูติบนปลาย พฤกษาอารัญ
๏ แม้นอยู่ยังวัง
ท้าวนางพร้อมพรั่ง สุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์
พระสนมชะแม่ เถ้าแก่กำนัล
จะมาชิงกัน ถวายหน้าพยาบาล
๏ แม่หมอทั้งผอง
จะเข้าประคอง พระครรภ์อยู่งาร
หมอยาจะบด โอสถเทียบทาน
คนฟังอาการ จะวิ่งชิงทูล
๏ แม้ทอดพระเนตร
จะทรงสังเวช ด้วยข้าอาดูร
เห็นพระนรลักษณ์ ลูกรักไพบูลย์
พระจะเพิ่มพูล ภิยโยยินดี
๏ จะชุมประยูร
พระญาตินิกูล โหราพญารี
เฉลิมขวัญสมโภช สมภารพิธี
แตรสังข์ดนตรี ตามอย่างกษัตรา
๏ พี่เลี้ยงนางนม
เรื่องราชนิยม สุรางคณา
บำเรอภิรมย์ บันทมปรีดา
ขับกล่อมเห่ช้า เฉื่อยฉ่ำทำนอง
๏ พ่อย่าไห้ร่ำ
กรรมแล้วจึ่งจำ จากมนเทียรทอง
จงเสวยขษีรรส ธาราอย่าหมอง
ปลอบพลางประคอง พระลูกกับกาย ฯ
๑๖ กล่าวเรื่องนักสิทธิสองสหาย โดยเดิมบรรยาย
นิยมยุบลบรรพา
๏ พระองค์หนึ่งนามสมญา อัลกัปนรา
มหานรินทร์ธรณี
๏ องค์หนึ่งนามเวฐที ปกบดี
นครบใกล้ไกลกัน
๏ สองท้าวเสมอสมรผูกพัน รักร่วมชีวัน
เสน่ห์สนิธนิจกาล
๏ ดำรงพสุธามานาน แจ้งลักษณญาณ
อนิจแน่เบญจขันธ์
๏ เหนื่อยหน่ายในรูปนามธรรม์ ยินดีในบรร
พชิตกิจสังวร
๏ เษกพระปิโยรสองค์อร เอาภารราษฎร
ดำรงนิเวศน์เสวยรมย์
๏ สองไท้ออกทรงพิเนษกรม อยู่แยกอาศรม
บใกล้บกลายไปมา
๏ กำหนดการเพลิงสัญญา ดีร้ายโรคา
พึงรู้ด้วยควันกูณฑ์กอง
๏ บรมราชอิสิตสอง ต่างตั้งใจปอง
โดยกิจวัดบมิวาย
๏ ไป่ลุอภิญาณยังหมาย ล่วงแล้วปีหลาย
บเบื่อบบากพากเพียร
๏พระเวฐทิปกก็เนียร- ชีพเสถียร
ยุติในด้าวดาวดึงส์
๏ เปนมเหศักขราชคำนึง สมบัติทิพย์ถึง
กุศลใดนำมา
๏ แจ้งในอานิสงส์บรรพชา รำลึกสิทธา
สหายอันเพื่อนพรหมจรรย์
๏ เสด็จด่วนลงจากไกวัล เดิรโดยอารัญ
ด้วยเพศบุรุษหลงทาง
๏ ถึงพระนักสิทธิ์อุตมางค์ อภิวาทเบญจางค์
ประพฤติประดิสัณฐาร
๏ถามแถลงทุกข์ไภยพิการ ปัศวิมิญาณ
ก็แจ้งยุบลบมิอำ
๏ จนพระเวฐทีปกถึงกรรม ด้วยโรครัญทำ
แต่วันอันลับหลายมา
๏ เทวราชมีเทวบัญชา ข้าคือสิทธา
เวฐทิปกพระสหาย
๏ เปนเทวมเหศักข์สบาย ทุกข์ไภยใดกลาย
จงบอกอุบัติอย่าบัง
๏ ดาบสก็เล่าให้ฟัง ช้างป่ามันชัง
มาแย่งมาเย่ออาศรม
๏ ถ่ายมูลลามกสมมม ในที่จงกรม
แลสกปรกอาจิณ
๏ อาจารย์อย่าร้อนใจถวิล โยมจักให้พิณ
กับมนต์กำหราบเรียกสาร
๏ แล้วหยิบพิณทิพยโอภาร ถวายสิทธาจารย์
ทั้งเวทอุบายอุปเทห์
๏ พิณสายหนึ่งนี้มีเด โชภาพมเห
ให้ช้างประลาตหลีกไกล
๏ สายหนึ่งนาเคนทร์ครรไลย ดีดขึ้นทีไร
ก็หยุดทั้งช้างพลายพัง
๏ สายหนึ่งช้างนายฝูงพัง เท้าถ่อมน้อมหลัง
ประพฤติได้ดังหมาย
๏ เสร็จสั่งโดยสารนิยาย สำแดงพระกาย
ก็เมื้อพิมานโดยถวิล ฯ
๑๑ ปางนั้นพระนักธรรม์ อัลกัปมุนิน
ได้เวทวิเศษพิณ ทิพเทพย์ประสิทธิสรรค์
๏ ปราโมทย์ประมูลหมาย สาธยายพระมนต์บัน
เลงพิณลกลบัญ จศิขรเล่ห์หลาย
๏ ด้วยเดชวิธิเท วะมเหศรังถวาย
นานาคพังพลาย ทุประทุษฐตื่นหนี
๏ ยั้งอยู่สถารม ยนิยมตยาคี
ไหว้อาหุดีมี มนะน้อมปเจกจง
๏ เช้าหิ้วกระเฌอหา ผลไม้ณในดง
เพียรเพิ่มลำพังทรง บริกรรมพอคราว
๏ บางยามพรุณโรย ธึกท้นสะท้านหนาว
ดาบสบไปราว พนสอยผลาหาร์
๏ เก็บมางสอัฐิ สัตวยั้งนิโครธา
หัสดีสกุณา ปริภุญชเปนเดน
๏ ต้มภักษ์พอเปนยา ปนมัตกาเยนทร์
ยั้งอยู่ณบริเวณ ทรวนาทิพาศรม
๏ ปางวันจะจวบองค์ สุริยวงศ์วรากรม
ฝนตกระดมลม รติภาคยพรอยพรำ
๏ ท้าวรุ่งอุไทยทอง สุริยส่องคัคณำ
พรรษานิราจำ รัสเรืองจำรูญโพยม
๏ ยามเช้าพอเพลา ก็ก่ออาคนีโหม
บริกรรมอ่านโอม ชุปรวิตรพระมนต์มี
๏ ทรงธารพระกรจร- ลิลาสเลอลี
งามเงื่อนตยาคี สุทธิศีลเสี่ยมสาร
๏ ยังเนินนิโครธา สวนาสำเนียงนาน
โหยไห้พิลาปลาญ จิตหลากประหลาทเปน
๏ ก่อนกูก็เคยมา อนิจาบเคยเห็น
เสียงใดยะเยือกเย็น มิแลเห็นอนาถใจ
๏ เงี่ยโสตหยุดสดับ สรศัพท์บใกล้ไกล
โป่งป่าฤผีไพร ฤโขมดประมาทตู
๏ ตั้งแผ่เมตตาจิตต์ ทุจริตหลอกกู
บ่นพลางก็เดิรดู แลระแวดระไวหา
๏ ยลองคนงค์นาฎ ยุพราชโศกา
อยู่บนนิโครธา บุตรแอบตรอรโฉม
๏ เลอลักษณลาวัณย์ วิยจันทร์จรูญโพยม
ปลุกปลื้มฤดีโลม นรโลกยเจตน์จง
๏ แต่กูก็สมมิท อนิจจิตต์บใคร่ลง
ใครอื่นฤไป่ปลง อุปมานิธีทอง
๏ แม้นางมนุษย์มา มรคาก็ป่วยปอง
ใครใดนิหนอนอง นยนามพุครางครวญ
๏ ตริพลางธทางถาม นุชนามไฉนนวล
ไยเจ้ารำจวญทวน ทุกขนั้นประการใด
๏ เปนนางสุรางค์รัก ษสำนักพิมานไทร
ฤๅนางคินีใน หิมเวศมาแปลง
๏ เคยมาสิหลายหน บมิยลก็กินแหนง
จริงใดไฉนแจง กิจแก้กูสงไสย ฯ
๑๔ ปางนาฎอนงค์นุชสดับ สรศัพท์มุนีใน
ยอกรเหนือศิรก็ไข เสาวนีสนองความ
๏ ข้าใช่พระไทรสำนักนินี้ และคินีวนาราม
เปนนางกษัตริย์สมุตินาม บวรอัคเทพี
๏ สมเด็จชนาธิปนริน ทรปิ่นธเรษตรี
โกสามพิราชนิคมมี อิศรภาพแผ่ผาย
๏ สามนต์สกลทิศประเทศ ระย่อเดชตังวาย
อัศวารถาคชนิกาย บริบูรณ์มไหศวรรย์
๏ เสวยสุขเทียมทิพยสมบัติ สารพัดบไภยันต์
ถึงวารเวรอนุพันธ์ จะพินาสบรู้องค์
๏ ข้ากับนเรศวรภุดา นิปชาณเกยทรง
โอกาศสพักกัมพลจง สุริยส่องฉวีวรรณ
๏ บัดบัดมหาหัสดีลึงค์ ก็โฉบถึงจะคาบคัณห์
ครรภ์แก่อุฐาการบทัน วิหคาก็พาจร
๏ ยังเนินคิรินรุขนิโคร ธกระหยับพอจับคอน
จึ่งข้าประหารหัตถกำธร และตวาดมละเสียง
๏ นกหนีก็มีชนมคง อัสดงค์ก็หลั่งผเลียง
ประสูติปิโยรสก็เพียง จะพินาสประดาษดาย ฯ
๑๖ ราชฤๅษีฟังสารสาย สังเวชใจหาย
มีมฤทุจิตต์การุญ
๏ จึ่งว่าอาดูรพอุล อย่าทุกขาดุร
จะช่วยทำนุกนงพงา
๏ มาแม่มาไปอยู่อา ศรมเราสัญญา
เปนน้องจะเลี้ยงเที่ยงธรรม์
๏ กานดาตอบวาจาพลัน เรากลัวกลั้วพัน
ธุเพศจะเสื่อมศักดิ์สลาย
๏ วนิดาอย่างหมองใจหมาย เราเปนเชื้อสาย
กษัตริย์ประเสริฐสวรรยา
๏ เบื่อหนีสมบัติบรรพชา เจริญพรหมเมตตา
สละสลัดยินดี
๏ แท้ท้าวสุริยวงศ์กษัตรีย์ ยังมายายี
ไฉนจงแก้กังขา
๏ ดาบสก็สังวรรณา นิยมมายา
นุวัติกษัตริย์สำแดง
๏ บำบัดมานัสนางแหนง โดยจริงแจ้งแจง
อเนกนานัปปการ
๏ นางเชิญรับราชกุมาร ดาบสองค์อารย์
ก็ยังนิโครธมหา
๏ รับราชอุไภยขัตติยา ต่างองค์อัชฌา
บหวังสำผัสพ้องพัน
๏ นำนางโดยด่วนด่วนครร ไลลงตามวัล
ลดาอันอ้อมทุมาน
๏ ลงลุแหล่งพื้นพสุธาร นิวัตยังสถาน
นิวาสนเวิ้งบรรพต
๏ ให้นางกับราโชรส อยู่อาศรมบท
อันมีที่กั้นกำบัง
๏ เสาะหาโภชนสาลีทัง มธุกรร้างรัง
ประโยชน์ยุพินภักษ์ภุญช์
๏ กอบเกื้ออุปการนุกุล ไป่หวังทารุณ
ทุศีลเสื่อมสมาบัติ
๏ บำเรอบำรุงสองกษัตริย์ โดยธรรมเที่ยงทัด
บได้จะเกียจเดียดฉันท์
๏ นับนางหนึ่งน้องเนืองครรภ์ นานเนาในบรร
ณศาลวนาศรม ฯ
๑๙ วันหนึ่งนาฏยุพาสุดารัตนผทม
ในที่นิทรารมย์ สำราญ
๏ เชยชมราชปิโยวโรรุปก็ปาน
โฉมบิตุเรศธาร ธรา
๏ หวลคิดจิตตวิกลกมลทุมนอา
รภถึงพระภรรดา บพิตร
๏ โอ้เคยร่วมรสเคยเสวยรมยนิตย์
หลัดหลัดวิบัติปลิด ประจาก
๏ ป่านนี้ท้าวจะคำนึงประหนึ่งกนิฐพราก
ฤๅใจจะไกลหลาก ไฉน
๏ จักโศกฤๅจักสำราญประมาณกิจก็ไกล
หยั่งน้ำฤหยั่งใจ ก็ยาก
๏ ธรรมดาชาติบุรุษบมิยุติจะปาก
มากรักก็มักมาก วิการ
๏ ไหนเลยท้าวจะตามรนามทุรสถาน
เราเดียวสุดาพาล อเนก
๏ หนึ่งท้าวทรงกฤษดาธิการอดิเรก
ไร้นางกษัตริย์เษก ฤมี
๏ คิดคืนยังนคราวนาทุรวิถี
ไป่เคยผลูลี ไฉน
๏ หญิงเดียวอยู่อนาถบมีญาติมิตรใด
เห็นแต่ชฎิลไพร นุกูล
๏ ท่านใช่วงศคณาวิสาสะและประยูร
หาผลให้ภูญชน ผดุง
๏ แท้ท่านเหนื่อยจิตต์หน่ายมลายนุเคราะหจุง
แม่ลูกฤคุงคง ชีวิต
๏ ควรเอาบาศอุบายทำลายสมณกิจ
ด้วยเลศดำฤษณ์สิทธิ์ ประหาร
๏ ให้หลงรสสำเริงลเลิงจิตต์ลลาญ
อยู่อุปการภา- ระเรา
๏ คิดแล้วอัคสุดายุพาพักตรเฉลา
เข้าที่ผทมเนา สำราญ ฯ
๒๘ ยามอรุณเรือง
แสงทองประเทือง ท่องท้องคัคณานต์
พระอรอัคราช วิลาสเลงลาญ
เสด็จอุฐาการ จากนิทรารมย์
๏ ช้อนชูลูกเจ้า
วางบนพระเพลา ให้เสวยนม
ประโลมปลอบพลาง วางให้บันทม
พัดรำเพยลม กล่อมไกวไปมา
๏ แล้วเสด็จจรลี
โสรจสรงวารี วิเลปคนธา
ปรัศผัดผ่อง ลอองพักตรา
พิมพ์เพียงรำพา วดีนิศกลง
๏ ทรงพระภูษา
เชิงช่อรจนา สไบบัญจง
ทรงเครื่องประดับ สำหรับพระองค์
สรวมใส่ธำมรงค์ มงกุฎกษัตรีย์
๏ ย่างเยื้องยุรยาตร
รทวยนวยนาฎ กรีดกรายจรลี
มายังศาลา มหามุนี
ถวายกรดุษฎี รเมียรมายา
๏ ปัดเป่าเผ้าผง
ปูลาดอาสน์ทรง ร้อนเย็นเวลา
น้ำใช้น้ำฉัน สารพรรณจัดมา
ทำดั่งศรัทธา ปราโมชเปรมปรีดิ์
๏ เก็บดอกไม้ร้อย
ต่างต่างมาห้อย ในคันธกุฎี
รวยรสรัญจวน อวลอบมาลี
หวังใจให้มี กมลวนเวียน
๏ สิทธาพาซื่อ
ฟั่นเฝือเชื่อถือ ศรัทธานางเพียร
บรู้ในกล วิจลจักเบียฬ
สิกขาให้เนียร พินาศสาธารณ์
๏ ธทรงมัธยัต
บได้จักตรัส ท้วงทัดทักทาน
องค์อัควิไลย ได้โอกาศการ
ประโลมลองลาญ ด้วยกลกสัตรี
๏ ชม้ายชายตา
ชำเลืองเยื้องผ้า ห่มให้ยินดี
ชายตาประจบ สบเนตรทำที
กระบวรยวลยี หลบเลี่ยงเอียงอาย
๏ นั่งคอยสิทธา
จะมาแต่ป่า สุริยาเย็นชาย
พระอรโฉมยง บัญจงแต่งกาย
ใส่กลิ่นกำจาย กำจรเสาวคนธ์
๏ ขับฟ้อนรำเล่น
ทำเปนไม่เห็น ดาบสมาดล
ครั้นใกล้ถึงตัว ทำกลัวลาญลน
สไปใส่กล หลุ้ยหลุดจำราย
๏ ดาบสเห็นนาง
หมางจิตต์ระคาง รังเกียจเอียดอาย
ทำเมินเดิรไป บให้ระคาย
ต่อเลี้ยวลับกาย จึงค่อยเข้ามา
๏ นั่งหน้าอาศรม
กล่าวโดยนิยม การุญโอภา
ว่าพระเทพี มีอุปการา
ปรนิบัติอาตมา สุจริตภักดี
๏ แต่บต้องกิจ
วินัยบรรพชิต รคนสัตรี
ฦๅชาฟ้าดิน ราคินจักมี
ฝอยกับอัคคี บควรใกล้กัน
๏ จงฟังเราว่า
อยู่แต่ศาลา เลี้ยงลูกผูกพัน
เมื่อเจ้าจะมา สนทนาทางธรรม์
ต่อหลายหลายวัน ค่ำมืดอย่ามา ฯ
๒๑ นางฟังดาบสโอวา ทนศาสนสุภา
สิตสารา นุสนธิ์สนอง
๏ ไป่โดยมานัสนางปอง บมิลุปรทุษฐจอง
ใจตระหม่าหมอง ก็กล่าวกลาย
๏ ทอดตนตีทรวงอุบายฟาย อสุชลอภิปราย
โอ้อุบัติกาย ประกอบกรรม
๏ เคยเสวยสุขสวัสดิเทียรอำ มรฤนิรทุรำ
ทุกขนำเนา พนาลี
๏ เห็นแต่มุนินทรปรานี อุปการจิตตมี
กัตเวที สนองคุณ
๏ ฤๅแปรเปนโทษทารุณ สุจริตจิตตสุน
ทรหวังบุญ ก็เปนดาย
๏ จักอยู่ใยเลยละอายกาย ผิวชนมมลาย
หมายประเสริฐกว่า ประดักแด
๏ ค่อยลาดาบสจงแล มุขกนิฐจะแปร
ปรโลกแห พระบาทา
๏ ไหว้พลางนางพาษปธารา นขชุลิตขมา
คมนายัง สำนักนาง
๏ ลืมเลยภุญชนผลสำอาง สระสริระสรรพางค์
ให้พิลาปปาง ทำลายวาย
๏ สายัณห์เท่ารุ่งสุริยสาย จริตพิกลกลาย
การพิบัติกาย พิกลมี
๏ เท้งทอดอ่อนองคอินทรีย์ ครุวนะกัทลี
เล่ห์วิสัญญี ก็ดูดาล ฯ
๑๔ ป่างอัลกัปกมุนิน ทรชฎิลชฎาธาร
เสร็จกิจหุลายชุสการ ก็อุไทยทิพากร
๏ จงกรมนิยมอิริยา บถจาตุสังวร
เพื่อผ่อนพยาธิทุกขธร วิกลกายา
๏ โดยรอบนิวาศรมบยล นฤมลก็สงกา
เชียบศัพท์ไฉนสุรสุดา จรดลตำแหน่งใด
๏ นอนนิทร์ก็ผิดบุรพกาล ประมาณประหม่าใจ
บัดวิวเรตทวารใน วรนุชนวลผจง
๏ เห็นสมประดีวิยวินาส วิปลาศลอายองค์
ดาบสธเคลิ้มจิตตดำรง ศิลพรหมจรรยางค์
๏ ลดนั่งณเบื้องศิระประเทศ ตระกองเกศพระนางวาง
เหนือตักพระหัตถ์สำผัสกลาง อุรอุ่นลมุนกาย
๏ เอื้อมเอาชโลทกชโลม สริรางคโปรยปราย
นางแสร้งอสาสะและระบาย สติติงดำรงองค์
๏ เลื่อนจากอุจังคอภิวาท วรบาทชฎิลดง
โดยด่วนขมาธิกรทรง ดุษฎีเสงี่ยมสาร
๏ ดาบสผนวชพนัสเนิน และเจริญกสิณฌาน
ราคร้ายรำงับวิกลปาน กุกุลามมลายแสง
๏ ได้เชื้อพอเชื่อมและอัคนี ก็วิโรจนเรืองแรง
ราคาจลาจลสำแดง ปรปักษพรหมจรรย์
๏ เสื่อมศีลสำรวมจิตตสมา บัติวีริยาธรรม์
ร่วมราคอำเภอกมลมัน ทภิรมยใหลหลง
๏ เสียทางสวัสดิ์อมตโมกข์ จตุรโอฆเบียนองค์
เพื่อพาลพธูทิพยดำรง หฤทัยบันเทิง
๏ พลั้งเพลินเจริญสุขสังวาส ดุจบาศจองเชิง
ช้างมันทเมือบพลละเลิง ชลอร่ามจลงจอง
๏ ถ่อมถอยพลาพหลหาญ สุรร่านรเริงปอง
ติดแหล่งลลายจิตตลำพอง ก็อำนวยอำนาจนาง
๏ หาผลเลี้ยงอุภัยพงศ์ สุริยวงศบเว้นวาง
จนราชปิโยรสวรางค์ วยวัฒนากาล
๏ เริ่มเรียนธนูศรพิเศษ วิธิเวทวิสดาร
แต่องค์พระดาบสชำนาญ ศิลปศาสตรศึกษา ฯ
๒๘ ปางองค์ปรัน
ตปะธรธรร มิกราชมหา
นราธิบดี ดิลกสุธา
แต่หัสดีพา ชาเยศแรมวัง
๏ ท้าวบเปนสุข
อาดูรพูลทุกข์ ทับทรวงเพียงพัง
ป่วนปั่นโทรมซุด แสนสุดกำลัง
หฤทัยรุมรัง ร้อนรักอักอวล
๏ บรู้จักคิด
ไต่เต้าตามติด พระน้องนงนวล
โศกาอาไลย พิไรรำจวน
ครวญคร่ำกำศรวญสยบสมประดี ๏ พระสนมบริพาร
๏ พระสนมบริพาร
เฟี้ยมเฝ้าเอางาร อเนกนารี
ลำเภาพาลเพ็ญ เบ็ญจกัลยาณี
ล้วนสาวกษัตรีย์ ตรศักดิ์สาวสวรรค์
๏ บำเรอราชา
ดุจดวงดารา พรรณรายล้อมจันทร์
พระไทยไป่ลืม ปลื้มจิตต์ผูกพัน
คำนึงถึงอรร คเรศเทพี
๏ ทรงสถิตไสยา
อยู่งารรำภา รำเพยพัชวี
รุ่มร้าวผ่าวร้อน ดังเปลวอัคนี
เสด็จสรงวารี สุหร่ายปลายลออง
๏ อวลอาบทราบกาย
ภายในไป่หาย ร้อนเร่าเศร้าหมอง
หวลเห็นเปนนาง เคียงข้างประคอง
แลใช่ไหม้หมอง รำจวนหวลหา
๏ เสด็จยังอุทยาน
ประพาสสุมาลย์ วิมลมาลา
เลวงเสาวคนธ์ กลกลิ่นจินดา
ยั่วยามกรีฑา ภิรมย์สมสมร
๏ เสด็จออกโรงรัตน์
จำชื่นขืนตรัส กิจการพระนคร
โดยอัชฌาไสย พระไทยอาวรณ์
บำรุงราษฎร โดยวัตขัตติยา
๏ นานาประเทศ
ได้แจ้งแห่งเหตุ พระจอมสุธา
เลือกสรรค์บัญจง อนงคธิดา
วิลาสลักษณา ถวายเปนมหิษี
๏ บเอื้อมอินัง
นางใดไว้หวัง เปนอัคเทพี
เกลี่ยกรีฑารมย์ พระสนมนารี
บำเรอฤดี คับแดกังวล
๏ ดำรงราชฐาน
นานนับลับวาร ล่วงปีเดือนดล
ถึงกาลพระองค์ จะปลงพระชนม์
ยังมิ่งเมืองบน สู่สวรรค์ครรไลย
๏ ทรงพระประชวร
พระโรครัญจวน รันทำหฤไทย
รั้งเรื้อเหลือหมอ ครีครอครุ่นไป
เยียวยาแก้ไข ซูบทรุดทุกที
๏ ให้แต่งบูชา
เนาวเคราะห์ทวา ตั้งเครื่องพลี
สรงทิพย์มุรธา ภิเษกสวัสดี
โดยพรหมพิธี จำเริญชนมา
๏ ผันแปรแก้ไข
ตามคัมภีร์ไสย ประเภทนานา
จนสิ้นตำหรับ ลัทธิโหรา
ท้าวเสด็จสวรรคา ไลยลาญชีวัน
๏ หมู่มุขมนตรี
พระสนมนารี นิกรกำนัล
พิโยคจากเจ้า ร้อนเร่ารุมรัน
ตีทรวงโศกศัลย์ กำสรดเศร้าหมอง
๏ ไห้สรงพระศพ
พระจอมพิภพ ใส่พระโกฐทอง
ไว้ใต้เศวตฉัตร แท่นรัตน์เรืองรอง
ตั้งเครื่องเนืองนอง ตามซ้ายฝ่ายขวา
๏ เครื่องสูงชุมสาย
ไม้เงินทองราย ระเบียบบูชา
ชแม่พระสนม ทุกกรมกัญญา
ทุกเวลามา กำสรดสงสาร
๏ ประโคมแตรสังข์
ทุกยามระวัง วิเวกกังวาน
เสนาข้าเฝ้า ทุกเหล่าพนักงาร
อยู่เฝ้าบริบาล ตามศักดิ์กษัตรา
๏ เสนาบดี
ปโรหิตพญารี มวญมาตย์คณา
ชุมกันสันิบาต ในราชสภา
ประพฤติทรรษา เรื่องราชนคร
๏ ว่าราชสมบัติ
นิราสกรุงกษัตริย์ เปนปิ่นภูธร
จักเกิดยุคเข็ญ เปนสัตถันดร
เพื่อโจรดัสกร อุบัติบีฑา
๏ ควรเราจะเสี่ยง
บุษยรถโดยเยี่ยง รบิลโบราณ์
เชิญท่านผู้มี อภินิหารมา
เปนจอมขัตติยา ดำรงธรณิน
๏ พระโหรจึงว่า
ข้ากำหนดมา ในปรติทิน
อันองค์ผ่านเผ้า ผู้เจ้าแผ่นดิน
อื่นไกลใครถวิล เปนเปล่าป่วยปอง
๏ พระราชบุตรา
อันหัสดีพา ไปทั้งครรภ์ครอง
บุญญานาเนก ภิเษกสมพอง
จักมาสืบสนอง สุริยวงศ์พงศ์พันธุ์
๏ ผู้ท่านมนตรี
จงตั้งภักดี พระบาทโดยธรรม์
ช่วยกันบริรักษ์ พิทักษ์เขตขัณฑ์
ไตรมาศจักบัล ลุราชนครี
๏ นายกมุขมาตย์
ฟังโหราราช นิยมยินดี
เกณฑ์กันรักษา ประชาธานี
คอยวันราตรี กำหนดพฤฒา ฯ
๑๖ ปางนั้นอัลกัปกดา บสเสวนา
ด้วยองคยุพินพิมพ์จันทร์
๏ ลืมฌานลาญหลงผูกพัน เกื้อกามามันท์
บันเทิงสำเริงสุขรมย์
๏ วันหนึ่งรัติยาประถม นั่งหน้าอาศรม
ประพาสดาราราย
๏ ดูนักขัตฤกษ์ทั้งหลาย โดยอุปเทห์ทาย
อุบัติวิบัติอันมี
๏ เห็นดาวกรุงโกสามพี เหตุโหดหาศรี
ขมุกขมัวมัวมนท์
๏ รู้แท้ว่าเจ้าสากล จะสิ้นพระชนม์
ก็กล่าวอุทานด่วนพลัน
๏ ดูราภคินีโนมพัน วันนี้ปรัน
ตปะจะถึงมฤตยู
๏ นางน้องสนองท้าวโดยผลู ท่านกล่าวนี้ดู
คดีบเยี่ยงยุติธรรม์
๏ ฤๅหนึ่งเปนเวรเวียนวัน กับท้าวปรันตป์
แรงพิโรธยังไป่หาย
๏ ใช่แม่อย่าหมองใจหมาย ฤกษ์บนบรรยาย
นิยมผู้มีภินิหาร
๏ ใช่เรียมรักชังจังฑาล หากเหตุเห็นการ
ก็กล่าวแต่โดยสัจจัง ฯ
๑๙ ปางนั้นนาฎยุพาสุดารัตนฟัง
ภรรดานิราวัง วินาส
๏ ท้าวทอดองคกำสรดรทดทุกขอนาถ
เพียงสายสนีสาด สยบ
๏ อ้าโอ้อัคนรินทร์ยุพินทรพิภพ
เลี้ยงข้าพระคุณลบ สุธา
๏ น้องหวังจิตต์จะสนองลอองบทนรา
บุญน้อยนิรามา ประจาก
๏ ต่างไกลไข้ก็บเห็นและเปนทุกขลำบาก
ตายจากก็ต่างยาก จะเยือน
๏ โอ้อกอาตมเอ๋ยเสวยทุกขบเบือน
ใครเลยจะเหมือนอก บมี
๏ เสียดายราชนคเรศนิเวศน์วิยศุลี
เก้าแก้วประกอบตรี พิมาน
๏ สมบูรณ์สรรพสมบัติวัฒนอุฬาร
มั่งมูลทหารพา หนะ
๏ ฦๅข่าวท้าวทศทิศรอิดฤทธิฤพระ
สู่สวรรค์ครไลยละ พเอิญ
๏ โอรสเราผิวอยู่ณบุรรัตนเจริญ
มวญมาตย์จะชุมเชิญ ภิเษก
๏ ถวัลยวงศ์อิศรวราทิพากรดิเรก
เมืองออกโทตรีเอก อนนต์
๏ โอ้ว่าเวรุวิบัติกำจัดบุรีวิกล
อาภัพสำหรับทน เทวษ
๏ ครวญพลางสองกรทุ่มชละลุมชลสุเนตร
มวยมุ่นศิโรเพฐ พิกาล
๏ เอนอ่อนองคพิลาปรทาบอรละลาญ
อาลิงคกูมาร กำสรด ฯ
๑๑ ปางนั้นพระองค์อัล- กปากะดาบส
เห็นนางธรันทด ปริเทวนาการ
๏ ลาเภลำเภาเยา วประภาษนุศาสน์สาร
อ้าแม่วิมลมาลย์ อดุรใดณโฉมฉาย
๏ เบญจขันธสรรพสัต วอุบัติก็ทำลาย
ทุกข์สุขสำหรับกาย นรโลกยปวงเปน
๏ ฤๅแม่ฉงนจิต ตอนิจบแน่เห็น
สงสารรำคาญเข็ญ ก็ประวัติแปรปรวน
๏ ดินฟ้าสุธาวาส คิรีราชมูลมวญ
พรหมพิษณุอิศวร ก็ลุล่มประไลยกัลป์
๏ อย่าแม่กำสรดโศก วะวิโยคแสนศัลย์
ใช่ท้าวธสู่สวรรค์ คตฤๅจะคืนคง
๏ อ้าองค์พระสิทธา จิตต์ข้าบใหลหลง
หากโศกสงสารองค์ วรราชกุมาร
๏ เสียทีกำเนิดใน ขัติยาวราสถาน
อาภัพสาธาร นิรไอศวรรยา
๏ แม้มาทสถิตวัง สุริย์วงศ์ณานา
จักเชิญเสด็จรา ชภิเษกกษัตริย์สนอง
๏ อ้าแม่ฤปรารภ- พิภพจะหวังครอง
เปนภาระเรียมปอง อนุเคราะหจริงจินต์
๏ เรียมจักประสิทธิ์เวท อุปเทศลเบงพิณ
คชาทยายิน กิจกอบประดุจหวัง
๏ ให้องค์พระเยาวยศ ธนำคชพยุห์ยัง
เวียงราชจำบังพัง ชนบทเอาแดน
๏ อ้าท้าวธการุญ และพระคุณโกฏิแสน
กว่าฟ้าสุเมรุแมน ภูมิภาคยฤๅเสมอ
๏ เชิญท้าวประสิทธิ์สอน ศิลปศาสตรบำรเรอ
ลูกท้าวธให้เปรอ บุรีโดยประสงค์สม ฯ
๑๒ ขษณอัลกัป กมุนินทรบรม
คณเวทอุดม กลพิณพิศาล
๏ สุภวารมหุติ บริสุทธิ์บริหาร
วรราชกุมาร ทิพยมนต์สัธยาย
๏ กลพิณกลเวท กนิเทศอุบาย
อุปเทห์วิธิสาย คติยางค์บริบูรณ์
๏ ก็สำฤทธิมโน รถนาถนุกูล
พระอุเทนก็พูล มนสานติสำเริง
๏ อภิวันทนะบาท มุนินาถดำเกิง
วรวากยดำเลิง วรวัฒนบนาน
๏ ธก็กล่าวมธุรา และประกาสิตสาร
ดุรยอดยุพมาลย์ วรพักตรประภา
๏ พระกุมารจะจร พระนครคณา
นรราษฎร์อมจา จะวิจลจิตแหนง
๏ วัตถุไดและประสงค์ ขัติวงศสำแดง
วรนุชจงแจง อนุกิจกุมาร ฯ
๑๔ เมื่อนั้นพระเยาวพนิดา สวนานุสนธสาร
รู้แท้พระเอารสยุพาล จะจรเจียรประจากกาย
๏ อาลัยหทัยทุกขระทด และสยดสยองสยาย
เกศกรตระกองตรุณฟาย อสุพาษปรำพรรณ
๏ อ้าดวงมณีวิมลมง คลลักษณ์เฉลิมขวัญ
ขวัญเข้าก็เยาวบมิทัน จะอุไทยประเทืองโฉม
๏ ดังฤๅจะสัญจรทุเรศ หิมเวศรทมโทม
สันโดษบใครและจะประโลม สมรเพื่อพอเปนสอง
๏ โป่งป่าคณาคณปิสาจ ก็ฉกาจฉกรรจ์คนอง
หลอนหลอกลำพังพละลำพอง พพำผิ่วพพึมเสียง
๏ ยอแสงพระสุริย์คณชนี จรี่ร่ายทุมาเมียง
โหยไห้วิเวกศัพทสำเนียง ระเรื่อยร้องร่ำเรียกผัว
๏ แม่ม่ายประลองไนวนร้อง ซแซ่ซ้องก็พึงกลัว
จักระจั่นและเรไรก็จะรัว สุรเสียงสท้านเย็น
๏ ขวัญแม่บเคยนิรอุรา อนิจาจะไปเห็น
ขุกไข้ก็ไกลมาตุรเปน ทุกขเทียมสุเมรุแมน
๏ จักห้ามบให้ครรลยยัง นคเรศครองแดน
ธานีบมีอธิปแหน สิริราชไอศูรย์
๏ ปรานีประชาชนสกล จะวิจลอาดูร
ควรพ่อจะต่อขัติยประยูร ผดุงเดิมสุธาดล
๏ เจ้าไปผิถึงพระบริราช และอำมาตยชาวชน
ไป่เคยตระหนักสริรยล วรภาคพงางาม
๏ พ่อพึ่งสำแดงขัติยชาติ บิตุราชเสนอนาม
นาศักดิ์มหามุลิกตาม ตำแหน่งในจำเนียรองค์
๏ ธำมรงค์วิมลกำพลพัสตร วรกษัตริย์สำหรับทรง
แม่เปลี่ยนพระบาทพระบิตุรงค์ ธิบดินทร์ประทานมา
๏ บนเกยกนกรัตนวัน ทิชะจัณฑโฉบพา
ป่าวปวงอำมาตยคณา ก็จะสร่างมโนขนาง
๏ ตัวแม่จะเนาวนทุเรศ ยุบลเหตุจงพราง
แหวนผ้าจงพ่อทัศนต่าง วรพักตรมารดร
๏ มาแม่จะชมบรมรูป วรภาคยสายสมร
เปนอาวสานทิวสจร ก็จะห่างจะเห็นกัน
๏ ตรัสพลางก็อาดูรพิลาป- พิโยคโศกศัลย์
กอดองค์พระโอรสรำพรร ณประสิทธิ์ประสาทพร ฯ
๑๖ ปางนั้นหน่อนาถอดิศร อุเทนบวร
กษัตริย์ประเสริฐศิลปา
๏ เห็นชนนีนองชลนา สงสารโศกา
ก็กอดพระบาทโศกี
๏ อ้าพระแม่มิ่งโมฬี พระคุณอารี
อำรุงผดุงเปนตน
๏ ไป่ทันสนองบาทยุคล เวรามาดล
วิบากประจากเจียรจรัล
๏ เพื่อพระบิตุราชธิปครร ไลยโลกสู่สวรรค์
พระคุณก็ควรไปสนอง
๏ ใช่ข้าบอาลัยลออง พระบาทจงปอง
ประโยชน์สมบัติเปนดี
๏ พระแม่จงโปรดปรานี อย่าทรงโศกี
แก่ลูกจะไปเปนลาง
๏ ขอพระคุณคุ้มเกศกลาง ดงดอนเดิรทาง
พนมพนาทุรคม
๏ ผิวข้าลุลาภนิยม สนองบาทบรม
นราธิเบศบิตุลา
๏ เสร็จข้าจักกลับคืนมา รับพระมารดา
นิวัตินิเวศน์เสวยวัง
๏ ตัวแม่บคิดคืนหลัง อย่าพ่ออย่าหวัง
จะคิดจะรับกลับคืน
๏ รักเจ้าสุดอกแม่ฝืน แต่ตัวโหดหืน
บควรจะให้ใครเห็น
๏ กรรมแล้วสู่กรรมจำเปน ลำบากยากเย็น
ในป่าไปกว่าวางวาย
๏ ร่ำพลางนางนองเนตรฟาย อาลัยในสาย
สวาทพระราชบุตรา
๏ จนปัจจุสสมัยมิกา พระลูกทูลลา
พระบาทสมเด็จชนนี
๏ มายังบรมราชฤๅษี ด้วยจิตต์ภักดี
ก็น้อมประนตอำลา
๏ ดาบสอวยพรวรา ประสาทพิณพา
มานั่งยังที่จงกรม
๏ พระกุมารก็อ่านอาคม ดีดพิณบรรสม
บนสาขทุมบรรเลง
๏ บรรฦๅสรศัพทครื้นเครง ครื้นครึกอลเวง
ด้วยศัพทเกริ่นคชสาร
๏ คชสรรพ์จรรโจษบริวาร บริเวณวนานต์
ก็เต็มด้วยนาคนานันต์
๏ นาเนกคชลักษณ์สิบพรรณ สิบพวกสกรรจ์
สลอนสล้างลางพงศ์
๏ ลางเผ่าคชอำนวยวงศ์ คชาธารมาตงค์
พินายพิเนกเอกทันต์
๏ เผือกเนียมนิลนพสุบรรณ สุปดิษฐปิงคัล
โคบุตรชมลบล้ำหลาย
๏ ล้ำเหล่านาเคนทร์ตัวนาย ตัวหน้าน้อมกาย
กับบาทพระราชกุมาร
๏ พระกุมารก็ซ้ำสั่งสาร สั่งสารนายการ
ประกาศกำหนดคชา
๏ คชอันแก่เกินกายา กาเยนทรยุพา
ก็ห้ามให้คับคืนไคล
๏ คืนคลายังป่าโดยใจ โดยจัดจักไป
สกรรจ์พิกัดพอเกณฑ์
๏ พอกาลสุริยาอุเทน อุไทยนเรนทร์
ทรงบัณฑุพงศ์เผือกพรรณ
๏ พรรณพระภาคย์เฉิดฉัน เฉิดโฉมเฉกบัญ
จศิขรกรกุมพิณ
๏ กัมพลธำมรงค์ราชินทร์ ราชูบดินทร์
ก็สวมสำหรับกับองค์
๏ จรจากอาวาสวังวงศ์ เฉียงอุดรตรง
สพร้อมด้วยคชหลั่งหลาย
๏ หลั่งล้วนคชคณพรรลาย พรรฦๅคือสาย
สมุทร์กระฉ่อนช่อผกา ฯ
๑๕ นิลคชคณเปนนา ยกมรรคานำ นิเทศทาง
๏ นิกรคชคณลางบาง คนตเคียนคาง รเนนนอน
๏ คชคณบริพารสลอน ยางแลยูงถอน ตล่งลาน
๏ นิกรคชคชาธาร อัษฐวงศ์วาร อเนกา
๏ นิกรคชอำนวยนา เคนทรจูฑา ทศาสาร
๏ นิกรคชบริวาร มากประมาณการ กำหนดหมาย
๏ คณอัษฐคชตัวนาย คชพลพลาย สพร้อมพรัก
๏ ส่ำคชนิกรสุภลักษณ์ พาจตาลิพรรค พหูหาญ
๏ ส่ำคชนิกรเริงราญ อาจผชญชาญ ชนะงา
๏ ส่ำคชนิกรชื่นตา เห็นแต่ฉายา ก็แทงทัน
๏ ส่ำคชนิกรชาญฉกรรจ์ เมื่อบทมึนมันท์ ทลวงลาม
๏ พลคชสุระสงคราม ดูสง่างาม กระหึมหวล
๏ ส่ำคชนิกรซึมซวน คอยจะเจียรจวน ก็โจมแทง
๏ นิกรคชกำแหงแรง โดยเสด็จแซง สลับสลอน
๏ นิกรคชคณแซงจร บนอัมพรเลื่อน ตระหลบควัน
๏ ส่ำคชนิกรนำพรรค์ แล่นจะจวดกัน แลโกญจนาท
๏ วิจลสกลโลกธาตุ ก้องทั้งอากาศ ก็อุโฆษ
๏ นิกรสัตวจรรโจษ ลางก็แล่นโลด ตระหลบหนี ฯ
๑๑ อุเทนยุพาพงศ์ สุริย์ทรงธเรษตรี
เดโชวโรมี พลภาพเจษฎา
๏ ทรงบัณฑุนาเคน ทรพิลาสโลกา
เงื่อนอินทรออกอา สุรราชสงคราม
๏ นาคาคณาพรรค์ ก็อนันต์อเนกตาม
ทศทิศดูงาม นิกรเทพยอวยพร
๏ เสด็จโพนประพาสชม รุกขพนมพนาดอน
ราวรัถยาจร สุขสานติ์สำราญรมย์
๏ เกดแก้วพิกุลกา รณิกาสุกรมยม
เล็บนางอนงค์นม สวรรค์สวัสดิสาวสวรรค์
๏ ปริงปรางปรงปรูปริก กรจับจิกขจรจันทน์
สละสลับแสลงพัน พยอมโยธกากาญจน์
๏ ทิ้งถ่อนกระทุ่มกระทุง อำพันพุงทลายลาน
ตูมตาดมต้องตาล ยี่สุ่นโศกมสังสน
๏ สุรภีสุมาลย์มา ลุลีลาจำปาปน
เสาวรสรสคนธ์ กุหลาบเลื้อยลำดวนดง
๏ สารภีภิรมย์รส รเหยหอมมหาหง
คัดค้าวสาวหยุดประยงคุ์ รดะดอกรดูดวง
๏ กฤษณาสุรารักษ์ กระลำพักอำพันพวง
กระแจะกำจรจวง กำจายรสเรณู
๏ เห็นเช้าสีดาห้อย ระย้าย้อยระดาดู
เช้านี้พระแม่กู จะหิ้วหากระเช้าสาน
๏ ไป่เคยวิบากบาป จะหอบหาบแสรกคาน
ดงเดิรก็กันดาร จะเสาะสอยแสวงผล
๏ นมนางวิลาวัณย์ ปรเล่ห์ถันยุคลนน
ทลีเลรฦกชล ขษิราพุ์กระหายหอม
๏ เห็นวัลพันรุกข์รัด ก็กำหนัดมโนตรอม
กลกรพระแม่ออม ตระอรแอบประทมชม
๏ ปานนี้พระแม่เจ้า จะร้อนเร่าอุรากรม
ขุกทรงประชวรลม ก็บใครจะอยู่งาร
๏ กำจัดวิบัติบาก กำจัดจากก็สงสาร
ระกำกรรมก่อนกาล- จำนองสนองกรรม
๏ สหัสคุณอดูลย์มี ชนนีธอุปถัมภ์
ไร้ใบดังไร้ทำ อุปการะคุณสนอง
๏ แสลงใจอาไลยคิด แสลงจิตต์สลดตรอง
น้ำนองประหนึ่งนอง ชลไนยพิไรครวญ
๏ ครวญพลางธลีลา คชพาหน์หมื่นมวญ
สายัณห์ตวันจวน อัสดงคเพลา
๏ แรมพักสำนักใน ชยพฤกษฉายา
นาเคนทร์คณามา ก็ระแวดระไววัง
๏ บุญญาธิกาการ ภินิหารหนหลัง
ย่อมยั้งประโยชน์ยัง อุปการะกอบหมาย
๏ เทพาสุรารักษ์ ก็พิทักษทุกภาย
ไป่อันตรายกลาย อนุกรมนิยมมา
๏ ทางเท่าบุรีราช ประมาณมาศลีลา
เทพย่นมรรคาคลา สัปตวารก็ลุดล
๏ หยุดยั้งยังชายป่า คชพาหน์โจษจล
ก้องโกญจนาทกล อสุนีคนองสาย
๏ เสียงเท้าสำเฑียรเทียม ธรณิศทำลักทลาย
หักป่าจำรายขจาย ตล่งเล่ห์ชำเลลาน
๏ เสด็จยังวิมลมณ ฑลต้นพระไทรสถาน
แทบสระปทุมมาลย์ ณประจิณทิศา
๏ เมิลแม้นกุมารแมน ประจากแดนพิมานมา
เฉลิมโลกยขวัญตา ประพาสพื้นธราดล ฯ
๑๖ อุเทนราชเรืองรณ เรืองฤทธิ์ภุชพล
นุภาพซั้นสั่งสาร
๏ สั่งสารนายฝูงบริพาร บริภัณฑ์ทุกสถาน
สถิตยถ้วนทุกภาย
๏ ทุกภาคย์เสร็จเสด็จผาดผาย ผาดเพียงนารายณ์
นเรศรทรงสายสินธุ์
๏ สายสินธุ์นฤมลชลธิน ชลเทียบสระอินทร์
สอาดสอ้านโอฬาร์
๏ โอฬารโกสุมภโสภา โสภาคย์บุษบา
บุษเบญจบานตูมสลอน
๏ สลับจงกลนีเกสร เกสรภมร
ประเอียงเอาทราบทระหึง
๏ ทรหวลเซงศัพทประอึง ประอรคล้ายคลึง
สังคีตซร้องเสียงผสาน
๏ ผสานเสียงเสนาะในสระสนาน สระสนุกในธาร
ในถิ่นสทื้นมัตสยา
มัตสยาเหลือไตรไคลคลา ไคลคล่ำเหยื่อหา
ยังฝั่งคละคล้ายสวายไหว
๏ สวายหว่ากากดโกไลย โกไลยเลมไคล
เขงข้อค้าวคือคางเบือน
๏ คางเบือนบอกแก้มช้ำเชือน แก้มช้ำชายเตือน
ไปหาไปสู่หมู่หมอ
๏ ปลาหมูสู้เสือร้ายรอ แรดร้ายมีนอ
กระโห้กระแหหางแดง
๏ นวลจันทร์จังโกกชวาดแชวง สร้อยสร้าซิวแขยง
ปักเป้าแลแป้นแปบปน
๏ ตลุมพุกอุกอ้าวอานนท์ อานันท์ยี่สน
สีเสียดกระโสงหนามหลัง
๏ โลมาตาเดียวทูกัง หลิดหลาดลิงลัง
ฝักพร้าแลพรวนพรมพราม
๏ ชโดดาบด้องดุกโดดตาม เพียนทองท่องชลามพุ์
ชระเหลียกในก้านกอบัว
๏ ปลาม้าหวายหวั่นเห็นตัว ปลาครอกชักครัว
แลลูกก็ล้อมเลมไคล
๏ หางกิ่วหางไก่หลดไหล ในชลพ่นไพร
จันทเมดทรมางราหู
๏ กรกฏกูมินทรดื่นดู ในสระสินธู
บรู้พิกัตโกฏิพัน
๏ พระเสด็จโสรจสรงจันทน์ รอนรอนสุริยัน
จะเลี้ยวจะลับเหลี่ยมเมรุ
๏ สมเด็จราชอุเทน สถิตในบริเวณ
ภิมาภิมุขมณฑล
๏ หวลหาอาลัยพระชน นีนฤมล
กำเสาะกำศรวญครวญคราง
๏ สงสารปานนี้แม่นาง พระองค์เว้วาง
ตระโหมดตระหม่าหม่นหมอง
๏ ใครเลยจักภักดีลออง ดั่งข้าเคยฉลอง
พระบาทยุคลนนทลี
๏ พระแม่จักไข้ฤๅดี จักลับนับปี
จะห่างจะห่อนเห็นกัน
๏ โอ้พระสิทธาธรธรรม์ ทรงคุณานันต์
นุเคราะห์อำรุงผดุงผดา
๏ ประสิทธ์วิธีเวทศึกษา ปรากฎเดชา
นุภาพอ้างอดุลย์
๏ ดังเราหฤโหดทารุณ ฤๅทันแทนคุณ
สละสลัดอาไลย
๏ เสียทีมาปฏิสนธิใน ขัตติยาราไชย
นิราสนิรามาดง
๏ แต่แม่กับลูกสององค์ สมเด็จบิตุรงค์
เสด็จสวรรคครรไลย
๏ จักอยู่จักดูดีใด เสียทางธรรมใน
บุพพาจารยคุณอุปการ
๏ ดำริห์ทางกตัญญูญาณ รำงับสันดาน
ดำรงวิการกังวล ฯ
๒๘ ฝ่ายชาวประจันต์
นิคมคามคัน เขตขอบอารญ
แลเห็นคชา เข้ามาเนืองนนต์
บรู้จักผล อาเภทเหตุใด
๏ ล้วนสารสกรรจ์
มากหมื่นพื้นพรรณ ต่างต่างช้างไพร
รื้อชักหักร้าน โรงนาพาไล
ขุดโค่นต้นไม้ หมากพร้าวน้าวตาล
๏ ไร่ผักฟักแฟง
เท้าฉัดถีบแทง ทุกบ่อนบ่ทาน
ชาวบ้านร้านใกล้ ร้องไห้ประปราณ
ล้มลุกคลุกคลาน วิ่นหนีพัลวัน
๏ เมียวิ่งเรียกผัว
เข้านอนซ่อนตัว หลับตาหากัน
แก่กกงกเงิ่น เดิรไม้เท้ายัน
ความกลัวตัวสั่น จับมือเมียจุง
๏ ตาฉุดมือยาย
ย่ามใหญ่สพาย ขาวม้าพันพุง
บ้างร้องไห้หา แม่ป้าอาลุง
เงินใส่ไถ้ถุง ซ่อนเหน็บเก็บมา
๏ ที่ลางเปนหม้าย
ลูกล้มผัวตาย เปนเวทนา
เก็บของร้องไห้ อาไลยภรรดา
คราวยุคฉุกมา สมเหมาะเหราะไป
๏ บ่าวสาวกล่าวขอ
ปลูกสร้างห้างหอ ยังไม่ทันไร
เกิดการวิปริต ต่างคิดเสียใจ
บ้างตกบันได พลอยโจนตามกัน
๏ บ้างหอบลูกเต้า
พ่อแม่แก่เฒ่า เทครัวพัวพัน
บ้างหนีแต่ตัว กลัวช้างน้ำมัน
เงินทองเชี่ยนขัน หกคว่ำจำราย
๏ บ้างวิ่งเข้าป่า
หนามเหนี่ยวเกี่ยวผ้า ข้องขาดบาดกาย
ไพร่ปนผู้ดี ไม่มีละอาย
ความกลัวตัวตาย เสือกสนปนไป
๏ เห็นหน่อนฤบดินทร์
พระหัตถ์ทรงพิณ พระขรรค์ศรไชย
นิสีทารมย์ ในร่มรุกข์ไทร
ต่างสงสัยใน กมลจนจินต์
๏ ฤๅไท้เทเวนทร์
จรจากเมืองเมรุ พิมานมาดิน
ไยไม่ทรงสังข์ ทักขิณวรินทร์
แปลงองค์ทรงพิณ ดังนี้ปางใด
๏ ฤๅเปนองค์ปัญจ์
ศิขรเทวัญ ชำนิพิณไพ
บุลเภทจุฑา ห้ายอดวิไลย
เพี้ยนเพศเหตุใด บทรงสงกา
๏ ฤๅองค์โลกบาล
อันเปนประธาน คนธรรพ์คณา
ทรงนามธตรฐ ปรากฎเดชา
เหตุไรไม่มา ด้วยพลคนธรรพ์
๏ ฤๅไท้เทวบุตร
อิศรสมมุติ เทพเทวกรรม์
เพี้ยนพระภาคย์พักตร์ คชลักษณ์ลาวัณย์
มาด้วยอนันต์ นาเคนทร์บริวาร
๏ ฤๅสุรารักษ์
สิงสถิตสำนัก พิมาพิมาน
ทรงพระกรุณา มาอุปการ
ป้องกันไภยพาล คชาทารุณ
๏ บ้างคลานเข้าไป
หมอบราบกราบไหว้ นิยมชมบุญ
ลออหล่อลอง เทียมทองนพคุณ
รุ่นรวยสวยสุน ทรลักษณ์พักตรา
๏ แช่มช้อยเฉิดโฉม
วิลัยเลอโลม ไตรโลกขวัญตา
ดั่งพระหริวงศ์ แบ่งองค์เสด็จมา
จากกษิรสา คเรศนที
๏ ควรเปนปิ่นกษัตริย์
ดำรงสมบัติ ในโกสามพี
แทนองค์ผ่านเผ้า เปนเจ้าธรณี
เฉลิมโลกเปนศรี พิภพภพไตร
๏ คิดแล้วทูลถาม
พระผู้โฉมงาม ปรากฎยศไกร
เปนเทพเทวัญ สวรรค์ชั้นใด
เสด็จครรไลย แต่องค์เอกา
๏ ฤๅหน่อจักรพรรดิ
ประพาสไพรพลัด จตุรงค์หลงมา
ฤๅเที่ยวเลือกลักษณ์ พระอัคชายา
อุส่าห์เสด็จมา บัลลุธานี
๏ ผู้ข้าทั้งผอง
ขอเอาลออง พระบาทธุลี
ปกเกล้าเกศา เปนข้าภักดี
ไปกว่าชีวี จะม้วยมรณา ฯ
๑๖ พระกุมารฟังสารสารา ชาวรัฐประชา
ก็แย้มพระโอษฐ์บรรทูล
๏ เราคือเยาวราชประยูร องค์อดิศูร
ผู้ปิ่นประชาธานินทร์
๏ พระชนนีนาถเทพิน นกพาไปกิน
แต่เรายังอยู่ในครรภ์
๏ เดชาภินิหารหากกัน ไป่วายชีวัน
ด้วยไภยพิหคพาธา
๏ อาศรัยอยู่ในวนา กับพระมารดา
ทุราทุรัสถ์ดงดาล
๏ จนจำเริญไวยชนมาน จึ่งพาบริวาร
มาหวังจักเยือนเวียงไชย
๏ บ้านเมืองเคืองเข็ญเปนไฉน ทุกข์สุขฉันใด
จงแจ้งแก่เราอย่านาน
๏ ข้าแต่พระราชกุมาร ข้าโพธิสมภาร-
เกษมสุขทุกภาย
๏ ตั้งแต่บรมราชฦๅสาย เสด็จสู่สวรรค์วาย
ชีวาตม์อนาถชาวเมือง
๏ อาดูรพูลทุกข์บมิเปลือง โศกานนต์เนือง
ก็เหงาก็เงียบเยียบเย็น
๏ มนตรีผู้ใหญ่อยู่เปน อุปการกันเข็ญ
เอาภาระทุกข์ราษฎร
๏ รำงับดับโจรดัสกร ถ้าถวายภูธร
ราโชวโรรสวงศ์
๏ ฟังสารดาลโดยประสงค์ จึ่งทรงสารทรง
ดำเนิรดำนานกษัตรีย์
๏ บเริ่มวิหคหัสดี พาพระชนนี
อันทรงพระครรภ์ครรไลย
๏ ไปแจ้งเสนาผู้ใจ ภักดียังใน
นิเวศนหวังฟังความ
๏ คือเราเอารสเรืองราม มาลุราชคาม
พาหิรเขตขอบคัน
๏ จงมวญมนตรีตริกัน โดยเบื้องแบบบรรพ์
ประพฤติกิจกลใด
๏ จะรับเราไปราไชย ภิเษกพิไสย
สันตติวงศ์ขัตติยา
๏ ฤๅจักรังเริ่มยุทธนา ตามใจจงปรา
รภร้ายจะเห็นเปนดี
๏ จักเอาพลคชพิรีย์ แย่งเหยียบธานี
พินาสในวันเดียวดาย
๏ เสร็จทรงเรื่องราโชบาย จึ่งสมมุตินาย
ฉลาดเฉลยเคยความ
๏ ไปแถลงเสนาเนืองนาม ยังในราชคาม
ก็พร้อมประพฤติหรรษา
๏ นำสารเสนอสนองกิจจา ข้าบาทมุลิกา
จำเนียรในราชภักดี
๏ เฉกกุมภัณฑสูรอสุรี รังรักษมณี
ถวายบรมจักรา
๏ พระเจ้าเปนเจ้าเสด็จมา ข้าพระปรีดา
แต่ไป่ประจักษ์จักปลง
๏ ขอสิ่งสำคัญอันทรง กษัตริย์ประสงค์
ประเสริฐประสาทสำแดง
๏ ผู้ข้าชาวเมืองหวังแสวง โดยสัจจริงแจง
บมิจะเกี่ยงกังวล
ทรงฟังเสร็จสารยุบล จึ่งแสดงกัมพล
ธำมรงค์รัตนเรืองราม
๏ จำทวยเสนางค์กลางสนาม อ้างอ่านออกนาม
อำมาตยบาทมุลิกา
๏ ประกาศปรากฎกฤษดา นอกในนครา
ก็ชื่นก็ชมสมภาร
๏ เชิญเสด็จยังรมย์อุทยาน พร้อมหมู่บริบาล
บำเรอพระบาทบทจร ฯ
๑๔ ปางนั้นมหาภิมุขมาตย์ ทวิชาติกวีวร
เขวีและวิชนนิกร ชนบทเอิกอึง
๏ รู้แท้พระเอารสวรินทร์ ธิบดินทร์มาถึง
โดยในมโนนิตย์คำนึง สุขโสมนัสา
๏ มนตรีผู้นายกก็เริ่ม กิจการบัญชา
ชุมเสวกากรคณา เผดียงการผดุงการ
๏ ตกแต่งมหามนทิรราช- นิวาสน์ปราสาทสถาน
มณฑปอุทุมพรอุฬาร อภิสิญจเษกสรง
๏ ตั้งเศวตฉัตรรัตนสิหาส- นอาสน์บรรยงก์ผจง
ภัทรบิฐและอัษฐทิศทรง ก็ระดับฉบับบรรพ์
๏ ถอดอัษฎาวุธถกล มงคลราชกกุธภัณฑ์
ราชูปโภควิวิธวรร ณวิจิตรเจษฎา
๏ เชิญรูปพระเทวกมเลศ บรเมศวร์อุมาพงา
จักรกฤษณ์พระอับสรสุดา ลักษมีพระศรีสมร
๏ อีกรูปสมเด็จสหัสไน ยวิไชยสังข์กร
โลกบาลราชฤทธิกำจร นวเคราะหเทเวนทร์
๏ สถิตที่บัลลังก์วิมลมณ ฑลพิธิไชเยนทร์
พราหมณ์พรหมโศลกประสิทธิเจน ศิวศาสตรเชิญชุม
๏ ตั้งอัจนากิจประกอบ ชยุการกุณฑ์กุมภ์
เบญจครรภกลศสังขกุสุม ชปนเวทบูชา
๏ ธงฉัตรราชวัตรวง อลงกฎวโรฬาร์
นอกในนิเวศนรัถยา ทิพโลกสกลยล
๏ กุมภาชลาลยสคันธ์ ระรื่นกลิ่นประทิ่นสถล
ปองการประกอบกิจถกล บริบวรณ์รบอบการ
๏ เสนามหามุขกวี คหบดีทิชาจารย์
โหราปโรหิตชำนาญ นิติราชเรียนครู
๏ เยียดยังอยานก็อาราธน์ วรบาทราชู
เปนปิ่นชนินทร์ดิศรภู ธรเสวยสวัสดิ์วัง
๏ สมเด็จก็ทรงนุเคราะหโดย ดุษณีประดุจหวัง
นักงารชำนาญสฤษดิรัง กิจการสรัพการ
๏ เชิญองค์นเรศรนรา มุรธาภิเษกสนาน
สวมทรงวิภูษณลังการ มกุฎขัตติยาภรณ์
๏ ทรงพิณสพักศรยุบาท พิลาสราชไกรสร
ทรงสีวิกาญจนนิกร บริพารกรรกง
๏ อวยสวัสดิ์ถวายกรซะซ้อง ก็ลั่นฆ้องดำเนิรธง
ย้ายยาตรพาหน์จตุรงค์ พยุห์หมู่ทหารหาญ
๏ พัดโบกบังสุริย์มยุรฉัตร ภิรุมรัตโนภาร
เครื่องสูงพระแสงชำนินักงาร ก็เชิญโดยลำดับกัน
๏ ฆ้องกลองอุโฆษคณสำเนียง ดุริยางคหื่นหรรษ์
แตรสังข์ประนังศัพทและบัณ เฑาว์มุทิงค์นครใด
๏ พลหน้าพลากรพหู บมิรู้กิตราไตร
พลหลังก็หลั่งคือชลไหล บมิคั่นมิขาดสาย
๏ นานาประชาชนบูชา สมาลาชโปรยปราย
ธูปทีปฉัตรธวัชราย รรวดรัถยาจร
๏ เกริกเกรียงสำเนียงนิกรสา ธุการาถวายพร
ชุมชื่อพระเดชดุจบวร จักรพรรดิธราดล
๏ บ้างว่าชรอยจตุรภุช นิรสมุทร์ถกลกล
บุญตามิอย่าผิวบยล อุรภาคอย่าด่วนตาย
๏ บ้างว่าพะน่านครเรา จะเสื่อมเศร้าทุกแพ่งพาย
ด้วยเดชสฤษดิรักษวาย ยุกูณฐ์เปนนรินทร
๏ เสียดายจะได้ไหนหนอนินาง อภิเษกสมสมร
นางแก้วคในทิปอุดร และจะค่าจะเคียงควร
๏ ยิ่งแลก็ลืมจิตต์พะวง สติหลงละเลิงลวน
ลืมแลพหลพลขบวร ขนดแห่ทั้งหน้าหลัง ฯ
๑๖ พระเสด็จลีลาลุวัง หยุดราชยานยัง
เกยแก้วกนกอาภา
๏ พร้อมสุริยชาติมาตยา ปโรหิตโหรา
แลพราหมณพฤฒาจารย์
๏ เชิญเสด็จอภิสิญจมูรธาร โดยรีตบุราณ
กษัตริย์ประเสริฐสุริยวงศ์
๏ ทวิชาถวายสังข์ไชยมง คลาประสงค์
สวัสดิ์พิพัฒนบันเทือง
๏ มุขมาตยนักงารนันต์เนือง ทูลถวายบ้านเมือง
มนทิรรัตนวัดถา
๏ ยวดยานคชรถอัถวา อาวุธนานา
จตุรงคแสนยากร
๏ ท้าวนางทูลถวายอับสร สุรางคนิกร
อนงค์กำนัลบริพาร
๏ พระเกียรติปรากฎกฤษดาล ท้าวเทศธราธาร
บรู้คณาตราไตร
๏ มาโอนมุรธาศถวายไชย บรรณามาไลย
สุวรรณมณีรัชฏา
๏ ศัตรูหมู่ร้ายรอา เขตเข้าสีมา
เกษมเกษตรสมบูรณ์
๏ หิรัญพรรณพัสดุ์เพิ่มพูล กลกัลปพฤกษ์มูล
ในจาตุทิศาสานติ์
๏ ด้วยเดชเดชาภินิหาร พระราชกุมาร
อัจฉริยเบื้องบารมี
๏ ในเมืองมีสามเขวี ล้ำแต่เศรษฐี
โฆสกเริ่มโรงทาน
๏ ทรัพย์วันพันกหาปณานต์ จ่ายภัตรนิจการ
แก่พณิพกปกณา
๏ เศรษฐีไร้บุตรธิดา ได้นางสามา
มาเลี้ยงไว้เปนบุตรี
๏ นางนี้หน่อนามเขวี ชื่อภรรทวดี
อันเปนอทิฐสหาย
๏ บำนาญสารสั่งบมิวาย ต่างไมตรีหมาย
นุกูลนุกิจแก่กัน
๏ ครั้งนั้นอหิวาทโรคัน พูลในเมืองภรร
ทวดีราชรัฐา
๏ ชนบทนอกในสิมา กลัวแต่มรณา
ก็เทซึ่งเหย้าย้ายหนี
๏ จึ่งภรรทวดีเขวี พานางบุตรี
ประจากนครนั้นมา
๏ เมืองโกสามพีนัครา ปรารภจักหา
โฆสกสหายแห่งตน
๏ ยังสามเวลาจักดล ต้องแดดลมทน
ทั้งโภชน์จะภุญช์บมิพอ
๏ หิวโหยโรยแรงรีรอ แขงใจครีครอ
ก็ถึงทวารธานี
๏ ชวนกันอาบกินวารี รำงับอินทรีย์
ในศาลแทบโรงทาน
๏ จึงให้ธิดาพึงพาล ถือภาชนพิกาล
ดังยาจกาทุรพล
๏ รับทานพอส่วนสามคน ได้มาบมิกล
ก็ส่งแก่นางนนทลี
๏ เศรษฐีภรรยาวาที ข้าแต่เขวี
ผู้เจ้าแก่ข้าอุปการ
๏ เว้นหลายวันแล้งอาหาร เชิญเสพย์สำราญ
อย่าคิดแก่ข้าสองเลย
๏ ผิวท่านอย่ายืดยังเสบย สองข้าก็เสวย
ซึ่งศุภผลกลกัน
๏ เศรษฐีฟังคำจำนัญ ภุญชโภชน์บมิปัน
ก็อิ่มพออืดอุทร
๏ เหลือเตโชธาตุฝ่าฟอน พินาสเน่งนอน
อนาถในยามระติน
๏ สองนางแม่ลูกเพียงพินท์ อุราราญถวิล
พิลาปรัญจวนหวลหา
๏ เท่ายามพระฮามเพลา เศรษฐีธิดา
ไปขอดังเคยโรงทาน
๏ พอครองสองส่วนประมาณ ได้มาบนาน
ก็อวยอำเภอมารดา
๏ บริโภคบมีเศษโภชนา ถึงกาลกิริยา
ด้วยธาตุบจุจักเผา
๏ สังเวชสามายุพเยาว์ กำสรดซบเซา
อาดูรแดเดียวดาย
๏ ทอดตนตีทรวงกระวาย น้ำเนตรสรกสาย
จะแลจะเหลียวเปลี่ยวใจ
๏ กอดบาทมารดาอาไลย สอื้นร่ำไร
สติบเปนสมประดี ฯ
๑๑ ครั้นยามอรุณเรือง ประเทืองท้องธเรษตรี
สามากุมารี วรภาคย์พงางาม
๏ เอาเพศทลีทก ก็ยกเช้ากระเฌอภาม
ยาจนะเพื่อความ กระหายหิวจะภุญชา
๏ นักนายจำหน่ายทาน ก็ถามพาลสุดามา
กี่ส่วนจะปราถนา และจะเพียงประโยชน์ตน
๏ เศรษฐีธิดาตอบ ดุจระบอบบเกียจกล
ข้าขอพอภาคย์พล บริโภคเดียวมา
๏ มิตกะฎุมพี ฟังคดีก็โกรธา
พาหญิงทุพลกา ลกิณีบมีญาณ
๏ โลภลาภบรู้ท้อง และขอของก็เกินการ
เหลือท้องทั้งสองวาร ฤจึ่งขอแต่ส่วนเดียว
๏ สามาบเคยฟัง ผรุสวาทเครงเครียว
เพี้ยงอัคนีเจียว อุระร้าวกมลหมอง
๏ โศกซบรทบท่าว ก็เกลื่อนกล่าวนุสนธิ์สนอง
ผู้เจ้าไฉนปอง บริภาษนาการ
๏ ใช่ข้าจักลาภโลภ ลโมภดังลำพังพาล
บเริ่มมาขอทาน ก็พอภุญชสามคน
๏ คืนวานบิดาข้า ก็นิราสนิราชนม์
ข้อยน้อยกับแม่ตน ก็ขอโภชนพอสอง
๏ แม่ข้าพิราไลย ชลไนยก็ยังนอง
ภาคย์เดียวมาขอปอง บริภุญชพอกาย
๏ เกิดกายก็เสียที จะทำดีก็เปนดาย
ยามยากวิบากกลาย ธุระยศอัปรีย์
๏ อยู่ไปก็ได้อาย ผิวตายก็ดูดี
ร่ำพลางก็ตูมตี อุระจรจากโรงทาน ฯ
๒๘ มิตะกฎุมพี
ฟังสารคดี สามาเยาวมาลย์
ลห้อยสร้อยเศร้า ร้อนเร่าแดดาล
มีจิตต์สงสาร สังเวชแสนทวี
๏ เรียกให้กลับมา
ปลอบพลางทางว่า แม่น่าปรานี
บเริ่มบรู้ เจ้าผู้อารี
บิดาชนนี พิทักษ์รักษา
๏ พ่อขออะไภย
เผ่าพงศ์วงศ์ไหน ฉันใดสมญา
ด้าวใดนิเวศน์ ประเทศภารา
ดังฤๅเจ้ามา ดังนี้นารี
๏ จงอยู่ด้วยเรา
จะเลี้ยงตัวเจ้า ไว้เปนบุตรี
สิ่งหนึ่งสิ่งใด บให้ราคี
สิ่งสรรพ์อันมี พ่อไม่ฉันทา
๏ สามานงเยาว์
คำนับกับเท้า เล่าพลางโศกา
ข้าข้อยน้อยนี้ มีนามสามา
เศรษฐีบิดา ชื่อภรรทวดี
๏ ชาวเมืองพินาส
ด้วยอหิวาต โรคายายี
บิดามารดา พาข้าบุตรี
ประลาตธานี ทุเรศกันดาร
๏ อาหารบพอ
ใช้ข้ามาขอ ไปรับประทาน
พอค่ำเพลา บิดาถึงกาล
ล่วงมาสองวาร มาดาประไลย
๏ ข้อยข้าผู้เดียว
จะมีที่เหลียว จะแลเห็นใคร
เห็นแต่พระคุณ การุญมีใจ
ขอตั้งอยู่ใน พำนักภักดี
๏ นักนายทานภัตร
แสนโสมนัส ในกุมารี
จึงรับนางมา เคหาปรานี
ตั้งเปนบุตรี ไว้วางต่างตา
๏ อยู่มาวันหนึ่ง
เสียงคนอื้ออึง ทั้งทานศาลา
นางจึงอุบาย บอกแก่บิดา
ให้ทำเปนฝา รอบคั่นชั้นใน
๏ แล้วตั้งทวาร
สำหรับจ่ายทาน ข้างหนึ่งเข้าไป
ประตูหนึ่งนั้น ได้แล้วคลาไคล
แต่นั้นบได้ เสียงศัพท์โกลา
๏ มิตะกฎุมพี
เห็นบุตรีมี วิจารณ์ปรีชา
ชื่นชอบกอบนาม ต่อตามอักขรา
ชื่อนางสามา วดีนฤมล
๏ เศรษฐีโฆสก
เคยฟังยาจก ทุกวันอึงอล
ประหลาทในจินต์ บยินเสียงคน
ให้เอายุบล ทราบสิ้นสารา
๏ ให้หากฎุมพี
พากุมารี มาทัศนา
วิไลยเลิศลักษณ์ ซักถามนามา
แจ้งว่าบิดา ภรรทวดี
๏ อันเปนอทิฐ
สหายหวลคิด บุพเพไมตรี
จึงขอกัญญา สามาเทพี
มาตั้งยังที่ เชษฐธิดา
๏ รักใคร่ให้ปัน
เข้าของสารพรรณ เครื่องใช้นานา
ข้าสาวน้อยน้อย ห้าร้อยยุพา
เปนบาทบริจา บำเรอเยาวมาลย์
๏ สามาศรีสวัสดิ์
เสวยสุขโสมนัส นิราสไภยพาล
ปรนนิบัติบิดา มาตุอุปการ
เปนจำเนียรนาน ล่วงหลายเดือนมา
๏ ถึงวันนักขัต-
ฤกษ์ศรีสวัสดิ์ เหล่ากูลธิดา
เคยเปนภิรมย์ นิยมบุรา
สนานกายา ยังท่านที
๏ ฝ่ายนางสามา
วดียุพา สุขุมาลี
ประเทืองแสงทอง ท่องท้องธาตรี
สำอางวารี รื่นรสคนธา
๏ ปรัศผัดพักตร
วิไลยลำนัก นวลจันทรวรรณา
ภูษาสไบ วิไลยลังการ์
รัดองค์ลงยา เพชรรัตน์บรรจง
๏ ตาดทองรองซับ
สร้อยนวมสวมทับ อังษารับทรง
สอิ้งสังวาล โอภารธำมรงค์
ประพิมเพี้ยงองค์ สุรางคไกวัล
๏ ไปชลีลา
บิดรมารดา อนุญาตแล้วพลัน
พร้อมด้วยข้าสาว รุ่นราวคราวกัน
ห้อมล้อมจรจรัล ไปท่าวาริน
๏ เบื้องบุญปณิธาน
สามาเยาวมาลย์ อุเทนราชินทร์
บัญจวบจักพบ ประจบใจจินต์
ได้เห็นเทพิน วันสรงคงคา
๏ สมเด็จกรุงกษัตริย์
ภิโยประดิพัทธ์ ในแก้วกัญญา
โองการประภาษ ถามบาทมุลิกา
แจ้งว่าธิดา โฆสกเขวี
๏ ต้องราชประสงค์
มาเปนเอกองค์ สุรางคนารี
ให้ไปขอนาง โดยทางสวัสดี
โฆสกเศรษฐี บโดยโองการ
๏ บรรหารให้ซัก
เราเปนปิ่นปัก วสุนธราธาร
เศรษฐีนี้ไซร้ อยู่ใต้บทมาลย์
ไม่ถวายนงพาล ธิดาฉันใด
๏ เศรษฐีให้ทูล
ซึ่งทรงนุกูล ทราบเกล้าเข้าใจ
ธิดาข้าบาท ใช่ชาติชาวใน
เปนเชื้อวิไสย บ้านนอกขอกนา
๏ ไม่รู้ระบอบ
ราชกิจผิดชอบ บัญญัติบัญชา
นานไปจะเคือง ใต้เบื้องบาทา
พระราชอาชญา โปรดเกล้าอไภย
๏ ทราบเรื่องเคืองขัด
สีหนาทดำรัส สั่งเสนาใน
น้อยฤๅเศรษฐี บมีอาไลย
จงเร่งออกไป ขับเสียอย่านาน
๏ เสนาไปขับ
สองเศรษฐีกับ ข้าไทยบริวาร
ออกจากที่อยู่ ประตูใส่ดาล
ปิดตรานักงาร อยู่เฝ้ารักษา
๏ สามาวดี
ไปสรงวารี ยามเย็นกลับมา
เข้าบ้านบได้ สงไสยวิญญา
จึ่งถามบิดา มารดาทันใด
๏ ซึ่งทรงพระโกรธ
บังคับปรับโทษ นฤเทศจากใน
คฤหาอาทร อธิกรณ์สิ่งไร
เพื่อเหตุไฉน บอกลูกรู้รา
๏ เศรษฐีฟังถาม
โศกเศร้าเล่าตาม อนุสนธิ์ต้นมา
ประสงค์จงเจ้า ลำเภาพงา
อาไลยลูกยา จะร้างแรมไกล
๏ ทูลขัดบัญชา
สั่งให้บัพพา เพื่อเคืองคุมไภย
ลูกเอ่ยคราวเคราะห์ จำเพาะเปนไป
เฉกเฌอในไพร ผลดกกกตาย ฯ
๑๔ สามาสุดาสรสดับ บิตุเรศบรรยาย
ลูบอกตระดกจิตต์ก็ฟาย อสุโศกสนองสาร
๏ บิดาฤปรารภฉนี้ บมิควรจะหยอกกาล
เจ้าจอมจุฑาภพสุธาร- อเนกอนันต์คุณ
๏ ไป่ควรจะเคืองบวรบาท จะพินาสเปนจุณ
เปนใดก็ตามแต่ผลบุญ กรรมเบื้องบุเรสนอง
๏ พาข้าถวายบรมนาถ ดุจราชรังปอง
กายลูกจะแทนพระคุณครอง บมิคิดจะยากเย็น
๏ เศรษฐีชไมยสวนา วนิดาธิดาเห็น
จักจากประจากจิตต์ลำเค็ญ ก็วิลาปโลมสอน
๏ อ้าแม่วิมลมุขประไพ จะจำไกลอุราจร
เปนข้านรารักษนิกร คณในนิวาสน์สถาน
๏ จงแม่สถิตนิตยสัตย์ ประดิพัทธภูบาล
อย่าเว้นรไวนุกิจการ- อันควรจะไตรตรา
๏ แสนสรรพ์อนันต์สิริสมบัติ สารพัดสุโภคา
จงรักและรู้พระอัธยา ศัยกรุงกษัตรีย์
๏ ยามท้าวเสวยบรมสุข อย่ากล่าวทุกข์จะราคี
ท้าวทุกข์และแม่บควรจะมี สุขโดยอัชฌาไสย
๏ สมเด็จมหาสมมุติวงศ์ วิยองค์สหัสไนย
พระสนมสุรางค์ลักษณ์วิไลย ดุจเทพอับสร
๏ ใช่การจะเกี่ยงวิกลกาม ชล่าลามประหงิดงอน
ทราบเรื่องจะเคืองบทบวร ก็จะน้อยอำนาจตน
๏ รักใคร่อย่างวางจิตต์ประวัติ มัธยัตอย่าชังคน
กล่าวใกล้และไกลผิวบยล วินิจไฉยจงใสสาง
๏ หนึ่งราชกูลประยุรวงศ์ และอนงค์สุรางค์นาง
จงแม่มิตาจิตต์อย่าจาง อนุเคราะหโดยธรรม์
๏ แม่ไปจะไกลบิดรมา ตุรออมถนอมขวัญ
ขวัญแม่อย่าลืมจวนอัน สุวภาพเจริญศรี
๏ เสร็จสารนุสนธิอนุสาสน์ วโรวาทบุตรี
อวยพรวรสวสดี บริบูรณบรรยาย
๏ ให้สรงชโลทกสุคน ธวิมลวิเลปลาย
ผัดพักตรเบญวิบุลย์ฉาย วิโรจน์แสงศศิธร
๏ อาภาวิภูษิตสไบ อำไพรัตนาภรณ์
อำภณประโภคคณนิกร บริพารนานันท์
๏ เศรษฐีผู้มาตุรก็พา วนิดาธิดาครร
ไลยยังนิเวศน์บรมธรร มจุฬาสุธาธาร
๏ บรรณาสการอภิวาท วรบาทกมลมาลย์
ทูลถวายธิดาดุลยพาล วรภาคยเทพี
๏ ท้าวรับคำนับธนบำนาญ บริขารเขวี
ภรรยาก็ลานฤบดี คมนานิวาศรม
๏ ปางปิ่นนรินทรมหา ขัติยาวรากรม
แสนเสน่หในนุชภิรมย์ หฤทัยใสสันต์
๏ อวยสรรพ์ปิลันธนวัตถา ภรณาประการนันต์
นาศักดิ์สมเด็จพระอรอรร คเรศราชกัลยา
๏ สถิตไหรญรัตนฐาน พิมานจันทรเจษฎา
ห้าร้อยสุรางค์บริคณา บริรักษเทพี
๏ ท้าวทรงเสวยสุขสำเริง บันเทิงราชหฤทัยทวี
สามาวดีภควดี พิลาสลักษณโลมสมร
๏ เชยช่อสุคนธ์วิมลมาลย์ ผกากาญจน์กำจรขจร
ชาติเชื้อสุธาทิพยตระอร สโรชรสรำพาย
๏ นาคินทร์วรินทร์ฤทธิคนอง ฉลองล่องสลิลสาย
หยั่งหยาดวลาหกบรรลาย ผเลียงล้นธราดล
๏ โกสุมเกสรอันตูม ก็ฉ่ำชุ่มลอองฝน
แย้มขยายจำรายสุเสาวคนธ์ พิณิกาษระการงาม ฯ
๒๘ เชยชมชมรส
บัวบงบงกช เกษแก้วแก้วกาม
ยิ้มแย้มแย้มยวล สอนสวนสวนสนาม
โลมลวนลวนลาม ยั่วยงยงยรร
๏ เคลี้ยคลึงคลึงเคล้า
ย่ำยามยามเย้า เหิ่มรสรสบัน
หรรษาษาสมร สอดกรกรกรร
ดุจวัลเวจวัล ไม้ลำลำยอง
๏ โกมลมณฑา
แบ่งสร้อยสร้อยผกา ฝนฝอยฝอยทอง
ภุมราราร่อน เอาซราบซราบลออง
ละเลิงเลิงลอง เสาวคนธ์คนธา
๏ สองสมสมสนิธ
ชวนชื่นชื่นชิด ภิรมย์รมยา
หยอกเย้าเย้ายี้ เปรมปรีดิ์ปรีดา
ชอบเชิงเชิงลา เภโลมโลมใจ
๏ สุขสองสองสวาท
วิไสยไสยาสน์ เปลี่ยมปลื้มปลื้มใน
กมลมณฑา รื่นรสรสใจ
ฤดีดีใด จะเปรียบเปรียบปาน
๏ สุมามาโนช
อุบลบนโบษ สระแก้วแก้วกาญจน์
ฉะเนียรเนียรมล ตระกลกลลาน
ทิพย์เทียบเทียบธาร โลกัยไกวัล
๏ สองศรีศรีสวัสดิ์
แสนโสรมโสมนัส พระอรอรอรรค์
ชายายาจิตต์ ต้องติดติดพันธ์
ชม่ายม่ายมันท์ งอนงามงามคม
๏ ร่วมแท่นแท่นทอง
พระนุชนุชน้อง ตระอรอรชม
สุขรมย์รมยา ฤๅรารารมย์
บันเทิงบันทม สมสรวลสรวลสันต์
๏ สองเสวยเสวยสวัสดิ์
ครองราษฎร์ราชวัตร ทรงทศทศธรรม์
นาเทศเทศราช สิมามาคัล
บรรณานานันต์ เหลือตราตราไตร
๏ อริริร้าย
อ่อนน้อมน้อมถวาย สุมามาไลย
เกริกกฤดิกฤษฎาญ ธิการกาลใน
นาเขตเขตใด จักเปรียบเปรียบปูน
๏ ทวยราษฎร์ราศทุกข์
โภคพูลพูลสุข เทียรทิพย์ทิพย์จรูญ
เพื่อบุญบุญญา ภินิหารหารพูล
แสนสมสมบูรณ์ ทุกสิ่งสิ่งสรรพ์ ฯ
๑๑ กล่าวเรื่องนรินทรปิ่น ธรณินทราธรรม์
จอมจุลจักรจัณ ฑปโชตราชี
๏ แสดงเดชอดุลย์ดาล ประพาฬรัศมีระวี
กรุงแก้วอุเชนี นคเรศวโรฬาร์
๏ โอฬารพิศาลแสน สิริแสนศวรรยา
เทียรทิพยโลกา ติทิวังคไกวัล
๏ ขอบคูถกลชล นฤมลเทียรอรร
ณพนาอุบลบัญ จขจรเจริญใจ
๏ เมืองกว้างปราการกั้น สัตภัณฑไศล์ไกล
หอรบทวารไชย สง่าง้ำทิฆัมพร
๏ เทียวธงอลงกฎ สถลบทจรจร
นองเนืองประชากร กลสินธุถั่งสาย
๏ เสนาคณาพา หนะยานะพันลาย
พันฦกนิกายนาย พลภาพพันฦๅ
นาเขตประเทศท้าว ดำริห์ร้าวฤหาญหือ
เคยอาจก็ออกมือ อริรอบมามองเมือง
๏ ราชฐานพิมานทอง ทิพยท้องพระโรงประเทือง
ปรางค์แก้วมลังเมลือง มลักแสงดำกลกล
๏ นพศูลจรูญรัตน วิโรจน์ฉัตรบังบน
สลักขนุนขนบยล ลอออาอุไรรอง
๏ บานบันทมกลับฉลัก พรหมพักตรเฉลิมฉลอง
ยอดแซกไม้สิบสอง ทั้งเจ็ดชั้นบันผจง
๏ บังแสลงกระจังราย แม่ลายลายฉลุอลงกฎ์
ช่อฟ้าและหางหงส์ พิลาสโลกยพัฬเหา
๏ เชิงบาตรโอภาสภาพ สระราพนาคเนา
เลื่อมเลื่อมกลอกเงา ผิจะเปนจะเผ่นผาย
๏ เสาหารพิมานมี ครุฑเผ่นผงาดกาย
จับนาคจำทาย จำทวยฤทธิแรงรำ
๏ หน้าบันประกิจกาบ กนกคาบในเครือคำ
เพียงพัฒกีอำ มรแปลงบแปลกสรวง
๏ เมิลมุขพรรณราย วิไลยลายลดาดวง
ช่อห้อยสร่ายรวง ภมรสิงหชงฆ์ชาญ
๏ ลำยองระรองรวย ระทวยทวยประดากาญจน์
สดมภ์บุษบาบาน ตรกลบุษบงบน
๏ ชมทวารและบานบัญ ชรจารนำยล
ฝาแก้วกลอกชล ตระศักดิ์สับตแสงพัน
๏ บัลลังก์พิมลมง คลรัตนาบรรจ์
ฐรณ์ทิพย์ขจรคันธ์ เลวงกลิ่นกำจรใจ
๏ สาวสรรค์สกรรจ์เกณฑ์ ประจงเวรตำแหน่งใน
เลือกล้วนอำไพไพ บูลยสาวกษัตริย์สรรค์
๏ เฟี้ยมเฝ้าเอางารบาท นรนาถคั่งคัล
ดังดวงประดับจัน ทรจรูญจรัสโพยม
๏ วาสุละทัตรเทพ- ธิดาวราโฉม
เลอลักษณ์ประโลมโลม จิตต์โลกยใหลหลง
๏ เปนที่เกษมสวาท บิตุราชมาตุรงค์
สาวสรรค์อนันต์อนงค์ บริรักษ์บำเรอสนอง
๏ สุขาธรารมย์ อุดมอาสน์ปราสาททอง
อย่าคนจะไปปอง ผิวลมบลอดชาย ฯ
๑๖ พระยาจัณฑประโชตฦๅสาย พระเดชบันลาย
ดำเริงในภูมิประกาศ
๏ โยธาพาหนสามารถ หนึ่งนายกากะทาส
มหามหันตกำลัง
๏ ทางหกสิบโยชนหวัง เดิรโดยลำพัง
ก็ลุในวันบมิเกิน
๏ พังภัทวดีดำเนิร ห้าสิบโยชน์เดิร
วันเดียวก็ได้ดีหลี
๏ พญาช้างนาฬาคิรี ร้อยยี่สิบลี
แลโยชน์บทันสายัณห์
๏ ยังสองอาชาเชาวัน ม้าหนึ่งนามมัญ
ชเกศีเษกสมญา
๏ หนึ่งวาฬุกัฏฐีอัศวา ร้อยโยชน์มรรคา
ก็ถึงบค่ำค่ากัน
๏ มีคำปุจฉาพระยาจัณฑ์ กอบราชพาหนอัน
อธิกนี้กลใด
๏ เสนอสนองดำนานกาลไกล ชาติลับหลายใน
บุราบรมขัตติยา
๏ กาลนั้นยังมีมัจจา ผู้ยศวรา
คในนครหนึ่งมี
๏ ลงไปสระสนานวารี สำราญอินทรีย์
ยังนอกนครขึ้นมา
๏ วันนั้นพระปัจเจกพุทธา โคจรยาจนา
แก่ชนชาวนคไร
๏ มาราร้ายดาลดลใจ ชาวเมืองบใคร
ศรัทธาจะทานสักคน
๏ บาตรเปล่ากลับมาพบมน ตรีถามอนุสนธิ์
สำแดงบได้อาหาร
๏ อำมาตย์สังเวชวิญญาณ ศรัทธาเปรมปราณ
เผดียงผดุงราธนา
๏ ยั้งยังที่ควรบคลา คมนาการมา
สำนึงสำนักบมินาน
๏ ถามนายภัตการกการ พร้อมเสร็จคาวหวาน
บันโดยมโนปราโมช
๏ จึ่งใช้อุปฐากหนึ่งโสด ยังพระปัจเจกโพธิ
ไปนำซึ่งบาตรนั้นมา
๏ ใส่ภัตรสุปเพียญชน์โภชา ปะณีตนานา
ด้วยใจจำนงเคารพ
๏ สั่งให้อุปฐากมานพ บาบ่าวจงปบ
ถวายจงทันจักสาย
๏ กุศลโกฎฐาสทั้งหลาย แบ่งกึ่งแก่นาย
ผู้เหนื่อยอย่านิ่งนานเนา
๏ มานพเคารพรับเอา บาตรแบกบมิเซา
ก็แล่นด้วยเร็วแรงตน
๏ ถึงถวายจันหันนิมนต์ เพลาจวนจน
พระคุณจงทำภัตรกิจ
๏ เดชะอานิสงส์สุจริต วจีกายจิตต์
ประณามบเหนื่อยแหนงคุณ
๏ มีแรงเปนแดนแทนคุณ กับนายแบ่งบุญ
เปนส่วนสังกัดกึ่งกัน
๏ ไปในโพ้นภพจงบัน ดาลดังมัชฌัน
ติกสมัยสุริยแสง
๏ กอบราชพาหนะเร็วแรง ยิ่งโยชน์ย่านแสดง
นิยมดังกล่าวแล้วมา
๏ พระปัจเจกก็กล่าวโมทนา สิ่งสูปราถนา
จงลุมโนไมยหมาย
๏ มานพอุปฐากทำลาย เบญจขันธ์มากลาย
คือองค์บรมขัตติยา
๏ พระจัณฑประโชตมหา สมมุติเทพา
นุภาพไกรเกริกดิน
๏ โภไคมไหศวรรยาจิณ เอิบอ้างอมรินทร์
อเนกอนันต์ศฤงคาร
๏ พระองค์ทรงวัชนาการ สมบัติเบิกบาน
บันเทิงหฤทัยไพบูลย์
๏ โองการมารพระบัณฑูร กระลานิกูล
นิกรอำมาตย์บริบาล
๏ กรุงเราปรากฎกฤษดาร ทั่วเทศธราธาร
ผู้อาจอ้างยังยิน ฯ
๑๔ ข้าแต่ชนินทรนิกร อดิศรสวามินทร์
ดังข้าพระทูลบทรบิล ยุบลวิงกิดาการ
๏ ข่าวโฆษถคึงคุณขจร นครราชไพศาล
โกสามพีโพ้นภพอุฬาร- เสมอสุเมรุแมน
๏ เสนาพลากรและพา หนยานเนกแสน
สมบัติก็สมบุรณบแคลน เขมงหมู่ทหารหาญ
๏ ล้ำแต่นเรศรนรินทร์ ธิปปินจุฑาธาร
ปรากฎประกาศพระกฤติดาล อานุภาพอัศจรรย์
๏ ทรงพิณสุรินทรประสาท ประกาศเพลงเลบงบรรพ์
คชยินก็นำคณอนันต์ คมนานรากร
๏ เฝ้าฟังยุบลกิจประกา สิตสารสังหรณ์
ใช้ใดก็ดังมนะนุสร ธิบดินทรโดยดาล
๏ ทรงฟังมหาภิมุขมาตย์ ก็ปรภาษบรรหารหาญ
พลเราก็เชี่ยวชิตรำบาญ ปรปักษมากเมือง
๏ โกสามพีราชนคเรศ ขจรเดชเลิศเลือง
ควรเราจะเริ่มรณประเทือง ยศไว้ในธาษตรี
๏ เร่งเรียบสกลนิกรมา ยกพาหเสนี
เคยไชยจะไปยุทธอรี พิริย์ภาพฤๅแคลน
๏ ข้าแต่มเหศรสมมุติ จะประยุทธชิงแดน
ใช่แรงต่อแรงพหลแหน และจะหมิ่นประมาทหมาย
๏ เมืองกว้างทั้งช้างเปนบริพาร จะริราญฤจำราย
งูร้ายจะตีผิวบตาย ก็จะคุมอาฆาฎเคือง
๏ เมืองเคยเสวยสุขจะร้อน ดัสกรจะหมิ่นเมือง
ศิขานลามะรุประเทือง ฤจะดับอย่าดูเบา
๏ ชอบใช้อุบายกลประกอบ คชยนตร์ถกลเอา
ปล่อยไปคในวนะลำเนา ผะลุรัฐรวมกัน
๏ แท้ท้าวอุเทนทรสดับ จะมาจับคชาอัน
แต่งล่อพอพ้นพลบทัน พลเราเข้ากุมกาย
๏ จับเปนก็เห็นบมิลำบาก บมิยากนิกายนาย
แม้มาทบได้ดุจอุบาย กลคิดก็ชิดชม
๏ เสาวนามหามุลิกมาตย์ ดำริห์ราชนุสรสม
ชุมช่างรจิตกิจนุกรม ถกลการกอบการ ฯ
๑๖ เร่งเริ่มริร่างรูปสาร ศุภลักษณ์ผู้พาล
ลำเภาด้วยผิวเผือกพรรณ
๏ งามศรีส่อศรีสังข์สรรค์ งางามเงื่อนจันทร์
อันพาลพรพราวขาวขน
๏ เสร็จแล้วเพียรผูกด้วยกล ไขไกใยยนต์
หูหางคะคว้างกวัดไกว
๏ เดิรเหิรวางวิ่งว่องไว แฝงคนกลใน
แลหัดให้ชำเช้าเย็น
๏ ถ้าใครไคลคลามาเห็น เหมือนช้างเปนเปน
อากัปบแผกแปลกปน
๏ เสร็จสั่งผู้รังร่วมกล ให้นำช้างยนต์
ไปวางณกลางดงแดน
๏ กรุงโกสามพีบมิแคลน ส่ายเสยเงยแหงน
ดังเถื่อนลเลาะเลาพง
๏ ขษณนั้นมีลุทธ์หนึ่งทนง ล่ามฤคเลยหลง
แลล่วงมาถึงป่าหลวง
๏ เห็นคชสารศรีเงินยวง ฤๅรู้กลลวง
ว่าช้างชำนาญทรรทึง
๏ ปรีดามนัสเต็มตึง รอยบุญตูถึง
มาพบซึ่งสารสำคัญ
๏ ถวายข่าวท้าวแท้ธรธรรม์ จักรางวัลปัน
บำนาญบำเหน็จตนตู
๏ บัดนายพนะจรเจนผลู ดั้นดอยดงทู
รัสถ์ทางก็ถับถึงเมือง
๏ แถลงข่าวทูลท้าวผู้เรือง พระยศบันเทือง
ซึ่งพบเศวตคชสาร
๏ ควรเปนชำนินฤบาล บริสุทธิ์ศรีปาน
เกลาสล้ำศรีสังข์
๏ ราชาอุเทนทรฟัง สารสายนายถมัง
มรรคันตราทูรคม
๏ หวังเสด็จไปโพนช้างชม ชมไพรชมพนม
จงเปนเกษมสาทร
๏ ซั้นสั่งเทียมแสนยากร ย่ำรุ่งจักจร
กระบวรพยุหยาตรา
๏ สั่งเสร็จเสด็จมนทิรา นั่งแนบสามา
วดีสุดาดวงมาลย์
๏ เรียมจักลาลำเภาพาล ไปวังคชสาร
เศวตสวัสดิ์ศรีเมือง
๏ นุชเนาในปรางค์รัตนเรือง อย่าทุกขาเคือง
พิโยคเรียมอาทวา ฯ
๑๑ สามายุพาพาล สดับสารพระภรรดา
หว่าหวั่นฤทัยอา ดุรน้อมประนุตมางค์
๏ กับเบื้องพระบาทบง กชทรงกำศรวญพลาง
ตีทรวงสอื้นนาง ปริเทววิงวอน
๏ อ้าจอมจุฑาธเรศ มกุฏเกศนรากร
ละข้าพนาจร บมิเอื้อจะอาไลย
๏ ขอรองลอองบาท ภูวนาถกลางไพร
น้อยจิตต์บตามใจ อุรเจ็บฤใครเห็น
๏ อ้าแม้จะบทจร มคันดรก็ยากเย็น
ซอกเขาลำเนาเปน ชำเราะห้วยละหานเหว
๏ ป่ากว้างปรางควาน ก็สามาญมิใช่เลว
ตากลอกกระลอกเปลว อัคนีปลองหลอน
๏ สิงสัตวจัตุบาท ก็ร้ายกาจกระลำภร
ขวัญอ่อนจะอาวร สนุกไฉนจะไปตาม
๏ รักพี่จะตามพี่ ก็ใช่ที่พยายาม
ควรแม่สงวนงาม บำรุงรักเรียมถนอม
๏ ไป่ช้าจะมาสม ภิรมย์รสพอูลออม
อย่าแม่ทุกขาตรอม จะเศร้าศรีวิมลโฉม
๏ หยอกเย้าลำเภาพักตร์ วรลักษณ์ประเล้าโลม
กำเดาบันเทาโทม- นะในก็ไสยา ฯ
๒๑ มนตรีรับราโชยงการ์ อดิศรคมนา
จัดพหลพา หนาพลัน
๏ ขุนคชผูกคชดั้งกัน สุระฉะกะบมิทัน
มันเมือบเมามัน ก็ห้าวหาญ
๏ แปลกหมอชิงขอสลัดควาญ ปรปักษจรำบาญ
รู้ก็ร่านราญ กำเริบแรง
๏ นายกลางจ้องปืนแสลงแผลง สะนะเกราะกรคระแลง
ขอถมรรถะแมง ทั้งหมอควาญ
๏ เตรียมทั้งพระที่นั่งคชาธาร สุวรรณปฤษฎางคยาน
ทรงประพาสพนานต์ และละคอ
๏ คชาภรณ์เรืองรัตนเทียบพอ วิรุจินิขะละออ
สายชนักขอ กระวินทอง
๏ ผ่านหน้าหลังรัตคนจอง แย่งสุพรรณระรอง
ข่ายตระพองกอง ประดับดาว
๏ จงกลภู่จามรีขาว ยุคลสุตรววาว
พลุกพระพรายพราว วิจิตรคำ
๏ นายม้าผูกม้าเฉวียงสดำ อัศวภรณอำ
ไพจำนำนาย ทะทายทวน
๏ เคียนคดขัดดาบเดียรขบวร นำพยุหพลพวน
แชรงก็แซรงสวน ระไวทาง
๏ ล้วนม้าเลิศลักษณสรรพางค์ สมรรถสมรกลาง
เชี่ยวชวันวาง รำบาญบร
๏ ม้าที่นั่งดังสิงหไกรสร สุระผยศผงอน
กาญจนลังกรณ์ พระพรายเพรา
๏ ผ่านหน้าบังเหียนแลสายเหา กแนะกนกนิขเนา
วรัตนงามเงา มุกดาหาร
๏ ห้อยหูภู่จามรีพาล วิจิตรจงกลกาญจน์
อานกุดั่นลาย ระยับยับ
๏ ขุนรถเทียมรถสำหรับ รณรงคอริรอับ
ธงระดับดา สง่างอน
๏ เทียมล้อลาอัศวาภรณ์ ชักรถวิยภมร
กงกำทรท้อง ปรัฐพี
๏ สารถีสอดสนะโพกศรี คระวีอาวุธวิรี
เขนเสน่าตรี กำซาบศร
๏ บ้างถือเสโลหะโตมร กระยับขย่อนกรคละคลอน
ดัสกรเกรง นุภาพพล
๏ นายรถอ่าอาตมทุกตน ชำนิศฎระผจญ
ค้าคำรณโรม ริปูปอง
๏ ทวยทัศโยธิศเลิศลอง มหิทธิจิตต์ลำพอง
อาวุธถบอง จำทวยถือ
๏ โล่ห์ดั้งดาบเขนถมรรถมือ อริระอิดฤทธิคือ
กาลบหาญครือ คระคร้ามครัน
๏ พลส้าวง้าวทวนแลกุทัณฑ์ ธนุจรีกฤชชำนัญ
ร่านจะโรมผัน ลำแพงแคลง
๏ แต่งตนตามหมู่กำแหงแรง ฉบับฉบบบมิแปลง
เข้ากระบวรแซรง สเสือกสน
๏ พลคชรถอัศวโจษจล สุราศัพทสกนธ์พล
เมทนีดล สเทื้อนไหว
๏ คอยเสด็จจอมภูวนัตไตรย นิกรพลอนนต์ใน
ท่งสนามไชย อเนกา ฯ
๑๒ พออรุณอุไทย ปจุสสมัยทิพา
กรราชจุฑา ธรณินทร์ขัตติยางค์
ธก็สรงมุรธา รภิเษกสำอาง
สุวคนธวราง ควิเลปวิไลย
๏ วรภูสิตทรง วรองคประไพ
กรรจุการพิไชย ยุธเกยุรยง
๏ รัตพัสตรพิจิตร วรกฤษดิอลง
กฎรัดวรอง คอุไรยะระรอง
๏ ธทรงสังวาลตาบ ทิศทาบอุระทอง
กรนาคะถะบอง จรกรรณกุณฑล
๏ วชรินทรมกุฎ วรอุดมยล
ธำมรงควิมล นวรัตนพระพราย
๏ แลสะพักศรศิลป์ ทิพยพิณประภาย
วิยวิษณุกราย กรราชลิลา
๏ อภิรุยหณเกย คชลักษณมหา
อนุโยคทิวา ระมหุดิวิมล
๏ ธเถลิงหัสดินทร์ ปฤษฎางคพหล
ก็ประนังดุริย์ดน ตรีและพาทยเภรี
๏ ธก็ยังวนจา รถนายกนี
เทศทิศวิถี ทุรรัถยจร
๏ พลผองพยุห์บาตร ก็นิราสนคร
สุรศัพทกำทร วิจลอจลา
๏ จรดลวนวาส ก็ประภาษประกา
สิตโยธิกำชา สรศัพท์หฤหรรษ์ ฯ
๑๔ พระเสด็จประพาสทิคชณา วิหคาวิวิธวรรณ
เซงศัพท์ประสานสรจำนัญจ์ เสนาะในวนาไลย
๏ แขกเต้ากตั้วและกุกุหา ติติราระวังไพร
พรรหิตโกกิลตระไน ภุระโดกตระลอนฟาง
๏ จากพรากคือพรากนุชบำราศ วนะวาสทุเรศทาง
ป่านนี้จะอาวรขนาง หฤทัยถวิลหา
๏ นกแก้วจะแจ้วสรสำเนียง คละคลอเคียงจำนัญจา
วันที่จะจากสมรมา พิไรวอนจะจรตาม
๏ เค้าโมงประจำวนสำหรับ กำหนดนับทุ่มโมงยาม
เรามาประพาสวนะจะถาม กิโมงมาทิวากาล
๏ รังนานกับนางสกุณิคู่ นอนแนบอยู่ในรังนาน
จากนางมาทางทุรสถาน พระน้องเอ๋ยจะนานชม
๏ ระวังไพรรู้รักรุกขระวัง ดังเรียมหวังระวังสม
อ้าสูพธูทิพยผทม จะเออาสน์อนาถเนา
๏ ยลหมู่มยูรคนาง มยุรย่างณยอดเขา
เยื้องยูงลิลาสนุชลำเภา พิลาสล้ำมยูรยล
๏ เบญจวรรณสลาบวิลยลาย สไบคล้ายกับลายขน
ดั่งสีสไบวิมลยล มลักแลละลาญใจ
๏ การวิกวิเวกสรสำเนียง เสนาะเสียงประหวัดไหว
หวานแว่วพระเสาวะนิศไพ เราะหลั่งเสนาะสาร
๏ สาริกานรากรจะจำนัญจ์ สารพันจะแจ้งการ
วานข่าวเสนอพระเยาวมาลย์ สถิตวังจะยังไฉน
๏ คับแคก็คับในอุระร้าง มาดงกว้างฤคับใจ
กดเพลิงดังเพลิงถกลใน กมลพลุ่งคือเพลิงกอง
๏ นกเปล้าดังเปล่าสมรเปลี่ยว ในดงเดียวบเพื่อนสอง
สัตวานิรารสสมพอง สัปตวันแต่รัญจวน
๏ นางนวลคือนวลนุชปรัด หวลกำหนัดแนบเนื้อนวล
กระสากระสัลจิตต์กำศรวญ ก็สาใจบให้มา
๏ นกทักรู้ทักและฤบท้วง ให้ละดวงสุดาพงา
นกหว้ารู้ว่าฤมินำภา จะแนะนำฤอำยวน
๏ ไป่เคยนิรารสสวาท นฤอาสนอักอวล
อย่าคิดประชาชนจะสรวล จะคืนสมจงสร่างศัลย์
๏ เสร็จชมทิชากรคณา สุริยาก็สายัณห์
จตุบาทชาติปเจกสัญ จรเล่นทุกแหล่งหลาย ฯ
๑๙ นานาพรรณมิควนาครระราย
ฟานกวางละมั่งทราย ฉมัน
๏ หมีหมูหมู่ทิปิป่าและกาษรอนันต์
ทักทอกะทิงทัณ ฑิมา
๏ สิงคิณัสอัชะสีหจิตรมิคขัคคา
ล่อลินกิเลนลา สลอน
๏ ชมดเม่นโสณสิงคาลและกาฬสิหนิกร
พังพอนกระจงจา มรี
๏ เยียงผาฌาปิตะกาวิฬาระและกบี
สรรโสงสะสาชนี อนันต์
๏ ลางพวกพาคณากินลบัดติณอรัญ
เลียโลมลางกิน ชลามพุ์
๏ ลางเหล่าโปดกสกอก็คลอมาตุรตาม
ดูดดื่มขิราทราม คนอง
๏ บ้างตัวต่างก็สำเริงและเบิ่งบทผยอง
ขวิดคว้างลำพองลอง กำลัง
๏ เดิรทางหว่างพนะพนมและชมสัตวประนัง
ฤๅเพลินฤทัยประทัง เทวษ
๏ ยอแสงศัพทชนีมะมี่วนประเทศ
หวลถึงพระเยาวเรศ คำนึง
๏ รังสีเสร็จสนธยาวนาจรบหึง
ถึงที่ประทับสึง สำนัก
๏ ยั้งหยุดจัตุรงคยานสำราญรมยพัก
นักงารพิทักษ์ราช ระเวียร
๏ เสียงคนดนตรีพาทย์นินาทภุมิสำเทียร
แสงเพลิงกระจ่างเจียร ตระวัน
๏ เนาในวันตำหนักตระชักจิตกระสัล
รูดสูตรรำพึงขวัญ พิลาป
๏ เน่งนิทรนิทรบหลับรำงับจิตต์ระทาบ
โหยหายุพาภาพ พธู
๏ ไป่วายทุกขพระหวลจนจวนสุริยยู
รยาตรเยี่ยมพระเมรู ระรอง ฯ
๑๖ ฝ่ายชาวอุเชนินายกอง เหตุเห็นพลผอง
อุเทนตั้งคั่งคับ
๏ ควบม้าเมือเมืองโดยฉับ เฝ้าไท้คำนับ
ก็ทูลดังเหตุเห็นมา
๏ บัดนี้องค์อุเทนทรา เสด็จยั้งโยธา
ในกันทรดอยดงแดน
๏ แสนยากรข้าหาญแหน คั่งคับนับแสน
และแลสล้ายเหลือตา
๏ มานี้ดีร้ายรอยมา จับคชมายา
คงโดยสมเด็จบัณฑูร
๏ พรยาจัณฑราชฟังมูล เหตุท้าวเพิ่มพูล
มนัสภิรมย์สมหมาย
๏ ตระบัดบัณฑูรสั่งนาย นายกนิกาย
ให้เทียมนิกรกำแหง
๏ สามหมื่นพื้นม้าเร็วแรง สรรพอาวุธแวง
คำนวณคำนบกับมือ
๏ สายัณห์จักยาตรพลปือ เอาไพรินทร์รบือ
พระเกียรดิประกาศไตรภพ
๏ เสนารับสั่งเคารพ จัดพลสินธพ
ก็ถ้วนจำนวนหนึ่งหมาย
๏ นายม้าใส่เสื้อสพาย ตาวน้าวเหนี่ยวสาย
กำซาบธนูยิงยำ
๏ บ้างกวัดหอกซัดคอคำ ลางถือทวนกำ
สินาศค้าเข็ญขาม
๏ ซ้ายขวาหน้าหลังตั้งตาม ตำหรับสงคราม
พิไชยผจญรณรงค์
๏ เทียมวาฬุกัฏฐีม้าทรง มาเทียบท่าองค์
เสด็จสมเด็จลีลา
๏ ปางนั้นพระยาจัณฑมหา มหันตเดชา
นุภาพปราบสากล
๏ สายัณห์หย่อนแสงสุริยน เสด็จโสรจสรงชล
ปริตชโลคันธ์ขจร
๏ ทรงภูษิตพัสตราภรณ์ โดยวารบวร
วิไชยยาตรยุทธนา
๏ สอดธำมรงค์รัตโนภา สวมทรงชฎา
เดิรหนผจญไพรินทร์
๏ ขัดขรรคาวุธเพียงอินทร์ สพักแสงศิลป์
ธนูยุบาทบทจร
๏ ทรงวาฬุกัฏฐีอัสดร ยืดแสนยากร
ออกจากประตูบูรี
๏ มาไกลใกล้ดงพงพี ปลายแดนธานี
ก็สั่งประสาสน์สารเผดียง
๏ ให้แต่งแบ่งกองรายเรียง ซุ่มซ่องมองเมียง
ทุกทางอันช้างไปมา
๏ กำชับทุกนายโยธา ได้ทีสัญญา
จงกรูกันรีบออกเอา
๏ จับองค์อุเทนราเชา จงได้แลเอา
จะปูนบำนาญรางวัล
๏ แม้จับบได้จักทัณฑ์ ปาดคอครัวปัน
เปนช่วงแก่ช้างเหล่าหลาย
๏ มาตยานายกเนืองนาย รับสั่งกฎหมาย
พิกัดประกาศพลผอง
๏ ต่างตนจัดแจงแต่งกอง ซุ่มซงจงจอง
ชระเหลียกชระลี้แหล่งดง ฯ
๑๑ ปางองค์อุเทนไท้ ธรณีระพีพงศ์
รอนรอนพระสุริยง ประพาสพื้นทิฆัมพร
๏ จากอาสนบรรยง กโสรจสรงชโลธร
สุหร่ายโรยลอองอร จรุงรสเรณู
๏ ขัตติยาธราภรณ์ บวรรัตนไพรู
ขัดขรรควิเชียรยู รยาตรหน้าพลับพลาไชย
๏ ออกมุขมาตยา พิริย์พาหุเกียรดิไกร
เฝ้าแน่นสนามใน อภิวาทดาษดา
๏ ตรัสถามพเนนาย มฤคลุทธอันมา
สำนึงคเชนทรา ประมาณมารคปานใด
๏ ข้าแต่นรินทร มคันดรบใกล้ไกล
ยังโยชนครรไลย จะลุแหล่งพญาสาร
๏ ทรงฟังขมังมา ควิกันแถลงการ
สั่งมาตยบริบาล วรบาทแบ่งพล
๏ เลือกผู้ที่คู่ใจ พอตามไปสักพันคน
มากหลายจะรายจะรน คชลักษณ์จะหลีกไกล
๏ สั่งแล้วเถลิงหลัง พระที่นั่งมะโนไมย
เดิรพลมาใน วนะโดยวะเนจร
๏ ออกดงลุทุ่งกว้าง ก็เห็นช้างผู้เผือกพร
เดิรกรายณชายดอน และเลมลัดละบัดเกรียง
๏ ต้องลักษณ์ตระศักดิ์สรรพ และอากัปก็พร้อมเพรียง
ผ่องพรรณหิรัญเพียง อำไพภาคยากหา
๏ ชอบราชหฤไทย ธหวังไว้พระกฤษดา
เปนราชพาหานะ ก็ประพาสโดยดาล
๏ ดูราพเนนาย นิกรราชบริพาร
จงทัศนาการ พลภาพพิณเรา
๏ จักดีดดำเริงสาย สธยายพระมนต์เอา
ช้างเผือกให้มาเทา ณเบื้องบาทโดยประสงค์
๏ ตรัสแล้วก็สัธยาย พระมนต์กรายพระหัตถ์ผจง
ดีดพิณพระแสงทรง เสนาะเสียงสนั่นไพร
๏ นายยนต์ชำนาญยิน สำเนียงพิณก็ไขไก
ช้างภาพก็เดิรไป ดะดุ่มด่วนบหยุดฟัง
๏ อุเทนนเรนทร์เรือง บรู้เรื่องระบิลบัง
เห็นช้างบอยู่ยัง ก็ดิ่งดีดจะเข้ขาน
๏ ซ้ำซ้ายก็หลายหน ช้างกลยลทำอาการ
ตื่นหนีตลีตลาน ประลาตแล่นและล่อไป
๏ เห็นไกลก็รอท่า ครั้นใกล้มาก็วิ่งไกล
ยั่วเย้าพระไทยไท ธิบดินทร์บสงกา
๏ มานะพระหฤไทย ก็ขับใหญ่ดุรงค์มา
พิริยพลบันดา ที่ตามไปก็ไม่ทัน ฯ
๑๖ กองซุ่มโยธาพระยาจัณฑ์ คิดค้อยคอยคัณห์
พระองค์เห็นองค์อุเทน
๏ ขับม้าไล่รูปนาเคนทร์ ล่วงล้ำบริเวณ
ก็พลัดนิกรล่วงมา
๏ ต่างต่างให้ศัพท์สัญญาต่าง กรกรีโยธา
ทุกกองกระชั้นชุมรุม
๏ ล้วนเหล่ามักสันกรรกุม เข้าจับจอมจุม
พลาก็ค้าคำหาญ
๏ ดูราอุเทนทราบาล จงรู้พระกาล
แลการจะนาศในวัน
๏ ดังฤๅบมิเกรงมากรร ไล่ช้างเผือกอัน
เปนแก้วประกอบเจ้าเรา
๏ บัดนี้ไซ้เรามาเอา ท่านผู้ทรเมา
จงมาจะพาไปถวาย
๏ ว่าพลางเข้ากลุ้มกุมกาย อุเทนฦๅสาย
ฤทันจะตั้งติงองค์
๏ เหลียวหาพลพาหน์ยุทธยง อรินทรรอนรงค์
จะหาบเห็นใครมี
๏ เสียเชิงเสียไชยไพรี พลไภยได้ที
ก็จับจำนองนำจร
๏ เฉกดวงมณีรัตนากร เสียแก่วานร
อันมีปมานุปไมย
๏ เสื่อมศรีสุรศักดิ์สุริยใส เพียงสุริยพ้องไภย
อสุรินทรร้ายรันทำ
๏ พระยาจัณฑปโชตให้นำ ไว้ตรุตรึงตรำ
แห่งโจรในนครา
๏ เสด็จยาตรพยุหพลแสนยา ด้วยโสมนัสา
พิชิตพิเชตสงคราม
๏ เดิรโดยบุรพางค์ทางงาม พระเกียรดิเกริ่นสาม
ไผทสระทกกฤษดา
๏ คืนราชนิคมรมยา บัณฑูรบัญชา
สมุหรังรับภาร
๏ รังแต่งเสาวภาคพิมาน เพียบโภคลังการ
บเพี้ยนพิภพพันตา
๏ แต่งสรรพสุปเพียญชน์ไชยปา นิศชุมมุลิกา
สามนต์นิกรมในสถาน
๏ ทรงเสวยน้ำจัณฑ์สำราญ เลี้ยงเหล้าไชยบาน
นิกรหมู่มาคม
๏ บันเทิงหฤทัยใสสม เริงราชอารมณ์
ลเบงในเบญจฤดี
๏ เลยวันเวลาลุตรี พิณพาทย์มโหรี
ประโคมประคับขับขาน
๏ ฟังรำบำเรอบทมาลย์ ล้วนเหล่านงพาล
พิลาสสล้างแลสลอน ฯ
๒๘ ฝ่ายหมู่โยธา
มวญมาตย์อันมา โดยเสด็จบทจร
ทรงขับกัณฐัศว์ สพัดกุญชร
บได้หยุดหย่อน ผ่อนพักหนักไป
๏ หมู่สุรโยธา
แล่นหลามตามม้า หมดแรงแขงใจ
กระหมอบหอบรวน เซซวนคลาไคล
ไป่มีผู้ใด ทันเสด็จภูวดล
๏ บัดเดี๋ยวได้ยิน
เสียงปืนพลพฤนท์ โห่ร้องอึงอล
แล่นแลแต่ไกล ไม่เห็นจุมพล
แต่ล้วนผู้คน เยียดยัดอัดแอ
๏ ตระหนกตกใจ
ชะเง้อเฌอไม้ แมกเมียงเลี่ยงแล
เห็นเขาจับเจ้า ร้อนเร่าดวงแด
จะเข้ากันแก้ เห็นไม่ได้ที
๏ วิ่งกลับพลับพลา
แซ่เสียงโศกา สนั่นพงพี
แจ้งแก่มหา เสนาบดี
โดยเหตุอันมี ตามเห็นทุกอัน
๏ ซึ่งข้าโทษผิด
ตามเสด็จบติด ขอรับปรับทัณฑ์
ทุกข์แต่เจ้านาย ข้องข่ายไภยันต์
จะคิดแก้กัน ผ่อนปรนกลใด
๏ มวญหมู่มนตรี
ฟังสุรโยธี ต่างตื่นตกใจ
ตีทรวงระทาบ พิลาปร่ำไร
ทั้งพลับพลาไชย สยบสมประดี
๏ ครั้นสร่างโศกา
ต่างตรึกปรึกษา ว่าเหตุที่มี
ดีร้ายลายเล่ห์ ชาวอุเชนี
ปองเปนไพรี จะชิงกรุงไกร
๏ เกรงมือทหาร
ซึ่งหน้ามาต้าน บอาจเอาไชย
จึ่งปล่อยช้างล่อ ก่อกลยนต์ใน
สตรีนิไสย ขัตติยาอาธรรม์
๏ พวกเราเจ้าเลี้ยง
ได้ชื่อฦๅเสียง สมบัติผลัดพันธุ์
โหงหายตายดี ทีเดียวด้วยกัน
ละไว้ให้มัน หมายหมิ่นฤๅควร
๏ จะซ่องชุมโย
ธาเมืองเอกโท ตรีจัตวามวญ
ควบทัพกับเรา เข้าเปนกระบวร
หักไหนให้ซวน รุกเร้าเผาเมือง
๏ จับมาให้หมด
เด็กใหญ่ไม่ลด กุดหัวให้เปลือง
จนใจด้วยเจ้า เข้าที่คับเคือง
จึ่งยั้งฟังเรื่อง ตายเปนเห็นกัน
๏ ทั่วหน้าหาฤๅ
คิดรบครบชื่อ อาฆาฏฟาดฟัน
จึงให้เขียนสาร บอกการสำคัญ
ตามเรื่องเบื้องบรร- ยายร้ายดี
๏ ส่งให้เสนา
นายหนึ่งขึ้นม้า รีบไปธานี
ครั้นถึงขึ้นเฝ้า พระเยาวเทวี
ทูลความตามมี เหมือนหลังฟังมา ฯ
๑๔ สามาประภาพักตรวเรศ สดับเหตุพระภรรดา
ตกเงื้อมอมิตรประทุษฐทา รุณราชไภยพาล
๏ เพียงสายสุนีสรพิฆาฏ ศิรขาดประจากปราณ
แดดิ้นระด่าวอดูรดาล สยบซบสมประดี
๏ ไป่ทันจะสืบยุบลสาง อนุสนธิยังมี
แลเล่ห์สุวรรณกทลี ประไลยลมและล้มลง
๏ ขัดคลองอสาสะจะระบาย นิทรแน่อนาถองค์
สิ้นศัพท์พระเสาวนิศทรง อัตภาวสัญญี
๏ ปางปวงอนงคณสุรางค์ และท้าวนางตำแหน่งนี
กรยลพระเยาว์ภควดี ดิลกลักษณ์อับสรสรรค์
๏ ทรงเสวยวิสัญญิกะอนิจ ตระดกจิตตจาบัลย์
ช้อนเชิญพระองค์พระอรอรร คเรศราชกานดา
๏ ยังแท่นสุวรรณวิจิตรวาง คณนางก็โศกา
หมายแม่นประลาลยสัญญา ก็วิลาปรำพรรณ
๏ อ้าแม่ผู้ดวงวชิรรัตน์ สิริสวัสดิวังจันทร์
ช้อยข้าคณากรกำนัล อภิรมยเปรมปรีดิ์
๏ กี้ใดก็เสาวนิเฉลย กิจเคยทุกครามี
ดังฤๅเสด็จสุคตนี พระพิมานคือแมนสวรรค์
๏ ทิ้งทั้งสมบัติพัศยา กรข้าพระบาทครร
ไลยเลอพระองค์จรจรัล และบสั่งสักคำไฉน
๏ ดั่งฤๅบคิดพระภรรดา จุฑาเทพพ้องไภย
ไป่ทันจะแก้กลกลใด เสด็จสู่พิมานเมิน
๏ ทุกข์ท้าวผู้เจ้าจลวิบัติ คือฉายฉัตรระยำเยิน
ขวัญเมืองดังจักรรถเจริญ นิรไปฤใครแทน
๏ เวียงวังก็ตั้งแต่นี้จะโรย ทุกระโหยฤใครแหน
จักฟังแต่ศัพท์อับสรแสน กำเสาะโศกฤห่างหาย
๏ โศกสร่างสุรางค์ปรมสัง คติยังพระวรกาย
อ่อนอุ่นบมีพิกลวาย คณนาฏก็ยินดี
๏ โปรดเสาวคันธรสสุหร่าย รำพายพัชนีวี
รื่นรื่นสุคันธสุรภี ธก็ฟื้นพระองค์คง ฯ
๑๖ ปางนั้นสามายุพยง สร่างสมประดีทรง
กำสรดบวายหายศัลย์
๏ รันทดรันทวยเทียมวัน ทุ่มทรวงรุมรัน
พิลาปรำจวนหวลหา
๏ โอ้พระปิ่นภพภรรดา พระคุณคณนา
นุภาพล้ำธรณิน
๏ เทียมเทวสุทัศนราชินทร์ เมือบพลเพียงบิน
เอาด้าวรด่าวดาลแสยง
๏ บรรณามาคัลทุกแขวง ขุนเขนเคยแขง
ก็ค้อมมาขึ้นเคียมคม
๏ เวลาเราใดนิยม พระร้างอารมณ์
ระแวงระวังกังวล
๏ เสียรู้เสียฤทธิ์เสียกล เสียเชิงทุรชน
ประทุษฐหลอนห่อนเห็น
๏ ไป่เคยเลยตกยากเย็น จักตายจักเปน
พระคุณบได้ไปสนอง
๏ เสียทีพระเลี้ยงเมียปอง พระเปนโพธิ์ทอง
พำนักแต่นี้จักตาย
๏ จักอยู่ใยดีแต่กาย พระผัวชำงาย
ชำงือคือกรดกริบคม
๏ พระน้องรันทดทุกขทม องค์อ่อนอารมณ์
พิไรยร่ำบำบวง
๏ โสฬศเทวแดนแมนสรวง เกลาสปิ่นปวง
สุรามเหศักขญาณ
๏ ขอพรขอพระอภิบาล พระพ้นไภยพาล
พินาศนิราสแรงไภย
๏ ร่ำพลางพลางโศกาไลย เทียมแดเด็จใย
กำสรดบสร่างสมประดี
๏ ส่ำแสนสุรางค์ราชนารี ต่างตนตูมตี
อุราพิไรรำพรรณ
๏ เสนาประชากรข้าขัณฑ์ อาดูรแดยัน
บเสียบกำสรดสบสถาน
๏ ครุวนามธุกรสำนาร ผิวบนั้นปาน
มรุตป่วนป่ารัง
๏ ทั่วทั้งนอกวังในวัง ถามข่าวคอยฟัง
กำเสาะสยบซบเซา
๏ ปางพราหมณ์ปโรหิตราเชา วุฒิภาพบมิเยาว์
ในศาสตรสรรพเพทางค์
๏ แจ้งเหตุใช่เหตุหนปาง วิยวัตถุวาง
วินิจกลอกกลางใด
๏ ทราบเหตุผู้เจ้าตกใน เงื้อมหัตถ์พาลไภย
ก็ตื่นตระหม่าสมประดี
๏ พราหมณ์พฤฒิก็ค้นคัมภีร์ ฤกษบนอสี
ติธาตุทักษาพยากรณ์
๏ ควรพระเคราะห์พักลักษณจร ชันษานคร
ประจักษ์ทุกสิ่งจริงใจ
๏ ขึ้นเฝ้าเยาวยศยังใน มนทรีพิไลย
พิลาสด้วยเหล่าอับสร
๏ เมิลมิ่งพนิดาอาวรณ์ สยบทบถอน
หฤทัยวิโยคโศกศัลย์
๏ พฤฒิพราหมณ์บมิอาจอดกรร แสงพลางทูลอรร
คเรศด้วยภักดี
๏ ข้าแต่พระแม่โมลี ฤๅควรด่วนตี
พระตนแต่ไข้ไป่ทัน
๏ เปนตนผลบุญบาปบรรพ์ ทุกข์สุขเวียนวัล
วิไสยกระแสสงสาร
๏ พระแม่คับแดดุรดาล กาลนี้เปนกาล
พระเคราะหแรงรันทำ
๏ ข้าพระพิจารณ์ในคัม ภีร์เพทางค์นำ
มาสอบมาสวนทวนหลาย
๏ พระบุญอดุลยเฉกฉาย พระสุริยพันลาย
มล้างมละอันธการ
๏ เข่นฆ่าอสุรินทรหักหาญ อาฆาฏคิดพาล
ฤห่อนจะลุหลีกเอง
๏ แท้เทียรทุกขลาภอย่าเกรง อมิตรมารเพรง
จะมาเปนมิตรเมตตา
๏ แน่ในพยากรณ์ตำรา เยาวยศยุภา
ผู้หนึ่งจะเอื้ออุปถัมภ์
๏ สิ้นร้ายปลายปีนี้จำ ทูลไว้ไกลคำ
จงควรแก่ทัณฑ์ทั้งหลาย ฯ
๑๑ สามาสุดาฟัง ทวิชาพฤฒาทาย
ทูลเทียบทำเนียบถวาย นิติศาสตรแสดงความ
๏ ปราโมทย์กมลมี สวนีสนองพราหมณ์
ท่านผู้พระคุณคาม ภิรภาพปรีชา
๏ เทียบทายทำนายนำ วิยอำมฤตยา
จันจวนประมวญอา วรณ์หมายทำลายสกนธ์
๏ คุณท่านประมาณมี ชนนีถนอมปรน
กษิรามพุ์บำรุงชนม์ วยวัฒนาวัน
๏ พิษภัยพิโยคท้าว ระร้าวร้าวละกลกัลป์
ผิวท่านบมาทัน ก็จะแท้ทำลายกาย
๏ บัดให้บำนาญนันต์ หิรัญรัตนแพรพราย
ค่าพราหมณ์พฤฒาทาย ก็นิวัตน์นิวาสนสถาน
๏ พระนางฤวางใน หฤไทยอดูรดาล
ครวญคร่ำรำคาญนาน เทวษท่าทิวาครวญ
๏ ปรับทุกข์ทุกหน้านาง สุรางค์ราชรัญจวน
ซั้นโศกกำศรวญทวน ทุกหน้านางฤห่างถวิล ฯ
๑๙ ปางนั้นองค์อุเทนนเรนทร์ศรบดินทร์
พ้องภัยอรินทร์เปน อนาถ
๏ เนาในเรือนตรุเทวษประเภททุพลชาติ
เสวยสรงจะไสยาสน์ ก็ยาก
๏ ไป่เคยทุกข์และทุกข์กระอุกอุระลำบาก
รู้ผู้จะอุปฐาก ทำงล
๏ เน่งนิทรคิดก็ระทดสลดจิตต์วิจล
เสียกายเพราะเสียกล ริปู
๏ เสียศรีศักดิ์สุริยชาติอาจอริบำรู
ฤๅมาประดักดู ประดาษ
๏ อ้าโอ้อัครสุดาประภาพักตรพิลาส
สนมนางสุรางค์ราช นิกูล
๏ แม้มาทรู้ทุกขเรียมจะเตรียมอุระอดูร
ปรับทุกข์ทุกหน้าพูล พิลาป
๏ โอ้เคยเสวยสวัสดิวังคือดังอมรสาป
สฤษดิจากวิบากบาป ไฉน
๏ เจบตนชนม์จะพินาสนิราสสุริยไอ
ศวรรยาฤอาไลย หนึ่งนุช
๏ ร้อยทุกข์พันทุกขหนักจะหักจิตต์ก็ยุติ
ความรักฤหยุดสุด กระสัล
๏ ตกเข็ญเปนฤจะตายและวายทุกขมหันต์
ไกลกันก็สุดวัน จะเห็น
๏ ใดดีชีวิตคงดำรงทุกขลำเคญ
ตายดีกว่าเปนท รมาน ฯ
๑๖ ตระบัดถามนายทัณฑบาล เจ้าท่านผู้ชาญ
ประพฤติธิกิจมายา
๏ จับเราบมิพ้องผิดมา ตรากตรุตรึงตรา
แลไปสถิตที่ใด
๏ นายทัณฑก็กล่าวคำไข เจ้าเรามีไชย
แก่ราชอรินทร์ยินดี
๏ ให้แต่งสวภาคมนทีร์ ชุมมาตย์พิรีย์
นิกรแน่นในคลวง
๏ แต่งสรรพกระยาเส้นสรวง ขับรำบำบวง
แก่เทพรักษนัครา
๏ ทรงเสวยน้ำจัณฑ์ไชยปา นิศกับมุลิกา
ด้วยราชหฤทัยใสสานต์
๏ อุเทนก็ตอบโดยหาญ เจ้าท่านอาการ
อุบายก็คล้ายสตรี
๏ โบราณขัตติยาอย่างมี มีไชยไพรี
แลจับมาได้ด้วยมือ
๏ ควรฆ่าห่อนไว้ให้หือ ควรปล่อยให้ลือ
พระยศก็ปลดปล่อยไป
๏ ห่อนทำทรมานอย่างใจ เจ้าท่านฉันใด
บเอาระบอบบรรพา
๏ มึนเหล้าเมาเล่นปรีดา ถ้ามีเมตตา
แก่เราลำบากตรากตรำ
๏ นายคุมฟังคำเอาคำ อันกล่าวบมิยำ
ไปอ่านแก่ท้าวทูลสาร
๏ พระยาจัณฑ์ธก็มีบรรหาร ให้หาบนาน
ยังที่ประชุมทรรษา
๏ ประภาษสิหนาทโชยงกา ดูราราชา
อุเทนชเลยยุพเยาว์
๏ ตกในเงื้อมหัตถแห่งเรา บมิวันทาเทา
มานะทรนงฉันใด
๏ อุเทนก็ตอบโดยใจ อ้าท้าวกล่าวไฉน
ฉนี้ก็ควรสรวลสันต์
๏ จักเอายศใดอภิวันท์ คนต่ำตกทัณฑ์
จะเปนประโยชน์ใดดี
๏ แม้ไหว้โดยใจอารี แท้ทางไมตรี
เจริญสิริทั้งสอง
๏ พระยาจัณฑ์ซั้นบัญชาสนอง ผิวบไหว้อย่าปอง
จะเปนชีพิตจักดาย
๏ ตามเทิญสิทธิท้าวแล้วกาย ใจเราอย่าหมาย
จะข่มบขอชีวี
๏ สงวนศักดิ์กษัตริย์สืบธาตรี เยี่ยงทรายจามรี
ชีวันบห่วงหวงขน
๏ เกิดตายฤๅวายเว้นตน สงสารวัฏวล
ฤๅเว้นจะเบียนเวียนเวรุ ฯ
๒๑ พระยาจัณฑ์ฟังสารอุเทน ขัติยมานบเอน
คงแก่วาเจนทร์ บคืนขาม
๏ เปรียบปรายหลายเล่หแหลมลาม วิยะอคนิวะวาม
ทรงสดับความ ก็เปนดี
๏ เพื่อองค์อุเทนทรราชี วาสุละทัตรบุตรี
บุรประเพณี สนองสอง
๏ พัญเอิญเจริญรักษรังปอง ประทุษฐอภัยจอง
จิตต์จำนองคลอง เสนหา
๏ เอื้อนอรรถมัธุรสดูรา ตรุณวิทยปรา
กฎอย่าอา ดุรกำเดา
๏ จักส่งองค์อัคราเชา นิวัตินครเนา
ตูจะเรียนเอา พระมนตรา
๏ อุเทนสนองราชบัญชา ผิบพิตรจิตต์ทยา
เวทวันทา ก็จักสอน
๏ อ้าดูอรินทรอธิกรณ์ บมิยำจิตต์ผนอน
อ้างอุทาหรณ์ ฤเกรงกาล
๏ อ้านี้นิติราชศาสตรสาร คติยบุรพจารย์
เปนนิยมนาน นิเทศเหตุ
๏ ดูราอุเทนตรุณเรศ ผิวขุชทุรเพศ
ไหว้จะเรียนเวท จะยังไฉน
๏ อ้าท้าวกล่าวแล้วฤกลับไกล ตรุณตระกูลใด
แม้วโดยใจ คำรพเรา
๏ ควรสอนปกรณแก่เขา สฤษดิฤทธิพัฬเหา
เทพทุกลำเนา ก็เพิ่มพร
๏ ศิษยใดไป่อัญชลีกร ศิลปศาสตรจะสอน
ห่อนจะวัฒนา นุภาพพล ฯ
๑๖ พระยาจัณฑ์ฟังสารยุบล เคืองคับใจจน
มโนมานะละอาย
๏ ใคร่ฆ่าชีวาให้วาย พระเวทเสียดาย
วิจารณจิตต์นิศจล
๏ ดำริห์ผู้เริ่มเรียนมนต์ จักต่างพระตน
แต่ราชธิดาเดียวดี
๏ เสด็จยังพิมานมนทรี หาราชบุตรี
มาใกล้ก็เกลี้ยงกล่าวสาร
๏ อ้าแม่วาสุละทัตรนงพาล ยังชายหนึ่งชาญ
พระมนต์ละเบงเพลงพิณ
๏ เรียกช้างป่าได้โดยจินต์ ใช้ได้ดังถวิล
แลขับก็ลี้แหล่งพน
๏ บิดาอาครใคร่มนต์ ครูโรคเรื้อนตน
จะเรียนฤๅควรขัตติยา
๏ จงแม่เอาภารบิดา วิทยายากหา
บชอบจะแผ่แพร่หลาย
๏ จักหามาวังดังหมาย ห้ามคนใกล้กลาย
จะดูแลดอดด้อมฟัง
๏ แม่เรียนมนต์ในม่านบัง ได้แล้วภายหลัง
จึ่งพ่อจะต่อเยาวมาลย์
๏ พระยาจัณฑ์กล่าวกลายสายสาร ดังนี้เพื่อการ
รังเกียจแก่สองกษัตรีย์
๏ รู้ศักดิ์จักเสพย์สามคี เพื่อเปลี่ยวฤดี
ดำฤษณ์กำเดาะกำเดา
๏ สองราชสุริยวงศ์ทรงเยาว์ ฤๅรู้เงื่อนเงา
แห่งท้าวอุบายบรรหาร
๏ ธิดาท้าวรับปฏิญาณ ท้าวสั่งเตรียมการ
กำหนดทั้งวันสัญญา
๏ ให้นำองค์อุทเยนทรา มายังมหา
พิมานกำบังดังปอง
๏ ให้เชิญธิดานวลลออง จัดเครื่องสำรอง
สำหรับคำนับคุณครู ฯ
๑๑ ปางนั้นสุดาวา สุละทัตรอันตรู
ครั้นจวนเวลายู รยาตรามาเรียนมนต์
๏ จากอาสนลังการ์ เสด็จมาสนานชล
พนักงารถวายคนธ์ ผทมผิวพิมลพรรณ
๏ ผัดพักตรประไพผ่อง ลอออ่องคือเพ็ญจันทร์
มุ่นทวยสลวยกัน จุไรรัตนเพราพราย
๏ ภูสิตวิจิตรจีบ ประจงกลีบและวางชาย
รัดองค์วิเชียรฉาย ประจำยามอร่ามตา
๏ อำไพสไบบาง ระรางรางวโรฬาร์
สร้อยทับอังสาพา หุรัดรัตนทองกร
พรายพริ้งสอิ้งองค์ ธำมรงค์สังวาลวร
กรอบพักตรกัญเจียกจร และมงกุฎกษัตรีย์
๏ งามองคอาภรณ์ วรภาคพิมลมี
เฉกโฉมพระลักษมี วิลาสโลกนิศกลง
๏ พร้อมสาวสนมนาฏ ยุพราชลิลาลง
ไปยังพิมานมง คลรัตนบัดดล
๏ สถิตนั่งในม่านมาศ ก็ประพาสบเกี่ยงกล
ข้าผู้จะเรียนมนต์ อภิวันทนาจารย์
๏ ตรัสพลางพงางอน ชลีกรกฤษฎาล
บูชาสการมาล ยผจงและส่งไป
๏ กำนัลที่มาตาม ก็สั่งห้ามให้อยู่ไกล
กำชับบใครใคร จะนั่งดูและอยู่ฟัง ฯ
๑๔ ปางองค์อุเทนทรรพินทร์ ธรณินทรเสาวนัง
สารศัพท์คำนับพระนุชหวัง กระเหมาะแม่นขุชชามา
๏ ทรงตรัสนุสาสนพระมนต์ กลอรรถคาถา
วาสุลทัตรพนิดา ธก็ทรงสังวัธยาย
๏ เอื้อนโอษฐ์จะอ่านอรรถบชัด และอุทัจสะเทินอาย
หลายซ้ำบยำอักขรกลาย อาทิบาทปนหลัง
๏ แบ่งบาทละสี่สระจะต่อ ก็บพอปัญญายัง
เคลิบเคลิ้มทีฆะรัสสะและสัง โยคย้อนอักษรสลาย
๏ เคืองขัดดำรัสผรุษวาท ปริภาษคำคาย
ช่วงชาติขุชชาพิกลกาย ทรลักษณจะใครสอน
๏ ป่วยปากแก่กูบมิจะจำ จะแนะนำก็เหงานอน
ปากหนาจะว่าก็บมิหยอน จะแก้โกงให้โค้งคืน
๏ ลูกท้าวสดับผรุษวา จกภาษโหดหืน
เลิกสาณีเยียมพระพักตรยืน กระทืบบาทโกรธา
๏ พาชายบชาติบมิเสงี่ยม และฤเทียมทรนงมา
ว่าค่อมแก่กูธิตวรา ประมาทหมิ่นบรู้ตาย
๏ แม้ทราบพระบาทพระบิตุรงค์ ฤจะคงชีวาวาย
เหวยเรื้อนบุรุษทัศนกาย นี้ขุชชาฤมาดู
๏ สมเด็จอุเทนทรสวนา ทัศนาพธูตรู
เลอลักษณวิไลยพระดนู ประดิพัทธเพิ่มภิญ
๏ ลืมตนอันทนทุกขลำบาก ในตรุตรากประดิทิน
พลั้งเพลินเจริญจิตต์ถวิล ธก็กล่าวด้วยสุนทร
๏ อ้าแม่จงให้อภัยพี่ กิจนี้พระบิดร
ว่าค่อมประดาษกรรมกร ก็กล่าวโดยบรู้กัน
๏ เราเปนมเหศรมหา ขัติยาธราธรรม์
ฤๅแม่ประเทียดทุพลพันธุ์ ไฉนแม่พงางาม
๏ บุตรีบดีศรสดับ สุรศัพทแลตาม
เห็นโฉมประโลมหฤทัยกาม- วิโรธเกลื่อนกลาย
๏ อายองค์อนงคอภิวาท วรนาฎบรรยาย
โดยเบื้องพระบิดุรอุบาย อนุสนธิ์ยุบลบัง
๏ ซึ่งข้าประทุษฐ์วจนทา รุณพาลเพื่อยัง
ไป่ทราบพระยศบทวรัง อนุญาตอธิกรณ์
๏ อ้าศรีสุรางค์ลักษณวิไลย ประไพพักตรพิมลสมร
การนี้ก็กลพระบวร บิดุรงคนงเยาว์
๏ ท่านแกล้งประกอบยุบลเลศ หินเพศเพิ่มเรา
เพื่อไวยวรารุปลำเภา จะภิรมยแก่กัน
๏ อย่าแม่บควรนุชขมา ขัติยาทุพลพันธุ์
อำเภอมฤตยชีวัน บมิรู้จะวันวาย
๏ หมายแม่คือทารุจะพำนัก ชลอพักชโลงกาย
ข้ามคันมหรรณพทุลาย และลุด้วยสวัสดี
๏ พระคุณอดุลยคณา วิยฟ้าและธาตรี
มอบกายถวายสมรมี สุจริตจิตต์จอง
๏ เสาวนานราธิปประพาส พจนาทเสนาะสนอง
บุพเพเผอิญเจริญจิตต์จำนอง อนุสรเสนหา
๏ ไต่ถามคดีอุดมเดิม ธิบดินทรอันมา
นางฟ้าก็คร่าวอัสสุปธา รพิลาปแดดาล
๏ อวยพัสตรวัสดุแก่นาย ธิกรณ์ฝ่ายพนักงาร
ผ่อนสังขลิกพันธนการ ธิบดินทรจำนอง
๏ เสด็จมานุสาสน์ศิลปเวท ยุพเรศแต่สอง
จำเนียรสันถวะจำลอง ก็ละเลิงละลายองค์
๏ ร่วมทิพย์สุรารสสังวาส ยุพราชใหลหลง
เวทมนต์บกังวลจะทรง สำเริงรมยสมสมร
๏ ลืมเฝ้าชนินทร์ชนกนาถ อัคราชมารดร
ลืมเล่นกับเหล่าคณนิกร คณนาฏบริจา
๏ แต่เช้าก็เท่าสุริยเย็น บมิเว้นทิวามา
เรียนมนตกลจิตต์อุสา หจะเกลื่อนด้วยเงื่อนงาม
๏ สมเด็จพระบาทบิดุรราช พจนาทเนืองถาม
ลูกท้าวธแบ่งยุบลความ จะจวนจบคำรบเรียน
๏ ท้าวนางสุรางค์คณพธู บมีผู้ระแวงเวียน
เพื่อบุญยุพาอุภัยเพียร บุรพภพสบประสงค์ ฯ
๑๖ ปางนั้นอุเทนสุริยวงศ์ เสวยสุขด้วยองค์
วาสุละทัตรลำเภา
๏ ร่วมเริ่มสุรารสเสา วคนธาทิพยเยาว์
ยุพินภิรมยหรรษา
๏ น้องท้าวบำเรอรมยา ทุกวันทิวา
ในเหมพิมานมนทรี
๏ เลยหลงปลงรสฤดี สุดากษัตรีย์
ดั่งดวงหฤทัยไป่ปาน
๏ ลืมแสนสมบัติพัสดุ์สถาน ลืมยอดเยาวมาลย์
สุรางคนางกำนัล
๏ ลืมทั้งเวียงไชยไอศวรรย์ ลืมทุกขทนทัณฑ์
ในตรุอันตรึงตรอมใจ
๏ วันหนึ่งทรงไสยนาใน ราษตรีออาไลย
ละห้อยตระหลห่วงหลัง
๏ อ้าสูสามาอยู่วัง ปานนี้จะยัง
พิลาปท่าหาเรียม
๏ รอยรูปซูบผอมกรอมเกรียม ร้อยทุกขฤๅเทียม
อันเจ็บกูจากจวบไภย
๏ เจ็บกูตกทัณฑทุกข์ใจ ฤๅเจ็บเจียรไกล
พระนุชคือดวงใจจร
๏ เว้ว้างอยู่กลางมือมรณ์ ฤๅเนามานอน
อนาถบแหนงหนีตาย
๏ เสียทีเปนชายเชื้อชาย กำเลาะลืมกาย
ตระกัตแก่กามกลืนเกลียว
๏ เห็นแต่พระน้องนางเดียว พำนักจักเยียว
ฤๅร้างจะฝืนยืนปาง
๏ ความควันใครทันเที่ยงทาง กายกูกับนาง
จะเปนอย่าเปนป่วยปอง
๏ ควรกูอุบายเลียมลอง ลำเภาพิมพ์ทอง
จงรู้ดำริห์รวมความ
๏ จะลักลอบพาพงางาม หลีกหลีกหลาหลาม
ด้วยกลอย่าทันเห็นควัน
๏ ตริพลางพลางคอยสุริยัน อย่างเคยทุกวัน
ก็มายังสำนักนาง
๏ พระแสร้งใส่กลครวญคราง ทรงโศกาพลาง
สอึกสอื้นอาดูร
๏ น้องท้าวเห็นท้าวเพิ่มพูล ทุกขาอากูล
ก็ท่องแก่ท้าวทันใด
๏ อ้าท้าวผู้เจ้าเยียไฉน ทรงโสกาไลย
มลากแก่ข้าอย่าอำ
๏ ฤๅหนึ่งนายทัณฑมันทำ หยาบหยามบยำ
จงไว้แก่ข้าบทมาลย์
๏ อ้าอรวรลักษณเภาพาล การอัลเลาะการ
แลแม่บควรคำถาม
๏ ผิวแจ้งแต่ใจจริงความ ใช่แม่จักตาม
อำเภอแก่ใจใจจริง
๏ นางน้องพร้องคำวอนวิง ขอพระอย่าติง
แก่ข้าบค้าคำสอง
๏ สิ่งใดผู้เจ้าเจตนจอง ข้อยน้อยจักสนอง
จงลุฤลืมใจดาย
๏ ใช่เริ่มพอกันเหิมหาย พระชีวาวาย
มิอยากจะอยู่ใยดี
๏ อ้าศรีเสาวภาคยเพียงชี วาเรียมมามี
มโนวิการกังวล
๏ เรียมมาตกต้อยแต่ตน ซ้ำต้องทัณฑ์ทน
เทวษล้ำลำเค็ญ
๏ พำนักพระนุชอยู่เย็น นับวันอยู่เปน
กำหนดบแน่วันวาย
๏ ผิวความร้ายร้าวเรืองราย นับหนึ่งเปนตาย
คำนึงแต่คุณขาดสนอง
๏ จงแม่เทียมใจไตร่ตรอง ร่วมคิดประคอง
แก่พี่จงเปลื้องปลอดเข็ญ
๏ จักเชิญแม่เมื้อเมืองเปน เอกอัคชาเยนทร์
สุรางคราชบริจา
๏ นางเสาวนีสนองโชยงการ์ ทรงพระกรุณา
พระคุณกว้างกว่าไกล
๏ ยามโปรดหากตรัสตัดไป ลำพังพระไทย
จะฟังดังคำควรขนาง
๏ เกลือกไปต้องลมล่มกลาง ชเลเว้ว้าง
จะชอกจะช้ำคำเคือง
๏ พระคุณการุญจักเปลือง อปยศชาวเมือง
ระบินระบือฤๅหาย
๏ จักอยู่ฤดูดีดาย หม้ายมาเมืองหมาย
ก็ยากจะไว้ใครชม
๏ ขวัญเมืองแม่อย่าปรารมภ์ เรียมกล่าวฤๅกลม
อสัตยวิบัติเปนสอง
๏ จักเลี้ยงเที่ยงธรรมทำนอง ตราชูชั่งทอง
บเหลือบบล้ำลำเอียง
๏ อ้าพระจักจรจากเวียง กลใดผเดียง
จะลุมโนเจตนจง
๏ พระบิดุรราชฤทธิรงค์ เอกอัคยานยง
แลกอบกับฤทธิ์เร็วระบือ
๏ ค่าใครจักไปพ้นมือ ตักแตนเต้นหรือ
จะผ่านจะพ้นกูณฑ์กอง
๏ พระนุชสุดสวาทอย่าหมอง กิจอันเรียมปอง
ฤๅเว้นแก่ปองเปนตาย
๏ ทูลลาหายาอุบาย ขอช้างกับนาย
ทวารไว้เปนภาร
๏ คอยท่าท้าวเสด็จอุทยาน จักพาเยาวมาลย์
ประลาตจากนัครี
๏ เสร็จสองทรรษาคดี พระน้องลาลี
พิมานอันเคยเสด็จคง
๏ อาลัยไอสูรย์สุริยวงศ์ ปรับใจบมิลง
ลอุในอาสน์อางขนาง
๏ รักท้าวร้าวรุมสรรพางค์ รัญจวนใจกลาง
เทวเทวษหม่นหมอง
๏ ปล้ำใจฤใคร่คงครอง จนแจ้งแสงทอง
จะหลับบหลับสมประดี
๏ เสด็จจากแท่นท้ายเทพี อ่าอาตมินทรีย์
วิเลปน์สุคันธกลิ่นเกลา
๏ ลังการ์อาภรณ์พัฬเหา ตระสักสริรเสา
วภาคยแลลาญสมร
๏ สพรักนักสนมนิกร ดั่งดวงศศิธร
พิลาสดวงดารา
๏ เฝ้าสองกษัตริย์ทรงคุณา อเคื้อคมสา
ภิรมยเบื้องบทมาลย์
๏ แย้มยวลสรวลสันต์สำราญ ระเมียรอาการ
แลคอยยุบลบัณฑูร ฯ
๒๘ ปางองค์พญาจัณฑ์
ประโชตธรธรรม์ พำนักตระกูล
เห็นราชธิดา วรายาตรยูร
มาเฝ้าท้าวพูล ภิรมย์หฤทัย
๏ ดำรัสโอภา
แม่ดวงไนยนา ตั้งแต่แม่ไป
เรียนมนต์กลพิณ ลุจินดาไฉน
บิดาอาไลย คอยหาช้าหลาย
๏ พราะราชบุตรี
ได้ช่องชลี สนองด้วยอุบาย
อุปเทห์พระเวท นิเทศมากมาย
เพียรหากยากกาย จึ่งลุบริบูรณ์
๏ ลัทธิตำรา
เกบยาเวลา ดารกจำรูญ
มากอปกับเวท อุเทศอดูลย์
จงทรงนุกูล แก่ข้าบทมาลย์
๏ จะขอทวารา
ปิดเปิดไปมา ตามกาลชอบกาล
กับช้างฝีเท้า เชาวนอันชาญ
เตรียมไว้ใช้งาร ทันฤกษ์นาฑี
๏ ฟังสารมายา
ไป่ทันสงกา กลพระบุตรี
ประทานช้างที่นั่ง พังภัทวดี
หมอควาญเคยขี่ สำหรับเยาวมาลย์
๏ แล้วสั่งทวารา
ให้สิทธิ์ธิดา เปิดไปใช้งาร
นางได้โอกาศ พระราชโองการ
ยินลาภกราบกราน บันเทิงกมล
๏ บังคมลามา
ทูลพระภรรดา บดินทร์ภูวดล
ร่วมริตริตรอง ทั้งสองหากล
ได้ทีหนีพ้น จะพาคลาไคล
๏ สมเด็จพญาจัณฑ์
ประโชตมหันต์ เดโชชาญไชย
ประพาสอุทยาน สำราญโดยไนย
ปักขันต์เคยไป นิยมเนืองมา
๏ มนตรีเตรียมพล
ผูกช้างม้าต้น ชำนินานา
โดยกาลกำหนด ทวยทศโยธา
สรรพด้วยศัสตรา จำรายไพรี
๏ ตั้งตามกระบวร
เสด็จชมสวน อย่างเคยทุกที
พร้อมแต่ประถม ยามย่ำราตรี
หมู่สูรโยธี ทุกหมวดตรวจกัน
๏ ครั้นจวนอรุณ
โณภาสยุคุน ธราพญาจัณฑ์
ประโชตนรินทร์ ปิ่นภุดาถวัลย์
ไสยาสน์ยังบัล ลังก์อาสน์ยรรยง
๏ เสด็จอุฐาการ
มาสรงมุรธาร ภิเษกาทรง
สุคันธาธร กำจรกลิ่นผจง
อเนกอนงค์ เฝ้าหลามตามงาร
๏ ทรงเครื่องเรืองรัตน์
สำหรับกษัตริย์ ประพาสอุทยาน
ทองกรธำมรงค์ มงกุฎแก้วกาญจน์
ขัดขรรค์เพชรพาล ยุบาทนาดกร
๏ ขึ้นทรงคชสาร
ลอออัคยาน มงคลกุญชร
ย้ายยืดพหล สากลกำธร
ออกจากพระนคร ไปสวนอุทยาน ฯ
๑๙ กานดาวาสุละทัตรวรารัตนยุพาล
อุเทนทรหาการ อุกาศ
๏ รู้แท้ไท้ชนกาจราอุยานะยาตร
เสาวนีประกาศนาฏ คณา
๏ สมเด็จองคชนกดิลกภพประภา
สิตสั่งไปเกบยา อรญ
๏ ตรัสพลางสั่งคชเทียบก็เรียบธนถกล
บนปฤษฎางคภัท พดี
๏ ด่วนด่วนนางก็ธราทิพาภรณธรี
จำลองกริณี บนาน
๏ ปลอมแปลงองคอุเทนนเรนทรเปนควาญ
รีบออกทวารวัง ลิลา
๏ เสาวนีนาฏดำรัสหัตถาจารยมา
เก็บยาพนาทาง ทุเรศ
๏ เร่งขับคชชวันอย่าทันพระสุริเยศ
อุไทยโดยเลศ ดำหรับ
๏ คชบาลรับเสาวนิศพระธิตบังคับ
ขับคชโดยฉับ ชบัด
๏ นานาชาวพระนครขจรกิจกษัตริย์
แหนงในรหัสเห็น พิการ
๏ บ้างนำกิจพิกลก็ดลพระอุทยาน
ทูลไท้ชนกพาล พงา
๏ บางหมู่รีบอนุพันธ์กระชั้นสระพญา
อุเทนพระธิดา ประลาต
๏ ชาวเราเชาวนะจับจงฉับดุจประกาศ
บได้จะเศียรขาด ขจัด
๏ พลพฤนทยินกิจนั้นกระชั้นคชสกัด
สองท้าวก็ซัดรัช ชฎะ
๏ เนืองนองท้องถลพลแลยลปัรกระดะ
บ้างเก็บบ้างตามพระ รยัง
๏ สองท้าวทอดทัศนาพลากรประดัง
ยังทองกะทอทัง จำราย
๏ ล่อเหล่าชาวนคราทยานิกขะอันปราย
ชิงกันวะวุ่นวาย ก็คลาศ ฯ
๑๖ ปางสองขัตติยาเยาวราช ขับคชพาหนาสน์
จรลจรายผายผัน
๏ พลเมืองเนืองตามบมิทัน พ้นเขตขอบขัณ
ฑนครอุเชนี
๏ ล่วงแดนกรุงโกสามพี มาโดยสวัสดี
ก็รีบทุรัสถ์ดงเดิร
๏ รื่นรุกขร่มรายริมเนิน แนวรัฐเจริญ
ตระการตระกลผลผกา
๏ พระพายรำเพยพัดพา เสาวคนธ์คนธา
ลอองละอบหอมหวาน
๏ บ้างผลิพวงพุ่มตูมบาน โรยร่วงห้วงธาร
จรุงเจริญรสฉม
๏ นานาปักษาระงม บันสานเสียงสม
คือซอประสานเสียงสาย
๏ ลางสลาบขาบเขียวเหลืองลาย รเบียบรบาย
วิจิตรกรรม์บรรจง
๏ บ้างบินไปมามาลง จับไม้ในดง
คละแคล้คละคล้อซ้อเสียง
๏ ส่ำสัตว์จัตุบาทรายเรียง หมายคู่หมู่เมียง
ทรหึงทรหวลหวงฝูง
๏ พรรค์คชคณาป่าสูง คัดค้อนยางยูง
ลางหักซึ่งรุ่นรวดราม
๏ ฝูงโขลงโยงลูกต้อยตาม พลายมันเมือบกาม
ก็แล่นชลอคลอพัง
๏ กะทิงถึกพ่วงไพรตรัง เปลี่ยวปละกำลัง
แลแล่นลำพองลองเขา
๏ กาษรเลงเฝือแฝงเงา พยัคฆจับโจมเอา
ปะปัดปะป่วนกลางแปลง
๏ ต่างตนต่อต่างกำแหง ตาปลาบเปล่งแสง
ฉวัดเฉวียนเวียนไว
๏ เนื้อเบื้อกลอยเกลียงกลางไพร เลียลูกลางไป
ลงเล่นสลิลกินชล
๏ เยียงผาเผ่นผาตกบน เขาเพลียแพลงตน
แลแลบมลิ้นเลียกาย
๏ สาวสวาแมกเมียงไม้ราย ผู้พานรชาย
ชำลักแลไล่ล่อกัน
๏ ส่ำสัตวคณาอารัญ อเนกนาพรรค์
พิพิธภาคหลากหลง
๏ ชี้ชวนนวลนุชนงค์ยง เชิญชายชมดง
พอดับกมลหม่นหมอง
๏ ข้ามห้วยเหวละหานธารชระลอง ถึงพลับพลาทอง
สมิปสุริยสนธยา
๏ ปางนั้นหมู่มาตยโยธา ทัศนานรา
ผู้เจ้าประจากเจียรจร
๏ เสด็จทรงคชลักษณบวร มาด้วยเอกอร
อเคื้ออคาษเคียงกัน
๏ ด่วนด่วนรับเสด็จด้วยหฤหรรษ์ ยอกรอภิวันท์
กระเกริ่นกระเกริกกฤษฎา
๏ เพียงองคจักรปาณีพา สุชาดามา
จากวังอสุรช่วงชุม
๏ ควรท้าวทุกแผ่นกรรพุม พระเดชจอมจุม
พลาแลอ้างอัศจรรย์
๏ แซ่ซ้องสาธุการมี่มัน เชิญเสด็จยังวัน
ตำหนักสมเด็จเสด็จดล
๏ ต่างเข้ากราบบาทยุคล สบโศกานนต์
ด้วยจิตต์ประณีตภักดี
๏ ท่าวทูลถามเหตุโดยมี ปิ่นภพโมลี
ก็เล่านุสนธิหนหลัง
๏ แต่ต้นจนปลายบมิบัง หมู่มนตรีฟัง
ก็ต่างกำสรดสงสาร ฯ
๑๔ อ้าเกล้าสุธาดลธเรศ วรเดชกฤษดาล
เลี้ยงข้าพระบาทบทมาลย์ อภิมัตย์มนัสา
๏ มั่งมูลประยูรยศสมบัติ สารพัดจะอุปการ์
ราสไร้กตัญญุสัตยา กตเวทิธรรมแทน
๏ เจ้าตนบกังวลระวัง และจะฟังรหัสแหน
เสียรู้ริปูประทุษฐแคลน ธิบดินทรดูดาย
๏ หากบุญฤทธิวิสดาร อภิบาลบอันตราย
โทษข้าก็ถึงสหัสวาย ชนมชีพเมื้อมรณ์
๏ บัณฑูรธรรมนูญธรรมกถา ดูรนายกากร
ผองผู้จำนงจิตต์นิวรณ์ นิตยราชภักดี
๏ การนี้ก็เพื่อบุรพกรรม์ อนุพันธรามี
จึงตกอำนาจหัตถอรี ก็เสวยวิบากเบียน
๏ ทุกข์สุขก็เปนพิสยโล กิยสัตวว่ายเวียน
ฤๅโทษแก่หมู่มุลิกเนียร โทษปองจะพ้องพาล
๏ อนึ่งองค์พระศรีสุรสุดา สุขุมาวิมลมาลย์
เรามานิรานครนาน วรนุชยังไฉน
๏ เวียงไชยมไหศุริยวง ศอนงค์คณาใน
มวญมาตย์และราษฎรไภ ยอุบัติใดมี
๏ ข้าแต่นรากรวเรศ มกุฎเกศกษัตรีย์
สมเด็จพระเยาว์ภควดี สุริยวงศ์อนงค์นาง
๏ ข้าเมืองก็เนืองสุรกำสรด บมิอดทุกแพ่งทาง
นอกในนิเวศนบมิวาง กำเสาะเสียงสยบสยอง
๏ สังเวชพระองค์พระอัคราช วิปลาศศรีทอง
ซูบเศร้าสกนธ์วิมลหมอง มุขควรจะสงสาร
๏ ฟังทูลยุบลพอุลอร อุระร้อนกำเดาดาล
ชลเนตรคลอพักตรวิการ วิกลกลั้นก็บัญชา
๏ ให้เทียบพลากรขนาด พยุหบาทแสนยา
จงทันอุทัยพระทิพา จะประเวศนิวัติสถาน
๏ สั่งแล้วก็ทรงนุสรสา รวราชโยงการ
หานายหัตถาจารยบำนาญ อดิเรกรางวัล
๏ นำสารนิวัตินครพูล อดิศูรพญาจัณฑ์
จงรู้เราพาพระอรอรร ควเรศธิดาคลา
๏ จักเษกเปนเอกอัคอนงค์ เฉลิมวงศ์ศวรรยา
จงท้าวอย่างหมองกมลมา นประทานอภัยพร
๏ สองเวียงอันเกี่ยงภพพิพาท จะนิราสดัสกร
รอยท้าวผิวข่าวกิจขจร ก็จะเลื่องพระเดชา
๏ เสร็จสั่งก็ส่งลิขิตสา คชบาลให้คลา
แล้วชวนพระศรีสมรวา สุละทัตรวธูไท
๏ เข้าที่ผทมบรมผา สุกไสยนาใน
เลื่อยล้าพนาจรมาไกล ก็ภิรมยไสยา
๏ ปางนายกากรอำมาต ยรับราชโยงการ์
เร่งรีบสกลพหลพา หนนาทโจษจัล ฯ
๑๖ ขุนช้างผูกช้างซับมัน แซกแซงดั้งกัน
สพัตแสค้ำคชา
๏ ลางสารชาญชำนะงา กล้าบ้าชื่นตา
จรนจรายร้ายแรง
๏ เครื่องมั่นกัลเม็ดฝังแฝง สนสายขาบแพง
ผ่านหน้าประโคนซองหาง
๏ พร้อมหมอคอควาญแลกลาง ต่างแต่งสรรพางค์
ฉวัดซึ่งสัษฏนานาม
๏ ขุนม้าผูกม้าด่อนดามพ์ เมฆหมอกหมึกคราม
แลผ่านกะเลียวเขียวเหลือง
๏ ล้วนม้าเคยใช้ได้เมือง วิ่งไวบมิเปลือง
คำสั่งดั่งฟ้าเปล่งเปลว
๏ หมื่นม้าล้วนตัวเลือกเลว สะคดเคียนเอว
สนะกรหมอกเขียนคำ
๏ ล้วนสนัดสันทัดทวนลำ แทงพุ่งมือยำ
กุทัณฑ์ธนูศาสตรศร
๏ ขุนรถต่างเทียมอัสดร ธงทองปักงอน
แลเลื่อนสนามหลามหลาย
๏ สารถีถือธนูจำทาย นายรถนานาย
แลร่านบำรูโรมรัน
๏ เทียมทั้งรถทรงทรงธรรม์ เพียงเวชยันต์
ปราสาทสุเรนทรมาแปลง
๏ ขุนพลเทียบพลทุกแขวง ง้าวส้าวทวนแทง
หอกคู่ธนูเสน่าศร
๏ โล่ห์ดั้งดาบเขนคทาธร หอกซัดโตมร
ก็พร้อมทุกหมู่อาสา
๏ ลางส่ำใส่เสื้อเสนา กุฏเกราะเดชา
สง่าอรินทรจำบัง
๏ จัดเปนซ้ายขวาหน้าหลัง กองแซรงระวัง
ยุกระบัตรปลัดเกียกกาย
๏ นั่งทางวางกองเกณฑ์ราย ตรวจไตรไพร่นาย
ก็ถ้วนจำนวนบาญชี
๏ พร้อมในประถมยามราตรี คอยเสด็จนฤบดี
ดิลกเฉลิมโลกา
๏ ปางสองกษัตริย์สร่างไสยา ทิพาเพลา
อุไทยประเทืองนภางค์
๏ เสด็จจากบรรยงก์ไสยางค์ ชวนพระน้องนาง
ลีลามาโสรจสรงชล
๏ สำอางองค์อ่าอำพล วารีวิมล
สุคนธอบอวลอาย
๏ ทรงเครื่องเรืองรัตนพรรณราย แพรวแพรวพรายพราย
ด้วยสัปดรัตนจำรูญ
๏ งามสองขัตติยราชยาตรยูร โอภาสเพียงสูริย์
จันทรประพาสราตรี
๏ เสด็จยังเกยแก้วรูจี กับอัคเทพี
ก็ทรงรันแทะทองผยอง
๏ ไชยธชดำเนิรธงทอง บันฦๅฆ้องกลอง
แตรสังขประนังกาหล
๏ เสียงช้างม้ารถคชพล อัจลาอจล
สรท้านสรเทื้อนกำธร
๏ ส่ำสัตวพนานิกร ผังเผื่อนผาซอน
แลลี้ยังเล้าแหล่งไกล
๏ เดิรทางหว่างพนมเนินไศล พันฦกพฤกษไพร
แลล้วนจะควรทัศนา
๏ ลางเฌองอกง้ำเงื้อมผา ชิดชัฏฉายา
คือฉัตรกั้งบังบน
๏ ศิลาลางเหล่าละกล บัณฑุรกำพล
ศิลาสุราไลยสถาน
๏ ภูมิพื้นรื่นราบเพียงลาน ทุมาตระการ
รเบียบดั่งเรียบรังสรรค์
๏ ลางผางอกเงื้อมเทิ่งถงัน ต้องสุริยแสงพรรณ
พรเพรี้ยมพรพร่างต่างสี
๏ เขียวคือมรกตมณี แดงดั่งรัศมี
ทับทิมแลแก้วโกมิน
๏ ที่ดำคล้ายคล้ำน้ำนิล ลางขาวคือจิน
ดาดวงวิเชียรประภา
๏ ลางเหลืองเหลืองแลบุษรา หมอกมัวมุกดา
แลลางชมภูเพทาย
๏ ลางคือไพฑูริย์แสงฉาย ลางปวะหล่ำลาย
แลแลก็พึงพิศวง
๏ แสงส่องสลึกเฌอชายดง รยับยรรยง
ด้วยศรีมณีนฤมล
๏ น้ำพุพุ่งพรายสายฝน ลงสระซริ้งชล
ใสสอาดแลเห็นปลา
๏ ท้องธารตระการด้วยสิขรา ต่างศรีโสภา
พิลาสในพื้นสระศรี
๏ ดาดวงจงกลกลณี เบญจบุษปมาลี
ลอองละอบเกสร
๏ ภุมราเอารสตระอร เทพีภูธร
ก็พูลมโนปรีดา
๏ ประเมิลมาโดยรัถยา ชมพรรณผกา
พินิกาษตระการริมทาง
๏ ทรงเด็ดดอกไม้ให้นาง ยื่นเย้าหยอกพลาง
สำราญสำรวลสรวลสันต์
๏ พระเสด็จพักร้อนแรมวัน มาในอรัญ
ทุเรศล่วงหลายวาร
๏ บัลลุยังสวนอุทยาน พอสนธยาการ
ก็หยุดนิกรโยธี
๏ เนาในมนทิรด้วยศรี สุดากษัตรีย์
บรมสุขสองสมร
๏ มาตยาเสนานิกร ผลัดตาตื่นนอน
ตระเวนระวังแวดวง
๏ หยุดรถปลดม้าช้างลง ตั้งกองกรรกง
แลดั่งทังเพลิงรอบราย
๏ แหนห้ามบริรักษทุกภาย ผู้คนใกล้กลาย
ละลอบละลวงท้วงถาม
๏ ซั้นสั่งเสนาหนึ่งนาม นำสารเสนอความ
ยังองค์พระอัควดี ฯ
๑๔ ปางปิ่นสุรางครัตนวิไลย สถิตในพระมนทรี
ลาลตระทตทุกขทวี เทวษถึงพระภรรดา
๏ อาวรณ์บวายดุรพิลาป นยอาบพุธารา
ปรับทุกข์ทุกหน้าวณิคณา คณนาฎรัญจวน
๏ องค์อ่อนสท้อนทุกขเสวย กรเกยนลาตครวญ
ซูบทรงพระไข้หฤทัยทวน สริรศรีวมลหมอง
๏ เฉกดวงกมลชลนิราส วิปลาศสุคันธ์ลออง
ชอกแสงพระสุริยระรอง สยบย่อบควรยล
๏ ปางทราบบรมภรรดา จุฑาเทพสากล
ยั้งยังอุยานภิรมยมน ทิรราชเรือนรมย์
๏ ปรียาภิมัตมนัสา วิยสุรามฤตพรม
ด่วนเสด็จอุฐาการประทม ก็ประพาสสั่งสาร
๏ เตรียมนาฏอนงค์คณนิกร บทจรอุทยาน
นักงารก็สั่งสัมฤทธิการ เสด็จโดยพระเสาวนี
๏ ฤๅทันอุไทยอุทกสรง สำอางองคเทพี
ไป่ทรงปรัดพักตรวรี ก็ธราลังกาภรณ์
๏ โดยนารีราชขัตติยเพศ ยุพเรศรีบจร
ยังเกยอลงกฎนิกร บริพารหลายหลาม
๏ ทรงรถสุวรรณวิจิตรสา ณิธราระวังงาม
งามเครื่องประโภคพิพิธตาม นุประการนักงาร
๏ ท้าวนางชแม่วุฒิคณางค์ และสุรางคนงค์พาล
โดยเสด็จสมเด็จพระเยาวมาลย์ ขนัดเนื่องณเบื้องหลัง
๏ แห่หน้าระดาพลประนม กรกรมแวงวัง
หมู่ราชมัลพิทักษทัง ทวิภาคยรัถยา
๏ จ่าโขลนจระโกนศัพทสำเนียง ถวายเสียงและตรวจตรา
ปรามคนจระกล้ายนุกรมมา วรราชอุยานสถาน
๏ ถั่นถึงบทันรถประทับ ระดับเกยชลาลาน
ให้ยั้งยังนอกวรทวาร ก็ลงจากรถางค์กอง
๏ ขึ้นเฝ้าธิเบศรนรา อสุชลนานอง
คลานเข้าชลีกรตระกอง บทเรศโศกี ฯ
๒๘ ปางองค์อุเทน
สุริยวงศ์วเรน ทราธาตรี
พิศพระวรพักตร วรอัคเทพี
เสื่อมเศร้าเสียศรี สกนธ์หม่นหมอง
๏ พระแสนสังเวช
พระน้องนองเนตร ซับชลนานอง
ลูบปฤษฎางค์ดวง พวงมณฑาทอง
ประพาสสารสนอง ด้วยสารเสนหา
๏ อ้าองค์นงเยาว์
รอยเวราเรา เคยสร้างปางมา
จึงจำนำไป พ้องไภยพาลา
ตรากตรำตรึงตรา เรือนตรุตรอมใจ
๏ รำพึงถึงตน
บรู้ว่าชนม์ อาสัญวันใด
เสน่ห์ในนุช บสุดอาไลย
สองทุกข์ฉุกใน อุราฤๅวาย
๏ เรียมไปไกลเมือง
ศัตรูรู้เรื่อง จักอันตราย
ใครเลยจะป้อง พระน้องดั่งกาย
เรียมสงสารสาย สวาทพงา
๏ รอยเบื้องบุญบรรพ์
ได้มาพบกัน จงดับโศกา
พักตรผ่องหมองหม่น พิกลกายา
ดั่งดวงมณฑา มาศมัวหมองศรี
๏ สามายุพเยาว์
ฟังสารผ่านเกล้า ประพาสพาที
น้อมเศียรบังคม บรมสามี
ทูลพลางโศกี พิไรรำพรรณ
๏ อ้าองค์ทรงเดช
แต่ข้าทราบเหตุ พระพ้องไภยันต์
ข้าบาทราชกิจ บติดตามทัน
องค์เดียวประจัญ เสียชัยไพรี
๏ ดั่งจักรกฤชกรด
ตัดศอสคต มล้างอินทรีย์
รท่าวด่าวดิ้น สิ้นสมประดี
ถึงวิสัญญี ท่ามกลางปรางค์ใน
๏ ฟื้นกายวายทรวง
ทุกข์เท่าเขาหลวง ท่าวทุ่มรุมใจ
ไห้ร่ำบำบวง สรวงสุราไลย
ทุกห้องป้องไภย ปิ่นเกล้าเจ้านาย
๏ พระรักเลี้ยงน้อง
บได้สนอง ดั่งภักดีดาย
แม้เมียไปได้ ไม่คิดแก่กาย
ยากเย็นเปนตาย ใต้ฝ่าธุลี
๏ พระราชสมภาร
อัจฉริยกาล ปรากฎโลกีย์
มาปกเกศา ข้าผู้ภักดี
ได้ด้วยบารมี เลิดเลื่องเรืองไชย
๏ ทูลพลางทัศนา
องค์อัคยุพา วิลาสวิไลย
ยอกรประณาม ทูลถามทันใด
นางนี้ที่ไหน ได้ตามเสด็จมา
๏ ฟังสารนงลักษณ์
แย้มยิ้มพริ้มพักตร์ ประพาสบัญชา
โฉมยงองค์นี้ บุตรีพญา
จัณฑ์ทรงนามวา สุละทัตรนงคราญ
๏ สอดเสียเงินทอง
คลายจากจำนอง ตรากตรำทรมาน
จึงเปลื้องปลอดตน มาพ้นภัยพาล
ได้ด้วยกลกาน ดาดวงหฤไทย
๏ เทวีมีคุณ
จงเจ้าการุญ อย่าเกี่ยงกลใน
องค์เดียวเอกา วงศาอยู่ไกล
ตามมาด้วยใจ จงรักภักดี
๏ สามาศรีสวัสดิ์
แย้มเยื้อนเอื้อนอรรถ สนองวาที
ตรัสไยอยู่เกล้า พระเยาวเทวี
พระไทยอารี อำรุงบทมาลย์
๏ ทั่วหล้าหาไหน
ยามพระตกไร้ ได้อุปการ
ตัวน้องรองบาท พระราชสมภาร
ควรรักสมัคสมาน หนึ่งน้องครองครรภ์
๏ ทูลแล้วผันพักตร์
ตรัสว่าเยาวลักษณ์ วิไลยลาวัณย์
ทำคุณทูลเกล้า ยิ่งเหล่าอนันต์
ฟ้าดินแดนกัลป์ ฤๅเท่าเบาบาง
๏ แม่เปนกษัตริย์
เคยเสวยศรีสวัสดิ์ ฉันใดในปาง
พี่นี้จะสนอง คุณพระน้องนาง
บให้ระคาง เคืองจิตต์คิดคม
๏ วาสุละทัตร
ฟังสารโสมนัส มโนนิยม
ไว้หวังยังจิตต์ สนิธชิดชม
ตอบตามนุกรม ไมตรีปรีดา
๏ ว่าอัคเทวี
ทรงพระปรานี ข้าน้อยอันมา
เฉกเชษฐกนิษฐ สุจริตสัตยา
รอยเบื้องบุญวา สุละทัตรเที่ยงธรรม์
๏ ขอพำนักนิตย์
พี่นางวางจิตต์ กว่าม้วยด้วยกัน
อัชฌาอาศรัย สิ่งใดบทัน
สั่งสอนผ่อนผัน แก่ข้าปรานี
๏ ฟังสองโฉมฉาย
โอภาภิปราย โดยสวัสดี
แสนโสมนัสใน หฤไทยพันทวี
ประโลมขวัญศรี สวาทสองสมร
๏ ว่าสองทรงลักษณ์
สมศรีสมศักดิ์ สมบุรณ์สุนทร
ควรเปนเอกองค์ อนงคนิกร
กัลยาถาวร สวัสดิ์ศวรรยา
๏ ตรัสแล้วโศกทรง
ด้วยสองสุริยวงศ์ ทรงเครื่องอลงการ์
อลังการอนงค์ อเนกคณา
ยุบาทยาตรา ขึ้นทรงกุญชร
๏ ให้สองเยาวราช
ทรงรถรัตนาสน์ เสด็จบทจร
กรรชิงกลิ้งกลด บดบังทินกร
พัดโบกจามร เครื่องสูงชุมสาย
๏ หารแห่แซ่ซ้อง
แตรสังข์ฆ้องกลอง สนั่นพรรณราย
พันลึกครึกครื้น สทื้นนิกาย
นิกรเรียงราย เรียงริ้วรัฐยา
๏ ธงหน้านำพล
นำพวกพหล พหูหาญมา
หารม้ากองแซง กองสวนมรรคา
มรรคันทวา ทวารด่านดง
๏ ออกจากอุทยาน
ยยืดขนาน ขนัดทิวธง
ทิวทวนหอกง้าว หอกง่ามยรรยง
ยะยาบกรรกง พลไกรไคลคลา
๏ งามพ้องพลพฤนท์
พร้อมพรั่งดั่งอินทร์ อมรโยธา
งามองค์ทรงศักดิ์ เจียนจักรพัตรา
เสด็จลีลา ประพาสธาตรี
๏ งามสองสุริยวงศ์
วิลาสละองค์ อัคเรศศุลี
ประดับอับสร สุรางคนารี
เสด็จมาเปนศรี สวัสดิโลกา ฯ
๑๕ นิกรนครโลกา พราหมณพานิช- เขวี
๏ สกลชนก็ยินดี จอมธเรษตรี นิวัติเวียง
๏ ขจรนิกรเกริกเสียง แซ่ผเดียงเดียง นุกิจกัน
๏ นิกรนรหฤหรรษ์ เหี้ยมจะมาคัล จุฬาธาร
๏ นรชนบทเบิกบาน โปรยสุมามาล ยถั่งถวาย
๏ กมลวิมลโปรยปราย ฉัตรธวัชราย ธราดล
๏ นรวุฒิยุพโจษจล ไพร่ผู้ดีปน บนำพา
๏ สกลชนก็เนืองมา รัถยาทวา บห่อนบาง
๏ นิยมบรมขัตติยางค์ สาธุการพลาง ก็บังคม
๏ อดุลยบุญเพี้ยงสวยม ภูวอุดม พระเดชา
๏ ปรปักษอมิตรมายา จับจำนองพา จำนงผลาญ
๏ พระบุญประพฤติบรรหาร ได้ยุพินพาล สุดาดวง
๏ พระกฤติมหิทธิสุดสรวง ทั่วธราปวง จะอยู่เย็น
๏ นครนรจะขาดเข็ญ เพื่อพระเจ้าเปน อดิศูร
๏ สิริสวัสดิสมบูรณ์ จงจรูญเรือง พระชนมาน
๏ นิกรนรสบสถาน สร้างพระสมภาร- รอดมา ฯ
๑๙ สมเด็จอัคนเรนทรอุเทนทร์วรา
พาพลโยธา ลิลาส
๏ ถึงเกยรัตนภาสุดาชมัยยาตร
ยังปรางค์ปราสาทราช ภิรมย์
๏ เดียรดาษราชประยูรนิกูรคณสนม
เฝ้าบาทบังคม สลอน
๏ ให้จัดรัตนพิมานนักงารวนิดนิกร
วัตถาลังกาภรณ์ มณี
๏ ตั้งองค์วาสุละทัตรขัติยพดี
เปนอัคเทพี วเรศ
๏ นานามาตยคณาและสามนตประเทศ
ราชเขวีวงศเวศย์ ทิชา
๏ ทราบสารเสด็จปริวัตรมนัสปริยา
หวังใจจะทัศนา บดี
๏ ต่างแต่งราชบรรณาสุมาลิยมณี
ถวายจอมธเรษตรี อนันต์
๏ ในมาคัณฑิยคามพราหมณหนึ่งบัญ
ญัติจุลมาคัณ ฑิยนาม
๏ นำนางนาฎนดาธรารูปวราม
มาคัณฑิยนามพราหม- ณี
๏ ถวายองค์อัคชนาจุฑาธริษตรี
ด้วยจิตต์ภักดี บพิตร
๏ ท้าวปูนธนบำนาญประทานยศสถิต
แก่จุลพราหมณปิตุ- ฉา
๏ ตั้งนางพราหมณ์ยุพินเป็นปิ่นบุริก์คณา
ห้าร้อยวนิดา สระพรัก
๏ ประทานกาญจนลังกาวัตถาภรณอนรรฆ
โดยศักดิสามอัค อนงค์
๏ ซื้อสรรค์พรรณสุมาคณาทรัพยละองค์
แปดกหาปณะทรง ประทาน
๏ เนืองนิตยจิตต์ประดิพัทธในรัตนยุพาล
ร่วมรมย์ประทมวาร ละองค์
๏ เปนสุขทุกนิจกาลภิบาลภพธำรง
เจียรจักรวรรดิวงศ์ วรา
๏ ท้าวทรงธรรมทศพิธประณิตศีลสมา
เบญจาอุโบสถา สังวร
๏ แจกทานหว่านผลเผื่อเฉลื่อชนนิกร
วัตถาลังกาภรณ์ จำราย
๏ พราหมณ์ชีชาวนคราสุขารมยทุกภาย
พาณิชค้าขาย บขาด
๏ นานานครเขตประเทศสตราช
ตังวายสุมาลย์มาศ มณี
๏ ศัตรูหมู่ปรปักษตระหนักพระบารมี
กลายกลัวพระฤทธี บทาน ฯ
๑๑ ปางนั้นขุชชุตรา ขุชชมาลยนักงาร
สามาวดีกาล- อุไทยทิวาคลา
๏ ตักน้ำสำอางอาบ ผจงภาพพอตา
โดยรัถยามา ณสำนักอุยานบาล
๏ ขอซื้อสุมาไลย ก็เกลี่ยไกล่ประโดยการ
ใจโลภบันดาล ทุจริตมูลมี
๏ ทรัพย์แปดกหาปัณ- ก็กันเปนสองที
แบ่งซื้อสุมาลี ถวายอรแจ่มจันทร์
๏ ไว้เปนประโยชน์ตน นิจกาลกึ่งกัน
ใครใดบรู้ทัน รบิเบื้องอุบายบัง
๏ เบื้องบุญบุรพากาล ภินิหารหนหลัง
อุปถัมภกายัง ขุชชภาพธารี
๏ ในวันสมเด็จพระ สวยมภูวโมลี
แสดงธรรมภาคีย์ นุเคราะห์นายอุยานบาล
๏ นางค่อมสดับพุท ธฎิกานุสาสน์สาร
โสตามรรคัญญาณ ก็ประดิษฐบัดดล
๏ แจ้งจบนิไสยไน ยสหัสญาณยล
อเสกขบุคคล พุทธวงศเวไนย
๏ สังวรวิสุทธิภาพ มลบาปธรรมไกล
ญาณยังศิวาไลย หิริโอตปธรรม
๏ ซื้อพรรณสุมามาล ยตระการสิ่งสรรพ์
สิ้นแปดกหาปัณ- ถวายพระเทพี
๏ ยังจันทรเวไชย ไหยรญรัศมี
เฝ้าฟังพระเสาวนี จะยุบลกลใด
๏ ปางปิ่นจุฬาลักษณ์ อรอัคอนงค์ใน
ทัศนาสุมาไล ยขุชชุตราถวาย
๏ ชื่นแช่มยแย้มยิ้ม พระพริ้มพักตรเปรยปราย
มาลีนี้มากมาย ประหลาทตากว่าทุกวัน
๏ ฤๅคราวระดูดวง กุสุมาลยมีพรรณ
ฤๅใครกำนัลกัน จะไฉนกะไรเรา
๏ ค่อมคมประนมสนอง เสาวนิศนงเยาว์
ปางข้ากมลเมา มลุโลภมัวมันท์
๏ ฉกฉ้อบแจ้งใน นิริยไภยพิบากกรรม์
วันนี้สดับธรรม์ บรมศาสดาจารย์
๏ พ้นจากนิไสยสา มัญสัตวสัณฐาน
บริสุทธิสันดาน วจีจิตต์จลาจล
๏ ฤๅโจรกรรมทำ อ่าทินำประกอบกล
กันเอาประโยชน์ตน ดุจกาลกะดางลาง
๏ สามาวดีสดับ อนุสนธิในนาง
ค่อมไขคดีพราง ธก็เยื้อนพระเสาวนี
๏ อ้าพี่ขุชชาค่อม ภินิหารมากมี
สดับธรรมวาที บรมบาทศาสดา
๏ บัดนี้และยังจำ จะนำอรรถคาถา
ผู้เราจะเสาวนา นุตริยธรรมไฉน
๏ ข้าแต่พระศรีสุน ทรเทพวธูไท
อย่าร้อนหไทยใน กิจซึ่งสดับธรรม์
๏ จงแต่งธรรมาอาสน์ บุบผะชาติรังสรรค์
ครบเครื่องสการพรรณ อดิเรกบูชา
๏ ข้าค่อมจะสำแดง วัตถุธรรมคาถา
ตามพุทธฎีกา อนุสาสน์แถลงถวาย
๏ ทรงฟังขุชชุตรา วัจนสาธุเปรมปราย
ปราโมทย์กมลหมาย จิตต์เสาวนาธรรม์
๏ สั่งนาฎพนักงาร บริพารกำนัลนันต์
มาช่วยประชุมกัน ถกลการกอปการ
๏ แต่งตั้งบัลลังก์ลาด วรอาสนโนฬาร
ดัดดาษพิดานมาล ยรจิตลังการ์
๏ ภู่กลิ่นระย้าร้อย ระยะห้อยระดับดา
โคมไฟชวาลา ประทีปธูปเทียนทอง
๏ ดนตรีประโคมขับ และสำหรับก็สำรอง
เสร็จสฤษดิทุกลบอง ดุจการสรรพการ ฯ
๑๔ สามายุพาภควดี สริยศศรีสุดามาลย์
เสร็จธรรมสภาคฤทยสานติ สุขแสนเกษมสันต์
๏ โสรจสรงสุธารสวรินทร์ จรุงกลิ่นขจรจันทน์
ภูษาสไบบวรวรร ณเศวตลังการ์
๏ ลังการเครื่องขัตติยอนงค์ อัคราชกัลยา
พร้อมนางสุรางคบริจา ริกนาฎจรลี
๏ ยังจุลอาสนสภาค ยภิวันทดุษฎี
คอยเสาวนานุตริยปรี ดิภิรมย์หฤหรรษ์
๏ ปางนั้นอนงคขุชชุตรา อริยาธราธรรม์
ทรงศีลคุณวิจิตรจรร ยวิสุทธิอินทรีย์
๏ นุ่งห่มเศวตฉวัดเฉวียง วิยเยี่ยงตยาคี
ถือพัชวาลวิชนี ณสภาคคมนา
๏ นั่งบนถกลปัญญัตอาสน์ ก็นุสาสนคาถา
ยังนาฎเบญจางค์สตสมา ทานศีลเบญจางค์
๏ สรรเสริญดำเนิรบวรคุณ บรมรัตนไตรยางค์
อันเปนมหันตอุตมาง ควิมุติมหัศจรรย์
๏ สังวรรณนาพระจตุรา ริยสัตยาธรรม์
แจงชาติชรามรณขัน ธอนิจอเนกา
๏ สามาคณานิกรอัน ตบุริกกัลยา
รับรสพุทธภาษิตสุภา ขุชชุตเรศแถลงถวาย
๏ โดยในพระไตรลักษณญาณ ก็วิจารณ์อนิจกาย
แจ้งจบกระแสอรรถธิบาย บรมรรถธรรเมนทร์
๏ โสตาธราคุณอดุลย์ บริบูรณกาเยนทร์
ตั้งองค์ขุชชุตรวเรนทร์ ปดิษฐานนนทลี
๏ สั่งสอนอัฏฐังคิกวิไนย อริยมรรควิถี
บูชาวรามิษก็มี อดิเรกยอเยิน
๏ เพลานิสากรอุไท ยขุชชุตรชวนเชิญ
สามาวดีอรดำเนิร สถิตยังพระแกลไชย
๏ คอยถวายภิวันทนพระสี หุตมารอันไพ
บูลสังฆสาวกครไลย บิณฑบาตณในเมือง
๏ เรือนหลวงและปวงวนิตคณา ก็กุลาหลาเลือง
ชิงชมพระภาคยประเทือง อุปถัมภศรัทธา
๏ ลาชาสุมาลยสุคน ธวิมลทีปา
กอบกิจประนิตยบูชา อธิการรังสรรค์
๏ สามาและนารีบริสัช โสมนัสทานธรรม์
สรรค์สุปพยัญชนอนัน ตดิเรกถวายทาน
๏ สมเด็จดิโลกุตมมหา กรุณาจุฑาจารย์
สังฆาขิณาสุบริพาร ชินบุตรทังผอง
๏ ทรงศีลจำแนกพรรณิพก และยาจกณปวงปอง
ญาณยังอมัตนครครอง สุขสวัสดิ์ศิวารมย์
๏ นานาคณาทิชก็สา ธุการานิยมชม
สามาวดีรัตนอุดม ศีลคุณสุนทร ฯ
๑๖ สำแดงคุณกล่าวขจร สามาสายสมร
วิสุทธิศีลศรัทธา
๏ อุปฐากบรมสีหุตมา จารย์จอมโลกา
ก็ทราบถึงมาคัณฑีย์
๏ พราหมณีนี้จองเวรี ในพระผู้มี
พระภาคย์ในอรรถอ่านความ
๏ ยังมีมาคัณฑีย์พรามณ์ น้องชายหนึ่งนาม
คือจุฬมาคัณฑีย์
๏ ภรรยามาคัณฑีย์พราหมณี เจนจบศิลปี
ไตรเพทพิเศษนานา
๏ บริบูรณ์สมบัติวัตถา เนาถานามา
คัณฑียคามนามกร
๏ อยู่แดนกุรุรัฐนคร อ่านมนตร์เอาพร
แลก่อซึ่งกูณฑ์บูชา
๏ มีตรุณพราหมณีธิดา มาคัณฑีย์กัลยา
ลออแลอ้างนางสวรรค์
๏ บิดามาตุรผูกพัน เลือกคู่สู่ขวัญ
ธิดาอันค่าควรครอง
๏ ยังไป่ลุใจจงจอง ภินิหารแห่งสอง
ทวิชสร้างสมมา
๏ จักสิทธิพระอนาคา อรหัตภิญญา
วิสุทธิพุทธเพไนย
๏ สมเด็จบรมมารพิไชย แจ้งด้วยญาณไญย
ทวาทวิชพฤฒา
๏ เสด็จโดยบิณฑบาตไคลคลา ด้วยพุทธลีลา
พิลาสเลอเลวองค์
๏ แต่ยามพระฮามสุริยงค์ ประดิษฐานลง
ที่พราหมณ์สการกองกูณฑ์
๏ ปางพราหมณ์ทัศนาอาดูร พุทธลักษณวิบูลย์
ก็เอื้อนบอำอายใจ
๏ ข้าแต่สมณวิไลย เชิญหยุดอย่าไป
ตูข้าจะแจ้งจริงความ
๏ ข้อยนี้มีธิดางาม หาคู่ควบกาม
จะต่อประยูรไป่มี
๏ ท่านมาเปนศรีสวัสดี จะมอบมารศรี
เปนบาทเบื้องบริจา
๏ สมเด็จอดิศรพรหมา ไป่พุทธฎีกา
แก่พราหมณทรงดุษดี
๏ พราหมณามาบอกพราหมณี เราพบผู้มี
สิริวิลาสเลิศชาย
๏ ควรเปนเขยเราแล้วยาย จงเจ้าแต่งกาย
ธิดาจะด่วนไปตาม
๏ ชาวเชียงเคียงข่าวคิดความ พราหมณ์ธิดางาม
จะให้บุตรีมีผัว
๏ ใครหนอมาเข้าชรมัว ควรเราดูตัว
จะโฉมตระการปานใด
๏ ต่างว่าต่างมาด้วยไว ตามพราหมณ์ครรไลย
คค้อยคำนึงทฤษฎี
๏ สมเด็จสรรเพชญโมฬี ปางสองปัศวี
จะนำธิดาออกมา
๏ ประดิษฐานวลัญชพุทธา บาทบัดลีลา
ในฐานอื่นบัดดล
๏ พราหมณีภรรยาบมิยล แหนงในใจฉงน
ก็ถามแก่พราหมณ์ภรรดา
๏ บุรุษอันกล่าวโสภา อยู่ไหนให้มา
จะดูฤๅบได้ดู
๏ มหาพราหมณ์พร้องพราหมณ์พธู ได้สั่งเมื่อตู
จะไปให้อยู่ท่ามา
๏ นี้แน่บทวลัญชา พยานยังตรา
แลเจ้าจงรู้อาการ
๏ ฝ่ายพราหมณีชำนาญ ไตรเพทพิสดาร
ก็เกริ่นพระลักษณด้วยมนตร์
๏ แลลายจักรลักษณดำกล แจ้งจริงผัวตน
ว่านี้อย่าควรเปนภาร
๏ ผู้ยังเกี่ยวกามสามประการ ราคจริตสันดาน
แลบาทย่างหย่งกลาง
๏ คนโทษะจริตเทาทาง รอยเท้าจักวาง
ก็หนักข้างซ่นธรรมดา
๏ รอยเท้าผู้เมาโมหา ลัทธิตำรา
จะย่องจะย่างหนักปลาย
๏ รอยบาทท่านนี้ควรทาย แท้คนพ้นสาย
กระแสกระสินธุสงสาร
๏ พราหมณ์ว่าพราหมณีนงคราญ เจ้ากล่าวอาการ
แต่ตามตำหรับลักขณา
๏ อุปมาหญิงยลกุมภา ในถาดธารา
แลโจรในกลางเรือน
๏ เถียงกันบมิตกต่างเบือน พักตราชายเชือน
ก็เห็นพระสัพพัญญู
๏ พฤฒิพราหมณ์ชี้นางพราหมณ์ดู โน่นแน่ที่ตู
ไปเห็นจะให้บุตรี
๏ ว่าพลางนำนางพราหมณี ยังสมเด็จศรี
สุคตเกล้าโลกา
๏ ว่าวอนขอให้ธิดา พระพุทธฎีกา
บัญญัติพิกัตคำปราม
๏ แล้วซ้ำบัณฑูรแก่พราหมณ์ ท่านผู้พยายาม
ในไสยเวทไหว้กุณฑ์
๏ จงตั้งโสตประสาทโดยสุน ทรภาพไพบุลย์
เอาอรรถตรัสเทศนา
๏ ตถาคตเสด็จทรงบรรพชา พิชิตมารา
ในโพธิบัลลังก์ไชย
๏ ทรงสถิตสัปดวารใน อัชบาลพระไทร
นิยมพุทธโพ้นมา
๏ พระยามารยังมารธิดา ทรงไวยสริรา
พยพล้ำอับสร
๏ ลเบงเบ็ญจกามวิงวอน ด้วยสารสุนทร
อันควรประโลมลาเภ
๏ ตถาคตผู้มีมเห ศรภาพฤๅเส
วนอมรมารา
๏ ครั้งนี้ดังฤๅจะทยา ในพราหมณธิดา
อันแปมกรีสมูตรมัว
๏ ปลายบาทบมิควรถูกตัว เกลียดไกลกลายกลัว
สงสารวัฏวังวล
๏ เสร็จเสาวนาธรรมทศพล อนาคามิผล
ก็ถึงแก่สองทวิชา
๏ มอบมาคัณฑิยธิดา ไว้พราหมณผู้อา
ก็ยังสมเด็จมุนินทร์
๏ ขอบรรพชากรโดยจินต์ ทรงบริสุทธศิล
กรรมจำเริญภิญญา
๏ ลุพระอรหันตสัมภิทา เปนพระขีณา
สวสาวกด้วยบุญ
๏ ฝ่ายมาคัณฑียตรุณ คำนึงนิศคุณ
สมเด็จพระบรมครู
๏ บมิเอื้ออาไลยตัวตู กล่าวแถมโทษทู
รลักษณเที้ยรสาธารณ์
๏ ผิวกูมีคู่สู่สมาน มีบุญสมภาร
ประเทศสถานคึกคัน
๏ กูกับสมณจักพลัน เปนเวรนานวัน
บจางบจืดจองผลาญ
๏ มีคำปุจฉาอาจารย์ องค์อนันตญาณ
ประเสริฐแลเลิศโลกีย์
๏ ไป่ทรงทราบมาคัณฑีย์ จักจองเวรี
ฤๅดำริหติเตียน
๏ อาจารย์สนองคำอันเสถียร พระองค์อาเกียรณ์
พระญาณยลบมิยัง
๏ แจ้งนิสัยสัตวทั่วทัง ทรงตรัสนี้หวัง
ประโยชน์จะโปรดสองพราหมณ์
๏ สมเด็จสรรเพชญ์เนืองนาม ทรงเทศนาตาม
นิไสยแห่งสัตว์มีมา
๏ อันนี้เปนพุทธธรรมดา พระมหากรุณา
ธิคุณอดุลยหนปาง
๏ ฝ่ายจุฬพราหมณ์บิตุฉานาง มาคัณฑิยเบ็ญจางค์
ลักษณวิไลยใคร่ความ
๏ ตระกูลใดในวงศ์พงศ์พราหมณ์ จักค่าเคียงงาม
นางภาคิไนยไป่มี
๏ เลอลักษณ์เบญจกัลยาณี ควรอรรคเทวี
กษัตริย์ประเสริฐศวรรยา
๏ จึ่งยังพราหมณีนัดดา ลังกาภรณพา
ถวายสมเด็จนฤบดี
๏ ยังกรุงแก้วโกสามพี ได้เปนมหิษี
นรินทรองค์อุทเยนทร์
๏ ใจนางบมิจางจองเวร บรมชิเนนทร์
คค้อยคำนึงหาการ
๏ เห็นเหตุสามาเยาวมาลย์ ดังกล่าวพิสดาร
แต่หลังประงอนราชา
๏ เทียบทูลโดยมูลมฤษา ประมวญมายา
มาต่อมาแต้มเติมความ
๏ ว่าองค์เอกอัคนงค์ราม ประพฤติฤๅงาม
แลงำพระบาทบัวบงก์
๏ พร้อมใจไปถ้วนหน้าอนงค์ นิจภัตรส่งสงฆ์
แลสมณโคดม
๏ เปิดแกลแลช่องฝาชม ทุกวันนิยม
ฉนี้แลมีมานาน
๏ ศรัทธาทำทานกว่าทาน อาการแก่การ
รำพึงก็พึงคิดฉงน
๏ ทูลความกลกามเกี่ยงกล อาญาอยู่ตน
บร้อนด้วยแรงภักดี
๏ พระญาณยังฟ้าธาตรี กอบเกื้อบารมี
ดำริหดำรงจงควร ฯ
๑๙ ปางนั้นจอมธรณินทร์มหินทรมหิศวร
ทราบสารรัญจวน ฤทัย
๏ อ้าองค์อัคสุดายุพาพักตรไฉน
ไป่เคยจะเปนใจ วิจล
๏ จักจริงฤๅจะบจริงก็กริ่งจิตต์ฉงน
กลในจะหยั่งยล ก็ยาก
๏ สามาอัควดีบมีพิกลหลาก
มาคัณฑิยจักปาก ก็ผิด
๏ ตัวกูทรงทศธรรมถวัลย์ภพสถิต
เบาจิตต์วินิจฉัย ฤชอบ
๏ อย่าเราจักมัธยัตรหัสสุขุมลอบ
ด้วยกลประกอบจง ประจักษ์
๏ ตริเสร็จทรงดุษณีบมีพิกลพักตร์
อนุสนธิฤๅซัก สนอง
๏ วันหนึ่งสุริยอุไทยครไลยคฤหทอง
สามาสุดาปอง มลัก
๏ ยลองค์อัคยุพาคณานิกรนัก
สนมนาฏสรพร้อมพรัก ณแกล
๏ เสด็จเดียวด่วนบมิทันกำนัลนิกรแล
พริ้มพักตรเปรมแปร ประพาส
๏ ดูใดเหล่าคณนางสุรางค์บริกนาฏ
อื้ออัดณรัตนราช พิมาน ฯ
๑๑ สามาวดีเสา วนราชโยงการ
ก้มเกศกฤษฎาญ ชวลิตสนองทูล
๏ ข้าแต่จุฑาเทพ ธรณิศร์มหิศูร
เสวยสวัสดิสมบูรณ์ ภพโลกยเหล่าหลาย
๏ ข้าทูลธุลีบาท วนินาฏทุกภาย
มาคอยบูชาถวาย วรบาทชิเนนทร
๏ อันเปนพำนักนิตย์ สัตวสบสโมสร
พรหมาสุรานร สุรนาคสรณสรวง
๏ เนืองกัลปอนันต์สัต วอุบัติใดปวง
ไตรรัตน์จุฑาดวง และอุบัติมหัศจรรย์
๏ เชิญชมพระลักษณะ ทวะดึงสลาวรรณ
อสีติพยัญช์ นฉพรรณรังสี
๏ ฟังทูลพอูลอร บวรราชทฤษฎี
สรรเพชญโมฬี คณะสงฆ์บริษัท
๏ ดาลมีมโนใน อภิรมย์โสมนัส
เสด็จคืนนิวัติรัต- นราชพิมานสถาน
๏ ด้วยทรงสิเนห์ใน วนิดายุพาพาล
หาวัฒกีการ กรรมกรเหล่าหลาย
๏ ชุมกันประกอบแก้ กระทำแกลประกิจลาย
เบื้องบันสำคัญหมาย สมมุตินามบัญชรไชย
๏ อวยอรรคเทพี ทฤษฎีบรมไตร
โลกาบัญชรใน อาทินั้นและมีมา
๏ สามาวดีศรี สุรราชกัลยา
เห็นไท้ธกรุณา อนุญาตยินดี
๏ ทรงศีลอำนวยทาน นิจกาลโดยมี
ทั่วหน้าสุดาปรี ดิภิรมยหรรษา ฯ
๒๘ ฝ่ายมาคัณฑีย์
ทราบว่าบดี บดินทร์โลกา
บได้เคืองขัด ดำรัสติชา
ในองค์สามา วดีนฤมล
๏ ตรึกตรองหมองหมาง
ความเราท่าทาง จะชั่วตัวตน
ท่านตามใจกัน แหวกบัญชรบน
ให้นั่งเยี่ยมยล หัวเราะเยาะหยัน
๏ ได้ความอดสู
ตายดีกว่าอยู่ ดูหน้าเพื่อนกัน
พระองค์หลงใหล วางใจครันครัน
ละไว้นานวัน จะอันตราย
๏ จำต้องตรองตรึก
หากลล้นลึก เล่ห์เพโทบาย
จับตัวให้มั่น คั้นคอให้ตาย
จึงจะค่อยวาย อาวรณ์วิญญา
๏ จึงให้สาวใช้
ไปบ้านบัดใจ หาไก่ได้มา
ทังเปนทังตาย ทูลถวายราชา
ไก่นี้ของอา ให้มาถวาย
๏ สมเด็จนฤเบศร์
บได้ทราบเหตุ ดำรัสภิปราย
ไก่เปนปล่อยไป อย่าไว้วุ่นวาย
เอาแต่ตัวตาย ไปส่งสามา
๏ ทำเครื่องตามเคย
เราจะเสวย เช้านี้เวลา
นางมาคัณฑีย์ มนีมนา
จัดแจงอย่าคลา ให้เขาเอาไป
๏ มาคัณฑีย์พราหมณ์
รับสั่งฟังความ วันทาคลาไคล
ให้ขนไก่มา เรียกข้าคู่ใจ
กระซิบความใน ด้วยความฉันทา
๏ ไก่ตายซ่อนไว้
เอาไก่เปนไป ถวายอัคชายา
ทูลว่าทรงเดช โปรดเกศบัญชา
ทำเครื่องเวลา เช้านี้จงทัน
๏ สามาแลเหน
กุกกุฏเปนเปน จึ่งตรัสจำนัญจ์
ปิ่นเกล้าเจ้าเอ๋ย บเคยสักวัน
จะฆ่าแกงมัน ฉันใดอกอา
๏ มาทแม้นมิโปรด
จะให้ลงโทษ จะรับอาชญา
ตรัสแล้วเทวี เข้าที่นิทรา
ไก่ซึ่งมัดมา ให้แก้ปล่อยไป
๏ ครั้นเวลาเสวย
มาคัณฑีย์เคย คอยเฝ้าท้าวไท
ชม้อยคอยฟัง รับสั่งภูวไนย
จะตรัสฉันใด จะแต้มเติมการ
๏ สมเด็จกรุงกษัตริย์
เสวยพลางทางตรัส ถามไปบนาน
สั่งให้เอาไก่ แต่งใส่เครื่องอาน
ไม่เห็นเยาวมาลย์ ใส่มาว่าไร
๏ มาคัณฑีย์ทูล
ข้าแต่พระยูร ยาตรเกล้าภพไตร
ความจริงจะกล่าว จักยาวความไป
สุดแต่พระไทย จะทรงวิจารณ์
๏ ได้ให้ไปถวาย
กำชับกับหมาย โดยราชโองการ
บเปนธุระ ในพระสมภาร
เหมือนเหนื่อยหน่ายนาน ในเบื้องบาทบงสุ์
๏ ทรงฟังนางพราหมณ์
แซมเสริมเติมความ ตรัสตอบตามตรง
อันสามานี้ ภักดีมั่นคง
จะเอาร้ายลง ไม่เห็นท่วงที
๏ มาคัณฑีย์พราหมณ์
ซ้ำสนองเสนอความ ว่าเหตุที่มี
จะใคร่ให้ชัด รหัสเทพี
เพลาพรุ่งนี้ เอาไก่เปนไป
๏ ถวายอัคกัลยา
ว่าทรงศรัทธา จำนงพระไทย
ทำของถวายพระ สมณเลิศไกร
ดีร้ายฉันใด จะแจ้งจริงความ
๏ สมเด็จนฤบดี
ฟังมาคัณฑีย์ ทูลสนองต้องตาม
ฝ่ายอัคอนงค์ ทิชงค์เชิงงาม
นบนิ้วประณาม แล้วลีลามา
๏ จึ่งให้สาวใช้
เอาไก่ตายไป ถวายอัคกัลยา
ทูลว่าท้าวไท ให้ทำสูปา
ถวายพระศาสดา สมณทั้งปวง
๏ ฝ่ายองค์สามา
วดียุพา ปิ่นสุดาดวง
บรู้เขาแกล้ง จะแว้งแหวะทรวง
ด้วยเลศล่อลวง เอาจิตต์วิญญา
๏ ชื่นชมโสมนัส
สำคัญว่าตรัส ทรงพระศรัทธา
จึ่งทำสูปะ เพียญชนะนา
แล้วส่งเข้ามา จบหัตถ์ด้วยไว
๏ ทรงทอดทฤษฎี
สมความพราหมณี คำนึงแหนงใน
ท้าวบโองการ บรรหารสิ่งใด
เมินเฉยเลยไป บได้นำพา
๏ ธิดาพยารี
แลเหนเปนที สรวลสันต์จัญจา
ความจริงนี้กล่าว ย่อมยาวเห็นมา
ประจักษ์แก่ตา เห็นตัวชั่วดี
๏ โบราณาจารย์
โรคร้ายพิการ พิกลอินทรีย์
ควรให้เยียวยา รักษาทันที
ช้าวันพลันมี วิบัติแก่กาย ฯ
๑๖ ทรงฟังมาคัณฑียถวาย ทำเนียบเปรียบปราย
กระเหน็ดกระแหน่แนมนำ
๏ รังเกียจเอียดอิดใจดำ บมิยินยังคำ
แลหนึ่งคำนึงในใจ
๏ เพื่อสิเนหในนุชดั่งไนย เนตรดวงหฤไทย
ธิเบศรสุดแสนสงวน
๏ อเสวนาประมวญ นิรันต์เรรวน
มโนมนุษย์บุถุชน
๏ เฉกเวรำพะวาตวิจล มหาศาลมณฑล
ก็ท่าวลัญโทลฤๅคง
๏ สมเด็จอดิศรสริยวงศ์ ฤๅอาจดำรง
หฤทัยธหวนรวนเร
๏ ไตรตราหาหน้าคะเน แยบคายถ่ายเพ
ทุบายก็หลายเวรวัน
๏ บมิได้จริงโจทจำนัญจ์ หาเหตุสำคัญ
อันใดบได้เปนดาย
๏ จรทกจรเทิ้นเอิ้นอาย แค้นคิดเคืองคาย
ตรุณพราหมณบุตรี
๏ นางพราหมณ์หาความบมิมี ไกล่เกลี่ยทำดี
ระวังระไวใช้สอย
๏ ซ่อนเงื่อนเกลื่อนกลบลบรอย เคียดแค้นเคืองคอย
อาฆาฏบขาดใจจอง
๏ หาผู้รู้ริร่วมตรอง ได้กลหนึ่งปอง
ก็สั่งแก่สาวบริจา
๏ นำสารการลับยังอา หากัณหสัปปา
จำเริญจำรายเขี้ยวคม
๏ ตระบัดได้โดยอารมณ์ นางพราหมณ์ชื่นชม
ก็งำบพรายหลายหู
๏ สินบลคนปลอมปล่อยงู ไว้ในพิณภู
บดินทรด้วยมายา
๏ พิณนี้ไว้ที่ไสยนา ปราสาทสามา
วดีสุดาดวงมาลย์
๏ ซ่อนเงื่อนงำเงาเอางาร ฤๅให้รั่วราน
รหัสระมัดโดยดี ฯ
๑๔ ปางนั้นมเหศรมหา มหิบาลธาตรี
เสด็จเสวยสุขารมณปรี ดิสวัสดิ์ศวรรยางค์
๏ ด้วยสามาสุดาวิมลลักษณ์ วรอัคอนงค์นาง
เวรเวียนจำเนียรรสวรางค์ อนุกรมนิยมมา
๏ วันเวรนเรนทรผธม สุขรมย์ณปรางค์ปรา
สามาวดีรตนภา สกรสนธยากร
๏ โสรจสรงสุธารสสุคน ธวิมลอาภรณ์
ทรงขรรค์วิเชียรวิชยบวร รัตนปาทุกาธาร
๏ มาคัณฑิย์พราหมณ์กมลโมห์ ทุฐโทษสามาญ
แกล้งกล่าวกระลำภรวิการ อภิวันททานทูล
๏ ข้าแต่พระเกล้านรจุฑา ธิปไตยมไหสูรย์
ข้าบาทสุบินอุปัทวพูล ประตยักษ์บวางใจ
๏ ขอโดยเสด็จธบริบาล บทมาลยปองไป
ใคร่เฝ้าพระอัคอรไทย ทิพยลักษณโดยงาม
๏ ทรงฟังก็โสมนัสใน มธุรายุพาพราหมณ์
ไป่อวยดำรัสวัจนปราม ก็ยุบาทด่วนดล
๏ กานดาทิชาก็อนุพัน ธภิรุยหไหรญ
เมียงหมอบระเมียรยุบลกล ประดิพัทธภักดี
๏ สามาวดีทฤศนา ก็ปมาคะนัณฑีย์
ไป่เกี่ยงทุเผ่ากุลอรี ปฏิภาณะสุนทร
๏ ฉันเชษฐภคินีสนิธ มธุรจิตตเอมอร
แผ่ผ่อนอภัยอธิกรณ์ บุรพภาคยภินทา
๏ มาคัณฑิย์พงศ์ปศวิปอง จิตต์จองจำนงพา
ธาทอดเสน่ห์สนิธปรา รภการและเห็นการ
๏ สมปองก็ร้องอสรพิษ ทุจริตสามาญ
ในพิณมลากจิตต์วิจาร ณกิจนี้จะใครทำ
๏ ทรงฟังบหวังยุบลเลศ รำมเหตุสุดานำ
อุบายฝ่ายอุรคจำ จิตต์เนาณในพิณ
๏ หยากเหยื่อและหลายทิวัสวาร ดำริห์การจะไปกิน
ครั้นได้อุกาศอภยจิน ตนเลื้อยลิลาไป
๏ ทั่วหน้าคณานรกำนัล อัศจรรยภิตไภย
ราชาวะว้าจิตต์บใจ สติตกบตื่นตน ฯ
๑๒ กษณองคอุทเยน ทรนเรนศวรยล
สัปกัณหวิกล- วิรุธหฤไทยทัย
๏ ก็ดำรัสสิหนาท ทุรชาติชนใด
บมิย่านภยใจ ทุฐจิตต์ทรนง
๏ และฤนำอุรคา พิษมาและประสงค์
ชิวกูภุวะทรง ยุติธรรมจำราย
๏ ดุระสามวดี มหิษีวิยสาย
จิตต์เจ้าและจะทาย ทุรลักษณใคร
๏ ธุระสรรพและการ สิธิภารไฉน
บมิเมิลและบใจ กิจปวงบมิปอง
๏ คณนาฏประจำงาร บริบาลก็สำรอง
แต่ละเจ้าบมิหมอง กลเลศลเลิง
๏ วิยเราขัติยา ทุพลาฤทธิเริง
และฤหมิ่นพลเพลิง ดุจเม่าจะมลาย
๏ ผิบได้ทุรคด ทุรยศถวาย
คณนางก็จะวาย ชนมาบมิคง ฯ
๑๑ สามาจุลาลักษ ณสำนักอนงค์ยง
ฟังกรุงกษัตริย์ทรง บริภาษบรรหาร
๏ กริ้วกราดพิฆาฏโทษ พิโรธฤทธิเพียงกาล
นาคราชพิษพาล ก็พิลาปทูลสนอง
๏ ข้าแต่จุฑาธเรศ วรเดชปกปอง
เพียงฉายฉัตรทอง ทำนุเกศการุญ
๏ ข้าไร้บิดรมา ตุรอาทวาดุร
พระคุณอนันต์หนุน นุปการดำกล
๏ เปนอัคชายา วรายศโสภณ
คุโณตโมดล อธุทิศสุดสรวง
๏ หมายมั่นกตัญญู กตเวทิบาทบวง
โดยธรรมโดยคลวง สัตยสุจริตธรรม์
๏ ตรวจตราคณางาร ประจำการทั่วกัน
ไป่ได้ประมาทวัน บริรักษไตรตรา
๏ พิณเทพยารัก ษตระศักดิเดชา
ฤๅทีฆะมายา ทุจริตจัณฑาล
๏ อาไศรยณในพิณ จิตต์จินตนาผลาญ
ข้าชีพเดียวดาล จะพินาศเนืองใน
๏ แท้เวรวิบากบรรพ์ สารพันจะเปนไป
ความจริงบจริงใจ จะพยานก็ยากความ
๏ การนี้ก็การตัว จะบชั่วจะใครตาม
สัจจาพยายาม ทิพยาจะหยั่งยล
๏ ข้อเคืองณเบื้องบาท นรนาถสากล
โทษาก็ควรชน- มม้วยด้วยอาชญา
๏ จงทรงวินิจไฉ ยวิไนยกษัตรา
เยี่ยงยุติธรรมา บุรพบทบรรยาย ฯ
๑๖ อุทเยนทรฟังสารสาย สุดาดวงถวาย
นุสนธิเสร็จสารา
๏ เคืองขัดดำรัสบัญชา ดูราสามา
อะสัตย์วิบัติแบบบรรพ์
๏ ร่วมจิตต์ร่วมคิดการกัน กับเหล่ากำนัล
แลซ่อนซึ่งเงื่อนงำเงา
๏ ปล่อยงูอยู่ในพิณเรา หวังใจจักเอา
ชีพิตม้วยด้วยแรง
๏ เสียแรงรักใคร่ไป่แคลง เล่ห์ลิ้นลมแสลง
มาพร้องก็เพราะเหมาะคำ
๏ การนี้จักชี้ใครทำ โมงยามประจำ
รวังรไวเวลา
๏ ปรางค์ในใช่ใครไปมา ในที่ไสยา
สรพรักสุรางค์นางใน
๏ จักควรปรึกษาเยียไฉน ควรเจาะเอาใจ
มาผ่าออกดูดวงดี
๏ สรวงศาลเสื้อเมืองพลี ปฐมกรรมวิธี
เสดาะเสดียดเสียขวง
๏ ซั้นสั่งแวงวังทั้งปวง อาญากระทรวง
แลนำพระอัคชายา
๏ อันเตบุริกบริจา ห้าร้อยออกมา
ระเบียบยังฉานดาลดู
๏ ทรงสหัสสถามธนู กรก่งแล้วยู
รยาตรยังแก้วเกยทรง
๏ สมเด็จพระอาริยอนงค์ สังขารธรรมปลง
อริยมรรคคัญญาณ
๏ โอวาทไวยาวัจการ อนิจสันดาน
เปนองคเอกกัตมา
๏ เจริญพรหมวิหารเมตตา บรมขัตติยา
แลพราหมณมาคัณฑีย์
๏ อโหสิอไภยเพรี รำงับอินทรีย์
กำหนดอนิจสัญญา
๏ บัดท้าวสาดศรศักดา พันลึกโลกา
ก็เพี้ยงพิภพทำลาย
๏ ศรศาสตรบมิบาดบัดกลาย ประทักษิณสาย
สมรตรีวารวง
๏ ผินหน้าจะประหารองค์ อุเทนทรทรง
ตระดกตระดาลอัศจรรย์
๏ ภิตภัยมจุราทัณฑ์ทัน ถ่อมองค์อภิวันท์
ประนมพระหัตถ์ตรัสขมา
๏ อ้าแม่จงมีเมตตา ผู้พี่อภิชา
อันห้อมกมลโมห์มุนท์
๏ บมิรู้คุณแม่มีคุณ ประทุษฐทารุณ
แลแผลงซึ่งศรสังหาร
๏ ศรทรงอันอวิญญาณ ยังแสดงอาการ
อัจฉริยายิ่งยล
๏ แต่นี้พหน้าขอตน ทำนักนฤมล
จงผ่อนแก่พี่พ้นตาย
๏ เทพีเห็นท้าวกระวาย สังเวชใจหาย
ก็โอนอำนวยอธิกรณ์
๏ มธุรจิตต์ในองค์อดิศร ลูกศรรอรอน
ก็ลงระเบียบโดยบรรพ์ ฯ
๑๕ นิกรนรอเนกนันต์ มาตยาพรรค์ พยารี
๏ นิกรนครคฤหบดี เวสเขวี พฤฒาจารย์
๏ สกลนิกรสบสถาน แน่นณหน้าฉาน สภาคม
๏ ทศนพระอระอุดม บุญภิเษกสม มหัศจรรย์
๏ นิกรนรอภิวันท์ โฆษนาสรร- เสริญคุณ
๏ พระอรบวรอดุลย- สบจิตต์บุญ ก็บูชา
๏ นิกรนครโลกา โปรยสุมาลย์สา ธุกาการ
๏ ธุชปฎกก็โบกบาน สรวงพระสมภาร ถวายพร
๏ กุลหลนรศัพทสร ทั่วทิศาดร กรเกริกไหว ฯ
๑๔ อุเทนทร์นเรนศรนริน ทรปิ่นผไทไกร
ชื่นชมภิรมย์ฤทยใน วนิดายุพาพาล
๏ ชวนเชิญดำเนิรนุชลิลาส ณประสาทถกลกาญจน์
เกลากล่าวกถามธุรสาร สุวภาพแก่กัน
๏ นางท้าวก็ขอพรนิมนต์ ทศพลญาณอัน
กับสงฆ์ภุตากิจนิรันต์ ธก็โดยมโนนาง
๏ สั่งสังฆการิยอำมาต- ยาราธนพุทธางค์
ห้าร้อยภิกษุสุทธิศิลางค์ ภุตกิจณในวัง
๏ สามาวดีอริยวง ศอนงคทั่วทัง
สรรค์สุปพยัญชนวรัง รสเรกถวายทาน
๏ ราธนามหากรุณิฉัน นิจรันต์ณราชฐาน
ใช่พุทธนิไสยบุรพกาล ก็นุญาตพระอานนท
๏ วันหนึ่งบุเรฉัตรอุไทย อุทเยนทร์ธราดล
อวยพัสตรสาฎกวิมล คณนาฏถ้วนนาง
๏ สามาสุรางค์คณพุพา ปริยามโนตมางค์
จบเหนือศิโรตมก็วาง ปรตยาคจำนงถวาย
๏ แด่องค์พระองค์บวรพุทธ อุปัฏฐากทุกกาย
อานนทรับหทยหมาย นุเคราะห์กรุงกษัตรา
๏ ท้าวยลฉงนจิตต์ประภาษ พจนาทบุจฉา
ว่าข้าแต่พระสมณอา ริยบุตรรังธรรม์
๏ โยมยินนิไสยวินยกิจ บรรพชิตเสลขกรรม์
ผู้เจ้าและเอาสัตรอนัน ตกิจนี้จะกลใด
๏ ขอถวายพระพรวรบพิต รมหิทธิเกรียติไกร
พุทธานุญาตสังฆวินัย ดุชราชบรรหาญ
๏ ทายกบัติคาหกวรา วิคหาพอควรการ
อาตมานุเคราะห์สาฎกทาน บริสุทธิเอามา
๏ ไว้เพื่อจะเผื่อสมณพรรค์ พรหมจรรยกัปนา
ขาดไตรจีวรและจะบูชา วรโพธิเจดีย์
๏ อีกอุทกานหศรบง และจะปลงที่เศษมี
เปนผ้าจะตรองอุทกชี บริสุทธศีลฉัน
๏ ถึงขาดอุจาดบพอจะเย็บ ก็จะเก็บประมวญกัน
สำหรับจะกวาดบวรคัน ธกุฎีวิหารลาน
๏ ยับเยินและเกินกลจะเอา ก็จะเผาประกอบการ
รักทาผนังวรวิหาร ปฏิสังขรซ่อมแปลง
๏ แผ่ผลอุทิศกลปนา นุปการดั่งแสดง
ใช่หวังวรามิษแสวง จะสะสมประสงค์ตน ฯ
๑๖ เสาวนาเถรวาทยุบล อรรถาวิมล
มโนวินิจเปรมปราณ
๏ เบญจางคภิวาทตรีวาร สั่งภัณฑาคาร
กุษฐาพัสตราภักดี
๏ นำสาฎกส่วนซ้ำมี ห้าร้อยสองที
ถวายด้วยใจศรัทธา
๏ อานนทก็ทำโมทนา ถวายพระพรลา
นิวัตินิวาสครรไลย
๏ พร้อมหมู่พุทธบุตรเพไนย สำรวมโดยใจ
วิสุทธิศีลเสี่ยมสาร
๏ ปางเดือนรดูดวงมาลย์ ชุมชุกตระการ
สกอเกษมสวนศรี
๏ สมเด็จจุฬาธาตรี อารภฤดี
ประพาสพฤกษ์สวนขวัญ
๏ ขุนพลเทียมพลสิบพรรค์ ลั่งล่ำฉกรรจ์
ฉกาจอุกัษฐกำแหง
๏ ไล่ล้อมเสือสีหกลางแปลง กำลังรังแรง
สมรรถฉมวยหมายมนตร์
๏ จับช้างกลางเถื่อนด้วยพล แต่ตัวต่อตน
กระชากชงากงาหงาย
๏ บนเจ้าเอาเศิกมากลาย ข่าวเข็ญททาย
อาวุธถบองลองมือ
๏ แต่งตนต่างกันพันลือ น้าวกุทัณฑ์ถือ
ธนูเสน่าง้าวงอน
๏ ทวนทองเขนทองคทาธร เสโลห์โตมร
กระบี่แลกฤชกรดไกร
๏ ขุนช้างผูกช้างเคยไชย เขนค่ำโจมไภย
แลแซรงสพัดพังคา
๏ ส่ำสารหาญศึกกล้างา บมิมันทกิริยา
ปปัดปป่วนหวนหัน
๏ ลางส่ำโตเติบตกมันท์ ครหึมครึมครัน
ทลวงทลึ่งถึงแทง
ลางส่ำบำรูรณแรง ถีบฉัตรวัดแวง
ทังขวาแลซ้ายส่ายเสย
๏ ผิดหมอจำคอขี่เคย สลัดห้อเลย
แลถอนชนักชักขา
๏ เครื่องมั่นกัลเม็ตตรึงตรา ขอรับขอลา
ประจำสำหรับรับรอง
๏ สองหูภู่งารัดทอง ข่ายแก้วปกตระพอง
ผ่านหน้าปคนซองหาง
๏ ยาบยาบแพนยูงแหย่งกลาง เขนเขียนทองวาง
อาวุธแต่งต่างกัน
๏ นายหมอคุมขอคอยฟัน ควาญนั่งบังคัล
ใส่เกราะกระหมอกเขียนดำ
๏ นายกลางถือหางยูงรำ อาวุธจำนำ
แลเงื้อฉง่าง่างอน
๏ นายม้าผูกอัศวาภรณ์ ม้าแม้นอัสดร
สินธพอาชาไนย
๏ พ่วงพีขี่ขับว่องไว สงครามพิไชย
พิชิตอรินทรหลายปาง
๏ เท้าเบาเทียมเท่าบัวบาง ไวแว่นแล่นลาง
อสนีแวบวาบสาย
๏ นายทรงหมวกมาศเกราะกราย เศียรคตสพาย
ธนูถนัดทวนยอง
๏ บางหมู่หอกคู่เขนทอง บ้างเงือดง้าปอง
สีหนาทแลเหน็บกฤชไกร
๏ นายรถเร่งเทียมเวไชย กงกำไกไว
ดั่งจักรอันกวัดแกว่งปาน
๏ โตกตั้งกระจังปริยาน ทูบเพลาแอกอาน
บัลลังก์กนกตรีเตริน
๏ บุษบกพิมานแมนเมิล งามงอนอ่อนเดิร
แลธงสบัดปลายงอน
๏ เทียมด้วยโกมุทอัสดร เทียบท่าภูธร
ยังเกยแลคอยเวลา
๏ รถประเทียบเรียบริ้วรัถยา แลล้นเหลือตา
สรทื้นสำเนียงหฤหรรษ์ ฯ
๑๔ รอนรอนทิพากรอุไท ยอำไพพโยมพรรณ
โกกิลซรซั้นสรจำนัญจ์ เสนาะเสียงจำเรียงโรม
๏ ย่ำรุ่งอรุณรัศมี นฤบดีผไทโกรม
วาสุละทัตรวิมลโฉม ทิพลักษณเอกองค์
๏ ขัดศรีฉวีวรรณวิมล สวคนธ์สำอางสรง
แสนสาวสุรางค์คณอนงค์ ชำนิในนักงารงาม
๏ สนับเพลาวิภูษิตวิเศษ นิขเลชสังเวียนวาม
รัดองค์อลงกจุกะราม รัตพัสตรผจงทรง
๏ นางกษัตริย์ปรัดพักตรประไพ วิไลยเพ็ญประพิมวง
ภูษิตสไบวิจิตรลง กฎกาญจนเกยูร
๏ ฉลองศอสังวาลวรกษัตริย์ นวรัตนเรืองจรูญ
ทับทรวงและตาบทิศพิฑูริย์ พาหุรัตน์ทองกร
๏ สร้อยสอิ้งสังวาลบวรเวท ศิรเพฐกรรณเจียกจร
ธำมรงค์ประภัศรบวร วิยเทพเทพี
๏ อาภามหาพิชยมง กุฎรัตนรูจี
ธำมรงคทรงนัขธรี วรขรรคลีลา
๏ ยังเกยวิบุลยภิรุยห์ รถรัตนาภา
ด้วยองค์วธูทิพยวา สุละทัตรพงางาม
๏ รถประเทียบอนงคนิกร บทจรระเบียบตาม
โยธาพลาพลพิราม ก็สรล่มสล้ายสลอน
๏ ฆ้องกลองซซ้องสทประนัง ดุริยสังขแตรงอน
เครงครื้นสทื้นภพอำพร อรณพคนองฟอง
๏ มืดมัวโพยมพยุหพยับ ชระอ่ำอับธุลีลออง
แลพลและพาหนะตระกอง กลสายชลาไหล
๏ หน้าถึงทวารอุยานยั้ง พลหลังก็ยังไกล
เยียดยัดขนัดนิกรไกร ระรวดรัถยาคลา
๏ ถั่นถึงก็เทียมรถประเทียบ ระเบียบเกยดั่งเคยมา
นำหมู่อำมาตยคณา พลเหล่าทหารหาญ
๏ เรียบรอบอุยานวนพิทักษ์ บริรักษรอบการ
ปลงรถคชาอศวยาน บริเวณระวังวง
๏ ปางองค์อุเทนทรมหา ขัติยาทิพาพงศ์
ถึงสวนก็ชวนอรรคอนงค์ และสุรางคนางใน ฯ
๑๑ ยุรยาตรประพาษชม รุขรมย์หทัยไท
นานาสุมาไลย กลแกล้งวิจิตรผจง
๏ การะเกดพิกุลกรร- ณิกาและกาหลง
สายหยุดประยงคุ์ยง รสเร้าตระอรอร
๏ สร้อยฟ้าสุรามฤตย์ และสลิดสลับสลอน
นางแย้มแย้มเกสร สุรภินทรสคนธ์
๏ ลำดวนพิโดรดาษ ชุมนาดจำปีมณ
ฑาสาระภีปน มลิเลื้อยและลาวัณย์
๏ โกฎแก้วกระลำภัก กุหลาบลักกจั่นจันทร์
อำภณอำภาพรรณ และรำจวนลำเจียกจวง
๏ สรรพาผกาชาติ รดะดาษระดูดวง
เคลื่อนผลผกาพวง วิยจิตรลดาวัน
๏ กำนัลอนงค์น้อย ก็สั่นสอยและชิงกัน
ลางล่าบมาทัน ก็วอนง้อและขอชม
๏ สาวทรงก็วงชาย ชรเมียรม่ายชรเมียงคม
เด็ดดอกลำดวนดม กลแกมยแย้มยวล
๏ ชานเช่นและเห็นที ก็ระรี่ระริกสรวล
บุ้ยบ้ายกระบวรชวน สุขเกษมสรวลเส
๏ สายันหเพลา ขัตติยาบราเม
วาสุละทัตรเท วยุพาพงางอน
๏ หยุดพักสำนักนั่ง สมิบฝั่งสระโบษขร-
ณีแลชโลธร จรชลแลหลาย
๏ หมู่มัตสยานา มคณาอเนกกาย
แฝงฝั่งสรพังชาย ชำเราะลางและเลมไคล
๏ แหทองท่องท้องชล ลเวงวลและพ่นไพร
ชวาดชแวงไว ฉวีแหวกลแวกเวียน
๏ สลิดสลาดแสลบ และแป้นแปบตะพงเพียน
นนทรีกระดี่เดียร ระดะดาและม้าหมู
๏ แก้มช้ำช้ำชายชอก คางเบือนบอกหมอมาดู
โห้เหวกระทิงทู ขะเหม้าหมึกโหมงโกรยกราย
๏ ซ่อยซ่าซิวสูบเสือ ขาวเข็มเขือและข้างลาย
ด้องดุกชะโดสวาย คละคล่ำคลาชลาสินธุ์
๏ บัวเบญจนาพรรณ สตบรรณสลับลิน
จงสัตบงนิล ลุสะบลอุบลบาน
๏ ตูมตั้งและบังใบ ระรำไรณในธาร
ยั่วแย้มผกากาญจน์ รสเร้ารำเพยขจร
๏ แมลงภู่แมลงผึ้ง คละคลอคลึงลอองอร
โกสุมภเกสร ก็จำรายณสระสรง
๏ พระพายรำเพยคน ธอุบลตระบอกบง
กชแก้วกำจรจรง มนนาถหฤหรรษ์
๏ เสร็จชมสโรชา สุริยาก็สายัณห์
ชวนองค์พอูลอรร ควเรศสุดามาลย์
๏ สถิตยังพิมานมาศ วรราชอุทยาน
สุรางคบริพาร วิยอินทรอับสร ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ