ตอนที่ ๑๑ รามวงศ์หลงเชื่อวิรุณพัฒพี่เลี้ยง หลอกให้เดินทางไปถึงเมืองกาลวาศ

๏ จะกล่าวความรามวงศ์องค์โอรส พระอัยกีมียศเลี้ยงรักษา
ค่อยอยู่เย็นเป็นสุขทุกเวลา นางพญารักใคร่ไม่ไกลองค์
ครั้นเติบใหญ่ให้เรียนเขียนหนังสือ แล้วฝึกปรือสงครามตามประสงค์
ขี่ช้างม้ากล้าหาญชาญณรงค์ ได้เครื่องทรงท้าวไทอัยกา
ใส่เกือกเกราะเหาะได้ด้วยกายสิทธิ์ ไม่เพี้ยนผิดจัตุพักตร์ท้าวยักษา
คทาธรศรจักรทรงศักดา ได้ครบครันชันษาสิบห้าปี ฯ
๏ นางกระษัตริย์จัดตั้งวิรุณพัฒ เป็นพงศ์จัตุพักตร์มีศักดิ์ศรี
เฉลียวฉลาดอาจองทรงฤทธี ให้เป็นที่พี่เลี้ยงเคียงนัดดา
ลูกอำมาตย์มหาดเล็กเด็กห้าร้อย หนุ่มน้อยน้อยน่ารักล้วนยักษา
สำหรับตามรามวงศ์พงศ์นรา ออกทรงรถคชาหน้าพระลาน
เวลาเย็นเล่นคะนองแยกสองทัพ พี่เลี้ยงกับหน่อไทไล่ทหาร
เข้าหักโหมโรมรันประจัญบาน ต่างรอนราญรับรองด้วยว่องไว
ถือดาบหวายไม้ตะบองทั้งสองข้าง ต่างตีต่างแทงฟันเสียงหวั่นไหว
ชุลมุนวุ่นวิ่งเข้าชิงชัย ไพร่ต่อไพร่จับกุมเป็นกลุ่มกัน
นายต่อนายกรายทวนกระบวนรบ ขับสินธพโถมถลาม้าถลัน
พระโจมตีพี่เลี้ยงเลี่ยงไม่ทัน ถูกด้วยคันศรถลาตกพาชี
ทหารพลอยถอยทัพกลับชนะ เสียงเหะหะโห่แซ่พวกแพ้หนี
พี่เลี้ยงแตกแสกหน้าพอราตรี กลับไปที่เคหารักษากาย
พระหน่อไทได้ชนะยิ่งสนุก ไปปรางค์มุขมนเทียรวิเชียรฉาย
ทุกเช้าเย็นเป็นสุขสนุกสบาย ไม่อันตรายเริงรื่นทุกคืนวัน ฯ
๏ จะกล่าวความพราหมณ์พรหมบรมนาถ เสวยราชราไชมไหศวรรย์
เป็นปิ่นปักรักษาเมืองมารัน พร้อมกำนัลนักสนมกรมใน
กับนางรัชฎาสูรประยูรยักษ์ เป็นที่รักร่วมจิตพิสมัย
อสุรีมีโอรสยศไกร ให้ชื่อชัยสุริยาปรีชาชาญ
เกศาเศียรเวียนวงดังกงจักร ประไพพักตร์เพียงบิดาทั้งกล้าหาญ
เรียนไตรเพทเวทวิชาโหราจารย์ แต่อายุกุมารสิบสองปี
ให้ติดตามรามวงศ์ดำรงรัก สามิภักดิ์พูนเพิ่มเฉลิมศรี
ถึงหน้าแล้งแต่งสารมารมนตรี ไปโกญจาธานีทุกปีไป
ถึงปีกุนขุนมารถือสารตอบ มานบนอบอ่านแจ้งแถลงไข
ว่าสาราปรารภเจ้าภพไตร ให้ท้าวไทเชษฐาเมืองมารัน
ด้วยชนกชนนีโมลีโลก ประชวรชราวาตโรคให้โศกศัลย์
หมอพิทักษ์รักษาสิบห้าวัน ทั้งสององค์ทรงสวรรคครรไล
จะจัดแจงแต่งการงานพระศพ ตามขนบเมรุทองอันผ่องใส
ให้รามวงศ์องค์โอรสยศไกร ทูลลาอัยกีมายังธานี
แต่เมืองยักษ์นคเรศให้เชษฐา อยู่พาราว่าขานการกรุงศรี
พอจบความพราหมณ์จินดาพามนตรี ไปทูลพระอัยกีที่ปรางค์ทอง ฯ
๏ ฝ่ายนางนาฏมาตุรงค์ว่าสงสาร ช่างนิพพานพร้อมพรั่งกันทั้งสอง
แล้วซักไซ้ไต่ถามตามทำนอง จะแต่งของช่วยงานประการใด
ก็สุดแท้แต่พราหมณ์ให้งามพักตร์ จะเกณฑ์ยักษ์ไปช่วยด้วยก็ได้
ให้นัดดาพาพหลสกลไกร ไปช่วยให้เสร็จสรรพแล้วกลับมา ฯ
๏ เจ้าพราหมณ์ฟังบังคมประนมสนอง ทำเมรุทองสูงเยี่ยมเทียมเวหา
ทั้งราชวัติฉัตรธงอลงการ์ พระเบญจาห้าชั้นสุวรรณรัตน์
ประดับเพชรเจ็ดสีมณีโชติ ตั้งพระโกศแก้วแกมแจ่มจรัส
แล้วมีงานการพาราสารพัด ตามกระษัตริย์สู่สวรรคครรไล
จะเกณฑ์ยักษ์สักหมื่นแต่พื้นทหาร ไปช่วยงานแบกหามตามวิสัย
ของช่วยศพจบพระหัตถ์จงจัดไป เป็นผ้าไตรเงินตราสารพัน
แล้วทูลลามายังพระโรงนอก ให้หมายบอกเกณฑ์พหลพลขันธ์
เลือกล้วนช่างทั้งหมื่นพื้นฉกรรจ์ อีกเจ็ดวันจะเสด็จให้เสร็จการ
เสนายักษ์พรักพร้อมน้อมประณต ไปเตรียมรถราเชนทร์เกณฑ์ทหาร
ทั้งจะใส่ไตรผ้าคชาธาร พวกยักษ์มารหมื่นขุนวิ่งวุ่นวาย ฯ
๏ ฝ่ายยักษีพี่เลี้ยงพระหน่อนาถ เป็นแผลหน้าพยาบาทไม่ขาดหาย
พ่อของมันนั้นก็ฆ่าเจ้าตาตาย อ้ายลูกชายยังซ้ำแกล้งทำกู
จะทำบ้างยั้งมือถือว่าเจ้า มันทำเราไม่ลดให้อดสู
พระอัยกีอีเฒ่าเอาศัตรู มาเชิดชูชุบเลี้ยงเพียงนัดดา
ให้เครื่องทรงยงยุทธ์อาวุธเพชร รู้ระเห็จเหาะเหินเดินเวหา
จะฆ่าฟันมันไม่ตายวายชีวา แต่นิ่งนึกตรึกตราอยู่ช้านาน
พอคิดได้อัยกาเทพาสูร จอมตระกูลกินราศักดาหาญ
กับท้าวไทอัยกาได้สาบาน จะคิดอ่านไปถึงได้พึ่งพา
อันกรุงไกรไปทางทิศพายัพ จะลวงจับรามวงศ์ส่งยักษา
อีกเจ็ดวันมันจะไปกรุงโกญจา จะคิดพาแยกเยื้องไปเมืองมาร
คิดอุบายหมายมุ่งจนรุ่งเช้า เข้าไปเฝ้าหน่อนาถในราชฐาน
ทำทูลถามตามเรื่องเคืองรำคาญ พระกุมารเล่าแถลงให้แจ้งใจ
อีกหกวันฉันจะต้องยกกองทัพ จะไปกับน้องหรือจิตคิดไฉน
พระอัยกีอัยกานิคาลัย จะต้องไปช่วยปลงตามวงศ์วาน
พี่เลี้ยงแจ้งแกล้งว่าแม้นช้านัก เหมือนไม่รักพระบิดาจะว่าขาน
รู้เมื่อไรไปเมื่อนั้นให้ทันการ พระวงศ์วานจะเห็นว่าเป็นดี
กับเสนาห้าร้อยยกถอยก่อน ข้าเคยจรแจ้งทางหว่างวิถี
ไปถึงพระชนกชนนี จะยินดีดังประสงค์จำนงใน
อันสิ่งของกองทัพต่อสรรพเสร็จ ตามเสด็จตามประสาอัชฌาสัย
หน่อกระษัตริย์ตรัสตอบว่าขอบใจ กระนั้นไปพรุ่งนี้เถิดดีครัน
พี่บอกกล่าวบ่าวไพร่เสียให้รู้ แต่เช้าตรู่เตรียมกายจะผายผัน
พี่เลี้ยงรับกลับมาตรวจตรากัน ผูกช้างมั่นม้าพยศรถวิมาน
พวกโยธีขี่ม้าทั้งห้าร้อย มาเตรียมคอยหน่อนาถราชฐาน
สักสามยามรามวงศ์องค์กุมาร มากราบกรานทูลพระอัยกี
ฉันรู้ข่าวผ่าวร้อนนอนไม่หลับ จะรีบไปได้กลับมากรุงศรี
ยังหลายวันครั้นจะรอก็ช้าที รุ่งพรุ่งนี้นัดดาขอลาไป ฯ
๏ นางพญาว่าหนทางต่างประเทศ ต้องข้ามเขตเขาป่าชลาไหล
เป็นลูกเจ้าท้าวพระยาจะคลาไคล มีบ่าวไพร่พร้อมพรั่งจึงบังควร
พวกพลน้อยพลอยนายนี้ขายหน้า ฟังยายว่าพ่อคุณอย่าหุนหวน
ค่อยยกไปให้งามตามกระบวน อย่าโดยด่วนไม่ได้ภัยจะมี ฯ
๏ พระนัดดาว่าทหารหม่อมฉันหัด รู้สันทัดทำศึกไม่นึกหนี
ถึงโกฏิแสนแม้นมาจะราวี สังหารชีวีให้บรรลัยลง
จงโปรดเกล้าคราวเดียวอย่าเหนี่ยวหน่วง ให้ได้ล่วงเหมือนจิตคิดประสงค์
ถึงน้อยไปไม่อายขายบาทบงสุ์ ด้วยเผ่าพงศ์พวกพ้องของบิดา ฯ
๏ นางฟังคำรํ่าบ่นว่าล้นเหลือ ว่ากระไรไม่เชื่อเบื่อหนักหนา
ช่างไม่คิดจิตใจเหมือนอัยกา ไม่รักหน้ารักนามก็ตามที ฯ
๏ พระชื่นชอบนอบนบอภิวาท ทูลลาบาทบงกชบทศรี
นางตรัสช่วยอวยชัยไปจงดี อย่าให้มีเภทภัยสิ่งใดพาน
แม้นไปปะปัจจามิตรอย่าคิดรบ จงหลีกหลบมาประเทศเขตสถาน
อย่าอาจองจงจำคำโบราณ ชลธารน้อยนักแพ้อัคคี
พระรามวงศ์ทรงฟังตรัสสั่งสอน ชุลีกรกราบประณตบทศรี
พอแจ่มแจ้งแสงทองหอกลองตี มาเข้าที่สรงชลสุคนธา
สนับเพลาเนากระหนกนุ่งยกแย่ง รีบจัดแจงโจงสะพักเหมือนยักษา
ใส่เสื้อทองฉลององค์อลงการ์ กันสาตราเกราะเพชรเกล็ดมังกร
เกี่ยวกระหวัดรัดอกปกอุหลัด ปั้นเหน่งเนาว์นพรัตน์ประภัสสร
สวมมงกุฎบุษย์สว่างกระจ่างจร ทองพระกรแก้วจินดาพาหุรัด
ธำมรงค์วงวาวพลอยพราวเพชร แต่ละเม็ดค่าเมืองเรืองจำรัส
ห้อยอุบะมะลิลาจำปาทัด พระแสงขัดซ้ายขวาคทาธร
พระบาทบงสุ์ทรงเกือกแก้วกระจ่าง ลงจากปรางค์มาศไชยดังไกรสร
ท้าววรจันทร์กั้นกลดบทจร มาหยุดหย่อนยืนดูหมู่โยธี
ขึ้นทรงอาสน์ราชรถกลิ้งกลดกั้น ยักษ์โลทันนั่งหน้าเป็นสารถี
พลนิกายซ้ายขวาขี่พาชี พี่เลี้ยงขี่ไอยรานำหน้าพล
ให้ตั้งโห่โยธาทั้งห้าร้อย ต่างเหาะลอยเลื่อนสล้างกลางเวหน
เสียงพิลึกครึกโครมโพยมบน ดูเกลื่อนกล่นกลาดฟ้านภาลัย
อภิรุมชุมสายรายระยับ ข้างหน้าทัพธงทิวปลิวไสว
ลับประเทศเขตแคว้นเข้าแดนไพร พอจวนใกล้สุริยนสนธยา ฯ
๏ บังเกิดลางกลางโพยมครึกโครมครื้น เมฆทะมึนมืดมิดทุกทิศา
เป็นเปลวปลาบวาบพรายพร่างสายตา พอฟ้าผ่าเปรี้ยงลงถูกกงรถ
เรือนปะแหรกแตกกระจายข้างท้ายหัก อาชาชักฉีกตลอดม้วยมอดหมด
พระรามวงศ์ทรงยืนยอดบรรพต ให้องค์สั่นรันทดสลดใจ
ทั้งโยธาห้าร้อยลอยลงป่า ด้วยลมกล้าเหลือจะต้านทานไมไหว
แต่พี่เลี้ยงเคียงคลอพระหน่อไท ร้องเรียกไพร่พลมาพร้อมหน้ากัน ฯ
๏ หน่อกระษัตริย์ตรัสถามตามวิตก เรารีบยกพลนิกายจะผายผัน
มาถึงนี่วิบัติอัศจรรย์ จะป้องกันคิดอ่านประการใด
พี่เลี้ยงว่าฟ้าฟาดแต่ราชรถ คนทั้งหมดมิได้เห็นเป็นไฉน
ทั้งนี้เพราะเคราะห์ม้าจึงพาไป ซึ่งจะให้พาชีถึงที่ตาย
จะเลิกทัพกลับคืนเข้าเมืองเล่า อดสูชาวเวียงวังสิ้นทั้งหลาย
เหมือนพวกเราเขลาขลาดใช่ชาติชาย แต่ต้องสายฟ้าผ่าก็ล่าพล
คำโบราณท่านเปรียบประเทียบว่า อยู่ใต้ฟ้าแล้วตัวอย่ากลัวฝน
ถึงรถแตกแยกยับไม่อับจน ทรงช้างต้นตัดทางไปกลางไพร
ข้าจะนำตำแหน่งรู้แห่งชัด หนทางลัดหลีกมหาชลาไหล
ข้ามลำเนาเขาเขินเหาะเหินไป กำหนดในสามเดือนถึงเหมือนกัน ฯ
๏ รามวงศ์หลงเล่ห์พี่เลี้ยงยักษ์ พลอยฮึกฮักเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
ขึ้นทรงช้างข้างท้ายนายโลทัน พี่เลี้ยงนั้นขี่ม้านำหน้าทัพ
ยกโยธาห้าร้อยเหาะลอยเลื่อน ข้ามโขดเขื่อนเขาเคียงเรียงสลับ
แสงเดือนหงายหมายจิตทิศพายัพ หวังจะจับพระกุมารผลาญชีวัน ฯ
๏ จะกลับกล่าวเจ้าพราหมณ์รามราช เมื่อหน่อนาถเสด็จไปแต่ไก่ขัน
จะทูลความห้ามไว้ก็ไม่ทัน คิดพรั่นพรั่นไพรีจะบีฑา
จึงรีบรัดจัดของเกณฑ์กองทัพ ได้เสร็จสรรพไพร่นายทั้งซ้ายขวา
ให้ลูกน้อยกลอยใจชัยสุริยา คุมโยธาขุนนางไปต่างกาย
ให้รีบตามรามวงศ์คงจะพบ จึงสมทบพลขันธ์พาผันผาย
ทุกหมวดกองป้องกันอันตราย ลูกเจ้านายนะอย่าให้มีภัยพาล ฯ
๏ ขุนนางยักษ์พรักพร้อมน้อมคำนับ แล้วยกทัพทุ่มกลองตีฆ้องขาน
เคลื่อนรถรัตน์อัสดรกุญชรชาญ เหาะทะยานลอยละลิ่วเป็นทิวไป
ทั้งธงเทียวเขียวแดงแสงสลับ โห่ร้องรับพร้อมกันเสียงหวั่นไหว
พวกเสนีขี่ม้าเคลื่อนคลาไคล ล้อมช้างชัยสุริยาลอยมากลาง
รีบตามหน่อวรนาถก็คลาดแคล้ว ข้ามทุ่งแถวแนวเนาภูเขาขวาง
ไม่เห็นหายหมายไปได้ไกลทาง รีบขับช้างตามเสด็จได้เจ็ดวัน
ถึงวังวนชลธารไม่พานพบ ยิ่งปรารภเร่งพหลพลขันธ์
รีบเหาะตามข้ามไปก็ไม่ทัน จนกุมภัณฑ์พลนิกรออกอ่อนใจ
ได้เดือนหนึ่งถึงฝั่งมหรณพ ไม่พานพบรามวงศ์ยิ่งสงสัย
ไม่หยุดยั้งรั้งรอตามหน่อไท ถึงกรุงไกรโกญจาพอราตรี
หยุดประทับยับยั้งอยู่พรั่งพร้อม ที่ริมป้อมนอกประตูบูรีศรี
ครั้นเช้าชัยสุริยาพาเสนี ไปพร้อมที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ
๏ จะกล่าวถึงทรงศักดิ์กับอัคเรศ เป็นปิ่นเกศกระษัตรามหาศาล
ไม่โศกเศร้าเช้าค่ำแสนสำราญ เยาวมาลย์ทรงครรภ์ไม่คั่นปี
อันนางน้องรองรามวงศ์นั้น ชื่อเหมวรรณน้องถัดชื่อรัศมี
เป็นสององค์นงนุชพระบุตรี ยังน้องที่แท้งบ้างทั้งวางวาย
สิบสี่องค์คงสองพี่น้องนาฏ อยู่ปรางค์มาศมนเทียรวิเชียรฉาย
ทุกเช้าเย็นเป็นสุขสนุกสบาย เจ้าขรัวยายพระพี่เลี้ยงเคียงประคอง
แต่องค์พระสิงหไกรภพนั้น สองทรงธรรม์สิ้นชนม์ให้หม่นหมอง
ออกอำมาตย์อาสน์โถงพระโรงทอง คิดตรึกตรองตรัสงานการนคร ฯ
๏ กุมารชัยสุริยาพาอำมาตย์ เข้าเฝ้าบาทบพิตรอดิศร
ดอกไม้ทองของสำหรับสดับปกรณ์ ของมารดรช่วยศพทูลครบครัน
แล้วทูลว่ารามวงศ์องค์โอรส พระทรงยศยกพหลพลขันธ์
จากนครก่อนมาได้ห้าวัน ตามไม่ทันจนถึงเขตนิเวศน์วัง
๏ พระสิงหไกรภพฟังจบแจ้ง อนาถแหนงนึกในพระทัยหวัง
เมื่อไม่ให้ใครนำมาลำพัง หรือข้ามฝั่งเฟือนหลงในคงคา
แม้นพบใครไถ่ถามตามสังเกต ได้แจ้งเหตุแล้วคงตรงมาหา
พระตรัสพลางทางชวนชัยสุริยา ขึ้นสู่ปราสาททองห้องสุวรรณ
ตรัสเล่าความรามวงศ์กับนงลักษณ์ มานานนักยังไม่ถึงไอศวรรย์
นี่บุตรพี่ที่บำรุงกรุงมารัน ดูผิวพรรณมิได้ผิดกับบิดา
พระสอนให้ไหว้องค์นางนงลักษณ์ นางนึกรักรับขวัญด้วยหรรษา
ถามถึงวงศ์พงศ์พันธุ์จำนรรจา พระมารดาอยู่ดีหรือมีภัย ฯ
๏ กุมารหมอบนอบนบอภิวาท เชิงฉลาดทูลแจ้งแถลงไข
ด้วยเดชะพระเดชปกเกศไป อันเภทภัยไม่มีมาบีฑา
แต่องค์พระอัยกีมีรับสั่ง ให้ทูลทั้งสององค์ทรงยศถา
พระศพงานการใหญ่มิได้มา ด้วยชราท่าทางก็ห่างกัน
ให้นัดดามาแทนแม้นสำเร็จ พระศพเสร็จสั่งไว้ให้หม่อมฉัน
กราบทูลขอหน่อนราไปมารัน ให้ทรงธรรม์คิดถึงพระอัยกี
ทั้งสององค์ทรงพระสรวลสำรวลร่า กลัวนัดดาจะไม่กลับไปกรุงศรี
เสร็จธุระจะให้ไปเป็นไรมี แล้วจัดที่แท่นให้ชัยสุริยา
อยู่ปรางค์ทองห้องกั้นชั้นเฉลียง บำรุงเลี้ยงเพียงองค์โอรสา
แล้วสั่งให้จ่ายเสบียงเลี้ยงโยธา ยังรอท่าพระโอรสต้องงดงาน ฯ
๏ จะจับกล่าวท้าวเทพาสุราราช ครองพารากาลวาศราชฐาน
คีรีรอบขอบเขื่อนเหมือนปราการ พลมารมากพ้นคณนา
อยู่ไพชยนต์มนเทียรวิเชียรรัตน์ แจ่มจรัสราวกับดาววาวเวหา
มเหสีที่รักร่วมชีวา ชื่อนางเทพกินราปิ่นนารี
งามประโลมโฉมวิไลชาวไกรลาศ มีองค์ราชธิดามารศรี
ดังนางสวรรค์ชันษาสิบห้าปี ชื่อโฉมแก้วกินรีศรีโสภา
จะไปไหนใส่ปีกกินเรศ รู้ประเวศเหาะเหินเดินเวหา
นางห้ามแหนแสนสุรางค์สำอางตา อสุราเริงรื่นทุกคืนวัน
ถึงเวลาราตรีเข้าที่ลับ ให้เคลิ้มหลับคล้ายจริตนิมิตฝัน
ว่าองค์ท้าวเจ้าพาราเมืองมารัน ยื่นพระขรรค์ให้พระองค์ทั้งธงชัย
ประเดี๋ยวหนึ่งพระอาทิตย์ฤทธิรุทร ตามมาฉุดชิงกันเสียงหวั่นไหว
พญามารราญรอนพออ่อนใจ ธงพระขรรค์นั้นเป็นไฟไหม้กายา
เหลือจะทนรนร้อนพระกรบาท กระเด็นขาดจากกายทั้งซ้ายขวา
สะดุ้งตื่นฟื้นองค์คิดสงกา พอเวลารุ่งรางสว่างวัน
นึกสงสัยให้หาโหราเฒ่า เข้ามาเฝ้าเล่าตามเนื้อความฝัน
โหรคำนับรับสั่งตั้งเลขจันทร์ เอาฤกษ์วันบวกคูณแล้วทูลทาย
ซึ่งกระษัตริย์จัตุพักตร์ที่รักใคร่ ให้ธงชัยกับพระขรรค์เหมือนมั่นหมาย
พวกพารามารันอันเป็นชาย จะถวายเกียรติยศให้งดงาม
ด้วยยามจันทร์วันศุกร์เป็นทุกขลาภ จะได้ปราบปัจจามิตรจะคิดขาม
ซึ่งว่าองค์อาทิตย์มาติดตาม จะเกิดความขุ่นเคืองถึงเมืองมาร
คือผู้ที่มีบุญจุลจักร จะหาญหักชิงสมบัติพัสถาน
ธงพระขรรค์อันเป็นไฟประลัยลาญ คือพวกพาลไพรีจะบีฑา
ซึ่งภูธรกรบาทเด็ดขาดนั้น จะโศกศัลย์เสียวงศ์เผ่าพงศา
ขอพระองค์ทรงฤทธิ์อิศรา จงบูชาราหูพระสุรกาล
พระฟังคำทำนายหมายประมาท เราชายชาติช้างงาปรีชาหาญ
ถ้าแม้นผิดพระสยมทั้งพรหมมาร ไม่มัสการ[๑]ผู้ใดทั้งไตรภพ
สักโกฏิแสนแม้นมาเป็นข้าศึก กูก็นึกสนุกอีกไม่หลีกหลบ
ถึงราหูสุริยามาสมทบ กูจะรบรับสู้ไม่บูชา
พลางแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วเยื้องย่าง ออกขุนนางเฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา
ตรัสประภาษราชการงานพารา อสุราราษฎรไม่ร้อนรน ฯ
๏ จะกล่าวความรามวงศ์พงศ์กระษัตริย์ วิรุณพัฒนำทางมากลางหน
ครั้นพลบคํ่าสำนักหยุดพักพล พอสุริยนเยี่ยมทวีปก็รีบไป
ถึงแดนด่านชานพารากาลวาศ พบพวกลาดตระเวนถามตามสงสัย
พี่เลี้ยงว่ามาเฝ้าสองท้าวไท ข้างม้าใช้ทราบว่าชาวมารัน
ไม่ห้ามปรามตามใจให้ไปเฝ้า เหมือนร่วมเจ้าสองฝ่ายต่างผายผัน
พี่เลี้ยงพามาถึงชานปราการพลัน พอสายันต์หยุดอยู่นอกบูรี
ได้กูบช้างต่างอาสน์ไสยาสน์หลับ ให้วาบวับหวาดหวั่นมิ่งขวัญหนี
ฝันว่าไฟไหม้จังหวัดปัถพี เปลวอัคคีหุ้มห้อมเข้าล้อมองค์
ให้อัดอั้นควันคลุ้มกลุ้มตรลบ พระเสือกซบลงกับที่ธุลีผง
จะม้วยมรณ์ร้อนสุดพอภุชงค์ คาบพระองค์จากที่อัคคีควัน
ต้องสายฝนชุ่มชื่นระรื่นจิต แต่ปวดพิษนาคาเพียงอาสัญ
พอรู้สึกนึกวิบัติอัศจรรย์ แสงตะวันส่องสว่างกระจ่างตา
ดูยักษีพี่เลี้ยงเคยเคียงใกล้ คิดจะใคร่แก้ฝันผินผันหา
เห็นแต่ไพร่ไม่แถลงแจ้งกิจจา แต่ตรึกตรากริ่งใจเกรงภัยพาล ฯ
๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงเลี่ยงไปแต่ใกล้รุ่ง เช้าในกรุงกาลวาศราชฐาน
เวลาเฝ้าเข้าประณตบทมาลย์ พระเห็นหลานจัตุพักตร์ตรัสทักทาย
เอ๊ะนัดดามาใดจะใคร่รู้ เที่ยวเกี้ยวชู้หรือมาเที่ยวค้าขาย
หรือขัดข้องท่องเที่ยวอยู่เดียวดาย พระสหายอยู่ดีหรือมีภัย ฯ
๏ วิรุณพัฒกลัดกลั้นอั้นสะอื้น อุตส่าห์ฝืนทูลแจ้งแถลงไข
อันองค์พระอัยกานิคาลัย เสียกรุงไกรกับมนุษย์เพราะบุตรี
แล้วทูลตามความหลังตั้งแต่ต้น ตลอดจนมาประณตบทศรี
ขอพระคุณบุญญาฝ่าธุลี โปรดเป็นที่พึ่งให้พ้นภัยพาล
เทพาสูรฉุนแค้นแน่นแสนสุด เหม่มนุษย์ประมาททำอาจหาญ
น้อยหรือมาฆ่าสหายกูวายปราณ กูจะผลาญทั้งโคตรตามโทษทัณฑ์
จงจับอ้ายรามวงศ์ลงเหล็กไว้ อย่าเพิ่งให้ชีวามันอาสัญ
จับพ่อแม่แก่เฒ่าพวกเผ่าพันธุ์ มาพร้อมกันจึงทำให้หนำใจ
จะเชือดเนื้อเอาเกลือทาให้สาหัส แล้วผูกมัดแผ่ตะรางกลางน้ำไหล
ใส่พวกพ้องของมนุษย์แล้วจุดไฟ คลอกเสียให้ตายสิ้นด้วยดินปืน ฯ
๏ วิรุณพัฒทัดทานกุมารนี้ อาวุธมีแม้นมัดจะขัดขืน
ข้าจะรับจับเองไม่เครงครื้น ขอขุนหมื่นไปด้วยได้ช่วยกัน
แล้วทูลลาพาพวกผู้คุมยักษ์ มาที่พักพวกพหลพลขันธ์
จึงบอกความรามวงศ์ว่าทรงธรรม์ ให้กุมภัณฑ์มาเชิญอย่าเนิ่นนาน
จงจัดแจงแต่งองค์สระสรงนํ้า พระเชื่อคำลุ่มหลงน่าสงสาร
จึงปลดเปลื้องเครื่องทรงอลงการ วางบนพานเพชรพาดทั้งสาตรา
พวกผู้คุมกุมภัณฑ์รุมกันจับ เอาเชือกพับผูกมัดพระหัตถา
พระตะลึงตึงองค์ด้วยสงกา เขาใส่คาขื่อซํ้าแล้วจำตรวน
ทั้งโซ่สวมกรวมคอไม่ต่อเถียง ฝ่ายพี่เลี้ยงสมคะเนแกล้งเสสรวล
พระแสนแค้นแน่นในใจรัญจวน จนองค์ซวนเซล้มไม่สมประดี
พวกผู้คุมรุมฉุดไม่หยุดยั้ง ล้อมหน้าหลังลากจูงเข้ากรุงศรี
พระกลืนกลํ้านํ้าตาไม่พาที จนถึงที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ
๏ ท้าวกุมภัณฑ์ครั้นเห็นยังเป็นเด็ก เหม่ลูกเล็กหัวพองจองหองหาญ
ไม่หมอบนั่งบังคมไม่ก้มกราน อ้ายพวกพาลพงศ์พันธุ์จะบรรลัย ฯ
๏ พระรามวงศ์องอาจชาติกระษัตริย์ ว่าแค้นขัดเคืองเข็ญเป็นไฉน
ถ้าแม้นว่ากล้าจริงไปชิงชัย นี่ลวงให้หลงมาน่าไม่อาย
เราสัตย์ซื่อถือญาติชาติโกหก ใครจะยกยอมึงอย่าพึงหมาย
จงเร่งมาฆ่ากูจะสู้ตาย ไม่เสียดายชีวิตสักนิดเดียว
อสุรินทร์ยินคำยิ่งซํ้าแค้น กระทืบแท่นขึงสง่านัยน์ตาเขียว
น้อยไปหรือดื้อดีเช่นนี้เจียว มันคนเดียวฆ่าตายจะหายความ
ประจานไว้ให้ระยำสมนํ้าหน้า เอาขึ้นขาหยั่งถ่างไว้กลางสนาม
พวกผู้คุมรุมฉุดว่าพูดลาม ฉวยโซ่ล่ามลากถูพระสู้ทน
เดินไม่ตรงองค์ซวนด้วยตรวนโซ่ อุตส่าห์โซเซย่างกลางถนน
ถึงประตูผู้คุมพวกกุมภณฑ์[๒] ยกขึ้นบนขาหยั่งนั่งยองยอง
ติดคาคองอมือใส่ขื่อเหล็ก สายโซ่เหล็กล่ามรั้งไว้ทั้งสอง
พวกตรวจตรัสพัศดีนั่งตีฆ้อง เสียงจองหง่องจองหง่องป่องป่องดัง ฯ
๏ พวกหญิงชายฝ่ายประชาบรรดายักษ์ มาดูนักโทษหนุ่มต้องคุมขัง
ทั้งยักษีที่สาวเป็นชาววัง มาคับคั่งพรั่งพรูดังดูงาน
เห็นรูปงามยามเศร้าเธอเหงาง่วง นางข้าหลวงต่างว่าน่าสงสาร
ซื้อส้มสูกลูกไม้มาให้ทาน พระกุมารมิได้รับด้วยอับอาย ฯ
๏ วิรุณพัฒจึงจัดเครื่องประดับ ซึ่งสำหรับรามวงศ์ส่งถวาย
พญายักษ์รักมิตรคิดเสียดาย ของสหายเก็บไว้ในไพชยนต์
แล้วตรัสสั่งเสนีให้กรีทัพ ที่สำหรับรบศึกได้ฝึกฝน
ทั้งม้ารถคชสารชาญผจญ จะยกพลไปสังหารผลาญไพรี
วรุณพัฒนัดดาพลห้าร้อย ล้วนหนุ่มน้อยนำทางกลางวิถี
ครั้นสั่งเสร็จเสด็จจากแท่นมณี ขึ้นสู่ที่ปรางค์มาศปราสาทไชย
ฝ่ายอำมาตย์บาดหมายให้นายหมวด จึงเกณฑ์ตรวจเตรียมกันเสียงหวั่นไหว
แจกเสื้อหมวกพวกพลสกลไกร อสูรใส่ปีกบินเหมือนกินรา
ทั้งหน้าหลังตั้งถ้วนกระบวนทัพ เกณฑ์กำกับเกียกกายทั้งซ้ายขวา
มีปีกป้องกองแซงแต่งโยธา เป็นเสือป่าแมวเซา[๓]เป็นเหล่ากัน
ถือเขนโล่โตมรศรกำซาบ ทั้งดั้งดาบปืนแต่งล้วนแข็งขัน
คทาธรศรเสน่าทั้งเกาทัณฑ์ พลกุมภัณฑ์เพียบจังหวัดปัถพี
รถที่นั่งตั้งเวไชยันต์รัตน์ เทียมกัณฐัศว์ซ้ายขวามีสารถี
เทียบประทับกับเกยแก้วมณี แต่ราตรีเตรียมถ้วนกระบวนมาร ฯ
๏ ครั้งรุ่งเช้าท้าวเทพาสุราราช ตื่นไสยาสน์อ่าองค์สรงสนาน
นํ้าหอมฟุ้งปรุงปนสุคนธาร นางอยู่งานที่สรงประจงพัด
พระสอดสรรพสนับเพลาเพรากระหนก ภูษาปกปิดพระชงฆ์โจงกระหวัด
คาดปั้นเหน่งเปล่งเม็ดเพชรรัตน์ ประจงจัดประจำยามอร่ามเรือง
ฉลององค์ทรงสวมกรวมสลับ ผ้าทิพย์ทับเจียระบาดขลิบตาดเหลือง
ใส่เกราะเกล็ดเพชรล้วนค่าควรเมือง สลับเนื่องนพเก้าแวววาววับ
เกี่ยวกระหวัดรัดอกกระหนกกระหนาบ ทับทรวงทาบทับทรวงดุนดวงประดับ
พาหุรัดชัชวาลติดบานพับ ทองพระกรซ้อนซับสลับเพชร
ธำมรงค์วงวาวพลอยพราวพร่าง มงกุฎกระจ่างแจ่มจรัสดูตรัสเตร็จ
กรรเจียกจรซ้อนกุดั่นกัลเม็ด ครั้นสรรพเสร็จทรงมหาคทาธร
ขัดพระขรรค์บรรจงเหน็บวงจักร สอดสะพักสะพายแล่งพระแสงศร
ฝ่ายนงลักษณ์อัคเรศเกศกินร ไม่เห็นกรเกศาพญามาร
ไม่เคยเป็นเห็นว่าไปคงไม่รอด วิ่งเข้ากอดบาทบงสุ์ด้วยสงสาร
พลางทูลความตามนิมิตพิสดาร จงโปรดปรานเกศาอย่าคลาไคล
ทูลกระหม่อมจอมกระษัตริย์เหมือนฉัตรแก้ว ทำลายแล้วไม่มีที่อาศัย
นางทูลทัดภัสดาโศกาลัย กำนัลในใหญ่น้อยพลอยโศกี ฯ
๏ เจ้ากรุงยักษ์พักตร์สลดรันทดจิต ชำเลืองพิศพักตร์พระมเหสี
ทั้งห้ามแหนแสนสวาทราชบุตรี แม้นชีวีวอดวายเสียดายนัก
ระทวยทอดกอดกรถอนสะอื้น ตะลึงยืนเย็นทรวงเป็นห่วงหนัก
แล้วกลับจิตคิดสละมานะยักษ์ ตรัสปลอบอัครชายาธิดาดวง
อย่าโศกีพี่ไม่ครรไลลับ แล้วจะกลับคืนหลังมาวังหลวง
ทั้งห้ามแหนแสนสุรางค์นางทั้งปวง อย่าเศร้าทรวงเสียใจพี่ไม่ทิ้ง
อยู่พาราผาสุกอย่าทุกข์ร้อน ร้องละครสักรวาประสาหญิง
อย่ากลัวตายหมายมาดหวาดประวิง ไม่ทอดทิ้งสุดสวาทไม่คลาดคลา
พี่ปราบแดนแผ่นดินสิ้นพิภพ อย่าปรารภร้อนจิตขนิษฐา
แล้วแกล้งเดินเมินเฉยมาเกยชลา ขึ้นรถแก้วแววฟ้าให้คลาไคล
ประโคมฆ้องกลองแตรแห่เสด็จ เหาะระเห็จโห่สนั่นเสียงหวั่นไหว
ทอดธงทิวปลิวระยับทั้งทัพชัย พลไกรเกลื่อนฟ้านภาดล
ที่ใส่ปีกหลีกเพื่อนเลื่อนลอยล่อง แกว่งกระบองบินคว้างมากลางหน
วิรุณพัฒนัดดานำหน้าพล ต่างเร่งร้นรีบตามกันหลามไป ฯ
๏ จะกล่าวความรามวงศ์องค์โอรส โศกกำสรดเศร้าหมองไม่ผ่องใส
ต้องจองจำตรำตรากลำบากใจ อยู่บนไม้ขาหย่าง[๔]ทนร่างกาย
ถึงเจ็ดวันนั้นต้องยองยองนั่ง เหลือกำลังดังอุระจะสลาย
แกล้งอัดอั้นกลั้นใจจะให้ตาย ก็ไม่วายชีวาให้อาดูร
เสียดายองค์หลงกลด้วยคนคด จึงเสียยศยากไร้เสียไอศูรย์
เสียอำมาตย์ญาติวงศ์พงศ์ประยูร เสียตระกูลเกิดกายเป็นชายชาญ
โอ้อาลัยอัยกีโมลีโลก จะแสนโศกเศร้าสร้อยคิดคอยหลาน
เมื่อทูลลาสารพัดจะทัดทาน กรรมบันดาลดลใจมิให้ฟัง
แสนสงสารมารดรบิตุเรศ จะตั้งเนตรคอยหายอยู่ภายหลัง
จะรีบไปให้ถึงเขตนิเวศน์วัง มาแคล้วคลาดพลาดพลั้งเสียครั้งนี้
จะสูญลับอับอายถึงวายวอด มิได้รอดไปประณตบทศรี
สงสารพระชนกชนนี ทั้งอัยกีมิได้เห็นใจแล้ว
เพราะหลงคำสำคัญว่ามันรัก จึงนับพักตร์แผ่เผื่อว่าเชื้อแถว
เปรียบเหมือนนกตกล่วงเข้าบ่วงแร้ว ไม่คลาดแคล้วชีวันจะบรรลัย
ยิ่งตรึกตราอาดูรพูนเทวษ นํ้าพระเนตรนองตกซกซกไหล
แสนระกำจำทนด้วยจนใจ สะอื้นอ้อนร้อนฤทัยดังไฟกาล
อันข้าวนํ้าพะทำมะรงให้ทรงยศ ก็สู้อดด้วยว่าจะอาสัญ
แต่ตั้งสัตย์อธิษฐานถึงเทวัญ ทุกช่องชั้นช่วยเห็นเป็นพยาน
อยู่ดีดีมิผิดมันคิดโกรธ มาทำโทษชีวังจะสังขาร
ให้แจ้งจิตบิตุรงค์ทั้งวงศ์วาน มาล้างผลาญกุมภัณฑ์ให้บรรลัย
แต่ครวญครํ่ารำลึกสะอึกสะอื้น สุดจะฝืนแรงดำรงองค์ไม่ไหว
ด้วยหิวโหยโดยอดสลดใจ สลบไปปิ้มชีวิตจะปลิดปลง ฯ
๏ จะกล่าวแก้วกินรีบุตรีนาฏ บิตุราชรักสงวนนวลระหง
เป็นปิ่นเกล้าเหล่าสุรางค์นางอนงค์ พอใจทรงฟังเรื่องเบื้องโบราณ
ที่ยากไร้ได้ฟังก็สังเวช นํ้าพระเนตรหยดลงด้วยสงสาร
สอนให้เหล่าสาวสรรค์พนักงาน ชำนาญอ่านอักขราทุกนารี
คืนวันนั้นบรรทมบนแท่นรัตน์ มิได้ตรัสเรียกเหล่านางสาวศรี
รัญจวนจิตธิดาในราตรี จนหลับไปในที่ศรีไสยา ฯ
๏ จะกลับกล่าวถึงท้าวสหัสเนตร เป็นปิ่นเกศดาวดึงส์ไตรตรึงษา
เคยไสยาสน์อาสน์อ่อนแต่ก่อนมา กลับกระด้างอย่างศิลาน่าอัศจรรย์
จึงเผยแกลแลเล็งเพ่งพระเนตร ทั่วประเทศทิศาสุธาสวรรค์
เห็นรามวงศ์พงศาเมืองมารัน ต้องโทษทัณฑ์แทบกายจะวายชนม์
กับโฉมแก้วกินรีบุตรียักษ์ เป็นคู่รักร่วมสร้างทางกุศล
จึงอาเพศเหตุการณ์บันดาลดล ถึงไพชยนต์ทิพรัตน์ด้วยสัจจา
จำจะช่วยด้วยผลาอานิสงส์ ให้สืบทรงศักราชศาสนา
จึงหยิบสังข์มารสิญจน์ของอินทรา เสด็จจากฟากฟ้าในราตรี ฯ
๏ ถึงเมืองมารอ่านเวทวิเศษสะกด พวกรากษสเฝ้าหลับเหมือนกับผี
ค่อยช้อนองค์พงศ์กระษัตริย์สวัสดี ออกจากที่ทารกรรมพ้นจำจอง
แล้วพรมพรำนํ้าสังข์ให้ทั้งหลับ ให้เร่งกลับทรงสกนธ์หายหม่นหมอง
แล้วพามาสิงหาสน์ปราสาททอง เข้าในห้องธิดาพญามาร
ค่อยวางองค์ลงแอบแนบเขนย ยกกรเกยก่ายกอดสอดประสาน
แล้วยืนยิ้มพริ้มพักตร์มัฆวาน ไปวิมานเมืองฟ้าสุราลัย ฯ
๏ ฝ่ายนงนุชบุตรีนารีราช เมื่อหน่อนาถแนบประทับยังหลับใหล
ครั้นรู้สึกนึกอนาถประหลาดใจ จะถอยไปไม่พ้นด้วยมนตรา
จะพลิกผลักสักเท่าไรก็ไม่พ้น ให้อั้นอ้นจนจิตขนิษฐา
นึกจะร้องข้องขัดหัทยา ตกประหม่ามึนตึงตะลึงตะไล
ประทีปทองส่องสว่างกระจ่างพักตร์ ประหลาดนักหนุ่มนี้อยู่ที่ไหน
ยิ่งเพ่งพิศคิดประหวัดกำหนัดใน แกล้งผลักไสสั่นองค์ด้วยสงกา ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถไสยาสน์หลับ สะดุ้งวับหวาดตื่นฟื้นผวา
ประทีปทองส่องสว่างกระจ่างตา เห็นนางหน้านวลแนบนอนแอบองค์
ลุกไม่ขึ้นมึนตึงตะลึงคิด ประหลาดจริงนิ่งพินิจพิศวง
เมื่อราตรีชีวิตจะปลิดปลง กลับดำรงแรงรื่นค่อยชื่นใจ
เครื่องกระสันพันธนาไม้ขาหย่าง คนรอบข้างไม่เห็นเป็นไฉน
หรือนารีนี้พาเรามาไว้ จึงผลักไสเซ้าซี้แกล้งยียวน
พอนางหยิกพลิกองค์แนบนงลักษณ์ จุมพิตพักตร์ซักถามทรามสงวน
เจ้างามขำลํ้านางสำอางนวล อย่าหยิกข่วนข้องขัดสลัดกร
แม่โฉมงามนามใดจะใคร่รู้ พี่จะอยู่ฝากกายสายสมร
ได้อิงแอบแนบชิดสนิทนอน ไม่จากจรจนชีวันจะบรรลัย
นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนจิต มาแนบชิดยังซํ้าทำไถล
ไม่ขอสู่อยู่หนตำบลใด ชื่ออย่างไรไยมาในราตรี
เข้าชิดเชื้อเหลือลามแล้วถามซัก ทำเยื้องยักสาหัสน่าบัดสี
มิบอกจริงยิ่งกวนทำยวนยี ประเดี๋ยวนี้จะร้องให้ก้องวัง
พระฟังคำรำพึงคะนึงคิด ประหลาดจิตผิดอย่างแต่ปางหลัง
มาอิงแอบแนบชิดเหมือนติดตัง ดูเหมือนดังเทพไทจะให้เมีย
จะบอกความตามเรื่องที่เคืองแค้น ก็สุดแสนขายหน้าประดาเสีย
ต้องจำจองหมองไหม้ดังไฟเลีย จึงไกล่เกลี่ยกลบความตามสำเนา
ใครจะพามาไว้ก็ไม่แจ้ง ใช่จะแกล้งกล่าวประโลมโฉมเฉลา
จึงถามไถ่ใคร่รู้ไม่ดูเบา ด้วยเดิมเราไม่พบประสบกัน
แต่บุญเคยเชยชมประสมสอง ได้แนบน้องเนื้อหอมถนอมขวัญ
อย่าขัดขวางห่างเหินให้เนิ่นวัน จงผินผันพักตรามาพาที
พลางอิงแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ นางพลิกผลักพลางว่าน่าบัดสี
พระสวมสอดกอดกวนให้ยวนยี นางจะหนีให้พ้นก็จนใจ
พระสอดซ้อนกรกุมปทุมประทับ นางพลิกกลับผินพักตร์คอยผลักไส
พระก่ายกอดสอดคล้องทำนองใน นางจนใจจำเมินด้วยเกินกาย
อุประมา[๕]ราหูเข้าจู่จับ เหมือนเมฆทับกลับเกลื่อนดวงเดือนหาย
เคี้ยวขม้ำกลํ้ากลืนไม่คืนคาย ฝูงหญิงชายต่างตื่นเสียงครื้นเครง
เอาขันจอกออกเคาะกุกเกาะกริ่ง ปืนใหญ่ยิงยัดดินสิ้นเขนง[๖]
ประโคมฆ้องกลองระฆังเสียงวังเวง ดังเหง่งเหง่งเก่งก่างโหง่งหง่างดัง
ประเดี๋ยวดลฝนลั่นเสียงครั่นครึก ที่ลุ่มลึกแหล่งหล้าคงคาขัง
พอดาวเดือนเคลื่อนลดไม่บดบัง ต่างลุกนั่งขึ้นสบายไม่อายกัน
นางชื่นชอบนอบนบอภิวาท ขอรองบาทบาทาจนอาสัญ
จะทูลความตามจริงทุกสิ่งอัน ไม่บากบั่นเบือนบ่ายทำอายใจ
ฉันชื่อแก้วกินรีบุตรีราช โปรดประภาษบอกความนามไฉน
จะจงรักภักดีแต่นี้ไป น้องมิได้ข้องขัดหัทยา
พระทราบเรื่องเคืองขัดให้อัดอั้น ไม่หวังพันผูกรักกับยักษา
เสียดายองค์นงลักษณ์ซบพักตรา พระชลนาคลอคลอท้อฤทัย
ระทวยจิตคิดคะนึงตะลึงนิ่ง สุดจะทิ้งมิ่งมิตรพิสมัย
สุดจะคิดชิดเชื้อเป็นเยื่อใย เศร้าพระทัยถอนสะอื้นกลืนนํ้าตา
นางเห็นนิ่งกริ่งจิตคิดประหลาด ชุลีบาทบทเรศพระเชษฐา
มิออกอรรถมธุรสพจนา หรือโกรธาขัดขวางเป็นอย่างไร
หรือน้องนี้มีโทษไม่โปรดตอบ หรือไม่ชอบกิริยาอัชฌาสัย
จงโปรดเกล้าเล่าแถลงให้แจ้งใจ น้องก็ไม่ขออยู่จะสู้ตาย
ต้องเสียตัวชั่วนักเพราะรักหลง หวังดำรงรองบาทเหมือนมาดหมาย
ไม่สมหวังทั้งกลับได้อับอาย พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาดูร ฯ
๏ พระลูบโลมโฉมเฉลาเยาวลักษณ์ ที่ความรักสุดสวาทไม่ขาดสูญ
แม่เชื้อชาติราชหงส์ทรงตระกูล เหมือนไพฑูรย์เทียมเท่าเขาคีรี
จะหาไหนได้เหมือนแม่เพื่อนรัก ได้ชูพักตร์พี่ยาเป็นราศี
ได้เชยชมสมถวิลก็ยินดี แต่บุญพี่นี้น้อยนะกลอยใจ
เหมือนโกสุมภุมเรศประเวศถวิล ได้เสียกลิ่นเสาวรสที่สดใส
เสียดายดวงพวงผกาสุมาลัย มากรายใกล้แล้วจะกลับลิบลับตา
พระบิตุราชมาตุรงค์ของนงลักษณ์ ประเสริฐศักดิ์สุรชาติวาสนา
แม้นรู้เรื่องเคืองชัดพระอัชฌา จะเข่นฆ่าให้ขาดสวาทวาย
เหมือนได้แก้วแล้วมิได้อยู่ใกล้ชิด พี่คิดคิดแล้วให้จิตใจหาย
สงสารสุดนุชน้อยจะพลอยอาย แสนเสียดายดวงใจกระไรเลย
จึงไม่บอกออกนามด้วยความรัก จะเสียศักดิ์ภคินีเจ้าพี่เอ๋ย
ได้ชิดเชื้อเนื้อละมุนเพราะบุญเคย จะได้เชยเช่นนี้สักกี่วัน
ฟังพี่ว่าอย่าสลดกำสรดจิต พลางเชยชิดโฉมน้องประคองขวัญ
เพราะขัดขวางต่างประเทศต่างเขตคัน พี่อัดอั้นอกซํ้าระกำใจ
พระธิดาอาดูรพูนเทวษ ไม่แจ้งเหตุพระองค์ยิ่งสงสัย
สะอื้นอ้อนวอนว่าด้วยอาลัย ถึงอยู่ไปเป็นหม้ายก็อายนัก
วิสัยหญิงจริงจิตไม่คิดชั่ว มิให้มัวหมองซํ้าด้วยตํ่าศักดิ์
ประการหนึ่งถึงไพร่ถ้าได้รัก จะก้มพักตร์ปรนนิบัติด้วยสัจจัง
สู้ล้มตายวายวางไปข้างหน้า ตามประสาบุญน้อยไม่ถอยหลัง
เหมือนตัวน้องครองใจอยู่ในวัง บุรุษยังมิได้ต้องนัยนา
พระถูกต้องน้องแล้วจะแคล้วคลาด เหมือนเศียรขาดชีวังจะสังขาร์
มิขออยู่สู้ตายวายชีวา พลางโศกากำสรดสลดใจ
พระรามวงศ์สงสารรำคาญจิต ประคองชิดเช็ดนํ้าตาแล้วปราศรัย
แม่ยอดหญิงยิ่งลบทั้งภพไตร จะบอกให้แจ้งเจ้าเยาวมาลย์
พี่ทรงนามรามวงศ์พงศ์กระษัตริย์ ครองราชสมบัติมหาสถาน
มาถูกต้องจองจำทำประจาน เยาวมาลย์แม่ก็รู้อยู่ด้วยกัน
แม้นเครื่องทรงยงยุทธ์อาวุธพี่ ยังคงมีเหมือนก่อนพอผ่อนผัน
จะอุ้มแก้วแววตาวิลาวัณย์ จากนิเวศน์เขตขัณฑ์ไม่อันตราย
แต่ครั้งนี้พี่ยากลำบากจิต สุดจะคิดแก้ไขจิตใจหาย
ถึงปลดปลงคงกอดเจ้าวอดวาย ไม่ละสายสุดสวาทให้คลาดคลา
พลางอุ้มองค์นงลักษณ์อัคเรศ ชลเนตรพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
นางนอบนบอภิวาทว่าสาตรา พระบิดาเอาไว้ในไพชยนต์
จะแก้ไขให้มาอย่าปรารภ คงได้ครบสารพัดไม่ขัดสน
พระสมถวิลยินดีด้วยนิรมล เหมือนรอดพ้นภัยพาลสำราญใจ
ปลอบประโลมโฉมเฉลาว่าเจ้าพี่ ช่างปรานีเชษฐาจะหาไหน
แม้นชาตินี้ชีวันไม่บรรลัย ไม่จากไกลแก้วตาให้อาวรณ์
ทั้งสองข้างต่างสบายค่อยวายทุกข์ เกษมสุขบนสุวรรณบรรจถรณ์
ยิ่งชื่นชุ่มหนุ่มสาวไม่หาวนอน เผยบัญชรชมฟ้านภาลัย
จนรุ่งรางนางมิได้ไขวิสูตร แกล้งรวบรูดม่านทองทั้งสองไข
ให้บังองค์ทรงธรรม์อยู่ชั้นใน นางออกไปห้องกลางเหมือนอย่างเคย
แกล้งสั่งเหล่าสาวใช้ให้ผายผัน แต่งสุพรรณภาชน์ทองของเสวย
ทั้งคาวหวานพานขนมเครื่องนมเนย ตั้งเสวยที่ในห้องไสยา
แกล้งใช้เหล่าสาวใช้ไปเสียหมด น้อมประณตเชิญเสด็จพระเชษฐา
ถวายเครื่องเอมโอชโภชนา ทั้งสองราร่วมเสวยคุ้นเคยกัน
ครั้นเสร็จสรรพกับสุรางค์นางเล็กเล็ก สาวเด็กเด็กเดินรายตามผายผัน
ขึ้นปรางค์ทองห้องท้าวเจ้ากุมภัณฑ์ ใช้กำนัลไปสิ้นดังจินดา
หยิบเครื่องทรงมงกุฎอาวุธเพชร ได้สรรพเสร็จสมมาดปรารถนา
บังสไบให้ลับแล้วกลับมา ให้กระษัตริย์ภัสดาสารพัน
พระรามวงศ์ทรงเครื่องเรืองจรัส โสมนัสดังผ่านวิมานสวรรค์
ถนอมแนบแอบนางไม่ห่างกัน เกษมสันต์ซิกซี้ด้วยปรีดา ฯ
๏ ฝ่ายพวกพระนครบาลมารขุนหมื่น ครั้นเช้าตื่นฟื้นกายทั้งซ้ายขวา
มิได้เห็นรามวงศ์ยิ่งสงกา ดูขื่อคาสารพัดไม่คัดง้าง
ทีทำนองล่องหนด้วยมนตร์เวท ผิดสังเกตสารพัดจะขัดขวาง
เที่ยวสืบถามตามถนนทุกหนทาง ทั่วระวางตามไปมิได้พบ
พวกผู้คุมกุมภัณฑ์ต่างขวัญหาย ที่กลัวตายเต็มทีออกหนีหลบ
เหล่าทำมะรงกงกำต้องจำครบ บ้างอพยพยกครัวกลัวอาญา ฯ
๏ ฝ่ายเสนีที่เป็นใหญ่เข้าไปเฝ้า ทูลนงเยาว์ยอดรักท้าวยักษา
อันรามวงศ์ลงเหล็กไว้ตรึงตรา เมื่อเวลาคืนนี้หลบหนีไป
ให้ค้นคว้าหารอบทั้งขอบเขต ไม่แจ้งเหตุไปหนตำบลไหน
เอาทำมะรงกงกำนั้นจำไว้ จงทราบใต้บาทายุพาพาล
ฝ่ายเอกองค์นงลักษณ์อัคเรศ ได้ทราบเหตุเห็นศึกจะฮึกหาญ
จึงกำชับกับมหาเสนามาร จงเตรียมการป้องกันอันตราย
ให้นั่งยามตามไฟอย่าได้หลับ ตรวจกำชับอสุรินสิ้นทั้งหลาย
ต่างรับสั่งทั้งสี่เสนีนาย ไปบาดหมายหมู่หมวดเที่ยวตรวจตรา
นางโฉมยงสงสัยอยู่ในจิต ปัจจามิตรมีมนตร์ดลคาถา
จะทดแทนแค้นขัดหัทยา ให้โขลนจ่าขรัวนายรายระวัง
ตรวจประตูดูแลกุญแจใส่ ข้างนอกในซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง
แล้วโฉมตรูยุรยาตรจากบัลลังก์ ขึ้นไปยังปรางค์รัตน์ภัสดา
ดูเครื่องทรงมงกุฎอาวุธหาย คงผู้ร้ายมาลักแน่หนักหนา
นางตรองตรึกนึกพรั่นหวั่นวิญญาณ์ เสด็จมาปราสาทราชบุตรี
ชำเลืองแลแกลหับหรือหลับอยู่ เลียบเดินดูไม่เห็นเหล่านางสาวศรี
คิดสงสัยในอุราไม่พาที ตรงเข้าที่แท่นทองห้องบรรทม
เห็นหนุ่มน้อยกลอยใจวิไลลักษณ์ กับลูกรักร่วมจิตสนิทสนม
นางถอยถดลดองค์ลงบังคม อายอารมณ์ก้มหน้าไม่พาที
พระรามวงศ์เอนเอกเขนกนึก ใคร่ทำศึกสู้รบไม่หลบหนี
นางกระษัตริย์ตรัสเรียกพระบุตรี มานั่งที่ห้องกลางว่าอย่างไร
ไม่ปรึกษาหารือทำสื่อรู้ มามีชู้เจ้าเห็นเป็นไฉน
เขาเผ่าพงศ์วงศ์วานประการใด ดูกรรมกรรมทำได้ช่างไม่อาย
แม้นเลิกทัพกลับมาบิดารู้ ว่ามีชู้ชีวาตม์จะขาดหาย
จะพาเราเผ่าพันธุ์เป็นอันตราย นางฟูมฟายชลนานั่งจาบัลย์ ฯ
๏ พระธิดาสารภาพกราบพระบาท ควรรับราชอาชญาถึงอาสัญ
แต่ความจริงสิ่งสัตย์อัศจรรย์ ไม่หมายมั่นจะเป็นถึงเช่นนี้
เมื่อเที่ยงคืนฟื้นกายเห็นชายชิด มิได้คิดจะคบจะหลบหนี
ลุกไม่ขึ้นมึนสิ้นทั้งอินทรีย์ เพราะถึงที่ชีวันจะบรรลัย
ได้หมองมัวชั่วแล้วไม่แคล้วผิด มิได้คิดกล่าวแกล้งแถลงไข
นางทูลความตามจริงทุกสิ่งไป พระหน่อไทนั้นนามรามวงศ์
พระชนนีตีอุระว่าชะลูก ช่างพันผูกแผ่เผื่อเห็นเหลือหลง
ก็เมื่อรู้อยู่ว่าผิดกับบิตุรงค์ สั่งให้ลงโทษจำทำประจาน
แกล้งหนีมาหาลูกเพราะผูกแค้น จะทดแทนทำฉาวให้ร้าวฉาน
พลอยอับอายขายหน้าพญามาร พวกไพร่บ้านพลเมืองจะเลื่องลือ
มารีบรักนักโทษเหมือนโหดไร้ นี่งามหน้าหาอะไรทำได้หรือ
จะลุกลามความใหญ่เหมือนไฟฮือ มันขืนถือที่ผิดจึงบิดบัง
ทำไม่เห็นเป็นไม่รู้ว่าผู้ร้าย จะได้รับอับอายเมื่อภายหลัง
ให้ข้าเฝ้าเขาลากไปจากวัง ใส่คุกขังให้ตายก็หายความ
พระธิดาว่ากรรมจะทำชั่ว จะฆ่าผัวกลัวบาปที่หยาบหยาม
แสนอดสูดูไปก็ไม่งาม จะตายตามเวรกรรมที่ทำมา
พระมารดรค้อนแค้นว่าแสนดื้อ ชะช่างถืออุณรุทนางอุษา
สู้ถนอมกล่อมเกลี้ยงอุ้มเลี้ยงมา จนใหญ่กล้าว่าไรก็ไม่ฟัง
ครั้นผิดมีมิชั่วแต่ตัวเจ้า พลอยให้เราวุ่นวายเมื่อภายหลัง
สอนไม่เอาเจ้าจะทำแต่ลำพัง ข้าไม่ฟังเจ้าดอกบอกให้รู้
จะแพร่งพรายขายหน้าพญายักษ์ ทั้งเสียศักดิ์เสียยศได้อดสู
อย่าขืนคิดพิศวาสชาติศัตรู มาไปอยู่กับข้าอย่าช้าที
พลางจูงหัตถ์ตรัสขู่ดูดู๋ดื้อ ยังแกะมือขืนขัดน่าบัดสี
ไม่ละวางนางฉุดพระบุตรี ทั้งหยิกตีเท่าไรไม่ไคลคลา ฯ
๏ พระรามวงศ์สงสารแหวกม่านกั้น ให้สาวสรรค์เห็นกายทั้งซ้ายขวา
เข้าขัดขวางกางกั้นจำนรรจา เมียของข้าข่มเหงไม่เกรงใจ
ขืนจุกจิกหยิกตีจะวิวาท ไม่ใช่ชาติทาสาอัชฌาสัย
พลางชิงนางขวางขัดกุมหัตถ์ไว้ จะเป็นไรเป็นไปเถิดไม่กลัว ฯ
๏ พระมารดาว่าเจ้านี่อยู่ที่ไหน ใครยกให้เจ้ามาว่าเป็นผัว
มาชิงช่วงหวงกันทำพันพัว ทะนงตัวเต็มประดาชะล่าลาม
ลูกของข้าว่ายากก็ลากฉุด มาแย่งยุดข่มเหงไม่เกรงขาม
เหมือนแกล้งพาลราญทางทำขวางความ เจ้าหน่อนามนคเรศประเทศใด ฯ
๏ พระฟังคำทำว่าสมาบาป ทำก้มกราบตรัสแจ้งแถลงไข
เมื่อตะกี้นี้ไม่รู้ว่าผู้ใด เดี๋ยวนี้ได้รู้แน่ว่าแม่ยาย
ลูกนี้นามรามวงศ์ที่ลงโทษ คิดประโยชน์จะเป็นกระเส็นสาย
ต้องจองจำรํ่ารับแต่อับอาย จึงฝากกายธิดาพญามาร
หมายจะใคร่ให้สนิทกับบิตุราช ทั้งพระมาตุรงค์จงสงสาร
เมื่อตะกี้นี้ว่าไม่ได้ประทาน เยาวมาลย์มิใช่คู่ไม่รู้เลย
แต่ลอบลักรักใคร่ถึงได้เสีย มิใช่เมียหรือขอรับไม่นับเขย
เป็นคราวเคราะห์เพราะบุญไม่คุ้นเคย อย่าถือเลยลูกได้ยึดไม้มือ
ขอทูลความตามจนเป็นคนยาก พระจะพรากให้ใครที่ไหนหรือ
ลูกอาวรณ์ร้อนใจดังไฟฮือ โปรดอย่าถือโทษทัณฑ์หม่อมฉันเลย ฯ
๏ นางฟังคำซํ้าจิตยิ่งคิดแค้น ชะช่างแสนซื่อสุดเจ้าบุตรเขย
ทั้งก้าวเฉียงเลี่ยงเลียบพูดเปรียบเปรย ยั่วเยาะเย้ยตัดพ้อล้อแม่ยาย
จะแก้แค้นแทนทำให้หนำจิต หรือจะคิดพันผูกเจ้าลูกขาย
เพราะบุตรีนี้เยาว์เหมือนเต่าตาย จึงได้อ้ายศัตรูมาดูแคลน
ยิ่งกริ้วแก้วกินรีว่าอีดื้อ เห็นแล้วหรือรักเสือมันเหลือแสน
ยังหน่วงหนักชักช้าดูน่าแค้น จะขืนแค่นขายหน้าอยู่ว่าไร ฯ
๏ พระบุตรีพิลาปก้มกราบบาท ลูกเสียชาติชั่วนักควรตักษัย
พระมาตุรงค์จงระงับดับพระทัย เสด็จไปปรางค์มาสปราสาททอง
แล้วลูกรักจักไปตามเป็นความสัตย์ ขอผ่อนผัดผ่านเกล้าอย่าเศร้าหมอง
มีแสนสาวชาวแม่อยู่แซ่ซ้อง ออกจากห้องเขาจะดูอดสูใจ ฯ
๏ นางแค้นสุดฉุดคร่าประสาหญิง ลูกเขยชิงแย่งยุดฉุดไม่ไหว
ยิ่งโกรธาว้าวุ่นเป็นฟุนไฟ คงจะได้เห็นกันในวันนี้
แล้วโฉมยงลงมาหน้าปราสาท กลัวหน่อนาถจะพาธิดาหนี
ให้สาวใช้ไปสั่งขุนเสนี เตรียมโยธีไวไวมาในวัง
พวกสาวใช้ได้กำชับรับคำตรัส วิ่งตะปัดตะป่องไปเหมือนใจหวัง
พบเสนาข้าเฝ้าเล่าให้ฟัง ตามรับสั่งเสร็จสรรพแล้วกลับมา
ส่วนเสนีที่เป็นนายฝ่ายทหาร เร่งเรียกมารพลนิกายทั้งซ้ายขวา
ล้วนจัดเจนเกณฑ์หัดถือสาตรา ได้พลห้าร้อยถ้วนล้วนฉกรรจ์
เข้าในวังพรั่งพร้อมล้อมปราสาท ต่างมุ่งมาดจะมัดรัดกระสัน
นางกระษัตริย์ตรัสสั่งพวกกุมภัณฑ์ ให้พร้อมกันรอราฟังอาการ
แล้วตรัสเรียกบุตรีนารีราช อย่าหมายมาดจะพ้นพลทหาร
มิลงมาช้านักพวกยักษ์มาร จะพลอยผลาญชีวันให้บรรลัย ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ธิดาพญายักษ์ เสียงคึกคักคิดพรั่นประหวั่นไหว
พระองค์สั่นขวัญหนีไม่มีใจ นางวิ่งไปปิดทวารบานบัญชร
ค่อยแย้มแกลแลดูอสุรยักษ์ เห็นคึกคักคั่งคับสลับสลอน
แลเห็นองค์ชนนีชุลีกร พระมารดรจงโปรดที่โทษทัณฑ์
ให้เลิกทัพกลับไปไว้ชีวิต อย่าเพิ่งคิดเข่นฆ่าให้อาสัญ
แล้วลูกกับภัสดาจะพากัน ไปคำนับอภิวันท์เหมือนสัญญา
นางกระษัตริย์ตรัสขู่ไม่รู้ด้วย แม้นกลัวม้วยแล้วจงลงมาหา
ถ้าดึงดื้อถือดีมิลงมา จะจับฆ่าให้ม้วยไปด้วยกัน ฯ
๏ พระรามวงศ์สงสารศรีสวัสดิ์ เห็นผ่อนผัดมารดรไม่ผ่อนผัน
เข้าเคียงชิดวนิดาวิลาวัณย์ กอดประทับรับขวัญจำนรรจา
ทำไมกับทัพยักษ์เหมือนหยากเยื่อ พี่เหมือนเชื้อเพลิงสว่างกลางเวหา
จะมุ่นไหม้หายฉิบไม่พริบตา แก้วกานดาดูเล่นให้เย็นใจ
แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องพิชัยยุทธ์ ยกแย่งครุฑเครือทองผุดผ่องใส
ปั้นเหน่งเพชรเตร็จแก้ววาวแววไว แล้วสอดใส่ฉลององค์อลงการ
ใส่เกราะเพชรเตร็จตรัสเกี่ยวรัดอก ทับกระหนกกระหนาบลายสายประสาน
กรองศอสลับทับนวมสวมสังวาล แก้วประพาฬพาหุรัดจำรัสเรือง
ทองพระกรซ้อนทรงสวมมงกุฎ ประดับบุษราคัมล้วนนํ้าเหลือง
ธำมรงค์ลงยาล้วนค่าเมือง อร่ามเรืองรัศมีฉวีวรรณ
คทาธรศรแผลงพระแสงจักร สอดสะพักสะพายแล่งทรงแสงขรรค์
พลางร่ายมนตร์รณรงค์คงกระพัน ประกอบกันแคล้วคลาดทั้งสาตรา
แล้วหยุดยั้งนั่งแนบอิงแอบอุ้ม ประจงจุมพิตชิดขนิษฐา
พี่จะผลาญมารหมู่อสุรา ให้มารดาดูเล่นพอเห็นฤทธิ์
แม่ทรามเชยเผยแกลแลดูพี่ แต่พอมีแรงรื่นค่อยชื่นจิต
นางห้ามผัวกลัวจะตายวายชีวิต พระอย่าคิดรบสู้กับหมู่มาร
อันโยธีมีศักดาอานุภาพ เคยไปปราบธานินทุกถิ่นฐาน
รู้เหาะเหินเดินฟ้าลงบาดาล ทั้งเชี่ยวชาญใช้มนตร์กลวิชา
พระโฉมยงองค์เดียวดูเปลี่ยวนัก จะรบยักษ์มารมากยากหนักหนา
ค่อยนิ่งดูอยู่ในที่ไสยา มันรุกมาโจมจับจึงรับรอง
พอว่างศึกดึกดื่นคืนวันนี้ จึงลอบหนีจากวังไปทั้งสอง
พระทรงเกราะเหาะได้ดังใจปอง อันตัวน้องจะบินเหมือนกินรี
ตามแต่พระจะไปไหนขอไปด้วย จนมอดม้วยไม่อางขนางหนี
ถวายชีวิตสิทธิ์ขาดแล้วชาตินี้ พลางโศกีกอดบาทไม่คลาดคลา
พระสวมสอดกอดประทับแล้วรับขวัญ อย่าหวาดหวั่นไหวจิตขนิษฐา
ความรักเจ้าเท่าชีวีของพี่ยา เพราะแก้วตามีคุณการุญรัก
ได้เครื่องทรงยงยุทธ์อาวุธครบ จะรุกรบปราบได้ทั้งไตรจักร
จะซ่อนเร้นเป็นชายก็อายนัก ทั้งพวกยักษ์จะฮึกนึกทะนง
เวลานี้พี่จะขอไปต่อสู้ แม่คอยดูจงสงวนนวลระหง
พลางอิงแอบแนบน้องประคององค์ อุ้มมาตรงแกลสุวรรณพรรณราย ฯ
๏ พวกแสนสาวชาวแม่แลเห็นโฉม ควรประโลมแลเหมือนดังเดือนหงาย
สำอางเอี่ยมเยี่ยมยิ้มดูพริ้มพราย แต่แม่ยายอายใจกระไรเลย
เห็นลูกตัวผัวแอบอยู่แนบข้าง จะเรียกนางนึกสะเทิ้นทำเมินเฉย
พระหน่อไทไอกระแอมยิ้มแย้มเย้ย นางแค้นเขยขายหน้าไม่พาที
พระวางองค์นงลักษณ์ชักพระขรรค์ จรจรัลจากปรางค์ปราสาทศรี
พระยอบองค์ลงว่าพระชนนี จะฆ่าตีไม่คิดกับธิดา
ถึงดีชั่วตัวลูกได้ถูกต้อง จะเป็นสองนั้นไม่ถือหรือพุขา
นางไม่ตอบลอบสั่งขุนเสนา ให้โยธาจับกุมไปคุมไว้ ฯ
๏ อำมาตย์ยักษ์ขับยักษ์เข้าพรักพร้อม ต่างหุ้มห้อมโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว
พระหน่อนาถฟาดฟันพระขรรค์ชัย เป็นเปลวไฟไหม้มารไม่ทานทน
ถูกเนื้อตัวหัวขาดเกลื่อนกลาดกลุ้ม ที่เหลือรุมรบรับกันสับสน
พระหวดหันผันโผนโจนประจญ สังหารพลยักษ์ตายลงก่ายกัน ฯ
๏ สี่อำมาตย์อาจองเข้ายงยุทธ์ อุตลุดเลี้ยวลัดสะพัดผัน
พระรบรับจับรุมกับกุมภัณฑ์ ขึ้นเหยียบยันฟันสี่เสนีตาย
ที่เหลือบ้างต่างวิ่งทิ้งอาวุธ ไม่ต่อยุทธ์โยธีแตกหนีหาย
สาวสุรางค์นางกระษัตริย์วิ่งพลัดพราย ต่างวุ่นวายแซ่ทั้งในวังเวียง
พระมาตุรงค์ตรงขึ้นบนปรางค์รัตน์ เข้าห้องขัดดาลเงียบไม่เกรียบเสียง
พวกล้อมวังนั่งป้อมไม่พร้อมเพรียง ต่างหลีกเลี่ยงหลบตัวด้วยกลัวตาย ฯ
๏ พระหน่อไทได้ชนะขึ้นปราสาท เข้าร่วมอาสน์แนบประโลมนางโฉมฉาย
ค่อยเชยพลางทางว่าชะแสนสบาย ค่อยเหือดหายหิวได้ชื่นใจจริง
เจ้าเห็นดีพี่แล้วหรือฝีมือรบ ไม่หลีกหลบทิ้งทอดแม่ยอดหญิง
นางสงสารมารดรรํ่าวอนวิง น้องนี้ยิ่งทุกข์ช้ำระกำใจ
แต่ผิดพลั้งดังนี้แล้วมิหนำ พระมาซํ้าฆ่ายักษ์ให้ตักษัย
ยิ่งซ้ำผิดติดพันทุกวันไป เหมือนแกล้งให้มารดรร้อนรำคาญ
เมื่อตะกี้นี้น้องแลตามแกลรัตน์ เห็นวิ่งพลัดไปแต่องค์น่าสงสาร
แม้นทรงฤทธิ์บิตุเรศรู้เหตุการณ์ จะเดือดดาลดังไฟประลัยกัลป์
เมื่อเลิกทัพกลับมาจะว้าวุ่น พระการุญน้องก่อนคิดผ่อนผัน
อย่ารบสู้หมู่มารรำคาญครัน รีบพากันไปให้พ้นไพรี ฯ
๏ พระเชยโฉมโลมปลอบให้ชอบชื่น ไม่ขัดขืนคำน้องอย่าหมองศรี
มิคิดแล้วแก้วตาของสามี อยู่ต่อตีลองฤทธิ์กับบิดา
หวังต่อกรรอนราญประหารยักษ์[๗] แต่คิดถึงน้องรักเป็นหนักหนา
ซึ่งสังหารผลาญหมู่อสุรา พระมารดายิ่งแค้นแสนรำคาญ
เมื่อตะกี้นี้วิ่งทิ้งสาวใช้ คิดจะใคร่ไล่ส่งก็สงสาร
พลางแย้มสรวลชวนชื่นรื่นสำราญ เยาวมาลย์แม่เหมือนเพื่อนชีวา
เอ็นดูพี่มีคุณเมื่อคราวยาก พี่หวังฝากชีวิตขนิษฐา
จะพานุชสุดสวาทราชธิดา ไปกรุงแก้วโกญจาเมืองมารัน
จงจัดแจงแต่งกายสายสวาท เที่ยวประพาสภูผาพนาสัณฑ์
ถึงยากเย็นเป็นไฉนไม่ไกลกัน จริงนะขวัญนัยนาอย่าอาวรณ์ ฯ
๏ ฝ่ายโฉมแก้วกินรีศรีสวัสดิ์ นางกระษัตริย์เศร้าทรวงดวงสมร
คิดพะวงสงสารพระมารดร จะจำจรจำใจจำไกลเมือง
อยู่ภายหลังตั้งแต่พระแม่เจ้า จะโศกเศร้าทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง
อยู่พาราว้าวุ่นจะขุ่นเคือง สุดจะเปลื้องปลดผิดที่ติดพัน
เป็นห่วงหนึ่งถึงทรงฤทธิ์บิตุเรศ เคยโปรดเกศชุบย้อมถนอมขวัญ
จะพลัดพรายตายเป็นไม่เห็นกัน สะอื้นอั้นอารมณ์ระทมทวี
วิบากกรรมจำใจจำให้ผิด สุดจะคิดปิดป้องจึงต้องหนี
ค่อยแข็งขืนฝืนอารมณ์สมประดี ไปเข้าที่สรงชลสุคนธาร
ภูษาทิพย์จีบประจงทรงเข็มขัด สะอิ้งรัดพรรณรายสายประสาน
ทรงสร้อยทองรองนวมสวมสังวาล ทองกรบานพับพลอยแพรวพลอยพราย
พระธำมรงค์ทรงใส่ในนิ้วหัตถ์ ล้วนแก้วเก็จเพชรรัตน์จรัสฉาย
เรือนมณฑปนพเก้าดังดาวราย ทับทิมพรายไพฑูรย์จรูญเรือง
ทรงมงกุฎบุตรีสวมสิโรตน์ มณีโชติช่วงศรีฉวีเหลือง
ใส่ปีกทองสองข้างค่อยย่างเยื้อง แลชำเลืองดูห้องเห็นของรัก
เครื่องสำอางวางเรียงบนเตียงตั้ง จะจากวังเป็นห่วงให้หน่วงหนัก
ทุกคืนวันคันฉ่องเคยส่องพักตร์ เสียดายนักนึกสะอื้นกลืนนํ้าตา
โอ้เครื่องอานพานที่พระศรีเสวย จะขาดเคยเลยไปไพรพฤกษา
ทั้งเครื่องเล่นเห็นสนุกตุ๊กตา จะลับหน้านึกให้อาลัยลาญ
โอ้แท่นทองพระยี่ภู่ที่ปูลาด เคยไสยาสน์ยามยากจะจากสถาน
เสียดายสุดสมุดเรื่องเบื้องโบราณ เคยฟังอ่านอกเอ๋ยจะเลยไกล
ยิ่งกลืนกลํ้ากำสรดระทดเทวษ นํ้าพระเนตรคลอคลองลงนองไหล
สงสารเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน เคยเคียงใกล้กล่อมขับให้หลับนอน
ตั้งแต่นี้มิได้เห็นจะเย็นเยียบ สงัดเงียบห้องสุวรรณบรรจถรณ์
นางยิ่งนึกตรึกตรายิ่งอาวรณ์ สะอื้นอ้อนอ่อนองค์ลงโศกา ฯ
๏ พระปลอบประโลมโฉมเฉลาเยาวเรศ แม่ดวงเนตรยาจิตขนิษฐา
เคยเชยชมสมบัติอยู่อัตรา ไปชมป่าบ้างเถิดเจ้าอย่าเศร้าใจ
จะเพลิดเพลินเนินพนมร่มระรื่น หวนหอมชื่นช่อดอกออกไสว
กลิ่นตรลบอบทางในกลางไพร ล้วนดอกไม้มาลีมีหลายพรรณ
ทั้งโตรกตรอกซอกหินวารินไหล ไปอาบเล่นเย็นใจเกษมสันต์
นางรับสั่งรั้งราปรึกษากัน พอแสงจันทร์แจ่มฟ้าดาราราย ฯ


[๑] มัสการ = นมัสการ

[๒] กุมภณฑ์ = กุมภัณฑ์

[๓] เสือป่าแมวเซา คือกองหหารที่มีหน้าที่สอดแนมและซุ่มคอยดักตีข้าศึกเพื่อตัดเสบียงอาหาร

[๔] ขาหย่าง = ขาหยั่ง

[๕] อุประมา = อุปมา

[๖] เขนง แปลว่า ภาขนะใส่ดินปืน

[๗] วรรคนี้ต้นฉบับขาด นายหรีด เรืองฤทธิ์ จงแต่งเติมลง

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ