๘๕. ผลประโยชน์แผ่นดิน

ภาษีอากรที่เก็บในรัชกาลที่ ๒ คือ ค่านาอย่าง ๑ อากรสวนอย่าง ๑ อากรบ่อนเบี้ยอย่าง ๑ ภาษีด่านขนอนอย่าง ๑ อากรตลาดอย่าง ๑ ภาษีสินค้าเข้าออกอย่าง ๑ ค่าราชการอย่าง ๑ จำนวนเงินภาษีอากรทั้งปวงนี้ ที่ได้ปี ๑ ไม่ใคร่พอจับจ่ายใช้สอยในราชการ ต้องแต่งสำเภาไปค้าขายหากำไรเพิ่มเติม ครั้งนั้นมีเรือกำปั่นหลวง ๒ ลำ ชื่อเรือมาลาพระนครลำ ๑ เรือเหราข้ามสมุทลำ ๑ แต่งไปค้าขายถึงอินเดียบ้าง ไปเพียงเกาะหมากบ้าง เมืองสิงคโปร์บ้าง เมืองหมาเก๊าบ้าง เจ้านายแลข้าราชการที่มีทุนทรัพย์ต่างก็ต่อกำปั่นไปเที่ยวค้าขาย เงินหลวงที่ได้ในปี ๑ ๆ บางปีก็พอเบี้ยหวัด บางปีก็ไม่ได้พอ ต้องลดอัตราเบี้ยหวัดลง บางปีสามส่วนลดส่วนหนึ่งบ้าง บางปีต้องลดถึงกึ่งหนึ่งบ้าง บางปีก็พระราชทานผ้าลายแจกเพิ่มเติมในเบี้ยหวัดบ้าง[๑]

ความปรากฎในใบบอกของครอเฟิด ว่าได้สืบสวนเรื่องผลประโยชน์แผ่นดิน ได้ความว่าปีหนึ่งจำนวนผลประโยชน์แผ่นดินที่ได้ ดังนี้:-

ค่านา ๒๕๘,๐๐๐ บาท
อากรสุรา ๒๖๔,๐๐๐ บาท
อากรบ่อนเบี้ย ๒๖๐,๐๐๐ บาท
อากรตลาด ๑๖๕,๐๐๐ บาท
ค่าน้ำ ๖๔,๐๐๐ บาท
ผูกปี้จีน (บางทีจะรวมทั้งค่าราชการ) ๒๐๐,๐๐๐ บาท
กำไรอากรรังนก ๑๐๐,๐๐๐ บาท
กำไรขายฝาง (หาบละบาท ๕๐ สตางค์) ๒๒๕,๐๐๐ บาท
กำไรขายดีบุก (หาบละ ๑๕ บาท) ๖๐,๐๐๐ บาท
กำไรอากรพริกไทย ๓๒๐,๐๐๐ บาท
กำไรขายของอย่างอื่นในพระคลังสินค้า ๑๑๐,๐๐๐ บาท
ภาษีขาเข้าแลกำไรในการค้าขายนอกจากพระคลังสินค้าขาย ๒๐๐,๐๐๐ บาท
รวมผลประโยชน์แผ่นดินที่ได้ปีหนึ่ง ๒,๒๒๖,๐๐๐ บาท

ครอเฟิดว่าสมกับที่เจ้าพระยาทิพากรวงษ์กล่าวข้อ ๑ ว่าสืบได้ความว่าเพราะการใช้จ่ายมาก เงินที่เหลือคงพระคลังมีน้อย มีเงินคงพระคลังในคราว ๑ ไม่ใคร่เกินกว่า ๑๖๐,๐๐๐ บาท[๒]



[๑] ความที่กล่าวมานี้ ว่าตามที่จดไว้ในพระราชพงษาวดาร ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงษ์

[๒] การที่ครอเฟิดสืบนั้น คงสืบจากพวกพ่อค้า บาญชีที่ได้จะเอาเปนแน่หรือใกล้ทีเดียว ยังเชื่อเปนแน่ไม่ได้ แต่ที่ว่าผลประโยชน์แผ่นดินได้น้อยนั้น เปนความจริง แต่ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์แผ่นดินมีน้อยอย่างเดียว ที่จริงเปนเพราะผลประโยชน์แผ่นดินตกเรี่ยเสียหายเสียมากด้วย ด้วยในครั้งนั้นเจ้าแลขุนนางผู้ใหญ่ ต่างมีสมพลบ่าวไพร่คนละมาก ๆ ต่างป้องกันประโยชน์ผู้คนของตน แผ่นดินจึงเสียเปรียบ อนึ่งเรี่องแจกเบี้ยหวัดนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายว่า ไม่ใช่ผลประโยชน์ที่ได้ตามตำแหน่งน่าที่ในราชการอย่างได้พระราชทานเงินเดือนกันทุกวันนี้ เพราะในครั้งนั้นบรรดาผู้ที่มียศแลตำแหน่งมีทางได้ผลประโยชน์ประจำตำแหน่ง เช่นได้ค่าธรรมเนียม แลได้จากการที่มีสมพลบ่าวไพร่เปนผลประโยชน์ที่ได้ในทางราชการประจำตำแหน่ง ส่วนเบี้ยหวัดนั้น เปนเงินพระราชทานเปนบำเหน็จ ส่วนที่มาปฏิบัติราชการสนองพระเดชพระคุณเฉภาะพระองค์ ข้าพเจ้าเคยได้สดับมาดังนี้

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ