๖๕

เมืองสุรบายา

วันที่ ๑๒ กรกฎาคม

เช้าวันนี้ไม่ได้ไปไหน มัวเอะอะเรื่องตัดเสื้อ เวลาบ่ายไปดูที่ทำกาแฟ ดูเครื่องที่ผึ่งกาแฟให้แห้งด้วยไอร้อน แต่เขาว่าไม่ดีสู้แห้งด้วยแดดไม่ได้ ที่ผึ่งแดดใช้ถือปูนมีหลังคาเปิดปิดได้ แต่ต้องผึ่งถึง ๕ วันจึงจะแห้ง แล้วเข้าเครื่องโม่โม่เปลือกออกฝัดไปด้วยในตัว แล้วไปลงเครื่องคัด ๆ ออกได้ ๔ อย่าง ทำได้วันละ ๒๐ หาบ อย่างกลมราคา ๓๕ กิลเดอ แบนใหญ่ ๗๕ กิลเดอ รองลงมา ๖๕ แล ๕๐ ดื่มแชมเปนให้พรตามแบบ แล้วไปดูเจียรไนเพ็ชร์ การที่ทำเจียรไนเพ็ชร์ดูเหมือนจะทำแต่เปนทีล่อขายเพ็ชร์เท่านั้น ด้วยดูลำบากลำบนมาก เพ็ชร์บอเนียวก็ไม่ใคร่มี จะเอาเพ็ชร์ที่อื่นมาเจียรไนก็เห็นไม่เข้าเรื่อง ทำให้ดูคือเอาเพ็ชร์ที่ร้าวรานมาทุบให้แตกแล้วผสมกับน้ำมัน ๆ นั้นว่าปิดนักไม่ให้ผู้ใดรู้ เพ็ชร์ยาวเกินส่วนเอามาผ่าให้ดู แล้วติดตะกั่วนม ๆ นั้นเผาไฟให้ร้อนเอาเพ็ชร์ติด กดลูบคลำไปทั้งร้อน ๆ เช่นนั้น ดูกันดารมิใช่เล่น แล้วจึงเอาเข้าไปฝนกับแผ่นเหล็ก มีเครื่องจักร์เล็ก ๆ สำหรับหมุน เพ็ชร์เม็ดหนึ่งต้องเจียรไนถึง ๕๘ เหลี่ยม ถ้าเจียรไนอย่างดีเอาติดเข้ากับกระจกไม่ต้องมียางก็อยู่ เพ็ชร์บอเนียวที่เปนรูปรีเพราะรูปเพ็ชร์มักจะเปนเช่นนั้น แลน้ำดีราคาจึงได้มาก กลับมาค่ำแล้วไปกินเข้าที่เรสเตอรองคริมอีก

เวลายามหนึ่งไปที่กาเดนปาตีอย่างวิลันดา ปลูกปรำที่ในสวนริมถนน บรรดาพวกฝรั่งแลเจ๊กที่มั่งมีซื้อติเก็ตเข้าได้ในสวน แต่พวกชวาไม่ยอมให้เข้า มีพวกกรรมการแก่ ๆ เถ้า ๆ หลายคน มีผู้ให้เพลงแตร ๒ ฉบับ แต่งขึ้นสำหรับในการนี้ มีแห่ข้างจีน เรื่องคนขึ้นบนกิ่งเหล็กต่าง ๆ แล้วเดิรในสวนคนเต็มไปหมดทั้งนั้น ตกลงเปนไม่แลเห็นอะไรจนกระทั่งกลับมานั่งที่ปรำนั้นใหม่ มีดอกไม้เพลิงเขาทำดี ๆ พอใช้ ดูจะลงทุนลงรอนกันมาก กลับมาเวลา ๒ ยาม

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ