๕๘

เมืองโซโล

วันที่ ๕ กรกฎาคม

๕ โมงเกือบเที่ยงไปดูตลาดอยู่ใกล้ป้อมตรงกันข้าม เขาอวดว่าตลาดที่ยกยานี้ไม่มีแห่งใดเหมือน เพราะบังคับว่า ถ้าผู้ใดซื้อขายสิ่งอันใดให้อยู่ในโรงเดียวกัน ห้ามไม่ให้ไปนั่งก้าวก่าย การที่ไปเที่ยวนั้นเปนอย่างเจ้านายเสด็จไปเที่ยว เพราะตั้งแต่มาเมืองยกยาเปลี่ยนอิริยาบถจนนึกว่ากลับมาบางกอกได้อิกทีหนึ่ง จะไปไหนแค่คืบก็ต้องขี่รถม้าสี่ มีทหารม้านำน่า ๖ หลัง ๖ โปลิศรายทางมีเจ้าพนักงารวิ่งตาม รถบ้างขี่ม้าตามบ้าง การที่ไปเที่ยวตลาดนี้ไปเต็มเพียบเช่นนั้นเลยเสด็จลงไม่ได้ พอถึงโรงตลาดโรงหนึ่งก็หยุดรถพระที่นั่ง มีคนเข้าไปไล่คนที่มุงอยู่ให้แหวกทาง คนเหล่านั้นก็ออกจากโรงเลิกซื้อเลิกขายมานั่งคุกเข่าถวายบังคมอยู่รอบ เวลาจะออกจากนั้นไปโรงอื่น ต้องไล่คนไห้แหวกทางแล้วจึงเคลื่อนรถพระที่นั่งไปหยุดอิก กว่าจะไปได้แต่ละโรง ๆ ไม่ต่ำกว่า ๕ มินิต มีโรงถึง ๑๗ - ๑๘ โรงกินเวลาเข้าไปเกือบบ่ายโมง ๑ ไม่ได้ซื้อหาอันใด เปนแต่ดูเท่านั้น ตลาดที่เขาจัดดูดีจริงผู้คนแน่นหนามาก แต่ที่เลิกไปเสียบ้างแล้วก็มีเพราะสาย เลยไปที่บ้านอินเยอเนียทำการอิริเกชั่น คือคิดจะขุดแบ่งสายน้ำให้มาลงตามไร่ตามนา ได้ลงมือตรวจการมาจะครบ ๔ ปีแล้ว การที่ทำนั้นใหญ่โตมาก คือจับเอาแม่น้ำโปรโกที่ไหลมาแต่มณฑลกาดู โอบหลังมณฑลยกยาการตะมาลงทเล เพราะเปนแม่น้ำใหญ่น้ำไหลลงทเลเสียเร็ว เขาคิดตั้งทำนบกั้นที่หัวเลี้ยวประมาณครึ่งหนึ่งของลำแม่น้ำ แล้วขุดคลองจับน้ำลงมาเปนสาย ๆ ให้น้ำไหลอาบทั่วแผ่นดินในมณฑลนั้น เปนคลองใหญ่คลองเล็กหลายร้อยคลอง มีทำนบแลท่อรางก่อข้างเขาต่อเขาหลายสิบแห่ง แต่ตัวอย่างที่คิดเขียนทำกว่าร้อยแผ่น ยังในพื้นที่แผ่นดินเหล่านั้น ต้องทำการเซอรเวใหม่ เกือบจะต้องเหยียบย่ำที่แผ่นดินทั่วไปทั้งมณฑล การที่ตรวจนั้น คือตรวจรดับน้ำรดับภูเขาแลพื้นแผ่นดินตรวจหยั่งลงไปในแผ่นดินว่าจะเปนที่แขงที่อ่อนอย่างไร ตรวจที่ปลูกสร้างไว้แล้ว แลที่ยังไม่ได้ปลูกสร้าง ตรวจพืชพรรณที่ควรจะปลูกอย่างไร ๆ ตรวจจำนวนคนที่ควรจะกะเกณฑ์ทำการ ทำงบประมาณว่าที่แผ่นดินที่ทำแล้วอยู่เดี๋ยวนี้ได้ค่าที่ดินเพียงเท่าใด ถ้าทำอิริเกชั่นแล้วจะควรขึ้นตำบลใดเท่าใด การที่จะลงทุนทำมากน้อยเท่าใด จะเก็บเงินได้ปีละมากน้อยเท่าใด จะใช้ทุนได้ปีละเท่าใด กี่ปีจะได้เปนกำไรปีละเท่าใด การที่คิดนั้นอย่างเลอียดที่สุด ทั้งมีจำนวนคนแล้วมีแผนที่แล้วก็ยังใช้ไม่ได้ต้องทำใหม่ทีเดียว เพราะฉนั้นจึงต้องช้ามาถึง ๔ ปี เมื่อทำแผนแลทำประมาณทั้งปวงนี้หมดแล้ว จึงจะได้เสนอคอเวอนเนอเยเนราล ถ้าคอเวอนเนอเยเนราลเห็นชอบแล้วจะต้องส่งไปยังคอเวอนเมนต์ที่นิเทอแลนด์ตรวจอิกชั้นหนึ่ง ถ้าเห็นชอบแล้วจึงจะได้ลงมือทำ การที่จะทำนั้นคงไม่แล้วเร็วกว่า ๔ ปี ข้อซึ่งจะพรรณนาให้ชัดเจนว่าการตรวจตราแลความคิดเปนอย่างไรนั้น คนที่ไม่ได้เปนอินเยอเนียเช่นเราแลไปดูเพียงชั่วโมงเดียวไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ตลอด แต่อย่างไร ๆ เปนที่ชอบใจเราอย่างยิ่ง ดูจนเพลิดเพลินแลไล่เลียงถึงการที่จะทำจนเขาเตือนให้กลับ การที่นี่ผิดกันกับที่ทำมาแล้วในตำบลอื่น ๆ เพราะที่แผ่นดินเปนของสุลต่าน ผลประโยชน์ที่จะเก็บได้จากที่แผ่นดินจะได้แก่สุลต่าน เพราะฉนั้นจึงเกณฑ์ให้สุลต่านเปนผู้ออกเงิน แต่สุลต่านร้องว่าไม่มีเงิน คอเวอนเมนต์วิลันดาจึงจะให้ยืม แล้วเก็บเงินใช้ตามแต่จะผ่อนผันกัน จำนวนเงินที่จะต้องใช้ถึงแปดล้านกิลเดอ เราได้พูดกับสุลต่านฟังดูอาการแกก็เห็นว่าเปนความคิดดี เพราะได้ทำมาหลายแห่งแล้วมีตัวอย่าง แต่อ้ายตัวอย่างข้างไม่ดีก็มี ดูท่าทางเหมือนแกจะกลัวว่าถ้าต้องใช้ที่หนึ่งแล้วจะไม่มีเวลาเลิก ถึงใช้ทุนครบแล้วก็จะต้องใช้ดอกเบี้ยบวกเปนทุนเรื่อยไป ดูท่าทางแกประดักประเดิดใจอยู่บ้าง แต่ข้อซึ่งจะไม่ยอมตกลงนั้นไม่ได้อยู่เอง กลับจากบ้านอินเยอเนียเขาเอารูปศิลาที่ขนมาจากบรัมบานัน มาตั้งให้ดูที่ข้างบ้านแอสสิสตันเรสิเดนต์ แล้วกลับมาโฮเต็ลเวลาบ่ายโมง ๑ พวกชาวร้านเอาของมาขายเปนฝีมือที่ชวาทำ ซื้อบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มีเวลา ยายแก่ ๓ คนมาอีก คราวนี้บอกขอเงินตรง ๆ

(ตอนที่ ๑๒ เสด็จประทับเมืองโซโล)

เวลาบ่าย ๒ โมงครึ่งไปที่สเตชั่น สุลต่านกับรตูแลลูกสาวรตูเก่ารตูใหม่กับเจ้าหญิงอีก ๒ คน ปักกุอาลำปเงรันอธิปติ ๒ คน กับเจ้านายในพวกสุลต่าน แลพวกปักกุอาลำมาส่งพร้อมกันหมดหลายสิบคน เรสิเดนต์กับเมียนายทหารกับเมียแลข้าหลวงผู้น้อยกับงูน้ำเงิน แลพวกปตินายโกก็มา เมื่อลาสั่งเสียกันแล้ว รถไฟออกเวลา ๒ โมง ๔๕ มาตามทางก็มีเขาแลทุ่งว่างเปนช่อง ๆ เหมือนอย่างเช่นตอนเข้ามาในยกยา ดูในเขตรแขวงยกยามีผู้คนบริบูรณ์จนตลอด เมื่อเข้าแดนสุรการตะแล้วมีไร่อ้อยแลโรงหีบมากขึ้น มีทางที่ต้องผ่านถ้ำ ๓ แห่งยาว ๆ เหมือนตอนสุขภูมิมาจันยอบ้าง ยาวกว่านั้นบ้าง เมื่อใกล้จะถึงบ้านเรือนแน่นหนา ดูตอนข้างตวันออกนี้ภูมิพื้นที่เพาะปลูกดีกว่าข้างตวันตก ผู้คนก็แน่นหนากว่า ถึงโซโลไม่ทันรู้ตัวเพราะทางไปไม่ถึง ๒ ชั่วโมง เรสิเดนต์แลแอสสิสตันเรสิเดนต์สิเกรตารีล่ามหลวงคอนโทรเลอ ฝ่ายข้างสุสุนันนั้น ปเงรันประบูวิยาหยากัปปเงรันอริโยมตารำ ผู้แทนมังกุโนโกโร ๒ คน รเด่นอธิปติ ซึ่งจะเรียกว่างูสีน้ำตาล ด้วยเรื่องเข็มขัดเหมือนกัน ปเงรันกับรเด่นมาส ๔ คนแต่งยุนิฟอม รเด่นอธิปติ แต่งตัวเสื้อปักใส่โกลุก สุสุนันส่งรถมารับเปนรถตู้มีมงกุฎอยู่บนหลังอย่างสะเตตโคชสารถีใช้ขี่ม้ามีทหารมาแห่น่าหลัง ทางที่ไปนั้นต้องเข้าไปที่เขตรแดนของมังกุโนโกโรตามทางมีซุ้มใบไม้ใหญ่ ๒ ซุ้ม ดูบ้านเรือนแน่นหนาสนุกสนานกว่าที่ยกยา แต่เปนตึกแถวเจ๊กแลแขกมากกว่าบ้านฝรั่ง ที่ยกยามีตึกโต ๆ แต่เรือนโรงแถวน้อยกว่า ทางที่เข้าไปตั้งแต่สเตชันพอพ้นเขตรมังกุโนโกโรเข้าเขตรสุสุนันปันกันด้วยคลอง ต้องไปผ่านน่ากราตนแล้วจึงเลี้ยวถนนตรงไปข้างสระโบราณ ไม่สู้ห่างกราตนนักถึงโฮเต็ลซิลเบีย เปนโฮเต็ล ๒ ชั้นซึ่งคอเวอนเนอเยเนราลคนนี้เมื่อยังเปนแอสสิสตันเรสิเดนต์อยู่ที่นี่ได้อยู่ ประตูเข้า ๒ ประตูมีซุ้มใบไม้ใหญ่ แต่งโฮเต็ลเองประดับด้วยใบไม้แลคนต้อนรับอยู่ข้างจะครึกครนมาก คนดูแน่นเต็มไปจนเกือบจะไม่มีหนทาง ตาม ๒ ข้างทางมีโรงพิณพาทย์แลปักธงตลอด รถเดิรช้า ๆ กว่าจะไปถึง พวกที่เขาลงไปรับที่ท่ารถไฟมาคอยรับที่โฮเต็ลได้อิกครั้ง ๑ เว้นไว้แต่เรสิเดนต์ิไปเกิดความรถล่มหรือรถหักโดดลงมาเลยกลับไปบ้าน เวลาที่มาถึงเย็นมากในโฮเต็ลมืดแล้ว พอตกบ่ายหรือเช้าห้องรับแขกเกือบแลเห็นกันเปนเงา ๆ ห้องที่อยู่ก็ไม่สบายร้อนจัด เตียงนอนก็เปนของข้างจีนเขาจัดมาให้โตโป้งโล้งแลมีเพดานทุ้งขึ้นไปสูง การที่จะไล่ยุงนั้นเปนพ้นวิสัยข้างบนก็มีคนอยู่เสียงเดิรกุบ ๆ กับ ๆ แต่มักจะเปนในเวลากินเข้าทุก ๆ เวลา เรื่องจัดห้องไม่ใคร่จะเปนที่เรียบร้อยได้ จนตกพลบแล้วจึงได้ไปเที่ยว ไปแต่กับแอสสิสตันเรสิเดนต์คนเดียวเท่านั้น เพราะคนอื่นเขายังไม่พรักพร้อม เวลาเย็นนี้เปลี่ยนรถเปนรถโถง ไปถนนรอบกราตนจนออกท้องทุ่ง ดูบ้านเรือนผู้คนแน่นหนาแต่เปนเรือนไม้ปลูกลึก ๆ เข้าไปอยู่ในใต้ต้นไม้ชุมกั้นรั้วโดยมาก ไปจนถึงกำพงจีนะข้างท้ายเมืองแล้วจึงกลับมาโฮเต็ล แอสสิสตันเรสิเดนต์คนนี้เขานับถือกันว่าเปนคนพูดอังกฤษดีกว่าคนในเมืองนี้ แต่อยู่ข้างขัดข้องมากไล่เลียงข้อความไม่ใคร่จะได้สดวกเหมือนที่ยกยา อิกอย่างหนึ่งดูเหมือนจะไม่ใคร่สันทัดในเรื่องราวเดิมมากนักได้แต่การประจุบันมาก เขาว่าเรสิเดนต์ไม่ใคร่จะได้อยู่ไปอยู่เสียที่เขาโซโลซึ่งเปนที่พักของสุสุนัน มอบการในเมืองโซโลให้เขาทำ เพราะเขาเปนคนคุ้นเคยกับสุสุนันมาแต่ยังเปนประบูอนุม สุสุนันยอมรับเหมือนเรสิเดนต์ เล่าถึงเรื่องสุสุนันที่ตายว่าเปนคนที่ถือตัวว่าเปนใหญ่มาก มีสมุดรูปบรรดาเจ้าแผ่นดินในยุโรปเล่ม ๑ ใส่รูปตัวไว้ข้างต้นแลมีกิริยาหยาบคายต่าง ๆ คล้ายกับที่เรสิเดนต์บันโยมาสเล่า แต่ว่าสุสุนันคนนี้ดีกว่าแต่ก่อนมาก มีเสียอยู่อย่างหนึ่งแต่ที่ใจคอเหมือนเด็ก ๆ นึกจะทำอะไรไม่คิดน่าคิดหลังแลรักตราเหลือประมาณ มีสมุดรูปตราเล่มหนึ่งเรียนจนเข้าใจ อยากได้ตรานั้นเปนกำลัง เขาว่าถ้าเราให้ตราแล้วจะยินดีเปนที่สุด ได้เคยเข้าโรงเรียนวิลันดาครั้งหนึ่งเมื่อยังเด็ก ๆ แล้วละเว้นเสียไม่ได้เรียนอิกต่อไป เดี๋ยวนี้ให้ลูกเข้าเรียน แต่เมียที่แต่งงารซึ่งเปนลูกมังกุโนโกโรคนเก่า แต่งงารกันมาได้ ๗ ปีแล้วยังไม่มีลูก รตูเมียพ่ออายุรุ่นเดียวกันกับสุสุนัน ยังออกรับแขกรับเหลื่ออยู่แต่เดิรหลังรตูเมีย ถามถึงวิธีที่เก็บเงินจากพลเมือง ก็บอกรัว ๆ อยู่ในไม่รู้ว่าเขาเก็บกันอย่างไรแน่ แต่ว่ารวมเบ็ดเสร็จสุสุนันได้อยู่ใน ๔ ล้านกิลเดอ บางทีจะไม่จริงเพราะบอกว่าไม่รู้แน่เปนแต่ประมาณ คิดดูจำนวนคนที่ว่ามีในโซโลแสนคน มากกว่ายกยา ๒๐๐๐๐ คน ไม่พอที่จะได้ถึง ๔ ล้าน ยังจะแบ่งเปนของผู้อื่น มีมังกุโนโกโรเปนต้นเสียอีก แลสุสุนันก็ดีมังกุโนโกโรก็ดียังเปนหนี้วิลันดา ทำนองว่านั้นอย่างเปนหนี้ให้ยืมเงิน มังกุโนโกโรมีการทำมาหากินคือทำไร่อ้อย แต่สุสุนันไม่ได้ทำอันใด ถามเขาว่าใช้อะไรเงินเปน ๔ ล้านจึงได้หมดไม่พอใช้ เขาว่าการใช้สอยคงจะมาก เพราะแต่คนที่อยู่ในกราตนถึง ๑๐๐๐๐ ใช่ว่าแกต้องเลี้ยงหมดจริงอยู่แลแต่เงินคงจะได้น้อยกว่าที่ประมาณ เห็นว่าจะเปนตัวเงินได้ไม่พอใช้จริง ๆ ฟังดูตามพวกปเงรันที่ได้ผลประโยชน์ก็อยู่ใน ๒๐๐ กิลเดอ เปนอัตรา พวกรเด่นมาศอย่างมากก็เพียง ๓๐๐ หรือ ๑๕๐ ถ้าพวกปันหยีเพียง ๒๕ กิลเดอเท่านั้น ถามถึงการเที่ยวไปมาของสุสุนันว่าจะไปไหนก็ไปได้ในแขวงโซโล ชอบออกมาเที่ยวบ่อย ๆ แต่มักจะมาเวลากลางคน เรานึกว่าบางทีจะได้พบ เพราะเขาว่าตั้งแต่รู้ว่าเรามาก็มีความปราถนายิ่งนักที่ใคร่เห็นและอยากพบ ว่าเมื่อคราวพ่อก็อยากให้เราไปนักเหมือนกัน ได้แต่งให้ประบูยาหยาลูกชายใหญ่แลอริโยมตารำลูกคนรองลงไปรับ เราไม่ได้มาเปนที่เสียใจ ครั้งนี้สุสุนันจึงได้พอใจมาก สุสุนันนี้เปนลูกรตูซึ่งมีคนเดียวแลเปนคนขี้โรคบอบแบบไม่แขงแรง จนกลับมาถึงโฮเต็ลแล้วก็ยังไม่ได้พบ เข้าใจว่าแกจะกลัวเสียพระเกียรติยศจึงไม่ออกมาดู แต่ครั้นเมื่อกินเข้าแล้วเราออกไปเดิรอยู่ที่เฉลียงน่าโฮเต็ล เห็นพวกขุนนางที่ใส่โกลุกมายืนอยู่ที่น่าโฮเต็ลประมาณสัก ๙ คน ๑๐ คน ประเดี๋ยวหายไป ๒ คนประเดี๋ยวกลับมา ๒ คนหลายเที่ยว บางทีเดิรผ่านน่ากันก็ก้ม ๆ ย่อ ๆ ยกมือไหว้ จะเปนเจ้าหรือไพร่ใครก็ไม่รู้ พอกลับเข้ามานั่งเก้าอี้โล้ เขาร้องเอะอะกันว่าสุสุนันมามีทหารแห่น่ามารถสะเตต เดิมมาจอดอยู่ตรงน่าโฮเต็ล เปนรถหลังเดียวกับที่เราขึ้นมามีโคมน่าคู่ ๑ หลังคู่ ๑ พอเห็นเราเดิรออกไปก็เลื่อนรถไปจอดที่มุมโฮเต็ล สักครู่หนึ่งก็เลยไป มีรถข้างในตามมา ๓ รถ ท้ายรถมีไต้น่าช้างดวงใหญ่คนถือยืนมาตรงที่ ๆ สำหรับฟุดแมน ขับช้า ๆ แลเห็นตัวผู้หญิงถนัด แล้วมีรถอื่นตามอิกสัก ๔ - ๕ รถ ดูแกก็กล้าเล่นพอใช้ นึกจะใคร่ให้ไปลองเชิญเข้ามาแกจะทำท่าอย่างไร แต่เวลานั้นไม่มีพวกวิลันดาอยู่ กลัวเขาจะว่าข้ามหน้าข้ามตาไปจึงได้นิ่งเสีย นั่งคอยดูอยู่อิกครู่หนึ่งเห็นหายไป การที่มานั้นเปนด้วยเปนคนหนุ่มใจเร็ว แลเขาจะลือกันว่าตกแต่งโฮเต็ลสนุกสนานแลผู้คนแน่นหนา ก็จะมาดูเล่นให้ทันใจเท่านั้น นอนไม่ใคร่จะหลับยุงกัดเหมือนอยู่กลางนา มุ้งผ้าโปร่งยุงเข้าไปติดอยู่ตามช่องออกดำไป พอเคลิ้ม ๆ คันไปทั้งตัว ต้องลุกขึ้นออกไปเดิรให้เขาปัดมุ้งใหม่ พบหนังสือพิมพ์หยิบขึ้นอ่านก็เปนหนังสือวิลันดา แต่พเอิญถูกโปรแกรมการรับรองที่รู้เค้าอยู่บ้าง อ่านพอเข้าใจได้ราง ๆ ได้นอนหลับต่อจวนสว่าง

ได้ความว่าพวกขุนนางชวาที่มานั่งอยู่ตามน่าโฮเต็ลนั้น อยู่ประจำคืนยังรุ่งทุก ๆ วัน ๆ ละ ๑๖ คน เห็นจะเปนการกะเกณฑ์ให้มานั่งประจำรักษา แต่ ๒ คนที่ถอยออกไปนั้นไปบอกสุสุนัน ที่มารออยู่กลางทางแห่งใดแห่งหนึ่งประเดี๋ยวรถก็มา คนที่มาดูอยู่น่าโฮเต็ลตั้งแต่แรกมาถึงจนกระทั่งยามหนึ่งยังเต็มแน่นไม่ได้มีระหว่างว่าง นี่หากว่าเคยให้คนดูมาแต่บัตเตเวียแล้วจึงด้านเฉย ๆ ไป จะนั่งอยู่แต่ข้างในโฮเต็ลก็ทนอึดออไม่ได้ ต้องออกมานั่งอยู่ที่เฉลียงข้างน่าให้เจ้าหล่อนดูเล่นให้สบาย เราก็เราเขาก็เขา จะทำอะไรก็ทำเรื่อยไปไม่ต้องกระดากกระเดื่องกัน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ